Rubber

การเตรียมพื้นที่ปลูกยาง โค่นล้มไม้ เดิมอ อก เผาเศษไม้ เมื่อเผาปรนเสร็จเรียบร้อย ทำการเตรียมพื้นที่โดยไถ 2 ครั้ง พรวน 1 ครั้ง กรณีที่เป็นพื้นที่ที่มีความลาดเทมาก ให้ทำแนวขั้นบันไดขนานกับพื้นดิน ความกว้างของขั้นบันไดอย่างน้อยที่สุดควรเป็น 1.5 เมตร

ระยะปลูกและการวางแนวปลูก ต้องพิจารณาถึงสิ่งต่าง ๆ เช่นพันธุ์ยางที่ใช้ปลูก สภาพพื้นที่ ระยะปลูกยาง ( เมตร ) จำนวน ( ต้นต่อไร่ ) หมายเหตุ 3 x 7 76 ปลูกพืชแซม 2.5 x 8 76 ปลูกพืชแซม 3 x 8 67 ปลูกพืชแซม 3.5 x 7 67 ปลูกพืชแซม 4.6 67 ไม่ปลูกพืชแซม

การจัดวางแนวปลูก 1. กำหนดแถวหลัก ควรจะวางขวางทิศทางการไหลของน้ำ 2. จัดเล็งแนวการทำแถวหลัก

การขยายพันธุ์ยาง ใช้เมล็ด ติดตาเขียว ติดตาสีน้ำตาล การใช้เมล็ดขยายพันธุ์ มักจะนำไปใช้เพาะต้นกล้า เพื่อใช้ทำเป็นต้นตอสำหรับติดตา

การ ขยาย พันธุ์โดยวิธีการติดตา มีวิธีการดำเนินงาน 3 ขั้นตอนคือ การสร้างแปลงกล้ายาง การสร้างแปลงกิ่งตา วิธีการติดตาเขียว

การสร้างแปลงกล้ายาง ใช้วัตถุปลูกได้ 3 ชนิด คือ เมล็ดสด เมล็ดงอก และต้นกล้า 2 ใบ

การสร้างแปลงกิ่งตา นิยมการทำแปลงผลิตกิ่งตาเขียวมากกว่าสีน้ำตาล

วิธีการติดตาเขียว 1. ต้นกล้ายาง ต้องสมบูรณ์แข็งแรง อายุประมาณ 4 1/2 - 8 เดือน 2. กิ่งตาเขียว สมบูรณ์มีอายุ 42-49 วัน 3. วิธีการติดตาเขียวฝึกได้ง่าย ผู้ที่มีความชำนาญจะ สามารถติดได้ประมาณ 300 ต้นต่อวัน 4. ฤดูกาล ควรเป็นต้นฤดูฝนไปจนถึงกลางฤดูฝน

5. วัสดุอุปกรณ์ - กรรไกรตัดกิ่งตา - ถุงพลาสติกใส่กิ่งตา - แถบพลาสติกใสขนาดกว้าง 5/8 นิ้ว หนา 0.05 มิลลิเมตร - หินลับมีด - เศษผ้าสำหรับเช็ดต้นยาง วิธีการติดตาเขียว ( ต่อ )

วิธีปฏิบัติ 1. เลือกต้นกล้าที่สมบูรณ์ ทำความสะอาดโคนต้นกล้า ด้วยเศษผ้าเช็ดสิ่งสกปรกและทรายออก 2. เปิดรอยกรีดโดยใช้ปลายมีดกรีดตามความยาว ลำต้น 2 รอย ขนาดยาว 7-8 เซ็นติเมตร ห่างกัน ประมาณ 1 เซ็นติเมตร ใช้มีดตัด ขวางรอยกรีดด้านบนให้เชื่อมกัน

3. เตรียมแผ่นตาจากกิ่งตาเขียว 4. แต่งแผ่นตาทั้ง 2 ข้าง 5. ลอกแผ่นตาออกจากเนื้อไม้ 6. รีบสอดแผ่นตาที่ลอกเนื้อไม้ออกแล้วนี้ใส่ลงในลิ้น เปลือกต้นตอเบา ๆ วิธีปฏิบัติ ( ต่อ )

