Recommended
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cell
ติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียง
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
ชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์ cell transport
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 2 general cell
ชีววิทยาเรื่องระบบไหลเวียนเลือด circulatory system ตอนที่ 2
โครงสร้างเซลล์ (Cell Structure)
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
More Related Content
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
What's hot (20)
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cell
ติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียง
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
ชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์ cell transport
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 2 general cell
ชีววิทยาเรื่องระบบไหลเวียนเลือด circulatory system ตอนที่ 2
โครงสร้างเซลล์ (Cell Structure)
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
Similar to Cell2 (20)
1-1 เซลล์และกล้องจุลทรรศน์การประยุกต์.pdf
เซเรบอส Brands วิชาชีววิทยา (192 หน้า) new
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
PPT โพรโทพลาซึม (1).pdf55555555555555555555555555
Microscopy, cell and function By pitsanu duangkartok
Cell24. Robert Hooke
?
• เป็นคนแรกที่เห็นเซลล์จากการใช้
กล้องจุลทรรศน์ชนิดเลนส์ประกอบ ที่
ประดิษฐ์ขึ้นเอง
• ศึกษาไม้คอร์กภาพที่เห็นเป็นห้องสี่เหลี่ยมกล
วงๆคล้ายรังผึ้ง ได้ตั้งชื่อสงิ่ที่มองเห็นว่า เซล
ลูเล(cellulae) เป็นเซลล์ที่ตายแล้ว
4
6. Anton van Leewenhoek
?
• มองเป็นเซลล์ที่ยังมชีีวิตเป็นคนแรก โดย
เรียกสิ่งที่เห็นว่า animalicules ซึ่งหมายถึง
สัตว์ตัวล็กๆ
6
8. Matthias Jakop Schleiden และ
Theodor Schwann
?
• เสนอทฤษฏีเซลล์ (cell theory) ว่า เซลล์
ประกอบไปด้วยองค์ประกอบของเซลล์ และ
ผลิตภัณฑ์เซลล์
8
10. GGEENNEERRAALL BBOODDYY OORRGGAANNIIZZAATTIIOONN
-สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ (multicellular oIIrNNg aAAniNNsmIIMM) มAAีLLSS
การจัดเรียงตัวของหน่วยต่าง ๆ เป็นลำาดับขั้นดังนี้
-เซลล์เป็นหน่วย
ย่อยที่เล็กที่สุด
-ในแต่ละลำาดับขั้น
จะมีการทำางานร่วม
กันอย่างเป็นระบบ
10
เซลล์
เนื้อเยื่อ
อวัยวะ
ระบบอวัยวะ
สิ่งมีชีวิตหนึ่งหน่วย
11. การศึกษาเซลล์
ศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์
ทำาให้สามารถเห็นรายละเอียด
โครงสร้างของเซลล์
ศึกษาด้วยวิธีแยกชิ้นส่วนของ
เซลล์โดยการเหวี่ยงด้วยความเร็ว
ที่ต่างๆกัน organelles ที่แยกออก
มาสามารถนำาไปศึกษาโครงสร้าง
และหน้าที่ของมัน 11
16. Different Types of Light Microscope: A Comparison
Human Cheek Epithelial Cells
Brightfield
(unstained
specimen)
Brightfield
(stained
