SlideShare a Scribd company logo
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
และ
ขั้นตอนการทางานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงาน
คอมพิวเตอร์
2
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
http://2.bp.blogspot.com/-IB19pWxBGes/VAhdBchpWwI/AAAAAAAAAnM/9yFC-jp51gM/s1600/221.jpg3
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการ
สร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาค
แบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถ
เรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้
ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่ง
อาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วย
ตนเองก็ได้
โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชา
ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขาคอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชา
วิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือก
หัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทาความเข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนา
โปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบ
สุริยะจักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ
เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ช่วยสร้างงานประยุกต์
ต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นในรูปซอฟต์แวร์ ตัวอย่างของ
เครื่องมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน
ซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ เป็นต้น สาหรับ
ซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรม
ประมวลผลภาษา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้งานในงานพิมพ์
ต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นไปได้โดยง่าย ซึ่งรูปที่ได้
สามารถนาไปใช้งานต่าง ๆ ได้มากมาย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วย
ในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช้สาหรับช่วยในการออกแบบ
สิ่งของต่าง ๆ
4 https://sites.google.com/site/krupanisara/_/rsrc/1488199736552/unit1/type/tool/Tool.png
โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี
เป็นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการ
ทดลองของสาขาต่าง ๆ เป็นโครงงานที่ผู้ทาต้อง
ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและ
แนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการ
ศึกษา แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ
ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตร หรือคาอธิบายก็
ได้ พร้อมทั้งนาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีด้วย
คอมพิวเตอร์ การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญ
อยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี
ตัวอย่าง เช่น การทดลองเรื่องการไหลของเหลว
การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโรวาน่า
ทฤษฎีการแบ่งแยกดีเอ็นเอ เป็นต้น
5 http://4.bp.blogspot.com/-DLJYia55rYo/UDL3yL9LzCI/AAAAAAAAAFA/smzDd1bPFCo/s1600/tzunami.jpg
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อ
ประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการ
ออกแบบและตกแต่งอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี
ซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานงานประเภท
นี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอย
ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่
แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้จะต้อง
ศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่
ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้อง
มีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์
แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้
นักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษา
โปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธี
ทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย
6 https://kroomaneewan.files.wordpress.com/2018/10/slide15.jpg?w=584
เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ/หรือ
ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมหมากฮอส เกม
การคานวณเลข ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่
ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ
โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์
การเล่น เพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้
สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและ
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปและนามา
ปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และ
น่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ
โครงงานพัฒนาเกม
7 https://ajpanisara.files.wordpress.com/2014/11/picture1.png
