6.4.2 : การนำความรู้ที่ได้จากการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมมาใช้ในการเรียนการสอน หรือการทำวิจัย(นำวิจัยมาใช้ในชั้นเรียน หรือทำวิจัยในชั้นเรียน)
- 1. หลักสูตร 8 ICTC ขั้นสูง สำหรับครู สมรรถนะด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการ พัฒนาตนเองและวิชาชีพ 1
- 3. กำรอบรมเชิงปฏิบัติกำร: กำรพัฒนำวิจัยเพื่อพัฒนำกำรเรียนรู้สำหรับกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ผศ.ดร.อิศรำ ก้ำนจักร และ ผศ.ดร.จำรุณี ซำมำตย์3
- 5. กำรวิเครำะห์สภำพปัญหำ ควำมต้องกำร พัฒนำและ/หรือประเมินควำมต้องกำร ศึกษำเอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง กำรออกแบบผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรม พัฒนำผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรม ทดลองใช้เพื่อประเมินคุณภำพ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรม นำมำใช้และศึกษำผลกำรใช้ เขียนรำยงำนกำรวิจัย เผยแพร่ บทที่ 1 ควำมเป็นมำและควำมสำคัญ บทที่ 2 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง บทที่ 3 วิธีดำเนินกำรวิจัย บทที่ 4 ผลกำรวิจัย บทที่ 5 สรุปผลกำรวิจัย 5
- 6. ❑ บทที่ 1 บทนำ ❑ บทที่ 2 เอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง ❑ บทที่ 3 วิธีดำเนินกำรวิจัย ❑ บทที่ 4 ผลกำรวิจัยและอภิปรำยผล ❑ บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ กำรเขียนรำยงำนกำรวิจัย กำรเขียนรำยงำนกำรวิจัย 6
- 7. 1. ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของกำรวิจัย 2. วัตถุประสงค์กำรวิจัย 3. ขอบเขตของกำรวิจัย 4. ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ 5. นิยำมศัพท์เฉพำะ ส่วนประกอบของบทที่ 1 ความเป็นมาและความสาคัญ ความเป็นมาและความสาคัญ 7
- 9. ความเป็นมาและความสาคัญ สภำพปัญหำหรือควำม เปลี่ยนแปลง ควำมต้องกำรของชำติ (พ.ร.บ., แผนฯ, นโยบำย) หลักกำรทฤษฎีที่ใช้ในกำรพัฒนำ นวัตกรรม (สนับสนุนด้วย ผลกำรวิจัย) ลักษณะของวิชำ/งำนที่จะพัฒนำ สรุปลงสู่งำนวิจัยที่จะศึกษำ ภำพกว้ำง งำนที่จะศึกษำ ความเป็นมาและความสาคัญ 9
- 11. เพื่อให้บัณฑิตเป็นบุคคลที่มีควำมสำมำรถแสวงหำควำมรู้ได้ด้วย ตนเอง โดยเฉพำะควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยีในกำรแสวงหำควำมรู้ ได้อย่ำงเต็มที่ มีควำมสำมำรถในกำรวิเครำะห์ วิจำรณ์ สำมำรถสร้ำง ควำมรู้ด้วยตนเอง และนำเสนอแนวคิดของตนเองได้อย่ำงเหมำะสม จะ เป็นวิธีกำรสำคัญที่สำมำรถพัฒนำผู้เรียนให้เกิดคุณลักษณะต่ำงๆที่ ต้องกำรในยุคเทคโนโลยีสำรสนเทศ ความเป็นมาและความสาคัญ 11
- 12. ความเป็นมาและความสาคัญ ซึ่งสอดคล้องกับพระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ 2542 ที่ให้ ควำมสำคัญในกำรจัดกำรศึกษำที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยในหมวด 1 มำตรำ 8 กำรจัดกำรศึกษำเป็นกำรจัดกำรศึกษำตลอดชีวิต สังคมมี ส่วนร่วมในกำรจัดกำรศึกษำ พัฒนำสำระ และกระบวนกำรเรียนรู้อย่ำง ต่อเนื่อง หมวด 4 มำตรำ 22 หลักกำรจัดกำรศึกษำต้องยึดหลักที่ว่ำ ผู้เรียนมีควำมสำคัญที่สุด และมำตรำ 24 12