specimen)
Fluorescene
Phase-contrast
Differential-interference-contrast
(Nomarski)
Confocal
16
18. The size range
of cells
ชนิดของ
เซลล์
เส้นผ่า
ศูนย์กลาง
Myoplasmas
แบคทีเรีย
ส่วนใหญ่ของ
eukaryotic cell
0.1 - 1.0
ไมครอน
1.0 - 10.0
ไมครอน
10.0 - 100.0
ไมครอน
18
19. Prokaryotic and Eukaryotic cell
สิ่งมีชีวิตประกอบด้วยเซลล์ เซลล์
แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1. prokaryotic cell
2. eukaryotic cell
มีโครงสร้างแตกต่างกัน ดั้งนี้
19
20. Prokaryotic cell
(pro=before; karyon=kernel)
พบเฉพาะใน Kingdom Monera
ไม่มีนิวเคลียสแท้จริง, ไม่มีเยื่อหุ้ม
นิวเคลียส
สารพันธุกรรมอยู่ในบริเวณที่เรียก
ว่า nucleoid
ไม่มี organelles ที่มีเยอื่หุ้ม
ได้แก่ bacteria,blue green algae 20
22. Eukaryotic cell
(eu=true; karyon=kernel)
พบใน Kingdoms Protista, Fungi, Plante
และ Animalia
มีนิวเคลียสที่แท้จริง, หุ้มด้วยเยื่อหุ้ม
นิวเคลียส
สารพันธุกรรมอยู่ในนิวเคลียส
ภายใน cytoplasm ประกอบด้วย cytosol
และมี organelles ที่มีเยื่อหุ้ม
ยCกytเoวp้นlaสs่วmน =ข บอรงิเนวิวณเคภลาียยสในเซลล์ทั้งหมด
Cytosol = สารกิ่งของเหลงภายใน cytopla2s2m
32. Ribosomes
เป็น organelles ที่ไม่มีเยื่อหุ้ม ทำาหน้าที่สร้าง
โปรตีน มี 2 ส่วนย่อย (subunit) สร้างจาก
nucleolus ในเซลล์ที่มีการสร้างโปรตีนสูง
จะพบว่ามี nucleolus และ ribosome เป็น
32
จำานวนมาก ตัวอย่างเช่นในเซลล์ตับของคนมี
33. Endoplasmic reticulum (ER)
(Endoplasmic = อยู่ในไซโต
พลาสซึม, reticulum = ร่างแห)
เป็น organelles ที่มีเยื่อ
หุ้ม มีลักษณะเป็นท่อแบนหรือ
กลม กระจายอยู่ใน cytosol
ช่องภายในท่อเรียกว่า
cisternal space ซึ่งท่อนี้มีการ
เชื่อมติดต่อกับช่องว่างที่อยู่
ระหว่างเยื่อหุ้มนิวเคลียสชั้น
นอกและชั้นในด้วย
33
34. ER มี 2 ชนิด คือ
1. Rough endoplasmic reticulum (RER)
มีไรโบโซมเกาะติดอยู่ที่เยื่อหุ้มด้านนอก
ทำาให้มองเห็นขรุขระ ทำาหน้าที่สร้างโปรตีน
ที่ส่งออกไปนอกเซลล์ (secondary protein)
โดยไรโบโซมที่เกาะอยู่นี้สร้างโปรตีน
34
35. 2. Smooth endoplasmic reticulum (SER)
•ไม่มีไรโบโซมมาเกาะที่เยื่อหุ้มด้านนอก
จึงมองเห็นเป็นผิวเรียบๆ ท่อของ SER
เชื่อมติดต่อกับ RER ได้
•SER ไม่เกี่ยวกับการสร้างโปรตีน ส่วน
ใหญ่มีความสำาคัญเกี่ยวกับการสร้าง
ฮอร์โมนชนิดสเตอรอยด์ และไขมัน
35
38. หน้าที่ของ Golgi complex คือ
เสริมสร้างคาร์โบไฮเดรดให้กับโปรตีนที่
สร้างมาจาก RER ให้เป็น glycoprotein เพื่อ
ส่งออกไปภายนอกเซลล์
เก็บสะสมและกระจายสิ่งที่เซลล์สร้างขึ้น
โดยเก็บไว้ภายใน secondary granules เพื่อ
ส่งออกนอกเซลล์ โดยกระบวนการ
exocytosis
สร้าง primary lysosomes ซึ่งบรรจุ
hydrolytic enzymes นำ้าย่อยเหล่านี้มักเป็น
พวก glycoprotein โดยมีการเติม
คาร์โบไฮเดรตที่ Golgi complex
38
40. (b) A Lysosome in action
sPoermoexi
fernatgm
nMditroiocnho
fnrtagme
Lmyesoso
40
41. Lysosomes
