SlideShare a Scribd company logo
1
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(ทัศนศิลป์)
คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดไม่จัดเป็นทัศนธำตุในงำนทัศนศิลป์
1. พื้นผิว
2. พื้นที่ว่ำง
3. ปริมำตร
4. น้ำหนักอ่อน-แก่
2. ภำพวำดที่แสดงให้เห็นกำรเจริญเติบโตก้ำวหน้ำควรเป็นภำพลักษณะใด
1. วำดด้วยเส้นตรงแนวเฉียง
2. วำดด้วยเส้นโค้งของวงกลม
3. วำดด้วยเส้นฟันปลำหรือเส้นซิกแซก
4. วำดด้วยเส้นโค้งอิสระทิ้งปลำยขึ้นสูงและน้ำหนักเบำ
3. ถ้ำนักเรียนต้องวำดภำพเหมือนบุคคลควรศึกษำในเรื่องใด
1. กำรวำดดวงตำ ปำก จมูก
2. กำรวำดภำพหุ่นนิ่ง
3. กำรจัดวำงองค์ประกอบ
4. กำยวิภำคศำสตร์
4. “...ดวงตาเบิกกว้าง ลูกตาดาอยู่กลางดวงตาและใหญ่กว่าปกติ มีเส้นรอยย่นหนึ่งเส้นหรือมากกว่าที่
หน้าผาก อ้าปากกว้าง มุมปากด้านล่างตกลง...”
จำกข้อดังกล่ำวภำพนี้แสดงถึงอำรมณ์ใด
1. อำรมณ์โกรธ
2. อำรมณ์ฉุนเฉียว
3. อำรมณ์ดี หัวเรำะอย่ำงร่ำเริง
4. อำรมณ์กลัว
5. งำนศิลปะในข้อใดใช้เทคนิคน้ำหนักอ่อน-แก่ของกำรใช้สี
1. รูปปั้นในสวนสำธำรณะ
2. ลวดลำยจำกกำรทอผ้ำ
3. ภำพวำดบนฝำผนังโบสถ์
4. งำนแกะสลักงำช้ำงเป็นรูปต่ำงๆ
2
6. “ภาพตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน สีภาพโดยรวมจะดูหม่น ค่อนข้างมืด แต่มีแสงสีสดใสส่องกระทบ
กับก้อนเมฆอย่างสวยงาม”
ภำพนี้แสดงให้เห็นลักษณะของสีแบบใด
1. สีเอกรงค์ (Monochrome)
2. คุณค่ำของสี (Value)
3. สีกลำง (Neutral Colors)
4. ควำมเด่นชัดของสี (Intensity)
7. ข้อใดคือแนวคิดของกำรออกแบบที่ดี
1. มีรำคำแพงที่สุด
2. สวยงำมมำกที่สุด
3. ทันสมัยมำกที่สุด
4. ใช้ประโยชน์ได้มำกที่สุด
8. กำรออกแบบมีควำมหมำยสัมพันธ์กับข้อใด
1. กำรสร้ำงสรรค์ผลงำนที่แปลกใหม่ขึ้นมำ
2. กำรประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น
3. กำรสร้ำงงำนทุกประเภทที่คนยอมรับ
4. กำรสร้ำงงำนทุกประเภทไม่มีขอบเขตกำหนด
9. ข้อใดไม่ใช่เกณฑ์หรือตัวชี้วัดที่แสดงถึง “ควำมพึงพอใจในกำรออกแบบ”
1. ควำมสวยงำมแปลกใหม่
2. ประโยชน์ในกำรใช้สอย
3. กำรเลียนแบบมำจำกสิ่งอื่น
4. แนวคิดในกำรออกแบบที่ดี
10.ข้อใดกล่ำวถึงควำมหมำยของศิลปะได้ถูกต้อง
1. สิ่งที่สวยงำม
2. กำรสร้ำงสรรค์
3. สิ่งที่มนุษย์สร้ำงขึ้น
4. สิ่งที่มนุษย์สร้ำงขึ้นจำกควำมพึงพอใจ
3
11. ข้อใดเป็นควำมหมำยที่ถูกต้องของกำรบรรยำยผลงำนทำงทัศน์ศิลป์
1. เป็นกระบวนกำรรับรู้ที่เกิดจำกกำรมองเห็น สังเกต และบันทึกคุณลักษณะเด่นที่พบเห็น โดยที่ไม่มี
กำรวิพำกษ์วิจำรณ์ใดๆ
2. เป็นกระบวนกำรรับรู้ที่เกิดจำกกำรปฏิบัติและบันทึกคุณลักษณะเด่นที่พบเห็น โดยที่ไม่มีกำร
วิพำกษ์วิจำรณ์ใดๆ
3. เป็นกระบวนกำรรับรู้ผลงำน เพื่อวิเครำะห์ ตีควำม และถ่ำยทอดแนวคิดในผลงำนให้ผู้อื่นเข้ำใจ
4. เป็นกระบวนกำรรับรู้ผลงำน เพื่อวิเครำะห์วิจำรณ์และแสดงควำมชื่นชม
12.ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับศิลปะนำมธรรม
1. ภำพผลงำนเกิดจำกกำรผสมผสำนกันทำงด้ำนเทคนิคที่หลำกหลำย
2. สื่อควำมหมำยด้วยกำรใช้สีหลำยสี
3. นำวัสดุอุปกรณ์ที่มีรำคำแพงมำสร้ำงชิ้นงำนให้มีควำมโดดเด่น
4. ใช้ภำษำภำพในกำรสื่อควำมหมำยด้วยรูปทรง สี และลำยเส้น
13.กำรออกแบบภำพร่ำงในทำงทัศนศิลป์หมำยถึงวิธีกำรใด
1. กำรขึ้นรูป
2. กำรสเกตซ์ภำพ
3. กำรพิมพ์ภำพต้นแบบ
4. กำรวำงโครงสร้ำงอุปกรณ์
14.ถ้ำต้องกำรวำดภำพท้องฟ้ำควรใช้เทคนิคใดจึงจะเหมำะสมที่สุด
1. แบบเปียกบนเปียก
2. แบบเปียกบนแห้ง
3. แบบแห้งบนแห้ง
4. แบบแห้งบนเปียก
15.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับงำนศิลปะสื่อผสม
1. สร้ำงสรรค์โดยใช้สื่อวัสดุต่ำงชนิดมำประกอบกันเป็นองค์ประกอบภำพ
2. ผู้สร้ำงสรรค์ผลงำนต้องมีควำมเข้ำใจเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพำะของวัสดุ
3. งำนศิลปะที่แสดงออกถึงกำรผสมผสำนกันระหว่ำงแนวควำมคิดกับผลงำนได้ลงตัว
4. สร้ำงสรรค์ได้เฉพำะผู้ที่มีประสบกำรณ์ในกำรสร้ำงสรรค์งำนศิลปะมำเป็นเวลำนำนเท่ำนั้น
16.ข้อใดเป็นวิธีกำรระบำยสีน้ำที่ถูกต้องที่สุด
1. พยำยำมระบำยสีให้มีเนื้อสีมำกที่สุดจะได้ภำพที่สดใส
2. ระบำยสีให้รวดเร็วฉับไว โดยไม่ต้องรอคอยให้สีแห้ง
3. ระบำยสีให้โปร่งใส ไม่ควรทับซ้อน หรือซ้ำกันหลำยๆ ครั้ง
4. ควรใช้พู่กันกลมในกำรระบำยสีน้ำมำกกว่ำพู่กันแบน เพรำะอุ้มน้ำได้ดีกว่ำ
4
17.ข้อใดจัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกำรสร้ำงงำนศิลปะสื่อผสม
1. ควำมรู้พื้นฐำนด้ำนงำนศิลปะ
2. กำรเตรียมวัสดุที่จะนำมำใช้ในกำรสร้ำงผลงำน
3. ควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์และจินตนำกำร
4. ผลงำนต้นแบบที่นำมำเป็นตัวอย่ำงในกำรสร้ำงงำน
18.เทคนิคกำรเขียนภำพสีน้ำแบบเปียกบนเปียกเหมำะสำหรับกำรระบำยสีภำพในส่วนใด
1. ภำพอำคำรบ้ำนเรือน
2. ภำพต้นไม้และธรรมชำติ
3. ภำพคนและสัตว์
4. ภำพท้องฟ้ำและน้ำ
19.ผลงำนนี้สะท้อนให้เห็นสิ่งใด
1. เคลื่อนไหว
2. กลมกลืน
3. รำบรื่น
4. โน้มเอียง
20.ผลงำนชิ้นนี้ต้องกำรสื่อให้เห็นสิ่งใด
1. ควำมอ่อนช้อย
2. ควำมโดดเด่น
3. ควำมกลมกลืน
4. ควำมรักของแม่
5
21.เพรำะเหตุใดจึงนิยมใช้ทองแดงเป็นโครงสร้ำงสำหรับปั้นหุ่นขี้ผึ้งมำกกว่ำลวดเหล็ก
1. ทองแดงมีควำมยืดหยุ่นมำกกว่ำลวดเหล็ก
2. ทองแดงมีควำมสัมพันธ์กับขี้ผึ้งได้ดีกว่ำลวดเหล็ก
3. ทองแดงสำมำรถสื่อควำมร้อนได้ดีกว่ำลวดเหล็ก
4. ทองแดงมีควำมเหนียวและทนทำนกว่ำลวดเหล็ก
22.เพรำะเหตุใดจึงเรียกกำรปั้นว่ำ “กระบวนการในทางบวก”
1. เป็นกำรนำวัสดุเพิ่มเข้ำไปให้ได้รูปทรง
2. เป็นกำรบวกกันระหว่ำงดินเหนียวกับดินน้ำมัน
3. เป็นกำรบวกกันระหว่ำงกำรปั้นและแกะสลัก
4. เป็นกำรคิดในทำงบวกว่ำผลงำนจะออกมำดี
23.ข้อใดจัดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของงำนสถำปัตยกรรม
1. มีรำคำแพง สวยงำม ทันสมัย
2. ใช้วัสดุท้องถิ่น แข็งแรง ใช้สะดวก
3. ควำมงำม ควำมแข็งแรง ประโยชน์ใช้สอย
4. ประโยชน์ใช้สอย ใช้วัสดุท้องถิ่น ต้นทุนต่ำ
24.สิ่งใดต่อไปนี้ตรงกับคำว่ำ “สถาปัตยกรรม” มำกที่สุด
1. หุ่นขี้ผึ้ง
2. โบสถ์
3. พระพุทธรูป
4. พระบรมรูปทรงม้ำ
25.ข้อใดคือรูปแบบของงำนศิลปะบำศกนิยม
1. เน้นกำรใช้สีที่สดใส
2. รูปทรงแสดงให้เห็นลักษณะผันแปรจำกควำมจริง
3. นำเทคนิคใหม่มำผสมผสำนในกำรสร้ำงงำน
4. ใช้วัสดุหลำกหลำยที่หำได้ในท้องถิ่นมำสร้ำงผลงำน
26.ใช้สีสดใสและตัดกันอย่ำงรุนแรง จัดเป็นงำนศิลปะประเภทใด
1. ศิลปะบำศกนิยม
2. ศิลปะนำมธรรม
3. ศิลปะโฟวิสม์
4. ศิลปะสมัยใหม่
6
27.ข้อใดไม่ใช่เอกลักษณ์ของงำนศิลปะแบบคิวบิสต์
1. ภำพส่วนใหญ่เป็นรูปทรงเรขำคณิต
2. แสดงมิติด้วยรูปทรง ขนำด กำรซ้อนกันภำยในภำพ
3. มีลักษณะกึ่งนำมธรรม คือ มีตัวตนและไม่มีตัวตนชัดเจน
4. ส่วนประกอบของภำพจะเน้นเรื่องของแสงเป็นสำคัญ
28.กำรออกแบบงำนทัศนศิลป์นอกจำกจะต้องใช้ควำมรู้และทักษะในงำนกรำฟิกแล้วยังต้องใช้ควำมรู้
ควำมสำมำรถด้ำนใดอีกบ้ำง
1. กำรใช้เส้น
2. กำรใช้สี
3. กำรสร้ำงรูปทรง
4. กำรจัดองค์ประกอบศิลป์
29.กำรจัดภำพในลักษณะใดที่แสดงถึงกำรใช้เทคนิคด้ำนจังหวะเพื่อให้เกิดควำมงำมที่โดดเด่น
1. จัดภำพโดยใช้กำรซ้ำกันสลับไปมำอย่ำงต่อเนื่อง
2. จัดภำพโดยใช้ลักษณะของพื้นผิวเดียวกันตลอดทั้งผลงำน
3. จัดภำพโดยใช้หลักควำมสมดุลทั้งสองข้ำงของผลงำน
4. จัดภำพโดยเน้นให้เกิดกำรประสำนกันอย่ำงลงตัว
30.ข้อใดเป็นขั้นตอนแรกของกำรสร้ำงสรรค์งำนกรำฟิก
1. กำรร่ำงภำพ
2. กำรกำหนดวัตถุประสงค์
3. กำรคัดเลือกภำพที่นำมำใช้
4. กำรลงมือสร้ำงชิ้นงำน
31.ข้อใด ไม่ใช่ ควำมสำคัญของกำรออกแบบ
1. เสริมสร้ำงให้เกิดค่ำนิยมทำงควำมงำม
2. ช่วยให้เกิดจินตภำพ เกิดแนวคิดในกำรสร้ำงสรรค์ผลงำน
3. ทำให้ข้อมูลที่กระจัดกระจำยมีระเบียบเพิ่มมำกขึ้น
4. รำคำสินค้ำที่ออกแบบมีรำคำสูงตำมประโยชน์ของกำรใช้สอย
32.เครื่องแขวนปลำตะเพียนของไทยเป็นงำนทัศนศิลป์แบบใด
1. ประติมำกรรม
2. สื่อผสม
3. โมบำย
4. จิตรกรรมผสมประติมำกรรม
7
33.เส้นในลักษณะใดที่ให้ควำมรู้สึกเคลื่อนไหวและคลี่คลำยไม่มีที่สิ้นสุด
1. เส้นคด
2. เส้นสลับฟันปลำ
3. เส้นโค้งก้นหอย
4. เส้นโค้งกลับหลัง
34.แฟ้มสะสมผลงำนมีประโยชน์ต่อกำรเรียนกำรสอนอย่ำงไร
1. ทำให้รู้ถึงทักษะพื้นฐำนของผู้เรียน
2. สำมำรถสะสมเป็นผลงำนของครูได้
3. ใช้ในกำรสอนรำยบุคคลได้เป็นอย่ำงดี
4. ทำให้ครูสำมำรถวำงแผนกำรเรียนกำรสอน
35.ผลงำนที่มีจำนวนมำกและจำเป็นต้องจัดเก็บชิ้นงำนเป็นกลุ่มควรจัดเก็บไว้ในรูปแบบใด
1. แฟ้มแขวน
2. สมุดงำน
3. แฟ้มสี
4. กล่อง
36.ข้อใดเป็นประโยชน์ของกำรจัดทำแฟ้มสะสมผลงำนที่ทำให้เกิดกำรพัฒนำตนเองต่อไป
1. มีที่เก็บสะสมผลงำนที่แสดงถึงควำมคิดสร้ำงสรรค์ของตนเอง
2. ได้ฝึกทักษะในกำรจัดเก็บและนำเสนอผลงำนอย่ำงเป็นระบบ
3. ทำให้ครูผู้สอนสำมำรถสรุปปัญหำและเสนอแนะแนวทำงพัฒนำศักยภำพของผู้เรียนได้
4. เก็บไว้ใช้เป็นหลักฐำนเพื่อประโยชน์อื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้
37.กำรวิจำรณ์ศิลปะมีควำมสัมพันธ์กับข้อใด
1. ชี้ข้อบกพร่องของผลงำน
2. แสดงทัศนะต่อผลงำน
3. อธิบำยถึงผลงำนในแง่ดี
4. นำผลงำนมำประกวดกัน
38.จุดมุ่งหมำยสำคัญของกำรวิจำรณ์ศิลปะคือข้อใด
1. เพื่อประเมินค่ำผลงำนศิลปะให้เป็นมำตรฐำน
2. เพื่อตัดสินผลงำนศิลปะที่ส่งเข้ำประกวดอย่ำงยุติธรรม
3. เพื่อให้ผู้ที่สนใจงำนศิลปะรับรู้ เข้ำใจ และชื่นชมผลงำนศิลปะ
4. เพื่อให้ผลงำนศิลปะมีรำคำที่สูงขึ้นและสำมำรถจำหน่ำยได้
8
39.ทฤษฎีศิลปะข้อใดที่เน้นคุณค่ำด้ำนทัศนธำตุและองค์ประกอบศิลป์เป็นสำคัญ
1. เลียนแบบนิยม
2. รูปทรงนิยม
3. อำรมณ์นิยม
4. เครื่องมือนิยม
40.เพรำะเหตุใดจึงต้องมีกำรวิจำรณ์งำนศิลปะ
1. เพื่อให้มีผู้ซื้องำนศิลปะมำกขึ้น
2. เพื่อให้ผู้ชมอยำกสร้ำงงำนศิลปะ
3. เพื่อให้ศิลปินสร้ำงงำนที่มีคุณภำพมำกขึ้น
4. เพื่อให้คนเข้ำมำชมนิทรรศกำรทำงศิลปะมำกขึ้น
9
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(ดนตรี)
คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. กลอนบทนี้กล่ำวถึงวงมโหรีประเภทใด
“นำงขับขำนเสียงแจ้วพึงใจตำมเพลงกลอนกลในภำพพร้อง
มโหรีบรรเลงไฉนซอพำทย์ ทับกระจับปี่ก้องเร่งเร้ำรัญจวน”
1. วงมโหรีเครื่องห้ำ
2. วงมโหรีเครื่องหก
3. วงมโหรีเครื่องแปด
4. วงมโหรีเครื่องสิบ
2. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของดนตรี
1. ฝึกสมำธิ กระตุ้นควำมทรงจำ
2. สร้ำงรำยได้เพื่อเลี้ยงครอบครัวได้ดี
3. เป็นสื่อกลำงในกำรติดต่อสื่อสำรในชนเผ่ำ
4. เป็นส่วนประกอบในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
3. กำรฟังดนตรีแบบใดที่เมื่อฟังแล้วสำมำรถที่จะประเมินคุณภำพผลงำนดนตรีได้
1. ฟังแบบผ่ำนหู
2. ฟังด้วยควำมรู้สึก
3. ฟังด้วยอำรมณ์
4. ฟังด้วยควำมซำบซึ้ง
4. กำรบรรเลงดนตรีเป็นวงจะต้องคำนึงถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ
1. ควำมพร้อมเพรียง
2. ควำมดังของเสียงเครื่องดนตรี
3. ควำมมีระเบียบเรียบร้อยของกำรจัดวงดนตรี
4. ควำมสอดคล้องกลมกลืนกันของเสียงเครื่องดนตรีที่บรรเลง
5. เครื่องดนตรีชนิดใดได้รับอิทธิพลมำจำกประเทศอินเดีย
1. สังข์ บัณเฑำะว์
2. กลองแขก ปี่ชวำ
3. ปี่มอญ แตรวิลันดำ
4. ซออู้ ซอสำมสำย
10
6. ถ้ำนักเรียนจัดงำนพิธีมงคลสมรสในหอประชุม นักเรียนควรเลือกวงดนตรีไทยประเภทใดมำบรรเลง
1. วงปี่พำทย์นำงหงส์
2. วงมโหรีเครื่องคู่
3. วงเครื่องสำยไทย
4. วงมหำดุริยำงค์
7. ข้อใดไม่จัดเป็นรูปแบบของคำผญำ
1. มีสัมผัส หรือใช้คำคล้องจอง
2. มีเสียงสูง-ต่ำ และจังหวะในกำรออกเสียง
3. มีกำรบรรยำยเรื่องรำวต่ำงๆ ด้วยทำนองอันไพเรำะ
4. มีกำรสัมผัสเสียงสูง-ต่ำ และจังหวะในกำรออกเสียงประสมกัน
8. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เกิดดนตรีพื้นบ้ำนในแต่ละท้องถิ่น
1. สภำพแวดล้อม
2. ภูมิหลังทำงประวัติศำสตร์
3. กำรทำมำหำกินของคนในชุมชน
4. จำนวนประชำกรในแต่ละชุมชน
9. ดนตรีพื้นบ้ำนให้คุณค่ำในเรื่องใดมำกที่สุด
1. ให้คติสอนใจ
2. ให้ควำมเพลิดเพลิน
3. ให้คนในท้องถิ่นเกิดควำมรักและควำมสำมัคคีกัน
4. บ่งบอกถึงวัฒนธรรมประเพณีของคนในท้องถิ่นนั้นๆ
10.กำรฟังเพลงพื้นบ้ำนในท้องถิ่นมีประโยชน์อย่ำงไร
1. ช่วยอนุรักษ์เพลงพื้นบ้ำน
2. รู้จักใช้เวลำว่ำงให้เกิดประโยชน์
3. เป็นที่รักใคร่ของผู้คนภำยในท้องถิ่น
4. ทำให้บุคลคลอื่นทรำบว่ำเรำเกิดมำจำกท้องถิ่นใด
11.ดนตรีพื้นบ้ำนหมำยถึงข้อใด
1. ดนตรีที่เกิดจำกคนในเมือง
2. ดนตรีที่เกิดในสมัยสุโขทัย
3. ดนตรีที่เกิดจำกคนในท้องถิ่น
4. ดนตรีที่เลียนเสียงธรรมชำติ
11
12.ข้อใดเป็นเครื่องดนตรีที่ไม่เข้าพวก
1. กลองตุ้ม โหวด ไหซอง
2. หมำกกั๊บแก๊บ ตรัวเอก ปี่เจรียง
3. ผ่ำงฮำด กลองยำว กลองตึ้ง
4. กลองกันตรึม ซอบั้ง แคน
13.เพรำะเหตุใดจึงกำหนดให้ทุกโรงเรียนมีกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในวิชำดนตรีไทย
1. เพรำะต้องกำรให้นักเรียนรู้จักเครื่องดนตรีไทย
2. เพรำะต้องกำรให้นักเรียนใช้เวลำว่ำงปฏิบัติกิจกรรมที่เกิดประโยชน์
3. เพรำะต้องกำรให้รู้จักวิธีทำเครื่องดนตรี เนื่องจำกทุกโรงเรียนต้องใช้
4. เพรำะต้องกำรให้นักเรียนตระหนักถึงควำมสำคัญของดนตรีไทยที่เป็นมรดกทำงวัฒนธรรมของชำติ
14. กำรกระทำของบุคคลในข้อใดที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่ำของดนตรีไทยมำกที่สุด
1. ดำว ชอบฟังเพลงไทยเดิมจำกวิทยุ
2. จัน หัดขับร้องเพลงไทยเดิมในวันหยุดเสำร์-อำทิตย์
3. เดือน เล่นดนตรีไทยที่ตนเองสนใจและขยันฝึกซ้อมทุกวัน
4. แรม เปิดร้ำนจำหน่ำยเพลงไทยเดิมและเครื่องดนตรีไทยทุกชนิด
15.ข้อใดไม่ใช่กำรประยุกต์ดนตรีกับกำรศึกษำ
1. โรงเรียนกวดวิชำนำสูตรคณิตศำสตร์มำแต่งเป็นเพลงเพื่อช่วยในกำรจดจำ
2. วิชำภำษำอังกฤษนำเพลงสำกลมำให้นักเรียนมำหัดแปลคำศัพท์ภำษำอังกฤษ
3. วิชำภำษำไทยนำโคลงสี่สุภำพมำใส่ทำนองเพลง
4. ห้ำงสรรพสินค้ำชื่อดังแต่งเพลงเพื่อโฆษณำขำยชุดนักเรียน
16.เพรำะเหตุใดในปัจจุบันสุภำพสตรีที่มีครรภ์จึงนิยมฟังเพลง
1. ลดควำมวิตกกังวล
2. บรรเทำอำกำรปวดหลัง
3. ผ่อนคลำยควำมตึงเครียด
4. จรรโลงจิตใจให้เกิดควำมสงบ
17.ข้อใดไม่ใช่หลักในกำรขับร้องที่ถูกต้อง
1. ยืนตัวตรง
2. ทำนองและจังหวะถูกต้องชัดเจน
3. ออกอักขระควบกล้ำชัดเจน
4. ใส่อำรมณ์ควำมรู้สึกร่วมไปตำมเสียงเพลง
12
18.ถ้ำนักเรียนต้องกำรพิจำรณำควำมไพเรำะของบทเพลงไทยสำกลนักเรียนควรใช้เกณฑ์ในข้อใด
1. เป็นจังหวะที่เชื่องช้ำแบบเพลงไทยเดิม
2. บทเพลงมีควำมหมำยดี ลึกซึ้ง กินใจ
3. มีกำรนำเอำเครื่องดนตรีไทยมำบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีสำกล
4. คัดเลือกศิลปินที่มีควำมเชี่ยวชำญในกำรร้องเพลงและมีชื่อเสียงโด่งดังมำร้องเพลง
19.กำรรับรู้ควำมงำมของดนตรีขึ้นอยู่กับปัจจัยใดเป็นสำคัญ
1. กำรศึกษำ
2. ค่ำนิยม
3. สังคม
4. อำรมณ์และจิตใจ
20.องค์ประกอบใดของดนตรีไทยที่ไม่นำมำพิจำรณำในเรื่องของสุนทรียศำสตร์ทำงดนตรี
1. เสียง
2. ทำนอง
3. จังหวะ
4. เสียงประสำน
21.ข้อใดจัดเป็นเครื่องดนตรีไทยในกลุ่มเดียวกันทั้งหมด
1. ซึง ฆ้อง
2. สะล้อ ระนำด
3. พิณน้ำเต้ำ กระจับปี่
4. ซอสำมสำย กลองยำว
22.จุดมุ่งหมำยสำคัญของกำรรัวประลองเสภำคือข้อใด
1. เป็นกำรซ้อมกำรบรรเลงดนตรีก่อนกำรแสดงจริง
2. เป็นกำรเตรียมควำมพร้อมของนักดนตรีก่อนเริ่มกำรแสดง
3. เป็นกำรแจ้งประกำศให้ผู้คนรับรู้ว่ำกำรแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น
4. เป็นกำรอวดฝีมือของนักดนตรีในกำรบรรเลงเครื่องดนตรี เพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้
23.นักเรียนสำมำรถอนุรักษ์ดนตรีไทยให้คงอยู่สืบต่อไปได้อย่ำงไร
1. พัฒนำควำมรู้ควำมสำมำรถของศิลปิน นักแต่งเพลง นักดนตรี
2. ปลูกจิตสำนึกแก่ประชำชนที่ทำกำรค้ำขำยเกี่ยวกับเครื่องดนตรี
3. จัดกิจกรรมส่งเสริมกำรแสดงดนตรีในงำนเทศกำล หรืองำนประเพณีท้องถิ่น
4. ช่วยกันอุดหนุนหรือซื้อเครื่องดนตรีไทยโบรำณ
13
24.สิ่งสำคัญที่จะทำให้กำรขับร้องเพลงไทยเดิมมีควำมไพเรำะมำกยิ่งขึ้นคือสิ่งใด
1. เสียงของผู้ขับร้องเพลง
2. สุขภำพของผู้ขับร้องเพลง
3. กำรเอื้อนเสียงในเพลง
4. ประสบกำรณ์ของผู้ขับร้องเพลง
25.ข้อใดกล่ำว ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับหลักกำรบรรเลงเดี่ยวที่ดี
1. ต้องขยันหมั่นฝึกซ้อมทุกวันจนเกิดควำมชำนำญ
2. ตรวจสอบเครื่องดนตรีก่อนทุกครั้งก่อนกำรบรรเลง
3. มีควำมมั่นใจในตนเอง กล้ำแสดงออกต่อหน้ำสำธำรณชน
4. ลอกเลียนลีลำท่ำทำงกำรบรรเลงจำกนักดนตรีที่มีชื่อเสียง
26.กำรรับรู้ควำมงำมของดนตรีขึ้นอยู่กับปัจจัยใดเป็นสำคัญ
1. กำรศึกษำ
2. ค่ำนิยม
3. สังคม
4. อำรมณ์และจิตใจ
27. มีอัตรำจังหวะเท่ำกับข้อใด
1.
2.
3.
4.
14
28.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่ใช้ในกำรบันทึกโน้ตสำกล
1. เส้นนอนเรียกว่ำ “บรรทัด 5 เส้น”
2. สัญลักษณ์ด้ำนซ้ำยสุด เรียกว่ำ “เครื่องหมำยแปลงเสียง”
3. เส้นแนวตั้ง 2 เส้น ด้ำนขวำสุด เรียกว่ำ “เส้นกั้นห้องคู่”
4. สัญลักษณ์รูปวงกลม เรียกว่ำ “ตัวโน้ต”
29.ข้อใดเรียงลำดับเสียงสูงไปหำเสียงต่ำได้ถูกต้อง
1. บำริโทน อัลโต เมซโซปรำโน
2. เบส บำริโทน เทเนอร์
3. เมซโซปรำโน เบส อัลโต
4. โซปรำโน เมซโซโซปรำโน อัลโต
30.ตัวโน้ตที่มีควำมยำวของเสียงมำกที่สุดมีลักษณะตรงกับข้อใด
1. โน้ตตัวกลม
2. โน้ตตัวดำ
3. โน้ตตัวขำว
4. โน้ตตัวเขบ็ต
31.เครื่องดนตรีชนิดใดมีวิธีกำรบรรเลงคล้ำยกับเปียโน
1. คอร์เน็ต
2. ฮำร์ปซิคอร์ด
3. คำบำซำ
4. คอนทรำเบส
32. เพลงที่ใช้สวดโดยนำเนื้อร้องมำจำกคัมภีร์หมำยถึงเพลงประเภทใด
1. โมเต็ต
2. ออรำทรอริโอ
3. แพสชั่น
4. รีเควี่ยม
33.ดนตรีสำกลมีลักษณะเด่นชัดอย่ำงไร
1. เป็นที่รู้จักอย่ำงแพร่หลำย
2. นักร้องขับร้องเพลงครั้งละหลำยคน
3. ได้รับอิทธิพลทำงดนตรีมำจำกกรีก
4. มีเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพำะ
15
34.ข้อใดเป็นลักษณะของบทเพลงซิมโฟนี
1. เพลงที่บรรเลงโดยวงออร์เคสตรำ
2. เพลงที่ประพันธ์จำกคีตกวีเยอรมัน
3. เพลงที่ใช้เครื่องเป่ำเป็นส่วนใหญ่
4. เพลงที่มีทำนองอ่อนหวำนปนเศร้ำ
35.กำรจะเรียกชื่อวงเชมเบอร์มิวสิกต้องยึดหลักในข้อใด
1. เรียกตำมจำนวนผู้บรรเลง
2. เรียกตำมจำนวนเครื่องดนตรี
3. เรียกตำมจำนวนเพลงที่ใช้บรรเลง
4. เรียกตำมจำนวนระยะเวลำที่ใช้ในกำรแสดง
36.วงโยธวำทิตไม่นิยมนำมำใช้บรรเลงในกิจกรรมใด
1. เดินสวนสนำม
2. เดินขบวนพำเหรด
3. เดินนำขบวนรณรงค์ต่ำงๆ
4. เดินนำขบวนแห่นำคเข้ำโบสถ์
37.ข้อใดไม่ใช่บทเพลงพระรำชนิพนธ์ในพระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว (รัชกำลที่6)
1. เพลงสยำมมำนุสติ เถำ
2. เพลงลมพัดชำยเขำ
3. เพลงพรำหมณ์เข้ำโบสถ์ เถำ
4. เพลงเขมรไทรโยค
38.วงดนตรีสำกลในข้อใดเปรียบได้กับวงมโหรีเครื่องใหญ่ของไทย
1. วงโยธวำทิต
2. วงออร์เคสตรำ
3. วงเชมเบอร์มิวสิก
4. วงดนตรีพื้นบ้ำนอเมริกัน
39.ถ้ำนักเรียนต้องจัดวงดนตรีเพื่อนำไปบรรเลงในงำนศพที่โบสถ์ของศำสนำคริสต์ นักเรียนควรใช้
วงดนตรีสำกลลักษณะใด
1. วงโยธวำทิต
2. วงออร์เคสตรำ
3. วงคันทรีอเมริกัน
4. วงเชมเบอร์มิวสิก
16
40.ข้อใดไม่ควรปฏิบัติในขณะขับร้องเพลงสำกล
1. ร้องให้ตรงจังหวะและทำนองเพลง
2. เปล่งเสียงร้องให้สูง-ต่ำตำมพื้นเสียง
3. ร้องให้ตรงระดับเสียงตัวโน้ตบนบรรทัด 5 เส้น
4. ควบคุมกำรหำยใจเข้ำ-ออกให้มีควำมสม่ำเสมอ
17
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(นาฏศิลป์)
คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. กำรแสดงในข้อใดแตกต่ำงจำกพวก
1. รำกริชอิเหนำ
2. รำซัดชำตรี
3. รำสีนวล
4. รำพัด
2. รำกลองยำวสะท้อนให้เห็นชีวิตควำมเป็นอยู่ของผู้คนอย่ำงไร
1. รักอิสระ ไม่ชอบกฎระเบียบ
2. เรียบง่ำย รักควำมสนุกสนำน
3. มีน้ำใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
4. ใช้ชีวิตอย่ำงเร่งรีบ ต่ำงคนต่ำงอยู่
3. บทร้องที่ดีควรมีลักษณะเป็นอย่ำงไร
1. เหมำะสมกับลักษณะของผู้แสดงแต่ละครำว
2. ปรับปรุงไปตำมควำมเหมำะสมกับเวลำและโอกำส
3. เหมำะสมกับลักษณะของกำรละครและนิสัยของตัวละคร
4. เปลี่ยนแปลงไปตำมสภำพและเหตุกำรณ์ของบ้ำนเมือง
4. ข้อใดที่กล่ำวถึงลักษณะของกำรแสดงโขนได้อย่ำงถูกต้อง
ก. นำวรรณคดีเรื่องใดมำแสดงก็ได้
ข. ผู้แสดงต้องสวมหัวโขน
ค. ตัวละครพูดเอง ร้องเอง
ง. แต่งกำยในชุดยืนเครื่องพระ นำง ยักษ์ ลิง
1. ก. และ ข.
2. ข. และ ง.
3. ก. และ ค.
4. ข. และ ค.
