บทที่ 5
ระบบย่ อยอาหาร (Digestive System)



                                    1
ระบบย่ อยอาหาร (Digestive System)




                                    2
การย่ อยอาหาร (Digestion)
สิ่งมีชีวิตทุกชนิด มีความต้ องการหาอาหารเพื่อให้ ตนเองสามารถดารงชีพอยูบนโลกได้
                                                                             ่
ดังนัน เราสามารถจะจาแนกสิงมีชีวิตตามการจัดหาอาหารออกเป็ น 2 พวกใหญ่ ๆ คือ
      ้                          ่
1. Autotroph คือสิงมีชีวิตที่สามารถสร้ างอาหารเองได้ จากสารอนินทรี ย์ ได้ แก่ การ
                     ่
สังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) เช่นพวกพืชสีเขียวต่าง ๆ ได้ พลังงานในการ
สังเคราะห์ด้วยแสงโดยใช้ พลังงานจากแสงอาทิตย์ และการสังเคราะห์ด้วยปฏิกิริยาเคมี
(Chemosynthesis) เช่น ในแบคทีเรี ยบางชนิด อาศัยพลังงานจากปฏิกิริยาเคมี
2. Heterotroph คือสิงมีชีวิตที่สร้ างอาหารเองไม่ได้ ได้ แก่ พวกสัตว์ได้ อาหารจากสิ่งที่สร้ าง
                       ่
มาแล้ ว เราสามารถแบ่งชนิดของสัตว์ตามเกณฑ์ตางๆ ได้ ดงนี ้
                                                 ่          ั
        แบ่ งตามชนิดของอาหารที่กนเข้ าไป
                                       ิ
Herbivore สัตว์กินพืช เช่น กระต่าย กอริ ลลา วัว หอยทาก เป็ นต้ น
Carnivore สัตว์ที่กินเนื ้อ เช่น เสือ แมว ฉลาม
Omnivore สัตว์ที่กินทังพืชและสัตว์ เช่น แมลงสาบ อีกา และคน
                         ้
                                                                                         3
ประเภทของการย่ อยอาหาร




1. การย่ อยภายในเซลล์ (Intracellular digestion) คือ การที่เซลล์
นาอาหารเข้ าไปภายในจนทาให้ เกิดถุงอาหาร (Food vacuole)แล้ วใช้ นาย่อยย่อยอาหารในเซลล์นนั้
2.การย่ อยภายนอกเซลล์ (Extracellular digestion) คือ การที่
เซลล์ขบน ้าย่อยออกมาย่อยอาหารนอกเซลล์จนกลายเป็ นโมเลกุลเล็ก ๆ แล้ วดูดซึมไปใช้ ประโยชน์ต่อไป
      ั                                                                                    4
ประเภทของทางเดินอาหาร
1.ทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ (Complete digestive tract)
ประกอบด้ วยช่องเปิ ด 2 ช่อง ทาหน้ าที่เป็ นปากและทวาร
หนักตามลาดับ
2.ทางเดินอาหารแบบไม่ สมบูรณ์ (Incomplete digestive tract)
ประกอบด้ วยช่องเปิ ดเพียง 1 ช่อง คือ อาหารเข้ าทางปากและ
กากอาหารออกทางเดียวกัน




                                                            5
ภาพแสดงประเภทของทางเดินอาหาร




                               6
หน้ าที่ของทางเดินอาหาร แบ่ งออกเป็ น 4 ประการ คือ
1. การกิน (Ingestion) เป็ นการนาอาหารเข้ าร่างกาย
2. การย่ อยอาหาร (Digestion) เป็ นการทาให้ ได้ สารอาหารเพื่อนาไปใช้ ได้
3. การดูดซึม (Absorption) เป็ นการนาสารอาหารโมเลกุลเล็กเหล่านัน เข้ าสู่
                                                               ้
   เซลล์ เพื่อเข้ าสูระบบไหลเวียนต่อไป
                    ่
4 .การขับออก (Elimination หรือ Egestion) โดยจะขับสารที่ย่อยไม่ได้
   ออกเป็ นกากอาหาร




                                                                           7
ภาพแสดงหน้ าที่ของทางเดินอาหาร




                                 8
หน้ าที่เหล่านีจะสาเร็จได้ ต้องมี 3 กระบวนการนี้
                  ้
1.การเคลื่อนไหว (Motility)
     เป็ นการคลุกเคล้ าอาหารและผลักอาหารให้ เคลื่อนไปตามทางเดินอาหาร
2.การหลั่ง (Secretion)
     เป็ นการหลังน ้าย่อยจากต่อมมีทอตามทางเดินอาหาร
                ่                  ่
3.การขนส่ ง (Membrane transport)
     เป็ นกลไกการดูดซึมสารอาหาร รวมถึงการขนส่งไปยังเส้ นเลือดหรื อท่อ
     น ้าเหลือง



                                                                        9
ขันตอนของการย่ อยอาหาร
                  ้

1.การย่ อยเชิงกล (Mechanical digestion)
เป็ นการย่อยอาหารโดยการบดหรื อเคี้ยวเพื่อให้อาหารมีขนาดเล็กลง
เช่นใน vertebrate ใช้ฟันบดเคี้ยว ในไส้เดือนดินใช้กน (Gizzard)
                                                  ึ๋
บด เป็ นต้น
2. การย่ อยเชิงเคมี (Chemical digestion)
เป็ นการย่อยอาหาร โดยใช้น้ าย่อย หรื อเอนไซม์ (Enzyme) เข้าช่วย
เพื่อให้อาหารมีโมเลกุลเล็กที่สุด แล้วจึงทาการดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้
                                                                     10
การย่ อยอาหารของจุลินทรี ย์
ดารงชีวตเป็ นผูยอยสลายสารอินทรี ยในระบบนิเวศสิ่ งมีชีวตเหล่านี้ส่วนใหญ่ จะมีการย่อยอาหาร
        ิ      ้่                    ์                ิ
โดยปล่อยเอนไซม์ออกมานอกเซลล์ เพื่อย่อยสารอินทรี ย ์ จนเป็ นสารอาหารโมเลกุลเล็ก
(Extracellular digestion) แล้วจึงดูดซึ มเข้าสู่ เซลล์




                                                                                           11
การย่ อยอาหารของอะมีบา




-มีการนาอาหารเข้ าสู่เซลล์ ร่างกายโดยตรง
-ย่ อยอาหารภายในเซลล์ (intracellular digestion)
-เคลื่ อนย้ ายสารอาหารที่ย่อยได้ จาก food vacuole สู่ไซโตพลาสม
-ขับกากอาหารออกทาง anal pore

                                                                 12
การย่ อยอาหารของพารามีเซียม
                         -มีการนาอาหารเข้ าสู่เซลล์ ร่างกายโดยตรง
                         -ย่ อยอาหารภายในเซลล์ (intracellular
                          digestion)
                         -เคลื่ อนย้ ายสารอาหารที่ย่อยได้ จาก food
                          vacuole สู่ไซโตพลาสม
                         -ขับกากอาหารออกทาง anal pore




                                                            13
การย่ อยอาหารของสัตว์ ท่ไม่ มีทางเดินอาหาร
                           ี
                         ฟองนา (Spongy)
                             ้
                                                              ่
ฟองน้ ากินอาหารโดยการจับอนุภาคอาหารขนาดเล็กที่ปะปนอยูในน้ าทะเล
ซึ่งถูกพัดพาผ่านรู เล็ก ๆ ของช่องน้ าเข้า ถูกกรองเข้าไปในตัวฟองน้ า โดย
เซลล์ที่มีแฟลกเจลลัมซึ่งเรี ยกว่า โคแอนโนไซต์ (Choanocyte) โบกน้ าผ่าน
เข้ามาและใช้เมือกจับอนุภาคอาหารนั้น แล้วใช้กระบวนการฟาโกไซโทซิส
จับอาหารเข้าเซลล์พร้อมกับสร้างฟูดแวคิวโอล (Food vacuole) อาหารจะ
ถูกย่อยและส่ งไปตามส่ วนต่าง ๆ โดยเซลล์ อะมีโบไซต์ (Amoeocyte)

                                                                     14
ภาพแสดงการกินอาหารของฟองน้า




                              15
Intracellular and extracellular digestion
   - พบในหนอนตัวแบน(พลานาเรี ย) และ cnidarians(เช่น แมงกะพรุน, ไฮดรา)

                                  -มี gastrovascular cavity ที่เป็ นช่ องสาหรั บนา,
                                                                                 ้
                                   อาหาร และอากาศเข้ าสู่ร่างกาย
                                 -ทางเข้ าและออกของอาหารเป็ นทางเดียวกัน
                                  (incomplete digestive tract)
                                  -หลังจากอาหารเข้ าสู่ gastrovascular cavity
                                   จะมีการปล่ อยเอนไซม์ จากเซลล์ ออกมาย่ อย
                                   เรี ยกการย่ อยนีว่า extracellular digestion
                                                   ้
                                  -อาหารที่ ย่อยแล้ วยังมีขนาดใหญ่ อยู่ จะถูก
                                   นาเข้ าสู่เซลล์ โดยวิธี phagocytosis
                                   และย่ อยต่ อไป
                                                                            16
ขันตอนการย่ อยแบบ extracellular digestion ในไฮดรา
  ้