- 13. ความเป็นมาและความสาคัญ กระบวนกำรเรียนรู้ต้องจัดเนื้อหำสำระและกิจกรรมให้สอดคล้อง กับควำมสนใจ ควำมถนัดและควำมแตกต่ำงของผู้เรียน ฝึกทักษะ กระบวนกำรคิด กำรจัดกำร กำรเผชิญสถำนกำรณ์ และประยุกต์ใช้เพื่อ ป้องกันและแก้ปัญหำ ให้ผู้เรียนเรียนรู้จำกประสบกำรณ์จริง กำรฝึก ปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น (สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำ แห่งชำติ, 2543) 13
- 14. ความเป็นมาและความสาคัญ หลักกำรดังกล่ำวสอดคล้องอย่ำงยิ่งกับแนวคิดทฤษฎีคอน สตรัคติวิสต์ที่สนับสนุนให้ผู้เรียนสร้ำงกำรเรียนรู้ด้วยตนเอง และตอบ รับกับกำรเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์เกี่ยวกับวิธีกำรสร้ำงควำมรู้โดย ผ่ำนกระบวนกำรคิด (Cognitive processes) ที่ช่วยส่งเสริมกำร เรียนรู้ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสร้ำงควำมรู้ด้วยกำรลงมือกระทำที่ผ่ำน กระบวนกำรคิดของตนเอง โดยกำรเชื่อมโยงควำมรู้เดิมกับควำมรู้ใหม่ แล้วขยำยโครงสร้ำงทำงปัญญำ 14
- 15. ความเป็นมาและความสาคัญ ครูผู้สอนไม่สำมำรถปรับเปลี่ยนโครงสร้ำงทำงปัญญำของ ผู้เรียนได้ แต่สำมำรถช่วยให้ผู้เรียนปรับขยำยโครงสร้ำงทำงปัญญำ โดย กำรจัดสภำพแวดล้อมทำงกำรเรียนรู้ที่ส่งเสริมกระบวนกำรสร้ำงควำมรู้ ของผู้เรียน โดยกำรผสมผสำนทั้งหลักกำร ทฤษฎีและคุณลักษณะของ สื่อเทคโนโลยีที่สอดคล้องกัน (สุมำลี ชัยเจริญ, 2547) 15
- 16. ความเป็นมาและความสาคัญ จะเห็นได้ว่ำ สื่อบนเครือข่ำย เป็นนวัตกรรมกำรศึกษำที่มี คุณลักษณะที่สนองตอบต่อกำรสร้ำงควำมรู้ด้วยตนเองรวมทั้งกำร เรียนแบบร่วมมือกันแก้ปัญหำ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งเมื่อพิจำรณำถึง คุณลักษณะของสื่อ (Media Attribution) และระบบสัญลักษณ์ของสื่อ (Media Symbol System) ในลักษณะกำรนำเสนอสำรเทศและควำมรู้ที่ เป็น Hypertext ที่ประกอบด้วยข้อมูลเป็นโนดหลักและโนดย่อย รวมทั้ง กำรเชื่อมโยงแต่ละโนดซึ่งกันและกัน ที่เรียกว่ำ Hyperlink เพื่อสนับสนุน ผู้เรียนในกำรเชื่อมโยงและปูพื้นฐำนควำมรู้ที่ช่วยในกำรสร้ำงควำมรู้ อย่ำงมีประสิทธิภำพ 16
- 17. ความเป็นมาและความสาคัญ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในกำรเรียนรู้วิชำ 230 301 เทคโนโลยีและ สื่อกำรศึกษำ ซึ่งมุ่งให้ผู้เรียนมีเข้ำใจถึงควำมสำคัญ บทบำทของ เทคโนโลยี นวัตกรรมกำรศึกษำสื่อกำรเรียนรู้ และกำรจัดระบบกำรเรียน กำรสอน ตลอดจนสำมำรถนำหลักกำร ทฤษฎี เทคนิคลงสู่กำรปฏิบัติ สำมำรถนำเทคโนโลยีสำรสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งคอมพิวเตอร์ ศึกษำ ไปใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนได้ 17
- 18. ความเป็นมาและความสาคัญ ซึ่งผู้เรียนต้องอำศัยทั้งควำมรู้ ทักษะ มีควำมคิดวิเครำะห์ สังเครำะห์ และสร้ำงควำมรู้ที่สำมำรถบูรณำกำรศำสตร์ทำงกำรศึกษำ ลงสู่ปฏิบัติอย่ำงเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมและแก้ปัญหำในกำรจัดกำร เรียนกำรสอนในสำระกำรเรียนรู้ที่ตนเองรับผิดชอบได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพ ตรงตำมคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ของคณะ ศึกษำศำสตร์ 18
