Upload
Download free for 30 days
Login
Submit Search
1 14+ประมวลปัญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ์+(สำหรับเปรียญธรรมตรี)
0 likes
126 views
Tongsamut vorasan
1 of 197
Download now
Download to read offline
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
More Related Content
PDF
ใบความรู้การใช้ประโยคเพื่อสื่อสาร
ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์
PDF
การสร้างคำ
รุจาภา วงศ์กาฬสินธุ์
PDF
Th 2014-01-01
เด็กพรหมพิราม จร๊
PDF
1 01+บาลีไวยกรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
PPT
ครั้ง๗
vp12052499
PPT
ลักษณะภาษาไทย
pinyada
DOC
การสร้างคำในภาษาไทย
Kittitus Sa-admoang
PDF
การสร้างคำในภาษาไทย
bambookruble
ใบความรู้การใช้ประโยคเพื่อสื่อสาร
ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์
การสร้างคำ
รุจาภา วงศ์กาฬสินธุ์
Th 2014-01-01
เด็กพรหมพิราม จร๊
1 01+บาลีไวยกรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
ครั้ง๗
vp12052499
ลักษณะภาษาไทย
pinyada
การสร้างคำในภาษาไทย
Kittitus Sa-admoang
การสร้างคำในภาษาไทย
bambookruble
What's hot
(13)
DOC
ใบความรู้ลักษณะเฉพาะของภาษาไทยการสร้างคำ
ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์
PDF
ใบความรู้การสร้างคำในภาษาไทย
ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์
PPTX
ชนิดของคำ
chatchaisukhum1
PPTX
โครงงานคำควบกล้ำ
kruying pornprasartwittaya
DOCX
ชนิดของคำ
Anupong Juntakong
PDF
ราชาศัพท์
kruthai40
DOC
วิจัย ไทย
Kru Poy
PPT
หน่วยที่๑
panjit
PPT
ภาษาไทย
vp12052499
DOC
สรุปย่อ หลักภาษาไทย
Kun Cool Look Natt
PDF
เล่มที่ 6 คำอุทาน
สุกัญญา สุวรรณรัตน์
PPT
Korat
ทิพวรรณ พิทักษ์
PDF
47 61
zhengliyun
ใบความรู้ลักษณะเฉพาะของภาษาไทยการสร้างคำ
ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์
ใบความรู้การสร้างคำในภาษาไทย
ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์
ชนิดของคำ
chatchaisukhum1
โครงงานคำควบกล้ำ
kruying pornprasartwittaya
ชนิดของคำ
Anupong Juntakong
ราชาศัพท์
kruthai40
วิจัย ไทย
Kru Poy
หน่วยที่๑
panjit
ภาษาไทย
vp12052499
สรุปย่อ หลักภาษาไทย
Kun Cool Look Natt
เล่มที่ 6 คำอุทาน
สุกัญญา สุวรรณรัตน์
Korat
ทิพวรรณ พิทักษ์
47 61
zhengliyun
Ad
Viewers also liked
(19)
PDF
3 36คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๖
Tongsamut vorasan
PDF
6 54++ปัญจมสมันตปาสาทิกา+อรรถกถาพระวินัย+ปริวาร+วัณณนา
Tongsamut vorasan
PDF
8 67+วิสุทธิมรรคแปล+ภาค+๑+ตอน+๑
Tongsamut vorasan
PDF
6 51+ตติยสมันตปาสาทิกา+อรรถกถาพระวินัย+มหาวรรค+ตอน+๑
Tongsamut vorasan
PDF
7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)
Tongsamut vorasan
PDF
8 73+ปรมตฺถมญฺชสาย+นาม+วิสุทธิมคฺคสํวณฺณนาย+มหาฎีกาสมฺมตาย+(ปฐโม+ภาโค)
Tongsamut vorasan
RTF
-------------- --- 3
Tongsamut vorasan
DOC
6. ----------------- ---6
Tongsamut vorasan
PDF
หนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการทำงานงานมหารำลึก ปี 2557 ของสมัชชาสงฆ์ไทย
Tongsamut vorasan
PDF
3 29+ธมฺมปทฏฐกถา+(สตฺตโม+ภาโค)
Tongsamut vorasan
PDF
2 18+ธมฺมปทฏฐกถา+(จตุตฺโถ+ภาโค)
Tongsamut vorasan
PDF
กลอน ผู้นอนน้อย
Tongsamut vorasan
PDF
4 40+มงฺคลตฺถทีปนี+(ปฐโม+ภาโค)
Tongsamut vorasan
PDF
2 19+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
PDF
8 75+ปรมตฺถมญฺชสาย+นาม+วิสุทธิมคฺคสํวณฺณนาย+มหาฎีกาสมฺมตาย+(ตติโย+ภาโค)
Tongsamut vorasan
PDF
ธรรมบทย่อ
Tongsamut vorasan
PDF
1 04+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+ภาคที่+2+อาขยาต+และ+กิตก์
Tongsamut vorasan
PDF
1 10+อธิบายบาลีไวยากรณ์+อาขยาต
Tongsamut vorasan
PDF
7 63+ทุติยสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒
Tongsamut vorasan
3 36คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๖
Tongsamut vorasan
6 54++ปัญจมสมันตปาสาทิกา+อรรถกถาพระวินัย+ปริวาร+วัณณนา
Tongsamut vorasan
8 67+วิสุทธิมรรคแปล+ภาค+๑+ตอน+๑
Tongsamut vorasan
6 51+ตติยสมันตปาสาทิกา+อรรถกถาพระวินัย+มหาวรรค+ตอน+๑
Tongsamut vorasan
7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)
Tongsamut vorasan
8 73+ปรมตฺถมญฺชสาย+นาม+วิสุทธิมคฺคสํวณฺณนาย+มหาฎีกาสมฺมตาย+(ปฐโม+ภาโค)
Tongsamut vorasan
-------------- --- 3
Tongsamut vorasan
6. ----------------- ---6
Tongsamut vorasan
หนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการทำงานงานมหารำลึก ปี 2557 ของสมัชชาสงฆ์ไทย
Tongsamut vorasan
3 29+ธมฺมปทฏฐกถา+(สตฺตโม+ภาโค)
Tongsamut vorasan
2 18+ธมฺมปทฏฐกถา+(จตุตฺโถ+ภาโค)
Tongsamut vorasan
กลอน ผู้นอนน้อย
Tongsamut vorasan
4 40+มงฺคลตฺถทีปนี+(ปฐโม+ภาโค)
Tongsamut vorasan
2 19+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
8 75+ปรมตฺถมญฺชสาย+นาม+วิสุทธิมคฺคสํวณฺณนาย+มหาฎีกาสมฺมตาย+(ตติโย+ภาโค)
Tongsamut vorasan
ธรรมบทย่อ
Tongsamut vorasan
1 04+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+ภาคที่+2+อาขยาต+และ+กิตก์
Tongsamut vorasan
1 10+อธิบายบาลีไวยากรณ์+อาขยาต
Tongsamut vorasan
7 63+ทุติยสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒
Tongsamut vorasan
Ad
Similar to 1 14+ประมวลปัญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ์+(สำหรับเปรียญธรรมตรี)
(20)
PDF
ประมวลปัญหาเฉลยบาลี
บริษัทปุ้มปุ้ย
PDF
1 07+อธิบายบาลีไวยากรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
PDF
1 01+บาลีไวยกรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
PDF
1 01+บาลีไวยกรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Wataustin Austin
PDF
บาลี 01 80
Rose Banioki
PDF
1 01 บาลีไวยกรณ์ สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
PDF
1 07+อธิบายบาลีไวยากรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Wataustin Austin
PDF
บาลี 07 80
Rose Banioki
PDF
1 07+อธิบายบาลีไวยากรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
PDF
สังเกตบาลีสันสกฤต [โหมดความเข้ากันได้]
Nongkran Jarurnphong
PDF
04
manit akkhachat
PDF
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ย.1-2 พ.ศ.2511-2566 (56 ปี)_Pali grammar Exam...
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ธ.3 พ.ศ.2550-2566 (17 ปี)_Pali grammar Exam A...
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
1 11+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามกิตก์+และกิริยากิตก์
Wataustin Austin
PDF
บาลี 11 80
Rose Banioki
PDF
1 11+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามกิตก์+และกิริยากิตก์
Tongsamut vorasan
PDF
การสังเกตคำที่มาจากภาษาอื่น
kruthai40
PDF
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
Wataustin Austin
PDF
บาลี 08 80
Rose Banioki
PDF
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
Tongsamut vorasan
ประมวลปัญหาเฉลยบาลี
บริษัทปุ้มปุ้ย
1 07+อธิบายบาลีไวยากรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
1 01+บาลีไวยกรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
1 01+บาลีไวยกรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Wataustin Austin
บาลี 01 80
Rose Banioki
1 01 บาลีไวยกรณ์ สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
1 07+อธิบายบาลีไวยากรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Wataustin Austin
บาลี 07 80
Rose Banioki
1 07+อธิบายบาลีไวยากรณ์+สมัญญาภิธานและสนธิ
Tongsamut vorasan
สังเกตบาลีสันสกฤต [โหมดความเข้ากันได้]
Nongkran Jarurnphong
04
manit akkhachat
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ย.1-2 พ.ศ.2511-2566 (56 ปี)_Pali grammar Exam...
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ธ.3 พ.ศ.2550-2566 (17 ปี)_Pali grammar Exam A...
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
1 11+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามกิตก์+และกิริยากิตก์
Wataustin Austin
บาลี 11 80
Rose Banioki
1 11+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามกิตก์+และกิริยากิตก์
Tongsamut vorasan
การสังเกตคำที่มาจากภาษาอื่น
kruthai40
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
Wataustin Austin
บาลี 08 80
Rose Banioki
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
Tongsamut vorasan
More from Tongsamut vorasan
(20)
PDF
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
Tongsamut vorasan
PDF
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
PDF
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
PDF
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
PDF
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
PDF
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
Tongsamut vorasan
PDF
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
Tongsamut vorasan
PDF
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
Tongsamut vorasan
PDF
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
Tongsamut vorasan
PDF
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
Tongsamut vorasan
PDF
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
PDF
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
Tongsamut vorasan
PDF
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
Tongsamut vorasan
PDF
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
Tongsamut vorasan
PDF
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
DOCX
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
Tongsamut vorasan
PDF
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
Tongsamut vorasan
PDF
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
Tongsamut vorasan
PDF
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
Tongsamut vorasan
PDF
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
Tongsamut vorasan
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
Tongsamut vorasan
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
Tongsamut vorasan
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
Tongsamut vorasan
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
Tongsamut vorasan
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
Tongsamut vorasan
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
Tongsamut vorasan
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
Tongsamut vorasan
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
Tongsamut vorasan
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
Tongsamut vorasan
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
Tongsamut vorasan
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
Tongsamut vorasan
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
Tongsamut vorasan
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
1 14+ประมวลปัญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ์+(สำหรับเปรียญธรรมตรี)
1.
คํานํา หนังสือบาลีไวยากรณ เปนหลักสําคัญในการศึกษามคธภาษา ทานจัดเปนหลักสูตรของเปรียญธรรมตรีอยางหนึ่ง นักศึกษาบาลีขั้น ตนตองเรียนบาลีไวยากรณนี้ใหไดหลักกอน
จึงจะเรียนแปลคัมภีรอื่นๆ ตอไปได ผูรูหลักบาลีไวยากรณดี ยอมเบาใจในการแปลคัมภีรตาง ๆ เขาใจความไดเร็วและเรียนไดดีกวาผูอานไวยากรณ แตการเรียนนั้น ถาขาดหนังสืออุปกรณแลว แมทองแบบไดแมนยําก็เขาใจยาก ทําให เรียนชา ทั้งเปนการหนักใจของครูสอนไมนอย. กองตํารามหากฏราชวิทยาลัย ไดคํานึงถึงเหตุนี้ จึงไดคิด สรางเครื่องอุปกรณบาลีทุก ๆ อยาง ใหครบบริบูรณ เพื่อเปนเครื่อง ชวยนักศึกษาใหไดรับความสะดวกในการศึกษา และชวยครูผูสอน ใหเบาใจ ไดจัดพิมพเสร็จไปแลวหลายเรื่อง อุปการณบาลีไวยากรณ ก็เปนเรื่องหนึ่งที่จะตองจัดพิมพขึ้นใหเสร็จครบบริบูรณโดยเร็ว ไดขอ ใหพระเปรียญที่ทรงความรูหลายเชนรวบรวมและเรียบเรียง เฉพาะ ประมวลปญหาและเฉลยบาลีไวยากรณนี้ พระมหาอู นิสฺสโภ ป.ธ . ๗ วัดบวรนิเวศวิหาร เปนผูรวบรวมและเรียบเรียงตอลดเลม และ มอบลิขสิทธิ์สวนทีเรียบเรียงในหนังสือเลมนี้ ใหเปนสมบัติของ มหากุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภตอไป. ในการรวบรวมนั้น ทานไดรวบรวมปญหาและเฉลยนของนาม หลวง ตั้งแต พ.ศ. ๑๔๕๗ ถึง พ.ศ. ๑๔๘๐ รวม ๒๔ ชุด จัดเรียงใหเขาลําดับกันตามหนังสือบาลีไวยากรณ ตั้งแตอักขรวิธีเปน ตนไปจนถึงกิริยากิตก ตัดขอที่ซ้ํากันออก และวางเลขประจํา พ.ศ ที่ออกในสนามหลวงกํากับไวที่สุดคําเฉลยแหงขอนั้นดวยทุก ๆ ขอ ตอน ไหนขาดคือบกพรอง ทานไดเรียบเรียงปญหาและเฉลยเพิ่มเติมจน ครบทุกตอน และลงอักษรยอ [ อ. น. ] ซึ่งความหมายวา [ อู. นิสฺสโก] กํากับไวที่สุดคําเฉลยครบบริบูรณทุก ๆ ขอเชนเดียว
2.
กัน นับวาหนังสือเลมนี้มีปญหาและเฉลยครบบริบูรณทุก ๆ
ตอน. หวัง วาหนังสือเลมนี้จักอํานวยความรูหลักบาลีไวยากรณแกนักศึกษา ไดเปน อยางดี. กองตํารา ฯ ขอแสดงความขอบใจทานผูรวบรวมและเรียบเรียง หนังสือเลมนี้จนเปนผลสําเร็จไวในที่นี้ดวย. กองตํารา มหามกุฏราชวิทยาลัย ๒๐ ตุลาคม ๒๔๘๑
3.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 1 ประมวล ปญหาและเฉลยบาลีไวยากรณ [ ขอความทั่วไป ] ถ. บาลีไวยากรณวาดวยเรื่องอะไร ? แบงเปนกี่ภาค ? อะไร บาง ? ต. วาดวยเรื่องระเบียบถอยคําสํานวน และระเบียบหนังสือใน ภาษาบาลีทั่วไป. แบงเปน ๔ ภาค คือ อักขรวิธี ๑ วจีวิภาค ๑ วากยสัมพันธ ๑ ฉันทลักษณ ๑. [ อ. น. ] . ถ. ผูศึกษาบาลีไวยากรณ ไดรับประโยชนอยางไรบาง ? ต. ไดรับประโยชน คือ ความรูความเขาใจในภาษาบาลีวา อะไรเปนอะไร เปนเหตุใหใชถอยคําสํานวนถูกตอง ไดระเบียบตาม ภาษานิยม เชนเดียวกับผูเรียนไวยากรณภาษาไทยฉะนั้น. [ อ.น. ] ถ. ลักษณะอักขรวิธีและวจีวิภาค แผกกันอยางไร ? ต. อักขวิธี เปนวิธีวาดวยตัวอักษร เชนวิธีกอน วิธีตอตัว อักษร จัดวรรคตอนในสวนตัวอักษร เปนตน. วจีวิภาร เปนการแบง คําพูดที่ประกอบดวยตัวอักษรหลายตัวรวมกันเขาเปนคํา ๆ จําแนก คําพูดเหลานั้นออกเปนอยาง ๆ ตามลักษณะของคําพูด เชนคําพูดที่ เปนชื่อจัดไวพวกหนึ่ง คําพูดเปนกิริยาจัดไวพวกหนึ่ง ดังนี้เปนตน. [ ๒๔๖๗ ]
4.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 2 [ อักขรวิธี ] ถ. อะไรเรียกอักขระ ? อักขระแปลวาอะไร ? มีอุปการ อยางไรหรือ เขาจึงใชกันทุกชาติ ? ต. เสียงก็ดี ตัวหนังสือก็ดี ชื่อวาอักขระ. อักขระแปลวา ไมรูจักอยางหนึ่ง, ไมเปนของแข็งอยางหนึ่ง. เนื้อความของถวย คําทั้งปวง ตองหมายรูกันไดดวยอักขระทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เขาจึง ตองใชกันทุกชาติ. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. อักขรวิธี แบงออกเปนกี่แผนก ? อะไรบาง ? แผนกไหน วาดวยเรื่องอะไร ? ต. แบงเปน ๒ แผนก คือ สมัญญาภิธาน วาดวยอักษรที่เปน สระและพยัญชนะ พรอมทั้งฐานกรณแผนก ๑ สนธิ วาดวยตออักษร ที่อยูในคําอื่นใหเนื่องเปนอันเดียวกันแผนก ๑. [ อ. น. ]. [สมัญญาภิธานวาดวยสระและพยัญชนะ] ถ. อักขระที่ใชในบาลีภาษานั้น มีเทาไร ? อะไรบาง ? ต. มี ๔๑ ตัว คือ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ๘ ตัวนี้ชื่อสระ. ก ข ค ฆ ง, จ ฉ ช ฌ , ฏ ฑ ฒ ณ, ต ถ ท ธ น, ป ผ พ ภ ม, ย ร ล ว ส ห ฬ ๓๓ ตัวนี้ชื่อพยัญชนะ. [๒๔๖๓]. ถ. อักขระกับพยัญชนะ ตางกันหรือเหมือนกันอยางไร ? ต. ตางกัน อักขระ หมายความกวาง คือหมายถึงทั้งสระทั้ง พยัญชนะ, สวนพยัญชนะ หมายความเฉพาะพยัญชนะมี ก, ข. เปนตน ไมไดหมายความถึงสระดวย. [อ. น. ]
5.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 3 ถ. อะไรเรียกวาอักขระ พยัญชนะและนิคคหิต ? ในคําทั้ง ๓ นั้น คําไหนแปลวากระไร ? ต. เสียงก็ดี ตัวหนังสือก็ดี เรียกวาอักขระ, อักขระ แปลวาไมรู จักสิ้นอยาง ๑ ไมเปนของแข็งอยาง ๑ อักขระที่เหลือจากสระ ๓๓ ตัว มี ก. เปนตน มีนิคคหิตเปนที่สุด เรียกวาพยัญชนะ. พยัญชนะ แปลวา ทําเนื้อความใหปรากฏ พยัญชนะ คือ เรียกวา นิคคหิต นิคคหิต แปลวากดสระหรือกรณ. [ ๒๕๘๐]. ถ. อะไรเรียกวานิสัย ? อะไรเรียกวานิสสิต ? มีหนาที่ตาง กันอยางไร ? ต. สระ ๘ ตัวเรียกวานิสัย. พยัญชนะ ๓๓ ตัวเรียกวานิสสิต, นิสสัย มีหนาที่ออกสําเนียง และเปนที่อาศัยแหงพยัญชนะ. นิสสิต มีหนาที่ทําเนื้อความใหปรากฏ แตตองอาศัยสระ. [ ๒๔๖๔ ]. ถ. อักขระพวกไหนชื่อวานิสสัย ? พวกไหนชื่อวานิสสิต ? เพราะเหตุไร ? ต. อักขระ ๘ ตัวเบื้องตนชื่อวานิสสัย เพราะเปนที่อาศัยของ พยัญชนะ, ที่เหลือนอกนี้ชื่อวานิสสิต เพราะตองอาศัยสระ. [ ๒๔๖๘ ]. ถ. สระ ๘ ตัว ๆ ไหนเปนรัสสะ ทีฆะ ? และตัวไหน จัดเปน ครุ ลหุ? ต. อ อิ อุ เปนรัสสะ, อา อี อู เอ โอ เปนทีฆะ, แต เอ เปน โอ ๒ ตัวนี้ ถามีพยัญชนะสังโยคซอนกันอยูเบื้องหลัง ทานจัดเปนรัสสะ. สระที่เปนทีฆะลวน ๕ ตัว และที่เปนรัสสะมีพยัญชนะสังโยคและ
6.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 4 นิคคหิตอยูเบื้องหลัง จัดเปนครุ. สระที่เปนรัสสะลวน ไมมีพยัญชนะ สังโยคและนิคคหิตอยูเบื้องหลัง จัดเปนลหุ. [ อ.น. ] ถ. เอ โอ เปนรัสสสระไดไหม ถาไมไดก็แลวไป ถาได ยก ตัวอยางมาดู ? ต. ถามีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลังเปนรัสสสระได เหมือน คําวา เสยฺโย โสตฺถิ เปนตน. [๒๔๖๖]. ถ. เอ กับ โอ โดยฐานตางจากสระอื่นอยางไร จงบรรยายและ ชี้เหตุดวย ? ต. สระอื่นเกิดในฐานเดียว เอ กับ โอ เกิดใ น ๒ ฐาน เอ เกิด ที่คอและเพดาน. โอ เกิดที่คอและริมฝปาก. เพราะสระ ๒ ตัวนี้เปน สังยุตตสระ. อ กับ อิ ผสมกันเปน เอ. อ กับ อุ ผสมกันเปน โอ. [ ๒๔๗๐ ]. ถ. พยัญชนะ แปลวากระไร ? มีอุปการะแกอักขรวิธีอยางไร ? ต. พยัญชนะ แปลวา ทําเนื้อความใหปรากฏ คือใหไดความ ชัดเจนขึ้น มีอุปการะแกอักขรวิธีมาก เพราะความลําพังสระซึ่งเรียก วานิสสัย ถาไมมีพยัญชนะเขาอาศัยแลว ก็ไมไดความชัดตามภาษา ินิยม เชนจะพูดวา "ไปไหนมา" ก็จะเปน "ไอไออา" มีเสียง เหมือนกันไปหมด. แตเมื่อมีพยัญชนะเขาอาศัยแลว เสียงก็ปรากฏ ชัด ไดความตามภาษาใหสําเร็จประโยชนในการพูด การเขียนอักษร. [ อ. น. ]. ถ. พยัญชนะ ๓๓ ตัวนั้น จัดเปนวรรคก็มี เปนอรรคก็มี การ
7.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 5 จัดอยางนั้น ถืออะไรเปนหลัก หรือจัดสง ๆ ไปเชนนั้น ? ต. ถือฐานกรณเปนหลัก คือพยัญชนะที่เปนพวก ๆ กัน ตาม ฐานการณที่เกิด จัดเปนวรรค. ที่ไมเปนพวกเปนหมูกันตามฐานกรณ ที่เกิด จัดเปนอวรรค. มีหลักอยางนี้ มิไดจัดสง ๆ ไป. [ อ. น. ]. ต. พยัญชนะวรรค อวรรค อยางไหนมีจํานวนเทาไร ? จง บรรยาย. ต. พยัญชนะวรรค มี ๒๕ ตัว ก ข ค ฆ ง, จ ฉ ช ฌ , ฏ ฑ ฒ ณ, ต ถ ท ธ น, ป ผ พ ภ ม. ที่เปนอวรรค ๘ ตัว คือ ย ร ล ว ส ห ฬ [อ.น. ]. ถ. อนุสาร คืออะไร ? และแปลวาอะไร ? เหตุใดจึงชื่อ อยางนั้น ? ต. อนุสาร คือนิคคหิต, แปลวา ไปตามสระ. ไดชื่ออยางนั้น ก็เพราะไปตามสระ คือ อ อิ อุ เสมอ เหมือนคําวา อห เสตุ อกาสึ เปนตน. [๒๔๖๕ ]. [ฐานกรณของอักขระ ] ถ. ฐาน กับ กรณ ตางกันอยางไร ? และอยางไหนมีเทาไร ? จงแสดงมาดู. ต. ฐานไดแกที่ตั้งที่เกิดของอักขระ กรณ ไดแกที่ทําอักขระ. ฐานมี ๖ คือ กณฺโ คอ, ตาลุ เพดาน, มุทฺธา ศีรษะ, หรือปุมเหงือก ก็วา, ทนฺโต ฟน, โอฏโ ริมฝปาก, นาสิกา จมูก. กรณมี ๔ คือ ชิวฺหามชฺณ ทามกลางลิ้น ๑ ชิวฺโหปคฺค ถัดปลายลิ้นเขามา ๑
8.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 6 ชิวฺหคฺค ปลายลิ้น ๑ สกฏาน านของตน ๑. [ อ. น. ]. ถ. อะไรเปนฐานและกรณของพยัญชนะอรรค ? ในพยัญชนะ เหลานี้ ตัวไหนเปนสิถิลหรือธนิต ? รูไดอยางไร ? ต. เพดานเปนฐานของ ย, ทามกลางลิ้นเปนกรณของ ย. ศีรษะหรือปุมเหงือกเปนฐานของ ร, ถัดปลายลิ้นเขามาเปนกรณ ของ ร, ฟนเปนฐานของ ล, ปลายลิ้นเปนกรณของ ล, ฟนและ ริมฝปากเปนาของ ว, ปลายลิ้นและริมฝปากเปนกรณของ ว, ฟนเปนฐานของ ล, ปลายลิ้นเปนกรณของ ส, คอเปนฐานและเปน กรณของ ห, ศีรษะเปนฐานของ ฬ, ถัดปลายลิ้นเขามาเปนกรณ ของ ฬ, จมูกเปนฐานและกรณของนิคคหิต. ในพยัญชนะเหลานี้ ย ล ว ส ฬ เปนสิถิล, ร ห เปนธนิต รูไดวา ย ล ว ฬ ๔ ตัวนี้ ใชเปนตัวสะกดได มีเสียงเทากับพยัญชนะ ที่ ๓ ที่ ๕ ในวรรคทั้ง ๕ อันเปนสิถิลโฆสะ ใชสะกดไดเหมือกัน, ส รูไดวาเปนสิถิลอโฆสะ เพราะสะกดได มีเสียงเทากับพยัญชนะที่ ๑ ในวรรคทั้ง ๕ อันใชสะกดไดเหมือนกัน, ร ห เปน ธนิต เพราะ ใชเปนตัวสะกดไมได ซึ่งมีเสียงเทากับพยัญชนะที่ ๔ ในวรรคทั้ง ๕ อันใชสะกดไมไดเหมือนกัน. [ ๒๔๖๙ ]. ถ. ในจําพวกสระเอ กับ โอ เกิด ในฐานไหน? มีกําเนิดเปนมา อยางไร จึงไดเกินในฐานนั้น ? ต. เอ เกิดใน ๒ ฐาน คือ คอและเพดาน โอ เกิดใน ๒ ฐาน คือ คอและริมฝปาก, สระ ๒ ตัวนี้ เปนสังยุตตสระ ประกอบ
9.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 7 สระ ๒ ตัวเปนเสียงเดียวกัน. อ กับ อิ ผสมกันเปน เอ, อ กับ อุ ผสมกันเปน โอ, เพราะฉะนั้น เอ จึงเกิดในคอและเพดานตามฐาน ของ อ และ อิ, โอ จึงเกิดในคอและริมฝปากตามฐานของ อ และ อุ. [ ๒๔๕๙ ] ถ. อักขระอะไรบาง เกิดใน ๒ ฐาน ? ต. เอ, โอ, ง, , ณ, น, ม, ว, เกิดใน ๒ าน. [ ๒๔๖๒]. ถ. สระ ๘ ตัว เกิดฐานเดียวกัน หรือตางกันอยางไร ? ต. ไมเกิดฐานเดียวกันทั้งนั้น อ อา เกิดในคอ, อิ อี เกิดที่ เพดาน, อุ อู เกิดที่ริมฝปาก, เอ เกิดในคอและเพดาน, โอ เกิด ในคอและริมฝปาก. [ ๒๔๕๘ ]. ถ. ห แตลําพังตัวเอง เกิดที่ไหน ? และประกอบดวยพยัญชนะ อื่นอะไร ? เกิดที่ไหน ? ต. ห แตลําพังตัวเองเกิดแตคอ ประกอบดวยพยัญชนะ ๘ ตัว คือ ณ น ม ย ล ว ฬ ทานกลาววาเกิดที่อกดวย. [๒๔๖๐ ] ถ. กรณ ๓ นั้น กรณไหนสําหรับอักขระพวกไหน ? ต. ชิวฺหามชฺฌ ทามกลางลิ้น เปนกรณของอักขระที่เปนตาลุชะ, ชิวฺโหปคฺค ถัดปลายลิ้นเขามา เปนกรณของอักขระที่เปนมุทธชะ, ชิวฺหคฺค ปลายลิ้น เปนกรณของอักขระที่เปนทันตชะ, สกฏาน านของตน เปนกรณของอักขระที่เหลือจากนี้. [อ. น. ]. [ เสียงอักขระ ] ถ. เสียงของอักษรทั้งปวง ทานจัดอักษรอยางไหน มีเสียง
10.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 8 กี่มาตรา ? ต. ทานจัดอักษรที่เปนสระสั้นมาตราเดียว สระยาว ๒ มาตรา สระที่มีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง ๓ มาตรา, พยัญชนะทั้งหมด ตัวหนึ่ง ๆ มีเสียงกึ่งมาตรา ถาพยัญชนะควบกัน ๒ ตัว ก็มีเสียง ยาวเทากับพยัญชนะไมควบตัวหนึ่ง. [ อ. น. ]. ถ. สระกับพยัญชนะ ตองอาศัยกันจึงออกเสียได หรือไมตอง อาศัยกัน ก็ออกเสียงได ? ต. สระ แมจะไมอาศัยพยัญชนะก็ออกเสียงไดตามลําพัง เชน อาภา โอชา เปนตน คําวา อา โอ นั้น ไมมีพยัญชนะอาศัย แต ก็ออกเสียงได สวนพยัญชนะ จะออกเสียงตามลําพังไมได ตอง อาศัยสระจึงออกเสียงได เชน ติโร รุกฺโข เปนตน. [อ. น. ]. ถ. พยัญชนะอะไร จัดเปนอโฆสะ ? อะไรจัดเปนโฆสะ ? ต. พยัญชนะที่ ๑ ที่ ๒ ในวรรคทั้ง ๕ คือ ก ข, จ ฉ, ฏ , ต ถ, ป ผ, และ ส รวม ๑๑ ตัว เปนอโฆสะ มีเสียงไมกอง. พยัญชนะ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ในวรรคทั้ง ๕ คือ ค ฆ ง, ช ฌ , ฑ ฒ ณ, ท ธ น, พ ภ ม, และ ย ร ล ว ห ฬ. ๒๑ ตัวนี้ เปนโฆสะ มีเสียง กอง. [ อ.น.]. ถ. นิคคหิต จัดเปนโฆสะหรืออโฆสะ ?หรือไมจัดเปนทั้ง ๒ อยาง ? ต. ศัพทศาตราจารย จัดเปนโฆสะ สวนนักปราชญฝาย ศาสนา จัดเปนโฆสาโฆสวิมุต คือพนจากโฆสะและอโฆสะ [ อ.น .].
11.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 9 ถ. จงจัดพยัญชนะวรรคเปน ๔ หมู มีสิถิลอโฆสะเปนตน. และ พยัญชนะ ๔ หมู มีเสียงหนักเบากวากันอยางไร ? ต. จัดพยัญชนะวรรคเปน ๔ หมูนั้น ดังนี้ :- ๑. สิถิลอโฆสะ ก จ ฏ ต ป. ๒. ธนิตอโฆสะ ข ฉ ถ ผ. ๓. สิถิลโฆสะ ค ง ช ฑ ณ ท น พ ม. ๔. ธนิตโฆสะ ฆ ฌ ฒ ธ ภ. พยัญชนะเปนสิถิลอโฆสะ มีเสียงเบากวาทุกยัญชนะ, ธนิตอโฆสะ มีเสียงหนักกวาสิถิลอโฆสะ, สิถิดโฆสะ มีเสียงดังกวา ธนิตอโฆสะ, ธนิตโฆสะ มีเสียดังกองกวาสิถิลโฆสะ.๑ [ ๒๔๗๙ ]" ถ. พยัญชนะอะไรบาง เปนธนิตโฆสะ. และพยัญชนะพวกนี้ ออกเสียเชนไร ? ต. พยัญชนะที่ ๔ ในวรรคทั้ง ๕ คือ ฆ ฌ ฒ ธ ภ เปนธนิต- โฆสะ. พยัญชนะพวกนี้ ออกเสียงดังกอง มีเสียง ห แกม. [๒๔๕๗] ถ. พยัญชนะที่เปนอัฑฒสระคืออะไรบาง ? เหตุใดจึงชื่อดังนั้น ? ต. พยัญชนะ ๗ ตัว คือ ย ร ล ว ส ห ฬ. เพราะพยัญชนะ เหลานี้ บางตัวก็รวมลงในสระเดียวกันดวยพยัญชนะอื่น ออกเสียง พรอมกันได บางตัวแมเปนตัวสะกดก็คงออกเสียงหนอยหนึ่ง พอใหรู ไดวาตัวนั้นสะกด. [ ๒๔๗๖ ]. ๑. ขอนี้ที่จัดพยัญชนะที่สุดวรรคทั้ง ๕ คือ ง ณ น ม เขาเปนสิถิลโฆสะดวยนั้น กลาวตามคัมภีรกัจจายนเภท สวนคัมภีรอื่นมิไดกลาวไวอยางนั้น. (อ.น.)
12.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 10 [ พยัญชนะสังโยค] ถ. พยัญชนะเชนไรเรียกวาพยัญชนะสังโยค จงอธิบายถึงวิธี ที่อาจเปนไดเพียงไร ? ต. พยัญชนะที่ซอนกันเรียกวาพยัญชนะสังโยค วิธีที่อาจเปนได นั้นดังนี้ คือ พยัญชนะที่ ๑ ซอนหนาพยัญชนะที่ ๑และ ที่ ๒ ในวรรค ของตนได, พยัญชนะที่ ๓ ซอนหนาพยัญชนะที่ ๓ และที่ ๔ ในวรรค ของตนได, พยัญชนะที่สุดวรรค ซอนหนาพยัญชนะในวรรคของตน ไดทั้ง ๕ ตัว เวนแตตัว ง ซึ่งเปนตัวสะกดอยางเดียว ซอนหนาตัวเอง ไมได, ย ล ส ซอนหนาตัวเองได, นอกจากนี้ยังมีอีก แตทานมิได วางระเบียบไวแนนอน. [ ๒๔๗๗]. ถ. ลักษณะที่ประกอบพยัญชนะซอนกันไดนั้น เปนอยางไร ? พยัญชนะสนธิ เหตุใดจึงไดสนธิกิริโยปกรณแตเพียง ๕ ? และเหตุใด สระสนธิจึงมีสนธิกิริยาปกรณขาดไป ๑ ? ต. ลักษณะที่จะประกอบพยัญชนะซอนกันไดนั้น ดังนี้ ใน พยัญชนะวรรคทั้งหลาย พยัญชนะที่ ๑ ซอนหนาพยัญชนะที่ ๑ และ ที่ ๒ ในวรรคของตนได, พยัญชนะที่ ๓ ซอนหนาพยัญชนะที่ ๓ และ ที่ ๔ ในวรรคของตนได, พยัญชนะที่ ๕ สุดวรรคซอนหนาพยัญชนะใน วรรคของตนไดทั้ง ๕ ตัว ยกเสียแตตัว ง. ซึ่งเปนตัวสะกดอยางเดียว มิไดสําเนียงในภาษาบาลี ซอนหนาตัวเองไมได. พยัญชนะวรรคที่ ซอนกันดังนี้ก็ดี ตัว ย ล ส ซอนกัน ๒ ตัวก็ดี ไมมีสระคั่น พยัญชนะ ตัวหนาเปนตัวสะกดของสระที่อยูหนาตน ไมออกเสียงผสมดวย
13.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 11 พยัญชนะตัวหลัง. สวนพยัญชนะตัวหลังอาศัยสระตัวหลังออกสําเนียง พยัญชนะอาจจะลบได อาเทสได ลงอาคมก็ได ปกติก็ได ซอนกัน ก็ได แตจะทีฆะ รัสสะ หรือวิการไมได เพราะทีฆะ รัสสะและวิการ เปนของสระ เพราะฉะนั้น พยัญชนะสนธิจึงไดสนธิกิริโยปกรณแต เพียง ๕, สระจะซอนกันไมไดเลย ไดแตพียงผสมกัน เพราะฉะนั้น ในสระสนธิจึงไมมีสัญโญโค. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. พยัญชนะสังโยค ในพยัญชนะวรรคทั้งหลาย มีเกณฑที่ จะประกอบอยางไร ? จงแสดงอุทาหรณแหงพยัญชนะ ที่ซอนหนา ตัวเองทุกตัว. ต. มีเกณฑที่จะประกอบอยางนี้ คือ พยัญชนะที่ ๑ ซอนหนา พยัญชนะที่ ๑ และที่ ๒ ในวรรคของตนได, พยัญชนะที่ ๓ ซอหนา พยัญชนะที่ ๓ และที่ ๔ ในวรรคของตนได, พยัญชนะที ซอนหนา พยัญชนะในวรรคของตนไดทั้ง ๕ตัว เวนแตตัว ง ที่ซอนหนาพยัญชนะ อื่นๆ ในวรรคของตนได แตซอนหนาตัวเองไมได เพราะมิไดออก เสียงในภาษาบาลี มีไวสําหรับเปนตัวสะกดอยางเดียว. อุทาหรณ แหงพยัญชนะที่ซอนหนาตัวเอง คือ เนปกฺก วิทูนคฺค ปณฺฑจฺจ โสหชฺช การฺุ วฏฏ ฉฑฺฑิต ปณฺณ นีลตฺต หาลิทฺท ทินฺนธน สปฺปก นิพฺพาน โอปมฺม โสเจยฺย โกสลฺล โปริสฺส. [นปุ. ๑๗ ]. [ ๒๔๗๑ ] ถ. พยัญชนะอะไรบางซอนหนาตัวเองได ? พยัญชนะอะไรบาง ไดแตซอนหนาพยัญชนะอื่น ?
14.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 12 ต. พยัญชนะที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๕ ในวรรคทั้ง ๕ เวนแต ง กับ ย ล ส ซอนหนาตัวเองได, ง ว ฬ ไดแตซอนหนาพยัญชนะอื่นบางตัว [ ๒๔๗๘ ]. [ สนธิ] ถ. สนธิกับสมาส มุงลักษณะอยางเดียวกันมิใชหรือ ? เห็น อยางไร ? จงอธิบาย . ต. มุงลักษณะตางกัน สนธิหมายเอาลักษณะการตอตัวอักษร มิไดเพงถึงศัพท. สวนสมาสเพงการยอศัพทหลาย ๆ บท ใหเขาเปนบท เดียวกัน มิไดมุงการตอตัวอักษร. แตถาอักษรที่ตอกันในสมาส มีวิธีซึ่งตองตอดวยวิธีของสนธิ จึงตองเอาวิธีสนธิมาให. [ ๒๔๗๔ ]. ถ. จงพรรณนาความตางแหงศัพทสนธิกับศัพทสมาส ? มหา- สาโล ศัพทนี้ เปนศัพทสนธิดวยหรือไม ? เพราะเหตุไร ? ต. ศัพทสนธิกับศัพทสมาสตางกันอยางนี้ ตอศัพทและอักขระ ใหเนื่องกันดวยอักขระ เพื่อจะยออักขระใหนอยลง เปนอุปมการะใน การแตงฉันท และใหคําพูดสละสวย เรียกสนธิ. ยอบทวิภัตติ หลาย ๆ บท ใหเปนบทเดียวกัน เรียกสมาส. เปนศัพทสนธิดวย. เพราะอาเทสพยัญชนะ คือ ร เปน ล จึงเปนมหาสาโล. [ ๒๔๖๓]. ถ. สนธิ กลาวตามประเภทเปนกี่อยาง ? นิคคหิตสนธิ ๑ อยางไหน ตองใชสนธิกิริโยปกรณเทาไร ? คืออะไรบาง ? ต. เปน ๓ คือ สระสนธิ ๒ พยัญชนะสนธิ ๑ นิคคหิตสนธิ ๑ สระสนธิ ใชสนธิกิริโยปกรณ ๗ คือ โลโป อาเทโส อาคโม วิกาโร ปกติ ทีโฆ รสฺส. พยัญชนะสนธิ ใชสนธิกิริโยปกรณ ๕
15.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 13 คือ โลโป อาเทโส อาคโม ปกติ สฺโโค. สวนนิคคหิตสนธิ ใชสนธิกิริโยปกรณ ๔ คือ โลโป อาเทโส อาคโม ปกติ. [ ๒๔๖๘ ] ถ. สนธิมีชื่อวาอยางไร อยางไหนมีอุทากรณอยางไร ? ต. มีชื่อวา สระสนธิ พยัญชนะ สนธิ นิคคหิตสนธิ เปน ๓, สระสนธิ มีอุทาหรณวา ยสฺส= อินฺทฺริยานิ ลบสระหนาคือ อ ที่สุด แหงศัพท ยสฺส เสีย สนธิเปน ยสฺสินฺทฺริยานิ. พยัญชนะสนธิ มี อุทาหรณวา มหาสาโร เปนมหาสาโล. นิคฺคหิตสนธิ มีอุทาหรณ วา พุทฺธาน=สาสน เปน พุทฺธานสาสน. [ ๒๔๖๓ ]" ถ. สระสนธิ ตอสระนั้น คือตอสระอะไรกับอะไร ? และมี สนธิกิริโยปกรณอะไรบาง ? ต. คือตอสระที่สุดของศัพทหนาซึ่งเรียกวาสระหนา กับสระ หนาของศัพทหลังซึ่งเรียกวาสระหลัง มีสนธิกิริโยปกรณ ๗ คือ โลปะ อาเทส อาคม วิการ ปกติ ทีฆะ รัสสะ. [ ๒๔๖๐ ]. ถ. สระสนธิ ไดสนธิกิริโยปกรณเทาไร อะไรบาง ? โลปสระ เชนไรจําเปนตองทีฆะสระดวย เชนไรไมตอง ? ต. ไดสนธิกิริโยปกรณเปน ๗ คือ โลโป อาเทโล อาคโม วิกาโร ปกติ ทีโฆ รสฺส, ถาลบสระสั้นที่มีรูปเสมอกัน คือเปน อ หรือ อิ หรือ อุ ทั้ง ๓ ตัว ตองทีฆะสระสั้นที่ไมไดลบ เชน ตตฺร= อย เปน ตตฺราย, ยานิ= อิธ เปน ยานีธ, พหุ= อุปกาโร เปน พหูปกาโร หรือสระหนาเปนทีฆะ สระเบื้องปลายเปนรัสสะ เมื่อลบแลว ตอง ทีฆะสระหลัง เชน สทฺธา= อิธ เปน สทฺธีธ, นอกจากนี้ไมตอง. [๒๔๖๙].
16.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 14 ถ. จกฺขุ= อายตน สนธิเปน จกฺขายตน จะถูกหรือไม ? ถาถูก เปนสนธิอะไร มีวิธีอยางไร ถาไมถูก จะควรทําอยางไรจึงจะ ถูก ? และทําอยางนั้นดวยสนธิกิริโยปกรณอะไร ? ในสนธิอะไร ? ต. ถูก. เปนสระโลปสนธิ คือ ลบสนะหนา. อีกอยางหนึ่ง สนธิ เปน จกฺขฺวายตน ก็ได เปนอาเทส. [ ๒๔๖๐]. ถ. สระอะไรบาง เปนอาเทสไดเฉพาะในที่เชนไร ฒ? จงยก อุทาหรณ. ต. สระที่อาเทสได คือ อิ เอ อุ โอ ถามีสระอยูเบื้องหลัง แปลง อิ ตัวหนาเปน ย. ถาพยัญชนะซอนกัน ๓ ตัว ลบพยัญชนะ ที่มีรูปเสมอกันเสียตัวหนึ่ง อุทหรณ ปฏิสนฺถารวุตติ= อสฺส เปน ปฏิสนฺธารวุตฺยสฺส, เอา เอ เปน ย อุทาหรณ เต = อสฺส เปน ตฺยสฺส, เอา โอ เปน ว อุทาหรณฺ อถโข=อสฺส เปน อถขฺวสฺส, เอา อุ เปน ว อุทกาหรณ พหุ= อาพาโธ เปน พหฺวาพาโธ ถามี สระอยูขางหนา แปลง เอ ตัวหนาแหง เอว ศัพทอันอยูเบื้องปลาย เปน ริ ไดบาง แลวรัสสะตัวหนาใหสั้น อุทาหรณ ยถา-เอว เปน ยถริว. [๒๔๖๑]. ถ. จิตฺตขฺวาห วตฺเถรวตฺถ ตัดบทอยางไร ? ต. จิตฺต โข อห ลบนิคคหิต และเอา โอ เปน ว. วตฺถุ เอตฺถ เอา อุ เปน ว. [ ๒๔๖๒ ]. ถ. สระสนธิ ในที่เชนไร แปลนิคคหิตเปน จงนําอุทาหรณ
17.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 15 มาแสดง ? ต. พยัญชนะวรรคและ เอ, ห อยูหลัง แปลงนิคคหิตเปน อุทาหรณ พุทฺธฺจ มมฺเว เอวฺหิ. ย อยูหลัง แปลนิคคหิต กับ ย เปน อุทาหรณ สฺโชน. [๒๔๗๓ ]. ถ. ในสระสนธิ เมื่อลบสระแลว อยางไรตองทีฆะ? อยางไร ไมตอง ? อุทาหรณวา โนเปติ เปนทีฆสนธิใชไหม? เพราะเหตุไร ? ต. ถาลบสระยาวหรือสระสั้นที่มีรูปไมเสมอกัน ตองทีฆะสระสั้น ที่ไมไดลบ ถาลบสระสั้นที่รูปไมเสอมกัน ไมตองทีฆะสระสั้นที่ ไมไดลบก็ได. ไมใช เพราะทีฆะ ทานประสงคทําสระสั้นใหยาว เชน อ เปน อา, อิ เปน อี, อุ เปน อี, อุ. ถาเอา อิ เปน เอ เอา อุ เปน โอ ทานเรียกวิการ. [ ๒๔๕๙]. ถ.ในสนธิ ในที่เชนไร วิการ อิ เปน เอ และ อุ เปน โอ ได จง ชักอุทาหรณมาดวย ? ต. ในที่มีสระ อ อยูขางหนา วิการ อิ เปน เอ และ อุ เปน โอ ได อุทาหรณ พนฺธฺสฺส= อิง พนฺธุสฺเสว, น -อุเปติ โนเปติ เวน ไวแตมีพยัญชนะสังโยคสะกดสระ อิ หรือ อุ นั้น อุทาหรณ เทว= อินฺโท เทวินฺโท, จิตฺต = อุปฺปาโท จิตฺตุปฺปาโท. [ ๒๔๕๗ ]. ถ. ทีฆสนธินั้น แบงเปนเทาไร ? คืออะไรบาง ? อยางไหน อุทาหรณอยางไร ? ต. แบงเปน ๒ คือ ทีฆะสระหนาอยาง ๑ ทีฆะสระหลังอยาง ๑ ทีฆะสระหนานั้นดังนี้ สระหนาเมื่อสระหลังลบแลว ทีฆะไดบาง
18.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 16 อุทาหรณวา สาธุ= อิติ เปน สาธูติ หรือพยัญชนะอยูหลัง ทีฆะไดบาง อุทาหรณ มุนิ= จเร เปน มุนีเจ ทีฆะสระหลังก็อยางเดียวกัน ตางแต ลบสระหนาทีฆะสระหลัง ดังนี้ สทฺธา=อิธ เปน สทฺธีธ. [ ๒๔๖๖ ]. ถ. พยัญชนะสนธิ ไดสนธิกิริโยปกรณเทาไร? สวนอาเทโส พยัญชนะ อยางไหนนิยมสระ อยางไหนนิยมพยัญชนะ อยางไหน ไมนิยมเลย ? ต. พยัญชนะสนธิ ไดสนธิกิริยาโยปกรณ ๕ คือ โลโป อาเทโส อาคโม ปกติ สฺโโค. สวนอาเทสพยัญชนะ ถาสระอยูหลัง แปลง ติ ที่ทําเปน ตฺย แลวใหเปน จฺจ อุทาหรณ อิติ= เอว อิจฺเจว แปลง อภิ เปน อพฺภ อุทาหรณ อภิ=อุคฺคจฺฉติ เปน อพฺภุคฺคจฺฉติ เปนตน อยางนี้ นิยมสระ ถาพยัญชนะอยูเบื้องหลัง แปลง อว เปนโอ อุทาหรณ อว= นทฺธา เปน โอนทฺธา เปนตน อยางนี้นิยมพยัญชนะ แปลง ธ เปน ห อุทาหรณ สาธุ=ทสฺสน เปน สาหุทสฺสน เปนตน อยางนี้ไมนิยมเลย. [ ๒๔๖๔ ]. ถ. อาเทสพยัญชนะสนธิ มีวิธีทําอยางไร ที่เรียกวา นิยมสระ นิยมพยัญชนะ และไมนิยมกันเลย จงยกอุทาหรณประกอบดวยทุกแหง ? ต. มีวิธีทําอยางนี้ ถาสระอยูหลัง แปลงติ ที่ทานทําเปน ตฺย แลวใหเปน จฺจ อุทาหรณ อิติ = เอว เปน อิจฺเจว เปนตน ดังนี้ เรียกวา นิยมสระ [คือนิยมสระเบื้องหลัง], แปลง อว เปน โอ อุทาหรณ อว= นทฺธา เปน โอนทฺธา ดังนี้ เรียกวา นิยมพยัญชนะ [คือพยัญชนะอยูเบื้องหลัง] แปลง ธ เปน ห อุทาหรณ สาธุ =
19.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 17 ทสฺสน เปนตน สาหุทสฺสน แปลง ท เปน ต อุทาหรณ สุคโท เปน สุคโต เปนตน เรียกวา ไมนิยมเลย [ คือไมนิยมสระหรือพยัญชนะ เบื้องปลาย ] [ ๒๔๖๒ ]. ถ. ขอขอบังคับและตัวอยางพยัญชนะอาคม ๘ ตัว ? ต. พยัญชนะอาคม ๘ ตัว ย ว ม ท น ต ร ฬ นี้ ถาสระอยู เบื้องหลัง ลงไดบางดังนี้ ย อาคม ยถา=อิท ยถายิท, ว อาคม อุ = ทิกฺขติ เปน วุทิกฺขติ, ม อาคม ครุ=เอสฺสติ เปน ครุเมสฺสติ, ท อาคม อตฺต = อตฺโถ เปน อตฺตทตฺโถ, น อาคม อิโต=อายติ เปน อิโตนายติ, ต อาคม ตสฺมา= อิห เปน ตสฺมาติห, ร อาคม สพฺภิ=เอว เปน สพฺภิเรว, ฬ อาคม = อายตน เปน ฉฬายตน, ใน สัททนีติ วา ลง ห อาคมก็ได อุทาหรณวาสุ = อุชุ เปน สุหุชุ, สุ = อุฏิต เปนสุหุฏิต. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. อาคโม และ สฺโโค ในพยัญชนะสนธิ ๘ ตัว ย ว ม ท น ต ร ฬ ถาสระอยูหลัง ลงไดบาง, ในสัททนีติวา ลง ห อาคม ก็ได. สวน สฺโโค แบงเปน ๒ คือ ซอนพยัญชนะที่มีรูปเหมือน กันอยาง ๑ ที่ไมเหมือนกันอยาง ๑ อุทาหรณที่ตน อิธ= ปโมทติ เปน อิธปฺปโมทติ, จาตุ =ทสี เปนจาตุทฺทสี, อุทาหรณที่ ๒ เอา อักขระที่ ๑ ซอนหนาอักขระที่ ๒ อักขระที่ ๓ ซอนหนาอักขระที่ ๔ ดังอุทาหรณวา จตฺตาริ = านานิ เปน จตฺตาริฏานานิ, เอโสว
20.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 18 จ=ฌานผโล เปน เอโสว จชฺฌานผโล. [๒๔๖๖]. ถ. การลงอาคมทั้งสระและพยัญชนะ มีจํากัดอยางไร ? จง อธิบายและยกอุทาหรณ. ต. มีจํากัดอยางนี้ ถาสระ โอ อยูหนา พยัญชนะอยูหลัง ลบ โอ เสีย แลวลง อ อาคม อุทาหรณ โส สีลวา เปน สสีลวา, ถา พยัญชนะ อยูเบื้องปลาย ลง โอ อาคม ก็ได อุทาหรณ ปร= สหสฺส เปน ปโรสหสฺส, สวนพยัญชนะอาคมนั้น มีจํากัดใหลงได ๘ ตัว คือ ย ว ม ท น ต ร ฬ แตตองมีสระอยูเบื้องหลังจึงจะลงได อุทาหรณ ยถา=อิท เปน ยถายิท, อุ = ทิกฺขติ เปน วุทิกฺขติ, ครุ = เอสฺสติ เปน ครุเมสฺสติ, อตฺต= อิห เปน ตสฺมาติห, สพฺภิ= เอว เปน สพฺภิเรว ฉ= อายตน เปน ฉฬายตน แตในสัททนีติ ลง ห อาคมก็ได อุทาหรณ สุ = อุชุ เปน สุหุชุ. [๒๔๖๘]. ถ. ในสระสนธิ ในที่เชนไร แปลงนิคคหิตเปน ได ชัก อุทาหรณมาเทียบดวย ? ต. พยัญชนะวรรคและ เอ, ห อยูหลัง แปลงนิคคหิตเปน ญ ได อุทาหรณ ธมฺมฺจเร, ปจฺจตฺตฺเว, เอวฺหิ. ย อยูหลัง แปลงนิคคหิต กับ ย เปน ฺ อุทาหรณ สฺโโค. [ ๒๔๕๘ ]. ถ. จงใหตัวอยางแหงอาเทสสนธิทั้ง ๓ เฉพาะนิยมสระเบื้อง ปลาย ? ต. สารเทสสนธิ เชนคําวา อคฺยาคาร พหฺวาพาโธ. พยัญชนา-
21.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 19 เทสสนธิ ดังคําวา อิจฺเจว อชฺฌคมา อชฺโฌกาโส. นิคคหิตาเทส- สนธิ เชนคําวา ตฺเว, เอตทโวจ, ยมห.[ ๒๔๖๙]" ถ. การลงอาคม ทานบัญญัติใหใชในสนธิไหน ? จงแสดง พรอมทั้งวิธีหรือโอกาสที่ทานอนุญาตใหลงดวย ? ต. ในสระสนธิ ถามีพยัญชนะอยูหลัง สระ โอ อยูหนา ลบ โอ แลวลง อ อาคมได,ถาสระ อ อยูหนา ลบ อ แลวลง โอ อาคม ได, ในพยัญชนะสนธิ ถามีสระอยูหลัง ลง ย ว ม ท น ต ร ฬ อาคมได, ในสัททนีติวา ห อาคมก็ลงได, ในนิคคหิตสมาธิ ถาสระ หรือพยัญชนะอยูหลัง ลงนิคคหิตอาคมได. [ ๒๔๘๑ ]. ถ. อาเทสกับวิการ ตางกันอยางไร ? เมื่อพบอุทาหรณวา นิพฺเพมติโก จะเขาใจวาเปนมาอยางไร ? ต. อาเทส ไดแกแปลงสระหรือนิคคหิตใหเปนพยัญชนะ หรือ แปลงพยัญชนะใหเปนสระ หรือเปนพยัญชนะอื่นจากเดิม, สวน วิการไดแกทําสระใหเปนสระมีรูปผิดจากวัณณะเดิม ตางกันอยางนี้. นิพฺเพมติโก เขาใจวาเดิมเปน นิ วิ มติโก วิการ อิ เปน เอ อาเทส ว เปน พ แลวสังโยค คือ ซอน พ. [๒๔๗๑ ]. ถ. ปจฺจุปการ อุภยมฺเปต สพฺพตฺถมปราชิตา ศัพทไหนเปน สนธิอะไรไดบาง จงแถลงวิธีสนธินั้น ๆ ใหสิ้นเชิง ? ต. ปจฺจุปการ เปนพยัญชนะสนธิ เดิมเปน ปติ= อุปการ แปลง ติ เปน ตยฺ แลวแปลงเปน จฺจ. อุภยมฺเปต เปนนิคคหิตสนธิ ในทอนหนา เปนสระสนธิในทอนหลัง เดิมเปน อุภย= ป= เอต แปลง
22.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 20 นิคคหิตเปน ม เปนเสร็จในเรื่องนิคคหิตสนธิทอนตน ทอนหลัง ลบ อิ เสีย สนธิเขาเปน เป เปนสระสนธิ. สพฺพตฺถมปราชิตา เปน พยัญชนะสนธิ เดิมเปน สพฺถตฺถ=อปาราชิตา ลง ม อาคม. [๒๔๖๗ ]. ถ. ทุกฺขมเนฺติ เสนาสนฺตุฏ กวาจะสําเร็จรูปอยางนี้ได ตอง ผานวิธีแหงสนธิอะไรบาง ? จะแสดงใหสิ้นเชิง. ต. ทุกฺขมเนวฺติ ตัดบทเปน ทุกฺข อเนฺวติ. ทุกฺข ทุ = ขม ข ซอน กฺ หนา ข โดยวิธีแหงสัญโญคสนธิ. อเนฺวติ อนุ = เอติ เอา อุ เปน ว โดยวิธีแหงสราเทสสนธิ. ทุกฺข=อเนฺวติ เอานิคคหิตเปน ม โดยวิธีแหงนิคคหิตาเทสสนธิ สําเร็จรูปเปน ทุกฺขมเนฺวติ. เสนา- สนฺตุฏ ตัดบทเปน เสน = อนสฺตุฏ, อสนฺตุฏ น ส = ตุฏ เอา นิคคหิตที่ ส เปน น โดยวิธีแหงนิคคหิตาเทสสนธิ เสน = อสนฺตุฏ ลบสระหนา ทีฆะสระหลัง โดยวิธีแหงสรโลปสนธิและทีฆสนธิ สําเร็จ รูปเปน เสนาสนฺตุฏ. [ ๒๔๘๙ ]. ถ. ในวิธีของสนธิกิริโยปกรณ ๘ อยาง เฉพาะบางปกติ ดู ไมนาจะเปนอุปการะแกการตออยางไรเลย แตไฉนทานจึงจัดเขาประจํา ทั่วทั้ง ๓ สนธิ หรืออาจเปนไดบาง ? เห็นอยางไร จงอธิบายมา ? ต. เปนอุปการะไดอยาง ๑ เพราะการตออักขระ ซึ่งเรียกวา สนธินั้น จะตอเขาเฉยๆ โดยไมมีหลักเกณฑไมได จะตอไดเฉพาะ ตามหลักที่วางไว เชน โลปะ เปนตน แตเมื่อตองการจะตอเขาเฉยๆ โดยไมตองลงหรือทําอยางอื่น เชนนี้ก็ตองตอโดยใชหลักที่เรียกวา
23.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 21 ปกติ คงรูปไวตามเดิม จึงเห็นวา ปกติ ก็มีประโยชนอยูในสนธิทั้ง ๓. [ ๒๔๘๐ ]. [ นาม ] ถ. จงแสดงลักษณะแหงนามทั้ง ๓ ใหเห็นวาตางกัน ยกตัวอยาง มาสักประโยคหนึ่ง เปนคํามคธหนึ่งคําไทยก็ตาม แสดงใหเห็นวา คํานั้น ๆ เปนนามนั้น ๆ ? ต. นามที่เปนชื่อของคน, สัตว, ที่, สิ่งของ เปนนามนาม. นามที่แสดงลักษณะของนามนาม สําหรับหมายใหรูวานามนามนั้น ดีหรือชั่วเปนตน เปนคุณนาม. สัพพนาม เปนศัพทสําหรับใชแทน นามนามที่ออกชื่อมาแลว เพื่อจะไมใหซ้ํา ๆ ซาก ๆ. อุจฺจ ขตฺติยสฺส กุล , ต ชนเหิ มานิต. กุล เปนชื่อขอสกุล เปนนามนาม, อุจฺจ แสดงลักษณะของสกุล เปนคุณนาม, ต ใชแทนสกุล เปน สัพพนาม. [ ๒๔๕๙]. ถ. นามศัพท เมื่อนําไปใชในขอความทั้งปวง จะตองทํา อยางไร ? ต. ตองประกอบดวยลิงค วจนะ และ วิภัตติ. [ ๒๔๖๐ ]. ถ. นามศัพททั้ง ๓ อยางไหนแบงเปนกี่อยาง ? อะไรบาง ? ต. นามนาม แบงเปน ๒ อยาง คือ สาธารณนาม ๑ อสาธารณ- นาม ๑. คุณนาม แบงเปน ๓ อยาง คือ ปกติ ๑ วิเสสน ๑ อติวิเสส ๑. สัพพนาม แบงเปน ๒ อยาง คือ ปุริสสัพพนาม ๑ วิเสสนสัพพนาม ๑. [ อ. น. ]
24.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 22 ถ. คุณนามแบงเปน ๓ จะสังเกตรูปไดอยางไรวา นี้เปนคุณนาม ชั้นนั้นชั้นนี้ ? ต. สังเกตรูได ๒ อยาง คือ สังเกตคําแปลอยาง ๑ สังเกต ศัพทอยาง ๑. สังเกตคําแปลนั้น คือ ปกติคุณนาม แสดงลักษณะ อาการหรือสมบัติของนามนามตามปกติ เชน คนมีศรัทธา, มีศีล. ไมมีคําแปลวา "ยิ่ง หรือ กวา" และคําแปลวา "ที่สุด" วิเสส- คุณนาม มีคําแปลวา "ยิ่ง หรือ กวา" เชน ดียิ่ง หรือคําอื่นๆ อีกที่แสดงวา ดีหรือชั่วที่สุด เชน บาปที่สุด ดุรายที่สุด สูงเกิน เปรียบ. สังเกตศัพทนั้น คือ ศัพทที่เปนปกติคุณนาม ไมมีปจจัย อุปสรรคและนิบาต ที่แสดงความยิ่งและหยอนกวาปกติตอทายหรือ อยูหนา เชน สทฺโธ สีลวา เปนตน.ศัพทที่เปนวิเสสนคุณนาม มี ตร อิย ปจจัยในตัทธิตตอทายบาง เชน ลามกตโร ปาปโย, มี อติ อุปสรรคนําหนาบาง เชน อติสุนฺทโร เปนตน. ศัพทที่เปนอติ- วิเสสคุณนาม มี ตม อิฏ ปจจัยในตัทธิตตอทายบาง เชน ปาปตโม จณฺฑิฏโ มีอติวิยอุปสรรคและนิบาตนําหนาบาง เชน อติวิยอุจฺโจ เปนตน. [ อ. น.] ถ. นามศัพท ถานําไปใชในขอความทั้งปวง ตองประกอบ ดวยอะไร ? เมื่อไดประกอบไดกับวิภัตติแลว เปนประโยชนแกผูศึกษา อยางไรบาง ?