                                                    17
18
พลานาเรีย (Planaria)
เป็ นสัตว์พวกหนอนตัวแบนชนิดหนึ่งที่ดารงชีพอิสระ จับเหยือโดยการปล่อย
                                                          ่
เมือกออกมาและใช้ลาตัวคลุมลงบนตัวเหยือ เหยือจะถูกเมือกพันตัวทาให้
                                        ่     ่
เคลื่อนไหวไม่ได้ และจะใช้งวงหรือฟาริงซ์ ยนออกมาดูดของเหลวในตัวเหยือ
                                          ื่                        ่
เป็ นอาหาร หรื อกลืนเหยือเข้าไปช่ องแกสโทรวาสคิวลาร์ ที่แตกแขนงทอดยาว
                        ่
ไปตามลาตัว เซลล์ต่อมที่อยูตามผนังทางเดินอาหารจะปล่อยเอนไซม์ออกมา
                            ่
                          ่
ย่อยอาหาร และชิ้นส่ วนที่ยอยแล้วจะมีเซลล์ที่ผนังทางเดินอาหารโอบล้อม
อาหารเข้าไปย่อยภายในเซลล์ต่อ ส่ วนกากอาหารที่ยอยไม่ได้กจะกลับออกมา
                                                 ่          ็
ทางปาก (ภาพที่ 1.9)
                                                                  19
ภาพแสดงลักษณะทางเดินอาหารของพลานาเรีย




                                        20
พยาธิใบไม้ (Fluke)




เป็ นสัตว์กลุมเดียวกับหนอนตัวแบน มีทางเดินอหารคล้ ายพลานาเรี ยมีปากไม่มี
            ่
ทวารหนักลักษณะทางเดินอาหารไม่มีกิ่งก้ านสาขามากบริ เวณส่วนหัวมี
อวัยวะดูดเกาะ (Oral sucker) ใช้ ดดเลือดจากเหยื่อเข้ าปาก ต่อจากปากเป็ น
                                 ู
คอหอยและลาไส้ แยกออกเป็ นแขนง กาย่อยอาหารเป็ นการย่อยแบบภายในเซลล์         21
พยาธิตัวตืด (Tape worm)
เป็ นสัตว์กลุ่มเดียวกับหนอนตัวแบน บริ เวณส่ วนหัวมีอวัยวะ
                     ่
ดูดเกาะหลายอันอยูรอบ ๆ ส่ วนหัว เรี ยกว่า สโคเล็กซ์
(Scolex) ไม่ มทางเดินอาหารจึงต้องดูดซึ มสารอาหารที่ยอย
                ี                                     ่
แล้วจากทางเดินอาหารของผูถูกอาศัย (Host) เข้าสู่ ร่างกาย
                           ้
โดยไม่ตองย่อย(ภาพที่ 1.11)
         ้


                                                        22
ภาพแสดงโครงสร้ างของพยาธิตัวตืด




                                  23
การย่ อยอาหารของสั ตว์ ทมีทางเดินอาหารสมบูรณ์
                            ี่
              หนอนตัวกลม (Nematode)
เป็ นสั ตว์ พวกแรกทีมทางเดินอาหารสมบูรณ์ ประกอบด้วย ปาก (Mouth)
                    ่ ี
คอหอย(Pharynx) ซึ่งมีลกษณะเป็ นท่อยาวที่มีกล้ามเนื้อบุผนังหนามาก ช่อง
                           ั
ภายในค่อนข้างแคบ การบีบตัว การคลายตัวของกล้ามเนื้อบุผนังฟาริ งซ์ จะทา
ให้เกิดแรงดูด ทาให้อาหาร เคลื่อนเข้าสู่ ลาไส้ (Intestine) ซึ่งเป็ นท่อยาวมีลิ้น
                        ั
ปิ ดเปิ ดระหว่างลาไส้กบคอหอย การย่อยอาหารและดูดซับอาหารเกิดขึ้นภาย
ในลาไส้ การย่อยอาหารเป็ นการย่อยแบบภายนอกเซลล์ จากนั้นขับกากออก
ทางทวารหนัก (Anus) (ภาพที่ 1.12) สาหรับหนอนตัวกลมที่เป็ นปรสิ ต มักจะ
            ่                       ่
กินเนื้อเยือต่าง ๆ หรื อกินอาหารที่ยอยแล้วของผูถูกอาศัย
                                                 ้
                                                                            24
ภาพทีแสดงลักษณะทางเดินอาหารของหนอนตัวกลม
     ่

ปาก   คอหอย    ลาไส้เล็ก   ไส้ตรง   ทวารหนัก




                                               25
ภาพทีแสดงลักษณะทางเดินอาหารของหนอนมีปล้ อง
         ่

-มีทางเปิ ดของปาก(mouth)และ
ทวารหนัก(anus)
 แยกกันเรี ยก complete
digestive tract หรื อ
 alimentary canal
 -crop และกระเพาะอาหารทา
 หน้ าที่เก็บอาหาร
  (บางครั งอาจมีการย่ อย)
           ้
 -gizzard ทาหน้ าที่บดอาหาร


     Extracellular digestion in complex animals
     พบในสัตว์ ส่วนใหญ่ ตังแต่ หนอนตัวกลมจนถึงสัตว์ มีกระดูกสันหลัง
                          ้                                           26
27
แมลง (Insect)
ทางเดินอาหารคล้ายกับพวกแอนเนลิด แต่อวัยวะต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปบ้าเพื่อ
เพิ่มประสิ ทธิภาพในการกินอาหาร หรื อเพื่อให้เหมาะกับชนิดของอาหาร เช่น
ปากของแมลง มีหลายชนิด มักใช้ นาลายในการดูดอาหาร โดยยุง
                                     ้
ใช้น้ าลายพ่นใส่ เลือดเพื่อไม่ให้เลือดแข็งตัว ยุงจึงดูดไปใช้ได้ ผีเสื้ อดูน้ าหวาน
โดยใช้งวงซึ่งม้วนเป็ นวงดูดเข้าไป ส่ วนแมลงวันปล่อยน้ าลายออกมาละลา
                                             ่
อาหารแล้วจึงดูดอาหารเข้าปาก จึงเห็นได้วาการทาให้อาหารเปลี่ยนสภาพมี
ขนาดเล็กลงนั้นเริ่ มต้นที่ปาก

                                                                              28
ภาพที่ 1.14 แสดงลักษณะปากของแมลงชนิดต่ าง ๆ




                                              29
หากนาตักแตนมาผ่าดูทางเดินอาหาร จะพบว่าประกอบด้วยปาก (Mouth) ถัดไปเป็ นคอ
           ๊
                                                                    ่
หอย(Pharynx) หลอดอาหาร (Esophagus) เป็ นทางเดินอาหารที่คอย ๆ พองออกจนเป็ นถุง
ใหญ่เรี ยกว่า ถุงพักอาหาร (Crop) สองข้างของหลอดอาหารมีต่อมนาลาย(Salivary gland)
                                                                      ้
สี ขาว รู ปร่ างคล้ายกิ่งไม้ ส่ วนปลายของถุงพักอาหารนี้มีกระเปาะแข็ง ๆ เรี ยกว่าโปรเวนตริ
คูลส หรื อกึน (Proventiculus หรือ Gizzard) ภายในมีหนามแหลม ๆ ยืนออกไปรวมกัน
     ั         ๋                                                         ่
ตรงกลางมีไว้เพื่อใช้กรองอาหาร ส่ วนที่ต่อกับกึ๋นมีถุงเล็ก ๆ รู ปร่ างคล้ายนิ้วมือ 8 ถุง
เรี ยกว่า แกสตริกซีกา (Gastric ceca) เชื่อกันว่าทาหน้าที่สร้างน้ าย่อย ช่วงนี้จะต่อกับ
ทางเดินอาหารส่ วนกลาง (Mid gut) ตอนกลางของลาตัวจะมีอวัยวะกาจัดของเสี ย เรี ยกว่า
                                                                        ่ ั
หลอดมัลพิเกียน (Malpighian tubule) เป็ นเส้นฝอยบาง ๆ สี เหลืองอยูกนเป็ นกระจุก
ถัดไปเป็ นโคลอน (Colon) เป็ นส่ วนหนึ่ งของลาไส้ใหญ่ ส่ งกากอาหารไปยังไส้ ตรง
(Rectum) แล้วจึงเปิ ดออกที่ทวารหนัก (Anus) (ภาพ)
                                                                                     30
ภาพแสดงลักษณะทางเดินอาหารของตั๊กแตน