- 19. ความเป็นมาและความสาคัญ มหำวิทยำลัยขอนแก่นที่จะต้องสำมำรถใช้ควำมรู้ในสำขำวิชำที่ ตนเองศึกษำเพื่อกำรพัฒนำคนในสังคมให้มีกระบวนกำรคิดเชิงวิเครำะห์ และสังเครำะห์ มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ รวมทั้งมีควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรบูรณำกำรศำสตร์ต่ำงๆ เพื่อใช้ในกำรศึกษำและวิจัย เกี่ยวกับกำรเรียนกำรสอน กำรพัฒนำหลักสูตรและกำรประเมินผลทำง กำรศึกษำ 19
- 20. ความเป็นมาและความสาคัญ จำกเหตุผลดังกล่ำวข้ำงต้น ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะทำกำรวิจัย เรื่อง ............................................................................................................ ............................................................................................................ เพื่อจะนำผลกำรวิจัยในครั้งนี้ไปเป็นแนวทำงในกำรพัฒนำ ส่งเสริม และสนับสนุนกำรจัดกำรเรียนรู้ให้มีประสิทธิภำพต่อไป 20
- 22. วัตถุประสงค์กำรวิจัย ชื่องำนวิจัย: การพัฒนาโมเดลต้นแบบสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้บนเครือข่าย ที่ส่งเสริมการสร้างความรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ (สุมาลี ชัยเจริญ, 2550) วัตถุประสงค์กำรวิจัย 1) เพื่อออกแบบและพัฒนาโมเดลต้นแบบสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้บนเครือข่ายที่ส่งเสริมการ สร้างความรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ 2) เพื่อศึกษาการสร้างความรู้ของผู้เรียนที่เรียนด้วยโมเดลต้นแบบสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ บนเครือข่ายที่ส่งเสริมการสร้างความรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ 22
- 23. วัตถุประสงค์กำรวิจัย 1. เพื่อออกแบบและพัฒนำนวัตกรรมกำรเรียนรู้ที่ส่งเสริม ......................................................... 2. เพื่อศึกษำ......................................... 3. เพื่อศึกษำควำมคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อนวัตกรรมกำรเรียนรู้ฯ 4. เพื่อศึกษำผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนของผู้เรียน 5. อื่นๆ ที่ต้องกำรส่งเสริมหรือพัฒนำ 23
- 24. ขอบเขตการวิจัย เป็นกำรอธิบำยถึงกรอบงำนวิจัยมีขอบเขตกว้ำงขวำงเพียงใด ครอบคลุม อะไรบ้ำง ▪ ตัวแปรที่จะทำกำรวิจัย ▪ ระยะเวลำหรือช่วงเวลำที่จะทำกำรวิจัย ▪ กลุ่มเป้ำหมำย ▪ สถำนที่หรือพื้นที่ที่ทำกำรศึกษำ ขอบเขตกำรวิจัย 24
- 25. 1.สมัครสมาชิก 2.เข้าสู่ระบบ ❑กลุ่มเป้ำหมำย กลุ่มเป้าหมาย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552โรงเรียนโนนป่างิ้ววิจิตวิทยา อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ จานวน 39 คน ❑ตัวแปรที่ใช้ในกำรวิจัย ตัวแปรต้น ได้แก่ วิธีกำรจัดกำรเรียนรู้ในที่นี้คือ การเรียนด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมศักยภาพ ด้านการคิดเชิงเหตุผลของผู้เรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอวกาศ ตัวแปรตำม ได้แก่ -การคิดเชิงเหตุผลของผู้เรียนที่เรียนด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมศักยภาพด้านการคิดเชิงเหตุผลของ -ผู้เรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอวกาศ -ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมศักยภาพด้านการคิดเชิงเหตุผล -ของผู้เรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอวกาศ ❑ระยะเวลำที่ทำกำรวิจัย 1 มิถุนายน ถึง 30 กรกฎาคม 2549 ❑สถำนที่ที่ทำกำรวิจัย โรงเรียนโนนป่างิ้ววิจิตวิทยา อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ 25
- 26. ตัวแปรที่ศึกษำ ตัวแปรคือ สิ่งที่ไม่ทราบค่าสามารถแปรเปลี่ยนไปได้ ตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น (Independent Variable) หมายถึง ตัวแปรที่คาดว่าเป็นต้นเหตุหรือ สาเหตุที่ส่งผลให้ตัวแปรอื่น ๆ เกิดการ เปลี่ยนแปลง ในกำรศึกษำครั้งนี้ คือ วิธีกำรที่ใช้ ตัวแปรตำม (Dependent Variable) หมายถึง ตัวแปรที่คาดว่าจะเป็นผลมาจาก ตัวแปรต้น ได้แก่ -การสร้างความรู้ -ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน -ความคิดเห็น ตัวแปรที่ศึกษำ 26
- 27. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ❑เป็นกำรย้ำให้เห็นถึงควำมสำคัญของกำรวิจัย ❑สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกำรวิจัย ❑ประโยชน์นั้นต้องเกิดขึ้นจำกกำรทำวิจัยหรือนำผลกำรวิจัยไปใช้ ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ 1. เป็นแนวทางในการศึกษาการคิดเชิงมโนทัศน์ของผู้เรียน 2. เป็นแนวทางสาหรับการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน 3. เป็นแนวทางในการออกแบบการการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถ ในการเชิงมโนทัศน์ 4. เป็นแนวทางในการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 27
- 29. กำรคิดวิเครำะห์ หมายถึง ความสามารถแยกแยะเรื่องต่างๆ ออกเป็นส่วนย่อยๆหรือแง่มุม ต่างๆ ซึ่งจะทาให้เกิดความเข้าใจ และสามารถค้นพบสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ง่ายขึ้น ของผู้เรียนที่เรียนด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์ เรื่อง ดินและหิน ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้น ป.4 โดยสังเคราะห์กรอบการคิดเชิงวิเคราะห์ของ เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2544) ประกอบด้วย 1) สามารถจาแนกองค์ประกอบต่างๆ ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ 2) ระบุความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่าง องค์ประกอบเหล่านั้น เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของสิ่งที่เกิดขึ้น 3) สามารถจัด หมวดหมู่ของสิ่งต่างๆ หรือประเด็นต่างๆได้ โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากโปรโตคอลการ สัมภาษณ์และแบบวัดการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับผู้เรียน เรื่อง ดินและหิน ชั้น ป.4 นิยามศัพท์เฉพาะ 29
