1
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
หนวยการเรียนรู
เรื่อง แรงและความดัน
รายวิชาวิทยาศาสตร รหัสวิชา ว 15101
กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ 5
โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ สังกัด สพป.ชัยภูมิ เขต 1
ภาคเรียนที่ 2/2559 เวลา 23 ชั่วโมง
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ตําแหนงครู คศ.1
1. ชื่อหนวยการเรียนรู เรื่อง แรงและความดัน
2. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู
มาตรฐาน ว 4.1 เขาใจธรรมชาติของแรงแมเหล็กไฟฟา แรงโนมถวง และแรงนิวเคลียร
มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใช
ประโยชนอยางถูกตองและมีคุณธรรม
ตัวชี้วัด
ว 4.1 ป.5/1 ทดลองและอธิบายการหาแรงลัพธของแรงสองแรงซึ่งอยูในแนวเดียวกัน
ที่กระทําตอวัตถุ
ว 4.1 ป.5/2 ทดลองและอธิบายความดันอากาศ
ว 4.1 ป.5/3 ทดลองและอธิบายความดันของของเหลว
ว 4.1 ป.5/4 ทดลองและอธิบายแรงพยุงของของเหลว การลอยตัวและการจมของวัตถุ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
มาตรฐานการเรียนรู
มาตรฐาน ว 4.2 เขาใจลักษณะการเคลื่อนที่แบบตาง ๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการสืบ
เสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใช
ประโยชน
ตัวชี้วัด
ว 4.2 ป.5/1 ทดลองและอธิบายแรงเสียดทานและนําความรูไปใชประโยชน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
มาตรฐานการเรียนรู
มาตรฐาน ว 8.1 ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรและจิตวิทยาศาสตรในการสืบเสาะหาความรู
การแกปญหา รูวาปรากฏการณทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นสวนใหญมีรูปแบบที่
แนนอน สามารถอธิบายและตรวจสอบไดภายใตขอมูลและเครื่องมือที่มีอยูใน
ชวงเวลานั้น ๆ เขาใจวาวิทยาศาสตร เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอม
มีความเกี่ยวของสัมพันธกัน
ตัวชี้วัด
ว 8.1 ป.5/1 ตั้งคําถามเกี่ยวกับประเด็น หรือเรื่อง หรือสถานการณที่จะศึกษา ตามที่
2
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กําหนดใหและตามความสนใจ
ว 8.1 ป.5/2 วางแผนการสังเกต เสนอการสํารวจตรวจสอบ หรือศึกษาคนควา
และคาดการณสิ่งที่จะพบจากการสํารวจตรวจสอบ
ว 8.1 ป.5/3 เลือกอุปกรณที่ถูกตองเหมาะสมในการสํารวจตรวจสอบใหไดขอมูล
ที่เชื่อถือได
ว 8.1 ป.5/4 บันทึกขอมูลในเชิงปริมาณและคุณภาพ และตรวจสอบผลกับสิ่งที่คาดการณไว
นําเสนอผลและขอสรุป
ว 8.1 ป.5/5 สรางคําถามใหมเพื่อการสํารวจตรวจสอบตอไป
ว 8.1 ป.5/6 แสดงความคิดเห็นอยางอิสระ อธิบาย และสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู
ว 8.1 ป.5/7 บันทึกและอธิบายผลการสํารวจตรวจสอบตามความเปนจริง มีการอางอิง
ว 8.1 ป.5/8 นําเสนอ จัดแสดงผลงาน โดยอธิบายดวยวาจา หรือเขียนอธิบายแสดง
กระบวนการและผลของงานใหผูอื่นเขาใจ
3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด
แรง หมายถึง สิ่งที่ทําใหวัตถุเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ หรือการเปลี่ยนแปลงรูปทรงจากเดิม
ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่เร็วขึ้น หรือเคลื่อนที่ชาลง หรือหยุดการเคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนทิศทาง
การเคลื่อนที่
แรงที่กระทําตอวัตถุและแรงลัพธ
- ออกแรงกระทําตอวัตถุ 1 แรง วัตถุจะเคลื่อนที่ไปในทิศเดียวกับแรงกระทํา
- ออกแรงกระทําตอวัตถุ 2 แรง ในทิศเดียวกัน แรงลัพธ คือ ผลรวมของแรง
วัตถุจะเคลื่อนที่ไปในทิศเดียวกับแรงกระทํา
- ออกแรงกระทําตอวัตถุ 2 แรง ในทิศตรงกันขาม แรงลัพธ คือ ผลหักลางของแรง
วัตถุจะเคลื่อนที่ไปในทิศเดียวกับแรงกระทําที่มีขนาดมากกวา หรือไมเคลื่อนที่เมื่อแรงที่กระทํา
ทั้งสองมีขนาดเทากัน
แรง 1 นิวตัน แรง 1 นิวตัน
แรง 1 นิวตัน
แรง 1 นิวตัน
แรง 1 นิวตัน
3
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
แรงเสียดทาน คือ แรงตานการเคลื่อนที่ของวัตถุ มีทิศทางตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ
แรงเสียดทานทําใหวัตถุที่กําลังเคลื่อนที่เคลื่อนที่ชาลง หรือหยุดการเคลื่อนที่
ปจจัยที่มีผลตอแรงเสียดทาน ไดแก น้ําหนักหรือแรงกดของวัตถุที่กระทําลงบนพื้น
โดยน้ําหนักมากจะมีแรงเสียดทานมาก และลักษณะพื้นผิวสัมผัส โดยพื้นผิวสัมผัสเรียบ
จะมีแรงเสียดทานนอยกวาพื้นผิวสัมผัสที่ขรุขระ
แรงดันอากาศ หมายถึง แรงที่อากาศกดลงบนผิวของวัตถุทุกทิศทาง
ความดันอากาศ หมายถึง คาของแรงดันอากาศตอหนึ่งหนวยพื้นที่ที่รองรับแรงดัน
มีหนวยเปนนิวตันตอตารางเมตร
ปจจัยที่มีผลตอความดัน ไดแก ขนาดของแรงที่กระทํา (น้ําหนักของวัตถุ) และพื้นที่ที่ถูกแรง
กระทํา (พื้นที่ที่ถูกกดทับดวยวัตถุ)
ความดันของของเหลว หมายถึง แรงที่ของเหลวกระทําตั้งฉากตอหนึ่งหนวยพื้นที่
โดยของเหลวจะมีแรงกระทําตอวัตถุทุกทิศทาง
ปจจัยที่มีผลตอความดันของของเหลว ไดแก ความลึกของของเหลว และความหนาแนนของ
ของเหลว การนําความรูเรื่องความดันของของเหลวไปใชประโยชน เชน การขุดสระ
การสรางเขื่อน โดยนําความรูไปใชในการออกแบบกนสระเพื่อรับแรงดันของน้ํา
แรงลอยตัว หมายถึง แรงที่ชวยพยุงใหวัตถุไมจมลงในของเหลว โดยแรงลอยตัวจะกระทํากับ
วัตถุในทิศตรงขามกับแรงเนื่องจากน้ําหนักของวัตถุ
ปจจัยที่มีผลตอการลอยและการจม
- ความหนาแนนของวัตถุ
 วัตถุมีความหนาแนนนอยกวาของเหลว วัตถุจะลอยในของเหลว
 วัตถุมีความหนาแนนเทากับของเหลว วัตถุจะลอยปริ่มของเหลว
 วัตถุมีความหนาแนนมากกวาของเหลว วัตถุจะจมในของเหลว
- ความหนาแนนของของเหลว
 ของเหลวที่มีความหนาแนนมาก จะมีแรงลอยตัวมาก
 ของเหลวที่มีความหนาแนนนอย จะมีแรงลอยตัวนอย
4. สาระการเรียนรู
4.1 สาระการเรียนรูแกนกลาง
4.1.1 แรงลัพธของแรงสองแรงที่กระทาตอวัตถุโดยแรงทั้งสองอยูในแนวเดียวกัน
เทากับผลรวมของแรงทั้งสองนั้น
4.1.2 อากาศมีแรงกระทาตอวัตถุ แรงที่อากาศกระทาตั้งฉากตอหนึ่งหนวยพื้นที่ เรียกวา
ความดันอากาศ
4.1.3 ของเหลวมีแรงกระทาตอวัตถุทุกทิศทางแรงที่ของเหลวกระทาตั้งฉากตอหนึ่งหนวย
พื้นที่ เรียกวา ความดันของของเหลวซึ่งมีความสัมพันธกับความลึก
4
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
4.1.4 ของเหลวมีแรงพยุงกระทาตอวัตถุที่ลอยหรือจมในของเหลว การจมหรือการ
ลอยตัวของวัตถุขึ้นอยูกับนาหนักของวัตถุ และแรงพยุงของของเหลวนั้น
4.1.5 แรงเสียดทานเปนแรงตานการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทาน มีประโยชน
เชน ในการเดินตองอาศัยแรงเสียดทาน
5. สมรรถนะสําคัญของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
- การอธิบาย การเขียน การพูดหนาชั้นเรียน
2. ความสามารถในการคิด
2.1 ทักษะทั่วไป
- การสังเกต การสํารวจ การคิดวิเคราะห การเปรียบเทียบ การจําแนกประเภท
การจัดระบบความคิดเปนแผนภาพ การสรางคําอธิบาย การอภิปราย
การสื่อความหมาย
2.2 ทักษะเฉพาะ
- การออกแบบและประดิษฐ การทํากิจกรรมทดลองโดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร
การสืบคนโดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร
3. ความสามารถในการแกปญหา
- การแกปญหาขณะปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง
- การแกปญหาขณะปฏิบัติการออกแบบและประดิษฐสิ่งประดิษฐ
4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
- กระบวนการกลุม
- การแสวงหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบและประดิษฐสิ่งของที่อาศัยหลักของ
แรงดันของอากาศได
- การแสวงหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชนของพลังงานลมมาใชประโยชนใน
ชีวิตประจําวัน
5. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี
- การเลือกและใชเทคโนโลยี ในดานการเรียนรู การสื่อสาร การทํางาน การแกปญหา
อยางสรางสรรค
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค
ใฝเรียนรู
ตัวชี้วัดที่ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขารวมกิจกรรมการเรียนรู
ตัวชี้วัดที่ 4.2 แสวงหาความรูจากแหลงเรียนรูตางๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน
ดวยการเลือกใชสื่ออยางเหมาะสม บันทึกความรู วิเคราะห สรุปเปนองค
ความรู แลกเปลี่ยนเรียนรู และนําไปใชในชีวิตประจําวันได
มุงมั่นในการทํางาน
ตัวชี้วัดที่ 6.1 ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหนาที่การงาน
ตัวชี้วัดที่ 6.2 ทํางานดวยความเพียรพยายาม และอดทนเพื่อใหงานสําเร็จตามเปาหมาย
5
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
7. ชิ้นงาน/ภาระงาน
7.1 ประดิษฐสะพานไมไอศกรีม
7.2 ประดิษฐจรวดขวดน้ํา
7.3 ประดิษฐเรือดําน้ํา
7.4 ประดิษฐเรือเรือไฟฟา
7.5 ใบบันทึกการทํากิจกรรม
7.6 PowerPoint นําเสนอผลงานการประดิษฐชิ้นงานตางๆของนักเรียนแตละกลุม
7.7 แผนพับ/ใบสรุปความรูการนําเสนอผลงานการประดิษฐชิ้นงานตางๆของนักเรียนแตละ
กลุม
8. สื่อการเรียนรู/แหลงเรียนรู
8.1 หนังสือการตูนประวัติวิทยาศาสตร (ที่สรางขึ้นเอง) ดังนี้
8.1.1 หนังสือการตูน อริสโตเติล
8.1.2 หนังสือการตูน กาลิเลโอ
8.1.3 หนังสือการตูน นิโคลัส โคเปอรนิคัส
8.1.4 หนังสือการตูน เทอรริเชลลี
8.1.5 หนังสือการตูน อารคีมิดิส
8.1.6 หนังสือการตูน เกอรริค
8.1.7 หนังสือการตูน โรเบิรต บอลย
8.1.8 หนังสือการตูน หลุยส ปาสคาล
8.2 วิดิทัศนเรื่อง ความดันอากาศ
8.3 วิดิทัศนเรื่อง ความดันของของเหลว
8.4 อุปกรณจัดกิจกรรม
8.4.1 กิจกรรม : การเคลื่อนที่ของอริสโตเติล เวลา 2 ชั่วโมง
- ลูกแกว 2 ขนาด
- กอนหินขนาดเล็ก
- กอนหินขนาดใหญ
- นาฬิกาจับเวลา
- ตลับเมตร
- ตาชั่ง
- ขนนก
- ลูกเหล็ก
- กระดาษเอสี่ 2 แผน
- ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง ทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอริสโตเติล
- ใบกิจกรรมที่ 2 การทดลองปลอยกอนหินขนาดเล็กและกอนหินขนาดใหญ
- ใบกิจกรรมที่ 3 การทดลองปลอยขนนกกับลูกเหล็ก
- ใบกิจกรรมที่ 4 การทดลองปลอยกระดาษเอสี่ สองรูปแบบ
6
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
8.4.2 กิจกรรม : การเคลื่อนที่ของกาลิเลโอ เวลา 2 ชั่วโมง
- ดินน้ํามันกอนใหญ 1 กิโลกรัม 2 กอน
- เครื่องชั่ง
- นาฬิกาจับเวลา
- ตลับเมตร
- รางไม 2 อันที่รองดวยกระดาษทราย
- รางไม 2 อันที่เรียบลื่น
- ลูกแกว 1 ลูก
- ใบกิจกรรมที่ 2 การทดลองปลอยวัตถุที่มีมวลตางกันเปนสองเทา
- ใบกิจกรรมที่ 3 กิจกรรมการทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุบนพื้นเอียง
8.4.3 กิจกรรม : ผลลัพธของแรงหลายแรงที่กระทําตอวัตถุ(ประดิษฐสะพานไม
ไอศกรีม) ( 4 ชั่วโมง)
- กอนหิน
- ตาชั่งสปริง
- เชือก
- ถึงหูหิ้ว
- ไมไอศกรีม
- เสนเอ็น
- กาวรอนญี่ปุน
- กาวแทง
- ปนกาว
8.4.4 กิจกรรม : หลักของอารคีเมดิส เวลา 2 ชั่วโมง
- อางน้ําทรงสี่เหลี่ยม แบบใส
- ลูกปงปอง ลูกเทินนิส ลูกบอลยางขนาดเล็ก
- กอนไมทรงลูกบาศก
- กอนหิน
- ดินน้ํามัน
- เครื่องชั่งสปริง
- ตาชั่ง
- ถวยยูเรกา
- บีกเกอร ขนาด 1,000 ml.
- บีกเกอร ขนาด 250 ml.
- บีกเกอร ขนาด 50 ml.
- กระบอกตวง
- น้ําเปลา
7
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- เชือก
- ใบกิจกรรมที่ 1 ประวัติหลักของอารคีเมดิส
- ใบกิจกรรมที่ 2 กิจกรรมการทดลองหาปริมาตรของวัตถุ
- ใบกิจกรรมที่ 3 กิจกรรมการทดลองหาแรงลอยตัว
- ใบกิจกรรมที่ 4 หาแรงลอยตัว
8.4.5 กิจกรรม : ความดันในของเหลว เวลา 2 ชั่วโมง
- ขวดน้ํา
- ที่เจาะรู
- ลูกโปง
- เทปกาว
- ไมปลายแหลม
- ขวดพลาสติก
- สีผสมอาหาร
- ภาชนะรองน้ํา
- ใบกิจกรรมที่ 1 ประวัติความดันของของเหลว
- ใบกิจกรรมที่ 2 กิจกรรมการทดลองความดันในของเหลว
8.4.6 กิจกรรม : การลอยและการจมของวัตถุ เวลา 2 ชั่วโมง
- ขวดน้ําดื่มพลาสติกสี่เหลี่ยมขนาดความจุ 500 ลูกบาศกเซนติเมตร
- ใบมีด
- กระดาษกันน้ํา
- อางใสน้ํา
- กอนหิน
- ขวดน้ําดื่มพลาสติกขนาดความจุ 2,000 ลูกบาศกเซนติเมตร
- หลอดดูดชนิดงอได
- เทปกาวยน
- ดินน้ํามัน
- กระดาษฟอยล
8.4.7 กิจกรรม : ประดิษฐเรือเรือไฟฟาขนสงสินคาเวลา 2 ชั่วโมง
- ไมอัด
- โฟมหนา 1-2 นิ้ว
- แผนฟวเจอรบอรด
- ไมบรรทัด
- กรรไกร
- คัตเตอร
8
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- มอเตอรไฟฟากระแสตรง
- ใบพัด
- ไมไอศกรีม
- ถานไฟฉาย AA
- รางใสถานไฟฉาย
- หัวหนีบปากจระเขแดง-ดํา 2 เสน
- แลคซีน/เทปใส
- แทงกาวรอน
- ปนกาว
8.4.8 กิจกรรม : ความดันในอากาศ เวลา 2 ชั่วโมง
- ไมดันทอ
- วิดิทัศนการทดลองและคนพบสุญญากาศ
- วิดิทัศนการทดลองความดันอากาศ
- ใบกิจกรรมที่ 1 ประวัติความดันอากาศ
- ใบกิจกรรมที่ 2 สุญญากาศมหัศจรรย
- ใบกิจกรรมที่ 3 วัดความดันอากาศ
8.4.9 กิจกรรม : ประดิษฐจรวดขวดน้ํา เวลา 3 ชั่วโมง
- ขวดน้ําอัดลมแบบพลาสติก 2 ขวด
- กรรไกร หรือ คัตเตอร
- กระดาษแข็งสีตาง ๆ
- แลคซีน/เทปใส
- แผนฟวเจอรบอรด
- ดินน้ํามัน
- แทนปลอยจรวดขวดน้ํา
- เครื่องสูบยางรถ/เครื่องสูบลมอัตโนมัติ
8.4.10 กิจกรรม : เผยแพรความรูผลงานสิ่งประดิษฐ ใหกับนักเรียนในโรงเรียน ( 2
ชั่วโมง)
- แผนฟวเจอรบอรด
- กรรไกร หรือ คัตเตอร
- แลคซีน/เทปใส
- กระดาษสีตางๆ
- คอมพิวเตอร
9
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
9. กิจกรรมการเรียนรู
กิจกรรม : การเคลื่อนที่ของอริสโตเติล เวลา 2 ชั่วโมง
1. ครูนําลูกแกว 2 ลูกที่มีขนาดแตกตางกัน ดังรูป
2. ครูแสดงลักษณะของลูกแกวทั้งสองมาใหนักเรียนรวมกันพิจารณาจากนั้นครูตั้งคําถามดังนี้
- ลูกแกว สองลูกมีลักษณะอยางไร (ทรงกลม)
- ลูกแกวทั้งสองลูกนี้มีมวลเปนอยางไร(ไมเทากัน)
- นักเรียนคิดวาเมื่อปลอยลูกแกวทั้งสองที่ตําแหนงเดียวกันพรอมกันจะเปนอยางไร
(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
3. จากนั้น ครูปลอยลงมาในตําแหนงเดียวกันลงมาที่พื้น จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
รวมกันวาเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น
4. ครูใหนักเรียนศึกษาทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอริสโตเติล(หนังสือการตูนประวัติของอริสโตเติล
เกี่ยวกับการเคลื่อนที่)ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใชคําถามดังนี้
- อริสโตเติลแบงการเคลื่อนที่ออกเปนกี่แบบ อะไรบาง( 2 แบบ คือ การเคลื่อนที่โดย
ธรรมชาติและการเคลื่อนที่โดยการบังคับ)
- การเคลื่อนที่โดยธรรมชาติ อริสโตเติลกลาวไววาอยางไร(การเคลื่อนที่โดยธรรมชาติ
จะเปนไปดวยธรรมชาติของวัตถุเอง วัตถุทุกอยางในจักรวาลจะตองมีที่อยูเหมาะสม เมื่อพิจารณาใน
มุมมองนี้ ถาวัตถุที่ไมไดอยูในที่ ที่เหมาะสมจะพยายามกลับไปในจุดนั้นเอง ถาธรรมชาติของวัตถุอยูที่
พื้นดิน กอนดินที่อยูในอากาศจะตองตกสูพื้นดินดวยตัวของมันเอง ถาธรรมชาติของวัตถุอยูในอากาศ
ควันที่พวยพุงจะลอยขึ้นสูอากาศ ถาธรรมชาติของวัตถุผสมผสานพื้นดินและอากาศ เชน ขนนก จะ
คอยๆ ตกสูพื้นดิน แตจะไมรวดเร็วเทากอนดิน)
- อริสโตเติลอธิบายสรุปลักษณะการเคลื่อนที่ของวัตถุที่เคลื่อนที่โดยธรรมชาติอยางไร
(อธิบายถึงการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวดิ่ง)
- การเคลื่อนที่ของวัตถุที่อริสโตเติลอธิบายนั้นเปนอยางไร(วัตถุจะตกสูพื้นไดเร็วกวา
เปนสัดสวนตรงกับน้ําหนักที่มากกวา)
- การอธิบายของอริสโตเติลไดทําการทดลองหรือไม อยางไร(ไมไดทําการทดลอง
อาศัยประสบการณการพบเห็นและรอยเรียงใหเปนเหตุเปนผลกัน)
- อริสโตเติลมีลักษณะของนักวิทยาศาสตรหรือไมอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- ทฤษฎีที่อริสโตเติลคนพบนั้นมีความนาเชื่อถือหรือไม นักเรียนจะมีวิธีการตรวจสอบ
อยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น เพื่อนําไปสูการทําการทดลองเพื่อพิสูจน)
5. ครูแบงกลุมนักเรียนเพื่อทําการทดลองกลุมละ 4-5คน และรับใบงานที่1-3 และอุปกรณการ
10
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
ทดลอง เรื่องการทดลองเพื่อพิสูจนทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอริสโตเติล โดยครูชี้แจงการทําการทดลอง
ดังนี้
- ใหนักเรียนปฏิบัติการทดลองตามวิธีการของอริสโตเติล สังเกตและบันทึกผล
- หลังจากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปเกี่ยวกับทฤษฎีของอริสโตเติล
6. ครูสุมเลือกตัวแทนกลุม เพื่ออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลองทั้ง 3 การทดลอง
7. จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้
- จากการทดลองตามแนวคิดของอริสโตเติลนักเรียนคนพบอะไรบาง
การทดลองที่ 1 อางอิงจากคํากลาวของอริสโตเติลที่วา “วัตถุที่หนักกวาอีกกอนสอง
เทาจะตกถึงพื้นไดเร็วกวาเปนสองเทา” โดยนํากอนหินที่มีมวลแตกตางกัน มาปลอยจากที่สูง
และสังเกตการตกโดยจับเวลา นักเรียนสังเกตพบขอมูลอะไรบาง(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- ในการทดลองที่ 2 คือปลอยขนนกและลูกเหล็กจากที่สูงไดผลเปนอยางไร (ลูกเหล็ก
ตกลงมาที่พื้นกอนขนนก)
- นักเรียนคิดวาอะไรเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหขนนกตกลงมาชากวาลูกเหล็กนั้น(มวล
ของขนนกเบากวาลูกเหล็กจึงตกลงมาชากวา รูปรางแตกตางกัน เปนตน)
- การทดลองที่ 3 เมื่อนักเรียนนํากระดาษ เอสี่ มาทดลองโดย นํามาตัดครึ่งแลวขยํา
เปนกอนกลมๆ จากนั้นนํามาถือไวในระดับเดียวกับกระดาษเอสี่เต็มแผน พอปลอยลงมาพรอม
กันนักเรียนสังเกตเห็นอะไรบาง (จะพบวาแผนกระดาษตัดครึ่งที่ขยํานั้นตกถึงพื้นกอนกระดาษ
ที่เต็มแผนที่มีมวลนอยกวาครึ่งหนึ่ง)
- จากการทดลองที่ 3 นั้น นักเรียนจะอธิบายไดวาอยางไร (มวลของวัตถุไมมีผลตอ
ความเร็วในการตกลงมาที่พื้น)
- หลังจากที่ทําการทดลองในการทดลองที่ 3 แลวนั้น ในการทดลองที่ 1 และ 2 นั้น
นักเรียนจะสรุปใหมไดวาอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- ในการทําการทดลอง ทั้ง 3 ครั้งนั้น นักเรียนไดขอมูลเปนอยางไร (ขอมูลที่ไดมีความ
แตกตางกัน)
- อะไรเปนตัวแปรสําคัญที่ทําใหแนวความคิดของอริสโตเติลไมเปนความจริง(รูปราง
ของวัตถุ)
- นักเรียนบอกไดหรือไมวารูปรางของวัตถุสงผลอยางไรตอการตกของวัตถุ(นักเรียน
แสดงความคิดเห็น)
- นักเรียนคิดวา สิ่งที่ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ตกลงมาไมพรอมกัน คืออะไร(อากาศ)
- สรุปแลวสิ่งที่สําคัญที่ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ตกลงมาไมพรอมกัน คืออะไร(แรงตาน
อากาศ)
- เพราะฉะนั้นนักเรียนจะมีวิธีการอยางไรที่จะทําใหวัตถุที่มีมวลตางกันตกลงถึงพื้น
พรอมกัน(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
8. ครูนําแผนกระดาน 2 แผนที่มีขนาด รูปราง เทากันทุกประการ มาสาธิตใหนักเรียนดูจากนั้น
นําลูกแกว กับกระดาษแผนเล็กๆ วางไวเหนือแผนกระดานแตละแผน จากนั้นนําแผนกระดานทั้งสอง
ปลอยในตําแหนงเดียวกัน แลวใหนักเรียนสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นครูตั้งคําถามอภิปรายดังนี้
11
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- นักเรียนไดขอสรุปจากการทดลองอยางไร(ไมวาวัตถุจะหนักหรือเบาก็ตกถึงพื้นดวย
ความเร็วเทากัน)
- หากนักเรียนตองการทําใหวัตถุตกลงพื้นพรอมกันจะมีวิธีการนําเสนออยางไร(ลดแรง
ตานอากาศโดยทําใหวัตถุทั้งสองมีแรงตานอากาศเทากัน)
9. ครูตั้งคําถามอภิปรายสรุปเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตรโดยใชคําถามดังนี้
- ขอมูลที่นักเรียนไดในแตละการทดลองนั้นทําใหนักเรียนเขาใจอยางไรบาง(การ
ทดลองแตละครั้งทําใหไดขอมูลที่แตกตางกันขึ้นอยูกับความสามารถของแตละบุคคลที่ไดทํา
การทดลอง ทําใหขอมูลที่ไดมีการเปลี่ยนแปลงไป)
- ทฤษฎีที่อริสโตเติลตั้งขึ้นมานั้นขัดแยงกับกระบวนการศึกษาทางวิทยาศาสตรอยางไร
(การใหขอสรุปสิ่งตางๆนั้นไมไดอาศัยแคประสบการณเพียงอยางเดียว หลักฐานจากการทดลอง
ที่มีความหนักแนนถือเปนสวนสําคัญที่จะชวยยันขอมูลที่ไดนั้นเปนอยางดี)
- จากการทดลอง ทําใหพิสูจนแนวคิดของอริสโตเติลอยางไรบาง(การตั้งทฤษฎีที่ไมได
ทําการทดลอง อาศัยเพียงประสบการณและการใหเหตุผลประกอบเทานั้น ทําใหความรูที่ไดนั้น
เกิดการผิดพลาดขึ้นมาได)
- นักเรียนคิดวาสิ่งที่ไดจากการทดลองนี้มีประโยชนตอการศึกษาเรื่องอื่นๆอยางไร
(การเสนอแนวคิดใดแนวคิดหนึ่งเพื่อใหเกิดความนาเชื่อถือนั้นตองอาศัยการพิสูจน ทําการ
ทดลองเพื่อใหไดขอมูลที่มีความสมบูรณและเชื่อถือได)
10. นักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบสรุปผลการทดลองของตนเองหลังจากที่ไดรวมกัน
อภิปรายกลุมกอนนําสงครู
11. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเพื่อหาขอสรุปเกี่ยวกับการทดลอง โดยครูตั้งคําถามดังนี้
- ทฤษฎีที่อริสโตเติลตั้งขึ้นนั้นอางอิงมาจากแหลงใด(ประสบการณ)
- การอาศัยประสบการณเพียงอยางเดียวมาใชในการอธิบายและลงขอสรุป
ปรากฏการณตางๆเพียงพอหรือไมอยางไร(ไมเพียงพอ ตองอาศัยการทดลองเพื่อพิสูจนและลง
ขอสรุปจนไดเหตุผลที่ยืนยันและเชื่อถือได)
- จากการทดลองตางๆที่ไดทําการปฏิบัตินั้นนักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงตองมีการทํา
การทดลองหลายๆครั้ง(เพื่อใหไดขอมูลที่นาเชื่อถือมากยิ่งขึ้น)
- เพราะเหตุใดในแตละครั้งที่ทําการทดลองมีการเปลี่ยนรูปแบบและตัวแปรไปดวย
(เพราะการทดลองแตละครั้งทําใหคนพบขอมูลใหมเพิ่มมากขึ้น)
- หากเราไมออกแบบการทดลองที่หลากหลายสงผลอยางไรการการคนพบขอมูล
เหลานั้น(ขอมูลที่ไดไมหลากหลาย สงผลใหไมสามารถคนพบและอธิบายทฤษฎีการเคลื่อนที่ได
อยางเหมาะสมได)
- การที่เราจะไดมาซึ่งความรูทางวิทยาศาสตรจําเปนตองใชวิธีการอยางไรเพื่อใหได
ขอมูลที่นาเชื่อถือ(การออกแบบการทดลองที่หลากหลาย และพิสูจนผล)
- สิ่งที่ชวยยืนยันคําตอบของสิ่งที่ไดจากการทดลองนั้นใหมีความนาเชื่อถือรวมกันมาก
ขึ้นคืออะไร(การลงขอสรุปสิ่งที่ไดพิสูจนรวมกัน)
12
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- นักเรียนคิดวาสิ่งที่มีความจําเปนสําหรับการคนควาทดลองเพื่อพิสูจนทฤษฎีที่
อริสโตเติลตั้งขึ้นนั้นมีอะไรบาง(การใชจินตนาการ การลงมือทําการทดลอง การหาขอสรุป
รวมกัน)
- สิ่งที่สงผลใหความคิดของอริสโตเติลยังคงไดรับการยอมรับนับถือเรื่อยมาจนถึง
ปจจุบันนั้นคืออะไร(ไมมีใครกลาคัดคาน เพราะทุกคนยอมรับแนวคิดของอริสโตเติลโดย
ปราศจากขอสงสัย และในศาสนจักรถือวาเปนความผิดรายแรง ถามีใครไปลบลางหรือบิดเบือน
แนวคิดของอริสโตเติล) )
- หากความเชื่อเหลานี้ยังคงอยู นักเรียนคิดวาจะสงผลใหวิทยาศาสตรเปนอยางไร
(ความกาวหนาทางวิทยาศาสตรลดนอยลง ขาดการตอยอดความรู เปนตน)
12. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
กิจกรรม : การเคลื่อนที่ของกาลิเลโอ เวลา 2 ชั่วโมง
1. ครูนําลูกปงปอง และลูกฟุตบอล แลวทําการปลอยที่ตําแหนงเดียวกันพรอมกัน ดังรูป
2. จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ดังนี้
- ลูกปงปอง และลูกฟุตบอลมีลักษณะอยางไร (ทรงกลม)
- ลูกแกวทั้งสองลูกนี้มีมวลเปนอยางไร(ไมเทากัน)
- นักเรียนคิดวาเมื่อปลอยลูกแกวทั้งสองที่ตําแหนงเดียวกันพรอมกันจะเปนอยางไร
(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
3. จากนั้น ครูปลอยลงมาในตําแหนงเดียวกันลงมาที่พื้น จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
รวมกันวาเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น
4. หลังจากสาธิตใหนักเรียนดูแลว ครูตั้งคําถามเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น ดังนี้
- ในสมัยกอนนั้นเชื่อวา ของที่หนักกวาตกกอนของที่เบากวาเสมอ นักเรียนคิดวา
เพราะเหตุใดถึงคิดเชนนั้น
- นักเรียนคิดวา อะไรเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหความเชื่อเหลานั้นคงอยูนานถึง 2000 ป
- นักเรียนคิดวาอะไรที่เปนสิ่งจําเปนและมีความสําคัญสําหรับการปรับเปลี่ยนแนวคิด
เหลานั้น
13
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
5. ครูใหนักเรียนศึกษาทฤษฎีการเคลื่อนที่ของโคเปอรนิคัสและกาลิเลโอ (หนังสือการตูน
ประวัติของโคเปอรนิคัสและกาลิเลโอเกี่ยวกับการเคลื่อนที่)ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใชคําถาม
ดังนี้
- โคเปอรนิคัสคนพบอะไร(โลกเราไมไดหยุดนิ่งแตเคลื่อนที่และโคจรไปรอบดวง
อาทิตย)
- ขัดแยงกับแนวคิดของใคร(อริสโตเติล)
- แตกตางจากอดีตอยางไร(โลกเปนศูนยกลาง)
- สิ่งที่โคเปอรนิคัสคนพบนั้นสงผลตอโคเปอรนิคัสเอง อยางไรบาง(อาจถูกลงโทษถึงขั้น
เสียชีวิตได)
- ขอจํากัดของการคนพบความรูของโคเปอรนิคัสนั้นคืออะไร(การขัดแยงกับศาสนจักร)
- สิ่งที่เปนอุปสรรคในการเผยแพรขอมูลที่ตัวโคเปอรนิคัสเองคนพบ มีอะไรบาง(กลัว
การลงโทษ เนื่องจากความเชื่อหรือทฤษฎีที่ขัดแยงจากความเชื่อรวมกันจะกระทบแนวความคิด
โดยรวมของสังคม และประการที่สองเขาไมยอมรับผลการการทดลองหรือการคนพบครั้งนั้น
เนื่องจากเขาไมสามารถยอมรับแนวความคิดที่โลกเคลื่อนที่ได)
- นักเรียนคิดวาสิ่งที่ทําใหโคเปอรนิคัสยอมตีพิมพขอมูลที่ตนเองคนพบ คืออะไร
(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- หลังจากที่นักเรียนไดอานประวัติของกาลิเลโอแลวนักเรียนคิดวาลักษณะนิสัยของ
กาลิเลโอเปนอยางไร(ไมคอยจะยอมเชื่ออะไรงายๆจนกวาจะไดทดลองใหเห็นดวยตนเอง)
- เพราะเหตุใดกาลิเลโอถึงไดกลาพิสูจนเรื่องราวที่อาจเปนอันตรายตอชีวิตของเขา
(เพราะเขารูวาทฤษฎีที่เขาศึกษาและผูคนตางๆเชื่อถือมาเปนเวลาเกือบ 2,000 ปนั้นไมเปน
ความจริง)
- เรื่องที่กาลิเลโอศึกษานั้นเกี่ยวของกับใคร(อริสโตเติลเจาของทฤษฎีเดิมและศาสน
จักรผูเชื่อถือในความคิดของอริสโตเติล)
- กาลิเลโอพิสูจนทฤษฎีของอยางไร(ทําการทดลองใหสาธารณชนเห็นเปนประจักษ)
6. ครูแบงกลุมนักเรียนเพื่อทําการทดลองกลุมละ 4-5คน และรับใบกิจกรรมที่ 2 และอุปกรณ
การทดลอง เรื่องการทดลองเพื่อพิสูจนทฤษฎีการเคลื่อนที่ของกาลิเลโอ โดยครูชี้แจงการทําการทดลอง
ดังนี้
- ใหนักเรียนปฏิบัติการทดลองตามใบกิจกรรมการทดลอง สังเกตและบันทึกผล
- หลังจากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปเกี่ยวกับทฤษฎีของกาลิเลโอ
7. ครูสุมเลือกตัวแทนกลุม เพื่อออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลอง
8. จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้
- จากการทดลองของกาลิเลโอ กาลิเลโอมีความเชื่อเกี่ยวกับการตกของวัตถุอยางไร
(วัตถุที่มีรูปรางเหมือนกันจะตกถึงพื้นดินพรอม)
- นักเรียนทําการทดลองอยางไร(ทําการทดลอง โดยในการทดลองใหดินน้ํามันที่มีมวล
แตกตางกัน 2 เทา ปนใหเปนรูปทรงกลมปลอยจากที่สูงในระดับเดียวกันแลวจับเวลา ทดลอง
ทําซ้ํา 3 ครั้ง)
- จากการทดลอง ผลเปนอยางไร(วัตถุตกถึงพื้นดวยระยะเวลาเทากัน)
14
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- ในการทดลองเพราะเหตุใดถึงตองทําซ้ํา 3 ครั้ง(เพื่อยืนยันผลการทดลองและใหเกิด
ความผิดพลาดจากการทดลองนอยที่สุด)
- นักเรียนคิดวากาลิเลโอทําการทดลองเชนเดียวกันกับนักเรียนหรือไม(อาจจะทําและ
อาจจะทําการทดลองซ้ําๆ มากกวานี้)
- จากการทดลองนักเรียนไดขอสรุปอยางไร(กอนวัตถุที่หนักกวาอีกกอนเปนสองเทา
ไมไดตกเร็วกวาเปนสองเทาแตจะตกถึงพื้นพรอมกัน)
- นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดกาลิเลโอถึงตองทําการพิสูจนสิ่งที่เขาคิดและคนพบ
เหลานั้น(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- การที่กาลิเลโอไดทําการทดลองแสดงตอสาธารณชนในเมืองปซานั้นเพื่อเหตุผล
ประการใดบาง(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- นักเรียนคิดวาทฤษฎีของอริสโตเติลที่ถูกยึดถือมากวา 2,000 ป แตก็ถูกลบลางดวย
การพิสูจนของกาลิเลโอเปนเพราะสาเหตุใด(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- หลังจากที่นักเรียนทราบแลววากอนวัตถุที่หนักกวาอีกกอนเปนสองเทาไมไดตกเร็ว
กวาเปนสองเทาแตจะตกถึงพื้นพรอมกัน แตในอดีตนักเรียนคิดวาทําไมอริสโตเติลถึงคิดอยาง
นั้น (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- และอะไรเปนปจจัยสําคัญที่ทําใหอริสโตเติลคิดวาของที่เบากวายอมตกลงมาชากวา
ของที่หนักกวา(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
9. จากนั้นครูนํากระดาษ A4 และลูกปงปอง มาปลอยที่ตําแหนงเดียวกันใหนักเรียนสังเกต แลว
ตั้งคําถามกอน ปลอย ดังนี้
- นักเรียนคิดวาวัตถุทั้งสองจะตกอยางไร(ลูกปงปองตกเร็วกวากระดาษ)
10. จากนั้นครูปลอยวัตถุทั้งสองพรอมกัน เพื่อพิสูจนคําตอบของนักเรียน ดังรูป
11. ครูตั้งคําถามเพื่ออภิปรายและดําเนินการ ดังนี้
- นักเรียนคิดวาอะไรเปนสาเหตุที่ทําใหวัตถุทั้งสอง ตกลงมาถึงพื้นไมพรอมกัน
(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- นักเรียนจะมีวิธีการอยางไรที่ทําใหวัตถุทั้งสองตกลงมาถึงพื้นพรอมกัน(นักเรียนระดม
ความคิดรวมกันและแสดงความคิดเห็น)
- ครูและนักเรียนแสดงวิธีการทําใหวัตถุทั้งสองตกลงมาถึงพื้นพรอมกันโดยเตรียม
หนังสือขนาดเทากัน 2 เลม แลวนําวัตถุตางชนิดกันวางบนหนังสือ แตละเลม แลวปลอยลงจาก
ระดับความสูงเดียวกัน จากนั้นสังเกตผล
15
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
12. ครูแบงกลุมนักเรียนเพื่อทําการทดลองกลุมละ 4-5คน กลุมเดิม และรับใบกิจกรรมที่ 3
และครูสาธิตการทดลอง เรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุบนพื้นเอียง หนาชั้นเรียน และสุมเลือกตัวแทน
นักเรียนมาทําการทดลองตามแบบปฏิบัติการทดลองตามใบกิจกรรมการทดลอง สังเกตและบันทึกผล
รวมกันอภิปรายและลงขอสรุปเกี่ยวกับการทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุบนพื้นเอียง
13. ครูสุมเลือกตัวแทนกลุม เพื่อออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลอง
14. จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้
- จากการทดลองของกาลิเลโอ คนพบอะไรบาง(ลูกแกวที่ถูกปลอยจากหยุดนิ่งบนดาน
หนึ่งของพื้นเอียงที่ลาดลง จะกลิ้งลงมาและกลิ้งขึ้นไปไปพื้นลาดขึ้น จนหยุด ณ ตําแหนงที่มี
ความสูงเกือบเทาเดิม)
- เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น(ความเสียดทานที่กันไมใหลูกแกวกลิ้งไปจนมีความสูงเทา
เดิม)
- เมื่อเปลี่ยนพื้นเปนพื้นที่ลื่นขึ้นลูกแกวก็จะกลิ้งอยางไร (ลูกแกวจะกลิ้งขึ้นไปจนสูง
ใกลความสูงเริ่มตนมากขึ้น)
- เมื่อเปลี่ยนใหดานพื้นลาดขึ้นมีความชันลดลงจะเกิดอะไรขึ้น (พบวาลูกแกวกลิ้งไป
จนมีความสูงเทาเดิม แตตองกลิ้งไปไกลกวา)
- เมื่อลดความชันลง ลูกแกวจะกลิ้งอยางไร (ลูกแกวกลิ้งไปจนมีความสูงเทาเดิม)
- กาลิเลโอมีความสงสัยวา ถามีพื้นราบที่ยาวมาก ลูกบอลจะตองกลิ้งไปไกลเทาไร
เพื่อที่มีความสูงเทาเดิม(ไมมีทางไปถึงความสูงเริ่มตนไดเลย)
- ขณะที่ลูกแกวเคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียงอันแรก ไปสูการเคลื่อนที่ขึ้นพื้นเอียงอันที่สอง
