SlideShare a Scribd company logo
6
Most read
18
Most read
19
Most read
พ.อ. มารวย ส่งทานินทร์
ที่ปรึกษาศูนย์ยุทธศาสตร์ รพ. พระมงกุฎเกล้า
26 ธันวาคม 2556
1.ถ้าไม่สามารถวัด ไม่สามารถบริหาร
 (If you can’t measure, you can’t managed)

2.ถ้าไม่สามารถวัด ไม่สามารถพัฒนา
 (If you can’t measure, you can’t improved)

3.อะไรที่วด สิ่งนั้นคนจะให้ความสนใจ
ั
 (What gets measure, gets done)

4.วัดหรือประเมินเฉพาะสิ่งที่มีความสาคัญเท่านั้น
 (Key Performance Indicators)


แนวทางการปฏิบติ มี 2 แนวทาง
ั
 Top-Down approach โดยผูบริหารระดับสูงกาหนดว่า
้
KPIs ของผูใต้บงคับบัญชาควรประกอบด้วยอะไรบ้าง
้ ั
 ผูบริหารและพนักงานแต่ละระดับร่วมกันกาหนด KPIs
้
ของหน่วยงานระดับตน โดยจะต้องสอดคล้องและ
เกื้อกูลต่อ KPIs ขององค์กร
 เริ่มกาหนดจากเปาประสงค์ ไม่ใช่จากตัวชี้วัด
้


ตัวชี้วัดต้องสะท้อนต่อเปาประสงค์ – หากไม่สอดคล้อง
้
อาจต้อง
 ทบทวนเปาประสงค์
้
 กาหนดแนวทางการวัดผลใหม่



้ ้
ตัวชี้วัดต้องสามารถตังเปาหมายและผลักดันได้
 ต้องผลักดันได้ ไม่เป็ นปั จจัยที่ข้ ึนกับภายนอกอย่างเดียว

 ไม่ง่ายจนเกินไป – ไม่วดงานก็ดอยูแล้ว
ั
ี ่
 ไม่ยากจนเกินไป – อีก 10 ปี ก็ทาไม่ได้
David Parmenter


การวัดผลการดาเนินงานต่าง ๆ ขององค์กรไม่ว่าจะเป็ นราย
สัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส ฯลฯ มักจะมีปัญหา เพราะไม่ได้
เชื่อมโยงกับปั จจัยความสาเร็จสาคัญขององค์กร (CSF)



การวัดผลการดาเนินงานขององค์กรควรเชื่อมโยงกับ
วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ขององค์กรด้วย โดยใช้ตวชี้วัดผลการ
ั

ดาเนินงานทีสาคัญ (KPIs) เป็ นการเชื่อมโยงระหว่าง Balanced
่
Scorecards กับการปฏิบติ
ั
โดยทั ่วไป ตัวชี้วัดผลการดาเนินงานสามารถแบ่งออกได้เป็ น 4 ชนิด
 Key Result Indicators (KRIs) เป็ นตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่สาคัญ ที่
บ่งบอกถึงสิ่งที่เป็ นผลจากการดาเนินงานในแต่ละมุมมอง
 Result Indicators (RIs) เป็ นตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่บ่งบอกสิ่งที่เป็ น
ผลจากการดาเนินงาน
 Performance Indicators (PIs) เป็ นตัวชี้วัดผลการดาเนินงาน ที่บ่ง
บอกถึงสิ่งที่ตองดาเนินการ
้
 Key Performance Indicators (KPIs) เป็ นตัวชี้วัดผลการดาเนินงาน
ที่สาคัญ ที่บ่งบอกถึงสิ่งซึ่งส่งผลกระทบสูงต่อผลการดาเนินงานที่
ต้องดาเนินการ
KPI และ CSF - KPI and CSF






Performance Indicators (PIs) ตัวชี้วัดผลการดาเนินงาน และResult
Indicators (RIs) ตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ ไม่ใช่ตวชี้วัดที่สาคัญในการทา
ั
ธุรกิจ เป็ นตัวชี้วัดที่อยูระหว่าง KRIs และ KPIs เพื่อให้เกิดความ
่
สอดคล้องกับกลยุทธ์ ของทีมงานหรือแผนก
ตัวอย่าง PI เช่น ร้อยละของการเพิ่มยอดขายกลุมลูกค้าสูงสุด 10%
่
แรก จานวนข้อเสนอแนะของพนักงานในรอบ 30 วัน จานวนข้อ
ร้องเรียนของลูกค้า เป็ นต้น
ตัวอย่าง RIs เช่น กาไรสุทธิของผลิตภัณฑ์ที่สาคัญ ยอดขายของ
วันวาน ยอดการใช้เตียงของโรงพยาบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็ นต้น






