Submit Search
Work3-04
0 likes
396 views
M
Mind Morimin
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4 ม.6
Education
Read more
1 of 43
Download now
Download to read offline
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
More Related Content
PPT
Computer
plernlypim
PPT
Computer
nuting
PDF
2.1 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
Chatree MChatree
PPT
Computer
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ
PPTX
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
Pavinee Weeranitiwechasarn
PDF
Basiccom1
mod2may
PDF
Chapter1
suwan131
PDF
2.1 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
Chatree MChatree
Computer
plernlypim
Computer
nuting
2.1 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
Chatree MChatree
Computer
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
Pavinee Weeranitiwechasarn
Basiccom1
mod2may
Chapter1
suwan131
2.1 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
Chatree MChatree
What's hot
(17)
PPTX
งานนำเสนอ1
Jab Zaa
PDF
หน่วยที่1
วาสนา ใจสุยะ
PPT
Ch3 information technology
Nittaya Intarat
PPT
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ปรับปรุง
จีระภา บุญช่วย
PDF
ฮาร์ดแวด์
sommat
PPTX
บทที่ 1
Nu Mai Praphatson
PPTX
B1
Nu Mai Praphatson
PDF
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ม.1
เมเม่จัง น่าร๊ากอ่ะ
PDF
À¸®à¸²à¸£à¹œà¸”à¹à¸§à¸£à¹œà¹à¸¥à¸°à¸à¸¸à¸›à¸à¸£à¸“๜a...
greatncr
PPTX
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์
พ่อ อาชีวะ
PPT
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
Jenchoke Tachagomain
PPTX
เรื่ององค์ประกอบระบบคอมพิวเตอร์
เผ่า พันธโคตร
PDF
Work3 19
Ffurn Leawtakoon
PDF
องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
Nana Hassana
PDF
องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์
Krusine soyo
PDF
หน่วยที่ 2 องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
jzturbo
PDF
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
Npatsa Pany
งานนำเสนอ1
Jab Zaa
หน่วยที่1
วาสนา ใจสุยะ
Ch3 information technology
Nittaya Intarat
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ปรับปรุง
จีระภา บุญช่วย
ฮาร์ดแวด์
sommat
บทที่ 1
Nu Mai Praphatson
B1
Nu Mai Praphatson
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ม.1
เมเม่จัง น่าร๊ากอ่ะ
À¸®à¸²à¸£à¹œà¸”à¹à¸§à¸£à¹œà¹à¸¥à¸°à¸à¸¸à¸›à¸à¸£à¸“๜a...
greatncr
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์
พ่อ อาชีวะ
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
Jenchoke Tachagomain
เรื่ององค์ประกอบระบบคอมพิวเตอร์
เผ่า พันธโคตร
Work3 19
Ffurn Leawtakoon
องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
Nana Hassana
องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์
Krusine soyo
หน่วยที่ 2 องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
jzturbo
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
Npatsa Pany
Ad
Viewers also liked
(13)
PDF
Work3-33
Ningstap Natchaya
PDF
เทคโนโลยีสารสนเทศ-Work 3-11
Log-os Selrez
PDF
onet-Work4-04
Mind Morimin
PDF
공연홍보제휴 제안 Ver0.5
Kim Jinbeom
PPT
Kondisi Pasar dan Strategi Pemasaran PT Fahmi Cipta Abadi
Nazilatul Ardhiyah
PPTX
Pemalang Regency
Nazilatul Ardhiyah
PPTX
Angiospermae - Plantae (Bab 7)
hannafdll
DOCX
DVC Panchet Hydro Powerplant Project
Gargi Memorial Institute of Technology
DOCX
META ANALISIS
Bastone Beaner
PDF
파우더걸 의류쇼핑몰홍보를위한 플랫폼개방안내_ver0.1
Kim Jinbeom
PPTX
공연안내서 Ver0.2 빛단
Kim Jinbeom
DOC
Laporan Analisis pasar dan pemasaran PT Fahmi Cipta Abadi
Nazilatul Ardhiyah
PPT
Persiapan MEA 2015
Nazilatul Ardhiyah
Work3-33
Ningstap Natchaya
เทคโนโลยีสารสนเทศ-Work 3-11
Log-os Selrez
onet-Work4-04
Mind Morimin
공연홍보제휴 제안 Ver0.5
Kim Jinbeom
Kondisi Pasar dan Strategi Pemasaran PT Fahmi Cipta Abadi
Nazilatul Ardhiyah
Pemalang Regency
Nazilatul Ardhiyah
Angiospermae - Plantae (Bab 7)
hannafdll
DVC Panchet Hydro Powerplant Project
Gargi Memorial Institute of Technology
META ANALISIS
Bastone Beaner
파우더걸 의류쇼핑몰홍보를위한 플랫폼개방안내_ver0.1
Kim Jinbeom
공연안내서 Ver0.2 빛단
Kim Jinbeom
Laporan Analisis pasar dan pemasaran PT Fahmi Cipta Abadi
Nazilatul Ardhiyah
Persiapan MEA 2015
Nazilatul Ardhiyah
Ad
Similar to Work3-04
(20)
PDF
ฮาร์ดแวด์
Nantawoot Imjit
DOCX
โปรแกรมที่ใช่ในระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
Tenzamafia Lnw
DOC
เนื้อหาตัวอย่าง
srilakorn
PPT
ระบบคอมพิวเตอร์
runjaun
PPT
ระบบคอมพิวเตอร์1
Oat_zestful
PPT
ระบบคอมพิวเตอร์
runjaun
PPT
ระบบคอมพิวเตอร์
kwaythai
PPT
ระบบคอมพิวเตอร์
kachornchit_maprang
PPT
ระบบคอมพิวเตอร์
kachornchit_maprang
PPT
ระบบคอมพิวเตอร์
kachornchit_maprang
PPT
38743023 เธซเธเนเธงเธขเธ—เธตเน-1-เน€เธฃเธทเนเธญเธ-เธซเธฅเธฑเธเธเธฒเธฃเ...
ฐนกร คำเรือง
PPT
38743023 เธซเธเนเธงเธขเธ—เธตเน-1-เน€เธฃเธทเนเธญเธ-เธซเธฅเธฑเธเธเธฒเธฃเ...
ฐนกร คำเรือง
DOC
01 องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
Oh Aeey
PPT
1094876837 unit2
Banbatu Mittraphap
PPT
1094876837 unit2
Banbatu Mittraphap
PPT
หน่วยที่ 1 เรื่อง หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
ชาณชัย รักษ์พลพันธ์
PPT
หน่วยที่ 1 เรื่อง หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
ชาณชัย รักษ์พลพันธ์
PPT
หน่วยที่ 1 เรื่อง หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
ชาณชัย รักษ์พลพันธ์
PDF
อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์
Otorito
PPTX
อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์
Otorito
ฮาร์ดแวด์
Nantawoot Imjit
โปรแกรมที่ใช่ในระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
Tenzamafia Lnw
เนื้อหาตัวอย่าง
srilakorn
ระบบคอมพิวเตอร์
runjaun
ระบบคอมพิวเตอร์1
Oat_zestful
ระบบคอมพิวเตอร์
runjaun
ระบบคอมพิวเตอร์
kwaythai
ระบบคอมพิวเตอร์
kachornchit_maprang
ระบบคอมพิวเตอร์
kachornchit_maprang
ระบบคอมพิวเตอร์
kachornchit_maprang
38743023 เธซเธเนเธงเธขเธ—เธตเน-1-เน€เธฃเธทเนเธญเธ-เธซเธฅเธฑเธเธเธฒเธฃเ...
ฐนกร คำเรือง
38743023 เธซเธเนเธงเธขเธ—เธตเน-1-เน€เธฃเธทเนเธญเธ-เธซเธฅเธฑเธเธเธฒเธฃเ...
ฐนกร คำเรือง
01 องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
Oh Aeey
1094876837 unit2
Banbatu Mittraphap
1094876837 unit2
Banbatu Mittraphap
หน่วยที่ 1 เรื่อง หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
ชาณชัย รักษ์พลพันธ์
หน่วยที่ 1 เรื่อง หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
ชาณชัย รักษ์พลพันธ์
หน่วยที่ 1 เรื่อง หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
ชาณชัย รักษ์พลพันธ์
อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์
Otorito
อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์
Otorito
Work3-04
1.
โครงงานคอมพิวเตอร์ เมธปิยา เมธาวรายุทธ ม.6/2 เลขที่
4
2.
