SlideShare a Scribd company logo
สมบัติของสารและการจาแนก
สมบัติของสาร
และการจาแนกสาร
สารเนื้อเดียว
สารเนื้อผสม
สมบัติของสารละลาย
สมบัติของสารและการจาแนกสาร
สมบัติของสารและการจำแนก
สมบัติของสาร
• สาร หมายถึง สิ่งที่มีตัวตน มีมวล (น้าหนัก) ต้องการที่อยู่ และสามารถสัมผัสได้
• สมบัติของสาร เป็นลักษณะเฉพาะของสารชนิดนั้นๆ ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่า
สารนั้นคืออะไร
สมบัติทางกายภาพของสาร
เป็นสมบัติที่สามารถสังเกตได้ง่ายจากภายนอก เช่น สี กลิ่น รส การละลาย ความแข็ง
ลักษณะผลึก สถานะ การนาความร้อน นาไฟฟ้า จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่น
ของแข็ง ของเหลว แก๊ส
สมบัติทางเคมีของสาร
การเกิดสนิมเหล็ก การเผาไหม้
เป็นสมบัติที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบภายในของสาร ที่แสดงให้เห็นเมื่อมีการ
เปลี่ยนแปลงทางเคมี หรือเกิดปฏิกิริยาเคมี เช่น การเกิดสนิมเหล็ก การเผาไหม้
การสังเคราะห์ด้วยแสง
ใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์
• สารเนื้อเดียว เป็นสารที่เห็นเป็น
เนื้อเดียวกันตลอดทุกส่วน และ
มีสมบัติเหมือนกันทุกส่วน
• สารเนื้อผสม เป็นสารที่ไม่เป็น
เนื้อเดียวกัน และมีสมบัติเของ
เนื้อสารแต่ละส่วนแตกต่างกัน
สารเนื้อเดียว
สารเนื้อผสม
การจาแนกสาร
แผนผังแสดงการจาแนกสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์
ใช้ขนาดอนุภาคเป็นเกณฑ์
จาแนกสารได้ 3 ประเภท ได้แก่ สารแขวนลอย คอลลอยด์ และสารละลาย
น้าโคลนเป็น
สารแขวนลอย
สีทาบ้านเป็น
สารคอลลอยด์
น้าเกลือเป็น
สารละลาย
ใช้สถานะของสารเป็นเกณฑ์
จาแนกสารได้ 3 ประเภท ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส
ของแข็ง
• รูปร่างคงที่
• ปริมาตรคงที่
• โมเลกุลของสารจะอยู่
ชิดติดกันอย่างเป็น
ระเบียบ
ของเหลว
• รูปร่างไม่คงที่ ซึ่งเปลี่ยน
ไปตามภาชนะที่บรรจุ
• ปริมาตรคงที่และสามารถ
ไหลได้
• โมเลกุลของสารจะอยู่
ห่างกันมากกว่าของแข็ง
แก๊ส
• รูปร่างไม่คงที่ ซึ่งเปลี่ยน
ไปตามภาชนะที่บรรจุ
• ปริมาตรไม่คงที่ ซึ่งมี
ปริมาตรเท่ากับภาชนะ
ที่บรรจุ
• โมเลกุลของสารจะอยู่
ห่างกันมาก และเคลื่อนที่
ได้อิสระ
• การให้พลังงานความร้อนจะทาให้อนุภาคของสารสั่นเร็ว และมีพลังงานมากขึ้น
จนแรงดึงดูดระหว่างอนุภาคไม่สามารถยึดอนุภาคของสารไว้ได้
ความร้อน ความร้อน
อนุภาคสารดึงดูดกันแน่น อนุภาคสารเกิดการสั่น อนุภาคสารแตกตัวออก
• ขณะที่ของแข็งเปลี่ยนสถานะไปเป็นของเหลวหรือเกิดการละลาย อุณหภูมิขณะนั้น
จะคงที่ เรียกจุดนี้ว่า จุดหลอมเหลว
• ขณะที่ของเหลวเปลี่ยนสถานะไปเป็นแก๊สหรือเกิดการระเหย อุณหภูมิขณะนั้นจะ
คงที่ เรียกจุดนี้ว่า จุดเดือด
สมบัติของสารและการจำแนก
สารเนื้อเดียว
สารเนื้อเดียว
สารที่อาจมีเพียงชนิดเดียว หรืออาจมีมากกว่า2 ชนิดขึ้นไป ที่ผสม
กันอย่างกลมกลืน มองเห็นเป็นเนื้อเดียวกันตลอด และแสดงสมบัติ
เหมือนกันทุกประการ
สารบริสุทธิ์
สารเนื้อเดียวที่มีองค์ประกอบเพียง