Key Result Indicators (KRIs) ตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่สาคัญ มัก
เข้าใจและใช้สบสนกับ KPIs ตัวอย่างของ KRIs เช่น ความพึง
ั
พอใจของลูกค้า ผลกาไรก่อนหักภาษี ความพึงพอใจของพนักงาน
เป็ นต้น
KRI มีคณลักษณะคือ เป็ นผลรวมของการปฏิบตหลาย ๆ อย่าง
ุ
ั ิ
ไม่ได้บ่งบอกว่าต้องทาอะไรให้ดีข้ ึน ไม่เกี่ยวกับการปฏิบตงาน
ั ิ
ประจาวัน โดยมากใช้เป็ นรายงานกรรมการบริหารเพื่อรับทราบ
KRI มักใช้ระยะเวลายาวนานเช่นรายเดือน หรือรายไตรมาส
ในขณะที่ KPI ใช้เป็ นรายวัน หรือรายสัปดาห์




ตัวอย่างของตัวชี้วัดผลการดาเนินงาน (PIs) ได้แก่ ค่ามาตรฐาน
ของเสียที่ปล่อยออกจากโรงงาน จานวนกิจกรรมที่โรงงานเข้ามี
ส่วนร่วมกับชุมชน และระดับการรับรูข่าวสารของชุมชน
้
และในบรรดาตัวชี้วัดผลการดาเนินงานข้างต้น ตัวชี้วัดที่ส่งผล
กระทบสูงต่อชุมชนหากโรงงานไม่ดาเนินการ และจัดเป็ นตัวชี้วัด
ผลการดาเนินงานที่สาคัญ (KPIs) ได้แก่ ค่ามาตรฐานของเสียที่
ปล่อยออกจากโรงงาน




Key Performance Indicators (KPIs) ตัวชี้วัดผลการดาเนินงานที่
สาคัญ เป็ นตัวชี้วัดวิกฤตที่บ่งบอกชะตาขององค์กรทั้งในปั จจุบน
ั
และในอนาคต
เช่น การเลื่อนเวลาออกบิน ซึ่งมีผลกระทบต่อ ค่าใช้จายที่เพิ่มขึ้น
่
จากการใช้สนามบินหรือเป็ นค่าโรงแรมให้กบผูโดยสาร ความไม่
ั ้
พึงพอใจของลูกค้า ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพราะต้องเร่งเครือง
่
เพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป ผลกระทบด้านลบต่อการพัฒนา
พนักงานด้านการสร้างนิสยตรงเวลา ผลกระทบที่ไม่ดีตอ
ั
่
ความสัมพันธ์กบผูส่งมอบ และส่งผลต่อความไม่พึงพอใจของ
ั ้
พนักงานที่ถกลูกค้าต่อว่า ฯลฯ
ู
คุณลักษณะสาคัญ 7 ประการของ KPI (ทาใช้ไม่ใช่ทาโชว์)
1. ไม่ใช่ตวชี้วัดด้านการเงิน (ด้านการเงินถือว่าเป็ น RI = Result
ั
Indicators)
2. เป็ นตัววัดที่ใช้บ่อย (เป็ นรายชั ่วโมง รายวัน หรือรายสัปดาห์)
3. ผูนาสูงสุดให้ความสนใจ (เพราะส่งผลกับอนาคต ไม่ใช่ตววัดอดีต)
้
ั
4. พนักงานรูว่าจะต้องปฏิบตอย่างไร (จึงจะบรรลุเปาหมาย)
้
ั ิ
้
5. เป็ นตัววัดของทีมงานที่เกี่ยวข้อง (ที่มีหวหน้าทีมรับผิดชอบ)
ั
6. มีผลกระทบสูง (กับหลาย CSFs หรือมุมมองหลายตัวของ BSC)
7. ทาให้เกิดการปฏิบตที่เหมาะสม (มีการทดสอบเพื่อให้มั ่นใจว่า
ั ิ
สามารถทาได้สาเร็จ)