บทที่ 4 ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ความหมายของฮาร์ดแวร์ ฮาร์ดแวร์ หมายถึง
อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่อง คอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัส ได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ซึ่ง สามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ตามลักษณะการทางาน ได้ 4 หน่วย คือ หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วย เก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage) โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วย มีหน้าที่การทางานแตกต่างกัน
3.
อุปกรณ์นาข้อมูลเข้า อุปกรณ์รับข้อมูล หมายถึง อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ในการรับเข้าคาสั่งในการ ทางาน
หรือข้อมูลต่างๆจากบุคคลผู้ใช้งาน หรือจากระบบอื่นๆ แล้วส่งต่อคาสั่ง หรือข้อมูลเหล่านั้นไปยังอุปกรณ์อื่นเพื่อดาเนินการต่อไป ทั้งนี้อุปกรณ์รับเข้าข้อมูล นั้นสามารถจาแนกออกตามลักษณะในการนาเข้า หรืออ่านข้อมูลออกเป็น ดังต่อไปนี้ 1. อุปกรณ์รับเข้าข้อมูลในลักษณะของตัวอักษร ตัวอักขระ อุปกรณ์ในกลุ่ม นี้ ได้แก่ แป้นพิมพ์หรือ ตู้เอทีเอ็ม เป็นต้น 2. อุปกรณ์รับเข้าข้อมูลในลักษณะตัวชี้ข้อมูล อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ เมาท์ (Mouse) แทรกเกอร์(Tracker) ทัชแพท(Touch Pad) เป็นต้น 3. อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะของผิวสัมผัสอุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ หน้าจอทัชสกรีน(Touch Screen) เป็นต้น 4. อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะของภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว อุปกรณ์ ในกลุ่มนี้ ได้แก่ กล้องดิจิตอล เครื่องสแกนเนอร์ เป็นต้น 5. อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะของเสียง อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ไมโครโฟน เครื่องบันทึกเสียง เป็นต้น 6. อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะของแสง อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ เครื่องอ่าน บาร์โค้ด ซีดี-รอมไดร์ ดีวีดี -รอมไดร์ เป็นต้น 7. อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะการอ่านข้อมูลแถบแม่เหล็ก อุปกรณ์ในกลุ่ม นี้ ได้แก่ ฟลอปปีดิสก์ไดร์ เป็นต้น
4.
ประเภทปุ่มกด เป็นอุปกรณ์นาข้อมูลเข้าที่นิยมใช้กันมากที่สุดและพบเห็นในการใช้งาน ทั่วไป โดยรับข้อมูลป้อนเข้าที่เป็นตัวอักษร อักขระพิเศษ
ตัวเลข รวมถึง ชุดคาสั่งต่าง ๆ ตัวอุปกรณ์จะมีกลุ่มของแป้นพิมพ์วางเรียงต่อกันเหมือนกับ เครื่องพิมพ์ดีด ผู้ใช้งานสามารถเลือกกดปุ่มใด ๆ ได้ทันที โดยข้อมูลทั้งหมดที่ ป้อนเข้ามาจะถูกส่งเข้าไปเก็บยังหน่วยความจาของระบบและแปลงให้เป็นรหัส ที่คอมพิวเตอร์เข้าใจเสียก่อน จากนั้นจึงจะนาไปประมวลผลต่อไป ปัจจุบันอาจ พบเห็นคีย์บอร์ดประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้ 1. คีย์บอร์ดมาตรฐาน ( Standard keyboard ) เป็นคีย์บอร์ดที่ นิยมใช้กันโดยทั่วไป มีลักษณะคล้ายกับแป้นพิมพ์บนเครื่องพิมพ์ดีด โดยปกติ จะประกอบด้วยกลุ่มของแป้นพิมพ์หลัก ๆ ดังต่อไปนี้ คีย์บอร์ด (Keyboard)
5.
• แป้นพิมพ์ตัวอักขระ (
alphabetic key ) เป็นกลุ่มของแป้นพิมพ์ซึ่งมี บริเวณใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยแผงอักขระสาหรับการป้อนข้อมูลที่มีทั้ง ตัวอักษร ตัวเลขและอักขระแบบพิเศษทั่วไป • แป้นสาหรับควบคุมทิศทาง ( cursor-movement key ) เป็นกลุ่ม ของแป้นพิมพ์สาหรับควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของเคอร์เซอร์และเปลี่ยนจุด หรือบริเวณการทางาน • แป้นฟังก์ชัน ( function key ) เป็นกลุ่มของแป้นพิมพ์สาหรับการ เลือกคาสั่งลัดที่มีอยู่ในบางประเภท แป้นเหล่านี้จะอยู่บนแถวแรกสุดของ คีย์บอร์ด • แป้นควบคุม ( control key ) เป็นกลุ่มของแป้นพิมพ์สาหรับสั่งการ บางอย่างร่วมกับปุ่มอื่น ๆ บางครั้งนิยมเรียกว่า modifier keys เช่น Ctrl , Alt , Shift เป็นต้น • แป้นป้อนข้อมูลตัวเลข ( numeric keypad ) เป็นกลุ่มของแป้นพิมพ์ สาหรับการป้อนค่าข้อมูลที่เป็นตัวเลขเพื่อช่วยในการบันทึกข้อมูลเข้าสู่เครื่อง คอมพิวเตอร์ เช่น การป้อนข้อมูลเพื่อคานวณหรือหาผลลัพธ์ทางบัญชี
6.
2. คีย์บอร์ดติดตั้งภายใน (
Built-in keyboard ) เป็นคีย์บอร์ดที่ ปรับขนาดของแป้นพิมพ์ให้เล็กลง พบเห็นในการใช้งานกับอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ประเภทพกพา เช่น โน๊ตบุ๊คหรือเดสก์โน๊ต ซึ่งมีพื้นที่ในการใช้งาน ค่อนข้างจากัด แป้นพิมพ์นี้จะถูกติดตั้งมาพร้อมกับการผลิตเครื่องอยู่แล้ว 3. คีย์บอร์ดเออร์โกโนมิกส์ ( Ergonomic keyboard ) เป็น คีย์บอร์ดที่มีการออกแบบโดยคานึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัย ของผู้ใช้งานเป็นหลัก เนื่องจากการป้อนข้อมูลเป็นเวลานาน ๆ อาจจะทาให้ เกิดความเมื่อยล้าจากการพิมพ์จนเกิดการบาดเจ็บเนื่องจากเส้นอักเสบได้ จึงมี การออกแบบแป้นพิมพ์ใหม่ เช่น เพิ่มอุปกรณ์สาหรับการวางมือและออกแบบ ทิศทางสาหรับการจัดวางแป้นพิมพ์ใหม่ให้สัมพันธ์กับสรีระของมนุษย์มากขึ้น ปัจจุบันจะพบเห็นคีย์บอร์ดชนิดนี้เข้ามาแทนที่คีย์บอร์ดมาตรฐานกันมากขึ้น เนื่องจากช่วยลดปัญหาในเรื่องการบาดเจ็บของข้อมือได้เป็นอย่างดี
7.
4. คีย์บอร์ดไร้สาย (Cordless
keyboard) คีย์บอร์ดแบบมาตรฐานที่ ใช้กันทั่วไป อาจไม่มีความสะดวกสบายมากพอเมื่อต้องการใช้งานในระยะที่ไกล จากโต๊ะทางาน อีกทั้งการดึง ย้าย หรือเปลี่ยนที่ของอุปกรณ์ยังทาให้เกิดความ ยุ่งยาก เนื่องจากตัวสายของคีย์บอร์ดเชื่อมต่ออยู่กับตัวเครื่องตลอดเวลา เมื่อเกิด หลุดก็ไม่สามารถทางานต่อไปได้ ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นเพื่อสร้างคีย์บอร์ดแบบ ใหม่ที่อาศัยการส่งผ่านข้อมูลโดยเทคโนโลยีไร้สายขึ้นและทางานโดยใช้พลังงาน แบตเตอรี่แทน ทาให้สามารถย้ายคีย์บอร์ดไปวางยังตาแหน่งใด ๆ ที่อยู่ในรัศมี ของสัญญาณนอกเหนือจากโต๊ะทางานได้ 5. คีย์บอร์ดพกพา ( Portable keyboard ) เมื่ออุปกรณ์ประเภทเครื่อง พีดีเอได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น การทางานบางอย่างที่ต้องอาศัยการป้อนข้อมูล เข้าไป เช่น พิมพ์ข้อความรายงาน จดหมายหรือบันทึกการประชุม จะเกิดความไม่ สะดวก เพราะตัวเครื่องมีขนาดเล็ก หากใช้ปากกาช่วยเขียนก็จะทาได้ช้ากว่า จึงมี การสร้างคีย์บอร์ดที่สามารถพกพาไปยังที่ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่กางออกมาก็ สามารถใช้ได้เหมือนกับคีย์บอร์ดปกติ
8.