18
5. เพรำะเหตุใดผู้แสดงที่แสดงโขนเป็นตัวพระและตัวนำงจึงไม่เจรจำบทด้วยตนเอง
1. เพรำะผู้แสดงไม่ถนัด
2. เพรำะมีผู้ขับร้องและผู้พำกย์แทน
3. เพรำะต้องกำรรักษำจำรีตของกำรแสดงโขนไว้
4. เพรำะผู้แสดงไม่ได้รับกำรฝึกหัดให้เจรจำเอง
6. จำกภำพเป็นกำรแสดงประเภทใด
1. ระบำมำตรฐำน
2. ระบำที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่
3. ระบำโบรำณคดี
4. ระบำประเภทพื้นเมือง
7. ข้อใดเป็นสิ่งที่ควรคำนึงในกำรประดิษฐ์ท่ำรำที่เป็นคู่
1. กำรแปรแถวที่หลำกหลำย
2. ยึดแบบแผนท่ำรำเฉพำะถิ่น
3. ท่ำรำของคู่รำควรมีควำมสอดคล้องกัน
4. คำนึงถึงควำมพร้อมเพรียงมำกกว่ำท่ำรำ
8. ข้อใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. รำกริชดรสำ รำหน้ำพำทย์
2. รำแม่บท รำมโนรำห์บูชำยัญ
3. รำฉุยฉำยพรำหมณ์ รำไหว้ครูโนรำ
4. รำซัดชำตรี รำรจนำเสี่ยงพวงมำลัย
9. ปฏิมำกรรมพระพุทธรูปปำงลีลำ นำไปสู่แนวคิดในกำรประดิษฐ์ท่ำรำชุดกำรแสดงใด
1. ระบำโบรำณคดี ชุด ลพบุรี
2. ระบำโบรำณคดี ชุด เชียงแสน
3. ระบำโบรำณคดี ชุด สุโขทัย
4. ระบำโบรำณคดี ชุด ศรีวิชัย
19
10.ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1. รำบท เป็นกำรรำที่ตัดตอนมำจำกกำรแสดงละคร
2. รำบท เป็นกำรแสดงท่ำทำงแทนคำพูดและอำรมณ์
3. รำหน้ำพำทย์ เป็นกำรรำประกอบเพลงให้เข้ำกับเนื้อร้อง
4. รำหน้ำพำทย์ เป็นกำรรำให้เข้ำกับจังหวะดนตรีและแสดงอำรมณ์ร่วม
11. อรอุมำเป็นชำวไทยมุสลิมกำลังจะจัดงำนแต่งงำนที่บ้ำน อรอุมำควรเลือกชุดกำรแสดงใดมำใช้ในงำน
1. รำอวยพร
2. ระบำร่อนแร่
3. มะโย่ง
4. รองเง็ง
12.คติควำมเชื่อทำงด้ำนนำฏศิลป์ที่ผู้แสดงต้องขอขมำผู้อำวุโสหลังจบกำรแสดง สะท้อนให้เห็นลักษณะ
ของสังคมไทยในเรื่องใด
1. กำรให้เกียรติและเคำรพผู้อำวุโส
2. เมื่อทำผิดต้องยอมรับผิดและกล่ำวขอโทษ
3. ควำมมีน้ำใจไมตรี ให้ควำมช่วยเหลือเมื่อผู้อื่นเดือดร้อน
4. มำรยำทอันดีงำมในกำรแสดงควำมเคำรพซึ่งกันและกัน
13.ข้อใดกล่ำวถึงควำมสำคัญของวรรณกรรมที่มีต่อนำฏศิลป์ได้ถูกต้องที่สุด
1. ช่วยกำหนดลีลำท่ำทำงกำรเคลื่อนไหว อำรมณ์ของผู้แสดง
2. ช่วยเร้ำอำรมณ์ของผู้ชมกำรแสดงให้คล้อยตำมเนื้อเรื่อง
3. แสดงถึงวัฒนธรรม ประเพณีของท้องถิ่นที่จัดกำรแสดง
4. ช่วยให้กำรแสดงมีควำมประณีตและวิจิตรงดงำม
14.ศิลปะแขนงวิจิตรศิลป์ที่สอดแทรกอยู่ในกำรแสดงโขนที่เห็นได้เด่นชัดกว่ำศิลปะแขนงอื่นๆ คือข้อใด
1. จิตรกรรม
2. สถำปัตยกรรม
3. ประติมำกรรม
4. ดุริยำงคศิลป์
15.กำรแสดงพื้นเมืองเป็นกำรแสดงที่สะท้อนออกมำในรูปแบบใดชัดเจนที่สุด
1. กำรทำมำหำกินของคนในท้องถิ่น
2. กำรแต่งกำยของคนในท้องถิ่น
3. ลีลำ จังหวะกำรเดิน กำรยืน อำกัปกิริยำของคนในท้องถิ่น
4. ควำมสวยงำมของสภำพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่น
20
16. ละครหลวงวิจิตรวำทกำรมีลักษณะที่โดดเด่นอย่ำงไร
1. เนื้อหำเกี่ยวกับพระมหำกษัตริย์
2. เนื้อหำปลุกใจให้รักชำติ
3. เนื้อหำสะท้อนวิถีชำวบ้ำน
4. เนื้อหำเชื่อมโยงกับพระพุทธศำสนำ
17.กำรแสดงละครดึกดำบรรพ์มีควำมคล้ำยคลึงกับกำรแสดงละครในข้อใด
1. ละครนอก ละครใน
2. ละครชำตรี ละครพันทำง
3. ละครเสภำ ละครร้อง
4. ละครพูด ละครวิทยุ
18.ละครประเภทใดจัดเป็นต้นแบบของกำรแสดงละครรำทุกประเภท
1. ละครดึกดำบรรพ์
2. ละครเสภำ
3. ละครชำตรี
4. ละครใน
19.ละครไทยที่แสดงท่ำทำงเหมือนอย่ำงสำมัญชนและเปลี่ยนฉำกไปตำมท้องเรื่อง คือละครประเภทใด
1. ละครพูดกับละครพันทำง
2. ละครพูดกับละครดึกดำบรรพ์
3. ละครพูดกับละครเสภำ
4. ละครพูดกับละครร้อง
20.ข้อใดไม่ใช่ควำมสำคัญของกำรละครไทย
1. ขับกล่อมจิตใจมนุษย์
2. แสดงควำมเป็นอำรยประเทศ
3. เป็นศูนย์รวมศิลปะแขนงต่ำงๆ
4. สร้ำงประเทศชำติให้มีอำนำจมำกขึ้น
21.ถ้ำได้รับมอบหมำยให้จัดกำรแสดงละครที่มีข้อคิดและคติสอนใจเกี่ยวกับควำมจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต
และกำรรักษำระเบียบวินัยอย่ำงเคร่งครัด ละครเรื่องใดมีควำมเหมำะสมที่สุด
1. เลือดสุพรรณ
2. พันท้ำยนรสิงห์
3. มหำรำชดำ
4. สมเด็จพระสุริโยทัย
21
22.ละครเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์อย่ำงไร
1. มีเนื้อเรื่องเหมือนชีวิตจริง
2. ใช้คนเป็นตัวเอกของเรื่อง
3. ทำให้ชีวิตคนยืนยำว
4. กล่ำวถึงแต่คนที่มีชีวิต
23.เรื่องรำวที่จะนำมำแสดงละครสร้ำงสรรค์ควรมีลักษณะอย่ำงไร
1. ล้ำสมัยเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
2. กำลังอยู่ในควำมนิยมของสังคม
3. ชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียง
4. ให้ข้อคิดที่สำมำรถนำไปใช้ได้
24.ละครสร้ำงสรรค์เน้นเรื่องใดเป็นสำคัญ
1. ขั้นตอนกำรแสดง
2. เวทีและฉำกกำรแสดง
3. เครื่องแต่งกำย
4. อุปกรณ์ประกอบกำรแสดง
25.ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้อง
1. ละครแบบไม่เหมือนจริงจะเป็นละครแบบสุขนำฏกรรมเท่ำนั้น
2. โขนและละครของไทยจัดเป็นกำรนำเสนอละครแบบไม่เหมือนจริง
3. กำรชมละครแบบไม่เหมือนจริงผู้ชมไม่ต้องใช้จินตนำกำรหรือกำรตีควำม
4. ภำษำที่ใช้ในกำรแสดงละครแบบไม่เหมือนจริงจะเป็นภำษำถิ่นร้อยแก้ว
26.ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องเกี่ยวกับละครโรมัน
1. ตัวละครออกมำประกำศชื่อก่อนกำรแสดง
2. มีลักษณะเป็นแบบสุขนำฏกรรมทั้งสิ้น
3. ใช้เครื่องแต่งกำยที่มีสีฉูดฉำด
4. เริ่มแสดงตั้งแต่เช้ำจนถึงค่ำ
27.หลักกำรวิจำรณ์กำรแสดงนำฏศิลป์ไทย ผู้วิจำรณ์จะต้องมีควำมรู้ในเรื่องใด
1. กำรคิดประดิษฐ์ลีลำท่ำรำ
2. กำรจัดแสดงชุดต่ำงๆ
3. ควำมสำมำรถของผู้แสดง
4. องค์ประกอบของนำฏศิลป์
22
28.กำรวิเครำะห์กำรแสดงนำฏศิลป์ไทยอย่ำงมีหลักกำรต้องปฏิบัติอย่ำงไร
1. ต้องเสำะแสวงหำควำมรู้จำกผู้เชี่ยวชำญ
2. ต้องศึกษำด้ำนสุนทรียศำสตร์ของศิลปะกำรแสดง
3. ต้องมีประสบกำรณ์ในกำรชมกำรแสดงนำฏศิลป์ไทย
4. ต้องศึกษำให้เข้ำใจหลักกำรวิจำรณ์กำรแสดงแต่ละประเภท
29.ข้อใดจัดเป็นหลักกำรวิจำรณ์กำรแสดงนำฏศิลป์ที่ดี
1. แสดงควำมคิดเห็นได้สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชำญ
2. ติชมเพื่อก่อให้เกิดกำรพัฒนำไปสู่แนวทำงที่ดี
3. ใช้ภำษำในกำรวิจำรณ์ที่รุนแรง เร้ำอำรมณ์
4. เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียอย่ำงชัดเจน
30.ข้อใดเป็นกำรอนุรักษ์และส่งเสริมเอกลักษณ์ของชำติทำงด้ำนนำฏศิลป์ที่ดีที่สุด
1. กำรแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
2. กำรให้ควำมรู้แก่ประชำชน
3. กำรปรับปรุงฟื้นฟู
4. กำรยกย่องสรรเสริญ
23
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ 2552
ตอนที่ 1 ศิลปะ : จำนวน 40 ข้อ รวม 100 คะแนน
ส่วนที่ 1 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 33 ข้อ (ข้อ 1-33) : ข้อละ 2 คะแนน
1. สีใดที่ใช้แทนควำมรัก
1. ดำ
2. แดง
3. ชมพู
4. ขำว
2. ข้อใดไม่ใช่เอกลักษณ์ของงำนจิตรกรรมไทย
1. แสดงภำพแบนๆ แบบสองมิติ
2. แสดงแสงเงำตำมธรรมชำติ
3. แสดงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคลด้วยสี
4. แสดงจุดเด่นโดยไม่คำนึงถึงสัดส่วน
3. สีชนิดใดใช้ระบำยบำงๆ แบบสีน้ำและแบบปำดป้ำยเป็นก้อนในแบบสีน้ำมันได้
1. Pastel
2. Acrylic
3. Crayon
4. Marker
4. ข้อใดเป็นศิลปินในลัทธิประทับใจยุคหลัง (Post-Impressionism) ทั้งหมด
1. ปอลเซซำน (Paul Cezanne) มำร์เซล ดูชอง (Marcel Duchamp)
2. ปอล โกแกง (Paul Ganguin) ฟินเซนต์ ฟำนก๊อก (Vincent Van Gogh)
3. ซำลำดอร์ ดำลี (Salvador Dali) มักซ์ เอินสต์ (Max Ernst)
4. ชอร์ช บรำก (Georges Broque) ปำโบล ปิกัสโซ่ (Pablo Picasso)
ปีการศึกษา
24
5. ภำพโมนำลิซำ (Mona Lisa) ของลีโอนำโด ดำ วินซี (Leonardo do Vince) มีกำรใช้สิ่งใดในกำรจัด
องค์ประกอบศิลป์มำกที่สุด
1. ควำมสมดุล
2. ควำมกลมกลืน
3. เน้นสีต่ำงวรรณะกัน
4. เน้นด้วยเส้นให้เกิดระยะ
6. ลักษณะของแม่พิมพ์ทุบเป็นอย่ำงไร
1. เป็นแม่พิมพ์ชั่วครำว สำมำรถหล่อได้รูปเดียว
2. ไม่นิยมใช้ต้นแบบเป็นดินเหนียว
3. เป็นแม่พิมพ์ที่แข็งแรง ที่สำมำรถใช้หล่อได้หลำยครั้ง
4. หล่อได้ง่ำย ทนควำมร้อนได้ดี
7. กำรผสมปูนปลำสเตอร์ เพื่อหล่อรูปปั้นควรทำตำมข้อใด
1. ใส่น้ำในภำชนะ, โรยปูนพลำสเตอร์พอเสมอระดับน้ำ, กวนให้เข้ำกัน
2. ใส่น้ำในภำชนะสลับกับโรยปูนพลำสเตอร์ แล้วกวนให้เข้ำกัน
3. ใส่ปูนในภำชนะ, ใส่น้ำพอประมำณ, กวนให้เข้ำกันอย่ำงนุ่มนวล
4. ใส่ปูนและน้ำพร้อมๆ กัน แล้วกวนให้เข้ำกันอย่ำงรวดเร็ว
8. ภำพลำยรดน้ำของช่ำงศิลป์ไทย นิยมใช้สิ่งใดลงพื้น
1. รัก
2. สีน้ำมันมะเดื่อ
3. หรดำล
4. สีฝุ่น
9. แอนดี วอร์ฮอล เป็นศิลปินชนชำติใด และเป็นหนึ่งในศิลปินสมัยใด
1. อเมริกำ สมัยนิยม (Pop Art)
2. ฮอลแลนด์ สมัยเหมือนจริง (Realism)
3. โปแลนด์ สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยำ (Renaissance)
4. เยอรมัน สมัยหลังสมัยใหม่ (Postmodern)
10.ลำยกระหนก มีต้นแบบมำจำกธรรมชำติ 4 อย่ำงคือข้อใด
1. ดอกบัว ใบฝ้ำย รวงข้ำว เปลวไฟ
2. ดอกบัว หยดน้ำ นก รวงข้ำว
3. เปลวไฟ เมฆ เกลียวคลื่น ช้ำง
4. นก หยดน้ำ เกลียวคลื่น ปลำ
25
11.ข้อใดเป็นตัวอย่ำงประยุกต์ศิลปะกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
1. ภำพยนตร์เรื่องก้ำนกล้วย
2. หนังใหญ่
3. ละครหุ่นเชิด
4. หนังตะลุง
12.สีขั้นที่สำมในวงจรสีประกอบด้วยสีใด
1. ส้ม เขียว
2. แดง เหลือง
3. เขียวเหลือง ส้มแดง
4. แดงส้ม น้ำเงิน
13.เทคนิคกำรพิมพ์ประเภทใดที่นิยมใช้ในกำรพิมพ์กระเป๋ำผ้ำ
1. เทคนิคภำพพิมพ์แกะไม้ (Woodcut)
2. เทคนิคภำพพิมพ์โลหะ (Etching)
3. เทคนิคภำพพิมพ์หิน (Lithograph)
4. เทคนิคภำพพิมพ์ตะแกรงไหม (Silkscreen)
14.ในสมัยโรมัน มีกำรสร้ำงสรรค์เครื่องเป่ำทองเหลืองขึ้น และใช้องค์ประกอบดนตรีต่ำงๆ ที่ได้รับอิทธิพล
มำจำกวัฒนธรรมดนตรีกรีก ลักษณะกำรผสมวงจึงมีหลำกหลำยมำกขึ้น กำรผสมวงที่ใช้เครื่องเป่ำ
ทองเหลืองเป็นหลัก ชำวโรมันมักจะใช้เพื่อแสดงลักษณะอย่ำงไรมำกที่สุด
1. เข้มแข็ง สง่ำงำม
2. อ่อนหวำน ซำบซึ้ง
3. สนุกสนำน ร่ำเริง
4. นุ่มนวล สดใส
15.กำรแสดงละครเพื่อเน้นให้เห็นควำมงดงำมของเสียงดนตรีที่มีลักษณะเดียวกัน หรือคล้ำยคลึงกัน โดยนำ
กำรร่ำยรำมำประกอบ กำรแสดงครั้งนี้ควรใช้บทเพลงในข้อใด
1. ตับนำงลอย
2. ตับนำคบำศ
3. ตับลำวเจริญศรี
4. เพลงชมตลำด
26
16.กำรดูแลรักษำเครื่องดนตรีในข้อใดที่มีวิธีกำรคล้ำยคลึงกันมำกที่สุด
1. Flute, French horn
2. Oboe, English horn
3. Bassoon, Tuba
4. French horn, English horn
17.บทเพลงประเภท nocturne เป็นบทเพลงประเภท night music มักจะนำเสนอทำนองสองทำนอง
โดยทำนองแรกจะอยู่ในตอนแรกและตอนสุดท้ำย โดยตอนกลำงเป็นทำนองที่สอง ซึ่งควำมรู้สึกของ
บทเพลงประเภทนี้แสดงออกถึงควำมไพเรำะในลักษณะใด และรูปแบบที่นำเสนอทำนองสองทำนอง
ดังกล่ำวเรียกว่ำอะไร
1. Tranquillo, Binary Form
2. Cantabile, Binary Form
3. Vivo, Ternary Form
4. Dolce, Ternary Form
18.Music, homophony และ rhythm ต่ำงเป็นคำศัพท์ทำงดนตรีที่สำคัญ ซึ่งมีรำกศัพท์มำจำกวัฒนธรรม
ดนตรีที่เป็นรำกเหง้ำของดนตรีตะวันตก คือดนตรีของชนชำติใด
1. กรีกโบรำณ
2. อียิปต์โบรำณ
3. โรมัน
4. ฮิบรู
19.ในวิถีชีวิตของคนไทยแต่ดั้งเดิมมำ มีดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ว่ำจะประกอบกิจกรรมใดๆ เช่น
โกนจุก บวชนำค พิธีศพ มักจะมีดนตรีเป็นส่วนประกอบเสมอ ทำให้ดนตรีซึมซับอยู่ในควำมรู้สึก
เป็นสิ่งที่มีคุณค่ำ วงดนตรีที่มีบทบำทในกำรประกอบกิจกรรมต่ำงๆ เหล่ำนี้ มักจะเป็นวงดนตรี
ประเภทใด
1. วงเครื่องสำย
2. วงปี่พำทย์
3. วงมโหรี
4. วงขับไม้
20.กำรประพันธ์เพลงเพื่อแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมดนตรีในยุคบำโรค ควรเป็นบทเพลงในข้อใด
1. Etude No.1 in D minor
2. Mazurka in F major
3. Suite No.1 in C minor
4. Madrigal Comedy, Op.1
27
21.วงปี่พำทย์ประเภทหนึ่งที่พัฒนำขึ้นในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ เพื่อใช้ในกำรบรรเลงร้องส่ง หรือกำร
ขับกล่อม คือข้อใด
1. รัชกำลที่ 1 ปี่พำทย์เสภำเครื่องคู่
2. รัชกำลที่ 2 ปี่พำทย์เสภำเครื่องห้ำ
3. รัชกำลที่ 3 ปี่พำทย์ไม้แข็งเครื่องใหญ่
4. รัชกำลที่ 4 ปี่พำทย์ไม้นวมเครื่องคู่
22.กำรประพันธ์บทเพลงเพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกว่ำเป็นเพลงพื้นบ้ำนภำคกลำงที่สนุกสนำน น่ำจะมีลักษณะอย่ำงไร
1. เพลงในบันไดเสียงเมเจอร์ บรรเลงโดยวงปี่ซอ
2. เพลงในบันไดเสียงไมเนอร์ บรรเลงโดยวงกลองยำว
3. เพลงในบันไดเสียงเพนตำโทนิก บรรเลงโดยวงปี่ซอ
4. เพลงในบันไดเสียงเพนตำโทนิก บรรเลงโดยวงกลองยำว
23.กำรประพันธ์บทเพลงที่มีลักษณะเรียบง่ำย ไม่ใช้โน้ตประดับมำกมำย แสดงถึงควำมสดใส ใช้คอร์ดที่มี
เสียงกลมกลืนเป็นส่วนใหญ่ บทเพลงนี้น่ำจะเป็นลักษณะของบทเพลงในยุคใด
1. คลำสสิก
2. โรแมนติก
3. ศตวรรษที่ 20
4. ฟื้นฟูศิลปวิทยำ
24.ละครเรื่องใดที่นับเป็นกำรแสดงแบบโศกนำฏกรรม
1. ซินเดอเรล่ำ
2. โรมิโอ แอนด์ จูเลียต
3. ปลำบู่ทอง
4. โสนน้อยเรือนงำม
28
25.กำรแสดงนำฏศิลป์ในรูปภำพใดที่แสดงถึงอำรมณ์ควำมสนุกสนำน แข็งแรง กระฉับกระเฉงได้ดีที่สุด
1.
2.
3.
4.
26.ในกำรเลือกเพลงประกอบแสดงนำฏศิลป์ร่วมสมัยชุดหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องคำนึงถึงอะไร
1. เป็นเพลงร่วมสมัย
2. เป็นเพลงที่เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักทั่วไป
3. เป็นเพลงที่มีอำรมณ์และจังหวะสอดคล้องกับเนื้อหำของกำรแสดง
4. เป็นเพลงที่เร้ำใจ สร้ำงควำมตื่นเต้น และดึงดูดผู้ชมได้ดี
27.กำรฝึกฝนบัลเล่ต์สำมำรถแก้ไขข้อบกพร่องทำงสรีระข้อใดได้บ้ำง
1. หลังค่อม
2. ขำโก่ง
3. ศีรษะเอียง
4. เท้ำบิดออกด้ำนนอก
28.สิ่งใดที่ผู้วิจำรณ์กำรแสดงไม่จำเป็นต้องกล่ำวถึงในกำรวิจำรณ์กำรแสดง
1. กำรเล่ำเรื่องย่อกำรแสดงนั้นๆ
2. วิธีกำรเดินทำงไปสถำนที่ที่ชมกำรแสดง
3. มุมมองที่ผู้สร้ำงสรรค์ต้องกำรนำเสนอสู่ผู้ชม
4. ควำมสวยงำมของแสงสีประกอบกำรแสดง
29
29.มำรยำทในกำรชมกำรแสดงที่ดีคือข้อใด
1. พูดคุยถึงกำรแสดงฉำกต่ำงๆ เรื่องรำวของกำรแสดงนั้นๆ ให้กับเพื่อนที่ชมด้วยกันฟังตลอดเวลำ
2. พยำยำมอ่ำนสูจิบัตรกำรแสดงในเวลำชมกำรแสดงเพื่อให้เข้ำใจเรื่องรำว
3. ปิดเสียงโทรศัพท์และเครื่องมือสื่อสำรต่ำงๆ และไม่รับโทรศัพท์เด็ดขำดระหว่ำงชมกำรแสดง
4. ลุกไปเข้ำห้องน้ำระหว่ำงที่กำรแสดงอยู่ในช่วงที่ไม่สำคัญ
30.ในกำรแสดงงิ้ว สีของเครื่องแต่งกำยที่ตัวละครสวมใส่ สำมำรถบ่งบอกลักษณะนิสัยได้ ดังเช่น ขุนนำง
ที่มีคุณธรรมจะสวมชุดสีแดงหรือสีฟ้ำ แต่ถ้ำเป็นขุนนำงที่คดโกงจะสวมชุดสีอะไร
1. สีเขียวเข้ม
2. สีม่วง
3. สีน้ำเงิน
4. สีดำ
31.ข้อใดที่มีควำมสัมพันธ์กันในเชิงศิลปะกำรแสดง
1. The Tgar and Carpenter - จันทกินรี
2. The Nut Cracker - รำมำยณะ (อินโดนีเซีย)
3. คำบูกิ - กถักกฬิ
4. วำยังวอง - มณีปุรี
32.สมัยรำชวงศ์ใดของจีนที่ละครหุ่นมีควำมหลำกหลำยและโดดเด่นเป็นอย่ำงมำก
1. รำชวงศ์ฮั่น
2. รำชวงศ์สุย
3. รำชวงศ์ถัง
4. รำชวงศ์ซ่ง
33.นำฏศิลป์อินโดนีเซียแบบใดที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ
1. แบบสุรำกำร์ตำ
2. แบบซุนดำ
3. แบบบำหลี
4. แบบสุมำตรำ
30
ส่วนที่ 2 : แบบระบำยคำตอบที่สัมพันธ์กัน:จำนวน7ข้อ (ข้อ34-40)
ข้อ 34 - 39 ข้อละ 4 คะแนน และข้อ 40 ข้อละ 10 คะแนน
จงพิจำรณำเลือกคำตอบจำกตำรำงหมวดต่ำงๆ ที่โจทย์กำหนด หมวดละ 1 คำตอบ
ให้ครบทุกหมวด ตำมควำมต้องกำรของโจทย์จึงจะได้คะแนน
จงใช้ตัวเลือกจำกตำรำงหมวด A B C D E และ F ต่อไปนี้ ตอบคำถำมข้อ 34 - 36
รหัส ตัวเลือกหมวด B
1 อังกฤษ
2 ไทย
3 บำลี
4 สันสกฤต
5 จีน
6 อำหรับ
7 อินเดีย
8 เนปำล
รหัส ตัวเลือกหมวด A
1 Requiem
2 Cantata
3 Oratorio
4 Mass
5 เพลงเถำ
6 เพลงละคร
7 เพลงตับเรื่อง
8 เพลงเกร็ด
รหัส ตัวเลือกหมวด D
1 Recitative
2 Aria
3 Duet
4 Trio
5 Chorus
6 Ensemble
7 Orchestra
8 Quartet
รหัส ตัวเลือกหมวด C
1 Choir
2 Orchestra
3 Quartet
4 Concerto grosso
5 ปี่พำทย์ดึกดำบรรพ์
6 มโหรีเครื่องใหญ่
7 เครื่องสำยเครื่องใหญ่
8 ปี่พำทย์เครื่องใหญ่
31
กำรประพันธ์บทเพลงสวดในพุทธศำสนำขนำดใหญ่บทหนึ่ง โดยใช้แนวคิดกำรประพันธ์แบบ
บทเพลงสวดของนิกำยโรมันแคธอลิก ภำษำที่ใช้เป็นภำษำดั้งเดิมคล้ำยภำษำละติน บทสวดเริ่มต้นด้วยควำม
ยิ่งใหญ่ หลังจำกนั้น เน้นกำรแสดงควำมสำมำรถของกำรขับร้องเดี่ยวของนักร้องชำย โดยกำรร้องทำนอง
ที่ไพเรำะมำก แบ่งเป็นสองทำนองหลัก โดยทำนองแรกเป็นทำนองที่ยิ่งใหญ่ และทำนองที่สองเป็นทำนอง
เรียบง่ำย และปิดท้ำยด้วยทำนองแรกที่มีกำรเพิ่มเติมกำรแสดงควำมสำมำรถของนักร้องด้วย บทเพลงดำเนิน
ไปโดยมีกำรขับร้องหลำยรูปแบบ รวมทั้งกำรขับร้องช่วงหนึ่งที่เป็นกำรขับร้องระหว่ำงนักร้องเดี่ยวชำยและ
หญิงรวม 2 คน และจบลงด้วยควำมยิ่งใหญ่ของกำรบรรเลงและขับร้องทั้งหมด
34.ภำษำที่ควรใช้ในบทเพลงนี้คือภำษำอะไร ส่วนเริ่มต้นของบทเพลง ควรเป็นกำรขับร้องในลักษณะใด
และกำรขับร้องของนักร้องชำย เป็นลักษณะใด เลือกจำกหมวด B, C, และ D ตำมลำดับ
35.เพลงสวดในลักษณะนี้ เรียกว่ำอะไร รูปแบบกำรขับร้องของนักร้องชำย เรียกว่ำอะไร กำรขับร้อง
ระหว่ำงนักร้องเดี่ยวชำยและหญิงรวม 2 คน เรียกว่ำอะไร เลือกจำกหมวด A, E, และ D ตำมลำดับ
36.ถ้ำต้องเปลี่ยนแปลงกำรประพันธ์มำใช้ลักษณะของดนตรีไทย เพลงที่ประพันธ์ขึ้นมำ เรียกว่ำเพลง
ประเภทใด บทสวดเริ่มต้นด้วยควำมยิ่งใหญ่ด้วยกำรบรรเลงของวงดนตรี ควรใช้วงดนตรีประเภทใด
และกำรบรรเลงและขับร้องตอนท้ำย เป็นกำรผสมผสำนของดนตรีไทยและสำกลควรเป็นลักษณะใด
เลือกจำกหมวด A, C, และ F ตำมลำดับ
รหัส ตัวเลือกหมวด F
1 ปี่พำทย์เครื่องคู่ กำรร้องประสำนเสียง
2 ปี่พำทย์เครื่องใหญ่ กำรร้องหมู่
3 มโหรีเครื่องคู่ กำรร้องประสำนเสียง
4 มโหรีเครื่องใหญ่ กำรร้องประสำนเสียง
5 เครื่องสำยเครื่องใหญ่ กำรร้องหมู่
6 มโหรีเครื่องใหญ่ กำรร้องหมู่
7 มโหรีเครื่องคู่ กำรร้องหมู่
8 ปี่พำทย์เครื่องคู่ กำรร้องหมู่
รหัส ตัวเลือกหมวด E
1 Rondo
2 Tutti
3 Concentrate
4 Da segno
5 Binary
6 Minuet
7 Da capo
8 D.S. al fine
32
จงใช้ตัวเลือกจำกตำรำงหมวด G H I และ J ต่อไปนี้ ตอบคำถำมข้อ 37 - 39
37.ระบำย่องหงิดเป็นกำรจับระบำของเหล่ำเทวดำนำงฟ้ำที่หำชมได้ยำกอีกชุดหนึ่ง ดังนั้นหำกท่ำนต้องกำร
อนุรักษ์และเผยแพร่ระบำดังกล่ำว ควรบรรจุระบำดังกล่ำวในละครเรื่องใดและประเภทใด โดยเลือก
คำตอบจำกตำรำงหมวด H และ G ตำมลำดับ
38.กำรแสดงนำฏศิลป์อินเดียที่เน้นกำรกระโดด กำรหมุนตัวบนพื้นและผู้แสดงต้องตีกลองที่คล้องอยู่ที่คอ
ของตนด้วย กำรแสดงดังกล่ำวคือกำรแสดงประเภทใดและชื่อชุดอะไร โดยเลือกคำตอบจำกตำรำงหมวด
I และ J ตำมลำดับ
39.หำกท่ำนได้รับมอบหมำยให้จัดกำรแสดงที่สะท้อนถึงกำรเลือกคู่ครอง (ปลูกเรือนตำมใจผู้อยู่)
ให้ประชำชนทั่วไปชม (อำยุเฉลี่ย 18-35 ปี) เวทีชั่วครำวหน้ำศูนย์กำรค้ำสยำมพำรำกอน ท่ำนจะเลือกใช้
รูปแบบกำรแสดงประเภทใดและเรื่องใด โดยเลือกคำตอบจำกตำรำงหมวด G และ H ตำมลำดับ
รหัส ตัวเลือกหมวด H
1 มโนห์รำ
2 สังข์ทอง
3 ไกรทอง
4 นิทรำชำคริต
5 อิเหนำ
6 อุณรุท
รหัส ตัวเลือกหมวด G
1 ละครนอก
2 ละครใน
3 ละครดึกดำบรรพ์
4 โอเปร่ำ
5 บัลเล่ต์
6 นำฏศิลป์ร่วมสมัย
รหัส ตัวเลือกหมวด J
1 อลำริปปู
2 ไตรภัณกิ
3 อติภัณกิ
4 ทันดำวำ
5 รำลลีลำ
6 นฤตตำ
รหัส ตัวเลือกหมวด I
1 ภำรตะนำฏยัม
2 โอดิสสี
3 มณีปุรี
4 กถัก
5 กุจิ ปุดิ
6 กถักกฬิ
33
จงใช้ตัวเลือกจำกตำรำงหมวด A B และ C ต่อไปนี้ ตอบคำถำมข้อ 40
40.ในกำรแสดงละครพันทำง เรื่องพระอภัยมณีเนื่องในวันสุนทรภู่ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
(โรงเล็ก) ซึ่งเป็นฉำกที่ชีเปลือยได้ผลักสุดสำครตกลงไปในเหว แล้วพระฤๅษีได้มำช่วยสุดสำครไว้ทัน
พร้อมทั้งสอนว่ำอย่ำไว้วำงใจใครง่ำยๆ มิฉะนั้นอำจจะได้รับควำมเดือดร้อนเหมือนเช่นครั้งนี้
ในฉำกนี้ควรใช้โทนสีใด ให้เลือกจำกหมวด A วงดนตรีที่ควรใช้บรรเลงประกอบละครเรื่องนี้
คือวงประเภทใด ให้เลือกจำกหมวด B และตัวละครใดแต่งกำยถูกต้องให้เลือกจำกหมวด C
รหัส ตัวเลือกหมวด B
1 มโหรีเครื่องเล็ก
2 มโหรีเครื่องคู่
3 มโหรีเครื่องใหญ่
4 ปี่พำทย์เครื่องใหญ่
5 ปี่พำทย์เครื่องห้ำ
6 ปี่พำทย์ไม้นวม
รหัส ตัวเลือกหมวด A
1 ฟ้ำหม่น
2 ชมพู
3 แดงสด
4 เขียวสด
5 ม่วงครำม
6 ส้มเหลือง
รหัส ตัวเลือกหมวด C
1 ฤๅษีสวมชุดหนังเสือ
2 ฤๅษีสวมชุดนักบวชสีขำว
3 สุดสำครสวมชุดหนังเสือ
4 สุดสำครสวมชุดนักบวชสีขำว
5 ชีเปลือยสวม All in one สีเนื้อ
6 ชีเปลือยสวม All in one สีขำว
34
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ 2553
ตอนที่ 1 ศิลปะ : จำนวน 40 ข้อ รวม 100 คะแนน
ส่วนที่ 1 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 33 ข้อ (ข้อ 1-33) : ข้อละ 2 คะแนน
1. ภำพนี้แสดงทัศนธำตุใดที่สื่อให้เห็นควำมงำมของภำพไทย
1. เส้น
2. รูปทรง
3. รูปร่ำง
4. พื้นที่ว่ำง
2. ขั้นตอนและวิธีกำรในกำรวิจำรณ์ผลงำนทัศนศิลป์ข้อใดถูกต้องที่สุด
1. พรรณนำ วิเครำะห์ ตีควำมหมำย ประเมินค่ำ
2. พรรณนำ ตีควำมหมำย วิเครำะห์ ประเมินค่ำ
3. ตีควำมหมำย วิเครำะห์ ประเมินค่ำ พรรณนำ
4. ตีควำมหมำย พรรณนำ วิเครำะห์ ประเมินค่ำ
ปีการศึกษา
35
3. ภำพ “ยำมเช้ำ” ผลงำนของศำสตรำจำรย์ประหยัด พงษ์ดำ เป็นกำรสร้ำงสรรค์ด้วยเทคนิคและอุปกรณ์
ชนิดใด
1. เทคนิคภำพพิมพ์ (แม่พิมพ์แกะไม้)
2. เทคนิคภำพพิมพ์ (แม่พิมพ์กระดำษ)
3. เทคนิคภำพพิมพ์ (แม่พิมพ์หิน)
4. เทคนิคจิตรกรรมสีน้ำมัน
4. ศิลปินไทยนำเปลวไฟเป็นแรงบันดำลใจในกำรสร้ำงสรรค์ลำยใด
1. ลำยกนก
2. ลำยรักร้อย
3. ลำยกระจัง
4. ลำยดอกลอย
5. ในกำรวำดภำพกล้วยไข่สุกด้วยเทคนิคสีน้ำ ท่ำนจะเลือกใช้สีอะไรบ้ำงผสมกันเพื่อให้เหมือนจริง
ขณะเดียวกันกล้วยไข่วำงอยู่บนผ้ำสีม่วง สีที่เป็นเงำของกล้วยไข่ควรใช้สีอะไร เพื่อให้เกิดเงำสะท้อน
(Reflected) ต่อกัน
1. ใช้สีเหลืองผสมสีแดงผสมสีน้ำเงินเล็กน้อย ส่วนเงำใช้สีม่วง
2. ใช้สีขำวผสมสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเล็กน้อย ส่วนเงำใช้สีม่วง
3. ใช้สีเหลืองผสมสีแดงผสมสีขำวเล็กน้อย ส่วนเงำใช้สีดำ
4. ใช้สีขำวผสมสีเหลืองผสมสีแดงเล็กน้อย ส่วนเงำใช้สีน้ำเงิน
6. มิติระยะของภำพจะเกิดขึ้นได้ด้วยกำรเน้นวิธีใด
1. เน้นด้วยผิว สี
2. เน้นด้วยขนำด พื้นผิว