ขั้นตอนการพัฒนาโครงการ
คอมพิวเตอร์
8
1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
9
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มา
จากปัญหา คาถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่
เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนามาพัฒนา
โครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้
1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสาร
2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการ
สนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างบุคคลอื่นๆ
4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
5. งานอดิเรกของนักเรียน
6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
10
ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนา มาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ควร
พิจารณาองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้
1. ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
2. สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์และวัสดุอุปกรณ์ที่
เกี่ยวข้องได้
3. มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา
4. มีเวลาเพียงพอ
5. มีงบประมาณเพียงพอ
6. มีความปลอดภัย
2.ศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร
11
เมื่อได้หัวข้อโครงงานแล้ว ต้องหาข้อมูลและความรู้การศึกษาค้นคว้า
จากเอกสารและแหล่งข้อมูล เช่น หนังสือ วารสาร อินเทอร์เน็ต
ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งอาจารย์อาจศึกษาโครงงานที่คล้ายกันที่มี
ผู้พัฒนามาก่อนหน้าแล้ว ซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจาก
ผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้ได้แนวคิดที่ใช้ในการกาหนดขอบเขตของ
เรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติม
ในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทา
โครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสมสิ่งที่สาคัญไม่ว่าจะศึกษาข้อมูลที่ใช้
ประกอบการทาโครงงานจากแหล่งข้อมูลใดก็ตามต้องมีการอ้างอิง
แหล่งที่มาเสมอ
3.การจัดทาข้อเสนอโครงงาน
12
การจัดทาข้อเสนอโครงงาน เป็นการกาหนดกรอบ
แนวคิด และวางแผนการพัฒนาโครงงาน รวมถึง
ตารางกาหนดการ ระยะเวลาที่ต้องทางาน เพื่อช่วยให้
สามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการทาโครงงาน
โดยนาเสนอที่ปรึกษาหรือผู้ทรงคุณวุติที่เกี่ยวข้องให้
ช่วยพิจารณาความเป็นไปได้ของการทาโครงงานนั้น
โดยมีขั้นตอนการทาดังนี้
13
1) ศึกษาค้นคว้าเอกสารอ้างอิง และรวบรวมข้อมูลที่ได้จากผู้เชียว
ชาญ
2) วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อกาหนดขอบเขตและลักษณะของโครงงานที่จะพัฒนา
3) ออกแบบการพัฒนา มีการกาหนดลักษณะของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์และตัวแปล ภาษา
โปรแกรม และวัสดุต่างๆ ที่ต้องใช้ กาหนดคุณลักษณะของผลงาน ระบุเทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา พร้อมทั้ง
กาหนดตารางการปฏิบัติงาน
4) ทาการพัฒนาโครงการขั้นต้น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ โดยอาจจะทาการพัฒนาส่วนย่อยๆ บางส่วน
ตามมี่ได้ออกแบบไว้ แล้วนาผลศึกษาไปปรับปรุงผลการทดลองที่ได้ออกแบบให้เหมาะสม
5) จัดทาและเสนอข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ ต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อขอคาแนะนาและปรับปรุงแก้ไข
ให้สามารถวางแผนและดาเนินการทาโครงงานต่อไปเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่เริ่มจนเรียบร้อย
4.การพัฒนาโครงงาน
14
เป็นการลงมือทาโครงงานตามข้อเสนอโครงงานที่วางแผนไว้ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1) การเตรียมการ เป็นการเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆที่จะใช้ใน
การทดลอง พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่สาหรับใช้ในการทาโครงงาน เตรียมสมุดบันทึกหรือ
บันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทากิจกรรมโครงงาน ดังนี้ วิธีการปฏิบัติ ผลการ
ปฏิบัติ ปัญหาและแนวทางแก้ไข รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ เก็บเป็นแฟ้ มข้อมูลไว้ในเครื่อง
คอมพิวเตอร์
15
2) การลงมือพัฒนา เป็นการปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในข้อเสนอโครงงาน แต่อาจเปลี่ยรแปลงหรือเพิ่มเติม
ได้ ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงจัดระบบการทางานโดยทาเป็นส่วนหลักสาคัญๆให้แล้ง
เสร็จก่อน จึงค่อยทาส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยคานึงถึงความ
ปลอดภัย และระยะเวลาในการทางาน
3) การตรวจสอบผลงานและแก้ไข เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้น
มานั้น ทางานได้ถูกต้องตรงข้ามกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้ าหมาย และมีประสิทธิภาพหรือไม่
4) การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ เป็นการสรุปการพัฒนาโครงงานด้วยข้อความที่กระชับครอบคลุม และทา
การอภิปรายผลเพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทาโครงงาน สามารถพิจารณาข้อมูลและผลที่
ได้ พร้อมกับนาไปหาความสัมพันธ์กับผลงานที่ผู้อี่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนาหลักการ ทฤษฎี หรือ
ผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
5) แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เป็นการเขียนข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษา
ต่อไป ซึ่งอาจได้มาจากที่นักเรียนพบข้อสังเกต ประเด็นที่สาคัญหรือปัญหาต่างๆ ในระหว่างการพัฒนาโครงงาน
5. การจัดทารายงาน
16
เป็นการรวบรวมข้อมูล ผลการวิเคราะห์และอภิปราย ผลการพัฒนา
โครงงานซึ่งรวมถึงคู่มือการใช้งานมาจัดทาเป็นรายงาน เพื่อสื่อความหมาย
ให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีการดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่
ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน ในการเขียน
รายงานควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้
ครอบคลุมหัวข้อต่างๆดังต่อไปนี้
17
1) ส่วนนา เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน ซึ่งประกอบด้วย ชื่อโครงงาน ชื่อสาขา
ของงานวิจัย ชื่อผู้ทาโครงงาน ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา คาขอบคุณ บุคลากรหรือหน่วยงาน
ต่างๆ ที่มีส่วยช่วยให้โครงงานนี้สาเร็จ และบทคัดย่อซึ่งอธิบายที่มาความสาคัญของ
โครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีการดาเนินงาน และผลที่ได้รับ ตลอดจนข้อสรุปต่างๆอย่างย่อ
2) บทนา เป็นรายละเอียดเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วยที่มาและความสาคัญของ
โครงงาน วัตถุประสงค์ และขอบเขตของโครงงาน
3) หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี
หรือวิธีการที่จะนามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นามา
เปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติม
4) วิธีดาเนินการ เป็นการอธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดยละเอียด ระบุปัญหาหรือ
อุปสรรคที่พบ วิธีการที่ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทางาน
18
5) ผลการศึกษา เป็นการนาเสนอข้อมูลให้ผู้อื่นเข้าใจโครงงานได้โดยง่าย ด้วยการนาเสนอเป็นตาราง
หรือกราฟ หรือข้อความ
6) สรุปผลและข้อเสนอแนะ เป็นการอธิบายผลสรุปที่ได้จากการทางาน ถ้ามีการตั้งสมมุติฐานควร
ระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมุติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้นอกจากนั้นควรกล่าวถึง
การนาผลการทดลองไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคของการทาโครงงาน ข้อสังเกตที่สาคัญ หรือข้อผิดพลาด
บางประการที่เกิดขึ้นจากการทาโครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง
โครงงาน หากมีผู้สนใจศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้และควรระบุประโยชน์ที่ได้รับจากการทาโครงงาน รวมถึง
ประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนาผลงานของโครงงานไปใช้
7) บรรณนุกรม เป็นการรวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร และเว็บไซต์ต่างๆที่ผู้ทาโครงงาน
ใช้ค้นคว้า เพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ เพื่อนามาใช้ประโยชน์ในการทาโครงงานนี้ ซึ่งการ
เขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องเขียนตามหลักการเขียน
8) คู่มือการใช้งาน หากโครงงานที่จัดทาเป็นการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ควรจัดทาคู่มืออธิบายวิธีการใช้
งานผลงานนั้นโดยละเอียด
6.การนาเสนอและเผยแพร่
19
เป็นขั้นตอนที่ทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานของผู้จัดทา
ซึ่งอาจนาเสนอได้หลายรูปแบบ เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มี
การอธิบายประกอบการจัดนิทรรศการโดยใช้โปสเตอร์และ
อธิบายด้วยคาพูด การใช้เครื่องฉายภาพทึบแสงหรือโปร่ง
แสงร่วมกับเอกสารหรือแผ่นใส การใช้คอมพิวเตอร์และ
ซอฟแวร์ไมโครซอฟต์เพาเว่อพอยต์ นาเสนอร่วมกับโพรเจก
เตอร์และจอรับภาพ การสร้างเว็บเพจโดยผลงานที่นาเสนอ
หรือจัดแสดงควรประกอบไปด้วยรายละเอียดและวิธีการ
จัดทาโดย
นางสาว เปรมยุดา คารัตน์ ม.6/9 เลขที่ 13
นางสาว กนกวรรณ อินตรา ม.6/9 เลขที่ 17
20

More Related Content

PDF
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์
PDF
ใบงานที่2-8
PPTX
โครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานคอมพิวเตอร์ ชุดที่ 1
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์
PPTX
โครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ใบงานที่4
PDF
ตัวอย่างโครงงานคอม
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์
ใบงานที่2-8
โครงงานคอมพิวเตอร์
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานคอมพิวเตอร์ ชุดที่ 1
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ใบงานที่4
ตัวอย่างโครงงานคอม

What's hot (17)

PDF
ใบงานที่2-8
PPT
โครงงานคอมพิวเตอร์
DOCX
งานคอม
PDF
ใบงานที่4
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์
PPTX
โครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