Kaplan & Norton แนะนาว่า KPIs ไม่ควรเกิน 20 ตัว ในขณะที่
Hope & Fraser แนะนาให้มี KPIs น้อยกว่า 10 ตัว
ผูประพันธ์เสนอแนะเรืองจานวนตัวชี้วัด นั ่นคือกฏ 10/80/10
้
่
หมายถึง การมี 10 KRIs / 80 RIs & PIs / 10 KPIs
สาหรับทีมงาน ที่คิดว่า KPIs มีนอยเกินไปนั้น จากการวิเคราะห์
้
พบว่า เมื่อทางานไประยะหนึ่ง จานวน KPIs จะลดลงมาเหลือ
ประมาณ 10 ตัว ก็ครอบคลุมเพียงพอ นอกเสียจากว่า บริษทมี
ั
ส่วนธุรกิจที่แยกต่างกันออกไป ก็ให้ใช้สูตรนี้กับส่วนธุรกิจนั้น
เช่นเดียวกัน
รายงานผลประกอบการสาหรับผูบริหาร
้
 รายงาน KPIs ประจาวัน (รายงานทุก 9 โมงเช้า) จัดทาเป็ น
ตาราง รายงานในระบบ intranet ประกอบด้วยรายละเอียด
ปั ญหา ประวัติ
 รายงานประจาสัปดาห์ บาง KPIs ไม่จาเป็ นต้องรายงานทุกวัน
อาจทาเป็ นรายสัปดาห์ โดยทาเป็ นกราฟที่มีแนวโน้ม
 รายงานประจาเดือน สามารถทาได้หลายรูปแบบ เช่น ไฟจราจร
มาตรเข็มวัด เป็ นรูปร่างต่าง ๆ ที่เห็นสมควร


การรายงานขึ้นกับระดับผูรบรายงานผลการดาเนินการ ใน
้ั
ระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการตัดสินใจ


Critical success factors are elements that are vital for a strategy to be
successful. A critical success factor drives the strategy forward, it makes or
breaks the success of the strategy, (hence “critical”).
 KPIs, on the other hand, are measures that quantify management objectives,
along with a target or threshold, and enable the measurement of strategic
performance.
An example:
 KPI = Number of new customers. (Measurable, quantifiable) + Threshold =
10 per week [KPI reached if 10 or more new customers, failed if <10]
 CSF = Installation of a call centre for providing superior customer service
(and indirectly, influencing acquiring new customers through customer
satisfaction).


ปั จจัยความสาเร็จสาคัญ (CSFs) หมายถึงรายการที่เป็ นมุมมอง

หรือประเด็นการดาเนินการที่มีผลต่อ สุขภาวะ ความเป็ นความ
ตาย และ ความอยูดีมีสุขขององค์กร
่


จุดบกพร่องที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CSFs คือ องค์กรมักใช้คาที่ไม่สื่อ
ตรงกับความหมาย ไม่ได้แยกออกจากประเด็นยุทธศาสตร์ มีมาก
จนเกินไป และไม่ได้สื่อถึงพนักงาน
ปั จจัยความสาเร็จสาคัญ (ควรมีอยูระหว่าง 5-8 ข้อ)
่
 ปั จจัยความสาเร็จสาคัญ (Critical Success Factors = CSFs)
 ระบุ CSFs จากการประชุมเชิงปฏิบตการโดยผูบริหารอาวุโสและ
ั ิ
้
ผูมีประสบการณ์ท้งบริษท
้
ั
ั
 สรุป CSFs โดยผูบริหารระดับสูง คณะกรรมการบริหาร ผูมีส่วน
้
้
ได้ส่วนเสียทุกกลุม และผูแทนสหภาพแรงงาน
่
้
 อธิบาย CSFs ให้กบพนักงานทุกคน
ั
 ทดสอบ CSFs กับ BSC และ Strategic objectives ว่ามีผลกระทบ
หลายมุมมองหรือหลายประเด็นหรือไม่
การค้นหา CSFs โดยกระบวนการจับคู่
ความสัมพันธ์
 เป็ นความสัมพันธ์แบบเหตุและผล
 โดยการรวบรวมปั จจัยความสาเร็จ
ทั้งหมดมาเขียนในกระดาษแผ่น
ใหญ่ ๆ แล้วเขียนเส้นเชื่อมโยง
โดยมีหวลูกศรบ่งชี้เหตุผล ปั จจัยที่
ั
มีเส้นหัวลูกศรออกมากที่สุดจะเป็ น
CSF หาให้ได้ประมาณ 5-8 ตัว
ประโยชน์ของการเข้าใจ CSFs
 เป็ นการนาไปสูการค้นพบ KPIs ที่ใช้ได้จริง
่
 ตัววัดผลที่ไม่มีความสัมพันธ์หรือมีผลกระทบกับ CSFs เป็ นตัววัด
ที่ไม่สาคัญ สมควรกาจัด
 ทาให้พนักงานจัดลาดับความสาคัญในการปฏิบตงานประจาวัน
ั ิ
 เป็ นการลดจานวนการรายงานผลที่ไม่สาคัญและไม่มี
ความสัมพันธ์
 ทาให้การสรุปผลการรายงานต่อผูบริหารหรือต่อคณะ
้
กรรมการบริหารทีตรงประเด็นมากขึ้น
่













