เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ 3-4
สาขาวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project)
รหัสวิชา ว 30296-302967 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
ชื่อ-นามสกุล .....................................................................................................
ชั้น ………………… ห้อง......................เลขที่ ...........................
โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (GSTU)
กลุ่มสาระการเรียนวิทยาศาสตร์
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
โครงสร้างหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (Gifted Science)
สาขาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project)
รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา ว 30296
ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกิต
ที่ มาตรฐานการ
เรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระสาคัญ ชื่อหน่วยฯ/เนื้อหาสาระ เวลา
(คาบ)
น้าหนัก
(คะแนน)
1 ว 4.2/1 (ม.5) เทคโนโลยี เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงาน
วิทยาศาสตร์
-ความหมายเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงาน
วิทยาศาสตร์
-ความสาคัญเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงาน
วิทยาศาสตร์
-ตัวอย่างเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงาน
วิทยาศาสตร์
-การประยุกต์ใช้เทคนิคและเครื่องมือในโครงงาน
วิทยาศาสตร์
20 50
2 ว 4.2/1 (ม.4) เทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ความหมายการวิเคราะห์ข้อมูล
- ความสาคัญการวิเคราะห์ข้อมูล
- การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย
- ตัวอย่างเทคนิคและการประยุกต์ใช้การ
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย
- การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงอ้างอิง
- ตัวอย่างเทคนิคและการประยุกต์ใช้การ
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงอ้างอิง
20 50
วัดผลก่อนกลางภาค - 15
วัดผลกลางภาค - 20
วัดผลหลังกลางภาค - 15
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 10
วัดผลปลายภาค - 40
รวม 40 100
โครงสร้างหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (Gifted Science)
สาขาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project)
รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 4 รหัสวิชา ว 30297
ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกิต
ที่ มาตรฐานการ
เรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระสาคัญ ชื่อหน่วยฯ/เนื้อหาสาระ เวลา
(คาบ)
น้าหนัก
(คะแนน)
1 ว 4.2/1 (ม.5) เทคโนโลยี การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
- ความหมายการเขียนรายงานโครงงาน
- ความสาคัญการเขียนรายงานโครงงาน
- หลักการการเขียนรายงานโครงงาน
- องค์ประกอบหัวข้อในการเขียนรายงาน
โครงงานวิทยาศาสตร์
- เทคนิคและขั้นตอนการเขียนรายงาน
โครงงานวิทยาศาสตร์
- การฝึกทักษะการเขียนรายงานโครงงาน
20 50
2 ว 4.2/1 (ม.6) เทคโนโลยี การนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์
- ความหมายการนาเสนองานโครงงาน
- ความสาคัญการนาเสนองานโครงงาน
- หลักการการนาเสนองานโครงงาน
- ลาดับหัวข้อในการนาเสนองานโครงงาน
วิทยาศาสตร์
- เทคนิคและขั้นตอนการนาเสนองาน
โครงงานวิทยาศาสตร์
- การฝึกทักษะการนาเสนองานโครงงาน
วิทยาศาสตร์ในเชิงวิชาการ
20 50
วัดผลก่อนกลางภาค - 15
วัดผลกลางภาค - 20
วัดผลหลังกลางภาค - 15
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 10
วัดผลปลายภาค - 40
รวม 40 100
คาอธิบายรายวิชา
โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (Gifted Science)
สาขาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
รหัสวิชา ว30296 รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ภาคเรียนที่ 1 / 2563 จานวนเวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกิต
การศึกษาเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ความหมายและความสาคัญของ
เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ การยกตัวอย่างเทคนิคและเครื่องมือสาคัญที่ใช้ในการ
ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ การประยุกต์ใช้เทคนิคและเครื่องมือในโครงงานวิทยาศาสตร์แต่ละประเภทที่แตกต่าง
กัน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงเพื่อใช้ในโครงงานวิทยาศาสตร์ ความหมายและ
ความสาคัญของการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิง เทคนิคและการประยุกต์ใช้การ
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงในโครงงานวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างการเลือกเทคนิคการ
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงกับข้อมูลอย่างเหมาะสม โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การ
อธิบายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้
และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลรักษาสิ่งมีชีวิต เฝ้าระวังและพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มีจิต
วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม
ผลการเรียนรู้ :
1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายและความสาคัญของเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงานวิทยาศาสตร์
ได้
2. นักเรียนสามารถยกตัวอย่างเทคนิคและเครื่องมือสาคัญที่ใช้ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
3. นักเรียนสามารถประยุกต์ใช้เทคนิคและเครื่องมือในโครงงานวิทยาศาสตร์แต่ละประเภทได้
4. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายและความสาคัญการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิง
ได้
5. นักเรียนสามารถประยุกต์การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงในโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
6. นักเรียนสามารถยกตัวอย่างการเลือกเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงกับข้อมูล
อย่างเหมาะสมได้
7. นักเรียนสามารถเลือกเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงในโครงงานวิทยาศาสตร์
ที่เหมาะสมได้
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2/1 (ม.5) และ ว 4.2/1 (ม.4)
รวมตัวชี้วัดทั้งหมด 2 ตัวชี้วัด
คาอธิบายรายวิชา
โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (Gifted Science)
สาขาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
รหัสวิชา ว30297 รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ภาคเรียนที่ 2 / 2563 จานวนเวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกิต
การศึกษากระบวนการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์ ความหมายและความสาคัญ
ของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์ หลักการและองค์ประกอบของการเขียนรายงาน
โครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์ ขั้นตอนของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์พร้อม
ยกตัวอย่างของการเขียนรายงานอย่างถูกต้อง การศึกษากระบวนการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างมี
ประสิทธิภาพ ความหมายและความสาคัญของการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ หลักการและขั้นตอนของ
การนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ เทคนิควิธีการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมยกตัวอย่างของการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้อย่างเหมาะสม โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การ
อธิบายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้
และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลรักษาสิ่งมีชีวิต เฝ้าระวังและพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มีจิต
วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม
ผลการเรียนรู้ :
1. นักเรียนสามารถบอกความหมายและความสาคัญของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์
ได้
2. นักเรียนสามารถอธิบายหลักการและองค์ประกอบของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์
ได้
3. นักเรียนสามารถอธิบายขั้นตอนของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์พร้อมยกตัวอย่าง
ของการเขียนรายงานอย่างถูกต้องได้
4. นักเรียนสามารถบอกความหมายและความสาคัญของการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
5. นักเรียนสามารถอธิบายหลักการและขั้นตอนของการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพได้
6. นักเรียนสามารถยกตัวอย่างเทคนิควิธีการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพได้
7. นักเรียนสามารถเลือกเทคนิควิธีการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพได้
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2/1 (ม.5) และ ว 4.2/1 (ม.6)
รวมตัวชี้วัดทั้งหมด 2 ตัวชี้วัด
บทเรียนที่ 1 การวิเคราะห์โครงการหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
การวิเคราะห์โครงงานวิทยาศาสตร์จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจจุดมุ่งหมายและวิธีการทาโครงงาน
วิทยาศาสตร์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และช่วยทาให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อสร้างโครงงานต่อไปได้
ให้นักเรียนสืบค้นและศึกษารายงานโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์จากเว็บไซต์หรือแหล่ง
เรียนรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วดาเนินการวิเคราะห์ตามแบบวิเคราะห์ที่กาหนดให้ต่อไปนี้ พร้อมแนบ
เอกสารรายงานเพื่อใช้ในการอ้างอิงตรวจสอบความถูกต้องต่อไป
แบบวิเคราะห์โครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
1. ชื่อโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ชื่อผู้ทาโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. สถาบันของผู้ทาโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. จุดมุ่งหมายของโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. เหตุจูงใจที่ทาให้เลือกทาโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์นี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. ตัวแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
7. ข้อสรุปของโครงงาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
8. ความแปลกใหม่หรือความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. แนวความคิดที่จะขยายหรือปรับปรุงโครงงานที่วิเคราะห์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
10. สาเหตุที่สนใจเลือกวิเคราะห์โครงงานนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
บทเรียนที่ 2 การออกแบบการทดลอง
คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนได้
ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
ประกอบด้วย
แบบฝึกย่อยที่ 1 เสนอผังกราฟิกเรื่องการออกแบบการทดลอง
แบบฝึกย่อยที่ 2 การออกแบบการทดลอง
จุดประสงค์
1. บอกองค์ประกอบของการออกแบบการทดลองได้
2. ออกแบบการทดลองตามขั้นตอนที่กาหนดได้
การออกแบบการทดลอง
การออกแบบการทดลอง ต้องจัดให้มีทั้งชุดทดลองและชุดควบคุมเพื่อเปรียบเทียบผลการทดลอง
1. ชุดทดลองเป็นชุดที่เรากาหนดตัวแปรต้นตามที่ต้องการศึกษา
2. ชุดควบคุมที่เป็นชุดที่เราควบคุมตัวแปรทุกตัวให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อเปรียบเทียบผลการ
ทดลอง
การทดลองที่มีจานวนซ้าหลายชุด ข้อนี้มีความจาเป็นเพื่อป้องกันความผิดพลาดอันเกิดจากการ
ทดลองในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งนั้น จะได้ไม่ล้มเหลวและจะช่วยให้ผลการทดลองนั้นเชื่อมั่นได้มากขึ้น แต่
การศึกษาปัญหาหนึ่ง ๆควรจะมีชุดการทดลองซึ่งเป็นเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับกาลังของผู้ทา เวลาและ ความสะดวก
อื่น ๆ แต่ไม่ควรน้อยกว่า 2 ชุด
การวางแผนและออกแบบการทดลองทางวิทยาศาสตร์ มีส่วนที่ต้องให้ความสาคัญดังต่อไปนี้
1. การทดลองสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายของการทาโครงงาน
2. การกาหนดตัวแปรที่วัดได้
3. การกาหนดแบบแผนของการเปลี่ยนแปลงตัวแปรต้น เช่น การเพิ่มอุณหภูมิของน้าช่วงละ 5 0C เพราะการ
มีแบบแผนของการเปลี่ยนแปลงตัวแปรต้น มีผลต่อการเกิดแบบแผนการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตาม
4. ในแต่ละครั้งของการทาการทดลอง มีการกาหนดชุดการทดลองควบคุม ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวแปรใด
ๆ และมีสภาวะของปัจจัยต่าง ๆเหมือนชุดทดลองทุกประการ
5. ในการทดลอง มีการกาหนดปัจจัยควบคุมอย่างชัดเจน เพื่อการควบคุมสภาวะของการทดลองได้ถูกต้อง
6. การเขียนขั้นตอนหรือวิธีทดลองไว้อย่างชัดเจน
7. การกาหนดวัตถุประสงค์อุปกรณ์และเครื่องใช้ในการทดลอง
8. การกาหนดวิธีสังเกต วิธีวัด และหน่วยที่ใช้วัด เพื่อให้ทางานได้อย่างถูกต้องแม่นยา กรณีที่มีการสังเกตเชิง
คุณภาพมาตรฐานไว้เปรียบเทียบด้วย
9. การกาหนดการทดลองซ้า 4 ครั้งมากกว่า เพื่อให้ผลการทดลองเชื่อถือได้
สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการออกแบบการทดลองทางวิทยาศาสตร์
1. นึกถึงความปลอดภัยในการทดลอง
2. ตรวจสอบเป็นการทดลองทุกขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัยเมื่อทาการทดลอง
3. มีวิธีประเมินความปลอดภัยขณะทาการทดลอง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับตนเองและผู้อื่นด้วย
4. ตรวจสอบวิธีทดลองทางวิทยาศาสตร์ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์สากลหรือข้อปฏิบัติสากลเกี่ยวกับการ
ทดลองทางวิทยาศาสตร์เช่น การทดลองกับสัตว์ การใช้ส่วนหรือเนื้อเยื่อของสัตว์และร่างกายของคน
การใช้สารเคมี การใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทดลอง
5. ออกแบบการทดลองในประสิทธิภาพที่ผู้ทาโครงงานสามารถทาได้ และภายในเวลาที่สามารถ
ดาเนินการได้
6. ออกแบบการทดลองเฉพาะในกรอบของงานที่ทาการศึกษาวิจัยและตามสมมติฐานที่วางไว้
7. เสนอแผนการทดลองที่ออกแบบไว้ต่อพี่เลี้ยงหรือครูที่ปรึกษาเพื่อช่วยพิจารณาก่อนลงมือทาการ
ทดลองทางวิทยาศาสตร์
8. ถ้ามีคาแนะนาจากครูที่ปรึกษาให้ปรับปรุงแก้ไขบางส่วน ผู้ทาโครงงานต้องทาการทดลองทาง
วิทยาศาสตร์
9. ก่อนลงมือทาการทดลอง ต้องมีขั้นตอนหรือวิธีการทดลองที่เขียนไว้อย่างชัดเจนและวางไว้ใกล้มือ
เสมอเพื่อใช้ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และเพื่อตรวจสอบความถูกต้องในการทาการทดลอง
**********************************************************************************
แบบฝึกย่อยที่ 1
คำชี้แจง; ให้นักเรียนบอกองค์ประกอบของการออกแบบการทดลองในผังกราฟิกให้ครบทั้ง 8 ขั้นตอน
กำรออกแบบกำร
ทดลองโครงงำน
วิทยำศำสตร์
แบบฝึกย่อยที่ 2
คำชี้แจง ;ให้นักเรียนออกแบบการทดลองในหัวข้อ เรื่อง ยารักษาโรคจากสมุนไพร
1. ปัญหา;………………………………………………………………………………...……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จุดมุ่งหมายของโครงงาน;…………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. สมมติฐาน;..................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. ตัวแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. วิธีดาเนินการทดลอง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. วัสดุอุปกรณ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
7.สังเกตและวัดอะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
8.เสนอข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. ใช้เวลาในการศึกษานานเท่าใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
10. เหตุจูงใจที่ทาให้ออกแบบการทดลองในรูปแบบนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบทดสอบ เรื่อง การออกแบบการทดลอง
คาชี้แจง; ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง
ที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดเป็นความหมายของการออกแบบการทดลอง ?
ก. การทดสอบสมมติฐาน ข. การปฏิบัติการการทดลอง
ค. กาดาเนินการทดลอง ง. การวางแผนการทดลอง
2. การออกแบบการทดลอง เราจะออกแบบจากข้อใด ?
ก. ตัวแปร ข. วิธีการทดลอง ค. ปัญหาการทดลอง ง. สมมติฐานการทดลอง
3. ในการออกแบบการทดลอง ควรมีสิ่งใดบ้าง ?
1. วิธีการทดลอง 2. สรุปผลการทดลอง 3. อุปกรณ์และสารเคมี 4. ตารางบันทึกผลการทดลอง
ก. 1,2,3,4 ข. 2,1,3,4 ค. 3,1,4,2 ง. 4,1,3,2
4. ข้อใดมีความสาคัญน้อยที่สุดในการออกแบบการทดลอง ?
ก. ความปลอดภัยในการทดลอง ข. การตรวจสอบแผนการทดลองทุกขั้นตอน
ค. การกาหนดตัวแปรที่วัดได้ ง. การกาหนดแผนการปฏิบัติการ
5. การกาหนดข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบการทดลองขั้นตอนใดเรียงลาดับได้ถูกต้อง ?
1. จุดมุ่งหมายของโครงงาน 2. ปัญหา 3. สมมติฐาน 4. วิธีดาเนินการทดลอง 5. วัสดุอุปกรณ์
6. สังเกตและวัดอย่างไร 7. เสนอข้อมูล/วิเคราะห์ข้อมูล 8. ใช้เวลาในการศึกษา
ก. 1,2,3,4,5,6,7,8 ข. 2,1,3,4,5,6,7,8
ค. 1,2,4,5,6,7,8,3 ง. 4,1,2,3,5,6,7,8
6. ข้อใดถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับชุดทดลอง ?
ก. ชุดที่กาหนดตัวแปรต้นตามที่ศึกษา ข. ชุดที่กาหนดตัวแปรตามตามที่ศึกษา
ค. ชุดที่กาหนดตัวแปรควบคุมตามที่ศึกษา ง. ถูกทุกข้อ
7. ข้อใดถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับชุดควบคุม ?
ก. ชุดควบคุมไม่จาเป็นต้องควบคุมตัวแปร ข. ชุดควบคุมตัวแปรทุกตัวให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ค. ชุดที่ให้อิสระในการควบคุม ง. ข้อ ก และ ข ถูกที่สุด
8. การออกแบบการทดลองเพื่อให้ผลการทดลอง น่าเชื่อถือ จาเป็นต้องมีการทดลองซ้ากี่ครั้ง ?
ก. 1 ครั้ง ข. 2 ครั้ง ค. 3 ครั้ง ง. 4 ครั้ง
9. การศึกษาปัญหาในการออกแบบการทดลอง ควรจะมีชุดการทดลองเท่าใด ?
ก. 1 ชุด ข. 2 ชุด ค. 3 ชุด ง. 4 ชุด
10 การออกแบบการทดลอง ต้องจัดให้มีชุดการทดลองใดบ้าง ?
ก. ชุดทดลอง ข. ชุดควบคุม
ค. ชุดตัวแปร ง. ข้อ ก และ ข ถูกที่สุด
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
บทเรียนที่ 3 การเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์
คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน
ได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
ประกอบด้วย
แบบฝึกย่อยที่ 1 องค์ประกอบของการเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์
แบบฝึกย่อยที่ 2 การเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์
จุดประสงค์
1. บอกองค์ประกอบของเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
2. เขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
การเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์
การวางแผนในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์นั้นจะต้องเขียนโครงร่างหรือเค้าโครงของโครงงาน
วิทยาศาสตร์เสนอต่อครูที่ปรึกษาเพื่อขอความเห็นชอบและคาแนะนาปรึกษา การเขียนเค้าโครงเป็นการ
กาหนดแผนงานอย่างคร่าวๆล่วงหน้าว่าจะดาเนินการอย่างไรบ้าง เป็นขั้นตอนโดยมีจุดมุ่งหมายให้สามารถ
ดาเนินการได้โดยไม่สับสน
การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์นิยมเขียนแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของโครงงาน
โดยทั่วไปควรประกอบด้วยหัวข้อ ต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ควรเป็นข้อความที่กะทัดรัด ชัดเจน สื่อความหมายตรงและมีความ
เฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไร
2. ชื่อผู้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์
3. ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
4. ที่มาและความสาคัญ อธิบายว่าเหตุใด จึงเลือกทาโครงงานนี้ มีความสาคัญอย่างไร มีหลักการหรือ
ทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นเคยศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร ขยาย
ผลเพิ่มเติมปรับปรุงจากเรื่องที่ผู้อื่นทาไว้อย่างไร หรือเป็นการทาซ้าเพื่อตรวจสอบผล
5. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้าควรมีความเฉพาะเจาะจงและเป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ เป็นการบอก
ขอบเขตของงานที่ทาให้ชัดเจนขึ้น
6. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า(ถ้ามี) สมมติฐานเป็นคาตอบหรือคาอธิบายที่คาดไว้ล่วงหน้า ซึ่ง
อาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ การเขียนสมมติฐานควรมีเหตุผล คือมีทฤษฎีหรือหลักการทางวิทยาศาสตร์
รองรับ ที่สาคัญคือเป็นข้อความที่มองไม่เห็นแนวทางในการดาเนินการทดลองสามารถทดสอบได้
7. ตัวแปรที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม
8. นิยามเชิงปฏิบัติการ
9. วิธีดาเนินการ
9.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้
9.2 แนวการศึกษาค้นคว้า อธิบายว่าจะออกแบบการทดลองอะไรบ้าง อย่างไร เก็บข้อมูลอะไร
อย่างไรและเมื่อใดบ้าง
10. แผนปฏิบัติงาน อธิบายเกี่ยวกับการกาหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาเสร็จของการดาเนินงาน
11. ประโยชน์หรือผลที่คาดว่าจะได้รับ
12. เอกสารอ้างอิง
แบบฝึกย่อยที่ 1
คาชี้แจง ;ให้นักเรียนบอกองค์ประกอบของการเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ พร้อมอธิบายลักษณะสาคัญ
ของการเขียนประกอบมาให้ถูกต้อง
องค์ประกอบของเค้ำโครงงำนวิทยำศำสตร์
1. ............……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ......................................……………………………………………………………………….…………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.......................................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.......................................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5.......................................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
6.......................................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
7.......................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
8.......................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
9.......................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
9.1......................................................................................................................................................