                                      31
32
ปลา (Fish)
• เป็ นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง ปลากินอาหารหลากหลายชนิด สามารถแยก
  ออกเป็ นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ แพลงก์ตอน พืช สั ตว์ ปลาที่กินอาหารแต่ละชนิด
  จะมีความแตกต่างของอวัยวะย่อยอาหารตั้งแต่ลกษณะของปาก ฟัน และ
                                               ั
  ทางเดินอาหาร
• ปลาที่กนแพลงก์ ตอนเป็ นอาหาร ตัวอย่างเช่นปลาทู (Reatrelliger spp.) ปลา
          ิ
  อกแล (Sardinella spp.) ปลาแป้ น (Leiognathus spp.) ปลาเหล่านี้มีฟันขนาด
  เล็กมาก หรื อไม่มีฟันเลย นอกจากนั้นขากรรไกรก็ไม่แข็งแรง ปลาแป้ นมีปาก
  ขนาดเล็ก แต่ยดออกไม่ได้ ส่วนปลาปากแตร (Fistularidae) ปากคล้ายหลอด
                   ื
  ดูด สาหรับดูดกินแพลงก์ตอน
                                                                      33
• ปลาตะเพียนปลาในมีฟันบดบริ เวณคอหอยสาหรับบดพืชน้ าหรื อสาหร่ ายที่กินเข้าไปให้
  ละเอียด
• ปลาพวกมีปากแข็งแรง เช่น ปลกนกแก้ว ปลาสลิดหิ น มีฟันขุดมีลกษณะคล้าจะงอยปากนก
                                                                     ั
                             ่
  เพื่อใช้ขดกินสาหร่ ายที่อยูในหิ นปะการัง
           ุ
• สาหรับปลาล่ าเหยือ เช่น ปลาอินทรี ย ์ ปลาปากคม ส่ วนมากมีขากรรไกรทั้งล่างและบน
                    ่
  แข็งแรงดี มีฟันแหลมคม มองเห็นได้ชดเจน ปลาพวกนี้จบเหยือทีละตัวพวกปลากระเบน มี
                                          ั                 ั ่
  ฟันแผงแข็งแรง จนสามารถใช้ขบเปลือกหอยให้แตกเพื่อกินเนื้อหอย
• สาหรับที่พนปากมีลนขนาดเล็กมาที่ไม่ใช้งาน ทาหน้าที่รับสัมผัสอาหาร เมื่ออาหารเข้าปาก
               ื้     ิ้
  แล้วก็จะเคลื่อนผ่านคอหอยหลอดอาหาร กระเพาะอาหารลาไส้ ไพโลริ กซี กา (Pyloric ceca)
  พบเฉพาะปลากินเนื้อ และออกมาทางทวารหนัก โดยการย่อยอาหาร จะอาศัยต่อมสร้าง
  น้ าย่อย ที่ประกอบด้วย ตับ(Liver) ซึ่ งมีถุงนาดี(Gall bladder) เก็บน้ าดี และตับอ่ อน
                                               ้
  (Pancreas) สร้างน้ าย่อย
                                                                                 34
ภาพแสดงลักษณะทางเดินอาหารของปลา




                                  35
นก (Bird)
• นกกินอาหารที่มีพลังงานสู งและมีการย่อยอาหารอย่างรวดเร็ ว นกไม่ มฟัน
                                                                   ี
  และต่ อมนาลายเจริญไม่ ดี แต่สามารถสร้างเมือกสาหรับคลุกเคล้าอาหาร
              ้
  และหล่อลื่น ลิ้นมีต่อมรับรสน้อยแต่กรับรสได้บาง คอหอยสั้น หลอด
                                     ็         ้
  อาหารค่อนข้างยาวมีผนังกล้ามเนื้อตอนปลายมีกระเพาะพักอาหาร
  (Crop) มีหน้าที่เก็บอาหาร และนาไปย่อยในกระเพาะอาหาร (Stomach
  หรือ Proventriculus)
• สร้างน้ าย่อย ถัดไปเป็ นกระเพาะบดหรือกึน (Gizzard) มีกล้ามเนื้อหนา
                                         ๋
  ผนังด้านในเป็ นสันใช้บดอาหาร นอกจากนี้นกยังมีการกลืนก้อนกรวด
  ขนาดเล็กเข้าไปช่วยในการบดอาหาร ถัดไปเป็ นลาไส้เล็ก ลาไส้ใหญ่ และ
  โคลเอกา            (ภาพที่ 1.17)
                                                                  36
ภาพที่ 1.17 แสดงลักษณะทางเดินอาหารของนก




                                          37
38
การย่ อยอาหารในกระเพาะอาหารของสัตว์ เคียวเอือง
                                                ้ ้
1)เริ่ มแรกวัวจะเคียวและ
                   ้              4)วัวจะกลืนcudจาก(3)กลับเข้ าสู่กระเพาะ
กลืนหญ้ า ในรู ปของbolus          ส่ วน omasum ที่มีการดูดนากลับ
                                                           ้
เข้ าสู่rumen
                                                             2)bolusบางส่ วนอาจเคลื่อนเข้ าสู่
                                                             reticulum ทังrumenและreticulum
                                                                         ้
                                                             มีsymbiotic prokaryotesและ
                                                             protistsทาหน้ าที่ย่อยเซลลูโลส
                                                             และหลั่งกรดอะมิโนออกมา

                                                              3)อาหาร(cud)บางส่ วนจาก(2)จะ
                                                              ถูกนากลับออกมาเคียวใหม่
                                                                                 ้

 5)cudที่ มีปริมาณจุลินทรีย์มากๆ จะเคลื่อนสู่กระเพาะส่ วน abomasum กระเพาะส่ วนนีมีการ
                                                                                    ้
  หลั่งเอนไซม์ ออกมาย่ อยอาหาร ดังนันอาจถือได้ ว่าส่ วนนีเ้ ป็ นกระเพาะอาหารที่แท้ จริง
                                      ้
   และ 3 ส่ วนแรกถือเป็ นส่ วนขยายของหลอดอาหาร                                          39
กระเพาะอาหารของสั ตว์ เคียวเอือง
                         ้ ้
1. รูเมน (Rumen) หรือกระเพาะผ้ าขีริ้ว
                                  ้




                                         40
2. เรติควลัม (Reticulum) หรือกระเพาะรังผึง
        ิ                                ้




                                             41
3.โอมาซัม (Omasum)หรือกระเพาะสามสิ บกลีบ




                                           42
4. แอบโอมาซัม (Abomasum) กระเพราะแท้ จริง




                                            43
ภาพแสดงลักษณะกระเพาะอาหารของสั ตว์ เคียวเอือง
                                      ้ ้




                                                44
กระบวนการกินอาหาร (food processing) ประกอบด้ วย
1. Ingestion (การกิน)
   การนาอาหารเข้ าสู่ร่างกาย
2. Digestion (การย่ อย)
   การทาให้ อาหารที่กินเข้ า
   ไปมีขนาดเล็กลง
 2.1 Mechanical digestion
   -การเคียว
           ้
 2.2 Chemical digestion
    -การย่ อยโดยเอนไซม์
3. Absorption (การดูดซึม)
4. Elimination (การขับออก)




                                                          45
ระบบทางเดินอาหารของคน
ประกอบด้ วย
1. ช่ องปาก (oral cavity)
2. คอหอย (pharynx)
3. หลอดอาหาร
   (esophagus)
4. กระเพาะอาหาร
   (stomach)
5. ลาไส้ เล็ก
 (small intestine)
6. ลาไส้ ใหญ่
 (large intestine or colon)
7. ลาไส้ ตรง (rectum)
8. ทวารหนัก (anus)

                                                 46
ช่ องปาก (oral cavity)

-ในช่ องปากมีต่อมนาลาย 3 คู่
                      ้                  -ในนาลายมีนาย่ อย amylase
                                             ้        ้
-นาลายประกอบด้ วยสารไกลโคโปรตีน
    ้                                    สาหรั บย่ อยแปงและไกลโคเจน
                                                        ้
 ที่มีลักษณะลื่น เรี ยก mucin มีบทบาท    -ลินในช่ องปากทาหน้ าที่คลุกเคล้ า
                                            ้
 ในการทาให้ อาหารลื่น กลืนง่ าย          อาหารให้ เป็ นก้ อนเรี ยก bolus
 ปองกันเยื่อบุช่องปากและฟั นไม่ ให้ ผุ
  ้




                                                                       47
The major salivary glands




                            48
ฟัน
• ฟันแต่ ละซี่มี 2 ส่ วน คือ ตัวฟัน (crown) และรากฟัน (root)
• ส่ วนนอกสุ ดของตัวฟัน คือ สารเคลือบฟัน ( enamel)
• ถัดมาเป็ นชิ้นเนือฟัน ( dentine) และโพรงฟัน ( pulp cavity )
                   ้




                         ส่ วนประกอบต่ างๆ ของฟัน               49
ต่ อมนาลาย
                                ้
•   มี 3 คุ่ อยูขางกกหู ใต้ลิ้น และใต้ขากรรไกร
                ่ ้
•   ผลิตน้ าลายวันละประมาณ 1-1.5 ลิตร
•   น้ าลายมีน้ าเป็ นองค์ประกอบร้อยละ 99.5 มี pH 6.2-7.4
•   มีส่วนประกอบที่เป็ นเมือก ทาหน้าที่หล่อลื่นอาหาร
•   มีเอนไซม์อะไมเลสย่อยแป้ ง




                                                            50
คอหอยและหลอดอาหาร(pharynx and esophagus)




                                               3.esophageal sphincter
1.เมื่ อไม่ มีอาหาร 2.เมื่ ออาหารมาถึงคอ       คลายตัวอาหารเคลื่อนสู่
esophageal          หอยจะกระตุ้นการกลืน หลอดอาหาร
sphincterหดตัว      กล่ องเสียง(larynx)และ
                                               4.กล้ ามเนือหด-คลายตัวเป็ น
                                                          ้
epiglottisยกขึน ้   glottisยกตัวขึน epiglottis
                                  ้
                                               จังหวะ(peristalsis)ดันอาหาร
glottisเปิ ด        เคลื่อนตัวลงมาปิ ด
                                               จากหลอดอาหาร
-ทางเดินหายใจเปิ ด -ทางเดินหายใจปิ ด
                                               สู่กระเพาะอาหาร
-ทางเดินอาหารปิ ด -ทางเดินอาหารเปิ ด                                         51
การย่ อยอาหารในช่ องปากของคน




                               52
การย่ อยอาหารในกระเพาะอาหาร

     ่
• อยูภายในช่องท้องด้านซ้าย ใต้กระบังลม
                                         ่
• มีผนังกล้ามเนื้อหนา แข็งแรงมาก ยืดหยุนได้ดี
• ขยายความจุได้ถึง 500-2,000 ลบ.ซม.
• มีกล้ามเนื้อหูรูด 2 แห่ง คือ ติดกับหลอดอาหาร
 และบริ เวณต่อกับลาไส้เล็ก
• ผนังด้านในของกระเพาะอาหารบุดวยเซลล์บุผิว 3 ชนิด
                                      ้


                                                    53
กระเพาะอาหาร (stomach)




