2
Most read
3
Most read
4
Most read
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รายวิชาชีววิทยา 4 (ว30244) ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ชื่อ-นามสกุล..................................................................................................................ชั้น................ห้อง...............เลขที่............
ใบความรู้ เรื่อง การสืบพันธุ์ของสัตว์ (Animal Reproduction)
การสืบพันธุ์ของสัตว์
การสืบพันธุ์ (Reproduction) หมายถึง กระบวนการที่ทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิต
ชนิดเดียวกัน โดยที่สิ่งมีชีวิตรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นจะทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่าที่ตายไป ทาให้สิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่ได้
โดยไม่สูญพันธุ์
การสืบพันธุ์มี 2 วิธี คือการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ และการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
1. การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction)
เป็นการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องอาศัยเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell) เป็นการสืบพันธุ์ที่สร้างหน่วยใหม่ขึ้นมาจาก
สิ่งมีชีวิตเดิม อาจเกิดได้โดยการจาลองตัวเองของหน่วยพันธุกรรม การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโตซีส หรือการ
แบ่งเซลล์แบบ mitotic cell division หน่วยใหม่ที่เกิดขึ้นมาจะมีลักษณะเหมือนตัวแม่ทุกประการ การ
สืบพันธุ์แบบนี้พบตั้งแต่สิ่งที่มีชีวิตที่ยังไม่เป็นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไปจนถึงพืชชั้นสูงเป็น
การสืบพันธุ์ที่ง่ายที่สุด พบในสัตว์ชั้นต่าที่ไม่มีระบบสืบพันธุ์หรือมีแต่ยังไม่เจริญดี ทาได้โดยการแบ่งตัวจาก 1
เป็น 2 ได้สิ่งมีชีวิตตัวใหม่ที่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ แต่ถ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ
สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ ก็จะทาให้ตายและสูญพันธุ์ในที่สุด
1.1 การแตกหน่อ (Budding)
เป็นการสืบพันธุ์ของสัตว์ชั้นต่า โดยเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัวงอก
ออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวเล็ก ๆ ที่มีอวัยวะต่าง ๆ เหมือนตัวแม่ หลังจากติดอยู่กับตัวแม่ระยะหนึ่งก็จะ
หลุดออกมาไปอยู่อิสระตามลาพัง สัตว์ที่มีการสืบพันธุ์ลักษณะนี้ได้แก่ ไฮดรา หนอนตัวแบน ฟองน้า ปะการัง
และสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น ยีสต์ ไฮดราฟองน้า ในพืชชั้นสูง เช่น ขิง ข่า กล้วย หน่อไม้ เป็นต้น
(โพรติสต์ หมายถึง สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ที่ไม่อาจจัดเป็นพืชหรือสัตว์ได้อย่างชัดเจน เช่น เห็ด รา
ยีสต์ โปรโตซัว ไวรัส สาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงิน เป็นต้น)
- ไฮดรา (Hydra) เป็นสัตว์ชั้นต่าประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลาตัวคล้าย
เส้นด้าย มีขนาดประมาณ 0.5 - 1 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 0.5 - 1 เซนติเมตร มีหนวดเป็นเส้นยาว 4 - 12
เส้นลาตัวสีขาวขุ่น แต่บางชนิดมีสีเขียว ซึ่งเกิดจากสาหร่ายสีเขียวที่อาศัยอยู่ในตัวไฮดรา จึงทาให้สามารถ
สังเคราะห์แสงได้ อาหารของไฮดรา คือ ไรน้าและตัวอ่อนของแมลงในน้า ไฮดราสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบไม่
อาศัยเพศและแบบอาศัยเพศ ดังนี้
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของไฮดรา
เมื่อไฮดราเจริญเติบโตเต็มวัย จะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัวงอกออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นไฮดรา
ตัวเล็ก ๆ หลังจากนั้นก็จะหลุดออกไปอยู่ตามลาพังได้เอง การสืบพันธุ์แบบนี้ เรียกว่า การแตกหน่อ (Budding)
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของไฮดรา
ไฮดรามีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ซึ่งจะเกิดขึ้นในกรณีที่อาหารไม่สมบูรณ์
ไฮดราจะมี 2 เพศอยู่ในตัวเดียวกัน โดยมีรังไข่อยู่ข้างลาตัว ลักษณะเป็นปุ่มใหญ่เหนือรังไข่บริเวณใกล้ ๆ หนวด
(Tentacle) จะมีอัณฑะเป็นปุ่มเล็ก ๆ รังไข่จะผลิตเซลล์ไข่ และอัณฑะจะผลิตเซลล์อสุจิ โดยปกติไข่และตัว
อสุจิจะเติบโตไม่พร้อมกัน จึงต้องผสมกับตัวอื่น ตัวอสุจิจากไฮดราตัวหนึ่งจะว่ายน้าไปผสมกับไข่ที่สุกในรังไข่
ของไฮดราตัวอื่นไข่ที่ผสมแล้วจะเป็นไซโกตซึ่งจะเจริญเติบโตอยู่กับตัวแม่ระยะหนึ่งจึงจะหลุดออกไปจากตัวแม่
แล้วเจริญเป็นไฮดราตัวใหม่ต่อไป
1.2 การแบ่ง ตัวออกเป็นสอง (Binary Fission)
เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว (พวกโพรติสต์) ได้แก่ อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา และแบคทีเรีย การ
สืบพันธุ์วิธีนี้เกิดขึ้นโดยการแบ่งตัวจาก 1 เซลล์เป็น 2 เซลล์ โดยนิวเคลียสของเซลล์จะแบ่งตัวก่อน แล้วไซ
โทพลาซึมจะแบ่งตามได้เป็นตัวใหม่ 2 ตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีลักษณะเหมือนตัวเดิมทุกประการ
เช่น - การแบ่งตัวของอะมีบา
1.3 พาร์ธีโนเจเนซิส (Parthenogenesis)
เป็นการสืบพันธุ์ไม่อาศัยเพศของแมลงบางชนิด เช่น ตั๊กแตนกิ่งไม้ เพลี้ย ไรน้าซึ่งตัวเมียสามารถผลิต
ไข่ที่ฟักเป็นตัวได้โดยไม่ต้องมีการปฏิสนธิในสภาวะปกติไข่ของสัตว์ดังกล่าวจะฟักออกมาเป็นตัวเมียเสมอ แต่ใน
สภาวะที่ไม่เหมาะสมกับการดารงชีวิต เช่น เกิดความแห้งแล้งหนาวเย็น หรือขาดแคลนอาหาร ตัวเมียก็จะผลิต
ไข่ที่ฟักออกเป็นทั้งตัวผู้และตัวเมีย จากนั้นสัตว์ตัวผู้และตัวเมียเหล่านี้จะผสมพันธุ์กันแล้วตัวเมียจะออกไข่ที่มี
ความคงทนต่อสภาวะที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวได้ ในผึ้ง มด ต่อ แตน ก็พบว่ามีการสืบพันธุ์แบบพาร์ธีโนเจเนซิส
ด้วยเช่นกัน โดยไข่ไม่ต้องมีการปฏิสนธิก็สามารถฟักออกมาเป็นตัวได้ ซึ่งจะฟักออกมาเป็นตัวผู้เสมอ
1.4 การงอกใหม่ (Regeneration)
พบในสัตว์ชั้นต่า ได้แก่ ปลาดาว พลานาเรีย ไส้เดือนดิน ปลิง ซีแอนนีโมนี การงอกใหม่เป็นการสร้าง
ส่วนของร่างกายที่ขาดหายไป โดยสัตว์เหล่านี้ถ้าร่างกายถูกตัดออกเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนจะสามารถงอกเป็น
สิ่งมีชีวิตตัวใหม่ได้ ดังนั้นการงอกใหม่นี้จึงทาให้มีจานวนสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นจากจานวนเดิม
1.5 การสร้างสปอร์ (Spore Formation)
เป็นการสืบพันธุ์ที่เกิดจากการแบ่งนิวเคลียสหลาย ๆ ครั้ง ต่อจากนั้นไซโทพลาซึมจะแบ่งตาม แล้วจะมี
การสร้างเยื่อกั้นเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนจะมีนิวเคลียส 1 อัน เรียกว่า สปอร์ (Spore) สัตว์ที่มีการสืบพันธุ์แบบนี้
ได้แก่ พลาสโมเดียม ซึ่งเป็นสัตว์ที่ทาให้เกิดโรคไข้มาลาเรีย
1.6 การขาดออกเป็นท่อน (Fragmentation)
เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศอีกแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะพวกที่มีเซลล์ต่อกันเป็นเส้นสาย
โดยการหักเป็นท่อนๆ แต่ละท่อนที่หลุดไปก็จะแบ่งตัวแบบ Mitotic cell division ได้เซลล์ใหม่ที่ต่อกันเป็น
เส้นสายเจริญต่อไป เช่น พวกหนอนตัวแบน สาหร่ายทะเล
2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction)
เป็นการสืบพันธุ์ที่ผลิตสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมาด้วยการรวมตัวของหน่วยพันธุกรรมซึ่งอาจเกิดจากสิ่งมีชี วิต
ตัวเดียวกัน หรือคนละตัวก็ได้ หรือเกิดจากการรวมตัวของนิวเคลียสของเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell or gamete)
ซึ่งจากการแบ่งตัวของ germ line cell แบบ meiotic cell division การรวมตัวของเซลล์สืบ พันธุ์เรียกว่า
ปฏิสนธิ (fertilization) ได้นิวเคลียสใหม่ที่เป็นdiploid ซึ่งเรียกว่า Zygote และ zygote ที่ได้จะเป็นเซลล์
เริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตรุ่นต่อไป
ไข่ (Egg)
โดยทั่วไปมีลักษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ ไข่ของสัตว์มักมีอาหารสะสมอยู่เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่
ภายในไข่ เช่น ไข่แดงของไข่ไก่และไข่เป็ด ไข่แดงซึ่งมีเยื่อหุ้มอยู่เทียบได้กับเซลล์ 1 เซลล์ ส่วนจุดกลม ๆ ในไข่
แดง คือ นิวเคลียส เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุ้มเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม เช่นไข่