ทาไมต้องเราทา KPI (สร้างระบบการวัดผลที่เป็ นมาตรฐาน)
ผูบริหารต้องการ KPI ไปทาไม (เพือมุ่งเน้นมุมมองที่สาคัญ)
้
่
ใช้ KPI มาจับผิดใช่หรือไม่ (เป็ นการมอบอานาจให้ผปฏิบติ)
ู้ ั
ใครตัดสินว่าต้องวัดอะไร (แต่ละทีม)
ต้องวัดเหมือน ๆ กันหรือไม่ (ไม่จาเป็ น ขึ้นกับบทบาท)
บอกมาเลยว่าต้องวัดอะไร (อยากให้ทีมเป็ นผูเลือกเองมากกว่า)
้
ต้องวัดกี่ตว (ไม่มีตวเลขทีสมบูรณ์แบบ ให้ใช้กฏ 10/80/10)
ั
ั
่
ต้องเริ่มใหม่หมดหรือไม่ (อาจจะไม่ ขึ้นกับ CSFs)
บางตัววัดยาก เช่น ขวัญและกาลังใจ (ทาให้ดที่สุด)
ี
ใครเป็ นผูตดสินใจในการเลือกตัวชี้วัด (ตกลงร่วมกัน)
้ ั
วัดผลงานเป็ นบุคคลหรือไม่ (เป็ นการวัดประสิทธิผลของกระบวนการ)
ถ้าไม่ได้ตามเปาหมายจะเกิดอะไรขึ้น (ทีมช่วยหาสาเหตุแล้วช่วยกัน
้
แก้ปัญหา)
ขอขอบพระคุณ พลโท กฤษฎา ดวงอุไร
อดีตผูอานวยการศูนย์อานวยการแพทย์พระมงกุฏเกล้า
้
ที่มอบหนังสือเล่มนี้ให้มาศึกษา
Confucius
Chinese philosopher & reformer (551 BC - 479 BC)

More Related Content

PDF
บทที่ 5 การออกแบบผลิตภัณฑ์
PDF
ตัวอย่างแผนธุรกิจบริษัทมิสเตอร์ไฟล์จำกัด
PDF
การออกแบบบริการ (Service design)
PDF
บทที่ 13 การวางแผนปฏิบัติการรวม
PDF
บทที่ 8 การเลือกทำเลที่ตั้ง
PDF
1.ความหมายของความปลอดภัย
PDF
Chapter 7 data mining and olap
PPTX
KPN ETL Factory (KETL) - Automated Code generation using Metadata to build Da...
บทที่ 5 การออกแบบผลิตภัณฑ์
ตัวอย่างแผนธุรกิจบริษัทมิสเตอร์ไฟล์จำกัด
การออกแบบบริการ (Service design)
บทที่ 13 การวางแผนปฏิบัติการรวม
บทที่ 8 การเลือกทำเลที่ตั้ง
1.ความหมายของความปลอดภัย
Chapter 7 data mining and olap
KPN ETL Factory (KETL) - Automated Code generation using Metadata to build Da...

Similar to KPI และ CSF - KPI and CSF (20)