                         54
กระเพาะอาหาร(stomach)
 ต่ อมแกสตริก (gastric gland) ประกอบด้ วยเซลล์ 3 ชนิด
                 1.mucous cell หลั่งเมือกปองกันไม่ ให้
                                          ้
                  เซลล์ กระเพาะถูกย่ อย
                 2.parietal cell หลั่งกรดเกลือ (HCl)

                 3.chief cell หลั่ง pepsinogen
                  กรดเกลือเปลี่ยน pepsinogen
                  เป็ น pepsin
                 acid chyme ส่ วนผสมของอาหารที่
                            กลืนลงไปกับนาย่ อย
                                        ้

                                                  55
โครงสร้ างกระเพาะอาหาร




                         56
สรุปการย่ อยอาหารในกระเพาะอาหาร

กระเพาะอาหาร ผนังกระเพาะฮอร์ โมนแกสตริน
             หลัง
                ่             กระตุนการหลัง
                                   ้      ่
               กรดไฮโดรคลอริ ก     &      เพปซิ โนเจน
 อาหาร
                                 เพนซิน
                                       ย่อย

                           พันธะเพปไทด์
                                       ได้
              พอลิเพปไทด์ขนาดเล็ก + ไดเพปไทด์ + กรดอะมิโน
                                                            57
การย่ อยอาหารในกระเพาะอาหารของคน




                                   58
การย่ อยอาหารในลาไส้ เล็ก
            ่                          ่
• อาหารที่ยอยแล้วบางส่ วนและยังไม่ได้ยอยจะเคลื่อนผ่าน
  กล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะอาหารเข้าสู่ลาไส้เล็ก
• ลาไส้เล็กมีลกษณะเป็ นท่อ 6-7 เมตร แบ่งเป็ น 3 ส่ วน
               ั
       1. ดูโอดินม ยาวประมาณ 25 cm.
                   ั
       2. เจจูนม ยาวประมาณ 2.50 m.
                 ั
       3. ไอเลียม ยาวประมาณ 4 m.
• การย่อยอาหารในลาไส้เล็กเกี่ยวข้องกับการทางานของตับอ่อน
 และผนังลาไส้เล็ก

                                                       59
ลาไส้ เล็ก(small intestine)

                                             -เป็ นส่ วนที่มีการย่ อยและดูดซึมอาหาร
                                              มากที่สุด


                                                -เป็ นส่ วนที่ยาวที่สุดของทางเดินอาหาร
                                                 ในคน ยาว 6 ม.



-ส่ วนต้ นของลาไส้ เล็กเรี ยก duodenum ยาว 25ซม. ทาหน้ าที่รับอาหาร(acid chyme)จาก
กระเพาะอาหาร และย่ อยต่ อโดยอาศัยนาย่ อยจากตับอ่ อน นาดีจากตับและถุงนาดี และ
                                        ้                   ้               ้
นาย่ อยจากลาไส้ เล็กเอง
  ้
                                                                               60
การย่ อยโปรตีนในลาไส้ เล็กของคน
                      ในลาไส้ เล็กมี peptidase enzyme 2 ชนิด
                      1.Endopeptidase สลายพันธะเปปไทด์ ในสายโปรตีน
                      เช่ น trypsin, chymotrypsin
                      2.Exopeptidase สลายพันธะเปปไทด์ จากปลายด้ าน
                                นอกของสายโปรตีน เช่ น carboxypeptidase,
                                 aminopeptidase (สร้ างจากเซลล์ ลาไส้ เล็ก)

                                    -dipeptidase ย่ อย dipeptide



-เปปไทด์ เล็กๆจะถูกย่ อยต่ อโดยdipeptidaseได้ เป็ นกรดอะมิโน
                                                                     61
การทางานร่ วมกันของเอนไซม์จากตับอ่อนและลาไส้เล็กสร้างน้ าย่อยโปรตีน




                                                                      62
การย่ อยไขมันในลาไส้ เล็กของคน

              • ตับทำหน้ำที่สร้ำงน้ ำดี (bile) เก็บไว้ที่ถุง
              น้ ำดี ( gall bladder )
              • น้ ำดีมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ เกลือน้ ำดี
              (bile salt) ช่วยให้ไขมันแตกตัวเป็ นหยด
              ไขมันเล็กๆ และแทรกรวมกับน้ ำได้ในรู ป
              อิมลชัน (emulsion)
                   ั
              • ตับอ่อนและเซลล์ที่ผนังลำไส้เล็กจะสร้ำง
                                                    ่
              เอนไซม์ลิเพส ซึ่ งจะย่อยไขมันที่อยูในรู ป
              อิมลชันให้เป็ นกรดไขมันและกลีเซอรอล
                     ั
              • เกลือน้ ำดีถกดูดซึ มที่ลำไส้ใหญ่ เพื่อให้ตบ
                             ู                               ั
              นำกลับมำใช้ใหม่
                                                          63
การย่ อยคาร์ โบไฮเดรต

• ตับอ่อนสร้างเอนไซม์อะไมเลสแล้วส่ งมาที่ลาไส้เล็ก
 เพื่อย่อยแป้ งไกลโคเจนและเดกซ์ทริ นให้เป็ นมอลโทส
• เซลล์ผนังด้านในลาไส้เล็กส่ วนดูโอดินม
                                      ั
 จะผลิตเอนไซม์มอลโทสย่อยมอลโทส
• ผนังลาไส้เล็กผลิตเอนไซม์ซูเครสย่อยซูโครส
 ให้เป็ นกลูโคสและฟรักโทส และเอนไซม์แลกเทส
 ย่อยแลกเทสให้เป็ นกลูโคส และกาแลกโทส
                                                     64
การย่ อยอาหารในลาไส้ เล็กของคน




sucrase, maltase, lactase



                                       65
การดูดซึมอาหารในลาไส้ เล็กของคน
• ความหนาแน่นของวิลลัส 20-40 หน่วยต่อ 1 ตร.มม.ภายในวิลลัสมีหลอดเลือดฝอยและท่อน้ าเหลือง




          -การดูดซึมสารอาหารส่ วนใหญ่ เกิดที่ลาไส้ เล็ก(jejunumและileum)                  66
          -เกิดเล็กน้ อยที่ลาไส้ ใหญ่
การดูดซึมอาหาร • เป็ นกระบวนการนาสารอาหารเข้าสู่เซลล์

กระเพาะอาหาร     • ดูดซึมสารที่ละลายในลิพิดได้ดี เช่น แอลกอฮอล์
                  และยาบางชนิด


 ลาไส้ เล็ก      • ดูดซึ มสารอาหาร น้ า วิตามิน และแร่ ธาตุๆ
                 • ผนังด้านในของลาไส้เล็กบุดวยเซลล์บุผวชั้นเดียว
                                                 ้           ิ
                  เรี ยกว่า วิลลัส (vilus) ทาหน้าที่ดูดซึ มสารอาหาร



                                                                      67
การดูดซึมสารอาหารโปรตีน และนาตาล
                             ้
กรดอะมิโน มอโนแซ็คคาไรด์


      ไมโครวิลลัส

      หลอดเลือดฝอย                   อวัยวะ
                                     ร่ างกาย
                       ตับ
                             หัวใจ

                                            68
การดูดซึมสารอาหารพวกไขมัน

                      กรดไขมัน+กลีเซอรอล

                         ไมโครวิลลัส
อวัยวะ/
ร่ างกาย
                        ไตรกลีเซอไรด์   ที่วิลลัส




หัวใจ                 หลอดนาเหลืองฝอย
                           ้
                                                    69
ลาไส้ ใหญ่ (lage intestine)


• ยาวประมาณ 1.50 เมตร
• ประกอบด้วยส่ วนโคลอน
 ไส้ตรง (rectum)
 และทวารหนัก (anus)




                               ส่ วนประกอบของลาไส้ ใหญ่   70
การดูดซึมสารอาหารที่ลาไส้ ใหญ่

• ดูดซึมน้ ำ วิตำมิน และแร่ ธำตุ
• มีแบคทีเรี ยพวก Escherichia coli
  ช่วยสังเครำะห์วตำมิน K B12
                   ิ
  กรดโฟลิก , ไบโอทิน


                                            71
กระบวนการย่ อยอาหารของคน

           4 ชม.           ลาไส้ใหญ่
 ปาก
                                8-9 ชม.
                            โคลอน
                                ชม.ที่ 12

ทวารหนัก                    ไส้ ตรง
                                            72
ลาไส้ ใหญ่ (large intestine) ลาไส้ ตรง(rectum) และทวารหนัก(anus)

-ลาไส้ ใหญ่ ทาหน้ าที่ดดนาและเกลือแร่
                       ู ้
-กากอาหารในลาไส้ ใหญ่ เคลื่อนแบบ peristalsisและอยู่ ในลาไส้ ใหญ่
นาน 12-24 ชม.