25.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 23 ต. ตองประกอบดวย ลิงค วจนะ วิภัตติ. เปนประโยชน ใหผูศึกษาเขาใจ การันต ลิงค วจนะ และอายตนิบาตคือคําตอ ซึ่ง ทานจัดไวสําหรับวิภัตติโดยแนนอนและชัดเจนขึ้น เชนคําวา ซึ่ง, ดวย, แก, จาก, ของ, ใน, เปนตน ตองใชวิภัตติขางหลังบอก ใหรูเนื้อความนั้น ๆ ทั้งสิ้น. [ ๒๔๖๒ ]. ถ. นามนามกับคุณนาม ตางกันอยางไร ? ภทฺร บาป เปน นามหรือคุณ หรือเปนไดทั้ง ๒ อยาง ? ถาเปนอะไร ก็ใหบอกถึง ชั้นดวย ? ต. นามที่เปนชื่อของ คน สัตว ที่ สิ่งของ เปนนามนาม, สวนนามที่แสดงลักษณะของนามนาม สําหรับหมายใหรูไดวาดีหรือชั่ว เปนตน เปนคุณนาม, เปนไดทั้ง ๒ อยาง ที่เปนนามนาม เปนชั้น สาธารณะ ที่เปนคุณนาม เปนชั้นปกติ. [๒๔๖๘ ]. ถ. การแบงนามนามเปน ๒ นั้น อาศัยเหตุอะไร? การแบง เชนนั้น มีประโยชนอยางไร ? ต. อาศัยชนิดของนามนามนั่นเอง ซึ่งประชาชนใชพูดกัน โดยไมจํากัดนามอยางหนึ่ง. โดยจํากัดนามอยางหนึ่ง. การแบงเชน นั้น ก็มีประโยชนที่จะใหทราบความจํากัด หรือความไมจํากัดของ นามโดยแนนอน เมื่อรูเชนนั้น ยอมไดรับความสะดวกในเวลาพูด คือ เมื่อตองการจะพูดจํากัดหรือไมจํากัดนามอยางไร ก็เลือก พูดไดตามประสงค. [ อ.น. ]. ถ. จงแสดงใหเห็นวา นามนามมีอํานาจเหนือคุณศัพทอยางไร ?
26.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 24 จะควรเรียงคุณศัพทไวหนานามหรือหลังนาม จึงจะเหมาะ จงให ตัวอยาง ? ต. มีอํานาจที่จะบังคับคุณศัพทใหมี ลิงค วจนะ วิภัตติ เสมอ กับนามนาม ซึ่งเปนเจาของ เพราะวาคุณศัพทจะไดก็ตองอาศัยนาม ถานามไมมี คุณศัพทก็ไมปรากฏ, คุณนาม แสดงลักษณะ ของ นามนามบทใด เรียงไวหนานามนามบทนั้น ดังนี้ อุจฺโจ รุกฺโข, อุจฺเจ รุกฺเข สุกณา. ถาเนื่องดวยกิริยาวามี วาเปน เรียงไวหลังนามนาม ซึ่งเปนเจาของ หนากิริยาวามี วาเปน ดังนี้ สุคนฺธ ปุปฺผ มนุสฺสาน มนาป โหติ. [ ๒๔๗๕ ]. ถ. คุณศัพทเนื่องดวยกิริยาวามี วาเปน เรียงไวหลังนาม ซึ่ง เปนเจาของ หนากิริยาวามี วาเปน มิใชหรือ ? ถาเปนเชนนั้น ๒ บทวา สุสสฺสา สุลภปณฺฑา ในอุทาหรณนี้วา เตน โข ปน สมเยน เวสาลี สุภิกฺขา โหติ สุสสฺสา สุลภปณฺฑา ทําไมจึงเรียงไวหลังกิริยา ? ต. คําวาคุณศัพทเนื่องดวยกิริยาวามี วาเปน เรียงไวหลังนาม- นาม ซึ่งเปนเจาของ หนากิริยาวามี วาเปนนั้น ทานกลาวหมาย เฉพาะที่มีคุณศัพทบทเดียว แตอุทาหรณนี้ มีคุณศัพทเชนนั้นถึง ๓ บท คือ สุภิกฺขา สุสสฺสา สุลภปณฺฑา เมื่อมีคุณศัพทเนื่องดวย กิริยาวามี วาเปน หลายบทเชนนี้ ทานใหเรียงไวหนากิริยานั้นแตบท เดียว ที่เหลือเรียงไวหลังกิริยาทั้งสิ้น ดังนี้. [๒๔๗๖]. ถ. คุณ กับ วิเสสนะ ของ นามนาม โดยอาการเปนอันเดียวกัน อยากทราบวา โดยรูปศัพท ทานจัดไวตางกันอยางไรหรือไม ชี้
27.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 25 ตัวอยาง ? ต. โดยรูปศัพท ทานจัดไวตางกัน เพื่อใหกําหนดรูไดวา ลักษณะนี้เปนคุณหรือวิเสสนะ ศัพทเหลาใดพอจะเปนเครื่องแสดง ลักษณะของนามใหรูวาดีหรือชั่ว เชน ปาโป สุนฺทโร จณฺโฑ เปน ตน จัดเปนพวกคุณนาม, ศัพทเหลาใดที่สองนามใหวิเศษขึ้น ไม เกี่ยวกับการแสดงลักษณะของนามนั้น เพงลักษณะที่แนหรือไมแน ของนามเปนประมาณ เชน โย โส อฺตโร เปนตน จัดไดเปน พวกวิเสสนะ เรียกวาวิเสสนสัพพนาม ดังนี้ . [๒๔๖๙ ]. ถ. คําวา "คนไทย" เปนนามประเภทไหน ? ต. เปนนามไดทั้ง ๒ ประเภท แลวแตความหมาย. ถาใชเรียก หมูคนไทยดวยกัน ไมไดเกี่ยวกับคนชาติอื่น ก็หมายความถึงคนไทย ทุกคน เชนนี้จัดเปนสาธารณนาม, ถาใชเรียกชนหลายชาติที่รวม กันอยู คําวา"คนไทย" ก็หมายความเฉพาะแตคนชาติไทย ไมได หมายถึงชนชาติอื่น เชนนี้จัดเปนอสาธารณนาม. [อ. น]. ถ. คุณนาม สัพพนาม เวลาแปลไมไดแสดงอายตนิบาตและ วจนะ เหตุไรจึงตองประกอบดวย ลิงค วจนะ วิภัตติ ดุจนามนาม ดวย ? ต. เพราะคุณนาม สัพพนาม ตองอาศัยนามนามเปนหลัก ถา ไมประกอบ ลิงค วจนะ วิภัตติ จะรูไมไดวา เปนคุณนามและ สัพพนามแหงนามนามตัวไหน ไมสามารถจะประกอบคําพูดเขาเปน พากยได. [ ๒๔๖๑ ].
28.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 26 ถ. สัพพนาม คือนามอยางไร จําเปนอยางไร จึงตองมี ? ต. สัพพนาม คือนามที่ใชแทนนามนามซึ่งออกซึ่งมาแลว เชน ทาน เธอ เขา มัน กู สู เอง มึง เปนตน. จําเปนตองมี เพราะการ พูดดวยการความไพเราะเรียบรอย ถาไมมีสัพพนามคือคําแทนชื่อ แลว การพูดก็จําตองออกชื่อ สัตว บุคคล สิ่งของนั้น ๆ ซึ่งเตย ออกชื่อมาแลวทุกครั้งไป เปนการซ้ําซากไมเพราะหู ตัวอยางเชน นามแดงกินขาว นายแดงไปโรงเรียน นายแดงเอาใจใสในการ เรียน เมื่อพูดออกชื่อมาครั้งหนึ่งแลว ตอไป ถาจําเปนจะตองพูด ระบุถึงตัวเขาอีก ก็ควรใชสัพพนามแทนชื่อของเขา ดังอุกทาหรณ ขางตนนั้น แตเปลี่ยนใชสัพพนาม เปนดังนี้ นายแดงกินขาวแลว เขาไปโรงเรียน เขาเอาใจใสการเรียน เชนนี้ ความเรียบรอย ไพเราะดีกวา เพราะเหตุนี้ สัพพนามจึงจําเปนตองมี. [ อ.น. ] ถ. คําพูดที่เปนสัพพนามสําหรับใชในในที่เชนไร ? จงชักตัวอยาง คํามคธกับคําไทยเทียบกัน ? ต. คําพูดเปนสัพพนามนั้น สําหรับใชในที่ออกชื่อนามนามซ้ําๆ ตัวอยาง ปมปุริส โส ทานหรือเขา ผูชาย, สา ทานหรือเขา ผูหญิง ต มัน เปนคําต่ํา คําสูงไมมีใช. มชฺฌิมปุริส ตฺว ทาน หรือ เจา สู เอง, อุตฺตมปุริส อห ขาพเจา หรือขา กู [ ๒๔๕๘ ]. ถ. จงเขียนประโยคบาลี หรือไทย มาเทียบกับนาม ทั้ง ๓ แลว บอกวาคํานั้นเปนนามนั้น ๆ ? ต. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ ภควา, โส ปุริสทมฺเท เทมติ.
29.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 27 ภควา เปนพระนามของพระบรมศาสดา เปนนามนาม, ปุริสทมฺม- สารถิ แสดงลักษณะสามัญแหงพระองค เปนปกติคุณนาม, อนุตฺตโร แสดงลักษณะวิเศษแหงพระองค เปนวิเสสคุณนาม, โส ใชแทน พระบรมศาสดา เปนสัพพนาม. [ ๒๔๗๓ ]. [ ลิงค ] ถ. ลิงคแปลวาอะไร ? จัดเปนเทาไร ? อะไรบาง ? และจัด อยางไร ? ต. แปลวาเพศ. จัดเปน ๓ ปุลิงฺคฺ เพศชาย ๑ อิตฺถีลิงฺค เพศหญิง ๑ นปุสกลิงฺค มิใชเพศชายมิใชเพศหญิง ๑. จัดตาม สมมติของภาษาบาง ตามกําเนิดบาง . [ อ. น. ] ถ. ลิงคนั้นจัดตามกําเนิดอยางเดียวไมพอหรือ ? เหตุไฉน จึง ตองจัดตามสมมติดวย ซึ่งที่ใหผูศึกษาจําลิงคไดยาก ? ต. จริงอยู การจัดลิงคตามสมมตินั้นทําใหผูศึกษาจําลิงคได ยาก เพราะสับสนเพศกัน เชน ทาโร เมีย ตามธรรมดาตองเปน อิตถีลิงค เพศหญิง แตสมมติใหเปนปุงลิงคเพศชาย ภูมิ แผนดิน ตามธรรมดาตองเปนนปุงสกลิงค มิใชเพศชายมิใชเพศหญิง แตสมมติ ใหเปนอิตถีลิงคเปนตน. จะจัดตามกําเนิดอยางเดียวไมพอ เพราะ คําพูดผิดลิงคเชนนั้น เขานิยมพูกันมากอนตําราไวยากรณเกิดขึ้น ตําราไวยากรณเกิดทีหลัง ตามหลักการแตตําราไวยากรณจะตอง รวบรวมเอาคําพูดทั้งสิ้นใหอยูในกรอบและอนุวัตรตามภาษานิยม ถา ไมมีการจัดลิงคตามสมมติแลว คําพูดเหลานั้นก็จะอยูนอกกฏเกณฑ
30.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 28 ตําราไวยากรณไป ตําราไวยากรณก็อํานวยผลไมบริบูรณ เพราะ ฉะนั้น จึงจําเปนตองมีจัดลิงคตามสมมติดวย. [อ. น.]. ถ. ลิงคมีประโยชนอยางไร ? โปรดอธิบาย. ต. ลิงคมีประโยชนใหรูไดวา เปนเพศชาย เปนเพศหญิง หรือเพศรวม คือไมใชชายไมใชหญิง และเมื่อทราบลิงคแลว เปน เหตุใหสะดวกในการแจกวิภัตติตามการันตนั้น ๆ ถาไมทราบวาเปน ลิงคอะไร ก็ยากที่จะนําไปแจกตามการันตใหถูกตองได ลิงคเปน หลักสําคัญในการที่จะนําศัพทไปแจกตามการันตตาง ๆ . [ อ. น. ] ถ. การจัดลิงคนั้น จัดอยางไร ? จงแสดงวิธีจัดมาดู. ต. การจัดลิงคนั้น จัดตามกําเนิด ๑ จัดตามสมมติ ๑ จัด ตามกําเนิดนั้น คือกําเนิดของสิ่งนั้นเปนเพศอะไร ก็จัดเปนเพศนั้น ไมมีเปลี่ยนแปลง. จัดตามสมมตินั้น คือกําเนินสตรี สมมติใหเปน ปุงลิงค และของที่ไมมีวิญญาณ สมมติใหเปนปุงลิงคและอิตถีลิงค. [ อ. น. ]. ถ. ปุงลิงค สมมติใหเปนอิตถีลิงค หรือนปุงสกลิงค มีหรือไม ? ต. ที่สมมติใหเปนอิตถีลิงคมี เชน เทวดา ตามรูปศัพทเปน อิตถีลิงคอยางเดียว. แตเทวดานั้นคงมีทั้งหญิงทั้งชาย. สวนปุงลิงค ที่สมมติเปนนปุงสกลิงคนั้นยังไมเคยพบ. เขาใจวาคงไมมี. [อ. น. ]. ถ. นามนามเปนกี่ลิงค ? จงยกตัวอยาง ? สตรีและของ ปราศจากวิญญาณควรจัดเปนลิงคอะไร ? เหตุไรจึงมีศัพท เชน ทาร ศัพท ภูมิ ศัพทที่ไมนิยมตามนั้น ?
31.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 29 ต. นามนามเปนลิงคเดียวบาง คือจะเปนปุงลิงค หรืออิตถีลิงค หรือนปุงสกลิงคก็อยางเดียว เชน อมโร อจฺฉรา องฺค เปนตน อนึ่ง ศัพทเดียวกันนั่นเอง มีรูปเปนอยางเดียวกันเปน ๒ ลิงคบาง เชน อกฺขโร อกฺขร เปนตน. หรือมีมูลศัพทเปนอันเดียวกัน เปลี่ยน แตสระที่สุดได เปน ๒ ลิงค เชน อรหา อรหนฺตี เปนตน. สตรี ควรเปนอิตถีลิงค ของที่ไมมีวิญญาณควรเปนนปุงสกลิงค เพราะ ทานจัดโดยสมมติ จึงไมนิยมตามนั้น. [ ๒๔๖๔ ]. ถ. คุณนามและสัพพนาม เปนลิงคเดียวหรือ ๒ ลิงค หรือ เปนไดทั้ง ๓ ลิงค ? ต. ตามหลักทานวาเปนไดทั้ง ๓ ลิงค เวนแต ตุมฺห และ อมฺห ศัพทเปนได ๒ ลิงค และศัพทสังขยาที่เปนคุณบางอยางเทานั้น. เชน เอกูนนวุติ ถึง อฏนวุติ เปนแตอิตถีลิงคอยางเดียว. [ อ. น. ]. ถ. เหตุไร คุณนามและสัพพนา จึงจัดใหเปนไดทั้ง ๓ ลิงค ? ต. เพราะนามทั้ง ๒ นี้ ยอมเปลี่ยนแปลงไปตามนามนาม คือ นามนามเปน ลิงค วจนะ วิภัตต อะไร ก็ตองเปลี่ยนใหตรงกับ นามนามนั้นเสมอไป จะคงตัวอยูไมได ทั้งนี้ เวนแตสังขยาบาง อยางดังกลาวแลว. [อ. น. ]. ถ. อคาร (เรือน) เปนลิงคอะไร? แจกตามแบบไหน ? ต. เปนได ๒ ลิงค คือเปนปุงลิงคก็ได เปนนปุงสกลิงคก็ได เปนปุงลิงคแจกตามแบบ อ การันต (ปุริส) มีรูปเปน อคาโร. เปน นปุงสกลิงคแจกตามแบบ อ การันต (กุล) มีรูปเปน อคาร. [ อ. น.].
32.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 30 [ วจนะ ] ถ. วจนะหมายความวากระไร ? มีกี่อยาง ? อะไรบาง ? จําเปนตองมีหรือ ถาไมมี จะเปนอยางไร ? ต. วจนะหมายความวา คําพูดที่ระบุจํานวนนามนาม มี ๒ อยาง คือ เอวจนะ สําหรับพูดถึงนามนามสิ่งเดียว. พหุวจนะ สําหรับพูดถึงนามนามหลายสิ่ง. จําเปนตอมี. ถาไมมีก็ทําใหทราบ จํานวนของนามวามากหรือนอยไมได. [ อ. น. ]. ถ. วจนะมีประโยชนอยางไร ? สังเกตที่ไหนจึงจะรูจักวจนะได แมนยํา ? ต. วจนะมีประโยชนใหรูจํานวนนามนอยหรือมาก. ที่จะ รูไดตองสังเกตที่ทายศัพท ซึ่งเปนวิภัตติ ถาที่ทายศัพทเปนวิภัตติ อะไร ก็ทราบวจนะไดทันที เพราะวิภัตติเปนเครื่องหมายใหรูวจนะ ไดแมนยํา. [ อ. น. ]. ถ. วจนะกับสังขยา ตางก็เปนเครื่องหมาย บอกจํานวนของ นามนามเหมือนกันมิใชหรือ ? เมื่อเปนเชนนั้น ทําไมทานจึงจัดใหมี ทั้ง ๒ อยางเลา ? จะมีเพียงอยางใดอยางหนึ่งไมไดหรือ ? ต. จริง วจนะและสังขยาเปนเครื่องหมายบอกจํานวนนามนาม แตมีลักษณะตางกัน วจนะบอกจํานวนนามนามไมชัดเจน เชน ปุริโส ชาย ปุริสา ชายหลายคน ไมชัดเจนไปวาเทาไรแน แมที่ เปนเอกวจนะก็ไมระบุใหชัดวา "หนึ่ง" สวนสังขยา นับจํานวน นามนามชัดลงไปทีเดียว เชนชายคนหนึ่ง ก็มีศัพทวา เอโก ปุริโส ชน ๔ คนวา จตฺตาโร ชนา เปนตน. [ อ. น. ].
33.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 31 [ วิภัตติ ] ถ. วิภัตติ มีหนาที่อยางไร ? มีจํานวนเทาไร ? จัดเปนหมวด หมูกันอยางไรบาง ? จงบรรยาย. ต. วิภัตติมีหนาที่แจกนามศัพทตามการันตนั้น ๆ ทําใหศัพท มีรูปตางๆ หมุนไปใหไดความตามภาษา มีจํานวน ๑๔ จัดเปน เอกวจนะ ๗ พหุวจนะ ๗ และจัดเปนที่ ๆ ๗ ที่ คือ ปฐมาที่ ๑ ทุติยาที ๒ ตติยาที่ ๓ จตุตถีที่ ๔ ปญจมีที่ ๕ ฉัฏฐีที่ ๖ สัตตมี ที่ ๗. [อ. น. ]. ถ. วิภัตติ มีประโยชนอยางไร ? ต. มีประโยชน ทําผูศึกษาใหกําหนดเนื้อความไดงายขึ้น และ จําลิงควจนะไดแมนยําขึ้น ทําเนื้อความแหงศัพททั้งปวงใหประสาน เกี่ยวเนื่องถึงกัน และไดความตามภาษานิยม. [ อ. น. ]. ถ. วิภัตติทําใหกําหนดจําลิงคไดแมนยําขึ้นนั้น จะกําหนดจํา ไดอยางไร ? จงอธิบายใหเห็นจริง. ต. กําหนดจําไดอยางนี้ คือลิงคทั้ง ๓ ทานประกอบวิภัตติให มีรูปตางกัน ปุงลิงค ทานประกอบวิภัตติเปนอยาง ๑ อิตถีลิงค ทาน ประกอบวิภัตติเปนอยาง๑ นปุงสกลิงค ทานประกอบวิภัตติเปน อยาง ๑ เมื่อเปนศัพทที่ทานประกอบไวก็จําได เชน ตาณ ศัพท ปุงลิงคเปน ตาโณ อิตถีลิงคเปน ตาณา นปุงสกลิงคเปน ตาณ รูป ศัพทที่ทานประกอบแลวไมเหมือนกัน จึงทําใหจําลิงคไดงายและ แมนยํา. [ อ.น. ].
34.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 32 ถ. ศัพทอาลปนะ ทานมิไดจัดวิภัตติไวประจํา. ถาเชนนั้น ศัพทอาลปนะเห็นจะไมไดประกอบดวยวิภัตติกระมัง หรืออยางไร ? จงแสดง. ต. จริงอยู ศัพทอาลปนะ ทานมิไดจัดวิภัตติไวประจําโดยตรง แตเมื่อจะใชประกอบวิภัตติ ทานใหนําปฐมาวิภัตติมาประกอบตาม วจนะที่ตองการ เพราะปฐมาวิภัตติ ทานใชเปนลิงคัตถะ หรือกัตตา ที่เปนตัวประธานอยางหนึ่ง ใชเปนอาลปนะสําหรับรองเรียกอยางหนึ่ง. [ อ.น. ]. ถ. อายตนิบาต เกี่ยวเนื่องกับวิภัตติอยางไร ? มีประโยชน เกื้อกูลแกภาษาอยางไร ? ต. เกี่ยวเนื่องดวยวิภัตติอยางนี้ คือ เมื่อศัพทที่ประกอบดวย วิภัตติใดแลว วิภัตตินั้นก็ปรากฏที่ทายศัพทนั้น เปนเครื่องหมายให รูวาศัพทนี้เปนวิภัตตินั้น ๆ เมื่อทราบวิภัตติแลว ก็ใชอายตนิบาตได ถูกตอง เพราะวิภัตติเปนเครื่องสองแสดงใหใชอายตนิบาตนั้นได ถา วิภัตติไมปรากฏ ก็ใชอายตนิบาตไมได เปรียบเหมือนชองเข็มไม ปรากฏแตจักษุของบุคคลใด บุคคลนั้นก็สนเข็มไมไดฉะนั้น . อายต- นิบาตมีประโยชนเกื้อกูลแกภาษา คือเปนเครื่องเชื่อมหรือตอเนื้อ ความของศัพททั้งปวงใหตอเนื่องกัน ไดถอย ไดความ ไดเรื่องราว ถาไมมีอายตนิบาตแลว เนื้อความของศัพททั้งปวงจะไมติดตอกัน เลย หรือดอกไมที่ไมไดรอยดวยดายฉะนั้น. [ อ. น. ] ถ. อะไรเรียกวาวิภัตติและอายตนิบาต, ศัพทประกอบวิภัตติ
35.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 33 ตองมีอายนิบาตทั้งนั้นหรือไม เพราะเหตุไร ? ต. สิ อ โย เปนตนเรียกวาวิภัตติ, ซึ่ง ดวย แก จาก ของ ใน เปนตน เรียกวาอายตนิบาต. ไมทั้งนั้น เพราะธรรมดาอายตนิบาต เนื่องจากวิภัตติแหงนามนาม และปุริสสัพพนาม [ ต ตุมฺห อมฺห] โดยตรง หรือ กึ ศัพทบางคําเทานั้น นอกนี้ โดยธรรมดาหรือมีไม เชนปฐมาวิภัตติ ไมเนื่องดวยอายตนิบาต เพราะเปนประธาน ที่ เนื่องกัน ตั้งแตทุติยาวิภัตติเปนตนไป แตสํานวนไทยที่บัญญัติให แปลปฐมาวิภัตติวา"อันวา" ก็เพื่อกันเคอะเทานั้น ไมตองใชก็ได. [ ๒๔๗๑ ]. ถ. อายตนิบาต จะปรากฏเพราะอาศัยอะไร ? ย ศัพทมีรูป อยางไร เปนไตรลิงค ? มีรูปอยางไร ไมนิยมตามนั้น ? ต. อายตนิบาตจะปรากฏไดดวยวิภัตติอยางหนึ่ง ดวยปจจัย อยางหนึ่ง. ย ศัพท ประกอบกับ โต ปจจัย มีรูปเปน ยโต เปนเครื่อง หมายปญจมี แปลวา แต, ประกอบกับ ตฺร ตฺถ ห มีรูปเปน ยตฺร ยตฺถ ยห, ประกอบกับ ทา มีรูปเปน ยทา เปนเครื่องหมายสัตตมี แปลวา ใน แจกตามลิงคทั้ง ๓ ไมได คงรูปอยูเปนอยางเดียว. [ ๒๔๖๙ ] [ วิธีแจกนามนาม ] ถ. วิธีแจกนามศัพท ตองจับหลักอยางไร จึงจะไดรับความ สะดวก ?
36.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 34 ต. ตองกําหนดสระที่สุดแหงศัพท ซึ่งเรียกวา การันต เมื่อ ทราบวาศัพทนั้น ๆ เปนการันตนั้นแลว ก็ไดรับความสะดวกในการ แจกนามศัพท เพราะศัพททีเปนลิงคเดียวกัน เปนการันตเดียวกัน จะมีกี่รอยกี่พันหมื่นก็แจกเปนแบบเดียวกันทั้งหมด. [อ.น. ]. ถ. การันตคืออะไร ? เปนสําคัญอยางไร ? ต. สระที่สุดอักษรหรือสระที่คุณศัพท เรียกวา การันต จะ ทราบไดวาศัพทไหนเปนการันตอะไร ทานใหสังเกตสระที่สุดของ ศัพทนั้นเปนสําคัญ ในอันใหจําลิงคไดแมนยําขึ้น และใหความสะดวก ในการแจกศัพทใหเปลี่ยนแปลงไปตามวิภัตติทั้ง ๗. [อ. น. ] ถ. การันตโดยพิสดารมีเทาไร ? โดยยอมีเทาไร ? อะไรบาง ? ต. โดยพิสดารมี ๑๓ คือ ปุงลิงคมีการันต ๕ คือ อ อิ อี อุ อู. อิตถีลิงคมีการันต ๕ คือ อา อิ อี อุ อู. นปุงสกลิงคมีการันต ๓ คือ อ อิ อุ. โดยยอมี ๖ คือ อ อา อิ อี อุ อู. [อ.น.] ถ. สิ และ โย ปฐมาวิภัตติในที่เชนไร แปลงเปนอะไรไดบาง ? ต. ใน อ การันต ปุงลิงคแปลง สิ เปน โอ นปุงสกลิงคแปลง เปน อ ในพวกกติปยศัพท แปลงกับสระที่สุดแหงศัพทเปน อา (ถาลง ในอรรถแหงอาลปนะ ในการันตอิตถีลิงคแปลงเปน เอ) ในการันต ปุงลิงคแปลง โย เปน อา, นปุงสกลิงคแปลงกับสระที่สุดแหงศัพทเปน อานิ, ในหมูศัพทมี ภควนฺตุ เปนตน และ ภวนฺต แปลง โย เปน โอ. [ ๒๔๖๔ ]. ถ. อ ทุติยาวิภัตติ แปลงเปนอะไรไดบาง ? ในที่เชนไร ?
37.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 35 ต. ใน อี การันตปุงลิงค แปลง อ เปน น ไดบาง อุทาหรณ เสฏีน, ในพวกกติปยศัพท บางศัพท แปลง อ เปน อาน ได อุทาหรณ อตฺตาน พฺรหฺมาน ราชาน, ในพวกศัพทมโนคณะ แปลง อ เปน โอ ไดบาง อุทาหรณ ยโส ลทฺธา น มชฺเชยฺย. [ ๒๔๖๑]. ถ. อา และ โอ คูนี้ บางทีแปลงจาก สิ บางทีแปลงจาก โย ไมเปนการแนนอน ขอใหทานหลักฐานมาอธิบาย? ต. หลักฐานในขอนี้มีอยู คือ อา ถาอยูที่สุดแหงศัพทเหลานี้ คือ อตฺต พฺรหฺม ราช สข ปุม มฆว และศัพทที่มี นฺตุ หรือ นฺต เปนที่สุด ซึ่งไมมี นฺตุ หรือ นฺต ปรากฏอยู และศัพทจําพวก สตฺถุ ปตุ มาตุ แปลงมาจาก สิ. ถาอยูที่สุดแหงศัพทที่เปน อ การันตสามัญ ในปุงลิงค หรือศัพทที่มี นต หรือ นฺตุ เปนที่สุด แปลงมาจาก โย. โอ ถาอยูที่สุดศัพทที่เปน อ การันตในปุงลิงคนอกจากที่กลาวขางตน นั้น แปลงมาจาก สิ. ถาอยูที่สุดแหงศัพทที่มี นฺต หรือ นฺตุ เปนที่สุด และศัพทที่อาเทส อุ เปน อาร หรือ อร และ คาว ซึ่งแปลมาจาก โค ศัพท แปลงมาจาก โย. [๒๔๖๗]. ถ. ศัพทวา เจตนาย ขตฺติยาย วตฺถาย เปนวิภัตติอะไรได บาง ? และศัพทไหนเปนลิงคอะไร ? แจกตามแบบไหน ? ต. เจตนาย เปนได ๕ วิภัตติ คือ ตติยา จตุตถี ปญจมี ฉัฏฐี สัตตมี เอกวจนะ เปนอิตถีลิงค แจกตามแบบ กฺา. ขตฺติยาย เปนได ๑ วิภัตติ คือ จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ เปนปุงลิงค แจกตาม แบบ ปุริส. วตฺถาย ก็เปนได ๑ วิภัตติคือ จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ
38.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 36 เหมือนกัน แตเปนนปุงสกลิงค แจกตามแบบกุล. [ อ. น.] ถ. เมธาวิโน เปนวิภัตติอะไรไดบาง ? ต. เปน ปฐมา ทุติยา อาลปนะ พหุวจนะ และจตุตถี ฉัฏฐี เอกวจนะ. [อ. น. ]. ถ. อตฺถาย หิตาย อิตถีลิงคใชไหม ? และเปนวจนะ วิภัตติอะไร ? แจกตามแบบไหน ? ทําอยางไร จึงเปนรูปเชนนั้น ? ต. ไมใช. อตฺถาย เปนปุงลิงค เอกวจนะ จตุตภีวิภัตติ แจก ตามแบบ ปุริส เอา ส วิภัตติ กับ อ สระที่สุดศัพท เปน อาย. สวน หิตาย เปนนปุสกลิงค แจกตามแบบ กุล. นอกนั้นก็อยางเดียวกับ อตฺถาย. [อ. น. ]. ถ. อาลปนะ คําสําหรับรองเรียก ไมไดระบุวา ใชวิภัตติอะไร ประจํา เมื่อเปนเชนนั้น ก็แปลวา ศัพทอาลปนะ ไมตองประกอบ วิภัตติอะไรเลย เปนศัพทวางจากวิภัตติ ถูกไหม ? เห็นอยางไร ? จงแถลง. ต. จริงอยู ศัพทอาลปนะ ไมไดระบุไวชัดวา ใชวิภัตติอะไร ประจํา แตทานวา ยืมวิภัตติปฐมา คือ สิ โย มาใช. จะวาศัพท อาลปนะในนามทั้ง ๓ นี้ วางจากวิภัตติเลยทีเดียวหาถูกไม เวนแต อาลปนะในอัพยยศัพท ซึ่งเปนศัพทพิเศษ คงรูปอยูอยางนั้น . [ อ. น. ] ถ. อตฺต ศัพท ไมมีพหุวจนะ ถึงคราวใหพหุวจนะ จะใช อยางไร ? ต. ใชเอกวจนะนั้นเอง แตถามีนามที่เปนพหุวจนะนั้นหลายพวก
39.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 37 ใชคําเอกวจนะซ้ํา ๒ หน อุทาหรณ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเนสุ นิสีทึสุ.[ ๒๔๕๗ ]. ถ. ศัพทวา วิธีน ภาณิน อตฺตาน ขนฺตฺย เธนุย เหลานี้ เปนลิงค วจนะ วิภัตติ และการันต อะไร ? ต. วิธีนําเปนปุงลิงค พหุวจนะ จตุตถีและฉัฏฐีวิภัตติ อิ การันต. ภาณิน เปนปุงลิงค เอกวจนะ ทุติยาวิภัตติ อีกา การันต. อตฺตาน เปนปุงลิงค เอกวจนะ ทุติยาวิภัตติ อ การันต แตมีวิธีแจกอีก อยางหนึ่ง ไมเหมือนแบบ ปุริส, ขนฺตฺย เปนอิตถีลิงค เอกวจนะ สัตตมีวิภัตติ อิ การันต, เธนุย เปนอิตถีลิงคเอกวจนะ สัตตมีวิภัตติ อุ การันต . [ อ. น. ]. ถ. พฺรหฺมาน พฺรหฺมาโน เปนวิภัตติอะไร ? ทําไมจึงมีรูป อยางนั้น ? ต. พฺรหฺมาน เปนได ๓ วิภัตติ คือ ทุติยา เอกวจนะ จตุตถี และฉัฏฐี พหุวจนะ, พฺรหฺมาโน เปนได ๓ วิภัตติเหมือนกัน คือ ปฐมา ทุติยา อาลปนะ พหุวจนะ, พฺรหฺมาน เอา อ ที่สุดแหง พฺรหฺมศัพท กับ อ วิภัตติ เปน อาน อยางหนึ่ง, ลง น วิภัตติแลว คง น ไว ทีฆะที่สุดแหงพฺรหฺมศัพท เปน อา อยางหนึ่ง, พฺรหฺมาโน ลง โย วิภัตติ เอา โย เปน อาโน. [ อ. น. ]. ถ. ราชิโน ราชีนิ ราชินิ รฺ ศัพทไหนเปนวิภัตติ วจนะ และลิงคอะไร ? ต. ราชิโน เปนจตุตถีและฉัฏฐี เอกวจนะ ปุงลิงค, ราชินี
40.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 38 เปนปฐมา เอกวจนะ และพหุวจนะ, เปนทุติยาและอาลปนะ พหุวจนะ อิตถีลิงค, ราชินิ เปนอาลปนะ เอกวจนะ อิตถีลิงคก็ได เปน สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ ปุงลิงคก็ได, รฺ เปนจตุตถีและฉัฏฐี พหุวจนะ ปุงลิงค. ถ. ราช ศัพท เปนไดกี่ลิงค ? ลิงคอะไรบาง ? วิธีแจกแบบ เดียวกันหรือตางกัน ? ต. เปนได ๒ ลิงค คือ ปุงลิงค และอิตถีลิงค มีวิธีแจกตางกัน คือ ปุงลิงค แจกอยางที่ปรากฏชัดในแบบแลว. สวนที่เปนอิตถีลิงค แจกตามแบบนารี. [ อ. น. ]. ถ. ภควนฺตุ ปฺวนฺตุ อยางไหนจัดเปนนามอะไร ? ลิงคอะไร? และเมื่อเปนลิงคนั้น ๆ แลว มีรูปเปนอยางไร ? ต. ภควนฺตุ สงเคราะหเปนนามนาม ปุงลิงคอยางเดียว เชน ภควา, ปฺวนฺตุ เปนคุณนาม เปนได ๓ ลิงค เชน ปุงลิงค ปฺวา, อิตถีลิงค ปฺวตี, นปุงสกลิงค ปฺว ปฺวนฺต เปนตน. [อ. น.] ถ. ทําไม ภควนฺตุ ศัพท ทานจึงจัดเปนนามนามปุงลิงคอยาง เดียว ? ไมเหมือนศัพทอื่น ๆ ที่แจกเปนแบบเดียวกัน ? ต. เพราะไมนิยมใชในอิตถีลิงคและนปุงสกลิงค จึงสงเคราะห เขาเปนนามนามปุลิงคอยางเดียว. [ อ. น. ]. ถ. ภควนฺตุ ศัพท ปฐมา พหุวจนะ มี ๒ ศัพท คือ ภควนฺตา ภควนฺโต หมายความอยางเดียวกันหรือพิเศษตางกันอยางไรบาง ?
41.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 39 ต. หมายความตางกัน ภควนฺตา เปนทฺวิวจนะ สําหรับกลาว ถึงคน ๒ คนเทานั้น, สวน ภควนฺโต เปนพหุวจนะ สําหรับกลาวถึง คนมาก ตั้งแต ๓ คนขึ้นไป. [อ.น. ]. ถ. สติมนฺตุ ถาเปนอิตถีลิงคแปลเปน สติมตี แจกตามแบบ อี การันต ในอิตถีลิงค ถาเปนนปุงสกลิงค แปลงเปน สติม แจก ตามแบบ อ การันต ในลิงคนั้น ถูกไหน ? ถูกหรือไมถูกจงแถลง ใหแจม ? ต. ที่เปนอิตถีลิงค แจกตามแบบนารีนั้น ถูกแลว แตที่เปน นปุงสกลิงค แจกตาม อ การันตในลิงคนั้น ไมถูก ตองแจกตามแบบ ถควนฺตุ ศัพท มีตางกันอยูก็คือ ปฐมา เอกวจนะ เปน สติม สติมนฺต, อาลปนะ เอกวจนะ เปน สติม, ปฐมา ทุติยา อาลปนะ พหุวจนะ เปน สติมนฺตานิ นอกนั้นเหมือนรูป ภควนฺตุ ศัพท. [อ. น. ]. ถ. อรหนฺต ศัพท กับลิงค ? ลิงคอะไรบาง ? ลิงคไหน นิยมแจกตามแบบไหน ? ต. เปนได ๒ ลิงค คือ ปุงลิงคกับอิตถีลิงค ปุงลิงค แจกเหมือน แบบ ภควนฺตุ ศัพท แปลกแต ปฐมา เอกวจนะ เปน อรหา อรห เทานั้น นอกนั้นเหมือนกัน. ที่เปนอิตถีลิงค แปลงเปน อรหนฺตี แจกตามแบบ อี การันต ในลิงคนั้น . [อ.น.]. ถ. กุพฺพโต เปนวิภัตติอะไร ? เหตุไฉนจึงเปนอยางนั้น ? ต. เปนจตุตถี และ ฉัฏฐีวิภัตติ เหตุแจกอยาง ภวนฺต ศัพท ส วิภัตติ เปน โต. [ ๒๔๖๓ ].
42.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 40 ถ. ศัพทพวกไหน ทานนิยมแจกตามแบบ สตฺถุ ศัพท ? ขอ ตัวอยางดวย. ต. ศัพทที่ลง ตุ ปจจัย ในนามกิตก ตัวอยางาเชน ทาตุ ภตฺตุ หนฺตุ เนตุ เปนตน. [อ. น. ]. ถ. ปตา อาลปนะ กับ ตาต ใชไดอยางเดียวกันหรือมีพิเศษ กวากันอยางไร ? ขอฟงอธิบาย. ต. ปตา อาลปนะ นั้น แมจะเปนคําสําหรับรองเรียกก็จริง แต การพูดหรือการเขียนหนังสือไมไดใชเลย ใช ตาต เอวจนะ, ตาตา พหุวจนะแทนและใชเรียกบิดาก็ได เรียกบุตรก็ได เหมือนภาษา ไทย คําวา พอ ใชเรียกไดทั้งบิดาทั้งบุตร แตศัพทวา ตาต นี้ ถาเปน วิภัตติอื่นนอกจาก อาลปนะ แลว ใชไดแตเฉพาะเปนชื่อของบิดา. [ อ. น. ] ถ. มาตา อาลปนะ ทานวาไมไดใชทั้งในการพูดทั้งในการเขียน หนังสือ เหมือนกับ ปตา จริงหรือ ? ถาจริง ทานใชไดศัพทอะไร แทน หรือไมมี ? ต. จริง. มีใช อมฺม เอกวจนะ. อมฺมา พหุวจนะ แทน แต ในตัปปุริสสมาส ใช อาลปนะ เปน มาเต ธีเต ตัวอยางเชน เทวมาเต เทวธีเต เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. มโนคณะ มีกี่ศัพท ? คืออะไรบาง ? มีวิธีแปลงวิภัตติเปน อยางไร ? เมื่อเขาสมาส จะตองทําอยางไรบาง ? ต. มโนคณะ มี ๑๒ ศัพท คือ มน อย อุร เจต ตป ตม
43.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 41 เตช ปย ยส วจ วย สิร. มีวิธีแปลงวิภัตติอยางนี้ คือ นา กับ สฺมา เปน อา, ส ทั้ง ๒ เปน โอ, สฺมึ เปน อิ, แลวลง ส อาคมเปน สา เปนโส เปนสิ, เอา อ เปน โอ ไดบาง, เมื่อเขาสมาสแลว ตองเอา สระที่สุดของตนเปน โอ ได เหมือนคําวา มโนคโณ หมูแหงมนะ อโยมย ของที่คุณทําดวยเหล็ก . [ ๒๔๖๕ ]. ถ. ศัพทประเภทไหน เมื่อยอเขาสมาสแลว ทําที่สุดใหแปลก จากปกติเดิมของตนได ? เหมือนคําวากระไร ? ต. ศัพท คือ มาตุ ธีตุ และ ศัพทมโนคณะ เหมือนคําวา เทวมาเต เทวธีเต มโนคโณ อโยมย เปนตน. [ ๒๔๗๕ ]. ถ. ในที่เชนไร แปลง อู แหง สตฺถุ เปน อาร ? ในที่เชนไร ไมแปลง ? ในที่เชนไร แปลงแลวตองรัสสะ ? ต. นิมิต ปฐมา กับ จตุตถี ฉัฏฐี เอกวจนะ แปลงไมได , นิมิต วิภัตติอื่น ๆ แปลงได, นิมิต สัตตมี เอกวจนะ ตองรัสสะ.[ ๒๕๕๗ ]. ถ. ศัพทไหนบาง ที่ไมนิยมเปนลิงคใดลิงคหนึ่งโดยแนนอน ? ศัพทเหลานั้น ถาประสงคจะใชเปนปุงลิงคและอิตถีลิงค จะเปลี่ยนรูป เปนอยางไร ? แจกตามแบบไหน ? ต. ศัพท คือ โค [ โค ] สา [ สุนัข ] เมื่อประสงคจะใชเปน ปุงลิงค โค เปลี่ยนรูปเปน โคณ, สา เปน สุนข แจกตามแบบ ปุริส, เมื่อประสงคเปน อิตถีลิงค โค เปน คาวี สา เปน สุนขี แจกตาม แบบ นารี, สา ใน ปุงลิงค และอิตถีลิงคใชศัพทอื่น ๆ นอกจาก สุนข สุนขี ก็มี แจกตามการันตในลิงคนั้น ๆ. [ ๒๔๖๖].
44.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 42 [ สังขยา ] ถ. ศัพทเชนไร เรียกวา สังขยา ? ต. ศัพทที่เปนเครื่องกําหนดนับนามนามใหรูวา นามนามมี จํานวนมากนอยเทาไรแน เรียกวา สังขยา.[อ. น. ]. ถ. วจนะ ก็บอกจํานวนของนามนามใหรูวา มากหรือนอยแลว มิใชหรือ ? แตเหตุไฉนจึงตองมีสังขยาอีก ? ดูไมจําเปน. ต. จริง. วจนะบอกจํานวนของนามนาม แตบอกใหทราบ เพียงวามากหรือนอย เชน ชโน หมายถึงคน ๆ หนึ่ง ชนา หมาย ถึงคนหลายคน แตไมทราบแนวา หลายคนนั้น เปนจํานวน เทาไร อาจเปน ๒,๓, ๔, หรือมากกวานั้นก็ได ทั้งคําแปล พหุวจนะ ก็มีเพียงวา " ทั้งหลาย " เทานั้น. สวนที่เปนเอกวจนะ พอจะสังเกต ไดบางวา หมายถึงของสิ่งเดียว แตก็ไมแนนัก เพราะบางศัพทเปน เอกวจนะ แตหมายถึงของหลายอยางก็มี เชน ปตฺตจีวร แปลวา บาตรและจีวร นี้หมายถึงของ ๒ อยาง. หตฺถิอสฺสรถปตฺติก แปล วา ชาง มา รถ และคนเดิน นี้หมายถึงของ ๔ อยาง เอกวจนะ ยังบอกจํานวนของนามนามไมแนนอนถึงเชนนี้ พหุวจนะ มีคําแปล วา "ทั้งหลาย" นั้น จะแสดงใหรูจํานวนของนามนามมากนอย เทาไรแนไดอยางไรเลา เมื่อเปนเชนนี้ จึงจําเปนตองมีสังขยาอีก เพราะสังขยา มีหนาที่ระบุจํานวนของนามนามไวอยางชัดเจนแนนอน เชน เอโก สตฺโต สัตวตัวหนึ่ง จตฺโร ปุริสา ชาย ๔ คน
45.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 43 ปฺจ อิตฺถิโย หญิง ๕ คน เปนตน จะวาสังขยาไมจําเปนหาควรไม. [ อ.น. ]. ถ. ศัพทคุณนามและสังขยา ตางก็เปนวิเสสนะของนามนาม เหมือนกัน ถาเชนนั้น จะวามีลักษณะเหมือนกัน ถูกหรือไม ? หรือมีตางกันอยางไร ? ต. เปนวิเสสนะของนามนามเหมือนกันจริง แตจะวามีลักษณะ เหมือนกันไมถูก เพราะคุณนามแสดงลักษณะของนามนามใหรูวา ดีหรือชั่ว เชนคําวา อวน ผอม ดําขาว เปนตน. สวนสังขยา บอกจํานวนของนามนามวามีเทาไร ? เชน ๓, ๔, ๕ เปนตน. อีก อยางหนึ่ง เมื่อเพงถึงรูปศัพทและความแลวก็คือ ถาทั้ง ๒ ศัพทอยู ในประโยคเดียวกัน คุณนามตองอยูใกลนามนาม สังขยาอยูหาง เชนคําวา ตโย กณฺหา ชนา ดํา ๓ คน. [อ. น. ]. ถ. ใชตออยางนี้ คือ สังขยาที่เปนจํานวนหนวยหรือจํานวนสิบ ใช อุตฺตร ตอทายจํานวนสังขยานั้น เชน ปฺจ เปน ปฺจุตฺตร, เอกาทส เปน เอกาทสุตฺตร เปนตน. สวน อธิก ใชตอสังขยาที่ เปนจํานวนรอยหรือพันขึ้นไป เชน ๑๕๐๐ แยกเปน ๕๐๐ จํานวนหนึ่ง ตรงกับศัพทบาลีวา ปฺจสต, ๑๐๐๐ อีกจํานวนหนึ่ง ตรงกับศัพท บาลีวา สหสฺส, ตอ อธิก เขาที่ทาย ปฺจสต สําเร็จรูปเปน ปฺจ- สตาธิกสหสฺส. สมมติ ๒๕๗๕๐ ก็ประกอบวา ปฺาสุตฺตร-
46.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 44 สตฺตสตาธิกปฺจวีสสหสฺสานิ เชนนี้เปนตัวอยาง. นี้แสดงตามที่ใช กันโดยมาก. [ อ.น. ]. ถ. สังขยา มีกี่อยาง ? ใชตางกันอยางไร ? เปนนามอะไร ? ต. สังขยา มี ๒ อยาง คือ ปกติและปูรณ. ปกติสังขยา ใชนับตามปกติ เชน ๑, ๒, ๓. ปูรณสังขยา ใชนับตามลําดับที่ เชน ที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓. ปกติสังขยา ตั้งแต เอก. ถึงจตุ. เปนสัพพนาม, ตั้ง แต ปฺจ ถึง อฏนวุติ เปนคุณนาม, ตั้งแต เอกูนสต ไปเปนนาม นาม สวน ปูรณสังขยา เปนคุณนามลวน . [๒๔๖๔ ]. ถ. ปกติสังขยา เปนนามอะไร ? ต. ปกติสังขยา แบงเปนนามดังนี้ คือ ตั้งแต เอก. ถึง จตุ. เปน สัพพนาม. ตั้งแต ปฺจ ถึง อฏนวุติ เปนคุณนาม. ตั้งแต เอกูนสต ไป เปนนามนาม. [ ๒๔๖๐]. ถ. นว [ ๙ ] ปกติสังขยา ใชนําหนาสังขยาจํานวน ๑๐ ขึ้นไป ไดมิใชหรือ ? หรือมีจํากัดใชอยางไร ? ๕๙, ๔๙, ประกอบเปน นวปฺาส นวจตฺตาฬีส เชนนี้ใชไดหรือไม ? ต. นว ใชนําหนาปกติสังขยาจํานวน ๑๐ ขึ้นไปไมได มีจํากัด ใหใชแตเฉพาะจํานวนหนวย คือ ๙ เทานั้น ไมเหมือนสังขยาตัว อื่น ๆ. ๕๙, ๔๙, ประกอบอยางนั้นใชไมได เพราะทานไมนิยมใช อยางนั้น ตองประกอบดังนี้ จึงจะใชได เอกูนสฏี ๕๙, เอกูน- ปฺาส ๔๙. [ อ. น. ]. ถ. ปกติสังขยา เปนนามอะไร ? จงเขียนจํานวนเหลานี้ใหเปน
47.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 45 ภาษาบาลี ตามวิธีปกติสังขยา ๘๔๐๐,๒๐๙,๑๖๑,๙๙. ต. ตั้งแต เอก ถึง อฏนวุติ เปนคุณนาม, แต เอก ถึง จตุ มีวิธีแจกอยางสัพพนาม, เอก สังขยา ไมมีพหุวจนะ ที่มีพหุวจนะ เปนสัพพนาม, ทฺวิ ติ จตุ มีลักษณะเปนคุณนามแท ตั้งแต เอกูนสต ไป เปนนามนาม. ๘๔๐๐๐ สังขยาวา จตุราสีติสหสฺส, ๒๐๙ วา นวุตฺตรทฺวิสต, ๑๖๑ วา เอกาทสุตฺตรทิยฑฺฒสต,๑ ๙๙ วา เอกูนสต. [ ๒๔๖๘ ]. ถ. จตสฺโส อสฺสา มา ๔ ตัว, ตีณิ ขนฺธา ขันธ ๓, ติสฺโส อิตฺถิโย หญิง. ๓ คน, ประกอบศัพทอยางนี้ถูกหรือไม ? ถาถูกก็ แลวไป ถาไมถูกจงแกใหถูก. ต. ๒ ขอขางหนา ไมถูก เพราะตัววิเสสนะผิดลิงค ไมตรง ลิงคของตัวนาม ที่ถูกตองประกอบดังนี้ จตฺตาโร อสฺสา, ตโย ขนฺธา. สวนขอที่ ๓ นั้น ถูกแลว. [อ. น.]. ถ. ปกติสังขยา ก็เปนการนับ ปูรณสังขยา ก็เปนการนับ. นับอยางไร เปนปกติสังขยา ? นับอยางไร เปนปูรณสังขยา ? ต. การนับเปนปกติ เปนตนวา ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ สําหรับนับ นามนามใหรูวามีประมาณเทาใด ชื่อวา ปกติสังขยา, การนับเปน ชั้น ๆ สําหรับนับนามนามที่เต็มในที่นั้น ๆ เปนตนวา ที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ชื่อวา ปูรณสังขยา. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. ปกติสังขยา กับ ปุรณสังขยา ตางกันอยางไร ? จงอธิบาย ความสังเกต ทั้งศัพทในภาษาบาลีและในคําภาษาไทย ? ๑. เอกสฏยุตฺตรสต อ. น.