ที่มีความชันเทากัน เปนอยางไร (อัตราเร็วของลูกแกวเคลื่อนที่ขึ้นพื้นเอียงอันสองอยูในระดับ
เทากัน)
- ขณะที่ลูกแกวเคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียงอันแรกที่มีความชันนอยกวา ไปสูการเคลื่อนที่
ขึ้นพื้นเอียงอันที่สองที่มีความชันมากกวา เปนอยางไร (อัตราเร็วของลูกแกวเคลื่อนที่ขึ้นจะ
ลดลง แตเมื่อลูกแกวเคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียงอันที่สองที่มีความชันมากกวา ไปสูการเคลื่อนที่ขึ้น
พื้นเอียงอันแรกที่มีความชันนอยกวา ลูกแกวจะมีอัตราเร็วลดลงชาๆหรือกลิ้งไปไดนานกวา)
- เมื่อปลอยลูกแกวเคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียงไปสูพื้นราบ ผลเปนอยางไร(ลูกแกว
เคลื่อนที่ตอเนื่องไปเรื่อยๆ)
- ลักษณะคุณสมบัติที่วัตถุเคลื่อนที่ตอเนื่อง เรียกวาอะไร (ความเฉื่อย)
15. จากนั้นครูนําเหรียญมาตั้งเปนชั้นๆ แลวทําการเคาะดวยไมบรรทัดอยางรวดเร็ว ดังภาพ
16
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
แลวตั้งคําถามเพื่อนําเขาสูการอภิปราย ดังนี้
- นักเรียนคิดวาเมื่อใชไมบรรทัดเคาะเหรียญอันลางสุดอยางรวดเร็วผลจะเปนอยางไร
(เหรียญอันลางสุดที่ถูกเคาะจะเคลื่อนที่ออกไปอยางรวดเร็วเหรียญที่อยูขางบนจะ
เคลื่อนที่ลงไปแทนเหรียญที่เคลื่อนที่ออกไปทั้งนี้เพราะเหรียญอันที่อยูขางบนรักษาสภาพการ
เคลื่อนที่เดิมคือหยุดนิ่ง)
- การทดลองดังกลาวอธิบายเกี่ยวกับเรื่องใด(ความเฉื่อย)
16. ครูตั้งคําถามเพื่อรวมกันอภิปรายรวมกันกับนักเรียนเพิ่มเติม ดังนี้
- จากแนวคิดเรื่องความเฉื่อยของกาลิเลโอนี้ ทําใหทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอริสโตเติล
ไมไดรับการยอมรับอีกตอไปเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (อริสโตเติลคิดไมถึงเรื่องความเฉื่อย
เนื่องจากเขาเองไมสามารถนึกถึงการเคลื่อนที่ใดๆที่ปราศจากการเสียดทาน เพราะเขาประสบ
แตการเคลื่อนที่ที่ตองมีการตานทานซึ่งเปนศูนยกลางของแนวความคิดของเขาเอง และ
แนวความคิดดังกลาวก็ไดหนวงความกาวหนาทางฟสิกสมาถึง 2000 ป)
- ความเฉื่อยสงผลตอโลกอยางไร (ไมจําเปนตองมีแรงใดๆ (ผลักหรือดึง) เพื่อทําใหโลก
เคลื่อนที่ไปไดเรื่อยๆ)
- และจากทฤษฎีโคเปอรนิคัสนั้นที่กลาววาโลกเราไมไดหยุดนิ่งแตเคลื่อนที่และโคจรไป
รอบดวงอาทิตย กาลิเลโอมีความคิดเห็นอยางไร (สนับสนุนแนวคิดของโคเปอรนิคัส)
- เพราะเหตุใดกาลิเลโอถึงสนับสนุนแนวคิดของโคเปอรนิคัส(เนื่องจากนําความรูเรื่อง
ความเฉื่อยไปอธิบาย โดยโลกไมไดเปนศูนยกลางของระบบสุริยะ และโลกไมไดหยุดนิ่ง แตโลก
รักษาสภาพการเคลื่อนที่ของตัวเองอยูซึ่งสอดคลองกับความเฉื่อยที่วัตถุพยายามรักษาสภาพ
การเคลื่อนที่ของตนเอง)
17. นักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบสรุปผลการทดลองของตนเองหลังจากที่ไดรวมกัน
อภิปรายกลุมกอนนําสงครู
18. ครูตั้งคําถามเพื่อเขาสูการอภิปรายเพิ่มเติมดังนี้
- นักเรียนทราบแลววา คุณสมบัติของความเฉื่อยจะทําใหวัตถุพยายามรักษาสภาพการ
เคลื่อนที่หรือหยุดนิ่งของตัวเอง ดังตัวอยางการทดลองสาธิตการเคาะเหรียญ
- จากการเคลื่อนที่ของกระดาษที่ตกลงมานั้นชากวาลูกปงปอง นักเรียนเรียนคิดวา
เกิดจากสาเหตุใด (แรงตานอากาศ)
- เพราะฉะนั้นแลวหากไมมีแรงตานอากาศการตกของกระดาษและลูกปงปองจะเปน
อยางไร (ตกถึงพื้นพรอมกัน)
- ลักษณะที่เคลื่อนที่ของลูกแกวมีอัตราเร็วแตกตางกันนั้นเกิดจากอะไร(พื้นผิวสัมผัส
แตกตางกัน)
- ลักษณะพื้นผิวสัมผัสแบบใดที่สงผลทําใหลูกแกวเคลื่อนที่ชาลง(ผิวขรุขระ)
- สิ่งที่ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ชาลงคืออะไร (แรงเสียดทาน)
- นักเรียนคิดวาลักษณะทิศทางของแรงตานอากาศเปนอยางไร(มีทิศขึ้นไปดานบน)
- นักเรียนคิดวาลักษณะการเคลื่อนที่ของลูกแกวในการทดลองนั้นมีทิศอยางไร(ทิศทาง
ไปตามที่ลูกแกวเคลื่อนที่)
17
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- แลวลักษณะทิศทางการเคลื่อนที่ของแรงเสียดทานเปนอยางไร(ตรงขามกันการ
เคลื่อนที่ของลูกแกว)
- แรงเสียดทานจะอยูบริเวณไหน(ระหวางพื้นผิวสัมผัสของพื้นกับวัตถุ)
- ถาหากครูผลักโตะไปขางหนา ทิศทางการเคลื่อนที่จะไปทางทิศทางใด(ทิศทางไป
ตามที่โตะเคลื่อนที่)
- และถาครูดึงโตะกลับมา ทิศทางการเคลื่อนที่จะไปทางทิศทางใด(ทิศทางไปตามที่
โตะเคลื่อนที่กลับมา)
- ลักษณะทิศทางการเคลื่อนที่ของแรงเสียดทานของการผลักการดึงของโตะจะเปน
อยางไร (ตรงขามกันการเคลื่อนที่ของโตะ)
19. จากนั้นครูสุมเลือกตัวแทนนักเรียนวาดรูปแสดงลักษณะทิศทางการเคลื่อนที่ และทิศทาง
ของแรงเสียดทานบนกระดานหนาชั้นเรียน ดังภาพ
ทิศทางของการผลัก
ทิศทางของการดึง
แลวรวมกันพิจารณาวาเปนอยางไร แลวตั้งคําถามตอไปวา
- ทิศทางของแรงผลักจะไปทิศทางใด(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- ทิศทางการแรงดึงจะไปทิศทางใด(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- ทิศทางของแรงเสียดทานของแรงผลักและแรงดึงเปนอยางไร(ตรงขามกับการ
เคลื่อนที่ของวัตถุ)
- ถาหากนักเรียนออกแรงผลักกันหลายๆคนจะเปนอยางไร(วัตถุเคลื่อนที่ไดเร็วมาก
ขึ้น)
- นักเรียนจะวาดลักษณะการออกแรงหลายๆแรงอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น
และวาดรูป ดังนี้)
18
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
20. ครูรวมอภิปรายกับนักเรียนวาผลรวมของแรงดังกลาวเรียกวา แรงลัพธ และหนวยที่ใชคือ
นิวตัน หากออกแรงหลายๆแรงไปในทิศทางเดียวกันจะสามารถรวมแรงเปนแรงเดียวกัน แตถาออกแรง
ตรงกันขามจะหักลางกัน และยกตัวอยางการกระทําตอวัตถุวา เกิดแรงลัพธไปในทิศทางใด โดยวาดรูป
บนกระดานดังนี้
และถามนักเรียนวารูปแตละรูปมีแรงลัพธเทาใดและไปในทิศทางใด และแรงเสียดทานไปใน
ทิศทางใดดวย
21. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเพื่อหาขอสรุปเกี่ยวกับการทดลอง โดยครูตั้งคําถามดังนี้
- ทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุของอริสโตเติลกลาวไววาอยางไร(วัตถุที่มีมวลกวายอม
ตกกอนวัตถุที่มีมวลเบากวาเสมอ)
- ความเชื่อนี้ถูกยึดถือมากวา 2,000 ป สอดคลองกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร
อยางไร
(ประวัติศาสตรวัฒนธรรมและสังคมมีสวนกําหนดวิทยาศาสตร)
- กาลิเลโอกลาวถึงทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุขัดแยงกับอริสโตเติลวาอยางไร(วัตถุที่
มวลตางๆกันถูกปลอยในเวลาเดียวกันตกกระทบพื้นพรอมๆกัน)
- เพราะเหตุใดกาลิเลโอถึงกลาวเชนนั้น(เพราะเขาเปนคนชางคิด ชางสงสัย และไดทํา
การทดลองพิสูจนอยางรอบคอบ พบวาสิ่งที่อริสโตเติลกลาวไวนั้นไมเปนความจริง)
- ลักษณะนิสัยสําคัญของกาลิเลโอ ที่ทําใหคนพบความรูไดนั้นมีอะไรบาง(นักเรียน
แสดงความคิดเห็น)
19
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- ทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุของอริสโตเติลมีความผิดพลาดตรงสวนใด(อริสโตเติล
ไมไดทําการทดลองเพียงแตอาศัยการสังเกตและประสบการณของตนเองมาอธิบายรอยเรียง
เปนเหตุผลใหนาเชื่อถือ)
- กาลิเลโอพิสูจนเพื่อลบลางทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุของอริสโตเติล(ทําการทดลอง
เพื่อพิสูจนโดยออกแบบการทดลองจนสามารถยืนยันคําตอบได)
- จากการทดลองของกาลิเลโอสามารถลบลางความเชื่อเดิมที่ถูกยึดถือมากวา 2,000
ป อยางไร (ปลอยวัตถุที่มีรูปรางเหมือนกันแตมีมวลตางกัน บนหอเอนปซา แลวพบวา วัตถุทั้ง
สองจะตกถึงพื้นดินพรอมกันตอหนาสาธารณชนที่มาชมการทดลอง)
- การที่แสดงการทดลองตอหนาสาธารณชนนั้น เปนเพราะเหตุใด(นักเรียนแสดงความ
คิดเห็น)
- การที่ความรูทางวิทยาศาสตรตั้งแตสมัยอริสโตเติลที่ถูกยึดถือมาเกือบ 2,000 ปนั้น
ถูกลบลางโดยการพิสูจนของกาลิเลโอนั้น เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (ความรูทางวิทยาศาสตร
มีความไมแนนอนแตมีความคงทน )
- จากการที่กาลิเลโอทําการทดลองแลวพบวาวัตถุที่มวลตางๆกันถูกปลอยในเวลา
เดียวกันตกกระทบพื้นพรอมๆกันนั้น ไดพบขอมูลใหมวามีปจจัยบางอยางที่ทําใหการเคลื่อนที่
ของวัตถุนั้น เปลี่ยนแปลงไปเชน แรงเสียดทาน แรงตานอากาศ เปนตน สอดคลองกับธรรมชาติ
วิทยาศาสตรอยางไร (จากการทําการทดลองในแตละครั้งอาจจะไดขอมูลไมเหมือนเดิมในทุกๆ
ครั้ง)
22. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
กิจกรรม : ผลลัพธของแรงหลายแรงที่กระทําตอวัตถุ(ประดิษฐสะพานไมไอศกรีม) ( 4 ชั่วโมง)
1. ครูนําเชือกมาในชั้นเรียน โดยใหนักเรียนที่มีรูปรางตางกัน 4 คนออกมาหนาชั้นแลวจับปลาย
เชือกแตละขาง ขางละ 2 คน โดยคนตัวเล็กอยูอีกฝายหนึ่ง สวนอีกฝายเปนคนตัวใหญ แลวถามนักเรียน
วา
- ถาเลนชักเยอฝายใดจะเปนผูชนะ เพราะเหตุใด
- ถาแตละฝายมีคนตัวเล็กและคนตัวใหญคละกันอยูจะเกิดอะไรขึ้น
2. นักเรียนชวยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลนชักเยอ เพื่อเชื่อมโยงไปสู
การเรียนรูเรื่องแรงลัพธ
3. ครูนําภาพหรือวิดีทัศนเกี่ยวกับคน 2 คนออกแรงเคลื่อนยายวัตถุในลักษณะตาง ๆ เชน คน
2 คนออกแรงผลักรถในทิศทางเดียวกันและในทิศทางตรงขามกัน คน 2 คนชวยกันเคลื่อนยายโตะใน
ทิศทางเดียวกันและทิศทางตรงขามกัน มาใหนักเรียนดู
4. นักเรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกแรงเคลื่อนยายวัตถุใน
ลักษณะตาง ๆ
20
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
5. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4-5 คน จากนั้นใหนักเรียนทํากิจกรรมการทดลองนํากอนหิน
ใสถุง แลวนํามาเกี่ยวกับตะขอของเครื่องชั่งสปริง จากนั้นชั่งกอนหินอีกครั้ง โดยใชเครื่องชั่งสปริง
2 อัน ใหหูหิ้วของถุงพลาสติกเกี่ยวที่ตะขอเครื่องชั่งขางละหู อานผล และบันทึกผล
6. ครูใหตัวแทนของแตละกลุมนําเสนอคําตอบของกลุมตนเอง
7. ครูใหแตละกลุมสืบคนขอมูลเกี่ยวกับแรงลัพธ
8. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมรวมอภิปรายผลการทดลอง เพื่อใหขอสรุปของกลุม
9. ตัวแทนของแตละกลุมออกมานําเสนอผลการทดลอง
10. นักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายผลการทดลองเพื่อใหไดขอสรุปวา แรงสองแรงที่กระทําตอ
วัตถุในแนวเดียวกัน มีคาของแรงเทากับผลรวมของแรงสองแรงนั้น
11. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา นักเรียนคิดวา จะนําความรูเกี่ยวกับแรงลัพธไปใช
ประโยชนในชีวิตประจําวันไดอยางไร
12. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปผลการอภิปรายเปนองคความรู
13. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปผลการอภิปรายเปนองคความรู
14. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้ ใหนักเรียนแบงกลุมและทํากิจกรรมเรื่อง ประดิษฐ
สะพานไมไอศกรีม ทดสอบประสิทธิภาพของสะพานไมไอศกรีม ของแตละกลุมที่ไดสรางขึ้น นําเสนอผล
และสรุปผลการทํากิจกรรม จากนั้นสืบคนหลักการสรางสะพานไมไอศกรีม และประโยชนของการนํา
ของสะพาน ไปใช และสรุปการนําความรูเรื่องของสะพาน ไปใชประโยชนเปนแผนภาพความคิดแลวให
แตละกลุมนําเสนอแลกเปลี่ยนหนาชั้นเรียน
15. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการประดิษฐสะพานไมไอศกรีม ที่สรางขึ้น โดย
นําเสนอแนวคิดในการสราง รูปแบบของสะพานไมไอศกรีม เหตุผลในการเลือกใชวัสดุ รวมทั้งผลการ
ทดสอบและการปรับปรุงแกไขสะพานไมไอศกรีม จนมีประสิทธิผลมากที่สุด
16. จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตรที่
เกี่ยวของกับสะพานไมไอศกรีม
17. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
21
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรม : หลักของอารคีเมดิส เวลา 2 ชั่วโมง
1. ครูนําลูกปงปอง จํานวนมากที่มีมวลแตกตางกัน มาปลอยในอางน้ํา ดังรูป
2. จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ดังนี้
- ลูกปงปองมีลักษณะอยางไร (ทรงกลม)
- นักเรียนคิดวาถานําลูกปงปองไปปลอยในอางน้ําจะเกิดอะไรขึ้น (นักเรียนแสดงความ
คิดเห็น)
3. จากนั้น ครูปลอยลูกปงปองลงไปในอางน้ํา จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายรวมกันวา
เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น
4. ครูใหนักเรียนศึกษาใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง หลักของอารคีเมดิส (หนังสือการตูนประวัติของ
อารคีเมดิสเกี่ยวกับหลักของอารคีเมดิส)ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใชคําถามดังนี้
- อารคีเมดิสเปนคนที่มีลักษณะนิสัยอยางไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- เพราะเหตุใดอารคีเมดิสถึงไดรับยกยองวาเปนนักวิทยาศาสตร คณิตศาสตรที่ยิ่งใหญ
ของโลก(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- อารคีเมดิสคนพบอะไรบาง(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- เพราะเหตุใดพระราชาจึงมีความสงสัยในตัวของชางทอง(เกิดความไมมั่นใจในความ
ซื่อสัตยของชางทองทํามงกุฎ)
- พระราชาแกปญหาสิ่งที่ตนเองสงสัยอยางไร(ใหอารคีเมดิสชวยแกไขปญหา)
- พระราชามอบหมายใหอารคีเมดิสไปหาคําตอบเรื่องอะไร(ทําอยางไรถึงจะรูไดวา
มงกุฎทองที่ชางทองทําใหเปนทองแทหรือทองที่ถูกผสม)
- อารคีเมดิสคนหาคําตอบอยางไร(ขบคิดปญหา และพบคําตอบเมื่อไปอาบน้ํา โดย
พบวาเมื่อน้ําเต็มปริ่มขอบอางแตเมื่อเอาตัวลงมาพบวาน้ําไหลซูออกมานอกอาง)
- อารคีเมดิสนําสิ่งที่ตนเองคนพบไปทําอยางไร(ทําการทดลองโดยเอามงกุฎมาผูกเชือก
เสนเล็กๆ แลวเอาน้ําใสอางใหเต็มพอดีกับขอบ เอามงกุฎหยอนลงไปในอางน้ํา รองน้ําที่ลน
ออกมาตวงหาปริมาตร แลวก็นําเอาเงิน และทองคําแท แตละกอนที่มีน้ําหนักเทากับมงกุฎอัน
นั้น มาทดลองหาปริมาตรบาง ก็พบวา ทองคําแทมีปริมาตรนอยกวามงกุฎ และเงินมีปริมาตร
มากกวามงกุฎ)
22
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- อารคีเมดิสกระทําอยางไรเพื่อใหเกิดความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองคนพบ(ทดลองซ้ําๆ
หลายรอบ และทํากับวัตถุชนิดตางๆ ผลคือ คําตอบที่ไดออกมาเหมือนกัน)
- สิ่งที่ชวยยืนยันการคนพบของอารคีเมดิสจนทําใหสิ่งที่เขาคนพบนั้นเปนที่กลาวขวัญ
และมีชื่อเสียงมาจนทุกวันนี้คืออะไร(การนําเสนอผลการทดลองใหเห็นเปนประจักษตอ
พระราชา)
- นอกจากสิ่งที่เขาคนพบปญหาจากกงกุฎพระราชาแลวเขาทําอยางไรตอไป(ทดลอง
เรื่องการลอยการจมของวัตถุ หรือ แรงพยุงในของเหลว)
- ความรูที่คนพบเพิ่มเติมหลังจากที่ไดแกไขปญหาใหพระราชแลวนั้น แสดงใหเห็นวา
อารคีเมดิสมีลักษณะนิสัยอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
การที่อารคีเมดิสมีลักษณะนิสัยตางๆเหลานี้สงผลดีตอการเรียนรูวิทยาศาสตรอยางไร
(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
5. ครูแบงกลุมนักเรียนเพื่อทําการทดลองกลุมละ 4-5คน และรับใบกิจกรรมที่ 2 และอุปกรณ
การทดลอง เรื่องการทดลองเพื่อพิสูจนหลักของอารคีเมดิส โดยครูชี้แจงการทําการทดลองดังนี้
- ใหนักเรียนปฏิบัติการทดลองตามใบกิจกรรมการทดลอง สังเกตและบันทึกผล
- หลังจากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปเกี่ยวกับหลักของอารคีเมดิส
6. หลังจากนั้นเมื่อนักเรียนทําการทดลองในกิจกรรมที่ 3 เรียบรอยแลว ใหสงตัวแทน
กลุมมาใบกิจกรรมที่ 2 และอุปกรณการทดลอง ดําเนินการทดลองตามขั้นตอนการทดลอง
7. ครูสุมเลือกตัวแทนกลุม เพื่อออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลอง
8 จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้
- จากการทดลองในใบกิจกรรมที่ 2 เพราะเหตุใดจึงตองใหกอนหินและกอนดินน้ํามันมี
มวลเทากัน(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- เมื่อนักเรียนนํากอนหินและกอนดินน้ํามันที่มีมวลเทากันไปหยอนลงในถวยยูเรกา
ไดผลเปนอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- จากนั้นเมื่อนักเรียนนําไปหาความหนาแนนไดผลเปนอยางไร(นักเรียนแสดงความ
คิดเห็น)
- จากการทดลองดังกลาวกับสิ่งที่อารคีเมดิสไดกระทําเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร
(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- จากการทดลองนักเรียนสามารถสรุปผลไดวาอยางไร(ของที่มีมวลเทากัน ปริมาตร
อาจจะแตกตางกัน รวมถึงความหนาแนนดวย)
- จากการทดลองในใบกิจกรรมที่ 2 เมื่อเรานําเชือกผูกนําดินน้ํามัน ไวกับเครื่องชั่ง
สปริงเพื่อหามวลกอนชั่ง(ชั่งในอากาศ) และจากนั้นนําดินน้ํามันกอนดังกลาวไปไปชั่งในน้ําผล
ปรากฏ เปนอยางไร (มวลแตกตางกัน ผลจากการชั่งในน้ํามีมวลนอยกวาชั่งในอากาศ)
- และเมื่อเราเพิ่มมวลมากขึ้น แลวกระทําการทดลองดวยวิธีเดียวกันผลเปนอยางไร
(ไดผลเหมือนกัน คือการชั่งในน้ํามีมวลนอยกวาชั่งในอากาศ)
- จากการทดลองนี้นักเรียนคนพบอะไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- นักเรียนคิดวาอะไรที่เปนสาเหตุที่ทําใหมวลที่ชั่งในอากาศและชั่งในน้ําแตกตางกัน
(สถานะของสสารที่วัตถุอยูในขณะชั่งหรือบริเวณที่ชั่งมีลักษณะแตกตางกัน)
23
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- นักเรียนจะศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นจากบริเวณไหน (บริเวณที่ทําใหตัวเลขมวลของวัตถุ
เปลี่ยนไปหลังจากชั่ง)
- นักเรียนคิดวาอะไรเปนสิ่งที่ทําใหกอนดินน้ํามันมีมวลนอยลงขณะชั่ง(น้ํา)
- หากจินตนาการนักเรียนคิดวา สิ่งที่ชวยใหกอนดินน้ํามันมีมวลนอยลงขณะชั่งเปน
อยางไร(มีอะไรมารองรับไว หรือ นักเรียนแสดงความคิดเห็นอื่นๆเพิ่มเติม)
- และจากการทดลองที่นําน้ําที่ไดหลังจากนํากอนดินน้ํามันไปหยอนลงในถวยยูเร
กาแลวนําไปชั่งหามวลของน้ําเปรียบเทียบกับมวลของดินน้ํามัน ไดผลเปนอยางไร(มีมวล
เทากัน)
- และเมื่อเพิ่มมวลของดินน้ํามันเปน 500 กรัม ไดผลเปนอยางไร(ไดผลเทากัน)
- สิ่งที่ไดจากการทดลองนี้คืออะไร (มวลของวัตถุที่ไดกอนชั่งเทากับมวลของน้ําที่ถูก
วัตถุแทนที่)
- นักเรียนสรุปผลการทดลองนี้ไดวาอยางไร (มวลของวัตถุที่ไดกอนชั่งเทากับมวลของ
น้ําที่ถูกวัตถุแทนที่)
9. จากนั้นครูนํากอนไมทรงลูกบาศกไปชั่งในเครื่องชั่งสปริง และเตรียมอางน้ําทรงสี่เหลี่ยมแบบ
ใส เทน้ําใสในอางประมาณ 2 ใน3 ของอางน้ํา วัดความสูงของระดับน้ํากอน แลวนํากอนไมทรงลูกบาศก
หยอนลงไปในอาง (ดังรูป) และวัดความสูงของระดับน้ําที่เปลี่ยนไป และตั้งคําถามอภิปรายดังนี้
- มวลของกอนไมทรงลูกบาศกเปนเทาใด
- นักเรียนสามารถหาคํานวณหาพื้นที่หรือปริมาตรของวัตถุไดอยางไร(ใชสูตรทาง
คณิตศาสตร คือ ปริมาตรของวัตถุ = ความกวาง x ความยาว x ความสูง)
- อางนี้นักเรียนสามารถหาปริมาตรไดหรือไม อยางไร ครูสุมนักเรียนออกมาวัดหา
ปริมาตรของอางใบนี้
- จากการที่ครูนํากอนไมทรงลูกบาศกหยอนลงไปในอาง แลวพบวาระดับน้ําสูงขึ้นจาก
เดิม นักเรียนสามารถคํานวณหาปริมาตรน้ําที่เพิ่มขึ้นไดหรือไม อยางไร (นักเรียนใชสมการ
ปริมาตรของวัตถุ = ความกวาง x ความยาว x ความสูง เพื่อหาปริมาตรน้ําที่เพิ่มขึ้น)
- เมื่อน้ํามีความหนาแนน เทากับ 1 กรัมตอลูกบาศกเซนติเมตร และสมการการหา
ความหนาแนนของวัตถุที่ไดจากการทดลอง (ดานลางนี้) นักเรียนสามารถคํานวณหามวลของ
น้ําไดคําตอบอยางไร
ความหนาแนน =
มวล
ปริมาตร
- จากการคํานวณไดมวลของน้ํา เทาใด (เทากับมวลของกอนไมทรงลูกบาศก)
- หากนักเรียนเพิ่มมวลของกอนไมทรงลูกบาศกจะสงผลอยางไรบาง(ระดับน้ําสูงขึ้น
และ กอนไมทรงลูกบาศกอาจจะจม)
24
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- นักเรียนคิดวาระดับความสูงของน้ําที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่เพิ่มมวลของกอนไมทรง
ลูกบาศก สงผลใหมวลของน้ําที่ไดเปนอยางไร(มวลของน้ํานาจะเทากับมวลของกอนไมทรง
ลูกบาศก)
10. นักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบสรุปผลการทดลองของตนเองหลังจากที่ไดรวมกัน
อภิปรายกลุมกอนนําสงครู
11. ครูใหนักเรียนคนหาคําตอบจากใบกิจกรรมที่ 4 หาแรงลอยตัว
12. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเพื่อหาขอสรุปเกี่ยวกับการทดลอง โดยครูตั้งคําถามดังนี้
- อารคีเมดิสกลาวถึงสิ่งที่เขาคนพบวาอยางไรบาง(วัตถุตางชนิดกันที่มวลเทากัน
ปริมาตร และความหนาแนนของวัตถุนั้นอาจแตกตางกันดวย)
- นอกจากเรื่องนี้แลวอารคีเมดิสยังคนพบอะไรเพิ่มเติมอีกบาง (อารคีเมดิสคนพบวา
แรงลอยตัวที่กระทําตอวัตถุที่จมหรือลอยอยูนั้น จะเทากับน้ําหนักของของไหลที่ถูกเขาไป
แทนที่)
- สิ่งตางๆเหลานี้นักเรียนดําเนินการตามแนวคิดของอารคีเมดิสอยางไรบาง(ดําเนินการ
ทดลองตามแนวทางของอารคีเมดิส)
- จากการทดลองตามใบกิจกรรมที่ 2 สิ่งที่ไดจากการศึกษาครั้งนี้คืออะไร(วัตถุตางชนิด
กันที่มวลเทากัน ปริมาตร และความหนาแนนของวัตถุนั้นอาจแตกตางกันดวย)
- จากการทดลองตามใบกิจกรรมที่ 3 การทดลองชุดที่ 1 สิ่งที่ไดจากการศึกษาครั้งนี้
คืออะไร(เมื่อนําวัตถุชั่งในอากาศและชั่งในน้ํา มวลที่ไดแตกตางกัน โดยมวลจะมีคาลดลงเมื่อชั่ง
ในน้ํา)
- ในการทดลองชุดที่ 2 ไดผลการศึกษาวาอยางไร(น้ําที่ถูกแทนที่เมื่อนําไปชั่งหามวล
ผลปรากฏวามีมวลเทากับวัตถุนั้น)
- นักเรียนบอกไดหรือไมวาอะไรเปนสิ่งที่ทําใหวัตถุลอยอยูบนน้ําได (แรงลอยตัว หรือ
แรงพยุงในของเหลว)
- นักเรียนคิดวาแรงพยุงในของเหลวมีลักษณะอยางไร (พยุงใหวัตถุลอยอยูในน้ําได)
- หากนักเรียนวาดลูกศรแสดงทิศทางของแรงพยุงของของเหลว นักเรียนจะวาด
อยางไร หากของเหลวมีแรงกระทํากับวัตถุทุกทิศทาง
- ลักษณะของลูกศรที่พยุงวัตถุในของเหลวนั้นเปนอยางไร (ลูกศรหมายถึงทิศทางของ
แรงพยุงในของเหลวที่กระทําตอวัตถุ ซึ่งลูกศรจะหันหัวเขาวัตถุ โดยลูกศรดานลางจะยาว แสดง
ใหเห็นวามีแรงพยุงวัตถุไวมากกวา สวนเสนลูกศรดานขางรอบๆจะสั้นกวา แสดงใหเห็นวามีแรง
พยุงวัตถุนอยกวา)
- หากวัตถุมีมวลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวัตถุจม แรงลอยตัวเปนอยางไร (นักเรียน
แสดงความคิดเห็น)
13. จากนั้นครูนํารูปลักษณะการลอยและจมของวัตถุในน้ํา ดังรูป แลวตั้งคําถามดังนี้
รูป A รูป B รูป C
25
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- รูป A วัตถุที่มีแรงลอยตัวเปนอยางไร(ความหนาแนนของวัตถุมีคานอยกวาความ
หนาแนนของเหลว)
- รูป B วัตถุที่มีแรงลอยตัวเปนอยางไร(ความหนาแนนของวัตถุมีคาเทากับความ
หนาแนนมากกวาของเหลว)
- รูป C วัตถุที่มีแรงลอยตัวเปนอยางไร(ความหนาแนนของวัตถุมีคามากกวาความ
หนาแนนของเหลว)
14. จากนั้นครูตั้งคําถามอภิปรายสรุปเกี่ยวกับประวัติการคนพบของอารคีเมดิส ดังนี้
- ความสามารถที่เดนชัดของอารคีเมดิส คืออะไร (ความสามารถดานการคิด คํานวณ)
- เพราะเหตุใดสิ่งที่เปนสิ่งที่อารคีเมดิสคนพบนั้น สิ่งที่ยาก แรกเริ่มสุด ของการศึกษา
คืออะไร(มีความรูเรื่องการหาพื้นที่ของวัตถุแตมีขอจํากัดเรื่องรูปรางของวัตถุที่ทําการศึกษา ซึ่ง
ไมใชทรงเรขาคณิต)
- อารคีเมดิสคนพบวิธีการหาขอพิสูจนเกี่ยวกับมงกุฎแทดวยวิธีการอยางไรบาง(ทํา
หลากหลายวิธี แตไมไดคําตอบตามสิ่งที่ตนเองคิดไว)
- นักเรียนคิดวาวิธีการที่อารคีเมดิสคนพบนั้น เปนอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- ความรูที่อารคีเมดิสคนพบนั้นเพียงพอสําหรับอารคีเมดิสเองหรือไม เพราะเหตุใดถึง
เปนเชนนั้น (เนื่องจากนิสัยของอารคีเมดิส เปนคนชางคิด ชางสังเกต ทําใหคนพบความรู
เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น)
- หากนักเรียนนําแนวคิดของอารคีเมดิส นักเรียนจะนํามาใชทําอะไรบาง
- สิ่งใดบางที่นักเรียนพบเห็นในปจจุบันที่ใชหลักการของการคีเมดิส(สรางเรือ การ
สรางแพ การสรางบานลอยน้ํา )
15. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
26
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรม : ความดันในของเหลว เวลา 2 ชั่วโมง
1. ครูนําขวดพลาสติกบรรจุน้ําจนเต็มที่เจาะรู 3 ตําแหนงไวเรียบรอยแลว โดยอุดรูไวกอนเพื่อ
ไมใหน้ําไหลออกมา มาใหนักเรียนพิจารณา ดังรูป
2. จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ดังนี้
- นักเรียนคิดวาตําแหนงรูแตละรูสงผลใหน้ําไหลออกมาอยางไร
- นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
3. จากนั้น ครูปลอยเปดรูที่อุดไวพรอมกัน แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปรายรวมกันวาเพราะเหตุ
ใดถึงเปนเชนนั้น
4. ครูแบงกลุมนักเรียน กลุมละ 3 – 5 คน แลวมารับอุปกรณ ชุดที่ 1 ดังนี้ ขวดพลาสติก เทป
กาว และแบบบันทึกผลการทดลอง และลงมือทําการทดลองเพื่อตรวจสอบวาคําตอบที่ตนเองทายใน
ตอนแรกกอนทดลองถูกตองหรือไม อยางไร โดยเจาะรูในตําแหนงที่แตกตางกัน สังเกต และบันทึกผล
หลังจากทําการทดลองชุดที่ 1 เรียบรอยแลว ใหนักเรียนมารับอุปกรณชุดที่ 2 ดังนี้ ลูกโปง ไม
ปลายแหลม ขวดพลาสติก สีผสมอาหาร ภาชนะรองน้ํา และแบบบันทึกผลการทดลอง และลงมือทํา
การทดลอง ดังนี้
ตอนที่ 1
1. ใหนักเรียนใสน้ําลงในลูกโปง เขยาไปมา สังเกต และบันทึกผล
ตอนที่ 2
1. ใชเทปกาวปดรูทั้งหมดที่เจาะไวขางขวด ซึ่งเจาะรูเปนคูในระดับเดียวกัน 3 คู
2. เทน้ําที่ผสมสีลงไปในขวดใหสูงกวารูบนสุดเล็กนอย
3. นําขวดไปวางที่ขอบโตะ นําภาชนะมารองน้ํา ดึงไมที่ปดรูในแนวดิ่งออก 1 แถว
สังเกตและบันทึกผล
5. ทําซ้ําโดยเอาไมปดรูไว เทน้ําผสมสีลงในขวดจนเต็ม จากนั้นดึงไมที่ปดรูที่ระดับเดียวกันออก
ทั้งสองแถวทีละคู สังเกตและบันทึกผล
6. หลังจากที่นักเรียนปฏิบัติการทดลองและบันทึกผล จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อรวมกันอภิปราย
กับนักเรียน ดังนี้
27
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- จากการทดลองชุดที่ 1 นักเรียนสังเกตเห็นความแรงของน้ําเหมือนหรือแตกตางกัน
อยางไรบาง(ที่ระดับเดียวกันแรงดันน้ําจะพุงออกมาเทากัน แตถายิ่งอยูลึกเทาใด แรงดันน้ําจะยิ่งพุง
ออกมามากขึ้น)
- จากการทดลองชุดที่ 2 ตอนที่ 1 ลูกโปงใหญขึ้นเพราะเหตุใด (แรงจากน้ํากระทําตอ
ลูกโปงทําใหลูกโปงใหญขึ้น ซึ่งน้ํามีแรงกระทําตอวัตถุในทุกทิศทาง)
- จากการทดลองชุดที่ 2 ตอนที่ 2 น้ําที่พุงออกมาในแตละระดับมีความแรงแตกตาง
กันเปนเพราะเหตุใด (ที่ระดับความลึกมากความดันของของเหลวจะมีคามาก และที่ระดับความ
ลึกเทากันของเหลวจะมีความดันเทากัน)
จากนั้นครูนําขวดที่เจาะรู 3 รู อีกครั้ง แลวถามนักเรียนวา
- นักเรียนสามารถตอบไดหรือยังวา รูไหนน้ําพุงไกลที่สุด เพราะเหตุใด (รูที่ อยูลางสุด
พุงไกลสุด เพราะมีความดันของน้ํามากที่สุดเพราะอยูระดับลึกที่สุด)
- ถาครูใชขวดที่มีขนาดและรูปรางตางกัน แตใสน้ําใหมีระดับน้ําเทากัน นักเรียนคิดวา
น้ําจากขวดใดจะพุงออกจากรูที่มีระดับเทากันไดไกลที่สุด (ครูใหนักเรียนทํานายกอนสาธิตให)
(น้ําพุงไดไกลเทากัน)
- ถาครูใชน้ําปริมาตรเทากันแตใสในภาชนะที่มีขนาดตางกัน นักเรียนคิดวาน้ําจากขวด
ใดจะพุงออกจากรูที่มีระดับเทากันไดไกลที่สุด (ครูใหนักเรียนทํานายกอนสาธิตใหดู ซึ่ง
คําตอบคือ ขวดที่มีระดับน้ําสูงกวาจะพุงไดไกลกวา )
- นั่นแสดงใหเห็นวาความดันของของเหลวขึ้นอยูกับอะไร (ความลึก แตไมขึ้นอยูกับ
ปริมาตรของของเหลว)
7. หลังจากอภิปรายคําถามรวมกันแลว นักเรียนบันทึกผลและสรุปผล
8. ครูตั้งคําถามเพื่ออภิปรายกับนักเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาขอสรุปดังนี้
- จากกิจกรรมการทดลองชุดที่ 1 จะอธิบายไดอยางไร (ยิ่งลึกความดันน้ํายิ่งมาก)
- จากกิจกรรมการทดลองชุดที่ 2 จะอธิบายไดอยางไร (น้ํามีแรงกระทําตอวัตถุในทุก
ทิศทาง)
- รูปรางของภาชนะมีผลตอแรงดันน้ําหรือไม ถาน้ําอยูในระดับเทากัน(ไมสงผล)
9. นักเรียนตอบคําถามทายการทดลอง
10. ครูตั้งคําถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องปจจัยที่สงผล ตอแรงดันน้ํา ดังนี้
- นอกความความลึกแลวยังมีปจจัยใดอีกหรือไมที่สงผลตอแรงดันน้ํา(ความหนาแนน
ของของเหลว)
- เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น(ของเหลวตางชนิดกันจะมีความดันตางกัน โดยของเหลว
ที่มีความหนาแนนมาก จะมีความดันสูงกวาของเหลวที่มีความหนาแนนนอย)
11. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับการนําความรูเรื่องความดันของของเหลวไปใช
ประโยชน โดยครูนําอภิปรายโดยใชคําถาม ดังนี้
- สิ่งที่เกี่ยวของกับความลึก นักเรียนนึกถึงอะไรบาง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- นักเรียนคิดวาอะไรบางที่นําความรูเรื่องของเหลวไปอธิบายอะไรไดบาง (นักเรียน
แสดงความคิดเห็น)
- นักเรียนเคยเห็นแทงกน้ําที่บรรจุน้ําไวตามบานแตละหลังหรือไม
28
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- แทงน้ําที่นักเรียนเห็นถูกวางไวตําแหนงใดบาง(ดานบนบาน)
- เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น นักเรียนอธิบายไดหรือไมวาเขาใชหลักการใดมาใช
ประโยชน(ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น จนกระทั่งสามารถอธิบายไดวานําหลักการ
เรื่องความดันของของเหลวมาใชประโยชน)
- นั่นหมายความวาอยางไร (ถายิ่งวางแทงกน้ําสูงเทาใด แรงดันน้ําที่สงมายังบานก็จะ
มากขึ้นเทานั้น)
- ในการสรางเขื่อนนักเรียนคิดวาจะตองสรางอยางไร ถานักเรียนนําหลักการเรื่อง
ความดันของของเหลวมาใชประโยชนในการอธิบาย ( ตองสรางใหฐานเขื่อนมีความกวาง
มากกวาสันเขื่อน เพราะแรงดันของน้ําบริเวณฐานเขื่อนมากกวาแรงดันของน้ําบริเวณสันเขื่อน
เขื่อนตองสรางใหฐานเขื่อนกวางกวาสันเขื่อน)
-และในการสรางหรือการออกแบบเรือดําน้ํา จะตองทําอยางไร (จะตองสรางใหมีความ
แข็งแรงและทนทานตอสภาพความดันสูงในน้ําลึกได เพราะยิ่งลึกความดันน้ําจะยิ่งมากขึ้น)
12. ครูใหนักเรียนศึกษาใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง ความดันในของเหลว (หนังสือการตูนประวัติของ
ปาสคาลเกี่ยวกับความดันของของเหลว)ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใชคําถามดังนี้
- ปาสคาล มีลักษณะนิสัยอยางไร (มีจินตนาการและความคิดที่กวางไกล)
- ปาสคาลมีความสามรถอยางไรบาง(ศึกษาแนวคิดของยูคลิดในเรื่อง Elements
ในชวงอายุยังวัยเยาว และทําความเขาใจหลักและทฤษฎีหลายอยางของยูคลิดไดกอนอายุ 12 ป)
- ปาสคาลมีความสนใจในดานฟสิกส ไดศึกษาเรื่องของเหลว และแรงดันในของเหลว
ไดความวาอยางไร (ความกดของของไหลที่พื้นผิวภาชนะยอมกดทุกทิศทาง และแรงกดดันนั้นจะเปนมุม
ฉากกับผิวภาชนะที่ของไหลนั้นสัมผัส)
- เพราะเหตุใดถึงเรียกของเหลววาของไหล (เพราะลักษณะของของเหลวสามารถไหล
ได เชนเดียวกับแกสหรือากาศ)
- จากคํากลาวของปาสคาลเกี่ยวกับแรงดันในของเหลว นักเรียนจะนํามาอธิบายในการ
ทดลองขางตนไดอยางไร(จากการทดลองนําน้ําใสไปในลูกโปงและพบวาแรงดันน้ําดันลูกโปงทุกทิศทาง
ทําใหลูกโปงขยายใหญขึ้น)
- จากหลักการดังกลาวขางตน ปาสคาลนําความรูนี้ไปประดิษฐอยางไร (ประดิษฐ
เครื่องจักรไฮดรอลิก)
13. ครูนํารูป เครื่องจักรไฮดรอลิกมาใหนักเรียนพิจารณา แลวตั้งคําถาม ดังนี้
29
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- จากภาพที่กําหนดใหปาสคาลอธิบายหลักการทํางานของเครื่องจักรไฮดรอลิก
อยางไร(ถาลูกสูบเล็กถูกกดลงไปในภาชนะที่ใสของไหล ลูกสูบอันใหญจะถูกยกขึ้นอีกดานหนึ่งของ