ชนิดเดียวซึ่งมีสมบัติเหมือนกัน
สารละลาย
สารเนื้อเดียวที่ประกอบด้วยธาตุ
หรือสารประกอบตั้งแต่ 2 ชนิด
ขึ้นไปมารวมตัวกัน โดยมีสารหนึ่ง
เป็นตัวทาละลายส่วนอีกสารหนึ่ง
เป็นตัวละลาย
ธาตุ (element)
• สารบริสุทธิ์ที่ประกอบด้วย
อะตอมชนิดเดียว ไม่สามารถ
แยกหรือสลายเป็นสารอื่นได้
เช่น เงิน ทอง คาร์บอน
ออกซิเจน เหล็ก เป็นต้น
• ธาตุที่พบมากที่สุดใน
ธรรมชาติ คือ ออกซิเจน
รองลงมาคือ ซิลิคอน และ
อะลูมิเนียม ตามลาดับ
แมกนีเซียม 1.93% โพแทสเซียม 2.40%
โซเดียม 2.63%
อะลูมิเนียม 7.50%
แคลเซียม 3.39%
เหล็ก 4.70%
ธาตุอื่นๆ
ซิลิคอน 25.87%
ออกซิเจน 49.20%
สารเนื้อเดียวที่มีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียวซึ่งมีสมบัติเหมือนกัน
สารบริสุทธิ์
ธาตุโลหะ
ทองแดง ปรอท
• มีสถานะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิปกติ (ยกเว้นปรอทที่เป็นของเหลว)
• ผิวมันวาว
• จุดเดือดสูง
• นาไฟฟ้าได้ดี
ธาตุอโลหะ
กามะถัน ขวดแก้วบรรจุแก๊สคลอรีน
• อาจเป็นของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส
• ผิวไม่มันวาว
• จุดเดือดต่า
• ไม่นาไฟฟ้า
ธาตุกึ่งโลหะ
โบรอน ซิลิคอน
• มีสมบัติก้ากึ่งระหว่างโลหะกับอโลหะ
• ตัวอย่างเช่น โบรอนเป็นของแข็งสีดา เปราะ ไม่นาไฟฟ้า และมีจุดเดือดสูง
ส่วนซิลิคอนเป็นของแข็งสีเงินวาว เปราะ นาไฟฟ้าได้เล็กน้อย
สารประกอบ (Compound)
สารที่เกิดจากการรวมตัวกันของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป มาทาปฏิกิริยาทางเคมีกัน
ด้วยอัตราส่วนที่แน่นอน กลายเป็นสารชนิดใหม่ที่มีสมบัติแตกต่างไปจากธาตุที่เป็น
องค์ประกอบ เช่น เกลือแกง น้า คาร์บอนไดออกไซด์ แอมโมเนีย เป็นต้น
ไฮโดรเจน ออกซิเจน น้า
สารเนื้อเดียวที่ประกอบด้วยธาตุหรือสารประกอบตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป มารวมตัวกัน
โดยมีสารหนึ่งเป็นตัวทาละลาย ส่วนอีกสารหนึ่งเป็นตัวละลาย
การกาหนดว่า สารใดเป็นตัวทาละลาย และ
สารใดเป็นตัวละลาย ให้พิจารณาจากปริมาณ และ
สถานะขององค์ประกอบ
• ถ้าสารอยู่ในสถานะเดียวกัน จะกาหนดให้สารที่มี
ปริมาณมากกว่าเป็นตัวทาละลาย ส่วนสารที่มี
ปริมาณน้อยกว่าเป็นตัวละลาย
• ถ้าสารอยู่ในสถานะต่างกัน หากสารผสมกันแล้ว
สารใหม่ที่ได้อยู่ในสถานะเหมือนกับสารชนิดใด
ให้ถือว่าสารนั้นเป็นตัวทาละลาย ส่วนอีกสารหนึ่ง
เป็นตัวละลาย
สารละลาย
สมบัติของสารและการจำแนก
ชนิดของตัวทาละลาย
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้
1. ตัวทาละลายอินทรีย์ เป็นสารประกอบ
อินทรีย์(organic compound) เช่น เอทานอล
น้ามันสน คลอโรฟอร์ม เฮกเซน
2. ตัวทาละลายอนินทรีย์ เป็นสารอนินทรีย์
(inorganic compound) เช่น น้า กรดไนตริก
กรดซัลฟิวริก
สารละลาย
น้าตาล
น้าตาล
ปัจจัยที่มีผลต่อการละลาย
อุณหภูมิ
• ถ้าตัวละลายเป็นของแข็ง
ส่วนตัวทาละลายเป็นของเหลว
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น จะละลายได้
มากขึ้น
• ถ้าตัวละลายเป็นแก๊ส ส่วน
ตัวทาละลายเป็นของเหลว
