1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน “ เรียนไม่เก่ง ก็สอบติดหมอได้ ”
ชื่อผู้ทาโครงงาน
น.ส.กานต์รวี เลิศคอนสาร เลขที่ 12 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
น.ส.กานต์รวี เลิศคอนสาร ม.6/6 เลขที่ 12
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
: เรียนไม่เก่ง ก็สอบติดหมอได้
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
: Born to be a doctor
ประเภทโครงงาน : โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.กานต์รวี เลิศคอนสาร ม.6/6 เลขที่ 12
ชื่อที่ปรึกษา : คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม : -
ระยะเวลาดาเนินงาน : ตลอดปีการศึกษา 2561
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในปัจจุบันเรานี้เด็กม.ปลายส่วนใหญ่จะยึดติดกับค่านิยมที่ว่าจบไปจะต้องไปเป็นหมอ ซึ่งตามความคิดความเชื่อ
แล้วคนจะสอบติดคณะดีๆ มหาวิทยาลัยดังๆได้ จะต้องอยู่ในโรงเรียนที่มีชื่อเสีย ราคาค่าเทอมแพงๆ มีคุณครูติวเตอร์
ที่เก่งๆ ซึ่งความเชื่อนี้ไม่เป็นจริงอีกต่อไป เพราะปัจจุบันนี้มีงานวิจัยและข่าวสารออกมาอย่างแพร่หลายแล้วว่า เด็ก
เรียนกศน.ติดแพทย์จริง ซึ่งการที่เราจะสอบติดแพทย์ได้ ในสถานศึกษาที่ด้อยหรือไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปเรียนนั้น
มันยากลาบากมากกว่าที่เขาจะมาถึงจุดๆนี้ได้ เขาอาจจะมีฐานะยากจน ไม่มีเงินส่งไปเรียนที่ๆดี แต่ถ้าเขามีความ
พยายามอย่างมั่งมั่น แน่วแน่ ไม่ท้อต่ออุปสรรค คอยหาวิธีกาจัดอุปสรรคเสมอ ก็สามารถติดคณะสูงๆ คณะที่คาดหวัง
มหาวิทยาลัยดีๆดังๆได้เช่นกัน แล้วจากการที่ได้สืบค้นมาก็พบว่าคนที่สอบติดหมอบางคนก็ไม่ได้เรียนพิเศษเลย โดยที่
เขาอาศัยแรงกายแรงใจในการอ่านและฝึกทาข้อสอบเองเป็นประจา ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทาให้เข้าประสบผลสาเร็จ
ซึ่งแตกต่างกับเด็ก ม.ปลาย หลายคนมากที่เรียนหนักมา ไปเรียนพิเศษตามกระแสคนอื่นตอนเย็นตลอด เลยทาให้นอน
ดึง หลับไม่เพียงพอ อาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพได้
ดังนั้นการที่เราจะสอบติดคณะที่หวัง มหาวิทยาลัยที่ใช่ ล้วนขึ้นอยู่กับแรงใจ แรงกาย ความพยายาม อดทน มี
แรงผลักดันในตัวของเราทั้งสิ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการศึกษาที่ดี หรือคุณครูติวเตอร์ที่มีคุณภาพ และการไปเรียน
พิเศษมากมาย
จึงเป็นเหตุผลของการจัดทาโครงงานเรื่องนี้
3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาหาวิธีการเรียนให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
2.เพื่อสามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจาวันได้
3.เพื่อให้กาลังใจสาหรับผู้ที่อยากสอบติดคณะสายวิทย์สุขภาพ
4.เพื่อแนะแนวทางให้กับผู้ที่สนอยากจะเข้าคณะสายวิทย์สุขภาพ
5.เพื่อให้ผู้ที่สนใจ มีความอดทน มีความพยายามสาหรับการเตรียมตัวเข้าสอบมหาวิทยาลัย
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1.สาหรับผู้ที่อยากเข้าคณะที่คะแนนสอบสูงๆหรือคณะสายวิทย์สุขภาพ
2.สาหรับผู้ที่สนใจอยากจะปรับปรุงตัวเองในเรื่องของการเรียน
3.สาหรับผู้ที่อยากสร้างแรงบันดาลใจ สร้างกาลังใจให้กับตัวเอง
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
Stage of Change เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่!