48.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 46 ต. ตางกันอยางนี้ คือ ปกติสังขยานั้น นับโดยปกติ เปนตน วา ๑, ๒, ๓, ๔. สําหรับนับนามนามใหรูวามีจํานวนเทาใด, ปูรณสังขยา นั้นนับเปนชั้น ๆ เปนตนวา ที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ . การสังเกต ถาเปน ศัพทในภาษาบาลี ปกติสังขยาเปนศัพทเปลา, ปูรณสังขยามีปจจัย ปูรณตัทธิตเปนเครื่องหมาย, ถาเปนคําในภาษาไทย ปกติสังขยา สังขยาอยูหนาคําวิเสสนะ เชน หนังสือ ๑ เลม, ๒ เลม, ๓ เลม ปูรณสังขยาอยูหลังคําวิเสสนะ เชน หนังสือเลม ๑, เลม ๒, เลม ๓ แมไมมีคําวา "ที่ " ก็ตองเปน ปูรณสังขยา. [ ๒๔๖๑]. ถ. ความตางกันแหงลิงคและวจนะในปกติสังขยาทั้งปวง มี อยางไร ? จงเลามา. ต. เอกสังขยา เปน เอกวจนะ อยางเดียว เปน ๓ ลิงค เอก- สัพพนาม เปน เทฺววจนะ เปนได ๓ ลิงค ตั้งแต ทฺวิ จนถึง อฏารส เปนพหุวจนะอยางเดียว เปน ๓ ลิงค ตั้งแต เอกูนวีสติ ถึง อฏนวุติ เปน เอกวจนะอิตถีลิงคอยางเดียว ตั้งแต เอกูนสต ถึง ทสสตสหสฺส เปนเทฺววจนะ นปุงสกลิงคอยางเดียว โกฏิ เปน เทฺววจนะ อิตถีลิงค อยางเดียว. [ ๒๔๖๙ ]. ถ. จงประกอบคําเหลานี้เปนมคธภาษามาดู ตนไม ๔ ตน ผา ๓ ผืน เรือน ๒๙ หลัง ? ต. จตฺตาโร รุกฺขา, ตีณิ วตฺถานิ, เอกูนตึส ฆรานิ. [อ.น.] ถ. นามศัพทพวกไหนบาง ประกอบวิภัตติที่เปนพหุวจนะ ไมได ? ถาถึงคราวจําเปนที่จะตองใชใหเปนพหุวจนะ จะมีทางใชได
49.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 47 โดยวิธีอะไรบางหรือไม ? หรือใชไมไดเลย ? ต. อตฺต ศัพท เอกสังขยา และปกติสังขยา ตั้งแต เอกูนวีสติ ถึง อฏนุวุติ และปูรณสังขยาทั้งหมด. มีวิธีใชไดบางก็มี ไมไดเลย ก็มี. อตฺต ศัพท ถาประสงคเปนพหุวจนะ ตองใชควบ ๒ หน เชน อตฺตโน อตฺตโน เปนตน. เอกสังขยา ไมมีที่ใชเลย เพราะเปนศัพท จํากัดจํานวน ถาตองการจริง ๆ เชน ไมพูดถึงคน ๆ เดียว แต ประสงคถึงคนพวกหนึ่ง ตองใชเปนสัพพนาม เพราะ เอก ที่เปน สัพพนาม เปนไดทั้ง ๒ วจนะ, ปกติสังขยา ตั้งแต เอกูนวีสติ ถึง อฏนวุติ ใชประกอบแตเฉพาะวิภัตติ เอกวจนะ ก็จริง แตใช ควบกันนามที่เปน พหุวจนะ ทั้งนั้น, ฉะนั้น ศัพทพวกนี้ จึงเปน พหุวจนะ อยูแลวโดยบรรยาย, ปูรณสังขยาทั้งหมด ไมมีที่ใชเปน พหุวจนะเลย เพราะจํากัดเฉพาะชั้นหนึ่ง ๆ เทานั้น. [ ๒๔๘๐ ]. ถ. ศัพทพวกไหน เมื่อเรียงเขากับศัพทอื่น ยอมฝนลิงค คือ ไมเปลี่ยนไปตาม ? จําพวกไหนไมฝน คือเปลี่ยนเปนลิงคนั้น ๆ ตาม อํานาจของศัพทอื่น ? ต. ศัพทจําพวกสังขยา ตั้งแต เอกูนวีสติ ถึง อฏนวุติ ฝน ลิงค. จําพวกสัพพนามและบรรดาศัพทที่เปนคุณนามทั้งมวล ลวนเปน ศัพทไมฝนลิงคทั้งสิ้น. [ ๒๔๗๑ ]. ถ. สังขยาอะไร เปนเอกวจนะอยางเดียว ? เปนพหุวจนะ อยางเดียว ? เปน ๓ ลิงค ? เปนลิงคเดียว ?
50.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 48 ต. เอกสังขยา เปนเอกวจนะอยางเดียว ตั้งแต ทฺวิ จนถึง อฏารส เปน พหุวจนะ อยางเดียว และเปน ๓ ลิงค, ตั้งแต เอกูนวีสติ จนถึง อฏนวุติ เปน เอกวจนะอิตถีลิงคอยางเดียว แม เขากับศัพทที่เปน พหุวจนะ ลิงคอื่น ก็คงอยูอยางนั้น ไมเปลี่ยนไปตาม. [ ๒๔๖๓ ] ถ. การแบงวจนะและลิงคในสังขยานั้น แบงกันอยางไร ? คํา ไทยวา ๓๖๕ วัน, ๒๕๐๐ ป คํามคธวากระไร ? ต. เอกศัพท เปน เอกวจนะ อยางเดียว เปน ๓ ลิงค, ตั้งแต ทฺวิ ถึง อฏารส เปน พหุวจนะ อยางเดียว เปน ๓ ลิงค, ตั้งแต เอกูนวีสติ ถึง อฏนวุติ เปน เอกวจนะ อิตถีลิงคอยางเดียว, ตั้งแต เอกูนสต ถึง ทสสตสหสฺส เปน นปุงสกลิงค, โกฏิ เปน อิตถีลิงค. ๓๖๕ วัน วา ปฺจสฏฺยาธิกานิ ตีณิ ทิวสสตานิ, ๒๕๐๐ ป วา อฑฺฒเยฺย สวจฺฉรสหสฺส [ ๒๔๗๔ ]. ถ. จงประกอบสังขยาเหลานี้ตามวิธี มา ๔๓๖ ตัว, วัว ๑๒๕๐ วัว ๑๒๕๐ ตัว = อฑฺฒเตรสานิ โคณาน สตานิ, หนังสือ ๑๔๙ เลมของเด็กชาย ๑๖ คน = โสฬสนฺน กุมาราน เอกูนปฺาสาธิก ปณฺณาน สต, บุรุษ ๘๒ คน ยังโจร ๑๕ คนใหตายแลว = ทฺวาสีติ ปุริสา ปณฺณรส โจเร มาเรสุ, กระบือ ๑๙๙ ตัวในคอกกวางที่สุด =
51.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 49 วิสาลตเม วเช มหิสาน เอกูนทฺวิสต. [ ๒๔๗๕ ]. [ สัพพนาม ] ถ. สัพพนาม มีเทาไร ? อะไรบาง ? และตางกันอยางไร ? ต. มี ๒ คือ ปุริสสัพพนาม ๑ วิเสสนสัพพนาม ๑. ตางกัน คือ ปุริสสัพพนาม สําหรับใชแทนชื่อคน สัตว และสิ่งของตาง ๆที่ ไดออกชื่อมาแลว เพื่อมิใชซ้ํา ๆ ซาก ๆ ซึ่งไมเพราะหู เชน โส เขา ตฺว เธอหรือทาน, อห ขาพเจาหรือเรา ตามฐานะสูงหรือต่ํา. สวนวิเสสนสัพพนาม สองความใหทราบวา สิ่งนั้น ๆ อยูใกลหรือไกล เชน โส ชโน ชนนั้น, เอโส ธมฺโม ธรรมนั่น, อิท วตฺถุ วัตถุนี้, อสุโก ปุคฺคโล บุคคลโนน เปนตน. [ อ. น. ] ถ. ปุริสสัพพนาม แบงเปนกี่อยาง ? อะไรบาง ? และใชศัพท อะไรประจําชั้นนั้น ๆ ? ต. แบงเปน ๓ อยาง คือ ประถมบุรุษ ๑ มัธยมบุรุษ ๑ อุตตมบุรุษ ๑. ประถมบุรุษใช ต ศัพท มัธยมบุรุษใช ตุมฺห ศัพท อุตตมบุรุษใช อมฺห ศัพท.[ อ.น.] ถ. เหตุไร ปุริสสัพพนาม จึงแบงเปนบุรุษ ๓ ? ต. เพราะใหตรงกับบุรุษที่จัดไวในอาขยาต คือ ศัพทที่กิริยาใน อาขยาต ก็จัดบุรุษเปน ๓ เหมือนกัน เมื่อศัพทกิริยาจัดเปน ๓ ศัพท ที่เปนเจาของกิริยา ก็จําตองจําใหเทากัน. [ อ.น. ]" ถ. วิเสสนสัพพนาม แบงเปนเทาไร ? อะไรบาง ? และหมาย
52.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 50 ความตางกันอยางไร ? ต. แบงเปน ๒ คือ นิยม กับ อนิยม. นิยม คือพูดเจาะจง ถึงคนหรือของสิ่งนั้นสิ่งนี้โดยแนนอน. อนิยม คือพูดไมเจาะจงลง เปนแนนอน. [อ. น.] ถ. ต ศัพท เปนสัพพนามพวกไหน ? ต. เปนไดทั้ง ปุริสสัพพนาม และวิเสสนสัพพนาม. แตมี ลักษณะใชตางกันในเวลาแปล. ที่เปนปุริสสัพพนาม ไมตองโยค นามนาม แปลเฉพาะตัว เชน โส แปลวา เขา. ที่เปนวิเสสน- สัพพนาม ตองโยค๑ นามนาม เชน โส ชโน ชนนั้น เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. ปุริสสัพพนาม ตางจากนามนามอยางไร ? จงยกตัวอยาง และแสดงความตางโดยวิธีและลิงคดวย ? ต. ปุริสสัพพนาม เปนศัพทสําหรับใชแทนนามนามที่ออกชื่อ มาแลว เชน ๑. ต ศัพท เปนประถมบุรุษ สําหรับแทนชื่อคนหรือ สิ่งของ ที่ผูพูดออกซึ่งถึง, ๒. ตุมฺห ศัพท เปนมัธยมบุรุษ สําหรับ แทนชื่อผูที่พูดดวย, ๓. อมฺห ศัพท เปนอุตตมบุรุษ สําหรับแทนชื่อ ผูพูด, ต ศัพท เปนไตรลิงค, ตุมฺห และ อมฺห ศัพท เปนปุงลิงคและ อิตถีลิงค เทานั้น. [ ๒๔๗๐ ]. ๑. ที่โยคนามนามขึ้นแปลดวยนั้น เปนอุบายที่จะใหผูแรกศึกษาเขาใจความไดชัด และฉลาดในการที่จะแจกวิภัตติและผูกประโยค พึงเขาในวาถาเรียงไวแตลําพัง ต ไมไดเรียงนามนามไวดวย เปนปุริสสัพพนาม. ถาเรียงไวหนานามนาม เชน สา เทวี. โส อาริโย เชนนี้ เปนวิเสสนสัพพนาม. [ อ. น. ]
53.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 51 ถ. ปุริสสัพพนาม และ วิเสสนสัพพนาม เอาศัพทอะไรมาใช ? และการใชนั้น ตางกันอยางไร ? อยางไหนแปลวากระไร ? ต. ปุริสัพพนาม ใช ต ตุมฺห อมฺห สวนวิเสสนสัพพนาม ใช ย อฺ อฺตม ปร อปร กตร กตม เอก เอกจฺจ สพฺพ กึ และ ต เอต อิม อมุ. ตางกันอยางนี้ ปุริสสัพพนาม เมื่อ เวลาจะแปล ตองหานามนามมาประกอบ จึงจะแปลไดความ, ปุริส- สัพพนาม แปลวา ทาน เจา สู เอง มึง เปนตน, วิเสสนสัพพนาม แปลวา ใด นั้น เปนตน .๑ [๒๔๗๔ ]. ถ. นามอยางไร เรียกปุริสสัพพนาม ? มีการนิยมลิงคอยางไร หรือไม ? ต. นามซึ่งเปนศัพทสําหรับใชแทนชื่อ คน และสิ่งของ ที่ออก ชื่อมาแลวขางตน เพื่อจะไมใหเปนการซ้ําซาก เรียกปุริสสัพพนาม แบงเปน ๓ ตามบุรุษที่ทานจัดไวในอาขยาต คือ ต ศัพท เปนประถม- บุรุษ สําหรับออกชื่อคนหรือสิ่งของที่ผูพูดออกชื่อถึง ๑ ตุมฺห ศัพท เปนมัธยมบุรุษ สําหรับแทนชื่อผูที่พูดดวย ๑ อมฺห ศัพท เปนอุตตม- บุรุษ สําหรับใชแทนชื่อผูพูด ๑. ต ศัพท เปนไตรลิงค ตุมฺห และ อมฺห เปน ปุงลิงค และ อิตถีลิงค เทานั้น. [ ๒๔๖๖ ] ๑. ควรดูวิธีเรียง ต ปุริสสัพพนาม และวิเสสนสัพพนาม สมเด็จพระมหาสมณะ ฯ ทรงรจนาตอนหนาและทาย อุ. แหง ต ศัพทในบาลีไวยากรณ, และอุภัยพากย ภาค ที่ ๑ บทที่ ๕ และบทที่ ๗.
54.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 52 ถ. ในที่เชนไร ใช ปฐมาวิภัตติ เปน เอ ได ? ต. ใน ต ศัพท ปุริสสัพพนาม และ วิเสสนสัพพนาม มี อ การันต ใชหมายปุงลิงค พหุวจนะ ใชปฐมาวิภัตติเปน เอ ได อุทาหรณ เต เย อฺเ เปนตน. อนึ่ง ในนามนาม อา การันต อิตถีลิงค และ พฺรหฺม ศัพท ใชเปนคํารองเรียก ใชปฐมาวิภัตติ เอววจนะ เปน เอ ได อุทาหรณ อุปาสิเก พฺรหิเม, แตในบาลีไวยากรณ ทาน แยกจากกันไวแลว คําถามนี้จึงไมเกี่ยวกับขอหลัง [ ๒๔๕๘ ]. ถ. ต ศัพท ที่เปนปุริสสัพพนาม และวิเสสนสัพพนาม มีลักษณะ ตางกันอยางไร ? จงยกตัวอยางคํามคธ ทําไทย เทียบกันพอเขาใจ. ต. ต ศัพทที่เปนปุริสสัพพนาม ไมตองแปลวา "นั้น " แปล ตามคําสูงคําต่ํา ตรงกับคําที่ใชในภาษาของเราวา ทาน, เธอ, เขา, มัน. อุทาหรณ อาจริโย ม นิจฺจเมว โอวทติ อนุสาสติ, โส หิ มยฺห วุฑฺฒึ อาสึสติ, อาจารยวากลาวอยู ตามสั่งสอนอยู ซึ่งขาพเจา. เปนนิตยทีเดียว, เพราะทานหวังอยู ซึ่งความเจริญ แกขาพเจา. ต ศัพท ที่ทานเขียนไวกับนามศัพท หรือ ตุมฺห อมฺห ศัพท เปน วิเสสนสัพพนาม แปลวา "นั้น" อุทาหรณ อภิฺาย โข โส ภควา ธมฺม เทเสติ, โน [ เทเสติ] อนภิฺาย พระผูมีพระภาคเจา นั้น ยอมทรงแสดง ซึ่งธรรม เพื่อความรูยิ่ง ไม [ ทรงแสดง] เพื่อความไมรูซึ่ง. [๒๔๕๘ ]. ถ. เต ปรุงมาจาก ต ศัพท ก็มี ตุมฺห ศัพท ก็มี เมื่อเชนนี้ จะสังเกตรูไดอยางๆร ? จงยกอุทาหรณมาเทียบ.
55.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 53 ต. สังเกตรูไดตามวิธีที่ทานเรียงศัพทเปนประโยคคําพูด คือที่ ปรุงมาจาก ต ศัพท เรียงไวหนาศัพทอื่น ๆ ได เชน เต จ ภิกฺขู คารยฺหา สวนที่ปรุงมาจาก ตุมฺห ศัพท ตองถูกบังตับ คือมีบทอื่น นําหนาเสียกอน จึงเรียงไวลําดับตอไป เชน โหตุ เต ชยมงฺคล ดังนี้เปนเครื่องเทียบ . [ ๒๔๗๑]. ถ. อิมสฺส ถาเปนนาม ศัพทเดิมวากระไร ? ไฉนจึงเปนรูป เชนนั้น ? ถาประสงคเปนบทสนธิ จะเปนสนธิอะไรไดบางหรือไม ? แสดงขอบังคับ. ต. อิมสฺส ถาเปนนาม ศัพทเดิมวา อิม ลง ส จตุตถี หรือ ฉัฏฐี จึงเปนรูปดังนั้น. เปน สระโลปสนธิ และนิคคหิตสนธิ อยาง ตนตัดเปน อิเม = อสฺส สระหนาและสระหลังเคียงกัน ๒ ตัว ไมมี พยัญชนะคั่น ลบไดตัว ๑ ในที่นี้ลบสระหนา, อยางหลังตัดเปน อิม= อสฺส เมื่อมีสระหรือพยัญชนะอยูหลัง ลบนิคคหิตซึ่งอยูหนาได. [ ๒๔๖๖ ] ถ. เอตสฺส ถาเปนนาม ศัพทเดิมวากระไร ? ถาเปนศัพทสนธิ เปนสนธิอะไรไดบาง ? ตัวบทวากระไร ? จงแสดงวิธีดวย. ต. ศัพทเดิมวา เอต ลง ส จตุตถี หรือ ฉัฏฐี จึงสําเร็จรูป เปนอยางนั้น, เปนสระโลปสนธิ และนิคคหิตสนธิ อยางตนตัดเปน เอเต=อสฺส สระหนาและสระหลังเคียงกัน ๒ ตัว ไมมีพยัญชนะคั่น ลบไดตัวหนึ่ง ในที่นี้ลบสระหนา, อยางหลังตัดเปน เอต = อสฺส เมื่อ มีสระหรือพยัญชนะอยูหลัง ลบนิคคหิตซึ่งอยูหนาได.[ ๒๔๗๐ ].
56.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 54 ถ. มยฺห, อมฺห, มม, มม, เม, เมื่อประกอบกับบทอื่น ใชได เหมือนกันหรือมีพิเศษกวากันอยางไร ? จงยกอุทาหรณ. ต. มยฺห, อมฺห, มม, มม, ใชไดทั่วไป มีบทอื่นนําหนาหรือ ไมมีก็ใชได. เม มีขีดคั่น ตองมีบทอื่นนําหนา อุทาหรณ อุปชฺฌาโย เม ภนฺเต โหหิ ดังนี้เปนตน. [ ๒๔๕๘ ]. ถ. กิฺจิ กฺจิ แผกกันโดยสถานไหน ? เหมือนกันอยางไร ? ต. แผกกันที่ กิฺจิ เปน นปุงสกลิงค กฺจิ เปน ปุงลิงค, และ กิฺจิ เปนวิภัตติปฐมา เอกวจนะ ได กฺจิ เปนไมได, เหมือนกัน ที่เปน ทุติยา เอกวจนะ และเปนอนิยม มีมูลศัพทเปน กึ ดวยกัน. [ ๒๔๗๗ ]. ถ. กึ ศัพท เปนศัพทจําพวกไหน ? จะสังเกตไดอยางไรวาเปน ศัพทพวกนั้น ? ถามี จิ ตอทาย ตองแปลอยางไร ? คงรูปเปน กึ อยูแตวิภัตติไหน ? ต. กึ ศัพท เปนพวกวิเสสนสัพพนามบาง เปนนิบาตบอก ความถามบาง. สังเกตรูก็คือ กึ ศัพท ถาแปลวา ใครหรืออะไร เปนวิเสสนสัพพนาม ถาแปลวา หรือ เปน นิบาต. ถามี จิ ตอทาย กึ ทานใหแปลวา นอย บางสิ่งหรือบางคน , ถาเปนพหุวจนะ แปลวา บางพวก บางเหลา. คงรูปเปน กึ อยูก็แต ปฐมา ทุติยา เอก. นอกนั้นแปลงเปน ก แจกไดทั้ง ๓ ลิงค. [ อ. น.]. ถ. เอต อิม อมุ ๓ ศัพทนี้ลวนเปนสัพพนามเหมือนกัน แต ศัพทไหนแสดงใหทราบนามนามตางกันอยางไร ?
57.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 55 ต. เอต แปลวา นั่น ยอมแสดงถึงนามนามที่อยูไมสูหางกับ ผูพูดมากนัก, อิม ยอมแสดงถึงนามนามที่อยูใกลชิดกับผูพูด, อมุ ยอมแสดงถึงนามนามที่อยูหางไกลมาก. [ อ.น. ]. [ อัพยยศัพท ] ถ. อัพยยศัพท ทานแบงไวกี่พวก ? ใชตางกันอยางไร ? ต. แบงไว ๓ จําพวก คือ อุปสัค นิบาต ปจจัย. อุปสัคนั้น สําหรับใชนําหนานามและกิริยาใหวิเศษขึ้น, นิบาตนั้น สําหรับลง ในระหวางนามศัพทบาง กิริยาศัพทบาง บอกอาลปนะ กาล ที่ ปริจเฉท เปนตน, ปจจัยนั้น สําหรับลงทายนามนามบาง สัพพนาม บาง เปนเครื่องหมายวิภัตติ, ลงทายธาตุ เปนเครื่องหมายกิริยา. [ ๒๔๖๑]. ถ. ในจําพวกอัพยยศัพท มีศัพทอะไรบางหรือไม ที่ใชประกอบ ดวยวิภัตตินามแลว เปลี่ยนแปลงรูปไปตาง ๆ ได ? ถามี จงแสดง พรอมดวยตัวอยาง. ต. มี เชน กึ อุจฺจ๑ เปนตน กึ ทานสงเคราะหเขาในพวก อนิยมสัพพนาม แจกดวยวิภัตติไดในไตรลิงค เชน โก อิมสฺมึ จงฺกมติ, กสฺส อุชฺฌาปยาม เส, อุจฺจ ทานใชเปนคุณนาม ประกอบ ดวยวิภัตติในไตรลิงค เชน อุจฺโจ รุกโข, อุจฺเจ รุกฺเข สกุณา. [ ๒๔๗๙ ]. ๑. กึ อฺจฺจ ๒ ศัพทนี้ เขาใจวาไมใชพวกอัพยยศัพท เปนพวกนามศัพท เพราะแจก ตามวิภัตติทั้ง ๗ ได. ศัพทพวกอัพยยศัพทบางตัว ถาจะแจกตามวิภัตติทั้ง ๗ ตองเดิม ก จะแจกเฉย ๆ ไมได. [ อ. น.]
58.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 56 ถ. อุปสัค กับ นิบาต ตางกันอยางไร ? ไฉนจึงเรียกวาอัพยย- ศัพท ? ต. อุปสัค สําหรับใชนําหนานามและกิริยา, นิบาต สําหรับ ลงในระหวางนามศัพทบาง กิริยาศัพทบาง. เพราะเปนศัพทคงรูป อยูอยางเดียว จะแจกดวยวิภัตติทั้ง ๗ แปลงรูปไปตาง เหมือน นามทั้ง ๓ ไมได จึงเรียกวา อัพยยศัพท. [ ๒๔๕๙ ]. [ อุปสัค] ถ. ศัพทที่เปนพวกอัพยยศัพทนั้น แจกดวยวิภัตติทั้ง ๗ ไมได ทีเดียว หรือจะมีการผอนผันใหแจกไดบาง ? ต. ตามปกติแจกไมไดทีเดียว ถาจะแจกดวยวิภัตติทั้ง ๗ ตอง เติม ก ลงทายศัพทนั้น แตก็ไมทั่วไปทุกศัพท เห็นที่ใชบางก็คือ อุปสัคบางตัว เชน อธิ เติม ก ลง เปน อธิก, อนุ เติม ก ลงเปน อนุก, แจกตามลิงคทั้ง ๓ ดวยวิภัตติทั้ง ๗ ได เชน ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ ปุงลิงค เปน อธิโก อนุโก. [ อ. น. ]. ถ. อุปสัค มีกี่ตัว ? อะไรบาง ? ต. อุปสัต มี ๒๐ ตัว, อติ อธิ อนุ อป อป หรือ ป อภิ อว หรือ โอ อา อุ อุป ทุ นิ นี ป ปฏิ ปรา ปริ วิ ส สุ. [ อ.น. ]. ถ. อุปสัคตัวไหนบาง ทําเนื้อความเดิมใหกลับตรงกันขาม ? ขออุทาหรณประกอบดวย. ต. อา ปฏิ ปรา นิ วิ อป. อา เชน คจฺฉติ ยอมไป
59.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 57 อาคจฺฉติ ยอมมา, ทิยติ อันเขายอมให อาทิตติ อันเขายอมถือ เอา. ปฏิ เชน วตฺตติ ยอมเปนไป ปฏิวตฺตติ ยอมกลับไป. กมติ ยอมกาวไป ปฏิกฺกมติ ยอมกาวกลับ คือถอยหลัง. ปรา เชน ชโย ชนะ ปราชโย แพ, ภโว เจริญ ปราภโว เสื่อม. นิ เชน อนฺตราโย อันตราย นิรนฺตราโย ไมมีอันตราย. วิ เชน รตฺต กําหนัดแลว วิรตฺต ไมกําหนัดแลว, กย ซื้อ วิกฺกย ขาย. อป เชน วาโส การอยู อปวาโส การอยูปราศ คือไมอยู, คพฺโภ ครรภ อปคพฺโภ ครรภไปปราศ คือไมมีครรภ. [อ.น. ]. ถ. อยากทราบวา อุปสัคที่นําหนานาม มีอาการคลายคุณนาม นั้น คือคลายกันอยางไร ? จงอธิบาย. ต. อุปสัค เมื่อนําหนานามแลว ก็ทํานามนั้นใหยิ่งหรือหยอน ดี หรือ ชั่ว ผิดปกติ เชน ทุคฺคนฺโธ กลิ่นชั่ว [เหม็น]. สุคนฺโธ กลิ่นดี [ หอม] , คําวา ชั่ว ดี นั้น ไมตางอะไรกับคุณนาม ตางกันแต รูปศัพท สวนความคลายกันมาก ฉะนั้นจึงกลาววา คลายคุณนาม. [ อ. น. ] [ นิบาต ] ถ. นิบาตมีไวเพื่อใชทําอะไร ? และแบงเปนหมวดหมูอยางไร ? ต. นิบาต มีไวเพื่อใชลงในระหวางนามศัพทบาง กิริยาศัพท บาง. แบงเปน ๑๑ หมู คือ นิบาต บอกอาลปนะ ๑ บอกกาล ๑ บอกที่ ๑ บอกปริจเฉท ๑ บอกอุปมาอุปไมย ๑ บอกปฏิเสธ ๑ บอกความไดยินเลาลือ ๑ บอกความปริกัป ๑ บอกความถาม ๑
60.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 58 บอกความรับ ๑ บอกความเตือน ๑. [ อ. น. ]. ถ. นิบาต มีเทาที่ปรากฏในไวยากรณนี้เทานั้น หรือนอกจากนี้ ก็มี ? ถามี ขอใหอางมา. ต. ที่แสดงไวนี้ เฉพาะแตที่ใชมาก นอกจากนี้ก็มีอีกไมนอย เชนในคําวา ตาย น ปริจริยาย แปลวา เพราะการบําเรอนั้นแล, น ทานจัดเปนนิบาต เชนนี้เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. นิบาตที่ลงในระหวางนามศัพทบาง กิริยาศัพทบางนั้น เปน อยางไร ? จงแสดงอุทาหรณใหดูดวย. ต. ที่ลงในระหวางนามศัพทนั้น เชน อุปาสโก เจว อุปาสิกา จ โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, จ นิบาต ๒ ตัวนั้น ลงในระหวาง นามศัพท, สวนที่ลงในระหวางกิริยาศัพทนั้น เชน จกฺขูนิ นสฺสนฺตุ วา ภิชฺชนฺตุ วา, ๒ ศัพทลงในระหวางศัพทกิริยา เชนนี้เปนตน. [ อ. น. ] ถ. นิบาต ตามแบบวาลงในระหวางนามศัพทและกิริยาศัพท เทานั้น ถาเชนนั้น นิบาตจะใชลงในตนประโยคหรือหลังสุดประโยค ก็ไมได ใชไหม ? หรือมีใช จงอธิบายพอไดความ. ต. จริง ตามแบบวา นิบาตลงในระหวางนามศัพทและกิริยา- ศัพท ไมมีวาลงตนหรือหลังสุดประโยคก็ได ถึงเชนนี้ นิบาตบาง ตัวใชลงตนหรือหลังสุดประโยคก็ได เชน อถ ยถา ตถา เสยฺยถา เอว กถ เปนตน ใชลงตนประโยคได, อิติ ศัพท ใชลงที่สุดประโยค ได. [ อ.น. ].
61.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 59 ถ. ภนฺเต กับ อาวุโส มีวิธีใชตางกันอยางไร ? ต. ภนฺเต เปนคําสําหรับคฤหัสถเรียกบรรพชิตโดยเคารพ หรือ บรรพชิตผูออนพรรษากวา เรียกบรรพชิตผูแกกวา, อาวุโส เปนคํา สําหรับบรรพชิตที่มีพรรษามากกวา เรียกบรรพชิตที่มีพรรษานอย กวา และสําหรับบรรพชิตเรียกคฤหัสถ. [ ๒๔๕๘ ]. ถ. อาลปนะในนามศัพทก็มี ในอัพยยศัพทก็มี เมื่อเปนเชนนี้ อยากทราบวา มีลักษณะตางกันเหมือนกันอยางไร ? ต. เปนอาลปนะเหมือนกัน แตลักษณะตางกัน อาลปนะใน นามศัพท มีวิภัตติประจํา เมื่อลบวิภัตติแลว อาจเปลี่ยนเปน วิภัตติอื่น ๆ ได และมีแบบแจกตามการันตนั้น ๆ สวนอาลปนะ ในอัพยยศัพท เปนศัพทพิเศษแผนกหนึ่ง แจกตามวิภัตติในรูปเปลี่ยน แปลงไปไมได ตองคงอยูอยางนั้น และอาจเปนไดทั้ง ๒ วจนะ ตามรูปของเรื่อง. [ อ. น.] ถ. ศัพทอาลปนะในอัพยยศัพท มีเทาไร ? อะไรบาง ? ต. มี ๑๐ คือ ยคฺเฆ ภนฺเต ภทนฺเต ภเณ อมฺโภ อาวุโส เร อเร เห เช. [อ. น. ]. ถ. ใน ๑๐ ศัพทนั้น ศัพทไหนที่ใชมาก ซึ่งปรากฏในปกรณ ตาง ๆ ? ต. ภนฺเต อาวุโส มีใชมาก รองไปก็ อมฺโภ นอกจากนี้ ก็มีใชหาง ๆ. [ อ. น.].
62.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 60 ถ. ยคฺเฆ กับ ภเณ ใชสําหรับเรียกใคร ? ตรงกับภาษาไทย วาอยางไร ? ต. ยคฺเฆ เปนคําที่ผูนอยรองเรียกผูใหญ เพื่อใหตั้งใจฟงคํา ของตน เชนบาวใชพูดกับนาย หรือพลเมืองใชพูดกับพระเจาแผนดิน เปนตน หาคําในภาษาไทยใหตรงกับศัพทนี้จริง ๆ ไมได ถาใชทูล พระเจาแผนดิน ก็อนุโลมเขากับคําวา สรวมชีพ และขอเดชะ แต ไมตรงทีเดียว ถาเจานายหรือนายซึ่งต่ําลงมา ก็เลือกใชคําใหต่ําลง มาพอสมกับฐานะ ภเณ เปนคําสําหรับคนสูงกวาพูดกับคนผูดีที่อยู ในบังคับของตน เชนพระเจาแผนดินรับสั่งแกขาราชการ ตรงกับ ภาษาไทยวา พนาย . [อ. น. ]. ถ. ถาเราพูดกับสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี จะควรใชอาลปนะศัพท ไหน ? ต. พูดกับสุภาพบุรุษ ควรใช ตาต หรือตาตา ตามจํานวน นอยหรือมาก หรือจะใช อมฺโภ ซึ่งแปลวา ผูเจริญ ก็ได เพราะ คํานี้ เปนคําสําหรับพูดกับผูชายดวยคําออนหวาย ถาพูดกับสุภาพ สตรี ใช อมฺม หรือ อมฺมา. [ อ. น. ] ถ. ถาจะเรียกผูอื่น เพื่อกดเขาวาเปนคนเลว จะตองใชอาลปนะ ศัพทไหน ? และศัพทนั้นตรงกับภาษาไทยวากระไร ? ต. ใช เร อเร เห, ๒ คําตนตรงกับคําพูดภาษาไทยวา เวย โวย. เห ตรงกับคําวา เฮย. [อ.น. ] ถ. เช เปนคําสําหรับคนชั้นไหน เรียกคนชั้นไหน ?
63.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 61 ต. สําหรับนายเรียกหญิงสาวใช เชนอุทาหรณวา หนฺท เช อิม ภณฺฑ คณฺหาหิ แปลวา เอาเถิด แม เจาจงถือเอาภัณฑะนี้. มารดาบิดาเรียกธิดา หรือบุตรธิดา เรียกมารดา จะใชอาปนะนี้ ก็ใชได. มีจํากัดอยูอยางหนึ่ง ศัพทนี้ใชเรียกผูหญิงเทานั้น. [ อ. น. ] [ ปจจัย ] ถ. ปจจัยในอัพยยศัพท ทานจัดไวกี่จําพวก ? พวกไหนบาง ? ต. ทานจัดเปน ๔ พวก คือ โต ปจจัย เปนเครื่องหมายตติยา- วิภัตติ และปญจมีวิภัตติพวก ๑ เปนเครื่องหมาย สัตตมีวิภัตติ ๙ ตัว มี ตฺร เปนตน มี ว เปนที่สุดพวก ๑ เปนเครื่องหมายสัตตมี วิภัตติ ลงในกาล ๗ ตัว มี ทา เปนตน มี ชฺช เปนที่สุดพวก ๑ ปจจัย ในกิตก เปนเครื่องหมาย กิริยา ๕ ตัว เตฺว เปนตน มี ตฺวาน เปน ที่สุดพวก ๑. [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยแหงอัพยยศัพท ตัวไหนบาง ทานใชประกอบกับศัพท พวกไหน ? และใชแทนอายตนิบาต คลายวิภัตติมิใชหรือ ? แตไฉน จึงจัดเปนอัพยยศัพทดวยเลา ? ต. โต ปจจัย ใชประกอบกับนามนามและสัพพนาม. ตฺร ตฺถ ห ธ ธิ หึ ห หิฺจน ว, ทา ทานิ รหิ ธุนา ทาจน ชฺช ชฺชุ ทานใชประกอบกับสัพพนามอยางเดียว, เตฺว ตุ ตูน ตฺวา ตฺวาน ทานใชประกอบกับธาตุ, ใชได ศัพททุก ๆ อยางที่ทานจัดไวเปน อัพยยศัพทนั้น ทานไมไดเพงลักษณะที่ใชอายตนิบาตไดหรือไมได
64.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 62 เปนประมาณ ทานเพงลักษณะที่ประกอบวิภัตติแลว แปลงรูปไป ตาง ๆ ไมไดตางหาก ศัพทที่ประกอบปจจัยเหลานี้ แมใชอายต- นิบาตได ก็ไมไดประกอบวิภัตติแลวแปลงรูปไปตาง ๆ มีรูปอยางไร ก็คงอยูอยางนั้นตามปจจัยบังคับ เพราะฉะนั้น ทานจึงจัดเปนอัพยย- ศัพทดวย. [ ๒๔๖๒ ]. ถ. ปจจัยเหลานี้ คือ โต ตฺร ว ทา ชฺชุ ลงทายนามนาม หรือสัพพนาม เปนเครื่องหมายอะไร ? จงยกบทที่ประกอบดวย ปจจัยนั้น ๆ มาเปนอุทาหรณ. ต. โต ปจจัย เปนเครื่องหมายตติยาวิภัตติ บาง เชน เอกโต, เปนเครื่องหมายปญจมีวิภัตติบาง เชน สพฺพโต, ตฺร ว เปนเครื่อง หมายสัตตมีวิภัตติ เชน เอกตฺร กว, ทา ชฺชุ เปนเครื่องหมาย สัตตมีวิภัตติ ลงในกาล เชน เอกทา อปรชฺชุ. [๒๔๖๔ ]. [ สมาส ] ถ. ศัพทเชนไร เรียกวาศัพทสมาส ? สมาส เปนประโยชนแก บาลีภาษาอยางไร ? ต. ศัพทตั้งแต ๒ ศัพทขึ้นไป ยอเขาเปนบทเดียวกัน เชน อุจฺโจ+รุกฺโข ยอเปน อุจฺจรุกฺโข เปนตน เรียกวา สมาส. เมื่อวาถึง ประโยชนแลว ก็คือ ทําถอยคําใหสละสลวย พูดนอยแตจุเนื้อความได มาก เปนประโยชนในการแตงฉันทกาพยกลอน สมาสเปรียบเหมือน เครื่องอัด เครื่องรีดผา ทําใหผาเรียบรอยนานุงหม ฉะนั้น. [อ. น. ]
65.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 63 ถ. สมาส วาโดยกิจ มีกี่อยาง ? คืออะไรบาง ? เตโชธาตุ สิโรรุโห จัดเขาในอยางไหน ? ไฉนจึงวาอยางนั้น ? ต. มี ๒ อยาง คือ ลุตตสมาส อลุตตสมาส. จัดเขาในลุตตสมาส เพราะโอ ที่ เตโช สิโร ไมใชแปลงแตวิภัตติ เปนลักษณะของ มโนคณะ เมื่อเขาสมาสแลว เอาสระที่สุดของตนเปนโอได. [ ๒๔๗๐ ]. ถ. สมาส วาโดยกิจ ๒ อยาง ตางกันอยางไร ? จงวินิจฉัยให เห็นจริง, เทวานมินฺโท ปุรินฺทโท เปนจําพวกไหน? ดวยเหตุอยางไร ต. ตางกันอยางนี้ คือ สมาสที่ทานลบวิภัตติของศัพทหนาเสีย แลว ยอเขาเปนบทเดียวกัน เรียก ลุตตสมาส, สมาสที่ทานยอเขา มิไดลบวิภัตติดังนั้น เรียก อลุตตสมาส, เทวานมินฺโท เปน อลุตฺต- สมาส เพราะยังมิไดลบ น ที่ศัพทหนา เปนแตแปลงนิคคหิตเปน ม ดวยวิธีสนธิเทานั้น วิเคราะหวา เทวาน + อินฺโท = เทวานมินฺโม, ปุรินฺทโท เปน ลุตตสมาส เพราะลบ สฺมึ ที่บทหนาเสียแลว ที่มีรูปดังนั้น ตาม ธรรมดาของปุรศัพท ซึ่งมี ทท อยูหลัง ตองเอา อ แหงปรุ เปน อิ แลวแปลงนิคคหิตเปน น ดวยวิธีสนธิ วิเคราะหวา ปุเร+ทโท = ปุรินฺทโท. แตศัพทนี้มิใชสมาสแทเปนมาโดยวิธีของกิตก วิเคราะห วา ปุเร ทาน ททาตีติ ปุรินฺทโท. [ ๒๔๗๑ ]. ถ. กุลทุสกกมฺม เถยฺยาวหาโร จัดเขาในกิจอยางไหน ? วิเคราะหวากระไร ? ต. จัดเขาในกิจอยางแรก คือ ลุตตสมาส, กุลทูสกกมฺม วิเคราะหวา กุล+ทูสโก=กุลทูสโก ทุติยาตัปปุริสะ, กุลทูสโก+ภิกฺขุ
66.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 64 =กุลทูสกภิกฺขุ วิเสสนบุพพบท, ตสฺส+กมฺม=กุลทูสกมฺม ฉัฏฐี ตัปปุริสะ มัชเฌโลป. เถยฺยาวหาโร วิเคราะหวา เถนสฺส+ภาโว = เถยฺย ณ ปจจัย ภาวตัทธิต, เถยฺยสฺส+วโส=เถยฺยวโส ฉัฏฐีตัปปุริสะ, เถยฺยวเสน+อวหาโร=เถยฺยาวหาโร ตติยาตัปปุริสะ มัชเฌโลป. [ ๒๔๗๔ ]. ถ. สมาสที่เปนตนเคา มีเทาไร ? อะไรบาง ? ต. มี ๖ คือ กัมมธารยะ ๑ ทิคุ ๑ ตัปปุริสะ ๑ ทวันทวะ ๑ อัพยยีภาวะ ๑ พหุพพิหิ ๑. [ อ. น. ] ถ. สมาส มีมาก เมื่อเห็นศัพทเขาแลว จะสังเกตรูไดอยางไรวา เปนสมาสอะไร ? ต. สังเกตรูไดอยางนี้ คือ สังเกตศัพทแลความของศัพทนั้น แลวลองตั้งวิเคราะหดู เมื่อไดความในสมาสใด ก็รูไดวา ศัพทนั้น เปนสมาสนั้น เชน สีลสมฺปนฺโน เปน ฉัฏฐีพหุพพิหิ วิเคราะห สีล สมฺปนฺน ยสฺส โส = สีลสมฺปนฺโน [ ภิกขุ ] ศีลของภิกษุใด ถึงพรอม แลว ภิกษุนั้น ชื่อวา มีศีลถึงพรอมแลว, หรือเปนตติยาตัปปุริสะ ก็ได วิเคราะหวา สีเลน+สมฺปนฺโน= สีลสมฺปนฺโน [ ภิกฺษุ ภิกษุ ] ผูถึงพรอมแลวดวยศีล, ที่เปนสมาสทั้ง ๒ นั้น ก็เพราะแปลไดความ ตามรูปสมาสทั้ง ๒ นั้น จะแปลตามรูปสมาสอื่นไมไดความ. [ อ.น.] [ กัมมธารยสมาส ] ถ. สมาที่มีลักษณะเชนไร เรียก กัมมธารยสมาส ? และ
67.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 65 กัมมธารยสมาสนี้ จัดเปนสมาสนามหรือสมาสคุณ ? หรือทั้งนาม ทั้งคุณ ? ต. นามศัพทนั้น ๒ ศัพท มีรูปอยางเดียวกัน คือ มีวิภัตติและ วจนะเสมอกัน บทหนึ่งเปนประธาน คือ เปนนามนาม บทหนึ่งเปน วิเสสนะ คือ เปนคุณนาม หรือเปนคุณนามทั้ง ๒ บท มีบทอื่นเปน ประธาน ทานยอเขาเปนบทเดียวกัน เรียกวา กัมมธารยสมาส, สมาสนี้ เปนทั้งนามเปนทั้งคุณ คือ เปนนามก็มี เปนคุณก็มี ที่เปน นาม เชน กลฺยาณธมฺโม พระธรรมงาม เปนตน, ที่เปนคุณ เชน ปสนฺนสีต [ อุทก น้ํา ] ทั้งใสทั้งเย็น เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. กัมมธารยะทั้ง ๖ นั้น อยางไหนเปนสมาสนาม ? อยางไหน เปนสมาสคุณ อยางไหนเปนไดทั้งนามทั้งคุณ ? โสภณจนฺโท เปน สมาสอะไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. วิเสสนบุพพบท วิเสสนุตตรบท สัมภาวนบุพพท อวธารณ- บุพพบท เปน สมาสนาม, วิเสสโนภยบท เปน สมาสคุณ, วิเสสโน- ปมบท เปน ทั้งนาม ทั้งคุณ. โสภณจนฺโท ถาแปลวา พระจันทรงาม เปนวิเสสนบุพพบท วิเคราะหวา โสภโณ+จนฺโท= โสภณจนฺโท, ถาแปลวา คนงาม เพียงดังพระจันทร เปนอุปมานุตตรบท วิเสสนโนปมบท วิเคราะห วา โสภโณ + จนฺโท วิย= โสภณจนฺโท [ นโร คน ] [ อ. น. ]. ถ. สมาสที่จัดเปนนามบาง เปนคุณบาง นั้น ถืออะไรเปน กฎเกณฑ ?
68.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 66 ต. ถือตัวประธานเปนกฎเกณฑ คือถาตัวประธานมีอยูในศัพท สมาสนั้น ไมตองหาศัพทอื่นมาเปนประธาน เรียกวา สมาสนาม เชน มหาปุริโส บุรุษใหญ เปนตน. สมาสใด ไมมีตัวประธานอยูในศัพท นั้น ตองหาศัพทอื่นมาเปนประธาน, สมาสนั้น เรียกวา สมาสคุณ เชน อุจฺจมหนฺโต แปลวา ทั้งสูง ทั้งใหญ ยังไมไดความชัด จึง จําเปนตองหาศัพทอื่นมาเปนประธาน เชน วิหาโร หรือ ปาสาโท เพื่อ ใหเขากับเนื้อความของศัพทสมาสนั้น . [ อ.น.] ถ. กัมมธารยสมาส มีกี่อยาง ? อะไรบาง ? อุทาหรณวา าณจกฺขุ เปนอยางไหนไดบาง ? อยางไหนแปลวากระไร ? ตั้ง วิเคราะหมาดูดวย. ต. มี ๖ อยาง คือ วิเสสนบุพพบท วิเสสนุตตรบท วิเสสโน- ภยบท วิเสสโนปมบท สัมภาวนบุพพบท อวธารณบุพพบท. เปน วิเสสโนปมบทก็ได แปลวา ญาณเพียงดังจักษุ วิเคราะหวา าณ +จกฺขุ อิว= าณจกฺขุ, เปน อวธารณบุพพบท ก็ได แปลวา จักษุ คือญาณ วิเคราะหวา าณ เอว+จกฺขุ = าณจกฺขุ. [๒๔๕๗ ]. ถ. ศัพทวา ปฺาปาสาโท เปนสมาสไหนไดบาง ? และ อยางไหนแปลวากระไร ? ตั้งวิเคราะหมาดวย. ต. เปน อุปมานุตตรบท วิเสสโนปมบทก็ได แปลวา ปญญา เพียงดังปราสาท วิเคราะหวา ปฺา+ปาสาโท อิว=ปฺาปาสาโท เปน อวธารณบุพพบท ก็ได แปลวา ปราสาทคือปญญา วิเคราะห ปฺา เอว+ปาสาโท= ปฺาปาสาโท. [ ๒๔๗๘ ].
69.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 67 ถ. วิเสสนุตตรบท กับ วิเสสโนภยบท ตางกันอยางไร ? ขอ อุทาหรณดวย. ต. วิเสสนุตตรบท มีบทวิเสสนะอยูหลัง บทประธานอยูหนา เชน สตฺตวิเสโล, สวนวิเสสโนภยบท มีบททั้ง ๒ เปนวิเสสนะ คือ เปนคุณนาม มีบทอื่นเปนประธาน เชน สีตสมฏ [ าน ที่ ] ทั้งเย็น ทั้งเกลี้ยง. อนึ่ง เมื่อพิจารณาดูรูปวิเคราะหก็ตางกัน วิเสสนุตตรบท วิเคราะหวา สตฺโต+วิเสสโน= สตฺตวิเสโส มีประธานในตัว เปน สมาสนาม, สวนวิเสสโนภยบท วิเคราะหวา สีตฺจ+สมฏจ =สีตสมฏ [ าน ที่ ] มีบทอื่นเปนประธาน และมี จ อยูในวิเคระห ทายศัพททั้ง ๒ ศัพท ตางกันดังนี้. [อ. น.] ถ. มีเครื่องสังเกตุอยางไร จึงจะรูไดวา กัมมธารยสมาสนี้เปน อวธารณบุพพบท, นี้เปนวิเสสนบุพพบท ? ขอตัวอยาง. ต. มีเครื่องสังเกตไดอยางนี้ คือ กัมมธารยสมาสที่เปนนาม ทั้ง ๒ ตองเปน อวธารณบุพพบท ตัวอยาง ปฺา เอว+ปชฺโชโต = ปฺาปชฺโชโต, กัมมธารยสมาสที่มีบทวิเสสนะอยูตน เปน คุณนาม บทประธานอยูขางหลัง เชน มหนฺโต +ปุริโส=มหาปุริโส ดังนี้ ชื่อวาวิเสสนบุพพบท.[ ๒๔๖๕ ]. ถ. สัพภาวนบุพพบท และ อวธารณบุพพบท มีที่สังเกตให ทราบไดอยางไร ? ต. สัมภาวนบุพพบท สังเกต อิติ ศัพท มีอยูในวิเคราะห และ คําแปลวา "วา" ซึ่งมีในระหวางศัพททั้ง ๒ เชน ขตฺติยมาโน มานะ
70.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 68 วากษัตริย. อวธารณบุพพบท สังเกต เอว ศัพท ในวิเคราะห และ คําแปลวา " คือ " ซึ่งมีในระหวางศัพททั้ง ๒ เชน พุทฺธรตน รัตนะ คือ พระพุทธเจา. [อ. น. ]. ถ. ปฺาปชฺโชโต แปลวาอยางไรไดบาง ? เปนคุณนาม เปนสมาสอะไร ? จงวิเคราะหมาดู. ต. ปฺาปชฺโชโต แปลวา ประทีปคือปญญา เปนอวธารณ- บุพพบท กัมมธารยะ วิเคราะหวา ปฺา เอว+ปชฺโชโต = ปฺา- ปชฺโชโต, แปลวา ปญญาเพียงดังประทีป เปนอุปมานุตตรบทกัมมธารยะ วิเคราะหวา ปฺา+ปชฺโชโต อิว=ปฺาปชฺโชโต. [ ๒๔๖๔ ]. ถ. กัมมธารยสมาส มีชื่อวาเปนหลายอยาง อยาไหนเปน นามนามทั้ง ๒ ศัพท ? อยางไหนเปนคุณนามทั้ง ๒ ศัพท ? อยางไหน เปนนามแตศัพทเดียว ? ต. สัมภาวนบุพพบท และ อวธารณบุพพบท เปนนามนาม ทั้ง ๒ ศัพท เชน สมณปฏิฺา และพุทฺธรตน. วิเสสนโนภยบท เปนคุณนามทั้ง ๒ ศัพท เชน สีตสมฏ. วิเสสนบุพพบท เปนนาม แตศัพทเดียว เชน มหาปุริโส และ วิเสสนุตตรบท เชน นรวโร. [ ๒๔๖๓ ] ถ. สังเกตอยางไร จึงจะรูไดวา สมาสนี้เปนวิเสสโนภยบท กัมมธารยะ, นี้เปนทวันทวะ ? ต. สังเกตอยางนี้ ถาเปนวิเสสนะทั้ง ๒ เปนวิเสสโนภยบท กัมมธารยะ. ถาเปนบทนามนามทั้ง ๒ เปนทวันทวะ. [ ๒๔๕๗].
71.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 69 ถ. สมาสอะไรบาง ที่มีบทหนาเปนประธาน ? จงชักตัวอยาง มาอยางละ ๑. ต. กัมมธารยะ วิเสสนุตตรบท อุทาหรณวา สตฺตวิเสโส, อุปมานุตตรบท อุทาหรณวา นรสีโห, อัพยยีภาวะ อุทาหรณวา นิทฺทรถ. [ ๒๔๖๐ ]. ถ. สมาสอะไรบาง ที่มีบทหลังเปนประธาน ? จงยกอุทาหรณ มาอยางละ ๑ ต. กัมมธารยสมาส วิเสสนบุพพบท อุทาหรณวา มหาปุริโส. อุปมาบุพพบท อุทาหรณวา ทิพฺพจกฺขุ. สัมภาวนบุพพบท อุทาหรณ วา ขตฺติยมาโน. อวธารณบุพพบท อุทาหรณวา พุทฺธรตน, ทิคุสมาส อุทาหรณวา ติโลก. ตัปปุริสสสมาส อุทาหรณวา กินทุสฺส. [ ๒๔๖๑ ]. ถ. สมาสที่มีบทหนาเปนประธาน คืออะไรบาง ? จงวิเคราะห มาอยางละ ๑. ต. สมาสที่มีบทหนาเปนประธาน คือ วิเสสนุตตรบท กัมมธารยะ วิเคราะห คุโร+วิเสโส=คุณวิเสโส. อุปมานุตตรบท วิเคราะหวา าณ+ชาล อิว= าณชาล. อัพยยีภาวสมาส วิเคราะห ชราย +อภาโว=นิชฺชร. ถ. กากสูโร แปลอยางไรไดบาง ? อยางไหนเปนสมาสอะไร ? ต. แปลวา กากลา ก็ได เปนวิเสสนุตตรบท กัมมธารยะ, แปลวา คนกลาเพียงดังกา ก็ได เปนอุปมาบุพพบท, แปลวา คน กลากวากา ก็ได เปนปญจมีตัปปุริสะ. [ ๒๔๕๘ ].