6. คีย์บอร์ดเสมือน (
Virtual keyboard ) เป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้น สาหรับใช้ร่วมกับเครื่องพีดีเอเช่นเดียวกันกับคีย์บอร์ดพกพา แต่ต่างกันตรงที่มี การจาลองภาพให้เป็นเสมือนคีย์บอร์ดจริง โดยอาศัยการทางานของแสง เลเซอร์ยิงลงไปบนโต๊ะหรืออุปกรณ์รองรับสัญญาณที่เป็นพื้นผิวเรียบ เมื่อ ต้องการใช้งานก็สามารถพิมพ์หรือป้อนข้อมูลที่เห็นเป็นภาพเหมือนแผง แป้นพิมพ์นั้นเข้าไปได้เลย ตัวรับแสงในอุปกรณ์จะตรวจจับได้เองว่าผู้ใช้วางนิ้ว ไหนไปกดตรงตัวอักษรใด
9.
ประเภทชี้ตาแหน่งและควบคุมทิศทาง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ชี้ตาแหน่งการทางานรวมถึงสั่งการให้คอมพิวเตอร์ ทางานบางคาสั่งที่มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยใช้มือเป็น ตัวบังคับทิศทางและใช้นิ้วสาหรับการกดเลือกคาสั่งงาน สามารถพบเห็นได้
2 ประเภท ดังนี้ 1. เมาส์แบบทั่วไป ( Mechanical mouse ) เป็นเมาส์ที่ได้รับการ ออกแบบโดยใช้ลูกบอลเป็นตัวจับทิศทางที่เมาส์เลื่อนไป ลูกบอลของเมาส์มี ลักษณะเป็นลูกกลม ๆ ทาจากยางกลิ้งอยู่ด้านล่าง ซึ่งจะลากผ่านแผ่นรองเมาส์ ( mouse pad ) และกลไกภายในจะจับได้ว่ามีการเลื่อนไปมากน้อยแค่ไหน และในทิศใด สาหรับส่วนบนจะมีปุ่มให้เลือกกดประมาณ 2-3 ปุ่ม ขึ้นอยู่กับ บริษัทผู้ผลิต บางแบบอาจมีปุ่มล้อที่หมุน ( scroll ) และกดได้เพื่อควบคุมการ ทางานขึ้นลงของสโครลบาร์ในหน้าต่างโปรแกรมบางประเภท เมาส์ (Mouse)
10.
2. เมาส์แบบแสงหรือออปติคอลเมาส์ (
Optical mouse ) การใช้เมาส์ แบบทั่วไปที่ใช้ลูกบอล มีข้อเสียคือ เมื่อใช้ไปนาน ๆ ลูกบอลจะกลิ้งผ่านและเก็บ เอาฝุ่นละอองเข้าไปด้วย ฝุ่นเหล่านี้จะจับตัวกันหนาขึ้น ส่งผลให้กลไกในการ ทางานผิดเพี้ยนไปมาก จึงมีการสร้างเมาส์แบบใหม่ขึ้นมาเรียกว่า เมาส์แบบแสง หรือ ออปติคอลเมาส์ เพื่อใช้แก้ปัญหานี้ เมาส์แบบใหม่นี้ทางานได้โดยไม่ต้องใช้ ล้อหมุนแต่ใช้แสงไปกระทบพื้นผิวด้านล่าง วงจรภายในจะวิเคราะห์แสงสะท้อนที่ เปลี่ยนไปเมื่อเลื่อนเมาส์และแปลงทิศทางเป็นการชี้ตาแหน่ง ซึ่งปัจจุบันมีทั้งที่เป็น แบบต่อกับคอมพิวเตอร์โดยใช้สายและแบบไม่ใช้สาย เป็นอุปกรณ์ที่มีหลักการทางานคล้ายกับเมาส์ โดยมีลูกบอลติดตั้งไว้ ส่วนบนเพื่อใช้สาหรับควบคุมทิศทาง เมื่อผู้ใช้หมุนลูกบอลก็คือการย้ายตาแหน่ง ตัวชี้นั่นเอง ลักษณะของลูกบอลมีขนาดใหญ่กว่าเมาส์มาก ส่วนใหญ่จะนาไปใช้ ติดตั้งแยกต่างหาก เพื่อช่วยให้การทางานกับคอมพิวเตอร์แบบพกพาสะดวกมาก ยิ่งขึ้น ในบางรุ่นอาจติดตั้งแทรคบอลอยู่ไว้ภายในด้วย แต่ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้ กันแล้ว ลูกกลมควบคุม (Track ball)
11.
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับชี้ตาแหน่งข้อมูลเช่นเดียวกัน มีลักษณะเป็นก้อนเล็ก คล้ายกับยางลบดินสอ จะติดตั้งอยู่ตรงส่วนกลางของแป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ แบบพกพา
การควบคุมทิศทางของตัวชี้จะใช้นิ้วมือเป็นตัวบังคับเพื่อเลื่อนทางาน เช่นเดียวกัน โดยเมื่อดันให้แท่งนี้โยกไปทิศทางใด ลูกศรบนจอก็จะเลื่อนไปใน ทิศทางนั้น แท่งชี้ควบคุม (Pointing stick) จอยสติ๊ก (Joystick) เป็นอุปกรณ์ที่พบเห็นได้กับการทางานที่เกี่ยวข้องกับเกมคอมพิวเตอร์เป็น ส่วนใหญ่ เนื่องจากการใช้เมาส์เพื่อบังคับทิศทางนั้นอาจไม่รองรับกับรูปแบบของ บางเกมได้ จึงนาเอาจอยสติ๊กมาใช้แทน เช่น การบังคับทิศทางซ้าย ขวา หน้า หลัง หรือบังคับทิศทางในระดับองศาที่แตกต่างกันในการควบคุมอากาศยานหรือ ท่าต่อสู้ของตัวละคร ซึ่งทาให้เกมมีความสมจริงมากกว่าการใช้เมาส์นั่นเอง
12.
แผ่นรองสัมผัสหรือทัชแพด )Touch pad) เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม บาง ๆ
ติดตั้งไว้อยู่ในคอมพิวเตอร์แบบพกพา เพื่อใช้ทางานแทนเมาส์ เมื่อกดสัมผัสหรือใช้นิ้ว ลากผ่านบริเวณดังกล่าวก็สามารถทางานแทน กันได้ โดยมากจะติดตั้งไว้บริเวณด้านล่างของ แป้นพิมพ์ จอสัมผัสหรือทัชสกรีน (Touch screen) เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้นิ้วมือแตะบังคับ หรือสั่งการไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เลย โดยไม่ จาเป็นต้องใช้เมาส์หรือแป้นพิมพ์ มักพบเห็นได้ตาม ตู้ให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ตู้ ATM บาง ธนาคาร เครื่องออกบัตรโดยสาร รถไฟฟ้า หรือพบ เห็นในตู้เกมบางประเภท เช่น เกมประเภทจับผิด ภาพ เกมประเภททานายดวงชะตา เป็นต้น
13.
อุปกรณ์ประเภทปากกา พวงมาลัยพังคับทิศทาง (Wheel) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้กับการเล่นเกมเหมือนกับจอยสติ๊ก พบเห็นได้กับเกมจาลอง ประเภทแข่งรถหรือควบคุมทิศทางของยานพาหนะ มีลักษณะเหมือนกับ พวงมาลัยบังคับทิศทางในรถยนต์จริง
เพื่อให้เกมจาลองนั้น ๆ มีความสมจริงมาก ยิ่งขึ้น อาจมีการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เหยียบเบรกจาลอง (pedal) และตัวเร่ง ความเร็วจาลอง (accelerator) ด้วย 1. ปากกาแสง ( Light pen ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับการกาหนดตาแหน่งบนจอภาพรวมถึงการป้อน ข้อมูลเข้าแทนแป้นพิมพ์ เอามาใช้เขียนหรือวางตาแหน่งบนจอภาพคอมพิวเตอร์ ประเภทที่ใช้หลอดภาพหรือ CRT ได้เลย มักใช้ร่วมกับโปรแกรมประเภทช่วยการ ออกแบบหรือ CAD (computer aided design) เพื่อให้การทางานมีความ สะดวกมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถลากหรือวาดทิศทางได้ง่าย แต่มีความละเอียด แม่นยาไม่สูงนัก เพราะถูกจากัดด้วยความละเอียดของจอภาพ ปัจจุบันได้รับความ นิยมน้อยลง
14.