7. พันด้วยแผ่นพลาสติกใส 8. ตรวจสอบความสำเร็จเรียบร้อย พร้อมทั้งปักป้าย แสดงวันที่ติด ชื่อพันธุ์ยางและจำนวนต้นไว้ หลัง จากนั้นอีก 21 วัน ให้ตรวจดูหากแผ่นตายังเขียว อยู่ แสดงว่าการติดตาประสบผลสำเร็จ วิธีปฏิบัติ ( ต่อ )

การปลูกยาง วัสดุที่จะใช้สำหรับปลูกยางมีหลายชนิดที่ใช้ได้ ผลดี ได้แก่ วิธีปลูกด้วยเมล็ดแล้วติดตาในแปลง การปลูก ด้วยต้นตอตา และ การปลูกด้วยต้นยางชำถุง

วิธีการปลูกด้วยเมล็ดแล้วติดตาในแปลง มีวิธีการคือ 1. การเตรียมพื้นที่ โดยการไถพลิกดิน ไถพรวนซ้ำเพื่อให้ ดินร่วนและทำการปักไม้ชะมบตามระยะปลูกที่กำหนด 2. เตรียมหลุมปลูก ขนาดเท่ากับ 50x50x50 เซ็นติเมตร

3. นำเมล็ดลงปลูก หลุมละ 3 เมล็ด ระยะห่างระหว่าง เมล็ด 25 เซ็นติเมตร วางให้ด้านแบนของเมล็ดคว่ำ ลง หรือให้ด้านรากของเมล็ดคว่ำลง ลึกจากผิวดิน ประมาณ 3 เซ็นติเมตร 4. ทำการติดตา เมื่อกล้ายางมีอายุได้ 7-8 เดือน 5. กำจัดวัชพืชพร้อมกับการใส่ปุ๋ยก่อนทุกครั้ง สูตร 1 หรือ 3 ในอัตรา 15 กรัมต่อต้น หลังจากปลูกเดือน ที่ 1,2,3 และก่อนติดตา 1 เดือน วิธีการปลูกด้วยเมล็ดแล้วติดตาในแปลง ( ต่อ )

การปลูกด้วยต้นตอตา ต้นตอตา ก็คือต้นกล้ายางที่ติดตาด้วยยางพันธุ์ดีไว้ เรียบร้อยแล้วแต่ตายังไม่แตกออกมา ต้นตอยางที่ดีต้องมี ส่วนของรากแก้วที่สมบูรณ์ไม่คดงอ ลำต้นตรง ในการปลูกด้วยต้นตอตา ขณะปลูกควรให้แผ่นตาอยู่ในแนวทิศเหนือใต้ เพื่อไม่ให้แผ่นตาถูกแสงแดดมากเกินไป

การปลูกด้วยต้นยางชำถุง ต้นยางชำถุงมีอยู่ 2 วิธีคือ 1. การใช้วิธีติดตาในถุง 2. การใช้ต้นตอตาเขียวมาปลูกในถุง

วิธีการปลูก ด้วยต้นยางชำถุงจะมีขั้นตอน และวิธีปฏิบัติดังนี้ 1. เตรียมต้นยางชำถุง โดยใช้ต้นตอตาเขียว 2. การปลูก

การปลูกซ่อมยาง เพื่อให้ได้จำนวนต้นยางที่ปลูกมีจำนวนเท่า เดิมไม่มีหลุมว่าง ในการปลูกซ่อมจึงต้องพิจารณาใช้ วัตถุปลูกซ่อม อย่างเหมาะสม การจะใช้วัสดุปลูกซ่อมชนิดใด เช่น ต้นตอตา ต้นติดตา หรือต้นยางชำถุง ต้องขึ้นอยู่กับขนาดของต้นยางในแปลงปลูกในระยะนั้น ๆ ตลอดจนช่วงระยะเวลาที่จะทำการปลูกซ่อมด้วย

การตัดแต่งกิ่งยาง เพื่อต้องการให้ยางมีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ได้ รูปทรงที่เหมาะสม ทั้งทางด้านลำต้นและบริเวณทรงพุ่ม การ ตัดแต่งกิ่งบริเวณลำต้นช่วยให้ลำต้นกลมตรง ไม่มีปุ่มปม ง่าย ต่อการกรีดและเพิ่มพื้นที่การกรีดให้สูงขึ้น ส่วนการตัดแต่งกิ่ง บริเวณทรงพุ่มใบให้บางลง การต้านทานลมมีน้อย