กบมีวุ้นหุ้ม ไข่เต่าทะเลมีสิ่งที่มีลักษณะเป็นเยื่อเหนียวหุ้ม ไข่เป็ดและไข่ไก่มีเปลือกแข็งหุ้ม เป็นต้น
ตัวอสุจิ (Sperm)
มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูจึงจะมองเห็น ตัวอสุจิมี
ส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน คือ หัว (head) ลาตัว (body) และหาง (tail) ส่วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็นส่วนประกอบ
เคลื่อนที่โดยใช้หาง
ตัวอย่างเซลล์อสุจิมีขนาดเล็กกว่าไข่มากและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและจะเคลื่อนที่ได้เร็ว
เพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่ตัวอสุจิจะมีขนาดเล็กกว่าไข่มาก และมอง
ไม่เห็นด้วยตาเปล่า และจะเคลื่อนที่ได้เร็ว เพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่
เมื่อสัตว์โตเต็มที่และพร้อมที่จะสืบพันธุ์แล้ว เพศเมียจะสร้างไข่ เพศผู้จะสร้างอสุจิ ไข่และตัวอสุจิของสัตว์แต่
ละชนิดจะมีขนาดและจานวนต่างๆกันไป โดยทั่วไปไข่จะมีลักษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ และมักมีอาหาร
สะสมอยู่เพื่อไว้เลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ภายใน เช่น ไข่แดงของไข่ไก่ ไข่เป็ด นอกจากนี้ยังมีสิ่งห่อหุ้มเพื่อป้องกันการ
กระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นวุ้น เช่น ไข่กบ หรือมีลักษณะเป็นเยื่อเหนียว เช่น ไข่เต่า
ทะเล บางชนิดมีเปลือกแข็งหุ้ม เช่น ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่จระเข้ เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิด การปฏิสนธิ
(Fertilization) ขึ้น
การปฏิสนธิ (Fertilization) แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1.การปฏิสนธิภายใน (Internal Fertilization)
ตัวอสุจิจากสัตว์เพศผู้เข้าผสมกับไข่ซึ่งยังอยู่ในตัวของสัตว์เพศเมียได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก
สัตว์เลื้อยคลาน แมลง ปลาที่ออกลูกเป็นตัว เช่น ปลาเข็ม ปลาหางนกยูง ปลาฉลาม
2.การปฏิสนธิภายนอก (External Fertilization)
การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจิภายนอกตัวของสัตว์เพศเมีย ได้แก่ สัตว์ครึ่งน้าครึ่งบก ปลาต่าง ๆ และ
สัตว์น้าที่ออกลูกเป็นไข่ทุกชนิด
1. การสืบพันธุ์ของพลานาเรีย
พลานาเรียเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะเพศทั้งสองเพศในตัวเดียวกัน การปฏิสนธิเป็นการผสมข้ามตัว โดย พลา
นาเรียจะจับคู่และแลกเปลี่ยนอสุจิกันอสุจิจะเคลื่อนไปตามท่อนาไข่แล้วเกิดการปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ในท่อนาไข่
2. การสืบพันธุ์ของไส้เดือนดิน
ไส้เดือนดิน 2 ตัวจะมาจับคู่สลับหัวสลับหางกัน อสุจิจากตัวที่หนึ่งจะส่งไปยังช่องรับอสุจิขิงอีกฝ่าย
หนึ่ง ต่อมา 2-3 วัน ไส้เดือนดินจะสร้างถุงหุ้มเซลล์ไข่ขึ้นและปล่อยไข่ออกมาที่ถุงหุ้มเซลล์ไข่เซลล์ไข่ที่ผสมกับ
อสุจิจะพักอยู่ในถุงหุ้มเซลล์ไข่และเจริญเป็นตัวในระยะเวลาต่อมา
3. การสืบพันธุ์ของไฮดรา
ไฮดราเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะเพศทั้งสองเพศในตัวเดียวกันการปฏิสนธิเป็นการผสมข้ามตัวเนื่องจากไข่
และอสุจิเจริญไม่พร้อมกัน
4. การสืบพันธุ์ของแมลง
แมลงเป็นสัตว์แยกเพศ มีการปฏิสนธิภายใน เมื่อมีการผสมกัน แมลงเพศผู้จะหลั่งอสุจิออกทาง
องคชาตเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ของเพศเมีย อสุจิจะผ่านช่องคลอดของเพศเมียไปผสมกับเซลล์ไข่ที่ผลิตจากรังไข่
ตรงบริเวณท่อนาไข่นอกจากนี้แมลงเพศเมียบางชนิดมีสเปอร์มเพื่อเก็บสะสมอสุจิไว้ผสมกับเซลล์ไข่ด้วยจัดเป็น
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เพราะมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เซลล์ไข่เจริญเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์โดยไม่ต้องมีการ
ปฏิสนธิ เช่น ผึ้ง มด ต่อ แตน สาหรับผึ้งนั้น ไข่ที่มีการปฏิสนธิจะเจริญเป็นนางพญาและผึ้งงานที่เป็นตัวเมีย
ส่วนไข่ที่ไม่มีการปฏิสนธิจะเจริญเป็นผึ้งตัวผู้และมีโครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของตัวเมีย
5. การสืบพันธุ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การสืบพันธุ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลังจะมีอวัยวะแยกกันอย่างชัดเจน โดยสัตว์ตัวผู้มักจะมีสีเข้มกว่าตัว
เมีย หรือมีเสียงไพเราะกว่า เพราะเป็นฝ่ายดึงดูดให้ตัวเมียเข้าไปหา สาหรับการปฏิสนธิมีทั้งภายในและ
ภายนอกตัวเมีย
5.1 การสืบพันธุ์ของสัตว์น้า
สัตว์ที่อยู่ในน้า เช่น ปลา ส่วนใหญ่เมื่อสร้างเซลล์ไข่และอสุจิแล้วจะส่งออกมาทางท่อสืบพันธุ์นอก
ลาตัว ออกลูกเป็นตัว เรียกว่า Oviparous animal
5.2 การสืบพันธุ์ของสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก
สัตว์สะเทินน้าสะเทินบก เช่น กบ เขียด คางคก อึ่งอ่าง อาศัยบนบกแต่ผสมพันธุ์ในน้าโดยทั้งคู่ต่าง
ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ลงในน้าออกลูกเป็นไข่เรียกว่า Oviparous animal
5.3 การสืบพันธุ์ของสัตว์ปีก
ตว์ปีก เช่น นก ไก่ เป็ด มีการปฏิสนธิภายในตัวเมีย วางไข่บนบก ไข่มีเปลือกหุ้มออกลูกเป็นไข่
เรียกว่าOviparous animal
5.4 การสืบพันธุ์ของสัตว์เลือยคลาน
สัตว์เลื้อยคลาน เช่น เต่า จระเข้ มีการปฏิสนธิภายนตัวเมีย วางไข่บนบกไข่มีเปลือกหุ้มออกลูกเป็นไข่
เรียกว่าOviparous animal
5.5 การสืบพันธุ์ของสัตว์เลียงลูกด้วยน้านม
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม เช่น สุนัข แมว ลิง มีการปฏิสนธิภายในลาตัว ตัวอ่อนเจริญภายในตัวแม่ และ
ออกลูกเป็นตัว เรียกว่าViviparous animal
ความหมายของระบบสืบพันธุ์
เป็นกระบวนการผลิตสิ่งมีชีวิตที่จะแพร่ลูกหลานและดารงเผ่าพันธุ์ของตนไว้ โดยต่อมใต้สมองซึ่งอยู่
ภายใต้การควบคุมของสมองส่วนไฮโพทาลามัส โดยจะหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นต่อมเพศชายและหญิงให้ผลิต
ฮอร์โมนเพศ ทาให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นหนุ่มสาวพร้อมที่จะสืบพันธุ์ได้ ต่อมเพศในชาย คือ
อัณฑะ ต่อมเพศในหญิง คือ รังไข่
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
อวัยวะที่สาคัญในระบบสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วย
1. อัณฑะ (Testis) เป็นต่อมรูปไข่ มี 2 อัน ทาหน้าที่สร้างตัวอสุจิ (Sperm) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย
และสร้างฮอร์โมนเพศชายเพื่อควบคุมลักษณะต่างๆของเพศชาย เช่น การมีหนวดเครา เสียงห้าว เป็นต้น
ภายในอัณฑะจะประกอบด้วย หลอดสร้างตัวอสุจิ (Seminiferous Tubule) มีลักษณะเป็นหลอดเล็กๆ ขดไป
ขดมาอยู่ภายใน ทาหน้าที่สร้างตัวอสุจิ หลอดสร้างตัวอสุจิ มีข้างละประมาณ 800 หลอด แต่ละหลอดมี
ขนาดเท่าเส้นด้ายขนาดหยาบ และยาวทั้งหมดประมาณ 800 เมตร
2. ถุงหุ้มอัณฑะ (Scrotum) ทาหน้าที่ห่อหุ้มลูกอัณฑะ ควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะในการสร้างตัวอสุจิ ซึ่ง
ตัวอสุจิจะเจริญได้ดีในอุณหภูมิต่ากว่าอุณหภูมิปกติของร่างกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส
3. หลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) อยู่ด้านบนของอัณฑะ มีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ ยาวประมาณ 6 เมตร
ขดทบไปมา ทาหน้าที่ีีเก็บตัวอสุจิจนตัวอสุจิเติบโตและแข็งแรงพร้อมที่จะปฏิสนธิ
4. หลอดนาตัวอสุจิ (Vas Deferens) อยู่ต่อจากหลอดเก็บตัวอสุจิ ทาหน้าที่ลาเลียงตัวอสุจิไปเก็บไว้ที่ต่อม
สร้างน้าเลี้ยงอสุจิ
5. ต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ (Seminal Vesicle) ทาหน้าที่สร้างอาหารเพื่อใช้เลี้ยงตัวอสุจิ เช่น น้าตาล
ฟรักโทส วิตามินซี โปรตีนโกลบูลิน เป็นต้น และสร้างของเหลวมาผสมกับตัวอสุจิเพื่อให้เกิดสภาพที่เหมาะสม
สาหรับตัวอสุจิ
6. ต่อมลูกหมาก (Prostate Gland) อยู่ตอนต้นของท่อปัสสาวะ ทาหน้าที่หลั่งสารที่มีฤทธิ์เป็นเบสอ่อนๆ
เข้าไปในท่อปัสสาวะ เพื่อทาลายฤทธิ์กรดในท่อปัสสาวะ ทาให้เกิดสภาพที่เหมาะสมกับตัวอสุจิ
7. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper Gland) อยู่ใต้ต่อมลูกหมากลงไปเป็นกระเปาะเล็กๆ ทาหน้าที่หลั่งสารไปหล่อ
ลื่นท่อปัสสาวะในขณะที่เกิดการกระตุ้นทางเพศ
โดยทั่วไปเพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น คือ อายุประมาร 12-13 ปี และจะสร้างไปจน
ตลอดชีวิต การหลั่งน้าอสุจิ แต่ละครั้งจะมีของเหลวประมาณ 3-4 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ
350-500 ล้านตัว ปริมาณน้าอสุจิและตัวอสุจิแตกต่างกันได้ตามความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย เชื้อชาติ
และสภาพแวดล้อม ผู้ที่มีอสุจิต่ากว่า 30 ล้านตัวต่อลูกบาศก์เซนติเมตร หรือมีตัวอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติ
มากกว่าร้อยละ 25 จะมีลูกได้ยากหรือเป็นหมัน
น้าอสุจิจะถูกขับออกทางท่อปัสสาวะ และออกจากร่างกายตรงปลายสุดของอวัยวะเพศชาย ตัวอสุจิจะ
เคลื่อนที่ได้ประมาณ 1-3 มิลลิเมตรต่อนาที ตัวอสุจิเมื่อออกสู่ภายนอกจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้า
อยู่ในมดลูกของหญิงจะอยู่ได้นาน ประมาณ 24- 48 ชั่วโมง
ตัวอสุจิประกอบด้วยส่วนสาคัญ 3 ส่วน คือ ส่วนหัว เป็นส่วนที่มีนิวเคลียสอยู่ ส่วนตัวมีลักษณะเป็น
ทรงกระบอกยาว และส่วนหางเป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนที่ น้าอสุจิจะมีค่า pH ประมาณ 7.35-7.50 มีสภาวะ
ค่อนข้างเป็นเบส ในน้าอสุจินอกจากจะมีตัวอสุจิแล้ว ยังมีส่วนผสมของสารอื่นๆ ด้วย
ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
อวัยวะที่สาคัญของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วย
1. รังไข่ (Ovary) มีรูปร่างคล้ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยาวประมาณ 2-36 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร มี
น้าหนักประมาณ 2-3 กรัม และมี 2 อันอยู่บริเวณปีกมดลูกแต่ละข้างทาหน้าที่ ดังนี้
1.1 ผลิตไข่ (Ovum) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง โดยปกติไข่จะสุกเดือนละ 1 ใบ จากรังไข่แต่ละ
ข้างสลับกันทุกเดือน และออกจากรังไข่ทุกรอบเดือนเรียกว่า การตกไข่ ตลอดช่วงชีวิตของเพศหญิงปกติจะมี
การผลิตไข่ประมาณ 400 ใบ คือ เมตั้งแต่อายุ 12 ปี ถึง 50 ปี จึงหยุดผลิต เซลล์ไข่จะมีอายุอยู่ได้นานประมาร
24 ชั่วโมง
1.2 สร้างฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ที่สาคัญ ได้แก่
• อีสโทรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่ทาหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับมดลูก ช่องคลอด ต่อมน้านม และ
ควบคุมการเกิดลักษณะต่างๆ ของเพศหญิง เช่น เสียงแหลมเล็ก ตะโพกผาย หน้าอกและอวัยวะเพศ
ขยายใหญ่ขึ้น เป็นต้น
• โพรเจสเทอโรน (Progesterone) เป็นฮอร์โมนที่ทางานร่วมกับอีสโทรเจนในการควบคุมเกี่ยวกับ
เกี่ยวกับการเจิญของมดลูก การเปลี่ยนแปลงเยื่อบุมดลูกเพื่อเตรียมรับไข่ที่ผสมแล้ว
2. ท่อนาไข่ (Oviduct) หรือปีกมดลูก (Fallopian Tube)
เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างรังไข่ทั้งสองข้างกับมดลูก ภายในกลวง มีส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตร
มีขนาดปกติเท่ากับเข็มถักไหมพรมยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร ทาหน้าที่เป็นทางผ่าน
ของไข่ที่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูกโดยมีปลายข้างหนึ่งเปิดอยู่ใกล้กับรังไข่ เรียกว่า ปากแตร (Funnel) บุ
ด้วยเซลล์ที่มีขนสั้นๆ ทาหน้าที่พัดโบกไข่ที่ตกมาจากรังไข่ให้เข้าไปในท่อนาไข่ ท่อนาไข่เป็นบริเวณที่อสุจิ
จะเข้าปฏิสนธิกับไข่
3. มดลูก (Uterus) มีรูปร่างคล้ายผลชมพู หรือรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมหัวกลับลง กว้างประมาณ 4
เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-8 เซนติเมตร หนาประมาณ 2 เซนติเมตร อยู่ในบริเวณอุ้งกระดูกเชิงกราน ระหว่าง
กระเพาะปัสสาวะกับทวารหนัก ภายในเป็นโพรง ทาหน้าที่เป็นที่ฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว และเป็นที่
เจริญเติบโตของทารกในครรภ์
4. ช่องคลอด (Vagina) อยู่ต่อจากมดลูกลงมา ทาหน้าที่เป็นทางผ่านของตัวอสุจิเข้าสู่มดลูก เป็นทางออก
ของทารกเมื่อครบกาหนดคลอด และยังเป็นช่องให้ประจาเดือนออกมาด้วย
ประจาเดือน (Menstruation) คือเนื้อเยื่อผนังมดลูกด้านในและหลอดเลือดที่สลายตัวไหลออกมาทางช่อง
คลอด ประจาเดือนจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ไม่ได้รับการผสมกับอสุจิเพศหญิงจะมีประจาเดือนตั้งแต่อายุประมาณ
12 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีรอบของการมีประจาเดือนทุก 21-35 วัน เฉลี่ยประมาณ 28 วัน จนอายุประมาณ 50 ปี จึง
จะหมดประจาเดือน ผู้หญิงจะมีช่วงระยะเวลาการมีประจาเดือนประมาณ 3-6 วัน ซึ่งจะเสียเลือดทาง
ประจาเดือนแต่ละเดือนประมาณ 60-90 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้นผู้หญิงจึงควรรับประทานอาหารที่มีธาตุ
เหล็กและโปรตีน เพื่อสร้างเลือดชดเชยส่วนที่เสียไป
การที่ผู้หญิงบางคนมีประจาเดือนมาไม่ปกติ อาจเนื่องมาจากอารมณ์และความวิตกกังวลทาให้การหลั่ง
ฮอร์โมนของสมองผิดปกติซึ่งจะมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนของต่อมใต้สมองที่ทาหน้าที่กระตุ้นให้ไข่สุก คือ
ฮอร์โมน FSH (Follicle Stimulating Hormone) และฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) เซลล์ไข่มี
ขนาดใหญ่กว่าเซลล์อสุจิประมาณ 50,000-90,000 เท่า ขนาดของเซลล์ไข่ประมาณ 0.2 มิลลิเมตร เราสามารถ
มองเห็นเซลล์ไข่ได้ด้วยตาเปล่า
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รายวิชาชีววิทยา 4 (ว30244) ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ชื่อ-นามสกุล.................................................................................................ชั้น............ห้อง............เลขที่............
แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน เรื่อง การสืบพันธุ์ของสัตว์ (Animal Reproduction)
1. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของคน
ก. เซลล์ไข่ที่พร้อมจะปฏิสนธิเป็นเซลล์ ซึ่งแบ่งตัวแบบไมโอซิสเสร็จแล้ว
ข. การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 1 ครั้งจะทาให้ได้เซลล์สืบพันธุ์ 4 เซลล์
ค. ไมโอซิสเกิดขึ้นในเซลล์ฟอลลิเคิลซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเป็นโอโอไซต์
ง. ไมโอซิสเกิดขึ้นเมื่อชายย่างเข้าสู่วัยรุ่น
2. ถ้าสเปอร์มาโทไซต์ระยะแรกจานวน 10 เซลล์ แบ่งเซลล์ จะสร้างอสุจิได้กี่เซลล์ และถ้าโอโอไซต์ระยะแรก
จานวน 10 เซลล์แบ่งเซลล์จะสร้างไข่ได้กี่เซลล์
ก. อสุจิ 10 เซลล์,ไข่ 10 เซลล์
ข. อสุจิ 40 เซลล์,ไข่ 10 เซลล์
ค. อสุจิ 10 เซลล์,ไข่ 40 เซลล์
ง. อสุจิ 400 เซลล์,ไข่ 100 เซลล์
3. กระบวนการสร้างตัวอสุจิและกระบวนการสร้างไข่เกิดขึ้นที่ส่วนใด ตามลาดับ
ก. หลอดสร้างตัวอสุจิและรังไข่ ข. ท่อนาตัวอสุจิและท่อนาไข่
ค. ต่อมลูกหมากและมดลูก ง. ต่อมคาวเปอร์และฟอลลิเคิล
4. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการทาหน้าที่ของอวัยวะสืบพันธุ์ของคน
ก. ต่อมลูกหมาก ทาหน้าที่หลั่งสารที่เป็นเบสอย่างอ่อน
ข. ต่อมคาวเปอร์ ทาหน้าที่สร้างอาหารให้กับตัวอสุจิ
ค. มดลูก ทาหน้าที่หลั่งสารช่วยหล่อลื่นช่องคลอด
ง. รังไข่ ทาหน้าที่รองรับการเจริญของไข่หลังการปฏิสนธิ
5. ตามปกติการตกไข่ครั้งต่อไปของผู้หญิงจะเกิดขึ้นหลังมีประจาเดือนกี่วัน
ก. 1 วัน ข. 2 วัน
ค. 14 วัน ง. 28 วัน
6. โดยปกติการปฏิสนธิเกิดขึ้นบริเวณใด
ก. รังไข่ ข. ปีกมดลูก
ค. โพรงมดลูก ง. ช่องคลอด
7. ในผู้ชายที่อัณฑะลักษณะเป็นทองแดง (Cryptorchism)นั้น อาจมีผลกระทบที่สาคัญในข้อใด
ก. อาจจะมีลูกได้เองตามธรรมชาติ
ข. จะมีลูกได้โดยวิธีผสมในหลอดแก้วเท่านั้น
ค. ความต้องการทางเพศมีน้อยกว่าชายทั่วๆไป
ง. ความต้องการทางเพศไม่ได้น้อยไปกว่าปกติ แต่อัณฑะไม่สร้างตัวอสุจิ
8. ข้อใดถูกต้อง
ก. ในสภาวะปกติตัวอสุจิจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1 วัน
ข. ในสภาวะปกติไข่จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2 วัน
ค. ภายหลังการหลั่งน้าอสุจิ ตัวอสุจิจะเคลื่อนที่ไปรวมตัวกับไข่ โดยอาศัยการโบกพัดของหางตัวอสุจิ
เองเพียงอย่างเดียว
ง. ตัวอ่อนจะเคลื่อนที่มาถึงมดลูกประมาณวันที่ 5 หลังปฏิสนธิ
9. โอโอไซต์ระยะแรก ของหญิงแรกเกิด จะเจริญใช้ตกไข่จริง ประมาณกี่เซลล์
ก. 30 เซลล์ ข. 360 เซลล์
ค. 10,000 เซลล์ ง. 100,000 เซลล์
10. ข้อใดกล่าวถึงภาวะการมีบุตรยากผิด
ก. ทางผ่านของตัวอสุจิตีบตัน
ข. ท่อนาไข่มีก้อนเนื้องอก
ค. ขาดฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน
ง. ตัวอสุจิต่ากว่า 300 ล้านตัวต่อลูกบาศก์เซนติเมตรต่อครั้ง
11. ความสาคัญที่สุดของการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศคอข้อใด
ก. ได้เซลล์ใหม่ที่เกิดจากการผสมที่เรียกว่า ไซโกต (zygote)
ข. เกิดความแตกต่างแปรผันทางพันธุกรรมในแต่ละคน