9.2.......................................................................................................................................................
10......................................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
11......................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12......................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
13......................................................................................................................................................................
แบบฝึกย่อยที่ 2
คาชี้แจง ;ให้นักเรียนเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่องที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของระบบบาบัด
น้าทางชีวภาพโดยใช้พืช
1.ชื่อโครงงาน;………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ชื่อผู้ทาโครงงาน;……………………………………………………………………………………………….……………………………..
..............................................................................................................................................................................
3. ชื่อครูที่ปรึกษา ;……………………………………………………………………………………………………………………………..
4. ที่มาและความสาคัญ
................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
5. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
1………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
..............................................................................................................................................................................
2…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
..............................................................................................................................................................................
3…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
..............................................................................................................................................................................
6. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
7.ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
ตัวแปรต้น …………………………………………………………………………………………………………………………………….
ตัวแปรตาม …………………………………………………………………………………………………………………………………..
ตัวแปรควบคุม………………………………………………………………………………………………………………………….……
8. นิยามเชิงปฏิบัติการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
9.วิธีดาเนินการ
9.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้………………………………………………………………………………………..…………………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
9.2 แนวการศึกษาค้นคว้า …………………………………………………………………………………………….………….
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
10. ตารางแสดงแผนปฏิบัติงาน
11. ประโยชน์หรือผลที่คาดว่าจะได้รับ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
12. เอกสารอ้างอิง
.............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ เรื่อง การเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์
คาชี้แจง; ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง
ที่สุดเพียงข้อเดียว
1. เค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์หมายถึงข้อใด ?
ก. การเขียนโครงร่างคร่าว ๆ ข. การวางแผนทาโครงงาน
ค. การเขียนส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน ง. การจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์
2. ข้อใดคือจุดมุ่งหมายของการเขียนเค้าโครง ?
ก. เพื่อทาโครงงานวิทยาศาสตร์
ข. เพื่อให้สามารถทาโครงงานโดยไม่สับสนและสาเร็จ
ค. เพื่อเขียนโครงร่างคร่าว ๆ
ง. เพื่อให้การดาเนินโครงงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
3. ในการเขียนเค้าโครง ขั้นตอนใด ที่นักเรียนได้รับความรู้มากที่สุด ?
ก.การทาการทดลอง ข. การศึกษาหัวข้อโครงงาน
ค. การเขียนจุดมุ่งหมายของโครงงาน ง. การศึกษาค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง
4. ในเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ทาไมจึงต้องมีเอกสารอ้างอิง?
ก. เพื่อเป็นแหล่งความรู้ ข. เพื่อเสนอความรู้ล่วงหน้า
ค. เพื่อนาไปเขียนบรรณานุกรม ง. เพื่อรวบรวมหนังสือสาหรับค้นคว้า
5. มีผู้กล่าวว่า ถ้าเขียนเค้าโครงงานเสร็จก็เท่ากับว่า ทาโครงงานวิทยาศาสตร์เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง คากล่าวนี้
เป็นจริงหรือไม่ ?
ก. ไม่เป็นจริงเพราะยังไม่ได้ทดลอง
ข. ไม่เป็นจริง เพราะยังไม่ได้ทารายงาน
ค. เป็นจริงเพราะเหลือแต่ขั้นตอนดาเนินการทดลองก็สาเร็จ
ง. เป็นจริงเพราะในเค้าโครง เขียนไว้หมดทุกอย่างแล้ว
6. ให้เรียงลาดับประเด็นที่สาคัญในการจัดทาเค้าโครงของโครงงานต่อไปนี้
1) ชื่อโครงงานชื่อผู้จัดทาโครงงาน 2) ผลที่คาดว่าจะได้รับเอกสารอ้างอิง
3) วัสดุอุปกรณ์วิธีดาเนินการแผนปฏิบัติการ 4) ที่มาจุดมุ่งหมาย
ก. 1, 2, 3, 4 ข. 1, 4, 3, 2 ค. 1, 2, 4, 3 ง. 1, 4, 2, 3
7. หัวข้อใดทีบอกให้ทราบว่าผู้ทาโครงงานศึกษาค้นคว้าในเรืองใดมาบ้าง
ก. ที่มาและความสาคัญ ข. ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
ค. เอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรม ง. นิยามศัพท์
8. จาเป็นหรือไม่ที่ต้องเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์
ก. จาเป็น เพราะเป็นการวางแผนงานล่วงหน้า ข. จาเป็น เพราะต้องเตรียมเอกสารล่วงหน้า
ค. ไม่จาเป็น เพราะไม่ต้องใช้งบประมาณ ง. ไม่จาเป็น เพราะต้องทาอยู่แล้ว
9. เค้าโครงย่อสามารถเป็นแนวทางในการดาเนินการต่อในเรื่องใด
ก. การนาเสนอ ข. การจัดแสดงโครงงาน
ค. การทารูปเล่มรายงาน ง. การรายงานปากเปล่า
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
บทเรียนที่ 4 การลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์
คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน
ได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
ประกอบด้วย
แบบฝึกย่อยที่ 1 บันทึกการดาเนินงานตามโครงงานวิทยาศาสตร์
แบบฝึกย่อยที่ 2 วิเคราะห์และอภิปรายผล
แบบฝึกย่อยที่ 3 สรุปผลการทดลอง
จุดประสงค์
1. บันทึกผลการดาเนินงานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
2. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปผลได้
ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
รุ่นพี่ที่ประสบผลสาเร็จในปีต่าง ๆ
แบบฝึกย่อยที่ 1
คำชี้แจง ;ให้นักเรียนบันทึกผลการดาเนินงานตามโครงงานวิทยาศาสตร์ ในหัวข้อต่อไปนี้
บันทึกผลกำรดำเนินงำนตำมโครงงำนวิทยำศำสตร์
1. ชื่อโครงงาน........................................................................................
.........................................................................................................
2. ชื่อผู้ทาโครงงาน
.........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................
3. รายงานผลครั้งที่ 1........................................................................
......................................................................................................
.........................................................................................................
.......................................................................................................
......................................................................................................
.......................................................................................................
......................................................................................................
.......................................................................................................
.........................................................................................................
4. วัน เดือน ปี ที่รายงาน......................................................................
ลงชื่อ...................................................ครูผู้ตรวจบันทึกผล
วัน/เดือน/ปีที่ตรวจ.............................................................
แบบฝึกย่อยที่ 2
คำชี้แจง ; ให้นักเรียนวิเคราะห์และอภิปรายผลที่ได้จากการปฏิบัติการทดลอง
วิเครำะห์ผล
;…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
อภิปรำยผล
;…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
แบบฝึกย่อยที่ 3
คำชี้แจง ;ให้นักเรียนเขียนสรุปและข้อเสนอแนะของผลการทดลอง
สรุปผลกำรทดลอง
;…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะจำกผลกำรทดลอง
;…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
แบบทดสอบ เรื่อง การลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์
คาชี้แจง; ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง
ที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นการจัดทาในสิ่งใด ?
ก. การตั้งปัญหา ข. การตั้งสมมติฐาน
ค. การกาหนดและควบคุมตัวแปร ง. การลงมือดาเนินการทดลองหรือสารวจ
2. การวิเคราะห์ผลการทดลองหมายถึงข้อใด ?
ก. การนาเสนอข้อมูลที่ค้นพบ
ข. การอภิปรายความหมายของข้อมูล
ค. การสรุปผลของข้อมูลที่ได้จากการทดลอง
ง. การนาเสนอข้อมูลมาจัดกระทาใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น
3. การนาเสนอข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วเขียนให้สัมพันธ์กับหลักการหรือทฤษฎีหรือผลงานของผู้อื่นที่ศึกษาไว้แล้ว
เรียกว่าอะไร ?
ก.การทดลอง ข. การสรุปผลการทดลอง
ค. การอภิปรายผลการทดลอง ง. การวิเคราะห์ข้อมูล
4. การนาผลการทดลองมาจัดกระทาใหม่ ให้เข้าใจง่ายขึ้น เป็นทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ในข้อใด ?
ก. ทักษะการสังเกต ข. ทักษะการทดลอง
ค. ทักษะการพยากรณ์ ง. ทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล
5. ข้อใด ไม่ใช่ขั้นตอนการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ?
ก. การวิเคราะห์ข้อมูล ข. การเขียนรายงาน
ค. สรุปผลการทดลอง ง. การแปรผลข้อมูล
6. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติในขั้นตอนการทาโครงงาน
ก. ขอคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษา ข. เปลี่ยนหัวข้อโครงงานเมื่อทาไม่ได้.
ค. จดบันทึกปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ง. ทางานด้วยความประหยัดและปลอดภัย
7. โครงงานลักษณะใดไม่ควรทา
ก. โครงงานใช้เวลาทาน้อย ข. โครงงานที่มีแหล่งข้อมูลมาก
ค. โครงงานที่ขัดต่อค่านิยมของชาวบ้าน. ง. โครงงานประยุกต์ใช้ทฤษฎีขั้นพื้นฐาน
8. ขั้นตอนการทาโครงงานข้อใดเรียงลาดับถูกต้อง
ก. การคิดและการเลือกหัวเรื่อง การวางแผน การดาเนินงาน การเขียนรายงาน การนาเสนอ
ข. การคิดและการเลือกหัวเรื่อง การวางแผน การเขียนรายงาน การดาเนินงาน การนาเสนอ
ค. การวางแผน การคิดและการเลือกหัวเรื่อง การดาเนินงาน การเขียนรายงาน การนาเสนอ
ง. การวางแผน การคิดและการเลือกหัวเรื่อง การเขียนรายงาน การดาเนินงาน การนาเสนอ
9. “ต้องการศึกษาสิ่งใดและเหตุใดจึงต้องศึกษาสิ่งนั้น” เป็นสิ่งสาคัญในขั้นตอนใดของการทาโครงงาน
ก. การศึกษาค้นคว้า ข. การเขียนรายงาน
ค. การคัดเลือกหัวข้อโครงงาน. ง. การจัดทาเค้าโครงของโครงงาน
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
บทเรียนที่ 5 เรื่อง การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน
ได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
ประกอบด้วย
แบบฝึกย่อยที่ 1 หลักการและรูปแบบการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
แบบฝึกย่อยที่ 2 การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
จุดประสงค์
1. บอกหลักการและรูปแบบการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
2. เขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ได้จัดทาให้สมบูรณ์และถูกต้องได้
การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
การเขียนรายงานโครงงาน ควรจะใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย ชัดเจน สั้น ๆและตรงไปตรงมา โดยให้
ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน
ชื่อโครงงานเป็นสิ่งสาคัญประการแรก เพราะชื่อโครงการจะช่วยโยงความคิดไปถึงวัตถุประสงค์ของ
การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ และควรกาหนดชื่อโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักด้วยการตั้งชื่อ
โครงงานของนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา นิยมตั้งชื่อให้มีความกะทัดรัดและดึงดูดความ
สนใจจากผู้อ่าน ผู้ฟัง แต่สิ่งที่ควรคานึงถึง คือ ผู้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ต้องเข้าใจปัญหาที่สนใจศึกษา
อย่างแท้จริง อันจะนาไปสู่การเข้าใจวัตถุประสงค์ของการศึกษาอย่างแท้จริงด้วย เช่น โครงงาน
วิทยาศาสตร์ ชื่อ “ถุงพลาสติกพิชิตแมลงวันตัวน้อย” ซึ่งปัญหาเรื่องที่สนใจศึกษาคือถุงน้าพลาสติก
สามารถไล่แมลงวันที่มาตอมอาหารได้จริงหรือ จากเรื่องดังกล่าวผู้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ บางคนหรือ
บางคณะอาจสนใจตั้งชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ ว่า “การศึกษาการไล่แมลงวันด้วยถุงน้า
พลาสติก” หรือ “ผลการใช้ถุงน้าพลาสติกต่อการไล่แมลงวัน” ก็เป็นได้
2. ชื่อผู้ทาโครงงาน
การเขียนชื่อผู้รับผิดชอบโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งดีเพื่อจะได้ทราบว่าโครงงานนั้นอยู่ในความ
รับผิดชอบของใครและสามารถติดตามได้ที่ใด
3. ชื่อครูที่ปรึกษา
การเขียนชื่อผู้ให้คาปรึกษาควรให้เกียรติยกย่องและเผยแพร่ รวมทั้งขอบคุณที่ได้ให้คาแนะนาการทา
โครงงานวิทยาศาสตร์จนบรรลุเป้าหมาย
4. บทคัดย่อ
อธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีดาเนินการและผลที่ได้
ตลอดจนข้อสรุปต่าง ๆ อย่างย่อ ๆ ประมาณ 300-350 คา
5. คาขอบคุณ (กิตติกรรมประกาศ)
โครงงานส่วนใหญ่มักจะเป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ดังนั้นเพื่อเป็น
การเสริมสร้างบรรยากาศของความร่วมมือ จึงควรได้กล่าวขอบคุณบุคลากรหรือหน่วยงานต่าง ๆที่มี
ส่วนช่วยให้โครงงานนี้สาเร็จด้วยดี
6. ที่มาและความสาคัญ
อธิบายว่าเหตุใด จึงเลือกทาโครงงานนี้ มีความสาคัญอย่างไร มีหลักการหรือทฤษฎีอะไรที่
เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นเคยศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร ขยายผลเพิ่มเติม
ปรับปรุงจากเรื่องที่ผู้อื่นทาไว้อย่างไร หรือเป็นการทาซ้าเพื่อตรวจสอบผล
7. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
วัตถุประสงค์ คือ กาหนดจุดมุ่งหมายปลายทางที่ต้องการให้เกิดจากการทาโครงงาน
วิทยาศาสตร์ ในการเขียนวัตถุประสงค์ ต้องเขียนให้ชัดเจน อ่านเข้าใจง่ายสอดคล้องกับชื่อโครงงาน
หากมีวัตถุประสงค์หลายประเด็น ให้ระบุเป็นข้อ ๆ การเขียนวัตถุประสงค์มีความสาคัญต่อแนวทาง
การศึกษา ตลอดจนข้อความรู้ที่ค้นพบหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ค้นพบนั้นจะมีความสมบูรณ์ครบถ้วน
คือ ต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทุก ๆ ข้อ
8. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า(ถ้ามี)
สมมติฐานของการศึกษา เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้ทาโครงงาน ต้องให้
ความสาคัญ เพราะจะทาให้เป็นการกาหนดแนวทางในการออกแบบการทดลองได้ชัดเจนและรอบคอบ ซึ่ง
สมมติฐานก็คือ การคาดคะเนคาตอบของปัญหาอย่างมีหลักและเหตุผล ตามหลักการ ทฤษฎี รวมทั้งผล
การศึกษาของโครงงานที่ได้ทามาแล้ว
9. ขอบเขตของการทาโครงงาน
ผู้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ต้องให้ความสาคัญต่อการกาหนดขอบเขตการทาโครงงานเพื่อให้ได้ผล
การศึกษาที่น่าเชื่อถือ ซึ่งได้แก่ การกาหนดประชากร กลุ่มตัวอย่าง ตลอดจนตัวแปรที่ศึกษา
1. การกาหนดประชากร และกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ การกาหนดประชากรที่ศึกษาอาจเป็น
คนหรือสัตว์หรือพืช ชื่อใด กลุ่มใด ประเภทใด อยู่ที่ไหน เมื่อเวลาใด รวมทั้งกาหนดกลุ่มตัวอย่างที่มี
ขนาดเหมาะสมเป็นตัวแทนของประชากรที่สนใจศึกษา
2. ตัวแปรที่ศึกษา การศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์ ส่วนมากมักเป็นการศึกษาความสัมพันธ์
เชิงเหตุและผล หรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวแปรขึ้นไป การบอกชนิดของตัวแปรอย่าง
ถูกต้องและชัดเจน รวมทั้งการควบคุมตัวแปรที่ไม่สนใจศึกษา เป็นทักษะกระบวนการ ทาง
วิทยาศาสตร์ที่ผู้ทาโครงงานต้องเข้าใจ ตัวแปรใดที่ศึกษาเป็นตัวแปรต้น ตัวแปรใดที่ศึกษาเป็นตัวแปร
ตาม และตัวแปรใดบ้างเป็นตัวแปรที่ต้องควบคุมเพื่อเป็นแนวทางการออกแบบการทดลอง ตลอดจนมี
ผลต่อการเขียนรายงานการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง สื่อความหมายให้ผู้ฟังและผู้อ่านให้
เข้าใจตรงกัน
10. นิยามเชิงปฏิบัติการ
นิยามทั่ว ๆ ไป เป็นการให้ความหมายของคาหรือข้อความอย่างกว้าง ๆ
นิยามเชิงปฏิบัติการเป็นนิยามที่ผู้ทาการทดลองกาหนดความหมายและขอบเขตของคาหรือข้อความ
ต่าง ๆ หรือตัวแปรต้นกับตัวแปรตามที่อยู่ในสมมติฐานให้เข้าใจตรงกัน และสามารถสังเกตหรือวัดได้ โดยการ
บรรยายในเชิงรูปธรรม
หลักสาคัญในการกาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ คือ จะต้องกาหนดนิยามให้ครอบคลุมว่า
• ต้องทาความสามารถอะไร
• ต้องปฏิบัติอย่างไร
• จะสังเกตอะไรจากการทดลองหรือสารวจ
ตัวอย่าง การให้นิยามของก๊าซออกซิเจน
นิยามทั่ว ๆ ไป : ออกซิเจนเป็นก๊าซที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 8 และมวลอะตอมเท่ากับ 16 ( ทุกคนเข้าใจ
ตรงกันแต่สังเกตและวัดไม่ได้ )
นิยามเชิงปฏิบัติการ : ออกซิเจนเป็นก๊าซที่ช่วยในการติดไฟ เมื่อนาก้อนถ่านที่คุแดงแหย่ลงไปในก๊าซ
นั้นแล้ว ก้อนถ่านจะลุกเป็นเปลวไฟ ( ทุกคนเข้าใจตรงกัน สังเกตและวัดได้ )
11. วิธีดาเนินการ
วิธีดาเนินการ หมายถึง วิธีการที่ช่วยให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการทาโครงงาน ตั้งแต่เริ่มเสนอ
โครงการกระทั่งสิ้นสุดโครงการ ซึ่งประกอบด้วย
1. การกาหนดประชากร กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา
2. การสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
4. การวิเคราะห์ข้อมูล
ในการเขียนวิธีดาเนินการให้ระบุกิจกรรมที่ต้องทาให้ชัดเจนว่าจะทาอะไรบ้าง เรียงลาดับกิจกรรมก่อน
และหลังให้ชัดเจน เพื่อสามารถนาโครงการไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง
12. ผลการทดลอง
นาเสนอข้อมูลหรือผลการทดลองต่าง ๆที่สังเกตรวบรวมได้ รวมทั้งเสนอผลการวิเคราะห์
ข้อมูลที่วิเคราะห์ไว้ด้วย
13. สรุปและอภิปรายผล ข้อเสนอแนะ
อธิบายผลสรุปที่ได้จากการทาโครงงาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐาน ควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้
สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือยังสรุปไม่ได้ และควรกล่าวถึงการนาผลการทดลองไปใช้
ประโยชน์ อุปสรรคของการทาโครงงานหรือข้อสังเกตที่สาคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจาก
การทาโครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไข หากมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทานองนี้ต่อไป
ในอนาคต
14. เอกสารอ้างอิง
หนังสือหรือเอกสารต่าง ๆที่ผู้ทาโครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาหาข้อมูลและรายละเอียด
ต่าง ๆที่นามาใช้ประโยชน์ในการทาโครงงานนี้
(การเขียนรายงานดังกล่าวข้างต้น อาจแบ่งออกได้ 3 ส่วนดังนี้ 1. ส่วนนา 2. ส่วนเนื้อหา 3. ส่วนอ้างอิง
แบบฝึกย่อยที่ 1
คำชี้แจง ;ให้นักเรียนบอกหลักการและหัวข้อการเขียนรายงานโครงงานให้ครบถ้วน
แบบฝึกย่อยที่ 2
คำชี้แจง ;ให้นักเรียนเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ที่ได้จัดทาให้สมบูรณ์และถูกต้องได้
แบบทดสอบ เรื่อง การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
คาชี้แจง;ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง
ที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การเขียนบทคัดย่อหมายถึงข้อใด ?