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น จะละลาย
ได้น้อยลง
ชนิดของตัวทาละลาย
ตัวทาละลายแต่ละชนิดสามารถละลายสารต่างๆ
ได้ต่างกัน
ขนาดของตัวละลาย
ตัวละลายที่มีขนาดใหญ่ จะละลายได้ช้ากว่า
ตัวละลายที่มีขนาดเล็ก
ความดัน
กรณีที่ตัวละลายเป็นแก๊ส หากความดันสูงขึ้น
จะละลายได้ดีขึ้น
การคน การเขย่า หรือการปั่นเหวี่ยง
อนุภาคของตัวละลาย และตัวทาละลายเคลื่อนที่
เร็วขึ้น มีโอกาสชนกันมากขึ้น การละลายจึงเกิดเร็ว
การเตรียมสารละลาย
ร้อยละโดยน้าหนัก
เป็นหน่วยความเข้มข้นที่บอกถึงน้าหนักตัวละลายต่อน้าหนักของสารละลาย
ร้อยละโดยน้าหนัก  100น้าหนักของตัวละลาย
น้าหนักของสารละลาย=
ตัวอย่าง จงหาความเข้มข้นของสารละลายน้าตาลกลูโคสซึ่งประกอบด้วยน้าตาล
8.0 กรัม ละลายในน้า 200 กรัม
= 8 กรัม
= 4 %
ดังนั้น สารละลายน้าตาลกลูโคสมีความเข้มข้น 4%
ร้อยละโดยน้าหนัก  100น้าหนักของตัวละลาย
น้าหนักของสารละลาย
=
 100200 กรัม
ร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตร
เป็นหน่วยความเข้มข้นที่บอกถึงปริมาตรของตัวละลายต่อปริมาตรของสารละลาย
ร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตร  100ปริมาตรของตัวละลาย
ปริมาตรของสารละลาย=
ตัวอย่าง สารละลายเอทิลแอลกอฮอล์50 ลูกบาศก์เซนติเมตร ละลายอยู่ในน้า 200
ลูกบาศก์เซนติเมตร จงหาความเข้มข้นของสารละลาย
ปริมาตรของสารละลาย = 200 + 50 = 250 cm3
= 50 cm3
= 20%
ดังนั้น สารละลายเอทิลแอลกอฮอล์มีความเข้มข้น 20%
ร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตร  100ปริมาตรของตัวละลาย
ปริมาตรของสารละลาย=
 100
250 cm3
ร้อยละโดยน้าหนักต่อปริมาตร
เป็นหน่วยความเข้มข้นที่บอกถึงน้าหนักของตัวละลายต่อปริมาตรของสารละลาย
ร้อยละโดยน้าหนักต่อปริมาตร  100น้าหนักของตัวละลาย
ปริมาตรของสารละลาย=
ตัวอย่าง สารละลายเกลือแกง 20 กรัม ในน้า 500 ลูกบาศก์เซนติเมตร จงหาความเข้มข้น
ของสารละลาย
= 20 กรัม
= 4 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
ดังนั้น สารละลายเกลือแกงมีความเข้มข้น 4 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
ร้อยละโดยน้าหนักต่อปริมาตร  100
น้าหนักของตัวละลาย
ปริมาตรของสารละลาย=
 100
500 cm3
จานวนส่วนของตัวละลายในตัวทาละลาย
เป็นหน่วยความเข้มข้นที่บอกถึงปริมาณของตัวละลายที่มีอยู่ในตัวทาละลาย
• ส่วนในพันส่วน (part per thousand : ppt) หมายถึง มีตัวละลายอยู่ 1 ส่วน
ในตัวทาละลาย 1 พันส่วน
• ส่วนในล้านส่วน (part per million : ppm) หมายถึง มีตัวละลายอยู่ 1 ส่วน
ในตัวทาละลาย 1 ล้านส่วน
• ส่วนในพันล้านส่วน (part per billion : ppb) หมายถึง มีตัวละลายอยู่ 1 ส่วน
ในตัวทาละลาย 1 พันล้านส่วน
การคานวณหาความเข้มข้นของสารละลาย
สามารถทาได้2 วิธี ได้แก่ การเทียบบัญญัติไตรยางศ์และคานวณโดยใช้สูตร
ตัวอย่าง จงหาความเข้มข้นของสารละลายแอลกอฮอล์ซึ่งประกอบด้วยแอลกอฮอล์50
ลูกบาศก์เซนติเมตร ละลายในน้า 200 ลูกบาศก์เซนติเมตร
วิธีที่ 1 คานวณโดยการเทียบบัญญัติไตรยางศ์