ทฤษฎี Stage of Change ของ Prochaska & DiClemente เริ่มต้นจากทฤษฎีจิตบาบัดต่างๆ ที่ใช้รักษาผู้ป่วย
แล้วสรุปออกมาเป็นทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง ใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างกว้างขวาง โดยสเต็ปของการ
เปลี่ยนจะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน
สมมติว่าอยากเปลี่ยนสไตล์การเรียน "เด็กขี้เกียจ ---> เด็กขยัน"
1. Precontemplation ขั้นชิลล์ๆ อยู่ในภาวะสับสน ไม่เชื่อว่าตัวเองทาได้ และยังไม่เอาจริงกับการเปลี่ยน เช่น
ชั่งใจว่าจะเปลี่ยนอะไร ขี้เกียจก็ไม่ได้แย่ ถ้าขยันจะไปได้ซักกี่น้า?
2. Contemplation ขั้นปิ๊งไอเดีย เริ่มเชื่อมือตัวเองแล้วว่าน่าจะทาได้ แต่ยังเล่นตัว มองเห็นข้อดีของความขยัน
แต่ก็กลัวตัวเองจะสูญเสียความสนุก (ความขี้เกียจมันใช่ทางกว่า!)
3. Preparation ขั้นเอาจริง โยนความสับสนทิ้งไป แล้วบอกตัวเองว่าครั้งนี้เอาจริง! เริ่มลุกมาเตรียมพร้อม
วางแผน + หาเทคนิคมาเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ให้ขยันอย่างจริงจัง
4. Action ขั้นลงมือทา ลังเลมา 3 Stage แล้ว ได้เวลาลงมือเปลี่ยนกันสักที ปิดเทอมหยิบหนังสือมาอ่านวันละ
2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างต่า เคลียร์การบ้านให้เสร็จวันต่อวัน ฯลฯ
5. Maintenance ขั้นทาต่อไป เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีกับตัวเองเลยตั้งใจว่าจะทาให้ได้ตลอด! ไม่ให้ตัวขี้เกียจ
มาสิงร่าง พร้อมสตาร์ทเครื่องขยันไม่หยุด Success และ Strong!!
น้องๆ ลองตั้งโจทย์ "สิ่งที่อยากเปลี่ยนแปลงด้านการเรียน" ของตัวเองดูค่ะ เรียบร้อยแล้วพยายามไล่ทาตาม
Stage อย่างค่อยเป็นค่อยไปจนครบ น้องจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนของตัวเองไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้แน่ แต่
หลักการสาคัญของทฤษฎีนี้ เราควรกาหนดระยะเวลาของแต่ละ Stage ให้ชัดเจน ไม่งั้นก็จะเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อย เช่น
Stage 1 ทาใจ 3 วัน Stage 2-3 เตรียมพร้อมอีก 7 วัน Stage 4 ลงมือ 3 เดือนจนเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว
ทาต่อไป แต่เปลี่ยนจากความขี้เกียจมาขยัน ความยากมันก็อยู่ที่การรับมือกับกิเลสนี่แหละค่ะ แค่เจอซีรีส์ เจอเกม
สนุกๆ ใจก็สั่นคลอนแล้ว ดังนั้น ต้องเอาจริงนะ ถึงจะเปลี่ยนได้สาเร็จ!!
4
Vroom’s expectancy Theory ปลุกไฟแห่งความหวังให้ลุกโชน!