ก. การย่อบทความ ข. การเขียนย่อความ ค. การเขียนอธิบาย ง. การเขียนที่มา
2. การเขียนบทคัดย่อไม่ควรเกินกี่คา ?
ก. 350 คา ข. 400 คา ค. 450 คา ง. 500 คา
3. การเขียนบทคัดย่อ ควรจะเขียนเมื่อไร ?
ก.เมื่อเริ่มต้นตั้งปัญหา ข. เมื่อตั้งสมมติฐาน ค. เมื่อทดลองเสร็จ ง. เมื่อเขียนรายงานเสร็จ
4. การเขียนรายงานโครงงานหมายถึงข้อใด?
ก. การเขียนอภิปรายผลการทดลอง
ข. การเขียนสื่อความหมายที่มีประสิทธิภาพให้คนอื่นเข้าใย
ค. การอภิปรายผลและเขียนข้อมูลของตนเอง ให้คนอื่นทราบ
ง. การวิเคราะห์ข้อมูลและเขียนบทสรุปให้คนอื่นทราบ
5. ข้อใด กล่าวถูกต้องในการเขียนรายงานโครงงาน ?
ก. ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ข. เขียนให้ถูกต้องชัดเจน ค. เขียนให้ครอบคลุมทุกหัวข้อ ง. ถูกทุกข้อ
6. หลักการเขียนบทคัดย่อ ควรเขียนอย่างไร ?
ก. เขียนเป็นข้อ ๆ ข. เขียนเป็นตอนๆไป
ค. เขียนถึงข้อดีข้อเสียของโครงงาน ง. เขียนย่อๆตั้งแต่ปัญหาถึงสรุปผลให้สอดคล้องกันไป
7. ข้อใดคือการเรียงลาดับหัวข้อที่จะเขียนรายงานที่ถูกต้อง?
ก. ชื่อเรื่อง, วัตถุประสงค์, สมมติฐาน, วิธีดาเนินการทดลอง
ข. ชื่อเรื่อง, ที่มาของโครงงาน, วัตถุประสงค์, สมมติฐาน
ค. ที่มาของโครงงาน, สมมติฐาน, วัตถุประสงค์, บทคัดย่อ
ง. ชื่อผู้ทาโครงงาน, ที่มาของโครงงาน, วิธีดาเนินการ,วัตถุประสงค์
8. การเขียนรายงาน แตกต่างจากการเขียนเค้าโครงอย่างไร ?
ก. การเขียนรายงานต้องมีการเขียนขอบคุณ แต่การเขียนเค้าโครง ไม่ต้องเขียนขอบคุณ
ข. การเขียนรายงานไม่ต้องมีบทคัดย่อ แต่การเขียนเค้าโครงต้องเขียนบทคัดย่อ
ค. การเขียนรายงานไม่ต้องมีข้อสรุป ข้อเสนอแนะแต่การเขียนเค้าโครงของโครงงานต้องมีข้อสรุป
ง. การเขียนรายงานไม่ต้องอ้างอิงเอกสาร แต่ต้องมีการอ้างอิงในการเขียนเค้าโครงของโครงงาน
6. การเขียนรายงานโครงงานควรใช้ภาษาเขียนแบบใด
ก. การเขียนโครงงานควรใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจง่ายและตรงประเด็น
ข. การเขียนโครงงานควรใช้ภาษาแบบเป็นกันเองตามความเข้าใจของผู้จัดทา
ค. การเขียนโครงงานควรใช้ทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษาเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้อ่านติดตาม
ง. การเขียนโครงงานควรใช้ทั้งรูปภาพและวัสดุจริงมาเป็นส่วนประกอบของการเขียนรายงาน
7. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการเรียบเรียงรายงาน
ก. เรียบเรียงข้อมูลตามความสนใจอะไรมาก่อนก็ได้ทาตามสิ่งที่วางไว้
ข. สาคัญที่สุดคือต้องคัดลอกผลงานผู้อื่นมาเรียงเป็นผลงานของตัวเองต้องขอบคุณเขาด้วย
ค. เมื่อจาเป็นต้องคัดลอกข้อความหรือนาข้อมูลของผู้อื่นมาอ้างอิงต้องบอกให้ชัดเจนนามาจากไหน
ง. การเรียบเรียงเขียนรายงานควรใช้สานวนภาษาของตนเองให้มากที่สุดและควรมีผู้ตรวจสอบการใช้ภาษา
***********************************************
บทเรียนที่ 6 การนาเสนอและการประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์
คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน ได้
ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
ประกอบด้วย
แบบฝึกย่อยที่ 1 เกณฑ์การประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์
แบบฝึกย่อยที่ 2 วิธีการนาเสนองาน
แบบฝึกย่อยที่ 3 การจัดแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์
จุดประสงค์
1. บอกเกณฑ์ประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
2. บอกวิธีการนาเสนอผลงานได้
3. จัดแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
การประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์
การประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ จาเป็นและมีความสาคัญอีกกิจกรรมหนึ่งในกระบวนการจัด
แสดงโครงงานของนักเรียน ตามปกติครูผู้สอนจะเป็นผู้ประเมินโครงงานโดยกาหนดเกณฑ์การพิจารณา 5 ด้าน
ดังนี้
1. ความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะทา โดยพิจารณาจาก
1.1 การใช้ศัพท์เทคนิควิทยาศาสตร์ถูกต้องเหมาะสม
1.2 การใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ถูกต้องเหมาะสม
1.3 มีความเข้าใจในหลักการสาคัญ ๆของเรื่องที่ทา
1.4 การได้รับความรู้เพิ่มเติมจากการทา.โครงงานนอกเหนือจากที่เรียนหลักสูตรปกติ
2. การใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ที่ใช้แก้ปัญหาทางด้านการศึกษา โดยพิจารณาจาก
2.1 การสังเกตที่นามาสู่ปัญหา
2.2 มีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลหรือข้อเท็จจริงต่าง ๆเพื่อเป็นพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องที่กาลังศึกษา
เหมาะสมและตั้งสมมติฐานที่ถูกต้องชัดเจน
2.3 การออกแบบการทดลองหรือการประดิษฐ์มีความสอดคล้องกับปัญหาหรือสมมติฐานเพียงใด
2.4 การวัดและการควบคุมตัวแปร ต่าง ๆกระทาได้ครบ ถูกต้อง อุปกรณ์และเครื่องมือที่เลือกใช้
เหมาะสมกับการรวบรวมข้อมูล กระทาได้ละเอียดถูกต้อง ตรงจุดประสงค์ที่ต้องการศึกษา การบันทึกข้อมูลมี
ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเหมาะสม
2.5 การแปรความหมายและการสรุปผลมีความสอดคล้องกับผลงานที่ได้มากน้อยเพียงใด
3. ความคิดสร้างสรรค์ โดยพิจารณาจาก
3.1 ปัญหาหรือเรื่องที่ทามีความสาคัญและมีความแปลกใหม่เพียงใด
3.2 ได้มีการดัดแปลงหรือเพิ่มเติมแนวความคิดที่แปลกใหม่ลงไปในโครงงานที่ทามากน้อยเพียงใด
3.3 มีการคิดและใช้วิธีการที่แปลกใหม่ ในการควบคุมหรือวัดตัวแปร เก็บรวบรวมข้อมูล มากน้อย
เพียงใด
3.4 การเลือกและนาวัสดุอุปกรณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์
3.5 ความสามารถในการเสนอแนะและประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
4. การเขียนรายงาน และการจัดแสดงโครงงาน โดยพิจารณาจาก
4.1 ความถูกต้องของแบบฟอร์มควบคุมหัวข้อที่สาคัญแบ่งเป็นแต่ละหัวข้อชัดเจน
4.2 เสนอสาระในแต่ละหัวข้อ ถูกต้อง ชัดเจน รัดกุม สละสลวย
4.3 การแสดงหลักฐาน การบันทึกข้อมูลอย่างเพียงพอ ต่อเนื่องและเป็นระเบียบ
4.4 การออกแบบการนาเสนอข้อมูล ชัดเจน รัดกุมและเหมาะสม
4.5 การอภิปรายอย่างมีเหตุผล
4.6 จัดแสดงโครงงานได้น่าสนใจ ออกแบบและติดตั้งได้สวยงาม
4.7 การเขียนคาอธิบายในแผ่นโปสเตอร์ชัดเจน เข้าใจง่าย
4.8 การจัดแสดงวัสดุอุปกรณ์ครบถ้วน
4.9 การอภิปรายชัดเจนและใช้ภาษาได้ถูกต้อง
4.10 การตอบคาถามถูกต้องและคล่องแคล่ว
ตัวอย่ำงแบบประเมินโครงงำน
1.ชื่อโครงงาน.......................................................................................................... 2.กลุ่มที่.....................
ชื่อ......................................................................................................................................................................
การประเมินโครงงาน มีหลักเกณฑ์การประเมินดังนี้
รำยกำรประเมิน คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ หมำยเหตุ
1. รำยงำนโครงงำน
1.1 รูปเล่มรายงานมีส่วนประกอบ
ครบถ้วน
1.2 เสร็จตามเวลาที่กาหนด
(5)
3
2
…………….
……………
2. ควำมสำคัญของโครงงำน
2.1 ความน่าสนใจ
2.2 ประโยชน์ การนาไปใช้
(5)
2
3
……………
……………
3. กำรดำเนินกำร
3.1 การวางแผน/เตรียมการ
3.2 สอดคล้องกับบทเรียน
3.3 เหมาะสมกับวัยของนักเรียน
3.4 สอดคล้องกับจุดประสงค์โครงงาน
3.5 ความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่ม
(10)
2
2
2
2
2
……………..
……………
……………..
………………………….
4. เนื้อหำ
4.1 การรวบรวมข้อมูล
4.2 การสรุปข้อมูลเป็นองค์ความรู้
(10)
5
5
…………..
……………
5. กำรนำเสนอ
5.1 การใช้ภาษาในการนาเสนอ
5.2 การสื่อความหมายให้เข้าใจ
(5)
5
5
…………..
……………
รวม 40 …………..
ลงชื่อ................................................ผู้ประเมิน
(............................................................................)
วันที่.............เดือน...........................พ.ศ........................
กำรนำเสนอผลงำนและกำรจัดแสดงโครงงำนวิทยำศำสตร์
การแสดงผลงานอาจทาได้หลายรูปแบบ เช่น การแสดงในรูปนิทรรศการซึ่งมีทั้งการจัดแสดงและ
การอธิบายด้วยคาพูด หรือในรูปแบบของการจัดแสดงโดยไม่มีการอธิบายประกอบ หรือในรูปแบบการ
รายงานปากเปล่า มี Power point ประกอบด้วยก็ได้ ไม่ว่าจะแสดงผลงานในรูปแบบใด ควรแนะนานักเรียน
ให้จัดทาครอบคลุมประเด็นสาคัญดังต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน ชื่อผู้ทาโครงงานชื่อครูที่ปรึกษา
2. ที่มาและความสาคัญ อธิบายถึงเหตุจูงใจในการทาโครงงานและคาสาคัญของโครงงาน
3. วิธีการดาเนินการ โดยเลือกเฉพาะขั้นตอนที่เด่นและสาคัญ
4. ผลการทดลอง การสาธิตหรือแสดงผลที่ได้จากการทดลอง
5. สรุปและอภิปรายผล ผลการสังเกตและข้อมูลต่าง ๆที่ได้จากการทาโครงงาน
ในการจัดนิทรรศการโครงงาน ควรคานึงถึงสิ่งต่าง ๆต่อไปนี้
1. ความปลอดภัยของการจัดแสดง
2. ความเหมาะสมกับเนื้อที่ที่จัดแสดง
3. คาอธิบายที่เขียนแสดง ควรเน้นเฉพาะประเด็นสาคัญและสิ่งที่น่าสนใจเท่านั้น โดยใช้ข้อความ
กะทัดรัด ชัดเจน และเข้าใจง่าย
4. ดึงดูดความสนใจ ของผู้เข้าชม โดยใช้รูปแบบการแสดงที่น่าสนใจ ใช้สีที่สดใสเน้นจุดสาคัญ
หรือใช้วัสดุต่างประเภทในการแสดง
5. ใช้ตารางและรูปภาพประกอบ โดยจัดวางอย่างเหมาะสม
6. สิ่งที่แสดงทุกอย่างและการเขียนข้อความต้องถูกต้อง ไม่มีการสะกดผิด หรืออธิบายหลักการผิด
7. ในกรณีที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ สิ่งนั้นควรอยู่ในสภาพที่ทางานได้อย่างสมบูรณ์
ในการแสดงผลงาน ถ้าผู้นาผลงานมาแสดง จะต้องอธิบายหรือรายงานปากเปล่าหรือตอบ
คาถามต่าง ๆ ต่อผู้ชมหรือต่อกรรมการตัดสินโครงงาน การอธิบายตอบคาถามหรือรายงานปากเปล่า
นั้น ควรคานึงถึงสิ่งต่าง ๆต่อไปนี้
1. ต้องทาความเข้าใจกับเรื่องที่จะอธิบายเป็นอย่างดี
2. คานึงถึงความเหมาะสมของภาษาที่ใช้กับระดับผู้ฟัง ควรให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย
3. ควรรายงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม
4. พยายามหลีกเลี่ยงการอ่านรายงาน แต่อาจจะดูหัวข้อสาคัญ ๆไว้เพื่อการรายงานเป็นไปตาม
ขั้นตอน
5. อย่างท่องจารายงาน เพราะจะทาให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ
6. ขณะรายงานควรมองตรงไปยังผู้ฟัง
7. เตรียมตัวตอบคาถามที่เกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ
8. ตอบคาถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่จาเป็นต้องกล่าวถึงสิ่งที่ไม่ได้ถาม
9. หากติดขัดในการอธิบาย ควรยอมรับโดยดี อย่ากลบเกลื่อนหรือหาทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น
10. ควรรายงานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กาหนด
11. ควรใช้สื่อประเภทโสตทัศนูปกรณ์ ประกอบการรายงานด้วย เช่นแผ่นโปร่งใสหรือสไลด์
เป็นต้น
แบบฝึกย่อยที่ 1
คำชี้แจง ;ให้นักเรียนศึกษาจากใบความรู้ แล้วช่วยกันบอกเกณฑ์ในการประเมินผลโครงงาน
แบบฝึกย่อยที่ 2
คำชี้แจง ;ให้นักเรียนศึกษาจากใบความรู้แล้วช่วยกันบอกวิธีการนาเสนอผลงาน
แบบฝึกย่อยที่ 3
คำชี้แจง ;ให้นักเรียนจัดแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ต่อครูและเพื่อน ๆ
แบบทดสอบ เรื่อง การนาเสนอและการประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์
คาชี้แจง;ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง
ที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การนาเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ ส่วนมากนาเสนอในรูปแบบใด ?
ก. การอธิบายด้วยคาพูด ข. การรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม
ค. การจัดนิทรรศการและรายงานปากเปล่า ง. การเขียนรายงานโครงงานและประชาสัมพันธ์ให้ทราบ
2. สิ่งที่จาเป็นอย่างยิ่งในการนาเสนอผลงานคือข้อใด ?
ก. จุดประสงค์ ทฤษฎี วิธีดาเนินการ สรุปผล
ข. แนวคิด วิธีการทดลอง ทฤษฎี สรุปผล
ค. แนวคิด วิธีดาเนินการ ผลการทดลอง สรุปผล
ง. แนวคิด ภาพกิจกรรม ผลการทดลอง กราฟ
3. ข้อใดไม่ใช่เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ ?
ก.ความรู้ความเข้าใจ ข. วิธีการทางวิทยาศาสตร์
ค. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ง. ความสามารถในการพูด
4. เกณฑ์การพิจารณาด้านความคิดสร้างสรรค์พิจารณาจากข้อใด?
ก. ปัญหามีความสาคัญ แปลกใหม่ ข. ใช้วิธีการที่แปลกใหม่ ๆ ในการควบคุมตัวแปร
ค. นาวัสดุอุปกรณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ง. ถูกทุกข้อ
5. ใครเป็นผู้ประเมินโครงงาน ?
ก. ครู ข. เพื่อน ค. ผู้ปกครอง ง. ถูกทุกข้อ
6. การแสดงผลงานของโครงงานวิทยาศาสตร์ไม่ควรเป็นรูปแบบใด
ก. โปสเตอร์ในงานประชุมวิชาการ ข. การถ่ายทอดเทคโนโลยีออกสู่ชนบท
ค. การบรรยายในที่ประชุมสัมมนาทางวิชาการ ง. การลอกเลียนแบบเพื่อนาไปเป็นผลงานของตน
7. ข้อใดเป็นจุดประสงค์หลักของการนาเสนอและเผยแพร่โครงงาน
ก. เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเลียนแบบโครงงานของตน
ข. เพื่อเป็นเกียรติต่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ค. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์เกี่ยวกับการทาโครงงาน
ง. เพื่อให้ผู้อื่นนาโครงงานดังกล่าวไปพัฒนาและใช้ในชีวิตประจาวัน
8. การเขียนรายงานมีประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างไร
ก. เพื่อเป็นการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ข. เพื่อให้คนรุ่นหลังไว้ได้ศึกษา
ค. เพื่อเป็นการรวบรวมและสรุปผล ง. เพื่อพัฒนาการทาโครงงานในครั้งต่อไป
9. ข้อใดคือขั้นตอนแรกของการทาโครงงาน
ก. การเลือกหัวข้อโครงงาน ข. การจัดทารายงาน
ค. การนาเสนอ ง. การศึกษาหาข้อมูล
10. แหล่งข้อมูลจากที่ใดที่มีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด
ก. หนังสือ วารสารที่เกี่ยวข้อง ข. อินเทอร์เน็ต
ค. ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้ ง. อาจารย์ที่ปรึกษา
ภาคผนวกท้ายเล่มเอกสารประกอบการเรียนรู้
รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ 2 รหัสวิชา ว 30293
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สาขาวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์
โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
โครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืช
เรื่อง การศึกษาผลของฮอร์โมน.............(ชื่อฮอร์โมน).........ที่มีต่อ.....(ส่วนของพืชที่นักเรียนศึกษา).........
ของ...............(ชื่อพืชที่นักเรียนเลือกศึกษา)..........
นำเสนอครูผู้สอน
นำยวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ตำแหน่งครู คศ.1 สำขำชีววิทยำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์
สมำชิกโครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืช
1. …………………(ชื่อ นำมสกุล เลขที่)...................................
2. …………………(ชื่อ นำมสกุล เลขที่)...................................
3. …………………(ชื่อ นำมสกุล เลขที่)...................................
4. …………………(ชื่อ นำมสกุล เลขที่)...................................
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 6 ห้อง …………….