สารละลาย 250 cm3 มีแอลกอฮอล์ 50 cm3
สารละลาย 100 cm3 มีแอลกอฮอล์ 50  100 = 20
วิธีที่ 2 คานวณโดยใช้สูตร
= 50 = 20
ดังนั้น สารละลายแอลกอฮอล์มีความเข้มข้น 20%
 100
ร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตร  100
ปริมาตรของตัวละลาย
ปริมาตรของสารละลาย=
250
250
สมบัติของสารและการจำแนก
สารเนื้อผสม
สารเนื้อผสม
สารผสมที่ประกอบด้วยสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป โดยเนื้อสาร
ไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน
สารแขวนลอย
สารชนิดหนึ่งมีโมเลกุล
ใหญ่กว่า 100 นาโนเมตร
ลอยอยู่ในสารอีกชนิดหนึ่ง
สารคอลลอยด์
สารชนิดหนึ่งมีโมเลกุล
ขนาดประมาณ 1- 100
นาโนเมตร กระจายอยู่ใน
สารอีกชนิดหนึ่ง
• ของผสมที่เกิดจากสาร 2 ชนิดรวมกัน โดยสาร
ชนิดหนึ่งมีโมเลกุลใหญ่กว่า 100 นาโนเมตร
ลอยอยู่ในสารอีกชนิดหนึ่ง
• โมเลกุลเหล่านี้จะแขวนลอยอยู่ได้ไม่นานก็จะ
จมลงสู่ด้านล่าง
• เมื่อมองด้วยตาเปล่าจะมีลักษณะขุ่น
• ตัวอย่างเช่น ทรายกับน้า โคลนกับน้า ปูนขาว
กับน้า เป็นต้น
สารแขวนลอย
คอลลอยด์ อนุภาคคอลลอยด์ สารอีกชนิดหนึ่ง
หมอก ละอองน้า อากาศ
ควันบุหรี่ ผงถ่าน อากาศ
สีทาบ้าน เม็ดสี น้า
• ของผสมที่เกิดจากสาร 2 ชนิดรวมกัน โดยสาร
ชนิดหนึ่งมีโมเลกุลขนาดประมาณ 1- 100 นาโนเมตร
กระจายอยู่ในสารอีกชนิดหนึ่ง
• บางชนิดเมื่อมองด้วยตาเปล่าจะมีลักษณะคล้าย
สารเนื้อเดียว
สารคอลลอยด์
อิมัลชัน
• คอลลอยด์บางประเภท อนุภาคคอลลอยด์ จะ
ไม่สามารถกระจายอยู่ในสารอีกชนิดหนึ่งได้
นาน เช่น น้ากับน้ามันพืช เมื่อเขย่าจะดู
เหมือนว่าผสมกันได้ แต่เมื่อตั้งไว้สักครู่หนึ่ง
น้ากับน้ามันพืชจะแยกตัวออกจากกัน เรียกสาร
ผสมนี้ว่า อิมัลชัน (emulsion)
• สามารถทาให้อิมัลชันเป็นสารผสมที่อยู่ตัวได้
โดยการเติมสารตัวที่ 3 เข้าไป เพื่อช่วยให้สาร
2 ชนิดนั้นผสมกันได้ เรียกสารที่เติมไปว่า
อิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) หรือ อิมัลซิไฟอิง
เอเจนต์ (emulsifying agent)
อิมัลซิไฟเออร์ในชีวิตประจาวัน
น้ามันละลาย
อยู่ในน้า
น้า
เติมสบู่แล้วเขย่า
• สบู่ : ช่วยทาให้ไขมันหรือสิ่งสกปรกตามร่างกายรวมตัวกับน้าได้
• ผงซักฟอก : ช่วยทาให้ไขมันหรือสิ่งสกปรกตามเสื้อผ้ารวมตัวกับน้าได้
• แชมพูสระผม : ช่วยทาให้ไขมันหรือสิ่งสกปรกที่เส้นผมรวมตัวกับน้าได้
• เคซีน : ช่วยทาให้ไขมันสัตว์ที่กระจายตัวอยู่ในน้าผสมกันได้ ซึ่งทาให้เกิดน้านม
น้ามัน
• นม
• น้าสลัด
• น้ากะทิ
• ควันบุหรี่
• ฝุ่นละอองในอากาศ
คอลลอยด์ในชีวิตประจาวัน
สมบัติของสารและการจำแนก
สารละลายกรด
สารประกอบที่มีธาตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ เมื่อละลายน้าแล้วสามารถแตกตัว
ให้ไฮโดรเจนไอออน (H+)ได้
สมบัติของสารละลายกรด
• มีรสเปรี้ยว
• เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีน้าเงินเป็นสีแดง (มีค่า pH < 7)
• ทาปฏิกิริยากับโลหะเช่น สังกะสี ทองแดง แมกนีเซียม
อะลูมิเนียม เป็นต้น จะได้ฟองแก๊ส