ภาชนะนั้น)
- ปาสคาลไดแนวคิดนี้มาจากไหน(ประยุกตใชแนวคิดของอารคีเมดิส)
- เครื่องจักรไฮโดรลิกนี้นํามาใชประโยชนอยางไรบางในปจจุบัน(ยกของ)
15. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
กิจกรรม : การลอยและการจมของวัตถุ เวลา 2 ชั่วโมง
1. ครูตั้งคําถามเพื่อนําความรูเขาสูบทเรียน โดยตั้งคําถามวา
- ถานักเรียนโยนกอนหินและแผนโฟมลงไปในน้ํา นักเรียนคิดวาอะไรจะจมและลอย
น้ํา เพราะเหตุใด
- ถานักเรียนโยนตะปูและขวดพลาสติกลงในน้ํา นักเรียนคิดวาอะไรจะจมและลอยน้ํา
เพราะเหตุใด
- ในหองเรียนของเรามีอะไรบางที่จมน้ําและลอยน้ําได
2. นักเรียนชวยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวัตถุที่จมและลอยน้ํา เพื่อเชื่อมโยง
ไปสูการเรียนรูเรื่องแรงพยุงของของเหลว
3. ครูนําอางใสน้ํามาตั้งไวบนโตะและเตรียมกระดาษฟอยล 3 แผนที่มีขนาดเทากัน จากนั้นทํา
กระดาษฟอยลใหมีรูปทรงตางกัน ดังนี้ พับใหแนนจนเล็ก ขยําเปนกอนกลม และเปนแผนตรงกลางโคง
ขอบตั้งขึ้น แลวนํากระดาษฟอยลทั้ง 3 ลงไปลอยในน้ํา นักเรียนสังเกตและรวมกันอภิปราย
4. นักเรียนเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แลวนําคําตอบที่นักเรียนตอบเขียนไวบน
กระดานดํา
5. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับแรงพยุงของของเหลวจากหนังสือเรียน หนังสืออื่น ๆ หรือ
อินเทอรเน็ตในหองสมุด
30
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
6. ครูแบงนักเรียนกลุมละ 56 คน ปฏิบัติกิจกรรมแรงพยุงน้ํา แตละกลุมปฏิบัติกิจกรรมตาม
ขั้นตอนที่วางแผนไว โดยครูชี้แจงการทํากิจกรรม ดังนี้
- ตัดขวดน้ําดื่มพลาสติกสี่เหลี่ยมดานใดดานหนึ่งออกใหเปนชองสี่เหลี่ยม สวนดานขาง
ในติดกระดาษที่ขีดเปนเสนระยะหางเทา ๆ กัน
- ใสน้ําลงไปครึ่งหนึ่ง แลวนําขวดพลาสติกไปวางในอางน้ํา
- คอย ๆ วางกอนหินลงในขวดทางชองดานบน โดยวางกอนแรกตรงกลาง แลวไล
ออกมาสองขางสลับกันไป
- สังเกตขีดที่ดานขางของขวดและจํานวนกอนหิน บันทึกผล
7. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนาชั้นเรียน
8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใชแนวคําถามตอไปนี้
- จากการทดลองเมื่อนักเรียนเพิ่มจํานวนกอนหินลงในขวด ผลเปนอยางไร
- ถาเปรียบขวดเปนเรือบรรทุกสินคา นักเรียนมีวิธีสรางเรือใหบรรทุกสินคาไดมาก ๆ ดวย
วิธีการใด
9. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงการลอยและจมของกระดาษฟอยลทั้ง 3 แบบจนได
ขอสรุปวา กระดาษฟอยลที่จมน้ําเพราะแรงพยุงของน้ํามีนอยกวาขนาดของกระดาษฟอยล สวน
กระดาษฟอยลที่ลอยน้ําเพราะแรงพยุงของน้ํามากกวาขนาดของกระดาษฟอยล
10. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับเรื่องแรงพยุงของของเหลว โดยสรุปไดวา แรงพยุงน้ํามี
คาเทากับน้ําหนักของน้ํา ปริมาตรเทากับสวนที่จมของวัตถุหรือขึ้นอยูกับสวนที่จม
11. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา จากหลักการดังกลาวที่นักเรียนเรียนรูมาเราสามารถนํามาสรางเรือดํา
น้ํา แพ หรือหวงยางก็ได แลวใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมสังเกตเรือดําน้ํา โดยมีขั้นตอนดังนี้
- นําขวดน้ําดื่มพลาสติกมาเจาะรูดานขางเรียงเปนแนวยาวประมาณ 6 รู ตามรูปใน
หนังสือเรียน
- เจาะรูที่ฝาใหใหญพอที่จะเสียบหลอดดูดเขาไปได อุดขอบดวยดินน้ํามันใหสนิท
- นําเทปกาวยนมาปดรูไว ใสน้ําใหเต็มแลวปดฝา นําไปใสในอางน้ํา โดยใหดานที่มีรูอยู
ดานลาง จากนั้นดึงเทปกาวยนออก ปลายหลอดดูดโผลอยูเหนือน้ํา ตามรูปในหนังสือเรียน
- เปาลมลงไปในขวดอยางตอเนื่อง โดยจัดใหดานที่มีรูอยูดานลางตลอดเวลา สังเกตสิ่งที่
เกิดขึ้น บันทึกผล
12. นักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับเรือดําน้ํา
13. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชนที่ไดรับจากจากหลักการของ
แรงพยุงน้ํานักเรียนสามารถนําไปใชประโยชนไดอยางไนบาง
14. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรือสินคาวา เพราะเหตุใดเรือสินคาซึ่งทํา
ดวยเหล็กจึงสามารถลอยน้ําได
15. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
31
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรม : ประดิษฐเรือเรือไฟฟาขนสงสินคา เวลา 2 ชั่วโมง
1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้ ใหนักเรียนแบงกลุมและทํากิจกรรมเรื่อง ประดิษฐเรือ
ไฟฟา กระดาษทดสอบประสิทธิภาพของเรือไฟฟาของแตละกลุมที่ไดสรางขึ้น นําเสนอผลและสรุปผล
การทํากิจกรรม จากนั้นสืบคนหลักการประดิษฐเรือไฟฟา และประโยชนของการนําเรือไปใช และสรุป
การนําความรูเรื่องเรือไฟฟา ไปใชประโยชนเปนแผนภาพความคิดแลวใหแตละกลุมนําเสนอแลกเปลี่ยน
หนาชั้นเรียน
2. จากการทํากิจรรมประดิษฐเรือไฟฟา นักเรียนควรสรุปไดวา จากผลการทํากิจกรรมและจาก
การตอบคําถามทายกิจกรรม นักเรียนควรสรุปไดวา แรงลอยตัว หมายถึง แรงที่ชวยพยุงใหวัตถุไมจมลง
ในของเหลว โดยแรงลอยตัวจะกระทํากับวัตถุในทิศตรงขามกับแรงเนื่องจากน้ําหนักของวัตถุ
โดยปจจัยที่มีผลตอการลอยและการจม ไดแก ความหนาแนนของวัตถุ ซึ่งวัตถุมีความหนาแนนนอยกวา
ของเหลว วัตถุจะลอยในของเหลว วัตถุมีความหนาแนนเทากับของเหลว วัตถุจะลอยปริ่มของเหลว วัตถุ
มีความหนาแนนมากกวาของเหลว วัตถุจะจมในของเหลว และความหนาแนนของของเหลว คือ
ของเหลวที่มีความหนาแนนมาก จะมีแรงลอยตัวมาก ของเหลวที่มีความหนาแนนนอย จะมีแรงลอยตัว
นอย
3. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการประดิษฐประดิษฐเรือไฟฟาที่สรางขึ้น โดยนําเสนอ
แนวคิดในการสราง รูปแบบของประดิษฐเรือไฟฟา เหตุผลในการเลือกใชวัสดุ รวมทั้งผลการทดสอบ
และการปรับปรุงแกไขกังหันลมจนมีประสิทธิผลมากที่สุด
4. จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตรที่เกี่ยวของ
กับประดิษฐเรือไฟฟา
5. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
กิจกรรม : ความดันในอากาศ เวลา 2 ชั่วโมง
1. ครูนําขวดพลาสติก2 ขวดโดยแตละขวดนําลูกโปงไวขางในแลวทําการเปา ทั้ง 2 ขวด ซึ่งขวด
ที่1 เมื่อเปาลูกโปง แลวพบวา ลูกโปงไมพอง แตเมื่อเปาลูกโปงในขวดใบที่ 2 ลูกโปงพองขึ้น
2. จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ดังนี้
- นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดลูกโปงลูกที่ 1 ถึงไมพอง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดลูกโปงลูกที่ 2 ถึงพอง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
3. จากนั้น ครูใหนักเรียนตรวดสอบขวดและ ลูกโปงทั้ง 2 ชุด แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
รวมกัน ดังนี้
- นักเรียนคนพบอะไรบาง(ขวดใบที่ 1 ไมมีการเจาะรู แตขวดใบที่ 2 มีการเจาะรู)
- นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดลูกโปงในขวดที่ 1 ถึงไมพอง และและขวดที่ 2 ถึงพอง
(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- รูที่นักเรียนสังเกตเห็นนั้นสงผลใหลูกโปงพองไดอยางไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- และเพราะเหตุใดขวดใบที่ 1 ถึงไมทําใหลูกโปงพอง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
32
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
ลูกโปงในขวดที่ 1 ลูกโปงในขวดที่ 2
4. ครูใหนักเรียนศึกษาใบกิจกรรม เรื่อง ความดันอากาศ (หนังสือการตูนประวัติของเกอรริค
เกี่ยวกับความดันอากาศ)และชมวิดีทัศนการคนพบสุญญากาศ ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใช
คําถามดังนี้
- เกอรริค คนพบอะไร(สุญญากาศ)
- สิ่งที่ทําใหเกอรริคเกิดความตองการอยากรู จนคนพบสุญญากาศคืออะไร(ชองวาง
ระหวางดวงอาทิตยกับอาวอื่นๆนั้น เปนอะไรกันแน ถาดาวเคราะหโคจรผานอากาศจะตองเกิด
การเสียดสีกับอากาศทาใหการโคจรชาลง แตการโคจรของดวงดาวกลับไมไดชาลงกวาเดิมเลย)
- เกอรริคสงสัยวาสิ่งที่ตัวเองคาดคิดไวนาจะเปน สุญญากาศ เบื้องตนเขาดําเนิน
การศึกษาอยางไร(สูบน้ําออกจากถังไมที่ปดสนิท)
- ผลที่เกิดขึ้นเปนอยางไร (ไมประสบผลสําเร็จ สุญญากาศไมสามารถเกิดขึ้นได)
- เขาทําการทดลองตออยางไร(นําลูกกลมกลวงผาซีกทําดวยสําริดมีเสนผาศูนยกลาง
15 นิ้วแลวจัดหาวงแหวนทาดวยหนังสัตวมาประกบระหวางลูกกลมนั้น สวนหนึ่งของลูกโลหะ
ทําเปนหวงสําหรับคลองเชือก เมื่อเขาประกบทรงกลมนั้นดวยกันสูบอากาศออกจนหมด เขาก็
ใหผูชมดึงลูกกลมนั้นใหแยกออกจากกัน ปรากฏวาไมมีใครสามารถแยกออกได เขาทดลองโดย
การใชมาดึงถึงขางละ 8 ตัว แตก็ไมสามารถแยกลูกกลมออกจากกันได เขาลองเพิ่มจานวนมา
ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาใชมาถึงขางละ 25 ตัว จึงสามารถแยกลูกกลมออกจากกันได)
- เกอรริคสรุปผลการทดลองของเขาวาอยางไร(สุญญากาศมีแรงดึงดูดและอากาศมีแรง
กดดันอยางมหาศาล)
- จากการทดลองในครั้งนั้นเพียงพอสําหรับเกอรริคหรือไม และเขาดําเนินการอยางไร
(ไมเพียงพอ เขาไดสรางลูกกลมขึ้นแตในคราวนี้ไมผาซีก เมื่อติดทอสูบอากาศเขาแลวนาไป
ทดลอง ครั้งนี้เขาใชกระบอกสูบทรงกระบอกขนาดใหญ โดยมีลูกสูบ ซึ่งมีน้ําหนักมาก และ
ขนาดพอเหมาะกับกระบอกสูบ จัดการนาไปแขวนกับลูกรอกที่ติดไวบนขาหยั่งสูงประมาณสอง
ชวงคน จากปลายเชือกที่ผูกโยงกับกานลูกสูบเขาสงผานลูกรอกไปยังดานลางดวยสายเชือกที่
เหนียวเสนหนึ่งโดยคลายเกลียวเชือกทางดานที่พนรอกไปแลวใหคลายออกเปนเกลียวเล็กๆ 20
เสน แลวใชคนแข็งแรงยืนจับปลายเชือกดานนั้นไวเสนละหนึ่งคนรวม 20 คนเมื่อเขาตอลูกกลม
สุญญากาศของกระบอกลูกสูบเพื่อที่จะเปดกอกที่ติดอยูกับขั้วตอนบนของลูกกลม ใหดูดอากาศ
ในกระบอกสูบออกเพื่อใหอากาศเขาไปในลูกกลมสุญญากาศนั้นทันทีที่เขาสั่งคนทั้ง 20 คน ให
ยึดสายเชือกใหแนนไวเพื่อดึงลูกสูบใหคงอยูในสภาพเดิม ครั้งเมื่อเปดก็อกเขาจริงๆ อากาศใต
ลูกสูบก็กรูเขาไปในลูกกลมอยางรวดเร็วมากและแรงกดของอากาศเหนือลูกสูบก็กดลงไปบน
33
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
ลูกสูบดวย จึงทําใหเกิดความแตกตางระกวางแรงกดลงไปบนลูกสูบดวย จึงทาใหเกิดความ
แตกตางระหวางแรงกดเบื้องบนกับแรงดูดเบื้องลางไมเทากัน และลูกสูบที่มีน้ําหนักมากอยูแลว
นั้นก็เลื่อนลงสูเบื้องลางไมเทากันและลูกสูบที่มีน้ําหนักมากอยูแลวนั้นก็เลื่อนลงสูเบื้องลางอยาง
รวดเร็วจนกระตุกใหคนแข็งแรง 20 คนยึดสายเชือกอยูอีกดานหนึ่งใตลูกรอก ตองเขยื้อนที่จาก
ตําแหนงที่ยืนเดิม)
- จากการทดลองในครั้งถัดมานี้เขาไดสรุปผลการทดลองวาอยางไร(อากาศมีแรง
กดดัน)
- สิ่งที่เกอรริคสงสัยหลังจากทําการทดลองนี้คืออะไร(ลูกกลมสุญญากาศกับลูกกลมที่มี
อากาศบรรจุอยูนั้น จะมีน้ําหนักแตกตางกันหรือไม)
- เขาดําเนินการแกไขสิ่งที่ตนเองสงสัยอยางไร(ทดลองชั่งน้ําหนักดูและผลปรากฎวาลูก
กลมที่มีอากาศบรรจุอยู หนักกวาลูกกลมที่สูบอากาศออกจนหมด ทั้งๆที่ลูกกลมนั้นก็เปนลูก
กลมลูกเดียวกัน)
- การคนพบนี้สงผลตอความคิดเดิมของอริสโตเติลอยางไร(อริสโตเติลกลาวไววา
“อากาศไรน้ําหนัก” แตจากการทดลองนี้เกอรริคสามารถลบลางแนวคิดเดิมของอริสโตเติลได
อยางชัดเจน)
5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรับไมดันทอกลุมละ 2 ดาม และใบกิจกรรมการทดลองที่ 2 แลวให
ปฏิบัติ ดังนี้
- นําไมดันทอไปดันที่พื้นเรียบกดใหแรง แลวสังเกตผล
- จากนั้นใหนักเรียนดึงไมดันทอออกมา แลวสังเกตผล
- ครั้งตอมา ใหนักเรียนยืนคนละขางแลวนําไมดันทอ 2 ดามมาประกบกันแลวกดเขา
หากัน แลวสังเกตผล
- จากนั้นใหนักเรียนที่ยืนจับไมดันทอทั้งสองขางคอยๆดึงไมดันทอออกพรอมๆกัน แลว
สังเกตผล
หลังเสร็จกิจกรรมการทดลอง ครูและนักเรียนตั้งคําถามอภิปรายดังนี้
- จากกิจกรรมดังกลาวนักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงดึงไมดันทอออกมาจากพื้นไมได
- และเมื่อนักเรียนนําไมดันทอ 2 ดาม มาประกบกันแลวดึงออก ผลปรากฏวาดึงไม
ออก เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- จากกิจกรรมดังกลาวนักเรียนไดขอคิดเห็นอะไรบางเมื่อไปเปรียบเทียบกับการ
ทดลองของเกอรริค(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
6. ครูใหนักเรียนศึกษาหนังสือการตูนประวัติของทอรริเชลลีและปาสคาล เกี่ยวกับความดัน
อากาศแลวนําเขาสูเรื่องความดันอากาศโดยตั้งคําถามอภิปรายดังนี้
- ในเวลาใกลเคียงกันทอรริเชลลี่ไดทําการทดลองคนควาเกี่ยวกับเรื่องอะไร(หา
คําอธิบายเกี่ยวกับปญหาการสูบน้ํา วาเพราะเหตุใดถึงสูบน้ําไดสูงเพียง 33 ฟุต เทานั้น)
- จากขอมูลที่นักเรียนไดศึกษาทอรริเชลลีเปนคนที่มีลักษณะนิสัยอยางไร (นักเรียน
แสดงความคิดเห็น)
34
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- ปญหาที่ทอรริเชลลีคนพบนั้น มีวิธีดําเนินการแกปญหาอยางไรบาง (นักเรียนแสดง
ความคิดเห็น)
- ในขณะที่คนงานพยายามสูบน้ําขึ้นมา น้ําจะขึ้นมาไดสูงเพียง 33 ฟุตเทานั้น ทอรริ
เชลลี ทําการตรวจสอบเหตุการณเบื้องตนอยางไร(ใหคนงานลองสูบหลายๆครั้ง ซึ่งผลก็ได
ออกมาเชนเดิม)
- เหลาคนงานเชื่อวาสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเปนผลมาจากอํานาจของเทพเจาที่ทําใหเกิด
เหตุการณเชนนี้ นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดเหลาคนงานถึงคิดเชนนั้น (นักเรียนแสดงความ
คิดเห็น)
- ทอรริเชลลีเชื่อตามเหลาคนงาน ที่กลาวอางหรือไม อยางไร(ไมเชื่อ แตพยายาม
หาทางพิสูจนสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหเกิดความชัดเจนมากที่สุด)
- ทอรริเชลลี นําขอมูลที่ไดจากการลงไปตรวจสอบ ไปปรึกษากาลิเลโอไดขอสรุปวา
อยางไรบาง (การที่สูบน้ําไมขึ้นก็เพราะวาในทอสูบมีชองวางเกิดขั้นในขณะชักลูกสูบ ชองวางนี้
ไมมีอากาศ และธรรมชาติไมตองการใหมีสุญญากาศเกินกวา 33 ฟุต)
- คําแนะนําที่ไดเพียงพอสําหรับทอรริเชลลี หรือไม (ไมเพียงพอ)
- ทอรริเชลลี มีความคิดเห็นอยางไรเกี่ยวกับ แนวคิดของกาลิเลโอ(สุญญากาศไมใชตัว
ขัดขวาง)
- ทอรริเชลลี ดําเนินการทดลองเพื่อพิสูจนสิ่งที่เขาสงสัยอยางไร(นําหลอดแกวสูง
ประมาณ 3 ฟุต ปลายขางหนึ่งปด สวนปลายอีกขางหนึ่งเปด แลวกรอกปรอทใสในหลอดแกว
จนเต็ม เอามือปดปากหลอดแกวไวใหแนนแลวค่ําหลอดลงไปในอางปรอท เมื่อเอามือออกจาก
ปากหลอดแลวจับแกวใหตั้งตรง จะสังเกตเห็นวาระดับปรอทลดลงมาอยูที่ระดับ 30 นิ้วเหนือ
ระดับปรอทที่วางเปลา)
- เพราะเหตุใดทอรริเชลลีจึงใชปรอทแทนน้ําในการทดลอง (เพื่อลดความยาวของ
หลอดใหสั้นลง ทําใหสะดวกตอการทดลองมากยิ่งขึ้น)
- เมื่อสังเกตเห็นวาระดับปรอทอยูที่ระดับ 30 นิ้วเหนือระดับปรอทที่วางเปลานั้น ทอร
ริเชลลี ทําการทดลองอยางไรตอ (ลองเอียงหลอดแกวไปมา เหนือระดับปรอทก็ยังคงอยูที่ระดับ
30 นิ้ว )
- เมื่อทอรริเชลลีใหวิเวียนนี่ทดลองซ้ําๆ ผลปรากฏเปนอยางไร(ใหผลเชนเดิม)
- ทอรริเชลลีสรุปสิ่งที่เขาคนพบวาอยางไร(หลอดยาวที่บรรจุน้ําหรือหลอดเล็กที่บรรจุ
ปรอทตางก็มีแรงกดที่เกิดจากการกระทําของบรรยากาศไดทั้งนั้น)
- สิ่งที่ทําใหการคนพบในครั้งนี้ของเขา มีความนาเชื่อถือและสรางชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น
ทอรริเชลลี ไดดําเนินการอยางไรตอ(นําผลการทดลองไปเสนอแกดยุคแหงทัสกานีและ
ประชาชนทราบจนหายขอของใจ)
- หลังจากที่ทอรริเชลลีไดประกาศใหสาธารณะชนทราบ เกี่ยวกับเรื่องความดันน้ําแลว
เขาคนพบความรูอะไรเพิ่มเติมอีกบาง(ทดลองวัดความกดอากาศในแตละวันโดยสังเกตระดับน้ํา
ในหลอดแกว แลวสรุปไดวา บรรยากาศเปนตัวการที่ทําใหแรงกดอากาศเปลี่ยนไปในเวลา
ตางกัน)
35
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- จากความรูเพิ่มเติมดังกลาวนี้เขาไดนําไปตอยอดอยางไรอีกบาง(ประดิษฐ
บารอมิเตอรแบบปรอทวัดความดันอากาศ)
- หลักการของบารอมิเตอรแบบปรอททํางานอยางไร( บารอมิเตอรแบบปรอท
ประกอบดวยหลอดแกวยาวที่ปดปลายดานหนึ่งไว และทําใหเปนสุญญากาศ นําไปคว่ําลงใน
อางที่บรรจุปรอทไว อากาศภายนอกจะกดดันใหปรอทเขาไปอยูในหลอดแกวในระดับหนึ่งของ
หลอดแกว ระดับของปรอทจะเปลี่ยนแปลงไปตามความกดดันของอากาศ โดยความดัน 1
บรรยากาศจะดันปรอทใหสูงขึ้นไปได 76 เซนติเมตร หรือ 760 มิลลิเมตร)
7. จากนั้นครูใหนักเรียนชมวิดิทัศนเกี่ยวกับการทดลองวัดความดันอากาศ พรอมรับใบบันทึก
การทดลอง เพื่อบันทึกผลการทดลองตามวิดีทัศน
8. หลังจากนั้นเมื่อนักเรียนบันทึกการทดลองในใบกิจกรรมที่ 3 เรียบรอยแลว ครูสุมเลือก
ตัวแทนเพื่อออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลอง
9. จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้
- การทดลองครั้งนี้กระทําที่ใด(บริเวณพื้นราบของโลก)
- จากการทดลองเมื่อเทสารปรอทลงในหลอดแกวยาวที่ปดดานหนึ่งใหเต็มแลวเอา
ปลายเปดดานหนึ่งคว่ําลงในอางปรอทจะเกิดอะไรขึ้น(ปรอทจะลดระดับต่ําลง)
- ชองวางที่อยูเหนือปรอทที่ลดต่ําลงมีอากาศหรือไม(ไมมี ชองวางนั้นอยูในสภาวะ
สุญญากาศ)
- ชองวางนี้ใครเปนผูคนพบเปนคนแรก (ทอรริเชลลี)
- ความสูงที่วัดไดเปนอยางไร(ปรอทลดระดับต่ําลงมา อยูที่ความสูง 76 เซนติเมตร)
- ระดับความสูงนี้จะอยูที่ความดันบรรยากาศของพื้นโลก ที่เทาใด (1 บรรยากาศ)
- นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดเราถึงตองวัดความดันอากาศดวยวิธีการนี้(เพราะจะทําให
รูวาความดันสงผลทําใหปรอทลดระดับลงมาเทากับความดันภายในปรอท)
- เมื่อเราทดลองโดยใชน้ําแทนปรอท ทําไมระดับน้ําที่ใชถึงมีความสูงมากกวาปรอท
(เพราะวาน้ํามีความหนาแนนนอยกวาปรอทสงผลทําใหระดับน้ําที่ใชมีความสูงกวาปรอท
มากกวาปกติ)
- ขณะที่ยกทอน้ําที่มีปลายปดขางหนึ่งขึ้นแลวเอาปลายเปดอีกดานหนึ่งคว่ําลงไปใน
อางน้ําจะเกิดอะไรขึ้น(ระดับของน้ําจะลดลงมาที่ 10 เมตร)
- เนื่องจากน้ํามีความดันนอยกวาปรอทมาก จากการทดลองระดับน้ําลดลงมาอยูที่
ความสูง 10 เมตร นักเรียนคิดวา ใน 1 บรรยากาศ ระดับความสูงของน้ําจะอยูที่กี่เมตร(ใน 1
บรรยากาศน้ําจะมีระดับความสูงอยูที่ 10 เมตร)
- จากการทดลอง ปรอทและน้ํา ที่ 1 บรรยากาศจะสรุปไดวาอยางไร(ใน 1 บรรยากาศ
น้ําจะมีระดับความสูงอยูที่ 10 เมตร สวน ปรอทจะมีระดับความสูงอยูที่ 76 เซนติเมตร)
- หลังจากทําการทดลองวัดความดันอากาศในพื้นราบแลว เมื่ออยูในที่สูงขึ้นความดัน
อากาศจะเปนอยางไร(จะลดลง)
-เพราะเหตุใดความดันอากาศยิ่งสูงขึ้นยิ่งลดลง(เนื่องจากมีสภาพอากาศที่เบาบางมาก
สงผลใหความดันอากาศลดลง)
36
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- อะไรที่ทําใหนักเรียนเชื่ออยางนั้น(จากการทดลองเมื่อนําปรอทไปวัดในระดับความ
สูงแตละระดับพบวาความสูงของปรอทลดลงเรื่อยๆและเมื่ออยูที่จุดสูงสุดของความสูงพบวา
ปรอทจะลดต่ําลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับระดับความสูงกอนหนานั้น)
- นักเรียนสามารถแสดงผลการทดลองดวยการวาดกราฟไดอยางไร(กราฟความสูงของ
ปรอทจะคอยๆลดลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น)
- จากการทดลองที่ระดับความสูงที่แตกตางกันนั้นแสดงใหเห็นวาความดันอากาศสงผล
ตอระดับความสูงของปรอทอยางไร(ที่ความสูงมากความดันอากาศจะดันใหปรอทสูงนอยลง แต
เมื่ออยูบนพื้นที่ราบที่ต่ําลงมาความดันอากาศจะดันใหปรอทมีความสูงมากขึ้น)
10. นักเรียนแตละคนรวมกันตรวจสอบสรุปผลการทดลองของตนเองหลังจากที่ไดรวมกัน
อภิปรายกลุมกอนนําสงครู
11. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเพื่อหาขอสรุปเกี่ยวกับการทดลอง โดยครูตั้งคําถามดังนี้
- เกอรริคไดพยายามทํานั้นทําการทดลองหลายครั้งก็พบความผิดพลาดแตเขาไมเคย
ยอมแพ นักเรียนคิดวาเกอรริคเปนคนที่มีลักษณะนิสัยอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
- เกอรริคสรุปผลการทดลองของเขาวาอยางไร(สุญญากาศมีแรงดึงดูดและอากาศมีแรง
กดดันอยางมหาศาล)
- การคนพบนี้สงผลตอความคิดเดิมของอริสโตเติลอยางไร(อริสโตเติลกลาวไววา
“อากาศไรน้ําหนัก” แตจากการทดลองนี้เกอรริคสามารถลบลางแนวคิดเดิมของอริสโตเติลได
อยางชัดเจน)
- อะไรเปนสิ่งที่ทําใหเกอรริคแยงความคิดเดิมของอริสโตเติลที่มีคนยึดถือมานานหลาย
พันปได(เมื่อเขาทําการทดลองชั่งน้ําหนักลูกกลมสุญญากาศกับลูกกลมที่มีอากาศบรรจุอยูนั้น
จะมีน้ําหนักแตกตางกันทั้งๆที่เปนกลมลูกเดียวกัน)
- เกอรริคทําอยางไรใหทุกคนเชื่อวาสุญญากาศมีอยูจริง(ทําการทดลองตอหนา
สาธารณชน)
- ในเวลาใกลเคียงกันที่เกอรริคคนพบสุญญากาศ ณ เมืองทัสกานี ไดเกิดเหตุการณได
ขึ้น (เจาเมืองใหคนงานสูบน้ําแตสูบไดสูงสุดเพียง 33 ฟุตเทานั้น)
- เหตุการณดังกลาวสงผลใหทุกคนมีความเชื่อวาอยางไร(เกิดจากการกระทําของพระ
เจา)
- สิ่งที่ทําใหเจาเมืองหรือดยุคแหงทัสกานีสงสัยคืออะไร (ทําไมถึงสูบน้ําไดสูงเพียง 33
ฟุต)
- ทอรริเชลลีไดทําการตรวจสอบเหตุการณดังกลาวจากคํารองขอจากเจาเมืองหรือ
ดยุคแหงทัสกานี ไดผลเปนอยางไร (ทําการสูบน้ําขึ้นกี่ครั้งก็ตามระดับน้ําก็สูงไดเพียง 33 ฟุต)
- ทอรริเชลลีเชื่อตามคํากลาวอางของคนงานวาเกิดจากกระกระทําของพระเจาหรือไม
อยางไร (ไมเชื่อ แตพยายามหาขอพิสูจนจนพบ)
- เพราะเหตุใดทอรริเชลลีไดทําการทดลองเปลี่ยนจากทอสูบน้ําที่มีความยาวมากเปน
หลอดแกว(เพื่อใหสะดวกตอการทดลอง)
- เพราะเหตุใดทอรริเชลลีถึงไดใชปรอทแทนน้ําในการทดลอง(เพราะสามารถ
เปรียบเทียบความหนาแนนได)
37
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
- ทอรริเชลลีทําการเปรียบเทียบความหนาแนนของวัสดุทั้ง 2 ชนิดได แสดงวาเขาเปน
คนที่มีลักษณะอยางไร(คิดสรางสรรค แกไขปญหาได มีเหตุผล ฯลฯ)
- ทอรริเชลลีทําอยางไรใหการทดลองในครั้งนี้ไมคลาดเคลื่อน(ทดลองซ้ําหลายๆครั้ง
ผลปรากฏออกมาเชนเดิม)
- การทดลองของเขาไดรับความนาเชื่อถือมากขึ้นเมื่อใด(เมื่อนําไปทดลองตอหนา
สาธารณะชนและอธิบายจนกระจางวาเหตุการณที่เกิดขึ้น เกิดจากความดันอากาศไมใชเกิดจาก
การกระทําของพระเจา)
- จากนั้นปาสคาลเกิดความสงสัยวาที่ระดับความสูงที่เพิ่มมากขึ้นความดันอากาศจะ
เปนอยางไร เขาไดดําเนินการทดลองอยางไร(นําปรอทไปวัดที่เทือกเขาสูง)
- เพราะเหตุใดเขาถึงตองนําคนไปดวยหลายคน(เพื่อใหเปนประจักษพยานวาสิ่งที่
เกิดขึ้นเปนไปตามการทดลอง และเพื่อใหเกิดความนาเชื่อถือมากยิ่งขึ้น)
- เมื่อนําปรอทไปทดลองวัดความดันอากาศที่ระดับที่สูงขึ้นเปนอยางไร(ปรอทลดลง)
- นักเรียนสรุปความดันอากาศที่ระดับความสูงตางๆไดอยางไร (เมื่อความสูงเพิ่มขึ้น
ความดันอากาศจะลดลง)
- การมีมุมมองที่แตกตางมากขึ้นสงผลใหเรื่องความดันอากาศเปนอยางไร(สามารถ
นําไปอธิบายไดกวางมากขึ้น)
- นอกจากนั้นแลว โรเบิรต บอลย ไดคนพบวาอยางไรบาง(ปริมาตรของแกสจะเปน
สัดสวนกับความดัน หรือ ถาปริมาตรของกาซคงที่ ความดันคงที่ อุณหภูมิก็จะคงที่)
- จากขอความขางตน นักเรียนจะอธิบายความหมายไดวาอยางไร (ปริมาตรของกาซ
จะเพิ่ม - ลด ในอัตราสวนที่เทากันเสมอ เชน ถาเพิ่มความกดดันขึ้นเปน 1 เทา ปริมาตรของ
อากาศจะลดลง 1 เทา แตถาเพิ่มความกดดันเปน 2 เทา ปริมาตรของอากาศจะลดลงเปน 2
เทา)
- แตสิ่งที่เขาคนพบนั้นกลับไมไดรับความยอมรับเทาใดนักเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น
(คนสวนใหญเห็นวากฎของบอยลเปนเรื่องที่เปนไปไมได ที่ปริมาตรของกาซจะเพิ่ม - ลด ใน
อัตราสวนที่เทากันเสมอ)
- เขาดําเนินการอยางไรเพื่อใหสิ่งที่เขาคนพบนั้นทุกคนยอมรับกันมากขึ้น(ออกแบบ
การทดลองที่ทําใหเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น)
- โรเบิรต บอลย ทําอยางไรที่จะทําใหการทดลองของตนเองนาเชื่อถือมากขึ้น(ทําการ
ทดลองดังกลาวซ้ําๆ กวา รอย ครั้ง)
- หลังจากที่ไดทําการทดลองของตนเองตอหนาสาธารณะชน ผลเปนอยางไร(ผลการ
ทดลองครั้งนี้ทําใหผูที่มาเฝาดูการทดลองครั้งนี้เห็นและเขาใจในกฎของบอยล)
12. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
38
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรม : ประดิษฐจรวดขวดน้ํา เวลา 3 ชั่วโมง
1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้ ใหนักเรียนแบงกลุมและทํากิจกรรมเรื่อง ประดิษฐจรวด
ขวดน้ํา กระดาษทดสอบประสิทธิภาพของจรวดขวดน้ํา ของแตละกลุมที่ไดสรางขึ้น นําเสนอผลและ
สรุปผลการทํากิจกรรม จากนั้นสืบคนหลักการประดิษฐจรวดขวดน้ํา และสรุปการนําความรูเรื่องความ
ดันอากาศไปประดิษฐจรวดขวดน้ํา เปนแผนภาพความคิดแลวใหแตละกลุมนําเสนอแลกเปลี่ยนหนาชั้น
เรียน
2. จากการทํากิจรรมประดิษฐจรวดขวดน้ํา นักเรียนควรสรุปไดวา จากผลการทํากิจกรรมและ
จากการตอบคําถามทายกิจกรรม นักเรียนควรสรุปไดวา การเคลื่อนที่ของจรวดพลังน้ํา สามารถอธิบาย
ไดดวยกฏการเคลื่อนที่ขอที่สามของนิวตัน ซึ่งคิดขึ้นโดย เซอร ไอแซค นิวตัน นักวิทยาศาสตรชาว
อังกฤษ ซึ่งอธิบายไววา ในธรรมชาติเมื่อมีการกระทํา (หรือแรง) ใดๆ ตอวัตถุอันหนึ่ง จะปรากฏแรงที่มี
ขนาดเทากันแตมีทิศทางที่ตรงกันขาม กระทํากลับตอแรงนั้นๆ ซึ่งจรวดพลังน้ําสามารถสามารถ
ขับเคลื่อนขึ้นไปได แรงดันอากาศที่ถูกบรรจุอยูภายในขวดจะขับดันน้ําพนออกทางทายของจรวด และ
สงผลใหเกิดมีแรงในทิศตรงกันขามซึ่งถูกเรียกวา แรงผลัก ผลักดันใหจรวดเคลื่อนที่ไปทางดานหนา
นอกจากแรงผลักแลว ยังมีแรงอื่นๆ ที่มีสวนสําคัญในการเคลื่อนที่ไป หรือตอตานการเคลื่อนที่ของจรวด
อีก ซึ่งไดแก น้ําหนัก แรงตาน และแรงยก
2.1 น้ําหนัก คือแรงเนื่องจากสนามความโนมถวงของโลกที่กระทําตอวัตถุ โดยทั่วไปใน
การศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เราจะพิจารณาถึง น้ําหนักรวมของวัตถุ ซึ่งเปนแรงจาก
สนามความโนมถวงที่กระทํา ณ ตําแหนง จุดศูนยกลางมวล
2.2 แรงตาน คือแรงที่ขัดขวางการเคลื่อนที่ของวัตถุ ผานในตัวกลางที่เปนของเหลว
(รวมถึงอากาศ) มีทิศในทางตรงกันขามกับทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงตานนี้เกิดเนื่องจาก
ความแตกตางของความเร็วที่ผิวสัมผัสของของแข็ง ในระหวางที่มันเคลื่อนตัวผานไปใน
ของเหลว ดังนั้น ทุกๆ สวนของวัตถุจึงมีผลในการกอใหเกิดแรงดานนี้ ดังนั้นในการออกแบบ
จรวด หรืออากาศยานใดๆ จําเปนตองพิจารณาถึงรูปรางของวัตถุนั้นดวย
2.3 แรงยก เปนแรงที่ทําหนาที่พยุงอากาศยานใหลอยไดในอากาศ แรงยกโดยทั่วไปจะ
เกิดที่สวนของปกและแพนหางที่มีการเคลื่อนที่ และรบกวนในการไหลของอากาศ ใหมีการ
เบี่ยงเบนทิศทาง ดังนั้นถาไมมีการเคลื่อนที่ก็ไมเกิดแรงยกขึ้น
3. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการประดิษฐประดิษฐจรวดขวดน้ํา ที่สรางขึ้น โดย
นําเสนอแนวคิดในการสราง รูปแบบของประดิษฐจรวดขวดน้ํา เหตุผลในการเลือกใชวัสดุ รวมทั้งผลการ
ทดสอบและการปรับปรุงแกไขจรวดขวดน้ํา จนมีประสิทธิผลมากที่สุด
4. จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตรที่เกี่ยวของ
กับประดิษฐจรวดขวดน้ํา
5. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
39
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรม : เผยแพรความรูผลงานสิ่งประดิษฐ ใหกับนักเรียนในโรงเรียน ( 2 ชั่วโมง)
1. นักเรียนแตละกลุมเตรียมขอมูลเพื่อนําเสนอผลงานสิ่งประดิษฐของตนเองดวยรูปแบบตางๆ
เชน PowerPoint แผนภาพ หรือแผนพับใบความรู ใหผูสนใจไดมาศึกษาผลงานของกลุมตนเอง
2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันนําเสนอผลงานของตนเองแกนักเรียนในโรงเรียนพรอมทั้งตอบ
ปญหาตางๆดวยตนเอง
3. นักเรียนบันทึกขอมูลที่ไดจากการนําเสนอของตนเองเก็บเปนขอมูลเพื่อนํามาใชในการ
ปรับปรุงพัฒนางานในชิ้นงานถัดไป
4. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน
แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน
ตามสภาพจริง
10. การวัดและประเมินผล
 ประเมินพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม
 ประเมินการทํากิจกรรม
 ประเมินการออกแบบและประดิษฐสิ่งประดิษฐ
 ประเมินการสืบคน
 ประเมินการทดลอง
 ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคตามที่ระบุในหนวยการเรียนรู
40
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินการจัดกระทําและนําเสนอแผนภาพความคิด
ตัวชี้วัด
ระดับคะแนน
4 3 2 1
การจัดกระทําและ
นําเสนอแผนภาพ
ความคิด
จัดกระทําแผนภาพ
ความคิดอยางเปน
ระบบ และนําเสนอ
ดวยแบบที่ชัดเจน
ถูกตอง ครอบคลุม
และมีการ
เชื่อมโยงใหเห็น
เปนภาพรวม
จัดกระทําแผนภาพ
ความคิดอยางเปน
ระบบ มีการจําแนก
ขอมูลใหเห็น
ความสัมพันธ
และนําเสนอดวยแบบ
ที่ครอบคลุม
จัดกระทําแผนภาพ
ความคิดได มีการ
ยกตัวอยางเพิ่มเติม
และนําเสนอดวยแบบ
ตาง ๆ แตยังไม
ครอบคลุม
จัดกระทําแผนภาพ
ความคิดอยางไมเปน
ระบบ และนําเสนอ
ไมสื่อความหมาย
และไมชัดเจน
เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินผลงานการออกแบบสิ่งประดิษฐดวยวัสดุในทองถิ่น
หรือวัสดุเหลือใชในบาน
ตัวชี้วัด
ระดับคะแนน
4 3 2 1
1. การวางแผนใน
การออกแบบ
วางแผนในการออกแบบ
อยางคิดสรางสรรค
เหมาะสม มีความละเอียด
และมีการเชื่อมโยงใหเห็น
เปนภาพรวม แสดงใหเห็น
ถึงความสัมพันธของวิธีการ
ทั้งหมด
วางแผนที่จะออกแบบ
อยางคิดริเริ่ม และเหมาะสม
มีความละเอียด แตไมมีการ
เชื่อมโยงใหเห็นเปนภาพรวม
และไมแสดงใหเห็นถึง
ความสัมพันธของวิธีการ
วางแผนที่จะออกแบบ
อยางเหมาะสม แตไมมี
ความคิดสรางสรรค
ไมมีความละเอียด และไมมี
การเชื่อมโยงใหเห็นเปน
ภาพรวม
วางแผนที่จะออกแบบ
ตามแบบอยาง โดยไมมี
ความคิดสรางสรรค หรือ
ออกแบบตามที่ครูแนะนํา
2. การเลือกใชวัสดุ
ในทองถิ่น/วัสดุเหลือใช
เลือกใชวัสดุในทองถิ่นได
อยางสรางสรรค ดวยตนเอง
ราคาถูก และสามารถใชงาน
ไดอยางทนทาน
เลือกใชวัสดุในทองถิ่นได
อยางคิดริเริ่ม ราคาถูก และ
สามารถใชงานได
เลือกใชวัสดุในทองถิ่นได
ราคาถูก และสามารถใชงาน
ได
ไมใชวัสดุในทองถิ่น
แตใชวัสดุที่มีราคาแพง
3. การประดิษฐตาม
แผนที่ออกแบบ
ประดิษฐตามแผนที่
ออกแบบอยางเปนขั้นตอน
ดวยความคลองแคลว
มีการปรับปรุงเปนระยะ ๆ
ประดิษฐตามแผนที่
ออกแบบอยางเปนขั้นตอน
ดวยความคลองแคลว
มีการปรับปรุงบาง
ประดิษฐตามแผนที่
ออกแบบอยางเปนขั้นตอน แต
มีการแกไขปรับปรุง
เปนระยะบาง
ประดิษฐขามขั้นตอนและ
ไมมีการปรับปรุง
4. การนําเสนอ
แบบจําลอง
นําเสนอแบบจําลอง โดย
นําไปใชไดจริง ถูกตอง
นาสนใจ และชัดเจน มีการ
เชื่อมโยงใหเห็นเปนภาพรวม
นําเสนอแบบจําลอง โดย
นําไปใชไดจริง ถูกตอง
นาสนใจ และชัดเจน แต
ไมมีการเชื่อมโยงใหเห็น
เปนภาพรวม
นําเสนอแบบจําลองได
แตไมชัดเจน ตองมีการ
ยกตัวอยางเพิ่มเติมให
เขาใจงาย
นําเสนอแบบจําลองที่
ไมสามารถนําไปใชได
ไมสื่อความหมาย
ไมชัดเจน
5. การดูแลและการเก็บ
อุปกรณและ /
หรือเครื่องมือ
ดูแล เก็บ และทําความ
สะอาดอุปกรณและ/หรือ
เครื่องมือในการออกแบบ
และประดิษฐอยางถูกตอง
ตามหลักการ และแนะนํา
ใหผูอื่นดูแลและเก็บรักษา
ไดถูกตอง
ดูแล และทําความสะอาด
อุปกรณและ/หรือเครื่องมือ
ในการออกแบบและประดิษฐ
อยางถูกตอง แตเก็บไมถูกตอง
ดูแล เก็บ และทําความสะอาด
อุปกรณและ/หรือเครื่องมือ
ในการออกแบบและประดิษฐ
แตไมถูกตอง
ไมดูแลอุปกรณและ/หรือ
เครื่องมือในการออกแบบ
และประดิษฐ และไมสนใจ
ทําความสะอาด และเก็บ
ไมถูกตอง
41
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินการแสวงหาแหลงขอมูล
ตัวชี้วัด
ระดับคะแนน
4 3 2 1
1. การวางแผนคนควา
ขอมูลจากแหลง
เรียนรู
วางแผนที่จะคนควา
ขอมูลจากแหลงเรียนรู
ที่หลากหลายเชื่อถือได
และมีการเชื่อมโยงให
เห็นเปนภาพรวมแสดง
ใหเห็นถึงความสัมพันธ
ของวิธีการทั้งหมด
วางแผนที่จะคนควา
ขอมูลจากแหลงเรียนรู
ที่หลากหลาย และ
เหมาะสม แตไมมีการ
เชื่อมโยงใหเห็นเปน
ภาพรวม
วางแผนที่จะคนควา
ขอมูลจากแหลงเรียนรู
โดยมีครูหรือผูอื่น
แนะนําบาง
ไมมีการวางแผนที่
จะคนควาขอมูลจาก
แหลงเรียนรูอยาง
เปนระบบ
2. การเก็บรวบรวม
ขอมูล
เก็บรวบรวมขอมูล
ตามแผนที่กําหนด
ทุกประการ
เก็บรวบรวมขอมูล
โดยคัดเลือกและ/
หรือประเมินขอมูล
เก็บรวบรวมขอมูล
โดยไมมีการคัดเลือก
และ/หรือประเมิน
ขอมูล
เก็บรวบรวมขอมูล
เปนระยะขาดการ
ประเมินเพื่อคัดเลือก
3. การจัดกระทําขอมูล
และการนําเสนอ
จัดกระทําขอมูลอยาง
เปนระบบ มีการ
เชื่อมโยงใหเห็นเปน
ภาพรวม และนําเสนอ
ดวยแบบตาง ๆ อยาง
ชัดเจน ถูกตอง
จัดกระทําขอมูลอยาง
เปนระบบ มีการ
จําแนกขอมูลใหเห็น
ความสัมพันธนําเสนอ
ดวยแบบตาง ๆ ได
อยางถูกตอง
จัดกระทําขอมูลอยาง
เปนระบบมีการ
ยกตัวอยางเพิ่มเติมให
เขาใจงายและนําเสนอ
ดวยแบบตาง ๆ แตยัง
ไมถูกตอง
จัดกระทําขอมูลอยาง
ไมเปนระบบ และ
นําเสนอ ไมสื่อ
ความหมาย
และไมชัดเจน
4. การสรุปผล สรุปผลไดอยางถูกตอง
กระชับ ชัดเจน และ
ครอบคลุม มีเหตุผลที่
อางอิงจากการสืบคน
ได
สรุปผลไดอยางกระชับ
แตยังไมชัดเจนและ
ไมครอบคลุมขอมูล
จากการวิเคราะห
ทั้งหมด
สรุปผลไดกระชับ
กะทัดรัด แตไมชัดเจน
สรุปผลโดยไมใชขอมูล
และไมถูกตอง
5. การเขียนรายงาน เขียนรายงานตรง
ตามจุดประสงค
ถูกตองและชัดเจน
และมีการเชื่อมโยงให
เห็นเปนภาพรวม
เขียนรายงานตรง
ตามจุดประสงคอยาง
ถูกตองและชัดเจน
แตขาดการเรียบเรียง
เขียนรายงานโดยสื่อ
ความหมายได โดยมี
ครูหรือผูอื่นแนะนํา
เขียนรายงานได
ตามตัวอยาง แตใช
ภาษาไมถูกตอง และ
ไมชัดเจน
42
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินการปฏิบัติการทดลองของนักเรียน
ตัวชี้วัด
ระดับคะแนน
4 3 2 1
1. การทดลองตามแผนที่
กําหนด
ทดลองตามวิธีการและ
ขั้นตอนที่กําหนดไวอยาง
ถูกตองดวยตนเอง มีการ
ปรับปรุงแกไขเปนระยะ
ทดลองตามวิธีการและ
ขั้นตอนที่กําหนดไวดวย
ตนเอง มีการปรับปรุงแกไข
บาง
ทดลองตามวิธีการและ
ขั้นตอนที่กําหนดไว
โดยมีครูหรือผูอื่นเปน
ผูแนะนํา
ทดลองไมถูกตองตามวิธีการ
และขั้นตอนที่กําหนดไว
ไมมีการปรับปรุงแกไข
2. การใชอุปกรณและ/
หรือเครื่องมือ
ใชอุปกรณและ/หรือเครื่องมือ
ในการทดลองไดอยางถูกตอง
ตามหลักการปฏิบัติ
และคลองแคลว
ใชอุปกรณและ/หรือเครื่องมือ
ในการทดลองไดอยางถูกตอง
ตามหลักการปฏิบัติ
แตไมคลองแคลว
ใชอุปกรณและ/หรือเครื่องมือ
ในการทดลองไดอยางถูกตอง
โดยมีครูหรือผูอื่นเปน
ผูแนะนํา
ใชอุปกรณและ/หรือเครื่องมือ
ในการทดลองไมถูกตอง และ
ไมมีความคลองแคลวในการใช
3. การบันทึกผลการทดลอง บันทึกผลเปนระยะอยาง
ถูกตอง มีระเบียบ มีการ
ระบุหนวย มีการอธิบาย
ขอมูลใหเห็นความเชื่อมโยง
เปนภาพรวม เปนเหตุเปนผล
และเปนไปตามการทดลอง
บันทึกผลเปนระยะอยาง
ถูกตอง มีระเบียบ มีการ
ระบุหนวย มีการอธิบาย
ขอมูลใหเห็นถึงความสัมพันธ
เปนไปตามการทดลอง
บันทึกผลเปนระยะ แตไมเปน
ระเบียบ ไมมีการระบุหนวย
และไมมีการอธิบายขอมูล
ใหเห็นถึงความสัมพันธของ
การทดลอง
บันทึกผลไมครบ ไมมีการ
ระบุหนวย และไมเปนไปตาม
การทดลอง
4. การจัดกระทําขอมูล
และการนําเสนอ
จัดกระทําขอมูลอยางเปน
ระบบ มีการเชื่อมโยงใหเห็น
เปนภาพรวม และนําเสนอ
ดวยแบบตาง ๆ อยางชัดเจน
ถูกตอง
จัดกระทําขอมูลอยางเปน
ระบบ มีการจําแนกขอมูล
ใหเห็นความสัมพันธ
นําเสนอดวยแบบตาง ๆ ได
แตยังไมชัดเจน
จัดกระทําขอมูลอยางเปน
ระบบ มีการยกตัวอยาง
เพิ่มเติมใหเขาใจงายและ
นําเสนอดวยแบบตาง ๆ แต
ยังไมชัดเจน และไมถูกตอง
จัดกระทําขอมูลอยางไมเปน
ระบบ และมีการนําเสนอ
ไมสื่อความหมาย
และไมชัดเจน
5. การสรุปผลการทดลอง สรุปผลการทดลองไดอยาง
ถูกตอง กระชับ ชัดเจน และ
ครอบคลุมขอมูลจากการ
วิเคราะหทั้งหมด
สรุปผลการทดลองไดถูกตอง
แตยังไมครอบคลุมขอมูลจาก
การวิเคราะหทั้งหมด
สรุปผลการทดลองได
โดยมีครู หรือผูอื่นแนะนําบาง
จึงสามารถสรุปไดถูกตอง
สรุปผลการทดลองตามความรู
ที่พอมีอยู โดยไมใชขอมูลจาก
การทดลอง
6. การดูแลและการเก็บ
อุปกรณและ/หรือ
เครื่องมือ
ดูแลอุปกรณและ/หรือ
เครื่องมือในการทดลองและ
มีการทําความสะอาดและ
เก็บอยางถูกตองตามหลักการ
และแนะนําใหผูอื่นดูแล
และเก็บรักษาไดถูกตอง
ดูแลอุปกรณและ/หรือ
เครื่องมือในการทดลองและ
มีการทําความสะอาดอยาง
ถูกตอง แตเก็บไมถูกตอง
ดูแลอุปกรณและ/หรือ
เครื่องมือในการทดลอง
มีการทําความสะอาด
แตเก็บไมถูกตอง ตองใหครู
หรือผูอื่นแนะนํา
ไมดูแลอุปกรณและ/หรือ
เครื่องมือในการทดลองและ
ไมสนใจทําความสะอาด
รวมทั้งเก็บไมถูกตอง
43
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
แบบประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงค
ใฝเรียนรู
ตัวชี้วัดที่ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขารวมกิจกรรมการเรียนรู
พฤติกรรมบงชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผาน (1) ไมผาน (0)
4.1.1 ตั้งใจเรียน
4.1.2 เอาใจใสและ
มีความเพียรพยายามใน
การเรียนรู
4.1.3 สนใจเขารวม
กิจกรรมการเรียนรูตาง ๆ
ตั้งใจเรียน เอาใจใส
และมีความเพียร-
พยายามในการเรียนรู
เขารวมกิจกรรม
การเรียนรูตาง ๆ
เปนประจํา
ตั้งใจเรียน เอาใจใส
และมีความเพียร-
พยายามในการเรียนรู
เขารวมกิจกรรม
การเรียนรูตาง ๆ
บอยครั้ง
ตั้งใจเรียน เอาใจใส
และมีความเพียร-
พยายามในการเรียนรู
เขารวมกิจกรรม
การเรียนรูตาง ๆ
บางครั้ง
ไมตั้งใจเรียน
ตัวชี้วัดที่ 4.2 แสวงหาความรูจากแหลงเรียนรูตาง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ดวยการ
เลือกใชสื่ออยางเหมาะสม บันทึกความรู วิเคราะห สรุปเปนองคความรู สามารถนําไปใชใน
ชีวิตประจําวันได
พฤติกรรมบงชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผาน (1) ไมผาน (0)
4.2.1 ศึกษาคนควาหา
ความรูจากหนังสือ
เอกสาร สิ่งพิมพ
สื่อเทคโนโลยีตาง ๆ
แหลงเรียนรูทั้งภายใน
และภายนอกโรงเรียน
และเลือกใชสื่อไดอยาง
เหมาะสม
4.2.2 บันทึกความรู
วิเคราะห ตรวจสอบจาก
สิ่งที่เรียนรู สรุปเปน
องคความรู
4.2.3 แลกเปลี่ยนเรียนรู
ดวยวิธีการตาง ๆ และ
นําไปใชใน
ชีวิตประจําวัน
ศึกษาคนควาหา
ความรูจากหนังสือ
เอกสาร สิ่งพิมพ
สื่อเทคโนโลยีตาง ๆ
แหลงเรียนรู
ทั้งภายในและ
ภายนอกโรงเรียน
เลือกใชสื่อได
อยางเหมาะสม
มีการบันทึกความรู
สรุปเปนองคความรู
นําเสนอและ
แลกเปลี่ยน
องคความรูดวย
วิธีการที่หลากหลาย
ศึกษาคนควาหา
ความรูจากหนังสือ
เอกสาร สิ่งพิมพ
สื่อเทคโนโลยีตาง ๆ
แหลงเรียนรู
ทั้งภายในและ
ภายนอกโรงเรียน
มีการบันทึกความรู
สรุปเปนองคความรู
นําเสนอและ
แลกเปลี่ยนความรู
กับผูอื่นได
ศึกษาคนควาหา
ความรูจากหนังสือ
เอกสาร สิ่งพิมพ
สื่อเทคโนโลยีตาง ๆ
แหลงเรียนรู
ทั้งภายในและ
ภายนอกโรงเรียน
มีการบันทึกความรู
ไมศึกษาคนควาหา
ความรู
44
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
มุงมั่นในการทํางาน
ตัวชี้วัดที่ 6.1 ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหนาที่การงาน
พฤติกรรมบงชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผาน (1) ไมผาน (0)
6.1.1 เอาใจใสตอการ
ปฏิบัติหนาที่ที่ไดรับ
มอบหมาย
6.1.2 ตั้งใจและรับผิดชอบ
ในการทํางานใหสําเร็จ
6.1.3 ปรับปรุงและ
พัฒนาการทํางานดวย
ตนเอง
ตั้งใจและรับผิดชอบ
ในการปฏิบัติหนาที่
ที่ไดรับมอบหมาย
ใหสําเร็จ มีการ
ปรับปรุงและ
พัฒนาการทํางาน
ใหดีขึ้นดวยตนเอง
ตั้งใจและรับผิดชอบ
ในการปฏิบัติหนาที่
ที่ไดรับมอบหมาย
ใหสําเร็จ มีการ
ปรับปรุงการทํางาน
ใหดีขึ้น
ตั้งใจและรับผิดชอบ
ในการปฏิบัติหนาที่
ที่ไดรับมอบหมาย
ใหสําเร็จ
ไมตั้งใจปฏิบัติหนาที่
การงาน
ตัวชี้วัดที่ 6.2 ทํางานดวยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อใหงานสําเร็จตามเปาหมาย
พฤติกรรมบงชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผาน (1) ไมผาน (0)
6.2.1 ทุมเททํางาน
อดทน ไมยอทอตอ
ปญหาและอุปสรรค
ในการทํางาน
6.2.2 พยายาม
แกปญหาและอุปสรรค
ในการทํางานใหสําเร็จ
6.2.3 ชื่นชมผลงานดวย
ความภาคภูมิใจ
ทํางานดวย
ความขยัน อดทน
ไมยอทอตอปญหา
ในการทํางาน
พยายามใหงาน
สําเร็จตาม
เปาหมาย ชื่นชม
ผลงานดวยความ
ภาคภูมิใจ
ทํางานดวย
ความขยัน อดทน
พยายามใหงาน
สําเร็จตาม
เปาหมาย ชื่นชม
ผลงานดวยความ
ภาคภูมิใจ
ทํางานดวย
ความขยัน พยายาม
ใหงานสําเร็จตาม
เปาหมาย
ไมขยัน อดทนใน
การทํางาน
45
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
ความสัมพันธกับทักษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21
3Rs
 Reading - (อานออก)
 (W)Riting - (เขียนได)
 (A)Rithmetics - (คิดเลขเปน)
7Cs
 1- Critical thinking & problem solving
 2- Creativity & innovation
 3- Cross-cultural understanding
 4- Collaboration, teamwork & leadership
 5- Communications, information & media literacy
 6- Computing & ICT literacy
 7- Career & learning skills
2Ls
 Learning
 Leadership
46
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
ตัวอย่าง หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของอริสโตเติล
ภาพ ตัวอย่างหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของอริสโตเติล
ตัวอย่าง หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของกาลิเลโอและนิโคลัส โคเปอร์นิคัส
ภาพ ตัวอย่างหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของกาลิเลโอ
47
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
ตัวอย่าง หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของอาร์คิมีดิส
ภาพ ตัวอย่างหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของอาร์คิมีดิส
ตัวอย่าง หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของเกอร์ริค , เทอร์ริเชลลี และ โรเบิร์ต บอยล์
ภาพ ตัวอย่างหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของเกอร์ริค , เทอร์ริเชลลี และ โรเบิร์ต บอยล์
48
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
การทดลองปลอยกอนหินขนาดเล็กและกอนหินขนาดใหญ
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตกของกอนหินขนาดเล็กและกอนหินขนาดใหญ
อุปกรณ
- กอนหินขนาดเล็ก - กอนหินขนาดใหญ
- นาฬิกาจับเวลา - ตลับเมตร
- ตาชั่ง
วิธีการทดลอง
ใหนํากอนหินขนาดเล็กและกอนหินขนาดใหญปลอยในตําแหนงเดียวกัน ที่ ระยะ 30 ซม. , 50
ซม. , 100 ซม. , 200 ซม. และ 5 เมตร สังเกตและบันทึกผล
บันทึกผลการทดลอง
วัสดุ
ระยะ
ระยะเวลาที่ตก (วินาที)
กอนหินขนาดเล็ก กอนหินขนาดใหญ
มวล(กรัม)
30 เซนติเมตร
50 เซนติเมตร
100 เซนติเมตร
200 เซนติเมตร
5 เมตร
สรุปผลการทดลอง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
คําถามทายการทดลอง
- จากกิจกรรมการทดลอง นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงตองใหวัตถุตกลงมาในระยะตางกัน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
49
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
การทดลองปลอยขนนกกับลูกเหล็ก
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตกของขนนกและลูกเหล็ก
อุปกรณ
- ขนนก
- ลูกเหล็ก
- นาฬิกาจับเวลา
- ตลับเมตร
วิธีการทดลอง
ใหนําขนนกกับลูกเหล็กปลอยในตําแหนงเดียวกัน ที่ ระยะ 30 ซม. , 50 ซม. , 100 ซม. , 200
ซม. และ 5 เมตร สังเกตและบันทึกผล
บันทึกผลการทดลอง
วัสดุ
ระยะ
ระยะเวลาที่ตก (วินาที)
ขนนก ลูกเหล็ก
30 เซนติเมตร
50 เซนติเมตร
100 เซนติเมตร
200 เซนติเมตร
5 เมตร
สรุปผลการทดลอง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
คําถามทายการทดลอง
- จากกิจกรรมการทดลอง นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงตองใหวัตถุตกลงมาในระยะตางกัน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
50
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
การทดลองปลอยกระดาษเอสี่ สองรูปแบบ
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตกของกระดาษเอสี่ สองรูปแบบ
อุปกรณ
- กระดาษเอสี่ 2 แผน
- นาฬิกาจับเวลา
- ตลับเมตร
วิธีการทดลอง
นําเอากระดาษเอสี่แผนที่หนึ่งมาตัดครึ่งแลวขยําเปนกอนกลมๆ สวนแผนที่สอง คงรูปไว
เหมือนเดิม
จากนั้นนํามาถือไวในระดับเดียวกับกระดาษเอสี่เต็มแผน ปลอยในตําแหนงเดียวกัน
ที่ ระยะ 30 ซม. , 50 ซม. , 100 ซม. , 200 ซม. และ 5 เมตร สังเกตและบันทึกผล
บันทึกผลการทดลอง
วัสดุ
ระยะ
ระยะเวลาที่ตก (วินาที)
กระดาษเอสี่กอนกลมๆ กระดาษเอสี่เต็มแผน
30 เซนติเมตร
50 เซนติเมตร
100 เซนติเมตร
200 เซนติเมตร
5 เมตร
สรุปผลการทดลอง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
คําถามทายการทดลอง
- จากกิจกรรมการทดลอง นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงตองใหวัตถุตกลงมาในระยะตางกัน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
51
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
การทดลองปลอยวัตถุที่มีมวลตางกันเปนสองเทา
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตกของวัตถุที่มีมวลตางกันสองเทา
อุปกรณ
- ดินน้ํามันกอนใหญ 1 กิโลกรัม 2 กอน
- เครื่องชั่ง
- นาฬิกาจับเวลา
- ตลับเมตร
วิธีการทดลอง
ใหนํากอนดินน้ํามันที่มีมวลแตกตางกัน 2 เทา คือมวล 100 กรัม และ 200 กรัม ปนใหเปนทรง
กลมทั้งสองกอน แลวทําการปลอยในตําแหนงเดียวกัน ที่ ระยะ 5 เมตร สังเกตและบันทึกผล (ทํา
ทดลอง 3 ซ้ํา)
บันทึกผลการทดลอง
วัสดุ
เปรียบเทียบ
กอนที่ 1 กอนที่ 2
ระยะเวลาที่ตกถึงพื้น (วินาที) ครั้งที่ 1
ระยะเวลาที่ตกถึงพื้น (วินาที) ครั้งที่ 2
ระยะเวลาที่ตกถึงพื้น (วินาที) ครั้งที่ 3
สรุปผลการทดลอง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
คําถามทายการทดลอง
- เพราะเหตุใดจึงตองมีการทดลองแตละชุดการทดลองซ้ํา 3 ครั้ง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
52
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
การเคลื่อนที่ของวัตถุบนพื้นเอียง
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุในระดับความสูงที่แตกตางกัน
อุปกรณ
- รางไม 2 อัน ที่รองดวยกระดาษทราย
- รางไม 2 อัน ที่เรียบลื่น
- ลูกแกว 1 ลูก
- นาฬิกาจับเวลา
- ตลับเมตรหรือไมบรรทัด
วิธีการทดลอง
ขั้นที่ 1. นําลูกแกวมาปลอยดานบนของรางไมที่เอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร สังเกตการณเคลื่อน
ของลูกแกวพรอมจับเวลา ดังรูป
รางไม ที่รองดวยกระดาษทราย รางไม ที่เรียบลื่น
ขั้นที่ 2. ผลักลูกแกวจากดานลางของรางไมที่เอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร สังเกตการณเคลื่อน
ของ
ลูกแกวพรอมจับเวลา ดังรูป
รางไม ที่รองดวยกระดาษทราย รางไม ที่เรียบลื่น
ขั้นที่ 3. ผลักลูกแกวในแนวราบ สังเกตการเคลื่อนของลูกแกวพรอมจับเวลา ดังรูป
รางไม ที่รองดวยกระดาษทราย รางไม ที่เรียบลื่น
ขั้นที่ 4. วางรางไมที่เอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร ทั้งสองดาน วางไวหางกันประมาณ 20
เซนติเมตร
53
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
(ดังรูป) จากนั้นเลือกตําแหนงที่จะปลอยลูกแกว ทําเครื่องหมายไว แลวปลอยใหลูกแกวเคลื่อนที่ลง
สังเกตจุดที่ลูกแกวเคลื่อนที่ไปฝงตรงขามสูงสุดที่ตําแหนงใด ทําเครื่องหมายไว แลววัดระยะหางและ
ความสูงทั้งสองขาง
รางไม 2 อัน ที่รองดวยกระดาษทรายทั้งสองขาง
รางไม 2 อัน ที่เรียบลื่นทั้งสองขาง
ขั้นที่ 5. วางรางไมดานหนึ่งเอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร อีกดานสูง 20 เซนติเมตร วางไวหางกัน
ประมาณ 20 เซนติเมตร (ดังรูป) จากนั้นเลือกตําแหนงที่จะปลอยลูกแกว ทําเครื่องหมายไว แลวปลอย
ใหลูกแกวเคลื่อนที่ลง สังเกตจุดที่ลูกแกวเคลื่อนที่ไปฝงตรงขามสูงสุดที่ตําแหนงใด ทําเครื่องหมายไว
แลววัดระยะหางและความสูงทั้งสองขาง
รางไม 2 อัน ที่รองดวยกระดาษทรายทั้งสองขาง
รางไม 2 อัน ที่เรียบลื่นทั้งสองขาง
ขั้นที่ 6. วางรางไมดานหนึ่งเอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร บนพื้นราบ (ดังรูป) จากนั้นเลือก
ตําแหนงที่
จะปลอยลูกแกว ทําเครื่องหมายไว แลวปลอยใหลูกแกวเคลื่อนที่ลง สังเกตจุดที่ลูกแกวเคลื่อนที่ ทํา
เครื่องหมายไว แลววัดระยะหาง
54
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
รางไม 2 อัน ที่รองดวยกระดาษทราย
รางไม 2 อัน ที่เรียบลื่น
บันทึกผลการทดลอง ขั้นที่ 1-3
รางไม
ขั้น
รางไมที่รองดวยกระดาษทราย รางไมที่เรียบลื่น
ระยะหาง
(ซม.)
ความสูงจาก
พื้นราบ(ซม.)
ระยะหาง
(ซม.)
ความสูงจาก
พื้นราบ(ซม.)
ขั้นที่ 1
ขั้นที่ 2
ขั้นที่ 3
สรุปผลการทดลองขั้นที่ 1-3
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
บันทึกผลการทดลอง ขั้นที่ 4-6
รางไม
ขั้น
รางไมที่รองดวยกระดาษทราย รางไมที่เรียบลื่น
ระยะหาง
(ซม.)
ความสูงจาก
พื้นราบ(ซม.)
ระยะหาง
(ซม.)
ความสูงจาก
พื้นราบ(ซม.)
ขั้นที่ 4
ขั้นที่ 5
ขั้นที่ 6
สรุปผลการทดลองขั้นที่ 4-6
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
55
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
คําถามทายการทดลอง
- จากกิจกรรมการทดลอง เพราะเหตุใดถึงตองออกแบบการทดลองหลายขั้นตอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
56
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
หาปริมาตรของวัตถุ
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อหาปริมาตรของวัตถุ
อุปกรณ
- ดินน้ํามัน
- กอนหิน
- ตาชั่ง
- เครื่องชั่งสปริง
- ถวยยูเรกา
- บีกเกอร ขนาด 250 ml.
- บีกเกอร ขนาด 50 ml.
- กระบอกตวง
- น้ําเปลา
- เชือก
วิธีการทดลอง
1. นํากอนดินน้ํามันและกอนหินมามัดดวยเชือกที่มีความยาวเทากัน ซึ่งทั้งสองกอนจะตองมี
มวลเทากัน หาไดโดยนําไปชั่งในเครื่องชั่งที่เตรียมไวให แลวบันทึกผลในตาราง
2. เตรียมน้ําในบีกเกอร ขนาด 250 ml. จากนั้นนําไปเทลงในถวยยูเรกาจนน้ําไหลออกมาทาง
ปากทอลงในบีกเกอร ขนาด 50 ml. แลวจึงหยุดเติม (ดังรูป) รอใหน้ําไหลออกหมดจนอยูในระดับคงที่
3. เทน้ําในบีกเกอรที่ไหลออกมา ในขอ 2 กลับคืนในบีกเกอร ขนาด 250 ml.
4. นําบีกเกอร ขนาด 50 ml. อีกใบที่เช็ดสะอาดแลว มาเตรียมรองน้ําไว (ดังรูป)
57
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
5. นํา กอนหินคอยๆหยอนลงไปในถวยยูเรกา (ระวังอยาใหน้ํากระเด็นออกมานอกถวย) ปลอย
ไวสักครูใหน้ําไหลออกมาทางปากทอถวยยูเรกาใหหมดจนหยดสุดทาย จากนั้นนําน้ําในบีกเกอรที่ไดไป
ตวงในถวยตวง อานปริมาตรที่ได แลวบันทึกผล
6. นํา กอนดินน้ํามันคอยๆหยอนลงไปในถวยยูเรกา (ระวังอยาใหน้ํากระเด็นออกมานอกถวย)
ปลอยไวสักครูใหน้ําไหลออกมาทางปากทอถวยยูเรกาใหหมดจนหยดสุดทาย จากนั้นนําน้ําในบีกเกอรที่
ไดไปตวงในถวยตวง อานปริมาตรที่ได แลวบันทึกผล
7. คํานวณหาความหนาแนน โดยใชสูตรดังนี้
ความหนาแนน =
มวล
ปริมาตร
บันทึกผลการทดลอง
วัสดุ
เปรียบเทียบ
มวล
หนวย..........
ปริมาตร
หนวย..........
ความหนาแนน
หนวย..........
กอนดินน้ํามัน
กอนหิน
สรุปผลการทดลอง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
58
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
หาแรงลอยตัว
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อหาแรงลอยตัวของวัตถุ
อุปกรณ
- ดินน้ํามัน มวล 300 กรัม และ 500 กรัม
- เครื่องชั่งสปริง
- ตาชั่ง
- ถวยยูเรกา
- บีกเกอร ขนาด 1,000 ml.
- บีกเกอร ขนาด 250 ml.
- บีกเกอร ขนาด 50 ml.
- กระบอกตวง
- น้ําเปลา
- เชือก
วิธีการทดลองชุดที่ 1
1. ผูกกอนดินน้ํามันมวล 300 กรัม เขากับเครื่องชั่งสปริง บันทึกน้ําหนักไว
2. ผูกกอนดินน้ํามันมวล 500 กรัม เขากับเครื่องชั่งสปริง บันทึกน้ําหนักไว
3. นํากอนดินน้ํามันมวล 300 กรัม ที่ผูกเขากับเครื่องชั่งสปริง แชลงไปในบีกเกอร
ขนาด 1,000 ml.ที่ใสน้ําไว อานคาน้ําหนักที่ได
4. นํากอนดินน้ํามันมวล 500 กรัม ที่ผูกเขากับเครื่องชั่งสปริง แชลงไปในบีกเกอร
ขนาด 1,000 ml.ที่ใสน้ําไว อานคาน้ําหนักที่ได
5. เปรียบเทียบน้ําหนักกอนดินน้ํามันที่ไดจากการชั่งทั้ง 2 ครั้ง
บันทึกผลการทดลอง
การทดลองชุดที่ 1
วัตถุ
เปรียบเทียบ
ชั่งกอนแชลงไปในบีกเกอร
(กรัม)
ชั่งขณะแชลงไปในบีกเกอร
(กรัม)
ดินน้ํามันมวล 300 กรัม
ดินน้ํามันมวล 500 กรัม
59
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
วิธีการทดลองชุดที่ 2
1. ผูกกอนดินน้ํามันมวล 300 กรัม เขากับเครื่องชั่งสปริง บันทึกน้ําหนักไว
2. ผูกกอนดินน้ํามันมวล 500 กรัม เขากับเครื่องชั่งสปริง บันทึกน้ําหนักไว
3. นํากอนดินน้ํามันมวล 300 กรัม คอยๆหยอนลงในถวยยูเรกาที่เตรียมไว(ดังรูป) นําน้ําในบีก
เกอรที่ไดไปตวงในถวยตวง อานปริมาตรที่ได แลวบันทึกผล
4. นําน้ําไปชั่งในเครื่องชั่ง แลวบันทึกผล
5. นํากอนดินน้ํามันมวล 500 กรัม คอยๆหยอนลงในถวยยูเรกาที่เตรียมไว(ดังรูป) นําน้ําในบีก
เกอรที่ไดไปตวงในถวยตวง อานปริมาตรที่ได แลวบันทึกผล
6. นําน้ําไปชั่งในเครื่องชั่ง แลวบันทึกผล
7. เปรียบเทียบมวลกอนดินน้ํามันกับมวลของน้ําที่ไดจากการชั่งทั้ง 2 ครั้ง
การทดลองชุดที่ 2
วัตถุ
ชั่งกอนแชลงไปในบีกเกอร
(กรัม)
ปริมาตรน้ําที่ได
(ลูกบาศกเซนติเมตร)
มวลของน้ําที่ชั่งได
(กรัม)
ดินน้ํามันมวล 300 กรัม
ดินน้ํามันมวล 500 กรัม
สรุปผลการทดลองชุดที่ 1
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
สรุปผลการทดลองชุดที่ 2
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
60
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
หาแรงลอยตัว
คําชี้แจง ใหนักเรียนอานขอความตอไปนี้ แลวตอบคําถามโดยวงกลมหนาขอคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียง
ขอเดียว
A และ B เปนรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีขนาดเทากัน แตมีน้ําหนักไมเทากันนําไปลอยในน้ํา
ก และ ค คือ แรงที่เกิดจากน้ําหนักของวัตถุ พยายามกดวัตถุใหจมลง
ข และ ง คือ แรงพยุงของน้ําที่พยายามตานใหวัตถุทั้ง A และ B ลอยอยูบนผิวน้ําได
1. ถาวัตถุ A และ B ลอยน้ําดังรูป 2. ถาวัตถุ A ลอยน้ํา แต B จมน้ํา
1. ง > ข 1. A หนักกวา B
2. ข > ง 2. B หนักกวา A
3. ข = ง 3. B เบากวา A
4. ข  ง 4. A เทากับ B
3. ถา B จมน้ํา เมื่อจะทําให B ลอยน้ําทําไดโดย 4. ถาวัตถุ B จมน้ําไปทั้งกอนพอดีผิวน้ําแสดง
วา
1. แบงวัตถุ B ออกเปน 2 กอน 1. B มีความหนาแนนมากกวาน้ํา
2. ตัดวัตถุ B ออกไปครึ่งหนึ่ง 2. B มีความหนาแนนนอยกวาน้ํา
3. เพิ่มน้ําหนักวัตถุ B ใหมากขึ้น 3. B มีความหนาแนนเทากับน้ํา
4. ทําวัตถุ B ใหมีปริมาตรมากขึ้น 4. B มีความหนาแนนต่ํากวาน้ํา
5. ถาชั่งวัตถุในน้ํา น้ําหนักวัตถุจะเปนอยางไร
1. หนักขึ้นกวาเดิม 2. เบากวาเดิม
3. เทาเดิม 4. เปนไปไดทุกกรณีที่กลาวมา
A B
ค
ง
ก
ข
61
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
ความดันของของเหลว
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อทดลองและอธิบายเกี่ยวกับของเหลวมีความดัน
อุปกรณ
- ขวดน้ํา
- ที่เจาะรู
- ลูกโปง
- เทปกาว
- ไมปลายแหลม
- ขวดพลาสติก
- สีผสมอาหาร
- ภาชนะรองน้ํา
วิธีการทดลอง
ตอนที่ 1
1. ใหนักเรียนใสน้ําลงในลูกโปง เขยาไปมา สังเกต และบันทึกผล
ตอนที่ 2
1. ใชเทปกาวปดรูทั้งหมดที่เจาะไวขางขวด ซึ่งเจาะรูเปนคูในระดับเดียวกัน 3 คู
2. เทน้ําที่ผสมสีลงไปในขวดใหสูงกวารูบนสุดเล็กนอย
3. นําขวดไปวางที่ขอบโตะ นําภาชนะมารองน้ํา ดึงไมที่ปดรูในแนวดิ่งออก 1 แถว แถวละ 5 รู
สังเกตและบันทึกผล
4. ทําซ้ําโดยเอาไมปดรูไว เทน้ําผสมสีลงในขวดจนเต็ม จากนั้นดึงไมที่ปดรูที่ระดับเดียวกันออก
ทั้ง
สองแถวทีละคู สังเกตและบันทึกผล
62
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
บันทึกผลการทดลอง
ตอนที่ 1
การทดลอง ผลจากการทดลอง
นําลูกโปงใสน้ํา
………………………………………………………..…………………………..
………………………………………………………..…………………………..
เขยาลูกโปง
………………………………………………………..…………………………..
………………………………………………………..…………………………..
ตอนที่ 2
การทดลอง ผลจากการทดลอง
เมื่อใสน้ําจนเต็มน้ําพุงออกมาอยางไร
……………………………………………………….……………..
……………………………………………………….……………..
ตําแหนงที่นําพุงออกมาไกลที่สุดคือ ……………………………………………………………..
ตําแหนงที่นําพุงออกมาใกลที่สุดคือ ……………………………………………………………..
สรุปผลการทดลอง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
63
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
คําถามทายการทดลอง
1. เมื่อมีน้ําในขวดตรงระดับใดของขวดที่มีความลึกมากที่สุด (วาดรูปชี้ตําแหนง)
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
2. เมื่อดึงไมปดรูออกจะเกิดอะไรขึ้น
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
3. น้ําพุงออกมาจากตําแหนงใดไกลที่สุดและใกลที่สุด (ใหวาดรูปและเรียงลําดับใหถูกตอง)
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
4. เมื่อดึงไมที่อุดรูในระดับเดียวกันออกทีละคู น้ําจะพุงออกมาอยางไร
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
5. นักเรียนคิดวาความดันน้ําในระดับเดียวกันแตกตางกันหรือไม อยางไร
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
6. นักเรียนจะสรุปผลการทดลองนี้วาอยางไร
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
64
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
สุญญากาศมหัศจรรย
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อศึกษาวาสุญญากาศเปนอยางไร
อุปกรณ
- ไมดันทอ 2 ดาม
วิธีการทดลอง
1. นําไมดันทอดันลงไปที่พื้นราบ แลวคอยๆดึงขึ้นมา สังเกตผลที่เกิดขึ้น และบันทึกผล
2. มือนําไมดันทอดันเขาหากันแลวคอยๆดึงออกคนละขาง สังเกตผลที่เกิดขึ้น และบันทึกผล
บันทึกผลการทดลอง
การสังเกต ผลการสังเกต
ไมดันทอดันพื้น ..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
ไมดันทอ 2 ดามดันกัน ..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
สรุปผลการทดลอง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
คําถามทายการทดลอง
1. สุญญากาศเกิดขึ้นไดอยางไร
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
65
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
กิจกรรมการทดลอง
วัดความดันอากาศ
จุดประสงคของการทดลอง
เพื่อหาความดันอากาศในระดับตางๆของพื้นผิวโลก
อุปกรณ
1. .............................................. 2. ..............................................
3. .............................................. 4. ..............................................
5. .............................................. 6. ..............................................
7. .............................................. 8. ..............................................
9. .............................................. 10. ..............................................
บันทึกผลการทดลอง
วัดความดันอากาศ ดวย ปรอท
วัดที่ระดับความดันบรรยากาศ เทากับ...........
ความสูงของปรอทอยูที่..................เซนติเมตร
วัดความดันอากาศ ดวย น้ํา
วัดที่ระดับความดันบรรยากาศ เทากับ...........
ความสูงของน้ําอยูที่..................เซนติเมตร
วาดรูปประกอบ วาดรูปประกอบ
66
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ
ระดับความสูง(เมตร)เหนือระดับน้ําทะเล ความสูงของปรอท(เซนติเมตร)
0
1,000
2,500
3,000
3,776
วาดกราฟความดันอากาศ
สรุปผลการทดลอง
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ความสูงของปรอท
(เซนติเมตร)
ระดับความสูงเหนือ
ระดับนําทะเล
(เมตร)
67
โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ

More Related Content

PDF
พิธีเปิด ปิด กิจกรรมยุวกาชาด-เอกสาร56
PDF
กิตติกรรมประกาศ
PDF
ใบความรู้+ทดสอบหลังเรียนเรื่อง เสียง+ป.5+276+dltvscip5+54sc p05 f09-1page
PDF
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
PDF
แบบทดสอบระบบประสาท
PPT
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
PDF
โครงการตักบาตรวันพระ
PDF
วิเคราะห์หลักสูตรวิทยาศาสตร์ ป 3
พิธีเปิด ปิด กิจกรรมยุวกาชาด-เอกสาร56
กิตติกรรมประกาศ
ใบความรู้+ทดสอบหลังเรียนเรื่อง เสียง+ป.5+276+dltvscip5+54sc p05 f09-1page
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
แบบทดสอบระบบประสาท
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
โครงการตักบาตรวันพระ
วิเคราะห์หลักสูตรวิทยาศาสตร์ ป 3

What's hot (20)

PDF
20 คำถามเศรษฐกิจพอเพียง
DOC
แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4
PDF
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ม.๒
PPT
แสงกับการมองเห็น 11
DOCX
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
PDF
การเขียนสูตรโครงสร้าง
DOC
โมเมนต์ของแรง
DOCX
ชุดฝึกทักษะเพื่อพัฒนาการเรียนคำประสม
PDF
ใบงาน 3.1 3.2
PDF
สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5
PDF
วิธีการทางประวัติศาสตร์
PPTX
Ppt. heat stroke
PDF
บทอาศิรวาท เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ ๑๐
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
PDF
Astronomy V
PPT
14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ
PDF
ศาสนาเปรียบเทียบ
PDF
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)
DOC
หลักสูตรศิลปะ มัธยมศึกษาตอนปลาย
DOC
กิตติกรรมประกาศ
20 คำถามเศรษฐกิจพอเพียง
แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ม.๒
แสงกับการมองเห็น 11
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
การเขียนสูตรโครงสร้าง
โมเมนต์ของแรง
ชุดฝึกทักษะเพื่อพัฒนาการเรียนคำประสม
ใบงาน 3.1 3.2
สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5
วิธีการทางประวัติศาสตร์
Ppt. heat stroke
บทอาศิรวาท เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ ๑๐
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
Astronomy V
14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ
ศาสนาเปรียบเทียบ
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)
หลักสูตรศิลปะ มัธยมศึกษาตอนปลาย
กิตติกรรมประกาศ
Ad

Similar to หน่วยการเรียนรู้ Active learning force and pressure (20)

PDF
แรงลัพธ์
PDF
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง แรงความดัน+ป.6+290+dltvscip6+...