การตัดแต่งกิ่งบริเวณทรงพุ่ม 1. เมื่อต้นยางอายุ 2-3 ปี คอยตัดกิ่งแขนงที่แตกออกมามากออก 2. กิ่งที่แตกออกเป็นคาคบมีขนาดไม่เท่ากันทำให้น้ำหนักของกิ่งไม่สมดุลให้ตัดกิ่งเล็กออก 3. เมื่อยางอายุ 3-5 ปี ยังต้องเลือกตัดกิ่งออกอีกเมื่อมีทรงพุ่มใบหนาเกินไป

การปลูกพืชแซมยาง จะต้องพิจารณาดังนี้ ควรเป็นพืชล้มลุกอายุสั้น ไม่ควรปลูกพืชแซมยางติดต่อกันนานเกินกว่า 3 ปี พืชแซมที่ปลูกต้องห่างจากแถวยางไม่น้อยกว่า 1 เมตร ควรมีการใส่ปุ๋ยให้กับพืชแซมด้วย หากดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ไม่ควรปลูกพืชแซม

การปลูกพืชแซมยาง ( ต่อ ) การปลูกพืชแซมยางในระบบหมุนเวียน เพื่อป้องกันโรคและแมลงระบาด การใช้แรงงานในการปลูกพืชแซมยาง ควรเป็นแรงงานในครอบครัว สวนยางที่ต้องการจะปลูกพืชแซมยาง ควรใช้ระยะระหว่างแถวยางให้กว้าง เช่น 7.8 เมตร หลังปลูกพืชแซมยางแล้วควรปลูกพืชคลุมทันที

การกรีดยาง แยกออกได้เป็น 4 ลักษณะคือ 1. การกรีดยางในระยะ 3 ปีแรก 2. การกรีดยางหลังจาก 3 ปีไปแล้ว 3. การกรีดเปลือกงอกใหม่ 4. การใช้สารเคมีเร่งน้ำยางกับเปลือกเดิม ของยางบางพันธุ์

การกรีดยางในระยะ 3 ปีแรก ควรพิจารณาใช้ระบบกรีดที่เหมาะสมดังนี้ (1/2 S.d/3) (1/2 S.d/2) (1/2 S.d/3 + E.T.2.5%)

การกรีดยางหลังจาก 3 ปีไปแล้ว ระบบกรีดที่ใช้ควรเป็นดังนี้ (1/2 S.d 3) (1/2S.d/2) (1/2 S.d/3 +E.T.2.5%)

การกรีดเปลือกงอกใหม่ กระทำได้ 2 ลักษณะคือ ใช้สารเคมีเร่งและไม่ใช้สารเคมี การใช้สารเคมีเร่ง (1/2S.d/4) หรือ (1/2S.d/3) ไม่ใช้สารเคมีเร่ง ทำได้ 2 ระบบคือ (1/2S.d/2) (1/2S.d/3)

ระบบกรีดยางที่จะใช้สำหรับต้นกล้าหรือต้นยางที่ปลูกจากเมล็ด จะแตกต่างไปจากต้นติดตา เนื่องจากต้นกล้าเป็นโรคเปลือกแห้งได้ง่าย หากกรีดถี่เกินไปจำนวนต้นเปลือกแห้งจะมีมาก ระบบกรีดที่เหมาะสมควรใช้ดังนี้ - การกรีดหน้าที่ 1,2 (1/2S.d/3) - การกรีดเปลือกงอกใหม่ (1/2S.d/2)

การเก็บน้ำยาง เมื่อกรีดยางแล้ว น้ำยางก็จะไหลไปตามรอยที่ทำไว้ผ่านลิ้นรองน้ำยางและไหลลงถ้วยรองรับน้ำยาง ภายหลังจากกรีดยางไปแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนมากน้ำยางก็จะหยุดไหลก็จะเริ่มเก็บน้ำยางได้ เก็บน้ำยางในถ้วยแล้วเทลงไปในถังหรือปีบ จะใช้ไม้ปาดน้ำยาง กวาดน้ำยางออกจากถ้วยให้หมด แล้วนำถ้วยไปเก็บคว่ำไว้บนห่วงลวด น้ำยางที่เก็บได้จะถูกนำมารวบรวม ไปส่งยังโรงงานทำยางแผ่น