• กัดกร่อนโลหะหินปูน และเนื้อเยื่อของร่างกายสิ่งมีชีวิต
• ทาปฏิกิริยากับหินปูนได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
• นาไฟฟ้าได้ดี
• ทาปฏิกิริยากับเบส ได้เกลือและน้า
ประเภทของสารละลายกรด
กรดอินทรีย์
• กรดแอซีติก (acetic acid) หรือกรดน้าส้ม ได้
จากการหมักแป้งหรือน้าตาลโดยใช้จุลินทรีย์
ซึ่งนิยมใช้ในการผลิตน้าส้มสายชู
•กรดซิตริก (citric acid) หรือกรดมะนาว พบใน
ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว เป็นต้น
• กรดที่ได้จากสิ่งมีชีวิต เช่น พืช สัตว์จุลินทรีย์หรือจากการสังเคราะห์
• เมื่อทดสอบกับสารละลายเจนเชียนไวโอเลตจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
กรดอนินทรีย์
• กรดกามะถัน หรือกรดซัลฟิวริก (sulphuric acid)
• กรดเกลือ หรือกรดไฮโดรคลอริก (hydrochloric acid)
• กรดดินประสิว หรือกรดไนตริก (nitric acid)
• กรดที่ได้จากแร่ธาตุ จึงอาจเรียกว่า กรดแร่ (mineral acid)
• เมื่อทดสอบกับสารละลายเจนเชียนไวโอเลต จะเปลี่ยนสีของสารละลาย
เจนเชียนไวโอเลตจากสีม่วงเป็นสีเขียว
สารละลายกรดในชีวิตประจาวัน
• กรดน้าส้มและกรดที่ได้จากพืช เช่น มะนาว มะขาม เป็นต้น ใช้ปรุงแต่งอาหาร
• กรดไฮโดรคลอริก กรดซัลฟิวริก เป็นส่วนประกอบในน้ายาทาความสะอาด
สารประกอบที่ทาปฏิกิริยากับกรดแล้วได้เกลือกับน้า เมื่อละลายน้าแล้วสามารถ
แตกตัวให้ไฮดรอกไซด์ไอออน (OH-)ได้
สมบัติของสารละลายเบส
• มีรสฝาดหรือเฝื่อน
• เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีแดงเป็นสีน้าเงิน (มีค่า pH > 7)
• ทาปฏิกิริยากับน้ามันพืชหรือน้ามันหมู ได้สารละลายมีฟอง
คล้ายสบู่
• ทาปฏิกิริยากับแอมโมเนียมไนเตรต ได้แก๊สที่มีกลิ่นฉุนของ
แอมโมเนีย
• กัดกร่อนโลหะอะลูมิเนียมและสังกะสี แล้วเกิดฟองแก๊สขึ้น
• ทาปฏิกิริยากับกรด ได้เกลือและน้า
สารละลายเบส
สารละลายเบสในชีวิตประจาวัน
• โซดาซักผ้า (โซเดียมคาร์บอเนต) ใช้ในอุตสาหกรรมเคมี และผงซักฟอก
• โซดาไฟ (โซเดียมไฮดรอกไซด์) ใช้ในอุตสาหกรรมสบู่ ผงซักฟอก และการฟอกหนัง
• ด่างคลี (โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์) ใช้ในอุตสาหกรรมสบู่ และสารทาความสะอาด
• ผงฟู (โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต) ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และขนมบางชนิด
สารละลายลิตมัส
ทาจากสิ่งมีชีวิตพวกไลเคน มีสีม่วงเข้ม
เมื่อหยดลงในสารละลายกรด เปลี่ยนเป็น สีแดง
เมื่อหยดลงในสารละลายเบส เปลี่ยนเป็น สีน้าเงิน
การตรวจสอบสารละลายกรด-เบส
นอกจากสารละลายลิตมัสแล้ว ยังมีกระดาษลิตมัสซึ่งมี 2 สี คือ สีแดง และสีน้าเงิน
กระดาษลิตมัสสีแดง
จุ่มในสารละลายกรด
เปลี่ยนเป็นสีน้าเงิน
กระดาษลิตมัสสีน้าเงิน
จุ่มในสารละลายเบส
เปลี่ยนเป็นสีแดง
ยูนิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์
เนื่องจากสารละลายลิตมัสและกระดาษ
ลิตมัส สามารถบอกได้เพียงว่าสารละลายนั้นๆ
มีฤทธิ์เป็นกรด กลาง หรือเบส ซึ่งหากต้องการ