2. ดิจิไทเซอร์ (
Digitizer ) หรืออุปกรณ์อ่านพิกัด มักใช้ร่วมกับอุปกรณ์ประเภทปากกาหรือในงาน ความละเอียดสูงจะใช้กับหัวอ่านที่เป็นกากบาทเส้นบาง ( crosshair ) เพื่อให้ชี้ ตาแหน่งโดยละเอียด ทาหน้าที่เป็นเสมือนกระดานรองรับการเขียนข้อความ วาด ภาพหรือออกแบบงานที่เกี่ยวกับกราฟิกเป็นหลัก ทาให้มีความคล่องตัวและ สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น 3. สไตลัส ( Stylus ) เป็นอุปกรณ์ประเภทปากกาป้อนข้อมูลชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กันมากใน คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น พีดีเอ แท็บเล็ตพีซี หรืออาจพบเห็นในสมาร์ทโฟ นบางรุ่น ผลิตมาเพื่อใช้เขียนหนังสือด้วยลายมือหรือวาดเส้นลงบนหน้าจอ อุปกรณ์ได้โดยตรง ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่อานวยความสะดวกใน การทางานมากยิ่งขึ้น โดยจะทาหน้าที่แปลงรหัสในการเขียน (ที่คล้ายจดเลขใน สมัยก่อน) ไปเป็นตัวอักษรที่คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลและใช้งานต่อได้ ทันที เช่น นาไปจัดเก็บในสมุดรายชื่อ หรือเก็บบันทึกข้อความที่เขียนไว้เป็นไฟล์ เพื่อเรียกใช้งานต่อไป
15.
ประเภทข้อมูลมัลติมีเดีย 1. ไมโครโฟน (
Microphone ) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลประเภทเสียงพูด (Voice) เข้าสู่ระบบ ใช้บันทึกหรืออัดข้อมูลเสียงในสตูดิโอหรือตามบ้านทั่วไป การทางานจะใช้ร่วมกับ ซอฟต์แวร์ด้านมัลติมีเดีย นอกจากนี้ไมโครโฟนยังสามารถใช้ร่วมกับระบบจดจา เสียงพูดหรือ voice recognition (แต่ในขณะนี้ยังไม่สนับสนุนเสียงภาษาไทย) เพื่อทางานบางอย่างได้ เช่น ใช้เสียงพูดผ่านไมโครโฟนเข้าไปแทนการพิมพ์ข้อมูล รายงานได้เลย โดยที่คอมพิวเตอร์จะทาการแปลงความหมายและประมวลผลผ่าน เสียงที่ผ่านเข้ามาเป็นตัวอักษรโดยอัตโนมัติ เป็นต้น
16.
2. กล้องถ่ายวิดีโอดิจิตอล (
Digital Video camera ) เรียกย่อ ๆ ว่ากล้องประเภท DV ซึ่งเป็นกล้องวิดีโอแบบดิจิตอลนั่นเอง กล้อง ประเภทนี้สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวและบันทึกเก็บหรือโอนถ่ายลงคอมพิวเตอร์ ได้เช่นเดียวกัน แต่จาเป็นต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยมากจะ บันทึกลงเทปขนาดเล็กในรูปแบบดิจิตอลก่อน (บางรุ่นอาจลงแผ่น CD-R หรือ DVD-R ที่บันทึกได้แทน) จากนั้นจะถ่ายโอนวิดีโอไปลงคอมพิวเตอร์ หรือจะ เรียกดูภายหลังจากในกล้องก็ได้ 3. กล้องถ่ายรูปดิจิตอล ( Digital camera ) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลประเภทภาพถ่ายดิจิตอล ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก เนื่องจากราคาของกล้องประเภทนี้ถูกลงและสามารถบันทึกเก็บหรือ ถ่ายโอนลงคอมพิวเตอร์ได้โดยง่าย อีกทั้งภาพถ่ายที่ได้ในกล้องบางรุ่นยังมีความ ละเอียด ความคมชัดเทียบเคียงหรือมากกว่ากล้องธรรมดาบางรุ่น หรือหากจะนาไป อัดขยายต่อเป็นภาพถ่ายปกติก็สามารถทาได้เช่นเดียวกัน
17.
4. เว็บแคม (
Web cam ) เป็นกล้องถ่ายวิดีโออีกประเภทหนึ่งที่ใช้สาหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว เช่นเดียวกัน แต่ภาพที่ได้จะหยาบและมีขนาดไฟล์เล็กกว่ากล้องแบบ DV มาก จึง นิยมใช้สาหรับการเผยแพร่ข้อมูลลงบนอินเทอร์เน็ตหรือนาไปใช้ประโยชน์กับ โปรแกรมสนทนาบนเว็บบางประเภท เพื่อให้เห็นหน้าตาของคู่สนทนาระหว่างที่ พิมพ์โต้ตอบกัน ปัจจุบันเว็บแคมมีราคาถูกลงอย่างมาก และยังสามารถบันทึกได้ทั้ง ภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งด้วย
18.
ประเภทสแกนและอ่านข้อมูลด้วยแสง 1. สแกนเนอร์ (
Scanner ) เป็นอุปกรณ์อ่านข้อมูลประเภทภาพถ่าย โดยผู้ใช้เพียงแค่วางภาพถ่ายหรือ เอกสารลงไปบนแท่นวางแล้วสั่งให้เครื่องอ่านหรือสแกน ก็สามารถเก็บรูปภาพหรือ เอกสารสาคัญต่าง ๆ เหล่านั้นไว้ในคอมพิวเตอร์ได้ หลักการทางานจะเหมือนกับ เครื่องถ่ายเอกสารคือ ใช้ลาแสงกวาดแผ่นกระดาษหรือเอกสารนั้น แล้วส่งภาพเข้า คอมพิวเตอร์เพื่อแปลงเป็นสัญญาณดิจิตอลและเรียกใช้ต่อไป 2. โอเอ็มอาร์ ( Optical Mark Reader ) เป็นเครื่องที่นาไปใช้ประโยชน์ในการตรวจข้อสอบหรือคะแนนของกลุ่มบุคคล จานวนมาก เช่น การสอบเอ็นทรานซ์ การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ การสอบเข้า รับราชการของสานักงาน ก.พ. โดยจะอ่านเครื่องหมาย ( Mark ) ที่ผู้เข้าสอบได้ ระบายไว้ในกระดาษคาตอบ ซึ่งโดยปกติจะต้องใช้ดินสอที่มีความเข้มมากพอที่จะให้ เครื่องอ่านได้ (ปกติจะอยู่ที่ความเข้มระดับ 2B ขึ้นไป) หากใช้ดินสอที่มีความเข้มต่า กว่าระดับที่กาหนด อาจทาให้เครื่องไม่สามารถอ่านได้ชัดเจน
19.
3. เครื่องอ่านบาร์โค้ด (
Bar code reader ) ตัวเลขของรหัสสินค้าที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลของระบบสินค้าคงคลังจะมี จานวนหลักค่อนข้างมาก เมื่อต้องการเรียกใช้หรือตรวจสอบโดยการป้อนข้อมูลผ่าน แป้นพิมพ์จะทาให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย (เช่น ป้อนตัวเลขผิด) จึงเกิด แนวความคิดในการพิมพ์รหัสสินค้าออกมาเป็นรหัสแท่งสีดาและขาวต่อเนื่องกันไป เรียกว่า บาร์โค้ด ( bar code ) ซึ่งนาไปใช้พิมพ์แทนรหัสตัวเลขของสินค้าอุปโภค บริโภคทั่วไป เพื่อสะดวกต่อการตรวจเช็คข้อมูลสินค้าคงเหลือรวมไปถึงการคิดเงิน นั่นเอง เครื่องที่อ่านรหัสนี้เราเรียกว่า เครื่องอ่านบาร์โค้ด (bar code reader) มีหลายรูปแบบ เช่น หัวอ่านมีด้ามจับคล้ายปืน หรือบางแบบก็ฝังในแท่นของเครื่อง เก็บเงินสดเลย พบเห็นได้ตามจุดบริการขาย ( POS – Point Of Sale ) ใน ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป
20.
4. เอ็มไอซีอาร์ (
Magnetic-Ink Character Recognition ) เรียกย่อ ๆ ว่าเครื่อง เอ็มไอซีอาร์ ( MICR – Magnetic-Ink Character Recognition ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านตัวอักษรด้วยแสงของเอกสารสาคัญ เช่น เช็คธนาคาร ซึ่งมีการพิมพ์หมายเลขเช็คด้วยผงหมึกสารแม่เหล็ก ( magnetic ink ) เป็นแบบอักษรเฉพาะ มีลักษณะเป็นลายเส้นเหลี่ยมพบเห็นได้ในการ ประมวลผลเช็คสาหรับธุรกิจด้านธนาคาร
21.