72.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 70 ถ. การตั้งวิเคราะหสมาสนั้น ทานแนะนําใหทําอยางไร ? ต. ทานแนะนําวา ใหแยกบทสมาสนั้นออกเปนศัพท ๆ ถา ศัพทใดเปนวิเสสนะ ใหประกอบศัพทนั้นไดมีลิงควจนะวิภัตติตรงกับ ตัวประธาน เชน กลฺยาณกมฺม แยกเปน ๒ ศัพท คือ กลฺยาณ ศัพท ๑ กมฺม ศัพท ๑ ในที่นี้ กลฺยาณ เปนวิสสนะของ กมฺม, กมฺม เปนตัวประธาน เปนนปุงลิงค, กลฺยาณ ก็ตองประกอบเปน นปุง- สกลิงค มีรูปดังนี้ กลฺยาณ+กมฺม=กลฺยาณกมฺม. [อ. น. ]. ถ. บทวิเคราะหของสมาสตาง ๆ มีชื่อวาอยางไรบาง ? ต. บทวิเคราะหของสมาสตาง ๆ มีชื่อดังนี้ บทหนา เรียก บุพพบท, บทหลัง เรียก อุตตรบท, บทสําเร็จเปนรูปสมาส เรียก วา บทปลง อุทาหรณ เชน มหนฺต+สยน=มหาสยน, มหนฺต เรียกวา บุพพบท, สยน เรียกวา อุตตรบท, มหาสยน เรียกวา บทปลง. อีกอยางหนึ่ง บทที่แยกออกจากศัพทสมาส เปน มหนฺต สยน นั้น เรียกวา อนุบท, บทที่รวมกันอยูเปนสมาส เรียกวา บท ไดแก มหาสยน ถาสมาสที่มีบทอื่นเปนประธาน เรียกบทที่เปน ประธานนั้นวา อัญญบท. [ อ. น. ]. [ ทิคุสมาส ] ถ. สมาสเชนไร เรียกวา ทิคุสมาส ? แบงเปนกี่อยาง ? อะไร บาง ? ต. สมาสที่มีสังขยาอยูหนา ตัวประธานอยูหลัง เรียกวา ทิคุสมาส แบงเปน ๒ คือ สมาหาร ๑ อสมาหาร ๑. [ อ.น. ]
73.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 71 ถ. กฎเกณฑของสมาหาร และ อสมาหารนั้น มีตางกันอยางไร ? ต. สมาสที่รวมนามศัพท มีเนื้อความเปนพหุวจนะ ทําใหเปน เอกวจนะ นปุงสกลิงค ชื่อ สมาหารทิคุ อุทาหรณ เชน ตโย+โลกา = ติโลก โลก ๓. สมาสที่ไมทําเชนนั้น เนื้อความเปนเอกวจนะ ก็คง เปนเอกวจนะ, เนื้อความเปนพหุวจนะ ก็คงเปนพหุวจนะอยูอยางนั้น ไมมีจํากัดวาตองเปนเอกวจนะนปุงสกลิงค ชื่ออสมาหารทิคุ เชน เอโก +ชโร=เอกชโน ชนคน ๑, ตโย+รุกขา=ติรุกฺขา ตนไม ๓ ตนทั้งหลาย เปนตน. [อ.น .]. ถ. ทิคุสมาส ตางจาก กัมมธารยสมาส อยางไรบาง ? ต. ทิคุ มีบทหนาเปนสังขยา และมีจํากัดรูปศัพท คือ สมาหาร ตองเปนรูป เอกวจนะ นปุงสกลิงค เชน ติโลก, อสมาหาร ตอง เปนรูปตามความนอยหรือมาก เชน เอกปุคฺคโล ปฺจพลานิ เปนตน และเปนสมาสนามลวน, สวนกัมมธารยสมาส ไมมีปกติสังขยาที่ เปนคุณนามนําหนา ไมมีขอบังคับใหเปนรูป เอกวจนะ นปุงสกลิงค และเปนไดทั้งนามทั้งคุณ ตางกันดังนี้. [ อ. น.] ถ. ทิคุสมาส ที่วามีศัพทสังขยาเปนบทหนานั้น มีจํากัดสังขยา อยางไรบาง หรือไม ? ปฺจสิสฺโส อฏปริกฺขาโร เปนทิคุสมาส ไดหรือไม ? เพราะเหตุไร ? ต. มีจํากัดสังขยา คือ ปกติสังขยา คุณนาม ตั้งแต เอก ถึง อฏนวุติ. ถาศัพทที่มีสังขยานามและปูรณสังขยานําหนา ไมจัดเปน ทิคุสมาส ปจสิสฺโส ก็ดี อฏปริกฺขาโร ก็ดี เปน ทิคุสมาสไมได
74.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 72 เพราะไมเขาเขาลักษณะของทิคุสมาส ถาเปนทิคุณสมาส ตองมีรูปดังนี้ คือ ปฺจสิสฺส อฏปริกฺขาร หรือ ปฺจสิสฺสา อฏปริกฺขารา อยาง ใดอยางหนึ่ง ถาเปนรูปปุงลิงค เอกวจนะ เชนนั้น เปนฉัฏฐีพหุพพิหิ วิเคราะห ปฺจ สิสฺสา ยสฺส โส ปฺจสิสฺโส [ อาจริโญ อาจารย] มีศิษย ๕ คน, อฏ ปริกฺขารา ยสฺส โส อฏปริกฺขาโร [ ภิกฺขุ ภิกษุ ]. ีมีบริขาร ๘. [ อ.น.]. ถ. จตุปริสา ปฺจพล สตฺตธนานิ อฏธมฺมา ศัพทไหนเปน สมาสอะไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. จตุปริสาและสตฺตธนานิ เปน ทิคุสมาส อสมาหาร, ปฺจพล เปนทิคุสมาส สมาหาร,สวนอฏธมฺมา เปนทิคุณสมาส อสมาหาร ก็ ได เปนสัตตมีพหุพพพิหิก็ได. วิเคราะหดังนี้ จตสฺโส+ปริสา=จตุปริสา, ปฺจ+พลานิ=ปฺจพลล สตฺต+ธนานิ = สตฺตธนานิ, อฏ+ธมฺมา =อฏธมฺมา, อีกอยางหนึ่ง อฏ ธมฺมา เยสุ เต อฏธมฺฒา [ ภิกฺขู] . อนึ่ง จตุปริสา เปนสัตตมีพหุพพิหิไดวิเคราะหวา จตสฺโส ปริสา ยาย สา จตุปริสา [ ธมฺมสภา]. [ อ. น. ]. ถ. ติวตฺถา เปนทิคุสมาส หรือ สมาสอะไร ? ตั้งวิเคราะห อยางไร ? ขอทราบเหตุที่วาเปนสมาสนั้นดวย. ต. เปนทิคุณสมาสไมได เพราะ วตฺถ ศัพท เปน นปุงสกลิงค ถา เปนทิคุสมาส ตองเปนรูปดังนี้ ติวตฺถ หรือ ติวตฺถานิ, ที่เปน ติวตฺถา นั้น ผิดจากลิงคเดิม ไมเขาหลักของสมาหารและอสมาหารทิคุสมาส เมื่อเปนเชนนี้ จึงสองความวา ศัพทนั้นเปนวิเสสนะของศัพทอื่น เมื่อ
75.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 73 เปนวิเสสนะ ก็ตองเปนฉัฏฐีพหุพพิหิ วิเคราะหวา ตีณิ วตฺถานิ เยส เต ติวตฺถา [นรา ] [ อ.น.] ถ. จตุตฺถวคฺโค ฉฬภิฺโ เปนทิคุสมาสหรือมิใช ? หรือเปน สมาสอะไร ? วิเคราะหมาดวย. ถามิใชทิคุสมาส ก็ของใหแกเปน สมาสรูปนั้น พรอมทั้งวิเคราะหดวย. ต. มิใชทิคุสมาส, จตุตฺถวคฺโค เปน วิเสสนบุพพบท กัมมธารย- สมาส วิเคราะหวา จตุตฺโถ+วคฺโค=จตุตฺถวคฺโค แกเปน ฉัฏฐีพหุพพิหิสมาส วิเคราะหวา ฉ อภิฺา ยสฺส โส ฉฬภิฺโ [เถโร]. ถาจะแกใหเปนรูป ทิคุณสมาส ก็ได จตุตฺถวคฺโค แกเปน จตุวคฺคา วิเคราะหวา จตฺตโร+วคฺคา=จตุวคฺคา. สวน ฉฬภิฺโนั้น แกเปน ฉฬภิฺา วิเคราะห ฉ+อภิฺา=ฉฬภิฺา. [ ๒๔๖๘ ] [ ตัปปุริสสมาส ] ถ. ตัปปุริสสมาส ไดแกสมาสเชนไร ? แบงเปนที่อยาง ? อะไรบาง ? ต. ไดแกสมาสที่ทานยอศัพทขางหนา ซึ่งประกอบดวยวิภัตติ ตาง ๆ มี อ เปนตน เขากับบทขางหลัง ชื่อตัปปุริสสมาส แบง เปน ๖ ตามชื่อวิภัตติ คือ ทุติยาตัปปุริสะ ตติยาตัปปุริสะ จตุตถี- ตัปปุริสะ ปญจมีตัปปุริสะ ฉัฏฐีตัปปุริสะ สัตตมีตัปปุริสะ.[ อ. น.] ถ. ตัปปุริสสมาส แบงเปนถึง ๖ อยาง จะรูวาเปนสมาสนั้น ๆ ไดอยางไร ? ต. รูไดดวยสังเกตบทหนา ถาบทหนาในวิเคราะหประกอบ
76.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 74 วิภัตติไหน ก็เปนสมาสนั้น หรือศัพทหนาระบุอายตนิบาตในวิภัตติ ไหน ก็เปนสมาสนั้น เชน สุข+ปตฺโต=สุขปฺปตฺโต [ ปุริโส บุรุษ] ถึงแลวซึ่งสุข, เมื่อเห็น อ วิภัตติในบทวิเคราะห หรือเปนคําแปลวา ซึ่ง ก็รูไดวาเปนทุติยาตัปปุริสะ. อนึ่ง พุทฺธสฺส+สาวโก=พุทธฺสาวโก สาวกของพระพุทธเจา เมื่อเห็น ส วิภัตตที่ พุทฺธสฺส หรือเห็นคําแปล วา ของ ก็รูไดวาเปนฉัฏฐีตัปปุริสะ ดังนี้เปนตน. ถาทานไมไดตั้ง วิเคราะหและไมไดแปลไว เราตองคิดแปลเอง เมื่อแปลไดความ ตามสมาสไหน ก็ตองวิเคราะหตามรูปสมาสนั้นดู ถาไดความและรูป วิเคราะหก็เขาลักษณะที่ทานวางไวในสมาสใด ก็จัดวาเปนสมาสนั้น เชน สงฺฆปสาโท ถาแปลวา ความเลื่อมใสซึ่งพระสงฆ ความเลื่อมใส ดวยพระสงฆ เชนนี้ไมไดความ จัดเปน ทุติยา หรือ ตติยา ไมได, ตอง แปลวา ความเลื่อมใสของพระสงฆ หรือ ความเลื่อมใสในพระสงฆ เชนนี้ ไดความ เมื่อไดความแลว ตองลองแยกศัพทตั้งวิเคราะหดู ตามรูปคําแปลนั้น ดังนี้ สงฺฆสฺส+ปสาโท, สงฺเฆ+ปสาโท เมื่อตั้ง วิเคราะห ก็เขาลักษณะของสมาสทั้ง ๒ คือ ฉัฏฐี และ สัตตมี เชนนี้ ก็รูไดวา ศัพทนั้นเปนได ๒ สมาส. [ อ.น. ]. ถ. ตัปปุริสสมาส เปนสมาสนามหรือสมาสคุณ ? หรือเปน ไดทั้ง ๒ และมีลักษณะแปลกกันอยางไร ? ต. เปนนามก็มี เปนคุณก็มี, ที่เปนนาม บทหลังเปนนามนาม และเปนตัวประธาน, ที่เปน คุณ บทหลังเปนศัพทกิริยากิตก เปนบท ิวิเสสนะ ตัวอยางเชน วเน+ปุปฺผ=วนปุปฺผ ดอกไมในปา เปนนาม,
77.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 75 คาม+คโต= คามคโต [ ปุริโส บุรุษ] ไปแลวสูบาง เปนคุณ. [ อ. น. ]. ถ. ตัปปุริสสมาส ตางจากกัมมธารยสมาสอยางไร ? ต. ตัปปุริสสมาส มีวิภัตติและวจนะไมเสมอกัน คือบทหนา ประกอบวิภัตติตามชื่อสมาส และเปนเอกวจนะหรือพหุวจนะได, สวนกัมมธารยสมาส มีวิภัตติและวจนะเสมอกัน บทหนึ่งเปนประธาน บทหนึ่งเปนวิเสสนะ หรือเปนวิเสสนะทั้ง ๒ บท. ตัวอยาง ตัปปุริส- สมาส เชน สุนฺทโร+ธมฺโม=สุนฺทรธมฺโม พระธรรมดี ดังนี้ . [ อ.น. ]. ถ. สมาสเชนไร เรียก มัชเฌโลป ? จงอธิบายและอางตัวอยาง ประกอบ. ต. สมาสที่ศัพท ๒ ศัพทมีเนื้อความไมตอกัน เพราะลบศัพท ที่อยูในระหวางกลางเสีย เวลาแปลจะตองเติมศัพทเขาในระหวาง เพื่อเชื่อมความของศัพทหนาและศัพทหลังใหติดตอกัน ไดความตาม ภาษานิยม เรียกวา มัชเฌโลป ตัวอยางเชน อสฺสรโถ รถมา แม ไดความตามภาษาไทย แตไมไดความตามภาษามคธ เพราะภาษา มคธ ตองเชื่อมความใหตอกันดวยวิภัตติ เมื่อเปนเชนนี้ จึงตอนหา คําเติมลงในระหวางวา รถเทียมแลวดวยมา วิเคราะหวา อสฺเสน+ [ ยุตฺโต ] รโถ=อสฺสรโถ หรือศัพทวา สูกรเปโต เปรตสุกร ไมได ความ ตองเติมใหไดความวา เปรตมีศีรษะเพียงดังศีรษะแหงสุกร. [อ. น. ]
78.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 76 ถ. กมฺมผล ปฺาปภา แปลวากระไร ? เปนสมาสอะไร ? ต. กมฺมผล แปลวา ผลแหงกรรม, ปฺาปภา แปลวา แสงสวางแหงปญญา อยางนี้เปนฉัฏฐีตัปปุริสะ. ถาแปลวา กรรมและ ผลแหงกรรม ปญญาและสวางแหงปญญา อยางนี้ เปนทวันทวสมาส และเปนตัปปุริสสมาส. [อ.น. ]. ถ. สมาสที่มี น ปฏิเสธ ไดแกสมาสอะไรบาง ? มีลักษณะ ตางกันอยางไร ? อผาสุก เปนสมาสอะไร ? ต. ไดแก อุภยตัปปุริสะ หรือ กัมมธารยะมี น เปนบทหนา และ นบุพพบท พหุพพิหิ, มีลักษณะตางหัน คือ อุภยตัปปุริสะ ปฏิเสธ นาม เชน อพฺราหฺมโณ [ อย ชโน ชนนี้ ] มิใชพราหมณ, อนสฺโส [ อย สตฺโต สัตวนี้ ] มิใชมา, นบุพพบท พหุพพิหิ ปฏิเสธคุณ เชน อปุตฺตโก [ ชโน ชน ] หาบุตรมิได หรือไมมีบุตร เปนตน, อผาสุก ถาแปลวา [ ทุกขนี้ ] มิใชความสําราญ เปนอุภยตัปปุริสะ. ถาแปล วา [ ตระกูล] หาความสําราญมิได หรือไมมีความสําราญ เปน นบุพพบท พหุพพิหิ. [ อ. น. ] ถ. อุภยตัปปุริสสมาส เปนนามหรือเปนคุณ ? หรือเปนทั้ง ๒ ? เพราะเหตุไร ? ต. เปนคุณนาม เพราะมีบทอื่นเปนประธาร. [ อ. น. ]. ถ. อปฺุ เปนชื่อของกรรมบาง เปนชื่อของคนบาง จะเปน สมาสอยางเดียวกันหรือตางกันอยางไร ? จงตั้งวิเคราะหมาดวย. ต. ตางกัน ถาเปนชื่อของกรรม เปนอุภยตัปปุริสะ วิเคราะห
79.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 77 วา น+ปฺุ = อุปฺ, ถาเปนชื่อของคน เปน นบุพพบท พหุพพิหิ วิเคราะหวา นตฺถิ ตสฺส ปฺุนฺติ อปฺุโ [ ปุคฺคโล]. [ ๒๔๖๐ ]. [ ทวันทวสมาส ] ถ. สมาสเชนไร เรียกวา ทวันทวสมาส ? แบงเปนกี่อยาง ? อะไรบาง ? ต. สมาสที่มีศัพทนามนามตั้งแต ๒ ศัพทขึ้นไป ยอเขาเปนบท เดียวกัน เรียกวา ทวันทวสมาส, แบงเปน ๒ คือ สมาหาร และ อสมาหาร. [ อ. น. ] ถ. สมาหาร กับ อสมาหาร มีกฎเกณฑตางกันอยางไร ? ต. มีกฎเกณฑตางกันดังนี้ สมาหาร บทวิเคราะหจะเปนลิงค วจนะอะไรก็ตาม แตบทปลงตองเปน นปุงสกลิงค เอกวจนะ เสมอไป เชน ภิกฺขุ จ+สามเณธร จ=ภิกฺขุสามเณร, อุปาสโก จ+อุปาสิกา จ = อุปาสกุปาสิก เปนตน, สวน อสมาหาร ไมมีบังคับบทปลงอยาง นั้น แตมีกฎเกณฑวา บทวิเคราะหจะเปนเอกวจนะ หรือ พหุวจนะ ก็ตาม บทปลงตองเปน พหุวจนะ เสมอไป และจะปลงเปนลิงคอะไร นั้น ใหถือเอาศัพทหลังที่สุดเปนประมาณ ถาศัพทที่สุดเปนลิงคอะไร บทปลงก็ตองเปนลิงคนั้น เชน อาจริโย จ อุปชฺฌาโย จ=อาจริยุ- ปชฺฌายา, หตฺถี จ อสฺโส จ รโถ จ = หตฺถิอสฺสรถา, ปณฺณฺจ ปุปฺผฺจ ผลฺจ = ปณฺณปุปฺผผลานิ เปนตน. [อ.น. ]. ถ. ทวันทวะ ตางจากทิคุสมาสอยางไร ? ต. ตางกันดังนี้ ทวันทวะ นิยมศัพทนามนามลวน ไมมีบท
80.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 78 วิเสสนะ และมีหลาย ๆ ศัพทได ไมมีจํากัด, สวน ทิคุ มีสังขยา คุณนามนําหนา สมาสหนึ่งมีจํากัดเพียง ๒ ศัพท ศัพทหนาเปน วิเสสนะ ศัพทหลังเปนตัวประธาน จะประกอบหลาย ๆ ศัพท อยาง ทวันทวะไมได สวนบทปลง นิยมลิงคและวจนะเชนเดียวกับทวันทวะ. [ อ. น. ] ถ. เมื่อทราบแลววา ทวันทวะยอศัพทนามนามตั้งแต ๒ ศัพท ขึ้นไปเขาเปนบทเดียวกัน นามนามที่จะยอเขานั้น เมื่อเปนนามแลว ก็ยอเขาเปนทวันทวสมาสไดทั้งนั้น หรือมีจํากัดอยางไรบางหรือไม ? ต. นามนามที่จะยอเขาเปนทวันทวสมาสไดมีจํากัด คือ ตอง เปนนามนามที่มีลักษณะเชนเดียวกันหรือพวกเดียวกัน เชนคําใน ภาษาไทยวา คฤหัสถและบรรพชิต บุรุษและสตรี เด็กและผูใหญ หมึกและปากกา นาและสวน เปนตน จึงยอเขาสมาสได, สวน นามที่เขาพวกกันไมได คือตางพวกกัน จะยอเขาเปนสมาสนี้ไมได ตัวอยางเชน น้ําและคน ดินและปลา เปนตน. ไมใชวาเปน นามนามแลว จะยอเขาเปนสมาสไดทั้งนั้น. [ อ. น. ] ถ. ศัพท ๆ เดียว แตทานวาเปนศัพทสมาสก็ได มีจริงหรือ ? ถามีจริง จงหาตัวอยางมาแสดง. ต. มี ทานเรียกวา เอกเสสเหลือไวศัพทเดียว เชน อุปาสกา แปลวา อุบาสกและอุบาสิกาทั้งหลาย, เทวา แปลวา เทพยดาและ มนุษยทั้งหลาย, อตฺตา ตนและตน เปนตน. ศัพทที่กลาวมานี้ มี วิเคราะหดังนี้ อุปาสโก จ อุปาสิกา จ= อุปาสกา, เทโว จ มนุสฺโส จ
81.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 79 = เทวา, ลบศัพทหลัง ที่มีรูปไมเหมือนกัน เรียก วิรูเปกเสส. อตฺตา จ อตฺตา จ = อตฺตา ลบศัพทหลัง มีรูปเหมือนกัน เรียก สรูเปกเสส. สมาสชนิดนี้ ก็จัดเขาในพวกทวันทวสมาส อสมาหาร เหมือนกัน. [ อ. น .] ถ. สมาหาร อสมาหาร ทานใหกําหนดอยางไร ? ใชใน สมาสไหนไดบาง ? จงยกอุทาหรณมาเทียบกัน. ต. ทานกําหนดดังนี้ สมาสที่ทานรวมนามศัพท มีเนื้อความ เปนพหุวจนะ ทําใหเปนเอกวจนะ นปุงสกลิงค ชื่อ สมาหาร, ที่ไมทํา อยางนั้น ชื่อ อสมาหาร ใชในทิคุสมาสและทวันทวสมาส อุทา- หรณวา ตโย+โลกา = ติโลก สมาหารทิคุ เสมโถ จ วิปสฺสนา จ = สมถวิปสฺสน สมาหารทวันทวะ, จตสฺโส+ทิสา=จตุทฺทิสา อสมา- หารทิคุ สารีปุตฺโต จ โมคฺคลฺลาโน จ = สารีปุตฺตโมคฺคลฺลานา อสมาหารทวันทวะ. [ ๒๔๖๖] [ อัพยยีภาวสมาส ] ถ. สมาสที่เรียกวา อัพยยีภาวสมาส นั้น มีอะไรเปนเครื่อง กําหนด ? ต. มีอุปสัคและนิบาตนําหนา เปนเครื่องกําหนดใหทราบวา เปนอัพยยีภาวสมาส เชน อุปนคร ใกลเมือง, ปฏิวาต ทวนลม, ยาวชีว เพียงไรแหงชีวิต เปนตน. [ อ. น. ] ถ. อัพยยีภาวสมาส แบงเปนเทาไร ? และ มีขอ บังคับอยางไรบาง ?
82.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 80 ต. แบงเปน ๒ คือ อุปสัคคบุพพกะ ๑ นิปาตบุพพกะ ๑ มี ขอบังคับดังนี้ คือ มีบทหนาเปนประธาน และเปนอุปสัคหรือนิบาต บทปลงตองเปน นปุงสกลิงค เอกวจนะ จะเปนลิงคและวจนะอื่นไมได. [ อ. น. ] ถ. อนุเถโร พระเถระนอย, ทุพฺภิกฺโข [ ประเทศ ] มีภิกษา อันหาไดโดยยาก, เปนอัพยยีภาวสมาสไดหรือไม ? หรือเปนสมาส อะไร ? จงตั้งวิเคราะหและแสดงเหตุที่ตอบนั้นมาดวย. ต. เปนอัพยยีภาวสมาสไมได เพราะไมตรงกับขอบังคับวา ตองเปนนปุงสกลิงค เอกวจนะ, เมื่อพิจารณาดูรูปศัพทแลว อนุ และ ทุ ซึ่งอยูหนา ๒ ศัพทนั้น ก็ดูเปนอุปสัค นาจะเปนอัพยยีภาวาสมาสได, แตสองความเปนวิเสสนะของนามศัพทโดยตรง และการแปลก็แปล ศัพทหลังกอน ซึ่งผิดจากอัพยยีภาวสมาส เพราะอัพยยีภาวสมาส แปลศัพทหนากอน เชน อุปนคร ใกลเมือง นิทฺรถ ไมมีความ กระวนกระวาย เปนตน. เพราะฉะนั้น จึงเปนอัพยยีภาวสมาสไมได. อนุเถโร เปนวิเสสนบุพพบท กัมมธารยะ วิเคราะหวา อนุโก เถโร อนุเถโร. ทุพฺภิกฺโข เปนสัตตมีพหุพพิหิ วิเคราะหวา ทุลฺลภา ภิกฺขา ยสฺมึ โส ทุพฺภิกฺโข [ ปเทโส] ลบ ลภ เหลือไวแต ทุ จึงเปน ทุพฺภิกฺโข [ อ.น .] ถ. ในสมาสนี้ การตั้งวิเคราะหดูยุงยากมาก พิจารณาตาม ตัวอยางในแบบนั้น ก็จับหลักไดยาก เมื่อเปนเชนนี้ จึงอยางทราบวา การตั้งวิเคราะหของสมาสนี้ มีวิธีอยางไรบาง ? โปรดชี้แจงใหแจม.
83.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 81 ต. มีวิธีดังนี้ กอนจะตั้งวิเคราะห ตองแยกศัพทสมาสนั้นออก บทหนาจะตองเปนอุปสัคหรือนิบาตเสมอไป บทหลังเปนนามหรือ กิริยานาม ใหเอาบทหลังนั้นตั้งลงเปนรูปประกอบดวยฉัฏฐีวิภัตติ กอน แลวหาศัพทอื่น ซึ่งมีความตรงกับอุปสัคหรือนิบาตนั้นมาตั้ง ลงตอขางหลัง เชน วิเคราะหวา นครสฺส+สมิป = อุปนคร, สมีป แปลวาใกล เหมือน อุป จึงใชแทน อุป ได, ชีวสฺส ยตฺตโก ปริจฺเฉโท ยาวชีว กําหนดเพียงใดแหงชีวิต ชอ เพียงไรแหงชีวิต. ยตฺตโก แปลวา เพียงใด เหมือนยาว จึงใหแทน ยาว ได. ศัพทที่ใชแทนอุปสัคในวิเคราะหไดดังนี้ :- สมีป แปลวา ใกล ใชแทน อุป, อภาว แปลวา ไมมี ใชแทน นิ และ อป, ศัพทอื่นนอก จากนี้ ถาไดความสมกับอุปสัคตัวใด ก็ใชแทนอุปสัคตัวนั้นได. อีกอยางหนึ่ง เอาอุปสัตประกอบขางหนาศัพทกิริยา ซึ่งเปน คํากลาง ๆ มี วตฺตติ เปนตน. สวนตัวนามนามประกอบไวขางหนา ศัพทกิริยานั้น แตจะประกอบเปนวิภัตติอะไรนั้น ตองแลวแตความ จะระบุ และถาศัพทกิริยาในวิเคราะหใด วิเคราะหนั้น ทานใหเติม อิติ ศัพท ซึ่งมีอรรถเปนเหตุ ตอทายวิเคราะหทุก ๆ วิเคราะห ตัว อยางเชน วาต+อนุวตฺตตีติ= อนุวาต แปลวา ตามลม ดังนี้. นิปาตปุพพกะนั้น ใชนิบาตนําหนา นิบาตที่ใชนําหนานั้น มัก ใชนิบาต ๔ หมวด คือ นิบาตบอกความกําหนด ๑ บอกอุปมา อุปมัย ๑ บอกที่ ๑ บอกเนื้อความตาง ๆ ๑ แตมิใชทุกตัวไป. นิบาตบอกความกําหนด ในวิเคราะหใช ยตฺตก แทน ยาว
84.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 82 อุทาหรณเชน ชีวสฺส ยตฺตโก ปริจฺเฉทโท= ยาวชีว, ใช ตตฺตก แทน ตาว อุทาหรณเชน มหนฺตสฺส ตตฺตโก ปริจฺเฉทโท= ตาวมหนฺต, ใช กิตฺตก แทน กีว อุทาหรณเชน มหนฺตสฺส กตฺตาโก ปริจฺเฉโท = กีวมหนฺต เปนตน. นิบาตบอกอุปมาอุปไมย ใช ปฏิปาฏิ แทน ยถา อุทาหรณเชน วุฑฺฒาน ปฏิปาฏิ= ยถาวุฑฺฒ. นิบาตบอกที่และบอกเนื้อความตาง ๆ ไมตองใชศัพทอื่นแทน เพราะนิบาตเหลานี้ใชเปนประธานในวิเคราะหได, เมื่ออยูในวิเคราะห เรียงไวหลังนาม ซึ่งประกอบเปนฉัฏฐีวิภัตติ, แตเมื่ออยูในบทปลง ตัวนิบาตกลับอยูหนานาม ดังอุทาหรณวา ภตฺตสฺส ปจฺฉา=ปจฺฉาภตฺต, นครสฺส พหิ=พหินคร เปนตน . [อ. น. ] ถ. สมาสเหลาไหนบาง นิยมบทหลังเปนนปุงสกลิงคเอกวจนะ อยางเดียว ? ไฉนจะทราบไดวา เชนไรเปนสมาสไหน ? ต. สมาหารทิคุสมาส สมาหารทวันทวสมาส อัพยยีภาวสมาส นิยมบทหลังเปนนปุงสกลิงค เอกวจนะอยางเดียว.ทราบไดโดยความ นิยมตางกันแหงสมาสเหลานั้นดังนี้ : สมาหารทิคุ ตองมีสังขยาอยู ขางหนา บทหลังเปนประธาน, สมาหารทวันทวะ ใชนามนามลวน ตั้งแต ๒ ศัพทขึ้นไป เปนบทประธานทั้งสิ้น, อัพยยีภาวะ ตองมี อุปสัตหรือนิบาตอยูขางหนา และบทหนาเปนประธานของศัพทหลัง ดวย. [ ๒๔๖๙ ]. ถ. สมาสอะไรบาง ที่นิยมบทปลงเปนนปุงสกลิงค เอกวจนะ
85.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 83 อยางเดียว ? จะทราบไดอยางไรวาเปนสมาสไหน ? ตอบใหมี อุทาหรณเทียบ. ต. สมาหารทิคุสมาส, สมาหารทวันทวสมาส, และอัพยยีภาว- สมาส, สมาหารทิคุ มีสังขยาอยูหนา ประธานอยูหลัง. สมาหาร- ทวันทวะ เปนประธานทั้งสิ้น. อัพยยีภาวะ มีอุปสัคหรือนิบาตอยูหนา และนิยมบทหนาเปนประธานของบทหลัง มีตัวอยางดังนี้ : สมาหารทิคุ อุทาหรณวา ตโย+โลกา=ติโลก. สมาหารทวันทวะ อุทาหรณวา สงฺโข น ปณฺฑโว จ = สงฺขปณฺฑว. อัพยยีภาวะ อุทาหรณวา นครสฺส+พหิ= พหินคร. [ ๒๔๗๖ ]. ถ. อัพยยีภาวสมาส ตางกับตัปปุริสสมาสอยางไร ? ยถาวุฑฺฒ แปลวา คนเจริญแลวอยางไร , อนุเถโร พระเถระนอย เปนสมาส อะไร ? ไฉนจึงวาอยางนั้น ? ต. ตัปปุริสสมาส มีบทหลังเปนประธาน ไมนิยมลิงคและ วจนะ, อัพยยีภาวสมาส มีบทหนาเปนประธานและเปนอุปสัคหรือ นิบาต บทหลังเปนนปุงสกลิงค เอกวจนะ. ยถาวุฑฺฒ เปนอัพยยีภาว- สมาส เพราะมีนิบาตอยูหนา และบทหลังเปนนปุงสกลิงค เอกวจนะ, แมบทหนาไมไดเปนประธาน ก็ไมเปนขอสําคัญที่จะทําลายความเปน อัพยยีภาวะได, เมื่อแปลโดยความวา ตามแก จะพึงเห็นชัดวา เปน อัพยยีภาวะแท. อนุเถโร เปนกัมมธารยสมาส, ไมใชอัพยยีภาวะ เพราะบทหลังผิดลักษณะดวย. [ ๒๔๕๙ ] ถ. สมาสที่มีอัพยยศัพทอยูหนา อยางไหนเรียกชื่ออยางไรบาง ?
86.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 84 ต. ถาอัพยยศัพทที่อยูหนานั้น ใชเปนประธานของบทหลัง ทั้ง เปน นปุงสกลิงค เอกวจนะ ชื่ออัพยยีภาวสมาส, ถาเปนแตเพียง วิเสสนะ และไมใช น ศัพทดวย. บทหลังจะเปนลิงคอะไร วจนะอะไร ก็ตาม เรียกชื่อวา กัมมธารยสมาส, ถาเปน น ศัพท และเปนวิเสสนะ ดวย เรียกชื่อวา อุภยตัปปุริสสมาส, ถาไมไดเปนวิเสสนะ เรียกชื่อ วา นบุพพบทพหุพพิหิสมาส, ถาเปนสหศัพท เรียกชื่อวา สหบุพพบท- พหุพพิหิสมาส. [ ๒๔๗๒ ]. ถ. นิมฺมล เปนนามนาม เปนสมาสอะไร ? เปนคุณนาม เปน สมาสอะไร ? จงแสดงวิเคราะห. ต. นิมฺมล เปนนามนาม เปนอัพยยีภาวสมาส วิเคราะหวา มลสฺส+อภาโว = นิมฺมล. เปนคุณนาม เปนพหุพพิหิสมาส วิเคราะห วา นิกฺขนฺต มล ยสฺส ต นิมฺมล. [๒๔๖๔ ]. [ พหุพพิสมาส ] ถ. สมาสเชนไร เรียกวา พหุพพิหิสมาส ? แบงเปนกี่อยาง ? อะไรบาง ? ต. สมาสที่มีบทอื่นเปนประธาน เรียกวา พหุพพิหิสมาส แหง เปน ๖ ตามวิภัตติ คือ ทุติยาพหุพพิหิ ตติยาพหุพพิหิ จตุตถีพหุพิหิ ปญจมีพหุพพิหิ ฉัฏฐีพหุพพิหิ สัตตมีพหุพพิหิ. [ อ.น .] ถ. สังเกตอยางไร จึงจะทราบไดวา เปนพหุพพิหิ ? ต. ถาทานแปลไวดวย ก็สังเกตคําแปล คือ พหุพพิหิ ทาน นิยมใหแปลวา "มี" เมื่อเห็นคําแปลเชนนั้นเขา ก็ทราบไดทันทีวา
87.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 85 เปนพหุพพิหิ เชนศัพทวา ิตเปโม [ชน] มีความรักตั้งอยูแลว เปนตน. ถาทานไมแปลไว เราตองคิดแปลเอง ถาศัพทบงความให แปลวา "มี" แลว ก็เปนพหุพพิหิ เมื่อทราบวาเปนพหุพพิหิแลว ประสงคจะใหทราบละเอียดลงไปอีกวา เปนพหุพพิหิอะไร จงแยก อนุบทแหงสมาสนั้นออก แลวลองตั้งวิเคราะหแหงสมาสใดแลว ไมไดความชัด ก็จงรูวาไมใชสมาสนั้น ถาไดความชัดตามวิเคราะห แหงสมาสใด จงรูวาเปนสมาสนั้น . [ อ. น. ]. ถ. ที่วาเปนพหุพพิหินั้น ๆ อยางแนนอนนั้น ถืออะไรเปนหลัก ? ประกอบเปนวิภัตติอะไร ก็พึงทราบวา เปนสมาสนั้น เพราะ ย ศัพท ในวิเคราะหมีรูปตาง ๆ กัน ตามชื่อสมาส เชน ทุติยาพหุพพิหิ เปน ย, ตติยพหุพพหิ เปน เยน, จตุตถีและฉัฏฐีพหุพพิหิ เปน ยสฺส, ปญจมีพหุพพิหิ เปน ยสฺมา , สัตตมีพหุพพิหิ เปน ยสฺมึ, เมื่อ ย ศัพทโยคนามใด ต ศัพทก็ตองโยคนามนั้น. [อ. น. ] ถ. ตุลยาธิกรณพหุพพิหิ กับ ภินนาธิกรณพหุพพิหิ ตางกัน อยางไร ? ต. ตางกันอยางนี้ ตุลยาธิกรณพหุพพิหิ มีศัพทนามศัพท ๑ ศัพทวิเสสนะที่เปนกิริยากิตกพวกอนัพยยะ โดยมากใชศัพทที่ลง ต ปจจัยศัพท ๑ มีลิงควจนะวิภัตติเสมอกัน เชน ิโต เปโม ยสฺส โส ิตเปโม [ ชโน], ิโต กับ เปโม มีลิงควจนะวิภัตติเสมอกัน
88.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 86 คือเหมือนกัน. สวนภินนาธิกรณพหุพพิหิ เปนศัพทนามทั้ง ๒ ศัพท และมี วิภัตติไมเสมอกัน สวนวจนะและลิงคตางกันก็มี เหมือนกันก็มี เชน อุรสิ โลมานิ ยสฺส โส อุรสิโลโม [ พฺราหฺมโณ ], อุรสิ กับ โลมานิ มีลิงควจนะวิภัตติไมเสมอกัน คือ ตางกัน, มณิ กณฺเ ยสฺส โส มณิกณฺโ [ นาคราชา], มณิ กับ กณฺเ เปนลิงคและวจนะ เดียวกัน แตวิภัตติตางกัน. [ อ. น. ] ถ. พหุพพิหิทั้งสิ้น มีชื่อเรียกกี่อยาง ? อะไรบาง ? ทสพล เปนพหุพพิหิหรือเปนอะไร ? ตั้งวิเคราะหมาดู. ต. มีชื่อเรียก ๔ อยาง คือ ตุลยาธิกรณพหุพพิหิ ภินนา- ธิกรณพหุพพิหิ นบุพพบทพหุพพิหิ สหบุพบทพหุพพิหิ. ทสพล เปนฉัฏฐีตุลยก็ได วิเคราะหวา ทส พลานิ ยสฺส โส ทสพโล [ สตฺถา ], เปนสมาหารทิคุก็ได วิเคราะห ทส+พลานิ= ทสพล. [ ๒๔๖๙ ]. ต. ตุลยาธิกรณะ กับ ภินนาธิกรณพหุพพิหิสมาส ตางกัน อยางไร ? ขออุทาหรณมาเทียบดวย. ต. วิเคราะหแหงพหุพพิหิสมาส ถาบทประธานและวิเสสนะมี วิภัตติและลิงคเสมอ ตางแตอัญญบทที่ประธานแหงบทสมาส ชื่อตุลยาธิกรณพหุพพิหิ เชน อุทาหรณ ิตา สิริ ยสฺมึ โส ิตสิริ. ถาบทในวิเคราะหตางกันโดยวิภัตติ เรียกวา ภินนาธิกรณ- พหุพพิหิ เชน อุทาหรณวา อสิ หตฺเถ ยสฺส โส อสิหตฺโถ, ตาง
89.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 87 กันอยางนี้. [ ๒๔๖๘]. ถ. ตุลยาธิกรณะ กับ ภินนาธิกรณพหุพพิหิสมาส ตางกัน อยางไร ? จงวิเคราะหมาใหดูดวย. ต. วิเคราะหแหงพหุพพิหิสมาส ถาบทประธานและบทวิเสสนะ มีวิภัตติและลิงคเสมอกัน ตางแตอัญญบทที่เปนประธานแหสมาส ชื่อตุลยาธิกรณพหุพพิหิ เชน อุทาหรณวา ปย สีล ยสฺมึ โส ปยสีโลฐ ถาบทในวิเคราะหตางกันโดยวิภัตติ เรียกวา ภินนาธิกรณ- พหุพพิหิ เชน อุทาหรณวา ฉตฺต ปาณิมฺหิ ยสฺส โส ฉตฺตปาณิ ตางกันอยางนี้ . [ ๒๔๗๑ ]. ถ. สมฺปนฺนสสฺสานิ เปนสมาสอะไร ? และเปนคุณของคนหรือ ประเทศ เปนสมาสอะไร ? สังเกตอยางไร จึงรูไดอยางนั้น ? ลอง ตั้งวิเคราะหมาดู. ต. สมฺปนฺนสสฺสานิ๑ เปนวิเสสนบุพพบท กัมมธารยะ, เปนคุณ ของคน เปนฉัฏฐีพหุพพิหิ, เปนคุณของประเทศ เปนสัตตมีพหุพพิหิ. รูไดโดยสังเกตความอยางนี้ สมฺปนฺนานิ สสฺสานิ หรือ สมฺปนฺนานิ จ ตานิ สสฺสานิ จาติ สมฺปนฺนสฺสานิ, สมฺปนฺนานิ สสฺสานิ ยสฺส โส สมฺปนฺนสสฺโส [ชโน ] , สมฺปนฺนานิ สสฺสานิ ยสฺมึ โศ สมฺปนฺนสสฺโส [ ปเทโส]. ถ. กตปฺปฏิสนฺถาโร เปนวิเสสนะของผูทํา เปนสมาสชื่อไร ? ตั้งวิเคราะหอยางไร ? เปนวิเสสนะของผูรับ เปนสมาสชื่อไร ? ตั้ง วิเคราะหอยางไร ? ๑. ถาประกอบวิภัตติเชนนี้แลว ใชเปนคุณของคนหรือของประเทศไมได เพราะ ผิดลิงคกัน ควรใหเปนคุณ ของ รฏ (แควน) หรือเขตฺต (นา) แลวตั้ง วิ.ให เปนพหุ. เชน สมฺปนนานิ สสฺสานิ เยส ตานิ สมฺปนฺนสสฺสานิ (รฏานิ) สมฺปนฺนานิ สสฺสานิ เยสุ ตานิ สมฺปนฺนสสฺสานิ (เขตฺตานิ) (อ.น .)
90.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 88 ต. กตปฺปฏิสนฺถาโร เปนวิเสสนะของผูทํา เปนสมาสชื่อตติยา- พหุพพิหิ ตั้งวิเคราะหอยางนี้ กโต ปฏิสนฺถาโร เยน โส กตปฺปฏิ- สนฺถาโร. เปนวิเสสนะของผูรับ เปนจตุตถีพหุพพิหิ ตั้งวิเคราะห อยางนี้ กโต ปฏิสนฺถาโร ยสฺส โส กตปฺปฏิสนฺถาโร. [ ๒๔๕๗]" ถ. กตทณฺฑกมฺโม เปนวิเสสนะของศิษย เปนสมาสอะไร ? วิเคราะหอยางไร ? เปนวิเสสนะของอาจารย เปนสมาสอะไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. เปนวิเสสนะของศิษย เปนจตุตถีพหุพพิหิสมาส วิเคราะห วา กต ทณฺฑกมฺม ยสฺส โส กตทณฺฑกมฺโม. เปนวิเสสนะของ อาจารย เปนตติยาพหุพพิหิสมาส วิเคราะหวา กต ทณฺฑกมฺม เยน โส กตทณฺฑกมฺโม. [ ๒๔๖๑ ]. ถ. สมาสที่มีสังขยาอยูหนา นอกจากเปนทิคุสมาส จะทําให เปนสมาสอะไรไดอีกหรือไม ? ถาได จงยกตัวอยาง ตั้งวิเคราะห มาดู. ต. ทําใหเปนพหุพพิหิสมาสได อุทาหรณ ทส พลานิ ยสฺส โส ทสพโล. [๒๔๖๖ ]. ถ. ตามปกติ สมาสหนึ่งมีเพียง ๒ ศัพท [ ยกทวันทวะเสีย ] แตถามีตั้งแต ๓ ศัพทขึ้นไป เรียกวา สมาสอะไร ? และการตอบ สมาสชนิดนั้นวาเปนสมาสอะไรนั้น ถือเอาสมาสไหนเปนหลัก ? ขอ ตัวอยางดวย. ต. เรียกวา สมาสทอง คือ มีสมาสอื่นเปนทอง, การตอบ
91.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 89 วาเปนสมาสอะไรนั้น ถือเอาสมาสที่สุดคือหลังเขาทั้งหมดเปนหลัก ตัวอยางเชน สปฺปนวนีตาทีนิ [ เภสชฺชานิ เภสัชทั้งหลาย ] มีเนยใส และเนยขนเปนตน วิเคราะหวา สปฺป จ นวนีตฺจ=สปฺปนวนีต เปนสมาหารทวันทวะ. สปฺปนวนีต อาทิ เสย ตานิ สปฺปนวนีตาทีนิ เปน ฉัฏฐีพหุพพิหิ, การตอบตองถือเอาสมาสหลังที่สุดวา เปน ฉัฏฐี- พหุพพิหิ มี สมาหารทวันทวะ เปนทอง. [ อ. น. ] ถ. สมฺปนฺนสทฺธมฺมปโท เปนบทคุณของ สตฺถา เปนสมาส อะไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. เปน ฉัฏฐีตุลยากธิกรณพหุพพิหิ มี ฉัฏฐีตัปปุริสสมาสเปน ทอง วิเคราะหวา สทฺธมฺมสฺส+ ปท=สทฺธมฺมปท ฉ. ตัป. สมฺปนฺน สทฺธมฺมปท ยสฺส โส สมฺปนฺนสทฺธมฺมปโท ฉ. พหุพ. [ ๒๔๖๓ ]. ถ. นีลุปฺปลสทีเภท แปลวากระไร ? เปนสมาสอะไร ? มีสมาส อะไรเปนทอง ? ตั้งวิเคราะหมาดู. ต. แปลวา วัตถุมีดอกไมมีดอกอุบาลเขียวเปนตน เปนประเภท เปนฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิ มีวิเสสนบุพพบท กัมมธารยสมาส และ ฉัฏบีตุลยาธิกรณพหุพิหิ เปนทอง. วิเสสนบุพพบท วิเคราะห วา นีล+อุปฺปล = นีลุปฺปล. ฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิ วิเคราะหวา นีลุปฺปล อาทิ ยสฺส ต นีลุปฺปลาทิ [ ปุปผ ]. ต เภท ยสฺส ต นีลุปฺปลาทิเภท. [ ๒๔๖๒ ]. ถ. หิรฺสุวณฺณาทิปูรา [ นิธิกุมฺภี ] วิสติขีณาสวสหสฺสปริ- วาโร [ พุทโธ] เปนสมาสอะไร ? จงตั้งวิเคราะหมาตามลําดับ.
92.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 90 ต. หิรฺสุวณฺณาทิรูปา [ นิธิกุมฺภี] เปนตติยาตัปปุริสสมาส มีสมาหารทวันทวสมาส และฉัฏฐีพหุพพิหิสมาสเปนทอง ตั้งวิเคราะห ดังนี้ :- สมาหารทวันทวะ. หิรฺฺจ สุวณฺณฺจ = หิรฺสุวณฺณ. ฉัฏฐีพหุพพิหิ. หิรฺสุวณฺณ อาทิ เยส ตานิ หิรฺ- สุวณฺณาทีนิ [รตนานิ]. ตติยาตัปปุริสะ. หิรฺสุวณฺณาทีหิ ปูรา= หิรฺสุวณฺณาทิ- ปูรา [ นิธิกุมฺภี]. วีสติขีณาสวสหสฺสปริวาโร [ พุทฺโธ] เปน ฉัฏฐีพหุพพิหิสมาส มี ฉัฏฐีพหุพพิหิสมาส ฉัฏฐีตัปปุริสสมาส และสมาหารทิคุณสมาส เปนทอง ตั้งวิเคราะหดังนี้ :- ฉัฏฐีพหุพพิหิ. ขีณา อาสวา เยส เต ขีณาสวา [ ภิกฺขู ] ฉัฏฐีตัปปุริสะ. ขีณาสวาน สหสฺสานิ = ขีณาสวสหสฺสานิ. สมาหารทิคุ. วิสติ ขีณาสวสหสฺสานิ = วีสติขีณาสวสหสฺส. ฉัฏฐีพหุพพิหิ. วีสติขีณาสวสหสฺส ปริวาโร ยสฺส โส วีสติขีณาสวสหสฺสปริวาโร [ พุทฺโธ]. [ ๒๔๗๙ ]. ถ. นีลุปฺปลคพฺภสมานวณฺณา [ อุปฺปลวณฺณา เถรี ] กวาจะ สําเร็จรูปเปนอยางนี้ จะตองผานสมาสชื่ออะไรบาง ? จงตั้งวิเคราะห มาโดยลําดับ. ต. ตองผาน วิเสสนบุพพบท กัมมธารยะ ฉัฏฐีตัปปุริสะ ตติยา- ตัปปุริสสะ และฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิสมาส. มีวิเคราะหโดยลําดับ
93.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 91 ดังนี้ :- วิเสสนบุพพบท. นีล อุปฺปล = นีลุปฺปล. ฉัฏฐีตัปปุริส. นีลุปฺปลสฺส คพฺภ= นีลุปฺปลคพฺภ. ตติยาตัปปุริสะ. นีลุปฺปลคพฺเภน สมาโน = นีลุปฺปลคพฺภสมาสโน [ วณฺโณ ]. ฉัฏฐีตุลยาธิกรณะ. นีลุปปลคพฺภสมาโน วณฺโณ ยสฺสา สา นีลุปฺปลคพฺภสมานวณฺณา. [ ๒๔๘๐ ]. ถ. ปฺจสติภิกฺขุวตฺถุ แปลวาอยางไรไดบาง ? แปลอยางนั้น เปนสมาสอะไรบาง ? ตั้งวิเคราะหมาดู. ต. แปลวา เรื่องแหงภิกษุมี ๕๐๐ รูป หรือเรื่องแหงภิกษุมี ๕๐๐ รูปเปนประมาณ. แปลอยางตน เปน ฉัฏฐีตัปปุริสะ มีฉัฏฐีตุลยา- ธิกรณพหุพพิหิ และวิเสสนบุพพบท เปนทอง วิเคราะหดังนี้ :- ฉัฏฐีตุลยาธิกรณะ. ปฺจ สตานิ เสย เต ปฺจสตา (ภิกฺขู). วิเสสนบุพพบท. ปฺจสตา+ภิกฺขู= ปฺจสตภิกฺขู. ฉัฏฐีตัปปุริสะ. ปฺจสติภิกฺขูน วตฺถุ= ปฺจสติภิกฺขุวตฺถุ. แปลอยางหลัง เปน ฉัฏฐีตัปปุริสสสมาส มีสมาหารทิคุสมาส ฉัฏฐีตุลยาธิกรณะ และ วิเสสนบุพพบท เปนทอง วิเคราะหดังนี้ :- สมาหารทิคุ. ปฺจ+สตานิ = ปฺจสตง ฉัฏฐีตุลยาธิกรณะ. ปฺจสต มตฺต เยส เต ปฺจสตมตฺา. (ภิกฺขู). วิเสสนบุพพบท. ปฺจสตมตฺตา+ภิกฺขู= ปฺจสติภิกขู.
94.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 92 ฉัฏฐีตัปปุริสะ. ปฺจสติภิกขูน วตฺถุ ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ [ อ. น. ]. ถ. นบุพพบทพหุพพิหิ กับ อุภยตัปปุริสะ ซึ่งมี ตทัสสัตถิตัทธิต เปนทอง แผกกันอยางไรหรือไม ? จงยกตัวอยาง ตั้งวิเคราะห ประกอบกับคําเฉลย. ต. แผกกัน นบุพพบทพหุพพิหิ ไมมีปจจัย เชน อนาลโย วิเคราะหวา นตฺถิ ตสฺส อาลโยติ อนาลโย. อุภยตัปปุริส ซึ่งมี ตทัสสัตถิตัทธิต เปนทอง มีปจจัยเปนเครื่องหมาย เชน อนเปกฺขี. อภยตัปปุริสะ วิเคราะหวา อเปกฺขา อสฺส อติถีติ อเปกฺขี. อุภยตัปปุริสะ วิเคราะหวา น อเปกฺขี อนเปกฺขี. [ ๒๔๖๗ ]. ถ. สปุตฺโต กับ อปุตฺตโก เปนสมาสชื่ออะไร ? ขอวิเคราะห ทั้ง ๒ ศัพท. ต. สปุตฺโต ชื่อวา สหบุพพบทพหุพพิหิสมาส วิเคราะหวา สห ปุตฺเตน โส วตฺตีต สปุตฺโต (ปตา). อปุตฺตโก ชื่อวา นบุพพบท- พหุพพิหิสมาส วิเคราะหวา นตฺถิ ตสฺส ปุตฺตาติ อปุตฺตโก. [ ๒๔๖๕ ]. [ หมวดเบ็ดเตล็ด ] ถ. บทปลงก็ดี อัญญบทก็ดี มีนิยมอยางไร ? จงอธิบาย. ต. นิยมลิงค วจนะ วิภัตติ คือ บทปลงเปนลิงค วจนะ วิภัตติ ใด อัญญบทก็ตองเปนลิงค วจนะ วิภัตตินั้นใหตรงกันเสมอไป จึง จะใชได ถาผิดลิงค วจนะ วิภัตติกัน ก็ใชไมได ตัวอยางเชน :- ปุงลิงค รุฬฺหลโต [ รุกฺโข ตนไม ] มีเถาวัลลขึ้นแลว.
95.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 93 อิตถีลิงค รุฬฺหลตา [ สาลา ศาลา ] มีเถาวัลลขึ้นแลว. นปุงสกลิงค รุฬฺหลต [ฆร เรือน ] มีเถาวัลลขึ้นแลว. [ อ. น.]. ถ. สมาสไหนบาง ที่มีการบังคับใหมีลิงค วจนะ วิภัตติ เสมอ กัน ? ต. วิเสสนบุพพบท ๑ วิเสสนุตตรบท ๑ วิเสสนโนภยบท ๑ ทิคุณสมาสเวนสังขยาบางอยาง ๑ ตุลยาธิกรณพหุพพิหิ ๑ สมาสคุณ ทั้งสิ้น บทปลงตองมีลิงค วจนะ วิภัตติ เหมือนตัวประธาน. [ อ. น.] ถ. สมาสทั้งหมด สมาสไหนเปนนามลวน เปนคุณลวน เปน ทั้งนามทั้งคุณ ? ต. ทิคุสมาส ทวันทวสมาส เปนนามลวน, พหุพพิหิ เปนคุณ ลวน. กัมมธารมสมาส ตัปปุริสสมาส อัพพยีภาวสมาส เปนไดทั้ง นามทั้งคุณ. [ อ. น. ]. ถ. สมาสที่มีนิบาตนําหนา เปนไดแตอัพยยีภาวสมาสเทานั้น หรือ ? หรือเปนสมาสอื่นก็ได ? จงจาระไนมาดู. ต. ไมใชเปนไดแตอัพยยีภาวสมาสเทานั้น, เปนสมาสอื่นก็ได คือ เปนอุภยตัปปุริสสมาสก็ได เชน อุปตฺตโก [ ชนนี้ ] มิใช พราหมณ, เปน นบุพพบทพหุพพิหิก็ได เชน อปุตฺตโก [ชนนี้ ] มีบุตร หามิได คือไมมีบุตร, เปน สหบุพพบทพหุพพิหิก็ได เชน สปุตฺโต [บิดา] เปนไปกับดวยบุตร. [ อ. น. ]. ถ. ปฺจทาโส ปฺจทาสา ปฺจทาส เปนทิคุสมาสทั้งหมด
96.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 94 หรือศัพทไหน เปนสมาสอะไร ? ต. ปฺจทาโส เปน สมาหารทิคุ ไมได เพราะไมเปนรูป นปุง- สกลิงค เอกวจนะ, เปน อสมาหารทิคุ ก็ไมได เพราะไมเปนพหุวจนะ ตามเนื้อความ, เมื่อเปนเชนนี้ ตองเปน ฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิ วิเคราะหวา ปฺจ ทาสา ยสฺส โส ปฺจทาโส [ สามิโก]. ปฺจทาสา เปน อสมาหารทิคุ ได วิเคราะหวา ปฺจ+ทาสา =ปฺจทาสา. และเปน ฉัฏีตุลยาธิกรรพหุพพิหิ ไดอีก วิเคราะหวา ปฺจ ทาสา ยสฺสา สา ปฺจทาสา [ อิตฺถี]. ปฺจทาส เปน สมาหารทิคุ ได วิเคราะหวา ปฺจ+ทาสา = ปฺจทาส. [ อ. น. ]. ถ. มหาโคโณ สตฺตวโร เปนสมาสอะไรไดบาง ? วิเคราะห อยางไร ? ต. มหาโคโณ ถาแปลวา โคผูใหญ เปนวิเสสนบุพพบท กัมมธารยะ วิเคราะหวา มหนฺโต+โคโณ= มหาโคโณ, ถาแปลวา มีโคผูใหญ เปนฉัฏฐีและสัตตมี ตุลยาธิการพหุพพิหิ วิเคราะหวา มหนฺโต โคโณ ยสฺส โส มหาโคโณ [ กสโก ชาวนา ], มหนฺโต โคโณ ยสฺมึ โส มหาโคโณ [ คาโม บาน ]. สตฺตวโร ถาแปลวา สัตวประเสริฐ เปนวิเสสนุตตาบท กัมม- ธารยะ วิเคราะหวา สตฺโต+วโร= สตฺตวโร, ถาแปลวา มีสัตว ประเสริฐ เปนฉัฏฐีและสัตตมี ตุลยาธิกรณพหุพพิหิ วิเคราะห ก็เชนเดียวกันมหาโคโร ตางแตบทวิเสสนะอยูหลังเทานั้น.