3. เน้นด้วยขนำด สี
4. เน้นด้วยสี รูปทรง
36
อ่านข้อความต่อไปนี้ และตอบคาถามข้อ 7-10
“กำร์ตูนกับสังคมไทย”
กำร์ตูนเป็นศิลปะกำรวำดภำพอย่ำงหนึ่งที่ช่วงส่งเสริมควำมคิดสร้ำงสรรค์กำรจินตนำกำร
แฝงด้วยอำรมณ์สนุกสนำน นักเขียนกำร์ตูนจึงต้องมีจิตวิทยำในกำรนำเสนอเนื้อหำและรูปแบบที่เรียบง่ำย
ตลกขบขัน น่ำสนใจ
โดยวำดภำพอย่ำงง่ำยๆ ที่เน้นลีลำของเส้น-สี มีลักษณะไม่เหมือนจริง อำจจะเกินควำมจริง
หรือน้อยกว่ำควำมเป็นจริง โดยกำรลดตัดทอนหรือเพิ่มเติมเพื่อแสดงออกให้เกิดควำมตลกขบขัน ล้อเลียน
เสียดสี ที่สอดแทรก เรื่องรำว วิถีชีวิตหรือเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
ปัจจุบันกำร์ตูนไทยที่ถือได้ว่ำครองใจคนทุกเพศทุกวัยอันดับหนึ่งคือ ขำยหัวเรำะ มหำสนุก
ซึ่งเป็นกำร์ตูนแนวเรื่องสั้น นอกจำกนี้ยังมีกำร์ตูนประเภทล้อเลียนกำรเมือง เขียนโดยชัย รำชวัตร
กำร์ตูนมีหลำยประเภท ดังนี้
1. กำร์ตูนกำรเมืองเป็นกำร์ตูนที่มุ่งล้อเลียน เสียดสี ประชดประชันบุคคลหรือเหตุกำรณ์
ทำงกำรเมือง เพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่ำนเกิดควำมคิดเห็นใหม่ๆ อำจมีคำบรรยำยหรือไม่มีก็ได้ โดยนำเสนอภำพ
เป็นช่องเดียวหรือหลำยช่องก็ได้
2. กำร์ตูนขบขัน เป็นกำร์ตูนที่เน้นควำมตลกขบขันเป็นหลัก ที่เก็บเนื้อเรื่องมำจำกวิถีชีวิตหรือ
เหตุกำรณ์ในชีวิตประจำวัน
3. กำร์ตูนเรื่องรำว เป็นกำร์ตูนที่นำเสนอเรื่องรำวที่มีควำมต่อเนื่องกันจนจบ มีคำบรรยำย
บทสนทนำภำยในภำพ สำหรับกำร์ตูนไทยที่นิยมเขียนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวรรณคดี นิยำยพื้นบ้ำน
เรื่องจักรๆ วงศ์ๆ
4. กำร์ตูนประกอบเรื่องเป็นกำร์ตูนที่เขียนเพื่อสื่อสำรประกอบข้อควำม หรืออธิบำยข้อควำมให้
เข้ำใจง่ำยและน่ำสนใจ เช่น กำร์ตูนโฆษณำ กำร์ตูนประกอบสื่อกำรศึกษำ
5. กำร์ตูนมีชีวิต หรือภำพยนตร์กำร์ตูน มีกำรลำดับภำพและเรื่องรำวต่อเนื่องคล้ำยกับภำพนักแสดง
ที่เป็นคนในภำพยนตร์ หรือใช้แสดงประกอบกับนักแสดงที่เป็นคนในภำพยนตร์
กำรเขียนกำร์ตูนที่ดีควรมีกำรสื่อสำรอำรมณ์ควำมรู้สึกในเชิงตลกขบขัน มีรูปแบบที่เรียบง่ำย
ด้วยลีลำของเส้น สี รูปร่ำง มีเอกลักษณ์เฉพำะตน ผู้เริ่มฝึกเขียนกำร์ตูนจึงควรมีทักษะ ดังนี้
1. ฝึกเขียนลีลำของเส้นในลักษณะต่ำงๆ เช่น เส้นตรง เส้นโค้ง เส้นอิสระ
2. เขียนภำพวัตถุ สิ่งของ ภำพคน ภำพสัตว์ หรือภำพสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเพื่อใช้เป็นแนวทำง
ในกำรนำมำเขียนภำพกำร์ตูน
3. ฝึกกำรเขียนรูปแบบจำกธรรมชำติที่อยู่รอบตัวในเชิงลดตัดทอน หรือเพิ่มเติมรูปแบบให้เรียบง่ำย
ในลักษณะคล้ำยจริง เกินควำมจริง น้อยกว่ำควำมจริง เป็นต้น
37
4. ศึกษำแนวหรือประเภทกำร์ตูนที่ชื่นชอบ เช่น กำร์ตูนล้อกำรเมือง กำร์ตูนขบขัน กำร์ตูน
ประกอบเรื่อง เป็นต้น
5. พล็อตเรื่องที่จะวำดเริ่มจำก THEME แล้วแบ่งเรื่องเป็นตอนใน (Story board)
6. ร่ำงภำพจำกแนวคิดจินตนำกำร
7. ตัดเส้น ลงสี เก็บรำยละเอียด
7. ทัศนธำตุใดที่ต้องฝึกฝนเพื่อเป็นพื้นฐำนในกำรวำดภำพกำร์ตูน
1. แสง – เงำ พื้นผิว
2. สี รูปทรง
3. เส้น สี
4. จุด รูปทรง
8. ถ้ำท่ำนจะวำดภำพกำร์ตูนให้เป็นที่นิยมของคนทั่วไปต้องคำนึงถึงอะไร
1. ต้องเป็นภำพสื่อให้เห็นถึงรูปแบบที่เรียบง่ำยมีควำมเหมือนจริงตำมธรรมชำติ
2. ต้องเป็นภำพที่เรียบง่ำย สื่อสำรอำรมณ์ควำมรู้สึกในเชิงตลกขบขัน
3. ต้องเป็นภำพลำยเส้นเรียบง่ำยสื่อวิถีชีวิตในสังคมได้ดี
4. ต้องสำมำรถนำเสนอเป็นภำพโฆษณำ สื่อกำรศึกษำได้
9. ถ้ำนักเรียนต้องกำรวำดภำพกำร์ตูนล้อเลียนกำรเมืองจะดำเนินกำรอย่ำงไร
1. ร่ำงภำพ – เก็บรำยละเอียด – ตรวจสอบควำมถูกต้องของเนื้อเรื่อง
2. วำงเนื้อเรื่อง – ร่ำงภำพ – เก็บรำยละเอียด
3. วำงเนื้อเรื่อง – ตัดเส้น – ลงสี
4. ร่ำงภำพ – ตัดเส้น – ลงสี – ตรวจสอบควำมถูกต้องของเนื้อเรื่อง
10.กำร์ตูนประเภทใดที่นำเทคโนโลยีเข้ำมำเกี่ยวข้องมำกที่สุด
1. กำร์ตูนขบขัน
2. กำร์ตูนประกอบเรื่อง
3. กำร์ตูนมีชีวิต
4. กำร์ตูนเรื่องรำว
11.จิตรกรรมไทยใช้ลักษณะเด่นของทัศนธำตุข้อใดมำกที่สุด
1. สี
2. เส้น
3. ช่องไฟ
4. จังหวะ
38
12.กำรผสมวงดนตรีในข้อใดเรียงลำดับตำมยุคสมัยประวัติศำสตร์ไทยถูกต้อง
1. วงปี่พำทย์เครื่องห้ำ วงปี่พำทย์ดึกดำบรรพ์ วงเครื่องสำย
2. วงปี่พำทย์ดึกดำบรรพ์ วงเครื่องสำยผสมขิม วงมโหรี
3. วงบัวลอย วงปี่พำทย์ดึกดำบรรพ์ วงปี่พำทย์เครื่องห้ำ
4. วงขับไม้ วงปี่พำทย์เครื่องห้ำ วงเครื่องสำยผสมออร์แกน
13.บทเพลงใดประพันธ์เพื่อใช้ประกอบกิจกรรมในสังคม มิใช้กำรฟังเพื่อควำมไพเรำะ
1. เพลงโหมโรงจอมสุรำงค์
2. เพลงสุดสงวน เถำ
3. เพลงขวัญใจดอกไม้ของชำติ
4. เพลงลำวดวงเดือน
14.ในกำรแสดงเพื่อสื่อถึงบรรยำกำศที่สดชื่นรื่นรมย์ ควรใช้เพลงใด
1. เพลงสร้อยสนตัด
2. เพลงมหำฤกษ์
3. เพลงสีนวล
4. เพลงนำงนำค
15.เอกลักษณ์สำคัญของกำรขับร้องเพลงไทยเดิมคืออะไร
1. กำรใช้ปำกและกำรหำยใจ
2. กำรเอื้อน
3. กำรตัดเสียงให้กลมกล่อม
4. กำรผ่อนและกำรถอนลมหำยใจ
16.กำรใช้เพลงประกอบกำรแสดงทำให้เกิดอรรถรสด้ำนใดมำกที่สุด
1. อำรมณ์สะเทือนใจ
2. ควำมงดงำมตระกำรตำ
3. แสงและสีที่สร้ำงบรรยำกำศ
4. แนวคิดในกำรสื่อควำมหมำย
17.บทเพลงสวดทำงศำสนำ นิกำยโรมันคำธอลิก ที่เรียกว่ำ ชานต์ (Chant) ในยุคโบรำณมีลักษณะอย่ำงไร
1. เป็นบทเพลงที่มีกำรขับร้องแนวเสียงเดียวแบบ Monody
2. เป็นบทเพลงที่มีกำรขับร้องประสำนเสียงแบบ Homophony
3. เป็นบทเพลงที่มีกำรขับร้องประสำนเสียงแบบ Heterophony
4. เป็นบทเพลงที่มีกำรขับร้องประสำนเสียงแบบ Polyphony
39
18.ข้อใดน่ำจะเป็นเรื่องรำวของดนตรีในยุคบำโรค
1. เอกสำรต้นฉบับที่แสดงอยู่ในตู้นิทรรศกำรระบุว่ำจัดพิมพ์ในปี ค.ศ.1760
2. บทเพลงที่ออกอำกำศทำงวิทยุ เป็นผลงำนกำรประพันธ์ประเภท ซิมโฟนี
3. เอกสำรที่ค้นพบ แสดงว่ำ ผลงำนกำรประพันธ์เป็นของแลนดินี และพำเคลเบล
4. เอกสำรที่ค้นพบ เป็นโน้ตเพลงประเภท คำนตำตำ
19.กำรสืบทอดดนตรีไทยสำนักหนึ่งที่สำคัญ มีกำรถ่ำยทอดต่อกันมำ ข้อใดเป็นกำรสืบทอดในสำยเดียวกัน
1. พระประดิษฐ์ไพเรำะ (มี ดุริยำงกูร) พระยำประสำนดุริยศัพท์ (แปลก ประสำนศัพท์)
หลวงประดิษฐ์ไพเรำะ (ศร ศิลปบรรเลง)
2. ครูช้อย สุนทรวำทิน พระยำประสำนดุริยศัพท์ (แปลก ประสำนศัพท์) พระยำภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี)
3. หลวงไพเรำะ เสียงซอ (อุ่น อูรยชีวิน) พระประดิษฐ์ไพเรำะ (มี ดุริยำงกูร) หลวงประดิษฐ์ไพเรำะ
(ศร ศิลปบรรเลง)
4. พระยำประสำนดุริยศัพท์ (แปลก ประสำน) หลวงไพเรำะ เสียงซอ (อุ่น ดูรยชีวิน)
จำงวำงทั่ว พำทยโกศล
20.ในช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยใด ที่ดนตรีไทยเฟื่องฟู คนไทยมีควำมภำคภูมิใจ นิยมชมชื่นดนตรี
ไทยอย่ำงมำก และยุคใดที่ดนตรีไทยกลำยเป็นวัฒนธรรมที่ถูกจำกัดในกำรแสดง ทำให้ดนตรีไทยแทบ
สูญสิ้นไปจำกแผ่นดินไทย
1. รัชกำลที่ 6 และรัชกำลที่ 7
2. รัชกำลที่ 5 และรัชกำลที่ 7
3. รัชกำลที่ 2 และรัชกำลที่ 8
4. รัชกำลที่ 3 และรัชกำลที่ 8
21.พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวทรงเครื่องเป่ำได้อย่ำงยอดเยี่ยม เครื่องเป่ำในที่นี้คืออะไร
1. ฟลูต
2. โอโบ
3. ฮอร์น
4. คลำริเนต
22.ในช่วงหนึ่งของกำรแสดงดนตรีไทย บทเพลงที่บรรเลงติดต่อกัน 2 บทเพลง คือ เพลงเทพทองและเพลง
ขับไม้บัณเฑำะว์ กำรบรรเลงเพลงในช่วงนี้บ่งบอกถึงยุคใดทำงดนตรี
1. สุโขทัย
2. อยุธยำ
3. รัตนโกสินทร์ตอนต้น
4. รัตนโกสินทร์ตอนกลำง
40
23.กำรแสดงนำฏศิลป์พื้นเมืองอีสำนโดยส่วนใหญ่ มีลักษณะกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยเป็นอย่ำงไร
1. เชื่องช้ำ นุ่มนวล เนิบนำบ
2. รวดเร็ว กระฉับกระเฉง
3. เชื่องช้ำสลับกับรวดเร็ว
4. นุ่มนวลสลับกับกระฉับกระเฉง
24.ในกำรจัดกำรแสดงระบำโคมบัวที่มีผู้แสดง 10-12 คน เพื่อให้กำรแสดงดังกล่ำว เกิดควำมสวยงำม
แปลกตำ ชวนให้ติดตำมชม ควรใช้วิธีกำรใด
1. เปลี่ยนรูปทรงโคมบัว
2. มีกำรแปรแถวที่หลำกหลำย
3. เพิ่มรำยละเอียดของเครื่องแต่งกำย
4. เลือกใช้ท่ำรำขั้นสูง
25.องค์ประกอบนำฏศิลป์ข้อใดที่ควรนำมำเป็นหลักในกำรวิจำรณ์
1. นำฏกรรม ดนตรี และวรรณกรรม
2. นำฏกรรม ดนตรี วรรณกรรม และจิตรกรรม
3. นำฏกรรม ดนตรี วรรณกรรม จิตรกรรรม และประติมำกรรม
4. นำฏกรรม ดนตรี วรรณกรรม จิตรกรรม ประติมำกรรม และสถำปัตยกรรม
26.หำกท่ำนได้รับมอบหมำยให้จัดกำรแสดงละครที่มีแนวควำมคิดเกี่ยวกับควำมเสียสละและควำมรักชำติ
ดังนั้นควรเลือกเรื่องใด
1. พญำผำนอง
2. บำงระจัน
3. พันท้ำยนรสิงห์
4. พระร่วง
27.ข้อใดแสดงให้เห็นถึงกำรเห็นคุณค่ำและภำคภูมิใจในมรดกทำงวัฒนธรรมของชำติน้อยที่สุด
1. ปรีดำมักจะดูแคลนพวกวิกลิเก
2. ปิยะดำไม่อยำกให้ใครรู้ว่ำรำโนรำได้
3. ปำนวำดรู้สึกอำยทุกครั้งที่ต้องแสดงนำฏศิลป์ไทยให้คนอื่นชม
4. ปำริชำติชอบดูนำฏศิลป์ไทยแบบรำชสำนักเท่ำนั้น
41
28.ภำพในข้อใดไม่ใช่นำฏศิลป์ตะวันออกแบบดั้งเดิม
1.
2.
3.
4.
29.กำรแสดงชุดใดเหมำะสมที่จะนำไปแสดงในงำนฌำปนกิจศพ
1. รำอวยพรสู่สรวงสวรรค์
2. ระบำดำวดึงส์
3. ระบำเทพทอง
4. ระบำเทพนิมิตร
42
จงอ่ำนบทควำมต่อไปนี้ และตอบคำถำมข้อ 30 - 31
“ศิลปะกำรแสดงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ทั้งสภำพชีวิต ควำมเป็นอยู่ กำรดำเนินกิจกรรม
ทำงสังคมของมนุษย์ ในขณะที่เด็กไทยในปัจจุบันได้ไหลไปตำมกระแสวัฒนธรรมประชำนิยมหรือตำม
แฟชั่น เรียนรู้ที่จะเลือกชมกำรแสดงที่กำลังอินเทรนด์ มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับกำรยอมรับจำกเพื่อน จนลืมไป
แล้วว่ำยังมีนำฏศิลป์ประจำชำติ ภำวะเช่นนี้เป็นที่น่ำวิตกว่ำ นำฏศิลป์ไทยจะยังคงเหลือถึงลูกหลำนของเรำ
ในวันข้ำงหน้ำหรือไม่ เหตุใดรำไทยจึงไม่มีใครดู เหตุผลนี้ได้ยินเสมอๆ คือ น่ำเบื่อ น่ำรำคำญ ชักช้ำยืดยำด
เทคนิคแย่ รำซ้ำไปซ้ำมำ ไม่เข้ำใจ ฯลฯ ซึ่งเรำเองก็ไม่อำจฝืนกระแสวัฒนธรรมประชำนิยมนี้ได้มำกเท่ำไร
น่ำดีใจที่ปัจจุบันกระแสนิยมไทยกำลังกลับมำ มีโรงเรียนสอนรำ โรงละคร โรงหุ่น สถำนที่
เอื้อต่อกำรจัดกำรแสดงเกิดขึ้นมำกมำยและได้รับกำรตอบรับเป็นอย่ำงดี เพรำะคนกลุ่มหนึ่งพยำยำมที่จะ
เปลี่ยนวิกฤตของศิลปะกำรแสดงของไทยให้เป็นโอกำส (ทำงธุรกิจ) อันดี ทั้งนี้ผู้ประกอบกำรไม่ควร
มองข้ำมควำมเป็นศิลปะแห่งงำนนำฏกรรม มิใช่มุ่งผลิตที่เน้นปริมำณมำกกว่ำคุณภำพ นิมิตหมำยอันดีนี้
น่ำจะเป็นอำนิสงส์มำจำกนำฏยศิลปินกลุ่มหนึ่งยอมรับในเรื่องกำรบริหำรจัดกำรด้ำนวัฒนธรรม
แม้ว่ำคนไทยในชำติจะตอบรับน้อยก็ตำม แต่ก็สำมำรถทำให้งำนนำฏศิลป์ไทยกลำยเป็นสินค้ำ
ทำงวัฒนธรรมที่ตอบรับกับธุรกิจกำรท่องเที่ยวได้มำกกกว่ำกำรขำยสุนทรียะในผลงำน”
30.จำกบทควำมดังกล่ำวสะท้อนให้เห็นถึงสถำนกำรณ์ของนำฏศิลป์ไทยในปัจจุบันว่ำเป็นอย่ำงไร
1. เป็นสินค้ำทำงวัฒนธรรม
2. เน้นปริมำณกำรผลิตมำกกว่ำคุณภำพ
3. เป็นโอกำสทำงธุรกิจของผู้จัดกำรแสดง
4. ควำมสนใจของผู้ชม
31.หำกต้องกำรให้นำฏศิลป์ไทยกลับมำได้รับควำมนิยมในปัจจุบัน ผู้จัดกำรแสดงควรดำเนินกำรอย่ำงไร
1. เปิดโรงเรียนสอนรำเพิ่มขึ้น
2. จัดให้มีกำรแสดงที่เหมำะสมกับสถำนที่
3. บริหำรจัดกำรด้ำนวัฒนธรรมและคงรักษำไว้ซึ่งสุนทรียะทำงนำฏศิลป์
4. เพิ่มปริมำณกำรผลิตงำนนำฏศิลป์ให้มำกยิ่งขึ้น
43
32.ภำพใดที่แสดงให้เห็นถึงควำมแข็งแรงของผู้แสดงน้อยที่สุด
1.
2.
3.
4.
33.ข้อใดเป็นกำรสนับสนุนและส่งเสริมให้เยำวชนตระหนักถึงควำมสำคัญของนำฏศิลป์อันเป็นวัฒนธรรม
ประจำชำติ
1. ให้ทุนสนับสนุนแก่กลุ่มนิสิตนักศึกษำในกำรจัดค่ำยอำสำ “นำฏศิลป์ในถิ่นเกิด”
2. ให้ทุนสนับสนุนกำรประกวดหำงเครื่องลูกทุ่งคอนเทสต์แก่โรงเรียนระดับมัธยมศึกษำ
3. เปิดสอนมวยไทยฟรีทุกวันอำทิตย์
4. ให้นักเรียนสวมชุดไทยมำเรียนในวันศุกร์
44
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(ทัศนศิลป์)
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
1. 3.
เพรำะปริมำตรหรือควำมจุ เป็นตัวบ่งปริมำณว่ำวัตถุนั้นๆ มีที่ว่ำงเท่ำไหร่ ซึ่งไม่ได้มี
ควำมสัมพันธ์กับคำว่ำ ทัศนธำตุ ที่จะประกอบไปด้วย จุด เส้น รูปร่ำง รูปทรง พื้นผิว
บริเวณที่ว่ำงน้ำหนักอ่อน-แก่ และสี
2. 4
เพรำะกำรวำดภำพด้วยเส้นโค้งอิสระโดยกำรลำกเส้นโค้งให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
แล้วปล่อยน้ำหนักที่ปลำย จะให้ควำมรู้สึกว่ำมีควำมต่อเนื่องขึ้นไปอีก ซึ่งจะ
ช่วยสื่อถึงควำมเจริญเติบโตก้ำวหน้ำ
3. 4.
เพรำะกำรที่จะวำดภำพคนเต็มตัวได้ดีนั้นควรจะต้องศึกษำภำยวิภำค (Anatomy)
ควบคู่ไปด้วย กำรศึกษำวิชำกำยวิภำคจะเป็นกำรเรียนรู้เรื่องของสัดส่วน เริ่มจำก
สัดส่วนของกะโหลก กระดูก โครงสร้ำงของร่ำงกำยทั้งหมด แล้วค่อยๆ ศึกษำเรื่อง
กล้ำมเนื้อที่ผูกยึดติดกับกระดูกนั้นๆ หลังจำกนั้นก็วำดภำพที่มีผิวหนังห่อหุ้มอยู่เป็น
ขั้นตอนต่อไป
4. 4.
เพรำะจำกคำกล่ำวแสดงอำกำรให้เห็นเด่นชัดที่ดวงตำมีลักษณะคล้ำยอำกำรแปลกใจ
ประหลำดใจ แต่จะรุนแรงกว่ำ มีอำกำรตัวสั่น เหงื่อแตก ยกมือขึ้นมำปิดหน้ำ ก้ำวขำ
ไม่ออก สำมำรถสื่อทำงสีหน้ำได้โดยดวงตำเบิกกว้ำง ลูกตำดำอยู่กลำงดวงตำ และ
ใหญ่กว่ำปกติ มีเส้นรอยย่นหนึ่งเส้น หรือมำกกว่ำที่หน้ำผำก อ้ำปำกกว้ำง มุมปำก
ตกลงด้ำนล่ำง
5. 3.
เทคนิคน้ำหนักอ่อน-แก่นิยมนำมำใช้กับภำพที่มีลักษณะ 2 มิติ โดยมำกจะเป็นงำน
ประเภทจิตรกรรม ซึ่งจะใช้เทคนิคน้ำหนักอ่อน-แก่ของแสงเงำ น้ำหนักอ่อน-แก่ของ
สี มำสร้ำงเป็นภำพลวงตำให้มีควำมลึกหรือนูนได้
6. 4.
เพรำะภำพตอนพระอำทิตย์ใกล้จะตกดินเป็นภำพที่มีควำมสด หรือควำมบริสุทธิ์ของ
สีใดสีหนึ่ง สีที่ถูกผสมด้วยสีดำจนหม่น ควำมจัด หรือควำมบริสุทธิ์จะลดลง
จึงถือเป็นภำพที่แสดงควำมเด่นชัดของสี (Intensity) ได้เป็นอย่ำงดี
7. 4.
เพรำะกำรออกแบบที่ดีจะเน้นที่ประโยชน์ใช้สอยควบคู่กับควำมงำม ซึ่งเรียกว่ำ
“กำรสร้ำงสรรค์งำนศิลปะ” ดังนั้น กำรออกแบบที่ดีจึงควรออกแบบผลิตภัณฑ์ให้
สำมำรถใช้ประโยชน์ได้มำกที่สุดและดีที่สุด
45
8. 2.
กำรออกแบบเป็นกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนทัศนศิลป์ชิ้นใหม่ขึ้น ทั้งนี้เพื่อมุ่งประโยชน์
ใช้สอย หรือแสดงออกซึ่งควำมงำมให้ผู้อื่นได้รับรู้ สัมผัส ตลอดจนนำเอำผลงำนเดิม
ที่มีอยู่แล้วมำต่อยอดพัฒนำให้มีควำมสวยงำม หรือประสิทธิภำพมำกขึ้น
9. 3.
เพรำะกำรเลียนแบบผลงำนศิลปะมำจำกสิ่งอื่น ไม่สำมำรถสร้ำงควำมพึงพอใจ
ในกำรออกแบบได้ แต่หำกงำนนั้นถูกสร้ำงมำจำกควำมคิดสร้ำงสรรค์ของตนเอง
ย่อมจะสร้ำงควำมพึงพอใจได้มำกกว่ำ
10. 4.
เพรำะคำว่ำ “ศิลปะ” โดยทั่วๆ ไปแล้วจะหมำยถึงกำรกระทำหรือขั้นตอนในกำร
สร้ำงชิ้นงำนศิลปะโดยมนุษย์ ตำมควำมพึงพอใจ ซึ่งชิ้นงำนส่วนใหญ่จะถูกสร้ำงขึ้น
เพื่อสื่อสำร สื่ออำรมณ์ ให้ผู้ชมเข้ำใจในควำมงำม หรือสิ่งที่ผู้สร้ำงงำนต้องกำรสื่อ
ควำมหมำย
11. 1.
กำรบรรยำยผลงำนทำงทัศนศิลป์เป็นกระบวนรับรู้ที่เกิดจำกกำรมองเห็น สังเกต และ
บันทึกคุณลักษณะเด่นที่พบเห็น โดยที่ไม่มีกำรวิพำกษ์วิจำรณ์ใดๆ หรือสรุป
ควำมเห็นใดๆ
12. 4.
เพรำะศิลปะนำมธรรมจัดเป็นงำนที่ถูกสร้ำงสรรค์ขึ้นโดยกำรใช้ภำษำภำพในกำรสื่อ
ควำมหมำยด้วยรูปทรง สี และลำยเส้น เพื่อสร้ำงสัดส่วน ซึ่งอำจจะประกอบขึ้นใน
ระดับควำมเป็นนำมธรรมที่แตกต่ำงกัน
13. 2.
กำรออกแบบร่ำงภำพในทำงทัศนศิลป์ หมำยถึง กำรถ่ำยทอดจินตนำกำรทำงควำมคิด
ให้ออกมำเป็นภำพต้นแบบ โดยใช้วิธีกำรสเกตซ์ภำพ มีประโยชน์อย่ำงมำกต่อกำร
สร้ำงสรรค์ผลงำน เพรำะผู้สร้ำงสรรค์สำมำรถปรับปรุงแก้ไขต้นแบบได้ง่ำย
14. 1.
เพรำะกำรระบำยสีแบบเปียกบนเปียกนิยมนำมำระบำยเป็นภำพท้องฟ้ำ หรือน้ำ
เพรำะจะทำให้ภำพที่ปรำกฏนั้นแสดงให้เห็นควำมชุ่มและควำมซึมของสี ทำให้ภำพ
มีควำมสมจริงมำกยิ่งขึ้น
15. 4.
ทุกคนสำมำรถสร้ำงสรรค์งำนศิลปะสื่อผสมได้ เพียงแต่ต้องใช้กำรศึกษำเทคนิค
วิธีกำรในกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนด้วยเทคนิคที่หลำกหลำยอย่ำงละเอียด เพื่อค้นหำ
ควำมถนัดของตนเอง และต้องหมั่นฝึกฝนจนเกิดควำมชำนำญจึงจะสำมำรถ
สร้ำงสรรค์งำนศิลปะสื่อผสมออกมำได้ดี
16. 2.
กำรระบำยสีน้ำให้ได้ดี นอกจำกจะต้องฝึกหัดตำมลำดับขั้นตอน ตั้งแต่กำรจับพู่กัน
กำรรู้จักและคุ้นเคยกับสี กระดำษ กำรจัดตำแหน่งของกระดำนรองเขียน และจำนสี
แล้วนั้น จะต้องมีวินัยใจจดจ่ออย่ำงจริงจัง โดยวิธีกำรระบำยสีน้ำที่ถูกต้อง คือ ต้อง
ระบำยสีให้รวดเร็วฉับไว ไม่ต้องรอคอยให้สีแห้ง กำรสร้ำงสรรค์ผลงำนจะได้สำเร็จ
และมีคุณภำพ
46
17. 3.
เพรำะกำรสร้ำงงำนศิลปะสื่อผสมศิลปินจะต้องมีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์และมี
จินตนำกำรในกำรสร้ำงสรรค์ให้มีควำมหลำกหลำย สำมำรถดึงดูดควำมสนใจของ
ผู้ชมได้
18. 4.
กำรระบำยสีแบบเปียกบนเปียกนิยมระบำยกันมำกในภำพที่เป็นท้องฟ้ำและน้ำ หรือ
บนผิววัสดุที่มัน เพรำะจะทำให้เกิดควำมรู้สึกกลมกลืนของสีที่เด่นชัด
19. 1.
ผลงำนในภำพมีชื่อว่ำ “บัลเล่ต์” ซึ่งเป็นผลงำนของเขียน ยิ้มศิริ โดยกำรนำลักษณะ
ลีลำกำรเต้นบัลเล่ต์แบบตะวันตกมำผสมผสำนกับรูปแบบของศิลปะไทยได้อย่ำง
กลมกลืน นักบัลเล่ต์ชำยหญิงที่ปรำกฏ แสดงถึงอำกัปกิริยำของควำมเคลื่อนไหวที่
คล่องแคล่ว เส้นต่ำงๆ ที่เกิดจำกแขน ขำ ลำตัว มือ เท้ำ ดูจะเคลื่อนไหว
กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลำ ตำมแบบลักษณะตะวันตก ควำมเด่นของผลงำนชิ้นนี้
อยู่ที่กำรนำหลักองค์ประกอบของเส้นที่ให้ควำมรู้สึกเคลื่อนไหวมำสร้ำงเป็นผลงำน
20. 4.
ผลงำนชื่อ “แม่กับลูก” เป็นผลงำนที่มีกำรพัฒนำไปสู่ศิลปะร่วมสมัย มุ่งแสดงให้เห็น
ลีลำของเส้นมำกขึ้น รูปทรงของแม่ที่โอบอุ้มลูกเอำไว้ สะท้อนให้เห็นถึงกำรปกป้อง
คุ้มครอง ควำมรัก ควำมผูกพัน ให้ควำมรู้สึกประหนึ่งเหมือนอยู่ในครรภ์ ควำม
อ่อนหวำนของเส้นวงแขนที่สอดรับลูกน้อยอย่ำงทะนุถนอมที่ถูกสร้ำงขึ้น โดยกำรใช้
หลักองค์ประกอบศิลป์ของเส้นและเรื่องรำวได้อย่ำงสมบูรณ์
21. 3.
เพรำะทองแดงเป็นสื่อควำมร้อนที่ดีกว่ำลวดเหล็ก เมื่อนำผลงำนไปลนไฟอ่อนๆ ทั่ว
ชิ้นงำน ก็จะทำให้เนื้อขี้ผึ้งเข้ำกันได้สนิท
22. 1.
เพรำะกำรปั้นเป็นกำรนำส่วนย่อยเพิ่มเข้ำไป เพื่อให้ได้รูปทรงเป็นส่วนรวม ตรงข้ำม
กับวิธีกำรแกะสลัก
23. 3.
เพรำะงำนสถำปัตยกรรมที่ดีจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ประกำร ที่
ผสมผสำนกันได้อย่ำงลงตัว คือ ควำมงำม ควำมแข็งแรง และประโยชน์ใช้สอย
24. 2.
เพรำะสถำปัตยกรรมส่วนใหญ่จะเป็นอำคำรหรือสิ่งก่อสร้ำงที่เกิดจำกกำรออกแบบ
ของมนุษย์ เพื่อมุ่งเน้นด้ำนประโยชน์ใช้สอย ดังนั้น โบสถ์จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
ที่สุด
25. 2.
เพรำะงำนศิลปะบำศกนิยมรูปทรงของภำพมักจะมีลักษณะผันแปรควำมจริง คือ จะมี
ลักษณะเป็นเหลี่ยมมุม ลูกบำศ์ก รูปเรขำคณิต เพื่อสร้ำงควำมคิดรวบยอดในเชิง 3 มิติ
ให้ปรำกฏในผืนระนำบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ ผ่ำนผลงำนจิตรกรรมและประติมำกรรม
26. 3.
เพรำะศิลปะโฟวิสม์จะนิยมใช้สีที่สดใสและตัดกันอย่ำงรุนแรง นำรูปแบบและลีลำ
ของเส้นมำใช้ใหม่ในรูปแบบที่เรียบง่ำย สีที่นิยมนำมำใช้ คือ สีเขียว สีม่วง สีแดงอิฐ
สีส้ม
47
27. 4.
เพรำะกำรที่ส่วนประกอบของภำพที่เน้นเรื่องแสงเป็นสำคัญจะจัดเป็นศิลปะ
แบบอิมเพรสชันนิสม์
28. 4.
กำรออกแบบงำนทัศนศิลป์จำเป็นต้องมีควำมรู้ ควำมสำมำรถด้ำนกำรจัด
องค์ประกอบศิลป์ โดยเน้นหลักควำมเป็นเอกภำพ ควำมกลมกลืน และควำมสมดุล
เพื่อให้งำนออกมำมีควำมสวยงำมและมีคุณค่ำทำงศิลปะที่ผสมผสำนกัน
29. 1.
กำรจัดภำพโดยใช้เทคนิคด้ำนจังหวะเป็นกำรจัดภำพที่เน้นควำมสัมพันธ์ของ
ทัศนธำตุต่ำงๆ เช่น เส้น สี รูปร่ำง รูปทรง เป็นต้น ให้มีจังหวะที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
ในลักษณะของกำรซ้ำไปซ้ำมำ หรือลักษณะของกำรลื่นไหล เคลื่อนไหวไม่ขำดระยะ
ซึ่งจะช่วยให้เกิดควำมเด่นมำกขึ้น
30. 2.
กำรกำหนดวัตถุประสงค์และวิเครำะห์ข้อมูลเป็นขั้นตอนแรกของกำรสร้ำงสรรค์งำน
กรำฟิก จำกนั้นจึงค่อยร่ำงภำพ คัดเลือกภำพที่จะนำมำใช้ และลงมือสร้ำงชิ้นงำน
ต่อไป
31. 3.
ผู้ที่จะออกแบบงำนกรำฟิกได้ดี นอกจำกจะต้องมีทักษะควำมรู้ ควำมเข้ำใจในด้ำน
กำรใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว สิ่งสำคัญอีกประกำรหนึ่ง คือ ต้องมีควำมรู้ ควำม
เข้ำใจด้ำนสุนทรียะหรือรอบรู้หลักกำรจัดองค์ประกอบศิลป์ด้วย
32. 3.
เครื่องแขวนที่เคลื่อนไหวได้ด้วยกระแสลมเบำๆ เรียกว่ำ “โมบำย” ดังนั้น เครื่อง
แขวนปลำตะเพียนของไทยจึงจัดเป็นงำนทัศนศิลป์แบบโมบำย ซึ่งส่วนใหญ่ปลำ
ตะเพียนสำนของไทยจะนิยมนำไปแขวนไว้เหนือเปลเด็ก เพื่อให้เด็กเกิดควำม
เพลิดเพลินกับรูปทรง สีสัน และกำรเคลื่อนไหว
33. 3.
เส้นโค้งก้นหอยให้ควำมรู้สึกเคลื่อนไหว คลี่คลำย เป็นควำมรู้สึกที่ไม่สิ้นสุดของพลัง
กำรเคลื่อนไหวที่ขยำยตัวออกอย่ำงไม่มีจุดจบ
34. 3.
แฟ้มสะสมผลงำนมีประโยชน์ต่อกำรเรียนกำรสอนรำยบุคคล เพรำะทำให้ครูผู้สอน
ประเมินเจ้ำของแฟ้มว่ำ มีควำมสำมำรถในกำรเรียนรู้ หรือกำรปฏิบัติงำนเป็นอย่ำงไร
ประสบควำมสำเร็จในระดับใด ควรจะได้รับกำรช่วยเหลือและพัฒนำหรือไม่
อย่ำงไร
35. 3.
แฟ้มสี เป็นแฟ้มที่สำมำรถแยกชิ้นงำนเป็นกลุ่ม โดยอำศัยสีที่แตกต่ำงกันเป็นตัวแยก
ประเภทของชิ้นงำน เช่น งำนจิตรกรรมใช้แฟ้มสีหนึ่ง งำนภำพพิมพ์ใช้แฟ้มอีกสีหนึ่ง
ซึ่งกำรจัดเก็บรวบรวมงำนแบบนี้จะช่วยทำให้สำมำรถเก็บผลงำนที่มีจำนวนมำกได้
และเห็นพัฒนำกำรและควำมก้ำวหน้ำในกำรสร้ำงสรรค์ชิ้นงำนได้
36. 3.
เพรำะแฟ้มสะสมผลงำนจะมีมำกขึ้นเรื่อยๆ ตำมระยะเวลำ และควำมสำมำรถ
จึงสะท้อนพัฒนำกำรและควำมก้ำวหน้ำของผู้เรียนได้ ทั้งนี้ครูผู้สอนสำมำรถนำมำ
ประเมินนักเรียน เพื่อหำแนวทำงในกำรพัฒนำศักยภำพของผู้เรียนต่อไป
48
37. 2.
กำรวิจำรณ์ผลงำนศิลปะเป็นกำรแสดงทัศนะของผู้วิจำรณ์ให้ผู้อื่นได้รับรู้เกี่ยวกับ
ข้อมูลของผลงำนว่ำมีข้อดี ข้อบกพร่องที่ควรปรับปรุงแก้ไขอย่ำงไร
38. 3.
เพรำะกำรวิจำรณ์ศิลปะมีจุดมุ่งหมำยที่สำคัญ 3 ประกำร คือ
1. เพื่อให้ผู้รู้ ครู อำจำรย์ และนักวิจำรณ์ศิลปะถ่ำยทอดควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และ
ประสบกำรณ์ของตนเกี่ยวกับศิลปะให้กับผู้ที่สนใจ
2. เพื่อให้ผู้ที่สนใจงำนศิลปะได้รับควำมรู้ หรือเพิ่มพูนควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และ
ประสบกำรณ์
3. เพื่อชื่นชมผลงำนและให้คำแนะนำแก่ศิลปิน ซึ่งจะนำไปสู่กำรปรับปรุงผลงำนให้
ได้มำตรฐำนและมีคุณภำพ
39. 2.