เป็นออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มรูปกลม
ขนาดเล็ก ภายในบรรจุ hydrolytic
enzyme หรือ lysosomal enzyme หลาย
ชนิดที่ทำาหน้าที่ย่อยโมเลกุลขนาดใหญ่
ได้แก่ polysaccharides, fats และ nucleic
acids
เอ็นไซม์ต่างๆเหล่านี้ ทำางานดีที่สุดที่
pH 5 lysosomal membrane ทำาหน้าที่
รักษาสภาพแวดล้อมภายในให้เหมาะแก่
41
การทำางานของเอ็นไซม์ โดยการปั้ม H+
44. หน้าที่ของ lysosome
เป็นแหล่งย่อยภายในเซลล์ (intracellular
digestion) ตย. เช่น
• อมีบากินอาหารโดยวิธี phagocytosis
เกิดเป็น food vacuole ซึ่งจะรวมกับ
lysosome เอ็นไซม์ในcytosome จะทำา
หน้าที่ย่อยอาหารนั้น
• เซลล์ของคน เช่น macrophage ก็
สามารถทำาลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา
ในเซลล์ด้วยวิธี phagocytosis และถูก
ย่อยโดย lysosome ได้เช่นกัน 44
45. Vacuoles
เป็น organelles ที่มีลักษณะเป็น
เยื่อหุ้ม แต่มีขนาดใหญ่กว่า vesicles มี
แบบต่างๆได้แก่ food vacuole,
contractile vacuole และ central vacuole
45
50. Mitochondria
พบใน eukaryotic cell เกือบทุกชนิด ในเซลล์บาง
ชนิดอย่างมีเพียงหนึ่งอันที่มีขนาดใหญ่ หรือใน
เซลล์บางชนิดอาจมี mitochondria เป็นจำานวนร้อย
หรือพันทั้งนี้ขึ้นกับกิจกรรมของเซลล์นั้นๆ
Mitochondria มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น มีลักษณะเป็นสองวง
ซ้อนกัน แต่ละชั้นของ phospholipid bilayer จะมี
ลักษณะเฉพาะตัวที่เกิดจากโมเลกุลของโปรตีนที่
ฝังตัวบนเยื่อแต่ละชั้น
50
52. Chloroplast
Chloroplast เป็น plastids ชนิดหนึ่งของ
เซลล์พืชที่มีรงควัตถุสีเขียว ที่เรียกว่า
chlorophyll ซึ่งประกอบด้วยเอ็นไซม์และ
โมเลกุลของสารที่ทำาให้เกิดกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสง
Chloroplast มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น หุ้มล้อม
รอบของเหลวที่เรียกว่า stroma ภายในมีถุง
แบน thylakoids ซึ่งซ้อนกันเป็นตั้งเรียกว่า
granum
52
54. Peroxisomes (microbodies)
เป็น organelles ที่พบในเซลล์ยูคาริโอตเกือบทุก
ชนิด มีลักษณะเป็นถุงที่มีเยื่อหุ้มชั้นเดียว ภายใน
มี granular core ซึ่งเป็นที่รวมของเอ็นไซม์ย้อมติด
สีเข้ม
54
55. การลำาเลียงสารผ่านเยื่อหุ้ม
เซลล์
(Traffic Across
Membranes)
เยื่อหุ้มเซลล์มีสมบัติที่ยอมให้สารบาง
อย่างผ่านเข้าไปในเซลล์ได้ง่ายกว่า
สารบางอย่างชนิดอื่น เรียกว่า
selective permeability ดังนั้นเยื่อหุ้ม
เซลล์จะควบคุมชนิดและอัตราการ
ลำาเลียงโมเลกุลของสารผ่านเข้าและ
ออกจากเซลล์
55
56. Selective permeability ของเยื่อหุ้มเซลล์
ขึ้นอยู่กับ
1. Phospholipid bilayer
1.1 โมเลกุลไม่มีขั้วไฟฟ้า (nonpolar
(hydrophobic) molecules) เช่น hydrocarbons
และ O2 ซึ่งสามารถละลายได้ในเยื่อหุ้ม
เซลล์จะผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ง่ายกว่าสารอื่น
และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างสาร 2 ชนิด
ที่ละลายในไขมันได้เท่ากันสารที่มีขนาด
เล็กกว่าสามารถผ่านไปได้ดีกว่า