97.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 95 ถ. สมาสที่มีสังขยานําหนา เปนทิคุณสมาสอยางเดียว หรืออาจ เปนสมาสอื่นก็ได ? ถาเปนได เปนสมาสอะไร ? จงหาตัวอยางมา แสดงดวย. ต. ไมใชเปนทิคุสมาสอยางเดียว, เปน พหุพพิหิ ก็ได เชน จตุมุโข [ ปาสาโท ปราสาท] มีมุข ๔ เปนฉัฏฐีตุลยาธิการพหุพพิหิ วิเคราะหวา จตฺตาริ มุขาทิ ยสฺส โส จตุมุโข. [ อ. น. ]. ถ. ขตฺติยมาโย สทฺทสฺา นอกจากเปนสัมภาวนบุพพบท กัมมธารยะแลว จะยักยายใหเปนสมาสอื่นไดหรือไม ? ถาได เปน สมาสอะไร ? มีวิเคราะหอยางไร ? ต. ได. ขตฺติยมาโน ถาแปลวา มานะ แหงกษัตริย เปน ฉัฏฐี ตัปปุริสะ วิเคราะหวา ขตฺติยสฺส+มาโน= ขตฺติยมาโน, ถาแปลวา มีมานะเพียงดังมานะแหงกษัตริย เปนฉัฏฐีอุปมาพหุพพิหิ วิเคราะหวา ขตฺติยสฺส มาโน อิว มาโน ยสฺส โส ขตฺติยมาโน [ ชโน ]. สทฺทสฺา ถาแปลวา ความสําคัญในเสียง เปน สัตตมีตัปปุริสะ วิเคราะหวา สทฺเท+สฺา=สทฺทสฺา, ถาแปลวา มีความ สําคัญในเสียง เปนฉัฏฐีภินนาธิกรณพหุพพิหิ วิเคราะหวา สทฺเท สฺา ยสฺสา สา สทฺทสฺา [ อิตฺถี]. [ อ. น. ] ถ. เอกปุคฺคโล เปนวิเสสนะ ของ คาโม เปนสมาสอะไร ? แปลวากระไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. เปนสัตตมีตุลนาธิกรณพหุพพิหิ แปลวา มีบุคคลคนเดียว วิเคราะหวา เอโก ปุคฺคโล ยสฺมึ โส เอกปุคฺคโล [ คาโม]. [ อ. น. ].
98.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 96 ถ. สมฺปนฺนสสฺสานิ หตฺถจฺฉินฺโน แปลวากระไรไดบาง ? แปล อยางนั้นเปนสมาสอะไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. สมฺปนฺนสสฺสานิ ถาแปลวา ขาวกลาถึงพรอมแลว เปน วิเสสนบุพพบท กัมมธารยะ วิเคราะหวา สมฺปนฺนานิ+สสฺสานิ = สมฺปนฺนสสฺสานิ. ถาแปลเปนวิเสสนะของ เขตฺตานิ นาทั้งหลาย มีขาวกลาถึงพรอมแลว เปนสัตตมีตุลยาธิกรณพหุพพิห วิเคราะหวา สมฺปนฺนานิ สสฺสานิ เยตุ ตานิ สมฺปนฺนสสฺสานิ. หตฺถจฺฉินฺโน ถาแปลวา มือขาดแลว เปนวิเสสนุตตรบท กัมมธารยะ วิเคราะหวา หตฺโถ+ฉินฺโน = หตฺถจฺฉินฺโน. ถาแปลเปน วิเสสนะของ ปุคฺคโล แปลวา มีมือขาดแลว เปนฉัฏฐีตุลยาธิกรณ- พหุพพิหิ วิเคราะหวา หตฺโถ ฉินฺโน ยสฺส โส หตฺถจฺฉินฺโน. [อ. น. ] ถ. อินฺทสโร แปลวา เสียงแหงพระอินทร บาง มีเสียงเพียง ดังเสียงแหงพระอินทร บาง ตองการทราบวา อยางไหนเปนสมาส อะไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. อยางตนเปนฉัฏฐีตัปปริสะ วิเคราะหวา อินฺทสฺส+สโร = อินฺทสโร. อยางหลังเปนฉัฏฐีอุปมาพหุพพิหิ วิเคราะห อินฺทสฺส สโร อิว สโร ยสฺส โส อินฺทสโร [ นโร ]. [ อ.น .]. ถ. เอกรตฺติวาโส ตามแบบทานวา เปนฉัฏฐีภินนาธิกรณ- พหุพพิหิ ถาจะยักแปลเปนสมาสอื่นบาง จะไดไหม ? ถาได จงแปล และตั้งวิเคราะหมาดู. ต. ได. เปนทุติยาตัปปุริสะมีอสมาหารทิคุเปนทอง วิเคราะหวา
99.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 97 เอกา+รตฺติ=เอกรตฺติ ราตรีหนึ่ง อสมาหารทิคุ, เอกรตฺตึ+วาโส = เอกรตฺติวาโส การอยูสิ้นราตรีหนึ่ง ทุติยาตัปปุริสะ [ อ. น. ]. ถ. พฺยาสตฺโต ผูของในอารมณตาง ๆ เปนสมาสอะไร ? มีวิเคราะหอยางไร ? ต. เปนสัตตมีตัปปุริสะ มีวิเสสนบุพพบท กัมมธารยะ เปนทอง วิเคราะหวา วิวิธ+อารมฺมณ= พฺยารมฺมณ วิเสสนบุพพบท กัมมารยะ คือ ลบบทวิเสสนะ เหลือไวแตอักษรตัวหนา คือ วิ แปลง ว เปน พ, อิ เปน ย สําเร็จรูปเปน พฺย, พฺยารมฺมเณ+อาสตฺโต=พฺยาสตฺโต [ นโร] เปนสัตตมีตัปปุริสะ, ลบ อารมฺมณ เหลือไวแต พฺย, จึงมีรูป สําเร็จเปนอยางนั้น. [ อ. น. ] [ ตัทธิต ] ก. ศัพทเชนไรเรียกวาศัพทตัทธิต ? ตางจากศัพทสมาสอยางไร ? ต. ศัพทที่ประกอบดวยปจจัยหมูหนึ่ง สําหรับใชแทนศัพท เพื่อ ทอนศัพทใหสั้นเขา เชนศัพท ๒ ศัพท คงไวศัพทหนึ่ง อีกศัพทหนึ่งใช ปจจัยแทน เมื่อใชปจจัยแทนแลว ก็ลบเสียได เชน สฺยาเม+ชาโต แปลวา เกิดในสยาม, คงไวแต สฺยาม ลบ ชาต เสีย ลง ณิก ปจจัย แทน สําเร็จรูปเปน สฺยามิโก ก็แปลไดความอยางเดียวกัน เรียกวา ตัทธิต . ตางจากศัพทสมาส เพราะตัทธิตคงเหลือปรากฏรูปศัพทอยู เพียงหนึ่ง และมีปจจัยใชแทนศัพทหลังที่ลบแลว เชน สฺยามิโก เปนตน, สวนศัพทสมาส ไมไดใชปจจัยแทนศัพท เปนเพียงแตลบ
100.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 98 ิวิภัตติของศัพทหนาแลวยอเขากัน เชน สฺยาเม+ชาโต ถายอเปน สมาส ก็มีรูปดังนี้ คือ สฺยามชาโต หาเปนรูป สฺยามิโก ไม, อีก อยางหนึ่ง ศัพทสมาสไมลบวิภัตติศัพทหนา ยอเขาศัพทหลังทั้ง ๆ มีวิภัตติปรากฏอยู เชน ทูเรนิทาน เปนตน ตางกันดังนี้ . [ อ. น. ]. ถ. ศัพทตัทธิต ตางจากศัพทนามกิตกอยางไร ? ภิกฺขุ ภิกฺโข เปนศัพทตัทธิตหรือกิตก ? จงแปลและตั้งวิเคราะหมาดู. ต. ศัพทตัทธิตลงปจจัยปรุงขึ้นจากศัพทที่เปนนาม, ศัพทนาม- กิตกปรุงขึ้นจากธาตุ. ภิกฺขุ แปลวา ผูขอโดยปกติ ปรุงจาก ภิกฺข ธาตุ ลง รู ปจจัย วิเคราะหวา ภิกฺขติ สีเลนาติ ภิกฺขุ [ คนใด ] ยอมขอ โดยปกติ เหตุนั้น [ คนนั้น ] ชื่อวาผูขอโดยปกติ. ภิกฺโข ปรุงจากศัพทนามวา ภิกฺขา ลง ณ ปจจัย วิเคราะหวา ภิกฺขาน+ สมฺโห=ภิกฺโข แปลวา ประชุมแหงขาวทั้งหลาย ชื่อ ภิกฺโข . [ ๒๔๗๔] ถ. ศัพทตัทธิต แจกวิภัตติไดหรือไม ? ปฺโ เปนศัพทตัทธิต หรือไมใช ? เพราะเหตุไร ? ต. ที่เปนสามัญญตัทธิต และ ภาวตัทธิต แจกวิภัตติได, ที่เปน อัพยยตัทธิต แจกวิภัตติไมได, ปฺโ เปนศัพทตัทธิต เพราะลง ณ ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต วิเคราะหวา ปฺา อสฺส อตฺถีติ ปฺโ. [ ๒๔๖๓ ]. ถ. เพื่อประโยชนอะไร จึงใชปจจัยหมูนี้เขาประกอบกับศัพท ตาง ๆ ? ต. เพื่อประโยชนจะยอคําพูดใหสั้นเขา เชนคําวา ขามดวยเรือ
101.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 99 ตองประกอบศัพทวา นาวาย ตรติ, แตเมื่อใชปจจัยแทนศัพทเสีย ศัพทหนึ่ง คือ ตรติ แลว สําเร็จรูปเปน นาวิโก เชนนี้ ก็ไดความ เทา ๒ ศัพท ทําคําพูดใหสั้นไมรุงรังเยิ่นเยอ. [ อ.น. ]. ถ. ปจจัยกิตกกับปจจัยตัทธิต ใชตางกันอยางไร ? สรณีย เปนตัทธิตหรือกิตก ? มีที่กําหนดอยางไร ? ต. ปจจัยกิตก ลงปรุงธาตุ, ปจจัยตัทธิต ลงปรุงนาม. สรณีย เปนตัทธิตก็ได. เปนกิตกก็ได, ถาเปนนามศัพท เปนตัทธิต, ถาเปน กิริยาศัพท เปนกิตก. [ ๒๔๖๔ ]. ถ. ปูชนีโย เปนศัพทตัทธิตก็ได เปนกิตกก็ได จะสังเกต อยางไรวา ที่เชนไร ควรใชเปนศัพทตัทธิตหรือกิตก ? ต. ปูชนีโย จะแปลเปนตัทธิตวา ผูควรซึ่งอันบูชา หรือจะ แปลเปนกิตกวา ผูอันบุคคลพึงบูชา ก็ไดความอยางเดียวกันวา ผู ควรบูชา เพราะฉะนั้น ถาเปนนามศัพท จะเปนตัทธิหรือกิตกก็ได แตโดยมาก ใชเปนตัทธิต ถาเปนกิริยาศัพท ตองเปนกิตก. [ ๒๔๖๑ ]. ถ. โภชก โภคี เปนศัพทตัทธิตหรือกิตก ? ต. โภชโก ปรุงขึ้นจาก ภุชุ ธาตุ ณฺวุ ปจจัย เปนนามกิตก, โภคี ปรุงขึ้นจากบทนาม โภค อีก ปจจัย เปนตัทธิต. [ ๒๔๗๐ ]" ถ. ตัทธิตทั้งสิ้น ทานนิยมบทปลง เปนลิงควจนะอะไร ? ต. ตัทธิตที่เปนคุณ บทปลง เปนได ๓ ลิงคและทั้ง ๒ วจนะ ตามตัวประธาน คือตัวประธานเปนลิงค วจนะอะไร ก็ตองเปนลิงค
102.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 100 วจนะนั้น ตัทธิตที่เปนนาม โคตตตัทธิต บทปลงเปนได ๓ ลิงค เอกวจนะ. สมุหตัทธิตที่ลง กณฺ ณ ปจจัย บทปลงเปนปุงลิงค เอกวจนะ, สมุหตัทธิตและภาวตัทธิที่ลง ตา ปจจัย บทปลงเปน อิตถีลิงค เอกวจนะ, ภาวตัทธิต นอกจากที่ลง ตา ปจจัยแลว บท ปลงเปน นปุงสกลิงค เอกวจนะทั้งสิ้น. สวน วิภาคตัทธิต บทปลง เปน ตติยาวิภัตติ เอกวจนะ อัพพยตัทธิต มีอรรถลงในประการ ไม เปนวิภัตติ และวจนะไร ๆ เพราะเปนพวกอัพยยศัพท . [ อ. น. ] ถ. ปจจัยตัทธิต ใชประกอบกับศัพทพวกไหนไดบาง ? ของให ชักตัวอยางมาดวย. ต. ประกอบกับศัพทหลายพวก คือ นามนาม เชน วาสิฏโ เหลากอแหงวาสิฏฐะ พวก ๑, คุณนาม เชน นีลตฺต ความเปน แหงของเขียว พวก ๑. สัพพนาม เชน สพฺพถา ประการทั้งปวง พวก ๑, ศัพทสังขยา เชน ทุติโย ติก เอกธา พวก ๑, อัพยยศัพท เชน ปจฺฉิโม พวก ๑, ศัพทนามกิตก เชน คมนตา ความเปนแหงการไป, ปาจกตฺต ความเปนแหงคนหุง พวก ๑, ศัพทกิริยากิตกพวก อนัพยยะ เชน กตตฺต ความเปนแหงกิจอันบุคคลทําแลว, คตตฺต ความเปนแหงชนผูไปแลว พวก ๑, และศัพทอาขยาตมีบางบางตัว เชน อตฺถิตา ความเปนแหงวัตถุมีอยู, นตฺถิตา ความเปนแหงวัตถุ ไมมีอยู. [ อ.น.] ถ. ตัทธิต โดยยอมีเทาไร ? โดยพิสดารมีเทาไร ? อะไรบาง ? ต. โดยยอมี ๓ คือ สามัญญตัทธิต ภาวตัทธิต อัพยตัทธิต.
103.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 101 โดยพิสดารมี ๑๕ คือ สามัญญตัทธิต ทานแบงเปน ๑๓ คือ โคตต- ัตัทธิต ตรตยาทิตัทธิต ราคาทิตัทธิต ชาตาทิตัทธิต สมุหตัทธิต ฐานตัทธิต พหุลตัทธิต เสฏฐตัทธิต ตทัสสัตถิตัทธิต ปกติตัทธิต สังขยาตัทธิต ปุณณตัทธิต วิภาคตัทธิต. แตในคัมภีรศัพทศาสตร ทั้งหลาย ทานแบงเปน ๑๕ คือเติม อุปมาตัทธิต และนิสสิตตัทธิต เขาดวย ถารวม ๒ ตัทธิตนี้เขาดวยก็เปน ๑๗, แต ๒ ตัทธิตนี้ไมได ใชทั่วไป จึงมิไดมีอธิบายไวในบาลีไวยากรณ. [ อ. น.]. ถ. ยกวิภาคตัทธิตในสามัญญตัทธิต ๑๓ ออกเสีย ตัทธิตไหน เปนนามอะไร ? ต. โคตตตัทธิตเปน นามนามก็ได คุณนามก็ได, ตรตยาทิตัทธิต ราคาทิตัทธิต ชาตาทิตัทธิต ฐานตัทธิต พหุลตัทธิต เสฏฐตัทธิต ตทัสสัตถิตัทธิต ปกติตัทธิต ปูรณตัทธิค เหลานี้ เปนคุณนาม, สมุหตัทธิต และ ภาวตัทธิต เปนนามนาม, สังขยาตัทธิตตามวิเคราะห ในแบบ เปนคุณนาม แตมักใชเปนนามนาม. [ ๒๔๖๗ ] ถ. ปจจัยตัทธิตอะไรบาง ที่ลงในศัพทแลว เปนนามนาม ? จงอธิบายมา. ต. ปจจัยที่ลงในโคตตตัทธิต เปนนามนามก็ได เปนคุณนาม ก็ได, ที่ลงในสมุหตัทธิต และภาวตัทธิต เปนนามนามอยางเดียว ที่ลงในสังขยาตัทธิต ในแบบเปนคุณนาม แตมักใชเปนนามนาม. [ ๒๔๗๓ ]
104.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 102 ถ. ปจจัยอะไรบาง ที่ลงในศัพทแลว เปนนามนาม ? จงชัก ตัวอยาง. ต. ปจจัยในโคตตัทธิต เชน วาสิฏโ เปนตน ๑, ปจจัยใน สมุหตัทธิต เชน มานุสโก มานุโส คามตา ๑, ปจจัยในภาวตัทธิต เชน จนฺทตฺต ปณฺฑิจฺจ ปุถุชฺชนตฺตน มุทุตา เวสม รามณียก ๑. [ ๒๔๖๐ ]. [ โคตตตัทธิต ] ถ. โคตตตัทธิต ที่ไดชื่อเชนนั้น เพราะอะไร ? ต. เพราะใชปจจัยแทน โคตฺต ศัพท หรือศัพทที่มีเนื้อความ อยางเดียวกันกับ โคตฺต เชน อปจฺจ ศัพท ที่แปลวา เหลากอ เปนตน. [อ. น. ]. ถ. ในโคตตตัทธิตนี้ ใชปจจัยแทนศัพทกี่ตัว ? อะไรบาง ? ขอดูตัวอยาง. ต. มี ๘ ตัว คือ ณ ณายน ณาน เณยฺย ณิ ณิก ณว เณร. ณ ปจจัย เชน โคตโม, ณายน ปจจัย เชน กจฺจายโน, ณาน ปจจัย เชน โมคฺคลฺลาโน, เณยฺย ปจจัย เชน ภาคิเนยฺโย ณิ ปจจัย เชน วารุณิ, ณิก ปจจัย เชน สากฺยปุตฺติโก, ณว ปจจัย เชน มาณโว, เณร ปจจัย เชน สามเณโร. [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยสําหรับตัทธิตนี้ มีถึง ๘ ตัว เมื่อจะนําไปใชประกอบ กับศัพท จะตองนําไปทั้งหมด หรือจะแบงใชตัวใดตัวหนึ่ง ? ต. ไมตองนําไปประกอบทั้งหมด พึงเลือกใชแตตัวใดตัวหนึ่ง
105.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 103 ตามที่เห็นวาเหมาะกับศัพทนั้น ๆ หรือตามที่ทานนิยม ที่มีไวหลาย ตัวเชนนั้น ก็เพื่อใหเลือกใชไดสะดวก และใหครบตามภาษานิยม ที่พูดกัน . [ อ. น.]. ถ. เมื่อปจจัยประกอบกับศัพทแลว จะทราบไดอยางไรวา ศัพทนี้ประกอบกับปจจัยตัวนั้น ๆ ต. จะทราบได ตองสังเกตที่ทายศัพท และตองทราบศัพทเดิม กอน เชน กจฺจายโน ศัพทเดิมเปน กจฺจ, เมื่อแยก กจฺจ ออกแลว คงเหลือแต ณายน ซึ่งเปนปจจัย ก็ทราบไดวา กจฺจายน ลง ณายน ปจจัย เพราะ ณ เมื่อประกอบปจจัยกับศัพทแลว ทานใหลบเสีย เหลือไวแตสระที่ ณ อาศัย เมื่อทราบศัพทเดิมแลว ก็ทราบปจจัยได หรือเมื่อทราบปจจัยแลว ก็ทราบศัพทเดิมไดเหมือนกัน. [อ. น. ]. ถ. วิธีตั้งวิเคราะหแหงโคตตตัทธิตนี้ ทําอยางไร ? จงแสดง ใหเห็นชัด. ต. วิธีตั้งวิเคราะหนั้น ทานใหประกอบศัพทเดิมเปนฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ แลวประกอบศัพทที่ใชแทน โคตฺต ศัพท เปนปฐมาวิภัตติ ตามลิงคของตนเรียงไวหลังศัพทเดิม, ในโคตตตัทธิต ทานใช อปจฺจ ที่แปลวา เหลากอ แทน โคตฺต ศัพท ตัวอยางเชน สมณสฺส อปจฺจ สําเร็จรูปเปน สามเณโร แปลไดความเทากับบทวิเคราะห วา เหลา กอแหงสมณะ, อปจฺจ นั้น แมมีอยูในบทวิเคราะหก็จริง แตไม ปรากฏในบทสําเร็จ เพราะลบ อปจฺจ เสีย ใชปจจัยแทน, เฉพาะ ัศัพท สามเณโรนี้ ใช เณร ปจจัยแทน อปจฺจ ศัพท. อนึ่ง การ
106.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 104 จะลงปจจัยที่ทายศัพทใด ตองลบวิภัตติที่ประกอบอยูกับศัพทนั้นเสีย กอน ใหเหลืออยูแตรูปเดิมจริง ๆ เชน สมณสฺส ตองลบ ส วิภัตติ เหลืออยูแต สมณ ซึ่งเปนรูปเดิม แลวจึงประกอบปจจัยได จะลง ปจจัยทายศัพทที่มีวิภัตติประกอบอยูไมได. [ อ. น.]. ถ. ณ ปจจัยเมื่อจะประกอบกับศัพท ทานใหลบ ณ เสีย ครั้น ลบ ณ แลว ก็เปนอันแลวกัน หรือมีใหเปลี่ยนแปลงอยางไรอีก ? ต. เมื่อลบ ณ แลว ถาสระอยูหนาศัพทเปนรัสสะลวน ไมมี พยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง ตองพฤทธิ คือ ทีฆะ อ เปน อา, วิการ อิ เปน เอ, อุ เปน โอ, เวนแตสระที่อยูหนาศัพทเปน รัสสะ มี พยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง หรือเปน ทีฆะ ไมตองพฤทธิ ลบ ณ แลวเปนอันแลวกัน, สวนสระที่ ณ อาศัย และสระพยัญชนะอื่น ๆ ที่เหลืออยู ใหประกอบกับศัพทไดทีเดียว ตัวอยางเชน :- ภคินิ ลง เณยฺย ปจจัย เมื่อลบ ณ แลว ตองทีฆะสระที่อักษร ตัวหนาอาศัย คือ อ เปน อา แลวนํา เ-ยย ไปประกอบกับ ภาคินิ สําเร็จรูปเปน ภาคิเนยฺโย แปลวา เหลากอแหงพี่นองหญิง. วิธวา ลง เณร ปจจัย ลบ ณ แลว ตองวิการสระที่อักษร ตัวหนาอาศัย คือ อิ เปน เอ, แลวนํา เ-ร ไปประกอบกับ เวธวา สําเร็จรูปเปน เวธเวโร แปลวา เหลากอแหงแมหมาย. อุปกุ ลง ณว ปจจัย ลบ ณ แลว ตองวิการสระที่อักษรตัว หนาอาศัย คือ อุ เปน โอ, แลวนํา -ว ไปประกอบกับโอปกุ สําเร็จ รูปเปน โอปกโว แปลวา เหลากอแหงอุปกุ.
107.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 105 ทกฺข ลง ณิ ปจจัย ลบ ณ แลว เอา อิ ที่เหลือประกอบกับ ทกฺข เปน ทกฺขิ เฉพาะศัพทนี้ เมื่อลบ ณ แลว ไมตองพฤทธิหรือ วิการ เพราะ ทกฺ เปนพยัญชนะสังโยค. โคตม ลง ณ ปจจัย ลบ ณ แลว เอา อ ไปประกอบกับ โคตม ก็คงเปนรูปเดิม ไมตองเปลี่ยนแปลง เพราะ โค เปน ทีฆะ สระอยูแลว.[ อ. น. ]. ถ. ภิกฺขุ กับ สามเณโร เปนบทอะไร ? อยางไหน มีมูลเดิม อยางไร ? จงแสดงใหตลอดสาย. ต. ภิกฺขุ เปนบทกิตก, สามเณโร เปนบทตัทธิต, ภิกขุ เปน กัตตุสาธนะ ลงในอรรถแหง ตัสสีล ภิกฺข ธาตุ รู ปจจัย ไมลบที่สุด ธาตุ รัสสะ อู เปน อุ ลบ ร เสีย วิเคราะหวา ภิกฺขติ สีเลนาติ ิภิกฺขุ, สวนสามเณโรนั้น เปนโคตตตัทธิต เณร ปจจัย ทีฆะ อ เปน อา ลบ ณ เสีย วิเคราะหวา สมณสฺส+อปจฺจ= สามเณโร มูลเดิมมีอยางนี้ . [๒๔๖๘ ]. ถ. โคตตตัทธิต เปนตัทธิตนามหรือคุณ ? และเปนไดกี่ลิงค ? จงแสดงตัวอยางดวย. ต. เปนไดทั้งนาม ทั้งคุณ และเปนไดทั้ง ๓ ลิงค ตัวอยางเชน โคตโม ปุงลิงค, โคตมี อิคถีลิงค, โคตม นปุงสกลิงค. [อ. น. ] [ตรตยาทิตัทธิต] ถ. เหตุไร ตัทธิตนี้ จึงเรียกวา ตรตยาทิตัทธิต ? ต. เพราะใชปจจัยแทนศัพทตาง ๆ ไมมีที่สิ้นสุด มี ตรติ ศัพท
108.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 106 เปนตน. จึงไดชื่ออยางนั้น. [ อ. น. ]. ถ. ตัทธิตนี้ มีปจจัยกี่ตัว ? ไดแกอะไร ? ต. มีตัวเดียว ไดแก ณิก ปจจัย. [อ.น. ]. ถ. ณิก ปจจัย ในโคตตตัทธิตก็มีแลว เมื่อซ้ํากันอยางนี้ จะ รูไดอยางไรวา ศัพทนี้เปนตัทธิตนั้น ? ต. ตองสังเกตความแหงศัพทที่ปจจัยลงแทน ถาไดความใน ตัทธิตไหน ก็รูไดวาเปนตัทธิตนั้น เชน ธมฺมฺโก จะลงแทน อปจฺจ [ เหลากอ] ในโคตตตัทธิต คือแปลวา "เหลากอแหงธรรม" ไมได ความ ก็รูวาเปนตัทธิตนี้ไมได ถาลงแทน ยุตฺต [ ประกอบแลว]. หรือ ิต [ ตั้งอยูแลว ] คือแปลวา ประกอบแลวในธรรม หรือตั้งอยูแลวในธรรม จึงไดความดี เชนนี้ก็รูไดวาเปนตรตยาทิตัทธิต ดังนี้เปนตน. [อ.น. ]. ถ. ตัทธิตนี้ ใช ณิก ปจจัย แทนศัพทอะไรไดบาง ? ต. ใชแทนศัพทตาง ๆ ไมมีจํากัด อาจใชแทนศัพทที่เปน นามนาม คุณนาม กิริยาอาขยาต นามกิตก และกิริยากิตกไดทั้งนั้น แตที่ใชแทนโดยมากนั้น คือ ศัพทกิริยาอาขยาต และกิริยากิตก นอกนั้นก็มีหาง ๆ ในแบบทานยกตัวอยางมาแสดงไวดังนี้ :- ใชแทนศัพท ตรติ เชน นาวิโก ผูขามดวยเรือ. " " สสฏ " เตลิก ระคนแลวดวยงา. " " จรติ " สากฏิโก ผูเที่ยวไปดวยเกวียน. " " ชาโต " ราชคหิโก ผูเกิดในเมืองราชคฤห.
109.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 107 ใชแทนศัพท วสติ เชน ราชคหิโก ผูอยูในเมืองราชคฤห. " " กต " กายิก อันชนทําแลวดวยกาย. " " วตฺตติ " กายิก เปนไปในกาย. " " นิยุตฺโต " โทวาริโก ผูประกอบในประตู. " " หนฺตฺวา ชีวฺติ " สากุณิโก ผูฆาซึ่งนกเปนอยู. " " สนฺตก " สงฺฆิก ของมีอยูแหงสงฆ. " " ทิพฺพติ " อกฺขิโก ผูเลนดวยสกา. นอกจากนี้ ยังใชแทนศัพทอื่น ๆ อีกมาก แลวแตความของ ศัพทตัทธิตนั้นจะบงถึง. [ อ. น.]" ถ. ตัทธิตทั้งมวล ลวนใชปจจัย จะรูไดวาเปนตัทธิตไหน ตอง อาศัยการแปล ? ถาจริงตามนี้ จงลองแปลศัพทวา ธมฺมิโก ให เปนชื่อของการกรายกฐิน อติเรกลาภ อุบาสก ภิกษุ รวม ๔ นัย พรอมทั้งแสดงปจจัยไมนอยกวา ๒ ตัทธิต และบทวิเคราะหดวย. ต. ธมฺมิโก เปนชื่อของการกราบกฐิน แปลวา อันทําโดย ธรรม [ คือทําถูกระเบียบ], เปนชื่อของอติเรกลาภ แปลวา อันเกิด โดยธรรม [ คือสัมมาชีพ], เปนชื่อของอติเรกลาภ แปลวา ผูตั้งอยู ในธรรม หรือผูประกอบในธรรม, ทั้ง ๓ ชื่อนี้ ลง ณิก ปจจัย ใน ตรยาทิตัทธิต วิเคราะหวา ธมฺเมน+กโต = ธมฺมิโก [ กินตฺถาโร ] ธมฺเมน+ชาโต = ธมฺมิโก [ อติเรกลาโภ]. ธมฺเม + ิโต = ธมฺมิโก ธมฺเม+ยุตฺโต วา = ธมฺมิโก [ อุปาสโก ]. เปนชื่อของภิกษุ แปลวา ผูมีธรรม [ แปลเหมือนอุบาสกก็ได ] ลง อิก ปจจัย ในตทัสสัตถิ-
110.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 108 ตัทธิต วิเคราะหวา ธมฺโม อสฺส อตฺถีติ ธมฺมิโก [ ภิกขุ ] [ ๒๔๗๑ ]. ถ. ณิก ปจจัย ในตรตยาทิตัทธิต ลงในอรรถเปนหลายอยาง สังเกตอยางไรจึงจะรูไดวา เมื่อลงในศัพทนั้น แปลวาอยางนั้น? ต. สังเกตศัพทนามที่ปรุงขึ้นนั้น และคิดแปลปจจัยใหเขาความ กัน เชน ธมฺมิโก แปลวา ผูตั้งอยูในธรรมก็ได ผูประพฤติธรรม ก็ได สงฺฆิโก เปนของสงฆก็มี เฉพาะสงฆก็มี. [๒๔๕๗ ]. ถ. ณิก ปจจัย ลงในตัทธิตอะไรบาง ? และตางกันอยางไร ? ต. ลงในโคตตตัทธิต ๑, ในตรตยาทิตัทธิต ๑, ตางกันอยางนี้ ลงในโคตตตัทธิต แทนศัพท อปจฺจ ซึ่งแปลวา เหลากอ และมัก ลงในศัพทที่เปนชื่ออสาธารณะ ซึ่งเปนตนโคตร, สวนลงในตรตยาทิ- ตัทธิต ไมกําหนดแนวาลงแทนศัพทอะไร [ เวนศัพท อปจฺจ ] แลว แตไดความ .[ ๒๔๖๐ ]. ถ. จงแปลและตั้งวิเคราะหศัพทวา เสนาสนิโก มาดูสัก ๕ อยาง ? ต. ถาแปลวา ผูอยูในเสนาสนะ วิเคราะหวา เสนาสเน วสตีติ เสนาสนิโก. ถาแปลวา ผูทําซึ่งเสนาสน วิเคราะหวา เสนาสน กโรตีติ เสนาสนิโก. ถาแปลวา เปนผูใหญในเสนาสนะ วิเคราะหวา เสนาสเน+ อิสฺสโร= เสนาสนิโก. ถาแปลวา ผูรักษาซึ่งเสนาสนะ วิเคราะหวา เสนาสน รกฺขตีติ เสนาสนิโก.
111.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 109 ถาแปลวา ผูเกิดในเสนาสนะ วิเคราะหวา เสนาสเน+ชาโต =เสนาสนิโก. [ อ. น.]. ถ. ตัทธิตนี้ เปนนามหรือคุณ ? การตั้งวิเคราะหในตัทธิตนี้ ถือหลักวิธีอยางไร ? ต. เปนคุณลวน การตั้งวิเคราะหนั้น ตองตั้งรูปตามความที่ แปล เชน ราชคหิโก ถาแปลวา ผูไปสูกรุงราชคฤห ก็ใหประกอบ ศัพทนามที่ปรากฏอยูนั้นเปนทุติยาวิภัตติ และหาศัพทคําวา ไป คือ คจฺฉติ มาวางไวขางหลังศัพทนามนั้น ถาศัพทที่ใชปจจัยแทนนั้น ประกอบรูปเปนกิริยาอาขยาต ตองเติม อิติ (เพราะเหตุนั้น) ไวทาย วิเคราะหทุก ๆ วิเคราะหไป เมื่อไดศัพทอยางนั้นแลว จึงตั้งวิเคราะห ดังนี้ : ราชคห คจฺฉตีติ ราชคหิโก. ถาแปลวา ผูอยูในกรุงราชคฤห ก็ตั้งวิเคราะหวา ราชคเห วสตีติ ราชคหิโก ดังนี้เปนตน. [ อ. น. ] ถ. โทวาริโก ศัพทนี้ ผิดลักษณะทีฆะและวิการศัพทที่เนื่อง ดวย ณ ใชไหม ? เห็นอยางไรจงแถลง. ต. ถาศัพทเดิมเปน ทฺวาร สําเร็จรูปเชนนั้น ก็เปนอันผิดลักษณะ แตบางอาจารยวา ศัพทเดิมเปน ทุวาร จึงวิการ อุ เปน โอ ได, ถา เชนนี้ ไมผิดลักษณะ, อีกอยางหนึ่ง เขาใจวา ศัพทเดิมคงเปน ทฺวาร แตเพื่อไมใหขัดกับสํานวนภาษาที่เขานิยมพูดกัน ทานจึง ประกอบเปนรูปเชนนั้น. [ อ. น. ]. [ ราคาทิตัทธิต ] ถ. ราคาทิตัทธิต ใชปจจัยแทนศัพทกี่ตัว ? คือปจจัยอะไร ?
112.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 110 ใชแทนศัพทพวกไหนบาง ? ต.ใชปจจัยแทนศัพท ๒ ตัว คือ ณ , แทนศัพทตาง ๆ มี ราคา เปนตน มิไดจํากัดศัพท เชนเดียวกับตรตยาทิตัทธิต แตในแบบที่ ทานแสดงเปนตัวอยางไวดังนี้ :- ใชแทนศัพท รตฺต เชน กาสาว [ ผา ] อันบุคคลยอมแลว ดวยน้ําฝาด. " " อิท มส " มาหิส [ เนื้อนี้ ] ของกระบือ. " " ชาโต " มาคโธ ผูเกิดแลวในแวนแคลนมคธ. " " วสติ " มาคโธ ผูอยูในแวนแควนมคธ. " " อิสฺสโร " มาคโธ ผูเปนใหญในแวนแควนมคธ. " " นิยุตฺโต " กตฺติโก [ เดือน ] ประกอบดวยฤกษ- กัตติกา. " " อธิเต " เวยฺยากรโณ ผูเรียนซึ่งพยากรณ. [อ. น. ]. ถ. ราคาทิตัทธิต เปนนามหรือคุณ ? ตางจากตรตยาทิตัทธิต อยางไรบาง ? ต. เปนคุณลวน, ตางจากตรตยาทิตัทธิตก็เพียงเปนปจจัยเทานั้น คือ ในตรตยาทิตัทธิใช ณิก, ตัทธิตนี้ใช ณ, สวนการตั้งวิเคราะห การแปลเหมือนกัน เปนคุณและมีปจจัยตัวเดียวเหมือนกัน. [ อ. น. ] ถ. ตัทธิตไหนบาง ใชปจจัยแทนศัพทเปนอันมาก ? จงเขียน ศัพทที่ประกอบปจจัยแลวในตัทธิตเหลานั้นมาดู.
113.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 111 ต. ตรตยาทิตัทธิต ราคาทิตัทธิต ชาตาทิตัทธิต ใชปจจัย แทนศัพทเปนอันมาก, โทวาริโก เปนตรยาทิตัทธิต ลง ณิก ปจจัย. กตฺติโก เปนราคาทิตัทธิต ลง ณ ปจจัย, อนฺติโม เปนชาตาทิตัทธิต ลง อิม ปจจัย. [ ๒๔๖๙]. ถ. นาคริโก นาคโร ก็แปลวา ชาวเมือง เหมือนกัน เปน ตัทธิตเดียวกันหรือตางกัน ? จงวิเคราะหมาดู. ต. ตางกัน, นาคริโกเปน ตรตยาทิตัทธิต ณิก ปจจัย วิเคราะห วา นคเร+ชาโต, นคเร+วสตีติ = ราครโก, นาคโร เปน ราคาทิตัทธิต ณ ปจจัย วิเคราะหอยางเดียวกัน. [ ๒๔๖๔ ]. ถ. ตัทธิตอะไรบาง ใชปจจัยแทนศัพทโดยไมมีจํากัด ? เมื่อ เปนเชนนั้น จะรูไดอยางไรวา ในที่นี้ใชปจจัยแทนศัพทนี้ ในที่นั้น ใชปจจัยแทนศัพทนั้น ? จงชี้แจงมา. ต. ตรตยาทิตัทธิต ราคาทิตัทธิต ชาตาทิตัทธิต ๓ นี้ ใชปจจัย แทนศัพทโดยไมจํากัด รูไดโดยพิจารณาความที่เหมาะแกรูปศัพท และโดยหยั่งถึงความหมายแหงศัพทที่ใชในที่นั้น ๆ เชน เตลิก เปน คุณของ โภชน ก็ตองแปลวา ระคนดวยงา, ราชคหิโก เปนคุณ ของ ชโน ก็ตองแปลวา ผูเกิดในเมืองราชคฤห, หรือผูอยูในเมือง ราชคฤห, ตามความหมายในนั้น. [ ๒๔๗๙ ]. ถ. ณ ปจจัย ในตัทธิต ลงในอรรถอะไรบาง ? และตองทํา วิธีอยางไร ? ต. ณ ปจจัยลงในอรรถ ๕ อยาง คือ โคตตตัทธิต ราคาทิตัทธิต
114.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 112 สมุหตัทธิต ตทัสสัตถิตัทธิต ภาวตัทธิต. ถาสระที่อยูหนาศัพทเปน รัสสะลวน ไมมีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง ตองพฤทธิ คือ ทีฆะ อ เปน อา, วิการ อิ เปน เอ, อุ เปน โอ. เวนไวแตสระที่อยูเบื้องหนาศัพท เปน รัสสะ มีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง หรือ เปน ทีฆะ ไมตองพฤทธิ และ ณ ปจจัยนั้นจะตองลบเสีย คงไวแตสระที่ ณ อาศัย. [ ๒๔๕๘ ]. [ ชาตาทิตัทธิต ] ถ. ตัทธิตนี้ เพราะเหตุไร จึงไดชื่อวา ชาตาทิตัทธิต ? ใช ปจจัย แทนศัพทเทาไร ? อะไรบาง ? ขออุทาหรณประกอบดวย. ต. เพราะใช ปจจัย แทนศัพทตาง ๆ มี ชาต ศัพท เปนตน จึงไดชื่อวา ชาตาทิตัทธิต, ตัทธิตนี้ ใชปจจัยแทนศัพทไดมาก ไมมี จํากัด เชนเดียวกับตรตยาทิตัทธิต และ ราคาทิตัทธิต. ใชปจจัย ๓ ตัว คือ อิม อิย กิย ปจจัย อุทาหรณ ดังนี้ :- อิม ปจจัย เชน ปุริโม [ ชน ] เกิดแลวในกอน. อิย ปจจัย เชน ปณฺฑิตชาติโย [ ชน ] เกิดแลวโดยชาติ แหงบัณฑิต. กิย ปจจัย เชน อนฺธกิโย [ ชน ] ประกอบแลวในที่มืด. [ อ. น. ]. ถ. ชาตาทิตัทธิต เปนนามหรือคุณ ? ทําไมจึงวาอยางนั้น ? โสตฺถิโก โสตฺถิโย แปลวา [ ชน ] ถึงซึ่งความสวัสดี เปนตัทธิต อะไร ? วิเคราะหใหดูดวย. ต. เปนคุณ เพราะมีบทอื่นเปนประธาน, เมื่อเปนคุณ ก็เปนได
115.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 113 ทั้ง ๓ ลิงค, โสตฺถิโก เปนตรตยาทิตัทธิต วิเคราะหวา โสตฺถึ+ปตฺโต= โสตฺถิโก ลง ณิก ปจจัย, โสตฺถิโย เปนชาตาทิตัทธิต วิเคราะห เหมือนอยางนั้น แตลง อิย ปจจัย .[ อ. น. ]. ถ. การตั้งวิเคราะหชาตาทิตัทธิตนั้น มีกฎเกณฑอยางไรบาง ? ต. มีกฎเกณฑอยางเดียวกับตรตยาทิตัทธิต และ ราคาทิตัทธิต คือไมจํากัดศัพท แลวแตความจะระบุใหประกอบรูปวิเคราะหเชนไร ตัวอยางเชน อนฺติโท ถาแปลวา ผูเกิดแลวในที่สุด ก็ตั้งวิเคราะหวา อนฺเต+ชาโต= อนฺติโม [ ชโน ]. ถาแปลวา ผูประกอบแลวในที่สุด ก็ตั้งวิเคราะหวาอนฺเต + นิยุตฺโต= อนฺติโม [ ชโน ] เปนตน. บาง วิเคราะหก็ตั้งเหมือน ตทัสสัตถิตัทธิต เชน ปุตฺติโม แปลวา ผูมีบุตร ก็ตั้งวิเคราะหวา ปุตฺโต อสฺส อตฺถีติ ปุตฺติโม [ ชโน] . [ อ. น.]. ถ. การตั้งวิเคราะหและคําแปลศัพทของชาตาทิตัทธิตและตทัส- สัตถิตัทธิเหมือนกันเชนนี้ จะสังเกตรูไดแนนอนอยางไรวา เปน ตัทธิตไหน? ปุตฺติมา เปนตัทธิตอะไร ? ตั้งวิเคราะหอยางไร ? ต. ตองสังเกตปจจัยเปนหลัก เพราะตัทธิตทั้งปวงมีปจจัย ประจําเฉพาะตัทธิตนั้น ๆ แลว, ปจจัยใน ๒ ตัทธิตทั้งปวงมีปจจัย อยูแลว ปุตฺติมา ถาเปนพหุวจนะ เปนชาตาทิตัทธิต อิม ปจจัย วิเคราะหวา ปุตฺโต เตส อตฺถีติ ปุตฺติมา[ มาตาปตโร] ถาเปน เอกวจนะ เปนตทัสสัติถตัทธิต อิมนฺตุ ปจจัย วิเคราะห ปุตฺโต อสฺส อตฺถีติ ปุตฺติมา [ ชโน]. ที่เปนรูปเชนนี้ แจกตามแบบ ภควนฺตุ ศัพท. [ อ. น. ].
116.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 114 [ สมุหตัทธิต ] ถ. สมุหตัทธิต หมายความวากระไร ? มีปจจัยกี่ตัว ? อะไร บาง ? และปจจัยเหลานั้น ปจจัยตัวไหน เปนเครื่องหมายลิงคอะไร ? ต. หมายความวา ตัทธิตที่ใชปจจัยแทน สมุห ศัพท ซึ่งแปล วา ความประชุม มีปจจัย ๓ ตัว คือ กณฺ ณ ตา, กณฺ ณ ๒ ตัวนี้ เมื่อประกอบศัพทแลว เปนเครื่องหมายปุงลิงค เชน มานุสโก มายุโร เปนตน, ตา เปนเครื่องหมายอิตถีลิงค เชน สหายตา เปนตน . [ อ. น.]" ถ. ตัทธิตนี้ เปนคุณหรือนาม ? ตางจากราคาทิตัทธิตอยางไร บาง ? ต. เปนนามแท, ตางจากราคาทิตัทธิต คือ ราคาทิตัทธิต เปน คุณนามลวน เปนได ๓ ลิงค และใช ณ ปจจัย แทนศัพทไมมีจํากัด ี่ตั้งแต ราค ศัพท เปนตนไป, มี ณ ปจจัย ใชแทนศัพทตัวเดียว. สวน ตัทธิตนี้เปนนาม ใชปจจัยแทน สมุห ศัพท ๓ ตัว มีจํากัดใชแทน ไดแต สมุห ศัพทเทานั้น ไมทั่วไป, เมื่อกลาวถึงรูปวิเคราะหก็ตางกัน ในราคาทิตัทธิต ไมมีนิยมแนนอนตายตัวลงไป, ยอมแลวแตศัพท ตัทธิตนั้นจะบงความเปนอยางใด ก็ตั้งวิเคราะหตามรูปความนั้น, สวน ตัทธิตนี้ ศัพทหนาซึ่งเปนนาม มีจํากัดใหประกอบเปนฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ, ศัพทหลังใช สมุห ศัพท เปนปฐมาวิภัตติ, บทปลง เปน เอกวจนะ เปนได ๒ ลิงค คือ ปุงลิงคและอิตถีลิงคเทานั้น ตัวอยาง วิเคราะหดังนี้ : ชนาน+สมุโม = ชนตา เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. เพราะเหตุไร ในรูปวิเคราะหแหงตัทธิตนี้ ทานจึงบังคับให
117.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 115 ประกอบศัพทนาม เปนพหุวจนะ ? ลองประกอบ มหิส ศัพท ดวย ปจจัยทั้ง ๓ นั้นมาดู. ต. เพราะ สมุห ศัพท ซึ่งประกอบวา ความประชุม อยูเบื้องหลัง ซึ่งบงความถึงนามมีจํานวนมาก ถาคนเดียวหรือสิ่งเดียว เรียกวา ประชุมไมได ฉะนั้น จึงตองประกอบศัพทหนา เปน พหุวจนะ จะ ประกอบเปนเอกวจนะ ใชไมได. มหิส ประกอบดวยปจจัย ๓ ตัว นั้น มีรูปดังนี้ : กณฺ ปจจัย มาหิสโก, ณ ปจจัย มาหิโส, ตา ปจจัย มหิสตา. [ อ. น.]. ถ. นคร ศัพท ถาประสงคความวา ประชุมแหงชาวเมืองเปน ตัทธิตอะไร ? จงตั้งวิเคราะหมาดู. ต. นคร ศัพท ถาประสงคความวา ประชุมแหงชาวเมือง เปน ราคาทิตัทธิตกอน แลวเปน สมุหตัทธิต อีกชั้นหนึ่ง, ตั้งวิเคราะห อยางนี้ : นคเร+ชาโต=นาคโร, ตสฺมึ+วสตีติ วา = นาคโร, นาคราน + สมุโห = นาครตา. [ ๒๔๖๐ ]. ถ. คามตา เปนตัทธิตอะไรบาง ? แปลวากระไร ? จงแสดง ความเปนไปของศัพท ตั้งแตเปนนามจนถึงตัทธิตนี้. ต. คามตา เปนสมุหตัทธิต แปลวา ประชุมแหงชาวบาน, เปน ภาวตัทธิต แปลวา ความเปนแหงชาวบาน, คาโม [ บาน ] เปนนาม, คาเม+วสตีติ= คาโม เปน ราคาทิตัทธิต, คามาน+สมุโห = คามตา เปน สมุหตัทธิต, คาสฺส+ภาโว = คามตา เปน ภาวตัทธิต. [ ๒๔๖๖]
118.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 116 ถ. แปลโวหาร วา ประชุมแหงชาวเมือง แปลตามพยัญชนะ วา ประชุมแหงชนเกิดในเมือง หรือวา ประชุมแหงชนอยูในเมือง ดังนี้ เปนตัทธิตอะไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. เปน ราคาทิตัทธิต กอน แลวเปน สมุหตัทธิต อีกชั้นหนึ่ง วิเคราะหวา นคเร+ชาตา=นาครา, ตสฺมึ+วสนฺตีติ วา= นาครา, เตส+สมุโม=นาครตา.[๒๔๗๓]. ถ. จงชี้ขอที่ตางกันของศัพทที่ลง ณ ปจจัยในตัทธินั้น ๆ มา ใหครบ พรอมทั้งวิเคราะหตัวอยาง. ต. ในโคตตตัทธิต ลงแทนศัพท คือ อปจฺจ เชน วิเคราะห วา โคตมสฺส + อปจฺจ= โคตโม, ในราคาทิตัทธิต ลงแทนศัพทตาง ๆ มี รตฺต ศัพทเปนตน เชน วิเคราะหวา กวาเวน+รตฺต=กาสาว, ในสมุหตัทธิต ลงแทน สมุห ศัพท เชน วิเคราะห วา มนุสฺสาน+ สมุโห=มานุโส, ในตทัสสัตถิตัทธิต ลงแทน อตฺถิ ศัพท เชน วิเคราะห วา สทฺธา อสฺส อตฺถีติ สทฺโธ, ในภาวตัทธิต ลงแทน ภาว ศัพท เชน วิเคราะหวา วิสมสฺส+ภาโวช=เวสม. [๒๔๗๕ ]. [ ฐานตัทธิต ] ถ. ฐานตัทธิต มีปจจัยกี่ตัว ? อะไรบาง ? และปจจัยนี้ ใช แทนศัพทอะไร ? ต. มี ๑ ตัว คือ อีย แตใช เอยฺย ปจจัย แทนบางก็ได เชน ทกฺขิเณยฺโย ใชแทน ฐาน ศัพท ซึ่งแปลวา ที่ตั้ง และใชแทน อรห ศัพท ซึ่งแปลวา ควร บาง, ในสัททนีติวา อีย ปจจัย ลงในอรรถ
119.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 117 อันอื่นไดบาง เชน อุปาทานาน+หิต=อุปาทานีย แปลวา เกื้อกูล แกอุปาทานทั้งหลาย, อุทเร+ภว = อุทรีย [ โภชนะ] มีในทอง, โดย นัยนี้ อีย หรือ เอยฺย ยอมใชแทนศัพททั้ง ๔ คือ ฐาน [ ที่ตั้ง ] อรห [ ควร ] หิต [ เกื้อกูล ] ภว [ มี ]. [ อ. น. ]. ถ. ฐานตัทธิต เปนนามพวกไหน ? โภชนีย ตั้งวิเคราะห อยางไร ? ต. เปนพวกคุณนาม, วิเคราะหวา โภชนสฺส + าน = โภชนีย [ ภาชนะ ] เปนที่ตั้งแหงโภชนะ, โภชน อรหตีติ โภชนีย [ วัตถุ] ยอมควรซึ่งโภชนะ เหตุนั้น จึงชื่อวา โภชนีย, โภชนสฺส + หิต = โภชนีย [ วัตถุ] เกื้อกูลแกโภชนะ ชื่อโภชนียะ, โภชเน+ภว = โภชนีย [ วัตถุ ] มีในโภชนะ ชื่อวา โภชนียะ, จะใชอยางใดอยางหนึ่งก็ได. [ อ. น.] ถ. ปจจัยในตัทธิตนี้ ใชประกอบกับศัพทพวกไหน ? ต. ใชประกอบกับศัพทหลายพวก แตที่ปรากฏโดยมาก ก็คือ ศัพทนามนาม และ ศัพทนามกิตก. [ อ. น. ]. [ พหุลตัทธิต ] ถ. พหุลตัทธิตใชปจจัยอะไรแทนพหุลศัพท ? ต. ใช อาลุ ปจจัย แทน. [ อ. น.]" ถ. ทําไม ในวิเคราะหทานจึงใช ปกติ แทน พหุล เลา ? ต. เพราะ ปกติ มีเนื้อความอยางเดียวกับ พหุล แมในภาษา ไทยเอง เชนคําวา ทําบาปเปนปกติ ก็หมายความวา ทําบาปเสมอ
120.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 118 หรือทําบาปมากนั่นเอง เพราะฉะนั้น จึงใชแทนกันได. [ อ.น.] ถ. ตัทธิตนี้ เปนไดกี่ลิงค ? เพราะเหตุไร จึงเปนไดเชนนั้น ? ต. เปนได ๓ ลิงค เพราะเปนคุณนาม ซึ่งเปนบทอื่นเปนประธาน เชน สีตาลุ [ ประเทศ] มีหนาวมาก เปนตน. ศัพทที่สําเร็จรูปเปน ตัทธิตนี้แลว คงรูปอยูอยางนั้นทั้ง ๓ ลิงค ไมตองเปลี่ยนแปลง เพราะ เปนศัพท อุ การัตน ซึ่งมีทั้ง ๓ ลิงค. [ อ. น.] ถ. ปจจัยในตัทธิตนี้ ใชประกอบกับศัพทพวกไหน ? ต. โดยมาก ใชประกอบกับศัพทพวกนามนาม. [ อ. น. ] ถ. จงตั้งวิเคราะห ทยาลุ ศัพท มาดูดวย ? ต. ทยา อสฺส ปกติ ทยาลุ [ ชโน ] แปลวา ความเอ็นดูเปน ปกติของชั้น [ ชนนั้น ] ชื่อวา มีความเอ็นดูเปนปกติ, ทยา อสฺส พหุลา วา ทยาลุ [ ชโน ] แปลวา อีกอยางหนึ่ง ความเอ็นดูของชน นั้นมาก [ ชนนั้น ] ชื่อวา มีความเอ็นดูมาก. [ อ.น. ]. [ เสฏฐตัทธิต ] ถ. ในเสฏฐตัทธิต มีปจจัยกี่ตัว ? และตัวไหน ใชในอรรถ อยางไร ? ต. มี ๕ ตัว ตร อิยิสฺสก อิย ใชหมายความเปรียบ อุทาหรณ วา ปาปตโร ปาปยิสฺสโก ปาปโย เปนบาปกวา, ตม อิฏ ใช หมายความถึงที่สุด อุทาหรณวา ปาปตโม ปาปฏโ เปนบาปที่สุด แปลวา ไมมีพวกอื่นบาปเหมือน. [๒๔๕๘ ].