PDF
ใบความรู้+แผนการสอน และใบกิจกรรม ประถม 4-6 เรื่อง แรง ความดัน+ป.5+273+dltvsci...
PDF
Learning force p5
PPTX
แรงและการเคลื่อนที่
DOCX
ตัวชี้วัด ม.1
PDF
โครงสร้างสาระวิทย์ม.3
PDF
Sci31101 force-friction
PDF
Slแบบทดสอบรายตัวชี้วัด หน่วยที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่. 12 เม.ย.56docx
PDF
แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม 1-3 เรื่อง แรง+205+dltvscip1+P1 3 u06
PDF
ใบความรู้ แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม 1-3 เรื่อง แรง ป.2+222+dltvscip2+P1 3...
PDF
แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม 1-3 เรือง แรง+ป.3+239+dltvscip3+P1 3 u06
PDF
Slแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วย 1 แรงและการเคลื่อนที่
DOC
แบบทดสอบกลางภาคเรียน วิทย์ 5 (ออกตามตัวชี้วัด)
PDF
เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
PDF
โครงสร้างวิชา หน่วย 1 แรงและการเคลื่อนที่ 11 เม.ย.56
PDF
ส่วนหน้าชุดกิจกรรม
DOC
ใบงาน แผน 06
PDF
ปกวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แรงและกาสรเคลื่อนที่
แรงลัพธ์
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง แรงความดัน+ป.6+290+dltvscip6+...
ใบความรู้+แผนการสอน และใบกิจกรรม ประถม 4-6 เรื่อง แรง ความดัน+ป.5+273+dltvsci...
Learning force p5
แรงและการเคลื่อนที่
ตัวชี้วัด ม.1
โครงสร้างสาระวิทย์ม.3
Sci31101 force-friction
Slแบบทดสอบรายตัวชี้วัด หน่วยที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่. 12 เม.ย.56docx
แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม 1-3 เรื่อง แรง+205+dltvscip1+P1 3 u06
ใบความรู้ แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม 1-3 เรื่อง แรง ป.2+222+dltvscip2+P1 3...
แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม 1-3 เรือง แรง+ป.3+239+dltvscip3+P1 3 u06
Slแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วย 1 แรงและการเคลื่อนที่
แบบทดสอบกลางภาคเรียน วิทย์ 5 (ออกตามตัวชี้วัด)
เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
โครงสร้างวิชา หน่วย 1 แรงและการเคลื่อนที่ 11 เม.ย.56
ส่วนหน้าชุดกิจกรรม
ใบงาน แผน 06
ปกวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แรงและกาสรเคลื่อนที่
Ad

หน่วยการเรียนรู้ Active learning force and pressure

  • 1. 1 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ หนวยการเรียนรู เรื่อง แรงและความดัน รายวิชาวิทยาศาสตร รหัสวิชา ว 15101 กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ สังกัด สพป.ชัยภูมิ เขต 1 ภาคเรียนที่ 2/2559 เวลา 23 ชั่วโมง โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ตําแหนงครู คศ.1 1. ชื่อหนวยการเรียนรู เรื่อง แรงและความดัน 2. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน ว 4.1 เขาใจธรรมชาติของแรงแมเหล็กไฟฟา แรงโนมถวง และแรงนิวเคลียร มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใช ประโยชนอยางถูกตองและมีคุณธรรม ตัวชี้วัด ว 4.1 ป.5/1 ทดลองและอธิบายการหาแรงลัพธของแรงสองแรงซึ่งอยูในแนวเดียวกัน ที่กระทําตอวัตถุ ว 4.1 ป.5/2 ทดลองและอธิบายความดันอากาศ ว 4.1 ป.5/3 ทดลองและอธิบายความดันของของเหลว ว 4.1 ป.5/4 ทดลองและอธิบายแรงพยุงของของเหลว การลอยตัวและการจมของวัตถุ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน ว 4.2 เขาใจลักษณะการเคลื่อนที่แบบตาง ๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการสืบ เสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใช ประโยชน ตัวชี้วัด ว 4.2 ป.5/1 ทดลองและอธิบายแรงเสียดทานและนําความรูไปใชประโยชน - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน ว 8.1 ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรและจิตวิทยาศาสตรในการสืบเสาะหาความรู การแกปญหา รูวาปรากฏการณทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นสวนใหญมีรูปแบบที่ แนนอน สามารถอธิบายและตรวจสอบไดภายใตขอมูลและเครื่องมือที่มีอยูใน ชวงเวลานั้น ๆ เขาใจวาวิทยาศาสตร เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอม มีความเกี่ยวของสัมพันธกัน ตัวชี้วัด ว 8.1 ป.5/1 ตั้งคําถามเกี่ยวกับประเด็น หรือเรื่อง หรือสถานการณที่จะศึกษา ตามที่
  • 2. 2 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กําหนดใหและตามความสนใจ ว 8.1 ป.5/2 วางแผนการสังเกต เสนอการสํารวจตรวจสอบ หรือศึกษาคนควา และคาดการณสิ่งที่จะพบจากการสํารวจตรวจสอบ ว 8.1 ป.5/3 เลือกอุปกรณที่ถูกตองเหมาะสมในการสํารวจตรวจสอบใหไดขอมูล ที่เชื่อถือได ว 8.1 ป.5/4 บันทึกขอมูลในเชิงปริมาณและคุณภาพ และตรวจสอบผลกับสิ่งที่คาดการณไว นําเสนอผลและขอสรุป ว 8.1 ป.5/5 สรางคําถามใหมเพื่อการสํารวจตรวจสอบตอไป ว 8.1 ป.5/6 แสดงความคิดเห็นอยางอิสระ อธิบาย และสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู ว 8.1 ป.5/7 บันทึกและอธิบายผลการสํารวจตรวจสอบตามความเปนจริง มีการอางอิง ว 8.1 ป.5/8 นําเสนอ จัดแสดงผลงาน โดยอธิบายดวยวาจา หรือเขียนอธิบายแสดง กระบวนการและผลของงานใหผูอื่นเขาใจ 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด แรง หมายถึง สิ่งที่ทําใหวัตถุเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ หรือการเปลี่ยนแปลงรูปทรงจากเดิม ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่เร็วขึ้น หรือเคลื่อนที่ชาลง หรือหยุดการเคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนทิศทาง การเคลื่อนที่ แรงที่กระทําตอวัตถุและแรงลัพธ - ออกแรงกระทําตอวัตถุ 1 แรง วัตถุจะเคลื่อนที่ไปในทิศเดียวกับแรงกระทํา - ออกแรงกระทําตอวัตถุ 2 แรง ในทิศเดียวกัน แรงลัพธ คือ ผลรวมของแรง วัตถุจะเคลื่อนที่ไปในทิศเดียวกับแรงกระทํา - ออกแรงกระทําตอวัตถุ 2 แรง ในทิศตรงกันขาม แรงลัพธ คือ ผลหักลางของแรง วัตถุจะเคลื่อนที่ไปในทิศเดียวกับแรงกระทําที่มีขนาดมากกวา หรือไมเคลื่อนที่เมื่อแรงที่กระทํา ทั้งสองมีขนาดเทากัน แรง 1 นิวตัน แรง 1 นิวตัน แรง 1 นิวตัน แรง 1 นิวตัน แรง 1 นิวตัน
  • 3. 3 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ แรงเสียดทาน คือ แรงตานการเคลื่อนที่ของวัตถุ มีทิศทางตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานทําใหวัตถุที่กําลังเคลื่อนที่เคลื่อนที่ชาลง หรือหยุดการเคลื่อนที่ ปจจัยที่มีผลตอแรงเสียดทาน ไดแก น้ําหนักหรือแรงกดของวัตถุที่กระทําลงบนพื้น โดยน้ําหนักมากจะมีแรงเสียดทานมาก และลักษณะพื้นผิวสัมผัส โดยพื้นผิวสัมผัสเรียบ จะมีแรงเสียดทานนอยกวาพื้นผิวสัมผัสที่ขรุขระ แรงดันอากาศ หมายถึง แรงที่อากาศกดลงบนผิวของวัตถุทุกทิศทาง ความดันอากาศ หมายถึง คาของแรงดันอากาศตอหนึ่งหนวยพื้นที่ที่รองรับแรงดัน มีหนวยเปนนิวตันตอตารางเมตร ปจจัยที่มีผลตอความดัน ไดแก ขนาดของแรงที่กระทํา (น้ําหนักของวัตถุ) และพื้นที่ที่ถูกแรง กระทํา (พื้นที่ที่ถูกกดทับดวยวัตถุ) ความดันของของเหลว หมายถึง แรงที่ของเหลวกระทําตั้งฉากตอหนึ่งหนวยพื้นที่ โดยของเหลวจะมีแรงกระทําตอวัตถุทุกทิศทาง ปจจัยที่มีผลตอความดันของของเหลว ไดแก ความลึกของของเหลว และความหนาแนนของ ของเหลว การนําความรูเรื่องความดันของของเหลวไปใชประโยชน เชน การขุดสระ การสรางเขื่อน โดยนําความรูไปใชในการออกแบบกนสระเพื่อรับแรงดันของน้ํา แรงลอยตัว หมายถึง แรงที่ชวยพยุงใหวัตถุไมจมลงในของเหลว โดยแรงลอยตัวจะกระทํากับ วัตถุในทิศตรงขามกับแรงเนื่องจากน้ําหนักของวัตถุ ปจจัยที่มีผลตอการลอยและการจม - ความหนาแนนของวัตถุ  วัตถุมีความหนาแนนนอยกวาของเหลว วัตถุจะลอยในของเหลว  วัตถุมีความหนาแนนเทากับของเหลว วัตถุจะลอยปริ่มของเหลว  วัตถุมีความหนาแนนมากกวาของเหลว วัตถุจะจมในของเหลว - ความหนาแนนของของเหลว  ของเหลวที่มีความหนาแนนมาก จะมีแรงลอยตัวมาก  ของเหลวที่มีความหนาแนนนอย จะมีแรงลอยตัวนอย 4. สาระการเรียนรู 4.1 สาระการเรียนรูแกนกลาง 4.1.1 แรงลัพธของแรงสองแรงที่กระทาตอวัตถุโดยแรงทั้งสองอยูในแนวเดียวกัน เทากับผลรวมของแรงทั้งสองนั้น 4.1.2 อากาศมีแรงกระทาตอวัตถุ แรงที่อากาศกระทาตั้งฉากตอหนึ่งหนวยพื้นที่ เรียกวา ความดันอากาศ 4.1.3 ของเหลวมีแรงกระทาตอวัตถุทุกทิศทางแรงที่ของเหลวกระทาตั้งฉากตอหนึ่งหนวย พื้นที่ เรียกวา ความดันของของเหลวซึ่งมีความสัมพันธกับความลึก
  • 4. 4 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 4.1.4 ของเหลวมีแรงพยุงกระทาตอวัตถุที่ลอยหรือจมในของเหลว การจมหรือการ ลอยตัวของวัตถุขึ้นอยูกับนาหนักของวัตถุ และแรงพยุงของของเหลวนั้น 4.1.5 แรงเสียดทานเปนแรงตานการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทาน มีประโยชน เชน ในการเดินตองอาศัยแรงเสียดทาน 5. สมรรถนะสําคัญของผูเรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - การอธิบาย การเขียน การพูดหนาชั้นเรียน 2. ความสามารถในการคิด 2.1 ทักษะทั่วไป - การสังเกต การสํารวจ การคิดวิเคราะห การเปรียบเทียบ การจําแนกประเภท การจัดระบบความคิดเปนแผนภาพ การสรางคําอธิบาย การอภิปราย การสื่อความหมาย 2.2 ทักษะเฉพาะ - การออกแบบและประดิษฐ การทํากิจกรรมทดลองโดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร การสืบคนโดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร 3. ความสามารถในการแกปญหา - การแกปญหาขณะปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง - การแกปญหาขณะปฏิบัติการออกแบบและประดิษฐสิ่งประดิษฐ 4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต - กระบวนการกลุม - การแสวงหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบและประดิษฐสิ่งของที่อาศัยหลักของ แรงดันของอากาศได - การแสวงหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชนของพลังงานลมมาใชประโยชนใน ชีวิตประจําวัน 5. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี - การเลือกและใชเทคโนโลยี ในดานการเรียนรู การสื่อสาร การทํางาน การแกปญหา อยางสรางสรรค 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค ใฝเรียนรู ตัวชี้วัดที่ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขารวมกิจกรรมการเรียนรู ตัวชี้วัดที่ 4.2 แสวงหาความรูจากแหลงเรียนรูตางๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ดวยการเลือกใชสื่ออยางเหมาะสม บันทึกความรู วิเคราะห สรุปเปนองค ความรู แลกเปลี่ยนเรียนรู และนําไปใชในชีวิตประจําวันได มุงมั่นในการทํางาน ตัวชี้วัดที่ 6.1 ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหนาที่การงาน ตัวชี้วัดที่ 6.2 ทํางานดวยความเพียรพยายาม และอดทนเพื่อใหงานสําเร็จตามเปาหมาย
  • 5. 5 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน 7.1 ประดิษฐสะพานไมไอศกรีม 7.2 ประดิษฐจรวดขวดน้ํา 7.3 ประดิษฐเรือดําน้ํา 7.4 ประดิษฐเรือเรือไฟฟา 7.5 ใบบันทึกการทํากิจกรรม 7.6 PowerPoint นําเสนอผลงานการประดิษฐชิ้นงานตางๆของนักเรียนแตละกลุม 7.7 แผนพับ/ใบสรุปความรูการนําเสนอผลงานการประดิษฐชิ้นงานตางๆของนักเรียนแตละ กลุม 8. สื่อการเรียนรู/แหลงเรียนรู 8.1 หนังสือการตูนประวัติวิทยาศาสตร (ที่สรางขึ้นเอง) ดังนี้ 8.1.1 หนังสือการตูน อริสโตเติล 8.1.2 หนังสือการตูน กาลิเลโอ 8.1.3 หนังสือการตูน นิโคลัส โคเปอรนิคัส 8.1.4 หนังสือการตูน เทอรริเชลลี 8.1.5 หนังสือการตูน อารคีมิดิส 8.1.6 หนังสือการตูน เกอรริค 8.1.7 หนังสือการตูน โรเบิรต บอลย 8.1.8 หนังสือการตูน หลุยส ปาสคาล 8.2 วิดิทัศนเรื่อง ความดันอากาศ 8.3 วิดิทัศนเรื่อง ความดันของของเหลว 8.4 อุปกรณจัดกิจกรรม 8.4.1 กิจกรรม : การเคลื่อนที่ของอริสโตเติล เวลา 2 ชั่วโมง - ลูกแกว 2 ขนาด - กอนหินขนาดเล็ก - กอนหินขนาดใหญ - นาฬิกาจับเวลา - ตลับเมตร - ตาชั่ง - ขนนก - ลูกเหล็ก - กระดาษเอสี่ 2 แผน - ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง ทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอริสโตเติล - ใบกิจกรรมที่ 2 การทดลองปลอยกอนหินขนาดเล็กและกอนหินขนาดใหญ - ใบกิจกรรมที่ 3 การทดลองปลอยขนนกกับลูกเหล็ก - ใบกิจกรรมที่ 4 การทดลองปลอยกระดาษเอสี่ สองรูปแบบ
  • 6. 6 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 8.4.2 กิจกรรม : การเคลื่อนที่ของกาลิเลโอ เวลา 2 ชั่วโมง - ดินน้ํามันกอนใหญ 1 กิโลกรัม 2 กอน - เครื่องชั่ง - นาฬิกาจับเวลา - ตลับเมตร - รางไม 2 อันที่รองดวยกระดาษทราย - รางไม 2 อันที่เรียบลื่น - ลูกแกว 1 ลูก - ใบกิจกรรมที่ 2 การทดลองปลอยวัตถุที่มีมวลตางกันเปนสองเทา - ใบกิจกรรมที่ 3 กิจกรรมการทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุบนพื้นเอียง 8.4.3 กิจกรรม : ผลลัพธของแรงหลายแรงที่กระทําตอวัตถุ(ประดิษฐสะพานไม ไอศกรีม) ( 4 ชั่วโมง) - กอนหิน - ตาชั่งสปริง - เชือก - ถึงหูหิ้ว - ไมไอศกรีม - เสนเอ็น - กาวรอนญี่ปุน - กาวแทง - ปนกาว 8.4.4 กิจกรรม : หลักของอารคีเมดิส เวลา 2 ชั่วโมง - อางน้ําทรงสี่เหลี่ยม แบบใส - ลูกปงปอง ลูกเทินนิส ลูกบอลยางขนาดเล็ก - กอนไมทรงลูกบาศก - กอนหิน - ดินน้ํามัน - เครื่องชั่งสปริง - ตาชั่ง - ถวยยูเรกา - บีกเกอร ขนาด 1,000 ml. - บีกเกอร ขนาด 250 ml. - บีกเกอร ขนาด 50 ml. - กระบอกตวง - น้ําเปลา
  • 7. 7 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - เชือก - ใบกิจกรรมที่ 1 ประวัติหลักของอารคีเมดิส - ใบกิจกรรมที่ 2 กิจกรรมการทดลองหาปริมาตรของวัตถุ - ใบกิจกรรมที่ 3 กิจกรรมการทดลองหาแรงลอยตัว - ใบกิจกรรมที่ 4 หาแรงลอยตัว 8.4.5 กิจกรรม : ความดันในของเหลว เวลา 2 ชั่วโมง - ขวดน้ํา - ที่เจาะรู - ลูกโปง - เทปกาว - ไมปลายแหลม - ขวดพลาสติก - สีผสมอาหาร - ภาชนะรองน้ํา - ใบกิจกรรมที่ 1 ประวัติความดันของของเหลว - ใบกิจกรรมที่ 2 กิจกรรมการทดลองความดันในของเหลว 8.4.6 กิจกรรม : การลอยและการจมของวัตถุ เวลา 2 ชั่วโมง - ขวดน้ําดื่มพลาสติกสี่เหลี่ยมขนาดความจุ 500 ลูกบาศกเซนติเมตร - ใบมีด - กระดาษกันน้ํา - อางใสน้ํา - กอนหิน - ขวดน้ําดื่มพลาสติกขนาดความจุ 2,000 ลูกบาศกเซนติเมตร - หลอดดูดชนิดงอได - เทปกาวยน - ดินน้ํามัน - กระดาษฟอยล 8.4.7 กิจกรรม : ประดิษฐเรือเรือไฟฟาขนสงสินคาเวลา 2 ชั่วโมง - ไมอัด - โฟมหนา 1-2 นิ้ว - แผนฟวเจอรบอรด - ไมบรรทัด - กรรไกร - คัตเตอร
  • 8. 8 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - มอเตอรไฟฟากระแสตรง - ใบพัด - ไมไอศกรีม - ถานไฟฉาย AA - รางใสถานไฟฉาย - หัวหนีบปากจระเขแดง-ดํา 2 เสน - แลคซีน/เทปใส - แทงกาวรอน - ปนกาว 8.4.8 กิจกรรม : ความดันในอากาศ เวลา 2 ชั่วโมง - ไมดันทอ - วิดิทัศนการทดลองและคนพบสุญญากาศ - วิดิทัศนการทดลองความดันอากาศ - ใบกิจกรรมที่ 1 ประวัติความดันอากาศ - ใบกิจกรรมที่ 2 สุญญากาศมหัศจรรย - ใบกิจกรรมที่ 3 วัดความดันอากาศ 8.4.9 กิจกรรม : ประดิษฐจรวดขวดน้ํา เวลา 3 ชั่วโมง - ขวดน้ําอัดลมแบบพลาสติก 2 ขวด - กรรไกร หรือ คัตเตอร - กระดาษแข็งสีตาง ๆ - แลคซีน/เทปใส - แผนฟวเจอรบอรด - ดินน้ํามัน - แทนปลอยจรวดขวดน้ํา - เครื่องสูบยางรถ/เครื่องสูบลมอัตโนมัติ 8.4.10 กิจกรรม : เผยแพรความรูผลงานสิ่งประดิษฐ ใหกับนักเรียนในโรงเรียน ( 2 ชั่วโมง) - แผนฟวเจอรบอรด - กรรไกร หรือ คัตเตอร - แลคซีน/เทปใส - กระดาษสีตางๆ - คอมพิวเตอร
  • 9. 9 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 9. กิจกรรมการเรียนรู กิจกรรม : การเคลื่อนที่ของอริสโตเติล เวลา 2 ชั่วโมง 1. ครูนําลูกแกว 2 ลูกที่มีขนาดแตกตางกัน ดังรูป 2. ครูแสดงลักษณะของลูกแกวทั้งสองมาใหนักเรียนรวมกันพิจารณาจากนั้นครูตั้งคําถามดังนี้ - ลูกแกว สองลูกมีลักษณะอยางไร (ทรงกลม) - ลูกแกวทั้งสองลูกนี้มีมวลเปนอยางไร(ไมเทากัน) - นักเรียนคิดวาเมื่อปลอยลูกแกวทั้งสองที่ตําแหนงเดียวกันพรอมกันจะเปนอยางไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) 3. จากนั้น ครูปลอยลงมาในตําแหนงเดียวกันลงมาที่พื้น จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปราย รวมกันวาเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น 4. ครูใหนักเรียนศึกษาทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอริสโตเติล(หนังสือการตูนประวัติของอริสโตเติล เกี่ยวกับการเคลื่อนที่)ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใชคําถามดังนี้ - อริสโตเติลแบงการเคลื่อนที่ออกเปนกี่แบบ อะไรบาง( 2 แบบ คือ การเคลื่อนที่โดย ธรรมชาติและการเคลื่อนที่โดยการบังคับ) - การเคลื่อนที่โดยธรรมชาติ อริสโตเติลกลาวไววาอยางไร(การเคลื่อนที่โดยธรรมชาติ จะเปนไปดวยธรรมชาติของวัตถุเอง วัตถุทุกอยางในจักรวาลจะตองมีที่อยูเหมาะสม เมื่อพิจารณาใน มุมมองนี้ ถาวัตถุที่ไมไดอยูในที่ ที่เหมาะสมจะพยายามกลับไปในจุดนั้นเอง ถาธรรมชาติของวัตถุอยูที่ พื้นดิน กอนดินที่อยูในอากาศจะตองตกสูพื้นดินดวยตัวของมันเอง ถาธรรมชาติของวัตถุอยูในอากาศ ควันที่พวยพุงจะลอยขึ้นสูอากาศ ถาธรรมชาติของวัตถุผสมผสานพื้นดินและอากาศ เชน ขนนก จะ คอยๆ ตกสูพื้นดิน แตจะไมรวดเร็วเทากอนดิน) - อริสโตเติลอธิบายสรุปลักษณะการเคลื่อนที่ของวัตถุที่เคลื่อนที่โดยธรรมชาติอยางไร (อธิบายถึงการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวดิ่ง) - การเคลื่อนที่ของวัตถุที่อริสโตเติลอธิบายนั้นเปนอยางไร(วัตถุจะตกสูพื้นไดเร็วกวา เปนสัดสวนตรงกับน้ําหนักที่มากกวา) - การอธิบายของอริสโตเติลไดทําการทดลองหรือไม อยางไร(ไมไดทําการทดลอง อาศัยประสบการณการพบเห็นและรอยเรียงใหเปนเหตุเปนผลกัน) - อริสโตเติลมีลักษณะของนักวิทยาศาสตรหรือไมอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - ทฤษฎีที่อริสโตเติลคนพบนั้นมีความนาเชื่อถือหรือไม นักเรียนจะมีวิธีการตรวจสอบ อยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น เพื่อนําไปสูการทําการทดลองเพื่อพิสูจน) 5. ครูแบงกลุมนักเรียนเพื่อทําการทดลองกลุมละ 4-5คน และรับใบงานที่1-3 และอุปกรณการ
  • 10. 10 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ทดลอง เรื่องการทดลองเพื่อพิสูจนทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอริสโตเติล โดยครูชี้แจงการทําการทดลอง ดังนี้ - ใหนักเรียนปฏิบัติการทดลองตามวิธีการของอริสโตเติล สังเกตและบันทึกผล - หลังจากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปเกี่ยวกับทฤษฎีของอริสโตเติล 6. ครูสุมเลือกตัวแทนกลุม เพื่ออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลองทั้ง 3 การทดลอง 7. จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้ - จากการทดลองตามแนวคิดของอริสโตเติลนักเรียนคนพบอะไรบาง การทดลองที่ 1 อางอิงจากคํากลาวของอริสโตเติลที่วา “วัตถุที่หนักกวาอีกกอนสอง เทาจะตกถึงพื้นไดเร็วกวาเปนสองเทา” โดยนํากอนหินที่มีมวลแตกตางกัน มาปลอยจากที่สูง และสังเกตการตกโดยจับเวลา นักเรียนสังเกตพบขอมูลอะไรบาง(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - ในการทดลองที่ 2 คือปลอยขนนกและลูกเหล็กจากที่สูงไดผลเปนอยางไร (ลูกเหล็ก ตกลงมาที่พื้นกอนขนนก) - นักเรียนคิดวาอะไรเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหขนนกตกลงมาชากวาลูกเหล็กนั้น(มวล ของขนนกเบากวาลูกเหล็กจึงตกลงมาชากวา รูปรางแตกตางกัน เปนตน) - การทดลองที่ 3 เมื่อนักเรียนนํากระดาษ เอสี่ มาทดลองโดย นํามาตัดครึ่งแลวขยํา เปนกอนกลมๆ จากนั้นนํามาถือไวในระดับเดียวกับกระดาษเอสี่เต็มแผน พอปลอยลงมาพรอม กันนักเรียนสังเกตเห็นอะไรบาง (จะพบวาแผนกระดาษตัดครึ่งที่ขยํานั้นตกถึงพื้นกอนกระดาษ ที่เต็มแผนที่มีมวลนอยกวาครึ่งหนึ่ง) - จากการทดลองที่ 3 นั้น นักเรียนจะอธิบายไดวาอยางไร (มวลของวัตถุไมมีผลตอ ความเร็วในการตกลงมาที่พื้น) - หลังจากที่ทําการทดลองในการทดลองที่ 3 แลวนั้น ในการทดลองที่ 1 และ 2 นั้น นักเรียนจะสรุปใหมไดวาอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - ในการทําการทดลอง ทั้ง 3 ครั้งนั้น นักเรียนไดขอมูลเปนอยางไร (ขอมูลที่ไดมีความ แตกตางกัน) - อะไรเปนตัวแปรสําคัญที่ทําใหแนวความคิดของอริสโตเติลไมเปนความจริง(รูปราง ของวัตถุ) - นักเรียนบอกไดหรือไมวารูปรางของวัตถุสงผลอยางไรตอการตกของวัตถุ(นักเรียน แสดงความคิดเห็น) - นักเรียนคิดวา สิ่งที่ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ตกลงมาไมพรอมกัน คืออะไร(อากาศ) - สรุปแลวสิ่งที่สําคัญที่ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ตกลงมาไมพรอมกัน คืออะไร(แรงตาน อากาศ) - เพราะฉะนั้นนักเรียนจะมีวิธีการอยางไรที่จะทําใหวัตถุที่มีมวลตางกันตกลงถึงพื้น พรอมกัน(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) 8. ครูนําแผนกระดาน 2 แผนที่มีขนาด รูปราง เทากันทุกประการ มาสาธิตใหนักเรียนดูจากนั้น นําลูกแกว กับกระดาษแผนเล็กๆ วางไวเหนือแผนกระดานแตละแผน จากนั้นนําแผนกระดานทั้งสอง ปลอยในตําแหนงเดียวกัน แลวใหนักเรียนสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นครูตั้งคําถามอภิปรายดังนี้
  • 11. 11 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - นักเรียนไดขอสรุปจากการทดลองอยางไร(ไมวาวัตถุจะหนักหรือเบาก็ตกถึงพื้นดวย ความเร็วเทากัน) - หากนักเรียนตองการทําใหวัตถุตกลงพื้นพรอมกันจะมีวิธีการนําเสนออยางไร(ลดแรง ตานอากาศโดยทําใหวัตถุทั้งสองมีแรงตานอากาศเทากัน) 9. ครูตั้งคําถามอภิปรายสรุปเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตรโดยใชคําถามดังนี้ - ขอมูลที่นักเรียนไดในแตละการทดลองนั้นทําใหนักเรียนเขาใจอยางไรบาง(การ ทดลองแตละครั้งทําใหไดขอมูลที่แตกตางกันขึ้นอยูกับความสามารถของแตละบุคคลที่ไดทํา การทดลอง ทําใหขอมูลที่ไดมีการเปลี่ยนแปลงไป) - ทฤษฎีที่อริสโตเติลตั้งขึ้นมานั้นขัดแยงกับกระบวนการศึกษาทางวิทยาศาสตรอยางไร (การใหขอสรุปสิ่งตางๆนั้นไมไดอาศัยแคประสบการณเพียงอยางเดียว หลักฐานจากการทดลอง ที่มีความหนักแนนถือเปนสวนสําคัญที่จะชวยยันขอมูลที่ไดนั้นเปนอยางดี) - จากการทดลอง ทําใหพิสูจนแนวคิดของอริสโตเติลอยางไรบาง(การตั้งทฤษฎีที่ไมได ทําการทดลอง อาศัยเพียงประสบการณและการใหเหตุผลประกอบเทานั้น ทําใหความรูที่ไดนั้น เกิดการผิดพลาดขึ้นมาได) - นักเรียนคิดวาสิ่งที่ไดจากการทดลองนี้มีประโยชนตอการศึกษาเรื่องอื่นๆอยางไร (การเสนอแนวคิดใดแนวคิดหนึ่งเพื่อใหเกิดความนาเชื่อถือนั้นตองอาศัยการพิสูจน ทําการ ทดลองเพื่อใหไดขอมูลที่มีความสมบูรณและเชื่อถือได) 10. นักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบสรุปผลการทดลองของตนเองหลังจากที่ไดรวมกัน อภิปรายกลุมกอนนําสงครู 11. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเพื่อหาขอสรุปเกี่ยวกับการทดลอง โดยครูตั้งคําถามดังนี้ - ทฤษฎีที่อริสโตเติลตั้งขึ้นนั้นอางอิงมาจากแหลงใด(ประสบการณ) - การอาศัยประสบการณเพียงอยางเดียวมาใชในการอธิบายและลงขอสรุป ปรากฏการณตางๆเพียงพอหรือไมอยางไร(ไมเพียงพอ ตองอาศัยการทดลองเพื่อพิสูจนและลง ขอสรุปจนไดเหตุผลที่ยืนยันและเชื่อถือได) - จากการทดลองตางๆที่ไดทําการปฏิบัตินั้นนักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงตองมีการทํา การทดลองหลายๆครั้ง(เพื่อใหไดขอมูลที่นาเชื่อถือมากยิ่งขึ้น) - เพราะเหตุใดในแตละครั้งที่ทําการทดลองมีการเปลี่ยนรูปแบบและตัวแปรไปดวย (เพราะการทดลองแตละครั้งทําใหคนพบขอมูลใหมเพิ่มมากขึ้น) - หากเราไมออกแบบการทดลองที่หลากหลายสงผลอยางไรการการคนพบขอมูล เหลานั้น(ขอมูลที่ไดไมหลากหลาย สงผลใหไมสามารถคนพบและอธิบายทฤษฎีการเคลื่อนที่ได อยางเหมาะสมได) - การที่เราจะไดมาซึ่งความรูทางวิทยาศาสตรจําเปนตองใชวิธีการอยางไรเพื่อใหได ขอมูลที่นาเชื่อถือ(การออกแบบการทดลองที่หลากหลาย และพิสูจนผล) - สิ่งที่ชวยยืนยันคําตอบของสิ่งที่ไดจากการทดลองนั้นใหมีความนาเชื่อถือรวมกันมาก ขึ้นคืออะไร(การลงขอสรุปสิ่งที่ไดพิสูจนรวมกัน)
  • 12. 12 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - นักเรียนคิดวาสิ่งที่มีความจําเปนสําหรับการคนควาทดลองเพื่อพิสูจนทฤษฎีที่ อริสโตเติลตั้งขึ้นนั้นมีอะไรบาง(การใชจินตนาการ การลงมือทําการทดลอง การหาขอสรุป รวมกัน) - สิ่งที่สงผลใหความคิดของอริสโตเติลยังคงไดรับการยอมรับนับถือเรื่อยมาจนถึง ปจจุบันนั้นคืออะไร(ไมมีใครกลาคัดคาน เพราะทุกคนยอมรับแนวคิดของอริสโตเติลโดย ปราศจากขอสงสัย และในศาสนจักรถือวาเปนความผิดรายแรง ถามีใครไปลบลางหรือบิดเบือน แนวคิดของอริสโตเติล) ) - หากความเชื่อเหลานี้ยังคงอยู นักเรียนคิดวาจะสงผลใหวิทยาศาสตรเปนอยางไร (ความกาวหนาทางวิทยาศาสตรลดนอยลง ขาดการตอยอดความรู เปนตน) 12. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง กิจกรรม : การเคลื่อนที่ของกาลิเลโอ เวลา 2 ชั่วโมง 1. ครูนําลูกปงปอง และลูกฟุตบอล แลวทําการปลอยที่ตําแหนงเดียวกันพรอมกัน ดังรูป 2. จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ดังนี้ - ลูกปงปอง และลูกฟุตบอลมีลักษณะอยางไร (ทรงกลม) - ลูกแกวทั้งสองลูกนี้มีมวลเปนอยางไร(ไมเทากัน) - นักเรียนคิดวาเมื่อปลอยลูกแกวทั้งสองที่ตําแหนงเดียวกันพรอมกันจะเปนอยางไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) 3. จากนั้น ครูปลอยลงมาในตําแหนงเดียวกันลงมาที่พื้น จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปราย รวมกันวาเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น 4. หลังจากสาธิตใหนักเรียนดูแลว ครูตั้งคําถามเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น ดังนี้ - ในสมัยกอนนั้นเชื่อวา ของที่หนักกวาตกกอนของที่เบากวาเสมอ นักเรียนคิดวา เพราะเหตุใดถึงคิดเชนนั้น - นักเรียนคิดวา อะไรเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหความเชื่อเหลานั้นคงอยูนานถึง 2000 ป - นักเรียนคิดวาอะไรที่เปนสิ่งจําเปนและมีความสําคัญสําหรับการปรับเปลี่ยนแนวคิด เหลานั้น
  • 13. 13 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 5. ครูใหนักเรียนศึกษาทฤษฎีการเคลื่อนที่ของโคเปอรนิคัสและกาลิเลโอ (หนังสือการตูน ประวัติของโคเปอรนิคัสและกาลิเลโอเกี่ยวกับการเคลื่อนที่)ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใชคําถาม ดังนี้ - โคเปอรนิคัสคนพบอะไร(โลกเราไมไดหยุดนิ่งแตเคลื่อนที่และโคจรไปรอบดวง อาทิตย) - ขัดแยงกับแนวคิดของใคร(อริสโตเติล) - แตกตางจากอดีตอยางไร(โลกเปนศูนยกลาง) - สิ่งที่โคเปอรนิคัสคนพบนั้นสงผลตอโคเปอรนิคัสเอง อยางไรบาง(อาจถูกลงโทษถึงขั้น เสียชีวิตได) - ขอจํากัดของการคนพบความรูของโคเปอรนิคัสนั้นคืออะไร(การขัดแยงกับศาสนจักร) - สิ่งที่เปนอุปสรรคในการเผยแพรขอมูลที่ตัวโคเปอรนิคัสเองคนพบ มีอะไรบาง(กลัว การลงโทษ เนื่องจากความเชื่อหรือทฤษฎีที่ขัดแยงจากความเชื่อรวมกันจะกระทบแนวความคิด โดยรวมของสังคม และประการที่สองเขาไมยอมรับผลการการทดลองหรือการคนพบครั้งนั้น เนื่องจากเขาไมสามารถยอมรับแนวความคิดที่โลกเคลื่อนที่ได) - นักเรียนคิดวาสิ่งที่ทําใหโคเปอรนิคัสยอมตีพิมพขอมูลที่ตนเองคนพบ คืออะไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - หลังจากที่นักเรียนไดอานประวัติของกาลิเลโอแลวนักเรียนคิดวาลักษณะนิสัยของ กาลิเลโอเปนอยางไร(ไมคอยจะยอมเชื่ออะไรงายๆจนกวาจะไดทดลองใหเห็นดวยตนเอง) - เพราะเหตุใดกาลิเลโอถึงไดกลาพิสูจนเรื่องราวที่อาจเปนอันตรายตอชีวิตของเขา (เพราะเขารูวาทฤษฎีที่เขาศึกษาและผูคนตางๆเชื่อถือมาเปนเวลาเกือบ 2,000 ปนั้นไมเปน ความจริง) - เรื่องที่กาลิเลโอศึกษานั้นเกี่ยวของกับใคร(อริสโตเติลเจาของทฤษฎีเดิมและศาสน จักรผูเชื่อถือในความคิดของอริสโตเติล) - กาลิเลโอพิสูจนทฤษฎีของอยางไร(ทําการทดลองใหสาธารณชนเห็นเปนประจักษ) 6. ครูแบงกลุมนักเรียนเพื่อทําการทดลองกลุมละ 4-5คน และรับใบกิจกรรมที่ 2 และอุปกรณ การทดลอง เรื่องการทดลองเพื่อพิสูจนทฤษฎีการเคลื่อนที่ของกาลิเลโอ โดยครูชี้แจงการทําการทดลอง ดังนี้ - ใหนักเรียนปฏิบัติการทดลองตามใบกิจกรรมการทดลอง สังเกตและบันทึกผล - หลังจากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปเกี่ยวกับทฤษฎีของกาลิเลโอ 7. ครูสุมเลือกตัวแทนกลุม เพื่อออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลอง 8. จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้ - จากการทดลองของกาลิเลโอ กาลิเลโอมีความเชื่อเกี่ยวกับการตกของวัตถุอยางไร (วัตถุที่มีรูปรางเหมือนกันจะตกถึงพื้นดินพรอม) - นักเรียนทําการทดลองอยางไร(ทําการทดลอง โดยในการทดลองใหดินน้ํามันที่มีมวล แตกตางกัน 2 เทา ปนใหเปนรูปทรงกลมปลอยจากที่สูงในระดับเดียวกันแลวจับเวลา ทดลอง ทําซ้ํา 3 ครั้ง) - จากการทดลอง ผลเปนอยางไร(วัตถุตกถึงพื้นดวยระยะเวลาเทากัน)
  • 14. 14 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - ในการทดลองเพราะเหตุใดถึงตองทําซ้ํา 3 ครั้ง(เพื่อยืนยันผลการทดลองและใหเกิด ความผิดพลาดจากการทดลองนอยที่สุด) - นักเรียนคิดวากาลิเลโอทําการทดลองเชนเดียวกันกับนักเรียนหรือไม(อาจจะทําและ อาจจะทําการทดลองซ้ําๆ มากกวานี้) - จากการทดลองนักเรียนไดขอสรุปอยางไร(กอนวัตถุที่หนักกวาอีกกอนเปนสองเทา ไมไดตกเร็วกวาเปนสองเทาแตจะตกถึงพื้นพรอมกัน) - นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดกาลิเลโอถึงตองทําการพิสูจนสิ่งที่เขาคิดและคนพบ เหลานั้น(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - การที่กาลิเลโอไดทําการทดลองแสดงตอสาธารณชนในเมืองปซานั้นเพื่อเหตุผล ประการใดบาง(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - นักเรียนคิดวาทฤษฎีของอริสโตเติลที่ถูกยึดถือมากวา 2,000 ป แตก็ถูกลบลางดวย การพิสูจนของกาลิเลโอเปนเพราะสาเหตุใด(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - หลังจากที่นักเรียนทราบแลววากอนวัตถุที่หนักกวาอีกกอนเปนสองเทาไมไดตกเร็ว กวาเปนสองเทาแตจะตกถึงพื้นพรอมกัน แตในอดีตนักเรียนคิดวาทําไมอริสโตเติลถึงคิดอยาง นั้น (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - และอะไรเปนปจจัยสําคัญที่ทําใหอริสโตเติลคิดวาของที่เบากวายอมตกลงมาชากวา ของที่หนักกวา(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) 9. จากนั้นครูนํากระดาษ A4 และลูกปงปอง มาปลอยที่ตําแหนงเดียวกันใหนักเรียนสังเกต แลว ตั้งคําถามกอน ปลอย ดังนี้ - นักเรียนคิดวาวัตถุทั้งสองจะตกอยางไร(ลูกปงปองตกเร็วกวากระดาษ) 10. จากนั้นครูปลอยวัตถุทั้งสองพรอมกัน เพื่อพิสูจนคําตอบของนักเรียน ดังรูป 11. ครูตั้งคําถามเพื่ออภิปรายและดําเนินการ ดังนี้ - นักเรียนคิดวาอะไรเปนสาเหตุที่ทําใหวัตถุทั้งสอง ตกลงมาถึงพื้นไมพรอมกัน (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - นักเรียนจะมีวิธีการอยางไรที่ทําใหวัตถุทั้งสองตกลงมาถึงพื้นพรอมกัน(นักเรียนระดม ความคิดรวมกันและแสดงความคิดเห็น) - ครูและนักเรียนแสดงวิธีการทําใหวัตถุทั้งสองตกลงมาถึงพื้นพรอมกันโดยเตรียม หนังสือขนาดเทากัน 2 เลม แลวนําวัตถุตางชนิดกันวางบนหนังสือ แตละเลม แลวปลอยลงจาก ระดับความสูงเดียวกัน จากนั้นสังเกตผล