PDF
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญ KPI
PDF
ตัวชี้วัดความสำเร็จ KPI
PDF
Vejthani HR : KPI (Key Performance Indicator) (Book)
PDF
Vejthani HR : End User Guildline (PMS) 3
PPT
8-kpi
PDF
Performance management การบริหารสู่ความเป็นเลิศ
PDF
Balancescorecard
PDF
การมุ่งเน้นผลลัพธ์และสร้างคุณค่า Baldrige awareness series 10 focus on resu...
PDF
การประเมินผล 4 มิติ
PDF
บทสรุปผู้บริหารและประเด็นการเยี่ยมหน่วยงาน Key Theme & Site Visit Issue.pdf
PDF
คำศัพท์ ต้องรู้
PDF
สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership
PPT
รจัดการยุทธศาสตร์
PPT
Kpi 18 1_55
PDF
New strategic management 2013
PDF
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ONENESS PMK 2020
PDF
Individual KPIs 1 Page By Prof.Dr.Wasit Prombutr
PDF
การจัดการโดยใช้ข้อมูลจริง Baldrige awareness series 8 management by fact
PDF
การวิเคราะห์ทุนมนุษย์ Human capital analytics
PDF
1. คู่มือคนสอน คนเรียน PMS.pdf
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญ KPI
ตัวชี้วัดความสำเร็จ KPI
Vejthani HR : KPI (Key Performance Indicator) (Book)
Vejthani HR : End User Guildline (PMS) 3
8-kpi
Performance management การบริหารสู่ความเป็นเลิศ
Balancescorecard
การมุ่งเน้นผลลัพธ์และสร้างคุณค่า Baldrige awareness series 10 focus on resu...
การประเมินผล 4 มิติ
บทสรุปผู้บริหารและประเด็นการเยี่ยมหน่วยงาน Key Theme & Site Visit Issue.pdf
คำศัพท์ ต้องรู้
สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership
รจัดการยุทธศาสตร์
Kpi 18 1_55
New strategic management 2013
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ONENESS PMK 2020
Individual KPIs 1 Page By Prof.Dr.Wasit Prombutr
การจัดการโดยใช้ข้อมูลจริง Baldrige awareness series 8 management by fact
การวิเคราะห์ทุนมนุษย์ Human capital analytics
1. คู่มือคนสอน คนเรียน PMS.pdf
Ad

More from maruay songtanin (20)

DOCX
26. โรหิตัสสสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
DOCX
25. ชันตุสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
24. ฆฏิการสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
23. เสรีสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
22. เขมสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
21. สิวสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
20. อนาถปิณฑิกสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
DOCX
19. อุตตรสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
18. กกุธสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
17. สุพรหมสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
16. วาสุทัตตสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
DOCX
15. จันทนสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
14. นันทนสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
13. ทีฆลัฏฐิสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
DOCX
12. เวณฑุสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
11. จันทิมสสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
10. สุริยสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
09. จันทิมสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
08. ตายนสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
DOCX
07. ปัญจาลจัณฑสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
26. โรหิตัสสสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
25. ชันตุสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
24. ฆฏิการสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
23. เสรีสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
22. เขมสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
21. สิวสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
20. อนาถปิณฑิกสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
19. อุตตรสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
18. กกุธสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
17. สุพรหมสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
16. วาสุทัตตสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
15. จันทนสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
14. นันทนสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
13. ทีฆลัฏฐิสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
12. เวณฑุสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
11. จันทิมสสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
10. สุริยสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
09. จันทิมสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
08. ตายนสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
07. ปัญจาลจัณฑสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
Ad