ประเภทตรวจสอบข้อมูลทางกายภาพ ไบโอเมตริกส์ ( biometric
) เป็นลักษณะของการตรวจสอบข้อมูล ส่วนตัวบุคคลเฉพาะอย่าง เช่น ลายนิ้วมือ รูปแบบของม่านตา (เรตินา - ratina ) ฝ่ามือ หรือแม้กระทั่งเสียงพูด ซึ่งนามาใช้กับงานป้องกันและรักษาความปลอดภัย ในหน่วยงานที่ต้องการความปลอดภัยในระดับสูง เนื่องจากระบบการตรวจสอบ ประเภทนี้จะปลอมแปลงได้ยาก เครื่องที่ใช้อ่านข้อมูลพวกนี้จะมีอยู่หลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะการตรวจสอบ เช่น เครื่องอ่านลายนิ้วมือ เครื่องตรวจม่านตา เครื่องวิเคราะห์เสียงพูด เป็นต้น
22.
อุปกรณ์ประมวลผล อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลหลักๆดังนี้ ซีพียู (CPU –
Central Processing Unit ) คือ อุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสาคัญและจาเป็นในการทางานของ คอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียู เป็นตัว ควบคุมการทางานของอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์ โดย จะเป็นตัวกาหนดความสาคัญ ของอุปกรณ์ว่าตัวใดมีความสาคัญมากกว่าซึ่งหากติดตั้งอุปกรณ์ 2 ตัวที่อินเทอรัพ, การแจ้งกับซีพียูว่าจะขอเฉพาะอุปกรณ์ที่มีความสาคัญมากกว่าเท่านั้น ส่วนตัวที่ สาคัญน้อยกว่าจะไม่สามารถใช้งานได้ เช่น ถ้าเราต่อการ์ดจอภาพกับการ์ดเสียงที่ อินเทอรัพเดียวกัน ซีพียู จะเลือกให้ใช้ได้เฉพาะการ์ดจอภาพเท่านั้น หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (chip) นับเป็นอุปกรณ์ ที่มีความสาคัญมากที่สุด ของ ฮาร์ดแวร์เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน เข้ามาทางอุปกรณ์ อินพุต ตามชุดคาสั่งหรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการใช้งาน หน่วยประมวลผลกลาง ประกอบด้วย
23.
หน่วยความจาหลัก (Primary Storage) แบ่งออกได้เป็น 2
ประเภท คือ 1. หน่วยความจาหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว ( ROM ) เป็นหน่วยความจาแบบสารกึ่งตัวนาชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้ เป็นสื่อบันทึกในคอมพิวเตอร์เพราะไม่สามารถบันทึกซ้าได้ (อย่างง่ายๆ) เป็น ความจาที่ซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนามาต่อกับไมโคร โพรเซสเซอร์ได้โดยตรง หน่วยความจาประเภทนี้แม้ไม่มีไฟเลี้ยงต่ออยู่ ข้อมูลก็จะไม่ หายไปจากน่วยความจา (nonvolatile) โดยทั่วไปจะใช้เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีการ แก้ไขอีกแล้วเช่น เก็บโปรแกรมไบออส (Basic Input output System : BIOS) หรือเฟิร์มแวร์ ที่ควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์ใช้เก็บโปรแกรมการ ทางานสาหรับเครื่องคิดเลขใช้เก็บโปรแกรมของคอมพิวเตอร์ที่ทางานเฉพาะด้าน เช่น ในรถยนต์ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมวงจร ควบคุมในเครื่องซักผ้า เป็นต้น
24.
2. หน่วยความจาหลักแบบแก้ไขได้ (
RAM ) เป็นหน่วยความจาหลักที่จาเป็น หน่วยความจา ชนิดนี้จะสามารถเก็บข้อมูลได้ เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเท่านั้นเมื่อใดก็ตามที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า มาเลี้ยง ข็อมูลที่อยู่ภายในหน่วยความจาชนิดจะหายไปทันที หน่วยควมจาแรม ทาหน้าที่ เก็บชุดคาสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กาลังทางานอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการ นาเข้าข้อมูล (Input) หรือ การนาออกข้อมูล (Output) โดยที่เนื้อที่ของ หน่วยความจาหลักแบบแรมนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ 1. Input Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลนาเข้าที่ได้รับมาจากหน่วย รับข้อมูลเข้าโดย ข้อมูลนี้จะถูกนาไปใช้ในการประมวลผลต่อไป 2. Working Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลที่อยู่ในระหว่างการ ประมวลผล 3. Output Storage Area เป็นส่วนที่เก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ตามความต้องการของผู้ใช้ เพื่อรอที่จะถูกส่งไปแสดงออก ยังหน่วยแสดงผลอื่นที่ผู้ใช้ ต้องการ 4. Program Storage Area เป็นส่วนที่ใช้เก็บชุดคาสั่ง หรือโปรแกรมที่ ผู้ใช้ต้องการจะส่งเข้ามา เพื่อใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามคาสั่ง ชุดดังกล่าว หน่วย ควบคุมจะทาหน้าที่ดึงคาสั่งจากส่วน นี้ไปที่ละคาสั่งเพื่อทาการแปลความหมาย ว่า คาสั่งนั้นสังให้ทาอะไร จากนั้นหน่วยควบคุม จะไปควบคุมฮาร์ดแวร์ที่ต้องการ ทางานดังกล่าวให้ทางานตามคาสั่งนั้นๆ
25.
เมนบอร์ด (Mainboard) เมนบอร์ด (Mainboard, mother
board) หรือ แผงวงจรหลัก เป็นหัวใจ สาคัญที่สุดที่อยู่ภายในเครื่อง เมื่อเปิดฝาเครื่องออกมาจะเป็นแผงวงจรขนาดใหญ่ วางนอนอยู่ นั่นคือส่วนที่เรียกว่า "เมนบอร์ด" ส่วนประกอบหลักที่สาคัญบน เมนบอร์ดคือ 1. ซ็อคเก็ตสาหรับซีพียู 11. ขั้วต่อ IDE 2. ชิปเซ็ต (Chip set) 12. ขั้วต่อ Floppy disk drive 3. ซ็อคเก็ตสาหรับหน่วยความจา 13. พอร์ตอนุกรมและพอร์ตขนาน 4. ระบบบัสและสล็อต 14. พอร์ตคีย์บอร์ดและเมาส์| 5. Bios 15. พอร์ต USB 6. สัญญาณนาฬิกาของระบบ 7. ถ่านหรือแบตเตอรี่ 8. ขั้วต่อสายแหล่งจ่ายไฟ 9. ขั้วต่อสวิทช์และไฟหน้าเครื่อง 10. จัมเปอร์กาหนดการทางาน ของเมนบอร์ด
26.
ชิปเซต (Chipset) ชิปเซต ( Chipset
) ทาหน้าที่ควบคุมการทางานต่างๆ ของอุปกรณ์ ภายในทั้งหมดที่อยู่เมนบอร์ด ( Mainboard ) และชิปเซตจะเป็นตัวกาหนดว่าใช้ ร่วมกับซีพียู ( Central Processing Unit) ตัวไหน เพราะชิปเซตแต่ละตัวนั้น จะถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทางานของซีพียู ( Central Processing Unit) ตัวนั้นให้มีประสิทธิภาพ ชิปเซตนั้นจะมีอยู่ 2 แบบ คือ North Bridge ที่ ทาหน้าที่รับ/ส่งการทางานของซีพียู ( CPU )และแรม ( RAM )และ South Bridge ที่มีขนาดเล็กกว่า North Bridge มีหน้าที่ควบคุมสล็อต PCI , ดิสก์ ไดรว์ต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น คีย์บอร์ดเมาส์ หรือพอร์ต ต่างๆ ที่อยู่ด้านหลังเครื่อง
27.
หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage Device) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง
( Secondary Storage Device ) การ ทางานร่วมกับคอมพิวเตอร์นั้น เมื่อต้องการเก็บบันทึกข้อมูล หรือกลุ่มคาสั่งต่าง ๆ ไว้ใช้ในอนาคตจะไม่สามารถเก็บไว้ในหน่วยความจาหลักได้ เนื่องจากไม่มีพื้นที่ เพียงพอ อีกทั้งข้อมูลที่เก็บจะหายไปเมื่อปิดเครื่อง หากต้องการเก็บข้อมูลที่มากขึ้น และเอาไว้ใช้ประโยชน์ในภายหลัง ก็จาเป็นต้องหาอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ขึ้น เช่น หน่วยเก็บข้อมูลสารอง หรือที่เรียกว่า secondary storage สื่อเก็บข้อมูลแบบจานแม่เหล็ก ( Magnetic Disk device ) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลประเภทที่ใช้งานเป็นลักษณะของจานบันทึกซึ่งมี หลายประเภท ดังนี้
28.