ค. เป็นผลให้มีการเพิ่มประชากรคู่ไปกับการเพมระดับของความแปรผันทางพันธุกรรมในมนุษย์
ง. แต่ละตัวตนใหม่ที่เกิดขึ้น มีองค์ประกอบทางพันธุกรรมเหมือนบรรพบุรุษ
12. สัตว์ในข้อใดมี 2 เพศในตัวเดียวกัน และสามารถผสมพันธุ์ตัวเองได้
ก. ไฮดรา พลานาเรีย ข. ไฮดรา พยาธิตัวตืด
ค. ไส้เดือยฝอย แมงกะพรุน ง. ไส้เดือนดิน พลานาเรีย
13. สิ่งมีชีวิตใดต่อไปนี้สามารถสืบพันธุ์ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องใช้กระบวนการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส
ก. ผึ้ง ข. อะมีบา ค. ตั๊กแตน ง. ฟองน้า
14. เมื่อพารามีเซียมสืบพันธุ์โดยการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน (Binary fission) พบว่า
ก. เฉพาะ Micronucleus เท่านั้นที่แบ่งตัวแบบไมโทซิส
ข. เฉพาะ Macronucleus เท่านั้นที่แบ่งตัวแบบไมโทซิส
ค. ทั้ง Micronucleus และ Macronucleus จะแบ่งตัวแบบไมโทซิส
ง. Macronucleus จะแบ่งตัวแบบไมโทซิส และ Micronucleus จะแบ่งตัวแบบไมโอซิส
15. ข้อใดถกต้องเกี่ยวกับการทาหน้าที่ของอวัยวะสืบพันธุ์ของคน
ก. ต่อมลูกหมาก ทาหน้าที่หลั่งสารที่เป็นเบสอย่างอ่อน
ข. ต่อมคาวเปอร์ ทาหน้าที่สร้างอาหารให้กับตัวอสุจิ
ค. มดลูก ทาหน้าที่หลั่งสารช่วยหล่อลื่นช่องคลอด
ง. รังไข ทาหน้าที่รองรับการเจริญของไข่หลังการปฏิสนธ
16. เซลล์สืบพันธุ์ของเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ จะอยู่ในสภาพใด
ก. Primordial germ cell ข. Primary oocyte
ค. Secondary oocyte ง. Oogonia
17. ข้อใดถกต้องเกี่ยวกับ primary oocyte ภายในรังไขของเพศหญิง
ก. มีจานวนมากที่สุดเมื่ออายุประมาณ 20-25ปี
ข. สามารถสร้างเพิ่มขึ้นได้ในช่วงที่ยังมีประจาเดือน
ค. จานวนคงที่ตั้งแต่เกิดจนมีประจาเดือนครั้งแรก
ง. จะเริ่มลดลงเมื่อย่างเข้าสู่วัยมีประจาเดือน
18. Sperm และไข่ของคนมีสิ่งที่เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
ก. เหมือนกันที่จานวนและชนาดของโครโมโซม
ข. เหมือนกันที่ปริมาณและสมบัติของไซโทพลาสซึม
ค. ต่างกันที่ปริมาณและสมบัติของไซโทพลาสซึม
ง. ต่างกันที่ขนาดนิวเคลียส
19. ฮอร์โมน LH มีผลต่อร่างกายอย่างไร
ก. กระตุ้นให้มีการสร้างไข่เพิ่มขึ้น ข. กระตุ้นให้เกิดการตกไข่
ค. กระตุ้นให้มีการสร้างฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน ง. กระตุ้นให้ผนังมดลูกขยายขนาดเพิ่มขึ้น
20. ชายวัยกลางคนเป็นโรคที่มีผลทาลายเซลล์ในหลอดสร้างอสุจิ จึงทาให้เกิดความผิดปกติในข้อใด
ก. การสร้างน้าอสุจิ ข. การสร้างฮอร์โมนเพศชาย
ค. การแสดงลักษณะของเพศชาย ง. การสร้างตัวอสุจิ
21. บริเวณใดของอวัยวะสืบพนธเพศชายที่เป็นแหล่งฟักตัวของตัวอสุจิก่อนที่จะไปปฏิสนธิกับไข่
ก. Seminiferous tubule ข. Epididymis
ค. Urethra ง. Seminal vesicle
22. ข้อใดที่บอกจานวนของไข่ที่ตกจากรังไข่ได้ถูกต้องมากที่สุด
ก. จานวนไข่ที่ตรวจพบในมดลูก ข. จานวนเอ็มบริโอที่ฝังตัวที่ผนังมดลูก
ค. จานวนคอร์ปัสลูเทียมจากรังไข่ทั้งสองข้าง ง. ถูกทุกข้อ
23. ฮอร์โมนที่ทาหน้าที่ในการควบคุมการสร้างฮอร์โมนของอัณฑะคือข้อใด
ก. LH ข. FSH ค. TSH ง. Androgen
24. ฮอร์โมนใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการมีประจาเดือนของเพศหญิง
ก. estrogen ข. oxytocin ค. progesterone ง. LH
25. ในเซลล์ของคอร์ปัสลูเทียม มีออร์แกเนลล์ใดที่ทาหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน
ก. กอลจิคอมเพลกซ์ ข. ร่างแหเอนโดพลาสซึมชนิดขรุขระ
ค. ร่างแหเอนโดพลาสซึมชนิดเรียบ ง. ก และ ข
26. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของคน
ก. เซลล์ไข่ที่พร้อมจะปฏิสนธิเป็นเซลล์ ซึ่งแบ่งตัวแบบไมโอซิสเสร็จแล้ว
ข. การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 1 ครั้งจะทาให้ได้เซลล์สืบพันธุ์ 4 เซลล์
ค. ไมโอซิสเกิดขึ้นในเซลล์ฟอลลิเคิลซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเป็นโอโอไซต์
ง. ไมโอซิสเกิดขึ้นเมื่อชายย่างเข้าสู่วัยรุ่น
27. ความแตกต่างระหว่าง spermatogenesis และ oogenesis
ข้อเปรียบเทียบ spermatogenesis oogenesis
A meiotic prophase ยาว สั้น
B ความเสี่ยงของการแบ่งโครโมโซม น้อย มาก
C การเริ่มต้นของกระบวนการเกิด ตั้งแต่วัยรุ่น ตั้งแต่แรกคลอด
D ระยะเวลาของการสร้างแกมีตที่สมบูรณ์ 64 วัน เมื่อมี ovulation
ก. A และ B ข. B และ C
ค. B Cและ D ง. A B และ C
28. การทาให้ primary oocyte ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมให้เป็นเซลล์ที่พร้อมเกิดการปฏิสนธิต้องใช้
ฮอร์โมนในข้อใด ช่วยกระตุ้น
ก. FSH และ LH ข. FSH และ Oestrogen
ค. LH และ Oestrogen ง. FSH และ Progesterone
29. รกที่ทาหน้าที่แลกเปลี่ยนสารต่างๆ ระหว่างมารดาและทารกในครรภ์ องค์ประกอบ “รก” นี้เกิดจากการ
เปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใด
ก. Myometrium ข. Uterine membrane
ค. Endrometrium ง. Perimetrium
30. ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ตกไข่เป็นปกติทุกๆ 28วัน ถ้าให้สารยับยั้งการหลั่งสารจากต่อมใต้สมองในวันที่ 12
หลังจากมีประจาเดือนวันแรก เหตุการณ์ในข้อใดน่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด
ก. ไม่มีการตกไข่ และไม่มีฮอร์โมน LH ข. ไม่มีการตกไข่ และไม่มีฮอร์โมน FSH
ค. มีการตกไข่ แต่ไม่มีฮอร์โมน LH ง. มีการตกไข่ แต่ไม่มีฮอร์โมน FSH
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ชื่อ-นามสกุล.................................................................................................ชั้น............ห้อง............เลขที่............
กระดาษค้าตอบแบบทดสอบ เรื่อง การสืบพันธุ์ของสัตว์ (Animal Reproduction)
 ก่อนเรียน วันที่...........................  หลังเรียน วันที่...........................
ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15
ก
ข
ค
ง
ข้อ 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30
ก
ข
ค
ง
ได้ .......................คะแนน คะแนนเต็ม 30 คะแนน ลงชื่อ..................................................ผู้ตรวจ
(นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์)
ครูผู้สอน
วันที่ตรวจ............................................

More Related Content

PDF
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
PDF
แบบทดสอบเซลล์
PDF
โจทย์ปัญหาการคูณ ป.3
PDF
การบวกเลข ป.1
PDF
แบบฝึกเสริมทักษะ ความน่าจะเป็น
DOCX
ใบงานที่ 2 มุมชนิดมุม
PDF
แบบทดสอบ การให้เหตุผล
PDF
ใบกิจกรรมที่ 5การรักษาดุลยภาพของน้ำและสารต่างๆ ของร่างกาย
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
แบบทดสอบเซลล์
โจทย์ปัญหาการคูณ ป.3
การบวกเลข ป.1
แบบฝึกเสริมทักษะ ความน่าจะเป็น
ใบงานที่ 2 มุมชนิดมุม
แบบทดสอบ การให้เหตุผล
ใบกิจกรรมที่ 5การรักษาดุลยภาพของน้ำและสารต่างๆ ของร่างกาย

What's hot (20)

PDF
เอกสารประกอบ ทศนิยม
PDF
ใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบส
PDF
แบบฝึกหัด เรื่อง สัดส่วน
PPT
ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)
PDF
ใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกัน
PDF
โจทย์ปัญหาระคนป.4 6(2)
PDF
การจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล-IEPสำหรับศูนย์การศึกษาพิเศษ.pdf
PDF
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง พลังงานแสงและระบบสุริยะ
PDF
Chap5 3
PDF
ข้อสอบ LAS ปี ๒๕๕๗ คณิตศาสตร์ ป.5
PDF
รากที่สอง..
PDF
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
PDF
บฝ.การกำหนดเพศและยีนที่เกี่ยวเนื่องกับเพศ
PDF
บทที่ 6 เทคโนโลยีดีเอ็นเอ
PDF
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องการบวกและการลบพหุนาม
PDF
แบบทดสอบพันเพิ่ม
PDF
แบบทดสอบ คณิตศาสตร์ ป.3
PDF
บท5เจริญสัตว์
PDF
แบบฝึกคิดเลขเร็ว ป2 (12 ชุด)
PDF
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เอกสารประกอบ ทศนิยม
ใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบส
แบบฝึกหัด เรื่อง สัดส่วน
ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)
ใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกัน
โจทย์ปัญหาระคนป.4 6(2)
การจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล-IEPสำหรับศูนย์การศึกษาพิเศษ.pdf
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง พลังงานแสงและระบบสุริยะ
Chap5 3
ข้อสอบ LAS ปี ๒๕๕๗ คณิตศาสตร์ ป.5
รากที่สอง..