KPI และ CSF - KPI and CSF

  • 2. 1.ถ้าไม่สามารถวัด ไม่สามารถบริหาร  (If you can’t measure, you can’t managed) 2.ถ้าไม่สามารถวัด ไม่สามารถพัฒนา  (If you can’t measure, you can’t improved) 3.อะไรที่วด สิ่งนั้นคนจะให้ความสนใจ ั  (What gets measure, gets done) 4.วัดหรือประเมินเฉพาะสิ่งที่มีความสาคัญเท่านั้น  (Key Performance Indicators)
  • 3.  แนวทางการปฏิบติ มี 2 แนวทาง ั  Top-Down approach โดยผูบริหารระดับสูงกาหนดว่า ้ KPIs ของผูใต้บงคับบัญชาควรประกอบด้วยอะไรบ้าง ้ ั  ผูบริหารและพนักงานแต่ละระดับร่วมกันกาหนด KPIs ้ ของหน่วยงานระดับตน โดยจะต้องสอดคล้องและ เกื้อกูลต่อ KPIs ขององค์กร  เริ่มกาหนดจากเปาประสงค์ ไม่ใช่จากตัวชี้วัด ้
  • 4.  ตัวชี้วัดต้องสะท้อนต่อเปาประสงค์ – หากไม่สอดคล้อง ้ อาจต้อง  ทบทวนเปาประสงค์ ้  กาหนดแนวทางการวัดผลใหม่  ้ ้ ตัวชี้วัดต้องสามารถตังเปาหมายและผลักดันได้  ต้องผลักดันได้ ไม่เป็ นปั จจัยที่ข้ ึนกับภายนอกอย่างเดียว  ไม่ง่ายจนเกินไป – ไม่วดงานก็ดอยูแล้ว ั ี ่  ไม่ยากจนเกินไป – อีก 10 ปี ก็ทาไม่ได้
  • 6.  การวัดผลการดาเนินงานต่าง ๆ ขององค์กรไม่ว่าจะเป็ นราย สัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส ฯลฯ มักจะมีปัญหา เพราะไม่ได้ เชื่อมโยงกับปั จจัยความสาเร็จสาคัญขององค์กร (CSF)  การวัดผลการดาเนินงานขององค์กรควรเชื่อมโยงกับ วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ขององค์กรด้วย โดยใช้ตวชี้วัดผลการ ั ดาเนินงานทีสาคัญ (KPIs) เป็ นการเชื่อมโยงระหว่าง Balanced ่ Scorecards กับการปฏิบติ ั
  • 7. โดยทั ่วไป ตัวชี้วัดผลการดาเนินงานสามารถแบ่งออกได้เป็ น 4 ชนิด  Key Result Indicators (KRIs) เป็ นตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่สาคัญ ที่ บ่งบอกถึงสิ่งที่เป็ นผลจากการดาเนินงานในแต่ละมุมมอง  Result Indicators (RIs) เป็ นตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่บ่งบอกสิ่งที่เป็ น ผลจากการดาเนินงาน  Performance Indicators (PIs) เป็ นตัวชี้วัดผลการดาเนินงาน ที่บ่ง บอกถึงสิ่งที่ตองดาเนินการ ้  Key Performance Indicators (KPIs) เป็ นตัวชี้วัดผลการดาเนินงาน ที่สาคัญ ที่บ่งบอกถึงสิ่งซึ่งส่งผลกระทบสูงต่อผลการดาเนินงานที่ ต้องดาเนินการ
  • 9.    Performance Indicators (PIs) ตัวชี้วัดผลการดาเนินงาน และResult Indicators (RIs) ตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ ไม่ใช่ตวชี้วัดที่สาคัญในการทา ั ธุรกิจ เป็ นตัวชี้วัดที่อยูระหว่าง KRIs และ KPIs เพื่อให้เกิดความ ่ สอดคล้องกับกลยุทธ์ ของทีมงานหรือแผนก ตัวอย่าง PI เช่น ร้อยละของการเพิ่มยอดขายกลุมลูกค้าสูงสุด 10% ่ แรก จานวนข้อเสนอแนะของพนักงานในรอบ 30 วัน จานวนข้อ ร้องเรียนของลูกค้า เป็ นต้น ตัวอย่าง RIs เช่น กาไรสุทธิของผลิตภัณฑ์ที่สาคัญ ยอดขายของ วันวาน ยอดการใช้เตียงของโรงพยาบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็ นต้น
  • 10.    Key Result Indicators (KRIs) ตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่สาคัญ มัก เข้าใจและใช้สบสนกับ KPIs ตัวอย่างของ KRIs เช่น ความพึง ั พอใจของลูกค้า ผลกาไรก่อนหักภาษี ความพึงพอใจของพนักงาน เป็ นต้น KRI มีคณลักษณะคือ เป็ นผลรวมของการปฏิบตหลาย ๆ อย่าง ุ ั ิ ไม่ได้บ่งบอกว่าต้องทาอะไรให้ดีข้ ึน ไม่เกี่ยวกับการปฏิบตงาน ั ิ ประจาวัน โดยมากใช้เป็ นรายงานกรรมการบริหารเพื่อรับทราบ KRI มักใช้ระยะเวลายาวนานเช่นรายเดือน หรือรายไตรมาส ในขณะที่ KPI ใช้เป็ นรายวัน หรือรายสัปดาห์