การทำยางแผ่น หลังจากที่เก็บน้ำยางจากสวนนำเข้ามารวบรวมยังถังรวมน้ำยาง อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ได้แก่ - จักรรีดยาง ทั้งรีดเรียบและรีดดอก - ถังรวมน้ำยาง - กรดฟอร์มิคหรือกรดซัลฟูริค - โอ่งใส่น้ำ - ตะกง

- เครื่องกรองน้ำยางเบอร์ 40 และ 60 - ใบพายกวานน้ำยาง - ที่ตวงน้ำยางขนาด 3 ลิตร - โต๊ะสำหรับนวดแผ่นยาง - อ่างเคลือบสำหรับผสมน้ำกรด อุปกรณ์ที่จำเป็น ( ต่อ )

ขั้นตอนและวิธีทำยางแผ่น - ผสมน้ำยางกับน้ำโดยอัตราส่วน - เทผ่านตะแกรงกรอง 2 ชั้น เบอร์ 40 และ 60 - ตวงส่วนผสมใส่ในตะกงอลูมิเนียม ตะกงละ 5 ลิตร - ผสมน้ำกรดฟอร์มิค - เทน้ำกรดที่ผสมแล้วใส่น้ำยาง - ใช้ไม้พายกวนอีก 5-6 เที่ยว

- ให้ช้อนฟองอากาศออกให้หมด - ปิดฝาตะกงเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกลงไป นำไปตั้งทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที ยางในตะกงก็จะแข็งตัว - เมื่อยางแข็งตัวดีแล้ว รินน้ำหล่อไว้ทุกตะกงเพื่อความสะดวกในการเลาะยางออกจากข้างตะกง - คว่ำตะกงลงบนแท่นนวด ยางจะหลุดออกจากตะกง จากนั้นทำการนวดด้วยมือหรือไม้นวดก็ได้ตามถนัด

- นำยางที่นวดจนบางแล้วนี้ เข้าเครื่องรีดเรียบ 3 ครั้ง ให้แผ่นยางหนาประมาณ 3-4 มิลลิเมตร แล้วจึงนำเข้าเครื่องรีดดอก 1 ครั้ง - นำยางที่ผ่านเครื่องรีดดอกแล้วไปล้างน้ำให้สะอาด เพื่อล้างกรดออก แล้วจึงนำไปผึ่งลมในที่ร่ม ไม่มี ฝุ่นอากาศถ่ายเทได้สะดวก เมื่อยางแห้งก็สามารถเก็บไว้ขายได้ หรือถ้าหากมีโรงรมควัน เมื่อน้ำหยุดไหลหลังจากผึ่งไว้สักครู่ก็สามารถนำเข้าโรงรมได้เลย

ลักษณะของยางแผ่นชั้นดี 1. เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่คอดกิ่ว ยาวประมาณ 70-80 เซนติเมตร หนาประมาณ 3-4 มิลลิเมตร หนักประมาณ 0.8-1 กิโลกรัม 2. สะอาดปราศจากฟองอากาศ 3. มีสีใสสม่ำเสมอทั้งแผ่นไม่มีขาว 4. มีความยืดหยุ่นดี ไม่ฉีกขาดง่าย และมีรอยดอกยาง เห็นเด่นชัด

โรค - ศัตรูยางพารา - โรคใบจุดตานก - โรคเกิดจากเชื้อคอลเลโทตริกัน - โรคเกิดจากเชื้อออยเดียม - โรคใบไหม้ - โรคใบร่วงและผลเน่าจากเชื้อไฟท๊อปโทรา - โรคตายจากยอด

โรค - ศัตรูยางพารา ( ต่อ ) - โรคราสีชมพู - โรคเส้นดำ - โรคเปลือกเน่า - โรคเปลือกแห้ง

แมลงและศัตรู - ด้วง - ปลวก

Rubber

More Related Content

What's hot (8)

Viewers also liked (20)

Similar to Rubber (20)

Rubber