เพรำะทฤษฎีรูปทรงนิยมเน้นคุณค่ำทำงศิลปะเกี่ยวกับองค์ประกอบของทัศนธำตุ
และหลักกำรทำงศิลปะกำรวิจำรณ์ศิลปะตำมแนวทำงนี้จะเป็นกำรวิเครำะห์วิจำรณ์
คุณค่ำผลงำนจำกกำรจัดรูปทรง โดยคำนึงถึงกำรประสำนกันขององค์ประกอบ
พื้นฐำนต่ำงๆ
40. 3.
เพรำะศิลปินจะได้นำคำติชม คำวิจำรณ์ ไปใช้ในกำรปรับปรุงแก้ไขผลงำนชิ้น
ต่อๆ ไป ให้ผลงำนศิลปะมีคุณภำพมำกยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีผลทำงอ้อมทำให้วงกำรศิลปะ
ตื่นตัวและมีกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนศิลปะที่มีคุณภำพมำกขึ้นเรื่อยๆ
49
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(ดนตรี)
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
1. 1
เพรำะพิจำรณำจำกบทกลอนได้ว่ำมีคนเล่น 5 คน คือ นำงขับร้อง (คงจะตีกรับด้วย)
คนเป่ำปี่ หรือเป่ำขลุ่ย คนสีซอสำมสำย คนตีทับ และคนดีดกระจับปี่
2. 2
เพรำะประโยชน์ของดนตรีไม่ได้มุ่งเน้นไปในเรื่องของกำรสร้ำงรำยได้เพื่อเลี้ยง
ครอบครัว เนื่องจำกกำรสร้ำงรำยได้สำมำรถกระทำได้จำกวิธีอื่น จึงไม่อำจเจำะจง
ได้ว่ำรำยได้จะเกิดขึ้นจำกกำรเล่นดนตรี
3. 4
เพรำะกำรฟังด้วยควำมซำบซึ้งนั้น จะทำให้นักเรียนสำมำรถประเมินคุณภำพผลงำน
ดนตรีได้ เนื่องจำกสำมำรถเข้ำใจในควำมถูกต้องของกำรบรรเลงและขับร้อง ควำม
แม่นยำในกำรอ่ำนควำมหมำยและสัญลักษณ์ และกำรควบคุมคุณภำพเสียงในกำร
ขับร้องและกำรบรรเลง ซึ่งสิ่งเหล่ำนี้เป็นพื้นฐำนของกำรประเมินคุณภำพผลงำน
ดนตรีทั้งสิ้น
4. 4
เพรำะควำมสอดคล้องกลมกลืนกันของเสียงเครื่องดนตรีที่บรรเลง จะทำให้บทเพลง
มีควำมไพเรำะน่ำฟังมำกยิ่งขึ้น ดังนั้น ในกำรบรรเลงดนตรีทุกครั้งจึงต้องคำนึงถึง
สิ่งนี้เป็นสำคัญ
5. 1
เพรำะเป็นเครื่องดนตรีที่ไทยได้รับอิทธิพลมำจำกอินเดีย ซึ่งสำมำรถพบเห็น
เครื่องดนตรีประเภทนี้ในกำรทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศำสนำพรำหมณ์ เช่น
พิธีจรดพระนังคัลแรกนำขวัญ เป็นต้น
6. 3
เพรำะวงเครื่องสำยเป็นวงดนตรีที่มีขนำดไม่ใหญ่มำกนัก จึงเหมำะที่จะบรรเลง
ในหอประชุม
7. 3
เพรำะรูปแบบของคำผญำจะไม่มีกำรบรรยำยเรื่องรำวต่ำงๆ ด้วยทำนองอันไพเรำะ
ในที่นี้จะหมำยถึงผู้ที่มีควำมชำนำญในกำรบรรยำยเรื่องรำวต่ำงๆ ด้วยทำนองเพลง
ที่เรียกว่ำหมอลำ
8. 4
เพรำะจำนวนประชำกรในแต่ละชุมชนไม่ได้จัดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดดนตรี
ในแต่ละท้องถิ่น
50
9. 4
เพรำะดนตรีพื้นบ้ำนจะบ่งบอกถึงวัฒนธรรมประเพณีของคนในท้องถิ่นนั้นๆ ที่มี
ควำมแตกต่ำงกันออกไป จึงทำให้ดนตรีพื้นบ้ำนมีควำมหลำกหลำย ซึ่งแสดงให้เห็น
ถึงเอกลักษณ์ในท้องถิ่น
10. 1
เพรำะกำรฟังเพลงพื้นบ้ำนในท้องถิ่นของตนเองนับว่ำเป็นกำรช่วยอนุรักษ์เพลง
พื้นบ้ำนไม่ให้สูญหำย เนื่องจำกในปัจจุบันเพลงพื้นบ้ำนไม่ได้รับควำมนิยมอย่ำงเช่น
ในอดีตที่ผ่ำนมำ เรำจึงควรช่วยกันดูแลรักษำ สืบสำน ถ่ำยทอดให้คงอยู่สืบต่อไป
11. 3
เพรำะดนตรีพื้นบ้ำนเป็นดนตรีที่ได้ถือกำเนิดมำจำกกำรสร้ำงสรรค์ของคนใน
ท้องถิ่น ซึ่งมีวิวัฒนำกำรมำยำวนำนตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย โดยเริ่มจำกกำรได้ยิน
เสียงธรรมชำติต่ำงๆ เช่น เสียงฝนตก เสียงฟ้ำร้อง เสียงสัตว์ต่ำงๆ จึงเกิดกำรเลียน
เสียงธรรมชำติ โดยกำรใช้ปำกทำเลียนเสียงเหล่ำนั้น ต่อมำจึงประดิษฐ์เครื่องมือ
ที่ทำให้เกิดเสียงได้ เช่น กำรนำไม้มำเคำะหรือตีสิ่งต่ำงๆ ให้เป็นเสียง ซึ่งในเวลำ
ต่อมำกลำยเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี เป็นต้น
12. 3
เพรำะกลองยำว จัดเป็นเครื่องดนตรีภำคกลำง ส่วนข้ออื่นๆ ล้วนเป็นเครื่องดนตรี
พื้นบ้ำนภำคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสำน) ทั้งหมด กลองตึ้ง เป็นกลองรำมะนำขนำด
ใหญ่ที่ใช้ในวงกลองยำว เวลำตีต้องใช้คน 2 คนหำม และให้คนที่หำมอยู่ข้ำงหลังเป็น
คนตีไปด้วย ผ่ำงฮำด หรือฆ้องโหม่งแบบโบรำณชนิดที่ไม่มีปุ่มนูนตรงกลำงเหมือน
ฆ้องทั่วๆ ไป คือ แผ่นหน้ำของผ่ำงฮำดจะเรียบเสมอกันหมด นิยมใช้ตีผสมกับเครื่อง
กำกับจังหวะในขบวนฟ้อนภูไท ฟ้อนเซิ้งบั้งไฟ
13. 4
เพรำะดนตรีไทยจัดเป็นมรดกทำงวัฒนธรรมของชำติที่นักเรียนทุกคนต้องร่วมมือ
ร่วมใจกันในกำรสืบสำนและอนุรักษ์ดนตรีไทยให้คงอยู่สืบต่อไป จึงมีกำร
กำหนดให้ทุกโรงเรียนมีกำรสอนวิชำดนตรีเพื่อเป็นกำรปลูกฝังให้นักเรียนเกิดควำม
รักและควำมภำคภูมิใจในมรดกอันล้ำค่ำทำงวัฒนธรรม
14. 3
เพรำะกำรที่เลือกเล่นดนตรีไทยที่ตนเองสนใจและขยันในกำรฝึกซ้อมทุกวันนั้น
ย่อมแสดงให้เห็นถึงคุณค่ำของดนตรีและไม่ละเลยในกำรฝึกซ้อม เพื่อให้เกิด
ควำมชำนำญ จนสำมำรถบรรเลงได้อย่ำงไพเรำะ
15. 4
เพรำะข้อ 1. ข้อ 2. และข้อ 3. เป็นกำรประยุกต์ดนตรีเข้ำกับกำรศึกษำ เพรำะเป็น
ประโยชน์ที่ทำในสถำนศึกษำโดยตรง แต่ข้อ 4. เป็นกำรสร้ำงประโยชน์ต่อนำยทุน
ที่เป็นเจ้ำของห้ำงสรรพสินค้ำและเจ้ำของผลิตภัณฑ์
16. 4
เพรำะเสียงของดนตรีจะทำหน้ำที่พัฒนำคุณภำพทำงด้ำนจิตใจให้เกิดควำมสุข
ควำมสงบ และเมื่อเกิดควำมสุขร่ำงกำยก็จะเกิดควำมสงบ สบำย สุขภำพจิตดี
สุขภำพกำยก็จะแข็งแรง ดังนั้น จึงมีกำรส่งเสริมให้สุภำพสตรีที่ตั้งครรภ์ฟังเพลง
51
17. 1
เพรำะกำรยืนร้องเพลงที่ถูกต้องนั้นฝ่ำเท้ำทั้ง 2 ข้ำง ต้องวำงแนบกับพื้น แยกออกจำก
กันเล็กน้อย ประมำณ 1 ฟุต เท้ำข้ำงหนึ่งจะต้องวำงในตำแหน่งที่เยื้องไปด้ำนหน้ำ
เล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้ำทั้ง 2 ข้ำง เท่ำๆ กัน หัวเข่ำจะต้องไม่ตึงจนทำให้เกิด
ลักษณะกำรยืนเกร็ง
18. 2
เพรำะเพลงที่ดีจะต้องมีเนื้อหำของเพลงที่มีควำมเหมำะสม สำมำรถให้แนวคิดและ
คติสอนใจแก่ผู้ฟังได้ เช่น เพลงปลุกใจ เป็นต้น
19. 4
เพรำะกำรที่มนุษย์จะสำมำรถรับรู้ควำมงำมของดนตรีและเข้ำถึงควำมไพเรำะของ
บทเพลงได้นั้น อำรมณ์และจิตใจถือว่ำเป็นสิ่งที่สำคัญอย่ำงมำก ซึ่งบุคคล
แต่ละบุคคลจะมีกำรรับรู้เรื่องควำมงำมของดนตรีที่แตกต่ำงกันออกไป
20. 4
เพรำะรูปแบบกำรบรรเลงดนตรีไทยหรือกำรขับร้องเพลงไทยจะไม่มีกำร
ประสำนเสียง แต่มีกำรสอดประสำนของทำนองแทน ดังนั้น เสียงประสำน
จึงไม่สำมำรถนำมำใช้พิจำรณำด้ำนสุนทรียศำสตร์ทำงดนตรีได้
21. 3
เพรำะพิณน้ำเต้ำและกระจับปี่ จัดเป็นเครื่องดนตรีที่บรรเลงด้วยกำรใช้นิ้วมือ
หรือใช้ไม้ดีดสำยให้สั่นสะเทือนจนเกิดเสียงขึ้นเหมือนกัน
22. 2
เพรำะจุดประสงค์หลักของรัวประลองเสภำเป็นกำรบรรเลงอุ่นเครื่องของนักดนตรี
และอวดฝีมือ ท่วงทำนองเพลงที่นำมำบรรเลงจึงมีควำมกระชับและรวดเร็ว
23. 3
เพรำะเป็นกิจกรรมที่ทุกคนสำมำรถร่วมกันทำได้และสำมำรถกระทำได้ทุกปี
นับว่ำเป็นกำรปลูกฝังจิตสำนึกในกำรรักดนตรีไทยให้เกิดขึ้นกับเยำวชน
24. 3
เพรำะนักร้องแต่ละคนจะมีเทคนิคในกำรเอื้อนเสียงที่แตกต่ำงกัน หำกสำมำรถ
เอื้อนเสียงได้ไพเรำะ ก็จะทำให้บทเพลงมีควำมไพเรำะมำกยิ่งขึ้น
25. 4
เพรำะนักดนตรีที่ดีจะต้องมีลีลำเอกลักษณ์กำรบรรเลงดนตรีที่มีแบบฉบับเฉพำะ
ตนเอง โดยไม่ลอกเลียนแบบผู้อื่น
26. 4
เพรำะกำรที่มนุษย์จะสำมำรถรับรู้ควำมงำมของดนตรีและเข้ำถึงควำมไพเรำะ
ของบทเพลงได้นั้น อำรมณ์และจิตใจถือว่ำเป็นสิ่งที่สำคัญอย่ำงมำก ซึ่งบุคคล
แต่ละบุคคลจะมีกำรรับรู้เรื่องควำมงำมของดนตรีที่แตกต่ำงกันออกไป
27. 3 เพรำะโน้ตตัวดำ (Quarter Note) 1 ตัว มีควำมยำวเท่ำกับโน้ตตัวเขบ็ต 2 ชั้น 4 ตัว
28. 2
เพรำะสัญลักษณ์ด้ำนซ้ำยสุดเรียกว่ำ “กุญแจประจำหลัก” ซึ่งกุญแจประจำหลัก
ที่นิยมใช้มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท คือ กุญแจประจำหลักซอล หรือกุญแจซอล
กุญแจประจำหลักฟำ หรือกุญแจฟำ และกุญแจประจำหลักโด หรือกุญแจโด
52
29. 4
เพรำะเป็นกำรเรียงลำดับเสียงสูงไปหำเสียงต่ำได้อย่ำงถูกต้อง คือ โซปรำโน
(เสียงสูงสุดของผู้หญิง) เมซโซโซปรำโน (เสียงสูงปำนกลำงของผู้หญิง) และอัลโต
(เสียงต่ำของผู้หญิง)
30. 1
เพรำะโน้ตตัวกลมจะมีค่ำควำมยำวของเสียงสูงสุด ซึ่งจะมีอัตรำจังหวะเท่ำกับ 4
ส่วนโน้ตตัวอื่นจะมีค่ำดังนี้ คือ โน้ตตัวดำจะมีค่ำควำมยำวของเสียงเท่ำกับครึ่งหนึ่ง
ของโน้ตตัวขำว ซึ่งจะมีอัตรำจังหวะเท่ำกับ 1 โน้ตตัวขำวจะมีค่ำควำมยำวของเสียง
เท่ำกับครึ่งหนึ่งของโน้ตตัวกลม ซึ่งจะมีอัตรำจังหวะเท่ำกับ 2 และโน้ตตัวเขบ็ตจะมี
ค่ำควำมยำวของเสียงเท่ำกับครึ่งหนึ่งของโน้ตตัวดำ ซึ่งจะมีอัตรำจังหวะเท่ำกับ½
31. 2
เพรำะฮำร์ปซิคอร์ด จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทลิ่มนิ้วจำพวกเดียวกันกับเปียโน
มีวิธีกำรทำให้เสียงดังหรือเบำตำมลำดับเหมือนกับเปียโนไม่ได้ ในขณะที่เรำกดคีย์
ลงไป สำยภำยในเครื่องดนตรีจะถูกเกี่ยวด้วยไม้ดัด ซึ่งตรงข้ำมกับเปียโนที่ใช้ค้อน
เคำะลงบนสำยเปียโน
32. 2
เพรำะออรำทรอริโอ (Oratorio) เป็นบทเพลงที่ประกอบด้วยกำรร้องเดี่ยว หรือร้อง
กลุ่มของนักร้องระดับเสียงต่ำงๆ กำรขับร้องของวงขับร้องประสำนเสียง จะใช้วง
ออร์เคสตรำบรรเลงดนตรีประกอบ ซึ่งบทร้องจะเป็นเรื่องรำวเกี่ยวกับศำสนำคริสต์
ลักษณะเด่นของออรำทรอริโอที่ต่ำงไปจำกเพลงศำสนำแบบอื่นๆ คือ กำรประพันธ์
บทร้องที่คำนึงถึงดนตรีประกอบ ไม่ได้เน้นในเรื่องของบทร้องที่นำมำจำก
บทประพันธ์ดั้งเดิมเช่นเพลงโบสถ์แบบอื่นๆ
33. 3
เพรำะจำกหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์พบว่ำโครงสร้ำงทำงดนตรีตะวันตกได้รับ
อิทธิพลมำจำกดนตรีของชนชำติกรีก โดยชำวกรีกได้คิดประดิษฐ์สิ่งต่ำงๆ ที่เป็น
ประโยชน์ไว้มำกมำย รวมถึงศิลปะและดนตรี เมื่อกรีกกลำยเป็นส่วนหนึ่งของ
อำณำจักรโรมันล่มสลำย วัฒนธรรมดนตรีที่โรมันรับมำจำกกรีกได้แพร่กระจำย
ไปสู่ชนชำติต่ำงๆ ทั่วภำคพื้นยุโรป เมื่อคริสต์ศำสนำเกิดขึ้นดนตรีก็ยิ่งมีบทบำท
มำกขึ้นตำมไปด้วย
34. 1
เพรำะบทเพลงซิมโฟนีเป็นบทเพลงที่คีตกวีประพันธ์ขึ้น ลักษณะจะเป็นบทเพลง
บรรเลงโดยใช้วงดุริยำงค์ขนำดใหญ่ที่เรียกว่ำวงออร์เคสตรำ ซึ่งมีเครื่องดนตรี
มำกกว่ำ 70 ชิ้น
35. 4
เพรำะวงเชมเบอร์มิวสิกจะมีชื่อเรียกต่ำงกันออกไปตำมจำนวนของผู้บรรเลง
ซึ่งจะต้องมีนักดนตรีตั้งแต่ 2 ขึ้นไปจนถึง 9 คน
36. 4
เพรำะในงำนอุปสมบทจะนิยมใช้วงแตรวงหรือวงกลองยำวมำบรรเลง
53
37. 4
เพรำะเพลงเขมรไทรโยค เป็นเพลงไทยเดิมพระนิพนธ์โดยสมเด็จพระเจ้ำ-
บรมวงศ์เธอเจ้ำฟ้ำจิตรเจริญ กรมพระยำนริศรำนุวัดติวงศ์ เมื่อครั้งพระบำทสมเด็จ-
พระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว เสด็จพระรำชดำเนินประพำสน้ำตกไทรโยค
จังหวัดกำญจนบุรี เมื่อ พ.ศ.2431
38. 2 เพรำะเป็นวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีครบทุกสกุลในวัฒนธรรมมำผสมวงกัน
39. 4
เพรำะพื้นที่ในโบส์ถส่วนใหญ่มีข้อจำกัดที่มีขนำดไม่ใหญ่มำกและในงำนศพ
ควรบรรเลงบทเพลงที่มีอำรมณ์เศร้ำ จังหวะช้ำ เสียงเบำ ซึ่งวงเชมเบอร์เหมำะสม
ที่สุดทั้งขนำดและเสียงที่ได้จำกกำรบรรเลง
40. 2
เพรำะกำรเปล่งเสียงร้องให้สูง-ต่ำตำมพื้นเสียงของตนเองนั้น จะทำให้เพลงที่ขับร้อง
ออกมำไม่มีควำมไพเรำะ จึงต้องใช้เสียงสูง-ต่ำตำมโน้ตเพลงที่ได้กำหนดเอำไว้
54
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ (นาฏศิลป์)
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
1. 1
เพรำะกำรแสดงรำกริชอิเหนำ เป็นกำรแสดงรำเดี่ยว ส่วนกำรแสดงรำในข้ออื่นๆ
เป็นกำรแสดงรำหมู่
2. 2
เพรำะกำรแสดงรำกลองยำว เป็นกำรแสดงนำฏศิลป์พื้นบ้ำนภำคกลำง ซึ่งสะท้อน
ให้เห็นถึงสภำพควำมเป็นอยู่ที่มีควำมเรียบง่ำย รักควำมสนุกสนำน สรรหำควำม
บันเทิง เพื่อพักผ่อนหย่อนใจจำกกำรทำงำนหนัก
3. 3
บทร้องประกอบกำรแสดงควรประพันธ์ขึ้นให้มีควำมเหมำะสมกับลักษณะของ
กำรละครและนิสัยของตัวละคร เพื่อให้ผู้ชมเข้ำใจเนื้อหำของละคร และเข้ำใจ
ลักษณะของตัวละครในเรื่องได้ดียิ่งขึ้น
4. 2
เพรำะลักษณะของกำรโขน คือ ผู้แสดงจะต้องสวมหัวโขนแสดงและแต่งกำย
ในชุดยืนเครื่องพระ นำง ยักษ์ ลิง ซึ่งมีลักษณะคล้ำยกับเครื่องแต่งกำยของ
พระมหำกษัตริย์
5. 2
เพรำะศิลปะกำรแสดงโขนเป็นนำฏศิลป์ชั้นสูง มีแบบแผน ท่ำรำ ท่ำเต้นที่อ่อนช้อย
งดงำม ผู้ชมจะได้เห็นควำมแตกต่ำงของบทบำทพระ นำง ยักษ์ ลิง ได้ฟังดนตรี
ปี่พำทย์ ผู้ขับร้อง ผู้พำกย์ที่ไพเรำะ โดยเฉพำะตัวพระและตัวนำงที่ต้องรำอวดฝีมือ
ดังนั้น ผู้แสดงเป็นตัวพระและตัวนำงจึงรำตีบทตำมผู้ร้องและผู้พำกย์
6. 2
เพรำะระบำดอกบัว เป็นระบำที่มีควำมสวยงำมอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นระบำที่ประดิษฐ์
ขึ้นใหม่ ผู้แสดงถือดอกบัวออกมำรำ ซึ่งดอกบัวนั้นเป็นดอกไม้ที่คนไทยใช้บูชำ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์และนิยมกันว่ำเป็นดอกไม้ที่ประเสริฐ กำรนำดอกบัวมำถือรำก็เพื่อ
อวยชัยให้พร ให้มีควำมสุขสำรำญใจ โดยนำยมนตรี ตรำโมท เป็นผู้ประพันธ์
บทร้อง
7. 3
กำรรำคู่ควรคำนึงถึงท่ำรำของคู่ที่รำด้วยกัน ควรให้มีควำมสอดคล้องและสัมพันธ์กัน
ไม่ใช่ต่ำงคนต่ำงรำ มิเช่นนั้นจะทำให้กำรรำไม่มีเอกภำพ
8. 4
เพรำะข้อ 1-3 เป็นกำรรำเดี่ยว ส่วนกำรรำซัดชำตรีและรำรจนำเสี่ยงพวงมำลัย จัดเป็น
กำรรำคู่ ดังนั้น จึงมีควำมแตกต่ำงจำกข้ออื่น
55
9. 3
ระบำโบรำณคดี ชุดสุโขทัย ประดิษฐ์ท่ำรำขึ้นจำกกำรเลียนแบบประติมำกรรมสมัย
สุโขทัย และพุทธลักษณะของพระพุทธรูปปำงลีลำ ซึ่งได้รับยกย่องว่ำมีควำมสวยงำม
ขั้นสูงสุด
10. 2
เพรำะกำรรำบทเป็นกำรสื่อควำมหมำยหรือสื่อสำรให้เข้ำใจร่วมกัน โดยใช้กิริยำ
ท่ำทำงกำรรำนำฏศิลป์เป็นกำรแสดงท่ำรำแทนคำพูด รวมทั้งกำรแสดงอำรมณ์ด้วย
กำรรำบทเป็นกำรใช้ภำษำที่พัฒนำมำจำกท่ำทำงโดยธรรมชำติ
11. 4
เพรำะรองเง็ง เป็นกำรเต้นรำพื้นเมืองของชำวไทยมุสลิมในภำคใต้ รองเง็งเป็นกำร
เต้นรำที่มีควำมสวยงำม ทั้งลีลำกำรเคลื่อนไหวของเท้ำ มือ ลำตัว และกำรแต่งกำยคู่
ชำยหญิง กล่ำวกันว่ำ กำรเต้นรองเง็งสมัยโบรำณเป็นที่นิยมในบ้ำนขุนนำงหรือ
เจ้ำเมือง เพื่อไว้ต้อนรับแขกเหรื่อในงำนรื่นเริงหรืองำนพิธีต่ำงๆ เป็นประจำ
แต่ในปัจจุบันนิยมแสดงในงำนรื่นเริงหรือในงำนแต่งงำนของชำวไทยมุสลิม
12. 1
กำรที่ผู้แสดงต้องขอขมำผู้อำวุโสหลังจำกจบกำรแสดง เพรำะเกรงว่ำในระหว่ำง
แสดงอำจมีกำรล่วงเกินพลั้งพลำดไปบ้ำง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ำสังคมไทยมีกำร
ให้เกียรติและเคำรพผู้อำวุโสเสมอ
13. 1
เพรำะวรรณกรรมเป็นบทละครที่แสดงถึงเรื่องรำวที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นตัวกำหนดให้
ผู้แสดงร่ำยรำ หรือแสดงท่ำทำงตำมบทละครนั้น
14. 1
เพรำะกำรแสดงโขนเป็นกำรรวมศิลปะหลำกหลำยแขนง โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งสำขำ
จิตรกรรมเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ถูกนำมำใช้ทั้งในด้ำนกำรออกแบบเครื่องแต่งกำย
ออกแบบฉำกและอุปกรณ์ประกอบฉำก ด้ำนกำรแต่งหน้ำ ทำผม ซึ่งสิ่งต่ำงๆ เหล่ำนี้
ล้วนต้องใช้ควำมรู้ควำมสำมำรถด้ำนจิตรกรรมทั้งสิ้น
15. 3
กำรแสดงพื้นเมืองสะท้อนชีวิตของคนในแต่ละภูมิภำคด้วยลีลำจังหวะ เช่น
ภำคเหนือ กำรแสดงจะเชื่องช้ำ เนิบนำบ ได้แก่ กำรฟ้อนต่ำงๆ ภำค
ตะวันออกเฉียงเหนือจะมีลีลำจังหวะคึกคัก กระฉับกระเฉง ได้แก่ กำรเซิ้ง เป็นต้น
16. 2
เพรำะละครหลวงวิจิตรวำทกำร เป็นละครที่เกี่ยวกับประวัติศำสตร์ มีเนื้อหำปลุกใจ
ให้ประชำชนรักชำติ
17. 1
เพรำะละครดึกดำบรรพ์ มีรูปแบบกำรแสดงที่คล้ำยคลึงกับละครนอกและละครใน
กล่ำวคือ มีกำรดำเนินเนื้อเรื่องที่กระชับรวดเร็วเหมือนละครนอก แต่ยึดถือ
แบบแผนกำรร่ำยรำแบบละครใน
18. 3
เพรำะละครชำตรี มีอำยุเก่ำแก่กว่ำละครชนิดอื่นๆ นับเป็นต้นแบบของกำรแสดง
ละครรำ เช่น ละครนอก ก็เป็นรูปแบบละครรำที่ได้รับแบบอย่ำงมำจำกละครชำตรี
เป็นต้น
56
19. 4
ละครพูดเป็นละครสมัยใหม่ที่ได้รับอิทธิพลมำจำกกำรแสดงละครตะวันตก
ใช้กำรพูดดำเนินเรื่องและทำท่ำทำงประกอบอย่ำงสำมัญชน ส่วนละครร้องเป็นละคร
ที่ได้รับอิทธิพลจำกตะวันตก หำกเป็นละครร้องล้วนๆ จะดำเนินเรื่องด้วยกำรร้อง
ไม่มีบทพูดแทรก ตัวละครขับร้องกลอนโต้ตอบกัน โดยใช้ท่ำทีอย่ำงสำมัญชน มีกำร
เปลี่ยนฉำกตำมท้องเรื่อง ส่วนละครร้องสลับพูด จะมีกำรเพิ่มบทพูดสลับทบทวน
บทร้อง ตัวละครเอกใช้ผู้หญิงแสดงทั้งหมด ผู้ชำยเป็นเพียงตัวประกอบ
20. 4
ละครไทยมีคุณค่ำในฐำนะที่เป็นที่รวมศิลปะสำขำต่ำงๆ โดยเฉพำะศิลปะแขนง
วิจิตรศิลป์และประณีตศิลป์ มุ่งตอบสนองควำมต้องกำรทำงอำรมณ์และจิตใจของ
มนุษย์ แสดงถึงควำมเป็นชนชำติที่มีอำรยธรรม แต่มิได้มุ่งหมำยสร้ำงประเทศชำติ
ให้มีอำนำจมำกขึ้น ดังนั้น ข้อ 4. จึงไม่ใช่ควำมสำคัญของละครไทย
21. 2
พันท้ำยนรสิงห์ เป็นนำยท้ำยเรือพระที่นั่งเอกไชยอยู่ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์
ที่ 8 (พระเจ้ำเสือ) ได้รับยกย่องว่ำเป็นผู้มีควำมซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษำ
ระเบียบวินัยยิ่งชีวิต สมควรเป็นแบบอย่ำงแก่อนุชนรุ่นต่อไป ดังนั้น จึงเหมำะสม
ที่จะนำมำจัดแสดงละครเพื่อให้คติสอนใจแก่ผู้ชมในเรื่องควำมจงรักภักดี ซื่อสัตย์
สุจริต
22. 1
เพรำะละครส่วนใหญ่จะนำเนื้อหำของเหตุกำรณ์ หรือเรื่องรำวที่เกิดขึ้นจำก
ประสบกำรณ์ชีวิตและจินตนำกำรสร้ำงสรรค์นำมำร้อยเรียงเป็นเรื่องรำวแล้ว
ถ่ำยทอดออกมำในรูปแบบกำรแสดงเพื่อสร้ำงควำมสนุกสนำน เพลิดเพลิน
และแฝงไว้ด้วยคติธรรมที่สำมำรถนำมำปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
23. 4
เพรำะเรื่องที่จะนำมำแสดงควรเป็นเรื่องที่มีคุณค่ำ ให้ข้อคิดที่ดี ส่งเสริม
ประสบกำรณ์ ช่วยพัฒนำสังคม จริยธรรมของผู้ชม
24. 1
เพรำะจะต้องพิจำรณำควำมสำคัญของสิ่งต่ำงๆ ที่เป็นองค์ประกอบของกำรแสดง คือ
พิจำรณำบทละคร คัดเลือกผู้แสดง กำรจัดฉำก กำรฝึกซ้อม และกำรประเมินผล
ซึ่งเหล่ำนี้ล้วนมีควำมสำคัญต่อกำรแสดงละครทั้งสิ้น
25. 2
เพรำะกำรแสดงโขนและละครของไทยเป็นลักษณะกำรนำเสนอแบบไม่เหมือนจริง
ซึ่งมีกำรจัดฉำก เครื่องแต่งกำยที่สวยงำม หรูหรำ พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องประดับ
ภำษำที่ใช้พูดก็เป็นแบบร้อยกรอง
26. 1
เพรำะวิธีกำรแสดงละครโรมัน เริ่มจำกตัวละครออกมำยืนกลำงเวที แล้วมีตัวละคร
อีกตัวหนึ่งออกมำประกำศชื่อ ตลอดจนบทบำทของตัวละครนั้น เมื่อประกำศจบ
ตัวละครก็เข้ำโรงไป ตัวละครก็เริ่มแสดงบทบำท
27. 4
หลักกำรวิจำรณ์กำรแสดงนำฏศิลป์ ผู้วิจำรณ์นำฏศิลป์และละครต้องมีควำมรู้เรื่อง
องค์ประกอบของนำฏศิลป์ทั้งทำงด้ำนผู้แสดง บทร้องและทำนองเพลง กำรประดิษฐ์
57
ท่ำรำ และองค์ประกอบอื่นๆ ในกำรแสดงด้ำนอื่นๆ ด้วย
28. 4
กำรวิเครำะห์กำรแสดงนำฏศิลป์ไทย ผู้วิจำรณ์ต้องศึกษำให้เข้ำใจหลักกำรวิจำรณ์
กำรแสดงแต่ละประเภท ไม่ว่ำจะเป็นนำฏศิลป์ หรือกำรละคร เพื่อใช้ตัดสินคุณภำพ
ของกำรแสดงว่ำมีมำตรฐำนระดับใด สมควรแก่กำรยกย่องหรือไม่
29. 2
กำรอนุรักษ์และส่งเสริมเอกลักษณ์ของชำติทำงด้ำนนำฏศิลป์ที่ดีที่สุด คือ กำรสร้ำง
โอกำสในกำรเรียนรู้เรื่องนำฏศิลป์ไทยให้แก่ประชำชน โดยผ่ำนสื่อทุกประเภท
ไม่ว่ำจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และควรปลูกฝังให้นักเรียนมีโอกำส
เรียนรู้ด้ำนนำฏศิลป์ไทยอย่ำงลึกซึ้งด้วยกำรสอดแทรกองค์ควำมรู้พื้นฐำนเกี่ยวกับ
นำฏศิลป์ไทยเข้ำไปในสื่อต่ำงๆ ที่นักเรียนคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน เช่น ละคร
โทรทัศน์ ละครเวที เป็นต้น
30. 2
กำรวิจำรณ์กำรแสดงนำฏศิลป์ควรเป็นไปอย่ำงสร้ำงสรรค์ เพื่อให้ผู้จัดกำรแสดงนำ
ข้อวิจำรณ์ไปพัฒนำผลงำนให้เป็นไปในทำงที่ดีขึ้น
58
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ 2552
1. 1,2,3,4 2. 2 3. 2 4. 2 5. 2
6. 1 7. 1 8. 1 9. 1 10. 1
11. 1 12. 3 13. 4 14. 1 15. 3
16. 2 17. 4 18. 1 19. 2 20. 3
21. 2 22. 4 23. 1 24. 2 25. 4
26. 3 27. 1, 3 28. 2 29. 3 30. 4
31. 1 32. 4 33. 3 34. B3, C1, D2 35. A4, E7, D3
36. A7, C6, F4 37. H6, G2 38. I3, J4 39. G6, H5 40. A1, B6, C1
ปีการศึกษา
59
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ 2553
1. 1 2. 1 3. 1 4. 1 5. 2
6. 3 7. 3 8. 1 9. 2 10. 4
11. 2 12. 4 13. 3 14. 2 15. 2
16. 4 17. 4 18. 4 19. 1 20. 3
21. 1 22. 1 23. 2 24. 2 25. 2
26. 2 27. 1 28. 3 29. 3 30. 1
31. 3 32. 3 33. 1
ปีการศึกษา

More Related Content

PDF
ข้อสอบ O net วิชา ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ม.3 พร้อมเฉลย
PDF
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - ศิลปะ
PDF
แบบทดสอบปลายภาควิทัศนศิลป์ ศ 31101ชั้น4
PDF
เฉลยปลายภาค ม42557
PDF
แบบทดสอบ ศิลปะ ม.1
PDF
แบบทดสอบ ทัศนศิลป์ ม.6
DOCX
ข้อสอบศิลปะ
PDF
แบบทดสอบ ศิลปะ ม.2
ข้อสอบ O net วิชา ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ม.3 พร้อมเฉลย
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - ศิลปะ
แบบทดสอบปลายภาควิทัศนศิลป์ ศ 31101ชั้น4
เฉลยปลายภาค ม42557
แบบทดสอบ ศิลปะ ม.1
แบบทดสอบ ทัศนศิลป์ ม.6
ข้อสอบศิลปะ
แบบทดสอบ ศิลปะ ม.2

What's hot (20)

PDF
แบบทดสอบ ทัศนศิลป์ ม.3
PDF
นาฏศิลป์2
PDF
ปลายภาค ม.2
PDF
5.แนวข้อสอบ o net ศิลปะ(ม.6)
DOC
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย)
DOC
4. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
PDF
ข้อสอบวิชาศิลปะ ม.3 ฉบับที่ 3 พร้อมเฉลย
PDF
ข้อสอบวิชาศิลปะ ม.3 ฉบับที่ 1 พร้อมเฉลย
PDF
ข้อสอบวิชาศิลปะ ม.3 ฉบับที่ 2 พร้อมเฉลย
PDF
เฉลยแบบทดสอบวิชาทัศนศิลป์ A net (กศน.)
PDF
นาฏยศัพท์ และภาษาท่า ม.3 ปี 2557
PDF
เอกสารประกอบการเรียน วิชานาฏศิลป์ เรื่อง เทคนิคการจัดการแสดง
PDF
ปลายภาค ม1
PDF
1 อิศรญาณภาษิต ok
PDF
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
PDF
ข้อสอบ O net ศิลปะ ม.6 ชุด 1
DOCX
ข้อสอบปลายภาค วิชานาฏศิลป์ รหัส ศ 32101
PDF
นาฏยศัพท์ และภาษาท่า ม 2 ปี 2557 (เผยแพร่)
PDF
คำอธิบายรายวิชาดนตรี นาฎศิลป์ ม.6
PDF
สุขฯ ม.2 หน่วย 10
แบบทดสอบ ทัศนศิลป์ ม.3
นาฏศิลป์2
ปลายภาค ม.2
5.แนวข้อสอบ o net ศิลปะ(ม.6)
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย)
4. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
ข้อสอบวิชาศิลปะ ม.3 ฉบับที่ 3 พร้อมเฉลย
ข้อสอบวิชาศิลปะ ม.3 ฉบับที่ 1 พร้อมเฉลย
ข้อสอบวิชาศิลปะ ม.3 ฉบับที่ 2 พร้อมเฉลย
เฉลยแบบทดสอบวิชาทัศนศิลป์ A net (กศน.)