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
บฝ.การกำหนดเพศและยีนที่เกี่ยวเนื่องกับเพศ
บทที่ 6 เทคโนโลยีดีเอ็นเอ
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องการบวกและการลบพหุนาม
แบบทดสอบพันเพิ่ม
แบบทดสอบ คณิตศาสตร์ ป.3
บท5เจริญสัตว์
แบบฝึกคิดเลขเร็ว ป2 (12 ชุด)
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
Ad

Similar to Contentbio4lesson4 (20)

PDF
Lesson4 animalrepro2561
PDF
บท4สืบพันธุ์สัตว์
PDF
Lesson4animalrepro kr uwichai62
PDF
การสืบพันธุ2
PPTX
การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์
PDF
การสืบพันธ์
PDF
บทที่ 3 สืบพันธุ์เจริญเติบโตสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย...
PDF
What is 0rganism 1
PDF
Contentbio4lesson5
PDF
Lessonplan 5animalgrowth2
PPT
ระบบสืบพันธุ์ สอน
PDF
Lesson5animalgrowth
PDF
ระบบสืบพันธุ์ สอน
PDF
Lessonplan 4animalreproduce
PDF
Lessonplanunit4animalrepro kr uwichai62
PPTX
Lec การสืบพันธุ์
Lesson4 animalrepro2561
บท4สืบพันธุ์สัตว์
Lesson4animalrepro kr uwichai62
การสืบพันธุ2
การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์
การสืบพันธ์
บทที่ 3 สืบพันธุ์เจริญเติบโตสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย...
What is 0rganism 1
Contentbio4lesson5
Lessonplan 5animalgrowth2
ระบบสืบพันธุ์ สอน
Lesson5animalgrowth
ระบบสืบพันธุ์ สอน
Lessonplan 4animalreproduce
Lessonplanunit4animalrepro kr uwichai62
Lec การสืบพันธุ์
Ad

More from Wichai Likitponrak (20)

PDF
บทที่ 1 หลายหลากชีวภาพ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 2 ระบบนิเวศ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 3 ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 1 ระบบประสาท รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 2 ต่อมไร้ท่อ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 4 โครงสร้างเคลื่อนที่สัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 5 พฤติกรรมสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
แผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
PDF
ใบงานประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่2แสง_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
PDF
บทที่4วัสดุในชีวิตประจำวัน_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / ...
PDF
บทที่3ปฏิกิริยาเคมี_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
PDF
บทที่1คลื่น_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
PDF
บท3ไฟฟ้า_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
PDF
บท2ระบบนิเวศ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
PDF
บท4ระบบสุริยะ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
PDF
บท1พันธุกรรม_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
PDF
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
PDF
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
PDF
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
บทที่ 1 หลายหลากชีวภาพ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 2 ระบบนิเวศ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 3 ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 1 ระบบประสาท รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 2 ต่อมไร้ท่อ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 4 โครงสร้างเคลื่อนที่สัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 5 พฤติกรรมสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
แผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
ใบงานประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
บทที่2แสง_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
บทที่4วัสดุในชีวิตประจำวัน_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / ...
บทที่3ปฏิกิริยาเคมี_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
บทที่1คลื่น_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
บท3ไฟฟ้า_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
บท2ระบบนิเวศ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
บท4ระบบสุริยะ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
บท1พันธุกรรม_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย

Contentbio4lesson4

  • 1. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รายวิชาชีววิทยา 4 (ว30244) ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ชื่อ-นามสกุล..................................................................................................................ชั้น................ห้อง...............เลขที่............ ใบความรู้ เรื่อง การสืบพันธุ์ของสัตว์ (Animal Reproduction) การสืบพันธุ์ของสัตว์ การสืบพันธุ์ (Reproduction) หมายถึง กระบวนการที่ทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิต ชนิดเดียวกัน โดยที่สิ่งมีชีวิตรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นจะทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่าที่ตายไป ทาให้สิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่ได้ โดยไม่สูญพันธุ์ การสืบพันธุ์มี 2 วิธี คือการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ และการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ 1. การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction) เป็นการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องอาศัยเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell) เป็นการสืบพันธุ์ที่สร้างหน่วยใหม่ขึ้นมาจาก สิ่งมีชีวิตเดิม อาจเกิดได้โดยการจาลองตัวเองของหน่วยพันธุกรรม การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโตซีส หรือการ แบ่งเซลล์แบบ mitotic cell division หน่วยใหม่ที่เกิดขึ้นมาจะมีลักษณะเหมือนตัวแม่ทุกประการ การ สืบพันธุ์แบบนี้พบตั้งแต่สิ่งที่มีชีวิตที่ยังไม่เป็นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไปจนถึงพืชชั้นสูงเป็น การสืบพันธุ์ที่ง่ายที่สุด พบในสัตว์ชั้นต่าที่ไม่มีระบบสืบพันธุ์หรือมีแต่ยังไม่เจริญดี ทาได้โดยการแบ่งตัวจาก 1 เป็น 2 ได้สิ่งมีชีวิตตัวใหม่ที่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ แต่ถ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ ก็จะทาให้ตายและสูญพันธุ์ในที่สุด 1.1 การแตกหน่อ (Budding) เป็นการสืบพันธุ์ของสัตว์ชั้นต่า โดยเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัวงอก ออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวเล็ก ๆ ที่มีอวัยวะต่าง ๆ เหมือนตัวแม่ หลังจากติดอยู่กับตัวแม่ระยะหนึ่งก็จะ หลุดออกมาไปอยู่อิสระตามลาพัง สัตว์ที่มีการสืบพันธุ์ลักษณะนี้ได้แก่ ไฮดรา หนอนตัวแบน ฟองน้า ปะการัง และสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น ยีสต์ ไฮดราฟองน้า ในพืชชั้นสูง เช่น ขิง ข่า กล้วย หน่อไม้ เป็นต้น (โพรติสต์ หมายถึง สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ที่ไม่อาจจัดเป็นพืชหรือสัตว์ได้อย่างชัดเจน เช่น เห็ด รา ยีสต์ โปรโตซัว ไวรัส สาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงิน เป็นต้น)
  • 2. - ไฮดรา (Hydra) เป็นสัตว์ชั้นต่าประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลาตัวคล้าย เส้นด้าย มีขนาดประมาณ 0.5 - 1 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 0.5 - 1 เซนติเมตร มีหนวดเป็นเส้นยาว 4 - 12 เส้นลาตัวสีขาวขุ่น แต่บางชนิดมีสีเขียว ซึ่งเกิดจากสาหร่ายสีเขียวที่อาศัยอยู่ในตัวไฮดรา จึงทาให้สามารถ สังเคราะห์แสงได้ อาหารของไฮดรา คือ ไรน้าและตัวอ่อนของแมลงในน้า ไฮดราสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบไม่ อาศัยเพศและแบบอาศัยเพศ ดังนี้ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของไฮดรา เมื่อไฮดราเจริญเติบโตเต็มวัย จะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัวงอกออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นไฮดรา ตัวเล็ก ๆ หลังจากนั้นก็จะหลุดออกไปอยู่ตามลาพังได้เอง การสืบพันธุ์แบบนี้ เรียกว่า การแตกหน่อ (Budding) การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของไฮดรา ไฮดรามีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ซึ่งจะเกิดขึ้นในกรณีที่อาหารไม่สมบูรณ์ ไฮดราจะมี 2 เพศอยู่ในตัวเดียวกัน โดยมีรังไข่อยู่ข้างลาตัว ลักษณะเป็นปุ่มใหญ่เหนือรังไข่บริเวณใกล้ ๆ หนวด (Tentacle) จะมีอัณฑะเป็นปุ่มเล็ก ๆ รังไข่จะผลิตเซลล์ไข่ และอัณฑะจะผลิตเซลล์อสุจิ โดยปกติไข่และตัว อสุจิจะเติบโตไม่พร้อมกัน จึงต้องผสมกับตัวอื่น ตัวอสุจิจากไฮดราตัวหนึ่งจะว่ายน้าไปผสมกับไข่ที่สุกในรังไข่ ของไฮดราตัวอื่นไข่ที่ผสมแล้วจะเป็นไซโกตซึ่งจะเจริญเติบโตอยู่กับตัวแม่ระยะหนึ่งจึงจะหลุดออกไปจากตัวแม่ แล้วเจริญเป็นไฮดราตัวใหม่ต่อไป