1. ฟล็อปปี้ดิสก์ (
Floppy disks ) สื่อเก็บบันทึกข้อมูลที่ได้รับความนิยมและใช้งานอย่างแพร่หลาย สามารถหา ซื้อใช้ได้ตามร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วไป นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดิสเก็ตต์ ( diskette ) หรือแผ่นดิสก์ การเก็บข้อมูลจะมีจานบันทึก ซึ่งเป็นวัสดุอ่อนจาพวก พลาสติกที่เคลือบสารแม่เหล็กอยู่ด้านใน และห่อหุ้มด้วยกรอบพลาสติกแข็งอีกชั้นหนึ่ง แผ่นดิสก์ในอดีตจะมีขนาดจานบันทึกที่ใหญ่มากถึง 5.25 นิ้ว ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยม และเลิกใช้งานแล้ว จะเห็นได้เฉพาะขนาด 3.5 นิ้วแทน ซึ่งมีขนาดเล็กและพกพาสะดวก กว่า โครงสร้างการทางานของแผ่นดิสก์จะต้องมีการจัดข้อมูลโดยการ ฟอร์แมต ( format ) เมื่อใช้ครั้งแรกก่อนทุกครั้ง (ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตมักจะมีการฟอร์แมตแผ่น มาตั้งแต่อยู่ในกระบวนการผลิตแล้ว (ผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องทาการฟอร์แมตก่อนใช้งานซ้าอีก) การฟอร์แมตเป็นกระบวนการจัดพื้นที่เก็บไฟล์ข้อมูลก่อนใช้งาน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เป็น การเตรียมพื้นที่สาหรับเก็บบันทึกข้อมูลนั่นเอง โครงสร้างของแผ่นจานแม่เหล็กเมื่อทาการ ฟอร์แมตแล้วจะมีลักษณะดังนี้ โครงสร้างของดิสก์เมื่อทาการฟอร์แมตแล้ว
29.
แทรค ( Track
) เป็นการแบ่งพื้นที่เก็บข้อมูลออกเป็นส่วนตามแนววงกลมรอบแผ่นจาน แม่เหล็ก จะมีมากหรือน้อยวงก็ขึ้นอยู่กับชนิดและประเภทของจานแม่เหล็กนั้น ซึ่งแผ่นแต่ ละชนิดจะมีความหนาแน่นของสารแม่เหล็กแตกต่างกันทาให้ปริมาณความจุข้อมูลที่จะ จัดเก็บต่างกันตามไปด้วย เซกเตอร์ ( Sector ) เป็นการแบ่งแทรคออกเป็นส่วน ๆ สาหรับเก็บข้อมูล ซึ่งแต่ละเซกเตอร์ สามารถเก็บข้อมูลได้มากถึง 512 ไบต์ หากเปรียบเทียบแผ่นจานแม่เหล็กเป็น คอนโดมิเนียมหลังหนึ่งแล้ว เซกเตอร์ก็เปรียบได้เหมือนกับห้องพักต่าง ๆ ที่แบ่งให้คนอยู่ กันเป็นห้อง ๆ นั่นเอง แผ่นดิสเก็ตต์ที่พบทั่วไปในปัจจุบันจะเป็นแบบความจุสูงหรือ high density สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1.44 MB ซึ่งเราอาจคานวณหาความจุข้อมูลของ แผ่นดิสก์ได้โดยการเอาจานวนด้านของแผ่นจานแม่เหล็ก ( side ) จานวนของแทรค ( track ) จานวนของเซคเตอร์ในแต่ละแทรค ( sector/track ) และความจุข้อมูลต่อ 1 เซกเตอร์ ( byte/sector ) ว่ามีค่าเป็นเท่าไหร่ แล้วเอาตัวเลขทั้งหมดมาคูณกันก็จะได้ ปริมาณความจุข้อมูลในแผ่นชนิดนั้น ๆ เมื่อเก็บหรือบันทึกข้อมูลแล้วสามารถที่จะป้องกัน การเขียนทับใหม่ หรือป้องกันการลบข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น โดยเลือกใช้ปุ่มเปิด – ปิดการ บันทึกที่อยู่ข้าง ๆ แผ่นได้ ซึ่งหากเลื่อนขึ้น (เปิดช่องทะลุ) จะหมายถึงการป้องกัน ( write-protected ) แต่หากเลื่อนปุ่มลงจะหมายถึง ไม่ต้องป้องกันการเขียนทับข้อมูล ( not write-protected ) นั่นเอง
30.
2. ฮาร์ดดิสก์ (
Hard disks ) เป็นอุปกรณ์เก็บบันทึกข้อมูลที่มีโครงสร้างคล้ายกับดิสเก็ตต์ แต่จุข้อมูล มากกว่าและมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลสูงกว่า ส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งอยู่ภายใน เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้สาหรับเก็บตัวโปรแกรมระบบปฏิบัติการ ( operating system ) รวมถึงโปรแกรมประยุกต์อื่น ๆ ฮาร์ดดิสก์ผลิตมาจากวัสดุแบบแข็ง จานวนหลายแผ่นวางเรียงต่อกันเป็นชั้น จานแม่เหล็กแต่ละจาน เรียกว่า แพลต เตอร์ ( platter ) ซึ่งอาจจะมีจานวนต่างกันได้ในฮาร์ดดิสก์แต่ละรุ่น
31.
สื่อเก็บข้อมูลแสง ( Optical Storage
Device ) เป็นสื่อเก็บข้อมูลสารองที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งใช้หลักการทางานของ แสงเข้ามาช่วย การจัดเก็บข้อมูลจะคล้ายกับแผ่นจานแม่เหล็ก แต่ต่างกันที่การแบ่งวงของ แทรคจะแบ่งเป็นลักษณะคล้ายรูปก้นหอยและเริ่มเก็บบันทึกข้อมูลจากส่วนด้านในออกมา ด้านนอก และแบ่งส่วนย่อยของแทรคออกเป็นเซกเตอร์เช่นเดียวกันกับแผ่นจานแม่เหล็ก 1. CD ( Compact Disc ) เป็นสื่อเก็บข้อมูลด้วยแสงแบบแรกที่ไดรับความนิยม อย่างแพร่หลายและปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ เนื่องจากมีราคาถูกลงกว่าสมัยก่อนมาก ซึ่ง แยกออกได้ดังนี้ - CD-ROM ( Compact disc read only memory ) เป็นสื่อเก็บบันทึกข้อมูลที่นิยมใช้สาหรับการเก็บบันทึกข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมประยุกต์เพื่อใช้สาหรับติดตั้งในคอมพิวเตอร์รวมถึงเก็บ ผลงานไฟล์มัลติมีเดีย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ( CAI – computer assisted instruction ) หรือ CD-Training ผู้ใช้สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างเดียวแต่ไม่สามารถ เขียนหรือบันทึกข้อมูลซ้าได้ สามารถจุข้อมูลได้ถึง 650-750 MB โดยมากแล้วจะเป็น แผ่นที่ปั๊มมาจากโรงงานหรือบริษัทผู้ผลิตมาแล้ว
32.
- CD-R (
Compact disc recordable ) พบเห็นได้ตามร้านจาหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วไป มีราคาถูกลงอย่างมาก แผ่นแบบนี้สามารถใช้ไดรซ์เขียนแผ่น ( CD Write ) บันทึกข้อมูลได้และหากเขียนข้อมูล ลงไปแล้วยังไม่เต็มแผ่นก็สามารถเขียนเพิ่มเติมได้ แต่ไม่สามารถลบข้อมูลที่เขียนไว้แล้วได้ เนื่องจากเนื้อที่บนแผ่นแต่ละจุดจะเขียนข้อมูลได้ครั้งเดียว เขียนแล้วเขียนเลยจะลบทิ้งอีก ไม่ได้ เหมาะสาหรับผู้ที่ต้องการบันทึกไฟล์ข้อมูลเพื่อเก็บรักษาทั่วไป เช่น ภาพถ่ายจาก กล้องดิจิตอล เพลง mp3 หรือไฟล์งานข้อมูลซึ่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว - CD-RW ( Compact disc rewritable ) แผ่นชนิดนี้มีลักษณะหน้าตาเหมือนกับแผ่น CD-R ทุกประการแต่มีข้อ ดีกว่าคือ นอกจากเขียนบันทึกข้อมูลได้หลายครั้งแล้ว ยังสามารถลบข้อมูลและเขียนซ้า ใหม่ได้เรื่อย ๆ เหมือนกับการบันทึกและเขียนซ้าของดิสเก็ตต์ อย่างไรก็ตามแผ่น CD-RW ขณะนี้ยังมีราคาสูงกว่า CD-R อยู่พอสมควร จึงเหมาะสาหรับผู้ที่ต้องการ บันทึกข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยและเก็บข้อมูลไว้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ถาวร ซึ่ง จะช่วยทาให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก เพราะสามารถลบทิ้งแล้วเขียนใหม่อีกได้ถึงกว่า พันครั้ง
33.