-ลาไส้ ตรงเป็ นที่เก็บกากอาหาร ซึ่งอุดมด้ วยจุลลินทรีย์และเซลลูโลส
-ระหว่ างลาไส้ ตรงและทวารหนักมีหรูด (sphincter) 2 อัน
                                   ู
 อันแรกอยู่ใต้ อานาจจิตใจ ส่ วนอีกอันอยู่นอกอานาจจิตใจ


                                                                73

More Related Content

PDF
ย่อยอาหาร
PDF
ชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive system
PDF
ชีววิทยาเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน Immune system
PDF
ระบบต่อมไร้ท่อ
PDF
อวัยวะรับความรู้สึก
PDF
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
PDF
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
PDF
อวัยวะรับความรู้สึก
ย่อยอาหาร
ชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive system
ชีววิทยาเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน Immune system
ระบบต่อมไร้ท่อ
อวัยวะรับความรู้สึก
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
อวัยวะรับความรู้สึก

What's hot (20)

PDF
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
PDF
ความหลากหลายทางชีวภาพ
PDF
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
PDF
ระบบย่อยอาหาร
PDF
ระบบขับถ่าย ม.2
PDF
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
PDF
มิวเทชัน (Mutation)
PDF
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
PDF
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
PDF
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
PDF
การแยกสาร (Purification)
PDF
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
PDF
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
DOCX
แบบทดสอบ สาระที่ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ
PDF
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
PDF
ระบบขับถ่าย
PDF
ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)
PDF
ระบบหายใจ (1-2560)
PDF
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
PDF
แบบทดสอบระบบประสาท
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
ระบบย่อยอาหาร
ระบบขับถ่าย ม.2
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
มิวเทชัน (Mutation)
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
การแยกสาร (Purification)
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
แบบทดสอบ สาระที่ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ระบบขับถ่าย
ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)
ระบบหายใจ (1-2560)
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
แบบทดสอบระบบประสาท
Ad

Viewers also liked (20)

PDF
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
PDF
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
PDF
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
PDF
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
PDF
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
PDF
Nervous system
PDF
ใบความรู้การย่อยอาหาร
PDF
หน่วยการเรียนรู้ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์.3
PPT
Ppt circuratory ระบบหมุนเวียนเลือด
PDF
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร
PDF
Microsoft word ใบกิจกรรมระบบหายใจสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและสัตว์
PDF
Digestive system mutipoint
PDF
บท2การศึกษาชีววิทยา
PDF
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4
PDF
ใบงาน 17.1 17.3
PDF
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
PDF
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
PDF
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
PDF
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
PPTX
โจทย์สารอินทรีย์พร้อมเฉลย
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
Nervous system
ใบความรู้การย่อยอาหาร
หน่วยการเรียนรู้ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์.3
Ppt circuratory ระบบหมุนเวียนเลือด
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร
Microsoft word ใบกิจกรรมระบบหายใจสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและสัตว์
Digestive system mutipoint
บท2การศึกษาชีววิทยา
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4
ใบงาน 17.1 17.3
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
โจทย์สารอินทรีย์พร้อมเฉลย
Ad

Similar to ระบบย่อยอาหาร - Digestive system (20)

PPT
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
PDF
หน่วยการเรียนรู้ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์.2
PDF
Ppt digestive system
PDF
ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร
PDF
ใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครู
PDF
ใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะ
PDF
sci access 14th : presentation digestive system & cellular respiration
DOCX
สรุปวิชาชีววิทยา เรื่องการย่อยอาหาร ม.4
PPT
ระบบย่อยอาหารและการสลายสารอาหารระดับเซลล์ 2
PPT
404766008
PDF
บทเรียนสำเร็จรูประบบย่อยอาหาร
PPT
การย่อยอาหารของคน
PPT
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
PPT
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
PPT
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
PDF
ระบบย่อยอาหารของสัตว์
PDF
ชุดกิจกรรม1
PPT
Maintenance of Life
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
หน่วยการเรียนรู้ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์.2
Ppt digestive system
ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร
ใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครู
ใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะ
sci access 14th : presentation digestive system & cellular respiration
สรุปวิชาชีววิทยา เรื่องการย่อยอาหาร ม.4
ระบบย่อยอาหารและการสลายสารอาหารระดับเซลล์ 2
404766008
บทเรียนสำเร็จรูประบบย่อยอาหาร
การย่อยอาหารของคน
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบย่อยอาหารของสัตว์
ชุดกิจกรรม1
Maintenance of Life

More from supreechafkk (8)

PDF
Energy of cell mutipoint
PDF
วิวัฒนาการ
PDF
พันธุกรรม
PDF
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
PDF
ระบบประสาท - Nervous system
PDF
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
PDF
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
PDF
Light microscope
Energy of cell mutipoint
วิวัฒนาการ
พันธุกรรม
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
ระบบประสาท - Nervous system
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
Light microscope