  • 11.   ตัวอย่างของตัวชี้วัดผลการดาเนินงาน (PIs) ได้แก่ ค่ามาตรฐาน ของเสียที่ปล่อยออกจากโรงงาน จานวนกิจกรรมที่โรงงานเข้ามี ส่วนร่วมกับชุมชน และระดับการรับรูข่าวสารของชุมชน ้ และในบรรดาตัวชี้วัดผลการดาเนินงานข้างต้น ตัวชี้วัดที่ส่งผล กระทบสูงต่อชุมชนหากโรงงานไม่ดาเนินการ และจัดเป็ นตัวชี้วัด ผลการดาเนินงานที่สาคัญ (KPIs) ได้แก่ ค่ามาตรฐานของเสียที่ ปล่อยออกจากโรงงาน
  • 12.   Key Performance Indicators (KPIs) ตัวชี้วัดผลการดาเนินงานที่ สาคัญ เป็ นตัวชี้วัดวิกฤตที่บ่งบอกชะตาขององค์กรทั้งในปั จจุบน ั และในอนาคต เช่น การเลื่อนเวลาออกบิน ซึ่งมีผลกระทบต่อ ค่าใช้จายที่เพิ่มขึ้น ่ จากการใช้สนามบินหรือเป็ นค่าโรงแรมให้กบผูโดยสาร ความไม่ ั ้ พึงพอใจของลูกค้า ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพราะต้องเร่งเครือง ่ เพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป ผลกระทบด้านลบต่อการพัฒนา พนักงานด้านการสร้างนิสยตรงเวลา ผลกระทบที่ไม่ดีตอ ั ่ ความสัมพันธ์กบผูส่งมอบ และส่งผลต่อความไม่พึงพอใจของ ั ้ พนักงานที่ถกลูกค้าต่อว่า ฯลฯ ู
  • 13. คุณลักษณะสาคัญ 7 ประการของ KPI (ทาใช้ไม่ใช่ทาโชว์) 1. ไม่ใช่ตวชี้วัดด้านการเงิน (ด้านการเงินถือว่าเป็ น RI = Result ั Indicators) 2. เป็ นตัววัดที่ใช้บ่อย (เป็ นรายชั ่วโมง รายวัน หรือรายสัปดาห์) 3. ผูนาสูงสุดให้ความสนใจ (เพราะส่งผลกับอนาคต ไม่ใช่ตววัดอดีต) ้ ั 4. พนักงานรูว่าจะต้องปฏิบตอย่างไร (จึงจะบรรลุเปาหมาย) ้ ั ิ ้ 5. เป็ นตัววัดของทีมงานที่เกี่ยวข้อง (ที่มีหวหน้าทีมรับผิดชอบ) ั 6. มีผลกระทบสูง (กับหลาย CSFs หรือมุมมองหลายตัวของ BSC) 7. ทาให้เกิดการปฏิบตที่เหมาะสม (มีการทดสอบเพื่อให้มั ่นใจว่า ั ิ สามารถทาได้สาเร็จ)
  • 14.     Kaplan & Norton แนะนาว่า KPIs ไม่ควรเกิน 20 ตัว ในขณะที่ Hope & Fraser แนะนาให้มี KPIs น้อยกว่า 10 ตัว ผูประพันธ์เสนอแนะเรืองจานวนตัวชี้วัด นั ่นคือกฏ 10/80/10 ้ ่ หมายถึง การมี 10 KRIs / 80 RIs & PIs / 10 KPIs สาหรับทีมงาน ที่คิดว่า KPIs มีนอยเกินไปนั้น จากการวิเคราะห์ ้ พบว่า เมื่อทางานไประยะหนึ่ง จานวน KPIs จะลดลงมาเหลือ ประมาณ 10 ตัว ก็ครอบคลุมเพียงพอ นอกเสียจากว่า บริษทมี ั ส่วนธุรกิจที่แยกต่างกันออกไป ก็ให้ใช้สูตรนี้กับส่วนธุรกิจนั้น เช่นเดียวกัน
  • 15. รายงานผลประกอบการสาหรับผูบริหาร ้  รายงาน KPIs ประจาวัน (รายงานทุก 9 โมงเช้า) จัดทาเป็ น ตาราง รายงานในระบบ intranet ประกอบด้วยรายละเอียด ปั ญหา ประวัติ  รายงานประจาสัปดาห์ บาง KPIs ไม่จาเป็ นต้องรายงานทุกวัน อาจทาเป็ นรายสัปดาห์ โดยทาเป็ นกราฟที่มีแนวโน้ม  รายงานประจาเดือน สามารถทาได้หลายรูปแบบ เช่น ไฟจราจร มาตรเข็มวัด เป็ นรูปร่างต่าง ๆ ที่เห็นสมควร