2. DVD (
Digital Versatile Disc/Digital Video Disc ) ผลิตมาเพื่อ ตอบสนองกับงานเก็บข้อมูลความจุสูง เช่น เพลงหรืองานมัลติมีเดียเพื่อให้เกิดความสมจริง และคมชัดมากที่สุด การเก็บข้อมูลจะมีการแบ่งออกเป็นชั้น ๆ เรียกว่า เลเยอร์ ( Layer ) และสามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งสองด้าน ( sides ) ความจุของ DVD จะมีมากกว่า CD หลายเท่าตัว โดยมีตั้งแต่ 4.7 GB - 17 GB การใช้งาน DVD มีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและคาดว่าจะเข้ามา แทน CD ในอนาคต เนื่องจากราคาของ DVD มีราคาถูกลงอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันมี การนาแผ่น DVD มาประยุกต์ใช้กันอย่างแพร่หลายและมีมาตรฐานที่ค่อนข้างแตกต่าง กันไม่เหมือนกับแผ่น CD ซึ่งพอจะแยกออกได้ดังนี้ - DVD-ROM เป็นแผ่น DVD ที่ผลิตจากบริษัทหรือโรงงานโดยตรง มักใช้สาหรับเก็บข้อมูล ขนาดใหญ่มาก เช่น ภาพยนตร์ความคมชัดสูงและต้องการเสียงที่สมจริง รวมถึงการสารอง ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ CD-ROM ทั่วไปไม่สามารถจัดเก็บหรือบันทึกได้
34.
- DVD-R และ
DVD-RW เป็นแผ่น DVD ประเภทเขียนข้อมูลได้ตามมาตรฐานขององค์กร DVD Forum มี ความจุข้อมูลสูงสุดขณะนี้ 4.7 GB เท่านั้น การเขียนข้อมูลสาหรับ DVD-R สามารถ เขียนและบันทึกข้อมูลได้เพียงครั้งเดียวเหมือนกับการเขียนแผ่น CD-R ส่วน DVD-RW จะเขียนและบันทึกข้อมูลซ้าหลาย ๆ ครั้ง วิธีการเขียนข้อมูลอาจเติมเฉพาะข้อมูลใหม่ลงไป โดยลบอันเก่าทิ้งทั้งแผ่นหรือจะ import ข้อมูลอันเก่ามารวมกับของใหม่แล้วเขียนไป พร้อม ๆ กันก็ได้ - DVD+R และ DVD+RW เป็นกลุ่มของ DVD ที่เขียนข้อมูลได้เช่นเดียวกันแต่เป็นมาตรฐานขององค์กร DVD+RW Alliance ซึ่งเกิดขึ้นภายหลัง มีความจุสูงสุดคือ 4.7 GB และอาจเพิ่มอีกใน อนาคต การเขียนข้อมูลของ DVD+Rและ DVD+RW จะคล้าย ๆ กันกับกลุ่มมาตรฐาน เดิมแต่ความเร็วในการเขียนแผ่นจะมีมากกว่า
35.
ไดรว์เขียนแผ่น DVD ปัจจุบันมักเขียนได้ทั้งแบบ
+RW และ – RW เรียก กันว่าแบบ Dual format นอกจากนี้ยังมีไดรว์และแผ่นรุ่นใหม่ที่บันทึกข้อมูลได้มากถึง เกือบสองเท่าของแบบธรรมดา คือจุได้ 8.5 GB (เทียบเท่า DVD-9 ) โดยบันทึก ข้อมูลสองชั้นซ้อนกันในด้านเดียว เรียกว่าแผ่นและไดรว์แบบ Double Layer ( บาง ทีก็เรียก Dual Layer) สื่อเก็บข้อมูลแบบเทป (Tape device) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่เหมาะสมสาหรับการสารองข้อมูล(back up)มีราคาถูก และเก็บข้อมูลได้จานวนมากเนื่องจากเป็นการเก็บข้อมูลในแผ่นแม่เหล็ก มีลักษณะการ เข้าถึงแบบเรียงลาดับต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ(sequential access)และมีข้อเสียคือ การ ค้นหาที่ยาก จึงเหมาะสมสาหรับการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียงลาดับ เช่น การลงทะเบียน เรียนของนักศึกษา เป็นต้น เทปที่พบในปัจจุบัน - Digital Audio Tape (DAT หรือ DDS) ความจุข้อมูล 2 GB - 240 GB - Digital Linear Tape (DLT) ความจุข้อมูล 20 GB - 229 GB - Linear Tape-Open (LTO) ความจุข้อมูล 100 GB - 200 GB - Quarter-Inch Cartridge (QIC) ความจุข้อมูล 40 MB - 25 GB - Travan(TR) ความจุข้อมูล 8 GB - 40 GB
36.
สื่อเก็บข้อมูลอื่น ๆ ( Other
Storage Device ) อุปกรณ์หน่วยความจาแบบแฟรช ( Flash memory device ) ปัจจุบัน นามาใช้บันทึกแทนสื่อเก็บข้อมูลแบบดิสเก็ตต์มากขึ้น เพราะจุข้อมูลได้มากกว่า นิยมใช้ กับเครื่องพีซีและคอมพิวเตอร์แบบพกพาทั่วไป มีชื่อเรียกแตกต่างกัน เช่น flash drive, thumb drive หรือ handy drive โดยสามารถต่อพ่วงเข้ากับเครื่อง คอมพิวเตอร์และอ่านค่าข้อมูลนั้นได้โดยตรง อุปกรณ์หน่วยความจาแบบแฟรชนี้อาจอยู่ในรูปแบบของ memory card ที่ใช้ สาหรับจัดเก็บข้อมูลประเภทภาพถ่ายหรือข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ในอุปกรณ์ดิจิตอลแบบ พกพาทั้งหลาย เช่น กล้องถ่ายรูปดิจิตอลหรือพีดีเอ ซึ่งมีหลายฟอร์แมต (ดังรูป) เช่น Compact Flash (CF), SmartMedia ( เลิกผลิตแล้ว), Secure Digital และ Multimedia Memory Card (SD/MMC ซึ่งมีขนาดเท่ากัน) และ Memory Stick โดยการอ่านข้อมูลอาจใช้อุปกรณ์ดิจิตอลนั้นต่อพ่วงเข้ากับคอมพิวเตอร์โดยตรงหรือใช้ อุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า card reader ช่วยอ่านข้อมูลที่เก็บอยู่ภายในได้เช่นเดียวกัน
37.
อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ ( Output Device
) เป็นอุปกรณ์สาหรับแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาจะมีทั้งข้อมูลตัวอักษร, ภาพนิ่ง, ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง เป็น ต้น อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ 1. อุปกรณ์แสดงผลหน้าจอ ( Display device ) เป็นอุปกรณ์สาหรับการแสดงผลในรูปแบบกราฟิกและผู้ใช้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อไฟดับหรือปิดการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ลงไปจะไม่ สามารถเห็นได้อีก บางครั้งนิยมเรียกอุปกรณ์ประเภทนี้ว่าsoft copy นั่นเอง เช่น - เทอร์มินอล ( Terminal ) มักพบเห็นได้กับจุดบริการขาย ( POS-Point Of Sale ) ตามห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือจุดให้บริการลูกค้าเพื่อทารายการบาง ประเภท เช่น ตู้รายการฝากถอน ATM อัตโนมัติ จอภาพของเทอร์มินอลจะมีขนาดเล็ก กว่าจอภาพที่ใช้กับคอมพิวเตอร์
38.