ระบบย่อยอาหาร - Digestive system

  • 3. การย่ อยอาหาร (Digestion) สิ่งมีชีวิตทุกชนิด มีความต้ องการหาอาหารเพื่อให้ ตนเองสามารถดารงชีพอยูบนโลกได้ ่ ดังนัน เราสามารถจะจาแนกสิงมีชีวิตตามการจัดหาอาหารออกเป็ น 2 พวกใหญ่ ๆ คือ ้ ่ 1. Autotroph คือสิงมีชีวิตที่สามารถสร้ างอาหารเองได้ จากสารอนินทรี ย์ ได้ แก่ การ ่ สังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) เช่นพวกพืชสีเขียวต่าง ๆ ได้ พลังงานในการ สังเคราะห์ด้วยแสงโดยใช้ พลังงานจากแสงอาทิตย์ และการสังเคราะห์ด้วยปฏิกิริยาเคมี (Chemosynthesis) เช่น ในแบคทีเรี ยบางชนิด อาศัยพลังงานจากปฏิกิริยาเคมี 2. Heterotroph คือสิงมีชีวิตที่สร้ างอาหารเองไม่ได้ ได้ แก่ พวกสัตว์ได้ อาหารจากสิ่งที่สร้ าง ่ มาแล้ ว เราสามารถแบ่งชนิดของสัตว์ตามเกณฑ์ตางๆ ได้ ดงนี ้ ่ ั แบ่ งตามชนิดของอาหารที่กนเข้ าไป ิ Herbivore สัตว์กินพืช เช่น กระต่าย กอริ ลลา วัว หอยทาก เป็ นต้ น Carnivore สัตว์ที่กินเนื ้อ เช่น เสือ แมว ฉลาม Omnivore สัตว์ที่กินทังพืชและสัตว์ เช่น แมลงสาบ อีกา และคน ้ 3
  • 4. ประเภทของการย่ อยอาหาร 1. การย่ อยภายในเซลล์ (Intracellular digestion) คือ การที่เซลล์ นาอาหารเข้ าไปภายในจนทาให้ เกิดถุงอาหาร (Food vacuole)แล้ วใช้ นาย่อยย่อยอาหารในเซลล์นนั้ 2.การย่ อยภายนอกเซลล์ (Extracellular digestion) คือ การที่ เซลล์ขบน ้าย่อยออกมาย่อยอาหารนอกเซลล์จนกลายเป็ นโมเลกุลเล็ก ๆ แล้ วดูดซึมไปใช้ ประโยชน์ต่อไป ั 4
  • 5. ประเภทของทางเดินอาหาร 1.ทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ (Complete digestive tract) ประกอบด้ วยช่องเปิ ด 2 ช่อง ทาหน้ าที่เป็ นปากและทวาร หนักตามลาดับ 2.ทางเดินอาหารแบบไม่ สมบูรณ์ (Incomplete digestive tract) ประกอบด้ วยช่องเปิ ดเพียง 1 ช่อง คือ อาหารเข้ าทางปากและ กากอาหารออกทางเดียวกัน 5
  • 7. หน้ าที่ของทางเดินอาหาร แบ่ งออกเป็ น 4 ประการ คือ 1. การกิน (Ingestion) เป็ นการนาอาหารเข้ าร่างกาย 2. การย่ อยอาหาร (Digestion) เป็ นการทาให้ ได้ สารอาหารเพื่อนาไปใช้ ได้ 3. การดูดซึม (Absorption) เป็ นการนาสารอาหารโมเลกุลเล็กเหล่านัน เข้ าสู่ ้ เซลล์ เพื่อเข้ าสูระบบไหลเวียนต่อไป ่ 4 .การขับออก (Elimination หรือ Egestion) โดยจะขับสารที่ย่อยไม่ได้ ออกเป็ นกากอาหาร 7
  • 9. หน้ าที่เหล่านีจะสาเร็จได้ ต้องมี 3 กระบวนการนี้ ้ 1.การเคลื่อนไหว (Motility) เป็ นการคลุกเคล้ าอาหารและผลักอาหารให้ เคลื่อนไปตามทางเดินอาหาร 2.การหลั่ง (Secretion) เป็ นการหลังน ้าย่อยจากต่อมมีทอตามทางเดินอาหาร ่ ่ 3.การขนส่ ง (Membrane transport) เป็ นกลไกการดูดซึมสารอาหาร รวมถึงการขนส่งไปยังเส้ นเลือดหรื อท่อ น ้าเหลือง 9
  • 10. ขันตอนของการย่ อยอาหาร ้ 1.การย่ อยเชิงกล (Mechanical digestion) เป็ นการย่อยอาหารโดยการบดหรื อเคี้ยวเพื่อให้อาหารมีขนาดเล็กลง เช่นใน vertebrate ใช้ฟันบดเคี้ยว ในไส้เดือนดินใช้กน (Gizzard) ึ๋ บด เป็ นต้น 2. การย่ อยเชิงเคมี (Chemical digestion) เป็ นการย่อยอาหาร โดยใช้น้ าย่อย หรื อเอนไซม์ (Enzyme) เข้าช่วย เพื่อให้อาหารมีโมเลกุลเล็กที่สุด แล้วจึงทาการดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้ 10
  • 11. การย่ อยอาหารของจุลินทรี ย์ ดารงชีวตเป็ นผูยอยสลายสารอินทรี ยในระบบนิเวศสิ่ งมีชีวตเหล่านี้ส่วนใหญ่ จะมีการย่อยอาหาร ิ ้่ ์ ิ โดยปล่อยเอนไซม์ออกมานอกเซลล์ เพื่อย่อยสารอินทรี ย ์ จนเป็ นสารอาหารโมเลกุลเล็ก (Extracellular digestion) แล้วจึงดูดซึ มเข้าสู่ เซลล์ 11
  • 12. การย่ อยอาหารของอะมีบา -มีการนาอาหารเข้ าสู่เซลล์ ร่างกายโดยตรง -ย่ อยอาหารภายในเซลล์ (intracellular digestion) -เคลื่ อนย้ ายสารอาหารที่ย่อยได้ จาก food vacuole สู่ไซโตพลาสม -ขับกากอาหารออกทาง anal pore 12
  • 13. การย่ อยอาหารของพารามีเซียม -มีการนาอาหารเข้ าสู่เซลล์ ร่างกายโดยตรง -ย่ อยอาหารภายในเซลล์ (intracellular digestion) -เคลื่ อนย้ ายสารอาหารที่ย่อยได้ จาก food vacuole สู่ไซโตพลาสม -ขับกากอาหารออกทาง anal pore 13
  • 14. การย่ อยอาหารของสัตว์ ท่ไม่ มีทางเดินอาหาร ี ฟองนา (Spongy) ้ ่ ฟองน้ ากินอาหารโดยการจับอนุภาคอาหารขนาดเล็กที่ปะปนอยูในน้ าทะเล ซึ่งถูกพัดพาผ่านรู เล็ก ๆ ของช่องน้ าเข้า ถูกกรองเข้าไปในตัวฟองน้ า โดย เซลล์ที่มีแฟลกเจลลัมซึ่งเรี ยกว่า โคแอนโนไซต์ (Choanocyte) โบกน้ าผ่าน เข้ามาและใช้เมือกจับอนุภาคอาหารนั้น แล้วใช้กระบวนการฟาโกไซโทซิส จับอาหารเข้าเซลล์พร้อมกับสร้างฟูดแวคิวโอล (Food vacuole) อาหารจะ ถูกย่อยและส่ งไปตามส่ วนต่าง ๆ โดยเซลล์ อะมีโบไซต์ (Amoeocyte) 14
  • 16. Intracellular and extracellular digestion - พบในหนอนตัวแบน(พลานาเรี ย) และ cnidarians(เช่น แมงกะพรุน, ไฮดรา) -มี gastrovascular cavity ที่เป็ นช่ องสาหรั บนา, ้ อาหาร และอากาศเข้ าสู่ร่างกาย -ทางเข้ าและออกของอาหารเป็ นทางเดียวกัน (incomplete digestive tract) -หลังจากอาหารเข้ าสู่ gastrovascular cavity จะมีการปล่ อยเอนไซม์ จากเซลล์ ออกมาย่ อย เรี ยกการย่ อยนีว่า extracellular digestion ้ -อาหารที่ ย่อยแล้ วยังมีขนาดใหญ่ อยู่ จะถูก นาเข้ าสู่เซลล์ โดยวิธี phagocytosis และย่ อยต่ อไป 16
  • 17. ขันตอนการย่ อยแบบ extracellular digestion ในไฮดรา ้ 17
  • 18. 18
  • 19. พลานาเรีย (Planaria) เป็ นสัตว์พวกหนอนตัวแบนชนิดหนึ่งที่ดารงชีพอิสระ จับเหยือโดยการปล่อย ่ เมือกออกมาและใช้ลาตัวคลุมลงบนตัวเหยือ เหยือจะถูกเมือกพันตัวทาให้ ่ ่ เคลื่อนไหวไม่ได้ และจะใช้งวงหรือฟาริงซ์ ยนออกมาดูดของเหลวในตัวเหยือ ื่ ่ เป็ นอาหาร หรื อกลืนเหยือเข้าไปช่ องแกสโทรวาสคิวลาร์ ที่แตกแขนงทอดยาว ่ ไปตามลาตัว เซลล์ต่อมที่อยูตามผนังทางเดินอาหารจะปล่อยเอนไซม์ออกมา ่ ่ ย่อยอาหาร และชิ้นส่ วนที่ยอยแล้วจะมีเซลล์ที่ผนังทางเดินอาหารโอบล้อม อาหารเข้าไปย่อยภายในเซลล์ต่อ ส่ วนกากอาหารที่ยอยไม่ได้กจะกลับออกมา ่ ็ ทางปาก (ภาพที่ 1.9) 19
  • 21. พยาธิใบไม้ (Fluke) เป็ นสัตว์กลุมเดียวกับหนอนตัวแบน มีทางเดินอหารคล้ ายพลานาเรี ยมีปากไม่มี ่ ทวารหนักลักษณะทางเดินอาหารไม่มีกิ่งก้ านสาขามากบริ เวณส่วนหัวมี อวัยวะดูดเกาะ (Oral sucker) ใช้ ดดเลือดจากเหยื่อเข้ าปาก ต่อจากปากเป็ น ู คอหอยและลาไส้ แยกออกเป็ นแขนง กาย่อยอาหารเป็ นการย่อยแบบภายในเซลล์ 21
  • 22. พยาธิตัวตืด (Tape worm) เป็ นสัตว์กลุ่มเดียวกับหนอนตัวแบน บริ เวณส่ วนหัวมีอวัยวะ ่ ดูดเกาะหลายอันอยูรอบ ๆ ส่ วนหัว เรี ยกว่า สโคเล็กซ์ (Scolex) ไม่ มทางเดินอาหารจึงต้องดูดซึ มสารอาหารที่ยอย ี ่ แล้วจากทางเดินอาหารของผูถูกอาศัย (Host) เข้าสู่ ร่างกาย ้ โดยไม่ตองย่อย(ภาพที่ 1.11) ้ 22