  • 3. 1.2 การแบ่ง ตัวออกเป็นสอง (Binary Fission) เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว (พวกโพรติสต์) ได้แก่ อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา และแบคทีเรีย การ สืบพันธุ์วิธีนี้เกิดขึ้นโดยการแบ่งตัวจาก 1 เซลล์เป็น 2 เซลล์ โดยนิวเคลียสของเซลล์จะแบ่งตัวก่อน แล้วไซ โทพลาซึมจะแบ่งตามได้เป็นตัวใหม่ 2 ตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีลักษณะเหมือนตัวเดิมทุกประการ เช่น - การแบ่งตัวของอะมีบา 1.3 พาร์ธีโนเจเนซิส (Parthenogenesis) เป็นการสืบพันธุ์ไม่อาศัยเพศของแมลงบางชนิด เช่น ตั๊กแตนกิ่งไม้ เพลี้ย ไรน้าซึ่งตัวเมียสามารถผลิต ไข่ที่ฟักเป็นตัวได้โดยไม่ต้องมีการปฏิสนธิในสภาวะปกติไข่ของสัตว์ดังกล่าวจะฟักออกมาเป็นตัวเมียเสมอ แต่ใน สภาวะที่ไม่เหมาะสมกับการดารงชีวิต เช่น เกิดความแห้งแล้งหนาวเย็น หรือขาดแคลนอาหาร ตัวเมียก็จะผลิต ไข่ที่ฟักออกเป็นทั้งตัวผู้และตัวเมีย จากนั้นสัตว์ตัวผู้และตัวเมียเหล่านี้จะผสมพันธุ์กันแล้วตัวเมียจะออกไข่ที่มี ความคงทนต่อสภาวะที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวได้ ในผึ้ง มด ต่อ แตน ก็พบว่ามีการสืบพันธุ์แบบพาร์ธีโนเจเนซิส ด้วยเช่นกัน โดยไข่ไม่ต้องมีการปฏิสนธิก็สามารถฟักออกมาเป็นตัวได้ ซึ่งจะฟักออกมาเป็นตัวผู้เสมอ 1.4 การงอกใหม่ (Regeneration) พบในสัตว์ชั้นต่า ได้แก่ ปลาดาว พลานาเรีย ไส้เดือนดิน ปลิง ซีแอนนีโมนี การงอกใหม่เป็นการสร้าง ส่วนของร่างกายที่ขาดหายไป โดยสัตว์เหล่านี้ถ้าร่างกายถูกตัดออกเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนจะสามารถงอกเป็น สิ่งมีชีวิตตัวใหม่ได้ ดังนั้นการงอกใหม่นี้จึงทาให้มีจานวนสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นจากจานวนเดิม
  • 4. 1.5 การสร้างสปอร์ (Spore Formation) เป็นการสืบพันธุ์ที่เกิดจากการแบ่งนิวเคลียสหลาย ๆ ครั้ง ต่อจากนั้นไซโทพลาซึมจะแบ่งตาม แล้วจะมี การสร้างเยื่อกั้นเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนจะมีนิวเคลียส 1 อัน เรียกว่า สปอร์ (Spore) สัตว์ที่มีการสืบพันธุ์แบบนี้ ได้แก่ พลาสโมเดียม ซึ่งเป็นสัตว์ที่ทาให้เกิดโรคไข้มาลาเรีย 1.6 การขาดออกเป็นท่อน (Fragmentation) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศอีกแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะพวกที่มีเซลล์ต่อกันเป็นเส้นสาย โดยการหักเป็นท่อนๆ แต่ละท่อนที่หลุดไปก็จะแบ่งตัวแบบ Mitotic cell division ได้เซลล์ใหม่ที่ต่อกันเป็น เส้นสายเจริญต่อไป เช่น พวกหนอนตัวแบน สาหร่ายทะเล 2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction) เป็นการสืบพันธุ์ที่ผลิตสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมาด้วยการรวมตัวของหน่วยพันธุกรรมซึ่งอาจเกิดจากสิ่งมีชี วิต ตัวเดียวกัน หรือคนละตัวก็ได้ หรือเกิดจากการรวมตัวของนิวเคลียสของเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell or gamete) ซึ่งจากการแบ่งตัวของ germ line cell แบบ meiotic cell division การรวมตัวของเซลล์สืบ พันธุ์เรียกว่า ปฏิสนธิ (fertilization) ได้นิวเคลียสใหม่ที่เป็นdiploid ซึ่งเรียกว่า Zygote และ zygote ที่ได้จะเป็นเซลล์ เริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตรุ่นต่อไป
  • 5. ไข่ (Egg) โดยทั่วไปมีลักษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ ไข่ของสัตว์มักมีอาหารสะสมอยู่เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ ภายในไข่ เช่น ไข่แดงของไข่ไก่และไข่เป็ด ไข่แดงซึ่งมีเยื่อหุ้มอยู่เทียบได้กับเซลล์ 1 เซลล์ ส่วนจุดกลม ๆ ในไข่ แดง คือ นิวเคลียส เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุ้มเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม เช่นไข่ กบมีวุ้นหุ้ม ไข่เต่าทะเลมีสิ่งที่มีลักษณะเป็นเยื่อเหนียวหุ้ม ไข่เป็ดและไข่ไก่มีเปลือกแข็งหุ้ม เป็นต้น ตัวอสุจิ (Sperm) มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูจึงจะมองเห็น ตัวอสุจิมี ส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน คือ หัว (head) ลาตัว (body) และหาง (tail) ส่วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็นส่วนประกอบ เคลื่อนที่โดยใช้หาง ตัวอย่างเซลล์อสุจิมีขนาดเล็กกว่าไข่มากและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและจะเคลื่อนที่ได้เร็ว เพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่ตัวอสุจิจะมีขนาดเล็กกว่าไข่มาก และมอง ไม่เห็นด้วยตาเปล่า และจะเคลื่อนที่ได้เร็ว เพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่ เมื่อสัตว์โตเต็มที่และพร้อมที่จะสืบพันธุ์แล้ว เพศเมียจะสร้างไข่ เพศผู้จะสร้างอสุจิ ไข่และตัวอสุจิของสัตว์แต่
  • 6. ละชนิดจะมีขนาดและจานวนต่างๆกันไป โดยทั่วไปไข่จะมีลักษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ และมักมีอาหาร สะสมอยู่เพื่อไว้เลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ภายใน เช่น ไข่แดงของไข่ไก่ ไข่เป็ด นอกจากนี้ยังมีสิ่งห่อหุ้มเพื่อป้องกันการ กระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นวุ้น เช่น ไข่กบ หรือมีลักษณะเป็นเยื่อเหนียว เช่น ไข่เต่า ทะเล บางชนิดมีเปลือกแข็งหุ้ม เช่น ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่จระเข้ เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิด การปฏิสนธิ (Fertilization) ขึ้น การปฏิสนธิ (Fertilization) แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1.การปฏิสนธิภายใน (Internal Fertilization) ตัวอสุจิจากสัตว์เพศผู้เข้าผสมกับไข่ซึ่งยังอยู่ในตัวของสัตว์เพศเมียได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน แมลง ปลาที่ออกลูกเป็นตัว เช่น ปลาเข็ม ปลาหางนกยูง ปลาฉลาม 2.การปฏิสนธิภายนอก (External Fertilization) การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจิภายนอกตัวของสัตว์เพศเมีย ได้แก่ สัตว์ครึ่งน้าครึ่งบก ปลาต่าง ๆ และ สัตว์น้าที่ออกลูกเป็นไข่ทุกชนิด
  • 7. 1. การสืบพันธุ์ของพลานาเรีย พลานาเรียเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะเพศทั้งสองเพศในตัวเดียวกัน การปฏิสนธิเป็นการผสมข้ามตัว โดย พลา นาเรียจะจับคู่และแลกเปลี่ยนอสุจิกันอสุจิจะเคลื่อนไปตามท่อนาไข่แล้วเกิดการปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ในท่อนาไข่ 2. การสืบพันธุ์ของไส้เดือนดิน ไส้เดือนดิน 2 ตัวจะมาจับคู่สลับหัวสลับหางกัน อสุจิจากตัวที่หนึ่งจะส่งไปยังช่องรับอสุจิขิงอีกฝ่าย หนึ่ง ต่อมา 2-3 วัน ไส้เดือนดินจะสร้างถุงหุ้มเซลล์ไข่ขึ้นและปล่อยไข่ออกมาที่ถุงหุ้มเซลล์ไข่เซลล์ไข่ที่ผสมกับ อสุจิจะพักอยู่ในถุงหุ้มเซลล์ไข่และเจริญเป็นตัวในระยะเวลาต่อมา 3. การสืบพันธุ์ของไฮดรา ไฮดราเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะเพศทั้งสองเพศในตัวเดียวกันการปฏิสนธิเป็นการผสมข้ามตัวเนื่องจากไข่ และอสุจิเจริญไม่พร้อมกัน 4. การสืบพันธุ์ของแมลง แมลงเป็นสัตว์แยกเพศ มีการปฏิสนธิภายใน เมื่อมีการผสมกัน แมลงเพศผู้จะหลั่งอสุจิออกทาง องคชาตเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ของเพศเมีย อสุจิจะผ่านช่องคลอดของเพศเมียไปผสมกับเซลล์ไข่ที่ผลิตจากรังไข่ ตรงบริเวณท่อนาไข่นอกจากนี้แมลงเพศเมียบางชนิดมีสเปอร์มเพื่อเก็บสะสมอสุจิไว้ผสมกับเซลล์ไข่ด้วยจัดเป็น การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เพราะมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เซลล์ไข่เจริญเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์โดยไม่ต้องมีการ ปฏิสนธิ เช่น ผึ้ง มด ต่อ แตน สาหรับผึ้งนั้น ไข่ที่มีการปฏิสนธิจะเจริญเป็นนางพญาและผึ้งงานที่เป็นตัวเมีย ส่วนไข่ที่ไม่มีการปฏิสนธิจะเจริญเป็นผึ้งตัวผู้และมีโครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของตัวเมีย
  • 8. 5. การสืบพันธุ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง การสืบพันธุ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลังจะมีอวัยวะแยกกันอย่างชัดเจน โดยสัตว์ตัวผู้มักจะมีสีเข้มกว่าตัว เมีย หรือมีเสียงไพเราะกว่า เพราะเป็นฝ่ายดึงดูดให้ตัวเมียเข้าไปหา สาหรับการปฏิสนธิมีทั้งภายในและ ภายนอกตัวเมีย 5.1 การสืบพันธุ์ของสัตว์น้า สัตว์ที่อยู่ในน้า เช่น ปลา ส่วนใหญ่เมื่อสร้างเซลล์ไข่และอสุจิแล้วจะส่งออกมาทางท่อสืบพันธุ์นอก ลาตัว ออกลูกเป็นตัว เรียกว่า Oviparous animal 5.2 การสืบพันธุ์ของสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก สัตว์สะเทินน้าสะเทินบก เช่น กบ เขียด คางคก อึ่งอ่าง อาศัยบนบกแต่ผสมพันธุ์ในน้าโดยทั้งคู่ต่าง ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ลงในน้าออกลูกเป็นไข่เรียกว่า Oviparous animal 5.3 การสืบพันธุ์ของสัตว์ปีก ตว์ปีก เช่น นก ไก่ เป็ด มีการปฏิสนธิภายในตัวเมีย วางไข่บนบก ไข่มีเปลือกหุ้มออกลูกเป็นไข่ เรียกว่าOviparous animal