น้องๆ คงรู้แล้วว่านี่คือ "ทฤษฎีความคาดหวังของวรูม!" ทฤษฎีนี้ใส่ใจความสุขค่ะ เราต้อง"เพิ่มความสุขเพื่อลด
ความเจ็บปวด" โดยมีแรงจูงใจเป็นตัวแปร 3 อย่างที่มีความสัมพันธ์กันคือ ความคาดหวัง (Expectancy) ความเชื่อ
(Instrumentality) ความพอใจ (Valence) ตั้งความหวังไว้แล้วพยายามไปให้ถึง โดยอาศัยความเชื่อว่าถ้าตั้งใจจริงจะ
ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า และนามาซึ่งความพอใจในที่สุด
น้องๆ ใช้ทฤษฎีนี้มาเรียกกาลังใจตัวเองได้ อยากคว้าเกรดดีๆ หรือสอบติดคณะที่ใช่-มหา'ลัยที่ชอบ ตั้ง
ความหวังไปเลยค่ะ พอมีจุดหมายแล้ววิธีการจะตามมาเอง (ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ส่งงานครบ) ถ้าหวังสูงเกินไปก็ลด
ได้ เช่น อยากได้เกรดรวม 4 แต่ยากมาก ลองปรับเป็น 3.5 Up เพิ่มความเป็นไปได้ดู น้องจะมีแรงที่อยากลุยต่อมาก
ขึ้น แล้วเมื่อทาได้จริงๆ เราจะเห็นกับตาว่าผลลัพธ์มันคุ้มค่า เช่น ผ่านเกณฑ์รับตรงที่กาหนดเกรดขั้นต่า สอบติดก่อน
ใคร ฯลฯ เรามีความสุข พ่อแม่ก็ภูมิใจ
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
- ปรึกษาเลือกหัวข้อ
- นาเสนอหัวข้อกับครูผู้สอน
- ศึกษารวบรวมข้อมูล
- จัดทารายงาน
- นาเสนอครู
- ปรับปรุ่งและแก้ไข
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
- อินเตอร์เน็ต
- หนังสือที่เกี่ยวข้อง
- คอมพิวเตอร์
- โทรศัพท์
งบประมาณ
= 100 บาท
5
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1. ผู้จัดทามีความเข้าใจในหัวข้อที่สนใจมากขึ้น
2. สามารถนาไปประยุกต์ใช้กับการเรียนได้จริง
3. สามารถนาความรู้เผยแพร่ให้กับเพื่อนๆคนอื่นได้
4. ผู้จัดทามีความเข้าใจในการทางานอย่างเป็นระบบมากขึ้น
สถานที่ดาเนินการ
1. ห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
2. ห้องสมุด โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
3. โทรศัพท์ส่วนตัว
4. ห้องแนะแนว โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1. กลุ่มพัฒนาผู้เรียน
2. กลุ่มสาระการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระ
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://www.dek-d.com/education/48897/
https://www.honestdocs.co/how-to-be-doctor
https://www.khaosod.co.th/sci-tech/news_868167

More Related Content

PDF
Ppt6.3
DOCX
Project 1-2559
PDF
2559 project01
PDF
วิจัยในชั้นเรียน
PDF
ใบงานท 6
DOC
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
DOC
Project Yoga
DOCX
ประวัติส่วนตัว
Ppt6.3
Project 1-2559
2559 project01
วิจัยในชั้นเรียน
ใบงานท 6
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
Project Yoga
ประวัติส่วนตัว

What's hot (18)

DOCX
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
ไอศกรีมกล้วย
DOC
งาน คอม
PDF
2561 project-ketsarinnnnnnnnnnnnnn
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกม
PDF
2559 project ทิว
PDF
2559 project
PDF
แบบร่างโครงงานคอม
PDF
เพลี้ย
PDF
23 jutamart โครงรางงานคอม
DOC
โครงงานน้ำตะไคร้.Txt
PPT
จะเรียนคณิตศาสตร์ให้เก่ง
PDF
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
Projectm6 2-2556
PDF
ใบงานสำรวจตนเอง M6
PDF
นางสาวศศิธร ฟักแก้ว เลขที่ 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ไอศกรีมกล้วย
งาน คอม
2561 project-ketsarinnnnnnnnnnnnnn
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกม
2559 project ทิว
2559 project
แบบร่างโครงงานคอม
เพลี้ย
23 jutamart โครงรางงานคอม
โครงงานน้ำตะไคร้.Txt
จะเรียนคณิตศาสตร์ให้เก่ง
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
Projectm6 2-2556
ใบงานสำรวจตนเอง M6
นางสาวศศิธร ฟักแก้ว เลขที่ 1
Ad

Similar to Project com (20)