นาฏยศัพท์ และภาษาท่า ม.3 ปี 2557
เอกสารประกอบการเรียน วิชานาฏศิลป์ เรื่อง เทคนิคการจัดการแสดง
ปลายภาค ม1
1 อิศรญาณภาษิต ok
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
ข้อสอบ O net ศิลปะ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบปลายภาค วิชานาฏศิลป์ รหัส ศ 32101
นาฏยศัพท์ และภาษาท่า ม 2 ปี 2557 (เผยแพร่)
คำอธิบายรายวิชาดนตรี นาฎศิลป์ ม.6
สุขฯ ม.2 หน่วย 10
Ad

Similar to 5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0 (20)

PDF
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ
PDF
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
PDF
775. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
PDF
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
PDF
ข้อสอบ O-net - ศิลปะ
DOC
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
PDF
6.แนวข้อสอบ o net ศิลปะ(ม.3)
DOC
ข้อสอบ O net art (2)
PDF
ตัวชี้วัดและสาระศิลปะ
PDF
ขอสอบ O net-ศลปะ_ม.3_ชด_2
PDF
ข้อสอบ O net ศิลปะ ม.3 ชุด 1
PDF
แผนพื้นที่ผิวและปริมาตร
PDF
แผนพื้นที่ผิวและปริมาตร
PDF
Report water colours
PDF
Report water colours
PDF
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ ศ ๒๑๑๐๑ของพี่ทัศ
PDF
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ ศ ๒๑๑๐๑ของพี่ทัศ2
PDF
ข้อสอบโอเนตม.3
PDF
P6tech+art2552
PDF
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
775. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
ข้อสอบ O-net - ศิลปะ
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
6.แนวข้อสอบ o net ศิลปะ(ม.3)
ข้อสอบ O net art (2)
ตัวชี้วัดและสาระศิลปะ
ขอสอบ O net-ศลปะ_ม.3_ชด_2
ข้อสอบ O net ศิลปะ ม.3 ชุด 1
แผนพื้นที่ผิวและปริมาตร
แผนพื้นที่ผิวและปริมาตร
Report water colours
Report water colours
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ ศ ๒๑๑๐๑ของพี่ทัศ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ ศ ๒๑๑๐๑ของพี่ทัศ2
ข้อสอบโอเนตม.3
P6tech+art2552
Ad

More from Preeyaporn Chamnan (7)

PDF
อาหารประจำชาติอาเซียนม609
PDF
7. ข้อสอบ o net - ภาษาอังกฤษ (มัธยมปลาย)
PDF
4. ข้อสอบ o net - สุขศึกษาฯ (มัธยมปลาย) 0 (1)
PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0 (1)
PDF
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
PDF
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
PDF
ประวัติและชนิดเส้นก๋วยเตี๋ยว
อาหารประจำชาติอาเซียนม609
7. ข้อสอบ o net - ภาษาอังกฤษ (มัธยมปลาย)
4. ข้อสอบ o net - สุขศึกษาฯ (มัธยมปลาย) 0 (1)
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0 (1)
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
ประวัติและชนิดเส้นก๋วยเตี๋ยว

5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0

  • 1. 1 ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(ทัศนศิลป์) คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดไม่จัดเป็นทัศนธำตุในงำนทัศนศิลป์ 1. พื้นผิว 2. พื้นที่ว่ำง 3. ปริมำตร 4. น้ำหนักอ่อน-แก่ 2. ภำพวำดที่แสดงให้เห็นกำรเจริญเติบโตก้ำวหน้ำควรเป็นภำพลักษณะใด 1. วำดด้วยเส้นตรงแนวเฉียง 2. วำดด้วยเส้นโค้งของวงกลม 3. วำดด้วยเส้นฟันปลำหรือเส้นซิกแซก 4. วำดด้วยเส้นโค้งอิสระทิ้งปลำยขึ้นสูงและน้ำหนักเบำ 3. ถ้ำนักเรียนต้องวำดภำพเหมือนบุคคลควรศึกษำในเรื่องใด 1. กำรวำดดวงตำ ปำก จมูก 2. กำรวำดภำพหุ่นนิ่ง 3. กำรจัดวำงองค์ประกอบ 4. กำยวิภำคศำสตร์ 4. “...ดวงตาเบิกกว้าง ลูกตาดาอยู่กลางดวงตาและใหญ่กว่าปกติ มีเส้นรอยย่นหนึ่งเส้นหรือมากกว่าที่ หน้าผาก อ้าปากกว้าง มุมปากด้านล่างตกลง...” จำกข้อดังกล่ำวภำพนี้แสดงถึงอำรมณ์ใด 1. อำรมณ์โกรธ 2. อำรมณ์ฉุนเฉียว 3. อำรมณ์ดี หัวเรำะอย่ำงร่ำเริง 4. อำรมณ์กลัว 5. งำนศิลปะในข้อใดใช้เทคนิคน้ำหนักอ่อน-แก่ของกำรใช้สี 1. รูปปั้นในสวนสำธำรณะ 2. ลวดลำยจำกกำรทอผ้ำ 3. ภำพวำดบนฝำผนังโบสถ์ 4. งำนแกะสลักงำช้ำงเป็นรูปต่ำงๆ
  • 2. 2 6. “ภาพตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน สีภาพโดยรวมจะดูหม่น ค่อนข้างมืด แต่มีแสงสีสดใสส่องกระทบ กับก้อนเมฆอย่างสวยงาม” ภำพนี้แสดงให้เห็นลักษณะของสีแบบใด 1. สีเอกรงค์ (Monochrome) 2. คุณค่ำของสี (Value) 3. สีกลำง (Neutral Colors) 4. ควำมเด่นชัดของสี (Intensity) 7. ข้อใดคือแนวคิดของกำรออกแบบที่ดี 1. มีรำคำแพงที่สุด 2. สวยงำมมำกที่สุด 3. ทันสมัยมำกที่สุด 4. ใช้ประโยชน์ได้มำกที่สุด 8. กำรออกแบบมีควำมหมำยสัมพันธ์กับข้อใด 1. กำรสร้ำงสรรค์ผลงำนที่แปลกใหม่ขึ้นมำ 2. กำรประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น 3. กำรสร้ำงงำนทุกประเภทที่คนยอมรับ 4. กำรสร้ำงงำนทุกประเภทไม่มีขอบเขตกำหนด 9. ข้อใดไม่ใช่เกณฑ์หรือตัวชี้วัดที่แสดงถึง “ควำมพึงพอใจในกำรออกแบบ” 1. ควำมสวยงำมแปลกใหม่ 2. ประโยชน์ในกำรใช้สอย 3. กำรเลียนแบบมำจำกสิ่งอื่น 4. แนวคิดในกำรออกแบบที่ดี 10.ข้อใดกล่ำวถึงควำมหมำยของศิลปะได้ถูกต้อง 1. สิ่งที่สวยงำม 2. กำรสร้ำงสรรค์ 3. สิ่งที่มนุษย์สร้ำงขึ้น 4. สิ่งที่มนุษย์สร้ำงขึ้นจำกควำมพึงพอใจ
  • 3. 3 11. ข้อใดเป็นควำมหมำยที่ถูกต้องของกำรบรรยำยผลงำนทำงทัศน์ศิลป์ 1. เป็นกระบวนกำรรับรู้ที่เกิดจำกกำรมองเห็น สังเกต และบันทึกคุณลักษณะเด่นที่พบเห็น โดยที่ไม่มี กำรวิพำกษ์วิจำรณ์ใดๆ 2. เป็นกระบวนกำรรับรู้ที่เกิดจำกกำรปฏิบัติและบันทึกคุณลักษณะเด่นที่พบเห็น โดยที่ไม่มีกำร วิพำกษ์วิจำรณ์ใดๆ 3. เป็นกระบวนกำรรับรู้ผลงำน เพื่อวิเครำะห์ ตีควำม และถ่ำยทอดแนวคิดในผลงำนให้ผู้อื่นเข้ำใจ 4. เป็นกระบวนกำรรับรู้ผลงำน เพื่อวิเครำะห์วิจำรณ์และแสดงควำมชื่นชม 12.ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับศิลปะนำมธรรม 1. ภำพผลงำนเกิดจำกกำรผสมผสำนกันทำงด้ำนเทคนิคที่หลำกหลำย 2. สื่อควำมหมำยด้วยกำรใช้สีหลำยสี 3. นำวัสดุอุปกรณ์ที่มีรำคำแพงมำสร้ำงชิ้นงำนให้มีควำมโดดเด่น 4. ใช้ภำษำภำพในกำรสื่อควำมหมำยด้วยรูปทรง สี และลำยเส้น 13.กำรออกแบบภำพร่ำงในทำงทัศนศิลป์หมำยถึงวิธีกำรใด 1. กำรขึ้นรูป 2. กำรสเกตซ์ภำพ 3. กำรพิมพ์ภำพต้นแบบ 4. กำรวำงโครงสร้ำงอุปกรณ์ 14.ถ้ำต้องกำรวำดภำพท้องฟ้ำควรใช้เทคนิคใดจึงจะเหมำะสมที่สุด 1. แบบเปียกบนเปียก 2. แบบเปียกบนแห้ง 3. แบบแห้งบนแห้ง 4. แบบแห้งบนเปียก 15.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับงำนศิลปะสื่อผสม 1. สร้ำงสรรค์โดยใช้สื่อวัสดุต่ำงชนิดมำประกอบกันเป็นองค์ประกอบภำพ 2. ผู้สร้ำงสรรค์ผลงำนต้องมีควำมเข้ำใจเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพำะของวัสดุ 3. งำนศิลปะที่แสดงออกถึงกำรผสมผสำนกันระหว่ำงแนวควำมคิดกับผลงำนได้ลงตัว 4. สร้ำงสรรค์ได้เฉพำะผู้ที่มีประสบกำรณ์ในกำรสร้ำงสรรค์งำนศิลปะมำเป็นเวลำนำนเท่ำนั้น 16.ข้อใดเป็นวิธีกำรระบำยสีน้ำที่ถูกต้องที่สุด 1. พยำยำมระบำยสีให้มีเนื้อสีมำกที่สุดจะได้ภำพที่สดใส 2. ระบำยสีให้รวดเร็วฉับไว โดยไม่ต้องรอคอยให้สีแห้ง 3. ระบำยสีให้โปร่งใส ไม่ควรทับซ้อน หรือซ้ำกันหลำยๆ ครั้ง 4. ควรใช้พู่กันกลมในกำรระบำยสีน้ำมำกกว่ำพู่กันแบน เพรำะอุ้มน้ำได้ดีกว่ำ
  • 4. 4 17.ข้อใดจัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกำรสร้ำงงำนศิลปะสื่อผสม 1. ควำมรู้พื้นฐำนด้ำนงำนศิลปะ 2. กำรเตรียมวัสดุที่จะนำมำใช้ในกำรสร้ำงผลงำน 3. ควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์และจินตนำกำร 4. ผลงำนต้นแบบที่นำมำเป็นตัวอย่ำงในกำรสร้ำงงำน 18.เทคนิคกำรเขียนภำพสีน้ำแบบเปียกบนเปียกเหมำะสำหรับกำรระบำยสีภำพในส่วนใด 1. ภำพอำคำรบ้ำนเรือน 2. ภำพต้นไม้และธรรมชำติ 3. ภำพคนและสัตว์ 4. ภำพท้องฟ้ำและน้ำ 19.ผลงำนนี้สะท้อนให้เห็นสิ่งใด 1. เคลื่อนไหว 2. กลมกลืน 3. รำบรื่น 4. โน้มเอียง 20.ผลงำนชิ้นนี้ต้องกำรสื่อให้เห็นสิ่งใด 1. ควำมอ่อนช้อย 2. ควำมโดดเด่น 3. ควำมกลมกลืน 4. ควำมรักของแม่
  • 5. 5 21.เพรำะเหตุใดจึงนิยมใช้ทองแดงเป็นโครงสร้ำงสำหรับปั้นหุ่นขี้ผึ้งมำกกว่ำลวดเหล็ก 1. ทองแดงมีควำมยืดหยุ่นมำกกว่ำลวดเหล็ก 2. ทองแดงมีควำมสัมพันธ์กับขี้ผึ้งได้ดีกว่ำลวดเหล็ก 3. ทองแดงสำมำรถสื่อควำมร้อนได้ดีกว่ำลวดเหล็ก 4. ทองแดงมีควำมเหนียวและทนทำนกว่ำลวดเหล็ก 22.เพรำะเหตุใดจึงเรียกกำรปั้นว่ำ “กระบวนการในทางบวก” 1. เป็นกำรนำวัสดุเพิ่มเข้ำไปให้ได้รูปทรง 2. เป็นกำรบวกกันระหว่ำงดินเหนียวกับดินน้ำมัน 3. เป็นกำรบวกกันระหว่ำงกำรปั้นและแกะสลัก 4. เป็นกำรคิดในทำงบวกว่ำผลงำนจะออกมำดี 23.ข้อใดจัดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของงำนสถำปัตยกรรม 1. มีรำคำแพง สวยงำม ทันสมัย 2. ใช้วัสดุท้องถิ่น แข็งแรง ใช้สะดวก 3. ควำมงำม ควำมแข็งแรง ประโยชน์ใช้สอย 4. ประโยชน์ใช้สอย ใช้วัสดุท้องถิ่น ต้นทุนต่ำ 24.สิ่งใดต่อไปนี้ตรงกับคำว่ำ “สถาปัตยกรรม” มำกที่สุด 1. หุ่นขี้ผึ้ง 2. โบสถ์ 3. พระพุทธรูป 4. พระบรมรูปทรงม้ำ 25.ข้อใดคือรูปแบบของงำนศิลปะบำศกนิยม 1. เน้นกำรใช้สีที่สดใส 2. รูปทรงแสดงให้เห็นลักษณะผันแปรจำกควำมจริง 3. นำเทคนิคใหม่มำผสมผสำนในกำรสร้ำงงำน 4. ใช้วัสดุหลำกหลำยที่หำได้ในท้องถิ่นมำสร้ำงผลงำน 26.ใช้สีสดใสและตัดกันอย่ำงรุนแรง จัดเป็นงำนศิลปะประเภทใด 1. ศิลปะบำศกนิยม 2. ศิลปะนำมธรรม 3. ศิลปะโฟวิสม์ 4. ศิลปะสมัยใหม่
  • 6. 6 27.ข้อใดไม่ใช่เอกลักษณ์ของงำนศิลปะแบบคิวบิสต์ 1. ภำพส่วนใหญ่เป็นรูปทรงเรขำคณิต 2. แสดงมิติด้วยรูปทรง ขนำด กำรซ้อนกันภำยในภำพ 3. มีลักษณะกึ่งนำมธรรม คือ มีตัวตนและไม่มีตัวตนชัดเจน 4. ส่วนประกอบของภำพจะเน้นเรื่องของแสงเป็นสำคัญ 28.กำรออกแบบงำนทัศนศิลป์นอกจำกจะต้องใช้ควำมรู้และทักษะในงำนกรำฟิกแล้วยังต้องใช้ควำมรู้ ควำมสำมำรถด้ำนใดอีกบ้ำง 1. กำรใช้เส้น 2. กำรใช้สี 3. กำรสร้ำงรูปทรง 4. กำรจัดองค์ประกอบศิลป์ 29.กำรจัดภำพในลักษณะใดที่แสดงถึงกำรใช้เทคนิคด้ำนจังหวะเพื่อให้เกิดควำมงำมที่โดดเด่น 1. จัดภำพโดยใช้กำรซ้ำกันสลับไปมำอย่ำงต่อเนื่อง 2. จัดภำพโดยใช้ลักษณะของพื้นผิวเดียวกันตลอดทั้งผลงำน 3. จัดภำพโดยใช้หลักควำมสมดุลทั้งสองข้ำงของผลงำน 4. จัดภำพโดยเน้นให้เกิดกำรประสำนกันอย่ำงลงตัว 30.ข้อใดเป็นขั้นตอนแรกของกำรสร้ำงสรรค์งำนกรำฟิก 1. กำรร่ำงภำพ 2. กำรกำหนดวัตถุประสงค์ 3. กำรคัดเลือกภำพที่นำมำใช้ 4. กำรลงมือสร้ำงชิ้นงำน 31.ข้อใด ไม่ใช่ ควำมสำคัญของกำรออกแบบ 1. เสริมสร้ำงให้เกิดค่ำนิยมทำงควำมงำม 2. ช่วยให้เกิดจินตภำพ เกิดแนวคิดในกำรสร้ำงสรรค์ผลงำน 3. ทำให้ข้อมูลที่กระจัดกระจำยมีระเบียบเพิ่มมำกขึ้น 4. รำคำสินค้ำที่ออกแบบมีรำคำสูงตำมประโยชน์ของกำรใช้สอย 32.เครื่องแขวนปลำตะเพียนของไทยเป็นงำนทัศนศิลป์แบบใด 1. ประติมำกรรม 2. สื่อผสม 3. โมบำย 4. จิตรกรรมผสมประติมำกรรม
  • 7. 7 33.เส้นในลักษณะใดที่ให้ควำมรู้สึกเคลื่อนไหวและคลี่คลำยไม่มีที่สิ้นสุด 1. เส้นคด 2. เส้นสลับฟันปลำ 3. เส้นโค้งก้นหอย 4. เส้นโค้งกลับหลัง 34.แฟ้มสะสมผลงำนมีประโยชน์ต่อกำรเรียนกำรสอนอย่ำงไร 1. ทำให้รู้ถึงทักษะพื้นฐำนของผู้เรียน 2. สำมำรถสะสมเป็นผลงำนของครูได้ 3. ใช้ในกำรสอนรำยบุคคลได้เป็นอย่ำงดี 4. ทำให้ครูสำมำรถวำงแผนกำรเรียนกำรสอน 35.ผลงำนที่มีจำนวนมำกและจำเป็นต้องจัดเก็บชิ้นงำนเป็นกลุ่มควรจัดเก็บไว้ในรูปแบบใด 1. แฟ้มแขวน 2. สมุดงำน 3. แฟ้มสี 4. กล่อง 36.ข้อใดเป็นประโยชน์ของกำรจัดทำแฟ้มสะสมผลงำนที่ทำให้เกิดกำรพัฒนำตนเองต่อไป 1. มีที่เก็บสะสมผลงำนที่แสดงถึงควำมคิดสร้ำงสรรค์ของตนเอง 2. ได้ฝึกทักษะในกำรจัดเก็บและนำเสนอผลงำนอย่ำงเป็นระบบ 3. ทำให้ครูผู้สอนสำมำรถสรุปปัญหำและเสนอแนะแนวทำงพัฒนำศักยภำพของผู้เรียนได้ 4. เก็บไว้ใช้เป็นหลักฐำนเพื่อประโยชน์อื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้ 37.กำรวิจำรณ์ศิลปะมีควำมสัมพันธ์กับข้อใด 1. ชี้ข้อบกพร่องของผลงำน 2. แสดงทัศนะต่อผลงำน 3. อธิบำยถึงผลงำนในแง่ดี 4. นำผลงำนมำประกวดกัน 38.จุดมุ่งหมำยสำคัญของกำรวิจำรณ์ศิลปะคือข้อใด 1. เพื่อประเมินค่ำผลงำนศิลปะให้เป็นมำตรฐำน 2. เพื่อตัดสินผลงำนศิลปะที่ส่งเข้ำประกวดอย่ำงยุติธรรม 3. เพื่อให้ผู้ที่สนใจงำนศิลปะรับรู้ เข้ำใจ และชื่นชมผลงำนศิลปะ 4. เพื่อให้ผลงำนศิลปะมีรำคำที่สูงขึ้นและสำมำรถจำหน่ำยได้
  • 8. 8 39.ทฤษฎีศิลปะข้อใดที่เน้นคุณค่ำด้ำนทัศนธำตุและองค์ประกอบศิลป์เป็นสำคัญ 1. เลียนแบบนิยม 2. รูปทรงนิยม 3. อำรมณ์นิยม 4. เครื่องมือนิยม 40.เพรำะเหตุใดจึงต้องมีกำรวิจำรณ์งำนศิลปะ 1. เพื่อให้มีผู้ซื้องำนศิลปะมำกขึ้น 2. เพื่อให้ผู้ชมอยำกสร้ำงงำนศิลปะ 3. เพื่อให้ศิลปินสร้ำงงำนที่มีคุณภำพมำกขึ้น 4. เพื่อให้คนเข้ำมำชมนิทรรศกำรทำงศิลปะมำกขึ้น
  • 9. 9 ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(ดนตรี) คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. กลอนบทนี้กล่ำวถึงวงมโหรีประเภทใด “นำงขับขำนเสียงแจ้วพึงใจตำมเพลงกลอนกลในภำพพร้อง มโหรีบรรเลงไฉนซอพำทย์ ทับกระจับปี่ก้องเร่งเร้ำรัญจวน” 1. วงมโหรีเครื่องห้ำ 2. วงมโหรีเครื่องหก 3. วงมโหรีเครื่องแปด 4. วงมโหรีเครื่องสิบ 2. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของดนตรี 1. ฝึกสมำธิ กระตุ้นควำมทรงจำ 2. สร้ำงรำยได้เพื่อเลี้ยงครอบครัวได้ดี 3. เป็นสื่อกลำงในกำรติดต่อสื่อสำรในชนเผ่ำ 4. เป็นส่วนประกอบในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 3. กำรฟังดนตรีแบบใดที่เมื่อฟังแล้วสำมำรถที่จะประเมินคุณภำพผลงำนดนตรีได้ 1. ฟังแบบผ่ำนหู 2. ฟังด้วยควำมรู้สึก 3. ฟังด้วยอำรมณ์ 4. ฟังด้วยควำมซำบซึ้ง 4. กำรบรรเลงดนตรีเป็นวงจะต้องคำนึงถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ 1. ควำมพร้อมเพรียง 2. ควำมดังของเสียงเครื่องดนตรี 3. ควำมมีระเบียบเรียบร้อยของกำรจัดวงดนตรี 4. ควำมสอดคล้องกลมกลืนกันของเสียงเครื่องดนตรีที่บรรเลง 5. เครื่องดนตรีชนิดใดได้รับอิทธิพลมำจำกประเทศอินเดีย 1. สังข์ บัณเฑำะว์ 2. กลองแขก ปี่ชวำ 3. ปี่มอญ แตรวิลันดำ 4. ซออู้ ซอสำมสำย
  • 10. 10 6. ถ้ำนักเรียนจัดงำนพิธีมงคลสมรสในหอประชุม นักเรียนควรเลือกวงดนตรีไทยประเภทใดมำบรรเลง 1. วงปี่พำทย์นำงหงส์ 2. วงมโหรีเครื่องคู่ 3. วงเครื่องสำยไทย 4. วงมหำดุริยำงค์ 7. ข้อใดไม่จัดเป็นรูปแบบของคำผญำ 1. มีสัมผัส หรือใช้คำคล้องจอง 2. มีเสียงสูง-ต่ำ และจังหวะในกำรออกเสียง 3. มีกำรบรรยำยเรื่องรำวต่ำงๆ ด้วยทำนองอันไพเรำะ 4. มีกำรสัมผัสเสียงสูง-ต่ำ และจังหวะในกำรออกเสียงประสมกัน 8. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เกิดดนตรีพื้นบ้ำนในแต่ละท้องถิ่น 1. สภำพแวดล้อม 2. ภูมิหลังทำงประวัติศำสตร์ 3. กำรทำมำหำกินของคนในชุมชน 4. จำนวนประชำกรในแต่ละชุมชน 9. ดนตรีพื้นบ้ำนให้คุณค่ำในเรื่องใดมำกที่สุด 1. ให้คติสอนใจ 2. ให้ควำมเพลิดเพลิน 3. ให้คนในท้องถิ่นเกิดควำมรักและควำมสำมัคคีกัน 4. บ่งบอกถึงวัฒนธรรมประเพณีของคนในท้องถิ่นนั้นๆ 10.กำรฟังเพลงพื้นบ้ำนในท้องถิ่นมีประโยชน์อย่ำงไร 1. ช่วยอนุรักษ์เพลงพื้นบ้ำน 2. รู้จักใช้เวลำว่ำงให้เกิดประโยชน์ 3. เป็นที่รักใคร่ของผู้คนภำยในท้องถิ่น 4. ทำให้บุคลคลอื่นทรำบว่ำเรำเกิดมำจำกท้องถิ่นใด 11.ดนตรีพื้นบ้ำนหมำยถึงข้อใด 1. ดนตรีที่เกิดจำกคนในเมือง 2. ดนตรีที่เกิดในสมัยสุโขทัย 3. ดนตรีที่เกิดจำกคนในท้องถิ่น 4. ดนตรีที่เลียนเสียงธรรมชำติ
  • 11. 11 12.ข้อใดเป็นเครื่องดนตรีที่ไม่เข้าพวก 1. กลองตุ้ม โหวด ไหซอง 2. หมำกกั๊บแก๊บ ตรัวเอก ปี่เจรียง 3. ผ่ำงฮำด กลองยำว กลองตึ้ง 4. กลองกันตรึม ซอบั้ง แคน 13.เพรำะเหตุใดจึงกำหนดให้ทุกโรงเรียนมีกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในวิชำดนตรีไทย 1. เพรำะต้องกำรให้นักเรียนรู้จักเครื่องดนตรีไทย 2. เพรำะต้องกำรให้นักเรียนใช้เวลำว่ำงปฏิบัติกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ 3. เพรำะต้องกำรให้รู้จักวิธีทำเครื่องดนตรี เนื่องจำกทุกโรงเรียนต้องใช้ 4. เพรำะต้องกำรให้นักเรียนตระหนักถึงควำมสำคัญของดนตรีไทยที่เป็นมรดกทำงวัฒนธรรมของชำติ 14. กำรกระทำของบุคคลในข้อใดที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่ำของดนตรีไทยมำกที่สุด 1. ดำว ชอบฟังเพลงไทยเดิมจำกวิทยุ 2. จัน หัดขับร้องเพลงไทยเดิมในวันหยุดเสำร์-อำทิตย์ 3. เดือน เล่นดนตรีไทยที่ตนเองสนใจและขยันฝึกซ้อมทุกวัน 4. แรม เปิดร้ำนจำหน่ำยเพลงไทยเดิมและเครื่องดนตรีไทยทุกชนิด 15.ข้อใดไม่ใช่กำรประยุกต์ดนตรีกับกำรศึกษำ 1. โรงเรียนกวดวิชำนำสูตรคณิตศำสตร์มำแต่งเป็นเพลงเพื่อช่วยในกำรจดจำ 2. วิชำภำษำอังกฤษนำเพลงสำกลมำให้นักเรียนมำหัดแปลคำศัพท์ภำษำอังกฤษ 3. วิชำภำษำไทยนำโคลงสี่สุภำพมำใส่ทำนองเพลง 4. ห้ำงสรรพสินค้ำชื่อดังแต่งเพลงเพื่อโฆษณำขำยชุดนักเรียน 16.เพรำะเหตุใดในปัจจุบันสุภำพสตรีที่มีครรภ์จึงนิยมฟังเพลง 1. ลดควำมวิตกกังวล 2. บรรเทำอำกำรปวดหลัง 3. ผ่อนคลำยควำมตึงเครียด 4. จรรโลงจิตใจให้เกิดควำมสงบ 17.ข้อใดไม่ใช่หลักในกำรขับร้องที่ถูกต้อง 1. ยืนตัวตรง 2. ทำนองและจังหวะถูกต้องชัดเจน 3. ออกอักขระควบกล้ำชัดเจน 4. ใส่อำรมณ์ควำมรู้สึกร่วมไปตำมเสียงเพลง
  • 12. 12 18.ถ้ำนักเรียนต้องกำรพิจำรณำควำมไพเรำะของบทเพลงไทยสำกลนักเรียนควรใช้เกณฑ์ในข้อใด 1. เป็นจังหวะที่เชื่องช้ำแบบเพลงไทยเดิม 2. บทเพลงมีควำมหมำยดี ลึกซึ้ง กินใจ 3. มีกำรนำเอำเครื่องดนตรีไทยมำบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีสำกล 4. คัดเลือกศิลปินที่มีควำมเชี่ยวชำญในกำรร้องเพลงและมีชื่อเสียงโด่งดังมำร้องเพลง 19.กำรรับรู้ควำมงำมของดนตรีขึ้นอยู่กับปัจจัยใดเป็นสำคัญ 1. กำรศึกษำ 2. ค่ำนิยม 3. สังคม 4. อำรมณ์และจิตใจ 20.องค์ประกอบใดของดนตรีไทยที่ไม่นำมำพิจำรณำในเรื่องของสุนทรียศำสตร์ทำงดนตรี 1. เสียง 2. ทำนอง 3. จังหวะ 4. เสียงประสำน 21.ข้อใดจัดเป็นเครื่องดนตรีไทยในกลุ่มเดียวกันทั้งหมด 1. ซึง ฆ้อง 2. สะล้อ ระนำด 3. พิณน้ำเต้ำ กระจับปี่ 4. ซอสำมสำย กลองยำว 22.จุดมุ่งหมำยสำคัญของกำรรัวประลองเสภำคือข้อใด 1. เป็นกำรซ้อมกำรบรรเลงดนตรีก่อนกำรแสดงจริง 2. เป็นกำรเตรียมควำมพร้อมของนักดนตรีก่อนเริ่มกำรแสดง 3. เป็นกำรแจ้งประกำศให้ผู้คนรับรู้ว่ำกำรแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น 4. เป็นกำรอวดฝีมือของนักดนตรีในกำรบรรเลงเครื่องดนตรี เพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ 23.นักเรียนสำมำรถอนุรักษ์ดนตรีไทยให้คงอยู่สืบต่อไปได้อย่ำงไร 1. พัฒนำควำมรู้ควำมสำมำรถของศิลปิน นักแต่งเพลง นักดนตรี 2. ปลูกจิตสำนึกแก่ประชำชนที่ทำกำรค้ำขำยเกี่ยวกับเครื่องดนตรี 3. จัดกิจกรรมส่งเสริมกำรแสดงดนตรีในงำนเทศกำล หรืองำนประเพณีท้องถิ่น 4. ช่วยกันอุดหนุนหรือซื้อเครื่องดนตรีไทยโบรำณ
  • 13. 13 24.สิ่งสำคัญที่จะทำให้กำรขับร้องเพลงไทยเดิมมีควำมไพเรำะมำกยิ่งขึ้นคือสิ่งใด 1. เสียงของผู้ขับร้องเพลง 2. สุขภำพของผู้ขับร้องเพลง 3. กำรเอื้อนเสียงในเพลง 4. ประสบกำรณ์ของผู้ขับร้องเพลง 25.ข้อใดกล่ำว ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับหลักกำรบรรเลงเดี่ยวที่ดี 1. ต้องขยันหมั่นฝึกซ้อมทุกวันจนเกิดควำมชำนำญ 2. ตรวจสอบเครื่องดนตรีก่อนทุกครั้งก่อนกำรบรรเลง 3. มีควำมมั่นใจในตนเอง กล้ำแสดงออกต่อหน้ำสำธำรณชน 4. ลอกเลียนลีลำท่ำทำงกำรบรรเลงจำกนักดนตรีที่มีชื่อเสียง 26.กำรรับรู้ควำมงำมของดนตรีขึ้นอยู่กับปัจจัยใดเป็นสำคัญ 1. กำรศึกษำ 2. ค่ำนิยม 3. สังคม 4. อำรมณ์และจิตใจ 27. มีอัตรำจังหวะเท่ำกับข้อใด 1. 2. 3. 4.
  • 14. 14 28.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่ใช้ในกำรบันทึกโน้ตสำกล 1. เส้นนอนเรียกว่ำ “บรรทัด 5 เส้น” 2. สัญลักษณ์ด้ำนซ้ำยสุด เรียกว่ำ “เครื่องหมำยแปลงเสียง” 3. เส้นแนวตั้ง 2 เส้น ด้ำนขวำสุด เรียกว่ำ “เส้นกั้นห้องคู่” 4. สัญลักษณ์รูปวงกลม เรียกว่ำ “ตัวโน้ต” 29.ข้อใดเรียงลำดับเสียงสูงไปหำเสียงต่ำได้ถูกต้อง 1. บำริโทน อัลโต เมซโซปรำโน 2. เบส บำริโทน เทเนอร์ 3. เมซโซปรำโน เบส อัลโต 4. โซปรำโน เมซโซโซปรำโน อัลโต 30.ตัวโน้ตที่มีควำมยำวของเสียงมำกที่สุดมีลักษณะตรงกับข้อใด 1. โน้ตตัวกลม 2. โน้ตตัวดำ 3. โน้ตตัวขำว 4. โน้ตตัวเขบ็ต 31.เครื่องดนตรีชนิดใดมีวิธีกำรบรรเลงคล้ำยกับเปียโน 1. คอร์เน็ต 2. ฮำร์ปซิคอร์ด 3. คำบำซำ 4. คอนทรำเบส 32. เพลงที่ใช้สวดโดยนำเนื้อร้องมำจำกคัมภีร์หมำยถึงเพลงประเภทใด 1. โมเต็ต 2. ออรำทรอริโอ 3. แพสชั่น 4. รีเควี่ยม 33.ดนตรีสำกลมีลักษณะเด่นชัดอย่ำงไร 1. เป็นที่รู้จักอย่ำงแพร่หลำย 2. นักร้องขับร้องเพลงครั้งละหลำยคน 3. ได้รับอิทธิพลทำงดนตรีมำจำกกรีก 4. มีเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพำะ
  • 15. 15 34.ข้อใดเป็นลักษณะของบทเพลงซิมโฟนี 1. เพลงที่บรรเลงโดยวงออร์เคสตรำ 2. เพลงที่ประพันธ์จำกคีตกวีเยอรมัน 3. เพลงที่ใช้เครื่องเป่ำเป็นส่วนใหญ่ 4. เพลงที่มีทำนองอ่อนหวำนปนเศร้ำ 35.กำรจะเรียกชื่อวงเชมเบอร์มิวสิกต้องยึดหลักในข้อใด 1. เรียกตำมจำนวนผู้บรรเลง 2. เรียกตำมจำนวนเครื่องดนตรี 3. เรียกตำมจำนวนเพลงที่ใช้บรรเลง 4. เรียกตำมจำนวนระยะเวลำที่ใช้ในกำรแสดง 36.วงโยธวำทิตไม่นิยมนำมำใช้บรรเลงในกิจกรรมใด 1. เดินสวนสนำม 2. เดินขบวนพำเหรด 3. เดินนำขบวนรณรงค์ต่ำงๆ 4. เดินนำขบวนแห่นำคเข้ำโบสถ์ 37.ข้อใดไม่ใช่บทเพลงพระรำชนิพนธ์ในพระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว (รัชกำลที่6) 1. เพลงสยำมมำนุสติ เถำ 2. เพลงลมพัดชำยเขำ 3. เพลงพรำหมณ์เข้ำโบสถ์ เถำ 4. เพลงเขมรไทรโยค 38.วงดนตรีสำกลในข้อใดเปรียบได้กับวงมโหรีเครื่องใหญ่ของไทย 1. วงโยธวำทิต 2. วงออร์เคสตรำ 3. วงเชมเบอร์มิวสิก 4. วงดนตรีพื้นบ้ำนอเมริกัน 39.ถ้ำนักเรียนต้องจัดวงดนตรีเพื่อนำไปบรรเลงในงำนศพที่โบสถ์ของศำสนำคริสต์ นักเรียนควรใช้ วงดนตรีสำกลลักษณะใด 1. วงโยธวำทิต 2. วงออร์เคสตรำ 3. วงคันทรีอเมริกัน 4. วงเชมเบอร์มิวสิก
  • 16. 16 40.ข้อใดไม่ควรปฏิบัติในขณะขับร้องเพลงสำกล 1. ร้องให้ตรงจังหวะและทำนองเพลง 2. เปล่งเสียงร้องให้สูง-ต่ำตำมพื้นเสียง 3. ร้องให้ตรงระดับเสียงตัวโน้ตบนบรรทัด 5 เส้น 4. ควบคุมกำรหำยใจเข้ำ-ออกให้มีควำมสม่ำเสมอ
  • 17. 17 ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(นาฏศิลป์) คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. กำรแสดงในข้อใดแตกต่ำงจำกพวก 1. รำกริชอิเหนำ 2. รำซัดชำตรี 3. รำสีนวล 4. รำพัด 2. รำกลองยำวสะท้อนให้เห็นชีวิตควำมเป็นอยู่ของผู้คนอย่ำงไร 1. รักอิสระ ไม่ชอบกฎระเบียบ 2. เรียบง่ำย รักควำมสนุกสนำน 3. มีน้ำใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 4. ใช้ชีวิตอย่ำงเร่งรีบ ต่ำงคนต่ำงอยู่ 3. บทร้องที่ดีควรมีลักษณะเป็นอย่ำงไร 1. เหมำะสมกับลักษณะของผู้แสดงแต่ละครำว 2. ปรับปรุงไปตำมควำมเหมำะสมกับเวลำและโอกำส 3. เหมำะสมกับลักษณะของกำรละครและนิสัยของตัวละคร 4. เปลี่ยนแปลงไปตำมสภำพและเหตุกำรณ์ของบ้ำนเมือง 4. ข้อใดที่กล่ำวถึงลักษณะของกำรแสดงโขนได้อย่ำงถูกต้อง ก. นำวรรณคดีเรื่องใดมำแสดงก็ได้ ข. ผู้แสดงต้องสวมหัวโขน ค. ตัวละครพูดเอง ร้องเอง ง. แต่งกำยในชุดยืนเครื่องพระ นำง ยักษ์ ลิง 1. ก. และ ข. 2. ข. และ ง. 3. ก. และ ค. 4. ข. และ ค.