121.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 119 ถ. ปจจัยในเสฏฐตัทธิต มีเทาไร ? ใชในที่ตางกันอยางไร ? ต. มี ๕ คือ ตร อิยิสฺสา อิย อิกฺ. ในปจจัย ๕ ตัวนี้ ตร อิยิสฺสก และ อิย ลงในวิเสสคุณศัพท, ตม และ อิฏ ลงใน อติวิเสสนคุณศัพท. สวน อิยิสฺสก ไมมีในที่อื่น นอกจาก ปาปนิสฺสโก ที่ทานยกขึ้นเปนอุทาหรณในคัมภีรศัพทศาสตรนั้น ๆ. [ ๒๔๗๐]. ถ. อิย ปจจัย ลงในอรรถแหง ตัทธิต อะไรบาง ? ศัพทที่ ประกอบปจจัยนี้แลว ตองเปนคุณนามทั้งนั้นมิใชหรือ ถาเชนนั้น จะจัดเปนชั้นยิ่งและหยอนตามคุณศัพทนั้น ๆ อยางไร ? ต. ลงในชาตาทิตัทธิต และ เสฏฐตัทธิต. เปนอยางนั้น จัด เปนชั้นยิ่งและหยอนตามคุณศัพทนั้น ๆ ดังนี้ : ที่ลงในชาตาทิตัทธิต เปนชั้นปกติ, ที่ลงในเสฏฐตัทธิต เปนชั้นวิเสส.[ ๒๔๖๒ ]. ถ. ปจจัย ๕ ตัวนั้น ตัวไหนใชนอยที่สุด ? และเปนเครื่องหมาย คุณนามชั้นไหน ? ต. อิยิสฺสก ใชนอยที่สุด มีใชประกอบกับ บาป เปน ปาป- ิยิสฺสโก ที่แสดงไวเปนตัวอยางในแบบเทานั้น นอกจากนั้นไมปรากฏ เปนเครื่องหมายคุณนามชั้นวิเสส. [ อ. น. ] ถ. ปจจัยในเสฏฐตัทธิต นิยมลงในศัพทพวกไหน ? เมื่อลง แลว จัดเปนนามศัพทพวกไหน ? ต. นิยมลงในศัพทคุณนามชั้นปกติ เชน ปาปตโร ปาปตโม ปาปโย ปาปฏโ เปนตน เมื่อลงแลวจัดเปนคุณนามชั้นวิเสสบาง อติวิเสสบาง. [ อ. น.].
122.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 120 ถ. เสยฺโย เชยฺโย ลงปจจัยอะไร ? ทําไมจึงเปนรูปอยางนั้น มีวิเคราะหอยางไร ? ต. ลง อิย ปจจัย, ที่เปนรูปเชนนั้น คือ เสยฺโย มูลศัพทเปน ส เมื่อลง อิย ตามปกติตองเปน สิโย แตไมถูกกับภาษานิยม ทานจึง ใหแปลง อิย เปน เอยฺย เขากับ ส ก็เปน เสยฺโย, เชยฺโย มูลศัพท เปน ช ลงปจจัยนั้นแลว ก็แปลงเปนอยางเดียวกันกับ เสยฺโย. ศัพท ทั้ง ๒ นี้ กอจะตั้งวิเคราะห ตองทราบอรรถเสียกอน. ส เปนไป ในอรรถแหง ปสฏ ที่แปลวา ประเสริฐ.ช เปนไปในอรรถแหง วุฑุฒ ที่แปลวา เจริญ. วิเคราะหอยางนี้ อยฺจ ปสฏโ อยฺจ ปสฏโ, อยมิเมส วิเสเสน ปสฏโติ เสยฺโย [ ชโน ] ชนนี้ ประเสริฐดวย ชนนี้ ประเสริฐดวย, ชนนี้ ประเสริฐ โดยวิเศษ แหง [ กวา] ชนเหลานี้ เพราะฉะนั้น ชนนี้ จึงชื่อวา ประเสริฐกวา. อยฺจ วุฑฺโฒ อยฺจ วุฑฺโฒ, อยมิเมส วิเสเสน วุฑฺโฒติ เชยฺโย [ ชโน ] ชนนี้ เจริญดวย ชนนี้ เจริญดวย , ชนนี้ เจริญโดยวิเศษ แหง[ กวา] ชนเหลานี้ เพราะฉะนั้น ชนนี้ จึงชื่อวา เจริญกวา. [ อ. น.]. ถ.กนิโย เสฏโ เชฏโ ศัพทไหน เปนศัพทชั้นไหน ? ิวิเคราะหอยางไร ? ต. กนิโย เปนคุณศัพทชั้นวิเสส, สเฏโ เชฏฏโ เปนคุณศัพท ชั้นอติวิเสส กนิโย ออกจากศัพทวา กน เปนไปในอรรถแหง ยุว
123.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 121 แปลวา หนุมนอย วิเคราะหวา อยฺจ ยุวา อยฺจ ยุวา, อยมิเมส วิเสเสน ยุวาติ กนิโย [ ชโน ] ชนนี้ หนุมนอยดวย ชนนี้ หนุม นอยดวย,ชนนี้ หนุมนอยกวา. สวน เสฏโ เชฏโ มีมูลศัพทและ เชยฺโย ดังที่กลาวมาแลว.[ อ. น.]. ถ. วิเคราะหที่ทานวางไวในสําหรับศัพททั่วๆ ไป นอกจากที่ กลามาแลวนั้น เปนอยางไร ? จงตั้ง ปาปตโร มาดูเปนตัวอยาง. ต. เปนดังนี้ :สพฺเพ อิเม ปาปา, อยมิเมส วิเสเสน ปาโปติ ปาปตโร [ ชโน ] ชนทั้งหลาย เหลานี้ ทั้งปวง เปนบาป, ชนนี้ เปนบาปโดยวิเศษแบง (กวา) ชนทั้งหลายเหลานี้ เพราะเหตุนี้ ชนนี้ จึงชื่อวา เปนบาปกวา. แมศัพทอื่น ๆ ก็จงตั้งวิเคราะหตามแบบนี้ เปลี่ยนแต ปาปา กับ ปาโป ในวิเคราะห. เมื่อจะตั้งวิเคราะหศัพทอื่น ใหประกอบ ศัพทอื่นวางลงแทนที่ ปาปา ปาโป นั้น ใชแบบเดียวกันทั้งที่เปนวิเสส คุณนาม ทั้งอติวิเสสคุณนาม. [ อ. น.]. ถ. จงประกอบ ปฺุ ตามปจจัยทั้ง ๕ มาดู ? ต. ปฺุตโร ปฺุตโม ปฺุิยิสฺสโก ปฺุิโย หรือ ปฺุเยฺฌย ปฺุิฏโ. [ อ. น. ]. ถ. ปณฺฑิต ศัพท ถาถือความวา ชนมีชาติแหงบัณฑิตอยาง หนึ่ง เกิดแลวโดยชาติแหงบัณฑิตอยางหนึ่ง เปนบัณฑิตกวาอยาง
124.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 122 หนึ่ง อยางไหน เปนตัทธิตอะไร ? ปจจัยอะไร ? จงตั้งวิเคราะหมาดู. ต. ปณฺฑิต ศัพท ถาถือความวา ชนมีชาติแหงบัณฑิต เปน ชาตาทิตัทธิต อิย ปจจัย วิเคราะหวา ปณฺฑิตชาติ อสฺส อตฺถีติ ปณฺฑิตชาติโย. ถาประสงคความวา ชนเกิดแลวโดยชาติแหงบัณฑิต ก็เปนชาตาทิตัทธิต อิต ตร ปจจัย อยางเดียวกัน วิเคราะหวา ปณฺฑิต- ชาติยา+ชาโต = ปณฺฑิตชาติโย, ถาประสงคความวา ชนเปนบัณฑิต กวา เปน เสฏฐตัทธิต ตร ปจจัย วิเคราะหวา สพฺเพ อิเม ปณฺฑิตา อยมิเมส วิเสเสน ปณฺฑิโตติ ปรฺฑิตตโร. [ ๒๔๖๒ ]. [ ตทัสสัตถิตัทธิต ] ถ. ตัทธิตนี้ ใชปจจัยแทนศัพทกี่ตัว ? อะไรบาง ? และใชแทน ศัพทอะไร ? ต. ใชปจจัย ๙ ตัว คือ วี ส สี อีก อี ร วนฺตุ มนฺตุ ณ ในสัททนีติปกรณ ทานเพิ่ม อิมนฺตุ ปจจัย เขาดวย เชน ปาปมา เปนตน. ใชแทน อตฺถิ ศัพท ซึ่งแปลวา มีอยู. [ อ. น. ]. ถ. ตัทธิตนี้ จัดเปนนามหรือคุณ ? หรือเปนไดทั้ง ๒ ? จง แสดงอุทาหรณใหดูปจจัยละ ๑ อุทาหรณ. ต. เปนคุณลวน เปนนามไมได อุทาหรณวา เมธาวี ลง วี ปจจัย, สุเมธโส ลง ส ปจจัย, ตปสี ลง สี ปจจัย, ทณฺฑิโก ลง อิก ปจจัย, ทณฺฑี ลง อี ปจจัย, มธุโร ลง ร ปจจัย, สีลวา ลง วนฺตุ ปจจัย, สติมา ลง มนฺตุ ปจจัย, สทฺโธ ลง ณ ปจจัย. [ อ. น. ]. ถ. ในปจจัย ๙ ตัวนั้น ตัวไหนนิยมลงในศัพทอยางไร ? ต. วี ปจจัย นิยมลงในศัพทที่เปน อา การันต ในอิตถีลิงค.
125.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 123 สี ปจจัย นิยมลงในศัพทที่เปน มโนคณะบางตัว. วนฺตุ " " " อ อา การันต. มนฺตุ " " " อิ อุ การันต. นอกจํานี้ ไมนิยมลงเฉพาะศัพทนั้นศัพทนี้. [ อ. น. ]. ถ. อายสฺมา แปลวา ผูมีอายุ ลงปจจัยอะไร ? มีวิเคราะห อยางไร ? ไฉนจึงเปนรูปเชนนั้น ? ต. ลง มนฺตุ ปจจัย วิเคราะหวา อายุ อสฺส อตฺถีติ อายสฺมา [ ชโน ]. การที่เปนรูปเชนนั้น คือ แปลง อุ แหง อายุ ศัพท เปน อสฺ เขากับ อาย เปน อายสฺ ลง มนฺตุ ปจจัย เปน อายสฺมนฺตุ แจกตาม แบบ ภควนฺตุ ศัพท จึงเปน อายสฺมา. [ อ. น.]. ถ. โภโค โภคี ยสสี ศัพทไหนแปลวาอยางไร ? ลงปจจัย อะไร ? วิเคราะหอยางไร ? ต. โภโค แปลวา [ ชน ] มีโภคะ ลง ณ ปจจัย วิเคราะหวา โภโค อสฺส อตฺถีติ โภโค [ ชโน ]. โภคี แปลและวิเคราะหเหมือนกัน แปลกจาก โภโค เพราะ ลง อี ปจจัย เทานั้น. ยสสี แปลวา [ ชน ] มียศ ลง สี ปจจัย วิเคราะหวา ยโส อสฺส อตฺถีติ ยสสี [ ชโน ]. [ อ. น. ]. ถ. วิเคราะหของตัทธิตนี้ ทานวางระเบียบไวอยางไร ? จง อธิบาย. ต. วางนามนามที่จะประกอบกับปจจัยไวตน ตามลิงคของตน,
126.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 124 วางสัพพนาม คือ อสฺส ซึ่งเปนตัวประธานของศัพทตัทธิตไวที่ ๒, วาง อตฺถิ ซึ่งใชปจจัยแทนในศัพทตัทธิตไวที่ ๓, วาง อิติ ซึ่งเปนเหตุไวที่ ๔, วางศัพทตัทธิต ซึ่งเรียกวาบทปลงไวที่ ๕, ตัวอยางเชน ปฺา อสฺส อตฺถีติ ปฺวา เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. ธมฺมิโก ก็ดี อนาถปณฺฑิโก ก็ดี ตางก็เปนชื่อของอุบาสก แตมีวิเคราะหและปจจัยตางกันหรือไม ? อธิบาย. ต. ธมฺมิโก ทานแปลวา ตั้งอยูในธรรม ก็มี ประกอบในธรรม ก็มี ถาตามนี้ เปนอันลง ณิก ปจจัย ในตรตยาทิตัทธิต วิเคราะห วา ธมฺเม+ิโต=ธมฺมิโก, ธมฺเม+ยุตฺโต วา = ธมฺมิโก. แตถาจะ สังเกตศัพท ธมฺมิโก ใสคําวา สสีลวา ปฺวา ธมฺมิโก สิยา จะ เห็นวาลง อิก ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต วิเคราะหวา ธมฺโม อสฺส อตฺถีติ ธมฺมิโก. สวนศัพท อนาถปณฺฑิโก นั้น ลง อิก ปจจัย ใน ตทัสสัตถิตัทธิต วิเคราะหวาอนาถาน ปณฺโฑ เอตฺถ ๑ อตฺถีติ อนาถปณฺฑิโก. [ ๒๔๖๓ ]. ถ. อนฺติมา ชุติมา ปุตฺติมา สตฺตมา ศัพทไหน ลงปจจัยอะไร ? มีรูปเปนลิงคไหน ? ถาตองการใชในลิงคอื่น จะทําอยางไร ? ต. อนฺติมา อิม ปจจัย, ชุติมา มนฺตุ ปจจัย, ปุตฺติมา อิมนฺตุ ปจจัย, สตฺตมา ม ปจจัย, ชุติมา ปุตฺติมา เปน ปุงลิงค,ถาตองการใช ใน อิตถีลิงค ตองเปน ชุติมตี ปุตฺติมนฺตี , นปุงสกลิงค ชุติม ชุติมนฺต ๑. ตามแบบใช อสฺส แตที่ใช เอตฺถ นั้น ถือตามแบบที่มีใน มังคลัตถทีปนี เลม ๑ หนา ๗ ซึ่งแกศัพทนี้. [ อ. น. ].
127.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 125 ปุตติม ปุตฺติมนฺต, อนฺติมา สตฺตมา เปนอิตถีลิงค. ถาตองการใช ในปุงลิงค ตองเปน อนฺติโม สตฺตโม, นปุงสกลิงค อนฺติม สตฺตม. [ ๒๔๗๑ ]. [ ปกติตัทธิต ] ถ. ตัทธิตนี้ มีปจจัยกี่ตัว ? คืออะไร ? ใชแทนศัพทอะไรบาง ? ต. มี ๑ ตัว คือ มย, ใชแทนศัพทกิริยา คือ ปกต ซึ่งแปลวา ทําแลว บาง, ใชแทนศัพทนาม คือ วิการ บาง. [ อ. น. ]. ถ. มย ปจจัย นิยมลงในศัพทชนิดไหน ? จงแสดงตัวอยางดวย. ต. นิยมลงในศัพทที่เปนนาม เชน สุวณฺณ ทอง, มตฺติกา ดิน, อย เหล็ก, ทารุ ไม เปนตน.[ อ. น. ]. ถ. ตัทธิตนี้ เปนนามหรือคุณ, ศัพทวา โสวณฺณมย อันบุคคล ทําแลวดวยทอง หรือเปนวิการแหงทอง ตั้งวิเคราะหอยางไร ? ทําไม จึงตองวิการ อุ เปน โอ หรือ มย ปจจัย มีลักษณะเชนเดียวกับ ณ ปจจัย อยางนั้นหรือ ? ต. เปนคุณ, โสวณฺมย แปลวา อันบุคคลทําแลวดวยทอง วิเคราะหวา สุวณฺเณน+ปกต = โสวณฺณมย [ ภาชน ] , แปลวา , เปน วิการแหงทอง วิเคราะหวา สุวณฺณสฺส+วิการโร = โสวณฺณมย [ ภาชน ], ที่ตองวิการ อุ เปน โอ นั้น หาเปนเพราะอํานาจ มย ปจจัย ไมเพราะ มย ปจจัย ไมมีลักษณะเชน ณ ปจจัย เลย โดยมาก เมื่อ ลง มย ปจจัย แลว ไมมีเปลี่ยนแปลงแตอยางใดอยางหนึ่ง เชน มตฺติกามย ทารุมย เปนตน แตที่ โสวณฺณมย ที่วิการ อุ เปน โอ นั้น
128.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 126 เปนไปตามความนิยมของภาษา เพื่อใหถอยคําไพเราะ. [ อ. น. ]. ถ. อโยมย เจโตมย ๒ ศัพทนี้ เมื่อพิจารณา ก็เห็นไดชัดวา ผิดปกติ เพราะแปลง อ เปน โอ การที่เปนเชนนั้น เพราะ มย ปจจัย หรือเพราะอะไร ? ต. ไมใชเพราะ มย ปจจัย เปนเพราะลักษณะของศัพท มโนคณะตางหาก คือ ศัพทมโนคณะ เมื่อเขาสมาสหรือประกอบกับ ศัพทอื่นแลว เอาสระที่สุดของตนเปน โอ ได, อย เจต ๒ ศัพทนี้ ก็ เปนศัพทมโนคณะ จึงตองเปนไปตามลักษณะของตน. [ อ. น.]. [ ปูรณตัทธิต ] ถ. ปูรณตัทธิต มีปจจัยเทาไร ? อะไรบาง ? ใชแทนศัพทอะไร ? ต. มี ๕ คือ ติย ถ ม อี. ใชแทน ปูรณ ซึ่งแปลวา เปนที่เต็ม. [ อ. น.]. ถ. ปจจัยทั้ง ๕ นี้ มีกฎเกณฑใหลงในศัพทพวกไหนหรือไม ? เมื่อลงกับศัพทพวกนั้นแลว ทําศัพทพวกนั้นใหคงที่อยูหรือเปลี่ยน แปลงเปนอยางไร ? จงแสดงตัวอยางใหเห็นดวย. ต. ใหลงในศัพทปกติสังขยาอยางเดียว ลงในศัพทนามหรือ คุณไมได เมื่อลงแลว ทําปกติสังขยาใหเปนปุรณสังขยา ตัวอยาง เชน เอกาทส ๑๑ เปนปกติสังขยา ลง ม ปจจัย เปน เอกาทสโม แปลวา ที่ ๑๑, ลง อี ปจจัย เปน เอกาทสี แปลวา ที่ ๑๑ เปน ปูรณสังขยา . [ อ. น. ]. ถ. ตัทธิตนี้ เปนคุณทั้งหมดใชไหน ? ถาใช ก็คงเปนไดทั้ง ๓
129.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 127 ลิงค หรืออยางไร ? ต. ใช, แตศัพทที่ลง อี ปจจัย เปนไดแตอิตถีลิงคอยางเดียว สวนศัพทที่ลงปจจัยนอกนั้น เปนได ๓ ลิงค. [ อ. น.]. ถ. ปจจัยในปูรณตัทธิต ปรากฏวา ตองประกอบกับศัพท สังขยา จะเพียงแตเปนสังขยาแลวก็ประกอบไดทุกตัว หรือมีจํากัด อยางไร ? จงอธิบาย. ต. ไมใชวาเพียงเปนศัพทสังขยาแลว จะประกอบไดทุกตัวไป ตองมีจํากัดอยางนี้ คือ ปจจัยเหลานั้น บางตัวประกอบไดในสังขยา บางศัพท เชน ติย ประกอบไดเฉพาะ ทฺวิ กับ ติ. ถ ประกอบได เฉพาะ จตุ. ประกอบไดเฉพาะ ฉ. อีก ประกอบไดตั้งแต เอกาทส ถึง อฏารส ที่ใชในอิตถีลิงค, นอกจากนี้ ใช ม ประกอบทั้งสิ้น. [ ๒๔๗๖ ]. ถ. ปจจัยในปูรณตัทธิต ใชประกอบไดในสังขยาบางศัพท คือ ติย ประกอบไดเฉพาะแต ทฺวิ กับ ติ. ถ ประกอบไดเฉพาะ จตุ. ประกอบไดเฉพาะ ฉ. อี ประกอบไดเฉพาะตั้งแต เอกาทส ถึง อฏารส ที่ใชในอิตถีลิงค, นอกจากนี้ใช ม ประกอบทั้งสิ้น. [ ๒๔๖๗ ] ถ. อี ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต กับ ปูรณตัทธิต มีวิธีใชตาง กันอยางไร ? ต. อี ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต ใชประกอบกับนามนาทั่วไป
130.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 128 สวนในปูณณตัทธิต ใชประกอบกับปกติสังขยา ตั้งแต เอกาทส ถึง อฏารส เทานั้น ใชตางกันอยางนี้. [ ๒๔๖๘ ]. ถ. อี ปจจัย ทานใหลงในสังขยาตั้งแต เอกาทส ถึง อฏารส ถาจะใหปจจัยอื่นมาลงกับสังขยาเหลานี้ จะขัดของอยางไรบางหรือไม ? ต. ถาจะใหเปนอิตถีลิงค ใชปจจัยอื่นลง ยอมขัดของ ตอง ใชลงไดแต อี ปจจัย เทานั้น ถาจะใชปจจัยอื่นลง ตองเปนลิงคอื่น ถาใหเปนลิงคอื่น ลง ม ปจจัยได เชน เอกาทสโม เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. คําวา อฑฺฒ ซึ่งแปลวา กึ่ง นั้น ไดแกจํานวนเทาไร ? และใชอยางไรบาง ? ต. จะวาไดแกจํานวนเทาไรนั้น ไมแน เพราะคําวา กึ่ง กินความกวาง ไมทราบวา กึ่ง ของอะไร, ถาเปนกึ่งของจํานวนหนวย ก็ไดแก ๑ สวน ใน ๒ สวน เชน ๑ สตางค แบงครึ่งเปน ๒ สวน กึ่ง หนึ่งก็ไดแกครึ่งสตางค, ถาเปนกึ่งของจํานวน ๑๐ ก็ไดแกจํานวน ๕ ถาเปนกึ่งของจํานวน ๑๐๐ ก็ไดแกจํานวน ๕๐ , ถาเปนกึ่งของ จํานวน ๑๐๐๐ ก็ไดแกจํานวน ๕๐๐, แมจํานวนยิ่งขึ้นไป ก็ใหถือ โดยนัยนี้. ศัพทนี้ ในวิเคราะห ทานใหประกอบเปนตติยาวิภัตติ คือ อฑฺฌฒน ซึ่งแปลวา ทั้งกึ่ง เชน อฑฺฌฒน+ตติโย= อฑฺฒเตยฺโย แปลวา ที่สามทั้งกึ่ง ไดแก สองครึ่ง, ที่วาที่ ๓ นั้น หมายถึงจํานวน เต็ม ที่วาทั้งกึ่งคือ ครึ่งของที่ ๓.[อ. น. ]. ถ. จงประกอบสังขยา จตุ จตุทฺทส ดวยปจจัยในปูรณตัทธิต มาดู พรอมดวยวิเคราะห?
131.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 129 ต. จตฺนฺน+ปูรโณ= จตุตฺโต [ ชน ] เปนที่เต็มแหงชนทั้งหลาย ๔ ชื่อที่ ๔ ลง ถ ปจจัย, จตุทฺทสนฺน + ปูรโณ = จตุทฺทสโม [ ชน ] เปนที่เต็มแหงชนทั้งหลาย ๑๔ ชื่อที่ ๑๔ ลง ม ปจจัย, จตุทฺทสนฺน+ ปูรณี=จตุทฺทสี [ หญิง] แปลเชนเดียวกัน ลง อี ปจจัย. [ อ. น.]" ถ. เตชสี กับ เตชสี ตางกันอยางไร ? ต. ตางกันอยางนี้ เตชสี เปนตทัสสัตถิตัทธิต ลง สี ปจจัย แปลวา มีเดช วิเคราะหวา เตโช อสฺส อตฺถีติ เตชสี. เตรสี เปน ปูรณตัทธิต ลง อี ปจจัย แปลวา ที่๑๓ วิเคราะหวา เตรสนฺน+ ปูรณี= เตรสี. [๒๔๖๖]. [ สังขยาตัทธิต ] ถ. สังขยาตัทธิต มีปจจัยกี่ตัว ? ใชแทนศัพทอะไร ? จงแสดง อุทาหรณดวย. ต. มีปจจัย ๑ ตัว คือ ก, ใชแทนศัพท คือ ปริมาณ ซึ่ง แปลวา เครื่องกําหนดนับ ตัวอยางเชน จตุกฺก [ วัตถุ] มีปริมาณ ๔. [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยในตัทธิตนี้ใชลงในศัพทพวกไหน ? สตฺตก มีวิเคราะห อยางไร ? ต. ลงในศัพทสังขยา, สตฺต ปริมาณานิ อสฺสาติ สตฺตก [ วัตถุ ] มีปริมาณ ๗. [ อ. น.]. ถ. ตัทธิตนี้ เปนนามหรือคุณ ? เปนไดกี่ลิงค ? ขอดูตัวอยาง. ต. เปนคุณ, เปนได ๓ ลิงค, ตัวอยางเชน ติโก [ ชน ]
132.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 130 ปุงลิงค, ติกา [ หญิง ] อิตถีลิงค, ติก [ วัตถุ ] นปุงสกลิงค, แปลวา มีปริมาณ ๓. [ อ. น.]. [ วิภาคตัทธิต ] ถ. ในวิภาคตัทธิต มีปจจัยกี่ตัว ? อะไรบาง ? ทานใชประกอบ กับศัพททั่วไป หรือประกอบเฉพาะศัพทเหลาไหน ? มีวิธีแจกดวย วิภัตตินามทั้ง ๗ อยาง ไร ? ต. มี ๒ ตัว คือ ธา โส. ธา ปจจัย ทานมักใชประกอบกับ ปกติสังขยาเปนพื้น เชน เอกธา ทฺวิธา แตใชประกอบกับศัพทอื่น ก็มีบาง เชน พหุธา, โส ปจจัย ใชประกอบกับนามศัพททั่ว ๆไป เชน สุตฺตโส, สพฺพโส. ศัพทที่ประกอบดวยปจจัยทั้ง ๒ นี้ สําเร็จ รูปแลว จะแจกดวยวิภัตตินามทั้ง ๗ ใหเปนรูปไปตาง ไมได คง อยูอยางเดิมและ เปนไดแตตติยาวิภัตติอยางเดียว. [ ๒๔๘๐ ]. ถ. ปจจัยในตัทธิตนี้ ใชแทนศัพทอะไร ? แปลวาอยางไร ? และการแปลเชนนั้น มีหลักอยางไร ? ต. ใชแทน วิภาค ศัพท แปลวา สวน บาง จําแนก บาง, ที แปลเชนนั้น มีหลักดังนี้ : ถาลงในศัพทสังขยา แปลวา สวน, ลงใน ศัพทนาม แปลวา จําแนก, เชน เอกธา โดยสวนหนึ่ง. สุตฺตโส โดยจําแนกสูตร เปนตน. [อ. น. ]. ถ. ตัทธิตนี้ จัดเปนลิงคอะไร ? บทวิเคราะหเปนอยางไร ? สตฺตธา แปลวาอยางไร ? ตั้งวิเคราะหใหดูดวย. ต. เปน อลิงค เพราะลงในอรรถแหงตติยาวิภัตติ แปลกจาก
133.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 131 ตัทธิตอื่น ๆ ทั้งบทวิเคราะหทั้ง ๒ ศัพท ก็ประกอบเปนติยาวิภัติ, สตฺตธา แปลวา โดยสวน ๗ วิเคราะหวา สตฺตหิ+วิภาเคหิ= สตฺตธา. [ อ. น. ]. [ ภาวตัทธิต ] ถ. ภาวตัทธิต มีปจจัยที่ตัว ? อะไรบาง ? ใชแทนศัพทอะไร ? ต. มี ๖ ตัว คือ ตฺต ณฺย ตฺตน ตา ณ กณฺ, แตใน สัททนีติปกรณ แสดงปจจัยเพิ่มขึ้น ๓ คือ ณิย ปจจัย เชน วิริย อาลสีย, เณยฺย ปจจัย เชน โสเจยฺย, พฺย ปจจัย เชน ทาสพฺย เปนตน. ใชแทน ภาว ศัพท ซึ่งแปลวา ความมี ความเปน. [ อ. น. ]. ถ. ตัทธิตนี้ เปนนามหรือคุณ ? เปนไดกี่ลิงค ลิงคไหนบาง ? ต. เปนนาม, ศัพทที่ลง ต ปจจัย เปน อิตถีลิงค อยางเดียว ศัพทที่ลงปจจัยนอกนี้เปนนปุงสกลิงคอยางเดียว. [ อ. น.]. ถ. ขอตัวอยางศัพทที่ลงปจจัยในตัทธิตนี้ มาอยางละศัพท ? ต. ตฺต ปจจัย เชน มนุสฺสตฺตล ณฺย ปจจัย เชน โปริสฺส, ตฺตน ปจจัย เชน ปุถุชฺชนตฺตน, ตา ปจจัย เชน สหายตา, ณ ปจจัย เชน มทฺทว, กณฺ ปจจัย เชน รามณียก. [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยในตัทธิตนี้ ลงในศัพทพวกไหนบาง ? ขอตัวอยางดวย. ต. ลงในนาม เชน จนฺทตฺต ความเปนแหงพระจันทร. ลง ในคุณ เชน นีลตฺต ความเปนแหงของเขียว, ลงในศัพทนามกิตก เชน ปาจกตฺต ความเปนแหงคนหุง, ลงในศัพทกิริยากิตก เชน คตตา ความเปนแหงบุคคลผูไปแลว, ลงในศัพทกิริยาอาขยาต เชน อตฺถิตา ความเปนแหง...มีอยู, นตฺถิตร ความเปนแหง..ไมมีอยู,
134.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 132 (ที่ลง ภาว ศัพท โดยตรงก็มี เชน อตฺถิภาโว นตฺถิภาโว) และ ลงในศัพทตัทธิตเหมือนกันก็มี เชน ทณฺฑิตฺต ความเปนแหงคนมี ไมเทา, ทณฺฑี เปนตทัสสัตถิตัทธิตมากอนแลว วิเคราะหวา ทณฺโฑ อสฺส อตฺถีติ ทณฺฑี [ นโร คน ] มีไมเทา อี ปจจัย, ทณฺฑิโณ+ภาโว = ทณฺฑิตฺต ตฺต ปจจัย. [ อ. น. ]. ถ. เวริก เปนตัทธิตอะไรบาง ? มีวิเคราะหอยางไรบาง ? ต. เปนได ๒ ตัทธิต คือ เปนตทัสสัตถิตัทธิตแลว เปนภาว- ตัทธิต วิเคราะหดังนี้ :- เวร อสฺส อตฺถีติ เวรี [ คน ] มีเวร อี ปจจัย. เวริโน+ภาโว= เวริก ความเปนแหงคนมีเวร กณฺ ปจจัย, อีกอยาง หนึ่ง เวร อสฺส อตฺถีติ เวริโก อีก ปจจัย, เวริกสฺส+ภาโว= เวริก ณ ปจจัย. [ อ. น.]. ถ. อาชฺชว มทฺทว เปนตัทธิตอะไร ? จงวิเคราะหมาดูทั้ง ๒ ศัพท และลงอะไร จึงไดเปนตัทธิตนั้น ? ต. อุชุโน + ภาโว = อาชฺชว, มุทุโน+ภาโว=มทฺทว เพราะลง ณฺย ปจจัย ในภาวตัทธิต จึงไดเปนภาวตัทธิต. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. ตา ปจจัย ลงในตัทธิตอะไรบาง? เมื่อเห็นศัพท สหายตา สังเกตุอยางไร จึงรูวาเปนตัทธิตชื่อนั้น ? ต. ลงในสมุหตัทธิต และ ภาวตัทธิต. สังเกตความในเรื่องนั้น ถาเพง สหาย ศัพท เปนนาม เปนสมุหตัทธิต, ถาเพงเปนคุณ เปน ภาวตัทธิต. [ ๒๔๕๙ ]. ถ. ณ ปจจัย ในตัทธิต ลงในอรรถอะไรบาง ? และตองทํา
135.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 133 วิธีอยางไร ? ต. ณ ปจจัย ลงในอรรถ ๕ อยาง คือ โคตตตัทธิต ราคาทิ- ตัทธิต สมุหตัทธิต ตทัสสัตถิตัทธิต ภาวตัทธิต, ถาสระอยูหนาศัพท เปนรัสสะลวน ไมมีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง ตองพฤทธิ คือ ทีฆะ อ เปน อา, วิการ อิ เปน เอ, อุ เปนโอ, เวนไวแตสระที่อยู หนาศัพทเปนรัสสะ มีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลังหรือเปนทีฆะ ไม ตองพฤทธิ และ ณ ปจจัยนั้น ตองลบเสีย คงไวแตสระที่ ณ อาศัย. [ ๒๔๖๘ ]. [ อัพยยตัทธิต ] ถ. อัพยยตัทธิต มีปจจัยกี่ตัว ? อะไรบาง ? นิยมลงในศัพท พวกไหน ? ขอตัวอยาง, เมื่อลงแลว จัดเปนลิงคอะไร ? ต.มี ปจจัย ๒ ตัว คือ ถา ถ, นิยมลงในทายสัพพนาม เชน ยถา ตถา กถ อิตฺถ เปนตน, เมื่อลงแลว เปนอลิงค เพราะเปน พวกอัพยยศัพท แจกตามลิงคทั้ง ๓ ไมได.[ อ. น.]. ถ. ถา ทา ธา ปจจัย ๓ ตัวนี้ ตัวไหน ลงในตัทธิตชื่ออะไร ? ลงไดจําเพาะศัพทพวกไหน ? หรือมีขีดคั่นอยางไร ? แสดงอุทาหรณ ดวย. ต. ถา ทา ๑ ลงในอัพยยตัทธิต. ถา ลงในประการ จําเพาะหลัง สัพพนาม อุทาหรณ เชน ยถา ประการใด, ตถา ประการนั้น, สพฺพถา ประการทั้งปวง เปนตน, ทา ลงในกาล จําเพาะหลังสัพพนาม เปน ๑. อนุโลมเขาในตัทธิตนี้ เพราะลงทายสัพพนามเหมือนกัน. [ อ. น. ].
136.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 134 เครื่องหมายสัตตมีวิภัตติดวย อุทาหรณ เชน กทา ในกาลไร, สพฺพทา ในกาลทั้งปวง, สทา ใกาลทุกเมื่อ, อฺทา ในกาลอื่น, เอกทา ในกาลหนึ่ง, ยทา ในกาลใด, ตทา ในกาลนั้น, นอกจากนี้ไมปรากฏ. ธา ลงในวิภาคตัทธิต จําเพาะหลังสังขยา อุทาหรณ เชน เอกธา โดยสวนเดียว, ทฺวิธา โดยสวนสอง เปนตน. [ ๒๔๕๙ ]. ถ. ปกติสังขยา สัพพนาม ลงปจจัยแลว เปนตัทธิตอะไร ? ขอตัวอยาง. ต. ปกติสังขยา ลงปจจัยแลว เปน ปูรณตัทธิต บาง สังขยา- ตัทธิต บาง วิภาคตัทธิต บาง, ทุติโย ปฺจโม เปน ปูรณตัทธิต, ทฺวิก ติก เปน สังขยาตัทธิต, เอกธา ทฺวิธา เปน วิภาคตัทธิต, สัพพนาม ลงปจจัยแลว เปน อัพยยตัทธิต เชน ตถา กถ เปนตน. [ ๒๔๖๙ ]. ถ. จาตุทฺทโส เปนวิเสสนะของ อุโปสโถ แปลวากระไร ? เปน วิเสสนะของ ชโน แปลวาประไร ? แปลเชนนั้น เปนตัทธิตอะไร ? ปจจัยอะไร ? จงตั้งวิเคราะหมาดวย. ต. จาตุทฺทโส เปนวิเสสนะของ อุโปสโถ แปลวา อุโบสถ มีในดิถีที่ ๑๔, เปนวิเสสนะของ ชโน แปลวา ชน เกิดในดิถีที่ ๑๔, เปนปูรณตัทธิตแลว เปนราคาทิตัทธิต เหมือนกันทั้ง ๒ อยางนั้น, วิเคราะหในปูรณตัทธิต ก็อยางเดียวกัน คือ จตุทฺทสนฺน + ปูรณี =จาตุทฺทสี [ ดิถี] เปนที่เต็มแหงดิถีทั้งหลาย ๑๔ ชื่อที่ ๑๔ อี ปจจัย, สวนวิเคราะหในราคาทิตัทธิต ที่เปนวิเสสนะของ อุโปสโถ ดังนี้ :
137.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 135 จตุทฺทสิย+อตฺถีติ= จาตุทฺทโส. ที่เปนวิเสสนะของ ชโน ดังนี้ : จตุทฺทสิย + ชาโตติ = จาตุทฺทโส ณ ปจจัย. [ อ. น. ]. [ อาขยาต ] ถ. ศัพทเชนไร เรียกวา อาขยาต ? มีประโยชนอยางไร ? ต. ศัพทที่แสดงกิริยาของนามนาม เชน ยืน เดิน นั่ง นอน เปนตน เรียกวา อาขยาต. มีประโยชนใหรูไดวา นามนามแสดง กิริยาอาการเปนเชนไร, ถาไมมีศัพทพวกนี้ ก็จะรูเชนนั้นไมได และ เมื่อตองการจะแสดงกิริยาของนามนามเหลานั้น ก็ไมรูจะทําอยางไร การมีศัพทพวกนี้ไว ยอมตัดความขัดของดังกลาวแลวได. [ อ.น.]. ถ. ศัพทอาขยาตนี้ จะสมบูรณใชการได ตองประกอบดวย อะไรบาง ? หรือสมบูรณไดโดยลําพัง ? ต. ตองประกอบดวยเครื่องประกอบ ๘ อยาง คือ วิภัตติ กาล บท วจนะ บุรุษ ธาตุ วาจก ปจจัย, จะสมบูรณโดยลําพังหาไดไม. [ อ. น.]. ถ. ในเครื่องประกอบ ๘ อยางนั้น สําคัญทุกอยางเสมอกัน หรืออยางไหนยิ่งกวา ? จงแสดง. ต. สําคัญทุกอยาง แตที่สําคัญยิ่ง ก็คือ วิภัตติ ธาตุ ปจจัย ๓ อยางนี้ อยางใดอยางหนึ่งขาด ก็ทําศัพทใหสมบูรณไมได เมื่อมี ๓ อยางนี้แลว ยอมทําใหรูเครื่องประกอบ ๕ อยางนั้นได เพราะวิภัตติ เปนเครื่องหมายใหรู กาล บท วจนะ บุรุษ, สวน ธาตุ ก็เปนราก ฐานสําหรับเปนที่ประกอบของสิ่งเหลานั้น, ปจจัย เมื่อประกอบกับ
138.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 136 ธาตุแลว ก็ใหรู วาจก ได, เพราะฉะนั้น ๓ อยางนี้ จึงจัดวาเปน สําคัญยิ่งกวา ๕ อยางนั้น. [ อ. น.]. [ วิภัตติ ] ถ. วิภัตติอาขยาต จัดเปนกี่หมวด ? อะไรบาง ? หมวดหนึ่ง มีกี่วิภัตติ ? ต.จัดเปน ๘ หมวดคือ วัตตมานา ปญจมี สัตตมี ปโรกขา หิยัตตนี อัชชัตตนี ภวิสสันติ กาลาติปตติ. หมวดหนึ่งๆ มี ๑๒ วิภัตติ. [ อ. น.]. ต. วิภัตติอาขายาต รวมทั้งสิ้นมีเทาไร ? วิภัตติที่ซ้ํากันคือวิภัตติ อะไรบาง ? ต. มี ๙๖ วิภัตติ. วิภัตติที่ซ้ํากัน คือ มิ ม มีในวัตตมานา และปญจมี. เส มีในวัตตมานา หิยัตตนี และอัชชัตตนี . เอ มีใน วัตตมานา ปญจมี และ ปโรกขา. และ อัชชัตตนี, มฺเห มีในวัตตมานา ปโรกขา และอัชชีตตนี. อา โอ มีในหิยัตตนี และ อัชชัตตนี. วฺโห มีในปญจมี และ ปโรกขา. มฺห มีใจปโรกขา และ หิยัตตนี. สฺสเส สฺส สฺสวฺเห มีในภวิสสันติ และ กาลาติปตติ. [ อ. น. ]. ถ. วิภัตติ ๘ หมวดนี้ หมวดไหนมีใชมากในปกรณตาง ๆ ? ต. หมวด วัตตมานา ปญจมี สัตตมี อัชชัตตนี ภวิสสันติ ๕ หมวดนี้ ใชมากในปกรณตาง ๆ แตใชมากที่สุด ก็คือ วัตตมานา และ อัชชัตตนี. [ อ. น. ]
139.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 137 ถ. วิภัตติ ๘ หมวด ๆ ไหนบอกกาลอะไร ? ต. วัตตมานา บอกปจจุบันกาล, ปโรกขา หิยัตตนี อัชชัตตนี บอกอดีกาล, ภวิสสันติ กาลาติปตติ บอกอนาคตกาล. สวนหมวด ปญจมี กับหมวดสัตตมี ทานไมไดระบุไวชัด แตก็อนุโลมเขาใน หมวดบอกปจจุบันกาล [ อ. น. ]. ถ. วิภัตตินาม กับ วิภัตติอาขยาต ใชตางกันอยางไร ? ต. วิภัตตินาม สําหรับใชลงที่ทายนามศัพท ทํานามศัพทใหมี รูปตาง ๆ และเปนเครื่องหมาย ลิงค วจนะ, สวนวิภัตติอาขยาต ใชลงทายธาตุ ทําธาตุใหมีรูปตาง ๆ และเปนเครื่องหมาย กาล บท วจนะ บุรุษ. [ อ. น. ]. ถ. วิภัตติไหนบาง ใชแทนวิภัตติอื่น ซึ่งเปนเครื่องหมายให ทราบบุรุษ อันตางจากชั้นของตนได ? ต. อา หิยัตตนี และ อี อัชชัตตนี เปนเครื่องหมายประถมบุรุษ ใชแทน โอ ซึ่งเปนเครื่องหมายมัธยมบุรุษได ตัวอยาง เชน มา อโวจ [ ทาน ] อยาไดกลาวแลว, มา กริ [ ทาน ] อยาทําแลว. [ อ. น. ]. ถ. ตฺถ ปรัสสบท หิยัตตนีวิภัตติ ตางจาก ตฺถ อัชชัตตนีวิภัตติ อยางไร ? ภิทฺ ธาตุ ซึ่งประกอบดวยวิภัตติทั้ง ๒ นั้น สําเร็จรูปเปน อยางไร ? ต. ตฺถ หิยัตตนี ไมมี อิ อยูหนา, อัชชัตตนี มี อิ. ภิท ธาตุ ประกอบดวย ตฺถ หิยัตตนี เปน อภินฺทตฺถ, อัชชัตตนี เปน อภินฺทิตฺถ. [ ๒๔๖๔ ].
140.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 138 ถ. สัตตมีวิภัตติแหงกิริยาอาขยาต บอกความอะไรบาง ? ขอ ตัวอยางของเนื้อความที่สัตตมีวิภัตติบอกมาอยางละอุทาหรณ. ต. สัตตมี บอกความยอมตาม และความกําหนด ความรําพึง เปนตน, บอกความยอมตาม แปลวา ควร อุทาหรณวา ภเชถ ปุริสุตฺตเม [ ชน ] ควรคบซึ่งบุรุษสูงสุดทั้งหลาย. บอกความกําหนด แปลวา พึง อุทาหรณวา ปฺฺุเจ ปุริโส กยิรา ถาวา บุรุษพึง ทําซึ่งบุญไซร, บอกความรําพึง แปลวา พึง อุทาหรณวา ยนฺนูนาห ปพฺพชฺเชยฺย ไฉนหนอ เราพึงบวช. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. คําวา จิตฺต รกฺเขยฺยาสิ และคําวา จิตฺต รกฺขาหิ หมาย ความตางกันหรือเหมือนกัน ? ถาเหมือนกัน ก็แลวไป ถาตางกัน จงอธิบาย. ต. หมายความตางกัน ประโยคตน ใชสัตตมีวิภัตติ เปนคํา แนะนําวาควรจะทําเชนนั้น ไมใชคําสั่ง. ประโยหลัง ใชปญจมีวิภัตติ เปนคําสั่งทีเดียว. [ ๒๔๗๐]. ถ. เมื่อเปนกิริยาศัพทที่ทานประกอบ ม วิภัตติ เชน คจฺฉาม สังเกตอยางไร จึงจะรูวาเปน วัตตมานา หรือ ปญจมี ? ต. สังเกตความในเรื่องนั้น ถาหมายความปจจุบัน เปนวัตต- มานา. ถาหมายความบังคับ หรือความหวัง หรือความออนวอน เปนปญจมี . [๒๔๙๕ ]. ถ. มาศัพท มีที่ใชไดอยางไรบาง ? ชักอุทาหรณมา. ต. มีที่ใชแตกิริยา อันเปนปญจมีและอัชชัตตนีวิภัตติเทานั้น
141.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 139 อุทาหรณวา มา ม ภนฺเต นาเสถ, มา เอว กริ. [ ๒๔๖๓ ]. ถ. วิภัตติและปจจัยในอาขยาต ลงที่ไหน ? และลงแลวเปน เครื่องหมายอะไร ? ต. วิภัตติ ลงทาย ปจจัย. ปจจัย ลงทาย ธาตุ, วิภัตติเปน เครื่องบอก กาล บท วจนะ บุรุษ. ปจจัยเปนเครื่องหมายบอกวาจก. [ ๒๔๖๐ ]. ถ. วิภัตติอาขยาต กับ วิภัตตินาม มีขอที่เหมือนกันและตาง กันอยางไรบาง ? ต. ขอที่เหมือนกัน คือ จัดเปน ๒ วจนะเหมือนกัน , ขอที่ตาง กัน คือ วิภัตตินามจัดเปน ๗ หมวด เปนเครื่องหมายใหรูเนื้อความ ของนามศัพท, สวนวิภัตติอาขยาต จัดเปน ๘ หมวด เปนเครื่อง หมายใหรูกาล , และในหมวดหนึ่ง ๆ จัดเปน ๒ บท ๓ บุรุษ เพื่อ ใหบงถึงนามที่เปนประธานแหงกิริยา. [ ๒๔๗๙ ]. ถ. สัตตมีวิภัตติ บอกความกําหนด ก็แปลวา พึง, บอกความ รําพึง ก็แปลวา พึง, ถาเห็นอุทาหรณวา อปฺเปวนาม มยมฺป อายสฺมนฺตาน กิฺจิมตฺต อนฺปฺปทชฺเชยฺยาม จะรูไดอยางไรวา บอก ความกําหนด หรือบอกความรําพึง ? ต. อุทาหรณวา อปฺเปวนาม มยมฺป อายสฺมนฺตาน กิฺจิมตฺต อนุปฺปทชฺเชยฺยาม ดังนี้ เปน สัตตมีวิภัตติ บอกความรําพึง, รูได ดวยนิบาตที่เปนตนความ คือ อปฺเปวนาม เพราะวา สัตตมีวิภัตติ ที่บอกความกําหนด ทานนิยมใช เจ สเจ เปนอาทิ เปนตนขอความ
142.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 140 ในประโยคนั้น ๆ, ถาบอกความรําพึง ทานมักใช อปฺเปวนาม หรือ ยนฺนูน เปนอาทิ. [ ๒๔๗๖ ]. ถ. สัตตมีวิภัตติ กิริยาอาขยาต บอกความอะไรบาง? เพียง ๓ อยางก็ได จงเขียนบาลีมาอยางละอุทาหรณ. ต. บอกความยอมตาม อุทาหรณวา อภิตฺเรถ กลฺยาเณ. บอกความกําหนด อุทาหรณวา สเจ ลเภถ นิปก สหาย. บอก ความรําพึง อุทาหรณวา กสฺส นุ โขห ปม ธมฺม เทเสยฺย. [ ๒๔๗๓ ] ถ. อ อาคม, อิ อาคม, มา ศัพท, ใชประกอบกับกิริยาได ทั่วไป หรือมีจํากัดอยางไร ? จงแถลง. ต. มีจํากัดเปนบางอยาง คือ อ อาคม ประกอบไดเฉพาะแต ที่หนาธาตุในกิริยาซึ่งใชวิภัตติ หิยัตตนี อัชชัตตนี และกาลาติปตติ. อิ อาคม ประกอบไดเฉพาะแตที่หลังธาตุในกิริยาซึ่งใชวิภัตติ อัชชัตตนี ภวิสสันติ และกาลาติปตติ. มา ศัพท ประกอบไดเฉพาะแตกิริยา ที่ใชวิภัตติ ปญจมี และอัชชัตตานี. [๒๔๖๗ ]. ถ. อ ตนธาตุ ทานบัญญัติใหแปลวากระไร ? มีไดทั่วไปทุก วิภัตติ หรือจําเพาะแตหมวดไหน ? เชนคําวากระไร ? ชักมาแต จําเพาะ. ต. ทานบัญญัติใหแปลวา ได, มีไดจําเพาะ หิยัตตนี เชนคํา วา อวจ ไดกลาวแลว, อัชชัตตนี เชนคําวา อกาสิ ไดทําแลว, กาลาติปจจัย เชนคําวา อคจฺฉิสฺสา จักไดไปแลว.[ ๒๔๕๘ ]. ถ. ส อาคม ลงในวิภัตติหมวดไหนบาง ? ขอตัวอยางดวย.
143.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 141 ต. ส อาคม ลงในวิภัตติหมวด อัชชัตตนี ได เชน อทาสิ อทสุ อาโรเจสิ อาโรเจสุ เปนตน. [ อ. น. ]. [ กาล ] ถ. กาล โดยยอมมีเทาไร ? โดยพิสดารมีเทาไร ? อะไรบาง ? จะรูกาลนั้น ๆ ไดอยางไร ? ต. โดยยอมไม ๓ คือ ปจจุบันกาล ๑ อดีตกาล ๑ อนาคตกาล ๑ โดยพิสดารมี ๘ คือ ปจจุบันแท ปจจุบันใกลอดีต ปจจุบันใกล อนาคต, อดีตกาลไมมีกําหนด อดีตกาลตั้งแตวานนี้ อดีตกาลตั้งแต วันนี้, อนาคตแหงปจจุบัน อนาคตกาลแหงอดีต, รูไดดวยวิภัตติ เพราะวิภัตติเหลานั้น เปนเครื่องหมายบอกใหรูกาลได. [ อ. น. ]. [ บท ] ถ. บท มีเทาไร ? อะไรบาง ? อยางไหนมีประโยชนอยางไร ? ต. มี ๒ คือ ปรัสสบท บทเพื่อผูอื่น อัตตโนบท บทเพื่อตน. ปรัสสบท เปนเครื่องหมายใหรูกิริยาที่เปนกัตตุวาจก, อัตตโนบท เปนเครื่องหมายใหรูกิริยาที่เปนกัมมวาจก และภาววาจก. นี้แสดง ตามที่เปนไปโดยมาก แตไมแนนัก ที่จะใหรูวาจกแน ตองอาศัย สังเกตปจจัยที่ประจําวาจกนั้น ๆ ดวย. [ อ. น.]. [ วจนะ ] ถ. วจนะในอาขยาต เหมือนกับวจนะในนาม หรือตางกัน ? ต. เหมือนกันก็มี ตางกันก็มี, ที่เหมือนกัน แบงเปน ๒ คือ
144.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 142 เปนเอกวจนะ และพหุวจนะ เหมือนกัน, ที่ตางกัน คือ วจนะในนาม นั้น เปนเครื่องหมายใหรูนามนามวามากหรือนอย และอยูที่นามนาม, สวนวจนะในอาขยาต อยูที่ศัพทกิริยา ถานามนามเปนวจนะไหน ศัพทกิริยาก็ตองประกอบเปนวจนะนั้น เวนแตนามนามหลายศัพท มี จ ศัพท อยูในระหวาง แมเปนเอกวจนะ กิริยาก็ตองประกอบ เปนพหุวจนะ เชน อุปาสโก จ อุปาสิกา จ โสตาปนฺนา อเหสุ. [ อ. น. ] ถ. เมื่อผูนอยพูดกับผูใหญ มีวิธีแสดงความเคาระดวยวจนะ อยางไรหรือไม? ต. มี, คือ เมื่อผูนอยพูดกับผูใหญคนเดียว ทานนิยมใหใช มัธยมบุรุษเปนพหุวจนะ ดังคําวา ตุมฺเห ปฺจสตปริวารา สฺวาตนาย อธิวาเสถ. แตอยางเขาใจวา เมื่อผูนอยพูดกับผูใหญ จะตองใชมัธยม- บุรุษ พหุวจนะ ทุกคราวไป ที่ใชเปนเอกวจนะก็มี เชนคําวา อุปชฺฌาโย เม ภนฺเต โหหิ, หรือจะใชประถมบุรุษ เอกวจนะ ในที่ควรใชมัธยม- บุรุษ พหุวจนะ แสดงความเคารพก็ได เหมือนคําวา อปฺโปสฺสุกฺโก ภนฺเต ภควา ทิฏธมฺมสุขวิหาร อนุยุตฺโต วิหรตุ. [ ๒๔๖๖ ]. [ บุรุษ ] ถ. บุรุษในอาขยาต แบงเปนเทาไร ? อะไรบาง ? จะรูวาเปน บุรุษอะไรแน ตองถืออะไรเปนหลัก ? ต. แบงเปน ๓ คือ ประถมบุรุษ ๑ มัธยมบุรุษ ๑ อุตตมบุรุษ ๑. จะรูบุรุษไดแน ตองถือวิภัตติเปนหลัก เพราะวิภัตติเปนเครื่องแสดง
145.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 143 ใหรูบุรุษ เชน ติ เปน ประถมบุรุษ, สิ เปน มัธยมบุรุษ, มิ เปน อุตตมบุรุษ เปนตน. [ อ. น.]. ถ. เพราะเหตุไร จึงแบงบุรุษเปน ๓ ? ต. เพราะในสัพพนาม ซึ่งเปนประธานของกิริยาแบงบุรุษ เปน ๓, สวนกิริยาซึ่งเปนเครื่องแสดงอาการของประธานใหปรากฏ จึงจําเปนตองแบงเปน ๓ ดวย เพื่อใหเทากัน จะแบงใหมากหรือนอย กวากันไมได. [ อ. น. ]. ถ. ตัวประธานกับตัวกิริยา มีกฎเกณฑใหคลอยเขาหากัน อยางไรบาง ? ต. มีกฎเกณฑอยางนี้ ถาสัพพนามที่เปนประธาน เปนบุรุษใด กิริยาก็ตองเปนบุรุษนั้น เชน โส เปนประถมบุรุษ กิริยาก็ตอง เปนประถมบุรุษตาม, ตฺว เปนมัธยมบุรุษ กิริยาก็ตองเปนมัธยมบุรุษ ตาม. อห เปนอุตตมบุรุษ กิริยาก็ตองเปนอุตตมบุรุษตาม ให บุรุษตรงกันเสมอไป สับเปลี่ยนกันไมได. [ อ. น. ]. [ ธาตุ ] ถ. ในอาขยาต มีอะไรเปนที่สิ่งสําคัญในการที่จะทําเปนรูปราง ขึ้น ? ทานจัดแบงไวอยางไร ? จงจัดมาดู. ต. มีธาตุเปนสิ่งสําคัญ, ทานจัดแบงไวเปน ๘ หมวด คือ ๑. หมวด ภู ธาตุ ๒. หมวด รุธฺ ธาตุ ๓. หมวด ทิวฺ ธาตุ ๔. หมวด สุ ธาตุ ๕. หมวด กี ธาตุ ๖. หมวด คหฺ ธาตุ ๗. หมวด ตนฺ ธาตุ ๘. หมวด จุรฺ ธาตุ. [ ๒๔๘๐ ].