- 30. การสร้างความรู้ หมายถึง วิธีการที่ผู้เรียนใช้ในการเรียน ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้............................................ ประกอบด้วย วิเคราะห์ปัญหา รวบรวมค้นหาคาตอบ คิดหา แนวทางแก้ปัญหาที่หลากหลายโดยการบูรณาการความรู้และ ประสบการณ์เดิมของตนเอง ตัดสินใจและเลือกแนวทาง แก้ปัญหา ทดลองและพิสูจน์ผล แลกเปลี่ยนมุมมอง สรุปองค์ ความรู้และสร้างเป็นความเข้าใจของตนเอง วิเคราะห์ข้อมูลจาก โปรโตคอลการสัมภาษณ์ผู้เรียน ชั้น ป....... นิยามศัพท์เฉพาะ 30
- 31. เทคนิคการเขียนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ส่วนประกอบของบทที่ 2 1. ส่วนที่เป็นหลักกำรทฤษฎี 2. งำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง เทคนิคการเขียนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง 31
- 32. • กาหนดหัวข้อสารสนเทศที่จะนาเสนอ • จากชื่องานวิจัย • เนื้อหา สาระการเรียนรู้ นาเสนอเฉพาะ ความคิดรวบยอดที่สาคัญและ เป้าประสงค์ของการเรียน เชื่อมโยงความ เกี่ยวข้องกับวิจัย • จากวัตถุประสงค์ของการวิจัยและตัวแปร ที่ศึกษา เทคนิคการเขียนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เทคนิคการเขียนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง 32
- 33. ชื่องำนวิจัย ผลของนวัตกรรมที่ส่งเสริม การคิดวิเคราะห์ของผู้เรียน สาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ วัตถุประสงค์ • เพื่อออกแบบและพัฒนานวัตกรรมฯ • เพื่อศึกษาการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียน • เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้เรียนฯ • เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฯ ขอบข่ำยสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ กำรคิดวิเครำะห์นวัตกรรมงำนวิจัย ที่เกี่ยวข้อง • กำรคิดวิเครำะห์ • นวัตกรรมที่ส่งเสริมกำรคิด วิเครำะห์ • กำรจัดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ตัวอย่าง เทคนิคการเขียนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง 33
- 35. รูปแบบกำรวิจัย เป็นกำรวิจัยก่อนกำรทดลองแบบกลุ่มเดียวที่มีกำรทดสอบหลังเรียน (One shot case study design) กลุ่มเป้ำหมำย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่.......โรงเรียน........................... ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2552 จำนวน..........คน ตัวแปรที่ศึกษำ ได้แก่ ตัวแปรต้น : วิธีกำรจัดกำรเรียนรู้ในที่นี้คือ.............................. ตัวแปรตำม : -- กำรสร้ำงควำมรู้ของผู้เรียน -- ควำมคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อนวัตกรรมฯ -- ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน วิธีดาเนินการวิจัย 35
- 37. ทดสอบก่อนเรียน จัดกลุ่มผู้เรียนกลุ่มละ 3 คน เรียนจำกนวัตกรรมฯ ทดสอบหลังเรียน สัมภำษณ์ตอบแบบสำรวจ ศึกษำสถำนกำรณ์ปัญหำ ฐำนควำมช่วยเหลือ สรุปเป็นแนวทำงแก้ปัญหำ ผู้เชี่ยวชำญสะท้อนผลและเสนอแนะแนวทำงแก้ปัญหำ -ด้านความคิดรวบยอด -ด้านการคิด -ด้านกระบวนการ -ด้านกลยุทธ์ แหล่งกำรเรียนรู้ ปรึกษำเพื่อน ปรึกษำผู้เชี่ยวชำญ วิธีดาเนินการวิจัย 37