  • 18. 18 5. เพรำะเหตุใดผู้แสดงที่แสดงโขนเป็นตัวพระและตัวนำงจึงไม่เจรจำบทด้วยตนเอง 1. เพรำะผู้แสดงไม่ถนัด 2. เพรำะมีผู้ขับร้องและผู้พำกย์แทน 3. เพรำะต้องกำรรักษำจำรีตของกำรแสดงโขนไว้ 4. เพรำะผู้แสดงไม่ได้รับกำรฝึกหัดให้เจรจำเอง 6. จำกภำพเป็นกำรแสดงประเภทใด 1. ระบำมำตรฐำน 2. ระบำที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ 3. ระบำโบรำณคดี 4. ระบำประเภทพื้นเมือง 7. ข้อใดเป็นสิ่งที่ควรคำนึงในกำรประดิษฐ์ท่ำรำที่เป็นคู่ 1. กำรแปรแถวที่หลำกหลำย 2. ยึดแบบแผนท่ำรำเฉพำะถิ่น 3. ท่ำรำของคู่รำควรมีควำมสอดคล้องกัน 4. คำนึงถึงควำมพร้อมเพรียงมำกกว่ำท่ำรำ 8. ข้อใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. รำกริชดรสำ รำหน้ำพำทย์ 2. รำแม่บท รำมโนรำห์บูชำยัญ 3. รำฉุยฉำยพรำหมณ์ รำไหว้ครูโนรำ 4. รำซัดชำตรี รำรจนำเสี่ยงพวงมำลัย 9. ปฏิมำกรรมพระพุทธรูปปำงลีลำ นำไปสู่แนวคิดในกำรประดิษฐ์ท่ำรำชุดกำรแสดงใด 1. ระบำโบรำณคดี ชุด ลพบุรี 2. ระบำโบรำณคดี ชุด เชียงแสน 3. ระบำโบรำณคดี ชุด สุโขทัย 4. ระบำโบรำณคดี ชุด ศรีวิชัย
  • 19. 19 10.ข้อใดกล่ำวถูกต้อง 1. รำบท เป็นกำรรำที่ตัดตอนมำจำกกำรแสดงละคร 2. รำบท เป็นกำรแสดงท่ำทำงแทนคำพูดและอำรมณ์ 3. รำหน้ำพำทย์ เป็นกำรรำประกอบเพลงให้เข้ำกับเนื้อร้อง 4. รำหน้ำพำทย์ เป็นกำรรำให้เข้ำกับจังหวะดนตรีและแสดงอำรมณ์ร่วม 11. อรอุมำเป็นชำวไทยมุสลิมกำลังจะจัดงำนแต่งงำนที่บ้ำน อรอุมำควรเลือกชุดกำรแสดงใดมำใช้ในงำน 1. รำอวยพร 2. ระบำร่อนแร่ 3. มะโย่ง 4. รองเง็ง 12.คติควำมเชื่อทำงด้ำนนำฏศิลป์ที่ผู้แสดงต้องขอขมำผู้อำวุโสหลังจบกำรแสดง สะท้อนให้เห็นลักษณะ ของสังคมไทยในเรื่องใด 1. กำรให้เกียรติและเคำรพผู้อำวุโส 2. เมื่อทำผิดต้องยอมรับผิดและกล่ำวขอโทษ 3. ควำมมีน้ำใจไมตรี ให้ควำมช่วยเหลือเมื่อผู้อื่นเดือดร้อน 4. มำรยำทอันดีงำมในกำรแสดงควำมเคำรพซึ่งกันและกัน 13.ข้อใดกล่ำวถึงควำมสำคัญของวรรณกรรมที่มีต่อนำฏศิลป์ได้ถูกต้องที่สุด 1. ช่วยกำหนดลีลำท่ำทำงกำรเคลื่อนไหว อำรมณ์ของผู้แสดง 2. ช่วยเร้ำอำรมณ์ของผู้ชมกำรแสดงให้คล้อยตำมเนื้อเรื่อง 3. แสดงถึงวัฒนธรรม ประเพณีของท้องถิ่นที่จัดกำรแสดง 4. ช่วยให้กำรแสดงมีควำมประณีตและวิจิตรงดงำม 14.ศิลปะแขนงวิจิตรศิลป์ที่สอดแทรกอยู่ในกำรแสดงโขนที่เห็นได้เด่นชัดกว่ำศิลปะแขนงอื่นๆ คือข้อใด 1. จิตรกรรม 2. สถำปัตยกรรม 3. ประติมำกรรม 4. ดุริยำงคศิลป์ 15.กำรแสดงพื้นเมืองเป็นกำรแสดงที่สะท้อนออกมำในรูปแบบใดชัดเจนที่สุด 1. กำรทำมำหำกินของคนในท้องถิ่น 2. กำรแต่งกำยของคนในท้องถิ่น 3. ลีลำ จังหวะกำรเดิน กำรยืน อำกัปกิริยำของคนในท้องถิ่น 4. ควำมสวยงำมของสภำพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่น
  • 20. 20 16. ละครหลวงวิจิตรวำทกำรมีลักษณะที่โดดเด่นอย่ำงไร 1. เนื้อหำเกี่ยวกับพระมหำกษัตริย์ 2. เนื้อหำปลุกใจให้รักชำติ 3. เนื้อหำสะท้อนวิถีชำวบ้ำน 4. เนื้อหำเชื่อมโยงกับพระพุทธศำสนำ 17.กำรแสดงละครดึกดำบรรพ์มีควำมคล้ำยคลึงกับกำรแสดงละครในข้อใด 1. ละครนอก ละครใน 2. ละครชำตรี ละครพันทำง 3. ละครเสภำ ละครร้อง 4. ละครพูด ละครวิทยุ 18.ละครประเภทใดจัดเป็นต้นแบบของกำรแสดงละครรำทุกประเภท 1. ละครดึกดำบรรพ์ 2. ละครเสภำ 3. ละครชำตรี 4. ละครใน 19.ละครไทยที่แสดงท่ำทำงเหมือนอย่ำงสำมัญชนและเปลี่ยนฉำกไปตำมท้องเรื่อง คือละครประเภทใด 1. ละครพูดกับละครพันทำง 2. ละครพูดกับละครดึกดำบรรพ์ 3. ละครพูดกับละครเสภำ 4. ละครพูดกับละครร้อง 20.ข้อใดไม่ใช่ควำมสำคัญของกำรละครไทย 1. ขับกล่อมจิตใจมนุษย์ 2. แสดงควำมเป็นอำรยประเทศ 3. เป็นศูนย์รวมศิลปะแขนงต่ำงๆ 4. สร้ำงประเทศชำติให้มีอำนำจมำกขึ้น 21.ถ้ำได้รับมอบหมำยให้จัดกำรแสดงละครที่มีข้อคิดและคติสอนใจเกี่ยวกับควำมจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต และกำรรักษำระเบียบวินัยอย่ำงเคร่งครัด ละครเรื่องใดมีควำมเหมำะสมที่สุด 1. เลือดสุพรรณ 2. พันท้ำยนรสิงห์ 3. มหำรำชดำ 4. สมเด็จพระสุริโยทัย
  • 21. 21 22.ละครเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์อย่ำงไร 1. มีเนื้อเรื่องเหมือนชีวิตจริง 2. ใช้คนเป็นตัวเอกของเรื่อง 3. ทำให้ชีวิตคนยืนยำว 4. กล่ำวถึงแต่คนที่มีชีวิต 23.เรื่องรำวที่จะนำมำแสดงละครสร้ำงสรรค์ควรมีลักษณะอย่ำงไร 1. ล้ำสมัยเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 2. กำลังอยู่ในควำมนิยมของสังคม 3. ชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียง 4. ให้ข้อคิดที่สำมำรถนำไปใช้ได้ 24.ละครสร้ำงสรรค์เน้นเรื่องใดเป็นสำคัญ 1. ขั้นตอนกำรแสดง 2. เวทีและฉำกกำรแสดง 3. เครื่องแต่งกำย 4. อุปกรณ์ประกอบกำรแสดง 25.ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้อง 1. ละครแบบไม่เหมือนจริงจะเป็นละครแบบสุขนำฏกรรมเท่ำนั้น 2. โขนและละครของไทยจัดเป็นกำรนำเสนอละครแบบไม่เหมือนจริง 3. กำรชมละครแบบไม่เหมือนจริงผู้ชมไม่ต้องใช้จินตนำกำรหรือกำรตีควำม 4. ภำษำที่ใช้ในกำรแสดงละครแบบไม่เหมือนจริงจะเป็นภำษำถิ่นร้อยแก้ว 26.ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องเกี่ยวกับละครโรมัน 1. ตัวละครออกมำประกำศชื่อก่อนกำรแสดง 2. มีลักษณะเป็นแบบสุขนำฏกรรมทั้งสิ้น 3. ใช้เครื่องแต่งกำยที่มีสีฉูดฉำด 4. เริ่มแสดงตั้งแต่เช้ำจนถึงค่ำ 27.หลักกำรวิจำรณ์กำรแสดงนำฏศิลป์ไทย ผู้วิจำรณ์จะต้องมีควำมรู้ในเรื่องใด 1. กำรคิดประดิษฐ์ลีลำท่ำรำ 2. กำรจัดแสดงชุดต่ำงๆ 3. ควำมสำมำรถของผู้แสดง 4. องค์ประกอบของนำฏศิลป์
  • 22. 22 28.กำรวิเครำะห์กำรแสดงนำฏศิลป์ไทยอย่ำงมีหลักกำรต้องปฏิบัติอย่ำงไร 1. ต้องเสำะแสวงหำควำมรู้จำกผู้เชี่ยวชำญ 2. ต้องศึกษำด้ำนสุนทรียศำสตร์ของศิลปะกำรแสดง 3. ต้องมีประสบกำรณ์ในกำรชมกำรแสดงนำฏศิลป์ไทย 4. ต้องศึกษำให้เข้ำใจหลักกำรวิจำรณ์กำรแสดงแต่ละประเภท 29.ข้อใดจัดเป็นหลักกำรวิจำรณ์กำรแสดงนำฏศิลป์ที่ดี 1. แสดงควำมคิดเห็นได้สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชำญ 2. ติชมเพื่อก่อให้เกิดกำรพัฒนำไปสู่แนวทำงที่ดี 3. ใช้ภำษำในกำรวิจำรณ์ที่รุนแรง เร้ำอำรมณ์ 4. เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียอย่ำงชัดเจน 30.ข้อใดเป็นกำรอนุรักษ์และส่งเสริมเอกลักษณ์ของชำติทำงด้ำนนำฏศิลป์ที่ดีที่สุด 1. กำรแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม 2. กำรให้ควำมรู้แก่ประชำชน 3. กำรปรับปรุงฟื้นฟู 4. กำรยกย่องสรรเสริญ
  • 23. 23 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ 2552 ตอนที่ 1 ศิลปะ : จำนวน 40 ข้อ รวม 100 คะแนน ส่วนที่ 1 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 33 ข้อ (ข้อ 1-33) : ข้อละ 2 คะแนน 1. สีใดที่ใช้แทนควำมรัก 1. ดำ 2. แดง 3. ชมพู 4. ขำว 2. ข้อใดไม่ใช่เอกลักษณ์ของงำนจิตรกรรมไทย 1. แสดงภำพแบนๆ แบบสองมิติ 2. แสดงแสงเงำตำมธรรมชำติ 3. แสดงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคลด้วยสี 4. แสดงจุดเด่นโดยไม่คำนึงถึงสัดส่วน 3. สีชนิดใดใช้ระบำยบำงๆ แบบสีน้ำและแบบปำดป้ำยเป็นก้อนในแบบสีน้ำมันได้ 1. Pastel 2. Acrylic 3. Crayon 4. Marker 4. ข้อใดเป็นศิลปินในลัทธิประทับใจยุคหลัง (Post-Impressionism) ทั้งหมด 1. ปอลเซซำน (Paul Cezanne) มำร์เซล ดูชอง (Marcel Duchamp) 2. ปอล โกแกง (Paul Ganguin) ฟินเซนต์ ฟำนก๊อก (Vincent Van Gogh) 3. ซำลำดอร์ ดำลี (Salvador Dali) มักซ์ เอินสต์ (Max Ernst) 4. ชอร์ช บรำก (Georges Broque) ปำโบล ปิกัสโซ่ (Pablo Picasso) ปีการศึกษา
  • 24. 24 5. ภำพโมนำลิซำ (Mona Lisa) ของลีโอนำโด ดำ วินซี (Leonardo do Vince) มีกำรใช้สิ่งใดในกำรจัด องค์ประกอบศิลป์มำกที่สุด 1. ควำมสมดุล 2. ควำมกลมกลืน 3. เน้นสีต่ำงวรรณะกัน 4. เน้นด้วยเส้นให้เกิดระยะ 6. ลักษณะของแม่พิมพ์ทุบเป็นอย่ำงไร 1. เป็นแม่พิมพ์ชั่วครำว สำมำรถหล่อได้รูปเดียว 2. ไม่นิยมใช้ต้นแบบเป็นดินเหนียว 3. เป็นแม่พิมพ์ที่แข็งแรง ที่สำมำรถใช้หล่อได้หลำยครั้ง 4. หล่อได้ง่ำย ทนควำมร้อนได้ดี 7. กำรผสมปูนปลำสเตอร์ เพื่อหล่อรูปปั้นควรทำตำมข้อใด 1. ใส่น้ำในภำชนะ, โรยปูนพลำสเตอร์พอเสมอระดับน้ำ, กวนให้เข้ำกัน 2. ใส่น้ำในภำชนะสลับกับโรยปูนพลำสเตอร์ แล้วกวนให้เข้ำกัน 3. ใส่ปูนในภำชนะ, ใส่น้ำพอประมำณ, กวนให้เข้ำกันอย่ำงนุ่มนวล 4. ใส่ปูนและน้ำพร้อมๆ กัน แล้วกวนให้เข้ำกันอย่ำงรวดเร็ว 8. ภำพลำยรดน้ำของช่ำงศิลป์ไทย นิยมใช้สิ่งใดลงพื้น 1. รัก 2. สีน้ำมันมะเดื่อ 3. หรดำล 4. สีฝุ่น 9. แอนดี วอร์ฮอล เป็นศิลปินชนชำติใด และเป็นหนึ่งในศิลปินสมัยใด 1. อเมริกำ สมัยนิยม (Pop Art) 2. ฮอลแลนด์ สมัยเหมือนจริง (Realism) 3. โปแลนด์ สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยำ (Renaissance) 4. เยอรมัน สมัยหลังสมัยใหม่ (Postmodern) 10.ลำยกระหนก มีต้นแบบมำจำกธรรมชำติ 4 อย่ำงคือข้อใด 1. ดอกบัว ใบฝ้ำย รวงข้ำว เปลวไฟ 2. ดอกบัว หยดน้ำ นก รวงข้ำว 3. เปลวไฟ เมฆ เกลียวคลื่น ช้ำง 4. นก หยดน้ำ เกลียวคลื่น ปลำ
  • 25. 25 11.ข้อใดเป็นตัวอย่ำงประยุกต์ศิลปะกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ 1. ภำพยนตร์เรื่องก้ำนกล้วย 2. หนังใหญ่ 3. ละครหุ่นเชิด 4. หนังตะลุง 12.สีขั้นที่สำมในวงจรสีประกอบด้วยสีใด 1. ส้ม เขียว 2. แดง เหลือง 3. เขียวเหลือง ส้มแดง 4. แดงส้ม น้ำเงิน 13.เทคนิคกำรพิมพ์ประเภทใดที่นิยมใช้ในกำรพิมพ์กระเป๋ำผ้ำ 1. เทคนิคภำพพิมพ์แกะไม้ (Woodcut) 2. เทคนิคภำพพิมพ์โลหะ (Etching) 3. เทคนิคภำพพิมพ์หิน (Lithograph) 4. เทคนิคภำพพิมพ์ตะแกรงไหม (Silkscreen) 14.ในสมัยโรมัน มีกำรสร้ำงสรรค์เครื่องเป่ำทองเหลืองขึ้น และใช้องค์ประกอบดนตรีต่ำงๆ ที่ได้รับอิทธิพล มำจำกวัฒนธรรมดนตรีกรีก ลักษณะกำรผสมวงจึงมีหลำกหลำยมำกขึ้น กำรผสมวงที่ใช้เครื่องเป่ำ ทองเหลืองเป็นหลัก ชำวโรมันมักจะใช้เพื่อแสดงลักษณะอย่ำงไรมำกที่สุด 1. เข้มแข็ง สง่ำงำม 2. อ่อนหวำน ซำบซึ้ง 3. สนุกสนำน ร่ำเริง 4. นุ่มนวล สดใส 15.กำรแสดงละครเพื่อเน้นให้เห็นควำมงดงำมของเสียงดนตรีที่มีลักษณะเดียวกัน หรือคล้ำยคลึงกัน โดยนำ กำรร่ำยรำมำประกอบ กำรแสดงครั้งนี้ควรใช้บทเพลงในข้อใด 1. ตับนำงลอย 2. ตับนำคบำศ 3. ตับลำวเจริญศรี 4. เพลงชมตลำด
  • 26. 26 16.กำรดูแลรักษำเครื่องดนตรีในข้อใดที่มีวิธีกำรคล้ำยคลึงกันมำกที่สุด 1. Flute, French horn 2. Oboe, English horn 3. Bassoon, Tuba 4. French horn, English horn 17.บทเพลงประเภท nocturne เป็นบทเพลงประเภท night music มักจะนำเสนอทำนองสองทำนอง โดยทำนองแรกจะอยู่ในตอนแรกและตอนสุดท้ำย โดยตอนกลำงเป็นทำนองที่สอง ซึ่งควำมรู้สึกของ บทเพลงประเภทนี้แสดงออกถึงควำมไพเรำะในลักษณะใด และรูปแบบที่นำเสนอทำนองสองทำนอง ดังกล่ำวเรียกว่ำอะไร 1. Tranquillo, Binary Form 2. Cantabile, Binary Form 3. Vivo, Ternary Form 4. Dolce, Ternary Form 18.Music, homophony และ rhythm ต่ำงเป็นคำศัพท์ทำงดนตรีที่สำคัญ ซึ่งมีรำกศัพท์มำจำกวัฒนธรรม ดนตรีที่เป็นรำกเหง้ำของดนตรีตะวันตก คือดนตรีของชนชำติใด 1. กรีกโบรำณ 2. อียิปต์โบรำณ 3. โรมัน 4. ฮิบรู 19.ในวิถีชีวิตของคนไทยแต่ดั้งเดิมมำ มีดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ว่ำจะประกอบกิจกรรมใดๆ เช่น โกนจุก บวชนำค พิธีศพ มักจะมีดนตรีเป็นส่วนประกอบเสมอ ทำให้ดนตรีซึมซับอยู่ในควำมรู้สึก เป็นสิ่งที่มีคุณค่ำ วงดนตรีที่มีบทบำทในกำรประกอบกิจกรรมต่ำงๆ เหล่ำนี้ มักจะเป็นวงดนตรี ประเภทใด 1. วงเครื่องสำย 2. วงปี่พำทย์ 3. วงมโหรี 4. วงขับไม้ 20.กำรประพันธ์เพลงเพื่อแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมดนตรีในยุคบำโรค ควรเป็นบทเพลงในข้อใด 1. Etude No.1 in D minor 2. Mazurka in F major 3. Suite No.1 in C minor 4. Madrigal Comedy, Op.1
  • 27. 27 21.วงปี่พำทย์ประเภทหนึ่งที่พัฒนำขึ้นในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ เพื่อใช้ในกำรบรรเลงร้องส่ง หรือกำร ขับกล่อม คือข้อใด 1. รัชกำลที่ 1 ปี่พำทย์เสภำเครื่องคู่ 2. รัชกำลที่ 2 ปี่พำทย์เสภำเครื่องห้ำ 3. รัชกำลที่ 3 ปี่พำทย์ไม้แข็งเครื่องใหญ่ 4. รัชกำลที่ 4 ปี่พำทย์ไม้นวมเครื่องคู่ 22.กำรประพันธ์บทเพลงเพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกว่ำเป็นเพลงพื้นบ้ำนภำคกลำงที่สนุกสนำน น่ำจะมีลักษณะอย่ำงไร 1. เพลงในบันไดเสียงเมเจอร์ บรรเลงโดยวงปี่ซอ 2. เพลงในบันไดเสียงไมเนอร์ บรรเลงโดยวงกลองยำว 3. เพลงในบันไดเสียงเพนตำโทนิก บรรเลงโดยวงปี่ซอ 4. เพลงในบันไดเสียงเพนตำโทนิก บรรเลงโดยวงกลองยำว 23.กำรประพันธ์บทเพลงที่มีลักษณะเรียบง่ำย ไม่ใช้โน้ตประดับมำกมำย แสดงถึงควำมสดใส ใช้คอร์ดที่มี เสียงกลมกลืนเป็นส่วนใหญ่ บทเพลงนี้น่ำจะเป็นลักษณะของบทเพลงในยุคใด 1. คลำสสิก 2. โรแมนติก 3. ศตวรรษที่ 20 4. ฟื้นฟูศิลปวิทยำ 24.ละครเรื่องใดที่นับเป็นกำรแสดงแบบโศกนำฏกรรม 1. ซินเดอเรล่ำ 2. โรมิโอ แอนด์ จูเลียต 3. ปลำบู่ทอง 4. โสนน้อยเรือนงำม
  • 28. 28 25.กำรแสดงนำฏศิลป์ในรูปภำพใดที่แสดงถึงอำรมณ์ควำมสนุกสนำน แข็งแรง กระฉับกระเฉงได้ดีที่สุด 1. 2. 3. 4. 26.ในกำรเลือกเพลงประกอบแสดงนำฏศิลป์ร่วมสมัยชุดหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องคำนึงถึงอะไร 1. เป็นเพลงร่วมสมัย 2. เป็นเพลงที่เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักทั่วไป 3. เป็นเพลงที่มีอำรมณ์และจังหวะสอดคล้องกับเนื้อหำของกำรแสดง 4. เป็นเพลงที่เร้ำใจ สร้ำงควำมตื่นเต้น และดึงดูดผู้ชมได้ดี 27.กำรฝึกฝนบัลเล่ต์สำมำรถแก้ไขข้อบกพร่องทำงสรีระข้อใดได้บ้ำง 1. หลังค่อม 2. ขำโก่ง 3. ศีรษะเอียง 4. เท้ำบิดออกด้ำนนอก 28.สิ่งใดที่ผู้วิจำรณ์กำรแสดงไม่จำเป็นต้องกล่ำวถึงในกำรวิจำรณ์กำรแสดง 1. กำรเล่ำเรื่องย่อกำรแสดงนั้นๆ 2. วิธีกำรเดินทำงไปสถำนที่ที่ชมกำรแสดง 3. มุมมองที่ผู้สร้ำงสรรค์ต้องกำรนำเสนอสู่ผู้ชม 4. ควำมสวยงำมของแสงสีประกอบกำรแสดง
  • 29. 29 29.มำรยำทในกำรชมกำรแสดงที่ดีคือข้อใด 1. พูดคุยถึงกำรแสดงฉำกต่ำงๆ เรื่องรำวของกำรแสดงนั้นๆ ให้กับเพื่อนที่ชมด้วยกันฟังตลอดเวลำ 2. พยำยำมอ่ำนสูจิบัตรกำรแสดงในเวลำชมกำรแสดงเพื่อให้เข้ำใจเรื่องรำว 3. ปิดเสียงโทรศัพท์และเครื่องมือสื่อสำรต่ำงๆ และไม่รับโทรศัพท์เด็ดขำดระหว่ำงชมกำรแสดง 4. ลุกไปเข้ำห้องน้ำระหว่ำงที่กำรแสดงอยู่ในช่วงที่ไม่สำคัญ 30.ในกำรแสดงงิ้ว สีของเครื่องแต่งกำยที่ตัวละครสวมใส่ สำมำรถบ่งบอกลักษณะนิสัยได้ ดังเช่น ขุนนำง ที่มีคุณธรรมจะสวมชุดสีแดงหรือสีฟ้ำ แต่ถ้ำเป็นขุนนำงที่คดโกงจะสวมชุดสีอะไร 1. สีเขียวเข้ม 2. สีม่วง 3. สีน้ำเงิน 4. สีดำ 31.ข้อใดที่มีควำมสัมพันธ์กันในเชิงศิลปะกำรแสดง 1. The Tgar and Carpenter - จันทกินรี 2. The Nut Cracker - รำมำยณะ (อินโดนีเซีย) 3. คำบูกิ - กถักกฬิ 4. วำยังวอง - มณีปุรี 32.สมัยรำชวงศ์ใดของจีนที่ละครหุ่นมีควำมหลำกหลำยและโดดเด่นเป็นอย่ำงมำก 1. รำชวงศ์ฮั่น 2. รำชวงศ์สุย 3. รำชวงศ์ถัง 4. รำชวงศ์ซ่ง 33.นำฏศิลป์อินโดนีเซียแบบใดที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ 1. แบบสุรำกำร์ตำ 2. แบบซุนดำ 3. แบบบำหลี 4. แบบสุมำตรำ
  • 30. 30 ส่วนที่ 2 : แบบระบำยคำตอบที่สัมพันธ์กัน:จำนวน7ข้อ (ข้อ34-40) ข้อ 34 - 39 ข้อละ 4 คะแนน และข้อ 40 ข้อละ 10 คะแนน จงพิจำรณำเลือกคำตอบจำกตำรำงหมวดต่ำงๆ ที่โจทย์กำหนด หมวดละ 1 คำตอบ ให้ครบทุกหมวด ตำมควำมต้องกำรของโจทย์จึงจะได้คะแนน จงใช้ตัวเลือกจำกตำรำงหมวด A B C D E และ F ต่อไปนี้ ตอบคำถำมข้อ 34 - 36 รหัส ตัวเลือกหมวด B 1 อังกฤษ 2 ไทย 3 บำลี 4 สันสกฤต 5 จีน 6 อำหรับ 7 อินเดีย 8 เนปำล รหัส ตัวเลือกหมวด A 1 Requiem 2 Cantata 3 Oratorio 4 Mass 5 เพลงเถำ 6 เพลงละคร 7 เพลงตับเรื่อง 8 เพลงเกร็ด รหัส ตัวเลือกหมวด D 1 Recitative 2 Aria 3 Duet 4 Trio 5 Chorus 6 Ensemble 7 Orchestra 8 Quartet รหัส ตัวเลือกหมวด C 1 Choir 2 Orchestra 3 Quartet 4 Concerto grosso 5 ปี่พำทย์ดึกดำบรรพ์ 6 มโหรีเครื่องใหญ่ 7 เครื่องสำยเครื่องใหญ่ 8 ปี่พำทย์เครื่องใหญ่
  • 31. 31 กำรประพันธ์บทเพลงสวดในพุทธศำสนำขนำดใหญ่บทหนึ่ง โดยใช้แนวคิดกำรประพันธ์แบบ บทเพลงสวดของนิกำยโรมันแคธอลิก ภำษำที่ใช้เป็นภำษำดั้งเดิมคล้ำยภำษำละติน บทสวดเริ่มต้นด้วยควำม ยิ่งใหญ่ หลังจำกนั้น เน้นกำรแสดงควำมสำมำรถของกำรขับร้องเดี่ยวของนักร้องชำย โดยกำรร้องทำนอง ที่ไพเรำะมำก แบ่งเป็นสองทำนองหลัก โดยทำนองแรกเป็นทำนองที่ยิ่งใหญ่ และทำนองที่สองเป็นทำนอง เรียบง่ำย และปิดท้ำยด้วยทำนองแรกที่มีกำรเพิ่มเติมกำรแสดงควำมสำมำรถของนักร้องด้วย บทเพลงดำเนิน ไปโดยมีกำรขับร้องหลำยรูปแบบ รวมทั้งกำรขับร้องช่วงหนึ่งที่เป็นกำรขับร้องระหว่ำงนักร้องเดี่ยวชำยและ หญิงรวม 2 คน และจบลงด้วยควำมยิ่งใหญ่ของกำรบรรเลงและขับร้องทั้งหมด 34.ภำษำที่ควรใช้ในบทเพลงนี้คือภำษำอะไร ส่วนเริ่มต้นของบทเพลง ควรเป็นกำรขับร้องในลักษณะใด และกำรขับร้องของนักร้องชำย เป็นลักษณะใด เลือกจำกหมวด B, C, และ D ตำมลำดับ 35.เพลงสวดในลักษณะนี้ เรียกว่ำอะไร รูปแบบกำรขับร้องของนักร้องชำย เรียกว่ำอะไร กำรขับร้อง ระหว่ำงนักร้องเดี่ยวชำยและหญิงรวม 2 คน เรียกว่ำอะไร เลือกจำกหมวด A, E, และ D ตำมลำดับ 36.ถ้ำต้องเปลี่ยนแปลงกำรประพันธ์มำใช้ลักษณะของดนตรีไทย เพลงที่ประพันธ์ขึ้นมำ เรียกว่ำเพลง ประเภทใด บทสวดเริ่มต้นด้วยควำมยิ่งใหญ่ด้วยกำรบรรเลงของวงดนตรี ควรใช้วงดนตรีประเภทใด และกำรบรรเลงและขับร้องตอนท้ำย เป็นกำรผสมผสำนของดนตรีไทยและสำกลควรเป็นลักษณะใด เลือกจำกหมวด A, C, และ F ตำมลำดับ รหัส ตัวเลือกหมวด F 1 ปี่พำทย์เครื่องคู่ กำรร้องประสำนเสียง 2 ปี่พำทย์เครื่องใหญ่ กำรร้องหมู่ 3 มโหรีเครื่องคู่ กำรร้องประสำนเสียง 4 มโหรีเครื่องใหญ่ กำรร้องประสำนเสียง 5 เครื่องสำยเครื่องใหญ่ กำรร้องหมู่ 6 มโหรีเครื่องใหญ่ กำรร้องหมู่ 7 มโหรีเครื่องคู่ กำรร้องหมู่ 8 ปี่พำทย์เครื่องคู่ กำรร้องหมู่ รหัส ตัวเลือกหมวด E 1 Rondo 2 Tutti 3 Concentrate 4 Da segno 5 Binary 6 Minuet 7 Da capo 8 D.S. al fine
  • 32. 32 จงใช้ตัวเลือกจำกตำรำงหมวด G H I และ J ต่อไปนี้ ตอบคำถำมข้อ 37 - 39 37.ระบำย่องหงิดเป็นกำรจับระบำของเหล่ำเทวดำนำงฟ้ำที่หำชมได้ยำกอีกชุดหนึ่ง ดังนั้นหำกท่ำนต้องกำร อนุรักษ์และเผยแพร่ระบำดังกล่ำว ควรบรรจุระบำดังกล่ำวในละครเรื่องใดและประเภทใด โดยเลือก คำตอบจำกตำรำงหมวด H และ G ตำมลำดับ 38.กำรแสดงนำฏศิลป์อินเดียที่เน้นกำรกระโดด กำรหมุนตัวบนพื้นและผู้แสดงต้องตีกลองที่คล้องอยู่ที่คอ ของตนด้วย กำรแสดงดังกล่ำวคือกำรแสดงประเภทใดและชื่อชุดอะไร โดยเลือกคำตอบจำกตำรำงหมวด I และ J ตำมลำดับ 39.หำกท่ำนได้รับมอบหมำยให้จัดกำรแสดงที่สะท้อนถึงกำรเลือกคู่ครอง (ปลูกเรือนตำมใจผู้อยู่) ให้ประชำชนทั่วไปชม (อำยุเฉลี่ย 18-35 ปี) เวทีชั่วครำวหน้ำศูนย์กำรค้ำสยำมพำรำกอน ท่ำนจะเลือกใช้ รูปแบบกำรแสดงประเภทใดและเรื่องใด โดยเลือกคำตอบจำกตำรำงหมวด G และ H ตำมลำดับ รหัส ตัวเลือกหมวด H 1 มโนห์รำ 2 สังข์ทอง 3 ไกรทอง 4 นิทรำชำคริต 5 อิเหนำ 6 อุณรุท รหัส ตัวเลือกหมวด G 1 ละครนอก 2 ละครใน 3 ละครดึกดำบรรพ์ 4 โอเปร่ำ 5 บัลเล่ต์ 6 นำฏศิลป์ร่วมสมัย รหัส ตัวเลือกหมวด J 1 อลำริปปู 2 ไตรภัณกิ 3 อติภัณกิ 4 ทันดำวำ 5 รำลลีลำ 6 นฤตตำ รหัส ตัวเลือกหมวด I 1 ภำรตะนำฏยัม 2 โอดิสสี 3 มณีปุรี 4 กถัก 5 กุจิ ปุดิ 6 กถักกฬิ
  • 33. 33 จงใช้ตัวเลือกจำกตำรำงหมวด A B และ C ต่อไปนี้ ตอบคำถำมข้อ 40 40.ในกำรแสดงละครพันทำง เรื่องพระอภัยมณีเนื่องในวันสุนทรภู่ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (โรงเล็ก) ซึ่งเป็นฉำกที่ชีเปลือยได้ผลักสุดสำครตกลงไปในเหว แล้วพระฤๅษีได้มำช่วยสุดสำครไว้ทัน พร้อมทั้งสอนว่ำอย่ำไว้วำงใจใครง่ำยๆ มิฉะนั้นอำจจะได้รับควำมเดือดร้อนเหมือนเช่นครั้งนี้ ในฉำกนี้ควรใช้โทนสีใด ให้เลือกจำกหมวด A วงดนตรีที่ควรใช้บรรเลงประกอบละครเรื่องนี้ คือวงประเภทใด ให้เลือกจำกหมวด B และตัวละครใดแต่งกำยถูกต้องให้เลือกจำกหมวด C รหัส ตัวเลือกหมวด B 1 มโหรีเครื่องเล็ก 2 มโหรีเครื่องคู่ 3 มโหรีเครื่องใหญ่ 4 ปี่พำทย์เครื่องใหญ่ 5 ปี่พำทย์เครื่องห้ำ 6 ปี่พำทย์ไม้นวม รหัส ตัวเลือกหมวด A 1 ฟ้ำหม่น 2 ชมพู 3 แดงสด 4 เขียวสด 5 ม่วงครำม 6 ส้มเหลือง รหัส ตัวเลือกหมวด C 1 ฤๅษีสวมชุดหนังเสือ 2 ฤๅษีสวมชุดนักบวชสีขำว 3 สุดสำครสวมชุดหนังเสือ 4 สุดสำครสวมชุดนักบวชสีขำว 5 ชีเปลือยสวม All in one สีเนื้อ 6 ชีเปลือยสวม All in one สีขำว
  • 34. 34 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ 2553 ตอนที่ 1 ศิลปะ : จำนวน 40 ข้อ รวม 100 คะแนน ส่วนที่ 1 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 33 ข้อ (ข้อ 1-33) : ข้อละ 2 คะแนน 1. ภำพนี้แสดงทัศนธำตุใดที่สื่อให้เห็นควำมงำมของภำพไทย 1. เส้น 2. รูปทรง 3. รูปร่ำง 4. พื้นที่ว่ำง 2. ขั้นตอนและวิธีกำรในกำรวิจำรณ์ผลงำนทัศนศิลป์ข้อใดถูกต้องที่สุด 1. พรรณนำ วิเครำะห์ ตีควำมหมำย ประเมินค่ำ 2. พรรณนำ ตีควำมหมำย วิเครำะห์ ประเมินค่ำ 3. ตีควำมหมำย วิเครำะห์ ประเมินค่ำ พรรณนำ 4. ตีควำมหมำย พรรณนำ วิเครำะห์ ประเมินค่ำ ปีการศึกษา