  • 9. 5.4 การสืบพันธุ์ของสัตว์เลือยคลาน สัตว์เลื้อยคลาน เช่น เต่า จระเข้ มีการปฏิสนธิภายนตัวเมีย วางไข่บนบกไข่มีเปลือกหุ้มออกลูกเป็นไข่ เรียกว่าOviparous animal 5.5 การสืบพันธุ์ของสัตว์เลียงลูกด้วยน้านม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม เช่น สุนัข แมว ลิง มีการปฏิสนธิภายในลาตัว ตัวอ่อนเจริญภายในตัวแม่ และ ออกลูกเป็นตัว เรียกว่าViviparous animal ความหมายของระบบสืบพันธุ์ เป็นกระบวนการผลิตสิ่งมีชีวิตที่จะแพร่ลูกหลานและดารงเผ่าพันธุ์ของตนไว้ โดยต่อมใต้สมองซึ่งอยู่ ภายใต้การควบคุมของสมองส่วนไฮโพทาลามัส โดยจะหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นต่อมเพศชายและหญิงให้ผลิต ฮอร์โมนเพศ ทาให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นหนุ่มสาวพร้อมที่จะสืบพันธุ์ได้ ต่อมเพศในชาย คือ อัณฑะ ต่อมเพศในหญิง คือ รังไข่
  • 10. ระบบสืบพันธุ์เพศชาย อวัยวะที่สาคัญในระบบสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วย 1. อัณฑะ (Testis) เป็นต่อมรูปไข่ มี 2 อัน ทาหน้าที่สร้างตัวอสุจิ (Sperm) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย และสร้างฮอร์โมนเพศชายเพื่อควบคุมลักษณะต่างๆของเพศชาย เช่น การมีหนวดเครา เสียงห้าว เป็นต้น ภายในอัณฑะจะประกอบด้วย หลอดสร้างตัวอสุจิ (Seminiferous Tubule) มีลักษณะเป็นหลอดเล็กๆ ขดไป ขดมาอยู่ภายใน ทาหน้าที่สร้างตัวอสุจิ หลอดสร้างตัวอสุจิ มีข้างละประมาณ 800 หลอด แต่ละหลอดมี ขนาดเท่าเส้นด้ายขนาดหยาบ และยาวทั้งหมดประมาณ 800 เมตร 2. ถุงหุ้มอัณฑะ (Scrotum) ทาหน้าที่ห่อหุ้มลูกอัณฑะ ควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะในการสร้างตัวอสุจิ ซึ่ง ตัวอสุจิจะเจริญได้ดีในอุณหภูมิต่ากว่าอุณหภูมิปกติของร่างกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส 3. หลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) อยู่ด้านบนของอัณฑะ มีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ ยาวประมาณ 6 เมตร ขดทบไปมา ทาหน้าที่ีีเก็บตัวอสุจิจนตัวอสุจิเติบโตและแข็งแรงพร้อมที่จะปฏิสนธิ 4. หลอดนาตัวอสุจิ (Vas Deferens) อยู่ต่อจากหลอดเก็บตัวอสุจิ ทาหน้าที่ลาเลียงตัวอสุจิไปเก็บไว้ที่ต่อม สร้างน้าเลี้ยงอสุจิ 5. ต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ (Seminal Vesicle) ทาหน้าที่สร้างอาหารเพื่อใช้เลี้ยงตัวอสุจิ เช่น น้าตาล ฟรักโทส วิตามินซี โปรตีนโกลบูลิน เป็นต้น และสร้างของเหลวมาผสมกับตัวอสุจิเพื่อให้เกิดสภาพที่เหมาะสม สาหรับตัวอสุจิ 6. ต่อมลูกหมาก (Prostate Gland) อยู่ตอนต้นของท่อปัสสาวะ ทาหน้าที่หลั่งสารที่มีฤทธิ์เป็นเบสอ่อนๆ เข้าไปในท่อปัสสาวะ เพื่อทาลายฤทธิ์กรดในท่อปัสสาวะ ทาให้เกิดสภาพที่เหมาะสมกับตัวอสุจิ 7. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper Gland) อยู่ใต้ต่อมลูกหมากลงไปเป็นกระเปาะเล็กๆ ทาหน้าที่หลั่งสารไปหล่อ ลื่นท่อปัสสาวะในขณะที่เกิดการกระตุ้นทางเพศ โดยทั่วไปเพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น คือ อายุประมาร 12-13 ปี และจะสร้างไปจน ตลอดชีวิต การหลั่งน้าอสุจิ แต่ละครั้งจะมีของเหลวประมาณ 3-4 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ 350-500 ล้านตัว ปริมาณน้าอสุจิและตัวอสุจิแตกต่างกันได้ตามความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย เชื้อชาติ
  • 11. และสภาพแวดล้อม ผู้ที่มีอสุจิต่ากว่า 30 ล้านตัวต่อลูกบาศก์เซนติเมตร หรือมีตัวอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติ มากกว่าร้อยละ 25 จะมีลูกได้ยากหรือเป็นหมัน น้าอสุจิจะถูกขับออกทางท่อปัสสาวะ และออกจากร่างกายตรงปลายสุดของอวัยวะเพศชาย ตัวอสุจิจะ เคลื่อนที่ได้ประมาณ 1-3 มิลลิเมตรต่อนาที ตัวอสุจิเมื่อออกสู่ภายนอกจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้า อยู่ในมดลูกของหญิงจะอยู่ได้นาน ประมาณ 24- 48 ชั่วโมง ตัวอสุจิประกอบด้วยส่วนสาคัญ 3 ส่วน คือ ส่วนหัว เป็นส่วนที่มีนิวเคลียสอยู่ ส่วนตัวมีลักษณะเป็น ทรงกระบอกยาว และส่วนหางเป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนที่ น้าอสุจิจะมีค่า pH ประมาณ 7.35-7.50 มีสภาวะ ค่อนข้างเป็นเบส ในน้าอสุจินอกจากจะมีตัวอสุจิแล้ว ยังมีส่วนผสมของสารอื่นๆ ด้วย ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง อวัยวะที่สาคัญของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วย 1. รังไข่ (Ovary) มีรูปร่างคล้ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยาวประมาณ 2-36 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร มี น้าหนักประมาณ 2-3 กรัม และมี 2 อันอยู่บริเวณปีกมดลูกแต่ละข้างทาหน้าที่ ดังนี้ 1.1 ผลิตไข่ (Ovum) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง โดยปกติไข่จะสุกเดือนละ 1 ใบ จากรังไข่แต่ละ ข้างสลับกันทุกเดือน และออกจากรังไข่ทุกรอบเดือนเรียกว่า การตกไข่ ตลอดช่วงชีวิตของเพศหญิงปกติจะมี การผลิตไข่ประมาณ 400 ใบ คือ เมตั้งแต่อายุ 12 ปี ถึง 50 ปี จึงหยุดผลิต เซลล์ไข่จะมีอายุอยู่ได้นานประมาร 24 ชั่วโมง
  • 12. 1.2 สร้างฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ที่สาคัญ ได้แก่ • อีสโทรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่ทาหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับมดลูก ช่องคลอด ต่อมน้านม และ ควบคุมการเกิดลักษณะต่างๆ ของเพศหญิง เช่น เสียงแหลมเล็ก ตะโพกผาย หน้าอกและอวัยวะเพศ ขยายใหญ่ขึ้น เป็นต้น • โพรเจสเทอโรน (Progesterone) เป็นฮอร์โมนที่ทางานร่วมกับอีสโทรเจนในการควบคุมเกี่ยวกับ เกี่ยวกับการเจิญของมดลูก การเปลี่ยนแปลงเยื่อบุมดลูกเพื่อเตรียมรับไข่ที่ผสมแล้ว 2. ท่อนาไข่ (Oviduct) หรือปีกมดลูก (Fallopian Tube) เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างรังไข่ทั้งสองข้างกับมดลูก ภายในกลวง มีส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตร มีขนาดปกติเท่ากับเข็มถักไหมพรมยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร ทาหน้าที่เป็นทางผ่าน ของไข่ที่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูกโดยมีปลายข้างหนึ่งเปิดอยู่ใกล้กับรังไข่ เรียกว่า ปากแตร (Funnel) บุ ด้วยเซลล์ที่มีขนสั้นๆ ทาหน้าที่พัดโบกไข่ที่ตกมาจากรังไข่ให้เข้าไปในท่อนาไข่ ท่อนาไข่เป็นบริเวณที่อสุจิ จะเข้าปฏิสนธิกับไข่ 3. มดลูก (Uterus) มีรูปร่างคล้ายผลชมพู หรือรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมหัวกลับลง กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-8 เซนติเมตร หนาประมาณ 2 เซนติเมตร อยู่ในบริเวณอุ้งกระดูกเชิงกราน ระหว่าง กระเพาะปัสสาวะกับทวารหนัก ภายในเป็นโพรง ทาหน้าที่เป็นที่ฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว และเป็นที่ เจริญเติบโตของทารกในครรภ์ 4. ช่องคลอด (Vagina) อยู่ต่อจากมดลูกลงมา ทาหน้าที่เป็นทางผ่านของตัวอสุจิเข้าสู่มดลูก เป็นทางออก ของทารกเมื่อครบกาหนดคลอด และยังเป็นช่องให้ประจาเดือนออกมาด้วย ประจาเดือน (Menstruation) คือเนื้อเยื่อผนังมดลูกด้านในและหลอดเลือดที่สลายตัวไหลออกมาทางช่อง คลอด ประจาเดือนจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ไม่ได้รับการผสมกับอสุจิเพศหญิงจะมีประจาเดือนตั้งแต่อายุประมาณ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีรอบของการมีประจาเดือนทุก 21-35 วัน เฉลี่ยประมาณ 28 วัน จนอายุประมาณ 50 ปี จึง จะหมดประจาเดือน ผู้หญิงจะมีช่วงระยะเวลาการมีประจาเดือนประมาณ 3-6 วัน ซึ่งจะเสียเลือดทาง ประจาเดือนแต่ละเดือนประมาณ 60-90 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้นผู้หญิงจึงควรรับประทานอาหารที่มีธาตุ เหล็กและโปรตีน เพื่อสร้างเลือดชดเชยส่วนที่เสียไป
  • 13. การที่ผู้หญิงบางคนมีประจาเดือนมาไม่ปกติ อาจเนื่องมาจากอารมณ์และความวิตกกังวลทาให้การหลั่ง ฮอร์โมนของสมองผิดปกติซึ่งจะมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนของต่อมใต้สมองที่ทาหน้าที่กระตุ้นให้ไข่สุก คือ ฮอร์โมน FSH (Follicle Stimulating Hormone) และฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) เซลล์ไข่มี ขนาดใหญ่กว่าเซลล์อสุจิประมาณ 50,000-90,000 เท่า ขนาดของเซลล์ไข่ประมาณ 0.2 มิลลิเมตร เราสามารถ มองเห็นเซลล์ไข่ได้ด้วยตาเปล่า %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