DOC
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
DOC
โครงงานคอมพิวเตอร์เด้อคับ
PDF
Com02
PDF
รายงาน Power point
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ Cake
PDF
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
PDF
ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่2-8
โครงงานคอมพิวเตอร์
งานคอม
ใบงานที่4
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เด้อคับ
Com02
รายงาน Power point
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ Cake
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์
Ad

Similar to Computer project 3 (20)

PDF
Computer3
PPTX
PPTX
Computer project
PPTX
Presentation
PDF
Computer project3
PPTX
Type of computer project
PDF
3computer
PPTX
กิจกรรมที่ 3 โครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
Com03
PDF
3computerr
PDF
โครงงานคอมพ วเตอร (บ_นท_กอ_ตโนม_ต_)
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ ค่ะ ^^
PPTX
Computer
PPTX
Presentation3
PPTX
Presentation 3 (1)
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์
Computer3
Computer project
Presentation
Computer project3
Type of computer project
3computer
กิจกรรมที่ 3 โครงงานคอมพิวเตอร์
Com03
3computerr
โครงงานคอมพ วเตอร (บ_นท_กอ_ตโนม_ต_)
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ ค่ะ ^^
Computer
Presentation3
Presentation 3 (1)
โครงงานคอมพิวเตอร์
Ad

Computer project 3

  • 3. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา http://2.bp.blogspot.com/-IB19pWxBGes/VAhdBchpWwI/AAAAAAAAAnM/9yFC-jp51gM/s1600/221.jpg3 เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการ สร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาค แบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถ เรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่ง อาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วย ตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชา ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขาคอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือก หัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทาความเข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนา โปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบ สุริยะจักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
  • 4. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ช่วยสร้างงานประยุกต์ ต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นในรูปซอฟต์แวร์ ตัวอย่างของ เครื่องมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ เป็นต้น สาหรับ ซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรม ประมวลผลภาษา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้งานในงานพิมพ์ ต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นไปได้โดยง่าย ซึ่งรูปที่ได้ สามารถนาไปใช้งานต่าง ๆ ได้มากมาย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วย ในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช้สาหรับช่วยในการออกแบบ สิ่งของต่าง ๆ 4 https://sites.google.com/site/krupanisara/_/rsrc/1488199736552/unit1/type/tool/Tool.png
  • 5. โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี เป็นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการ ทดลองของสาขาต่าง ๆ เป็นโครงงานที่ผู้ทาต้อง ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและ แนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการ ศึกษา แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตร หรือคาอธิบายก็ ได้ พร้อมทั้งนาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีด้วย คอมพิวเตอร์ การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญ อยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่าง เช่น การทดลองเรื่องการไหลของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโรวาน่า ทฤษฎีการแบ่งแยกดีเอ็นเอ เป็นต้น 5 http://4.bp.blogspot.com/-DLJYia55rYo/UDL3yL9LzCI/AAAAAAAAAFA/smzDd1bPFCo/s1600/tzunami.jpg
  • 6. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อ ประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการ ออกแบบและตกแต่งอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานงานประเภท นี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอย ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่ แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้จะต้อง ศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้อง มีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์ แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้ นักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษา โปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธี ทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย 6 https://kroomaneewan.files.wordpress.com/2018/10/slide15.jpg?w=584