DOCX
โครงงานคอมพิวเตอร์ ธีรศานต์-614-35
PDF
Best practices
PDF
บันทึกความดี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552
PDF
บันทึุกความดี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552
PDF
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย2
PDF
การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดย ครูศรีลักษณ์ ผลวัฒนะ ครูเชี่ยวชาญพิเศษ
PDF
บันทึุกความดี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553
PDF
Is โสรยา ประวัติส่วนตัว
PDF
แนะนำมัธยมเพลินพัฒนา 9 nov 12
PDF
บทความการออกแบบการสอน
PDF
บทความการออกแบบการสอน
PDF
บทความการออกแบบการสอน
PPT
Focus on measurement and evaluation
PPT
ครูมืออาชีพ
PDF
ใบงานที่ 2 16 งานคู่
PDF
PDF
PDF
PDF
กิตติกรรมประกาศ'งานลูกเกศ
PDF
กิตติกรรมประกาศ'งานลูกเกศ
โครงงานคอมพิวเตอร์ ธีรศานต์-614-35
Best practices
บันทึกความดี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552
บันทึุกความดี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย2
การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดย ครูศรีลักษณ์ ผลวัฒนะ ครูเชี่ยวชาญพิเศษ
บันทึุกความดี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553
Is โสรยา ประวัติส่วนตัว
แนะนำมัธยมเพลินพัฒนา 9 nov 12
บทความการออกแบบการสอน
บทความการออกแบบการสอน
บทความการออกแบบการสอน
Focus on measurement and evaluation
ครูมืออาชีพ
ใบงานที่ 2 16 งานคู่
กิตติกรรมประกาศ'งานลูกเกศ
กิตติกรรมประกาศ'งานลูกเกศ
Ad

More from pixppd (6)

PDF
Computer
PDF
Titipong 02
PDF
Work
PDF
Workk
PDF
Work
DOC
Project
Computer
Titipong 02
Work
Workk
Work
Project

Project com

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6 ปีการศึกษา 2561 ชื่อโครงงาน “ เรียนไม่เก่ง ก็สอบติดหมอได้ ” ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.กานต์รวี เลิศคอนสาร เลขที่ 12 ชั้น ม.6 ห้อง 6 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม น.ส.กานต์รวี เลิศคอนสาร ม.6/6 เลขที่ 12 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) : เรียนไม่เก่ง ก็สอบติดหมอได้ ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) : Born to be a doctor ประเภทโครงงาน : โครงงานเพื่อการศึกษา ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.กานต์รวี เลิศคอนสาร ม.6/6 เลขที่ 12 ชื่อที่ปรึกษา : คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ชื่อที่ปรึกษาร่วม : - ระยะเวลาดาเนินงาน : ตลอดปีการศึกษา 2561 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) ในปัจจุบันเรานี้เด็กม.ปลายส่วนใหญ่จะยึดติดกับค่านิยมที่ว่าจบไปจะต้องไปเป็นหมอ ซึ่งตามความคิดความเชื่อ แล้วคนจะสอบติดคณะดีๆ มหาวิทยาลัยดังๆได้ จะต้องอยู่ในโรงเรียนที่มีชื่อเสีย ราคาค่าเทอมแพงๆ มีคุณครูติวเตอร์ ที่เก่งๆ ซึ่งความเชื่อนี้ไม่เป็นจริงอีกต่อไป เพราะปัจจุบันนี้มีงานวิจัยและข่าวสารออกมาอย่างแพร่หลายแล้วว่า เด็ก เรียนกศน.ติดแพทย์จริง ซึ่งการที่เราจะสอบติดแพทย์ได้ ในสถานศึกษาที่ด้อยหรือไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปเรียนนั้น มันยากลาบากมากกว่าที่เขาจะมาถึงจุดๆนี้ได้ เขาอาจจะมีฐานะยากจน ไม่มีเงินส่งไปเรียนที่ๆดี แต่ถ้าเขามีความ พยายามอย่างมั่งมั่น แน่วแน่ ไม่ท้อต่ออุปสรรค คอยหาวิธีกาจัดอุปสรรคเสมอ ก็สามารถติดคณะสูงๆ คณะที่คาดหวัง มหาวิทยาลัยดีๆดังๆได้เช่นกัน แล้วจากการที่ได้สืบค้นมาก็พบว่าคนที่สอบติดหมอบางคนก็ไม่ได้เรียนพิเศษเลย โดยที่ เขาอาศัยแรงกายแรงใจในการอ่านและฝึกทาข้อสอบเองเป็นประจา ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทาให้เข้าประสบผลสาเร็จ ซึ่งแตกต่างกับเด็ก ม.ปลาย หลายคนมากที่เรียนหนักมา ไปเรียนพิเศษตามกระแสคนอื่นตอนเย็นตลอด เลยทาให้นอน ดึง หลับไม่เพียงพอ อาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนั้นการที่เราจะสอบติดคณะที่หวัง มหาวิทยาลัยที่ใช่ ล้วนขึ้นอยู่กับแรงใจ แรงกาย ความพยายาม อดทน มี แรงผลักดันในตัวของเราทั้งสิ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการศึกษาที่ดี หรือคุณครูติวเตอร์ที่มีคุณภาพ และการไปเรียน พิเศษมากมาย จึงเป็นเหตุผลของการจัดทาโครงงานเรื่องนี้