  • 15. 15 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 12. ครูแบงกลุมนักเรียนเพื่อทําการทดลองกลุมละ 4-5คน กลุมเดิม และรับใบกิจกรรมที่ 3 และครูสาธิตการทดลอง เรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุบนพื้นเอียง หนาชั้นเรียน และสุมเลือกตัวแทน นักเรียนมาทําการทดลองตามแบบปฏิบัติการทดลองตามใบกิจกรรมการทดลอง สังเกตและบันทึกผล รวมกันอภิปรายและลงขอสรุปเกี่ยวกับการทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุบนพื้นเอียง 13. ครูสุมเลือกตัวแทนกลุม เพื่อออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลอง 14. จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้ - จากการทดลองของกาลิเลโอ คนพบอะไรบาง(ลูกแกวที่ถูกปลอยจากหยุดนิ่งบนดาน หนึ่งของพื้นเอียงที่ลาดลง จะกลิ้งลงมาและกลิ้งขึ้นไปไปพื้นลาดขึ้น จนหยุด ณ ตําแหนงที่มี ความสูงเกือบเทาเดิม) - เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น(ความเสียดทานที่กันไมใหลูกแกวกลิ้งไปจนมีความสูงเทา เดิม) - เมื่อเปลี่ยนพื้นเปนพื้นที่ลื่นขึ้นลูกแกวก็จะกลิ้งอยางไร (ลูกแกวจะกลิ้งขึ้นไปจนสูง ใกลความสูงเริ่มตนมากขึ้น) - เมื่อเปลี่ยนใหดานพื้นลาดขึ้นมีความชันลดลงจะเกิดอะไรขึ้น (พบวาลูกแกวกลิ้งไป จนมีความสูงเทาเดิม แตตองกลิ้งไปไกลกวา) - เมื่อลดความชันลง ลูกแกวจะกลิ้งอยางไร (ลูกแกวกลิ้งไปจนมีความสูงเทาเดิม) - กาลิเลโอมีความสงสัยวา ถามีพื้นราบที่ยาวมาก ลูกบอลจะตองกลิ้งไปไกลเทาไร เพื่อที่มีความสูงเทาเดิม(ไมมีทางไปถึงความสูงเริ่มตนไดเลย) - ขณะที่ลูกแกวเคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียงอันแรก ไปสูการเคลื่อนที่ขึ้นพื้นเอียงอันที่สอง ที่มีความชันเทากัน เปนอยางไร (อัตราเร็วของลูกแกวเคลื่อนที่ขึ้นพื้นเอียงอันสองอยูในระดับ เทากัน) - ขณะที่ลูกแกวเคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียงอันแรกที่มีความชันนอยกวา ไปสูการเคลื่อนที่ ขึ้นพื้นเอียงอันที่สองที่มีความชันมากกวา เปนอยางไร (อัตราเร็วของลูกแกวเคลื่อนที่ขึ้นจะ ลดลง แตเมื่อลูกแกวเคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียงอันที่สองที่มีความชันมากกวา ไปสูการเคลื่อนที่ขึ้น พื้นเอียงอันแรกที่มีความชันนอยกวา ลูกแกวจะมีอัตราเร็วลดลงชาๆหรือกลิ้งไปไดนานกวา) - เมื่อปลอยลูกแกวเคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียงไปสูพื้นราบ ผลเปนอยางไร(ลูกแกว เคลื่อนที่ตอเนื่องไปเรื่อยๆ) - ลักษณะคุณสมบัติที่วัตถุเคลื่อนที่ตอเนื่อง เรียกวาอะไร (ความเฉื่อย) 15. จากนั้นครูนําเหรียญมาตั้งเปนชั้นๆ แลวทําการเคาะดวยไมบรรทัดอยางรวดเร็ว ดังภาพ
  • 16. 16 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ แลวตั้งคําถามเพื่อนําเขาสูการอภิปราย ดังนี้ - นักเรียนคิดวาเมื่อใชไมบรรทัดเคาะเหรียญอันลางสุดอยางรวดเร็วผลจะเปนอยางไร (เหรียญอันลางสุดที่ถูกเคาะจะเคลื่อนที่ออกไปอยางรวดเร็วเหรียญที่อยูขางบนจะ เคลื่อนที่ลงไปแทนเหรียญที่เคลื่อนที่ออกไปทั้งนี้เพราะเหรียญอันที่อยูขางบนรักษาสภาพการ เคลื่อนที่เดิมคือหยุดนิ่ง) - การทดลองดังกลาวอธิบายเกี่ยวกับเรื่องใด(ความเฉื่อย) 16. ครูตั้งคําถามเพื่อรวมกันอภิปรายรวมกันกับนักเรียนเพิ่มเติม ดังนี้ - จากแนวคิดเรื่องความเฉื่อยของกาลิเลโอนี้ ทําใหทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอริสโตเติล ไมไดรับการยอมรับอีกตอไปเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (อริสโตเติลคิดไมถึงเรื่องความเฉื่อย เนื่องจากเขาเองไมสามารถนึกถึงการเคลื่อนที่ใดๆที่ปราศจากการเสียดทาน เพราะเขาประสบ แตการเคลื่อนที่ที่ตองมีการตานทานซึ่งเปนศูนยกลางของแนวความคิดของเขาเอง และ แนวความคิดดังกลาวก็ไดหนวงความกาวหนาทางฟสิกสมาถึง 2000 ป) - ความเฉื่อยสงผลตอโลกอยางไร (ไมจําเปนตองมีแรงใดๆ (ผลักหรือดึง) เพื่อทําใหโลก เคลื่อนที่ไปไดเรื่อยๆ) - และจากทฤษฎีโคเปอรนิคัสนั้นที่กลาววาโลกเราไมไดหยุดนิ่งแตเคลื่อนที่และโคจรไป รอบดวงอาทิตย กาลิเลโอมีความคิดเห็นอยางไร (สนับสนุนแนวคิดของโคเปอรนิคัส) - เพราะเหตุใดกาลิเลโอถึงสนับสนุนแนวคิดของโคเปอรนิคัส(เนื่องจากนําความรูเรื่อง ความเฉื่อยไปอธิบาย โดยโลกไมไดเปนศูนยกลางของระบบสุริยะ และโลกไมไดหยุดนิ่ง แตโลก รักษาสภาพการเคลื่อนที่ของตัวเองอยูซึ่งสอดคลองกับความเฉื่อยที่วัตถุพยายามรักษาสภาพ การเคลื่อนที่ของตนเอง) 17. นักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบสรุปผลการทดลองของตนเองหลังจากที่ไดรวมกัน อภิปรายกลุมกอนนําสงครู 18. ครูตั้งคําถามเพื่อเขาสูการอภิปรายเพิ่มเติมดังนี้ - นักเรียนทราบแลววา คุณสมบัติของความเฉื่อยจะทําใหวัตถุพยายามรักษาสภาพการ เคลื่อนที่หรือหยุดนิ่งของตัวเอง ดังตัวอยางการทดลองสาธิตการเคาะเหรียญ - จากการเคลื่อนที่ของกระดาษที่ตกลงมานั้นชากวาลูกปงปอง นักเรียนเรียนคิดวา เกิดจากสาเหตุใด (แรงตานอากาศ) - เพราะฉะนั้นแลวหากไมมีแรงตานอากาศการตกของกระดาษและลูกปงปองจะเปน อยางไร (ตกถึงพื้นพรอมกัน) - ลักษณะที่เคลื่อนที่ของลูกแกวมีอัตราเร็วแตกตางกันนั้นเกิดจากอะไร(พื้นผิวสัมผัส แตกตางกัน) - ลักษณะพื้นผิวสัมผัสแบบใดที่สงผลทําใหลูกแกวเคลื่อนที่ชาลง(ผิวขรุขระ) - สิ่งที่ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ชาลงคืออะไร (แรงเสียดทาน) - นักเรียนคิดวาลักษณะทิศทางของแรงตานอากาศเปนอยางไร(มีทิศขึ้นไปดานบน) - นักเรียนคิดวาลักษณะการเคลื่อนที่ของลูกแกวในการทดลองนั้นมีทิศอยางไร(ทิศทาง ไปตามที่ลูกแกวเคลื่อนที่)
  • 17. 17 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - แลวลักษณะทิศทางการเคลื่อนที่ของแรงเสียดทานเปนอยางไร(ตรงขามกันการ เคลื่อนที่ของลูกแกว) - แรงเสียดทานจะอยูบริเวณไหน(ระหวางพื้นผิวสัมผัสของพื้นกับวัตถุ) - ถาหากครูผลักโตะไปขางหนา ทิศทางการเคลื่อนที่จะไปทางทิศทางใด(ทิศทางไป ตามที่โตะเคลื่อนที่) - และถาครูดึงโตะกลับมา ทิศทางการเคลื่อนที่จะไปทางทิศทางใด(ทิศทางไปตามที่ โตะเคลื่อนที่กลับมา) - ลักษณะทิศทางการเคลื่อนที่ของแรงเสียดทานของการผลักการดึงของโตะจะเปน อยางไร (ตรงขามกันการเคลื่อนที่ของโตะ) 19. จากนั้นครูสุมเลือกตัวแทนนักเรียนวาดรูปแสดงลักษณะทิศทางการเคลื่อนที่ และทิศทาง ของแรงเสียดทานบนกระดานหนาชั้นเรียน ดังภาพ ทิศทางของการผลัก ทิศทางของการดึง แลวรวมกันพิจารณาวาเปนอยางไร แลวตั้งคําถามตอไปวา - ทิศทางของแรงผลักจะไปทิศทางใด(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - ทิศทางการแรงดึงจะไปทิศทางใด(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - ทิศทางของแรงเสียดทานของแรงผลักและแรงดึงเปนอยางไร(ตรงขามกับการ เคลื่อนที่ของวัตถุ) - ถาหากนักเรียนออกแรงผลักกันหลายๆคนจะเปนอยางไร(วัตถุเคลื่อนที่ไดเร็วมาก ขึ้น) - นักเรียนจะวาดลักษณะการออกแรงหลายๆแรงอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น และวาดรูป ดังนี้)
  • 18. 18 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 20. ครูรวมอภิปรายกับนักเรียนวาผลรวมของแรงดังกลาวเรียกวา แรงลัพธ และหนวยที่ใชคือ นิวตัน หากออกแรงหลายๆแรงไปในทิศทางเดียวกันจะสามารถรวมแรงเปนแรงเดียวกัน แตถาออกแรง ตรงกันขามจะหักลางกัน และยกตัวอยางการกระทําตอวัตถุวา เกิดแรงลัพธไปในทิศทางใด โดยวาดรูป บนกระดานดังนี้ และถามนักเรียนวารูปแตละรูปมีแรงลัพธเทาใดและไปในทิศทางใด และแรงเสียดทานไปใน ทิศทางใดดวย 21. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเพื่อหาขอสรุปเกี่ยวกับการทดลอง โดยครูตั้งคําถามดังนี้ - ทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุของอริสโตเติลกลาวไววาอยางไร(วัตถุที่มีมวลกวายอม ตกกอนวัตถุที่มีมวลเบากวาเสมอ) - ความเชื่อนี้ถูกยึดถือมากวา 2,000 ป สอดคลองกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร อยางไร (ประวัติศาสตรวัฒนธรรมและสังคมมีสวนกําหนดวิทยาศาสตร) - กาลิเลโอกลาวถึงทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุขัดแยงกับอริสโตเติลวาอยางไร(วัตถุที่ มวลตางๆกันถูกปลอยในเวลาเดียวกันตกกระทบพื้นพรอมๆกัน) - เพราะเหตุใดกาลิเลโอถึงกลาวเชนนั้น(เพราะเขาเปนคนชางคิด ชางสงสัย และไดทํา การทดลองพิสูจนอยางรอบคอบ พบวาสิ่งที่อริสโตเติลกลาวไวนั้นไมเปนความจริง) - ลักษณะนิสัยสําคัญของกาลิเลโอ ที่ทําใหคนพบความรูไดนั้นมีอะไรบาง(นักเรียน แสดงความคิดเห็น)
  • 19. 19 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - ทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุของอริสโตเติลมีความผิดพลาดตรงสวนใด(อริสโตเติล ไมไดทําการทดลองเพียงแตอาศัยการสังเกตและประสบการณของตนเองมาอธิบายรอยเรียง เปนเหตุผลใหนาเชื่อถือ) - กาลิเลโอพิสูจนเพื่อลบลางทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุของอริสโตเติล(ทําการทดลอง เพื่อพิสูจนโดยออกแบบการทดลองจนสามารถยืนยันคําตอบได) - จากการทดลองของกาลิเลโอสามารถลบลางความเชื่อเดิมที่ถูกยึดถือมากวา 2,000 ป อยางไร (ปลอยวัตถุที่มีรูปรางเหมือนกันแตมีมวลตางกัน บนหอเอนปซา แลวพบวา วัตถุทั้ง สองจะตกถึงพื้นดินพรอมกันตอหนาสาธารณชนที่มาชมการทดลอง) - การที่แสดงการทดลองตอหนาสาธารณชนนั้น เปนเพราะเหตุใด(นักเรียนแสดงความ คิดเห็น) - การที่ความรูทางวิทยาศาสตรตั้งแตสมัยอริสโตเติลที่ถูกยึดถือมาเกือบ 2,000 ปนั้น ถูกลบลางโดยการพิสูจนของกาลิเลโอนั้น เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (ความรูทางวิทยาศาสตร มีความไมแนนอนแตมีความคงทน ) - จากการที่กาลิเลโอทําการทดลองแลวพบวาวัตถุที่มวลตางๆกันถูกปลอยในเวลา เดียวกันตกกระทบพื้นพรอมๆกันนั้น ไดพบขอมูลใหมวามีปจจัยบางอยางที่ทําใหการเคลื่อนที่ ของวัตถุนั้น เปลี่ยนแปลงไปเชน แรงเสียดทาน แรงตานอากาศ เปนตน สอดคลองกับธรรมชาติ วิทยาศาสตรอยางไร (จากการทําการทดลองในแตละครั้งอาจจะไดขอมูลไมเหมือนเดิมในทุกๆ ครั้ง) 22. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง กิจกรรม : ผลลัพธของแรงหลายแรงที่กระทําตอวัตถุ(ประดิษฐสะพานไมไอศกรีม) ( 4 ชั่วโมง) 1. ครูนําเชือกมาในชั้นเรียน โดยใหนักเรียนที่มีรูปรางตางกัน 4 คนออกมาหนาชั้นแลวจับปลาย เชือกแตละขาง ขางละ 2 คน โดยคนตัวเล็กอยูอีกฝายหนึ่ง สวนอีกฝายเปนคนตัวใหญ แลวถามนักเรียน วา - ถาเลนชักเยอฝายใดจะเปนผูชนะ เพราะเหตุใด - ถาแตละฝายมีคนตัวเล็กและคนตัวใหญคละกันอยูจะเกิดอะไรขึ้น 2. นักเรียนชวยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลนชักเยอ เพื่อเชื่อมโยงไปสู การเรียนรูเรื่องแรงลัพธ 3. ครูนําภาพหรือวิดีทัศนเกี่ยวกับคน 2 คนออกแรงเคลื่อนยายวัตถุในลักษณะตาง ๆ เชน คน 2 คนออกแรงผลักรถในทิศทางเดียวกันและในทิศทางตรงขามกัน คน 2 คนชวยกันเคลื่อนยายโตะใน ทิศทางเดียวกันและทิศทางตรงขามกัน มาใหนักเรียนดู 4. นักเรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกแรงเคลื่อนยายวัตถุใน ลักษณะตาง ๆ
  • 20. 20 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 5. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4-5 คน จากนั้นใหนักเรียนทํากิจกรรมการทดลองนํากอนหิน ใสถุง แลวนํามาเกี่ยวกับตะขอของเครื่องชั่งสปริง จากนั้นชั่งกอนหินอีกครั้ง โดยใชเครื่องชั่งสปริง 2 อัน ใหหูหิ้วของถุงพลาสติกเกี่ยวที่ตะขอเครื่องชั่งขางละหู อานผล และบันทึกผล 6. ครูใหตัวแทนของแตละกลุมนําเสนอคําตอบของกลุมตนเอง 7. ครูใหแตละกลุมสืบคนขอมูลเกี่ยวกับแรงลัพธ 8. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมรวมอภิปรายผลการทดลอง เพื่อใหขอสรุปของกลุม 9. ตัวแทนของแตละกลุมออกมานําเสนอผลการทดลอง 10. นักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายผลการทดลองเพื่อใหไดขอสรุปวา แรงสองแรงที่กระทําตอ วัตถุในแนวเดียวกัน มีคาของแรงเทากับผลรวมของแรงสองแรงนั้น 11. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา นักเรียนคิดวา จะนําความรูเกี่ยวกับแรงลัพธไปใช ประโยชนในชีวิตประจําวันไดอยางไร 12. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปผลการอภิปรายเปนองคความรู 13. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปผลการอภิปรายเปนองคความรู 14. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้ ใหนักเรียนแบงกลุมและทํากิจกรรมเรื่อง ประดิษฐ สะพานไมไอศกรีม ทดสอบประสิทธิภาพของสะพานไมไอศกรีม ของแตละกลุมที่ไดสรางขึ้น นําเสนอผล และสรุปผลการทํากิจกรรม จากนั้นสืบคนหลักการสรางสะพานไมไอศกรีม และประโยชนของการนํา ของสะพาน ไปใช และสรุปการนําความรูเรื่องของสะพาน ไปใชประโยชนเปนแผนภาพความคิดแลวให แตละกลุมนําเสนอแลกเปลี่ยนหนาชั้นเรียน 15. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการประดิษฐสะพานไมไอศกรีม ที่สรางขึ้น โดย นําเสนอแนวคิดในการสราง รูปแบบของสะพานไมไอศกรีม เหตุผลในการเลือกใชวัสดุ รวมทั้งผลการ ทดสอบและการปรับปรุงแกไขสะพานไมไอศกรีม จนมีประสิทธิผลมากที่สุด 16. จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตรที่ เกี่ยวของกับสะพานไมไอศกรีม 17. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง
  • 21. 21 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรม : หลักของอารคีเมดิส เวลา 2 ชั่วโมง 1. ครูนําลูกปงปอง จํานวนมากที่มีมวลแตกตางกัน มาปลอยในอางน้ํา ดังรูป 2. จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ดังนี้ - ลูกปงปองมีลักษณะอยางไร (ทรงกลม) - นักเรียนคิดวาถานําลูกปงปองไปปลอยในอางน้ําจะเกิดอะไรขึ้น (นักเรียนแสดงความ คิดเห็น) 3. จากนั้น ครูปลอยลูกปงปองลงไปในอางน้ํา จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายรวมกันวา เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น 4. ครูใหนักเรียนศึกษาใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง หลักของอารคีเมดิส (หนังสือการตูนประวัติของ อารคีเมดิสเกี่ยวกับหลักของอารคีเมดิส)ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใชคําถามดังนี้ - อารคีเมดิสเปนคนที่มีลักษณะนิสัยอยางไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - เพราะเหตุใดอารคีเมดิสถึงไดรับยกยองวาเปนนักวิทยาศาสตร คณิตศาสตรที่ยิ่งใหญ ของโลก(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - อารคีเมดิสคนพบอะไรบาง(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - เพราะเหตุใดพระราชาจึงมีความสงสัยในตัวของชางทอง(เกิดความไมมั่นใจในความ ซื่อสัตยของชางทองทํามงกุฎ) - พระราชาแกปญหาสิ่งที่ตนเองสงสัยอยางไร(ใหอารคีเมดิสชวยแกไขปญหา) - พระราชามอบหมายใหอารคีเมดิสไปหาคําตอบเรื่องอะไร(ทําอยางไรถึงจะรูไดวา มงกุฎทองที่ชางทองทําใหเปนทองแทหรือทองที่ถูกผสม) - อารคีเมดิสคนหาคําตอบอยางไร(ขบคิดปญหา และพบคําตอบเมื่อไปอาบน้ํา โดย พบวาเมื่อน้ําเต็มปริ่มขอบอางแตเมื่อเอาตัวลงมาพบวาน้ําไหลซูออกมานอกอาง) - อารคีเมดิสนําสิ่งที่ตนเองคนพบไปทําอยางไร(ทําการทดลองโดยเอามงกุฎมาผูกเชือก เสนเล็กๆ แลวเอาน้ําใสอางใหเต็มพอดีกับขอบ เอามงกุฎหยอนลงไปในอางน้ํา รองน้ําที่ลน ออกมาตวงหาปริมาตร แลวก็นําเอาเงิน และทองคําแท แตละกอนที่มีน้ําหนักเทากับมงกุฎอัน นั้น มาทดลองหาปริมาตรบาง ก็พบวา ทองคําแทมีปริมาตรนอยกวามงกุฎ และเงินมีปริมาตร มากกวามงกุฎ)
  • 22. 22 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - อารคีเมดิสกระทําอยางไรเพื่อใหเกิดความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองคนพบ(ทดลองซ้ําๆ หลายรอบ และทํากับวัตถุชนิดตางๆ ผลคือ คําตอบที่ไดออกมาเหมือนกัน) - สิ่งที่ชวยยืนยันการคนพบของอารคีเมดิสจนทําใหสิ่งที่เขาคนพบนั้นเปนที่กลาวขวัญ และมีชื่อเสียงมาจนทุกวันนี้คืออะไร(การนําเสนอผลการทดลองใหเห็นเปนประจักษตอ พระราชา) - นอกจากสิ่งที่เขาคนพบปญหาจากกงกุฎพระราชาแลวเขาทําอยางไรตอไป(ทดลอง เรื่องการลอยการจมของวัตถุ หรือ แรงพยุงในของเหลว) - ความรูที่คนพบเพิ่มเติมหลังจากที่ไดแกไขปญหาใหพระราชแลวนั้น แสดงใหเห็นวา อารคีเมดิสมีลักษณะนิสัยอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) การที่อารคีเมดิสมีลักษณะนิสัยตางๆเหลานี้สงผลดีตอการเรียนรูวิทยาศาสตรอยางไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) 5. ครูแบงกลุมนักเรียนเพื่อทําการทดลองกลุมละ 4-5คน และรับใบกิจกรรมที่ 2 และอุปกรณ การทดลอง เรื่องการทดลองเพื่อพิสูจนหลักของอารคีเมดิส โดยครูชี้แจงการทําการทดลองดังนี้ - ใหนักเรียนปฏิบัติการทดลองตามใบกิจกรรมการทดลอง สังเกตและบันทึกผล - หลังจากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปเกี่ยวกับหลักของอารคีเมดิส 6. หลังจากนั้นเมื่อนักเรียนทําการทดลองในกิจกรรมที่ 3 เรียบรอยแลว ใหสงตัวแทน กลุมมาใบกิจกรรมที่ 2 และอุปกรณการทดลอง ดําเนินการทดลองตามขั้นตอนการทดลอง 7. ครูสุมเลือกตัวแทนกลุม เพื่อออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลอง 8 จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้ - จากการทดลองในใบกิจกรรมที่ 2 เพราะเหตุใดจึงตองใหกอนหินและกอนดินน้ํามันมี มวลเทากัน(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - เมื่อนักเรียนนํากอนหินและกอนดินน้ํามันที่มีมวลเทากันไปหยอนลงในถวยยูเรกา ไดผลเปนอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - จากนั้นเมื่อนักเรียนนําไปหาความหนาแนนไดผลเปนอยางไร(นักเรียนแสดงความ คิดเห็น) - จากการทดลองดังกลาวกับสิ่งที่อารคีเมดิสไดกระทําเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - จากการทดลองนักเรียนสามารถสรุปผลไดวาอยางไร(ของที่มีมวลเทากัน ปริมาตร อาจจะแตกตางกัน รวมถึงความหนาแนนดวย) - จากการทดลองในใบกิจกรรมที่ 2 เมื่อเรานําเชือกผูกนําดินน้ํามัน ไวกับเครื่องชั่ง สปริงเพื่อหามวลกอนชั่ง(ชั่งในอากาศ) และจากนั้นนําดินน้ํามันกอนดังกลาวไปไปชั่งในน้ําผล ปรากฏ เปนอยางไร (มวลแตกตางกัน ผลจากการชั่งในน้ํามีมวลนอยกวาชั่งในอากาศ) - และเมื่อเราเพิ่มมวลมากขึ้น แลวกระทําการทดลองดวยวิธีเดียวกันผลเปนอยางไร (ไดผลเหมือนกัน คือการชั่งในน้ํามีมวลนอยกวาชั่งในอากาศ) - จากการทดลองนี้นักเรียนคนพบอะไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - นักเรียนคิดวาอะไรที่เปนสาเหตุที่ทําใหมวลที่ชั่งในอากาศและชั่งในน้ําแตกตางกัน (สถานะของสสารที่วัตถุอยูในขณะชั่งหรือบริเวณที่ชั่งมีลักษณะแตกตางกัน)
  • 23. 23 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - นักเรียนจะศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นจากบริเวณไหน (บริเวณที่ทําใหตัวเลขมวลของวัตถุ เปลี่ยนไปหลังจากชั่ง) - นักเรียนคิดวาอะไรเปนสิ่งที่ทําใหกอนดินน้ํามันมีมวลนอยลงขณะชั่ง(น้ํา) - หากจินตนาการนักเรียนคิดวา สิ่งที่ชวยใหกอนดินน้ํามันมีมวลนอยลงขณะชั่งเปน อยางไร(มีอะไรมารองรับไว หรือ นักเรียนแสดงความคิดเห็นอื่นๆเพิ่มเติม) - และจากการทดลองที่นําน้ําที่ไดหลังจากนํากอนดินน้ํามันไปหยอนลงในถวยยูเร กาแลวนําไปชั่งหามวลของน้ําเปรียบเทียบกับมวลของดินน้ํามัน ไดผลเปนอยางไร(มีมวล เทากัน) - และเมื่อเพิ่มมวลของดินน้ํามันเปน 500 กรัม ไดผลเปนอยางไร(ไดผลเทากัน) - สิ่งที่ไดจากการทดลองนี้คืออะไร (มวลของวัตถุที่ไดกอนชั่งเทากับมวลของน้ําที่ถูก วัตถุแทนที่) - นักเรียนสรุปผลการทดลองนี้ไดวาอยางไร (มวลของวัตถุที่ไดกอนชั่งเทากับมวลของ น้ําที่ถูกวัตถุแทนที่) 9. จากนั้นครูนํากอนไมทรงลูกบาศกไปชั่งในเครื่องชั่งสปริง และเตรียมอางน้ําทรงสี่เหลี่ยมแบบ ใส เทน้ําใสในอางประมาณ 2 ใน3 ของอางน้ํา วัดความสูงของระดับน้ํากอน แลวนํากอนไมทรงลูกบาศก หยอนลงไปในอาง (ดังรูป) และวัดความสูงของระดับน้ําที่เปลี่ยนไป และตั้งคําถามอภิปรายดังนี้ - มวลของกอนไมทรงลูกบาศกเปนเทาใด - นักเรียนสามารถหาคํานวณหาพื้นที่หรือปริมาตรของวัตถุไดอยางไร(ใชสูตรทาง คณิตศาสตร คือ ปริมาตรของวัตถุ = ความกวาง x ความยาว x ความสูง) - อางนี้นักเรียนสามารถหาปริมาตรไดหรือไม อยางไร ครูสุมนักเรียนออกมาวัดหา ปริมาตรของอางใบนี้ - จากการที่ครูนํากอนไมทรงลูกบาศกหยอนลงไปในอาง แลวพบวาระดับน้ําสูงขึ้นจาก เดิม นักเรียนสามารถคํานวณหาปริมาตรน้ําที่เพิ่มขึ้นไดหรือไม อยางไร (นักเรียนใชสมการ ปริมาตรของวัตถุ = ความกวาง x ความยาว x ความสูง เพื่อหาปริมาตรน้ําที่เพิ่มขึ้น) - เมื่อน้ํามีความหนาแนน เทากับ 1 กรัมตอลูกบาศกเซนติเมตร และสมการการหา ความหนาแนนของวัตถุที่ไดจากการทดลอง (ดานลางนี้) นักเรียนสามารถคํานวณหามวลของ น้ําไดคําตอบอยางไร ความหนาแนน = มวล ปริมาตร - จากการคํานวณไดมวลของน้ํา เทาใด (เทากับมวลของกอนไมทรงลูกบาศก) - หากนักเรียนเพิ่มมวลของกอนไมทรงลูกบาศกจะสงผลอยางไรบาง(ระดับน้ําสูงขึ้น และ กอนไมทรงลูกบาศกอาจจะจม)
  • 24. 24 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - นักเรียนคิดวาระดับความสูงของน้ําที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่เพิ่มมวลของกอนไมทรง ลูกบาศก สงผลใหมวลของน้ําที่ไดเปนอยางไร(มวลของน้ํานาจะเทากับมวลของกอนไมทรง ลูกบาศก) 10. นักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบสรุปผลการทดลองของตนเองหลังจากที่ไดรวมกัน อภิปรายกลุมกอนนําสงครู 11. ครูใหนักเรียนคนหาคําตอบจากใบกิจกรรมที่ 4 หาแรงลอยตัว 12. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเพื่อหาขอสรุปเกี่ยวกับการทดลอง โดยครูตั้งคําถามดังนี้ - อารคีเมดิสกลาวถึงสิ่งที่เขาคนพบวาอยางไรบาง(วัตถุตางชนิดกันที่มวลเทากัน ปริมาตร และความหนาแนนของวัตถุนั้นอาจแตกตางกันดวย) - นอกจากเรื่องนี้แลวอารคีเมดิสยังคนพบอะไรเพิ่มเติมอีกบาง (อารคีเมดิสคนพบวา แรงลอยตัวที่กระทําตอวัตถุที่จมหรือลอยอยูนั้น จะเทากับน้ําหนักของของไหลที่ถูกเขาไป แทนที่) - สิ่งตางๆเหลานี้นักเรียนดําเนินการตามแนวคิดของอารคีเมดิสอยางไรบาง(ดําเนินการ ทดลองตามแนวทางของอารคีเมดิส) - จากการทดลองตามใบกิจกรรมที่ 2 สิ่งที่ไดจากการศึกษาครั้งนี้คืออะไร(วัตถุตางชนิด กันที่มวลเทากัน ปริมาตร และความหนาแนนของวัตถุนั้นอาจแตกตางกันดวย) - จากการทดลองตามใบกิจกรรมที่ 3 การทดลองชุดที่ 1 สิ่งที่ไดจากการศึกษาครั้งนี้ คืออะไร(เมื่อนําวัตถุชั่งในอากาศและชั่งในน้ํา มวลที่ไดแตกตางกัน โดยมวลจะมีคาลดลงเมื่อชั่ง ในน้ํา) - ในการทดลองชุดที่ 2 ไดผลการศึกษาวาอยางไร(น้ําที่ถูกแทนที่เมื่อนําไปชั่งหามวล ผลปรากฏวามีมวลเทากับวัตถุนั้น) - นักเรียนบอกไดหรือไมวาอะไรเปนสิ่งที่ทําใหวัตถุลอยอยูบนน้ําได (แรงลอยตัว หรือ แรงพยุงในของเหลว) - นักเรียนคิดวาแรงพยุงในของเหลวมีลักษณะอยางไร (พยุงใหวัตถุลอยอยูในน้ําได) - หากนักเรียนวาดลูกศรแสดงทิศทางของแรงพยุงของของเหลว นักเรียนจะวาด อยางไร หากของเหลวมีแรงกระทํากับวัตถุทุกทิศทาง - ลักษณะของลูกศรที่พยุงวัตถุในของเหลวนั้นเปนอยางไร (ลูกศรหมายถึงทิศทางของ แรงพยุงในของเหลวที่กระทําตอวัตถุ ซึ่งลูกศรจะหันหัวเขาวัตถุ โดยลูกศรดานลางจะยาว แสดง ใหเห็นวามีแรงพยุงวัตถุไวมากกวา สวนเสนลูกศรดานขางรอบๆจะสั้นกวา แสดงใหเห็นวามีแรง พยุงวัตถุนอยกวา) - หากวัตถุมีมวลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวัตถุจม แรงลอยตัวเปนอยางไร (นักเรียน แสดงความคิดเห็น) 13. จากนั้นครูนํารูปลักษณะการลอยและจมของวัตถุในน้ํา ดังรูป แลวตั้งคําถามดังนี้ รูป A รูป B รูป C
  • 25. 25 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - รูป A วัตถุที่มีแรงลอยตัวเปนอยางไร(ความหนาแนนของวัตถุมีคานอยกวาความ หนาแนนของเหลว) - รูป B วัตถุที่มีแรงลอยตัวเปนอยางไร(ความหนาแนนของวัตถุมีคาเทากับความ หนาแนนมากกวาของเหลว) - รูป C วัตถุที่มีแรงลอยตัวเปนอยางไร(ความหนาแนนของวัตถุมีคามากกวาความ หนาแนนของเหลว) 14. จากนั้นครูตั้งคําถามอภิปรายสรุปเกี่ยวกับประวัติการคนพบของอารคีเมดิส ดังนี้ - ความสามารถที่เดนชัดของอารคีเมดิส คืออะไร (ความสามารถดานการคิด คํานวณ) - เพราะเหตุใดสิ่งที่เปนสิ่งที่อารคีเมดิสคนพบนั้น สิ่งที่ยาก แรกเริ่มสุด ของการศึกษา คืออะไร(มีความรูเรื่องการหาพื้นที่ของวัตถุแตมีขอจํากัดเรื่องรูปรางของวัตถุที่ทําการศึกษา ซึ่ง ไมใชทรงเรขาคณิต) - อารคีเมดิสคนพบวิธีการหาขอพิสูจนเกี่ยวกับมงกุฎแทดวยวิธีการอยางไรบาง(ทํา หลากหลายวิธี แตไมไดคําตอบตามสิ่งที่ตนเองคิดไว) - นักเรียนคิดวาวิธีการที่อารคีเมดิสคนพบนั้น เปนอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - ความรูที่อารคีเมดิสคนพบนั้นเพียงพอสําหรับอารคีเมดิสเองหรือไม เพราะเหตุใดถึง เปนเชนนั้น (เนื่องจากนิสัยของอารคีเมดิส เปนคนชางคิด ชางสังเกต ทําใหคนพบความรู เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น) - หากนักเรียนนําแนวคิดของอารคีเมดิส นักเรียนจะนํามาใชทําอะไรบาง - สิ่งใดบางที่นักเรียนพบเห็นในปจจุบันที่ใชหลักการของการคีเมดิส(สรางเรือ การ สรางแพ การสรางบานลอยน้ํา ) 15. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง
  • 26. 26 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรม : ความดันในของเหลว เวลา 2 ชั่วโมง 1. ครูนําขวดพลาสติกบรรจุน้ําจนเต็มที่เจาะรู 3 ตําแหนงไวเรียบรอยแลว โดยอุดรูไวกอนเพื่อ ไมใหน้ําไหลออกมา มาใหนักเรียนพิจารณา ดังรูป 2. จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ดังนี้ - นักเรียนคิดวาตําแหนงรูแตละรูสงผลใหน้ําไหลออกมาอยางไร - นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) 3. จากนั้น ครูปลอยเปดรูที่อุดไวพรอมกัน แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปรายรวมกันวาเพราะเหตุ ใดถึงเปนเชนนั้น 4. ครูแบงกลุมนักเรียน กลุมละ 3 – 5 คน แลวมารับอุปกรณ ชุดที่ 1 ดังนี้ ขวดพลาสติก เทป กาว และแบบบันทึกผลการทดลอง และลงมือทําการทดลองเพื่อตรวจสอบวาคําตอบที่ตนเองทายใน ตอนแรกกอนทดลองถูกตองหรือไม อยางไร โดยเจาะรูในตําแหนงที่แตกตางกัน สังเกต และบันทึกผล หลังจากทําการทดลองชุดที่ 1 เรียบรอยแลว ใหนักเรียนมารับอุปกรณชุดที่ 2 ดังนี้ ลูกโปง ไม ปลายแหลม ขวดพลาสติก สีผสมอาหาร ภาชนะรองน้ํา และแบบบันทึกผลการทดลอง และลงมือทํา การทดลอง ดังนี้ ตอนที่ 1 1. ใหนักเรียนใสน้ําลงในลูกโปง เขยาไปมา สังเกต และบันทึกผล ตอนที่ 2 1. ใชเทปกาวปดรูทั้งหมดที่เจาะไวขางขวด ซึ่งเจาะรูเปนคูในระดับเดียวกัน 3 คู 2. เทน้ําที่ผสมสีลงไปในขวดใหสูงกวารูบนสุดเล็กนอย 3. นําขวดไปวางที่ขอบโตะ นําภาชนะมารองน้ํา ดึงไมที่ปดรูในแนวดิ่งออก 1 แถว สังเกตและบันทึกผล 5. ทําซ้ําโดยเอาไมปดรูไว เทน้ําผสมสีลงในขวดจนเต็ม จากนั้นดึงไมที่ปดรูที่ระดับเดียวกันออก ทั้งสองแถวทีละคู สังเกตและบันทึกผล 6. หลังจากที่นักเรียนปฏิบัติการทดลองและบันทึกผล จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อรวมกันอภิปราย กับนักเรียน ดังนี้
  • 27. 27 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - จากการทดลองชุดที่ 1 นักเรียนสังเกตเห็นความแรงของน้ําเหมือนหรือแตกตางกัน อยางไรบาง(ที่ระดับเดียวกันแรงดันน้ําจะพุงออกมาเทากัน แตถายิ่งอยูลึกเทาใด แรงดันน้ําจะยิ่งพุง ออกมามากขึ้น) - จากการทดลองชุดที่ 2 ตอนที่ 1 ลูกโปงใหญขึ้นเพราะเหตุใด (แรงจากน้ํากระทําตอ ลูกโปงทําใหลูกโปงใหญขึ้น ซึ่งน้ํามีแรงกระทําตอวัตถุในทุกทิศทาง) - จากการทดลองชุดที่ 2 ตอนที่ 2 น้ําที่พุงออกมาในแตละระดับมีความแรงแตกตาง กันเปนเพราะเหตุใด (ที่ระดับความลึกมากความดันของของเหลวจะมีคามาก และที่ระดับความ ลึกเทากันของเหลวจะมีความดันเทากัน) จากนั้นครูนําขวดที่เจาะรู 3 รู อีกครั้ง แลวถามนักเรียนวา - นักเรียนสามารถตอบไดหรือยังวา รูไหนน้ําพุงไกลที่สุด เพราะเหตุใด (รูที่ อยูลางสุด พุงไกลสุด เพราะมีความดันของน้ํามากที่สุดเพราะอยูระดับลึกที่สุด) - ถาครูใชขวดที่มีขนาดและรูปรางตางกัน แตใสน้ําใหมีระดับน้ําเทากัน นักเรียนคิดวา น้ําจากขวดใดจะพุงออกจากรูที่มีระดับเทากันไดไกลที่สุด (ครูใหนักเรียนทํานายกอนสาธิตให) (น้ําพุงไดไกลเทากัน) - ถาครูใชน้ําปริมาตรเทากันแตใสในภาชนะที่มีขนาดตางกัน นักเรียนคิดวาน้ําจากขวด ใดจะพุงออกจากรูที่มีระดับเทากันไดไกลที่สุด (ครูใหนักเรียนทํานายกอนสาธิตใหดู ซึ่ง คําตอบคือ ขวดที่มีระดับน้ําสูงกวาจะพุงไดไกลกวา ) - นั่นแสดงใหเห็นวาความดันของของเหลวขึ้นอยูกับอะไร (ความลึก แตไมขึ้นอยูกับ ปริมาตรของของเหลว) 7. หลังจากอภิปรายคําถามรวมกันแลว นักเรียนบันทึกผลและสรุปผล 8. ครูตั้งคําถามเพื่ออภิปรายกับนักเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาขอสรุปดังนี้ - จากกิจกรรมการทดลองชุดที่ 1 จะอธิบายไดอยางไร (ยิ่งลึกความดันน้ํายิ่งมาก) - จากกิจกรรมการทดลองชุดที่ 2 จะอธิบายไดอยางไร (น้ํามีแรงกระทําตอวัตถุในทุก ทิศทาง) - รูปรางของภาชนะมีผลตอแรงดันน้ําหรือไม ถาน้ําอยูในระดับเทากัน(ไมสงผล) 9. นักเรียนตอบคําถามทายการทดลอง 10. ครูตั้งคําถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องปจจัยที่สงผล ตอแรงดันน้ํา ดังนี้ - นอกความความลึกแลวยังมีปจจัยใดอีกหรือไมที่สงผลตอแรงดันน้ํา(ความหนาแนน ของของเหลว) - เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น(ของเหลวตางชนิดกันจะมีความดันตางกัน โดยของเหลว ที่มีความหนาแนนมาก จะมีความดันสูงกวาของเหลวที่มีความหนาแนนนอย) 11. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับการนําความรูเรื่องความดันของของเหลวไปใช ประโยชน โดยครูนําอภิปรายโดยใชคําถาม ดังนี้ - สิ่งที่เกี่ยวของกับความลึก นักเรียนนึกถึงอะไรบาง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - นักเรียนคิดวาอะไรบางที่นําความรูเรื่องของเหลวไปอธิบายอะไรไดบาง (นักเรียน แสดงความคิดเห็น) - นักเรียนเคยเห็นแทงกน้ําที่บรรจุน้ําไวตามบานแตละหลังหรือไม