  • 7. เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ/หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมหมากฮอส เกม การคานวณเลข ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่ ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์ การเล่น เพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้ สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปและนามา ปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และ น่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ โครงงานพัฒนาเกม 7 https://ajpanisara.files.wordpress.com/2014/11/picture1.png
  • 9. 1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ 9 โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มา จากปัญหา คาถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนามาพัฒนา โครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้ 1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสาร 2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ 3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการ สนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างบุคคลอื่นๆ 4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน 5. งานอดิเรกของนักเรียน 6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
  • 10. 10 ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนา มาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ควร พิจารณาองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้ 1. ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา 2. สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์และวัสดุอุปกรณ์ที่ เกี่ยวข้องได้ 3. มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา 4. มีเวลาเพียงพอ 5. มีงบประมาณเพียงพอ 6. มีความปลอดภัย
  • 11. 2.ศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร 11 เมื่อได้หัวข้อโครงงานแล้ว ต้องหาข้อมูลและความรู้การศึกษาค้นคว้า จากเอกสารและแหล่งข้อมูล เช่น หนังสือ วารสาร อินเทอร์เน็ต ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งอาจารย์อาจศึกษาโครงงานที่คล้ายกันที่มี ผู้พัฒนามาก่อนหน้าแล้ว ซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจาก ผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้ได้แนวคิดที่ใช้ในการกาหนดขอบเขตของ เรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติม ในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทา โครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสมสิ่งที่สาคัญไม่ว่าจะศึกษาข้อมูลที่ใช้ ประกอบการทาโครงงานจากแหล่งข้อมูลใดก็ตามต้องมีการอ้างอิง แหล่งที่มาเสมอ
  • 12. 3.การจัดทาข้อเสนอโครงงาน 12 การจัดทาข้อเสนอโครงงาน เป็นการกาหนดกรอบ แนวคิด และวางแผนการพัฒนาโครงงาน รวมถึง ตารางกาหนดการ ระยะเวลาที่ต้องทางาน เพื่อช่วยให้ สามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการทาโครงงาน โดยนาเสนอที่ปรึกษาหรือผู้ทรงคุณวุติที่เกี่ยวข้องให้ ช่วยพิจารณาความเป็นไปได้ของการทาโครงงานนั้น โดยมีขั้นตอนการทาดังนี้
  • 13. 13 1) ศึกษาค้นคว้าเอกสารอ้างอิง และรวบรวมข้อมูลที่ได้จากผู้เชียว ชาญ 2) วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อกาหนดขอบเขตและลักษณะของโครงงานที่จะพัฒนา 3) ออกแบบการพัฒนา มีการกาหนดลักษณะของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์และตัวแปล ภาษา โปรแกรม และวัสดุต่างๆ ที่ต้องใช้ กาหนดคุณลักษณะของผลงาน ระบุเทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา พร้อมทั้ง กาหนดตารางการปฏิบัติงาน 4) ทาการพัฒนาโครงการขั้นต้น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ โดยอาจจะทาการพัฒนาส่วนย่อยๆ บางส่วน ตามมี่ได้ออกแบบไว้ แล้วนาผลศึกษาไปปรับปรุงผลการทดลองที่ได้ออกแบบให้เหมาะสม 5) จัดทาและเสนอข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ ต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อขอคาแนะนาและปรับปรุงแก้ไข ให้สามารถวางแผนและดาเนินการทาโครงงานต่อไปเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่เริ่มจนเรียบร้อย
  • 14. 4.การพัฒนาโครงงาน 14 เป็นการลงมือทาโครงงานตามข้อเสนอโครงงานที่วางแผนไว้ ตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1) การเตรียมการ เป็นการเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆที่จะใช้ใน การทดลอง พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่สาหรับใช้ในการทาโครงงาน เตรียมสมุดบันทึกหรือ บันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทากิจกรรมโครงงาน ดังนี้ วิธีการปฏิบัติ ผลการ ปฏิบัติ ปัญหาและแนวทางแก้ไข รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ เก็บเป็นแฟ้ มข้อมูลไว้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์