  • 35. 35 3. ภำพ “ยำมเช้ำ” ผลงำนของศำสตรำจำรย์ประหยัด พงษ์ดำ เป็นกำรสร้ำงสรรค์ด้วยเทคนิคและอุปกรณ์ ชนิดใด 1. เทคนิคภำพพิมพ์ (แม่พิมพ์แกะไม้) 2. เทคนิคภำพพิมพ์ (แม่พิมพ์กระดำษ) 3. เทคนิคภำพพิมพ์ (แม่พิมพ์หิน) 4. เทคนิคจิตรกรรมสีน้ำมัน 4. ศิลปินไทยนำเปลวไฟเป็นแรงบันดำลใจในกำรสร้ำงสรรค์ลำยใด 1. ลำยกนก 2. ลำยรักร้อย 3. ลำยกระจัง 4. ลำยดอกลอย 5. ในกำรวำดภำพกล้วยไข่สุกด้วยเทคนิคสีน้ำ ท่ำนจะเลือกใช้สีอะไรบ้ำงผสมกันเพื่อให้เหมือนจริง ขณะเดียวกันกล้วยไข่วำงอยู่บนผ้ำสีม่วง สีที่เป็นเงำของกล้วยไข่ควรใช้สีอะไร เพื่อให้เกิดเงำสะท้อน (Reflected) ต่อกัน 1. ใช้สีเหลืองผสมสีแดงผสมสีน้ำเงินเล็กน้อย ส่วนเงำใช้สีม่วง 2. ใช้สีขำวผสมสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเล็กน้อย ส่วนเงำใช้สีม่วง 3. ใช้สีเหลืองผสมสีแดงผสมสีขำวเล็กน้อย ส่วนเงำใช้สีดำ 4. ใช้สีขำวผสมสีเหลืองผสมสีแดงเล็กน้อย ส่วนเงำใช้สีน้ำเงิน 6. มิติระยะของภำพจะเกิดขึ้นได้ด้วยกำรเน้นวิธีใด 1. เน้นด้วยผิว สี 2. เน้นด้วยขนำด พื้นผิว 3. เน้นด้วยขนำด สี 4. เน้นด้วยสี รูปทรง
  • 36. 36 อ่านข้อความต่อไปนี้ และตอบคาถามข้อ 7-10 “กำร์ตูนกับสังคมไทย” กำร์ตูนเป็นศิลปะกำรวำดภำพอย่ำงหนึ่งที่ช่วงส่งเสริมควำมคิดสร้ำงสรรค์กำรจินตนำกำร แฝงด้วยอำรมณ์สนุกสนำน นักเขียนกำร์ตูนจึงต้องมีจิตวิทยำในกำรนำเสนอเนื้อหำและรูปแบบที่เรียบง่ำย ตลกขบขัน น่ำสนใจ โดยวำดภำพอย่ำงง่ำยๆ ที่เน้นลีลำของเส้น-สี มีลักษณะไม่เหมือนจริง อำจจะเกินควำมจริง หรือน้อยกว่ำควำมเป็นจริง โดยกำรลดตัดทอนหรือเพิ่มเติมเพื่อแสดงออกให้เกิดควำมตลกขบขัน ล้อเลียน เสียดสี ที่สอดแทรก เรื่องรำว วิถีชีวิตหรือเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ปัจจุบันกำร์ตูนไทยที่ถือได้ว่ำครองใจคนทุกเพศทุกวัยอันดับหนึ่งคือ ขำยหัวเรำะ มหำสนุก ซึ่งเป็นกำร์ตูนแนวเรื่องสั้น นอกจำกนี้ยังมีกำร์ตูนประเภทล้อเลียนกำรเมือง เขียนโดยชัย รำชวัตร กำร์ตูนมีหลำยประเภท ดังนี้ 1. กำร์ตูนกำรเมืองเป็นกำร์ตูนที่มุ่งล้อเลียน เสียดสี ประชดประชันบุคคลหรือเหตุกำรณ์ ทำงกำรเมือง เพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่ำนเกิดควำมคิดเห็นใหม่ๆ อำจมีคำบรรยำยหรือไม่มีก็ได้ โดยนำเสนอภำพ เป็นช่องเดียวหรือหลำยช่องก็ได้ 2. กำร์ตูนขบขัน เป็นกำร์ตูนที่เน้นควำมตลกขบขันเป็นหลัก ที่เก็บเนื้อเรื่องมำจำกวิถีชีวิตหรือ เหตุกำรณ์ในชีวิตประจำวัน 3. กำร์ตูนเรื่องรำว เป็นกำร์ตูนที่นำเสนอเรื่องรำวที่มีควำมต่อเนื่องกันจนจบ มีคำบรรยำย บทสนทนำภำยในภำพ สำหรับกำร์ตูนไทยที่นิยมเขียนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวรรณคดี นิยำยพื้นบ้ำน เรื่องจักรๆ วงศ์ๆ 4. กำร์ตูนประกอบเรื่องเป็นกำร์ตูนที่เขียนเพื่อสื่อสำรประกอบข้อควำม หรืออธิบำยข้อควำมให้ เข้ำใจง่ำยและน่ำสนใจ เช่น กำร์ตูนโฆษณำ กำร์ตูนประกอบสื่อกำรศึกษำ 5. กำร์ตูนมีชีวิต หรือภำพยนตร์กำร์ตูน มีกำรลำดับภำพและเรื่องรำวต่อเนื่องคล้ำยกับภำพนักแสดง ที่เป็นคนในภำพยนตร์ หรือใช้แสดงประกอบกับนักแสดงที่เป็นคนในภำพยนตร์ กำรเขียนกำร์ตูนที่ดีควรมีกำรสื่อสำรอำรมณ์ควำมรู้สึกในเชิงตลกขบขัน มีรูปแบบที่เรียบง่ำย ด้วยลีลำของเส้น สี รูปร่ำง มีเอกลักษณ์เฉพำะตน ผู้เริ่มฝึกเขียนกำร์ตูนจึงควรมีทักษะ ดังนี้ 1. ฝึกเขียนลีลำของเส้นในลักษณะต่ำงๆ เช่น เส้นตรง เส้นโค้ง เส้นอิสระ 2. เขียนภำพวัตถุ สิ่งของ ภำพคน ภำพสัตว์ หรือภำพสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเพื่อใช้เป็นแนวทำง ในกำรนำมำเขียนภำพกำร์ตูน 3. ฝึกกำรเขียนรูปแบบจำกธรรมชำติที่อยู่รอบตัวในเชิงลดตัดทอน หรือเพิ่มเติมรูปแบบให้เรียบง่ำย ในลักษณะคล้ำยจริง เกินควำมจริง น้อยกว่ำควำมจริง เป็นต้น
  • 37. 37 4. ศึกษำแนวหรือประเภทกำร์ตูนที่ชื่นชอบ เช่น กำร์ตูนล้อกำรเมือง กำร์ตูนขบขัน กำร์ตูน ประกอบเรื่อง เป็นต้น 5. พล็อตเรื่องที่จะวำดเริ่มจำก THEME แล้วแบ่งเรื่องเป็นตอนใน (Story board) 6. ร่ำงภำพจำกแนวคิดจินตนำกำร 7. ตัดเส้น ลงสี เก็บรำยละเอียด 7. ทัศนธำตุใดที่ต้องฝึกฝนเพื่อเป็นพื้นฐำนในกำรวำดภำพกำร์ตูน 1. แสง – เงำ พื้นผิว 2. สี รูปทรง 3. เส้น สี 4. จุด รูปทรง 8. ถ้ำท่ำนจะวำดภำพกำร์ตูนให้เป็นที่นิยมของคนทั่วไปต้องคำนึงถึงอะไร 1. ต้องเป็นภำพสื่อให้เห็นถึงรูปแบบที่เรียบง่ำยมีควำมเหมือนจริงตำมธรรมชำติ 2. ต้องเป็นภำพที่เรียบง่ำย สื่อสำรอำรมณ์ควำมรู้สึกในเชิงตลกขบขัน 3. ต้องเป็นภำพลำยเส้นเรียบง่ำยสื่อวิถีชีวิตในสังคมได้ดี 4. ต้องสำมำรถนำเสนอเป็นภำพโฆษณำ สื่อกำรศึกษำได้ 9. ถ้ำนักเรียนต้องกำรวำดภำพกำร์ตูนล้อเลียนกำรเมืองจะดำเนินกำรอย่ำงไร 1. ร่ำงภำพ – เก็บรำยละเอียด – ตรวจสอบควำมถูกต้องของเนื้อเรื่อง 2. วำงเนื้อเรื่อง – ร่ำงภำพ – เก็บรำยละเอียด 3. วำงเนื้อเรื่อง – ตัดเส้น – ลงสี 4. ร่ำงภำพ – ตัดเส้น – ลงสี – ตรวจสอบควำมถูกต้องของเนื้อเรื่อง 10.กำร์ตูนประเภทใดที่นำเทคโนโลยีเข้ำมำเกี่ยวข้องมำกที่สุด 1. กำร์ตูนขบขัน 2. กำร์ตูนประกอบเรื่อง 3. กำร์ตูนมีชีวิต 4. กำร์ตูนเรื่องรำว 11.จิตรกรรมไทยใช้ลักษณะเด่นของทัศนธำตุข้อใดมำกที่สุด 1. สี 2. เส้น 3. ช่องไฟ 4. จังหวะ
  • 38. 38 12.กำรผสมวงดนตรีในข้อใดเรียงลำดับตำมยุคสมัยประวัติศำสตร์ไทยถูกต้อง 1. วงปี่พำทย์เครื่องห้ำ วงปี่พำทย์ดึกดำบรรพ์ วงเครื่องสำย 2. วงปี่พำทย์ดึกดำบรรพ์ วงเครื่องสำยผสมขิม วงมโหรี 3. วงบัวลอย วงปี่พำทย์ดึกดำบรรพ์ วงปี่พำทย์เครื่องห้ำ 4. วงขับไม้ วงปี่พำทย์เครื่องห้ำ วงเครื่องสำยผสมออร์แกน 13.บทเพลงใดประพันธ์เพื่อใช้ประกอบกิจกรรมในสังคม มิใช้กำรฟังเพื่อควำมไพเรำะ 1. เพลงโหมโรงจอมสุรำงค์ 2. เพลงสุดสงวน เถำ 3. เพลงขวัญใจดอกไม้ของชำติ 4. เพลงลำวดวงเดือน 14.ในกำรแสดงเพื่อสื่อถึงบรรยำกำศที่สดชื่นรื่นรมย์ ควรใช้เพลงใด 1. เพลงสร้อยสนตัด 2. เพลงมหำฤกษ์ 3. เพลงสีนวล 4. เพลงนำงนำค 15.เอกลักษณ์สำคัญของกำรขับร้องเพลงไทยเดิมคืออะไร 1. กำรใช้ปำกและกำรหำยใจ 2. กำรเอื้อน 3. กำรตัดเสียงให้กลมกล่อม 4. กำรผ่อนและกำรถอนลมหำยใจ 16.กำรใช้เพลงประกอบกำรแสดงทำให้เกิดอรรถรสด้ำนใดมำกที่สุด 1. อำรมณ์สะเทือนใจ 2. ควำมงดงำมตระกำรตำ 3. แสงและสีที่สร้ำงบรรยำกำศ 4. แนวคิดในกำรสื่อควำมหมำย 17.บทเพลงสวดทำงศำสนำ นิกำยโรมันคำธอลิก ที่เรียกว่ำ ชานต์ (Chant) ในยุคโบรำณมีลักษณะอย่ำงไร 1. เป็นบทเพลงที่มีกำรขับร้องแนวเสียงเดียวแบบ Monody 2. เป็นบทเพลงที่มีกำรขับร้องประสำนเสียงแบบ Homophony 3. เป็นบทเพลงที่มีกำรขับร้องประสำนเสียงแบบ Heterophony 4. เป็นบทเพลงที่มีกำรขับร้องประสำนเสียงแบบ Polyphony
  • 39. 39 18.ข้อใดน่ำจะเป็นเรื่องรำวของดนตรีในยุคบำโรค 1. เอกสำรต้นฉบับที่แสดงอยู่ในตู้นิทรรศกำรระบุว่ำจัดพิมพ์ในปี ค.ศ.1760 2. บทเพลงที่ออกอำกำศทำงวิทยุ เป็นผลงำนกำรประพันธ์ประเภท ซิมโฟนี 3. เอกสำรที่ค้นพบ แสดงว่ำ ผลงำนกำรประพันธ์เป็นของแลนดินี และพำเคลเบล 4. เอกสำรที่ค้นพบ เป็นโน้ตเพลงประเภท คำนตำตำ 19.กำรสืบทอดดนตรีไทยสำนักหนึ่งที่สำคัญ มีกำรถ่ำยทอดต่อกันมำ ข้อใดเป็นกำรสืบทอดในสำยเดียวกัน 1. พระประดิษฐ์ไพเรำะ (มี ดุริยำงกูร) พระยำประสำนดุริยศัพท์ (แปลก ประสำนศัพท์) หลวงประดิษฐ์ไพเรำะ (ศร ศิลปบรรเลง) 2. ครูช้อย สุนทรวำทิน พระยำประสำนดุริยศัพท์ (แปลก ประสำนศัพท์) พระยำภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี) 3. หลวงไพเรำะ เสียงซอ (อุ่น อูรยชีวิน) พระประดิษฐ์ไพเรำะ (มี ดุริยำงกูร) หลวงประดิษฐ์ไพเรำะ (ศร ศิลปบรรเลง) 4. พระยำประสำนดุริยศัพท์ (แปลก ประสำน) หลวงไพเรำะ เสียงซอ (อุ่น ดูรยชีวิน) จำงวำงทั่ว พำทยโกศล 20.ในช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยใด ที่ดนตรีไทยเฟื่องฟู คนไทยมีควำมภำคภูมิใจ นิยมชมชื่นดนตรี ไทยอย่ำงมำก และยุคใดที่ดนตรีไทยกลำยเป็นวัฒนธรรมที่ถูกจำกัดในกำรแสดง ทำให้ดนตรีไทยแทบ สูญสิ้นไปจำกแผ่นดินไทย 1. รัชกำลที่ 6 และรัชกำลที่ 7 2. รัชกำลที่ 5 และรัชกำลที่ 7 3. รัชกำลที่ 2 และรัชกำลที่ 8 4. รัชกำลที่ 3 และรัชกำลที่ 8 21.พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวทรงเครื่องเป่ำได้อย่ำงยอดเยี่ยม เครื่องเป่ำในที่นี้คืออะไร 1. ฟลูต 2. โอโบ 3. ฮอร์น 4. คลำริเนต 22.ในช่วงหนึ่งของกำรแสดงดนตรีไทย บทเพลงที่บรรเลงติดต่อกัน 2 บทเพลง คือ เพลงเทพทองและเพลง ขับไม้บัณเฑำะว์ กำรบรรเลงเพลงในช่วงนี้บ่งบอกถึงยุคใดทำงดนตรี 1. สุโขทัย 2. อยุธยำ 3. รัตนโกสินทร์ตอนต้น 4. รัตนโกสินทร์ตอนกลำง
  • 40. 40 23.กำรแสดงนำฏศิลป์พื้นเมืองอีสำนโดยส่วนใหญ่ มีลักษณะกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยเป็นอย่ำงไร 1. เชื่องช้ำ นุ่มนวล เนิบนำบ 2. รวดเร็ว กระฉับกระเฉง 3. เชื่องช้ำสลับกับรวดเร็ว 4. นุ่มนวลสลับกับกระฉับกระเฉง 24.ในกำรจัดกำรแสดงระบำโคมบัวที่มีผู้แสดง 10-12 คน เพื่อให้กำรแสดงดังกล่ำว เกิดควำมสวยงำม แปลกตำ ชวนให้ติดตำมชม ควรใช้วิธีกำรใด 1. เปลี่ยนรูปทรงโคมบัว 2. มีกำรแปรแถวที่หลำกหลำย 3. เพิ่มรำยละเอียดของเครื่องแต่งกำย 4. เลือกใช้ท่ำรำขั้นสูง 25.องค์ประกอบนำฏศิลป์ข้อใดที่ควรนำมำเป็นหลักในกำรวิจำรณ์ 1. นำฏกรรม ดนตรี และวรรณกรรม 2. นำฏกรรม ดนตรี วรรณกรรม และจิตรกรรม 3. นำฏกรรม ดนตรี วรรณกรรม จิตรกรรรม และประติมำกรรม 4. นำฏกรรม ดนตรี วรรณกรรม จิตรกรรม ประติมำกรรม และสถำปัตยกรรม 26.หำกท่ำนได้รับมอบหมำยให้จัดกำรแสดงละครที่มีแนวควำมคิดเกี่ยวกับควำมเสียสละและควำมรักชำติ ดังนั้นควรเลือกเรื่องใด 1. พญำผำนอง 2. บำงระจัน 3. พันท้ำยนรสิงห์ 4. พระร่วง 27.ข้อใดแสดงให้เห็นถึงกำรเห็นคุณค่ำและภำคภูมิใจในมรดกทำงวัฒนธรรมของชำติน้อยที่สุด 1. ปรีดำมักจะดูแคลนพวกวิกลิเก 2. ปิยะดำไม่อยำกให้ใครรู้ว่ำรำโนรำได้ 3. ปำนวำดรู้สึกอำยทุกครั้งที่ต้องแสดงนำฏศิลป์ไทยให้คนอื่นชม 4. ปำริชำติชอบดูนำฏศิลป์ไทยแบบรำชสำนักเท่ำนั้น
  • 42. 42 จงอ่ำนบทควำมต่อไปนี้ และตอบคำถำมข้อ 30 - 31 “ศิลปะกำรแสดงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ทั้งสภำพชีวิต ควำมเป็นอยู่ กำรดำเนินกิจกรรม ทำงสังคมของมนุษย์ ในขณะที่เด็กไทยในปัจจุบันได้ไหลไปตำมกระแสวัฒนธรรมประชำนิยมหรือตำม แฟชั่น เรียนรู้ที่จะเลือกชมกำรแสดงที่กำลังอินเทรนด์ มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับกำรยอมรับจำกเพื่อน จนลืมไป แล้วว่ำยังมีนำฏศิลป์ประจำชำติ ภำวะเช่นนี้เป็นที่น่ำวิตกว่ำ นำฏศิลป์ไทยจะยังคงเหลือถึงลูกหลำนของเรำ ในวันข้ำงหน้ำหรือไม่ เหตุใดรำไทยจึงไม่มีใครดู เหตุผลนี้ได้ยินเสมอๆ คือ น่ำเบื่อ น่ำรำคำญ ชักช้ำยืดยำด เทคนิคแย่ รำซ้ำไปซ้ำมำ ไม่เข้ำใจ ฯลฯ ซึ่งเรำเองก็ไม่อำจฝืนกระแสวัฒนธรรมประชำนิยมนี้ได้มำกเท่ำไร น่ำดีใจที่ปัจจุบันกระแสนิยมไทยกำลังกลับมำ มีโรงเรียนสอนรำ โรงละคร โรงหุ่น สถำนที่ เอื้อต่อกำรจัดกำรแสดงเกิดขึ้นมำกมำยและได้รับกำรตอบรับเป็นอย่ำงดี เพรำะคนกลุ่มหนึ่งพยำยำมที่จะ เปลี่ยนวิกฤตของศิลปะกำรแสดงของไทยให้เป็นโอกำส (ทำงธุรกิจ) อันดี ทั้งนี้ผู้ประกอบกำรไม่ควร มองข้ำมควำมเป็นศิลปะแห่งงำนนำฏกรรม มิใช่มุ่งผลิตที่เน้นปริมำณมำกกว่ำคุณภำพ นิมิตหมำยอันดีนี้ น่ำจะเป็นอำนิสงส์มำจำกนำฏยศิลปินกลุ่มหนึ่งยอมรับในเรื่องกำรบริหำรจัดกำรด้ำนวัฒนธรรม แม้ว่ำคนไทยในชำติจะตอบรับน้อยก็ตำม แต่ก็สำมำรถทำให้งำนนำฏศิลป์ไทยกลำยเป็นสินค้ำ ทำงวัฒนธรรมที่ตอบรับกับธุรกิจกำรท่องเที่ยวได้มำกกกว่ำกำรขำยสุนทรียะในผลงำน” 30.จำกบทควำมดังกล่ำวสะท้อนให้เห็นถึงสถำนกำรณ์ของนำฏศิลป์ไทยในปัจจุบันว่ำเป็นอย่ำงไร 1. เป็นสินค้ำทำงวัฒนธรรม 2. เน้นปริมำณกำรผลิตมำกกว่ำคุณภำพ 3. เป็นโอกำสทำงธุรกิจของผู้จัดกำรแสดง 4. ควำมสนใจของผู้ชม 31.หำกต้องกำรให้นำฏศิลป์ไทยกลับมำได้รับควำมนิยมในปัจจุบัน ผู้จัดกำรแสดงควรดำเนินกำรอย่ำงไร 1. เปิดโรงเรียนสอนรำเพิ่มขึ้น 2. จัดให้มีกำรแสดงที่เหมำะสมกับสถำนที่ 3. บริหำรจัดกำรด้ำนวัฒนธรรมและคงรักษำไว้ซึ่งสุนทรียะทำงนำฏศิลป์ 4. เพิ่มปริมำณกำรผลิตงำนนำฏศิลป์ให้มำกยิ่งขึ้น
  • 43. 43 32.ภำพใดที่แสดงให้เห็นถึงควำมแข็งแรงของผู้แสดงน้อยที่สุด 1. 2. 3. 4. 33.ข้อใดเป็นกำรสนับสนุนและส่งเสริมให้เยำวชนตระหนักถึงควำมสำคัญของนำฏศิลป์อันเป็นวัฒนธรรม ประจำชำติ 1. ให้ทุนสนับสนุนแก่กลุ่มนิสิตนักศึกษำในกำรจัดค่ำยอำสำ “นำฏศิลป์ในถิ่นเกิด” 2. ให้ทุนสนับสนุนกำรประกวดหำงเครื่องลูกทุ่งคอนเทสต์แก่โรงเรียนระดับมัธยมศึกษำ 3. เปิดสอนมวยไทยฟรีทุกวันอำทิตย์ 4. ให้นักเรียนสวมชุดไทยมำเรียนในวันศุกร์
  • 44. 44 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(ทัศนศิลป์) ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 1. 3. เพรำะปริมำตรหรือควำมจุ เป็นตัวบ่งปริมำณว่ำวัตถุนั้นๆ มีที่ว่ำงเท่ำไหร่ ซึ่งไม่ได้มี ควำมสัมพันธ์กับคำว่ำ ทัศนธำตุ ที่จะประกอบไปด้วย จุด เส้น รูปร่ำง รูปทรง พื้นผิว บริเวณที่ว่ำงน้ำหนักอ่อน-แก่ และสี 2. 4 เพรำะกำรวำดภำพด้วยเส้นโค้งอิสระโดยกำรลำกเส้นโค้งให้สูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วปล่อยน้ำหนักที่ปลำย จะให้ควำมรู้สึกว่ำมีควำมต่อเนื่องขึ้นไปอีก ซึ่งจะ ช่วยสื่อถึงควำมเจริญเติบโตก้ำวหน้ำ 3. 4. เพรำะกำรที่จะวำดภำพคนเต็มตัวได้ดีนั้นควรจะต้องศึกษำภำยวิภำค (Anatomy) ควบคู่ไปด้วย กำรศึกษำวิชำกำยวิภำคจะเป็นกำรเรียนรู้เรื่องของสัดส่วน เริ่มจำก สัดส่วนของกะโหลก กระดูก โครงสร้ำงของร่ำงกำยทั้งหมด แล้วค่อยๆ ศึกษำเรื่อง กล้ำมเนื้อที่ผูกยึดติดกับกระดูกนั้นๆ หลังจำกนั้นก็วำดภำพที่มีผิวหนังห่อหุ้มอยู่เป็น ขั้นตอนต่อไป 4. 4. เพรำะจำกคำกล่ำวแสดงอำกำรให้เห็นเด่นชัดที่ดวงตำมีลักษณะคล้ำยอำกำรแปลกใจ ประหลำดใจ แต่จะรุนแรงกว่ำ มีอำกำรตัวสั่น เหงื่อแตก ยกมือขึ้นมำปิดหน้ำ ก้ำวขำ ไม่ออก สำมำรถสื่อทำงสีหน้ำได้โดยดวงตำเบิกกว้ำง ลูกตำดำอยู่กลำงดวงตำ และ ใหญ่กว่ำปกติ มีเส้นรอยย่นหนึ่งเส้น หรือมำกกว่ำที่หน้ำผำก อ้ำปำกกว้ำง มุมปำก ตกลงด้ำนล่ำง 5. 3. เทคนิคน้ำหนักอ่อน-แก่นิยมนำมำใช้กับภำพที่มีลักษณะ 2 มิติ โดยมำกจะเป็นงำน ประเภทจิตรกรรม ซึ่งจะใช้เทคนิคน้ำหนักอ่อน-แก่ของแสงเงำ น้ำหนักอ่อน-แก่ของ สี มำสร้ำงเป็นภำพลวงตำให้มีควำมลึกหรือนูนได้ 6. 4. เพรำะภำพตอนพระอำทิตย์ใกล้จะตกดินเป็นภำพที่มีควำมสด หรือควำมบริสุทธิ์ของ สีใดสีหนึ่ง สีที่ถูกผสมด้วยสีดำจนหม่น ควำมจัด หรือควำมบริสุทธิ์จะลดลง จึงถือเป็นภำพที่แสดงควำมเด่นชัดของสี (Intensity) ได้เป็นอย่ำงดี 7. 4. เพรำะกำรออกแบบที่ดีจะเน้นที่ประโยชน์ใช้สอยควบคู่กับควำมงำม ซึ่งเรียกว่ำ “กำรสร้ำงสรรค์งำนศิลปะ” ดังนั้น กำรออกแบบที่ดีจึงควรออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ สำมำรถใช้ประโยชน์ได้มำกที่สุดและดีที่สุด
  • 45. 45 8. 2. กำรออกแบบเป็นกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนทัศนศิลป์ชิ้นใหม่ขึ้น ทั้งนี้เพื่อมุ่งประโยชน์ ใช้สอย หรือแสดงออกซึ่งควำมงำมให้ผู้อื่นได้รับรู้ สัมผัส ตลอดจนนำเอำผลงำนเดิม ที่มีอยู่แล้วมำต่อยอดพัฒนำให้มีควำมสวยงำม หรือประสิทธิภำพมำกขึ้น 9. 3. เพรำะกำรเลียนแบบผลงำนศิลปะมำจำกสิ่งอื่น ไม่สำมำรถสร้ำงควำมพึงพอใจ ในกำรออกแบบได้ แต่หำกงำนนั้นถูกสร้ำงมำจำกควำมคิดสร้ำงสรรค์ของตนเอง ย่อมจะสร้ำงควำมพึงพอใจได้มำกกว่ำ 10. 4. เพรำะคำว่ำ “ศิลปะ” โดยทั่วๆ ไปแล้วจะหมำยถึงกำรกระทำหรือขั้นตอนในกำร สร้ำงชิ้นงำนศิลปะโดยมนุษย์ ตำมควำมพึงพอใจ ซึ่งชิ้นงำนส่วนใหญ่จะถูกสร้ำงขึ้น เพื่อสื่อสำร สื่ออำรมณ์ ให้ผู้ชมเข้ำใจในควำมงำม หรือสิ่งที่ผู้สร้ำงงำนต้องกำรสื่อ ควำมหมำย 11. 1. กำรบรรยำยผลงำนทำงทัศนศิลป์เป็นกระบวนรับรู้ที่เกิดจำกกำรมองเห็น สังเกต และ บันทึกคุณลักษณะเด่นที่พบเห็น โดยที่ไม่มีกำรวิพำกษ์วิจำรณ์ใดๆ หรือสรุป ควำมเห็นใดๆ 12. 4. เพรำะศิลปะนำมธรรมจัดเป็นงำนที่ถูกสร้ำงสรรค์ขึ้นโดยกำรใช้ภำษำภำพในกำรสื่อ ควำมหมำยด้วยรูปทรง สี และลำยเส้น เพื่อสร้ำงสัดส่วน ซึ่งอำจจะประกอบขึ้นใน ระดับควำมเป็นนำมธรรมที่แตกต่ำงกัน 13. 2. กำรออกแบบร่ำงภำพในทำงทัศนศิลป์ หมำยถึง กำรถ่ำยทอดจินตนำกำรทำงควำมคิด ให้ออกมำเป็นภำพต้นแบบ โดยใช้วิธีกำรสเกตซ์ภำพ มีประโยชน์อย่ำงมำกต่อกำร สร้ำงสรรค์ผลงำน เพรำะผู้สร้ำงสรรค์สำมำรถปรับปรุงแก้ไขต้นแบบได้ง่ำย 14. 1. เพรำะกำรระบำยสีแบบเปียกบนเปียกนิยมนำมำระบำยเป็นภำพท้องฟ้ำ หรือน้ำ เพรำะจะทำให้ภำพที่ปรำกฏนั้นแสดงให้เห็นควำมชุ่มและควำมซึมของสี ทำให้ภำพ มีควำมสมจริงมำกยิ่งขึ้น 15. 4. ทุกคนสำมำรถสร้ำงสรรค์งำนศิลปะสื่อผสมได้ เพียงแต่ต้องใช้กำรศึกษำเทคนิค วิธีกำรในกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนด้วยเทคนิคที่หลำกหลำยอย่ำงละเอียด เพื่อค้นหำ ควำมถนัดของตนเอง และต้องหมั่นฝึกฝนจนเกิดควำมชำนำญจึงจะสำมำรถ สร้ำงสรรค์งำนศิลปะสื่อผสมออกมำได้ดี 16. 2. กำรระบำยสีน้ำให้ได้ดี นอกจำกจะต้องฝึกหัดตำมลำดับขั้นตอน ตั้งแต่กำรจับพู่กัน กำรรู้จักและคุ้นเคยกับสี กระดำษ กำรจัดตำแหน่งของกระดำนรองเขียน และจำนสี แล้วนั้น จะต้องมีวินัยใจจดจ่ออย่ำงจริงจัง โดยวิธีกำรระบำยสีน้ำที่ถูกต้อง คือ ต้อง ระบำยสีให้รวดเร็วฉับไว ไม่ต้องรอคอยให้สีแห้ง กำรสร้ำงสรรค์ผลงำนจะได้สำเร็จ และมีคุณภำพ
  • 46. 46 17. 3. เพรำะกำรสร้ำงงำนศิลปะสื่อผสมศิลปินจะต้องมีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์และมี จินตนำกำรในกำรสร้ำงสรรค์ให้มีควำมหลำกหลำย สำมำรถดึงดูดควำมสนใจของ ผู้ชมได้ 18. 4. กำรระบำยสีแบบเปียกบนเปียกนิยมระบำยกันมำกในภำพที่เป็นท้องฟ้ำและน้ำ หรือ บนผิววัสดุที่มัน เพรำะจะทำให้เกิดควำมรู้สึกกลมกลืนของสีที่เด่นชัด 19. 1. ผลงำนในภำพมีชื่อว่ำ “บัลเล่ต์” ซึ่งเป็นผลงำนของเขียน ยิ้มศิริ โดยกำรนำลักษณะ ลีลำกำรเต้นบัลเล่ต์แบบตะวันตกมำผสมผสำนกับรูปแบบของศิลปะไทยได้อย่ำง กลมกลืน นักบัลเล่ต์ชำยหญิงที่ปรำกฏ แสดงถึงอำกัปกิริยำของควำมเคลื่อนไหวที่ คล่องแคล่ว เส้นต่ำงๆ ที่เกิดจำกแขน ขำ ลำตัว มือ เท้ำ ดูจะเคลื่อนไหว กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลำ ตำมแบบลักษณะตะวันตก ควำมเด่นของผลงำนชิ้นนี้ อยู่ที่กำรนำหลักองค์ประกอบของเส้นที่ให้ควำมรู้สึกเคลื่อนไหวมำสร้ำงเป็นผลงำน 20. 4. ผลงำนชื่อ “แม่กับลูก” เป็นผลงำนที่มีกำรพัฒนำไปสู่ศิลปะร่วมสมัย มุ่งแสดงให้เห็น ลีลำของเส้นมำกขึ้น รูปทรงของแม่ที่โอบอุ้มลูกเอำไว้ สะท้อนให้เห็นถึงกำรปกป้อง คุ้มครอง ควำมรัก ควำมผูกพัน ให้ควำมรู้สึกประหนึ่งเหมือนอยู่ในครรภ์ ควำม อ่อนหวำนของเส้นวงแขนที่สอดรับลูกน้อยอย่ำงทะนุถนอมที่ถูกสร้ำงขึ้น โดยกำรใช้ หลักองค์ประกอบศิลป์ของเส้นและเรื่องรำวได้อย่ำงสมบูรณ์ 21. 3. เพรำะทองแดงเป็นสื่อควำมร้อนที่ดีกว่ำลวดเหล็ก เมื่อนำผลงำนไปลนไฟอ่อนๆ ทั่ว ชิ้นงำน ก็จะทำให้เนื้อขี้ผึ้งเข้ำกันได้สนิท 22. 1. เพรำะกำรปั้นเป็นกำรนำส่วนย่อยเพิ่มเข้ำไป เพื่อให้ได้รูปทรงเป็นส่วนรวม ตรงข้ำม กับวิธีกำรแกะสลัก 23. 3. เพรำะงำนสถำปัตยกรรมที่ดีจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ประกำร ที่ ผสมผสำนกันได้อย่ำงลงตัว คือ ควำมงำม ควำมแข็งแรง และประโยชน์ใช้สอย 24. 2. เพรำะสถำปัตยกรรมส่วนใหญ่จะเป็นอำคำรหรือสิ่งก่อสร้ำงที่เกิดจำกกำรออกแบบ ของมนุษย์ เพื่อมุ่งเน้นด้ำนประโยชน์ใช้สอย ดังนั้น โบสถ์จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ที่สุด 25. 2. เพรำะงำนศิลปะบำศกนิยมรูปทรงของภำพมักจะมีลักษณะผันแปรควำมจริง คือ จะมี ลักษณะเป็นเหลี่ยมมุม ลูกบำศ์ก รูปเรขำคณิต เพื่อสร้ำงควำมคิดรวบยอดในเชิง 3 มิติ ให้ปรำกฏในผืนระนำบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ ผ่ำนผลงำนจิตรกรรมและประติมำกรรม 26. 3. เพรำะศิลปะโฟวิสม์จะนิยมใช้สีที่สดใสและตัดกันอย่ำงรุนแรง นำรูปแบบและลีลำ ของเส้นมำใช้ใหม่ในรูปแบบที่เรียบง่ำย สีที่นิยมนำมำใช้ คือ สีเขียว สีม่วง สีแดงอิฐ สีส้ม
  • 47. 47 27. 4. เพรำะกำรที่ส่วนประกอบของภำพที่เน้นเรื่องแสงเป็นสำคัญจะจัดเป็นศิลปะ แบบอิมเพรสชันนิสม์ 28. 4. กำรออกแบบงำนทัศนศิลป์จำเป็นต้องมีควำมรู้ ควำมสำมำรถด้ำนกำรจัด องค์ประกอบศิลป์ โดยเน้นหลักควำมเป็นเอกภำพ ควำมกลมกลืน และควำมสมดุล เพื่อให้งำนออกมำมีควำมสวยงำมและมีคุณค่ำทำงศิลปะที่ผสมผสำนกัน 29. 1. กำรจัดภำพโดยใช้เทคนิคด้ำนจังหวะเป็นกำรจัดภำพที่เน้นควำมสัมพันธ์ของ ทัศนธำตุต่ำงๆ เช่น เส้น สี รูปร่ำง รูปทรง เป็นต้น ให้มีจังหวะที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ในลักษณะของกำรซ้ำไปซ้ำมำ หรือลักษณะของกำรลื่นไหล เคลื่อนไหวไม่ขำดระยะ ซึ่งจะช่วยให้เกิดควำมเด่นมำกขึ้น 30. 2. กำรกำหนดวัตถุประสงค์และวิเครำะห์ข้อมูลเป็นขั้นตอนแรกของกำรสร้ำงสรรค์งำน กรำฟิก จำกนั้นจึงค่อยร่ำงภำพ คัดเลือกภำพที่จะนำมำใช้ และลงมือสร้ำงชิ้นงำน ต่อไป 31. 3. ผู้ที่จะออกแบบงำนกรำฟิกได้ดี นอกจำกจะต้องมีทักษะควำมรู้ ควำมเข้ำใจในด้ำน กำรใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว สิ่งสำคัญอีกประกำรหนึ่ง คือ ต้องมีควำมรู้ ควำม เข้ำใจด้ำนสุนทรียะหรือรอบรู้หลักกำรจัดองค์ประกอบศิลป์ด้วย 32. 3. เครื่องแขวนที่เคลื่อนไหวได้ด้วยกระแสลมเบำๆ เรียกว่ำ “โมบำย” ดังนั้น เครื่อง แขวนปลำตะเพียนของไทยจึงจัดเป็นงำนทัศนศิลป์แบบโมบำย ซึ่งส่วนใหญ่ปลำ ตะเพียนสำนของไทยจะนิยมนำไปแขวนไว้เหนือเปลเด็ก เพื่อให้เด็กเกิดควำม เพลิดเพลินกับรูปทรง สีสัน และกำรเคลื่อนไหว 33. 3. เส้นโค้งก้นหอยให้ควำมรู้สึกเคลื่อนไหว คลี่คลำย เป็นควำมรู้สึกที่ไม่สิ้นสุดของพลัง กำรเคลื่อนไหวที่ขยำยตัวออกอย่ำงไม่มีจุดจบ 34. 3. แฟ้มสะสมผลงำนมีประโยชน์ต่อกำรเรียนกำรสอนรำยบุคคล เพรำะทำให้ครูผู้สอน ประเมินเจ้ำของแฟ้มว่ำ มีควำมสำมำรถในกำรเรียนรู้ หรือกำรปฏิบัติงำนเป็นอย่ำงไร ประสบควำมสำเร็จในระดับใด ควรจะได้รับกำรช่วยเหลือและพัฒนำหรือไม่ อย่ำงไร 35. 3. แฟ้มสี เป็นแฟ้มที่สำมำรถแยกชิ้นงำนเป็นกลุ่ม โดยอำศัยสีที่แตกต่ำงกันเป็นตัวแยก ประเภทของชิ้นงำน เช่น งำนจิตรกรรมใช้แฟ้มสีหนึ่ง งำนภำพพิมพ์ใช้แฟ้มอีกสีหนึ่ง ซึ่งกำรจัดเก็บรวบรวมงำนแบบนี้จะช่วยทำให้สำมำรถเก็บผลงำนที่มีจำนวนมำกได้ และเห็นพัฒนำกำรและควำมก้ำวหน้ำในกำรสร้ำงสรรค์ชิ้นงำนได้ 36. 3. เพรำะแฟ้มสะสมผลงำนจะมีมำกขึ้นเรื่อยๆ ตำมระยะเวลำ และควำมสำมำรถ จึงสะท้อนพัฒนำกำรและควำมก้ำวหน้ำของผู้เรียนได้ ทั้งนี้ครูผู้สอนสำมำรถนำมำ ประเมินนักเรียน เพื่อหำแนวทำงในกำรพัฒนำศักยภำพของผู้เรียนต่อไป