- 38. กำรสร้ำงควำมรู้ของผู้เรียน กำรวิเครำะห์ข้อมูลที่ได้จำกโปรโตคอลกำรสัมภำษณ์ผู้เรียน สรุปตีควำม ตำมกรอบของ........................................ ควำมคิดเห็นของผู้เรียนฯ วิเครำะห์ข้อมูลที่ได้จำกแบบสำรวจควำมคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อนวัตกรรม กำรเรียนรู้ที่ส่งเสริมกำรคิด โดยกำรอธิบำย ตีควำม สรุป ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน วิเครำะห์ข้อมูลจำกแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน โดยใช้ค่ำสถิติพื้นฐำน ได้แก่ ค่ำเฉลี่ย ค่ำเบี่ยงเบนมำตรฐำน ค่ำร้อยละ วิธีดาเนินการวิจัย 38
- 39. แผนกำรดำเนินงำน มค กพ มีค เมย พค มิย กค สค กย ตค พย ธค 1. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2. สร้างกรอบแนวคิดการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 3. สร้างนวัตกรรมฯ 4. สร้างแบบสอบถาม แบบทดสอบฯ 5. ดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตาม แผน 6. เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ และ คุณภาพ 7. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและ คุณภาพ 8. สรุปผลการวิจัยและอภิปรายผล 9. เขียนรายงานการวิจัย วิธีดาเนินการวิจัย 39
- 40. กำรกำหนดกลุ่มที่ศึกษำ มี 2 ลักษณะ ประชำกร/กลุ่มตัวอย่ำง ใช้สาหรับกรณีที่กลุ่มที่ทาการศึกษามีจานวน มาก ไม่สามารถทาการศึกษาได้ครอบคลุม ทั้งหมด ผู้วิจัยจะทาการสุ่มตัวอย่างตาม ระเบียบวิธีการสุ่มจากจานวนทั้งหมดมาเป็น ตัวแทนที่ใช้ในการศึกษา เราจะเรียกตัวแทนที่มาจากการสุ่มว่า “กลุ่มตัวอย่ำง” และเรียกจานวนทั้งหมดว่า “ประชำกร” กลุ่มเป้ำหมำย เป็นกลุ่มที่ผู้สอนรับผิดชอบ อาจเป็นทั้งชั้น เรียน เป็นกลุ่มย่อยที่มีปัญหาเฉพาะ หรือ เ ป็ น ร า ย บุ ค ค ล ก ล่ า ว โ ด ย ส รุ ป ก ลุ่ ม เ ป้ า ห ม า ย เ ป็ น ก ลุ่ ม ที่ ผู้ วิ จั ย ทาการศึกษาครอบคลุมทั้งหมดโดยที่ไม่ได้ สุ่มตัวแทนมาศึกษา และส่วนมากจะเป็น การศึกษาเชิงลึกเฉพาะกรณีที่เน้นการ พัฒนาหรือแก้ปัญหา วิธีดาเนินการวิจัย 40
- 41. รูปแบบที่ใช้ในกำรวิจัย กำรวิจัยในชั้นเรียน ▪การวิจัยเชิงปฏิบัติการ PAOR ของ เคมมิสและแมกเทกการ์ต ▪การวิจัยเชิงปฏิบัติการ PDCA ของ เดมมิ่ง กำรวิจัยทำงด้ำนวิชำกำร กำรวิจัยก่อนกำรทดลอง (Pre-Experimental Research) -One shot case study -One Group Pretest Posttest Design กำรวิจัยกึ่งกำรทดลอง (Quasi-Experimental Research) -Quasi-Equivalent Control Group Design กำรวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) - Posttest-Only Control Group Design - Pretest Posttest Control Group Design กำรวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) วิธีดาเนินการวิจัย 41
- 42. ตัวแปรที่ศึกษำ ตัวแปรคือ สิ่งที่ไม่ทราบค่าสามารถแปรเปลี่ยนไปได้ ตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น (Independent Variable) หมายถึง ตัวแปรที่คาดว่าเป็น ต้นเหตุหรือสาเหตุที่ส่งผลให้ตัว แปรอื่น ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง ในการศึกษาครั้งนี้ คือ วิธีการที่ใช้ ตัวแปรตำม (Dependent Variable) หมายถึง ตัวแปรที่คาดว่าจะเป็นผล มาจากตัวแปรต้นได้แก่ -การสร้างความรู้ -ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน -ความคิดเห็น วิธีดาเนินการวิจัย 42
- 43. Thank you 43