  • 17.  Critical success factors are elements that are vital for a strategy to be successful. A critical success factor drives the strategy forward, it makes or breaks the success of the strategy, (hence “critical”).  KPIs, on the other hand, are measures that quantify management objectives, along with a target or threshold, and enable the measurement of strategic performance. An example:  KPI = Number of new customers. (Measurable, quantifiable) + Threshold = 10 per week [KPI reached if 10 or more new customers, failed if <10]  CSF = Installation of a call centre for providing superior customer service (and indirectly, influencing acquiring new customers through customer satisfaction).
  • 18.  ปั จจัยความสาเร็จสาคัญ (CSFs) หมายถึงรายการที่เป็ นมุมมอง หรือประเด็นการดาเนินการที่มีผลต่อ สุขภาวะ ความเป็ นความ ตาย และ ความอยูดีมีสุขขององค์กร ่  จุดบกพร่องที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CSFs คือ องค์กรมักใช้คาที่ไม่สื่อ ตรงกับความหมาย ไม่ได้แยกออกจากประเด็นยุทธศาสตร์ มีมาก จนเกินไป และไม่ได้สื่อถึงพนักงาน
  • 19. ปั จจัยความสาเร็จสาคัญ (ควรมีอยูระหว่าง 5-8 ข้อ) ่  ปั จจัยความสาเร็จสาคัญ (Critical Success Factors = CSFs)  ระบุ CSFs จากการประชุมเชิงปฏิบตการโดยผูบริหารอาวุโสและ ั ิ ้ ผูมีประสบการณ์ท้งบริษท ้ ั ั  สรุป CSFs โดยผูบริหารระดับสูง คณะกรรมการบริหาร ผูมีส่วน ้ ้ ได้ส่วนเสียทุกกลุม และผูแทนสหภาพแรงงาน ่ ้  อธิบาย CSFs ให้กบพนักงานทุกคน ั  ทดสอบ CSFs กับ BSC และ Strategic objectives ว่ามีผลกระทบ หลายมุมมองหรือหลายประเด็นหรือไม่
  • 20. การค้นหา CSFs โดยกระบวนการจับคู่ ความสัมพันธ์  เป็ นความสัมพันธ์แบบเหตุและผล  โดยการรวบรวมปั จจัยความสาเร็จ ทั้งหมดมาเขียนในกระดาษแผ่น ใหญ่ ๆ แล้วเขียนเส้นเชื่อมโยง โดยมีหวลูกศรบ่งชี้เหตุผล ปั จจัยที่ ั มีเส้นหัวลูกศรออกมากที่สุดจะเป็ น CSF หาให้ได้ประมาณ 5-8 ตัว
  • 21. ประโยชน์ของการเข้าใจ CSFs  เป็ นการนาไปสูการค้นพบ KPIs ที่ใช้ได้จริง ่  ตัววัดผลที่ไม่มีความสัมพันธ์หรือมีผลกระทบกับ CSFs เป็ นตัววัด ที่ไม่สาคัญ สมควรกาจัด  ทาให้พนักงานจัดลาดับความสาคัญในการปฏิบตงานประจาวัน ั ิ  เป็ นการลดจานวนการรายงานผลที่ไม่สาคัญและไม่มี ความสัมพันธ์  ทาให้การสรุปผลการรายงานต่อผูบริหารหรือต่อคณะ ้ กรรมการบริหารทีตรงประเด็นมากขึ้น ่
  • 22.             ทาไมต้องเราทา KPI (สร้างระบบการวัดผลที่เป็ นมาตรฐาน) ผูบริหารต้องการ KPI ไปทาไม (เพือมุ่งเน้นมุมมองที่สาคัญ) ้ ่ ใช้ KPI มาจับผิดใช่หรือไม่ (เป็ นการมอบอานาจให้ผปฏิบติ) ู้ ั ใครตัดสินว่าต้องวัดอะไร (แต่ละทีม) ต้องวัดเหมือน ๆ กันหรือไม่ (ไม่จาเป็ น ขึ้นกับบทบาท) บอกมาเลยว่าต้องวัดอะไร (อยากให้ทีมเป็ นผูเลือกเองมากกว่า) ้ ต้องวัดกี่ตว (ไม่มีตวเลขทีสมบูรณ์แบบ ให้ใช้กฏ 10/80/10) ั ั ่ ต้องเริ่มใหม่หมดหรือไม่ (อาจจะไม่ ขึ้นกับ CSFs) บางตัววัดยาก เช่น ขวัญและกาลังใจ (ทาให้ดที่สุด) ี ใครเป็ นผูตดสินใจในการเลือกตัวชี้วัด (ตกลงร่วมกัน) ้ ั วัดผลงานเป็ นบุคคลหรือไม่ (เป็ นการวัดประสิทธิผลของกระบวนการ) ถ้าไม่ได้ตามเปาหมายจะเกิดอะไรขึ้น (ทีมช่วยหาสาเหตุแล้วช่วยกัน ้ แก้ปัญหา)
  • 23. ขอขอบพระคุณ พลโท กฤษฎา ดวงอุไร อดีตผูอานวยการศูนย์อานวยการแพทย์พระมงกุฏเกล้า ้ ที่มอบหนังสือเล่มนี้ให้มาศึกษา
  • 24. Confucius Chinese philosopher & reformer (551 BC - 479 BC)