ทราบค่า pH ของสารละลาย ควรใช้ยูนิเวอร์ซัล
อินดิเคเตอร์ ซึ่งจะบอกค่า pH ของสารละลายได้
อย่างคร่าวๆ
เครื่องวัดค่า pH
บอกค่าได้ละเอียดกว่าการตรวจสอบ
ด้วยอินดิเคเตอร์ต่างๆ โดยจะแสดงค่าเป็น
ตัวเลขที่หน้าปัด และสามารถแสดงค่า pH
ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องได้
การทาให้เป็นกลาง
หากต้องการรู้ค่าของกรด ทาได้โดย
การหยดเบสลงไปทีละหยด จนสารละลาย
เป็นกลาง โดยดูได้จากการเปลี่ยนสีของ
อินดิเคเตอร์ ปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส
จะได้สารละลายเกลือกับน้า เรียกปฏิกิริยา
นี้ว่า ปฏิกิริยาสะเทิน (neutralization)
สรุปทบทวนประจาหน่วยการเรียนรู้ที่ 4
• สาร หมายถึง สิ่งที่มีตัวตน มีมวล ต้องการที่อยู่ และสัมผัสได้
• การจาแนกสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สารเนื้อเดียว และ
สารเนื้อผสม
• สารเนื้อเดียว หมายถึง สารที่มองเห็นเป็นเนื้อเดียวกัน และมีสมบัติเหมือนกันทุกส่วน
ได้แก่ สารบริสุทธิ์ และสารละลาย
• สารเนื้อผสม หมายถึง สารที่มองเห็นไม่เป็นเนื้อเดียวกัน แต่ละส่วนมีสมบัติแตกต่างกัน
ได้แก่ สารแขวนลอย และคอลลอยด์
• สารละลายกรดมีรสเปรี้ยว เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีน้าเงินเป็นสีแดง
• สารละลายเบสมีรสฝาด เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีแดงเป็นสีน้าเงิน
• กรดทาปฏิกิริยากับเบส จะได้สารประกอบที่เป็นกลาง เรียกปฏิกิริยานี้ว่า ปฏิกิริยาสะเทิน
• การทดสอบความเป็นกรด-เบสของสารละลาย อาจใช้ลิตมัส ยูนิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์
เครื่องวัดค่า pH หรือใช้วิธีการทาให้เป็นกลาง

More Related Content

PDF
ใบงานวิทยาศาสตร์ ป.5 ครบ
PDF
เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)
PDF
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
PDF
06แบบฝึกเครื่องกล
PDF
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์
PDF
การแยกสาร (Purification)
PDF
การทดลองภูเขาไฟระเบิด
PDF
บทที่ 1 การจำแนกสาร
ใบงานวิทยาศาสตร์ ป.5 ครบ
เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
06แบบฝึกเครื่องกล
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์
การแยกสาร (Purification)
การทดลองภูเขาไฟระเบิด
บทที่ 1 การจำแนกสาร

What's hot (20)

PPTX
สมบัติของสารและการจำแนก
PDF
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
PDF
05แบบฝึกกำลัง
PPTX
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
PDF
ทรัพยากรพลังงาน
PPTX
Ep03 บวก ลบ คูณ หาร เลขนัยสำคัญ (เรียนฟิสิกส์กับครูอุ๋ย)
PDF
บทที่ 1 พันธุกรรมกับหมู่เลือด
PDF
ใบความรู้ เรื่อง สารละลาย วิชาเสริมทักษะวิทยาศาสตร์ 2 ว 21202
PDF
บทที่ 2 งาน และพลังงาน
PDF
ธาตุและสารประกอบ
PDF
ระบบหายใจ (Respiratory System)
PDF
บทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
PDF
สารบริสุทธิ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2566