สำยกำรเรียนวิทยำศำสตร์ – คณิตศำสตร์
โครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืชนี้เป็นส่วนหนึ่งของรำยวิชำชีววิทยำ 5 (ว 30245)
ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2560
รูปสมาชิกโครงงานทั้งหมดหรือภาพกระบวนการทาโครงงานของนักเรียน
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษำ
บทคัดย่อ
กล้อง โทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายภาพนิ่งในปัจจุบันนั้น มีความคมชัดมากขึ้น ราคาถูกลง และ
สามารถพกพาได้ง่าย แต่ภาพที่ได้จากกล้องมีคุณภาพต่าเกินไปที่จะใช้กับโปรแกรมรู้จาตัวอักษร
(OCR) เนื่องจากสภาวะแสงในการถ่ายภาพ โฟกัสของกล้อง เงา และปัจจัยอื่นๆ
จากการสังเกตลักษณะเฉพาะของภาพเอกสารจากสแกนเนอร์ ผมจึงได้นาเสนอวิธีการ Binarization
ใหม่ซึ่งใช้การแบ่งบริเวณภาพเป็นส่วนย่อยเพื่อให้ความซับซ้อนในแต่ละบริเวณของภาพลดน้อยลง โดยใช้
ค่า Skewness Coefficient เป็นเกณฑ์ หลังจากนั้นบริเวณที่ไม่มีตัวอักษรจะถูกแยกออกไปโดยใช้วิธี
Difference of Gaussian ส่วนบริเวณที่เหลืออยู่จะถูก Threshold ด้วยวิธีการของ Otsu ซึ่งถูกปรับปรุงให้
สามารถทางานกับภาพที่มีตัวอักษรสีเข้มบนพื้นสีอ่อนได้ดีเช่นเดียวกับภาพที่มีตัวอักษรสีอ่อนบนพื้นสีเข้ม
วิธีการที่นาเสนอนี้ได้ถูกนาไปใช้เปรียบเทียบกับวิธีการอื่นๆ ได้แก่ วิธีการของ Hui-Fuang, Niblack, และ
Sauvola โดยภาพเอกสารถูกบันทึกด้วยกล้องดิจิตอลที่ความละเอียด 72 และ 120 dpi ขนาด 1600x1200
pixel โฟกัสสั้น
จากการทดลองพบว่า ค่าความผิดพลาดจากการรู้จาตัวอักษรเฉลี่ยของวิธีการที่ได้นาเสนอนี้มีค่า
เท่ากับ 14.59% ซึ่งสูงกว่าวิธีการของ Sauvola ที่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทดลองเพียง 4.92% แต่วิธีการที่ได้
พัฒนาขึ้นนี้สามารถทางานได้เร็วกว่าและใช้งานง่ายกว่า เนื่องจากไม่จาเป็นต้องให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลใดๆ เพื่อ
ประมวลผล
(ปรับตามความเหมาะสมกับโครงงานของนักเรียนนะครับ)
กิตติกรรมประกำศ
โครงงานเรื่อง เจลล้างมือกลิ่นสมุนไพร “AROMA THERAPY HAND GEL” จะสาเร็จลุล่วงไม่ได้
ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้อานวยการโรงเรียนอานาจเจริญ นายจักรทิพย์ กีฬา นางลาวัณย์ นพพิบูลย์
ครูประจาวิชา ที่ช่วยให้คาปรึกษา ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงงาน ตลอดจนเอื้อเฟื้อสถานที่ และ
ออกแบบผลงาน นายสุดใจ สุวรรณหาญ ที่ช่วยอนุเคราะห์อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการทดลอง นาย
สมใจ หมายมั่น และธนวรรต ปรัสพันธ์ ที่ช่วยให้คาปรึกษาและอานวยความสะดวกในการทดลอง
ขอขอบคุณผู้ปกครอง ครูโรงเรียนอานาจเจริญ และชุมชนที่ให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ และให้
กาลังใจตลอดมา
คณะผู้จัดทาโครงงานขอขอบคุณท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ณ โอกาสนี้
คณะผู้จัดทา
(ปรับตามความเหมาะสมกับโครงงานของนักเรียนนะครับ)
สำรบัญ
หน้า
บทที่ 1 บทนา
.
.
บทที่ 2
.
.
บทที่ 3
.
.
บทที่ 4
.
.
บทที่ 5
.
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
บทที่ 1 บทนำ
ชื่อโครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืช
เรื่อง การศึกษาผลของฮอร์โมน.............(ชื่อฮอร์โมน).........ที่มีต่อ.....(ส่วนของพืชที่นักเรียน
ศึกษา).........ของ...............(ชื่อพืชที่นักเรียนเลือกศึกษา)..........
สมำชิกโครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืช
1. …………………(ชื่อ นามสกุล เลขที่)...................................
2. …………………(ชื่อ นามสกุล เลขที่)...................................
3. …………………(ชื่อ นามสกุล เลขที่)...................................
4. …………………(ชื่อ นามสกุล เลขที่)...................................
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง …………….
สายการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
อำจำรย์ผู้สอน
นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ครู คศ.1 สาขาวิชาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ที่มำและควำมสำคัญ
เนื่องจาก .......................... (ให้บรรยายเกี่ยวกับความสาคัญของพืชที่นักเรียนเลือกมาศึกษามี
อะไรบ้าง เช่น ทางเศรษฐกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเราในปัจจุบัน)................................ นอกจากนี้
..............................................(ให้บรรยายเกี่ยวกับความสาคัญของฮอร์โมนพืชที่นักเรียนเลือกมาศึกษา
เป้าหมายในการศึกษา ส่วนของพืชที่ใช้ในการทดลองมีความสาคัญและมีความสัมพันธ์กับอิทธิพลของ
ฮอร์โมนที่เลือกมาใช้อย่างไร)...............................................
คณะผู้รับผิดชอบโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืช จึงมีความสนใจที่จะศึกษาผลของฮอร์โมน
.............(ชื่อฮอร์โมน).........ที่มีต่อ.....(ส่วนของพืชที่นักเรียนศึกษา).........ของ...............(ชื่อพืชที่นักเรียน
เลือกศึกษา).......... โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ..................................................................... คณะผู้รับผิดชอบ
โครงงานการทดลองฮอร์โมนพืชมีความมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลที่ได้จะมีประโยชน์ต่อ
................................................................................ในอนาคตต่อไป
คำถำมกำรทำโครงงำน
สารละลายฮอร์โมน.......... (ชื่อฮอร์โมน).....ที่ความเข้มข้นใดจะส่งผลให้...........(ชื่อพืช)................มี
................(ส่วนของพืชที่ศึกษา)...................มากที่สุด
สมมติฐำนกำรทดลอง
ถ้าฮอร์โมน.......... (ชื่อฮอร์โมน).....ที่ความเข้มข้น........(คาดว่าจะดีสุด)...........มีผลต่อ....(ส่วนของพืช
ที่ศึกษา)............เจริญดีที่สุด ดังนั้น สารละลายฮอร์โมน ..........(ชื่อฮอร์โมน).........ที่ความเข้มข้น........(คาด
ว่าจะดีสุด)...........จะทาให้.....(ส่วนของพืชที่ศึกษา).........มี .............( เช่น ความสูง จานวนดอก จานวน
ใบ).........มากที่สุด
วัตถุประสงค์ของโครงงำน
1. เพื่อศึกษา…………………………………………………………………………..
2. เพื่อเปรียบเทียบ………………………………………………………………………
ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
1. ได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่อง.........................................................
2. ได้ศึกษาเปรียบเทียบ....................................................
3. เป็นการส่งเสริม...........................................................
ขอบเขตของโครงงำน
การทาโครงงานครั้งนี้คณะผู้รับผิดชอบมุ่งเน้นที่จะศึกษาเฉพาะ.........................................................
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
ตัวแปรต้น คือ ความเข้มข้นของ.......(ชื่อฮอร์โมน).................
ตัวแปรตาม คือ ............(ส่วนของพืชที่นักเรียนศึกษา).......................
ตัวแปรควบคุม คือ .............(สิ่งที่ทาให้เหมือนกัน เช่น อายุพืช ปริมาณดิน อุณหภูมิ).............
ช่วงระยะเวลำในกำรทำโครงงำน
วันที่ เดือน ปีเริ่มทา - วันที่ เดือน ปีสิ้นสุดการทา
วิธีกำรเก็บข้อมูล
................... เช่น การใช้ไม้บรรทัดที่มีมาตรฐานวัดความสูงของต้นไม้โดยวัดจาก......จนถึง.........
พร้อมจดบันทึกผลการวัดความสูงลงในตารางแบบบันทึกที่ได้ออกแบบไว้เป็นต้น........................
วิธีกำรวิเครำะห์ผลข้อมูล
.......... เช่น การหาค่าความถี่ของ......... การหาร้อยละของ........ การหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานของ....... การหาความสัมพันธ์ระหว่าง........ กับ ....... ในรูปแบบกราฟแท่งหรือกราฟเส้น เป็นต้น ..
(ปรับตามความเหมาะสมกับโครงงานของเราที่ได้วางแผนไว้และดาเนินการทาจริงๆ นะครับ)
บทที่ 2 เอกสำรที่เกี่ยวข้อง
1. เนื้อหำที่เกี่ยวกับพืชที่เลือกมำใช้ (สืบค้นจาก website แล้วเรียบเรียงให้เหมาะสมสวยงามทั้งข้อความ
และรูปภาพประกอบ)
.
.
.
2. เนื้อหำเกี่ยวกับฮอร์โมนที่เลือกมำใช้ (สืบค้นจาก website แล้วเรียบเรียงให้เหมาะสมสวยงามทั้ง
ข้อความและรูปภาพประกอบ)
.
.
.
(รวมแล้วเนื้อหาทั้งหมดไม่ควรเกิน 10-15 หน้านะครับ)
บทที่ 3 กำรดำเนินงำน
วัสดุอุปกรณ์และสำรเคมี
1. ………………………………..
2. ………………………………..
3. ………………………………
4. ………………………………..
5. ………………………………..
6. ……………………………….. (มีอะไรบ้ำงที่ใช้จริงใส่มำให้ครบนะครับ)
ขั้นตอนกำรทำโครงงำน
1. ประชุมวางแผนคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ ซึ่งคือ การศึกษาเปรียบประสิทธิภาพการดูดซับ
สารพิษประเภทไอระเหยยูเรียของถ่านไม้ไผ่ของแต่ละลักษณะ
2. ศึกษาและค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานดังนี้
2.1. โครงสร้างของถ่านไม้
2.2. ถ่านกัมมันต์
2.3. ไอระเหยยูเรีย
2.4. ปัญหามลพิษทางอากาศในโรงงานอุตสาหกรรม
2.5. ไม้ไผ่ และกระบอกข้าวหลาม
3. เลือกใช้ถ่านไม้ไผ่ที่ทามาจากวัสดุเหลือใช้คือกระบอกข้าวหลาม
4. วางแผนรายละเอียดการทดลอง โดยแบ่งเป็น 3 ตอนดังนี้
4.1. ตอนที่ 1 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละปริมาณในการดูดซับไอระเหยสารยูเรีย
4.2. ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละรูปร่างในการดูดซับไอระเหยสารยูเรีย
5. หาและติดต่อสถานที่ที่ใช้ในการทาทดลอง
6. จัดทาเค้าโครงโครงงาน เพื่อนาเสนอต่อ อาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อนาไปปรับปรุงและแก้ไข
7. จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทาการทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละปริมาณในการ
ดูดซับไอระเหยสารยูเรีย
7.1.1. ถ่านไม้ไผ่ 300 กรัม
7.1.2. สารละลายยูเรีย 300 มิลลิลิตร
7.1.3. กระบอกตวง 3 อัน
7.1.4. กล่องพลาสติก 4 ใบ
7.1.5. กระดาษยูนิเวอร์เซลอินอิแตอร์
7.1.6. นาฬิกาจับเวลา
7.1.7. สมุดบันทึก
7.1.8. น้า
8. ขั้นตอนกระบวนการทาการทดลอง
8.1. ตอนที่ 1 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละปริมาณในการดูดซับไอระเหยสารยูเรีย
8.1.1. เตรียมกล่องไว้4 กล่อง แต่ละกล่องมี สารละลาย ยูเรียปริมาตร 25 มิลลิลิตร และมีอินดิเค
เตอร์ชุบน้า ที่มี pH 7 วางไว้ในตาแหน่งเดียวกัน
8.1.2. นาวัสดุชนิดเดียวกับชุดการทดลองที่สอง มา 10 กรัม 20 กรัม 30 กรัม มาใส่ 3 กล่องแรก
โดยมีรูปร่างทรงกระบอก กล่องที่ 4 เป็นกล่องควบคุม
8.1.3. จับเวลา ทุก 10 นาที เปรียบเทียบปริมาตรของสารละลายของยูเรียในแต่ละกล่อง และสีของ
อินดิเคเตอร์ จากนั้นบันทึกผล จนครบ 3 ชม.
8.1.4. ทาการทดลองซ้าอีก 2 ครั้ง เพื่อหาค่าเฉลี่ยของผลการทดลอง
8.2. ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละรูปร่างในการดูดซับไอระเหยสารยูเรีย
8.2.1. เตรียมกล่องไว้4 กล่อง แต่ละกล่องมี สารละลาย ยูเรียปริมาตร 25 มิลลิลิตร และมีอินดิเค
เตอร์ชุบน้า ที่มี pH 7 วางไว้ในตาแหน่งเดียวกัน
8.2.2. นาวัสดุในชุดการทดลองแรกที่ดูดสารยูเรียได้มากที่สุด ปริมาณ 10 กรัม มาเปลี่ยนรูปร่าง
เป็น ทรงกลม ทรงแบน และแบบผง ลงใน 3 กล่องแรก กล่องที่ 4 เป็นกล่องควบคุม
8.2.3. จับเวลา ทุก 10 นาที เปรียบเทียบปริมาตรของสารละลายของ ยูเรียในแต่ละกล่อง และสีของ
อินดิเคเตอร์ จากนั้นบันทึกผล จนครบ 3 ชม.
8.2.4. ทาการทดลองซ้าอีก 2 ครั้ง เพื่อหาค่าเฉลี่ยของผลการทดลอง
9. สรุปผล อภิปราย และเสนอต่อ อาจารย์ที่ปรึกษา เป็นระยะ
10. จัดทาเอกสารเป็นรูปเล่มโครงงานให้สมบูรณ์
11. จัดทาสื่ออภิปรายแสดงผลการทดลอง
12. นาเสนอโครงงาน
(ปรับตามความเหมาะสมกับกระบวนการที่เราได้วางแผนไว้ที่จะทาโครงงานนะครับ)
บทที่ 4 ผลกำรทดลองและกำรวิเครำะห์ผลกำรทดลอง
ตำรำงบันทึกผลกำรทดลอง
(ปรับให้เหมาะสมกับการทดลองของนักเรียนนะครับ)
กรำฟแท่งแสดงผลกำรทดลอง
(ปรับให้เหมาะสมกับตารางผลการทดลองของนักเรียนนะครับ)
กรำฟเส้นแสดงผลกำรทดลอง
(ปรับให้เหมาะสมกับตารางผลการทดลองของนักเรียนนะครับ)
วิเครำะห์ผลกำรทดลอง
(บอกความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของฮอร์โมนกับผลการเปลี่ยนแปลงของพืชที่ใช้ในการทดลอง
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม control low dose และ high dose)
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
บทที่ 5 สรุปและอภิปรำยผลกำรทดลอง ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
สรุปและอภิปรำยผลกำรทดลอง
(อธิบายเหตุผลโดยอ้างอิงหลักการทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของ
ฮอร์โมนกับผลการเปลี่ยนแปลงของพืชที่ใช้ในการทดลอง และเพราะเหตุใดถึงเกิดความแตกต่างระหว่าง
กลุ่ม control low dose และ high dose เป็นต้น)
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
(ปัญหา อุปสรรค และการต่อยอดในการทาโครงงานครั้งต่อไป สิ่งใดควรทาต่อไปหรือสิ่งใดควรหลีกเลี่ยง
จากสิ่งที่ได้ดาเนินการทดลองผ่านมาแล้ว)
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
บรรณำนุกรม
www.myfirstbrain.com/,ยูเรีย.สิงหาคม 2558, จากhttp://www.myfirstbrain.com/default.aspx
รศ.รด.อภิสิฏฐ์ ศงสะเสน,โครงสร้างถ่านกัมมันต์.สิงหามคม 2558, จาก
http://pirun.ku.ac.th/~fsciass/PDF/special%20lecture/preparation-activated-C-form-bamboo.pdf
บริษัท ไทยซูมิ จากัด,ทาถ่านอัดแท่ง,สิงหามคม 2558, จาก
http://pirun.ku.ac.th/~fsciass/PDF/special%20lecture/preparation-activated-C-form-bamboo.pdf
ธัน ชาร์โคล,ทาความรู้เกี่ยวกับถ่าน,สิงหามคม 2558, จากhttp://www.tanncharcoal.com/
นางสาวดวงใจ กันยาประสิทธิ์ และคณะ.รำยงำนโครงงำนวิทยำศำสตร์ ประเภททดลอง เรื่อง ถ่ำนมะตูมอัด
แท่ง พลังงำนทดแทน.โรงเรียนเมืองราดวิทยาคม,2554.
เด็กหญิงพรรษมนต์ศรีวิไลเจริญ และคณะ.โครงงำนวิทยำศำสตร์ เรื่อง ถ่ำนจำกวสัดุธรรมชำติดูดกลิ่นไม่พึง
ประสงค์ (Charcoal from natural materials absorbs Odors).โรงเรียนสงวนหญิง,2557.
ปนิดา กิจธนรัตน์.โครงงำนวิทยำศำสตร์ เรื่อง ถ่ำนดูกลิ่นจำกเปลือกผลไม้.2557. [ระบบออนไลน์].
แหล่งที่มา https://www.youtube.com/watch?v=MWiiMtIXB94&app=desktop [ 13 กุมภาพันธ์ 2559 ].
โครงงำน เรื่อง ถ่ำนผลไม้ดับกลิ่นในตู้เย็น.2554. [ระบบออนไลน์].แหล่งที่มา
http://lpsci.nfe.go.th/lpsci/attachments/184_pro8.pdf [ 13 กุมภาพันธ์ 2559 ].
(ตัวอย่างรูปแบบในการเขียนนะครับโดยอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่หามาในบทที่ 2)
ภำคผนวก (รูปประกอบขั้นตอนและกระบวนการที่นักเรียนทาโครงงาน)
รูปแสดง....................................................
รูปแสดง....................................................
รูปแสดง....................................................
รูปแสดง....................................................
รูปแสดง....................................................
รูปแสดง....................................................