  • 3. 3 วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.เพื่อศึกษาหาวิธีการเรียนให้ได้ประโยชน์มากที่สุด 2.เพื่อสามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจาวันได้ 3.เพื่อให้กาลังใจสาหรับผู้ที่อยากสอบติดคณะสายวิทย์สุขภาพ 4.เพื่อแนะแนวทางให้กับผู้ที่สนอยากจะเข้าคณะสายวิทย์สุขภาพ 5.เพื่อให้ผู้ที่สนใจ มีความอดทน มีความพยายามสาหรับการเตรียมตัวเข้าสอบมหาวิทยาลัย ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) 1.สาหรับผู้ที่อยากเข้าคณะที่คะแนนสอบสูงๆหรือคณะสายวิทย์สุขภาพ 2.สาหรับผู้ที่สนใจอยากจะปรับปรุงตัวเองในเรื่องของการเรียน 3.สาหรับผู้ที่อยากสร้างแรงบันดาลใจ สร้างกาลังใจให้กับตัวเอง หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) Stage of Change เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่! ทฤษฎี Stage of Change ของ Prochaska & DiClemente เริ่มต้นจากทฤษฎีจิตบาบัดต่างๆ ที่ใช้รักษาผู้ป่วย แล้วสรุปออกมาเป็นทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง ใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างกว้างขวาง โดยสเต็ปของการ เปลี่ยนจะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน สมมติว่าอยากเปลี่ยนสไตล์การเรียน "เด็กขี้เกียจ ---> เด็กขยัน" 1. Precontemplation ขั้นชิลล์ๆ อยู่ในภาวะสับสน ไม่เชื่อว่าตัวเองทาได้ และยังไม่เอาจริงกับการเปลี่ยน เช่น ชั่งใจว่าจะเปลี่ยนอะไร ขี้เกียจก็ไม่ได้แย่ ถ้าขยันจะไปได้ซักกี่น้า? 2. Contemplation ขั้นปิ๊งไอเดีย เริ่มเชื่อมือตัวเองแล้วว่าน่าจะทาได้ แต่ยังเล่นตัว มองเห็นข้อดีของความขยัน แต่ก็กลัวตัวเองจะสูญเสียความสนุก (ความขี้เกียจมันใช่ทางกว่า!) 3. Preparation ขั้นเอาจริง โยนความสับสนทิ้งไป แล้วบอกตัวเองว่าครั้งนี้เอาจริง! เริ่มลุกมาเตรียมพร้อม วางแผน + หาเทคนิคมาเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ให้ขยันอย่างจริงจัง 4. Action ขั้นลงมือทา ลังเลมา 3 Stage แล้ว ได้เวลาลงมือเปลี่ยนกันสักที ปิดเทอมหยิบหนังสือมาอ่านวันละ 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างต่า เคลียร์การบ้านให้เสร็จวันต่อวัน ฯลฯ 5. Maintenance ขั้นทาต่อไป เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีกับตัวเองเลยตั้งใจว่าจะทาให้ได้ตลอด! ไม่ให้ตัวขี้เกียจ มาสิงร่าง พร้อมสตาร์ทเครื่องขยันไม่หยุด Success และ Strong!! น้องๆ ลองตั้งโจทย์ "สิ่งที่อยากเปลี่ยนแปลงด้านการเรียน" ของตัวเองดูค่ะ เรียบร้อยแล้วพยายามไล่ทาตาม Stage อย่างค่อยเป็นค่อยไปจนครบ น้องจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนของตัวเองไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้แน่ แต่ หลักการสาคัญของทฤษฎีนี้ เราควรกาหนดระยะเวลาของแต่ละ Stage ให้ชัดเจน ไม่งั้นก็จะเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อย เช่น Stage 1 ทาใจ 3 วัน Stage 2-3 เตรียมพร้อมอีก 7 วัน Stage 4 ลงมือ 3 เดือนจนเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว ทาต่อไป แต่เปลี่ยนจากความขี้เกียจมาขยัน ความยากมันก็อยู่ที่การรับมือกับกิเลสนี่แหละค่ะ แค่เจอซีรีส์ เจอเกม สนุกๆ ใจก็สั่นคลอนแล้ว ดังนั้น ต้องเอาจริงนะ ถึงจะเปลี่ยนได้สาเร็จ!!