PDF
ใบงาน 3.1 3.2
PDF
สารละลาย
PDF
โครมาโทกราฟี
PDF
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม (2)
PDF
ความสัมพันธ์ระหว่าง ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และ ความต้านทานไฟฟ้า
PDF
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
PDF
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
สมบัติของสารและการจำแนก
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
05แบบฝึกกำลัง
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
ทรัพยากรพลังงาน
Ep03 บวก ลบ คูณ หาร เลขนัยสำคัญ (เรียนฟิสิกส์กับครูอุ๋ย)
บทที่ 1 พันธุกรรมกับหมู่เลือด
ใบความรู้ เรื่อง สารละลาย วิชาเสริมทักษะวิทยาศาสตร์ 2 ว 21202
บทที่ 2 งาน และพลังงาน
ธาตุและสารประกอบ
ระบบหายใจ (Respiratory System)
บทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
สารบริสุทธิ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2566
ใบงาน 3.1 3.2
สารละลาย
โครมาโทกราฟี
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม (2)
ความสัมพันธ์ระหว่าง ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และ ความต้านทานไฟฟ้า
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
Ad

Viewers also liked (7)

PDF
ใบความรู้+การจำแนกสารความเป็นกรด เบส ของสาร+ป.6+299+dltvscip6+55t2sci p06 f02...
PDF
ใบความรู้+ทดสอบหลังเรียน ภาคเรียนที่ 2+ป.6+299+dltvscip6+55t2sci p06 f01-1page
PPTX
สารละลายกรดเบส
PDF
ใบความรู้+การจำแนกสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+ป.6+299+dltvscip6+55t2sci p06 f03-...
PDF
กรดเบส
PDF
6แบบฝึกกรดเบสเผยแพร่
PDF
บทที่ 8 กรด เบส
ใบความรู้+การจำแนกสารความเป็นกรด เบส ของสาร+ป.6+299+dltvscip6+55t2sci p06 f02...
ใบความรู้+ทดสอบหลังเรียน ภาคเรียนที่ 2+ป.6+299+dltvscip6+55t2sci p06 f01-1page
สารละลายกรดเบส
ใบความรู้+การจำแนกสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+ป.6+299+dltvscip6+55t2sci p06 f03-...
กรดเบส
6แบบฝึกกรดเบสเผยแพร่
บทที่ 8 กรด เบส
Ad

More from Supaluk Juntap (11)

PPTX
ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6
PPTX
แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3
PPTX
แรงและการเคลื่อนที่
PPTX
บรรยากาศ
PPTX
Teachingreading Mattayomsuksa 5
PPTX
Interest/opinion Matthayomsuksa 5
PPTX
Interest/opinion
PPT
ความหลากหลายทางชีวภาพ
PPT
Prepositions of Place
PPT
ระบบนิเวศ
PPTX
Homophones
ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6
แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3
แรงและการเคลื่อนที่
บรรยากาศ
Teachingreading Mattayomsuksa 5
Interest/opinion Matthayomsuksa 5
Interest/opinion
ความหลากหลายทางชีวภาพ
Prepositions of Place
ระบบนิเวศ
Homophones

สมบัติของสารและการจำแนก