More Related Content

PDF
Gst uprojectcurriculum
PDF
GSprojectscience reprot2561_kruwichai
PDF
Gst uprojectlearningunit
PDF
Gst ureportcamp61
PDF
Asessmentproject gstu
PDF
GSprojectscience reprot2562_2_kruwichai
PDF
Gst ureport oph61
PDF
Gst ureportsonnong62
Gst uprojectcurriculum
GSprojectscience reprot2561_kruwichai
Gst uprojectlearningunit
Gst ureportcamp61
Asessmentproject gstu
GSprojectscience reprot2562_2_kruwichai
Gst ureport oph61
Gst ureportsonnong62

What's hot (20)

PDF
Gst ureportstudent62
PDF
Report bioposn63tu
PDF
1 nervesys plan
PDF
Potential dev62
PDF
Gst ureportsonnong61
PDF
SARkruwichaiTU2562
PDF
GSprojectscience reprot2562_1_kruwichai
PDF
Su mreport globe2562
PDF
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านทักษะการสื่อสารอย่างสรา้งสรรค์
PDF
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
PDF
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้
PDF
ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์
PDF
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการใช้ภาษาต่างประเทศ(อังกฤษ)
PDF
รายงานการประเมินตนเอง 2 54
PDF
งานวิจัยในชั้นเรียนต้นทุนชีวิต
PDF
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการมีทักษะชีวิต
PDF
วิจัยในชั้นเรียนตรีโกณมิติ
PPT
ปรับปรุงหลักสูตร
PDF
บทที่ 2++77
Gst ureportstudent62
Report bioposn63tu
1 nervesys plan
Potential dev62
Gst ureportsonnong61
SARkruwichaiTU2562
GSprojectscience reprot2562_1_kruwichai
Su mreport globe2562
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านทักษะการสื่อสารอย่างสรา้งสรรค์
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้
ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการใช้ภาษาต่างประเทศ(อังกฤษ)
รายงานการประเมินตนเอง 2 54
งานวิจัยในชั้นเรียนต้นทุนชีวิต
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการมีทักษะชีวิต
วิจัยในชั้นเรียนตรีโกณมิติ
ปรับปรุงหลักสูตร
บทที่ 2++77
Ad

Similar to Practicsproject gstu62 (20)

PDF
Science project
PDF
เล่ม 1 ตอนที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์
PPT
รูปแบบโครงงาน
DOC
3หลักสูตรวิทยาศาสตร์
DOCX
สาระที่ ๔ แรงและการเคลื่อนที่
PDF
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
PDF
3หลักสูตรวิทยาศาสตร์
PDF
วิทยาการคำนวณ3
PPTX
ภารกิจการเปรียบเทียบหลักสูตร
PDF
วิจัย21สสค
DOC
Science dep curr2551
PDF
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
PDF
วิทยาศาสตร์ ต้น
PDF
วิทยาศาสตร์
PDF
แบบโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
PPTX
Design and technology 3 unit 4
PPT
นำเสนอการทำวิจัยวิทยฐานะใหม่
PDF
เรียนรู้วิธีทำโครงงานวิทยาศาสตร์
Science project
เล่ม 1 ตอนที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์
รูปแบบโครงงาน
3หลักสูตรวิทยาศาสตร์
สาระที่ ๔ แรงและการเคลื่อนที่
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
3หลักสูตรวิทยาศาสตร์
วิทยาการคำนวณ3
ภารกิจการเปรียบเทียบหลักสูตร
วิจัย21สสค
Science dep curr2551
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ ต้น
วิทยาศาสตร์
แบบโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
Design and technology 3 unit 4
นำเสนอการทำวิจัยวิทยฐานะใหม่
เรียนรู้วิธีทำโครงงานวิทยาศาสตร์
Ad

More from Wichai Likitponrak (20)

PDF
บทที่ 1 หลายหลากชีวภาพ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 2 ระบบนิเวศ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 3 ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 3 สืบพันธุ์เจริญเติบโตสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย...
PDF
บทที่ 1 ระบบประสาท รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 2 ต่อมไร้ท่อ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 4 โครงสร้างเคลื่อนที่สัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่ 5 พฤติกรรมสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
PDF
แผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
PDF
ใบงานประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
PDF
บทที่2แสง_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
PDF
บทที่4วัสดุในชีวิตประจำวัน_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / ...
PDF
บทที่3ปฏิกิริยาเคมี_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
PDF
บทที่1คลื่น_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
PDF
บท3ไฟฟ้า_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
PDF
บท2ระบบนิเวศ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
PDF
บท4ระบบสุริยะ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
PDF
บท1พันธุกรรม_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
PDF
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
PDF
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
บทที่ 1 หลายหลากชีวภาพ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 2 ระบบนิเวศ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 3 ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 3 สืบพันธุ์เจริญเติบโตสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย...
บทที่ 1 ระบบประสาท รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 2 ต่อมไร้ท่อ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 4 โครงสร้างเคลื่อนที่สัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
บทที่ 5 พฤติกรรมสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
แผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
ใบงานประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
บทที่2แสง_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
บทที่4วัสดุในชีวิตประจำวัน_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / ...
บทที่3ปฏิกิริยาเคมี_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
บทที่1คลื่น_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
บท3ไฟฟ้า_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
บท2ระบบนิเวศ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
บท4ระบบสุริยะ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
บท1พันธุกรรม_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย

Practicsproject gstu62

  • 1. เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ 3-4 สาขาวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project) รหัสวิชา ว 30296-302967 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562 ชื่อ-นามสกุล ..................................................................................................... ชั้น ………………… ห้อง......................เลขที่ ........................... โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (GSTU) กลุ่มสาระการเรียนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
  • 2. โครงสร้างหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (Gifted Science) สาขาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project) รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา ว 30296 ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกิต ที่ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสาคัญ ชื่อหน่วยฯ/เนื้อหาสาระ เวลา (คาบ) น้าหนัก (คะแนน) 1 ว 4.2/1 (ม.5) เทคโนโลยี เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงาน วิทยาศาสตร์ -ความหมายเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงาน วิทยาศาสตร์ -ความสาคัญเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงาน วิทยาศาสตร์ -ตัวอย่างเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงาน วิทยาศาสตร์ -การประยุกต์ใช้เทคนิคและเครื่องมือในโครงงาน วิทยาศาสตร์ 20 50 2 ว 4.2/1 (ม.4) เทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูลโครงงานวิทยาศาสตร์ - ความหมายการวิเคราะห์ข้อมูล - ความสาคัญการวิเคราะห์ข้อมูล - การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย - ตัวอย่างเทคนิคและการประยุกต์ใช้การ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย - การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงอ้างอิง - ตัวอย่างเทคนิคและการประยุกต์ใช้การ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงอ้างอิง 20 50 วัดผลก่อนกลางภาค - 15 วัดผลกลางภาค - 20 วัดผลหลังกลางภาค - 15 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 10 วัดผลปลายภาค - 40 รวม 40 100
  • 3. โครงสร้างหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (Gifted Science) สาขาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project) รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 4 รหัสวิชา ว 30297 ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกิต ที่ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสาคัญ ชื่อหน่วยฯ/เนื้อหาสาระ เวลา (คาบ) น้าหนัก (คะแนน) 1 ว 4.2/1 (ม.5) เทคโนโลยี การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ - ความหมายการเขียนรายงานโครงงาน - ความสาคัญการเขียนรายงานโครงงาน - หลักการการเขียนรายงานโครงงาน - องค์ประกอบหัวข้อในการเขียนรายงาน โครงงานวิทยาศาสตร์ - เทคนิคและขั้นตอนการเขียนรายงาน โครงงานวิทยาศาสตร์ - การฝึกทักษะการเขียนรายงานโครงงาน 20 50 2 ว 4.2/1 (ม.6) เทคโนโลยี การนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ - ความหมายการนาเสนองานโครงงาน - ความสาคัญการนาเสนองานโครงงาน - หลักการการนาเสนองานโครงงาน - ลาดับหัวข้อในการนาเสนองานโครงงาน วิทยาศาสตร์ - เทคนิคและขั้นตอนการนาเสนองาน โครงงานวิทยาศาสตร์ - การฝึกทักษะการนาเสนองานโครงงาน วิทยาศาสตร์ในเชิงวิชาการ 20 50 วัดผลก่อนกลางภาค - 15 วัดผลกลางภาค - 20 วัดผลหลังกลางภาค - 15 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 10 วัดผลปลายภาค - 40 รวม 40 100
  • 4. คาอธิบายรายวิชา โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (Gifted Science) สาขาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว30296 รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 / 2563 จานวนเวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกิต การศึกษาเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ความหมายและความสาคัญของ เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ การยกตัวอย่างเทคนิคและเครื่องมือสาคัญที่ใช้ในการ ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ การประยุกต์ใช้เทคนิคและเครื่องมือในโครงงานวิทยาศาสตร์แต่ละประเภทที่แตกต่าง กัน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงเพื่อใช้ในโครงงานวิทยาศาสตร์ ความหมายและ ความสาคัญของการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิง เทคนิคและการประยุกต์ใช้การ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงในโครงงานวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างการเลือกเทคนิคการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงกับข้อมูลอย่างเหมาะสม โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การ อธิบายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลรักษาสิ่งมีชีวิต เฝ้าระวังและพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มีจิต วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม ผลการเรียนรู้ : 1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายและความสาคัญของเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในโครงงานวิทยาศาสตร์ ได้ 2. นักเรียนสามารถยกตัวอย่างเทคนิคและเครื่องมือสาคัญที่ใช้ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 3. นักเรียนสามารถประยุกต์ใช้เทคนิคและเครื่องมือในโครงงานวิทยาศาสตร์แต่ละประเภทได้ 4. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายและความสาคัญการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิง ได้ 5. นักเรียนสามารถประยุกต์การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงในโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 6. นักเรียนสามารถยกตัวอย่างการเลือกเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงกับข้อมูล อย่างเหมาะสมได้ 7. นักเรียนสามารถเลือกเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติอ้างอิงในโครงงานวิทยาศาสตร์ ที่เหมาะสมได้ สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2/1 (ม.5) และ ว 4.2/1 (ม.4) รวมตัวชี้วัดทั้งหมด 2 ตัวชี้วัด
  • 5. คาอธิบายรายวิชา โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ (Gifted Science) สาขาโครงงานวิทยาศาสตร์ (Science Project) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว30297 รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 / 2563 จานวนเวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกิต การศึกษากระบวนการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์ ความหมายและความสาคัญ ของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์ หลักการและองค์ประกอบของการเขียนรายงาน โครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์ ขั้นตอนของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์พร้อม ยกตัวอย่างของการเขียนรายงานอย่างถูกต้อง การศึกษากระบวนการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างมี ประสิทธิภาพ ความหมายและความสาคัญของการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ หลักการและขั้นตอนของ การนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ เทคนิควิธีการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกตัวอย่างของการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้อย่างเหมาะสม โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การ อธิบายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลรักษาสิ่งมีชีวิต เฝ้าระวังและพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มีจิต วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม ผลการเรียนรู้ : 1. นักเรียนสามารถบอกความหมายและความสาคัญของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์ ได้ 2. นักเรียนสามารถอธิบายหลักการและองค์ประกอบของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์ ได้ 3. นักเรียนสามารถอธิบายขั้นตอนของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์พร้อมยกตัวอย่าง ของการเขียนรายงานอย่างถูกต้องได้ 4. นักเรียนสามารถบอกความหมายและความสาคัญของการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 5. นักเรียนสามารถอธิบายหลักการและขั้นตอนของการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพได้ 6. นักเรียนสามารถยกตัวอย่างเทคนิควิธีการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพได้ 7. นักเรียนสามารถเลือกเทคนิควิธีการนาเสนองานโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพได้ สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2/1 (ม.5) และ ว 4.2/1 (ม.6) รวมตัวชี้วัดทั้งหมด 2 ตัวชี้วัด
  • 6. บทเรียนที่ 1 การวิเคราะห์โครงการหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์โครงงานวิทยาศาสตร์จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจจุดมุ่งหมายและวิธีการทาโครงงาน วิทยาศาสตร์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และช่วยทาให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อสร้างโครงงานต่อไปได้ ให้นักเรียนสืบค้นและศึกษารายงานโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์จากเว็บไซต์หรือแหล่ง เรียนรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วดาเนินการวิเคราะห์ตามแบบวิเคราะห์ที่กาหนดให้ต่อไปนี้ พร้อมแนบ เอกสารรายงานเพื่อใช้ในการอ้างอิงตรวจสอบความถูกต้องต่อไป แบบวิเคราะห์โครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ 1. ชื่อโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ชื่อผู้ทาโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สถาบันของผู้ทาโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จุดมุ่งหมายของโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. เหตุจูงใจที่ทาให้เลือกทาโครงงานหรืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์นี้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ตัวแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
  • 7. 7. ข้อสรุปของโครงงาน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. ความแปลกใหม่หรือความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. แนวความคิดที่จะขยายหรือปรับปรุงโครงงานที่วิเคราะห์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. สาเหตุที่สนใจเลือกวิเคราะห์โครงงานนี้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
  • 8. บทเรียนที่ 2 การออกแบบการทดลอง คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนได้ ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ประกอบด้วย แบบฝึกย่อยที่ 1 เสนอผังกราฟิกเรื่องการออกแบบการทดลอง แบบฝึกย่อยที่ 2 การออกแบบการทดลอง จุดประสงค์ 1. บอกองค์ประกอบของการออกแบบการทดลองได้ 2. ออกแบบการทดลองตามขั้นตอนที่กาหนดได้ การออกแบบการทดลอง การออกแบบการทดลอง ต้องจัดให้มีทั้งชุดทดลองและชุดควบคุมเพื่อเปรียบเทียบผลการทดลอง 1. ชุดทดลองเป็นชุดที่เรากาหนดตัวแปรต้นตามที่ต้องการศึกษา 2. ชุดควบคุมที่เป็นชุดที่เราควบคุมตัวแปรทุกตัวให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อเปรียบเทียบผลการ ทดลอง การทดลองที่มีจานวนซ้าหลายชุด ข้อนี้มีความจาเป็นเพื่อป้องกันความผิดพลาดอันเกิดจากการ ทดลองในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งนั้น จะได้ไม่ล้มเหลวและจะช่วยให้ผลการทดลองนั้นเชื่อมั่นได้มากขึ้น แต่ การศึกษาปัญหาหนึ่ง ๆควรจะมีชุดการทดลองซึ่งเป็นเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับกาลังของผู้ทา เวลาและ ความสะดวก อื่น ๆ แต่ไม่ควรน้อยกว่า 2 ชุด การวางแผนและออกแบบการทดลองทางวิทยาศาสตร์ มีส่วนที่ต้องให้ความสาคัญดังต่อไปนี้ 1. การทดลองสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายของการทาโครงงาน 2. การกาหนดตัวแปรที่วัดได้ 3. การกาหนดแบบแผนของการเปลี่ยนแปลงตัวแปรต้น เช่น การเพิ่มอุณหภูมิของน้าช่วงละ 5 0C เพราะการ มีแบบแผนของการเปลี่ยนแปลงตัวแปรต้น มีผลต่อการเกิดแบบแผนการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตาม 4. ในแต่ละครั้งของการทาการทดลอง มีการกาหนดชุดการทดลองควบคุม ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวแปรใด ๆ และมีสภาวะของปัจจัยต่าง ๆเหมือนชุดทดลองทุกประการ 5. ในการทดลอง มีการกาหนดปัจจัยควบคุมอย่างชัดเจน เพื่อการควบคุมสภาวะของการทดลองได้ถูกต้อง 6. การเขียนขั้นตอนหรือวิธีทดลองไว้อย่างชัดเจน 7. การกาหนดวัตถุประสงค์อุปกรณ์และเครื่องใช้ในการทดลอง 8. การกาหนดวิธีสังเกต วิธีวัด และหน่วยที่ใช้วัด เพื่อให้ทางานได้อย่างถูกต้องแม่นยา กรณีที่มีการสังเกตเชิง คุณภาพมาตรฐานไว้เปรียบเทียบด้วย 9. การกาหนดการทดลองซ้า 4 ครั้งมากกว่า เพื่อให้ผลการทดลองเชื่อถือได้
  • 9. สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการออกแบบการทดลองทางวิทยาศาสตร์ 1. นึกถึงความปลอดภัยในการทดลอง 2. ตรวจสอบเป็นการทดลองทุกขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัยเมื่อทาการทดลอง 3. มีวิธีประเมินความปลอดภัยขณะทาการทดลอง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับตนเองและผู้อื่นด้วย 4. ตรวจสอบวิธีทดลองทางวิทยาศาสตร์ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์สากลหรือข้อปฏิบัติสากลเกี่ยวกับการ ทดลองทางวิทยาศาสตร์เช่น การทดลองกับสัตว์ การใช้ส่วนหรือเนื้อเยื่อของสัตว์และร่างกายของคน การใช้สารเคมี การใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทดลอง 5. ออกแบบการทดลองในประสิทธิภาพที่ผู้ทาโครงงานสามารถทาได้ และภายในเวลาที่สามารถ ดาเนินการได้ 6. ออกแบบการทดลองเฉพาะในกรอบของงานที่ทาการศึกษาวิจัยและตามสมมติฐานที่วางไว้ 7. เสนอแผนการทดลองที่ออกแบบไว้ต่อพี่เลี้ยงหรือครูที่ปรึกษาเพื่อช่วยพิจารณาก่อนลงมือทาการ ทดลองทางวิทยาศาสตร์ 8. ถ้ามีคาแนะนาจากครูที่ปรึกษาให้ปรับปรุงแก้ไขบางส่วน ผู้ทาโครงงานต้องทาการทดลองทาง วิทยาศาสตร์ 9. ก่อนลงมือทาการทดลอง ต้องมีขั้นตอนหรือวิธีการทดลองที่เขียนไว้อย่างชัดเจนและวางไว้ใกล้มือ เสมอเพื่อใช้ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และเพื่อตรวจสอบความถูกต้องในการทาการทดลอง ********************************************************************************** แบบฝึกย่อยที่ 1 คำชี้แจง; ให้นักเรียนบอกองค์ประกอบของการออกแบบการทดลองในผังกราฟิกให้ครบทั้ง 8 ขั้นตอน กำรออกแบบกำร ทดลองโครงงำน วิทยำศำสตร์
  • 10. แบบฝึกย่อยที่ 2 คำชี้แจง ;ให้นักเรียนออกแบบการทดลองในหัวข้อ เรื่อง ยารักษาโรคจากสมุนไพร 1. ปัญหา;………………………………………………………………………………...…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จุดมุ่งหมายของโครงงาน;………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สมมติฐาน;.................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ตัวแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. วิธีดาเนินการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. วัสดุอุปกรณ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
  • 11. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7.สังเกตและวัดอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8.เสนอข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ใช้เวลาในการศึกษานานเท่าใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. เหตุจูงใจที่ทาให้ออกแบบการทดลองในรูปแบบนี้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
  • 12. แบบทดสอบ เรื่อง การออกแบบการทดลอง คาชี้แจง; ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง ที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดเป็นความหมายของการออกแบบการทดลอง ? ก. การทดสอบสมมติฐาน ข. การปฏิบัติการการทดลอง ค. กาดาเนินการทดลอง ง. การวางแผนการทดลอง 2. การออกแบบการทดลอง เราจะออกแบบจากข้อใด ? ก. ตัวแปร ข. วิธีการทดลอง ค. ปัญหาการทดลอง ง. สมมติฐานการทดลอง 3. ในการออกแบบการทดลอง ควรมีสิ่งใดบ้าง ? 1. วิธีการทดลอง 2. สรุปผลการทดลอง 3. อุปกรณ์และสารเคมี 4. ตารางบันทึกผลการทดลอง ก. 1,2,3,4 ข. 2,1,3,4 ค. 3,1,4,2 ง. 4,1,3,2 4. ข้อใดมีความสาคัญน้อยที่สุดในการออกแบบการทดลอง ? ก. ความปลอดภัยในการทดลอง ข. การตรวจสอบแผนการทดลองทุกขั้นตอน ค. การกาหนดตัวแปรที่วัดได้ ง. การกาหนดแผนการปฏิบัติการ 5. การกาหนดข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบการทดลองขั้นตอนใดเรียงลาดับได้ถูกต้อง ? 1. จุดมุ่งหมายของโครงงาน 2. ปัญหา 3. สมมติฐาน 4. วิธีดาเนินการทดลอง 5. วัสดุอุปกรณ์ 6. สังเกตและวัดอย่างไร 7. เสนอข้อมูล/วิเคราะห์ข้อมูล 8. ใช้เวลาในการศึกษา ก. 1,2,3,4,5,6,7,8 ข. 2,1,3,4,5,6,7,8 ค. 1,2,4,5,6,7,8,3 ง. 4,1,2,3,5,6,7,8 6. ข้อใดถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับชุดทดลอง ? ก. ชุดที่กาหนดตัวแปรต้นตามที่ศึกษา ข. ชุดที่กาหนดตัวแปรตามตามที่ศึกษา ค. ชุดที่กาหนดตัวแปรควบคุมตามที่ศึกษา ง. ถูกทุกข้อ 7. ข้อใดถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับชุดควบคุม ? ก. ชุดควบคุมไม่จาเป็นต้องควบคุมตัวแปร ข. ชุดควบคุมตัวแปรทุกตัวให้เป็นไปตามธรรมชาติ ค. ชุดที่ให้อิสระในการควบคุม ง. ข้อ ก และ ข ถูกที่สุด 8. การออกแบบการทดลองเพื่อให้ผลการทดลอง น่าเชื่อถือ จาเป็นต้องมีการทดลองซ้ากี่ครั้ง ? ก. 1 ครั้ง ข. 2 ครั้ง ค. 3 ครั้ง ง. 4 ครั้ง 9. การศึกษาปัญหาในการออกแบบการทดลอง ควรจะมีชุดการทดลองเท่าใด ? ก. 1 ชุด ข. 2 ชุด ค. 3 ชุด ง. 4 ชุด 10 การออกแบบการทดลอง ต้องจัดให้มีชุดการทดลองใดบ้าง ? ก. ชุดทดลอง ข. ชุดควบคุม ค. ชุดตัวแปร ง. ข้อ ก และ ข ถูกที่สุด 888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
  • 13. บทเรียนที่ 3 การเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน ได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ประกอบด้วย แบบฝึกย่อยที่ 1 องค์ประกอบของการเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบฝึกย่อยที่ 2 การเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ 1. บอกองค์ประกอบของเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 2. เขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ การเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ การวางแผนในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์นั้นจะต้องเขียนโครงร่างหรือเค้าโครงของโครงงาน วิทยาศาสตร์เสนอต่อครูที่ปรึกษาเพื่อขอความเห็นชอบและคาแนะนาปรึกษา การเขียนเค้าโครงเป็นการ กาหนดแผนงานอย่างคร่าวๆล่วงหน้าว่าจะดาเนินการอย่างไรบ้าง เป็นขั้นตอนโดยมีจุดมุ่งหมายให้สามารถ ดาเนินการได้โดยไม่สับสน การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์นิยมเขียนแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของโครงงาน โดยทั่วไปควรประกอบด้วยหัวข้อ ต่อไปนี้ 1. ชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ควรเป็นข้อความที่กะทัดรัด ชัดเจน สื่อความหมายตรงและมีความ เฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไร 2. ชื่อผู้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 3. ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์ 4. ที่มาและความสาคัญ อธิบายว่าเหตุใด จึงเลือกทาโครงงานนี้ มีความสาคัญอย่างไร มีหลักการหรือ ทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นเคยศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร ขยาย ผลเพิ่มเติมปรับปรุงจากเรื่องที่ผู้อื่นทาไว้อย่างไร หรือเป็นการทาซ้าเพื่อตรวจสอบผล 5. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้าควรมีความเฉพาะเจาะจงและเป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ เป็นการบอก ขอบเขตของงานที่ทาให้ชัดเจนขึ้น 6. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า(ถ้ามี) สมมติฐานเป็นคาตอบหรือคาอธิบายที่คาดไว้ล่วงหน้า ซึ่ง อาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ การเขียนสมมติฐานควรมีเหตุผล คือมีทฤษฎีหรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ รองรับ ที่สาคัญคือเป็นข้อความที่มองไม่เห็นแนวทางในการดาเนินการทดลองสามารถทดสอบได้ 7. ตัวแปรที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม 8. นิยามเชิงปฏิบัติการ 9. วิธีดาเนินการ 9.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ 9.2 แนวการศึกษาค้นคว้า อธิบายว่าจะออกแบบการทดลองอะไรบ้าง อย่างไร เก็บข้อมูลอะไร อย่างไรและเมื่อใดบ้าง 10. แผนปฏิบัติงาน อธิบายเกี่ยวกับการกาหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาเสร็จของการดาเนินงาน 11. ประโยชน์หรือผลที่คาดว่าจะได้รับ 12. เอกสารอ้างอิง
  • 14. แบบฝึกย่อยที่ 1 คาชี้แจง ;ให้นักเรียนบอกองค์ประกอบของการเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ พร้อมอธิบายลักษณะสาคัญ ของการเขียนประกอบมาให้ถูกต้อง องค์ประกอบของเค้ำโครงงำนวิทยำศำสตร์ 1. ............…………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ......................................……………………………………………………………………….…………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3....................................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4....................................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5....................................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6....................................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7....................................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 8....................................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 9....................................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 9.1...................................................................................................................................................... 9.2....................................................................................................................................................... 10...................................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 11...................................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12...................................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 13......................................................................................................................................................................