  • 4. 4 Vroom’s expectancy Theory ปลุกไฟแห่งความหวังให้ลุกโชน! น้องๆ คงรู้แล้วว่านี่คือ "ทฤษฎีความคาดหวังของวรูม!" ทฤษฎีนี้ใส่ใจความสุขค่ะ เราต้อง"เพิ่มความสุขเพื่อลด ความเจ็บปวด" โดยมีแรงจูงใจเป็นตัวแปร 3 อย่างที่มีความสัมพันธ์กันคือ ความคาดหวัง (Expectancy) ความเชื่อ (Instrumentality) ความพอใจ (Valence) ตั้งความหวังไว้แล้วพยายามไปให้ถึง โดยอาศัยความเชื่อว่าถ้าตั้งใจจริงจะ ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า และนามาซึ่งความพอใจในที่สุด น้องๆ ใช้ทฤษฎีนี้มาเรียกกาลังใจตัวเองได้ อยากคว้าเกรดดีๆ หรือสอบติดคณะที่ใช่-มหา'ลัยที่ชอบ ตั้ง ความหวังไปเลยค่ะ พอมีจุดหมายแล้ววิธีการจะตามมาเอง (ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ส่งงานครบ) ถ้าหวังสูงเกินไปก็ลด ได้ เช่น อยากได้เกรดรวม 4 แต่ยากมาก ลองปรับเป็น 3.5 Up เพิ่มความเป็นไปได้ดู น้องจะมีแรงที่อยากลุยต่อมาก ขึ้น แล้วเมื่อทาได้จริงๆ เราจะเห็นกับตาว่าผลลัพธ์มันคุ้มค่า เช่น ผ่านเกณฑ์รับตรงที่กาหนดเกรดขั้นต่า สอบติดก่อน ใคร ฯลฯ เรามีความสุข พ่อแม่ก็ภูมิใจ วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน - ปรึกษาเลือกหัวข้อ - นาเสนอหัวข้อกับครูผู้สอน - ศึกษารวบรวมข้อมูล - จัดทารายงาน - นาเสนอครู - ปรับปรุ่งและแก้ไข เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ - อินเตอร์เน็ต - หนังสือที่เกี่ยวข้อง - คอมพิวเตอร์ - โทรศัพท์ งบประมาณ = 100 บาท
  • 5. 5 ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 1. ผู้จัดทามีความเข้าใจในหัวข้อที่สนใจมากขึ้น 2. สามารถนาไปประยุกต์ใช้กับการเรียนได้จริง 3. สามารถนาความรู้เผยแพร่ให้กับเพื่อนๆคนอื่นได้ 4. ผู้จัดทามีความเข้าใจในการทางานอย่างเป็นระบบมากขึ้น สถานที่ดาเนินการ 1. ห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 2. ห้องสมุด โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 3. โทรศัพท์ส่วนตัว 4. ห้องแนะแนว โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1. กลุ่มพัฒนาผู้เรียน 2. กลุ่มสาระการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระ แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) https://www.dek-d.com/education/48897/ https://www.honestdocs.co/how-to-be-doctor https://www.khaosod.co.th/sci-tech/news_868167