  • 24. การย่ อยอาหารของสั ตว์ ทมีทางเดินอาหารสมบูรณ์ ี่ หนอนตัวกลม (Nematode) เป็ นสั ตว์ พวกแรกทีมทางเดินอาหารสมบูรณ์ ประกอบด้วย ปาก (Mouth) ่ ี คอหอย(Pharynx) ซึ่งมีลกษณะเป็ นท่อยาวที่มีกล้ามเนื้อบุผนังหนามาก ช่อง ั ภายในค่อนข้างแคบ การบีบตัว การคลายตัวของกล้ามเนื้อบุผนังฟาริ งซ์ จะทา ให้เกิดแรงดูด ทาให้อาหาร เคลื่อนเข้าสู่ ลาไส้ (Intestine) ซึ่งเป็ นท่อยาวมีลิ้น ั ปิ ดเปิ ดระหว่างลาไส้กบคอหอย การย่อยอาหารและดูดซับอาหารเกิดขึ้นภาย ในลาไส้ การย่อยอาหารเป็ นการย่อยแบบภายนอกเซลล์ จากนั้นขับกากออก ทางทวารหนัก (Anus) (ภาพที่ 1.12) สาหรับหนอนตัวกลมที่เป็ นปรสิ ต มักจะ ่ ่ กินเนื้อเยือต่าง ๆ หรื อกินอาหารที่ยอยแล้วของผูถูกอาศัย ้ 24
  • 25. ภาพทีแสดงลักษณะทางเดินอาหารของหนอนตัวกลม ่ ปาก คอหอย ลาไส้เล็ก ไส้ตรง ทวารหนัก 25
  • 26. ภาพทีแสดงลักษณะทางเดินอาหารของหนอนมีปล้ อง ่ -มีทางเปิ ดของปาก(mouth)และ ทวารหนัก(anus) แยกกันเรี ยก complete digestive tract หรื อ alimentary canal -crop และกระเพาะอาหารทา หน้ าที่เก็บอาหาร (บางครั งอาจมีการย่ อย) ้ -gizzard ทาหน้ าที่บดอาหาร Extracellular digestion in complex animals พบในสัตว์ ส่วนใหญ่ ตังแต่ หนอนตัวกลมจนถึงสัตว์ มีกระดูกสันหลัง ้ 26
  • 27. 27
  • 28. แมลง (Insect) ทางเดินอาหารคล้ายกับพวกแอนเนลิด แต่อวัยวะต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปบ้าเพื่อ เพิ่มประสิ ทธิภาพในการกินอาหาร หรื อเพื่อให้เหมาะกับชนิดของอาหาร เช่น ปากของแมลง มีหลายชนิด มักใช้ นาลายในการดูดอาหาร โดยยุง ้ ใช้น้ าลายพ่นใส่ เลือดเพื่อไม่ให้เลือดแข็งตัว ยุงจึงดูดไปใช้ได้ ผีเสื้ อดูน้ าหวาน โดยใช้งวงซึ่งม้วนเป็ นวงดูดเข้าไป ส่ วนแมลงวันปล่อยน้ าลายออกมาละลา ่ อาหารแล้วจึงดูดอาหารเข้าปาก จึงเห็นได้วาการทาให้อาหารเปลี่ยนสภาพมี ขนาดเล็กลงนั้นเริ่ มต้นที่ปาก 28
  • 30. หากนาตักแตนมาผ่าดูทางเดินอาหาร จะพบว่าประกอบด้วยปาก (Mouth) ถัดไปเป็ นคอ ๊ ่ หอย(Pharynx) หลอดอาหาร (Esophagus) เป็ นทางเดินอาหารที่คอย ๆ พองออกจนเป็ นถุง ใหญ่เรี ยกว่า ถุงพักอาหาร (Crop) สองข้างของหลอดอาหารมีต่อมนาลาย(Salivary gland) ้ สี ขาว รู ปร่ างคล้ายกิ่งไม้ ส่ วนปลายของถุงพักอาหารนี้มีกระเปาะแข็ง ๆ เรี ยกว่าโปรเวนตริ คูลส หรื อกึน (Proventiculus หรือ Gizzard) ภายในมีหนามแหลม ๆ ยืนออกไปรวมกัน ั ๋ ่ ตรงกลางมีไว้เพื่อใช้กรองอาหาร ส่ วนที่ต่อกับกึ๋นมีถุงเล็ก ๆ รู ปร่ างคล้ายนิ้วมือ 8 ถุง เรี ยกว่า แกสตริกซีกา (Gastric ceca) เชื่อกันว่าทาหน้าที่สร้างน้ าย่อย ช่วงนี้จะต่อกับ ทางเดินอาหารส่ วนกลาง (Mid gut) ตอนกลางของลาตัวจะมีอวัยวะกาจัดของเสี ย เรี ยกว่า ่ ั หลอดมัลพิเกียน (Malpighian tubule) เป็ นเส้นฝอยบาง ๆ สี เหลืองอยูกนเป็ นกระจุก ถัดไปเป็ นโคลอน (Colon) เป็ นส่ วนหนึ่ งของลาไส้ใหญ่ ส่ งกากอาหารไปยังไส้ ตรง (Rectum) แล้วจึงเปิ ดออกที่ทวารหนัก (Anus) (ภาพ) 30
  • 32. 32
  • 33. ปลา (Fish) • เป็ นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง ปลากินอาหารหลากหลายชนิด สามารถแยก ออกเป็ นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ แพลงก์ตอน พืช สั ตว์ ปลาที่กินอาหารแต่ละชนิด จะมีความแตกต่างของอวัยวะย่อยอาหารตั้งแต่ลกษณะของปาก ฟัน และ ั ทางเดินอาหาร • ปลาที่กนแพลงก์ ตอนเป็ นอาหาร ตัวอย่างเช่นปลาทู (Reatrelliger spp.) ปลา ิ อกแล (Sardinella spp.) ปลาแป้ น (Leiognathus spp.) ปลาเหล่านี้มีฟันขนาด เล็กมาก หรื อไม่มีฟันเลย นอกจากนั้นขากรรไกรก็ไม่แข็งแรง ปลาแป้ นมีปาก ขนาดเล็ก แต่ยดออกไม่ได้ ส่วนปลาปากแตร (Fistularidae) ปากคล้ายหลอด ื ดูด สาหรับดูดกินแพลงก์ตอน 33
  • 34. • ปลาตะเพียนปลาในมีฟันบดบริ เวณคอหอยสาหรับบดพืชน้ าหรื อสาหร่ ายที่กินเข้าไปให้ ละเอียด • ปลาพวกมีปากแข็งแรง เช่น ปลกนกแก้ว ปลาสลิดหิ น มีฟันขุดมีลกษณะคล้าจะงอยปากนก ั ่ เพื่อใช้ขดกินสาหร่ ายที่อยูในหิ นปะการัง ุ • สาหรับปลาล่ าเหยือ เช่น ปลาอินทรี ย ์ ปลาปากคม ส่ วนมากมีขากรรไกรทั้งล่างและบน ่ แข็งแรงดี มีฟันแหลมคม มองเห็นได้ชดเจน ปลาพวกนี้จบเหยือทีละตัวพวกปลากระเบน มี ั ั ่ ฟันแผงแข็งแรง จนสามารถใช้ขบเปลือกหอยให้แตกเพื่อกินเนื้อหอย • สาหรับที่พนปากมีลนขนาดเล็กมาที่ไม่ใช้งาน ทาหน้าที่รับสัมผัสอาหาร เมื่ออาหารเข้าปาก ื้ ิ้ แล้วก็จะเคลื่อนผ่านคอหอยหลอดอาหาร กระเพาะอาหารลาไส้ ไพโลริ กซี กา (Pyloric ceca) พบเฉพาะปลากินเนื้อ และออกมาทางทวารหนัก โดยการย่อยอาหาร จะอาศัยต่อมสร้าง น้ าย่อย ที่ประกอบด้วย ตับ(Liver) ซึ่ งมีถุงนาดี(Gall bladder) เก็บน้ าดี และตับอ่ อน ้ (Pancreas) สร้างน้ าย่อย 34
  • 36. นก (Bird) • นกกินอาหารที่มีพลังงานสู งและมีการย่อยอาหารอย่างรวดเร็ ว นกไม่ มฟัน ี และต่ อมนาลายเจริญไม่ ดี แต่สามารถสร้างเมือกสาหรับคลุกเคล้าอาหาร ้ และหล่อลื่น ลิ้นมีต่อมรับรสน้อยแต่กรับรสได้บาง คอหอยสั้น หลอด ็ ้ อาหารค่อนข้างยาวมีผนังกล้ามเนื้อตอนปลายมีกระเพาะพักอาหาร (Crop) มีหน้าที่เก็บอาหาร และนาไปย่อยในกระเพาะอาหาร (Stomach หรือ Proventriculus) • สร้างน้ าย่อย ถัดไปเป็ นกระเพาะบดหรือกึน (Gizzard) มีกล้ามเนื้อหนา ๋ ผนังด้านในเป็ นสันใช้บดอาหาร นอกจากนี้นกยังมีการกลืนก้อนกรวด ขนาดเล็กเข้าไปช่วยในการบดอาหาร ถัดไปเป็ นลาไส้เล็ก ลาไส้ใหญ่ และ โคลเอกา (ภาพที่ 1.17) 36
  • 38. 38
  • 39. การย่ อยอาหารในกระเพาะอาหารของสัตว์ เคียวเอือง ้ ้ 1)เริ่ มแรกวัวจะเคียวและ ้ 4)วัวจะกลืนcudจาก(3)กลับเข้ าสู่กระเพาะ กลืนหญ้ า ในรู ปของbolus ส่ วน omasum ที่มีการดูดนากลับ ้ เข้ าสู่rumen 2)bolusบางส่ วนอาจเคลื่อนเข้ าสู่ reticulum ทังrumenและreticulum ้ มีsymbiotic prokaryotesและ protistsทาหน้ าที่ย่อยเซลลูโลส และหลั่งกรดอะมิโนออกมา 3)อาหาร(cud)บางส่ วนจาก(2)จะ ถูกนากลับออกมาเคียวใหม่ ้ 5)cudที่ มีปริมาณจุลินทรีย์มากๆ จะเคลื่อนสู่กระเพาะส่ วน abomasum กระเพาะส่ วนนีมีการ ้ หลั่งเอนไซม์ ออกมาย่ อยอาหาร ดังนันอาจถือได้ ว่าส่ วนนีเ้ ป็ นกระเพาะอาหารที่แท้ จริง ้ และ 3 ส่ วนแรกถือเป็ นส่ วนขยายของหลอดอาหาร 39
  • 40. กระเพาะอาหารของสั ตว์ เคียวเอือง ้ ้ 1. รูเมน (Rumen) หรือกระเพาะผ้ าขีริ้ว ้ 40
  • 41. 2. เรติควลัม (Reticulum) หรือกระเพาะรังผึง ิ ้ 41
  • 43. 4. แอบโอมาซัม (Abomasum) กระเพราะแท้ จริง 43
  • 45. กระบวนการกินอาหาร (food processing) ประกอบด้ วย 1. Ingestion (การกิน) การนาอาหารเข้ าสู่ร่างกาย 2. Digestion (การย่ อย) การทาให้ อาหารที่กินเข้ า ไปมีขนาดเล็กลง 2.1 Mechanical digestion -การเคียว ้ 2.2 Chemical digestion -การย่ อยโดยเอนไซม์ 3. Absorption (การดูดซึม) 4. Elimination (การขับออก) 45
  • 46. ระบบทางเดินอาหารของคน ประกอบด้ วย 1. ช่ องปาก (oral cavity) 2. คอหอย (pharynx) 3. หลอดอาหาร (esophagus) 4. กระเพาะอาหาร (stomach) 5. ลาไส้ เล็ก (small intestine) 6. ลาไส้ ใหญ่ (large intestine or colon) 7. ลาไส้ ตรง (rectum) 8. ทวารหนัก (anus) 46