  • 15. แบบฝึกย่อยที่ 2 คาชี้แจง ;ให้นักเรียนเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่องที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของระบบบาบัด น้าทางชีวภาพโดยใช้พืช 1.ชื่อโครงงาน;……………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ชื่อผู้ทาโครงงาน;……………………………………………………………………………………………….…………………………….. .............................................................................................................................................................................. 3. ชื่อครูที่ปรึกษา ;…………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. ที่มาและความสาคัญ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า 1………………………………………………………………………………………………………………………………………….… .............................................................................................................................................................................. 2……………………………………………………………………………………………………………………………………………. .............................................................................................................................................................................. 3……………………………………………………………………………………………………………………………………………. .............................................................................................................................................................................. 6. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 7.ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง ตัวแปรต้น ……………………………………………………………………………………………………………………………………. ตัวแปรตาม ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ตัวแปรควบคุม………………………………………………………………………………………………………………………….…… 8. นิยามเชิงปฏิบัติการ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
  • 16. 9.วิธีดาเนินการ 9.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้………………………………………………………………………………………..………………… .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 9.2 แนวการศึกษาค้นคว้า …………………………………………………………………………………………….…………. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 10. ตารางแสดงแผนปฏิบัติงาน 11. ประโยชน์หรือผลที่คาดว่าจะได้รับ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 12. เอกสารอ้างอิง ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
  • 17. แบบทดสอบ เรื่อง การเขียนเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง; ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง ที่สุดเพียงข้อเดียว 1. เค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์หมายถึงข้อใด ? ก. การเขียนโครงร่างคร่าว ๆ ข. การวางแผนทาโครงงาน ค. การเขียนส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน ง. การจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 2. ข้อใดคือจุดมุ่งหมายของการเขียนเค้าโครง ? ก. เพื่อทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ข. เพื่อให้สามารถทาโครงงานโดยไม่สับสนและสาเร็จ ค. เพื่อเขียนโครงร่างคร่าว ๆ ง. เพื่อให้การดาเนินโครงงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 3. ในการเขียนเค้าโครง ขั้นตอนใด ที่นักเรียนได้รับความรู้มากที่สุด ? ก.การทาการทดลอง ข. การศึกษาหัวข้อโครงงาน ค. การเขียนจุดมุ่งหมายของโครงงาน ง. การศึกษาค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง 4. ในเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ทาไมจึงต้องมีเอกสารอ้างอิง? ก. เพื่อเป็นแหล่งความรู้ ข. เพื่อเสนอความรู้ล่วงหน้า ค. เพื่อนาไปเขียนบรรณานุกรม ง. เพื่อรวบรวมหนังสือสาหรับค้นคว้า 5. มีผู้กล่าวว่า ถ้าเขียนเค้าโครงงานเสร็จก็เท่ากับว่า ทาโครงงานวิทยาศาสตร์เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง คากล่าวนี้ เป็นจริงหรือไม่ ? ก. ไม่เป็นจริงเพราะยังไม่ได้ทดลอง ข. ไม่เป็นจริง เพราะยังไม่ได้ทารายงาน ค. เป็นจริงเพราะเหลือแต่ขั้นตอนดาเนินการทดลองก็สาเร็จ ง. เป็นจริงเพราะในเค้าโครง เขียนไว้หมดทุกอย่างแล้ว 6. ให้เรียงลาดับประเด็นที่สาคัญในการจัดทาเค้าโครงของโครงงานต่อไปนี้ 1) ชื่อโครงงานชื่อผู้จัดทาโครงงาน 2) ผลที่คาดว่าจะได้รับเอกสารอ้างอิง 3) วัสดุอุปกรณ์วิธีดาเนินการแผนปฏิบัติการ 4) ที่มาจุดมุ่งหมาย ก. 1, 2, 3, 4 ข. 1, 4, 3, 2 ค. 1, 2, 4, 3 ง. 1, 4, 2, 3 7. หัวข้อใดทีบอกให้ทราบว่าผู้ทาโครงงานศึกษาค้นคว้าในเรืองใดมาบ้าง ก. ที่มาและความสาคัญ ข. ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า ค. เอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรม ง. นิยามศัพท์ 8. จาเป็นหรือไม่ที่ต้องเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ก. จาเป็น เพราะเป็นการวางแผนงานล่วงหน้า ข. จาเป็น เพราะต้องเตรียมเอกสารล่วงหน้า ค. ไม่จาเป็น เพราะไม่ต้องใช้งบประมาณ ง. ไม่จาเป็น เพราะต้องทาอยู่แล้ว 9. เค้าโครงย่อสามารถเป็นแนวทางในการดาเนินการต่อในเรื่องใด ก. การนาเสนอ ข. การจัดแสดงโครงงาน ค. การทารูปเล่มรายงาน ง. การรายงานปากเปล่า $$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
  • 18. บทเรียนที่ 4 การลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน ได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ประกอบด้วย แบบฝึกย่อยที่ 1 บันทึกการดาเนินงานตามโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบฝึกย่อยที่ 2 วิเคราะห์และอภิปรายผล แบบฝึกย่อยที่ 3 สรุปผลการทดลอง จุดประสงค์ 1. บันทึกผลการดาเนินงานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 2. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปผลได้ ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์ รุ่นพี่ที่ประสบผลสาเร็จในปีต่าง ๆ
  • 19. แบบฝึกย่อยที่ 1 คำชี้แจง ;ให้นักเรียนบันทึกผลการดาเนินงานตามโครงงานวิทยาศาสตร์ ในหัวข้อต่อไปนี้ บันทึกผลกำรดำเนินงำนตำมโครงงำนวิทยำศำสตร์ 1. ชื่อโครงงาน........................................................................................ ......................................................................................................... 2. ชื่อผู้ทาโครงงาน ......................................................................................................... ......................................................................................................... ......................................................................................................... 3. รายงานผลครั้งที่ 1........................................................................ ...................................................................................................... ......................................................................................................... ....................................................................................................... ...................................................................................................... ....................................................................................................... ...................................................................................................... ....................................................................................................... ......................................................................................................... 4. วัน เดือน ปี ที่รายงาน...................................................................... ลงชื่อ...................................................ครูผู้ตรวจบันทึกผล วัน/เดือน/ปีที่ตรวจ.............................................................
  • 20. แบบฝึกย่อยที่ 2 คำชี้แจง ; ให้นักเรียนวิเคราะห์และอภิปรายผลที่ได้จากการปฏิบัติการทดลอง วิเครำะห์ผล ;………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… อภิปรำยผล ;………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………
  • 21. แบบฝึกย่อยที่ 3 คำชี้แจง ;ให้นักเรียนเขียนสรุปและข้อเสนอแนะของผลการทดลอง สรุปผลกำรทดลอง ;………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะจำกผลกำรทดลอง ;………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………
  • 22. แบบทดสอบ เรื่อง การลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง; ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง ที่สุดเพียงข้อเดียว 1. การลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นการจัดทาในสิ่งใด ? ก. การตั้งปัญหา ข. การตั้งสมมติฐาน ค. การกาหนดและควบคุมตัวแปร ง. การลงมือดาเนินการทดลองหรือสารวจ 2. การวิเคราะห์ผลการทดลองหมายถึงข้อใด ? ก. การนาเสนอข้อมูลที่ค้นพบ ข. การอภิปรายความหมายของข้อมูล ค. การสรุปผลของข้อมูลที่ได้จากการทดลอง ง. การนาเสนอข้อมูลมาจัดกระทาใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น 3. การนาเสนอข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วเขียนให้สัมพันธ์กับหลักการหรือทฤษฎีหรือผลงานของผู้อื่นที่ศึกษาไว้แล้ว เรียกว่าอะไร ? ก.การทดลอง ข. การสรุปผลการทดลอง ค. การอภิปรายผลการทดลอง ง. การวิเคราะห์ข้อมูล 4. การนาผลการทดลองมาจัดกระทาใหม่ ให้เข้าใจง่ายขึ้น เป็นทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ในข้อใด ? ก. ทักษะการสังเกต ข. ทักษะการทดลอง ค. ทักษะการพยากรณ์ ง. ทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล 5. ข้อใด ไม่ใช่ขั้นตอนการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ? ก. การวิเคราะห์ข้อมูล ข. การเขียนรายงาน ค. สรุปผลการทดลอง ง. การแปรผลข้อมูล 6. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติในขั้นตอนการทาโครงงาน ก. ขอคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษา ข. เปลี่ยนหัวข้อโครงงานเมื่อทาไม่ได้. ค. จดบันทึกปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ง. ทางานด้วยความประหยัดและปลอดภัย 7. โครงงานลักษณะใดไม่ควรทา ก. โครงงานใช้เวลาทาน้อย ข. โครงงานที่มีแหล่งข้อมูลมาก ค. โครงงานที่ขัดต่อค่านิยมของชาวบ้าน. ง. โครงงานประยุกต์ใช้ทฤษฎีขั้นพื้นฐาน 8. ขั้นตอนการทาโครงงานข้อใดเรียงลาดับถูกต้อง ก. การคิดและการเลือกหัวเรื่อง การวางแผน การดาเนินงาน การเขียนรายงาน การนาเสนอ ข. การคิดและการเลือกหัวเรื่อง การวางแผน การเขียนรายงาน การดาเนินงาน การนาเสนอ ค. การวางแผน การคิดและการเลือกหัวเรื่อง การดาเนินงาน การเขียนรายงาน การนาเสนอ ง. การวางแผน การคิดและการเลือกหัวเรื่อง การเขียนรายงาน การดาเนินงาน การนาเสนอ 9. “ต้องการศึกษาสิ่งใดและเหตุใดจึงต้องศึกษาสิ่งนั้น” เป็นสิ่งสาคัญในขั้นตอนใดของการทาโครงงาน ก. การศึกษาค้นคว้า ข. การเขียนรายงาน ค. การคัดเลือกหัวข้อโครงงาน. ง. การจัดทาเค้าโครงของโครงงาน &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
  • 23. บทเรียนที่ 5 เรื่อง การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน ได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ประกอบด้วย แบบฝึกย่อยที่ 1 หลักการและรูปแบบการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบฝึกย่อยที่ 2 การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ 1. บอกหลักการและรูปแบบการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 2. เขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ได้จัดทาให้สมบูรณ์และถูกต้องได้ การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ การเขียนรายงานโครงงาน ควรจะใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย ชัดเจน สั้น ๆและตรงไปตรงมา โดยให้ ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ชื่อโครงงาน ชื่อโครงงานเป็นสิ่งสาคัญประการแรก เพราะชื่อโครงการจะช่วยโยงความคิดไปถึงวัตถุประสงค์ของ การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ และควรกาหนดชื่อโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักด้วยการตั้งชื่อ โครงงานของนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา นิยมตั้งชื่อให้มีความกะทัดรัดและดึงดูดความ สนใจจากผู้อ่าน ผู้ฟัง แต่สิ่งที่ควรคานึงถึง คือ ผู้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ต้องเข้าใจปัญหาที่สนใจศึกษา อย่างแท้จริง อันจะนาไปสู่การเข้าใจวัตถุประสงค์ของการศึกษาอย่างแท้จริงด้วย เช่น โครงงาน วิทยาศาสตร์ ชื่อ “ถุงพลาสติกพิชิตแมลงวันตัวน้อย” ซึ่งปัญหาเรื่องที่สนใจศึกษาคือถุงน้าพลาสติก สามารถไล่แมลงวันที่มาตอมอาหารได้จริงหรือ จากเรื่องดังกล่าวผู้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ บางคนหรือ บางคณะอาจสนใจตั้งชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ ว่า “การศึกษาการไล่แมลงวันด้วยถุงน้า พลาสติก” หรือ “ผลการใช้ถุงน้าพลาสติกต่อการไล่แมลงวัน” ก็เป็นได้ 2. ชื่อผู้ทาโครงงาน การเขียนชื่อผู้รับผิดชอบโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งดีเพื่อจะได้ทราบว่าโครงงานนั้นอยู่ในความ รับผิดชอบของใครและสามารถติดตามได้ที่ใด 3. ชื่อครูที่ปรึกษา การเขียนชื่อผู้ให้คาปรึกษาควรให้เกียรติยกย่องและเผยแพร่ รวมทั้งขอบคุณที่ได้ให้คาแนะนาการทา โครงงานวิทยาศาสตร์จนบรรลุเป้าหมาย 4. บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีดาเนินการและผลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปต่าง ๆ อย่างย่อ ๆ ประมาณ 300-350 คา
  • 24. 5. คาขอบคุณ (กิตติกรรมประกาศ) โครงงานส่วนใหญ่มักจะเป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ดังนั้นเพื่อเป็น การเสริมสร้างบรรยากาศของความร่วมมือ จึงควรได้กล่าวขอบคุณบุคลากรหรือหน่วยงานต่าง ๆที่มี ส่วนช่วยให้โครงงานนี้สาเร็จด้วยดี 6. ที่มาและความสาคัญ อธิบายว่าเหตุใด จึงเลือกทาโครงงานนี้ มีความสาคัญอย่างไร มีหลักการหรือทฤษฎีอะไรที่ เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นเคยศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร ขยายผลเพิ่มเติม ปรับปรุงจากเรื่องที่ผู้อื่นทาไว้อย่างไร หรือเป็นการทาซ้าเพื่อตรวจสอบผล 7. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า วัตถุประสงค์ คือ กาหนดจุดมุ่งหมายปลายทางที่ต้องการให้เกิดจากการทาโครงงาน วิทยาศาสตร์ ในการเขียนวัตถุประสงค์ ต้องเขียนให้ชัดเจน อ่านเข้าใจง่ายสอดคล้องกับชื่อโครงงาน หากมีวัตถุประสงค์หลายประเด็น ให้ระบุเป็นข้อ ๆ การเขียนวัตถุประสงค์มีความสาคัญต่อแนวทาง การศึกษา ตลอดจนข้อความรู้ที่ค้นพบหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ค้นพบนั้นจะมีความสมบูรณ์ครบถ้วน คือ ต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทุก ๆ ข้อ 8. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า(ถ้ามี) สมมติฐานของการศึกษา เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้ทาโครงงาน ต้องให้ ความสาคัญ เพราะจะทาให้เป็นการกาหนดแนวทางในการออกแบบการทดลองได้ชัดเจนและรอบคอบ ซึ่ง สมมติฐานก็คือ การคาดคะเนคาตอบของปัญหาอย่างมีหลักและเหตุผล ตามหลักการ ทฤษฎี รวมทั้งผล การศึกษาของโครงงานที่ได้ทามาแล้ว 9. ขอบเขตของการทาโครงงาน ผู้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ต้องให้ความสาคัญต่อการกาหนดขอบเขตการทาโครงงานเพื่อให้ได้ผล การศึกษาที่น่าเชื่อถือ ซึ่งได้แก่ การกาหนดประชากร กลุ่มตัวอย่าง ตลอดจนตัวแปรที่ศึกษา 1. การกาหนดประชากร และกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ การกาหนดประชากรที่ศึกษาอาจเป็น คนหรือสัตว์หรือพืช ชื่อใด กลุ่มใด ประเภทใด อยู่ที่ไหน เมื่อเวลาใด รวมทั้งกาหนดกลุ่มตัวอย่างที่มี ขนาดเหมาะสมเป็นตัวแทนของประชากรที่สนใจศึกษา 2. ตัวแปรที่ศึกษา การศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์ ส่วนมากมักเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ เชิงเหตุและผล หรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวแปรขึ้นไป การบอกชนิดของตัวแปรอย่าง ถูกต้องและชัดเจน รวมทั้งการควบคุมตัวแปรที่ไม่สนใจศึกษา เป็นทักษะกระบวนการ ทาง วิทยาศาสตร์ที่ผู้ทาโครงงานต้องเข้าใจ ตัวแปรใดที่ศึกษาเป็นตัวแปรต้น ตัวแปรใดที่ศึกษาเป็นตัวแปร ตาม และตัวแปรใดบ้างเป็นตัวแปรที่ต้องควบคุมเพื่อเป็นแนวทางการออกแบบการทดลอง ตลอดจนมี ผลต่อการเขียนรายงานการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง สื่อความหมายให้ผู้ฟังและผู้อ่านให้ เข้าใจตรงกัน 10. นิยามเชิงปฏิบัติการ นิยามทั่ว ๆ ไป เป็นการให้ความหมายของคาหรือข้อความอย่างกว้าง ๆ นิยามเชิงปฏิบัติการเป็นนิยามที่ผู้ทาการทดลองกาหนดความหมายและขอบเขตของคาหรือข้อความ