  • 28. 28 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - แทงน้ําที่นักเรียนเห็นถูกวางไวตําแหนงใดบาง(ดานบนบาน) - เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น นักเรียนอธิบายไดหรือไมวาเขาใชหลักการใดมาใช ประโยชน(ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น จนกระทั่งสามารถอธิบายไดวานําหลักการ เรื่องความดันของของเหลวมาใชประโยชน) - นั่นหมายความวาอยางไร (ถายิ่งวางแทงกน้ําสูงเทาใด แรงดันน้ําที่สงมายังบานก็จะ มากขึ้นเทานั้น) - ในการสรางเขื่อนนักเรียนคิดวาจะตองสรางอยางไร ถานักเรียนนําหลักการเรื่อง ความดันของของเหลวมาใชประโยชนในการอธิบาย ( ตองสรางใหฐานเขื่อนมีความกวาง มากกวาสันเขื่อน เพราะแรงดันของน้ําบริเวณฐานเขื่อนมากกวาแรงดันของน้ําบริเวณสันเขื่อน เขื่อนตองสรางใหฐานเขื่อนกวางกวาสันเขื่อน) -และในการสรางหรือการออกแบบเรือดําน้ํา จะตองทําอยางไร (จะตองสรางใหมีความ แข็งแรงและทนทานตอสภาพความดันสูงในน้ําลึกได เพราะยิ่งลึกความดันน้ําจะยิ่งมากขึ้น) 12. ครูใหนักเรียนศึกษาใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง ความดันในของเหลว (หนังสือการตูนประวัติของ ปาสคาลเกี่ยวกับความดันของของเหลว)ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใชคําถามดังนี้ - ปาสคาล มีลักษณะนิสัยอยางไร (มีจินตนาการและความคิดที่กวางไกล) - ปาสคาลมีความสามรถอยางไรบาง(ศึกษาแนวคิดของยูคลิดในเรื่อง Elements ในชวงอายุยังวัยเยาว และทําความเขาใจหลักและทฤษฎีหลายอยางของยูคลิดไดกอนอายุ 12 ป) - ปาสคาลมีความสนใจในดานฟสิกส ไดศึกษาเรื่องของเหลว และแรงดันในของเหลว ไดความวาอยางไร (ความกดของของไหลที่พื้นผิวภาชนะยอมกดทุกทิศทาง และแรงกดดันนั้นจะเปนมุม ฉากกับผิวภาชนะที่ของไหลนั้นสัมผัส) - เพราะเหตุใดถึงเรียกของเหลววาของไหล (เพราะลักษณะของของเหลวสามารถไหล ได เชนเดียวกับแกสหรือากาศ) - จากคํากลาวของปาสคาลเกี่ยวกับแรงดันในของเหลว นักเรียนจะนํามาอธิบายในการ ทดลองขางตนไดอยางไร(จากการทดลองนําน้ําใสไปในลูกโปงและพบวาแรงดันน้ําดันลูกโปงทุกทิศทาง ทําใหลูกโปงขยายใหญขึ้น) - จากหลักการดังกลาวขางตน ปาสคาลนําความรูนี้ไปประดิษฐอยางไร (ประดิษฐ เครื่องจักรไฮดรอลิก) 13. ครูนํารูป เครื่องจักรไฮดรอลิกมาใหนักเรียนพิจารณา แลวตั้งคําถาม ดังนี้
  • 29. 29 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - จากภาพที่กําหนดใหปาสคาลอธิบายหลักการทํางานของเครื่องจักรไฮดรอลิก อยางไร(ถาลูกสูบเล็กถูกกดลงไปในภาชนะที่ใสของไหล ลูกสูบอันใหญจะถูกยกขึ้นอีกดานหนึ่งของ ภาชนะนั้น) - ปาสคาลไดแนวคิดนี้มาจากไหน(ประยุกตใชแนวคิดของอารคีเมดิส) - เครื่องจักรไฮโดรลิกนี้นํามาใชประโยชนอยางไรบางในปจจุบัน(ยกของ) 15. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง กิจกรรม : การลอยและการจมของวัตถุ เวลา 2 ชั่วโมง 1. ครูตั้งคําถามเพื่อนําความรูเขาสูบทเรียน โดยตั้งคําถามวา - ถานักเรียนโยนกอนหินและแผนโฟมลงไปในน้ํา นักเรียนคิดวาอะไรจะจมและลอย น้ํา เพราะเหตุใด - ถานักเรียนโยนตะปูและขวดพลาสติกลงในน้ํา นักเรียนคิดวาอะไรจะจมและลอยน้ํา เพราะเหตุใด - ในหองเรียนของเรามีอะไรบางที่จมน้ําและลอยน้ําได 2. นักเรียนชวยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวัตถุที่จมและลอยน้ํา เพื่อเชื่อมโยง ไปสูการเรียนรูเรื่องแรงพยุงของของเหลว 3. ครูนําอางใสน้ํามาตั้งไวบนโตะและเตรียมกระดาษฟอยล 3 แผนที่มีขนาดเทากัน จากนั้นทํา กระดาษฟอยลใหมีรูปทรงตางกัน ดังนี้ พับใหแนนจนเล็ก ขยําเปนกอนกลม และเปนแผนตรงกลางโคง ขอบตั้งขึ้น แลวนํากระดาษฟอยลทั้ง 3 ลงไปลอยในน้ํา นักเรียนสังเกตและรวมกันอภิปราย 4. นักเรียนเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แลวนําคําตอบที่นักเรียนตอบเขียนไวบน กระดานดํา 5. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับแรงพยุงของของเหลวจากหนังสือเรียน หนังสืออื่น ๆ หรือ อินเทอรเน็ตในหองสมุด
  • 30. 30 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 6. ครูแบงนักเรียนกลุมละ 56 คน ปฏิบัติกิจกรรมแรงพยุงน้ํา แตละกลุมปฏิบัติกิจกรรมตาม ขั้นตอนที่วางแผนไว โดยครูชี้แจงการทํากิจกรรม ดังนี้ - ตัดขวดน้ําดื่มพลาสติกสี่เหลี่ยมดานใดดานหนึ่งออกใหเปนชองสี่เหลี่ยม สวนดานขาง ในติดกระดาษที่ขีดเปนเสนระยะหางเทา ๆ กัน - ใสน้ําลงไปครึ่งหนึ่ง แลวนําขวดพลาสติกไปวางในอางน้ํา - คอย ๆ วางกอนหินลงในขวดทางชองดานบน โดยวางกอนแรกตรงกลาง แลวไล ออกมาสองขางสลับกันไป - สังเกตขีดที่ดานขางของขวดและจํานวนกอนหิน บันทึกผล 7. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนาชั้นเรียน 8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใชแนวคําถามตอไปนี้ - จากการทดลองเมื่อนักเรียนเพิ่มจํานวนกอนหินลงในขวด ผลเปนอยางไร - ถาเปรียบขวดเปนเรือบรรทุกสินคา นักเรียนมีวิธีสรางเรือใหบรรทุกสินคาไดมาก ๆ ดวย วิธีการใด 9. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงการลอยและจมของกระดาษฟอยลทั้ง 3 แบบจนได ขอสรุปวา กระดาษฟอยลที่จมน้ําเพราะแรงพยุงของน้ํามีนอยกวาขนาดของกระดาษฟอยล สวน กระดาษฟอยลที่ลอยน้ําเพราะแรงพยุงของน้ํามากกวาขนาดของกระดาษฟอยล 10. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับเรื่องแรงพยุงของของเหลว โดยสรุปไดวา แรงพยุงน้ํามี คาเทากับน้ําหนักของน้ํา ปริมาตรเทากับสวนที่จมของวัตถุหรือขึ้นอยูกับสวนที่จม 11. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา จากหลักการดังกลาวที่นักเรียนเรียนรูมาเราสามารถนํามาสรางเรือดํา น้ํา แพ หรือหวงยางก็ได แลวใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมสังเกตเรือดําน้ํา โดยมีขั้นตอนดังนี้ - นําขวดน้ําดื่มพลาสติกมาเจาะรูดานขางเรียงเปนแนวยาวประมาณ 6 รู ตามรูปใน หนังสือเรียน - เจาะรูที่ฝาใหใหญพอที่จะเสียบหลอดดูดเขาไปได อุดขอบดวยดินน้ํามันใหสนิท - นําเทปกาวยนมาปดรูไว ใสน้ําใหเต็มแลวปดฝา นําไปใสในอางน้ํา โดยใหดานที่มีรูอยู ดานลาง จากนั้นดึงเทปกาวยนออก ปลายหลอดดูดโผลอยูเหนือน้ํา ตามรูปในหนังสือเรียน - เปาลมลงไปในขวดอยางตอเนื่อง โดยจัดใหดานที่มีรูอยูดานลางตลอดเวลา สังเกตสิ่งที่ เกิดขึ้น บันทึกผล 12. นักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับเรือดําน้ํา 13. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชนที่ไดรับจากจากหลักการของ แรงพยุงน้ํานักเรียนสามารถนําไปใชประโยชนไดอยางไนบาง 14. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรือสินคาวา เพราะเหตุใดเรือสินคาซึ่งทํา ดวยเหล็กจึงสามารถลอยน้ําได 15. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง
  • 31. 31 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรม : ประดิษฐเรือเรือไฟฟาขนสงสินคา เวลา 2 ชั่วโมง 1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้ ใหนักเรียนแบงกลุมและทํากิจกรรมเรื่อง ประดิษฐเรือ ไฟฟา กระดาษทดสอบประสิทธิภาพของเรือไฟฟาของแตละกลุมที่ไดสรางขึ้น นําเสนอผลและสรุปผล การทํากิจกรรม จากนั้นสืบคนหลักการประดิษฐเรือไฟฟา และประโยชนของการนําเรือไปใช และสรุป การนําความรูเรื่องเรือไฟฟา ไปใชประโยชนเปนแผนภาพความคิดแลวใหแตละกลุมนําเสนอแลกเปลี่ยน หนาชั้นเรียน 2. จากการทํากิจรรมประดิษฐเรือไฟฟา นักเรียนควรสรุปไดวา จากผลการทํากิจกรรมและจาก การตอบคําถามทายกิจกรรม นักเรียนควรสรุปไดวา แรงลอยตัว หมายถึง แรงที่ชวยพยุงใหวัตถุไมจมลง ในของเหลว โดยแรงลอยตัวจะกระทํากับวัตถุในทิศตรงขามกับแรงเนื่องจากน้ําหนักของวัตถุ โดยปจจัยที่มีผลตอการลอยและการจม ไดแก ความหนาแนนของวัตถุ ซึ่งวัตถุมีความหนาแนนนอยกวา ของเหลว วัตถุจะลอยในของเหลว วัตถุมีความหนาแนนเทากับของเหลว วัตถุจะลอยปริ่มของเหลว วัตถุ มีความหนาแนนมากกวาของเหลว วัตถุจะจมในของเหลว และความหนาแนนของของเหลว คือ ของเหลวที่มีความหนาแนนมาก จะมีแรงลอยตัวมาก ของเหลวที่มีความหนาแนนนอย จะมีแรงลอยตัว นอย 3. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการประดิษฐประดิษฐเรือไฟฟาที่สรางขึ้น โดยนําเสนอ แนวคิดในการสราง รูปแบบของประดิษฐเรือไฟฟา เหตุผลในการเลือกใชวัสดุ รวมทั้งผลการทดสอบ และการปรับปรุงแกไขกังหันลมจนมีประสิทธิผลมากที่สุด 4. จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตรที่เกี่ยวของ กับประดิษฐเรือไฟฟา 5. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง กิจกรรม : ความดันในอากาศ เวลา 2 ชั่วโมง 1. ครูนําขวดพลาสติก2 ขวดโดยแตละขวดนําลูกโปงไวขางในแลวทําการเปา ทั้ง 2 ขวด ซึ่งขวด ที่1 เมื่อเปาลูกโปง แลวพบวา ลูกโปงไมพอง แตเมื่อเปาลูกโปงในขวดใบที่ 2 ลูกโปงพองขึ้น 2. จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ดังนี้ - นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดลูกโปงลูกที่ 1 ถึงไมพอง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดลูกโปงลูกที่ 2 ถึงพอง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) 3. จากนั้น ครูใหนักเรียนตรวดสอบขวดและ ลูกโปงทั้ง 2 ชุด แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปราย รวมกัน ดังนี้ - นักเรียนคนพบอะไรบาง(ขวดใบที่ 1 ไมมีการเจาะรู แตขวดใบที่ 2 มีการเจาะรู) - นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดลูกโปงในขวดที่ 1 ถึงไมพอง และและขวดที่ 2 ถึงพอง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - รูที่นักเรียนสังเกตเห็นนั้นสงผลใหลูกโปงพองไดอยางไร (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - และเพราะเหตุใดขวดใบที่ 1 ถึงไมทําใหลูกโปงพอง (นักเรียนแสดงความคิดเห็น)
  • 32. 32 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ลูกโปงในขวดที่ 1 ลูกโปงในขวดที่ 2 4. ครูใหนักเรียนศึกษาใบกิจกรรม เรื่อง ความดันอากาศ (หนังสือการตูนประวัติของเกอรริค เกี่ยวกับความดันอากาศ)และชมวิดีทัศนการคนพบสุญญากาศ ใหเขาใจเพื่อนําสูการอภิปราย โดยใช คําถามดังนี้ - เกอรริค คนพบอะไร(สุญญากาศ) - สิ่งที่ทําใหเกอรริคเกิดความตองการอยากรู จนคนพบสุญญากาศคืออะไร(ชองวาง ระหวางดวงอาทิตยกับอาวอื่นๆนั้น เปนอะไรกันแน ถาดาวเคราะหโคจรผานอากาศจะตองเกิด การเสียดสีกับอากาศทาใหการโคจรชาลง แตการโคจรของดวงดาวกลับไมไดชาลงกวาเดิมเลย) - เกอรริคสงสัยวาสิ่งที่ตัวเองคาดคิดไวนาจะเปน สุญญากาศ เบื้องตนเขาดําเนิน การศึกษาอยางไร(สูบน้ําออกจากถังไมที่ปดสนิท) - ผลที่เกิดขึ้นเปนอยางไร (ไมประสบผลสําเร็จ สุญญากาศไมสามารถเกิดขึ้นได) - เขาทําการทดลองตออยางไร(นําลูกกลมกลวงผาซีกทําดวยสําริดมีเสนผาศูนยกลาง 15 นิ้วแลวจัดหาวงแหวนทาดวยหนังสัตวมาประกบระหวางลูกกลมนั้น สวนหนึ่งของลูกโลหะ ทําเปนหวงสําหรับคลองเชือก เมื่อเขาประกบทรงกลมนั้นดวยกันสูบอากาศออกจนหมด เขาก็ ใหผูชมดึงลูกกลมนั้นใหแยกออกจากกัน ปรากฏวาไมมีใครสามารถแยกออกได เขาทดลองโดย การใชมาดึงถึงขางละ 8 ตัว แตก็ไมสามารถแยกลูกกลมออกจากกันได เขาลองเพิ่มจานวนมา ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาใชมาถึงขางละ 25 ตัว จึงสามารถแยกลูกกลมออกจากกันได) - เกอรริคสรุปผลการทดลองของเขาวาอยางไร(สุญญากาศมีแรงดึงดูดและอากาศมีแรง กดดันอยางมหาศาล) - จากการทดลองในครั้งนั้นเพียงพอสําหรับเกอรริคหรือไม และเขาดําเนินการอยางไร (ไมเพียงพอ เขาไดสรางลูกกลมขึ้นแตในคราวนี้ไมผาซีก เมื่อติดทอสูบอากาศเขาแลวนาไป ทดลอง ครั้งนี้เขาใชกระบอกสูบทรงกระบอกขนาดใหญ โดยมีลูกสูบ ซึ่งมีน้ําหนักมาก และ ขนาดพอเหมาะกับกระบอกสูบ จัดการนาไปแขวนกับลูกรอกที่ติดไวบนขาหยั่งสูงประมาณสอง ชวงคน จากปลายเชือกที่ผูกโยงกับกานลูกสูบเขาสงผานลูกรอกไปยังดานลางดวยสายเชือกที่ เหนียวเสนหนึ่งโดยคลายเกลียวเชือกทางดานที่พนรอกไปแลวใหคลายออกเปนเกลียวเล็กๆ 20 เสน แลวใชคนแข็งแรงยืนจับปลายเชือกดานนั้นไวเสนละหนึ่งคนรวม 20 คนเมื่อเขาตอลูกกลม สุญญากาศของกระบอกลูกสูบเพื่อที่จะเปดกอกที่ติดอยูกับขั้วตอนบนของลูกกลม ใหดูดอากาศ ในกระบอกสูบออกเพื่อใหอากาศเขาไปในลูกกลมสุญญากาศนั้นทันทีที่เขาสั่งคนทั้ง 20 คน ให ยึดสายเชือกใหแนนไวเพื่อดึงลูกสูบใหคงอยูในสภาพเดิม ครั้งเมื่อเปดก็อกเขาจริงๆ อากาศใต ลูกสูบก็กรูเขาไปในลูกกลมอยางรวดเร็วมากและแรงกดของอากาศเหนือลูกสูบก็กดลงไปบน
  • 33. 33 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ลูกสูบดวย จึงทําใหเกิดความแตกตางระกวางแรงกดลงไปบนลูกสูบดวย จึงทาใหเกิดความ แตกตางระหวางแรงกดเบื้องบนกับแรงดูดเบื้องลางไมเทากัน และลูกสูบที่มีน้ําหนักมากอยูแลว นั้นก็เลื่อนลงสูเบื้องลางไมเทากันและลูกสูบที่มีน้ําหนักมากอยูแลวนั้นก็เลื่อนลงสูเบื้องลางอยาง รวดเร็วจนกระตุกใหคนแข็งแรง 20 คนยึดสายเชือกอยูอีกดานหนึ่งใตลูกรอก ตองเขยื้อนที่จาก ตําแหนงที่ยืนเดิม) - จากการทดลองในครั้งถัดมานี้เขาไดสรุปผลการทดลองวาอยางไร(อากาศมีแรง กดดัน) - สิ่งที่เกอรริคสงสัยหลังจากทําการทดลองนี้คืออะไร(ลูกกลมสุญญากาศกับลูกกลมที่มี อากาศบรรจุอยูนั้น จะมีน้ําหนักแตกตางกันหรือไม) - เขาดําเนินการแกไขสิ่งที่ตนเองสงสัยอยางไร(ทดลองชั่งน้ําหนักดูและผลปรากฎวาลูก กลมที่มีอากาศบรรจุอยู หนักกวาลูกกลมที่สูบอากาศออกจนหมด ทั้งๆที่ลูกกลมนั้นก็เปนลูก กลมลูกเดียวกัน) - การคนพบนี้สงผลตอความคิดเดิมของอริสโตเติลอยางไร(อริสโตเติลกลาวไววา “อากาศไรน้ําหนัก” แตจากการทดลองนี้เกอรริคสามารถลบลางแนวคิดเดิมของอริสโตเติลได อยางชัดเจน) 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรับไมดันทอกลุมละ 2 ดาม และใบกิจกรรมการทดลองที่ 2 แลวให ปฏิบัติ ดังนี้ - นําไมดันทอไปดันที่พื้นเรียบกดใหแรง แลวสังเกตผล - จากนั้นใหนักเรียนดึงไมดันทอออกมา แลวสังเกตผล - ครั้งตอมา ใหนักเรียนยืนคนละขางแลวนําไมดันทอ 2 ดามมาประกบกันแลวกดเขา หากัน แลวสังเกตผล - จากนั้นใหนักเรียนที่ยืนจับไมดันทอทั้งสองขางคอยๆดึงไมดันทอออกพรอมๆกัน แลว สังเกตผล หลังเสร็จกิจกรรมการทดลอง ครูและนักเรียนตั้งคําถามอภิปรายดังนี้ - จากกิจกรรมดังกลาวนักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงดึงไมดันทอออกมาจากพื้นไมได - และเมื่อนักเรียนนําไมดันทอ 2 ดาม มาประกบกันแลวดึงออก ผลปรากฏวาดึงไม ออก เพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - จากกิจกรรมดังกลาวนักเรียนไดขอคิดเห็นอะไรบางเมื่อไปเปรียบเทียบกับการ ทดลองของเกอรริค(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) 6. ครูใหนักเรียนศึกษาหนังสือการตูนประวัติของทอรริเชลลีและปาสคาล เกี่ยวกับความดัน อากาศแลวนําเขาสูเรื่องความดันอากาศโดยตั้งคําถามอภิปรายดังนี้ - ในเวลาใกลเคียงกันทอรริเชลลี่ไดทําการทดลองคนควาเกี่ยวกับเรื่องอะไร(หา คําอธิบายเกี่ยวกับปญหาการสูบน้ํา วาเพราะเหตุใดถึงสูบน้ําไดสูงเพียง 33 ฟุต เทานั้น) - จากขอมูลที่นักเรียนไดศึกษาทอรริเชลลีเปนคนที่มีลักษณะนิสัยอยางไร (นักเรียน แสดงความคิดเห็น)
  • 34. 34 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - ปญหาที่ทอรริเชลลีคนพบนั้น มีวิธีดําเนินการแกปญหาอยางไรบาง (นักเรียนแสดง ความคิดเห็น) - ในขณะที่คนงานพยายามสูบน้ําขึ้นมา น้ําจะขึ้นมาไดสูงเพียง 33 ฟุตเทานั้น ทอรริ เชลลี ทําการตรวจสอบเหตุการณเบื้องตนอยางไร(ใหคนงานลองสูบหลายๆครั้ง ซึ่งผลก็ได ออกมาเชนเดิม) - เหลาคนงานเชื่อวาสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเปนผลมาจากอํานาจของเทพเจาที่ทําใหเกิด เหตุการณเชนนี้ นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดเหลาคนงานถึงคิดเชนนั้น (นักเรียนแสดงความ คิดเห็น) - ทอรริเชลลีเชื่อตามเหลาคนงาน ที่กลาวอางหรือไม อยางไร(ไมเชื่อ แตพยายาม หาทางพิสูจนสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหเกิดความชัดเจนมากที่สุด) - ทอรริเชลลี นําขอมูลที่ไดจากการลงไปตรวจสอบ ไปปรึกษากาลิเลโอไดขอสรุปวา อยางไรบาง (การที่สูบน้ําไมขึ้นก็เพราะวาในทอสูบมีชองวางเกิดขั้นในขณะชักลูกสูบ ชองวางนี้ ไมมีอากาศ และธรรมชาติไมตองการใหมีสุญญากาศเกินกวา 33 ฟุต) - คําแนะนําที่ไดเพียงพอสําหรับทอรริเชลลี หรือไม (ไมเพียงพอ) - ทอรริเชลลี มีความคิดเห็นอยางไรเกี่ยวกับ แนวคิดของกาลิเลโอ(สุญญากาศไมใชตัว ขัดขวาง) - ทอรริเชลลี ดําเนินการทดลองเพื่อพิสูจนสิ่งที่เขาสงสัยอยางไร(นําหลอดแกวสูง ประมาณ 3 ฟุต ปลายขางหนึ่งปด สวนปลายอีกขางหนึ่งเปด แลวกรอกปรอทใสในหลอดแกว จนเต็ม เอามือปดปากหลอดแกวไวใหแนนแลวค่ําหลอดลงไปในอางปรอท เมื่อเอามือออกจาก ปากหลอดแลวจับแกวใหตั้งตรง จะสังเกตเห็นวาระดับปรอทลดลงมาอยูที่ระดับ 30 นิ้วเหนือ ระดับปรอทที่วางเปลา) - เพราะเหตุใดทอรริเชลลีจึงใชปรอทแทนน้ําในการทดลอง (เพื่อลดความยาวของ หลอดใหสั้นลง ทําใหสะดวกตอการทดลองมากยิ่งขึ้น) - เมื่อสังเกตเห็นวาระดับปรอทอยูที่ระดับ 30 นิ้วเหนือระดับปรอทที่วางเปลานั้น ทอร ริเชลลี ทําการทดลองอยางไรตอ (ลองเอียงหลอดแกวไปมา เหนือระดับปรอทก็ยังคงอยูที่ระดับ 30 นิ้ว ) - เมื่อทอรริเชลลีใหวิเวียนนี่ทดลองซ้ําๆ ผลปรากฏเปนอยางไร(ใหผลเชนเดิม) - ทอรริเชลลีสรุปสิ่งที่เขาคนพบวาอยางไร(หลอดยาวที่บรรจุน้ําหรือหลอดเล็กที่บรรจุ ปรอทตางก็มีแรงกดที่เกิดจากการกระทําของบรรยากาศไดทั้งนั้น) - สิ่งที่ทําใหการคนพบในครั้งนี้ของเขา มีความนาเชื่อถือและสรางชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น ทอรริเชลลี ไดดําเนินการอยางไรตอ(นําผลการทดลองไปเสนอแกดยุคแหงทัสกานีและ ประชาชนทราบจนหายขอของใจ) - หลังจากที่ทอรริเชลลีไดประกาศใหสาธารณะชนทราบ เกี่ยวกับเรื่องความดันน้ําแลว เขาคนพบความรูอะไรเพิ่มเติมอีกบาง(ทดลองวัดความกดอากาศในแตละวันโดยสังเกตระดับน้ํา ในหลอดแกว แลวสรุปไดวา บรรยากาศเปนตัวการที่ทําใหแรงกดอากาศเปลี่ยนไปในเวลา ตางกัน)
  • 35. 35 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - จากความรูเพิ่มเติมดังกลาวนี้เขาไดนําไปตอยอดอยางไรอีกบาง(ประดิษฐ บารอมิเตอรแบบปรอทวัดความดันอากาศ) - หลักการของบารอมิเตอรแบบปรอททํางานอยางไร( บารอมิเตอรแบบปรอท ประกอบดวยหลอดแกวยาวที่ปดปลายดานหนึ่งไว และทําใหเปนสุญญากาศ นําไปคว่ําลงใน อางที่บรรจุปรอทไว อากาศภายนอกจะกดดันใหปรอทเขาไปอยูในหลอดแกวในระดับหนึ่งของ หลอดแกว ระดับของปรอทจะเปลี่ยนแปลงไปตามความกดดันของอากาศ โดยความดัน 1 บรรยากาศจะดันปรอทใหสูงขึ้นไปได 76 เซนติเมตร หรือ 760 มิลลิเมตร) 7. จากนั้นครูใหนักเรียนชมวิดิทัศนเกี่ยวกับการทดลองวัดความดันอากาศ พรอมรับใบบันทึก การทดลอง เพื่อบันทึกผลการทดลองตามวิดีทัศน 8. หลังจากนั้นเมื่อนักเรียนบันทึกการทดลองในใบกิจกรรมที่ 3 เรียบรอยแลว ครูสุมเลือก ตัวแทนเพื่อออกมานําเสนอผลที่ไดจากการทดลอง 9. จากนั้นนักเรียนและครูรวมกันอภิปราย โดยครูตั้งคําถามดังตอไปนี้ - การทดลองครั้งนี้กระทําที่ใด(บริเวณพื้นราบของโลก) - จากการทดลองเมื่อเทสารปรอทลงในหลอดแกวยาวที่ปดดานหนึ่งใหเต็มแลวเอา ปลายเปดดานหนึ่งคว่ําลงในอางปรอทจะเกิดอะไรขึ้น(ปรอทจะลดระดับต่ําลง) - ชองวางที่อยูเหนือปรอทที่ลดต่ําลงมีอากาศหรือไม(ไมมี ชองวางนั้นอยูในสภาวะ สุญญากาศ) - ชองวางนี้ใครเปนผูคนพบเปนคนแรก (ทอรริเชลลี) - ความสูงที่วัดไดเปนอยางไร(ปรอทลดระดับต่ําลงมา อยูที่ความสูง 76 เซนติเมตร) - ระดับความสูงนี้จะอยูที่ความดันบรรยากาศของพื้นโลก ที่เทาใด (1 บรรยากาศ) - นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดเราถึงตองวัดความดันอากาศดวยวิธีการนี้(เพราะจะทําให รูวาความดันสงผลทําใหปรอทลดระดับลงมาเทากับความดันภายในปรอท) - เมื่อเราทดลองโดยใชน้ําแทนปรอท ทําไมระดับน้ําที่ใชถึงมีความสูงมากกวาปรอท (เพราะวาน้ํามีความหนาแนนนอยกวาปรอทสงผลทําใหระดับน้ําที่ใชมีความสูงกวาปรอท มากกวาปกติ) - ขณะที่ยกทอน้ําที่มีปลายปดขางหนึ่งขึ้นแลวเอาปลายเปดอีกดานหนึ่งคว่ําลงไปใน อางน้ําจะเกิดอะไรขึ้น(ระดับของน้ําจะลดลงมาที่ 10 เมตร) - เนื่องจากน้ํามีความดันนอยกวาปรอทมาก จากการทดลองระดับน้ําลดลงมาอยูที่ ความสูง 10 เมตร นักเรียนคิดวา ใน 1 บรรยากาศ ระดับความสูงของน้ําจะอยูที่กี่เมตร(ใน 1 บรรยากาศน้ําจะมีระดับความสูงอยูที่ 10 เมตร) - จากการทดลอง ปรอทและน้ํา ที่ 1 บรรยากาศจะสรุปไดวาอยางไร(ใน 1 บรรยากาศ น้ําจะมีระดับความสูงอยูที่ 10 เมตร สวน ปรอทจะมีระดับความสูงอยูที่ 76 เซนติเมตร) - หลังจากทําการทดลองวัดความดันอากาศในพื้นราบแลว เมื่ออยูในที่สูงขึ้นความดัน อากาศจะเปนอยางไร(จะลดลง) -เพราะเหตุใดความดันอากาศยิ่งสูงขึ้นยิ่งลดลง(เนื่องจากมีสภาพอากาศที่เบาบางมาก สงผลใหความดันอากาศลดลง)
  • 36. 36 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - อะไรที่ทําใหนักเรียนเชื่ออยางนั้น(จากการทดลองเมื่อนําปรอทไปวัดในระดับความ สูงแตละระดับพบวาความสูงของปรอทลดลงเรื่อยๆและเมื่ออยูที่จุดสูงสุดของความสูงพบวา ปรอทจะลดต่ําลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับระดับความสูงกอนหนานั้น) - นักเรียนสามารถแสดงผลการทดลองดวยการวาดกราฟไดอยางไร(กราฟความสูงของ ปรอทจะคอยๆลดลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น) - จากการทดลองที่ระดับความสูงที่แตกตางกันนั้นแสดงใหเห็นวาความดันอากาศสงผล ตอระดับความสูงของปรอทอยางไร(ที่ความสูงมากความดันอากาศจะดันใหปรอทสูงนอยลง แต เมื่ออยูบนพื้นที่ราบที่ต่ําลงมาความดันอากาศจะดันใหปรอทมีความสูงมากขึ้น) 10. นักเรียนแตละคนรวมกันตรวจสอบสรุปผลการทดลองของตนเองหลังจากที่ไดรวมกัน อภิปรายกลุมกอนนําสงครู 11. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายเพื่อหาขอสรุปเกี่ยวกับการทดลอง โดยครูตั้งคําถามดังนี้ - เกอรริคไดพยายามทํานั้นทําการทดลองหลายครั้งก็พบความผิดพลาดแตเขาไมเคย ยอมแพ นักเรียนคิดวาเกอรริคเปนคนที่มีลักษณะนิสัยอยางไร(นักเรียนแสดงความคิดเห็น) - เกอรริคสรุปผลการทดลองของเขาวาอยางไร(สุญญากาศมีแรงดึงดูดและอากาศมีแรง กดดันอยางมหาศาล) - การคนพบนี้สงผลตอความคิดเดิมของอริสโตเติลอยางไร(อริสโตเติลกลาวไววา “อากาศไรน้ําหนัก” แตจากการทดลองนี้เกอรริคสามารถลบลางแนวคิดเดิมของอริสโตเติลได อยางชัดเจน) - อะไรเปนสิ่งที่ทําใหเกอรริคแยงความคิดเดิมของอริสโตเติลที่มีคนยึดถือมานานหลาย พันปได(เมื่อเขาทําการทดลองชั่งน้ําหนักลูกกลมสุญญากาศกับลูกกลมที่มีอากาศบรรจุอยูนั้น จะมีน้ําหนักแตกตางกันทั้งๆที่เปนกลมลูกเดียวกัน) - เกอรริคทําอยางไรใหทุกคนเชื่อวาสุญญากาศมีอยูจริง(ทําการทดลองตอหนา สาธารณชน) - ในเวลาใกลเคียงกันที่เกอรริคคนพบสุญญากาศ ณ เมืองทัสกานี ไดเกิดเหตุการณได ขึ้น (เจาเมืองใหคนงานสูบน้ําแตสูบไดสูงสุดเพียง 33 ฟุตเทานั้น) - เหตุการณดังกลาวสงผลใหทุกคนมีความเชื่อวาอยางไร(เกิดจากการกระทําของพระ เจา) - สิ่งที่ทําใหเจาเมืองหรือดยุคแหงทัสกานีสงสัยคืออะไร (ทําไมถึงสูบน้ําไดสูงเพียง 33 ฟุต) - ทอรริเชลลีไดทําการตรวจสอบเหตุการณดังกลาวจากคํารองขอจากเจาเมืองหรือ ดยุคแหงทัสกานี ไดผลเปนอยางไร (ทําการสูบน้ําขึ้นกี่ครั้งก็ตามระดับน้ําก็สูงไดเพียง 33 ฟุต) - ทอรริเชลลีเชื่อตามคํากลาวอางของคนงานวาเกิดจากกระกระทําของพระเจาหรือไม อยางไร (ไมเชื่อ แตพยายามหาขอพิสูจนจนพบ) - เพราะเหตุใดทอรริเชลลีไดทําการทดลองเปลี่ยนจากทอสูบน้ําที่มีความยาวมากเปน หลอดแกว(เพื่อใหสะดวกตอการทดลอง) - เพราะเหตุใดทอรริเชลลีถึงไดใชปรอทแทนน้ําในการทดลอง(เพราะสามารถ เปรียบเทียบความหนาแนนได)
  • 37. 37 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ - ทอรริเชลลีทําการเปรียบเทียบความหนาแนนของวัสดุทั้ง 2 ชนิดได แสดงวาเขาเปน คนที่มีลักษณะอยางไร(คิดสรางสรรค แกไขปญหาได มีเหตุผล ฯลฯ) - ทอรริเชลลีทําอยางไรใหการทดลองในครั้งนี้ไมคลาดเคลื่อน(ทดลองซ้ําหลายๆครั้ง ผลปรากฏออกมาเชนเดิม) - การทดลองของเขาไดรับความนาเชื่อถือมากขึ้นเมื่อใด(เมื่อนําไปทดลองตอหนา สาธารณะชนและอธิบายจนกระจางวาเหตุการณที่เกิดขึ้น เกิดจากความดันอากาศไมใชเกิดจาก การกระทําของพระเจา) - จากนั้นปาสคาลเกิดความสงสัยวาที่ระดับความสูงที่เพิ่มมากขึ้นความดันอากาศจะ เปนอยางไร เขาไดดําเนินการทดลองอยางไร(นําปรอทไปวัดที่เทือกเขาสูง) - เพราะเหตุใดเขาถึงตองนําคนไปดวยหลายคน(เพื่อใหเปนประจักษพยานวาสิ่งที่ เกิดขึ้นเปนไปตามการทดลอง และเพื่อใหเกิดความนาเชื่อถือมากยิ่งขึ้น) - เมื่อนําปรอทไปทดลองวัดความดันอากาศที่ระดับที่สูงขึ้นเปนอยางไร(ปรอทลดลง) - นักเรียนสรุปความดันอากาศที่ระดับความสูงตางๆไดอยางไร (เมื่อความสูงเพิ่มขึ้น ความดันอากาศจะลดลง) - การมีมุมมองที่แตกตางมากขึ้นสงผลใหเรื่องความดันอากาศเปนอยางไร(สามารถ นําไปอธิบายไดกวางมากขึ้น) - นอกจากนั้นแลว โรเบิรต บอลย ไดคนพบวาอยางไรบาง(ปริมาตรของแกสจะเปน สัดสวนกับความดัน หรือ ถาปริมาตรของกาซคงที่ ความดันคงที่ อุณหภูมิก็จะคงที่) - จากขอความขางตน นักเรียนจะอธิบายความหมายไดวาอยางไร (ปริมาตรของกาซ จะเพิ่ม - ลด ในอัตราสวนที่เทากันเสมอ เชน ถาเพิ่มความกดดันขึ้นเปน 1 เทา ปริมาตรของ อากาศจะลดลง 1 เทา แตถาเพิ่มความกดดันเปน 2 เทา ปริมาตรของอากาศจะลดลงเปน 2 เทา) - แตสิ่งที่เขาคนพบนั้นกลับไมไดรับความยอมรับเทาใดนักเพราะเหตุใดถึงเปนเชนนั้น (คนสวนใหญเห็นวากฎของบอยลเปนเรื่องที่เปนไปไมได ที่ปริมาตรของกาซจะเพิ่ม - ลด ใน อัตราสวนที่เทากันเสมอ) - เขาดําเนินการอยางไรเพื่อใหสิ่งที่เขาคนพบนั้นทุกคนยอมรับกันมากขึ้น(ออกแบบ การทดลองที่ทําใหเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น) - โรเบิรต บอลย ทําอยางไรที่จะทําใหการทดลองของตนเองนาเชื่อถือมากขึ้น(ทําการ ทดลองดังกลาวซ้ําๆ กวา รอย ครั้ง) - หลังจากที่ไดทําการทดลองของตนเองตอหนาสาธารณะชน ผลเปนอยางไร(ผลการ ทดลองครั้งนี้ทําใหผูที่มาเฝาดูการทดลองครั้งนี้เห็นและเขาใจในกฎของบอยล) 12. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง
  • 38. 38 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรม : ประดิษฐจรวดขวดน้ํา เวลา 3 ชั่วโมง 1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้ ใหนักเรียนแบงกลุมและทํากิจกรรมเรื่อง ประดิษฐจรวด ขวดน้ํา กระดาษทดสอบประสิทธิภาพของจรวดขวดน้ํา ของแตละกลุมที่ไดสรางขึ้น นําเสนอผลและ สรุปผลการทํากิจกรรม จากนั้นสืบคนหลักการประดิษฐจรวดขวดน้ํา และสรุปการนําความรูเรื่องความ ดันอากาศไปประดิษฐจรวดขวดน้ํา เปนแผนภาพความคิดแลวใหแตละกลุมนําเสนอแลกเปลี่ยนหนาชั้น เรียน 2. จากการทํากิจรรมประดิษฐจรวดขวดน้ํา นักเรียนควรสรุปไดวา จากผลการทํากิจกรรมและ จากการตอบคําถามทายกิจกรรม นักเรียนควรสรุปไดวา การเคลื่อนที่ของจรวดพลังน้ํา สามารถอธิบาย ไดดวยกฏการเคลื่อนที่ขอที่สามของนิวตัน ซึ่งคิดขึ้นโดย เซอร ไอแซค นิวตัน นักวิทยาศาสตรชาว อังกฤษ ซึ่งอธิบายไววา ในธรรมชาติเมื่อมีการกระทํา (หรือแรง) ใดๆ ตอวัตถุอันหนึ่ง จะปรากฏแรงที่มี ขนาดเทากันแตมีทิศทางที่ตรงกันขาม กระทํากลับตอแรงนั้นๆ ซึ่งจรวดพลังน้ําสามารถสามารถ ขับเคลื่อนขึ้นไปได แรงดันอากาศที่ถูกบรรจุอยูภายในขวดจะขับดันน้ําพนออกทางทายของจรวด และ สงผลใหเกิดมีแรงในทิศตรงกันขามซึ่งถูกเรียกวา แรงผลัก ผลักดันใหจรวดเคลื่อนที่ไปทางดานหนา นอกจากแรงผลักแลว ยังมีแรงอื่นๆ ที่มีสวนสําคัญในการเคลื่อนที่ไป หรือตอตานการเคลื่อนที่ของจรวด อีก ซึ่งไดแก น้ําหนัก แรงตาน และแรงยก 2.1 น้ําหนัก คือแรงเนื่องจากสนามความโนมถวงของโลกที่กระทําตอวัตถุ โดยทั่วไปใน การศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เราจะพิจารณาถึง น้ําหนักรวมของวัตถุ ซึ่งเปนแรงจาก สนามความโนมถวงที่กระทํา ณ ตําแหนง จุดศูนยกลางมวล 2.2 แรงตาน คือแรงที่ขัดขวางการเคลื่อนที่ของวัตถุ ผานในตัวกลางที่เปนของเหลว (รวมถึงอากาศ) มีทิศในทางตรงกันขามกับทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงตานนี้เกิดเนื่องจาก ความแตกตางของความเร็วที่ผิวสัมผัสของของแข็ง ในระหวางที่มันเคลื่อนตัวผานไปใน ของเหลว ดังนั้น ทุกๆ สวนของวัตถุจึงมีผลในการกอใหเกิดแรงดานนี้ ดังนั้นในการออกแบบ จรวด หรืออากาศยานใดๆ จําเปนตองพิจารณาถึงรูปรางของวัตถุนั้นดวย 2.3 แรงยก เปนแรงที่ทําหนาที่พยุงอากาศยานใหลอยไดในอากาศ แรงยกโดยทั่วไปจะ เกิดที่สวนของปกและแพนหางที่มีการเคลื่อนที่ และรบกวนในการไหลของอากาศ ใหมีการ เบี่ยงเบนทิศทาง ดังนั้นถาไมมีการเคลื่อนที่ก็ไมเกิดแรงยกขึ้น 3. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการประดิษฐประดิษฐจรวดขวดน้ํา ที่สรางขึ้น โดย นําเสนอแนวคิดในการสราง รูปแบบของประดิษฐจรวดขวดน้ํา เหตุผลในการเลือกใชวัสดุ รวมทั้งผลการ ทดสอบและการปรับปรุงแกไขจรวดขวดน้ํา จนมีประสิทธิผลมากที่สุด 4. จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตรที่เกี่ยวของ กับประดิษฐจรวดขวดน้ํา 5. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง
  • 39. 39 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรม : เผยแพรความรูผลงานสิ่งประดิษฐ ใหกับนักเรียนในโรงเรียน ( 2 ชั่วโมง) 1. นักเรียนแตละกลุมเตรียมขอมูลเพื่อนําเสนอผลงานสิ่งประดิษฐของตนเองดวยรูปแบบตางๆ เชน PowerPoint แผนภาพ หรือแผนพับใบความรู ใหผูสนใจไดมาศึกษาผลงานของกลุมตนเอง 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันนําเสนอผลงานของตนเองแกนักเรียนในโรงเรียนพรอมทั้งตอบ ปญหาตางๆดวยตนเอง 3. นักเรียนบันทึกขอมูลที่ไดจากการนําเสนอของตนเองเก็บเปนขอมูลเพื่อนํามาใชในการ ปรับปรุงพัฒนางานในชิ้นงานถัดไป 4. จากนั้นครูประเมินตามสภาพจริง จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม ประเมิน แผนภาพความคิด และประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค โดยใชเกณฑการใหคะแนนแบบการประเมิน ตามสภาพจริง 10. การวัดและประเมินผล  ประเมินพฤติกรรมขณะเขารวมกิจกรรม  ประเมินการทํากิจกรรม  ประเมินการออกแบบและประดิษฐสิ่งประดิษฐ  ประเมินการสืบคน  ประเมินการทดลอง  ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคตามที่ระบุในหนวยการเรียนรู
