SlideShare a Scribd company logo
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 4 ซอฟต์แวร์และภาษา 
คอมพิวเตอร์ 
องค์ประกอบด้านซอฟต์แวร์ 
ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) 
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 2
ซอฟต์แวร์ระบบ (System 
Software) 
เกี่ยวข้องกับการควบคุมการทำางานที่ใกล้ชิด 
กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากที่สุด 
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 
ระบบปฏิบัติการ (Operating Systems) 
โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Programs) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 3
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application 
Software) 
พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เฉพาะด้านเท่านั้น 
แบ่งออกตามเกณฑ์ที่ใช้แบ่งได้ดังนี้ 
แบ่งตามลักษณะการผลิต ได้ 2 ประเภทคือ 
ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้เองโดยเฉพาะ 
ซอฟต์แวร์ที่หาซื้อได้โดยทั่วไป 
แบ่งตามกลุ่มการใช้งาน ได้ 3 กลุ่มใหญ่คือ 
กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ 
กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย 
กลุ่มใช้งานบนเว็บและการติดต่อสื่อสาร 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 4
การจัดหาซอฟต์แวร์มาใช้ 
งาน 
แบบสำาเร็จรูป (Package Software) 
แบบว่าจ้าง (Custom Software) 
แบบทดลองใช้ (Shareware) 
แบบใช้งานฟรี (Freeware) 
แบบโอเพ่นซอร์ส (Public-Domain/Open 
Source) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 5
แบบสำาเร็จรูป (Package 
Software) 
หาซื้อได้กับตัวแทนจำาหน่ายซอฟต์แวร์ที่ได้รับ 
การแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง 
นำาไปติดตั้งเพื่อการใช้งานได้โดยทันที โดยมี 
บรรจุภัณฑ์และเอกสาร 
คู่มือการใช้งานไว้แล้ว 
อาจเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตเพื่อซื้อได้ 
เช่นกัน 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 6
แบบว่าจ้าง (Custom Software) 
เหมาะกับลักษณะงานที่เป็น 
แบบเฉพาะ 
จำาเป็นต้องผลิตขึ้นมาใช้เอง 
หรือว่าจ้างให้ทำา 
อาจมีค่าใช้จ่ายที่แพงพอ 
สมควร 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 7
แบบทดลองใช้ (Shareware) 
ลูกค้าสามารถทดสอบการใช้งานของ 
โปรแกรมก่อนได้ฟรี 
ผู้ผลิตจะกำาหนดระยะเวลาของการใช้งาน 
หรือเงื่อนไขอื่น เช่น 
ใช้ได้ภายใน 30 วัน หรือใช้ได้แต่ปรับลด 
คุณสมบัติบางอย่างลง 
อาจดาวน์โหลดได้จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 8
แบบใช้งานฟรี (Freeware) 
สามารถดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ตได้ 
ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมขนาดเล็กและใช้เวลา 
เพียงไม่กี่นาทีในการดาวน์โหลด 
ให้ใช้งานได้ฟรี แต่ไม่สามารถนำาไปพัฒนาต่อ 
หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ 
ลิขสิทธิ์เป็นของบริษัทหรือทีมงานผู้ผลิต 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 9
แบบโอเพ่นซอร์ส 
(Public-Domain/Open Source) 
Open Source เป็นซอฟต์แวร์ที่มีการเปิดให้ 
แก้ไขปรับปรุง 
ตัวโปรแกรมต่างๆได้ 
นำาเอาโค้ดโปรแกรมไปพัฒนาและประยุกต์ 
ใช้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำาหนด 
มีนักพัฒนาจากทั่วโลก ช่วยกันเขียนโค้ดและ 
นำาไปแจกจ่ายต่อ 
ประหยัดเงินและค่าใช้จ่าย 
การพัฒนาโปรแกรมทำาได้เร็วขึ้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 10
ระบบปฏิบัติการ (Operating 
Systems) 
ใช้สำาหรับการควบคุมและประสานงานอุปกรณ์ 