  • 25. ต่าง ๆ หรือตัวแปรต้นกับตัวแปรตามที่อยู่ในสมมติฐานให้เข้าใจตรงกัน และสามารถสังเกตหรือวัดได้ โดยการ บรรยายในเชิงรูปธรรม หลักสาคัญในการกาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ คือ จะต้องกาหนดนิยามให้ครอบคลุมว่า • ต้องทาความสามารถอะไร • ต้องปฏิบัติอย่างไร • จะสังเกตอะไรจากการทดลองหรือสารวจ ตัวอย่าง การให้นิยามของก๊าซออกซิเจน นิยามทั่ว ๆ ไป : ออกซิเจนเป็นก๊าซที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 8 และมวลอะตอมเท่ากับ 16 ( ทุกคนเข้าใจ ตรงกันแต่สังเกตและวัดไม่ได้ ) นิยามเชิงปฏิบัติการ : ออกซิเจนเป็นก๊าซที่ช่วยในการติดไฟ เมื่อนาก้อนถ่านที่คุแดงแหย่ลงไปในก๊าซ นั้นแล้ว ก้อนถ่านจะลุกเป็นเปลวไฟ ( ทุกคนเข้าใจตรงกัน สังเกตและวัดได้ ) 11. วิธีดาเนินการ วิธีดาเนินการ หมายถึง วิธีการที่ช่วยให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการทาโครงงาน ตั้งแต่เริ่มเสนอ โครงการกระทั่งสิ้นสุดโครงการ ซึ่งประกอบด้วย 1. การกาหนดประชากร กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา 2. การสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล ในการเขียนวิธีดาเนินการให้ระบุกิจกรรมที่ต้องทาให้ชัดเจนว่าจะทาอะไรบ้าง เรียงลาดับกิจกรรมก่อน และหลังให้ชัดเจน เพื่อสามารถนาโครงการไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง 12. ผลการทดลอง นาเสนอข้อมูลหรือผลการทดลองต่าง ๆที่สังเกตรวบรวมได้ รวมทั้งเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูลที่วิเคราะห์ไว้ด้วย 13. สรุปและอภิปรายผล ข้อเสนอแนะ อธิบายผลสรุปที่ได้จากการทาโครงงาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐาน ควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้ สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือยังสรุปไม่ได้ และควรกล่าวถึงการนาผลการทดลองไปใช้ ประโยชน์ อุปสรรคของการทาโครงงานหรือข้อสังเกตที่สาคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจาก การทาโครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไข หากมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทานองนี้ต่อไป ในอนาคต 14. เอกสารอ้างอิง หนังสือหรือเอกสารต่าง ๆที่ผู้ทาโครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาหาข้อมูลและรายละเอียด ต่าง ๆที่นามาใช้ประโยชน์ในการทาโครงงานนี้ (การเขียนรายงานดังกล่าวข้างต้น อาจแบ่งออกได้ 3 ส่วนดังนี้ 1. ส่วนนา 2. ส่วนเนื้อหา 3. ส่วนอ้างอิง
  • 28. แบบทดสอบ เรื่อง การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง;ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง ที่สุดเพียงข้อเดียว 1. การเขียนบทคัดย่อหมายถึงข้อใด ? ก. การย่อบทความ ข. การเขียนย่อความ ค. การเขียนอธิบาย ง. การเขียนที่มา 2. การเขียนบทคัดย่อไม่ควรเกินกี่คา ? ก. 350 คา ข. 400 คา ค. 450 คา ง. 500 คา 3. การเขียนบทคัดย่อ ควรจะเขียนเมื่อไร ? ก.เมื่อเริ่มต้นตั้งปัญหา ข. เมื่อตั้งสมมติฐาน ค. เมื่อทดลองเสร็จ ง. เมื่อเขียนรายงานเสร็จ 4. การเขียนรายงานโครงงานหมายถึงข้อใด? ก. การเขียนอภิปรายผลการทดลอง ข. การเขียนสื่อความหมายที่มีประสิทธิภาพให้คนอื่นเข้าใย ค. การอภิปรายผลและเขียนข้อมูลของตนเอง ให้คนอื่นทราบ ง. การวิเคราะห์ข้อมูลและเขียนบทสรุปให้คนอื่นทราบ 5. ข้อใด กล่าวถูกต้องในการเขียนรายงานโครงงาน ? ก. ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ข. เขียนให้ถูกต้องชัดเจน ค. เขียนให้ครอบคลุมทุกหัวข้อ ง. ถูกทุกข้อ 6. หลักการเขียนบทคัดย่อ ควรเขียนอย่างไร ? ก. เขียนเป็นข้อ ๆ ข. เขียนเป็นตอนๆไป ค. เขียนถึงข้อดีข้อเสียของโครงงาน ง. เขียนย่อๆตั้งแต่ปัญหาถึงสรุปผลให้สอดคล้องกันไป 7. ข้อใดคือการเรียงลาดับหัวข้อที่จะเขียนรายงานที่ถูกต้อง? ก. ชื่อเรื่อง, วัตถุประสงค์, สมมติฐาน, วิธีดาเนินการทดลอง ข. ชื่อเรื่อง, ที่มาของโครงงาน, วัตถุประสงค์, สมมติฐาน ค. ที่มาของโครงงาน, สมมติฐาน, วัตถุประสงค์, บทคัดย่อ ง. ชื่อผู้ทาโครงงาน, ที่มาของโครงงาน, วิธีดาเนินการ,วัตถุประสงค์ 8. การเขียนรายงาน แตกต่างจากการเขียนเค้าโครงอย่างไร ? ก. การเขียนรายงานต้องมีการเขียนขอบคุณ แต่การเขียนเค้าโครง ไม่ต้องเขียนขอบคุณ ข. การเขียนรายงานไม่ต้องมีบทคัดย่อ แต่การเขียนเค้าโครงต้องเขียนบทคัดย่อ ค. การเขียนรายงานไม่ต้องมีข้อสรุป ข้อเสนอแนะแต่การเขียนเค้าโครงของโครงงานต้องมีข้อสรุป ง. การเขียนรายงานไม่ต้องอ้างอิงเอกสาร แต่ต้องมีการอ้างอิงในการเขียนเค้าโครงของโครงงาน 6. การเขียนรายงานโครงงานควรใช้ภาษาเขียนแบบใด ก. การเขียนโครงงานควรใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจง่ายและตรงประเด็น ข. การเขียนโครงงานควรใช้ภาษาแบบเป็นกันเองตามความเข้าใจของผู้จัดทา ค. การเขียนโครงงานควรใช้ทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษาเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้อ่านติดตาม ง. การเขียนโครงงานควรใช้ทั้งรูปภาพและวัสดุจริงมาเป็นส่วนประกอบของการเขียนรายงาน 7. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการเรียบเรียงรายงาน ก. เรียบเรียงข้อมูลตามความสนใจอะไรมาก่อนก็ได้ทาตามสิ่งที่วางไว้ ข. สาคัญที่สุดคือต้องคัดลอกผลงานผู้อื่นมาเรียงเป็นผลงานของตัวเองต้องขอบคุณเขาด้วย ค. เมื่อจาเป็นต้องคัดลอกข้อความหรือนาข้อมูลของผู้อื่นมาอ้างอิงต้องบอกให้ชัดเจนนามาจากไหน ง. การเรียบเรียงเขียนรายงานควรใช้สานวนภาษาของตนเองให้มากที่สุดและควรมีผู้ตรวจสอบการใช้ภาษา ***********************************************
  • 29. บทเรียนที่ 6 การนาเสนอและการประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง : แบบฝึกการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน ได้ ฝึกปฏิบัติ เพื่อไปสู่การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ โดยลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ประกอบด้วย แบบฝึกย่อยที่ 1 เกณฑ์การประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบฝึกย่อยที่ 2 วิธีการนาเสนองาน แบบฝึกย่อยที่ 3 การจัดแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ 1. บอกเกณฑ์ประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 2. บอกวิธีการนาเสนอผลงานได้ 3. จัดแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ การประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ การประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ จาเป็นและมีความสาคัญอีกกิจกรรมหนึ่งในกระบวนการจัด แสดงโครงงานของนักเรียน ตามปกติครูผู้สอนจะเป็นผู้ประเมินโครงงานโดยกาหนดเกณฑ์การพิจารณา 5 ด้าน ดังนี้ 1. ความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะทา โดยพิจารณาจาก 1.1 การใช้ศัพท์เทคนิควิทยาศาสตร์ถูกต้องเหมาะสม 1.2 การใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ถูกต้องเหมาะสม 1.3 มีความเข้าใจในหลักการสาคัญ ๆของเรื่องที่ทา 1.4 การได้รับความรู้เพิ่มเติมจากการทา.โครงงานนอกเหนือจากที่เรียนหลักสูตรปกติ 2. การใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ที่ใช้แก้ปัญหาทางด้านการศึกษา โดยพิจารณาจาก 2.1 การสังเกตที่นามาสู่ปัญหา 2.2 มีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลหรือข้อเท็จจริงต่าง ๆเพื่อเป็นพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องที่กาลังศึกษา เหมาะสมและตั้งสมมติฐานที่ถูกต้องชัดเจน 2.3 การออกแบบการทดลองหรือการประดิษฐ์มีความสอดคล้องกับปัญหาหรือสมมติฐานเพียงใด 2.4 การวัดและการควบคุมตัวแปร ต่าง ๆกระทาได้ครบ ถูกต้อง อุปกรณ์และเครื่องมือที่เลือกใช้ เหมาะสมกับการรวบรวมข้อมูล กระทาได้ละเอียดถูกต้อง ตรงจุดประสงค์ที่ต้องการศึกษา การบันทึกข้อมูลมี ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเหมาะสม 2.5 การแปรความหมายและการสรุปผลมีความสอดคล้องกับผลงานที่ได้มากน้อยเพียงใด 3. ความคิดสร้างสรรค์ โดยพิจารณาจาก 3.1 ปัญหาหรือเรื่องที่ทามีความสาคัญและมีความแปลกใหม่เพียงใด 3.2 ได้มีการดัดแปลงหรือเพิ่มเติมแนวความคิดที่แปลกใหม่ลงไปในโครงงานที่ทามากน้อยเพียงใด 3.3 มีการคิดและใช้วิธีการที่แปลกใหม่ ในการควบคุมหรือวัดตัวแปร เก็บรวบรวมข้อมูล มากน้อย เพียงใด 3.4 การเลือกและนาวัสดุอุปกรณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์
  • 30. 3.5 ความสามารถในการเสนอแนะและประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน 4. การเขียนรายงาน และการจัดแสดงโครงงาน โดยพิจารณาจาก 4.1 ความถูกต้องของแบบฟอร์มควบคุมหัวข้อที่สาคัญแบ่งเป็นแต่ละหัวข้อชัดเจน 4.2 เสนอสาระในแต่ละหัวข้อ ถูกต้อง ชัดเจน รัดกุม สละสลวย 4.3 การแสดงหลักฐาน การบันทึกข้อมูลอย่างเพียงพอ ต่อเนื่องและเป็นระเบียบ 4.4 การออกแบบการนาเสนอข้อมูล ชัดเจน รัดกุมและเหมาะสม 4.5 การอภิปรายอย่างมีเหตุผล 4.6 จัดแสดงโครงงานได้น่าสนใจ ออกแบบและติดตั้งได้สวยงาม 4.7 การเขียนคาอธิบายในแผ่นโปสเตอร์ชัดเจน เข้าใจง่าย 4.8 การจัดแสดงวัสดุอุปกรณ์ครบถ้วน 4.9 การอภิปรายชัดเจนและใช้ภาษาได้ถูกต้อง 4.10 การตอบคาถามถูกต้องและคล่องแคล่ว
  • 31. ตัวอย่ำงแบบประเมินโครงงำน 1.ชื่อโครงงาน.......................................................................................................... 2.กลุ่มที่..................... ชื่อ...................................................................................................................................................................... การประเมินโครงงาน มีหลักเกณฑ์การประเมินดังนี้ รำยกำรประเมิน คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ หมำยเหตุ 1. รำยงำนโครงงำน 1.1 รูปเล่มรายงานมีส่วนประกอบ ครบถ้วน 1.2 เสร็จตามเวลาที่กาหนด (5) 3 2 ……………. …………… 2. ควำมสำคัญของโครงงำน 2.1 ความน่าสนใจ 2.2 ประโยชน์ การนาไปใช้ (5) 2 3 …………… …………… 3. กำรดำเนินกำร 3.1 การวางแผน/เตรียมการ 3.2 สอดคล้องกับบทเรียน 3.3 เหมาะสมกับวัยของนักเรียน 3.4 สอดคล้องกับจุดประสงค์โครงงาน 3.5 ความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่ม (10) 2 2 2 2 2 …………….. …………… …………….. …………………………. 4. เนื้อหำ 4.1 การรวบรวมข้อมูล 4.2 การสรุปข้อมูลเป็นองค์ความรู้ (10) 5 5 ………….. …………… 5. กำรนำเสนอ 5.1 การใช้ภาษาในการนาเสนอ 5.2 การสื่อความหมายให้เข้าใจ (5) 5 5 ………….. …………… รวม 40 ………….. ลงชื่อ................................................ผู้ประเมิน (............................................................................) วันที่.............เดือน...........................พ.ศ........................
  • 32. กำรนำเสนอผลงำนและกำรจัดแสดงโครงงำนวิทยำศำสตร์ การแสดงผลงานอาจทาได้หลายรูปแบบ เช่น การแสดงในรูปนิทรรศการซึ่งมีทั้งการจัดแสดงและ การอธิบายด้วยคาพูด หรือในรูปแบบของการจัดแสดงโดยไม่มีการอธิบายประกอบ หรือในรูปแบบการ รายงานปากเปล่า มี Power point ประกอบด้วยก็ได้ ไม่ว่าจะแสดงผลงานในรูปแบบใด ควรแนะนานักเรียน ให้จัดทาครอบคลุมประเด็นสาคัญดังต่อไปนี้ 1. ชื่อโครงงาน ชื่อผู้ทาโครงงานชื่อครูที่ปรึกษา 2. ที่มาและความสาคัญ อธิบายถึงเหตุจูงใจในการทาโครงงานและคาสาคัญของโครงงาน 3. วิธีการดาเนินการ โดยเลือกเฉพาะขั้นตอนที่เด่นและสาคัญ 4. ผลการทดลอง การสาธิตหรือแสดงผลที่ได้จากการทดลอง 5. สรุปและอภิปรายผล ผลการสังเกตและข้อมูลต่าง ๆที่ได้จากการทาโครงงาน ในการจัดนิทรรศการโครงงาน ควรคานึงถึงสิ่งต่าง ๆต่อไปนี้ 1. ความปลอดภัยของการจัดแสดง 2. ความเหมาะสมกับเนื้อที่ที่จัดแสดง 3. คาอธิบายที่เขียนแสดง ควรเน้นเฉพาะประเด็นสาคัญและสิ่งที่น่าสนใจเท่านั้น โดยใช้ข้อความ กะทัดรัด ชัดเจน และเข้าใจง่าย 4. ดึงดูดความสนใจ ของผู้เข้าชม โดยใช้รูปแบบการแสดงที่น่าสนใจ ใช้สีที่สดใสเน้นจุดสาคัญ หรือใช้วัสดุต่างประเภทในการแสดง 5. ใช้ตารางและรูปภาพประกอบ โดยจัดวางอย่างเหมาะสม 6. สิ่งที่แสดงทุกอย่างและการเขียนข้อความต้องถูกต้อง ไม่มีการสะกดผิด หรืออธิบายหลักการผิด 7. ในกรณีที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ สิ่งนั้นควรอยู่ในสภาพที่ทางานได้อย่างสมบูรณ์ ในการแสดงผลงาน ถ้าผู้นาผลงานมาแสดง จะต้องอธิบายหรือรายงานปากเปล่าหรือตอบ คาถามต่าง ๆ ต่อผู้ชมหรือต่อกรรมการตัดสินโครงงาน การอธิบายตอบคาถามหรือรายงานปากเปล่า นั้น ควรคานึงถึงสิ่งต่าง ๆต่อไปนี้ 1. ต้องทาความเข้าใจกับเรื่องที่จะอธิบายเป็นอย่างดี 2. คานึงถึงความเหมาะสมของภาษาที่ใช้กับระดับผู้ฟัง ควรให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย 3. ควรรายงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม 4. พยายามหลีกเลี่ยงการอ่านรายงาน แต่อาจจะดูหัวข้อสาคัญ ๆไว้เพื่อการรายงานเป็นไปตาม ขั้นตอน 5. อย่างท่องจารายงาน เพราะจะทาให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ 6. ขณะรายงานควรมองตรงไปยังผู้ฟัง 7. เตรียมตัวตอบคาถามที่เกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ
  • 33. 8. ตอบคาถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่จาเป็นต้องกล่าวถึงสิ่งที่ไม่ได้ถาม 9. หากติดขัดในการอธิบาย ควรยอมรับโดยดี อย่ากลบเกลื่อนหรือหาทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น 10. ควรรายงานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กาหนด 11. ควรใช้สื่อประเภทโสตทัศนูปกรณ์ ประกอบการรายงานด้วย เช่นแผ่นโปร่งใสหรือสไลด์ เป็นต้น
  • 34. แบบฝึกย่อยที่ 1 คำชี้แจง ;ให้นักเรียนศึกษาจากใบความรู้ แล้วช่วยกันบอกเกณฑ์ในการประเมินผลโครงงาน
  • 37. แบบทดสอบ เรื่อง การนาเสนอและการประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง;ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค และ ง หน้าคาตอบที่เห็นว่าถูกต้อง ที่สุดเพียงข้อเดียว 1. การนาเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ ส่วนมากนาเสนอในรูปแบบใด ? ก. การอธิบายด้วยคาพูด ข. การรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม ค. การจัดนิทรรศการและรายงานปากเปล่า ง. การเขียนรายงานโครงงานและประชาสัมพันธ์ให้ทราบ 2. สิ่งที่จาเป็นอย่างยิ่งในการนาเสนอผลงานคือข้อใด ? ก. จุดประสงค์ ทฤษฎี วิธีดาเนินการ สรุปผล ข. แนวคิด วิธีการทดลอง ทฤษฎี สรุปผล ค. แนวคิด วิธีดาเนินการ ผลการทดลอง สรุปผล ง. แนวคิด ภาพกิจกรรม ผลการทดลอง กราฟ 3. ข้อใดไม่ใช่เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ ? ก.ความรู้ความเข้าใจ ข. วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ค. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ง. ความสามารถในการพูด 4. เกณฑ์การพิจารณาด้านความคิดสร้างสรรค์พิจารณาจากข้อใด? ก. ปัญหามีความสาคัญ แปลกใหม่ ข. ใช้วิธีการที่แปลกใหม่ ๆ ในการควบคุมตัวแปร ค. นาวัสดุอุปกรณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ง. ถูกทุกข้อ 5. ใครเป็นผู้ประเมินโครงงาน ? ก. ครู ข. เพื่อน ค. ผู้ปกครอง ง. ถูกทุกข้อ 6. การแสดงผลงานของโครงงานวิทยาศาสตร์ไม่ควรเป็นรูปแบบใด ก. โปสเตอร์ในงานประชุมวิชาการ ข. การถ่ายทอดเทคโนโลยีออกสู่ชนบท ค. การบรรยายในที่ประชุมสัมมนาทางวิชาการ ง. การลอกเลียนแบบเพื่อนาไปเป็นผลงานของตน 7. ข้อใดเป็นจุดประสงค์หลักของการนาเสนอและเผยแพร่โครงงาน ก. เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเลียนแบบโครงงานของตน ข. เพื่อเป็นเกียรติต่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ค. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์เกี่ยวกับการทาโครงงาน ง. เพื่อให้ผู้อื่นนาโครงงานดังกล่าวไปพัฒนาและใช้ในชีวิตประจาวัน 8. การเขียนรายงานมีประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างไร ก. เพื่อเป็นการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ข. เพื่อให้คนรุ่นหลังไว้ได้ศึกษา ค. เพื่อเป็นการรวบรวมและสรุปผล ง. เพื่อพัฒนาการทาโครงงานในครั้งต่อไป 9. ข้อใดคือขั้นตอนแรกของการทาโครงงาน ก. การเลือกหัวข้อโครงงาน ข. การจัดทารายงาน ค. การนาเสนอ ง. การศึกษาหาข้อมูล 10. แหล่งข้อมูลจากที่ใดที่มีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด ก. หนังสือ วารสารที่เกี่ยวข้อง ข. อินเทอร์เน็ต ค. ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้ ง. อาจารย์ที่ปรึกษา