  • 40. 40 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินการจัดกระทําและนําเสนอแผนภาพความคิด ตัวชี้วัด ระดับคะแนน 4 3 2 1 การจัดกระทําและ นําเสนอแผนภาพ ความคิด จัดกระทําแผนภาพ ความคิดอยางเปน ระบบ และนําเสนอ ดวยแบบที่ชัดเจน ถูกตอง ครอบคลุม และมีการ เชื่อมโยงใหเห็น เปนภาพรวม จัดกระทําแผนภาพ ความคิดอยางเปน ระบบ มีการจําแนก ขอมูลใหเห็น ความสัมพันธ และนําเสนอดวยแบบ ที่ครอบคลุม จัดกระทําแผนภาพ ความคิดได มีการ ยกตัวอยางเพิ่มเติม และนําเสนอดวยแบบ ตาง ๆ แตยังไม ครอบคลุม จัดกระทําแผนภาพ ความคิดอยางไมเปน ระบบ และนําเสนอ ไมสื่อความหมาย และไมชัดเจน เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินผลงานการออกแบบสิ่งประดิษฐดวยวัสดุในทองถิ่น หรือวัสดุเหลือใชในบาน ตัวชี้วัด ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. การวางแผนใน การออกแบบ วางแผนในการออกแบบ อยางคิดสรางสรรค เหมาะสม มีความละเอียด และมีการเชื่อมโยงใหเห็น เปนภาพรวม แสดงใหเห็น ถึงความสัมพันธของวิธีการ ทั้งหมด วางแผนที่จะออกแบบ อยางคิดริเริ่ม และเหมาะสม มีความละเอียด แตไมมีการ เชื่อมโยงใหเห็นเปนภาพรวม และไมแสดงใหเห็นถึง ความสัมพันธของวิธีการ วางแผนที่จะออกแบบ อยางเหมาะสม แตไมมี ความคิดสรางสรรค ไมมีความละเอียด และไมมี การเชื่อมโยงใหเห็นเปน ภาพรวม วางแผนที่จะออกแบบ ตามแบบอยาง โดยไมมี ความคิดสรางสรรค หรือ ออกแบบตามที่ครูแนะนํา 2. การเลือกใชวัสดุ ในทองถิ่น/วัสดุเหลือใช เลือกใชวัสดุในทองถิ่นได อยางสรางสรรค ดวยตนเอง ราคาถูก และสามารถใชงาน ไดอยางทนทาน เลือกใชวัสดุในทองถิ่นได อยางคิดริเริ่ม ราคาถูก และ สามารถใชงานได เลือกใชวัสดุในทองถิ่นได ราคาถูก และสามารถใชงาน ได ไมใชวัสดุในทองถิ่น แตใชวัสดุที่มีราคาแพง 3. การประดิษฐตาม แผนที่ออกแบบ ประดิษฐตามแผนที่ ออกแบบอยางเปนขั้นตอน ดวยความคลองแคลว มีการปรับปรุงเปนระยะ ๆ ประดิษฐตามแผนที่ ออกแบบอยางเปนขั้นตอน ดวยความคลองแคลว มีการปรับปรุงบาง ประดิษฐตามแผนที่ ออกแบบอยางเปนขั้นตอน แต มีการแกไขปรับปรุง เปนระยะบาง ประดิษฐขามขั้นตอนและ ไมมีการปรับปรุง 4. การนําเสนอ แบบจําลอง นําเสนอแบบจําลอง โดย นําไปใชไดจริง ถูกตอง นาสนใจ และชัดเจน มีการ เชื่อมโยงใหเห็นเปนภาพรวม นําเสนอแบบจําลอง โดย นําไปใชไดจริง ถูกตอง นาสนใจ และชัดเจน แต ไมมีการเชื่อมโยงใหเห็น เปนภาพรวม นําเสนอแบบจําลองได แตไมชัดเจน ตองมีการ ยกตัวอยางเพิ่มเติมให เขาใจงาย นําเสนอแบบจําลองที่ ไมสามารถนําไปใชได ไมสื่อความหมาย ไมชัดเจน 5. การดูแลและการเก็บ อุปกรณและ / หรือเครื่องมือ ดูแล เก็บ และทําความ สะอาดอุปกรณและ/หรือ เครื่องมือในการออกแบบ และประดิษฐอยางถูกตอง ตามหลักการ และแนะนํา ใหผูอื่นดูแลและเก็บรักษา ไดถูกตอง ดูแล และทําความสะอาด อุปกรณและ/หรือเครื่องมือ ในการออกแบบและประดิษฐ อยางถูกตอง แตเก็บไมถูกตอง ดูแล เก็บ และทําความสะอาด อุปกรณและ/หรือเครื่องมือ ในการออกแบบและประดิษฐ แตไมถูกตอง ไมดูแลอุปกรณและ/หรือ เครื่องมือในการออกแบบ และประดิษฐ และไมสนใจ ทําความสะอาด และเก็บ ไมถูกตอง
  • 41. 41 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินการแสวงหาแหลงขอมูล ตัวชี้วัด ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. การวางแผนคนควา ขอมูลจากแหลง เรียนรู วางแผนที่จะคนควา ขอมูลจากแหลงเรียนรู ที่หลากหลายเชื่อถือได และมีการเชื่อมโยงให เห็นเปนภาพรวมแสดง ใหเห็นถึงความสัมพันธ ของวิธีการทั้งหมด วางแผนที่จะคนควา ขอมูลจากแหลงเรียนรู ที่หลากหลาย และ เหมาะสม แตไมมีการ เชื่อมโยงใหเห็นเปน ภาพรวม วางแผนที่จะคนควา ขอมูลจากแหลงเรียนรู โดยมีครูหรือผูอื่น แนะนําบาง ไมมีการวางแผนที่ จะคนควาขอมูลจาก แหลงเรียนรูอยาง เปนระบบ 2. การเก็บรวบรวม ขอมูล เก็บรวบรวมขอมูล ตามแผนที่กําหนด ทุกประการ เก็บรวบรวมขอมูล โดยคัดเลือกและ/ หรือประเมินขอมูล เก็บรวบรวมขอมูล โดยไมมีการคัดเลือก และ/หรือประเมิน ขอมูล เก็บรวบรวมขอมูล เปนระยะขาดการ ประเมินเพื่อคัดเลือก 3. การจัดกระทําขอมูล และการนําเสนอ จัดกระทําขอมูลอยาง เปนระบบ มีการ เชื่อมโยงใหเห็นเปน ภาพรวม และนําเสนอ ดวยแบบตาง ๆ อยาง ชัดเจน ถูกตอง จัดกระทําขอมูลอยาง เปนระบบ มีการ จําแนกขอมูลใหเห็น ความสัมพันธนําเสนอ ดวยแบบตาง ๆ ได อยางถูกตอง จัดกระทําขอมูลอยาง เปนระบบมีการ ยกตัวอยางเพิ่มเติมให เขาใจงายและนําเสนอ ดวยแบบตาง ๆ แตยัง ไมถูกตอง จัดกระทําขอมูลอยาง ไมเปนระบบ และ นําเสนอ ไมสื่อ ความหมาย และไมชัดเจน 4. การสรุปผล สรุปผลไดอยางถูกตอง กระชับ ชัดเจน และ ครอบคลุม มีเหตุผลที่ อางอิงจากการสืบคน ได สรุปผลไดอยางกระชับ แตยังไมชัดเจนและ ไมครอบคลุมขอมูล จากการวิเคราะห ทั้งหมด สรุปผลไดกระชับ กะทัดรัด แตไมชัดเจน สรุปผลโดยไมใชขอมูล และไมถูกตอง 5. การเขียนรายงาน เขียนรายงานตรง ตามจุดประสงค ถูกตองและชัดเจน และมีการเชื่อมโยงให เห็นเปนภาพรวม เขียนรายงานตรง ตามจุดประสงคอยาง ถูกตองและชัดเจน แตขาดการเรียบเรียง เขียนรายงานโดยสื่อ ความหมายได โดยมี ครูหรือผูอื่นแนะนํา เขียนรายงานได ตามตัวอยาง แตใช ภาษาไมถูกตอง และ ไมชัดเจน
  • 42. 42 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินการปฏิบัติการทดลองของนักเรียน ตัวชี้วัด ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. การทดลองตามแผนที่ กําหนด ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กําหนดไวอยาง ถูกตองดวยตนเอง มีการ ปรับปรุงแกไขเปนระยะ ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กําหนดไวดวย ตนเอง มีการปรับปรุงแกไข บาง ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กําหนดไว โดยมีครูหรือผูอื่นเปน ผูแนะนํา ทดลองไมถูกตองตามวิธีการ และขั้นตอนที่กําหนดไว ไมมีการปรับปรุงแกไข 2. การใชอุปกรณและ/ หรือเครื่องมือ ใชอุปกรณและ/หรือเครื่องมือ ในการทดลองไดอยางถูกตอง ตามหลักการปฏิบัติ และคลองแคลว ใชอุปกรณและ/หรือเครื่องมือ ในการทดลองไดอยางถูกตอง ตามหลักการปฏิบัติ แตไมคลองแคลว ใชอุปกรณและ/หรือเครื่องมือ ในการทดลองไดอยางถูกตอง โดยมีครูหรือผูอื่นเปน ผูแนะนํา ใชอุปกรณและ/หรือเครื่องมือ ในการทดลองไมถูกตอง และ ไมมีความคลองแคลวในการใช 3. การบันทึกผลการทดลอง บันทึกผลเปนระยะอยาง ถูกตอง มีระเบียบ มีการ ระบุหนวย มีการอธิบาย ขอมูลใหเห็นความเชื่อมโยง เปนภาพรวม เปนเหตุเปนผล และเปนไปตามการทดลอง บันทึกผลเปนระยะอยาง ถูกตอง มีระเบียบ มีการ ระบุหนวย มีการอธิบาย ขอมูลใหเห็นถึงความสัมพันธ เปนไปตามการทดลอง บันทึกผลเปนระยะ แตไมเปน ระเบียบ ไมมีการระบุหนวย และไมมีการอธิบายขอมูล ใหเห็นถึงความสัมพันธของ การทดลอง บันทึกผลไมครบ ไมมีการ ระบุหนวย และไมเปนไปตาม การทดลอง 4. การจัดกระทําขอมูล และการนําเสนอ จัดกระทําขอมูลอยางเปน ระบบ มีการเชื่อมโยงใหเห็น เปนภาพรวม และนําเสนอ ดวยแบบตาง ๆ อยางชัดเจน ถูกตอง จัดกระทําขอมูลอยางเปน ระบบ มีการจําแนกขอมูล ใหเห็นความสัมพันธ นําเสนอดวยแบบตาง ๆ ได แตยังไมชัดเจน จัดกระทําขอมูลอยางเปน ระบบ มีการยกตัวอยาง เพิ่มเติมใหเขาใจงายและ นําเสนอดวยแบบตาง ๆ แต ยังไมชัดเจน และไมถูกตอง จัดกระทําขอมูลอยางไมเปน ระบบ และมีการนําเสนอ ไมสื่อความหมาย และไมชัดเจน 5. การสรุปผลการทดลอง สรุปผลการทดลองไดอยาง ถูกตอง กระชับ ชัดเจน และ ครอบคลุมขอมูลจากการ วิเคราะหทั้งหมด สรุปผลการทดลองไดถูกตอง แตยังไมครอบคลุมขอมูลจาก การวิเคราะหทั้งหมด สรุปผลการทดลองได โดยมีครู หรือผูอื่นแนะนําบาง จึงสามารถสรุปไดถูกตอง สรุปผลการทดลองตามความรู ที่พอมีอยู โดยไมใชขอมูลจาก การทดลอง 6. การดูแลและการเก็บ อุปกรณและ/หรือ เครื่องมือ ดูแลอุปกรณและ/หรือ เครื่องมือในการทดลองและ มีการทําความสะอาดและ เก็บอยางถูกตองตามหลักการ และแนะนําใหผูอื่นดูแล และเก็บรักษาไดถูกตอง ดูแลอุปกรณและ/หรือ เครื่องมือในการทดลองและ มีการทําความสะอาดอยาง ถูกตอง แตเก็บไมถูกตอง ดูแลอุปกรณและ/หรือ เครื่องมือในการทดลอง มีการทําความสะอาด แตเก็บไมถูกตอง ตองใหครู หรือผูอื่นแนะนํา ไมดูแลอุปกรณและ/หรือ เครื่องมือในการทดลองและ ไมสนใจทําความสะอาด รวมทั้งเก็บไมถูกตอง
  • 43. 43 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ แบบประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงค ใฝเรียนรู ตัวชี้วัดที่ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขารวมกิจกรรมการเรียนรู พฤติกรรมบงชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผาน (1) ไมผาน (0) 4.1.1 ตั้งใจเรียน 4.1.2 เอาใจใสและ มีความเพียรพยายามใน การเรียนรู 4.1.3 สนใจเขารวม กิจกรรมการเรียนรูตาง ๆ ตั้งใจเรียน เอาใจใส และมีความเพียร- พยายามในการเรียนรู เขารวมกิจกรรม การเรียนรูตาง ๆ เปนประจํา ตั้งใจเรียน เอาใจใส และมีความเพียร- พยายามในการเรียนรู เขารวมกิจกรรม การเรียนรูตาง ๆ บอยครั้ง ตั้งใจเรียน เอาใจใส และมีความเพียร- พยายามในการเรียนรู เขารวมกิจกรรม การเรียนรูตาง ๆ บางครั้ง ไมตั้งใจเรียน ตัวชี้วัดที่ 4.2 แสวงหาความรูจากแหลงเรียนรูตาง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ดวยการ เลือกใชสื่ออยางเหมาะสม บันทึกความรู วิเคราะห สรุปเปนองคความรู สามารถนําไปใชใน ชีวิตประจําวันได พฤติกรรมบงชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผาน (1) ไมผาน (0) 4.2.1 ศึกษาคนควาหา ความรูจากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ สื่อเทคโนโลยีตาง ๆ แหลงเรียนรูทั้งภายใน และภายนอกโรงเรียน และเลือกใชสื่อไดอยาง เหมาะสม 4.2.2 บันทึกความรู วิเคราะห ตรวจสอบจาก สิ่งที่เรียนรู สรุปเปน องคความรู 4.2.3 แลกเปลี่ยนเรียนรู ดวยวิธีการตาง ๆ และ นําไปใชใน ชีวิตประจําวัน ศึกษาคนควาหา ความรูจากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ สื่อเทคโนโลยีตาง ๆ แหลงเรียนรู ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียน เลือกใชสื่อได อยางเหมาะสม มีการบันทึกความรู สรุปเปนองคความรู นําเสนอและ แลกเปลี่ยน องคความรูดวย วิธีการที่หลากหลาย ศึกษาคนควาหา ความรูจากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ สื่อเทคโนโลยีตาง ๆ แหลงเรียนรู ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียน มีการบันทึกความรู สรุปเปนองคความรู นําเสนอและ แลกเปลี่ยนความรู กับผูอื่นได ศึกษาคนควาหา ความรูจากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ สื่อเทคโนโลยีตาง ๆ แหลงเรียนรู ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียน มีการบันทึกความรู ไมศึกษาคนควาหา ความรู
  • 44. 44 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ มุงมั่นในการทํางาน ตัวชี้วัดที่ 6.1 ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหนาที่การงาน พฤติกรรมบงชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผาน (1) ไมผาน (0) 6.1.1 เอาใจใสตอการ ปฏิบัติหนาที่ที่ไดรับ มอบหมาย 6.1.2 ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการทํางานใหสําเร็จ 6.1.3 ปรับปรุงและ พัฒนาการทํางานดวย ตนเอง ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการปฏิบัติหนาที่ ที่ไดรับมอบหมาย ใหสําเร็จ มีการ ปรับปรุงและ พัฒนาการทํางาน ใหดีขึ้นดวยตนเอง ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการปฏิบัติหนาที่ ที่ไดรับมอบหมาย ใหสําเร็จ มีการ ปรับปรุงการทํางาน ใหดีขึ้น ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการปฏิบัติหนาที่ ที่ไดรับมอบหมาย ใหสําเร็จ ไมตั้งใจปฏิบัติหนาที่ การงาน ตัวชี้วัดที่ 6.2 ทํางานดวยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อใหงานสําเร็จตามเปาหมาย พฤติกรรมบงชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผาน (1) ไมผาน (0) 6.2.1 ทุมเททํางาน อดทน ไมยอทอตอ ปญหาและอุปสรรค ในการทํางาน 6.2.2 พยายาม แกปญหาและอุปสรรค ในการทํางานใหสําเร็จ 6.2.3 ชื่นชมผลงานดวย ความภาคภูมิใจ ทํางานดวย ความขยัน อดทน ไมยอทอตอปญหา ในการทํางาน พยายามใหงาน สําเร็จตาม เปาหมาย ชื่นชม ผลงานดวยความ ภาคภูมิใจ ทํางานดวย ความขยัน อดทน พยายามใหงาน สําเร็จตาม เปาหมาย ชื่นชม ผลงานดวยความ ภาคภูมิใจ ทํางานดวย ความขยัน พยายาม ใหงานสําเร็จตาม เปาหมาย ไมขยัน อดทนใน การทํางาน
  • 45. 45 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ความสัมพันธกับทักษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 3Rs  Reading - (อานออก)  (W)Riting - (เขียนได)  (A)Rithmetics - (คิดเลขเปน) 7Cs  1- Critical thinking & problem solving  2- Creativity & innovation  3- Cross-cultural understanding  4- Collaboration, teamwork & leadership  5- Communications, information & media literacy  6- Computing & ICT literacy  7- Career & learning skills 2Ls  Learning  Leadership
  • 46. 46 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ตัวอย่าง หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของอริสโตเติล ภาพ ตัวอย่างหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของอริสโตเติล ตัวอย่าง หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของกาลิเลโอและนิโคลัส โคเปอร์นิคัส ภาพ ตัวอย่างหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของกาลิเลโอ
  • 47. 47 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ตัวอย่าง หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของอาร์คิมีดิส ภาพ ตัวอย่างหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของอาร์คิมีดิส ตัวอย่าง หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของเกอร์ริค , เทอร์ริเชลลี และ โรเบิร์ต บอยล์ ภาพ ตัวอย่างหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ของเกอร์ริค , เทอร์ริเชลลี และ โรเบิร์ต บอยล์
  • 48. 48 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง การทดลองปลอยกอนหินขนาดเล็กและกอนหินขนาดใหญ จุดประสงคของการทดลอง เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตกของกอนหินขนาดเล็กและกอนหินขนาดใหญ อุปกรณ - กอนหินขนาดเล็ก - กอนหินขนาดใหญ - นาฬิกาจับเวลา - ตลับเมตร - ตาชั่ง วิธีการทดลอง ใหนํากอนหินขนาดเล็กและกอนหินขนาดใหญปลอยในตําแหนงเดียวกัน ที่ ระยะ 30 ซม. , 50 ซม. , 100 ซม. , 200 ซม. และ 5 เมตร สังเกตและบันทึกผล บันทึกผลการทดลอง วัสดุ ระยะ ระยะเวลาที่ตก (วินาที) กอนหินขนาดเล็ก กอนหินขนาดใหญ มวล(กรัม) 30 เซนติเมตร 50 เซนติเมตร 100 เซนติเมตร 200 เซนติเมตร 5 เมตร สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. คําถามทายการทดลอง - จากกิจกรรมการทดลอง นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงตองใหวัตถุตกลงมาในระยะตางกัน .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 49. 49 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง การทดลองปลอยขนนกกับลูกเหล็ก จุดประสงคของการทดลอง เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตกของขนนกและลูกเหล็ก อุปกรณ - ขนนก - ลูกเหล็ก - นาฬิกาจับเวลา - ตลับเมตร วิธีการทดลอง ใหนําขนนกกับลูกเหล็กปลอยในตําแหนงเดียวกัน ที่ ระยะ 30 ซม. , 50 ซม. , 100 ซม. , 200 ซม. และ 5 เมตร สังเกตและบันทึกผล บันทึกผลการทดลอง วัสดุ ระยะ ระยะเวลาที่ตก (วินาที) ขนนก ลูกเหล็ก 30 เซนติเมตร 50 เซนติเมตร 100 เซนติเมตร 200 เซนติเมตร 5 เมตร สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. คําถามทายการทดลอง - จากกิจกรรมการทดลอง นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงตองใหวัตถุตกลงมาในระยะตางกัน .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 50. 50 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง การทดลองปลอยกระดาษเอสี่ สองรูปแบบ จุดประสงคของการทดลอง เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตกของกระดาษเอสี่ สองรูปแบบ อุปกรณ - กระดาษเอสี่ 2 แผน - นาฬิกาจับเวลา - ตลับเมตร วิธีการทดลอง นําเอากระดาษเอสี่แผนที่หนึ่งมาตัดครึ่งแลวขยําเปนกอนกลมๆ สวนแผนที่สอง คงรูปไว เหมือนเดิม จากนั้นนํามาถือไวในระดับเดียวกับกระดาษเอสี่เต็มแผน ปลอยในตําแหนงเดียวกัน ที่ ระยะ 30 ซม. , 50 ซม. , 100 ซม. , 200 ซม. และ 5 เมตร สังเกตและบันทึกผล บันทึกผลการทดลอง วัสดุ ระยะ ระยะเวลาที่ตก (วินาที) กระดาษเอสี่กอนกลมๆ กระดาษเอสี่เต็มแผน 30 เซนติเมตร 50 เซนติเมตร 100 เซนติเมตร 200 เซนติเมตร 5 เมตร สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. คําถามทายการทดลอง - จากกิจกรรมการทดลอง นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดถึงตองใหวัตถุตกลงมาในระยะตางกัน .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 51. 51 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง การทดลองปลอยวัตถุที่มีมวลตางกันเปนสองเทา จุดประสงคของการทดลอง เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตกของวัตถุที่มีมวลตางกันสองเทา อุปกรณ - ดินน้ํามันกอนใหญ 1 กิโลกรัม 2 กอน - เครื่องชั่ง - นาฬิกาจับเวลา - ตลับเมตร วิธีการทดลอง ใหนํากอนดินน้ํามันที่มีมวลแตกตางกัน 2 เทา คือมวล 100 กรัม และ 200 กรัม ปนใหเปนทรง กลมทั้งสองกอน แลวทําการปลอยในตําแหนงเดียวกัน ที่ ระยะ 5 เมตร สังเกตและบันทึกผล (ทํา ทดลอง 3 ซ้ํา) บันทึกผลการทดลอง วัสดุ เปรียบเทียบ กอนที่ 1 กอนที่ 2 ระยะเวลาที่ตกถึงพื้น (วินาที) ครั้งที่ 1 ระยะเวลาที่ตกถึงพื้น (วินาที) ครั้งที่ 2 ระยะเวลาที่ตกถึงพื้น (วินาที) ครั้งที่ 3 สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. คําถามทายการทดลอง - เพราะเหตุใดจึงตองมีการทดลองแตละชุดการทดลองซ้ํา 3 ครั้ง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 52. 52 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง การเคลื่อนที่ของวัตถุบนพื้นเอียง จุดประสงคของการทดลอง เพื่อศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุในระดับความสูงที่แตกตางกัน อุปกรณ - รางไม 2 อัน ที่รองดวยกระดาษทราย - รางไม 2 อัน ที่เรียบลื่น - ลูกแกว 1 ลูก - นาฬิกาจับเวลา - ตลับเมตรหรือไมบรรทัด วิธีการทดลอง ขั้นที่ 1. นําลูกแกวมาปลอยดานบนของรางไมที่เอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร สังเกตการณเคลื่อน ของลูกแกวพรอมจับเวลา ดังรูป รางไม ที่รองดวยกระดาษทราย รางไม ที่เรียบลื่น ขั้นที่ 2. ผลักลูกแกวจากดานลางของรางไมที่เอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร สังเกตการณเคลื่อน ของ ลูกแกวพรอมจับเวลา ดังรูป รางไม ที่รองดวยกระดาษทราย รางไม ที่เรียบลื่น ขั้นที่ 3. ผลักลูกแกวในแนวราบ สังเกตการเคลื่อนของลูกแกวพรอมจับเวลา ดังรูป รางไม ที่รองดวยกระดาษทราย รางไม ที่เรียบลื่น ขั้นที่ 4. วางรางไมที่เอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร ทั้งสองดาน วางไวหางกันประมาณ 20 เซนติเมตร
  • 53. 53 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ (ดังรูป) จากนั้นเลือกตําแหนงที่จะปลอยลูกแกว ทําเครื่องหมายไว แลวปลอยใหลูกแกวเคลื่อนที่ลง สังเกตจุดที่ลูกแกวเคลื่อนที่ไปฝงตรงขามสูงสุดที่ตําแหนงใด ทําเครื่องหมายไว แลววัดระยะหางและ ความสูงทั้งสองขาง รางไม 2 อัน ที่รองดวยกระดาษทรายทั้งสองขาง รางไม 2 อัน ที่เรียบลื่นทั้งสองขาง ขั้นที่ 5. วางรางไมดานหนึ่งเอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร อีกดานสูง 20 เซนติเมตร วางไวหางกัน ประมาณ 20 เซนติเมตร (ดังรูป) จากนั้นเลือกตําแหนงที่จะปลอยลูกแกว ทําเครื่องหมายไว แลวปลอย ใหลูกแกวเคลื่อนที่ลง สังเกตจุดที่ลูกแกวเคลื่อนที่ไปฝงตรงขามสูงสุดที่ตําแหนงใด ทําเครื่องหมายไว แลววัดระยะหางและความสูงทั้งสองขาง รางไม 2 อัน ที่รองดวยกระดาษทรายทั้งสองขาง รางไม 2 อัน ที่เรียบลื่นทั้งสองขาง ขั้นที่ 6. วางรางไมดานหนึ่งเอียงขึ้นสูง 10 เซนติเมตร บนพื้นราบ (ดังรูป) จากนั้นเลือก ตําแหนงที่ จะปลอยลูกแกว ทําเครื่องหมายไว แลวปลอยใหลูกแกวเคลื่อนที่ลง สังเกตจุดที่ลูกแกวเคลื่อนที่ ทํา เครื่องหมายไว แลววัดระยะหาง
  • 54. 54 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ รางไม 2 อัน ที่รองดวยกระดาษทราย รางไม 2 อัน ที่เรียบลื่น บันทึกผลการทดลอง ขั้นที่ 1-3 รางไม ขั้น รางไมที่รองดวยกระดาษทราย รางไมที่เรียบลื่น ระยะหาง (ซม.) ความสูงจาก พื้นราบ(ซม.) ระยะหาง (ซม.) ความสูงจาก พื้นราบ(ซม.) ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 สรุปผลการทดลองขั้นที่ 1-3 .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. บันทึกผลการทดลอง ขั้นที่ 4-6 รางไม ขั้น รางไมที่รองดวยกระดาษทราย รางไมที่เรียบลื่น ระยะหาง (ซม.) ความสูงจาก พื้นราบ(ซม.) ระยะหาง (ซม.) ความสูงจาก พื้นราบ(ซม.) ขั้นที่ 4 ขั้นที่ 5 ขั้นที่ 6 สรุปผลการทดลองขั้นที่ 4-6 .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 55. 55 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ คําถามทายการทดลอง - จากกิจกรรมการทดลอง เพราะเหตุใดถึงตองออกแบบการทดลองหลายขั้นตอน .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 56. 56 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง หาปริมาตรของวัตถุ จุดประสงคของการทดลอง เพื่อหาปริมาตรของวัตถุ อุปกรณ - ดินน้ํามัน - กอนหิน - ตาชั่ง - เครื่องชั่งสปริง - ถวยยูเรกา - บีกเกอร ขนาด 250 ml. - บีกเกอร ขนาด 50 ml. - กระบอกตวง - น้ําเปลา - เชือก วิธีการทดลอง 1. นํากอนดินน้ํามันและกอนหินมามัดดวยเชือกที่มีความยาวเทากัน ซึ่งทั้งสองกอนจะตองมี มวลเทากัน หาไดโดยนําไปชั่งในเครื่องชั่งที่เตรียมไวให แลวบันทึกผลในตาราง 2. เตรียมน้ําในบีกเกอร ขนาด 250 ml. จากนั้นนําไปเทลงในถวยยูเรกาจนน้ําไหลออกมาทาง ปากทอลงในบีกเกอร ขนาด 50 ml. แลวจึงหยุดเติม (ดังรูป) รอใหน้ําไหลออกหมดจนอยูในระดับคงที่ 3. เทน้ําในบีกเกอรที่ไหลออกมา ในขอ 2 กลับคืนในบีกเกอร ขนาด 250 ml. 4. นําบีกเกอร ขนาด 50 ml. อีกใบที่เช็ดสะอาดแลว มาเตรียมรองน้ําไว (ดังรูป)
  • 57. 57 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ 5. นํา กอนหินคอยๆหยอนลงไปในถวยยูเรกา (ระวังอยาใหน้ํากระเด็นออกมานอกถวย) ปลอย ไวสักครูใหน้ําไหลออกมาทางปากทอถวยยูเรกาใหหมดจนหยดสุดทาย จากนั้นนําน้ําในบีกเกอรที่ไดไป ตวงในถวยตวง อานปริมาตรที่ได แลวบันทึกผล 6. นํา กอนดินน้ํามันคอยๆหยอนลงไปในถวยยูเรกา (ระวังอยาใหน้ํากระเด็นออกมานอกถวย) ปลอยไวสักครูใหน้ําไหลออกมาทางปากทอถวยยูเรกาใหหมดจนหยดสุดทาย จากนั้นนําน้ําในบีกเกอรที่ ไดไปตวงในถวยตวง อานปริมาตรที่ได แลวบันทึกผล 7. คํานวณหาความหนาแนน โดยใชสูตรดังนี้ ความหนาแนน = มวล ปริมาตร บันทึกผลการทดลอง วัสดุ เปรียบเทียบ มวล หนวย.......... ปริมาตร หนวย.......... ความหนาแนน หนวย.......... กอนดินน้ํามัน กอนหิน สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 58. 58 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง หาแรงลอยตัว จุดประสงคของการทดลอง เพื่อหาแรงลอยตัวของวัตถุ อุปกรณ - ดินน้ํามัน มวล 300 กรัม และ 500 กรัม - เครื่องชั่งสปริง - ตาชั่ง - ถวยยูเรกา - บีกเกอร ขนาด 1,000 ml. - บีกเกอร ขนาด 250 ml. - บีกเกอร ขนาด 50 ml. - กระบอกตวง - น้ําเปลา - เชือก วิธีการทดลองชุดที่ 1 1. ผูกกอนดินน้ํามันมวล 300 กรัม เขากับเครื่องชั่งสปริง บันทึกน้ําหนักไว 2. ผูกกอนดินน้ํามันมวล 500 กรัม เขากับเครื่องชั่งสปริง บันทึกน้ําหนักไว 3. นํากอนดินน้ํามันมวล 300 กรัม ที่ผูกเขากับเครื่องชั่งสปริง แชลงไปในบีกเกอร ขนาด 1,000 ml.ที่ใสน้ําไว อานคาน้ําหนักที่ได 4. นํากอนดินน้ํามันมวล 500 กรัม ที่ผูกเขากับเครื่องชั่งสปริง แชลงไปในบีกเกอร ขนาด 1,000 ml.ที่ใสน้ําไว อานคาน้ําหนักที่ได 5. เปรียบเทียบน้ําหนักกอนดินน้ํามันที่ไดจากการชั่งทั้ง 2 ครั้ง บันทึกผลการทดลอง การทดลองชุดที่ 1 วัตถุ เปรียบเทียบ ชั่งกอนแชลงไปในบีกเกอร (กรัม) ชั่งขณะแชลงไปในบีกเกอร (กรัม) ดินน้ํามันมวล 300 กรัม ดินน้ํามันมวล 500 กรัม
  • 59. 59 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ วิธีการทดลองชุดที่ 2 1. ผูกกอนดินน้ํามันมวล 300 กรัม เขากับเครื่องชั่งสปริง บันทึกน้ําหนักไว 2. ผูกกอนดินน้ํามันมวล 500 กรัม เขากับเครื่องชั่งสปริง บันทึกน้ําหนักไว 3. นํากอนดินน้ํามันมวล 300 กรัม คอยๆหยอนลงในถวยยูเรกาที่เตรียมไว(ดังรูป) นําน้ําในบีก เกอรที่ไดไปตวงในถวยตวง อานปริมาตรที่ได แลวบันทึกผล 4. นําน้ําไปชั่งในเครื่องชั่ง แลวบันทึกผล 5. นํากอนดินน้ํามันมวล 500 กรัม คอยๆหยอนลงในถวยยูเรกาที่เตรียมไว(ดังรูป) นําน้ําในบีก เกอรที่ไดไปตวงในถวยตวง อานปริมาตรที่ได แลวบันทึกผล 6. นําน้ําไปชั่งในเครื่องชั่ง แลวบันทึกผล 7. เปรียบเทียบมวลกอนดินน้ํามันกับมวลของน้ําที่ไดจากการชั่งทั้ง 2 ครั้ง การทดลองชุดที่ 2 วัตถุ ชั่งกอนแชลงไปในบีกเกอร (กรัม) ปริมาตรน้ําที่ได (ลูกบาศกเซนติเมตร) มวลของน้ําที่ชั่งได (กรัม) ดินน้ํามันมวล 300 กรัม ดินน้ํามันมวล 500 กรัม สรุปผลการทดลองชุดที่ 1 .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. สรุปผลการทดลองชุดที่ 2 .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 60. 60 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ หาแรงลอยตัว คําชี้แจง ใหนักเรียนอานขอความตอไปนี้ แลวตอบคําถามโดยวงกลมหนาขอคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียง ขอเดียว A และ B เปนรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีขนาดเทากัน แตมีน้ําหนักไมเทากันนําไปลอยในน้ํา ก และ ค คือ แรงที่เกิดจากน้ําหนักของวัตถุ พยายามกดวัตถุใหจมลง ข และ ง คือ แรงพยุงของน้ําที่พยายามตานใหวัตถุทั้ง A และ B ลอยอยูบนผิวน้ําได 1. ถาวัตถุ A และ B ลอยน้ําดังรูป 2. ถาวัตถุ A ลอยน้ํา แต B จมน้ํา 1. ง > ข 1. A หนักกวา B 2. ข > ง 2. B หนักกวา A 3. ข = ง 3. B เบากวา A 4. ข  ง 4. A เทากับ B 3. ถา B จมน้ํา เมื่อจะทําให B ลอยน้ําทําไดโดย 4. ถาวัตถุ B จมน้ําไปทั้งกอนพอดีผิวน้ําแสดง วา 1. แบงวัตถุ B ออกเปน 2 กอน 1. B มีความหนาแนนมากกวาน้ํา 2. ตัดวัตถุ B ออกไปครึ่งหนึ่ง 2. B มีความหนาแนนนอยกวาน้ํา 3. เพิ่มน้ําหนักวัตถุ B ใหมากขึ้น 3. B มีความหนาแนนเทากับน้ํา 4. ทําวัตถุ B ใหมีปริมาตรมากขึ้น 4. B มีความหนาแนนต่ํากวาน้ํา 5. ถาชั่งวัตถุในน้ํา น้ําหนักวัตถุจะเปนอยางไร 1. หนักขึ้นกวาเดิม 2. เบากวาเดิม 3. เทาเดิม 4. เปนไปไดทุกกรณีที่กลาวมา A B ค ง ก ข
  • 61. 61 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง ความดันของของเหลว จุดประสงคของการทดลอง เพื่อทดลองและอธิบายเกี่ยวกับของเหลวมีความดัน อุปกรณ - ขวดน้ํา - ที่เจาะรู - ลูกโปง - เทปกาว - ไมปลายแหลม - ขวดพลาสติก - สีผสมอาหาร - ภาชนะรองน้ํา วิธีการทดลอง ตอนที่ 1 1. ใหนักเรียนใสน้ําลงในลูกโปง เขยาไปมา สังเกต และบันทึกผล ตอนที่ 2 1. ใชเทปกาวปดรูทั้งหมดที่เจาะไวขางขวด ซึ่งเจาะรูเปนคูในระดับเดียวกัน 3 คู 2. เทน้ําที่ผสมสีลงไปในขวดใหสูงกวารูบนสุดเล็กนอย 3. นําขวดไปวางที่ขอบโตะ นําภาชนะมารองน้ํา ดึงไมที่ปดรูในแนวดิ่งออก 1 แถว แถวละ 5 รู สังเกตและบันทึกผล 4. ทําซ้ําโดยเอาไมปดรูไว เทน้ําผสมสีลงในขวดจนเต็ม จากนั้นดึงไมที่ปดรูที่ระดับเดียวกันออก ทั้ง สองแถวทีละคู สังเกตและบันทึกผล
  • 62. 62 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ บันทึกผลการทดลอง ตอนที่ 1 การทดลอง ผลจากการทดลอง นําลูกโปงใสน้ํา ………………………………………………………..………………………….. ………………………………………………………..………………………….. เขยาลูกโปง ………………………………………………………..………………………….. ………………………………………………………..………………………….. ตอนที่ 2 การทดลอง ผลจากการทดลอง เมื่อใสน้ําจนเต็มน้ําพุงออกมาอยางไร ……………………………………………………….…………….. ……………………………………………………….…………….. ตําแหนงที่นําพุงออกมาไกลที่สุดคือ …………………………………………………………….. ตําแหนงที่นําพุงออกมาใกลที่สุดคือ …………………………………………………………….. สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 63. 63 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ คําถามทายการทดลอง 1. เมื่อมีน้ําในขวดตรงระดับใดของขวดที่มีความลึกมากที่สุด (วาดรูปชี้ตําแหนง) .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 2. เมื่อดึงไมปดรูออกจะเกิดอะไรขึ้น .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 3. น้ําพุงออกมาจากตําแหนงใดไกลที่สุดและใกลที่สุด (ใหวาดรูปและเรียงลําดับใหถูกตอง) .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 4. เมื่อดึงไมที่อุดรูในระดับเดียวกันออกทีละคู น้ําจะพุงออกมาอยางไร .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 5. นักเรียนคิดวาความดันน้ําในระดับเดียวกันแตกตางกันหรือไม อยางไร .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 6. นักเรียนจะสรุปผลการทดลองนี้วาอยางไร .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 64. 64 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง สุญญากาศมหัศจรรย จุดประสงคของการทดลอง เพื่อศึกษาวาสุญญากาศเปนอยางไร อุปกรณ - ไมดันทอ 2 ดาม วิธีการทดลอง 1. นําไมดันทอดันลงไปที่พื้นราบ แลวคอยๆดึงขึ้นมา สังเกตผลที่เกิดขึ้น และบันทึกผล 2. มือนําไมดันทอดันเขาหากันแลวคอยๆดึงออกคนละขาง สังเกตผลที่เกิดขึ้น และบันทึกผล บันทึกผลการทดลอง การสังเกต ผลการสังเกต ไมดันทอดันพื้น .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... ไมดันทอ 2 ดามดันกัน .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. คําถามทายการทดลอง 1. สุญญากาศเกิดขึ้นไดอยางไร .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
  • 65. 65 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ กิจกรรมการทดลอง วัดความดันอากาศ จุดประสงคของการทดลอง เพื่อหาความดันอากาศในระดับตางๆของพื้นผิวโลก อุปกรณ 1. .............................................. 2. .............................................. 3. .............................................. 4. .............................................. 5. .............................................. 6. .............................................. 7. .............................................. 8. .............................................. 9. .............................................. 10. .............................................. บันทึกผลการทดลอง วัดความดันอากาศ ดวย ปรอท วัดที่ระดับความดันบรรยากาศ เทากับ........... ความสูงของปรอทอยูที่..................เซนติเมตร วัดความดันอากาศ ดวย น้ํา วัดที่ระดับความดันบรรยากาศ เทากับ........... ความสูงของน้ําอยูที่..................เซนติเมตร วาดรูปประกอบ วาดรูปประกอบ
  • 66. 66 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ระดับความสูง(เมตร)เหนือระดับน้ําทะเล ความสูงของปรอท(เซนติเมตร) 0 1,000 2,500 3,000 3,776 วาดกราฟความดันอากาศ สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ความสูงของปรอท (เซนติเมตร) ระดับความสูงเหนือ ระดับนําทะเล (เมตร)
  • 67. 67 โดย นายธัชวุฒิ กงประโคน ครู โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