146.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 144 ถ. ที่วาธาตุเปนสําคัญนั้น สําคัญอยางไร ? ต. เปนสําคัญอยางนี้ คือ เปนที่ประกอบ วิภัตติ ปจจัย ทํา ใหกิริยาศัพทสมบูรณ ถาขาดธาตุแลว จะใช วิภัตติ ปจจัย โดย ลําพังไมได เปรียบเหมือนเรือน เสาเปนสําคัญสําหรับรองรับทัพพ- สัมภาระอื่น ๆ ฉันใด, ธาตุก็เปนฉันนั้น. [ อ. น.]. ถ. ในอาขยาต ทานใชอะไรเปนมูลศัพท ? จะใชนามบางได หรือไม ? อธิบาย. ภุชฺ หรฺ ธาตุ ประกอบ ติ วัตตมานาวิภัตติ สําเร็จ รูปเปนอยางไรบาง ? อยางไหนลงปจจัยอะไร ? ต. ใชธาตุ, ถาประกอบดวย อาย หรือ อิย ปจจัย ก็ใชได เชน ปพฺพตายติ ปุตฺติยติ เปนตัวอยาง, สําเร็จรูปเปน ภฺุชติ หรติ บาง เปน พุภุกฺขติ ลง ข ปจจัย, ที่เปน ชิคึสติ ลง ส ปจจัย. [ ๒๔๗๒ ]. ถ. กิริยาอาขยาต มีอะไรเปนมูลราก ? รชฺ ธาตุ ภิท ธาตุ ติ วัตตมานาวิภัตติ สําเร็จรูปอยางไร จึงเปนหมวด ทิว ธาตุ ? อยางไร จึงเปนหมวด รุธ ธาตุ ? ต. กิริยาอาขยาต มีธาตุเปนมูลรากบาง นามศัพทบาง, รชฺ ธาตุ ติ วัตตมานาวิภัตติ ลง ย ปจจัย ในหมวด ทิวฺ ธาตุ สําเร็จรูปเปน รชฺชติ, ในหมวด รุธฺธาตุ สําเร็จรูปเปน รฺชติ, ภิทฺ ธาตุ สําเร็จรูปเปน ภิชฺชติ ภินฺทติ. [ ๒๔๖๔ ]. ถ. ธาตุแบงเปนกี่อยาง ? อะไรบาง ? ต. มี ๒ คือ สกัมมธาตุ ธาตุมีกรรม ๑. อกัมมธาตุ ธาตุ ไมมีกรรม ๑. [ อ. น. ].
147.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 145 ถ. คําวา กรรม ในที่นี้ ไดแกอะไร ? จะรูไดอยางไรวา ธาตุ นี้เปนธาตุประเภทนั้นประเภทนี้ ? ต. ไดแกสิ่งที่ถูกเขาทํา ถูกเขาคิด เชน คนทํานา ภิกษุคือ ธรรม เปนตน, คําวา นา และ ธรรม นั้น ทานเรียกวา กรรม คือ ผูถูกทํา. รูไดดวยการสังเกตความของธาตุนั้น ๆ ถาธาตุใดแสดงความ ใหเรียกหากรรมจึงจะไดความชัด ถาไมเรียกหากรรมความไมชัด ดังคําวา คนกิน ความไมชัด ชวนใหนึกวากินอะไร ? ถาเติมกรรม ตอทายวา คนกินขาว หรือคนกินขนม เชนนี้ ไดความชัด ธาตุ ชนิดนี้ เรียกวา สกัมมธาตุ คือธาตุมีกรรม. ธาตุในไมแสดงความ ใหเรียกหากรรม ตามลําพังก็ไดความชัดพอแลว เชน นกบิน คนเดิน สุนัขนอน เปนตน ธาตุชนิดนี้ เรียกวา อกัมมธาตุ ธาตุไมมีกรรม. [ อ. น. ]. ถ. สกัมมธาตุ อกัมมธาตุ ใชในวาจกอะไรไดบาง ? ต. สกัมมธาตุ ใชไดทุกวาจก, แตอกัมมธาตุ ใชไดแตใน กัตตุวาจก ภาววาจก เหตุกัตตุวาจก. [ ๒๔๖๐ ]. [ วาจก ] ถ. จงแสดงวาจกในอาขยาต. ในวาจกเหลานี้ วาจกอะไรบาง ใชดื่นในปกรณทั้งหลาย ? ต. วาจากในอาขยาต มี ๕ คือ :- ๑. กัตตุวาจก เปนกิริยาของผูทําที่เปนประธาน อุทาหรณวา ธมฺมจารี สุข เสติ.
148.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 146 ๒. กัมมวาจก เปนกิริยาของสิ่งที่ถูกทําที่เปนประธาน อุทาหรณ วา ปาป กริยติ. ๓. ภาววาจก เปนกิริยาหาประธานที่เปนปฐมาวิภัตติมิได อุทาหรณวา จิตฺเตน อุปฺปชฺชเต. ๔. เหตุกัตตุวาจก เปนกิริยาของผูใชที่เปนประธาน อุทาหรณ วา เมตฺต อุปฺปาเทติ. ๕. เหตุกัมมวาจก เปนกิริยาของสิ่งที่ถูกเขาใชในทําที่เปน ประธาน อุทาหรณวา โอทโน ปาจาปยเต. ในวาจกเหลานี้ กัตตุวาจกและเหตุกัตตุวาจก ใชอื่นในปกรณ ทั้งหลาย. [๒๔๕๗,๒๔๖๗ ]. ถ. วาจก มีเทาไร ? ใจความตางกันอยางไร ? ต. มี ๕, ตางกันอยางนี้ กัตตุวาจก ยกผูทําเปนบทประธาน, กัมมวาจก ยกกรรมเปนบทประธาน, ภาววาจก กลาวแตความมีความ เปน, เหตุกัตตุวาจก ยกผูใชใหทําเปนบทประธาน, เหตุกัมมวาจก ยกสิ่งที่ถูกเขาใชใหทําเปนบทประธาน.[ ๒๔๗๐ ]. ถ. วาจกทั้ง ๕ มีประโยชนอยางไร ? จงยกตัวอยางมา ประกอบกับคําอธิบายใหเห็นสม. ต. มีประโยชนในทางพูดและแตงหนังสือ ถาผูพูดผูแตไม เขาใจวิธีของวาจก อาจทําเนื้อความที่ประสงคนั้น ๆ ใหแผกไป คือ จักไดใจความตรงกันขาม หรือถือเอาใจความไมได เชนตองการ จะพูดวา "บิดาใหบุตรศึกษาศิลปะ" ซึ่งควรจะตองเรียงคําพูดเปน
149.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 147 ภาษาบาลี ปตา ปุตฺต สิปฺป สิกฺขาเปติ แตหาเรียกเชนนั้นไม ไปเรียงเสียวา ปต ปุตฺต สิปฺป สิกฺขติ กลับมีความแผนกันไปวา บิดาศึกษาศิลปะกะบุตร ดังนี้เปนตัวอยาง. [ ๒๔๖๒ ]. ถ. จงเอาศัพท ๔ นี้ คือ ปตุ ธีตุ ปุปฺผ วุ ธาตุ เรียงตาม ลักษณะแหงวาจกทั้ง ๕ ยกภาววาจก. ต. กัตตุวาจก. ปตุโน ธีตา ปุปฺผ วุณาติ. กัมมวาจก. ปตุโน ธีตรา ปุปฺผ วุยฺยเต. เหตุกัตตุวาจก. ปตา ธีตร ปุปฺผ วุณาเปติ, เหตุกัมมวาจก, ปตรา ธีตรา ปุปฺผ วุณาปยเต.[ ๒๔๖๒ ]. ถ. คําวา "ทําการงาน" ประสงคเปนคุณนามอยางหนึ่ง เปน อาขยาตอยางหนึ่ง คํามคธวากระไร ? ต. คําวา "ทําการงาน" ที่ประสงคเปนคุณนาม คํามคธวา "กมฺมกาโร" ที่ประสงคเปนอาขยาต คํามคธวา "กมฺม กโรติ." [ ๒๔๗๗ ]. [ ปจจัย ] ถ. ปจจัยในอาขยาต มีประโยชนอยางไร ? และตางจากปจจัย ในตัทธิตอยางไร ? ต. มีประโยชนใหกําหนดรูวาจกไดแมนยํา, ตางกันปจจัยใน ตัทธิต คือ นิยมลงทายธาตุเปนพื้น มีลงทายนามศัพทบางบางตัว เมื่อลงทายธาตุหรือนามศัพทนั้น ๆแลว ศัพทนั้น ๆ ก็สําเร็จรูปเปน กิริยาทั้งสิ้น, สวนปจจัยในตัทธิต นิยมลงทายนามศัพทเปนพื้น ไมมี ลงทายธาตุ เมื่อลงแลว ใชแทนศัพทตาง ๆ. [ อ. น. ]
150.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 148 ถ. จงแสดงปจจัยในอาขยาต ที่ลงในธาตุ ๘ หมวด ในวาจก ทั้ง ๕ ? ต. ที่ลงในธาตุ ๘ หมวด คือ อ เอ ย ณุ ณา นา ณฺหา โอ เณ ณฺย ๑๐ ตัว และลงในกัตตุวาจกดวย, ในกัมมวาจก ลง ย ปจจัย กับทั้ง อิ อาคม หนา ย, ในภาววาจก ลง ย ปจจัย, ในเหตุกัตตุ วาจก ลงปจจัย ๔ ตัว คือ เณ ณย ณาเป ณาปย ตัวใดตัวหนึ่ง, ในเหตุกัมมวาจก ลงปจจัย ๑๐ ตัวนั้นดวย เหตุปจจัย คือ ณาเป ดวย ลง ย ปจจัย กับทั้ง อิ อาคม หนา ย ดวย. [ ๒๔๖๓-๒๔๗๑ ]" ถ. จํากําหนดรูวาจกไดอยางไร? และวาจก ทั้ง ๕ นั้น โดย ใจความตางกันอยางไร ? ต. กิริยาศัพทที่ประกอบดวย อ เอ ย ณุ ณา นา ณฺหา โอ เณ ณฺย ตัวใดตัวหนึ่ง เปนกัตตุวาจก, ที่ประกอบดวย ย ปจจัย กับ อิ อาคม เปน กัมมวาจก, ที่ประกอบดวย ย ปจจัย เปนภาววาจก, ที่ประกอบดวย เณ ณย ณาเป ณาปย ตัวใดตัวหนึ่ง เปนเหตุกัตตุ วาจก, ที่ประกอบดวยปจจัย ๑๐ ตัวในกัตตุวาจกตัวใดตัวหนึ่งดวย ณาเป ปจจัยดวย ย ปจจัยกับ อิ อาคมดวย เปนเหตุกัมมวาจก รูไดอยางนี้. ตางกันอยางนี้ : กัตตุวาจก ยกผูทําเองเปนบทประธาน, กัมมวาจก ยกกรรมเปนบทประธาน. ภาววาจก กลาวแตความมี ความเปน, เหตุกัตตุวาจก ยกผูใชใหทําเปนบทประธาน. เหตุกัมม- วาจก ยกสิ่งที่ถูกเขาใชใหทําเปนบทประธาน. [๒๔๖๖ ]. ถ. กิริยาศัพทในประโยค ภาววาจก นิยม วจนะ บุรุษ บท
151.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 149 อยางไรบาง ? ขออุทาหรณดวย . ต. นิยมใหประกอบเปน เอกวจนะ ประถมบุรุษ อัตตโนบท แตสวนบทนี้ไมสูแนนอนนัก ที่ใชปรัสสบทก็มีบาง อุทาหรณ เชน ชายเต คจฺฉิยเต เปนตน. [ อ.น.]. ถ. ปจจัยในวาจกนั้น ๆ ตัวไหนใชลงประจําหมวดธาตุไหน บาง ? ต. ปจจัยในวาจกทั้ง ๔ นอกจากกัตตุวาจก ลงในธาตุทุก หมวดไมมีจํากัด, สวนปจจัยในกัตตุวาจก ๑๐ ตัว มีจํากัด คือ แบง ลงในธาตุ ๘ หมวดนั้น ดังนี้ : อ เอ ลงในหมวด ภู ธาตุ และ รุธฺ ธาตุ แตในหมวด รุธฺ ธาตุ ลงนิคคหิตอาคมหนาพยัญชนะที่สุดธาตุดวย, ฯ ลงในหมวด ทิวฺ ธาตุ, ณุ ณา ลงในหมวด สุ ธาตุ, นา ลงใน หมวด กี ธาตุ, ณฺหา ลงในหมวด คหฺ ธาตุ, โอ ลงในหมวด ตนฺ ธาตุ, เณ ณย ลงในหมวด จุรฺ ธาตุ. [ อ. น. ]. ถ. อาศัยอะไรเปนหลัก จึงจะกําหนดวาจกไดแมนยํา ? สิวิยติ สิพฺพยติ เปนวาจกอะไร ? จงชี้วาสังเกตตรงไหน ? ต. อาศัยปจจัยเปนกลัก, สิวิยติ เปนกัมมวาจก สิวฺ ธาตุ เห็น ย ปจจัยกับทั้ง อิ อาคมหนา ย ก็รูได, สิพฺพยติ เปนเหตุกัตตุวาจก สิวฺ ธาตุ เหมือนกัน ธาตุหมวดนี้ลง ย ปจจัย แตถาลง ย ปจจัย ในกัตตุวาจก ตองเอง ย ปจจัย กับพยัญชนะที่สุดธาตุเปน พฺพ สําเร็จรูปเปน สิพฺพติ จะเปน สิพฺพยติ ไมได นี้มี ย เหลืออยูตอง เปน ณย ปจจัย ในเหตุกัตตุวาจก เมื่อลบ ณ หรือสระที่ ณ อาศัย
152.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 150 อยู มีสระอยูเบื้องหลัง จึงแปล ว เปน พ ไดโดยวิธีสนธิ. [ ๒๔๖๑ ]. ถ. ในอาขยาต ในที่เชนไร ตองพฤทธิตนธาตุ ? ในที่เชนไร ตองทีฆะที่สุดปจจัยเปน อา ? ต. เมื่อลง เณ ณย ณาเป ณาปย ปจจัย ตองพฤทธิตนธาตุ, เมื่อ หิ มิ ม วิภัตติอยูหลัง ตองทีฆะที่สุดปจจัยเปน อา. [ ๒๔๕๙ ] ถ. ปจจัยที่เนื่องดวย ณ ในตัทธิตก็มี ในอาขยาตก็มี ตองการ ทราบวา ณ ปจจัยในที่ทั้ง ๒ นั้น มีอํานาจเหมือนกันหรือตางกัน อยางไร ? ต. อํานาจพฤทธิอยางเดียวกัน แต ร ปจจัยในตัทธิตลงแลว ตองลบ เมื่อลงแลวตองพฤทธิตามลักษณะของศัพททุกแหงไป, สวน ณ ปจจัยในอาขยาตไมทําดังนั้นทั้งหมด คือคงมี ณ ไวไมตองลบก็มี เชน สุณาตุ สิโณติ ลง ณา ณุ ปจจัย ในกัตตุวาจก เปนตน, เมื่อ ไมลบ ก็ไมตองพฤทธิสระตนธาตุ คงไวตามเดิม. [ อ. น. ]. ถ. กัตตุวาจก มีปจจัยกี่ตัว ? อะไรบาง ? มุจฺ ฉิทฺ ภิทฺ ลง ปจจัยในกัตตุวาจก ลงตัวไหนเปนสกัมมธาตุ ลงตัวไหนเปนอกัมมธาตุ ? ขอรูปศัพทและแปลมาดวย. ต. มีปจจัย ๑๐ ตัว คือ อ เอ ย ณุ ณา นา ณฺหา โอ เณ ณย, ลง อ ปจจัย เปนสกัมมธาตุ, ลง ย ปจจัย เปนอกัมมธาตุ, ที่ลง อ มีรูปเปน มฺุจติ ฉินฺทติ ภินฺทติ แปลวา ยอมปลอย ยอม ตัด ยอมทําลาย, ที่ลง ย ปจจัย มีรูปเปน มุจฺจติ ฉิชฺชติ ภิชฺชติ แปลวา ยอมพน ยอมขาด ยอมแตก. [ ๒๔๖๗ ].
153.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 151 ถ. ย ปจจัย มีในวาจกอะไรบาง ? จะกําหนดไดอยางไรวา เชนไรเปนวาจกไหน ? อธิบาย. ต. มีในกัตตุวาจก กัมมวาจก ภาววาจก, กําหนดไดอยางนี้ : ย ในกัตตุวาจก ถาธาตุ ๒ ตัว ตองแปลกับที่สุดธาตุเปนพยัญชนะ นั้น ๆ ถาเปนธาตุตัวเดียวคง ย ไว ลงไดไมจําจัดธาตุ และลงได ในหมวดธาตุของตน. สวน ย ในกัมมวาจก มีวิธีเปน ๓ อยาง คือ คง ย ไว ตองลง อิ อาคมอยาง ๑ แปลง ย กับที่สุดธาตุเปนพยัญชนะ นั้น ๆ แลวไมตองลง อิ อาคม คลายกับ ย ในกัตตุวาจก นอกจาก หมวดธาตุที่มี ย ในกัตตุวาจกประจําอยูแลวอยาง ๑ ลง ย แลวซอน ย ไมตองลง อิ อาคมอยาง ๑ ลงไดเฉพาะสกัมมธาตุอยางเดียวเทานั้น. สวน ย ในภาววาจก ไมมีพิธีเปลี่ยนแปลงอยางไร ทั้งนิยมลงใน อกัมมธาตุ แตที่ลงในสกัมมธาตุก็มี และเปนไดแตประถมบุรุษ เอกวจนะ อยางเดียวเทานั้น มีที่ใชโดยมากแตวัตตมานา นอกนั้น ไมคอยใช . [ ๒๔๖๙ ]. ถ. เหตุกัมมวาจก ลงปจจัย ๑๐ ตัว คืออะไรบาง ? แลวลง อะไรกันอีก ? ขออุทาหรณดวย. ต. เหตุกัมมวาจก ลงปจจัย ๑๐ ตัว คือ อ เอ ย ณุ ณา นา ณฺหา โอ เณ ณฺย แลวลงเหตุปจจัย คือ ณาเป ดวย, ลง ย ปจจัย กับทั้ง อิ อาคม หนา ย ดวย อุทาหรณ เชน ปาจาปยเต สิพฺพาปยเต เปนตน. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. ณาเป และ ณาปย ปจจัย สําหรับเหตุกัตตุวาจก ใชได
154.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 152 เหมือน เณ และ ณย ปจจัย หรือใชไดเฉพาะในที่เชนไร ? ต. ณาเป และ ณาปย ปจจัย สําหรับใชบอกเหตุกัตตุวาจก ในธาตุหมวดที่ ๘ มี จุรฺ เปนตน ที่ใช เณ และ ณย ปจจัย บอก สยกัตตา และในธาตุหมวดอื่น ที่ใชปจจัยเหตุกัตตุวาจกในอรรถ แหงสยกัตตา อุทาหรณ เชน มาเรติ ใหตาย คือ ฆา, มาราเปติ ให ๆ ตาย คือ ใชใหฆา. [๒๔๕๗ ]. ถ. ปจจัยในอาขยาต สําหรับใชแทนศัพทอยางตัทธิตมีหรือไม ? ถามี คืออะไร ? และตัวไหนลงในอรรถวากระไร ? จงยกอุทาหรณ มาเทียบ. ต. มี, คือ ข ฉ ส ลงในอรรถวา ปรารถนา, อุทาหรณ เชน พุภุกฺขติ ปรารถนาจะกิน, ชิฆจฺฉติ ปรารถนาจะกิน, ชิคึสติ ปรารถนา จะนําไป, อาย อิย ลงในอรรถวา ประพฤติ อุทาหรณ เชน จิรายติ ประพฤติชาอยู, ปุตฺติยติ ยอมประพฤติใหเปนเพียงดังบุตร. [๒๔๕๘-๒๔๗๐]. ถ. จงแสดงความตางแหงวาจกอาขยาต วาตางกันอยางไร ? และ ในวาจกเหลานั้น กัมมวาจกมีปจจัยกี่ตัว ? พุทฺธิยติ ลงปจจัยอะไร ? แปลวากระไร ? ต. กัตตุวาจก ยกผูทําเองเปนบทประธาน, กัมมวาจก ยก กรรมเปนบทประธาน, ภาววาจก กลาวแตความมีความเปน, เหตุ- กัตตุวาจก ยกผูใชทําเปนบทประธาน, เหตุกัมมวาจก ยกสิ่งที่ ถูกเขาใชใหทําเปนบทประธาน, กัมมวาจก ลง ย ปจจัยกับ อิ อาคม,
155.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 153 พุทฺธิจติ ลง อิย ปจจัย แปลวา ยอมประพฤติใหเปนเพียงดังพระ พุทธเจา. [ ๒๔๗๔ ]. ถ. ภุชฺ, หร ธาตุ ประกอบกับ ติ วัตตมานาวิภัตติ สําเร็จรูป เปนอยางไรบาง ? และอยางไหนลงปจจัยอะไร ? ต. สําเร็จรูปเปน ภฺุชติ หรติ บาง, เปน พุภุกฺขติ ชิคึสติ บาง, ที่เปน ภฺุชติ หรือ หรติ ลง อ ปจจัย, ที่เปน พุภุกฺชติ ลง ข ปจจัย ที่เปน ชิคึสติ ลง ส ปจจัย. [ ๒๔๖๘ ]. ถ. จงขุดมูล วิชฺฌติ ลพฺภติ ตั้งแตธาตุจนสําเร็จรูป ? ต. วิชฺฌติ วิธฺ ธาตุ เปนไปในความแทง, ย ปจจัย ในกัตตุ- วาจก ติ วิภัตติ เอา ย กับ ธฺ เปน ชฺฌ สําเร็จเปน วิชฺฌติ. ลพฺภติ ลภฺ ธาตุ เปนไปในความได ย ปจจัย ในกัมมวาจก ติ วิภัตติ เอา อ กับ ภฺ เปน พฺภ สําเร็จรูปเปน ลพฺภติ. [ ๒๔๖๑ ]. ถ. จงวินิจฉัยประโยคตอไปนี้วาผิดหรือถูก ? ถาผิด จงแก อานนฺทตฺเถโร จ ปมสงฺคีติย อโหสิ. ต. ประโยค ก. ถูก เพราะวานามทําเปนเอกวจนะหลายศัพท ถา มีความรวมกัน เมื่อใช จ ศัพท กํากับศัพทเหลานั้นแลว คุณนามก็ดี กิริยาก็ดี ของนามนามเหลานั้น ตองใชเปนพหุวจนะ, เมื่อเปนเชนนี้
156.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 154 ประโยค ข. จึงผิด ควรแกเปน อาวุโส มหากสฺสโป จ อุปาลิตฺเถโร จ อานนฺทตฺเถโร จ ปมสงฺคีติย ปาโมกฺขา อเหสุ. [ ๒๔๗๕ ]. ถ. การคนหาธาตุในศัพทกิริยาอาขยาตนั้น ทานแนะนําใหทํา อยางไร จึงจะทราบวาเปนธาตุนั้นธาตุนี้ได ? ต.ทานแนะนําใหแยก วิภัตติ ปจจัย ที่ประกอบอยูกับศัพทนั้น ออก ถามีอุปสัคหรือนิบาตนําหนา, หรือ ส อิ อาคม ในวิภัตติบาง หมวด ก็ใหแยกออกเสีย เมื่อแยกสิ่งเหลานั้นออกหมดแลว ที่เหลือ ก็จัดวาเปนธาตุ เชน อทาสิ แยก อ บทหนา ส อาคม อี วิภัตติ อ ปจจัย ออกแลว คงเหลือแต ทา ก็ทราบวา ทา ธาตุ ดังนี้ เปนตน นี้กลาวตามที่เปนไปโดยมากที่เปนสามัญ แตที่เปนวิสามัญ แมจะแยกเครื่องประกอบออกหมดแลว ก็ยังทราบไมไดวาเปนธาตุ อะไร เชน ปสฺสติ แยก ติ วิภัตติ และ อ ปจจัย ออกแลว เหลือ แต ปสฺส จะวาเปน ปสฺส ธาตุ ก็ไมถูก ที่ถูกเปน ทิสฺ ธาตุ เพราะ แปลง ทิสฺ เปน ปสฺส, อาคจฺฉติ แยก อา อุปสัค ติ วิภัตติ อ ปจจัย ออกแลว เหลือ คจฺฉ จะวาเปน คจฺฉ ธาตุ ก็ไมถูก ที่ถูกเปน คมฺ ธาตุ เพราะแปลง คมฺ เปน คจฺฉ, ธาตุพวกที่ไมแปลงเชนนี้ ยากที่จะ ทราบไดแนนอนวาเปนธาตุอะไร ตองอาศัยการคนควานดูตําราหรือได รับคําอธิบายจากผูรู จึงจะถือเอาเปนแนนอนได.[ อ. น.]. ถ. กิริยาอาขยาตนั้น ทานนิยมใหเรียงไวในที่อยางไร ? ขอ อุทาหรณดวย. ต. ตามปกติ นิยมเรียงไวสุดประโยค เชน อาจริโย สิสฺเส
157.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 155 อนุสาสติ, แตถาเปนประโยคคําถาม ซึ่งศัพทกิริยานั้นจะตองใช หางเสียงเปนคําถาม และประโยคที่เปนคําเตือน นิยมเรียงกิริยา อาขยาตไวตนประโยค เชน [ คําถาม] อตฺถิ ปนายสฺมโต โกจิ เวยฺยาวจฺจกโร, [ คําเตือน ] สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ เปนตน. [ อ. น. ] ถ. หมวดธาตุไหนบาง ซึ่งใชปจจัยในกัตตุวาจกประจําหมวด ของตนติดไปในวาจกอื่นได ? จงแสดงพรอมดวยอุทาหรณ. ต. มีอยู ๔ หมวดคือ รุธฺ, ทิวฺ, กี, คหฺ, ธาตุ ๔ หมวดนี้ ใชปจจัยในกัตตุวาจกประจําหมวดของตนติดไปในวาจกอื่นได. หมวด รุธฺ ธาตุ ติดไปในวาจกทั้ง ๔ ได เชน รุนฺธิยเต กัมม. และภาว. รุนฺธาเปติ เหตุกัตตุ. รุนฺธาปยเต เหตุกัมม. หมวด ทิวฺ และ กี ธาตุ ติดไปในเหตุกัตตุ. และเหตุกัม. ได เชน ทิพฺพเปติ กีนาเปติ เหตุกัตต. ทิพฺพาปยเต กีนาปยเต เหตุกัมม. หมวด คหฺ ธาตุ ติดไปในเหตุกัตตุ. และเหตุกมม. ได เชน คณฺหาเปติ เหตุกัตตุ. คณฺหาปยเต เหตุกัมม. [ อ. น.]
158.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 156 [ กิตก ] ถ. ศัพทเชนไร เรียกวาศัพทกิตก ? กิตกแบงเปนกี่อยาง ? อะไรบาง ? ต. ศัพทที่ประกอบดวยปจจัยหมูหนึ่ง ซึ่งเปนเครื่องกําหนด หมายเนื้อความของนามศัพทและกิริยาศัพทที่ตาง ๆ กัน เรียกวา ศัพทกิตก, กิตกแบงเปน ๒ คือ นามกิตก ๑ กิริยากิตก ๑. [ อ. น. ] ถ. กิตกก็ดี อาขยาตก็ดี ลวนมีธาตุเปนที่ตั้งทั้งสิ้น เมื่อเปน เชนนี้ จะมีตางกันอยางไรบาง ? จงแสดงใหไดความชัด. ต. จริงอยู ศัพททั้ง ๒ ประเภทนั้น ลวนมีธาตุเปนที่ตั้งเหมือน กัน ถึงดังนั้น ก็มีตางกันบาง คือ กิตก เมื่อประกอบปจจัยแลว ก็แจกตามวิภัตติทั้ง ๗ ในนาม เวนแตศัพทที่ประกอบกับอัพยยปจจัย ๕ ตัว คือ เตฺว ตุ ตูน ตฺวา ตฺวาน เมื่อประกอบกับปจจัยตัวใด ตัวหนึ่งในปจจัย ๕ ตัวนี้แลว เปนแลวกัน จะนําไปแจกตามวิภัตติ ทั้ง ๗ ไมได และกิตกไมมีบทและบุรุษ, สวนอาขยาตนั้นเมื่อประกอบ กับปจจัยเสร็จแลว ก็แจกตามวิภัตติอาขยาต จะแจกตามวิภัตตินาม ไมได. [ อ. น.]. [ นามกิตต ] ถ. นามกิตกกับกิริยากิตก ตางกันอยางไร ? จงแสดงอุทาหรณ. ต. นามกิตก เปนนามนามและคุณนาม จัดเปนสาธนะ มี ปจจัยเปนเครื่องหมายสาธนะนั้น ๆ, กิริยากิตก เปนกิริยาประกอบ
159.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 157 ดวยวิภัตติ วจนะ กาล ธาตุ วาจก ปจจัย เหมือนในอาขยาต ตางแต ไมมีบทและบุรุษเทานั้น, นามกิตก อุทาหรณ เชน ทายโก ทายก ทุกฺกร กรรมอันทําไดโดยมาก, กิริยากิตก อุทาหรณ เชน ิโต ยืนแลว, คโต ไปแลว. [ ๒๔๕๘ ]. ถ. นามกิตก เปนนามนามอยางเดียว หรือเปนนามอื่นก็ได ? ถาเปนได จงแสดงตัวอยางมาประกอบ. ต. เปนนามอื่นก็ได คือ เปนไดทั้งนามนาม ทั้งคุณนาม, นามนามนั้น เชน ปาโก ความหุง, คมน ความไป, นิสีทน การนั่ง, สยน การนอน เปนตน, คุณนาม เชน อุรโค ผูไปดวยอก [งู ], ทายโก ผูให, ธมฺมวาที ผูกลาวธรรมโดยปกติ เปนตน. [ อ.น. ]. ถ. ศัพทนามกิตกที่เปนนามนามและคุณนามนั้น เหมือนกันกับ นามนามและคุณนามในนามศัพททั้ง ๓ หรือตางกันอยางไร ? ต. ตางกัน คือ นามนามในนามกิตก เปนศัพทที่ปรุงขึ้นจาก ธาตุ สําเร็จรูปมาแตวิเคราะห มีปจจัยประกอบ เปนเครื่องหมาย สาธนะ แลวใชไดตามลําพังตนเอง มิตองมีบทอื่นเปนประธาน เชน คมน ความไป, ภฺุชน การกิน เปนตน เรียกวา กิริยานาม. สวน นามนามในนามศัพทนั้น เปนนามนามแท คือ เปนนามนามโดย กําเนิด มิไดปรุงขึ้นจากธาตุ เชน รุกฺโข ตนไม, ปุพฺพโต ภูเขา เปนตน, สวนคุณนามในนามกิตก ก็ปรุงขึ้นจากธาตุ สําเร็จมาแต รูปวิเคราะห มีปจจัยประกอบ เปนเครื่องหมายสาธนะ มีบทอื่น เปนประธาน เชน ทายโก [ บุคคล] ผูให สาวโก [ ภิกษุ ] ผูฟง
160.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 158 เปนตน , สวนคุณนามในนามศัพท เปนคุณนามแท เปนคุณนาม โดยกําเนิด ไมมีปจจัยประกอบ ไมไดหมายสาธนะ เชน นีล เขียว สุนฺทร ดี เปนตน. [ อ. น.]. [ สาธนะ ] ถ. อะไรเรียกวา สาธนะ ? สาธนะมีเทาไร ? อะไรบาง ? ต. ศัพทที่สําเร็จมาจากรูปวิเคราะห ลงปจจัยนามกิตกตัวใด ตัวหนึ่ง เรียกวา สาธนะ, สาธนะมี ๗ คือ กัตตุสาธนะ กัมม- สาธนะ ภาวสาธนะ กรณสาธนะ สัมปทานสาธนะ อปาทานสาธนะ อธิกรณสาธนะ. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะทั้ง ๗ ตางกันอยางไร ? และสาธนะไหนทานบัญญัติ ใหแปลวากระไร ? ต. ตางกันดังนี้ : กัตตุสาธนะ เปนศัพทแสดงชื่อผูทํา คือผู ประกอบกิริยา เชน กุมฺภกาโร ผูทําซึ่งหมอ เปนตน, สาธนะนี้ ทานบัญญัติใหแปลวา ผู...ถาลงในอรรถแหงตัสสีล ใหแปลวา ผู...โดยปกติ หรือ ผู..... เปนปกติ. กัมมสาธนะ เปนศัพทแสดงผูถูกคนอื่นทํา เชน ปโย เปนที่รัก ทาน [ วัตถุ ] อันเขาพึงใหเปนตน, สาธนะนี้ ทานบัญญัติใหแปลวา เปน...อยาง ๑, อันเขา....อยาง ๑. ภาวสาธนะ เปนศัพทแสดงกิริยา คือความทําของบุคคลผูทํา เชน าน ความยืน, คมน ความไป, นิสชฺชา การนั่ง, เปนตน สาธนะนี้ ทานบัญญัติใหแปลวา ความ... อัน....การ....
161.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 159 กรณสาธนะ เปนศัพทแสดงวัตถุซึ่งเปนเครื่องมือสําหรับทํา เชน พนฺธน [ วัตถุ ] เครื่องผูก [ มีเชือกและโซงเปนตน ] สาธนะนี้ ทานบัญญัติใหแปลวา เปนเหตุ....เปนเครื่อง.....เปนเครื่องอัน เขา... สัมปทานสาธนะ เปนศัพทแสดงชื่อผูที่เขามอบให คือผูรับ เชน สมฺปทาน [ วัตถุ ] เปนที่มอบให เปนตน, สาธนะ ทานบัญญัติ ใหแปลวา เปนที่... เปนที่อันเขา... อปาทานสาธนะ เปนศัพทแสดงสถานที่ ๆ ไปปราศ หรือบุคคล ผูไปปราศ เชน ปภสฺสโร แดนซานออกแหงรัศมี [ ไดแกเทวดา พวกหนึ่ง] ปภโว แดนเกิดกอน [ ที่น้ําตก ] ภีโม แดนกลัว [ ยักษ ] สาธนะนี้ ทานบัญญัติใหแปลวา เปนแดน... อธิกรณสาธนะ เปนศัพทแสดงสถานที่ หรือเปนชื่อของสถาน ที่ เชน าน ที่ตั้ง ที่ยืน, สยน ที่นอน เปนตน, สาธนะนี้ ทาน บัญญัติใหแปลวา เปนที่... เปนที่อันเขา... [ อ. น. ]. ถ. ในสาธนะทั้ง ๗ นี้ สาธนะไหนบาง ที่ใชมาก ? ต. กัตตุสาธนะ กัมมสาธนะ ภาวสาธนะ กรณสาธนะ อธิ- กรณสาธนะ ๕ สาธนะนี้ใชมาก สวนสัมปทานสาธนะและอปาทาน- สาธนะใชนอย. [ อ. น. ]. ถ. เหตุไร สาธนะทั้ง ๒ นี้ จึงใชนอย ? จงอธิบายใหกระจาง. ต. เพราะสาธนะทั้ง ๒ นี้ ใชไดแตในธาตุบางตัว ไมทั่วไป สัมปทานสาธนะ ใชไดแตธาตุที่เปนไปความให ยื่นให สงไป
162.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 160 ประทุษราย เชน ทา เปสฺ ทุสฺ ธาตุ เปนตน เพราะเมื่อเวลาตั้ง วิเคราะหแหงสาธนะนี้ ตองประกอบสัพพนามเปนจตุตถีวิภัตติ ซึ่ง แปลวา แก เพื่อ ตอ, สาธนะนี้ ใชกัมมธาตุเปนพื้น, สวนอปาทาน สาธนะ ใชไดแตธาตุที่เปนไปในความซาน ความเกิด ความออกไป เชน สรฺ ภู ชา นิกฺ-ขมฺ ธาตุ เปนตน เพราะเวลาตั้งวิเคราะห แหงสาธนะนี้ ตองประกอบสัพพนามเปนปญจมีวิภัตติ ซึ่งแปลวา แต, จาก, กวา, เหตุ, สาธนะนี้ใชอกัมมธาตุเปนพื้น เพราะฉะนั้น สาธานะทั้ง ๒ นี้จึงใชนอย. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะทั้ง ๕ นอกจากสาธนะทั้ง ๒ ที่กลาวแลว ใชไดใน ธาตุเชนไรบาง ? ต. กัมมสาธนะ ใชไดในสกัมมธาตุอยางเดียว, ๔ สาธนะ ใช ไดในธาตุทั้งปวง ทั้งสกัมมธาตุ ทั้งอกัมมธาตุ ตามความที่อํานวย ใหเปน. [อ. น.]. ถ. คําวา สาธนะ ทานใหสําเร็จรูปมาแตรูปวิเคราะหนั้น อยางไร ? อธิบาย. ต. คําวา สาธนะ นั้น เปนชื่อของศัพทที่สําเร็จแลว บรรดา ศัพทซึ่งเปนนามกิตกทั้งหมด กําหนดรูไดวาเปนสาธนะนั้น สาธนะนี้ ก็ตองอาศัยรูปวิเคราะห ซึ่งเปนเครื่องแสดงใหรูได เพราะสาธนะ ทั้ง ๗ ตางมีรูปวิเคราะหละอยาง ๆ เพื่อแสดงความวาเปนชื่อของ ผูทํา หรือของสิ่งที่ถูกทํา เปนตน เหมือนศัพท คือ กมฺมกาโร นี้ เปนกัตตุสาธนะ สําเร็จมาแตวิเคราะหวา กมฺม กโรติ ซึ่งแสดงให
163.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 161 เห็นวา สาธนะนั้นเปนชื่อของผูทํา ดังนี้. [ ๒๔๖๖ ]. ถ. สาธนะทั้งหมด อยางไหนใชในอกัมมธาตุอยางเดียว ? อยางไหนใชในสกัมมธาตุอยางเดียว ? อยางไหนใชในธาตุทั้ง ๒ ? ต. อปาทานสาธนะ ใชอกัมมธาตุอยางเดียว, กัมมสาธนะ และสัมมทานสาธนะ ใชสกัมมธาตุอยางเดียว , ๔ สาธนะนอกนั้น ใชไดในธาตุทั้ง ๒. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะทั้ง ๗ นั้น สาธนะไหนเปนนาม ? สาธนะไหนเปน คุณ ? ทําไมจึงมีถึง ๗ ? และเปนสําคัญอยางไรบาง ? ต. ภาวสาธนะ เปนนาม, นอกนั้นเปนคุณ, ที่มีถึง ๗ เพราะ อนุโลมตามวิธีใชในภาษา, เปนสําคัญในการพูดและการแตงหนังสือ ในภาษามคธ เพราะผูไมรูสาธนะแลว อาจพูดและแตงผิด ทําให ผูฟงผูศึกษาเขาใจความผิดได เชน ชอนหรือจาน ควรจะเรียก วาเปนเครื่องกิน แตกลับเรียกวา ที่กิน หรือ การกิน เชนนี้เปนตน ยอมทําใหความเสียไป. สวนภาษามคธ เชน สี ธาตุ แปลวา นอน ถาหมายความถึงสถานที่ แปลวา เปนที่นอน ก็ควรประกอบวา สยน แตกลับประกอบเปนอยางอื่นเสีย เชน ประกอบเปน สายโก เชนนี้ จะแปลวา ที่นอน ไมได เพราะใชเครื่องหมายผิดไป จะตอง แปลวา ผูนอน เปนกัตตุสาธนะเปนแน สาธนะเปนสําคัญในการพูด การแตง ดังนี้ . [ อ. น.]. ถ. คําวา รูป ไดแกอะไร? และรูปนั้น แบงเปนกี่อยาง ? อะไรบาง ?
164.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 162 ต. รูป ไดแกวาจก แบงเปน ๓ คือ กัตตุรูป กัมมรูป ภาวรูป. [ อ. น.]. ถ. ที่จะทราบวา เปนรูปนั้นรูปนี้ได ถืออะไรเปนหลัก ? ต. ถือ วาจก คือศัพทกิริยาในวิเคราะหเปนหลัก รูปวิเคราะห ใด เปนกัตตุวาจกก็ดี เหตุกัตตุวาจก็ดี รูปวิเคราะหนั้น จัดเปน กัตตุรูป, รูปวิเคราะหใด เปนกัมมวาจกก็ดี เปนเหตุกัมมวาจาก็ดี รูปวิเคราะหนั้น จัดเปนกัมมรูป, รูปวิเคราะหใด เปนภาววาจก รูปวิเคราะหนั้น จัดเปนภาวรูป. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะทั้ง ๗ นั้น สาธนะไหน เปนไดกี่รูป ? รูปอะไร ? ต. กัตตุสาธนะ และ อปาทานสาธนะ เปนกัตตุรูอยางเดียว, ภาวสาธนะ เปนภาวรูปอยางเดียว, ๔ สาธนะนอกนี้ เปนไดทั้ง ๒ คือ กัตตุรูป และ กัมมรูป. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะที่จะสําเร็จได ตองอาศัยธาตุเปนที่ตั้ง อยากทราบ วา สกัมมธาตุ และ อกัมมธาตุ อยางไหนเปนสาธนะอะไรไดบาง ? และเปนรูปวิเคราะหไดกี่รูป ? ต. สกัมมธาตุ เปนได ๖ สาธนะ ยกอปาทานสาธนะเสีย เปน รูปวิเคราะหไดทั้ง ๓ รูป, อกัมมธาตุ เปนได ๖ สาธนะ ยกกัมม- สาธนะเสีย เปนรูปวิเคราะหได ๒ รูป ยกกัมมรูปเสีย [ ที่วานี้เฉพาะ เปนไปโดยมาก ] แตควรถือเนื้อความของศัพทเปนสําคัญ คือแลว แตเนื้อความของศัพทจะหมุนใหเปนไปได. [อ. น. ]. ถ. รูปวิเคราะหทั้ง ๓ นั้น อยางไหนใชหมายสาธนะอะไรไดบาง
165.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 163 ต. กัตตุรูป ใชหมายสาธนะได ๖ ยกภาวสาธนะเสีย, กัมมรูป ใชหมายสาธนะได ๔ คือ กัมมสาธนะ กรณสาธนะ สัมปทานสาธนะ อธิกรณสาธน, ภาวรูป ใชหมายสาธนะได ๑ คือ ภาวสาธนะ. [ ปจจัยนามกิตก ] ถ. เราจะทราบสาธนะไดแมนยํา ตองอาศัยอะไรเปนหลัก ? ต. ตองอาศัยปจจัย และเนื้อความของสาธนะนั้น ๆ เปนหลัก. [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยนามกิตก มีเทาไร ? แบงเปนหมวดหมูอยางไร บาง ? จงแสดง. และหมวดหมูไหนเปนเครื่องหมายรูปและสาธนะ วิเคราะหและสาธนะอะไร? ต. มี ๑๔ ตัว แบงเปน ๓ หมู คือ กิตปจจัย ๔ ตัว กฺวิ ณี ณฺวุ ตุ รู, กิจจปจจัย ๒ ตัว ข ณฺย, กิตกิจจปจจัย ๗ ตัว อ อิ ณ เตฺว ติ ตุ ยุ. กิตปจจัย เปนเครื่องหมาย กัตตุรูป กัตตุสาธนะ. กิจจปจจัย เปนเครื่องหมาย กัมมรูปและภาวรูป กัมมสาธนะ และภาวสาธนะ. กิตกิจจปจจจัย เปนเครื่องหมาย รูปและสาธนะไดทั้งหมด แลว แตเนื้อความจะอํานวยใหเปนได. [ อ. น.]. ถ. ปจจัยในนามกิตก นิยมลงในนามหรือคุณ ? หรือนิยมใน ศัพทอะไร เมื่อลงสําเร็จแลว เปนศัพทพวกไหน ?
166.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 164 ต. จะลงในศัพทนามหรือคุณไมได ตองลงไดแตที่ธาตุอยาง เดียว เมื่อลงสําเร็จแลว เปนนามบาง คุณบาง. [อ. น. ]. ถ. ทานหมายประโยชนอยางไร ที่แบงปจจัยในกิตกเปน ๓ แผนก ซึ่งเรียกชื่อเหมือน ๆ กัน ทั้งในนามกิตกและกิริยากิตก ? จงอธิบาย. ต. ทาน หมายประโยชนที่จะใหอาศัยเปนเครื่องกําหนดประเภท ของนามกิตก และ กิริยากิตกนั้น คือ ในนามกิตกเปนเครื่องกําหนด รูปแหงสาธนะวา ศัพทที่ประกอบปจจัยแผนกนั้น มีรูปอยางนั้นได มีรูปอยางนี้ไมได คือ กัตปจจัย เปนไดแตกัตตุรูปอยางเดียส, กิจจปจจัย เปนไดแต กัมมรูป และภาวรูป, กิตกิจจปจจัย เปน ไดทั้ง ๓ รูป. ในกิริยากิตก เปนเครื่องกําหนดวาจก โดยอาการ คลายกันกับปจจัยในนามกิตก ซึ่งเปนเครื่องกําหนดหมายรูป คือ กิตปจจัย เปนไดแก กัตตุวาจก และ เหตุกัตตุวาจก. กิจจปจจัย เปนไดแต กัมมวาจก และภาววาจก และ เหตุกัมมวาจก, กิตกิจจ- ปจจัย เปนไดทั้ง ๕ วาจก. [ ๒๔๖๒-๒๔๗๑ ]. ถ. ปจจัยอะไรบาง สําหรับประกอบกับศัพทที่เปน กัตตุสาธนะ กัมมสาธนะ และ ภาวาธนะ ? ต. กิตปจจัย คือ กฺวิ ณี ณฺวุ ตุ รู สําหรับประกอบกับศัพท ที่เปนกัตตุสาธนะ, กิจจปจจัย คือ ข ณฺย สําหรับประกอบศัพท ที่เปน กัมมสาธนะ และ ภาวสาธนะ, กิตกิจจปจจัย คือ อ อิ ณ เตฺว ติ ตุ ยุ สําหรับประกอบศัพทที่เปนภาวสาธนะ. [ ๒๔๖๓ ] .
167.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 165 ถ. การที่จัดปจจัยนามกิตกเปนหมวด ๆ นั้น มีประโยชน อยางไร ? ต. มีประโยชน คือ ทําความฟนเฝอของผูศึกษาใหนอยลงใน เรื่องวินิจฉัยสาธนะ กลาวสั้นก็คือ ทําใหจําหรือสังเกตสาธนะไดงาย. [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยในนามกิตก เมื่อลงแลว แจกดวยวิภัตตินามไดหมด หรือไม ? ถาแจกไดหมดก็แลวไป ถาแจกไมไดหมด ปจจัยอะไร บางที่แจกไมได ? และจะนํามาใชในขอความไดอยางไร ? ต. แจกไมไดหมด เพราะ เตฺว และตุ ปจจัย เปนอัพยยะ แจก ดวยวิภัตตินามไมได เมื่อนํามาใชในขอความ เตฺว ปจจัย เปนเครื่อง หมาย จตุตถีวิภัตติ, ตุ ปจจัย เปนเครื่องหมาย ปฐมาและจุตตถี- วิภัตติ นอกจากนี้ แจกไดทั้งหมด. [ ๒๔๖๐-๒๔๗๘ ]. ถ. ศัพทนามกิตกนั้น ถามีศัพทอื่นที่เกี่ยวเปนกรรมเขามา จะ มีวิธีใชศัพทนั้นอยางไร ? มีอุทาหรณเชนไร ? ต. มีวิธีใชศัพทนั้นเปน ฉัฏฐีวิภัตติ แทน ทุติยาวิภัตติ. อุทา- หรณ เชน ปฺุสฺส กรณ, อริยสจฺจาน ทสฺสน. [ ๒๔๖๓ ]. ถ. อํานาจของปจจัยอะไรบาง อาจบังคับฉัฏฐีลงในอรรถแหง ทุติยา ? จงบรรยายพรอมทั้งอุทาหรณ. ต. วาตามวากยสัมพันธ ปจจัยในนามกิตกทั้งหมด เวนแต ตุ ตัวเดียวเทานั้น มีอํานาจอาจบังคับฉัฏฐีลงในอรรถแหงทุติยาไดทุก ตัว เชน จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห, ภวิสฺสนฺติ
168.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 166 ธมฺมสฺส อฺาตาโร เปนตัวอยาง, แตตามหลักที่ใชอยูโดยมาก ทานกําหนดไวเพียง ๓ ตัว คือ ณฺวุ ตุ ยุ และลักษณะแหงศัพทที่ใช โดยมาก ก็มักเปนไปตามนี้. [ ๒๔๗๑]. ถ. ปจจัยตัวไหนบาง ลงในอรรถแหงตัสสีลได ? ขอตัวอยาง ดวย ต. ณี ตุ รู ยุ ปจจัย ๔ ตัวนี้ ลงในอรรถแหงตัสสีลได. ณี ปจจัย เชน ธมฺม วทติ สีเลนาติ ธมฺมวาที, ตุ ปจจัย เชน กโรติ สีเลนาติ กตฺตา, รูป ปจจัย เชน วิชานาติ สีเลนาติ วิฺู, ยุ ปจจัย เชน กฺุฌติ สีเลนาติ โกธโน. [อ. น. ]. ถ. ณ ข กฺวิ ปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุแลวตองลบ จักรูวา ศัพทนั้นลงปจจัยนั้นไดอยางไร ? ต. จักรูไดเปนสวน ๆ ตามธรรมดาของปจจัย คือ อุทาหรณ ที่ประกอบดวย ณ ปจจัย ถาพยัญชนะตนธาตุเปนรัสสะลวน มิใช ทีฆะ หรือมีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง ตองพฤทธิสระที่สุด คือ อ ตองเปน อา, อิ ตองเปน เอ, อุ ตองเปน โอ. เชน กมฺมกาโร [ กมฺม+กฺร ] ปเวโส [ ป+วิสฺ ] โจโร [ จุรฺ ] เปนตน. อุทาหรณ ที่ประกอบดวย ข ปจจัย ตองเปนศัพทที่มี อีส ทุ สุ อยูตนธาตุ เชน อีสสฺสโย ทุรกฺข สุกร เปนตน, อุทาหรณที่ประกอบดวย กฺวิ ปจจัย ถาเปนธาตุตั้งแต ๒ ตัวขึ้นไป มักมีบทหนาและตองลบที่สุดธาตุ เชน อุรโค [ อุร+คมฺ] ถาเปนธาตุตัวเดียว มักมีอุปสัคหรือนิบาตนําหนา เชน สยมฺภู [สย+ภู] อภิภู [ อภิ+ภู ] เปนตน. [ ๒๔๖๗ - ๒๔๘๒ ].
169.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 167 ถ. ณฺย ปจจัย ในภาวตัทธิตและในนามกิตก มีวิธีตางกัน อยางไร ? ต. ในภาวตัทธิต ทานใชลงที่ศัพทนามบาง กิริยาบาง เปน เครื่องหมายแทนภาวศัพท เมื่อลงแลว ทานใหลบ ณ เสีย เหลือ ไวแต ย, ลบ อ สระที่สุดศัพทหนาเสียแลว เอาพยัญชนะที่สุดศัพท ซึ่งมีสระอันลบเสียแลวนั้น กับ ย อาเทศตามรูปที่อาจเปนไดตาง ๆ หรือแปลงเหมือนพยัญชนะหนา ย ทั้ง ๒ ตัวบาง, คง ย ไวไมอาเทศ บาง. ในนามกิตก ทานใชลงที่ธาตุ เปนเครื่องหมายกัมมสาธนะ และภาวสาธนะ ลงแลวลบ ณ เสีย เหลือไวแต ย แลวอาเทศกับ ที่สุดธาตุบาง, คง ย ไวไมตองมีวิธีอยางอื่นบาง, คง ย ไวแลว ซอน ย หรือมีวิธีอยางอื่นบาง, ไมลบ ณ แตอาเทศ ณฺย นั้นบาง. [ ๒๔๗๗ ]. ถ. ปจจัยตัวไหนบาง เมื่อลงสําเร็จเปนสาธนะแลว ไมปรากฏ รูปราง ๆ ของตัวอยางดวย. ต. กฺวิ ณ อ ข ปจจัย เมื่อลงสําเร็จเปนสาธนะแลว ไมปรากฏ รูปราง กฺวิ ปจจัย เชน อุรโค เปนตน. ณ ปจจัย เชน กมฺมกาโก เปนตน. อ ปจจัย เชน หิตกฺกโร เปนตน. ข ปจจัย เชน สุภโร เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยตัวไหนบาง เมื่อลงธาตุแลว นิยมใหลบพยัญชนะ ที่สุดธาตุ ? จงอางอุทาหรณมาใหดูดวย.
170.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 168 ต. กฺวิ ตุ ติ เตฺว ตุ ปจจัย, เมื่อลงที่ธาตุแลว นิยมใหลบ พยัญชนะที่สุดธาตุ, กฺวิ ปจจัย เชน สงฺโข เปนตน, ตุ ปจจัย เชน กตฺตา เปนตน, ติ ปจจัย เชน มติ เปนตน, เตฺว ปจจัย เชน กาเตฺว เปนตน, ตุ ปจจัย เชน กาตุ เปนตน, สวน รู ปจจัย ลบที่สุดธาตุ ก็ได เชน ปารคู เปนตน, ไมลบที่สุดธาตุก็ได แตตองรัสสะ อู เปน อุ เชน ภิกฺขุ เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. กิตปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุสําเร็จเปนสาธนะแลว จะ สังเกตรูไดอยางไรวา ศัพทไหนลงปจจัยอะไร ? ต. สังเกตรูไดดังนี้ :- กฺวิ ปจจัย เมื่อลงที่ธาตุ ซึ่งมีพยัญชนะ ๒ ตัว มีพยัญชนะเปน ที่สุด เชน คมฺ เมื่อลงแลว ตองลบพยัญชนะที่สุดธาตุ คงไวแต พยัญชนะตนธาตุตัวเดียว เชน อุรโค เปนตน, ถาลงที่ธาตุพยัญชนะ ตัวเดียว ไมตองลบ คงไวตามเดิม เชน ภู ธาตุ สําเร็จเปน สยมฺภู เปนตน, กฺวิ ปจจัย เมื่อลงแลวตองลบ และธาตุที่ลง กฺวิปจจัย นี้ ตองมีบทอื่นนําหนาเสมอ แตไมนิยมลงในอรรถแหงตัสสีล. ณี ปจจัย เมื่อลงที่ธาตุแลวตองลบ ณ เสีย เหลือไวแตสระ ที่ ณ อาศัย ถาตนธาตุเปนรัสสะ ไมมีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง ตองพฤทธิ เหมือนในตัทธิต คือ ทีฆะ อ เปน อา, วิการ อิ เปน เอ, อุ เปน โอ, นิยมลงในอรรถแหงตัสสีล ซึ่งแปลวา ปกติ และนิยม การมีบทอื่นนําหนาเสมอ แตไมนิยมลงในอรระแหงตัสสีล. ณี ปจจัย เมื่อลงที่ธาตุแลวตองลบ ณ เสีย เหลือไวแตสระ ที่ ณ อาศัย ถาตนธาตุเปนรัสสะ ไมมีพยัญชนะสังโยคอยูเบื้องหลัง ตองพฤทธิ เหมือนในตัทธิต คือ ทีฆะ อ เปน อา, วิการ อิ เปน เอ, อุ เปน โอ, นิยมลงในอรรถแหงตัสสีล ซึ่งแปลวา ปกติ และนิยม การมีบทอื่นนําหนาเหมือนกัน กฺวิ ปจจัย แตเมื่อลงปจจัยแลวไมตองลบ
171.