คอมพิวเตอร์ทั้งหมด 
โดยเฉพาะกับส่วนนำาเข้าและส่งออกผลลัพธ์ (I/O 
Device) 
บางครั้งเรียกว่า แพลตฟอร์ม (Platform) 
คอมพิวเตอร์จะทำางานได้จำาเป็นต้องมีระบบ 
ปฏิบัติการติดตั้งอยู่ในเครื่องเสียก่อน 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 11
คุณสมบัติในการทำางาน 
การทำางานแบบ Multi-Tasking 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 12
คุณสมบัติในการทำางาน (ต่อ) 
การทำางานแบบ Multi-User 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 13
ประเภทของระบบปฏิบัติการ 
อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ 
ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (Stand-Alone OS) 
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (Network OS) 
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (Embedded OS) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 14
ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว 
(Stand-Alone OS) 
มุ่งเน้นและให้บริการสำาหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว 
(เจ้าของเครื่องนั้นๆ) 
นิยมใช้สำาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประมวล 
ผลและทำางานแบบทั่วไป เช่น เครื่อง 
คอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสำานักงาน 
รองรับการทำางานบางอย่าง เช่น พิมพ์รายงาน 
ดูหนัง ฟังเพลง หรือเชื่อมต่อ 
เข้ากับอินเทอร์เน็ต เป็นต้น 
ปัจจุบันสามารถเป็นเครื่องลูกข่ายเพื่อขอรับ 
บริการจากเครื่องแม่ข่ายได้ด้วย 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 15
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย 
(Network OS) 
มุ่งเน้นและให้บริการสำาหรับผู้ใช้หลายๆคน 
(Multi-User) 
นิยมใช้สำาหรับงานให้บริการและประมวลผล 
ข้อมูลสำาหรับเครือข่ายโดยเฉพาะ 
มักพบเห็นได้กับการนำาไปใช้ในองค์กรธุรกิจ 
ทั่วไป 
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ 
เหล่านี้จะเรียกว่า 
เครื่องควเาซมริรู้เบื้อ์ฟงตเ้นวเกอี่ยวรกับ์ ค(อSมพeวิrเตvอรe์แลrะ) หรือเครื่องแม่ข่าย 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 16
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง 
(Embedded OS) 
พบเห็นได้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาด 
เล็ก เช่น Smart Phone, Tablet รวมถึง Smart 
Devices ต่างๆ (แว่นตา/นาฬิกาอัจฉริยะ 
เป็นต้น) 
สนับสนุนการทำางานแบบเคลื่อนที่ได้เป็นอย่าง 
ดี 
มีคุณสมบัติหลายอย่างใกล้เคียงกับระบบ 
ปฏิบัติการแบบเดี่ยว เช่น 
ดูหนัง ฟังเพความรู้เบื้องต้นลเกงี่ยว กหับครอมือพเวิชเตออื่ร์แมละต่ออินเทอร์เน็ตได้ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 17
ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว 
(Stand-Alone OS) 
DOS (Disk Operating 
System) 
พัฒนาขึ้นเมื่อประมาณปี 
1980 
ใช้สำาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ 
ส่วนบุคคลเป็นหลัก 
ป้อนชุดคำาสั่งที่เรียกว่า 
Command-Line 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 18
ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (ต่อ) 
Windows 
ส่วนประสานงานกับ 
ผู้ใช้แบบ GUI 
(Graphical User 
Interface) 
ใช้งานได้ง่าย ผู้ใช้ 
ไม่ต้องจดจำาคำาสั่ง 
ให้ยุ่งยาก 
แบ่งงานออกเป็น 
ส่วนๆที่เรียกว่า 
หน้าต่างงาน หรือ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 19
ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (ต่อ) 
Mac OS X 
ใช้กับเครื่อง 
คอมพิวเตอร์ที่ผลิตขึ้น 
โดยบริษัทแอปเปิ้ล 
เท่านั้น 
ทำางานด้านกราฟิกและ 
สิ่งพิมพ์ได้ดี 
มีระบบสนับสนุนแบบ 