  • 38. ภาคผนวกท้ายเล่มเอกสารประกอบการเรียนรู้ รายวิชาพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ 2 รหัสวิชา ว 30293 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สาขาวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
  • 39. โครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืช เรื่อง การศึกษาผลของฮอร์โมน.............(ชื่อฮอร์โมน).........ที่มีต่อ.....(ส่วนของพืชที่นักเรียนศึกษา)......... ของ...............(ชื่อพืชที่นักเรียนเลือกศึกษา).......... นำเสนอครูผู้สอน นำยวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ตำแหน่งครู คศ.1 สำขำชีววิทยำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ สมำชิกโครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืช 1. …………………(ชื่อ นำมสกุล เลขที่)................................... 2. …………………(ชื่อ นำมสกุล เลขที่)................................... 3. …………………(ชื่อ นำมสกุล เลขที่)................................... 4. …………………(ชื่อ นำมสกุล เลขที่)................................... ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 6 ห้อง ……………. สำยกำรเรียนวิทยำศำสตร์ – คณิตศำสตร์ โครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืชนี้เป็นส่วนหนึ่งของรำยวิชำชีววิทยำ 5 (ว 30245) ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2560 รูปสมาชิกโครงงานทั้งหมดหรือภาพกระบวนการทาโครงงานของนักเรียน
  • 40. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษำ บทคัดย่อ กล้อง โทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายภาพนิ่งในปัจจุบันนั้น มีความคมชัดมากขึ้น ราคาถูกลง และ สามารถพกพาได้ง่าย แต่ภาพที่ได้จากกล้องมีคุณภาพต่าเกินไปที่จะใช้กับโปรแกรมรู้จาตัวอักษร (OCR) เนื่องจากสภาวะแสงในการถ่ายภาพ โฟกัสของกล้อง เงา และปัจจัยอื่นๆ จากการสังเกตลักษณะเฉพาะของภาพเอกสารจากสแกนเนอร์ ผมจึงได้นาเสนอวิธีการ Binarization ใหม่ซึ่งใช้การแบ่งบริเวณภาพเป็นส่วนย่อยเพื่อให้ความซับซ้อนในแต่ละบริเวณของภาพลดน้อยลง โดยใช้ ค่า Skewness Coefficient เป็นเกณฑ์ หลังจากนั้นบริเวณที่ไม่มีตัวอักษรจะถูกแยกออกไปโดยใช้วิธี Difference of Gaussian ส่วนบริเวณที่เหลืออยู่จะถูก Threshold ด้วยวิธีการของ Otsu ซึ่งถูกปรับปรุงให้ สามารถทางานกับภาพที่มีตัวอักษรสีเข้มบนพื้นสีอ่อนได้ดีเช่นเดียวกับภาพที่มีตัวอักษรสีอ่อนบนพื้นสีเข้ม วิธีการที่นาเสนอนี้ได้ถูกนาไปใช้เปรียบเทียบกับวิธีการอื่นๆ ได้แก่ วิธีการของ Hui-Fuang, Niblack, และ Sauvola โดยภาพเอกสารถูกบันทึกด้วยกล้องดิจิตอลที่ความละเอียด 72 และ 120 dpi ขนาด 1600x1200 pixel โฟกัสสั้น จากการทดลองพบว่า ค่าความผิดพลาดจากการรู้จาตัวอักษรเฉลี่ยของวิธีการที่ได้นาเสนอนี้มีค่า เท่ากับ 14.59% ซึ่งสูงกว่าวิธีการของ Sauvola ที่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทดลองเพียง 4.92% แต่วิธีการที่ได้ พัฒนาขึ้นนี้สามารถทางานได้เร็วกว่าและใช้งานง่ายกว่า เนื่องจากไม่จาเป็นต้องให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลใดๆ เพื่อ ประมวลผล (ปรับตามความเหมาะสมกับโครงงานของนักเรียนนะครับ)
  • 41. กิตติกรรมประกำศ โครงงานเรื่อง เจลล้างมือกลิ่นสมุนไพร “AROMA THERAPY HAND GEL” จะสาเร็จลุล่วงไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้อานวยการโรงเรียนอานาจเจริญ นายจักรทิพย์ กีฬา นางลาวัณย์ นพพิบูลย์ ครูประจาวิชา ที่ช่วยให้คาปรึกษา ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงงาน ตลอดจนเอื้อเฟื้อสถานที่ และ ออกแบบผลงาน นายสุดใจ สุวรรณหาญ ที่ช่วยอนุเคราะห์อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการทดลอง นาย สมใจ หมายมั่น และธนวรรต ปรัสพันธ์ ที่ช่วยให้คาปรึกษาและอานวยความสะดวกในการทดลอง ขอขอบคุณผู้ปกครอง ครูโรงเรียนอานาจเจริญ และชุมชนที่ให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ และให้ กาลังใจตลอดมา คณะผู้จัดทาโครงงานขอขอบคุณท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ณ โอกาสนี้ คณะผู้จัดทา (ปรับตามความเหมาะสมกับโครงงานของนักเรียนนะครับ)
  • 42. สำรบัญ หน้า บทที่ 1 บทนา . . บทที่ 2 . . บทที่ 3 . . บทที่ 4 . . บทที่ 5 . บรรณานุกรม ภาคผนวก
  • 43. บทที่ 1 บทนำ ชื่อโครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืช เรื่อง การศึกษาผลของฮอร์โมน.............(ชื่อฮอร์โมน).........ที่มีต่อ.....(ส่วนของพืชที่นักเรียน ศึกษา).........ของ...............(ชื่อพืชที่นักเรียนเลือกศึกษา).......... สมำชิกโครงงำนกำรทดลองฮอร์โมนพืช 1. …………………(ชื่อ นามสกุล เลขที่)................................... 2. …………………(ชื่อ นามสกุล เลขที่)................................... 3. …………………(ชื่อ นามสกุล เลขที่)................................... 4. …………………(ชื่อ นามสกุล เลขที่)................................... นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง ……………. สายการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา อำจำรย์ผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ครู คศ.1 สาขาวิชาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่มำและควำมสำคัญ เนื่องจาก .......................... (ให้บรรยายเกี่ยวกับความสาคัญของพืชที่นักเรียนเลือกมาศึกษามี อะไรบ้าง เช่น ทางเศรษฐกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเราในปัจจุบัน)................................ นอกจากนี้ ..............................................(ให้บรรยายเกี่ยวกับความสาคัญของฮอร์โมนพืชที่นักเรียนเลือกมาศึกษา เป้าหมายในการศึกษา ส่วนของพืชที่ใช้ในการทดลองมีความสาคัญและมีความสัมพันธ์กับอิทธิพลของ ฮอร์โมนที่เลือกมาใช้อย่างไร)............................................... คณะผู้รับผิดชอบโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืช จึงมีความสนใจที่จะศึกษาผลของฮอร์โมน .............(ชื่อฮอร์โมน).........ที่มีต่อ.....(ส่วนของพืชที่นักเรียนศึกษา).........ของ...............(ชื่อพืชที่นักเรียน เลือกศึกษา).......... โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ..................................................................... คณะผู้รับผิดชอบ โครงงานการทดลองฮอร์โมนพืชมีความมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลที่ได้จะมีประโยชน์ต่อ ................................................................................ในอนาคตต่อไป คำถำมกำรทำโครงงำน สารละลายฮอร์โมน.......... (ชื่อฮอร์โมน).....ที่ความเข้มข้นใดจะส่งผลให้...........(ชื่อพืช)................มี ................(ส่วนของพืชที่ศึกษา)...................มากที่สุด สมมติฐำนกำรทดลอง ถ้าฮอร์โมน.......... (ชื่อฮอร์โมน).....ที่ความเข้มข้น........(คาดว่าจะดีสุด)...........มีผลต่อ....(ส่วนของพืช ที่ศึกษา)............เจริญดีที่สุด ดังนั้น สารละลายฮอร์โมน ..........(ชื่อฮอร์โมน).........ที่ความเข้มข้น........(คาด
  • 44. ว่าจะดีสุด)...........จะทาให้.....(ส่วนของพืชที่ศึกษา).........มี .............( เช่น ความสูง จานวนดอก จานวน ใบ).........มากที่สุด วัตถุประสงค์ของโครงงำน 1. เพื่อศึกษา………………………………………………………………………….. 2. เพื่อเปรียบเทียบ……………………………………………………………………… ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ 1. ได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่อง......................................................... 2. ได้ศึกษาเปรียบเทียบ.................................................... 3. เป็นการส่งเสริม........................................................... ขอบเขตของโครงงำน การทาโครงงานครั้งนี้คณะผู้รับผิดชอบมุ่งเน้นที่จะศึกษาเฉพาะ......................................................... ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง ตัวแปรต้น คือ ความเข้มข้นของ.......(ชื่อฮอร์โมน)................. ตัวแปรตาม คือ ............(ส่วนของพืชที่นักเรียนศึกษา)....................... ตัวแปรควบคุม คือ .............(สิ่งที่ทาให้เหมือนกัน เช่น อายุพืช ปริมาณดิน อุณหภูมิ)............. ช่วงระยะเวลำในกำรทำโครงงำน วันที่ เดือน ปีเริ่มทา - วันที่ เดือน ปีสิ้นสุดการทา วิธีกำรเก็บข้อมูล ................... เช่น การใช้ไม้บรรทัดที่มีมาตรฐานวัดความสูงของต้นไม้โดยวัดจาก......จนถึง......... พร้อมจดบันทึกผลการวัดความสูงลงในตารางแบบบันทึกที่ได้ออกแบบไว้เป็นต้น........................ วิธีกำรวิเครำะห์ผลข้อมูล .......... เช่น การหาค่าความถี่ของ......... การหาร้อยละของ........ การหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานของ....... การหาความสัมพันธ์ระหว่าง........ กับ ....... ในรูปแบบกราฟแท่งหรือกราฟเส้น เป็นต้น .. (ปรับตามความเหมาะสมกับโครงงานของเราที่ได้วางแผนไว้และดาเนินการทาจริงๆ นะครับ)
  • 45. บทที่ 2 เอกสำรที่เกี่ยวข้อง 1. เนื้อหำที่เกี่ยวกับพืชที่เลือกมำใช้ (สืบค้นจาก website แล้วเรียบเรียงให้เหมาะสมสวยงามทั้งข้อความ และรูปภาพประกอบ) . . . 2. เนื้อหำเกี่ยวกับฮอร์โมนที่เลือกมำใช้ (สืบค้นจาก website แล้วเรียบเรียงให้เหมาะสมสวยงามทั้ง ข้อความและรูปภาพประกอบ) . . . (รวมแล้วเนื้อหาทั้งหมดไม่ควรเกิน 10-15 หน้านะครับ)
  • 46. บทที่ 3 กำรดำเนินงำน วัสดุอุปกรณ์และสำรเคมี 1. ……………………………….. 2. ……………………………….. 3. ……………………………… 4. ……………………………….. 5. ……………………………….. 6. ……………………………….. (มีอะไรบ้ำงที่ใช้จริงใส่มำให้ครบนะครับ) ขั้นตอนกำรทำโครงงำน 1. ประชุมวางแผนคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ ซึ่งคือ การศึกษาเปรียบประสิทธิภาพการดูดซับ สารพิษประเภทไอระเหยยูเรียของถ่านไม้ไผ่ของแต่ละลักษณะ 2. ศึกษาและค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานดังนี้ 2.1. โครงสร้างของถ่านไม้ 2.2. ถ่านกัมมันต์ 2.3. ไอระเหยยูเรีย 2.4. ปัญหามลพิษทางอากาศในโรงงานอุตสาหกรรม 2.5. ไม้ไผ่ และกระบอกข้าวหลาม 3. เลือกใช้ถ่านไม้ไผ่ที่ทามาจากวัสดุเหลือใช้คือกระบอกข้าวหลาม 4. วางแผนรายละเอียดการทดลอง โดยแบ่งเป็น 3 ตอนดังนี้ 4.1. ตอนที่ 1 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละปริมาณในการดูดซับไอระเหยสารยูเรีย 4.2. ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละรูปร่างในการดูดซับไอระเหยสารยูเรีย 5. หาและติดต่อสถานที่ที่ใช้ในการทาทดลอง 6. จัดทาเค้าโครงโครงงาน เพื่อนาเสนอต่อ อาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อนาไปปรับปรุงและแก้ไข 7. จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทาการทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละปริมาณในการ ดูดซับไอระเหยสารยูเรีย 7.1.1. ถ่านไม้ไผ่ 300 กรัม 7.1.2. สารละลายยูเรีย 300 มิลลิลิตร 7.1.3. กระบอกตวง 3 อัน 7.1.4. กล่องพลาสติก 4 ใบ 7.1.5. กระดาษยูนิเวอร์เซลอินอิแตอร์
  • 47. 7.1.6. นาฬิกาจับเวลา 7.1.7. สมุดบันทึก 7.1.8. น้า 8. ขั้นตอนกระบวนการทาการทดลอง 8.1. ตอนที่ 1 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละปริมาณในการดูดซับไอระเหยสารยูเรีย 8.1.1. เตรียมกล่องไว้4 กล่อง แต่ละกล่องมี สารละลาย ยูเรียปริมาตร 25 มิลลิลิตร และมีอินดิเค เตอร์ชุบน้า ที่มี pH 7 วางไว้ในตาแหน่งเดียวกัน 8.1.2. นาวัสดุชนิดเดียวกับชุดการทดลองที่สอง มา 10 กรัม 20 กรัม 30 กรัม มาใส่ 3 กล่องแรก โดยมีรูปร่างทรงกระบอก กล่องที่ 4 เป็นกล่องควบคุม 8.1.3. จับเวลา ทุก 10 นาที เปรียบเทียบปริมาตรของสารละลายของยูเรียในแต่ละกล่อง และสีของ อินดิเคเตอร์ จากนั้นบันทึกผล จนครบ 3 ชม. 8.1.4. ทาการทดลองซ้าอีก 2 ครั้ง เพื่อหาค่าเฉลี่ยของผลการทดลอง 8.2. ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถ่านของแต่ละรูปร่างในการดูดซับไอระเหยสารยูเรีย 8.2.1. เตรียมกล่องไว้4 กล่อง แต่ละกล่องมี สารละลาย ยูเรียปริมาตร 25 มิลลิลิตร และมีอินดิเค เตอร์ชุบน้า ที่มี pH 7 วางไว้ในตาแหน่งเดียวกัน 8.2.2. นาวัสดุในชุดการทดลองแรกที่ดูดสารยูเรียได้มากที่สุด ปริมาณ 10 กรัม มาเปลี่ยนรูปร่าง เป็น ทรงกลม ทรงแบน และแบบผง ลงใน 3 กล่องแรก กล่องที่ 4 เป็นกล่องควบคุม 8.2.3. จับเวลา ทุก 10 นาที เปรียบเทียบปริมาตรของสารละลายของ ยูเรียในแต่ละกล่อง และสีของ อินดิเคเตอร์ จากนั้นบันทึกผล จนครบ 3 ชม. 8.2.4. ทาการทดลองซ้าอีก 2 ครั้ง เพื่อหาค่าเฉลี่ยของผลการทดลอง 9. สรุปผล อภิปราย และเสนอต่อ อาจารย์ที่ปรึกษา เป็นระยะ 10. จัดทาเอกสารเป็นรูปเล่มโครงงานให้สมบูรณ์ 11. จัดทาสื่ออภิปรายแสดงผลการทดลอง 12. นาเสนอโครงงาน (ปรับตามความเหมาะสมกับกระบวนการที่เราได้วางแผนไว้ที่จะทาโครงงานนะครับ)
  • 49. กรำฟเส้นแสดงผลกำรทดลอง (ปรับให้เหมาะสมกับตารางผลการทดลองของนักเรียนนะครับ) วิเครำะห์ผลกำรทดลอง (บอกความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของฮอร์โมนกับผลการเปลี่ยนแปลงของพืชที่ใช้ในการทดลอง เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม control low dose และ high dose) ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................
  • 50. บทที่ 5 สรุปและอภิปรำยผลกำรทดลอง ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สรุปและอภิปรำยผลกำรทดลอง (อธิบายเหตุผลโดยอ้างอิงหลักการทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของ ฮอร์โมนกับผลการเปลี่ยนแปลงของพืชที่ใช้ในการทดลอง และเพราะเหตุใดถึงเกิดความแตกต่างระหว่าง กลุ่ม control low dose และ high dose เป็นต้น) ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม (ปัญหา อุปสรรค และการต่อยอดในการทาโครงงานครั้งต่อไป สิ่งใดควรทาต่อไปหรือสิ่งใดควรหลีกเลี่ยง จากสิ่งที่ได้ดาเนินการทดลองผ่านมาแล้ว) ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................
  • 51. บรรณำนุกรม www.myfirstbrain.com/,ยูเรีย.สิงหาคม 2558, จากhttp://www.myfirstbrain.com/default.aspx รศ.รด.อภิสิฏฐ์ ศงสะเสน,โครงสร้างถ่านกัมมันต์.สิงหามคม 2558, จาก http://pirun.ku.ac.th/~fsciass/PDF/special%20lecture/preparation-activated-C-form-bamboo.pdf บริษัท ไทยซูมิ จากัด,ทาถ่านอัดแท่ง,สิงหามคม 2558, จาก http://pirun.ku.ac.th/~fsciass/PDF/special%20lecture/preparation-activated-C-form-bamboo.pdf ธัน ชาร์โคล,ทาความรู้เกี่ยวกับถ่าน,สิงหามคม 2558, จากhttp://www.tanncharcoal.com/ นางสาวดวงใจ กันยาประสิทธิ์ และคณะ.รำยงำนโครงงำนวิทยำศำสตร์ ประเภททดลอง เรื่อง ถ่ำนมะตูมอัด แท่ง พลังงำนทดแทน.โรงเรียนเมืองราดวิทยาคม,2554. เด็กหญิงพรรษมนต์ศรีวิไลเจริญ และคณะ.โครงงำนวิทยำศำสตร์ เรื่อง ถ่ำนจำกวสัดุธรรมชำติดูดกลิ่นไม่พึง ประสงค์ (Charcoal from natural materials absorbs Odors).โรงเรียนสงวนหญิง,2557. ปนิดา กิจธนรัตน์.โครงงำนวิทยำศำสตร์ เรื่อง ถ่ำนดูกลิ่นจำกเปลือกผลไม้.2557. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา https://www.youtube.com/watch?v=MWiiMtIXB94&app=desktop [ 13 กุมภาพันธ์ 2559 ]. โครงงำน เรื่อง ถ่ำนผลไม้ดับกลิ่นในตู้เย็น.2554. [ระบบออนไลน์].แหล่งที่มา http://lpsci.nfe.go.th/lpsci/attachments/184_pro8.pdf [ 13 กุมภาพันธ์ 2559 ]. (ตัวอย่างรูปแบบในการเขียนนะครับโดยอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่หามาในบทที่ 2)