- จอซีอาร์ที (
CRT Monitor ) เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่นิยมใช้กับเครื่อง คอมพิวเตอร์ประเภทพีซี การทางานจะอาศัยหลอดแก้วแสดงผลขนาดใหญ่ที่เรียกว่า หลอดรังสีคาโธด ( cathode ray tube ) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับหลอดภาพของ โทรทัศน์ และตัวจอภาพก็มีลักษณะเหมือนกับจอภาพของโทรทัศน์ มีหลายขนาดตั้งแต่ 14,15,16,17,19,20 และ 21 นิ้ว เป็นต้น (แนวโน้มการใช้งานปัจจุบันจะเลือกใช้ จอภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยในการทางานได้ดีกว่าจอภาพขนาดเล็ก โดย เฉพาะงานที่ต้องใช้พื้นที่สาหรับทางานบนจอภาพมาก ๆ เช่น การสร้างภาพกราฟิก หรือการออกแบบงาน 3 มิติ เป็นต้น) - จอแอลซีดี ( LCD Monitor ) เป็นอุปกรณ์แสดงผลอีกแบบหนึ่ง อาศัยการ ทางานของโมเลกุลชนิดพิเศษเรียกว่า “ ผลึกเหลว” หรือliquid crystal ในการ แสดงผล (LCD = Liquid Crystal Display ) ซึ่งเมื่อมีสัญญาณไฟฟ้าส่งไปยังแต่ละ จุดบนจอ ผลึกเหลว ณ จุดนั้นจะมีการบิดตัวของโมเลกุลเป็นองศาที่แตกต่างกัน ทาให้ แสงที่ส่องจากด้านหลังจอผ่านได้มากน้อยต่างกัน และเกิดภาพสีต่าง ๆ ขึ้น แต่เดิมนิยม ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน๊ตบุ๊ค ปัจจุบันได้นามาใช้กับเครื่องพีซีทั่วไปบ้างแล้ว เนื่องจากมีขนาดบางเบาและสะดวกในการเคลื่อนย้ายมากกว่า อีกทั้งยังไม่เปลืองพื้นที่ สาหรับการทางานด้วย แต่ปัจจุบันยังมีราคาที่แพงกว่าจอแบบซีอาร์ทีพอสมควร
39.
- โปรเจคเตอร์ (
Projector ) นิยมใช้สาหรับการจัดประชุม สัมมนา หรือการ นาเสนอผลงาน ( presentation ) ที่ต้องการให้ผู้เข้าชมจานวนมากได้เห็นข้อมูลภาพ กราฟิกต่าง ๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทาหน้าที่เป็นเหมือนอุปกรณ์ช่วยขยายภาพขนาดเล็ก จากจอภาพธรรมดาให้ไปแสดงผลลัพธ์เป็นภาพขนาดใหญ่ที่บริเวณฉากรับภาพ 2. อุปกรณ์สาหรับพิมพ์งาน ( Print Device ) เป็นอุปกรณ์การแสดงผลที่แสดงออกมาให้อยู่ในรูปแบบข้อมูล รายงาน รูปภาพ หรือแผนที่ซึ่งสามารถจับต้องหรือเก็บรักษาไว้ได้อย่างถาวร นิยมเรียกอุปกรณ์เหล่านี้ Hard copy อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสาหรับการพิมพ์งานมีดังนี้ - เครื่องพิมพ์แบบดอทเมตริกซ์ ( Dot matrix Printer ) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้ กันในองค์กรธุรกิจทั่วไป เนื่องจากมีคุณสมบัติในการทางานพิมพ์โดยอาศัยหัวเข็มพิมพ์ กระทบลงไปที่ผ้าหมึก( ribbon ) และตัวกระดาษโดยตรงจึงเหมาะสมกับการพิมพ์ เอกสารประเภทใบเสร็จรับเงิน ใบกากับภาษี ใบส่งของ หรือรายการสั่งซื้อที่จาเป็นต้อง มีสาเนาเอกสาร(copy ) เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานทางการบัญชี นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เครื่องพิมพ์แบบกระทบ(impact printer ) แต่มีข้อจากัดในเรื่องการทางานที่เป็นสี นอกจากนี้คุณภาพของงาน ความคมชัด และความเร็วยังต่ากว่าเครื่องพิมพ์แบบอื่นๆ จึงมีความนิยมใช้ลดลง ถึงแม้มีราคาไม่สูงนักก็ตาม
40.
- เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์( Laser
Printer ) ผลลัพธ์ที่ได้จากการพิมพ์เอกสารด้วยเครื่องพิมพ์แบบดอทเมตริกซ์ซึ่งอาศัย หัวพิมพ์กระทบลงไปในกระดาษเหมือหลักการของเครื่องพิมพ์ดีดนั้น ทาให้คุณภาพงาน พิมพ์ที่ได้ไม่ชัดเจน จึงนิยมใช้เครื่องพิมพ์ประเภทเลเซอร์เข้ามาแทนเนื่องจากมีความ คมชัดมากกว่าเครื่องพิมพ์แบบนี้อาศัยการทางานของแสงเลเซอร์ฉายลงไปยังหลอดสร้าง ( drum ) ภาพที่ได้รับการกระตุ้นของแสง แล้วฉีดผงหมึกเข้าไปยังบริเวณที่มีประจุอยู่ (ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสารนั่นเอง) จากนั้นให้กระดาษวิ่งมารับผงหมึก แล้วไปผ่านความร้อนเพื่อให้ภาพติดแน่น ข้อดีคือภาพที่ได้มีความละเอียดสูงมาก และ ความเร็วก็สูง แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถพิมพ์เอกสารที่เป็นแบบสาเนา (copy ) เหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบดอทเมตริกซ์ได้ นอกจากนี้ปัจจุบันเริ่มมีเครื่องพิมพ์งานสีได้ แล้ว โดยใช้ผงหมึก 4 สีผสมกัน ซึ่งราคาเครื่องเริ่มลดลงมากแล้ว แต่ผงหมึกก็ยังแพงอยู่
41.
- พลอตเตอร์ (
Plotter ) เป็นเครื่องพิมพ์เพื่อแสดงผลลัพธ์อีกประเภทหนึ่ง มักใช้กับการพิมพ์เอกสารที่มี ขนาดค่อนข้างใหญ่มากและไม่สามารถพิมพ์ด้วยเครื่องขนาดเล็กได้ การทางานใช้กลไก บังคับปากกาให้ขีดลงบนกระดาษโดยตรง ส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่ต้องการความละเอียด สูง เช่น ภาพโฆษณา แผนที่ แผนผัง แบบแปลน เป็นต้น อย่างไรก็ดีอาจพบเห็นเครื่อง พลอตเตอร์นี้ค่อนข้างน้อยในปัจจุบัน เนื่องจากเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตได้เข้ามาแทนที่ เกือบหมดแล้ว
42.
- ลาโพง (
Speaker) ข้อมูลที่เป็นแบบเสียงจะไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ไปยัง จอภาพของคอมพิวเตอร์ได้ แต่จะอาศัยอุปกรณ์แสดงผลเฉพาะที่เรียกว่า ลาโพง ( speaker ) เพื่อช่วยขับเสียงออก ปัจจุบันมีราคาถูกมากตั้งแต่ร้อยกว่าบาทจนถึงหลัก พัน นิยมใช้สาหรับการแสดงผลในรูปของเสียงเพลงหรือเสียงประกอบในภาพยนตร์ รวมถึงเสียงที่ได้จากการพูดผ่านไมโครโฟน - หูฟัง ( Headphone ) เป็นอุปกรณ์สาหรับรับฟังข้อมูลประเภทเสียง เช่นเดียวกัน นิยมใช้สาหรับการฟังเสียง เช่น ฟังเพลง หรือเสียงประกอบภาพยนตร์ที่ เป็นแบบส่วนตัว ในบางรุ่นอาจพบได้ทั้งหูฟังและไมโครโฟนอยู่ในตัวเดียวกัน มีให้เลือก หลายชนิดทั้งแบบที่มีสายเชื่อมต่อและแบบไร้สาย ราคาของหูฟังอาจจะมีตั้งแต่ราคาไม่กี่ ร้อยบาทจนถึงหลักพัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพและยี่ห้อของบริษัทผู้ผลิตด้วย 3. อุปกรณ์ขับเสียง ( Audio Device )
43.
โดยปกติทั้งหูฟังและลาโพงจะต่อสัญญาณเสียงแบบอนาล็อก ( analog )
คือสัญญาณเสียงทั่ว ๆ ไปเหมือนในวิทยุหรือโทรทัศน์ จากช่อง เสียบสัญญาณที่ซาวด์การ์ดในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่มีลาโพงและหูฟังบางแบบ อาจใช้การต่อสัญญาณเสียงในแบบดิจิตอลจากพอร์ต USB ของเครื่องออกมา แทน แล้วแปลงกลับเป็นเสียงแบบที่เราได้ยินกัน โดยใช้วงจรภายในตัวเอง ซึ่งจะ ลดเสียงรบกวนจากอุปกรณ์อื่น ๆ ในคอมพิวเตอร์ แต่หูฟังหรือลาโพงแบบนี้ก็จะ มีราคาแพงกว่า
Download