56
57. 1.2 โมเลกุลมีขั้วไฟฟ้า (polar (hydrophilic)
molecules)
โมเลกุลขนาดเล็กที่มีขั้วไฟฟ้าแต่ไม่มีอิ
ออน (small, polar uncharged molecules)เช่น
HO, COสามารถผ่านเยื่อหุ้มสังเคราะห์
22 (synthetic membranes) ได้ง่าย
โมเลกุลขนาดใหญ่ที่มีขั้วไฟฟ้าแต่ไม่มีอิ
ออน (large, polar uncharged molecules) เช่น
นำ้าตาลกลูโคส ผ่านเยื่อหุ้มสังเคราะห์ได้ไม่
ง่าย
สารที่มีอิออน (ions) ทุกชนิดถึงแม้ว่าจะมี
57
ขนาดเล็ก เช่น Na+, H+ ผ่านชั้น
58. - 2. Specific integral transport
proteins
โมเลกุลของนำ้า CO2 และ สารที่ไม่มีขั้ว
ไฟฟ้า (nonpolar molecules) สามารถผ่าน
เยื่อหุ้มเซลล์ได้ง่ายเช่นเดียวกับเยื่อหุ้ม
สังเคราะห์
เยื่อหุ้มเซลล์ต่างจากเยื่อหุ้มสังเคราะห์
คือมีสมบัติยอมให้สารบางอย่างที่มีอิออน
และสารที่มีขั้วไฟฟ้าขนาดกลางผ่านได้
โดยสารเหล่านี้ผ่านเข้าไปที่ transport
proteins
58
59. Diffusion and Passive transport
การแพร่ (diffusion) หมายถึง
การเคลื่อนที่ของโมเลกุลของสารจาก
บริเวณที่มีความเข้มข้นของสาร
มากกว่าไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้น
ของสารน้อยกว่า จนกว่าจะอยู่ใน
สภาพสมดุล (dynamic equilibrium)
เมื่ออยู่ในสภาพสมดุลแล้ว โมเลกุล
ของสารยังคงเคลื่อนอยู่แต่เคลื่อนที่
ด้วยอัตราเร็วเท่ากันทั้งสองบริเวณ 59
60. การแพร่ของโมเลกุลของสารผ่าน
เยื่อหุ้มเซลล์ เรียกว่า passive transport
เซลล์ไม่ต้องใช้พลังงานที่จะทำาให้เกิด
การแพร่ขึ้น และเยื่อหุ้มเซลล์มีสมบัติ
selective permeable ดังนั้นอัตราการ
แพร่ของสารชนิดต่างๆจะไม่เท่ากัน
นำ้าจะสามารถแพร่ผ่านเยื่อหุ้ม
เซลล์ได้อย่างอิสระซึ่งมีความสำาคัญ
มากสำาหรับการดำารงอยู่ของเซลล์
60
61. การแพร่ของโมเลกุลของสาร
ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
(a) โมเลกุลของสารเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความ
เข้มข้นมากกว่าไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นน้อย
กว่า จนกระทั่งอยู่ในสภาพสมดุล (dynamic
equilibrium) เมื่ออยู่ในสภาพสมดุลแล้วโมเลกุล
ของสารยังคงเคลื่อนที่อยู่แต่อัตราการเคลื่อนที่
ของสารจากทั้งสองด้านของเยื่อหุ้มเซลล์เท่ากัน61
62. (b) ในกรณีนี้ แสดงสารละลายของสี 2
ชนิด ที่อยู่คนละด้านของเยื่อหุ้มเซลล์
โมเลกุลของสารสีเขียวจะเคลื่อนที่ไปยัง
ด้านซ้าย ทั้งๆที่ตอนเริ่มต้นความเข้มข้น
ของสารในด้านซ้ายสูงกว่า
62
63. ตัวอย่างการแพร่ในสิ่งมีชีวิต
ได้แก่ การหายใจของสัตว์ ขณะ
หายใจเข้าก๊าซออกซิเจนจากอากาศ
ที่ผ่านเข้าไปในถุงลมในปอดมีความ
เข้มข้นสูงกว่าในเส้นเลือดฝอย
ออกซิเจนจึงแพร่จากถุงลมเข้าไปใน
เส้นเลือดฝอย และในขณะเดียวกัน
คาร์บอนไดออกไซด์จะแพร่จาก
เส้นเลือดเข้าสู่ถุงลม
63
65. The water balance of living cells
ลูกศรแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของโมเลกุลของ
นำ้าผ่านเซลล์สัตว์ซึ่งไม่มีผนังเซลล์ และเซลล์พื65
ช
ซึ่งมีผนังเซลล์
66. The contractile vacuole of Paramesium : an