GUI เช่นเดียวกับระบบ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพวิเตอร์และ ปฏบิัติการ Windows 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 20
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย 
(Network OS) 
Windows Server 
ออกแบบมาเพื่อใช้งาน 
กับระบบเครือข่ายโดย 
เฉพาะ เดิมมีชื่อว่า 
Windows NT 
รองรับกับการใช้งานใน 
ระดับองค์กร 
ขนาดเล็กและขนาด 
กลาง พัฒนาโดย 
บริษัทไมโครซอฟท์ 
เหมาะกับการติดตั้งและ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 21
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย 
(ต่อ) 
Unix 
ผู้ใช้ต้องมีความรู้ทาง 
ด้านคอมพิวเตอร์พอ 
สมควร 
รองรับกับการทำางาน 
ของผู้ใช้ได้ 
หลายๆคนพร้อมกัน 
(Multi-User) 
มีการพัฒนาระบบที่ 
สนับสนุนให้ใช้งานได้ 
ทั้งแบบเดี่ยวและแบบ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 22
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย 
(ต่อ) 
Linux 
พัฒนามาจากระบบ 
Unix 
ใช้โค้ดที่เขียนประเภท 
โอเพ่นซอร์ส (Open 
Source) 
มีการผลิตออกมาหลาย 
ชื่อเรียก 
แตกต่างกันไป 
มีทั้งแบบที่ใช้สำาหรับ 
งานแบบเดี่ยว 
ตามบ้าน และแบบที่ใช้ 
สำาหรับงานควบคุมเครือ 
ข่ายเช่นเดียวกับระบบ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 23
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย 
(ต่อ) 
OS/2 Warp Server 
พัฒนาโดยบริษัท IBM 
ใช้เป็นระบบเพื่อควบคุม 
เครื่อง 
แม่ข่ายหรือ Server เช่น 
เดียวกัน 
24 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย 
(ต่อ) 
Solaris 
ทำางานคล้ายกับระบบ 
ปฏิบัติการแบบ Unix 
(Unix compatible) 
ผลิตโดยบริษัทซัน 
ไมโครซิสเต็มส์ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 25
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง 
(Embedded OS) 
iOS 
ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครื่อง iPhone, iPad และ 
iPod Touch 
เป็นระบบปฏิบัติการแบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่อง 
Mac 
มีซอฟต์แวร์เฉพาะหรือแอพพลิเคชั่น (App) 
รองรับการใช้งานด้านต่างๆ 
ดาวน์โหลดแอพได้ที่ App Store 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 26
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (ต่อ) 
Android 
พัฒนาโดยบริษัท Google ผู้นำาด้าน Search 
Engine 
มีแอพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น สื่อสาร 
ออนไลน์ จัดการงานเอกสาร 
โปรแกรมนำาทาง หรือแอพด้านบันเทิง เป็นต้น 
ดาวน์โหลดแอพได้ที่ Google Play Store 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 27
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (ต่อ) 
Windows Phone 
พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ 
เป็นลักษณะที่ย่อขนาดของระบบปฏิบัติการ 
Windows 
ให้กะทัดรัดต่อการใช้งานบนสมาร์ทโฟนมากขึ้น 
(Scaled-Down Version) 
ดาวน์โหลดแอพได้ที่ Windows Phone Store 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 28
โปรแกรมอรรถประโยชน์ 
(Utility Program) 
โปรแกรมอรรถประโยชน์ หรือโปรแกรม 
ยูทิลิตี้ (Utility Program) 
ส่วนใหญ่จะมีขนาดของไฟล์ที่เล็กกว่าระบบ 
ปฏิบัติการ 
มีคุณสมบัติในการใช้งานค่อนข้างหลาก 
หลายหรือใช้งานได้แบบอรรถประโยชน์ 
นิยมเรียกสั้นๆว่า ยูทิลิตี้ (Utility) แบ่งได้เป็น 
2 ชนิดหลักๆคือ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 29 
ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ (OS Utility 
Programs)
ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ 
ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ (OS Utility 
Programs) มีหลายโปรแกรม เช่น 
ประเภทการจัดการไฟล์ (File Manager) 
ประเภทการลบทิ้งโปรแกรม (Uninstaller) 
ประเภทการสแกนดิสก์ (Disk Scanner) 
ประเภทการจัดเรียงพื้นที่เก็บข้อมูล (Disk 
Defragmenter) 
ประเภทรักษาหน้าจอ (Screen Saver) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 30
ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ 
ประเภทการจัดการไฟล์ 
(File Manager) 
มีหน้าที่หลักในการจัดการ 
เกี่ยวกับไฟล์ต่างๆ เช่น การ 
คัดลอก การเปลี่ยนชื่อ การ 
ลบและย้ายไฟล์ เป็นต้น 
ระบบปฏิบัติการ Windows 
รุ่นใหม่ๆยังได้เพิ่มคุณสมบัติ 
ที่เรียกว่า Image Viewer เพื่อ 
นำามาปรับใช้กับไฟล์รูปภาพ 
ได้ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 31 
(ต่อ)
ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ 
ประเภทการลบทิ้งโปรแกรม (Uninstaller) 
ลบหรือกำาจัดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ออกไปจากระบบ 
ทำาให้พื้นที่เก็บข้อมูลมีเหลือเพิ่มมากขึ้น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 32 
(ต่อ)
ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ 
ประเภทการสแกนดิสก์ 
(Disk Scanner) 
สแกนหาข้อผิดพลาดต่างๆ 
พร้อมทั้งหาทางแก้ปัญหาใน 
ดิสก์ 
ประยุกต์ใช้เพื่อสแกนหา 
ไฟล์ที่ไม่ต้องการใช้งาน 
(Unnecessary Files) เมื่อใช้ 
คอมพิวเตอร์ไปได้ในระยะ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพวิเตอร์แลหะ นงึ่ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 33 
(ต่อ)
ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ 
ประเภทการจัดเรียง 
พื้นที่เก็บข้อมูล 
(Disk Defragmenter) 
ช่วยในการจัดเรียงไฟล์ 
ข้อมูลให้เป็นระเบียบ และ 
เป็นกลุ่มเป็นก้อน 
เมื่อต้องการใช้งานไฟล์ 
ข้อมูลในภายหลัง 
จะเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย และ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพวิเตอร์และ รวดเร็วกว่าเดิม 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 34 
(ต่อ)
ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ 
ประเภทรักษาหน้าจอ 
(Screen Saver) 
ช่วยถนอมอายุการใช้งาน 
ของจอคอมพิวเตอร์ให้ 
ยาวนานมากขึ้น 
ใช้ภาพเคลื่อนไหวไปมา 
และเลือกลวดลายหรือภาพ 
ได้ด้วยตนเอง 
อาจพบเห็นกับการตั้งค่า 
รหัสผ่านของโปรแกรม 
รักษาหน้าจอเอาไว้ได้ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 35 
(ต่อ)
ยูทิลิตี้อื่นๆ (Stand-Alone Utility 
Programs) 
เป็นยูทิลิตี้ที่ทำางานด้านอื่นโดยเฉพาะ ไม่ 
เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ 
มีทั้งที่แจกให้ใช้ฟรี และแบบเสียเงิน 
มีให้เลือกใช้มากมาย รองรับการทำางานได้ 
หลากหลายด้าน 
ใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กถึง 
ขนาดใหญ่ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 36
ยูทิลิตี้อื่นๆ (ต่อ) 
โปรแกรมป้องกัน 
ไวรัส 
(AntiVirus Program) 
ติดตั้งไว้เพื่อป้องกันและ 
แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ 
โปรแกรมประสงค์ร้าย 
ต้องอัพเดทข้อมูลใหม่อยู่ 
เสมอเพื่อให้รู้จักและหา 
ทางยั้บยั้งไวรัสใหม่ๆที่ 
เกิดขึ้นทุกวัน 
ควรติดตั้งไว้ในเครื่องทุก 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 37
ยูทิลิตี้อื่นๆ (ต่อ) 
โปรแกรมไฟร์วอลล์ 
(Personal Firewall) 
ป้องกันการบุกรุกจากผู้ไม่ 
ประสงค์ดี 
สามารถติดตามและตรวจ 
สอบรายการต่างๆของผู้ 
บุกรุกได้ 
เหมาะกับเครื่องที่ต้องการ 
รักษาความปลอดภัยของ 
ข้อมูลเป็นอย่างมาก 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 38