ที่สุดธาตุ เชน ธมฺมจารี
ปาปการี เปนตน. ถาลงที่ธาตุมีพยัญชนะ
172.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 169 ตัวเดียว มี อา เปนที่สุด เชน ปา า ทา เปนตน ทานใหลง ย ปจจัย หลังธาตุ เชน มชชปายี กมฺมฏายี อทินฺนทายี เปนตน ถาลงที่ธาตุมี อิ อี เปนที่สุด เชน จิ สี ธาตุเปนตน ตองวิการ อิ อี เปน เอ, เอา เอ เปน อาย เชน วุฑฺฒาปจายี ตองวิการ อุ อู เปน โอ, เอา โอ เปน อาว เชน ธมฺมสาวี เอวภาวี เปนตน. ณฺวุ ปจจัย เมื่อลงที่ธาตุแลวตองพฤทธิ เชนเดียวกับที่กลาว แลวในตัทธิต แลวเอา ณฺวุ เปน อก เชน อนุสาโก เปนตน ถา ลงที่ธาตุ มีพยัญชนะตัวเดียว มี อา เปนที่สุด ใหลง ยุ ปจจัย หลัง ธาตุดวย เชน ทายโก. ถามี อิ อี อุ อ เปนที่สุด ก็ตองพฤทธิและ แปลงสระอยางเดียวกับ ณี ปจจัย ที่กลาวแลว ปจจัยนี้ แปลกจาก ณี ปจจัย ก็คือ ไมนิยมลงในอรรถแหงตัสสีล มีบทอื่นนําหนาก็ได ไมนําหนาก็ได ที่แนนอนก็คือ เอา ณฺวุ เปน อก เสมอไป. ตุ ปจจัย เมื่อลงที่ธาตุมีพยัญชนะ ๒ ตัว ตองลบพยัญชนะ ที่สุดธาตุ คงไวแตพยัญชนะตนธาตุตัวเดียว และคง ตุ ปจจัยไว แลวซอน ต หนา ตุ ปจจัย ทําใหพยัญชนะที่อยูหนา ตุ เปน ครุ เสมอ ไป เชน กรฺ ธาตุ เปน กตฺตา , วทฺ ธาตุ เปน วตฺตา เปนตน ถา พยัญชนะที่สุดธาตุเปน น จะคง น ไวไมตองซอน ต ก็ได หรือจะ ลบ น แลวซอน ต ก็ได ตามแตจะเห็นควร เชน หนฺ ธาตุ เปน หนฺตา, ขนฺ ธาตุ เปน ขตฺตา เปนตน, ถาลงที่ธาตุมีพยัญชนะตัวเดียว ไมมีวิธีเปลี่ยนแปลงอยางไร คงธาตุคงปจจัยไวตามเดิม เชน ธา
173.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 170 ธาตุ เปน ธาตา, า ธาตุ เปน าตา เปนตน, ถาธาตุมีสระเปน ลหุ ก็ตองทําเปน ครุ เชน สุ ธาตุ เปน โสตา เปนตน, สวนธาตุที่มีสระ เปน ครุ แลว จะคงตามเดิมหรือจะวิการ อิ เปน เอ, อุ เปน โอ ก็ได ตามแตความนิยม ศัพทที่ประกอบดวย ตุ ปจจัย นี้ นิยมแจกตาม แบบ สตฺถุ เปนพื้น, อนึ่ง ปจจัยนี้ ลงในอรรถแหงตัสสีลก็ได ไมลง ก็ได ไมมีจํากัด. รูป ปจจัย เมื่อลงที่ธาตุแลว ตองลบ ร เหลือไวแตสระที่ ร อาศัย ถาลงที่ธาตุมีพยัญชนะ ๒ ตัวเปนรัสสะ ตองลบพยัญชนะตัว ที่สุด เชน คมฺ ธาตุ เปน ปารคู เปนตน ถาธาตุมีพยัญชนะสังโยค อยูเบื้องหลัง ไมตองลบพยัญชนะที่สุด เปนแตรัสสะ อู เปน อุ เชน ภิกฺข ธาตุ เปน ภิกฺขุ เปนตน ถาธาตุมีพยัญชนะตัวเดียว ตองลบ สระที่ธาตุ แลวประกอบ อู เขากับธาตุ เชน า ธาตุ เปน วิฺู เปนตน. ปจจัยนี้ นิยมลงในอรรถแหงตัสสีล แตจะมีบทอื่นนําหนา ก็ได ไมมีก็ได ไมมีจํากัด. ปจจัย ๕ ตัว เปนเครื่องหมายกัตตุรูป กัตตุสาธนะ เมื่อสังเกต ดังกลาวมานี้ ยอมทราบไดวา ศัพทนี้ลงปจจัยนั้น ๆ ได. [ อ. น.]. ถ. กิจจปจจัย ๒ ตัว เมื่อลงแลว จะสังเกตรูไดอยางไร วา ศัพทนั้น ๆ ลงปจจัย ๒ ตัวนี้ ? ต. รูไดดังนี้ คือ ปจจัย ๒ ตัวนี้ เปนเครื่องหมายกัมมรูป กัมมสาธนะ และ ภาวรูป ภาวสาธนะ แตภาวรูป ภาวสาธนะ มีที่ใช นอย.
174.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 171 ข. ปจจัย เมื่อลงแลว ตองลบเสีย เมื่อลบแลว ก็ไมมีวิธี เปลี่ยนแปลง โดยมากศัพทที่ลงปจจัยนี้ มักมี ทุ สุ ตัวใดตัวหนึ่ง นําหนา และนิยมลงใน สกัมมธาตุ เปนพื้น เชน ทุกฺกร [ กรรม] อันเขาทําไดโดยยาก, ทุรกฺข [ จิต ] อันเขารักษาไดโดยยาก, สุภโร [ บุตร ] อันเขาเลี้ยงไดโดยงาย เปนตน. ณฺย ปจจัย เมื่อลงแลว ลบ ณ เสีย เหลือไวแต ย แลว พฤทธิเหมือน ณ ปจจัย ในตัทธิต หรือแปลงพยัญชนะที่สุดธาตุกับ ย เปนพยัญชนะตาง ๆ ดังนี้ :- การิย กรฺ ธาตุ พฤทธิ อ เปน อา, อิ อาคม ลบ ณ. เนยฺย นี ธาตุ พฤทธิ อิ เปน เอ, ลบ ณ ซอน ย. เทยฺย ทา ธาตุ ลบ อา เอา ณฺย เปน เอยฺย. วชฺช วทฺ ธาตุ ลบ ณ เอา ทฺ กับ ย เปน ชช. ทมฺโม ทมฺ ธาตุ ลบ ณ เอา มฺ กับ ย เปน มฺม. โยคฺค ยุชฺ ธาตุ ลบ ณ เอา ชฺ กับ ย เปน คฺค. คารยฺห ครหฺ ธาตุ ลบ ณ แปร หฺ ไวเบื้องหลัง ย ไวเบื้องหนา. โพชฺฌ ครหฺ ธาตุ ลบ ณ พฤทธิ อุ เปน โอ, เอา ธฺ กับ ย เปน ชฺฌ. ยังมีวิธีเปลี่ยนแปลงอีกมาก นํามาแสดงพอเปนตัวอยาง ปจจัยนี้ ลงใน กัมมรูป กัมมสาธนะ เปนพื้น ที่เปน ภาวรูป ภาว- สาธนะ ก็มีบาง, สังเกตดังแสดงมานี้ ยอมทราบได. [ อ. น. ]. ถ. ศัพทนามกิตก เปนนามนามบาง คุณนามบาง ทั้งนั้นหรือ ? ถาจะใชเปนกิริยากิตกบาง จะไดไหม ? โปรดแสดงใหมีหลักฐาน.
175.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 172 ต. เปนนามนามและคุณนามทั้งนั้น แตจะใชกิริยากิตกบาง ก็ได เชน เต จ ภิกฺขู คารยฺหา แปลวา อนึ่ง ภิกษุทั้งหลาย เหลานั้น อันทานพึงติเตียน, อานนฺทาทิสุข มาตร ปริจริตฺวาน ปณฺฑิเตน ลพฺภ แปลวา สุขมีความเพลิดเพลินเปนตน อันบุตร ูผูเปนบัณฑิต บําเรอแลว ซึ่งมาดา พึงได. [ อ. น. ]. ถ. กิตกิจปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุแลว มีที่สังเกตใหรูได อยางไรวา ศัพทนี้ลงปจจัยนั้น ๆ. ต. รูไดดังนี้ :- อ. อิ ปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุแลว ไมมีวิธีเปลี่ยนแปลง อยางไรเลย คงรูปอยูอยางนั้น แตศัพทที่ประกอบดวย อ ปจจัย มักมีบทอื่นนําหนาธาตุโดยมาก แตไมนิยมลงเปนแนนอน ที่ไมมีบท อื่นนําหนาก็มี เชน คโห ผูจับ, สวนศัพทที่ประกอบดวย อิ ปจจัย ตามที่เคยเห็นมา มีบทอื่นนําหนาเปนพื้น. อ ปจจัย เชน นิสฺสโย เปนตน. อิ ปจจัย เชน นิธิ อุทธิ เปนตน. ณ ปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุแลว มีวิธีเปลี่ยนแปลง คือ พฤทธิตามลักษณะที่กลาวแลวในตัทธิต มีบทอื่นนําหนาก็มี ไมมีนํา หนาก็มี ถาธาตุมี ชฺ เปนที่สุด แปล ชฺ เปน ค เชน ยาโค โยโค โรโค เปนตน. ถาธาตุมี จฺ เปนที่สุด แปลง จฺ เปน ก เชน ปาโก อภิเสโก เปนตน. เตฺว ปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุแลว คง เตฺว ไว ลบพยัญชนะ ที่สุดธาตุ เชน ภาเตฺว คนฺเตฺว เปนตน ถาประกอบกับธาตุตัวเดียว
176.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 173 ไมมีวิธีเปลี่ยนแปลง เชน หาเตฺว าเตฺว และศัพทที่ประกอบดวย ปจจัยนี้ ใชเปนจตุตถีวิภัตติอยางเดียว เปนอัพยยะแจกดวยวิภัตติ ทั้ง ๗ ไมได. ติ. ปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุแลว ลง ติ ไว ลบพยัญชนะ ที่สุดธาตุ ศัพทที่ลง ติ ปจจัย เปนอิตถีลิงคอยางเดียว เชน มติ สติ คติ เปนตน. ตุ ปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุแลว คง ตุ ไว ลบพยัญชนะ ที่สุดธาตุ เชน กาตุ คนฺตุ เปนตน แตถาลง อิ อาคม ไมตองลบ พยัญชนะที่สุดธาตุ เชน คมิตุ สยิตุ ปติตุ โสเธตุ ถาเปนเหตุกัตตุวาจก ก็ไมตองลบพยัญชนะที่สุดธาตุ เชน กาเรตุ ปาเตตุ โสเธตุ เปนตน ถาประกอบกับธาตุตัวเดียว คงไวตามเดิมไมมีเปลี่ยนแปลง เชน ปติฏาตุ ทาตุ เปนตน. ศัพทที่ประกอบดวยปจจัยนี้ ใชได ๒ วิภัตติ คือ ปฐมาวิภัตติ และ จตุตถีวิภัตติ เทานั้น เปนอัพยยะ แจกดวย วิภัตติทั้ง ๗ ไมได. ยุ ปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุแลว มีอํานาจพฤทธิสระไดเหมือน ณ ปจจัย ที่กลาวแลวในตัทธิต และแปลง ยุ เปน อน เชน เจตนา โกธโน โภชน เปนตน หรือจะไมพฤทธิ คงไวตามเดิมก็ได เชน คมน วจน เปนตน, ถาธาตุมี รฺ หรือ หฺ เปนที่สุด แปลง ยุ เปน อณ เชน กรณ หรณ, คหณ, แตธาตุมี หฺ เปนที่สุด ไมนิยมแนเหมือนธาตุ ที่มี ร เปนที่สุด คือจะแปลงเปน อน หรือ อณ ก็ได. อนึ่ง ศัพทที่ ลงปจจัยนี้ ใชลงในอรรถแหงตัสสีลก็ได ไมลงก็ได และมีบทอื่น
177.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 174 นําหนาหรือไมนําหนาก็ได แลวแตความนิยม. เมื่อสังเกตโดยนัยดัง แสดงมานี้ ยอมรูไดวา ศัพทนั้นลงปจจัยนั้น.[ อ.น.]. ถ. ติ กับ ตุ ปจจัย ลงไดในสาธนะไหนบาง ? อางหลักมาดู. ต. ติ ปจจัย ลงไดทุกสาธนะ แตที่ปรากฏโดยมากเพียง ๕ สาธนะ คือ กัตตุสาธนะ กัมมสาธนะ ภาวสาธนะ กรณสาธนะ อธิกรณสาธนะ อุทาหรณวา มติ เปน กัตตุสาธนะ ก็ได กรณสาธนะ ก็ได ภาวสาธนะ ก็ได, สมฺปตฺติ เปน กัตตุสาธนะ, คติ เปน อธิกรณ- สาธนะ. ตุ ปจจัย ลงในกัตตุสาธนะอยางเดียว อุทาหรณวา กตฺตา โสตา เปนตน. [ ๒๔๖๖๙ ]. [ วิเคราะหนามกิตก ] ถ. จงเขียนรูปวิเคราะหทั้ง ๓ มาดู. ต. กัตตุรูป เชน กโรติ กเถติ, กัมมรูป กริยเต หรือ กาตพฺพ กถิยเต หรือ กเถตพฺพ, ภาวรูป เชน กรยเต หรือ กาตพฺพ เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. ศัพทวา กมฺม กโรตีติ กมฺมการี นี้ สวนไหนเปนวิเคราะห ? สวนไหนเปนสาธนะ ? สวนไหนเปนเครื่องหมายรูปวิเคราะห ? ต. กมฺม กโรตีติ เปนวิเคราะห, กมฺมการี เปนสาธนะ, กโรติ เปนเครื่องหมายรูปวิเคราะห. [ อ. น.]. ถ. ศัพทที่เปนเครื่องหมายรูปวิเคราะหแหงสาธนะนั้น ทานนิยม ใชศัพทชนิดไหนบาง ? และอยางไหนเปนเครื่องหมายรูปวิเคราะห อะไร ?
178.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 175 ต. ใชศัพทกิริยาอาขยาต เชน กโรติ เปนตน อยางหนึ่ง ศัพท กิริยากิตกที่ลง ตพฺพ ปจจัย เชน กาตพฺโพ เปนตน อยางหนึ่ง ศัพท กิริยานาม เชน ปจน เปนตน อยางหนึ่ง ศัพทกิริยาอาขยาต เปน เครื่องหมายรูปวิเคราะหทั้ง ๓ ศัพทกิริยากิตก เปนเครื่องหมาย เฉพาะกัมมรูป และ ภาวรูป. ศัพทกิริยานามเปนเครื่องหมายภาวรูป อยางเดียว. [ อ. น. ]. ถ. วิเคราะหแหงสาธนะนั้น ทานนิยมใชสัพพนามดวย เมื่อ เปนเชนนี้ จึงอยากทราบวา สาธนะไหน ใชสัพพนามอยางไร ? ขอตัวอยางดวย. ต. กัตตุสาธนะ ใชสัพพนามประกอบเปนปฐมาวิภัตติ แต ไมไดเรียงไวในวิเคราะห เปนแตเมื่อแปล ใหเติม ย ต เขาดวยตาม ลิงควจนะ เปนกัตตุรูปอยางเดียว เชน เทตีติ ทายโก แปลวา [บุคคลใด] ยอมให เหตุนั้น [ บุคคลนั้น] ชื่อวา ผูให. กัมมสาธนะ ถาเปนกัตตรูป ใชสัพพนามประกอบเปนทุติยา- วิภัตติ เชน ปยติ ตนฺติ ปโย แปลวา [ บิดา ] ยอมรัก ซึ่งบุตรนั้น เหตุนั้น [ บุตรนั้น ] ชื่อวา เปนที่รัก [ ของบิดา ] , ถาเปนกัมมรูป ใชสัพพนามประกอบเปนปฐมาวิภัตติ แตไมไดเรียงไวในวิเคราะห เชนเดียวกับกัตตุสาธนะ เชน ภฺุชิตพฺพนฺติ โภชน แปลวา [ สิ่งใด ] อันเขาพึงกิน เหตุนั้น [ สิ่งนั้น ] ชื่อวา อันเขาพึงกิน. ภาวสาธนะ ไมตองใชสัพพนามในวิเคราะห เปนแตเวลาแปล เติมตัว อนภิหิตกัตตา มาเปนเจาของกิริยา เชน คจฺฉิยเตติ คมน
179.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 176 แปลวา [ อันเขา ] ยอมไป เหตุนั้น ชื่อวา ความไป. กรณสาธนะ ใชสัพพนามประกอบเปนตติยาวิภัตติ ทั้งที่เปน กัตตุรูป ทั้งกัมมรูป, กัตตุรูป เชน คจฺฉติ เตนาติ คมน แปลวา [ คน ] ยอมไปดวยยานนั้น เหตุนั้น [ ยานนั้น ] ชื่อวา เปนเครื่อง ไป [ ของคน ], กัมมรูป เชน สวณฺณิยเต เอตายาติ สวณฺณนา แปลวา [ เนื้อความ ] อันทานยอมพรรณนาพรอม ดวยวาจานั่น เหตุนั้น [ วาจานั่น ] ชื่อวา เปนเครื่องอันทานพรรณนาพรอม [ แหงเนื้อความ ]. สัมปทานสาธนะ ใชสัพพนามประกอบเปนจตุตถีวิภัตติ ทั้ง กัตตุรูป ทั้งกัมมรูป. กัตตุรูป เชน สมฺปาเทติ เอตสฺสาติ สมฺปทาน แปลวา [ ทายก ] ยอมมอบใหแกที่นั่น เหตุนั้น ที่นั่น ชื่อวา เปน ที่มอบให [ แหงทายก ], กัมมรูป เชน สมฺปทิยเต เอตสฺสาติ สมฺปทาโน แปลวา [ วัตถุ ] อันเขายอมมอบใหแกปฏิคาหกนั่น เหตุนั้น [ ปฏิคาหกนั่น ] ชื่อวา เปนที่อันเขามอบให [ แหงวัตถุ ]. อปาทานสาธนะ ใชสัพพนามประกอบเปนปญจมีวิภัตติ เปน กัตตุรูปอยางเดียว เชน ปม ภวติ เอตสฺมาติ ปภโว แปลวา [ แมน้ํา ] ยอมเกิดกอน แตประเทศนั่น เหตุนั้น ประเทศนั่น ชื่อวา เปนแดนเกิดกอน [ แหงแมน้ํา ]. อธิกรณสาธนะ ใชสัพพนามประกอบเปนสัตตมีวิภัตติ ทั้ง กัตตุรูป ทั้งกัมมรูป, กัตตุรูป เชน สยติ เอตฺถาติ สยน [ บุคคล ] ยอมนอนในที่นี้ เหตุนั้น ที่นี้ ชื่อวา เปนที่นอน [ แหงบุคคล ],
180.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 177 กัมมรูป เชน ภฺุชิพฺพ เอตฺถาติ โภชน แปลวา [ วัตถุ ] อัน เขาพึงกิน ในที่นี้ เหตุนั้น ที่นี้ เปนที่อันเขากิน [ แหงวัตถุ ]. [อ. น.] ถ. สัพพนามที่ใชในวิเคราะหแหงสาธนะนั้น ๆ ทานนิยมใช สัพพนามตัวไหน ในสาธนะไหน? ต. กัตตุสาธนะ นิยมใช ย ศัพทในวิเคราะห แตไมตองเขียน ไว. กัมมสาธนะ ถาเปน กัตตุรูป นิยมใช ต ศัพทในวิเคราะห, ถาเปน กัมมรูป นิยมใช ย ศัพทในวิเคราะห. ภาวสาธนะ ไมตอง ใชสัพพนาม ในวิเคราะห เปนแตเวลาแปล เดิม เตน อันเขา เปน เจาของกิริยาเทานั้น. กรณสาธนะ สัมปทานสาธนะ อปาทานสาธนะ นิยมใช ต เอต ในวิเคราะห, อธิกรณสาธนะ นิยมใช ต เอต อิม ในวิเคราะห แต อิม ศัพทนั้น นิยมลง ตฺถ ปจจัย ซึ่งเปนเครื่อง หมายสัตตมีวิภัตติ สําเร็จรูปเปน เอตฺถ. [อ. น. ]. ถ. ขอตัวอยางสาธนะทั้ง ๗ พรอมทั้งวิเคราะหมาดู ? ต. ธมฺม ธาเรตีติ ธมฺมธโร ชื่อ กัตตุสาธนะ. กาตพฺพนฺติ กิจฺจ ชื่อ กัมมสาธนะ, ปูชิยเตติ ปูชา ชื่อ ภาวสาธนะ, ปหรติ เตนาติ ปหรณ ชื่อ กรณสาธนะ, โคจรติ เอตสฺสาติ โคจโร ชื่อ สัมปทานสาธนะ, นิคจฺฉติ เอตฺสมาติ นิคโม ชื่อ อปาทานสาธนะ ติฏติ เอตฺถาติ าน ชื่อ อธิกรณสาธนะ. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. สัพพนามในวิเคราะหแหงสาธนะนั้น เปนสําคัญอยางไร ? ต. เปนสําคัญ คือ เปนเครื่องหมายใหทราบสาธนะไดงายและ
181.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 178 แมนยํา ทั้งเปนหลักสําคัญในการแปล คือวา ถาสัพพนามในวิเคราะห โยคนามนามใด พึงทราบเถิดวา นามนามนั้น เปนประธานแหง สาธนะ สัพพนามที่เปนประธานแหงสาธนะ จะตองโยคนามนามให ตรงกับสัพพนามในวิเคราะห โยคเสมอไปทุก ๆ สาธนะที่นิยมใชสัพพ- นาม ตัวอยาง เชน พนฺธติ เตนาติ พนฺธน [ ต ]. ในวิเคราะห นี้ เตน โยค วตฺถุ, ต ซึ่งเปนตัวประธานของ พนฺธน ซึ่งเปน ศัพทสาธนะ ก็ตองโยค วตฺถุ ใหตรงกัน แปลวาอยางนี้ [ บุคคล ] ยอมผูก ดวยวัตถุนั้น เหตุนั้น [ วัตถุนั้น ] ชื่อวา เปนเครื่องผูก [ ของบุคคล ]. ถาสัพพนามโยคนามนามไมตรงกันแลว ความก็เสีย หมด ใชไมไดเลยทีเดียว จะตองระวังใหมากในการแปล. [ อ. น .] ถ. ยาโค เปนชื่อของสักการะ เปนสาธนะอะไร ? เปนชื่อของ พระพุทธเจา เปนสาธนะอะไร ? ตั้งวิเคราะหมาดู. ต. เปนชื่อของสักการะ เปน กรณสาธนะ วิเคราะหวา ยชติ เตนาติ ยาโค, เปนชื่อของพระพุทธเจา เปน กัมมสาธนะ วิเคราะห วา ยชิตพฺโพติ ยาโค. [ ๒๔๗๗ ]. ถ. สนฺธิ ความตอ, สมาโส ความยอ ตั้งวิเคราะหอยางไร ? บอกธาตุปจจัยดวย. ต. สนฺธิ วิเคราะหวา สนฺธาน สนฺธิ, ส บทหนา ธา ธาตุ อิ ปจจัย นามกิตก, สมาโส วิเคราะหวา สมสน สมาโส, ส บท หนา วสฺ ธาตุ ณ ปจจัย นามกิตก. [ ๒๔๗๖ ]. ถ. เนยฺย ปชนีโย อุปวท จิเนยฺย เปนศัพทอะไร ? ศัพทไหน
182.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 179 มีรูปเดิมอยางไร ? จงแสดงใหละเอียด. ต. เนยฺย เปนนามกิตก เดิมเปน นี ธาตุ ลง ณฺย ปจจัย เปน กัมมรูป กัมมสาธนะ วิเคราะหวา เนตพฺพนฺติ เนยฺย, ปูชนีโย เปน ฐานตัทธิต เดิมเปน ปูชน ลง อีย ปจจัย แปลวา ผูควรซึ่งอันบูชา วิเคราะหวา ปูชน อรหตีติ ปูชนีโย, เปนกิริยากิตกก็ได ลง อนีย ปจจัย แปลวา ผูอันเขาพึงบูชา, อุปวท เปนนามกิตกก็ได เปน กิริยากิตกได ถาเปนนามกิตก ลง อ ปจจัย เปน กัตตุสาธนะ วิเคราะหวา อุปวทตีติ อุปวโท ที่มีรูปเปน อุปวท เพราะลง อ ทุติยาใน ๓ ลิงค หรือ สิ ปฐมในนปุงสกลิงค อุป บทหนา วทฺ ธาตุ ถาเปนกิริยากิตก ลง อนฺต ปจจัย ลง สิ ปฐมา เอา นฺต กับ สิ เปน อ เปนปุงลิงค อุป บทหนา วทฺ ธาตุอยางเดียวกัน, จิเนยฺย เปนกิริยาอาขยาต จิ ธาตุ นา ปจจัย เอยฺย สัตตมีวิภัตติ กัตตุ- วาจก. [ ๒๔๖๙ ]. ถ. จิเนยฺย เจยฺย โสเจยฺย เปนศัพทอะไร ? ศัพทไหนรูปเดิม เปนอยางไร ? แปลวากระไร ? จงแสดงใหตลอด. ต. จิเนยฺย เปนศัพทกิริยาอาขยาต จิ ธาตุ ในความกอ ความ สั่งสม นา ปจจัย เอยฺย สัตตมีวิภัตติ กัตตุวาจก, เจยฺย จิ ธาตุ ณฺย ปจจัย พฤทธิ อิ เปน เอ, ลบ ณ ซอน ย, สิ ปฐมาวิภัตติ นปุงสกลิงค จึงเปน เจยฺย, ถาแปลวา วัตถุอันเขาพึงสั่งสม เปน กัมมรูป กัมมสาธนะ วิเคราะหวา จินิตพฺพนฺติ เจยฺย [ วัตถุ ]. ถา แปลวา ความกอ เปน ภาวรูป ภาวสาธนะ วิเคราะหวา จิยเตติ
183.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 180 เจยฺย, โสเจยฺย ภาวตัทธิต เณยฺย ปจจัย แปลวา ความเปนของ สะอาด วิเคราะหวา สุจิโน+ภาโว=โสเจยฺย. [๒๔๗๕ ]. ถ. วสฺ ธาตุ เปนชื่อของคน ของที่ ของกิริยา เปนสาธนะ อะไร ? ตั้งวิเคราะหมาดวย. ต. วสฺ ธาตุ เปนชื่อของคน เปนกัตตุสาธนะ วิเคราะหวา วสติ สีเลนาติ วาโส [ ลงในอรรถแหงตัสสีล ], เปนชื่อของที่ เปน อธิกรณสาธนะ วิเคราะหวา วสติ เอตฺถาติ วสน. เปนชื่อของ กิริยา เปน ภาวสาธนะ วิเคราะหวา วสน วาโส. [ ๒๔๖๘ ]. ถ. คําวา "ทาน " ในภาษาของเราหมายความหลายอยาง เชน คนมีใหทาน คนจนรับทาน ผูนี้ยินดีในทาน ทานมัยกุศล โรง ทาน ในคําเชนนี้ ในภาษามคธหมายดวยสาธนะ จงชี้วา คําไหนเปน สาธนะอะไร ? วิเคราะหมาดวย. ต. คําวา "ทาน " ในคําวา คนมีใหทาน คนจนรับทาน เปน กัมมสาธนะ วิเคราะหวา ทาตพฺพนฺติ ทาน, คําวา ผูนี้ยินดีในทาน เปนภาวสาธนะ วิเคราะหวา ทิยเตติ ทาน, คําวา ทานมัยกุศล เปนกรณสาธนะ วิเคระหวา เทติ เอเตนาติ ทาน, คําวา โรงทาน เปนอธิกรณสาธนะ วิเคราะหวา เทติ เอตฺถาติ ทาน. [๒๔๖๔ ]. ถ. ป บุพพบท หรฺ ธาตุ ที่แปลวา ประหาร เปนชื่อของ เครื่องมือ มีดาบ ไม เปนตน เปนสาธนะอะไร ? เปนชื่อของกิริยา ที่ทําลง เปนสาธนะอะไร? จงตั้งวิเคราะหมาดู. ต. ป บุพพบท หรฺ ธาตุ เปนชื่อของเครื่องมือ เปน กรณ-
184.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 181 สาธนะ วิเคราะหวา ปหรติ เตนาติ ปหรณ, เปนชื่อของกิริยา เปน ภาวสาธนะ วิเคราะหวา ปหรยเตติ ปหรณ.[ ๒๔๖๑ ]. ถ. ที่เขียนไววา อธิกรณสาธนะ ดังนี้ รูไดไหมวา ถูกหรือ ผิด ? ถาถูกก็แลวไป ถาผิด ควรจะเปนอยางไร ? รูไดดวยอยางไร? ต. ผิด ควรเปน อธิกรณสาธนะ เพราะ ณ, น แปลงมาจาก ยุ ถาธาตุมี รฺ และ หฺ เปนที่สุด ทานใหแปลง ยุ เปน อณ นอก จากนี้ใหแปลงเปน อน.[๒๔๕๙ - ๒๔๗๐ ]. ถ. คําวา เปนที่ เปนเครื่องหมายสาธนะอะไรบาง ? สังเกต อยางไรจึงรูไดวา เปนสาธนะนั้น ๆ ? ต. เปนเครื่องหมาย กัมมสาธนะ สัมปทานสาธนะ อธิกรณ- สาธนะ รูไดดวยความตางแหงรูปวิเคราะห กัมมสาธนะ ทําซึ่งสิ่ง นั้น, สัมปทานสาธนะ ทําแกสิ่งนั้น, อธิกรณสาธนะ ทําในสิ่งนั้น, อุทาหรณวา นิสฺสโย เปนชื่อของอาจารย เปน กัมมสาธนะ เพราะ ศิษยอาศัยอาจารย, สมฺปทาโน เปนชื่อของปฏิคคาหก เปน สัมปทานสาธนะ เพราะเขามอบใหแกปฏิคคาหก, ทาน เปนชื่อของ โรงทาน เปน อธิกรณสาธนะ เพราะเขาใหในโรงทาน. [ ๒๔๕๘ ]" ถ. สังเกตอยางไร จึงจะรูความตางแหงกรณสาธนะ และ อธิกรณสาธนะ ? ต. สังเกตอยางนี้ กรณสาธนะ ทําดวยสิ่งนั้น, อธิกรณสาธนะ ทําในสิ่งนั้น อุทาหรณวา พนฺธนฺน เปนชื่อของเชือก เปน กรณสาธนะ เพราะเขาผูกดวยเชือกนั้น, พนฺธน เปนชื่อของเรือนจํา เปน อธิกรณ-
185.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 182 สาธนะ เพราะเขาจําในเรือนนั้น. [ ๒๔๕๗ ]. ถ. วิวริย วิวรณ เหมือนกันอยางไร ? ตางกันอยางไร ? ต. เหมือนกันที่เปนธาตุเดียวกัน เปนกิตกดวยกัน คือ วิ บท หนา วรฺ หรือ วุ ธาตุ, ตางกันที่ วิวริย ลงอัพยยปจจัย แปลวา เปดแลว หรือ ไขออกแลว, วิวรณ เปนนาม ลง ยุ ปจจัย แปลวา ความเปด หรือ ความไขออก. [ ๒๔๗๖ ].
186.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 183 [ กิริยากิตก ] ถ. ศัพทเชนไร เรียกวากิริยากิตก ? ตางจากกิริยาอาขยาต อยางไร ? ต. ศัพทที่ใชปจจัยแผนกหนึ่งปรุงกับธาตุ สําเร็จรูปเปนกิริยา เรียกวา กิริยากิตก เชน คโต ิโต กโต เปนตน. ตางจากกิริยา- อาขยาต คือ กิริยากิตก ที่ลงปจจัยไมใชพวกอัพยยะ ใชแจกดวย ิวิภัตติทั้ง ๗ ในนามได สวนที่ลงปจจัยพวกอัพยยะ แจกไมได และ กิริยากิตก ไมมีบทและบุรุษ บางศัพทใชเปนนามได เชน พุทฺโธ ขาทนีย เปนตน, สวนกิริยาอาขยาต ใชแจกดวยวิภัตติในอาขยาต เปนกิริยาลวน. [อ.น.]. ถ. นามกิตก กับ กิริยากิตก ตางกันอยางไร ? อนุจร อุปวท เปนนามกิตกหรือกิริยากิตก ? จงแสดงความเขาใจ. ต. นามกิตก เปนไดทั้งนามนามและคุณนาม จัดเปนสาธนะ มี ปจจัยเปนเครื่องหมายสาธนะนั้นๆ , กิริยากิตก เปนกิริยา ประกอบ ดวยวิภัตติ วจนะ กาล ธาตุ วาจก ปจจัย เหมือนในอาขยาต ตาง แตไมมีบทและบุรุษเทานั้น. อนุจร อุปวท เปนนามกิตกก็ได เปน กิริยากิตกก็ได ถาเปนนามกิตก ลง อ ปจจัย เปนทุติยาวิภัตติใน ๓ ลิงค หรือ ปฐมาวิภัตติใน นปุงสกลิงค, ที่เปนกิริยากิตก ลง อนฺต- ปจจัย แปลง นฺต กับ สิ ปฐมาวิภัตติ เปน อ. [ ๒๔๗๒ ]. ถ. ในกิริยากิตก ทานวา ไมมีวิภัตติ และ วจนะ แผนกหนึ่ง เหมือนวิภัตติอาขยาต เมื่อเปนเชนนี้ กิริยากิตกก็แปลวา ไมมีวิภัตติ
187.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 184 และวจนะใชไหม ? หรืออยางไร ? จงแสดง. ต. จริง ในกิริยากิตกไมมีวิภัตติและวจนะแผนกหนึ่ง แตทาน ใหใชวิภัตติและวจนะในนามแทน และคลอยตามนามศัพทซึ่งเปน ตัวประธาน คือ ตัวประธานเปนวิภัตติ วจนะใด กิริยากิตกก็ตอง เปนวิภัตติ วจนะนั้นตาม ตัวอยาง เชน ภิกฺขุ คาม คโต ภิกษุ ไปแลวสูบาน, ชนา มตา ชนทั้งหลาย ตายแลว เปนตน. [ อ. น.]. ถ. การแบงกาลในกิริยากิตก กับ กิริยาอาขยาต ตางกัน อยางไร ? ต. ตางกันดังนี้ คือ : กิริยากิตก แบงกาลที่เปนประธาน ๒ คือ ปจจุบันนกาล ๑ อดีตกาล ๑, ปจจุบันกาล แบงใหละเอียดอีก ๒ คือ ปจจุบันแท ๑ ปจจุบันใกลอนาคต ๑, อดีตกาล แบงเปน ๒ คื ลวงแลว ๑ ลวงแลวเสร็จ ๑, รวมทั้งสิ้นเปน ๔. สวนกิริยา อาขยาตแบงกาลที่เปนประธาน ๓ แบงใหละเอียดอีก รวมเปน ๘ ดัง ไดแสดงมาแลวในอาขยาตนั้น. [ อ. น. ]. ถ. กาลในกิริยากิตก ทั้งที่กลาวโดยยอและพิสดารนี้ จะรูได แมนยําวาเปนกาลนั้น ๆ ได ตองอาศัยอะไรเปนหลัก ? ต. ตองอาศัยปจจัยเปนหลัก เพราะปจจัยในกิริยากิตกนี้ นอก จากเปนเครื่องหมายวาจกแลว ยังเปนเครื่องหมายใหทราบกาลได ดวย. [ อ. น.]. ถ. กาลทั้ง ๔ นั้น กาลไหนทานบัญญัติใหแปลวากระไร ? ต. ปจจุบันแท แปลวา อยู, ปจจุบันใกลอนาคต แปลวา
188.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 185 เมื่อ, ลวงแลว แปลวา แลว, ลวงแลวเสร็จ แปลวา ครั้นแลว. [ อ. น. ]. ถ. วาจกในกิริยากิตก มีเทาไร ? อะไรบาง ตางจากวาจก ในอาขยาตหรือเหมือนกัน ? ต. มี ๕ เหมือนอยางอาขยาต คือ กัตตุวาจก กัมมวาจก ภาววาจก เหตุกัตตุวาจก เหตุกัมมวาจก. ตางกันแตสักวา รูปแหง ศัพทกิริยาเทานั้น เชน :- กิริยากิตก กิริยาอาขยาต กัตตุวาจก มโต มรติ กัมมวาจก กโต กริยติ ภาววาจก ภวิตพฺพ ภูยเต เหตุกัตตุวาจก มาเรนฺโต มาเรติ เหตุกัมมวาจก ปติฏาปโต ปติฏาปยติ. [ อ. น. ] ถ. ปจจัยในกิริยากิตก มีเทาไร ? ตัวไหนบางเปนพวกอัพยย- ศัพท ? อารทฺธา ลงปจจัยอะไรบาง? จงแสดงใหสิ้นเชิง. ต. มี ๑๐ ตัว อนฺต ตวนฺตุ ตาวี อนีย ตพฺพ มาน ต ตูน ตฺวา ตฺวาน. เปนพวกอัพยยศัพทมี ๓ ตัว คือ ตุน ตฺวา ตฺวาน. อารทฺธา ลง ต ปจจัยก็ได ตฺวา ปจจัยก็ได เพราะธาตุมี ภฺ เปนที่สุดแปลง ต ปจจัย เปน ทฺธ แลวลบที่สุดธาตุ เปนกิริยาของ
189.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 186 ศัพทที่เปนอิตถีลิงค หรือ เปนปุงลิงค พหุวจนะ, และธาตุมี ภฺ เปน ที่สุด แปลง ย กับที่สุดธาตุเปน ทฺธา. [ ๒๔๗๔ ]. ถ. กิริยากิตก มีปจจัยกี่ตัว ? ตัวไหนลงในวาจกอะไร ? ต. มี ๑๐ ตัว คือ อนฺต ตวนฺตุ ตาวี ลงในกัตตุวาจก, อนีย ตพฺพ ลงในกัมมวาจก และ ภาววาจา, มาน ต ตูน ตฺวา ตฺวาน ลงในวาจกทั้งมวล. [ ๒๔๖๙-๒๔๖๗ ]. ถ. ปจจัย ๑๐ ตัวนั้น ตัวไหนมีหนาที่อยางไร ? ต. อนฺต มาน บอกปจจุบันนกาล, ตวนฺตุ ตาวี ตูน ตฺวา ตฺวาน บอกอดีตกาล, อนีย ตพฺพ บอกความจําเปน ซึ่งแปลวา พึง หรือ ตอง . [ อ. น.]. ถ. จงแสดงวิธีใชปจจัยในกิตก ใหเห็นชัดวา ตางจากปจจัยใน ตัทธิตอยางไร? ต. ปจจัยในกิตก ใชประกอบกับธาตุ สําเร็จรูปเปนนามกิตก และกิริยากิตก เปนเครื่องหมายสาธนะและกาล. สวนปจจัยในตัทธิต ใชประกอบกับศัพทนาม แมศัพทกิตกที่สําเร็จแลวนั้น ก็ประกอบได ทั้งในนามกิตกและกิริยากิตก เพื่อเปนเครื่องหมายใชแทนศัพท. [ ๒๔๖๒ - ๒๔๗๓ ]. ถ. ปจจัยกิตกตัวไหนบาง ใชเปนนามกิตกก็ได เปนกิริยากิตก ก็ได ? และใชไดอยางไร? จงแสดงมา. ต. ณฺย อนีย ต, ณฺย เปนปจจัยแหงนามกิตก ใชกิริยา- กิตกก็มี ดังอุทาหรณวา เต จ ภิกฺขู คารยฺหา. อนีย ต เปนปจจัย
190.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 187 แหงกิริยากิตก ใชเปนนามกิตกก็มี อนีย ปจจัย อุทาหรณวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. ต ปจจัย อุทาหรณวา พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน.[ ๒๔๗๙-๒๔๘๐ ]. ถ. อนฺต ตวนฺตุ ตาวี เมื่อประกอบกับธาตุ มีวิธีเหมือนกัน หรือตางกันอยางไร ? ต. ตางกัน คือ อนฺต เมื่อจะประกอบกับธาตุใน ธาตุนั้น ทานใหลงปจจัยในอาขยาตที่หนึ่งกอน แลวจึงลง อนฺต ปจจัยอีกทีหนึ่ง เชน สุณนฺโต ชานนฺโต เปนตน, สวน ตวนฺตุ ตาวี หาทําเชน นั้นไม ลงปจจัยที่สุดธาตุทีเดียว เชน สุตวา สุตาวี เปนตน. [ อ. น.]. ถ. จะประกอบ ภุชฺ ธาตุ ดวย อนฺต มาน ปจจัย สําเร็จรูป เปนปุลิงคและอิตถีลิงคมาดู ? ต. ภุชฺ ธาตุ ประกอบดวย อนฺต ปจจัย สําเร็จรูปดังนี้ ปุงลิงค ภฺุชนฺโต, อิตถีลิงค ภฺุชนฺตี, ประกอบดวย มาน ปจจัย สําเร็จรูปดังนี้ : ปุงลิงค ภฺุชาโน, อิตถีลิงค ภฺุชทานา. [ อ. น.] ถ. อนฺต มาน ปจจัย เมื่อประกอบกับธาตุ สําเร็จรูป เปนกิริยาแลว ทานนิยมแจกตามแบบการันตไหน ? ต. ศัพทที่ลง อนฺต ปจจัย ถาเปนปุงลิงค นิยมแจกตามแบบ อ การันตในปุงลิงค [ ปุริส ] ก็ไดเชน วทนฺโต, ตามแบบ ภวนฺต ศัพทก็ได เชน กร จร. ถาเปนอิตถีลิงค นิยมแจกตามแบบ อี
191.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 188 การันตในอิตถีลิงค [ นารี ] , ศัพทที่ลง มาน ปจจัย ปุงลิงค นิยม แจกตามแบบ อ การันตในปุงลิงค, อิตถีลิงค นิยมแจกตามแบบ อา การันตในอิตถีลิงค [ กฺา ]. [ อ. น. ]. ถ. ศัพทกิริยาที่ประกอบดวย อนฺต มาน ปจจัย ถาตองการ ใหเปน กัมมวาจก ทานใหทําอยางไรบาง ? ต. ทานใหทําดวยวิธี ๒ อยาง คือ ลง อิ อาคมหลังธาตุ และ ย ปจจัยในอาขยาต เชน กถิยฺนโต กถิยมาโน เปนตน อยางหนึ่ง ลง ย ปจจัยแลว เอา ย กับที่สุดธาตุแปลงเปนพยัญชนะ เชน วุจฺจนฺตี วุจฺจมาโน เปนตน เมื่อแปลงเชนนั้นแลว ไมตองลง อิ อาคมอยางหนึ่ง. [ อ. น. ]. ถ. ภุชฺ ธาตุ เมื่อประกอบดวยปจจัยเหลานี้ คือ ตวนฺตุ ตาวี ต มีรูปเปนอยางไรในปุงลิงคและอิตถีลิงค ?และแจกตามแบบการันต ไหน ? ต. ประกอบดวย ตวนฺตุ ปจจัย ปุงลิงคเปน ภุตวา แจกตาม แบบ ภควนฺตุ ศัพท, อิตถีลิงคเปน ภุตวตี แจกตามแบบ อี การันต ในอิตถีลิงค [ นารี ]. ประกอบดวย ตาวี ปจจัย ปุงลิงค เปน ภุตฺตาวี แจกตาม แบบ อี การันตใน ปุงลิงค [ เสฏี] , อิตถีลิงค เปน ภุตฺตาวินี แจกตามแบบ อี การันตใน อิตถีลิงค. ประกอบดวย ต ปจจัย ปุงลิงค เปน ภุตฺโต แจกตามแบบ อ การันตใน ปุงลิงค [ ปุริส ] , อิตถีลิงคเปน ภุตฺตา แจกตาม
192.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 189 แบบ อา การันตในอิตถีลิงค [กฺา]. [อ. น. ]. ถ. ศัพทกิริยากิตก ลง ตวนฺตุ กับ ตฺวา มีลักษณะคลายคลึง กันมาก เมื่อพบศัพทกิริยาที่ลงปจจัย ๒ ตัวนี้แลว จะสังเกตรูได อยางไรวา ศัพทไหนลงปจจัยอะไร ? ต. สังเกตที่จุดขางลาง ถาลง ตวนฺตุ ปจจัย ไมมีจุดขางลาง เชน สุตวา เปนตน, ถาลง ตฺวา ปจจัย มีจุดขางลาง เชน สุตฺวา เปนตน. [ อ. น. ]. ถ. อนุจร เปนนามกิตก หรือ กิริยกิตก ? จงแสดงความเขาใจ ต. เปนนามกิตกก็ได เปนกิริยากิตกก็ได, อนุ บุพพบท จรฺ ธาตุ ทั้ง ๒ อยาง ที่เปน นามมกิตก ลง อ ปจจัย เปนทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ ในไตรลิงค หรือปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ นปุงสกลิงค. ที่ เปนกิริยากิตก ลง อนฺต ปจจัย แปลง นฺต กับ สิ เปน อ. [ ๒๔๖๖ ]. ถ. ศัพทที่ประกอบดวย ตพฺพ อนีย ปจจัย ใชตางกันอยางไร? จงยกตัวอยางมาแสดงดวย. ต. ศัพทที่ประกอบดวย ตพฺพ ปจจัย ใชเปนกิริยาลวน, สวน ศัพทที่ประกอบดวย อนีย ปจจัย ใชเปนนามศัพทก็ได ใชเปนกิริยา ก็ได, ที่ใชเปนนาม เชน ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ แปลวา เขาเลี้ยงแลว ดวยของควรเคี้ยว ดวยของควรบริโภค อัน ประณีต, ที่ใชเปนกิริยา เชน กมฺม กรณีย แปลวา กรรม อันเขา พึงทําเปนตน, แตใชเปนนาม เปนชื่อของศัพทที่เปน นปุงสกลิงค เปนพื้น.[ อ. น.].
193.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 190 ถ. ศัพทที่ประกอบดวย ตพฺพ, อนีย ปจจัยนี้ เปนเครื่องหมาย วาจกอะไรไดบาง และเปนไดกี่ลิงค ? ต. เปนเครื่องหมายกัมมวาจก และภาววาจก. ที่เปนเครื่อง หมายกัมมวาจก เปนได ๓ ลิงค, เปนเครื่องหมายภาววาจก เปนได แตนปุงลิงค ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ อยางเดียว. [ อ. น.]. ถ. ต ปจจัย มีวิธีประสมเขากับธาตุเปนอยางไรบาง ? ต. ต ปจจัยประสบกับธาตุมี มฺ และ นฺ เปนที่สุด ลบที่สุด ธาตุเสีย ตัวอยาง เชน คโต ขโต, ถาธาตุมี จฺ ชฺ และ ปฺ เปน ที่สุด เอาที่สุดแหงธาตุเปน ต ตัวอยาง เชน สิตฺโต ภุตฺโต คุตฺโต, ถาธาตุมี อา เปนที่สุดก็ดี ต เปนกัมมวาจกก็ดี ลง อิ ตัวอยาง เชน ิโต ปโต, ถาธาตุมี ทฺ เปนที่สุดอยูหนา แปลง ต เปน นฺน แลวลบที่สุดธาตุ ตัวอยาง เชน ฉนฺโน ภินฺโน, ถาธาตุมี รฺ เปนที่ สุดอยูหนาแปลง ต เปน ณฺณ แลวลบที่สุดธาตุ ตัวอยาง เชน ชิณฺโณ, ถาธาตุมี สฺ เปนที่สุดอยูหนา แปลง ต เปน ฏ แลวลบที่สุดธาตุ ตัวอยาง เชน ตุฏโ, ถาธาตุมี ทฺ และ ภฺ เปนที่สุดอยูหนา แปลง ต เปน ทฺธ แลวลบที่สุดธาตุ ตัวอยาง เชน พุทฺโธ, ลทฺโธ, ถาธาตุมี มฺ เปนที่สุดอยูหนา แปลง ต เปน นฺต แลวลบที่สุดธาตุ ตัวอยาง เชน ปกฺกนฺโต, ถาธาตุมี หฺ เปนที่สุดอยูหนา แปลง ต เปน ฬฺห ลบที่สุดธาตุ ตัวอยาง เชน รุฬฺโห. [ ๒๔๖๕]. ถ. ในที่เชนไร ต ปจจัยใชกับบอกกัตตุวาจก ? ในที่เชนไร ใช บอกกัมมวาจก ?
194.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 191 ต. ลงกับธาตุไมมีกรรม ใชบอกกัตตุวาจก, ลงกับธาตุมี กรรม ใชบอกกัมมวาจก. [๒๔๕๗ ]. ถ. วิ รุหฺ ธาตุ ลง ต ปจจัย เปน วิรุยฺโห ถูกหรือไม ? ถาถูกก็แลวไป ถาไมถูก จะควรแกใหเปนอยางไร ? ต. ไมถูก ที่ถูกควรเปน วิรุฬฺโห เพราะธาตุมี หฺ เปนที่สุด เมื่อลง ต ปจจัย แปลง ต เปน ฬฺห และลบที่สุดธาตุ. [๒๔๖๐ ]. ถ. เมื่อเราเห็นศัพทมีรูปคลาย ๆ กัน เชน นิกฺขนฺโต วสนฺโต ปกฺกนฺโต วทนฺโต ดังนี้ จะสังเกตอะไรจึงจะรูไดวา ตัวไหนลงปจจัย อะไร ? ตางกันอยางไร ? ต. สังเกตพยัญชนะที่สุดธาตุ นิกฺขนฺโต ปกฺกนฺโต ตองเปน ต ปจจัย เพราะ นิกฺขนฺโต นิ บุพพบท ขมฺ ธาตุ, ปกฺกนฺโต ป บุพพบท กมฺ ธาตุ ธาตุมี มฺ เปนที่สุด แปลง ต เปน นฺต แลวลบที่สุดธาตุ จึง เปน นิกฺขนฺโต ปกฺกนฺโต. วสนฺโต วทนฺโต ตองเปน อนฺต ปจจัย วสนฺโต วสฺ ธาตุ. วทนฺโต วทฺ ธาตุ, เห็นพยัญชนะที่สุดธาตุชัด อยูตางกันอยางนี้ . [ ๒๔๖๑ ]. ถ. มาน ปจจัย ที่ใชในกัตตุวาจก และกัมมวาจก ตางกัน อยางไรกับ ต ปจจัย ซึ่งใชในที่เชนนั้น ? ต. มาน ปจจัยที่ใชในกัตตุวาจก ใชธาตุทั้ง ๒ ชนิด และเมื่อ นําธาตุมาตั้งลงแลว ตองยืมปจจัยประจําหมวดธาตุในอาขยาตมา ประกอบกอน แลวจึงนําปจจัยนี้เขาประกอบ เชน กุรุมาโน คจฺฉมาโน, สวน ต ปจจัยที่ใชในกัตตุวาจก ใชธาตุไดอยางเดียวคือ อกรรมธาตุ
195.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 192 เชน คโต รโต เปนตน และไมตองยืมปจจัยประจําหมวดธาตุใน อาขยาตมาใช, มาน ปจจัยที่ใชในกัมมวาจกตองลง ย ปจจัย อิ อาคม เชน กริยามาโน, สวน ต ปจจัยไมตองใช. [ ๒๔๗๕]. ถ. ต ปจจัยประกอบกับธาตุ เชนไรลบแตที่สุดธาตุอยางเดียว ไมตองแปลง ? เชนไรแปลงแลวลบที่สุดธาตุ ? ต. ถาประกอบกับธาตุที่มี มฺ รฺ นฺ เปนที่สุด ลบแตที่สุดธาตุ อยางเดียวไมตองแปลง เชน คโต กโต หโต, ถาประกอบกับธาตุที่มี รฺ สฺ ธฺ ภฺ มฺ หฺ ทฺ เปนที่สุด ลบที่สุดธาตุแลว ตองแปลงรูปไป ตางๆ ตามอํานาจของที่สุดธาตุ ธาตุที่มี ร เปนที่สุด แปลง ต เปน ณณ เชน ติณฺโณ , ที่มี สฺ เปนที่สุด แปลง ต เปน ฏ เชน ปุฏโ, ที่มี ธฺ เปนที่สุด แปลง ต เปน ทฺธ เชน กุทฺโธ, ที่มี ภฺ เปนที่สุด แปล ต เปน ทฺธ เชน ลทฺโธ, ที่มี มฺ เปนที่สุด แปลง ต เปน นฺต เชน ปกฺกนฺโต, ที่มี หฺ เปนที่สุด แปลง ต เปน ฬฺห เชน มุฬฺโห, ที่มี ทฺ เปนที่สุด แปลง ต เปน นฺน เชน ภินฺโน, ถาธาตุที่มี อา เปนที่สุด ทานใหเอา อา ที่สุดธาตุนั้นเปน อิ หรือ อี และไมตองลบ ตองแปลง เชน ิโต ปโต เปนตัวอยาง. [ ๒๔๖๘-๒๔๗๗ ]. ถ. ในธาตุเชนไร แปลง ตฺวา ปจจัย เปน ย ได ? และในที่ เชนไร ตองอาเทศเปนอื่นอีกตอหนึ่ง? ในที่เชนไร คงเปน ย ตามรูป ? ต. ในธาตุมีอุปสัคอยูหนา แปลง ตฺวา ปจจัยเปน ย ได, และ ในธาตุมี มฺ เปนที่สุด แปลง ย เปน มฺ เชน อภิรมฺม อภิ รม ธาตุ, ในธาตุมี ทฺ เปนที่สุด แปลง ย กับที่สุดธาตุเปน ชฺช เชน อุปฺปชฺช
196.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 193 อุ ปท ธาตุ, ในธาตุมี ภฺ เปนที่สุด แปลง ย กับที่สุดธาตุ เปน พฺภ เชน อารพฺภ อา รภฺ ธาตุ, ในธาตุมี หฺ เปนที่สุด แปลง ย กับที่สุดธาตุเปน ยฺห เชน อารุยฺท อา รุหฺ ธาตุ, ในธาตุมี อา เปนที่สุดคงเปน ย เชน อาทาย อา ทา ธาตุ,ในธาตุไมมีอุปสัค อยูหนา แปลง ตฺวา เปน ย แลวแปลง ย กับที่สุดธาตุเปน ทฺธา ไดบาง เชน วิทฺธา วิธฺ ธาตุ, ลมทฺธา ลภฺ ธาตุ. [ ๒๔๕๗ ]. ถ. ตฺวา ปจจัย บอกกาลอะไรบาง ? จงยกอุทาหรณมาแสดง. ต. บอกอดีตกาลเปนพื้น แตถาเปนกิริยาที่ทํากอนแลวจึงทํา กิริยาขางหลังตอไปอีก เรียกวา ปุพพกาลกิริยา อุทาหรณวา ธมฺม สุตฺวา คาม ปจฺจาคจฺฉติ. ถาเปนกิริยาที่กลาวซ้ํากับกิริยาขางตนแสดง วาทําเสร็จแลวเรียกวา ปริโยสานกาลกิริยา อุทาหรณวา เยน ภควา, เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา-นิสีทิ. ถาเปนกิริยาทําพรอมกับ กิริยาอื่น เรียกวา สมานกาลกิริยา อุทาหรณวา ฉตฺต คเหตฺวา คจฺฉติ. ถาเปนกิริยาที่ทําทีหลังกิริยาอื่น เรียกวา อปรกาลกิริยา อุทาหรณวา ธมฺมาสเน นิสีทิ จิตฺตวีชนึ คเหตฺวา. ถาเขากับนาม เรียกวา วิเสสน อุทาหรณวา เปตฺวา เทฺว อคฺคสาวเก อวเสสา อรหตฺต ปาปุณึสุ. ถาเขากับกิริยา เรียกวา กิริยาวิเสสน อุทาหรณวา ตีณิ รตนาน เปตฺวา อฺ เม ปฏิสรณ นตฺถิ. ถามีกัตตา ตางจากกิริยาหลัง เรียกวา เหตุ อุทาหรณวา สีห ทิสฺวา ภย อุปฺปชฺชติ. [๒๔๖๓ ]. ถ.ปจจัยในกิริยากิตก ตัวไหนบาง ใชคุมพากยได ? ตัวไหน
197.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ
(สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 194 ใชคุมพากยไมได ? ต. ตพฺพ อนีย ต ปจจัย ใชคุมพากยได, นอกจากนี้ ใชคุม พากยไมได. [ อ. น. ]. ถ. ในกิริยากิตก ไมมีบุรุษ ถาเชนนั้น ศัพทกิริยานี้ เปนกิริยา ของนามนามที่เปนประธานบุรุษอะไร ? ต. เปนกิริยาของนามนามี่เปนประธานทั้ง ๓ บุรุษ. [อ. น. ]
Download