evolutionary adaptation for osmoregulation
Filling vacuole
Contracting vacuole
66
67. Facilitated diffusion
Transport proteins ช่วยในการนำาโมเลกุลของ
สารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จากบริเวณที่มีความเข้ม
ข้นของสารสูงไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นตำ่า
กว่า เรียกกระบวนการนี้ว่า facilitated diffusion
โดยเซลล์ไม่ต้องใช้พลังงาน 67
68. Active transport
บางครั้งเซลล์ต้องการลำาเลียงสาร
จากที่มีความเข้มข้นตำ่าไปยังที่มีความ
เข้มข้นสูงกว่า กระบวนการนี้เรียกว่า
active transport ซึ่งต้องการพลังงานคือ
ATP
ตัวอย่างเช่น เซลล์ขับ NA+ ออก
นอกเซลล์และนำา K+ เข้าไปในเซลล์
ซึ่งเรียกว่า Sodium-potassium pump
68
70. Sodium-potassium pump
กระบวนการเริ่มต้นจาก Na+ จับ
กับโปรตีนซึ่งเป็น transport protein
แล้ว ATP ให้พลังงานแก่โปรตีนทำาให้
โปรตีนเปลี่ยนรูปร่างและปล่อย Na+
ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ออกไป ขณะ
เดียวกัน K+ เข้าจับกับโปรตีน ทำาให้
โปรตีนเปลี่ยนแปลงรูปร่างอีกครั้งหนึ่ง
ทำาให้ K+ ถูกปล่อยเข้าไปในเซลล์
แล้วโปรตีนกลับมีรูปร่างเหมือนเดิมอีก
พร้อมที่จะเริ่มต้นกระบวนการใหม่ต่อ
70
72. An electrogenic pump
Electrogenic pump เป็น transport protein
ที่ทำาให้เกิดความต่างศักดิ์ที่เยื่อหุ้มเซลล์
72
73. An electrogenic pump
ตัวอย่างเช่น
Na+/K+ pump เป็น electrogenic
pump ที่สำาคัญของเซลล์สัตว์
Proton pump เป็น electrogenic
pump ที่สำาคัญของเซลล์พืช แบคทีเรีย
และพวกเห็ดรา รวมทั้ง mitochondria
และ chloroplasts ใช้ proton pump ใน
การสังเคราะห์ ATP 73
74. Cotransport
เป็นกระบวนการร่วมที่เกิดจาก ATP
pump ตัวเดียวทำางานแล้วมีผลไปทำาให้
transport protein ตัวต่อไปทำางานเพื่อนำาสาร
เข้าสู่เซลล์
ตัวอย่างเช่น ใน
เซลล์พืชใช้
proton pump ร่วม
กับ transport
protein ที่นำา
sucrose–H+ เข้าไป
ในเซลล์
74
75. Exocytosis and endocytosis
transport large molecules
สารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่
เช่น โปรตีน และ คาร์โบ
ไฮเครต ผ่านออกนอกเซลล์ด้วย
กระบวนการ exocytosis และเข้าไป
ในเซลล์ด้วยกระบวนการ
endocytosis
75
76. Endocytosis มี 3 แบบ ได้แก่
1. Phagocytosis
2. Pinocytosis
3. Receptor-mediated endocytosis
76
77. Phagocytosis
Phagocytosis เป็นการนำาสารที่เป็นของแข็งเข้า
เซลล์ โดยเซลล์ยื่นส่วน cytoplasm ไปโอบล้อม
สารของแข็งนั้น แล้วเข้าไปในเซลล์ เป็น food
vacuole แล้ว food vacuole นั้นจะไปรวมกับ
lysosome ซึ่งภายในมี hydrolytic enzymes ที่จะ
ย่อยสลายสารนั้นต่อไป อมีบากินแบคทีเรียด้ว77
ย
วิธีนี้
79. Receptor-mediated endocytosis
Receptor-mediated endocytosis เป็นการนำาสาร
เฉพาะบางชนิดเข้าไปในเซลล์ โดยที่ผิวเซลล์
มี receptor เฉพาะสำาหรับสารบางอย่างเข้ามา
จับ แล้วถูกนำาเข้าไปในเซลล์เป็นถุงเล็กๆ เมื่อ
ผ่านการย่อยแล้ว receptor สามารถถูกนำามา
79
ใช้ใหม่ได้อีก