  • 47. ช่ องปาก (oral cavity) -ในช่ องปากมีต่อมนาลาย 3 คู่ ้ -ในนาลายมีนาย่ อย amylase ้ ้ -นาลายประกอบด้ วยสารไกลโคโปรตีน ้ สาหรั บย่ อยแปงและไกลโคเจน ้ ที่มีลักษณะลื่น เรี ยก mucin มีบทบาท -ลินในช่ องปากทาหน้ าที่คลุกเคล้ า ้ ในการทาให้ อาหารลื่น กลืนง่ าย อาหารให้ เป็ นก้ อนเรี ยก bolus ปองกันเยื่อบุช่องปากและฟั นไม่ ให้ ผุ ้ 47
  • 48. The major salivary glands 48
  • 49. ฟัน • ฟันแต่ ละซี่มี 2 ส่ วน คือ ตัวฟัน (crown) และรากฟัน (root) • ส่ วนนอกสุ ดของตัวฟัน คือ สารเคลือบฟัน ( enamel) • ถัดมาเป็ นชิ้นเนือฟัน ( dentine) และโพรงฟัน ( pulp cavity ) ้ ส่ วนประกอบต่ างๆ ของฟัน 49
  • 50. ต่ อมนาลาย ้ • มี 3 คุ่ อยูขางกกหู ใต้ลิ้น และใต้ขากรรไกร ่ ้ • ผลิตน้ าลายวันละประมาณ 1-1.5 ลิตร • น้ าลายมีน้ าเป็ นองค์ประกอบร้อยละ 99.5 มี pH 6.2-7.4 • มีส่วนประกอบที่เป็ นเมือก ทาหน้าที่หล่อลื่นอาหาร • มีเอนไซม์อะไมเลสย่อยแป้ ง 50
  • 51. คอหอยและหลอดอาหาร(pharynx and esophagus) 3.esophageal sphincter 1.เมื่ อไม่ มีอาหาร 2.เมื่ ออาหารมาถึงคอ คลายตัวอาหารเคลื่อนสู่ esophageal หอยจะกระตุ้นการกลืน หลอดอาหาร sphincterหดตัว กล่ องเสียง(larynx)และ 4.กล้ ามเนือหด-คลายตัวเป็ น ้ epiglottisยกขึน ้ glottisยกตัวขึน epiglottis ้ จังหวะ(peristalsis)ดันอาหาร glottisเปิ ด เคลื่อนตัวลงมาปิ ด จากหลอดอาหาร -ทางเดินหายใจเปิ ด -ทางเดินหายใจปิ ด สู่กระเพาะอาหาร -ทางเดินอาหารปิ ด -ทางเดินอาหารเปิ ด 51
  • 53. การย่ อยอาหารในกระเพาะอาหาร ่ • อยูภายในช่องท้องด้านซ้าย ใต้กระบังลม ่ • มีผนังกล้ามเนื้อหนา แข็งแรงมาก ยืดหยุนได้ดี • ขยายความจุได้ถึง 500-2,000 ลบ.ซม. • มีกล้ามเนื้อหูรูด 2 แห่ง คือ ติดกับหลอดอาหาร และบริ เวณต่อกับลาไส้เล็ก • ผนังด้านในของกระเพาะอาหารบุดวยเซลล์บุผิว 3 ชนิด ้ 53
  • 55. กระเพาะอาหาร(stomach) ต่ อมแกสตริก (gastric gland) ประกอบด้ วยเซลล์ 3 ชนิด 1.mucous cell หลั่งเมือกปองกันไม่ ให้ ้ เซลล์ กระเพาะถูกย่ อย 2.parietal cell หลั่งกรดเกลือ (HCl) 3.chief cell หลั่ง pepsinogen กรดเกลือเปลี่ยน pepsinogen เป็ น pepsin acid chyme ส่ วนผสมของอาหารที่ กลืนลงไปกับนาย่ อย ้ 55
  • 57. สรุปการย่ อยอาหารในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหาร ผนังกระเพาะฮอร์ โมนแกสตริน หลัง ่ กระตุนการหลัง ้ ่ กรดไฮโดรคลอริ ก & เพปซิ โนเจน อาหาร เพนซิน ย่อย พันธะเพปไทด์ ได้ พอลิเพปไทด์ขนาดเล็ก + ไดเพปไทด์ + กรดอะมิโน 57
  • 59. การย่ อยอาหารในลาไส้ เล็ก ่ ่ • อาหารที่ยอยแล้วบางส่ วนและยังไม่ได้ยอยจะเคลื่อนผ่าน กล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะอาหารเข้าสู่ลาไส้เล็ก • ลาไส้เล็กมีลกษณะเป็ นท่อ 6-7 เมตร แบ่งเป็ น 3 ส่ วน ั 1. ดูโอดินม ยาวประมาณ 25 cm. ั 2. เจจูนม ยาวประมาณ 2.50 m. ั 3. ไอเลียม ยาวประมาณ 4 m. • การย่อยอาหารในลาไส้เล็กเกี่ยวข้องกับการทางานของตับอ่อน และผนังลาไส้เล็ก 59
  • 60. ลาไส้ เล็ก(small intestine) -เป็ นส่ วนที่มีการย่ อยและดูดซึมอาหาร มากที่สุด -เป็ นส่ วนที่ยาวที่สุดของทางเดินอาหาร ในคน ยาว 6 ม. -ส่ วนต้ นของลาไส้ เล็กเรี ยก duodenum ยาว 25ซม. ทาหน้ าที่รับอาหาร(acid chyme)จาก กระเพาะอาหาร และย่ อยต่ อโดยอาศัยนาย่ อยจากตับอ่ อน นาดีจากตับและถุงนาดี และ ้ ้ ้ นาย่ อยจากลาไส้ เล็กเอง ้ 60
  • 61. การย่ อยโปรตีนในลาไส้ เล็กของคน ในลาไส้ เล็กมี peptidase enzyme 2 ชนิด 1.Endopeptidase สลายพันธะเปปไทด์ ในสายโปรตีน เช่ น trypsin, chymotrypsin 2.Exopeptidase สลายพันธะเปปไทด์ จากปลายด้ าน นอกของสายโปรตีน เช่ น carboxypeptidase, aminopeptidase (สร้ างจากเซลล์ ลาไส้ เล็ก) -dipeptidase ย่ อย dipeptide -เปปไทด์ เล็กๆจะถูกย่ อยต่ อโดยdipeptidaseได้ เป็ นกรดอะมิโน 61
  • 63. การย่ อยไขมันในลาไส้ เล็กของคน • ตับทำหน้ำที่สร้ำงน้ ำดี (bile) เก็บไว้ที่ถุง น้ ำดี ( gall bladder ) • น้ ำดีมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ เกลือน้ ำดี (bile salt) ช่วยให้ไขมันแตกตัวเป็ นหยด ไขมันเล็กๆ และแทรกรวมกับน้ ำได้ในรู ป อิมลชัน (emulsion) ั • ตับอ่อนและเซลล์ที่ผนังลำไส้เล็กจะสร้ำง ่ เอนไซม์ลิเพส ซึ่ งจะย่อยไขมันที่อยูในรู ป อิมลชันให้เป็ นกรดไขมันและกลีเซอรอล ั • เกลือน้ ำดีถกดูดซึ มที่ลำไส้ใหญ่ เพื่อให้ตบ ู ั นำกลับมำใช้ใหม่ 63
  • 64. การย่ อยคาร์ โบไฮเดรต • ตับอ่อนสร้างเอนไซม์อะไมเลสแล้วส่ งมาที่ลาไส้เล็ก เพื่อย่อยแป้ งไกลโคเจนและเดกซ์ทริ นให้เป็ นมอลโทส • เซลล์ผนังด้านในลาไส้เล็กส่ วนดูโอดินม ั จะผลิตเอนไซม์มอลโทสย่อยมอลโทส • ผนังลาไส้เล็กผลิตเอนไซม์ซูเครสย่อยซูโครส ให้เป็ นกลูโคสและฟรักโทส และเอนไซม์แลกเทส ย่อยแลกเทสให้เป็ นกลูโคส และกาแลกโทส 64
  • 66. การดูดซึมอาหารในลาไส้ เล็กของคน • ความหนาแน่นของวิลลัส 20-40 หน่วยต่อ 1 ตร.มม.ภายในวิลลัสมีหลอดเลือดฝอยและท่อน้ าเหลือง -การดูดซึมสารอาหารส่ วนใหญ่ เกิดที่ลาไส้ เล็ก(jejunumและileum) 66 -เกิดเล็กน้ อยที่ลาไส้ ใหญ่
  • 67. การดูดซึมอาหาร • เป็ นกระบวนการนาสารอาหารเข้าสู่เซลล์ กระเพาะอาหาร • ดูดซึมสารที่ละลายในลิพิดได้ดี เช่น แอลกอฮอล์ และยาบางชนิด ลาไส้ เล็ก • ดูดซึ มสารอาหาร น้ า วิตามิน และแร่ ธาตุๆ • ผนังด้านในของลาไส้เล็กบุดวยเซลล์บุผวชั้นเดียว ้ ิ เรี ยกว่า วิลลัส (vilus) ทาหน้าที่ดูดซึ มสารอาหาร 67
  • 68. การดูดซึมสารอาหารโปรตีน และนาตาล ้ กรดอะมิโน มอโนแซ็คคาไรด์ ไมโครวิลลัส หลอดเลือดฝอย อวัยวะ ร่ างกาย ตับ หัวใจ 68
  • 69. การดูดซึมสารอาหารพวกไขมัน กรดไขมัน+กลีเซอรอล ไมโครวิลลัส อวัยวะ/ ร่ างกาย ไตรกลีเซอไรด์ ที่วิลลัส หัวใจ หลอดนาเหลืองฝอย ้ 69
  • 70. ลาไส้ ใหญ่ (lage intestine) • ยาวประมาณ 1.50 เมตร • ประกอบด้วยส่ วนโคลอน ไส้ตรง (rectum) และทวารหนัก (anus) ส่ วนประกอบของลาไส้ ใหญ่ 70
  • 71. การดูดซึมสารอาหารที่ลาไส้ ใหญ่ • ดูดซึมน้ ำ วิตำมิน และแร่ ธำตุ • มีแบคทีเรี ยพวก Escherichia coli ช่วยสังเครำะห์วตำมิน K B12 ิ กรดโฟลิก , ไบโอทิน 71
  • 72. กระบวนการย่ อยอาหารของคน 4 ชม. ลาไส้ใหญ่ ปาก 8-9 ชม. โคลอน ชม.ที่ 12 ทวารหนัก ไส้ ตรง 72
  • 73. ลาไส้ ใหญ่ (large intestine) ลาไส้ ตรง(rectum) และทวารหนัก(anus) -ลาไส้ ใหญ่ ทาหน้ าที่ดดนาและเกลือแร่ ู ้ -กากอาหารในลาไส้ ใหญ่ เคลื่อนแบบ peristalsisและอยู่ ในลาไส้ ใหญ่ นาน 12-24 ชม. -ลาไส้ ตรงเป็ นที่เก็บกากอาหาร ซึ่งอุดมด้ วยจุลลินทรีย์และเซลลูโลส -ระหว่ างลาไส้ ตรงและทวารหนักมีหรูด (sphincter) 2 อัน ู อันแรกอยู่ใต้ อานาจจิตใจ ส่ วนอีกอันอยู่นอกอานาจจิตใจ 73