ยูทิลิตี้อื่นๆ (ต่อ) 
โปรแกรมบีบอัดไฟล์ 
(File Compression 
Utility) 
เป็นโปรแกรมที่ทำาหน้าที่ 
บีบอัดไฟล์ให้มีขนาดที่เล็ก 
ลง 
ไฟล์ที่ได้จากการบีบอัด 
ไฟล์บางครั้งนิยมเรียกว่า 
ซิปไฟล์ (Zip Files) 
ยูทิลิตี้ที่นิยมใช้และรู้จัก 
กันเป็นอย่างดี เช่น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 39
ประเภทของซอฟต์แวร์ 
ประยุกต์ 
แบ่งตามลักษณะการผลิตได้เป็น 2 
ประเภท 
ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง (Proprietary 
Software) 
ซอฟต์แวร์ที่หาซื้อได้โดยทั่วไป (Off-the- 
Shelf Software) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 40
ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง 
(Proprietary Software) 
เพราะหน่วยงานไม่สามารถหาซอฟต์แวร์ที่ 
เหมาะสม และมีประสิทธิภาพดีเพียงพอกับความ 
ต้องการได้ 
วิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์ อาจทำาได้ 2 แนวทาง 
คือ 
In-House Developed สร้างและพัฒนาโดยหน่วย 
งานในบริษัทเอง 
Contract หรือ Outsource เป็นการจ้างบุคคล 
ภายคนวามอรู้เกบื้อใงหต้น้ทเกี่ยำาวขกับึ้นคอมมพาวิเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 41
ซอฟต์แวร์ที่หาซื้อได้โดยทั่วไป 
(Off-the-Shelf Software) 
มีบรรจุแพ็คเกจวางขายตามท้องตลาดทั่วไป 
(Off-the-Shelf) โดยสามารถนำาไปติดตั้งและใช้ 
งานได้ทันที 
บางครั้งนิยมเรียกว่า โปรแกรมสำาเร็จรูป 
(Package Software) 
อาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 
โปรแกรมเฉพาะ (Customized Package) 
โปรแกรมมาตรฐาน (Standard Package) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 42
โปรแกรมเฉพาะ 
(Customized Package) 
เป็นโปรแกรมที่ทางองค์กรขอให้ผู้ผลิตทำาการ 
เพิ่มเติมคุณสมบัติบางอย่าง 
หรือปรับปรุงเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ 
งานเฉพาะภายในองค์กรมากขึ้น 
บางครั้งนิยมเรียกว่าเป็น ซอฟต์แวร์ตามคำาสั่ง 
(Tailor-made Software) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 43
โปรแกรมมาตรฐาน 
(Standard Package) 
สามารถใช้ได้กับงานทั่วไป 
มีคุณสมบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน 
ใช้งานง่าย ศึกษาคู่มือและรายละเอียดการ 
ใช้เพียงเล็กน้อย 
ไม่จำาเป็นต้องไปปรับปรุงหรือแก้ไขส่วนของ 
โปรแกรมเพิ่มเติม 
เช่น กลุ่มโปรแกรมสำาเร็จรูปทางด้าน 
Microsoft Office ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 44
ข้อดีของซอฟต์แวร์ที่พัฒนา 
เอง 
สามารถเพิ่มเงื่อนไขและความต้องการต่างๆได้ 
ไม่จำากัด 
สามารถควบคุมซอฟต์แวร์ให้เป็นไปตามที่ 
ต้องการได้ ตลอดระยะเวลา 
การพัฒนานั้น 
มีความยืดหยุ่นในการทำางานได้ดีกว่า เมื่อข้อมูล 
ใดๆมีการเปลี่ยนแปลง 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 45
ข้อเสียของซอฟต์แวร์ที่ 
พัฒนาเอง 
ใช้เวลาในการออกแบบและพัฒนานานมาก เพื่อ 
ให้ได้คุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ 
ทีมงานถูกกดดัน เพราะจะถูกคาดหวังว่าต้องได้ 
คุณสมบัติตรงตามความต้องการทุกประการ 
เสียเวลาดูแลและบำารุงรักษาระบบนั้นๆตามมา 
เสี่ยงต่อความผิดพลาดสูง อาจทำาให้เกิดปัญหา 
ขึ้นมาได้ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 46
ข้อดีของซอฟต์แวร์ที่หาซื้อ 
ได้โดยทั่วไป 
ซื้อได้ในราคาถูก เพราะนำาออกมาจำาหน่าย 
เป็นจำานวนมาก 
ความเสี่ยงในการใช้งานตำ่า และสามารถ 
ศึกษาคุณสมบัติและประสิทธิภาพของ 
โปรแกรมได้โดยตรงจากคู่มือที่มีให้ 
โปรแกรมที่ได้มีคุณภาพดีกว่า เนื่องจากมีผู้ 
ใช้หลายรายทดสอบ 
และแจ้งแก้ไขปัญหาให้กับผู้ผลิตมาเป็นอย่าง 