  • 15. 15 2) การลงมือพัฒนา เป็นการปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในข้อเสนอโครงงาน แต่อาจเปลี่ยรแปลงหรือเพิ่มเติม ได้ ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงจัดระบบการทางานโดยทาเป็นส่วนหลักสาคัญๆให้แล้ง เสร็จก่อน จึงค่อยทาส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยคานึงถึงความ ปลอดภัย และระยะเวลาในการทางาน 3) การตรวจสอบผลงานและแก้ไข เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้น มานั้น ทางานได้ถูกต้องตรงข้ามกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้ าหมาย และมีประสิทธิภาพหรือไม่ 4) การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ เป็นการสรุปการพัฒนาโครงงานด้วยข้อความที่กระชับครอบคลุม และทา การอภิปรายผลเพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทาโครงงาน สามารถพิจารณาข้อมูลและผลที่ ได้ พร้อมกับนาไปหาความสัมพันธ์กับผลงานที่ผู้อี่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนาหลักการ ทฤษฎี หรือ ผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย 5) แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เป็นการเขียนข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษา ต่อไป ซึ่งอาจได้มาจากที่นักเรียนพบข้อสังเกต ประเด็นที่สาคัญหรือปัญหาต่างๆ ในระหว่างการพัฒนาโครงงาน
  • 16. 5. การจัดทารายงาน 16 เป็นการรวบรวมข้อมูล ผลการวิเคราะห์และอภิปราย ผลการพัฒนา โครงงานซึ่งรวมถึงคู่มือการใช้งานมาจัดทาเป็นรายงาน เพื่อสื่อความหมาย ให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีการดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน ในการเขียน รายงานควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ ครอบคลุมหัวข้อต่างๆดังต่อไปนี้
  • 17. 17 1) ส่วนนา เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน ซึ่งประกอบด้วย ชื่อโครงงาน ชื่อสาขา ของงานวิจัย ชื่อผู้ทาโครงงาน ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา คาขอบคุณ บุคลากรหรือหน่วยงาน ต่างๆ ที่มีส่วยช่วยให้โครงงานนี้สาเร็จ และบทคัดย่อซึ่งอธิบายที่มาความสาคัญของ โครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีการดาเนินงาน และผลที่ได้รับ ตลอดจนข้อสรุปต่างๆอย่างย่อ 2) บทนา เป็นรายละเอียดเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วยที่มาและความสาคัญของ โครงงาน วัตถุประสงค์ และขอบเขตของโครงงาน 3) หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการที่จะนามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นามา เปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติม 4) วิธีดาเนินการ เป็นการอธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดยละเอียด ระบุปัญหาหรือ อุปสรรคที่พบ วิธีการที่ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทางาน
  • 18. 18 5) ผลการศึกษา เป็นการนาเสนอข้อมูลให้ผู้อื่นเข้าใจโครงงานได้โดยง่าย ด้วยการนาเสนอเป็นตาราง หรือกราฟ หรือข้อความ 6) สรุปผลและข้อเสนอแนะ เป็นการอธิบายผลสรุปที่ได้จากการทางาน ถ้ามีการตั้งสมมุติฐานควร ระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมุติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้นอกจากนั้นควรกล่าวถึง การนาผลการทดลองไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคของการทาโครงงาน ข้อสังเกตที่สาคัญ หรือข้อผิดพลาด บางประการที่เกิดขึ้นจากการทาโครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง โครงงาน หากมีผู้สนใจศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้และควรระบุประโยชน์ที่ได้รับจากการทาโครงงาน รวมถึง ประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนาผลงานของโครงงานไปใช้ 7) บรรณนุกรม เป็นการรวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร และเว็บไซต์ต่างๆที่ผู้ทาโครงงาน ใช้ค้นคว้า เพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ เพื่อนามาใช้ประโยชน์ในการทาโครงงานนี้ ซึ่งการ เขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องเขียนตามหลักการเขียน 8) คู่มือการใช้งาน หากโครงงานที่จัดทาเป็นการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ควรจัดทาคู่มืออธิบายวิธีการใช้ งานผลงานนั้นโดยละเอียด
  • 19. 6.การนาเสนอและเผยแพร่ 19 เป็นขั้นตอนที่ทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานของผู้จัดทา ซึ่งอาจนาเสนอได้หลายรูปแบบ เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มี การอธิบายประกอบการจัดนิทรรศการโดยใช้โปสเตอร์และ อธิบายด้วยคาพูด การใช้เครื่องฉายภาพทึบแสงหรือโปร่ง แสงร่วมกับเอกสารหรือแผ่นใส การใช้คอมพิวเตอร์และ ซอฟแวร์ไมโครซอฟต์เพาเว่อพอยต์ นาเสนอร่วมกับโพรเจก เตอร์และจอรับภาพ การสร้างเว็บเพจโดยผลงานที่นาเสนอ หรือจัดแสดงควรประกอบไปด้วยรายละเอียดและวิธีการ
  • 20. จัดทาโดย นางสาว เปรมยุดา คารัตน์ ม.6/9 เลขที่ 13 นางสาว กนกวรรณ อินตรา ม.6/9 เลขที่ 17 20