  • 14. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รายวิชาชีววิทยา 4 (ว30244) ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ชื่อ-นามสกุล.................................................................................................ชั้น............ห้อง............เลขที่............ แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน เรื่อง การสืบพันธุ์ของสัตว์ (Animal Reproduction) 1. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของคน ก. เซลล์ไข่ที่พร้อมจะปฏิสนธิเป็นเซลล์ ซึ่งแบ่งตัวแบบไมโอซิสเสร็จแล้ว ข. การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 1 ครั้งจะทาให้ได้เซลล์สืบพันธุ์ 4 เซลล์ ค. ไมโอซิสเกิดขึ้นในเซลล์ฟอลลิเคิลซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเป็นโอโอไซต์ ง. ไมโอซิสเกิดขึ้นเมื่อชายย่างเข้าสู่วัยรุ่น 2. ถ้าสเปอร์มาโทไซต์ระยะแรกจานวน 10 เซลล์ แบ่งเซลล์ จะสร้างอสุจิได้กี่เซลล์ และถ้าโอโอไซต์ระยะแรก จานวน 10 เซลล์แบ่งเซลล์จะสร้างไข่ได้กี่เซลล์ ก. อสุจิ 10 เซลล์,ไข่ 10 เซลล์ ข. อสุจิ 40 เซลล์,ไข่ 10 เซลล์ ค. อสุจิ 10 เซลล์,ไข่ 40 เซลล์ ง. อสุจิ 400 เซลล์,ไข่ 100 เซลล์ 3. กระบวนการสร้างตัวอสุจิและกระบวนการสร้างไข่เกิดขึ้นที่ส่วนใด ตามลาดับ ก. หลอดสร้างตัวอสุจิและรังไข่ ข. ท่อนาตัวอสุจิและท่อนาไข่ ค. ต่อมลูกหมากและมดลูก ง. ต่อมคาวเปอร์และฟอลลิเคิล 4. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการทาหน้าที่ของอวัยวะสืบพันธุ์ของคน ก. ต่อมลูกหมาก ทาหน้าที่หลั่งสารที่เป็นเบสอย่างอ่อน ข. ต่อมคาวเปอร์ ทาหน้าที่สร้างอาหารให้กับตัวอสุจิ ค. มดลูก ทาหน้าที่หลั่งสารช่วยหล่อลื่นช่องคลอด ง. รังไข่ ทาหน้าที่รองรับการเจริญของไข่หลังการปฏิสนธิ 5. ตามปกติการตกไข่ครั้งต่อไปของผู้หญิงจะเกิดขึ้นหลังมีประจาเดือนกี่วัน ก. 1 วัน ข. 2 วัน ค. 14 วัน ง. 28 วัน 6. โดยปกติการปฏิสนธิเกิดขึ้นบริเวณใด ก. รังไข่ ข. ปีกมดลูก ค. โพรงมดลูก ง. ช่องคลอด 7. ในผู้ชายที่อัณฑะลักษณะเป็นทองแดง (Cryptorchism)นั้น อาจมีผลกระทบที่สาคัญในข้อใด ก. อาจจะมีลูกได้เองตามธรรมชาติ ข. จะมีลูกได้โดยวิธีผสมในหลอดแก้วเท่านั้น ค. ความต้องการทางเพศมีน้อยกว่าชายทั่วๆไป
  • 15. ง. ความต้องการทางเพศไม่ได้น้อยไปกว่าปกติ แต่อัณฑะไม่สร้างตัวอสุจิ 8. ข้อใดถูกต้อง ก. ในสภาวะปกติตัวอสุจิจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1 วัน ข. ในสภาวะปกติไข่จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2 วัน ค. ภายหลังการหลั่งน้าอสุจิ ตัวอสุจิจะเคลื่อนที่ไปรวมตัวกับไข่ โดยอาศัยการโบกพัดของหางตัวอสุจิ เองเพียงอย่างเดียว ง. ตัวอ่อนจะเคลื่อนที่มาถึงมดลูกประมาณวันที่ 5 หลังปฏิสนธิ 9. โอโอไซต์ระยะแรก ของหญิงแรกเกิด จะเจริญใช้ตกไข่จริง ประมาณกี่เซลล์ ก. 30 เซลล์ ข. 360 เซลล์ ค. 10,000 เซลล์ ง. 100,000 เซลล์ 10. ข้อใดกล่าวถึงภาวะการมีบุตรยากผิด ก. ทางผ่านของตัวอสุจิตีบตัน ข. ท่อนาไข่มีก้อนเนื้องอก ค. ขาดฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน ง. ตัวอสุจิต่ากว่า 300 ล้านตัวต่อลูกบาศก์เซนติเมตรต่อครั้ง 11. ความสาคัญที่สุดของการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศคอข้อใด ก. ได้เซลล์ใหม่ที่เกิดจากการผสมที่เรียกว่า ไซโกต (zygote) ข. เกิดความแตกต่างแปรผันทางพันธุกรรมในแต่ละคน ค. เป็นผลให้มีการเพิ่มประชากรคู่ไปกับการเพมระดับของความแปรผันทางพันธุกรรมในมนุษย์ ง. แต่ละตัวตนใหม่ที่เกิดขึ้น มีองค์ประกอบทางพันธุกรรมเหมือนบรรพบุรุษ 12. สัตว์ในข้อใดมี 2 เพศในตัวเดียวกัน และสามารถผสมพันธุ์ตัวเองได้ ก. ไฮดรา พลานาเรีย ข. ไฮดรา พยาธิตัวตืด ค. ไส้เดือยฝอย แมงกะพรุน ง. ไส้เดือนดิน พลานาเรีย 13. สิ่งมีชีวิตใดต่อไปนี้สามารถสืบพันธุ์ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องใช้กระบวนการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส ก. ผึ้ง ข. อะมีบา ค. ตั๊กแตน ง. ฟองน้า 14. เมื่อพารามีเซียมสืบพันธุ์โดยการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน (Binary fission) พบว่า ก. เฉพาะ Micronucleus เท่านั้นที่แบ่งตัวแบบไมโทซิส ข. เฉพาะ Macronucleus เท่านั้นที่แบ่งตัวแบบไมโทซิส ค. ทั้ง Micronucleus และ Macronucleus จะแบ่งตัวแบบไมโทซิส ง. Macronucleus จะแบ่งตัวแบบไมโทซิส และ Micronucleus จะแบ่งตัวแบบไมโอซิส 15. ข้อใดถกต้องเกี่ยวกับการทาหน้าที่ของอวัยวะสืบพันธุ์ของคน ก. ต่อมลูกหมาก ทาหน้าที่หลั่งสารที่เป็นเบสอย่างอ่อน ข. ต่อมคาวเปอร์ ทาหน้าที่สร้างอาหารให้กับตัวอสุจิ
  • 16. ค. มดลูก ทาหน้าที่หลั่งสารช่วยหล่อลื่นช่องคลอด ง. รังไข ทาหน้าที่รองรับการเจริญของไข่หลังการปฏิสนธ 16. เซลล์สืบพันธุ์ของเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ จะอยู่ในสภาพใด ก. Primordial germ cell ข. Primary oocyte ค. Secondary oocyte ง. Oogonia 17. ข้อใดถกต้องเกี่ยวกับ primary oocyte ภายในรังไขของเพศหญิง ก. มีจานวนมากที่สุดเมื่ออายุประมาณ 20-25ปี ข. สามารถสร้างเพิ่มขึ้นได้ในช่วงที่ยังมีประจาเดือน ค. จานวนคงที่ตั้งแต่เกิดจนมีประจาเดือนครั้งแรก ง. จะเริ่มลดลงเมื่อย่างเข้าสู่วัยมีประจาเดือน 18. Sperm และไข่ของคนมีสิ่งที่เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ก. เหมือนกันที่จานวนและชนาดของโครโมโซม ข. เหมือนกันที่ปริมาณและสมบัติของไซโทพลาสซึม ค. ต่างกันที่ปริมาณและสมบัติของไซโทพลาสซึม ง. ต่างกันที่ขนาดนิวเคลียส 19. ฮอร์โมน LH มีผลต่อร่างกายอย่างไร ก. กระตุ้นให้มีการสร้างไข่เพิ่มขึ้น ข. กระตุ้นให้เกิดการตกไข่ ค. กระตุ้นให้มีการสร้างฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน ง. กระตุ้นให้ผนังมดลูกขยายขนาดเพิ่มขึ้น 20. ชายวัยกลางคนเป็นโรคที่มีผลทาลายเซลล์ในหลอดสร้างอสุจิ จึงทาให้เกิดความผิดปกติในข้อใด ก. การสร้างน้าอสุจิ ข. การสร้างฮอร์โมนเพศชาย ค. การแสดงลักษณะของเพศชาย ง. การสร้างตัวอสุจิ 21. บริเวณใดของอวัยวะสืบพนธเพศชายที่เป็นแหล่งฟักตัวของตัวอสุจิก่อนที่จะไปปฏิสนธิกับไข่ ก. Seminiferous tubule ข. Epididymis ค. Urethra ง. Seminal vesicle 22. ข้อใดที่บอกจานวนของไข่ที่ตกจากรังไข่ได้ถูกต้องมากที่สุด ก. จานวนไข่ที่ตรวจพบในมดลูก ข. จานวนเอ็มบริโอที่ฝังตัวที่ผนังมดลูก ค. จานวนคอร์ปัสลูเทียมจากรังไข่ทั้งสองข้าง ง. ถูกทุกข้อ 23. ฮอร์โมนที่ทาหน้าที่ในการควบคุมการสร้างฮอร์โมนของอัณฑะคือข้อใด ก. LH ข. FSH ค. TSH ง. Androgen 24. ฮอร์โมนใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการมีประจาเดือนของเพศหญิง ก. estrogen ข. oxytocin ค. progesterone ง. LH
  • 17. 25. ในเซลล์ของคอร์ปัสลูเทียม มีออร์แกเนลล์ใดที่ทาหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน ก. กอลจิคอมเพลกซ์ ข. ร่างแหเอนโดพลาสซึมชนิดขรุขระ ค. ร่างแหเอนโดพลาสซึมชนิดเรียบ ง. ก และ ข 26. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของคน ก. เซลล์ไข่ที่พร้อมจะปฏิสนธิเป็นเซลล์ ซึ่งแบ่งตัวแบบไมโอซิสเสร็จแล้ว ข. การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 1 ครั้งจะทาให้ได้เซลล์สืบพันธุ์ 4 เซลล์ ค. ไมโอซิสเกิดขึ้นในเซลล์ฟอลลิเคิลซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเป็นโอโอไซต์ ง. ไมโอซิสเกิดขึ้นเมื่อชายย่างเข้าสู่วัยรุ่น 27. ความแตกต่างระหว่าง spermatogenesis และ oogenesis ข้อเปรียบเทียบ spermatogenesis oogenesis A meiotic prophase ยาว สั้น B ความเสี่ยงของการแบ่งโครโมโซม น้อย มาก C การเริ่มต้นของกระบวนการเกิด ตั้งแต่วัยรุ่น ตั้งแต่แรกคลอด D ระยะเวลาของการสร้างแกมีตที่สมบูรณ์ 64 วัน เมื่อมี ovulation ก. A และ B ข. B และ C ค. B Cและ D ง. A B และ C 28. การทาให้ primary oocyte ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมให้เป็นเซลล์ที่พร้อมเกิดการปฏิสนธิต้องใช้ ฮอร์โมนในข้อใด ช่วยกระตุ้น ก. FSH และ LH ข. FSH และ Oestrogen ค. LH และ Oestrogen ง. FSH และ Progesterone 29. รกที่ทาหน้าที่แลกเปลี่ยนสารต่างๆ ระหว่างมารดาและทารกในครรภ์ องค์ประกอบ “รก” นี้เกิดจากการ เปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใด ก. Myometrium ข. Uterine membrane ค. Endrometrium ง. Perimetrium 30. ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ตกไข่เป็นปกติทุกๆ 28วัน ถ้าให้สารยับยั้งการหลั่งสารจากต่อมใต้สมองในวันที่ 12 หลังจากมีประจาเดือนวันแรก เหตุการณ์ในข้อใดน่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด ก. ไม่มีการตกไข่ และไม่มีฮอร์โมน LH ข. ไม่มีการตกไข่ และไม่มีฮอร์โมน FSH ค. มีการตกไข่ แต่ไม่มีฮอร์โมน LH ง. มีการตกไข่ แต่ไม่มีฮอร์โมน FSH @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
  • 18. ชื่อ-นามสกุล.................................................................................................ชั้น............ห้อง............เลขที่............ กระดาษค้าตอบแบบทดสอบ เรื่อง การสืบพันธุ์ของสัตว์ (Animal Reproduction)  ก่อนเรียน วันที่...........................  หลังเรียน วันที่........................... ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ก ข ค ง ข้อ 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 ก ข ค ง ได้ .......................คะแนน คะแนนเต็ม 30 คะแนน ลงชื่อ..................................................ผู้ตรวจ (นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์) ครูผู้สอน วันที่ตรวจ............................................