  • 48. 48 37. 2. กำรวิจำรณ์ผลงำนศิลปะเป็นกำรแสดงทัศนะของผู้วิจำรณ์ให้ผู้อื่นได้รับรู้เกี่ยวกับ ข้อมูลของผลงำนว่ำมีข้อดี ข้อบกพร่องที่ควรปรับปรุงแก้ไขอย่ำงไร 38. 3. เพรำะกำรวิจำรณ์ศิลปะมีจุดมุ่งหมำยที่สำคัญ 3 ประกำร คือ 1. เพื่อให้ผู้รู้ ครู อำจำรย์ และนักวิจำรณ์ศิลปะถ่ำยทอดควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และ ประสบกำรณ์ของตนเกี่ยวกับศิลปะให้กับผู้ที่สนใจ 2. เพื่อให้ผู้ที่สนใจงำนศิลปะได้รับควำมรู้ หรือเพิ่มพูนควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และ ประสบกำรณ์ 3. เพื่อชื่นชมผลงำนและให้คำแนะนำแก่ศิลปิน ซึ่งจะนำไปสู่กำรปรับปรุงผลงำนให้ ได้มำตรฐำนและมีคุณภำพ 39. 2. เพรำะทฤษฎีรูปทรงนิยมเน้นคุณค่ำทำงศิลปะเกี่ยวกับองค์ประกอบของทัศนธำตุ และหลักกำรทำงศิลปะกำรวิจำรณ์ศิลปะตำมแนวทำงนี้จะเป็นกำรวิเครำะห์วิจำรณ์ คุณค่ำผลงำนจำกกำรจัดรูปทรง โดยคำนึงถึงกำรประสำนกันขององค์ประกอบ พื้นฐำนต่ำงๆ 40. 3. เพรำะศิลปินจะได้นำคำติชม คำวิจำรณ์ ไปใช้ในกำรปรับปรุงแก้ไขผลงำนชิ้น ต่อๆ ไป ให้ผลงำนศิลปะมีคุณภำพมำกยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีผลทำงอ้อมทำให้วงกำรศิลปะ ตื่นตัวและมีกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนศิลปะที่มีคุณภำพมำกขึ้นเรื่อยๆ
  • 49. 49 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ(ดนตรี) ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 1. 1 เพรำะพิจำรณำจำกบทกลอนได้ว่ำมีคนเล่น 5 คน คือ นำงขับร้อง (คงจะตีกรับด้วย) คนเป่ำปี่ หรือเป่ำขลุ่ย คนสีซอสำมสำย คนตีทับ และคนดีดกระจับปี่ 2. 2 เพรำะประโยชน์ของดนตรีไม่ได้มุ่งเน้นไปในเรื่องของกำรสร้ำงรำยได้เพื่อเลี้ยง ครอบครัว เนื่องจำกกำรสร้ำงรำยได้สำมำรถกระทำได้จำกวิธีอื่น จึงไม่อำจเจำะจง ได้ว่ำรำยได้จะเกิดขึ้นจำกกำรเล่นดนตรี 3. 4 เพรำะกำรฟังด้วยควำมซำบซึ้งนั้น จะทำให้นักเรียนสำมำรถประเมินคุณภำพผลงำน ดนตรีได้ เนื่องจำกสำมำรถเข้ำใจในควำมถูกต้องของกำรบรรเลงและขับร้อง ควำม แม่นยำในกำรอ่ำนควำมหมำยและสัญลักษณ์ และกำรควบคุมคุณภำพเสียงในกำร ขับร้องและกำรบรรเลง ซึ่งสิ่งเหล่ำนี้เป็นพื้นฐำนของกำรประเมินคุณภำพผลงำน ดนตรีทั้งสิ้น 4. 4 เพรำะควำมสอดคล้องกลมกลืนกันของเสียงเครื่องดนตรีที่บรรเลง จะทำให้บทเพลง มีควำมไพเรำะน่ำฟังมำกยิ่งขึ้น ดังนั้น ในกำรบรรเลงดนตรีทุกครั้งจึงต้องคำนึงถึง สิ่งนี้เป็นสำคัญ 5. 1 เพรำะเป็นเครื่องดนตรีที่ไทยได้รับอิทธิพลมำจำกอินเดีย ซึ่งสำมำรถพบเห็น เครื่องดนตรีประเภทนี้ในกำรทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศำสนำพรำหมณ์ เช่น พิธีจรดพระนังคัลแรกนำขวัญ เป็นต้น 6. 3 เพรำะวงเครื่องสำยเป็นวงดนตรีที่มีขนำดไม่ใหญ่มำกนัก จึงเหมำะที่จะบรรเลง ในหอประชุม 7. 3 เพรำะรูปแบบของคำผญำจะไม่มีกำรบรรยำยเรื่องรำวต่ำงๆ ด้วยทำนองอันไพเรำะ ในที่นี้จะหมำยถึงผู้ที่มีควำมชำนำญในกำรบรรยำยเรื่องรำวต่ำงๆ ด้วยทำนองเพลง ที่เรียกว่ำหมอลำ 8. 4 เพรำะจำนวนประชำกรในแต่ละชุมชนไม่ได้จัดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดดนตรี ในแต่ละท้องถิ่น
  • 50. 50 9. 4 เพรำะดนตรีพื้นบ้ำนจะบ่งบอกถึงวัฒนธรรมประเพณีของคนในท้องถิ่นนั้นๆ ที่มี ควำมแตกต่ำงกันออกไป จึงทำให้ดนตรีพื้นบ้ำนมีควำมหลำกหลำย ซึ่งแสดงให้เห็น ถึงเอกลักษณ์ในท้องถิ่น 10. 1 เพรำะกำรฟังเพลงพื้นบ้ำนในท้องถิ่นของตนเองนับว่ำเป็นกำรช่วยอนุรักษ์เพลง พื้นบ้ำนไม่ให้สูญหำย เนื่องจำกในปัจจุบันเพลงพื้นบ้ำนไม่ได้รับควำมนิยมอย่ำงเช่น ในอดีตที่ผ่ำนมำ เรำจึงควรช่วยกันดูแลรักษำ สืบสำน ถ่ำยทอดให้คงอยู่สืบต่อไป 11. 3 เพรำะดนตรีพื้นบ้ำนเป็นดนตรีที่ได้ถือกำเนิดมำจำกกำรสร้ำงสรรค์ของคนใน ท้องถิ่น ซึ่งมีวิวัฒนำกำรมำยำวนำนตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย โดยเริ่มจำกกำรได้ยิน เสียงธรรมชำติต่ำงๆ เช่น เสียงฝนตก เสียงฟ้ำร้อง เสียงสัตว์ต่ำงๆ จึงเกิดกำรเลียน เสียงธรรมชำติ โดยกำรใช้ปำกทำเลียนเสียงเหล่ำนั้น ต่อมำจึงประดิษฐ์เครื่องมือ ที่ทำให้เกิดเสียงได้ เช่น กำรนำไม้มำเคำะหรือตีสิ่งต่ำงๆ ให้เป็นเสียง ซึ่งในเวลำ ต่อมำกลำยเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี เป็นต้น 12. 3 เพรำะกลองยำว จัดเป็นเครื่องดนตรีภำคกลำง ส่วนข้ออื่นๆ ล้วนเป็นเครื่องดนตรี พื้นบ้ำนภำคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสำน) ทั้งหมด กลองตึ้ง เป็นกลองรำมะนำขนำด ใหญ่ที่ใช้ในวงกลองยำว เวลำตีต้องใช้คน 2 คนหำม และให้คนที่หำมอยู่ข้ำงหลังเป็น คนตีไปด้วย ผ่ำงฮำด หรือฆ้องโหม่งแบบโบรำณชนิดที่ไม่มีปุ่มนูนตรงกลำงเหมือน ฆ้องทั่วๆ ไป คือ แผ่นหน้ำของผ่ำงฮำดจะเรียบเสมอกันหมด นิยมใช้ตีผสมกับเครื่อง กำกับจังหวะในขบวนฟ้อนภูไท ฟ้อนเซิ้งบั้งไฟ 13. 4 เพรำะดนตรีไทยจัดเป็นมรดกทำงวัฒนธรรมของชำติที่นักเรียนทุกคนต้องร่วมมือ ร่วมใจกันในกำรสืบสำนและอนุรักษ์ดนตรีไทยให้คงอยู่สืบต่อไป จึงมีกำร กำหนดให้ทุกโรงเรียนมีกำรสอนวิชำดนตรีเพื่อเป็นกำรปลูกฝังให้นักเรียนเกิดควำม รักและควำมภำคภูมิใจในมรดกอันล้ำค่ำทำงวัฒนธรรม 14. 3 เพรำะกำรที่เลือกเล่นดนตรีไทยที่ตนเองสนใจและขยันในกำรฝึกซ้อมทุกวันนั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงคุณค่ำของดนตรีและไม่ละเลยในกำรฝึกซ้อม เพื่อให้เกิด ควำมชำนำญ จนสำมำรถบรรเลงได้อย่ำงไพเรำะ 15. 4 เพรำะข้อ 1. ข้อ 2. และข้อ 3. เป็นกำรประยุกต์ดนตรีเข้ำกับกำรศึกษำ เพรำะเป็น ประโยชน์ที่ทำในสถำนศึกษำโดยตรง แต่ข้อ 4. เป็นกำรสร้ำงประโยชน์ต่อนำยทุน ที่เป็นเจ้ำของห้ำงสรรพสินค้ำและเจ้ำของผลิตภัณฑ์ 16. 4 เพรำะเสียงของดนตรีจะทำหน้ำที่พัฒนำคุณภำพทำงด้ำนจิตใจให้เกิดควำมสุข ควำมสงบ และเมื่อเกิดควำมสุขร่ำงกำยก็จะเกิดควำมสงบ สบำย สุขภำพจิตดี สุขภำพกำยก็จะแข็งแรง ดังนั้น จึงมีกำรส่งเสริมให้สุภำพสตรีที่ตั้งครรภ์ฟังเพลง
  • 51. 51 17. 1 เพรำะกำรยืนร้องเพลงที่ถูกต้องนั้นฝ่ำเท้ำทั้ง 2 ข้ำง ต้องวำงแนบกับพื้น แยกออกจำก กันเล็กน้อย ประมำณ 1 ฟุต เท้ำข้ำงหนึ่งจะต้องวำงในตำแหน่งที่เยื้องไปด้ำนหน้ำ เล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้ำทั้ง 2 ข้ำง เท่ำๆ กัน หัวเข่ำจะต้องไม่ตึงจนทำให้เกิด ลักษณะกำรยืนเกร็ง 18. 2 เพรำะเพลงที่ดีจะต้องมีเนื้อหำของเพลงที่มีควำมเหมำะสม สำมำรถให้แนวคิดและ คติสอนใจแก่ผู้ฟังได้ เช่น เพลงปลุกใจ เป็นต้น 19. 4 เพรำะกำรที่มนุษย์จะสำมำรถรับรู้ควำมงำมของดนตรีและเข้ำถึงควำมไพเรำะของ บทเพลงได้นั้น อำรมณ์และจิตใจถือว่ำเป็นสิ่งที่สำคัญอย่ำงมำก ซึ่งบุคคล แต่ละบุคคลจะมีกำรรับรู้เรื่องควำมงำมของดนตรีที่แตกต่ำงกันออกไป 20. 4 เพรำะรูปแบบกำรบรรเลงดนตรีไทยหรือกำรขับร้องเพลงไทยจะไม่มีกำร ประสำนเสียง แต่มีกำรสอดประสำนของทำนองแทน ดังนั้น เสียงประสำน จึงไม่สำมำรถนำมำใช้พิจำรณำด้ำนสุนทรียศำสตร์ทำงดนตรีได้ 21. 3 เพรำะพิณน้ำเต้ำและกระจับปี่ จัดเป็นเครื่องดนตรีที่บรรเลงด้วยกำรใช้นิ้วมือ หรือใช้ไม้ดีดสำยให้สั่นสะเทือนจนเกิดเสียงขึ้นเหมือนกัน 22. 2 เพรำะจุดประสงค์หลักของรัวประลองเสภำเป็นกำรบรรเลงอุ่นเครื่องของนักดนตรี และอวดฝีมือ ท่วงทำนองเพลงที่นำมำบรรเลงจึงมีควำมกระชับและรวดเร็ว 23. 3 เพรำะเป็นกิจกรรมที่ทุกคนสำมำรถร่วมกันทำได้และสำมำรถกระทำได้ทุกปี นับว่ำเป็นกำรปลูกฝังจิตสำนึกในกำรรักดนตรีไทยให้เกิดขึ้นกับเยำวชน 24. 3 เพรำะนักร้องแต่ละคนจะมีเทคนิคในกำรเอื้อนเสียงที่แตกต่ำงกัน หำกสำมำรถ เอื้อนเสียงได้ไพเรำะ ก็จะทำให้บทเพลงมีควำมไพเรำะมำกยิ่งขึ้น 25. 4 เพรำะนักดนตรีที่ดีจะต้องมีลีลำเอกลักษณ์กำรบรรเลงดนตรีที่มีแบบฉบับเฉพำะ ตนเอง โดยไม่ลอกเลียนแบบผู้อื่น 26. 4 เพรำะกำรที่มนุษย์จะสำมำรถรับรู้ควำมงำมของดนตรีและเข้ำถึงควำมไพเรำะ ของบทเพลงได้นั้น อำรมณ์และจิตใจถือว่ำเป็นสิ่งที่สำคัญอย่ำงมำก ซึ่งบุคคล แต่ละบุคคลจะมีกำรรับรู้เรื่องควำมงำมของดนตรีที่แตกต่ำงกันออกไป 27. 3 เพรำะโน้ตตัวดำ (Quarter Note) 1 ตัว มีควำมยำวเท่ำกับโน้ตตัวเขบ็ต 2 ชั้น 4 ตัว 28. 2 เพรำะสัญลักษณ์ด้ำนซ้ำยสุดเรียกว่ำ “กุญแจประจำหลัก” ซึ่งกุญแจประจำหลัก ที่นิยมใช้มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท คือ กุญแจประจำหลักซอล หรือกุญแจซอล กุญแจประจำหลักฟำ หรือกุญแจฟำ และกุญแจประจำหลักโด หรือกุญแจโด
  • 52. 52 29. 4 เพรำะเป็นกำรเรียงลำดับเสียงสูงไปหำเสียงต่ำได้อย่ำงถูกต้อง คือ โซปรำโน (เสียงสูงสุดของผู้หญิง) เมซโซโซปรำโน (เสียงสูงปำนกลำงของผู้หญิง) และอัลโต (เสียงต่ำของผู้หญิง) 30. 1 เพรำะโน้ตตัวกลมจะมีค่ำควำมยำวของเสียงสูงสุด ซึ่งจะมีอัตรำจังหวะเท่ำกับ 4 ส่วนโน้ตตัวอื่นจะมีค่ำดังนี้ คือ โน้ตตัวดำจะมีค่ำควำมยำวของเสียงเท่ำกับครึ่งหนึ่ง ของโน้ตตัวขำว ซึ่งจะมีอัตรำจังหวะเท่ำกับ 1 โน้ตตัวขำวจะมีค่ำควำมยำวของเสียง เท่ำกับครึ่งหนึ่งของโน้ตตัวกลม ซึ่งจะมีอัตรำจังหวะเท่ำกับ 2 และโน้ตตัวเขบ็ตจะมี ค่ำควำมยำวของเสียงเท่ำกับครึ่งหนึ่งของโน้ตตัวดำ ซึ่งจะมีอัตรำจังหวะเท่ำกับ½ 31. 2 เพรำะฮำร์ปซิคอร์ด จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทลิ่มนิ้วจำพวกเดียวกันกับเปียโน มีวิธีกำรทำให้เสียงดังหรือเบำตำมลำดับเหมือนกับเปียโนไม่ได้ ในขณะที่เรำกดคีย์ ลงไป สำยภำยในเครื่องดนตรีจะถูกเกี่ยวด้วยไม้ดัด ซึ่งตรงข้ำมกับเปียโนที่ใช้ค้อน เคำะลงบนสำยเปียโน 32. 2 เพรำะออรำทรอริโอ (Oratorio) เป็นบทเพลงที่ประกอบด้วยกำรร้องเดี่ยว หรือร้อง กลุ่มของนักร้องระดับเสียงต่ำงๆ กำรขับร้องของวงขับร้องประสำนเสียง จะใช้วง ออร์เคสตรำบรรเลงดนตรีประกอบ ซึ่งบทร้องจะเป็นเรื่องรำวเกี่ยวกับศำสนำคริสต์ ลักษณะเด่นของออรำทรอริโอที่ต่ำงไปจำกเพลงศำสนำแบบอื่นๆ คือ กำรประพันธ์ บทร้องที่คำนึงถึงดนตรีประกอบ ไม่ได้เน้นในเรื่องของบทร้องที่นำมำจำก บทประพันธ์ดั้งเดิมเช่นเพลงโบสถ์แบบอื่นๆ 33. 3 เพรำะจำกหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์พบว่ำโครงสร้ำงทำงดนตรีตะวันตกได้รับ อิทธิพลมำจำกดนตรีของชนชำติกรีก โดยชำวกรีกได้คิดประดิษฐ์สิ่งต่ำงๆ ที่เป็น ประโยชน์ไว้มำกมำย รวมถึงศิลปะและดนตรี เมื่อกรีกกลำยเป็นส่วนหนึ่งของ อำณำจักรโรมันล่มสลำย วัฒนธรรมดนตรีที่โรมันรับมำจำกกรีกได้แพร่กระจำย ไปสู่ชนชำติต่ำงๆ ทั่วภำคพื้นยุโรป เมื่อคริสต์ศำสนำเกิดขึ้นดนตรีก็ยิ่งมีบทบำท มำกขึ้นตำมไปด้วย 34. 1 เพรำะบทเพลงซิมโฟนีเป็นบทเพลงที่คีตกวีประพันธ์ขึ้น ลักษณะจะเป็นบทเพลง บรรเลงโดยใช้วงดุริยำงค์ขนำดใหญ่ที่เรียกว่ำวงออร์เคสตรำ ซึ่งมีเครื่องดนตรี มำกกว่ำ 70 ชิ้น 35. 4 เพรำะวงเชมเบอร์มิวสิกจะมีชื่อเรียกต่ำงกันออกไปตำมจำนวนของผู้บรรเลง ซึ่งจะต้องมีนักดนตรีตั้งแต่ 2 ขึ้นไปจนถึง 9 คน 36. 4 เพรำะในงำนอุปสมบทจะนิยมใช้วงแตรวงหรือวงกลองยำวมำบรรเลง
  • 53. 53 37. 4 เพรำะเพลงเขมรไทรโยค เป็นเพลงไทยเดิมพระนิพนธ์โดยสมเด็จพระเจ้ำ- บรมวงศ์เธอเจ้ำฟ้ำจิตรเจริญ กรมพระยำนริศรำนุวัดติวงศ์ เมื่อครั้งพระบำทสมเด็จ- พระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว เสด็จพระรำชดำเนินประพำสน้ำตกไทรโยค จังหวัดกำญจนบุรี เมื่อ พ.ศ.2431 38. 2 เพรำะเป็นวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีครบทุกสกุลในวัฒนธรรมมำผสมวงกัน 39. 4 เพรำะพื้นที่ในโบส์ถส่วนใหญ่มีข้อจำกัดที่มีขนำดไม่ใหญ่มำกและในงำนศพ ควรบรรเลงบทเพลงที่มีอำรมณ์เศร้ำ จังหวะช้ำ เสียงเบำ ซึ่งวงเชมเบอร์เหมำะสม ที่สุดทั้งขนำดและเสียงที่ได้จำกกำรบรรเลง 40. 2 เพรำะกำรเปล่งเสียงร้องให้สูง-ต่ำตำมพื้นเสียงของตนเองนั้น จะทำให้เพลงที่ขับร้อง ออกมำไม่มีควำมไพเรำะ จึงต้องใช้เสียงสูง-ต่ำตำมโน้ตเพลงที่ได้กำหนดเอำไว้
  • 54. 54 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ (นาฏศิลป์) ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 1. 1 เพรำะกำรแสดงรำกริชอิเหนำ เป็นกำรแสดงรำเดี่ยว ส่วนกำรแสดงรำในข้ออื่นๆ เป็นกำรแสดงรำหมู่ 2. 2 เพรำะกำรแสดงรำกลองยำว เป็นกำรแสดงนำฏศิลป์พื้นบ้ำนภำคกลำง ซึ่งสะท้อน ให้เห็นถึงสภำพควำมเป็นอยู่ที่มีควำมเรียบง่ำย รักควำมสนุกสนำน สรรหำควำม บันเทิง เพื่อพักผ่อนหย่อนใจจำกกำรทำงำนหนัก 3. 3 บทร้องประกอบกำรแสดงควรประพันธ์ขึ้นให้มีควำมเหมำะสมกับลักษณะของ กำรละครและนิสัยของตัวละคร เพื่อให้ผู้ชมเข้ำใจเนื้อหำของละคร และเข้ำใจ ลักษณะของตัวละครในเรื่องได้ดียิ่งขึ้น 4. 2 เพรำะลักษณะของกำรโขน คือ ผู้แสดงจะต้องสวมหัวโขนแสดงและแต่งกำย ในชุดยืนเครื่องพระ นำง ยักษ์ ลิง ซึ่งมีลักษณะคล้ำยกับเครื่องแต่งกำยของ พระมหำกษัตริย์ 5. 2 เพรำะศิลปะกำรแสดงโขนเป็นนำฏศิลป์ชั้นสูง มีแบบแผน ท่ำรำ ท่ำเต้นที่อ่อนช้อย งดงำม ผู้ชมจะได้เห็นควำมแตกต่ำงของบทบำทพระ นำง ยักษ์ ลิง ได้ฟังดนตรี ปี่พำทย์ ผู้ขับร้อง ผู้พำกย์ที่ไพเรำะ โดยเฉพำะตัวพระและตัวนำงที่ต้องรำอวดฝีมือ ดังนั้น ผู้แสดงเป็นตัวพระและตัวนำงจึงรำตีบทตำมผู้ร้องและผู้พำกย์ 6. 2 เพรำะระบำดอกบัว เป็นระบำที่มีควำมสวยงำมอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นระบำที่ประดิษฐ์ ขึ้นใหม่ ผู้แสดงถือดอกบัวออกมำรำ ซึ่งดอกบัวนั้นเป็นดอกไม้ที่คนไทยใช้บูชำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และนิยมกันว่ำเป็นดอกไม้ที่ประเสริฐ กำรนำดอกบัวมำถือรำก็เพื่อ อวยชัยให้พร ให้มีควำมสุขสำรำญใจ โดยนำยมนตรี ตรำโมท เป็นผู้ประพันธ์ บทร้อง 7. 3 กำรรำคู่ควรคำนึงถึงท่ำรำของคู่ที่รำด้วยกัน ควรให้มีควำมสอดคล้องและสัมพันธ์กัน ไม่ใช่ต่ำงคนต่ำงรำ มิเช่นนั้นจะทำให้กำรรำไม่มีเอกภำพ 8. 4 เพรำะข้อ 1-3 เป็นกำรรำเดี่ยว ส่วนกำรรำซัดชำตรีและรำรจนำเสี่ยงพวงมำลัย จัดเป็น กำรรำคู่ ดังนั้น จึงมีควำมแตกต่ำงจำกข้ออื่น
  • 55. 55 9. 3 ระบำโบรำณคดี ชุดสุโขทัย ประดิษฐ์ท่ำรำขึ้นจำกกำรเลียนแบบประติมำกรรมสมัย สุโขทัย และพุทธลักษณะของพระพุทธรูปปำงลีลำ ซึ่งได้รับยกย่องว่ำมีควำมสวยงำม ขั้นสูงสุด 10. 2 เพรำะกำรรำบทเป็นกำรสื่อควำมหมำยหรือสื่อสำรให้เข้ำใจร่วมกัน โดยใช้กิริยำ ท่ำทำงกำรรำนำฏศิลป์เป็นกำรแสดงท่ำรำแทนคำพูด รวมทั้งกำรแสดงอำรมณ์ด้วย กำรรำบทเป็นกำรใช้ภำษำที่พัฒนำมำจำกท่ำทำงโดยธรรมชำติ 11. 4 เพรำะรองเง็ง เป็นกำรเต้นรำพื้นเมืองของชำวไทยมุสลิมในภำคใต้ รองเง็งเป็นกำร เต้นรำที่มีควำมสวยงำม ทั้งลีลำกำรเคลื่อนไหวของเท้ำ มือ ลำตัว และกำรแต่งกำยคู่ ชำยหญิง กล่ำวกันว่ำ กำรเต้นรองเง็งสมัยโบรำณเป็นที่นิยมในบ้ำนขุนนำงหรือ เจ้ำเมือง เพื่อไว้ต้อนรับแขกเหรื่อในงำนรื่นเริงหรืองำนพิธีต่ำงๆ เป็นประจำ แต่ในปัจจุบันนิยมแสดงในงำนรื่นเริงหรือในงำนแต่งงำนของชำวไทยมุสลิม 12. 1 กำรที่ผู้แสดงต้องขอขมำผู้อำวุโสหลังจำกจบกำรแสดง เพรำะเกรงว่ำในระหว่ำง แสดงอำจมีกำรล่วงเกินพลั้งพลำดไปบ้ำง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ำสังคมไทยมีกำร ให้เกียรติและเคำรพผู้อำวุโสเสมอ 13. 1 เพรำะวรรณกรรมเป็นบทละครที่แสดงถึงเรื่องรำวที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นตัวกำหนดให้ ผู้แสดงร่ำยรำ หรือแสดงท่ำทำงตำมบทละครนั้น 14. 1 เพรำะกำรแสดงโขนเป็นกำรรวมศิลปะหลำกหลำยแขนง โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งสำขำ จิตรกรรมเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ถูกนำมำใช้ทั้งในด้ำนกำรออกแบบเครื่องแต่งกำย ออกแบบฉำกและอุปกรณ์ประกอบฉำก ด้ำนกำรแต่งหน้ำ ทำผม ซึ่งสิ่งต่ำงๆ เหล่ำนี้ ล้วนต้องใช้ควำมรู้ควำมสำมำรถด้ำนจิตรกรรมทั้งสิ้น 15. 3 กำรแสดงพื้นเมืองสะท้อนชีวิตของคนในแต่ละภูมิภำคด้วยลีลำจังหวะ เช่น ภำคเหนือ กำรแสดงจะเชื่องช้ำ เนิบนำบ ได้แก่ กำรฟ้อนต่ำงๆ ภำค ตะวันออกเฉียงเหนือจะมีลีลำจังหวะคึกคัก กระฉับกระเฉง ได้แก่ กำรเซิ้ง เป็นต้น 16. 2 เพรำะละครหลวงวิจิตรวำทกำร เป็นละครที่เกี่ยวกับประวัติศำสตร์ มีเนื้อหำปลุกใจ ให้ประชำชนรักชำติ 17. 1 เพรำะละครดึกดำบรรพ์ มีรูปแบบกำรแสดงที่คล้ำยคลึงกับละครนอกและละครใน กล่ำวคือ มีกำรดำเนินเนื้อเรื่องที่กระชับรวดเร็วเหมือนละครนอก แต่ยึดถือ แบบแผนกำรร่ำยรำแบบละครใน 18. 3 เพรำะละครชำตรี มีอำยุเก่ำแก่กว่ำละครชนิดอื่นๆ นับเป็นต้นแบบของกำรแสดง ละครรำ เช่น ละครนอก ก็เป็นรูปแบบละครรำที่ได้รับแบบอย่ำงมำจำกละครชำตรี เป็นต้น
  • 56. 56 19. 4 ละครพูดเป็นละครสมัยใหม่ที่ได้รับอิทธิพลมำจำกกำรแสดงละครตะวันตก ใช้กำรพูดดำเนินเรื่องและทำท่ำทำงประกอบอย่ำงสำมัญชน ส่วนละครร้องเป็นละคร ที่ได้รับอิทธิพลจำกตะวันตก หำกเป็นละครร้องล้วนๆ จะดำเนินเรื่องด้วยกำรร้อง ไม่มีบทพูดแทรก ตัวละครขับร้องกลอนโต้ตอบกัน โดยใช้ท่ำทีอย่ำงสำมัญชน มีกำร เปลี่ยนฉำกตำมท้องเรื่อง ส่วนละครร้องสลับพูด จะมีกำรเพิ่มบทพูดสลับทบทวน บทร้อง ตัวละครเอกใช้ผู้หญิงแสดงทั้งหมด ผู้ชำยเป็นเพียงตัวประกอบ 20. 4 ละครไทยมีคุณค่ำในฐำนะที่เป็นที่รวมศิลปะสำขำต่ำงๆ โดยเฉพำะศิลปะแขนง วิจิตรศิลป์และประณีตศิลป์ มุ่งตอบสนองควำมต้องกำรทำงอำรมณ์และจิตใจของ มนุษย์ แสดงถึงควำมเป็นชนชำติที่มีอำรยธรรม แต่มิได้มุ่งหมำยสร้ำงประเทศชำติ ให้มีอำนำจมำกขึ้น ดังนั้น ข้อ 4. จึงไม่ใช่ควำมสำคัญของละครไทย 21. 2 พันท้ำยนรสิงห์ เป็นนำยท้ำยเรือพระที่นั่งเอกไชยอยู่ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ 8 (พระเจ้ำเสือ) ได้รับยกย่องว่ำเป็นผู้มีควำมซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษำ ระเบียบวินัยยิ่งชีวิต สมควรเป็นแบบอย่ำงแก่อนุชนรุ่นต่อไป ดังนั้น จึงเหมำะสม ที่จะนำมำจัดแสดงละครเพื่อให้คติสอนใจแก่ผู้ชมในเรื่องควำมจงรักภักดี ซื่อสัตย์ สุจริต 22. 1 เพรำะละครส่วนใหญ่จะนำเนื้อหำของเหตุกำรณ์ หรือเรื่องรำวที่เกิดขึ้นจำก ประสบกำรณ์ชีวิตและจินตนำกำรสร้ำงสรรค์นำมำร้อยเรียงเป็นเรื่องรำวแล้ว ถ่ำยทอดออกมำในรูปแบบกำรแสดงเพื่อสร้ำงควำมสนุกสนำน เพลิดเพลิน และแฝงไว้ด้วยคติธรรมที่สำมำรถนำมำปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ 23. 4 เพรำะเรื่องที่จะนำมำแสดงควรเป็นเรื่องที่มีคุณค่ำ ให้ข้อคิดที่ดี ส่งเสริม ประสบกำรณ์ ช่วยพัฒนำสังคม จริยธรรมของผู้ชม 24. 1 เพรำะจะต้องพิจำรณำควำมสำคัญของสิ่งต่ำงๆ ที่เป็นองค์ประกอบของกำรแสดง คือ พิจำรณำบทละคร คัดเลือกผู้แสดง กำรจัดฉำก กำรฝึกซ้อม และกำรประเมินผล ซึ่งเหล่ำนี้ล้วนมีควำมสำคัญต่อกำรแสดงละครทั้งสิ้น 25. 2 เพรำะกำรแสดงโขนและละครของไทยเป็นลักษณะกำรนำเสนอแบบไม่เหมือนจริง ซึ่งมีกำรจัดฉำก เครื่องแต่งกำยที่สวยงำม หรูหรำ พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องประดับ ภำษำที่ใช้พูดก็เป็นแบบร้อยกรอง 26. 1 เพรำะวิธีกำรแสดงละครโรมัน เริ่มจำกตัวละครออกมำยืนกลำงเวที แล้วมีตัวละคร อีกตัวหนึ่งออกมำประกำศชื่อ ตลอดจนบทบำทของตัวละครนั้น เมื่อประกำศจบ ตัวละครก็เข้ำโรงไป ตัวละครก็เริ่มแสดงบทบำท 27. 4 หลักกำรวิจำรณ์กำรแสดงนำฏศิลป์ ผู้วิจำรณ์นำฏศิลป์และละครต้องมีควำมรู้เรื่อง องค์ประกอบของนำฏศิลป์ทั้งทำงด้ำนผู้แสดง บทร้องและทำนองเพลง กำรประดิษฐ์
  • 57. 57 ท่ำรำ และองค์ประกอบอื่นๆ ในกำรแสดงด้ำนอื่นๆ ด้วย 28. 4 กำรวิเครำะห์กำรแสดงนำฏศิลป์ไทย ผู้วิจำรณ์ต้องศึกษำให้เข้ำใจหลักกำรวิจำรณ์ กำรแสดงแต่ละประเภท ไม่ว่ำจะเป็นนำฏศิลป์ หรือกำรละคร เพื่อใช้ตัดสินคุณภำพ ของกำรแสดงว่ำมีมำตรฐำนระดับใด สมควรแก่กำรยกย่องหรือไม่ 29. 2 กำรอนุรักษ์และส่งเสริมเอกลักษณ์ของชำติทำงด้ำนนำฏศิลป์ที่ดีที่สุด คือ กำรสร้ำง โอกำสในกำรเรียนรู้เรื่องนำฏศิลป์ไทยให้แก่ประชำชน โดยผ่ำนสื่อทุกประเภท ไม่ว่ำจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และควรปลูกฝังให้นักเรียนมีโอกำส เรียนรู้ด้ำนนำฏศิลป์ไทยอย่ำงลึกซึ้งด้วยกำรสอดแทรกองค์ควำมรู้พื้นฐำนเกี่ยวกับ นำฏศิลป์ไทยเข้ำไปในสื่อต่ำงๆ ที่นักเรียนคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน เช่น ละคร โทรทัศน์ ละครเวที เป็นต้น 30. 2 กำรวิจำรณ์กำรแสดงนำฏศิลป์ควรเป็นไปอย่ำงสร้ำงสรรค์ เพื่อให้ผู้จัดกำรแสดงนำ ข้อวิจำรณ์ไปพัฒนำผลงำนให้เป็นไปในทำงที่ดีขึ้น
  • 58. 58 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ 2552 1. 1,2,3,4 2. 2 3. 2 4. 2 5. 2 6. 1 7. 1 8. 1 9. 1 10. 1 11. 1 12. 3 13. 4 14. 1 15. 3 16. 2 17. 4 18. 1 19. 2 20. 3 21. 2 22. 4 23. 1 24. 2 25. 4 26. 3 27. 1, 3 28. 2 29. 3 30. 4 31. 1 32. 4 33. 3 34. B3, C1, D2 35. A4, E7, D3 36. A7, C6, F4 37. H6, G2 38. I3, J4 39. G6, H5 40. A1, B6, C1 ปีการศึกษา
  • 59. 59 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ศิลปะ 2553 1. 1 2. 1 3. 1 4. 1 5. 2 6. 3 7. 3 8. 1 9. 2 10. 4 11. 2 12. 4 13. 3 14. 2 15. 2 16. 4 17. 4 18. 4 19. 1 20. 3 21. 1 22. 1 23. 2 24. 2 25. 2 26. 2 27. 1 28. 3 29. 3 30. 1 31. 3 32. 3 33. 1 ปีการศึกษา