ดีแล้วค วามรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพวิเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 47
ข้อเสียของซอฟต์แวร์ที่หา 
ซื้อได้โดยทั่วไป 
มีคุณสมบัติบางอย่างที่เกินความจำาเป็น 
ขาดคุณสมบัติบางอย่างที่ต้องการใช้ 
เมื่อต้องการเพิ่มคุณสมบัติต้องจ่ายเงินมากขึ้น 
และในบางโปรแกรมก็ไม่สามารถทำาได้ 
ไม่ยืดหยุ่น จึงไม่เหมาะสมกับงานที่จำาเป็นต้อง 
ปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขระบบบ่อยๆ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 48
ประเภทของซอฟต์แวร์ 
ประยุกต์ 
แบ่งตามกลุ่มการใช้งานได้ 3 กลุ่มดังนี้ 
กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ (Business) 
กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย 
(Graphic and Multimedia) 
กลุ่มสำาหรับการใช้งานบนเว็บและการติดต่อ 
สื่อสาร (Web and Communications) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 49
ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งาน 
ด้านธุรกิจ 
มุ่งเน้นให้ใช้งานเพื่อประโยชน์สำาหรับงานทาง 
ด้านธุรกิจโดยเฉพาะ 
ทำาให้การทำางานมีประสิทธิภาพดีขึ้นมากกว่า 
การใช้แรงงานคน 
ตัวอย่าง เช่น การจัดพิมพ์รายงานเอกสาร นำา 
เสนองาน รวมถึงการบันทึก 
นัดหมายต่างๆ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 50
ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งาน 
ด้านธุรกิจ (ต่อ) 
อาจแบ่งซอฟต์แวร์กลุ่มนี้ออกเป็นประเภท ได้ 
ดังนี้ 
ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำา (Word Processing) 
ซอฟต์แวร์ตารางคำานวณ (Spreadsheet) 
ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล (Database) 
ซอฟต์แวร์นำาเสนองาน (Presentation) 
ซอฟต์แวร์แบบกลุ่ม (Software Suite) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดการโครงการ (Project 
Management) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับงานบัญชี (Accounting) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 51
ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำา 
(Word Processing) 
เป็นกลุ่มของโปรแกรมที่ช่วยในการ 
ประมวลผลคำา 
สามารถจัดการเอกสารต่างๆได้ เช่น 
ขนาดตัวอักษรใหญ่-เล็ก 
หรือรูปแบบตัวอักษร เป็นต้น 
นำาเอารูปภาพมาผนวกเข้ากับ 
เอกสารได้ (คลิปอาร์ตและภาพถ่าย) 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Microsoft Word และ 
Kingsoft Writer เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 52
ซอฟต์แวร์ตารางคำานวณ 
(Spreadsheet) 
กลุ่มของซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับ 
การคำานวณต่างๆ 
นำาเอา ตารางคำานวณ (Spre adshe e t) 
มาใช้ในการทำางาน 
หน่วยที่เล็กที่สุดบริเวณทำางาน 
เรียกว่า เซล 
นิยมใช้กับงานด้านบัญชี 
และรายการคำานวณอื่นๆ 
ตัวอย่าง เช่น Microsoft Excel 
และ OpenOffice Calc เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 53
ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล 
(Database) 
สร้างและรวบรวมข้อมูล 
ให้อยู่เป็นระบบ 
แก้ไขปรับปรุงรายการ 
ข้อมูลต่างๆ เช่น 
การเพิ่มข้อมูล การ 
เปลี่ยนแปลงข้อมูล 
การลบข้อมูล หรือการ 
จัดเรียงข้อมูลให้ 
เป็นไปได้โดยง่าย 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 54
ซอฟต์แวร์นำาเสนองาน 
(Presentation) 
ช่วยในเรื่องของการนำาเสนองานเป็นหลัก 
ใส่ข้อมูลที่เป็นตัวอักษร รูปภาพ ตลอดจนเสียง 
ต่างๆ รวมถึงเทคนิคการนำาเสนอให้มีความ 
สวยงามและน่าสนใจได้ 
การนำาเสนองานบางครั้งนิยม 
เรียกว่า Slide Show 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Microsoft PowerPoint 
และ Oควpามeรู้เnบื้อOงต้นfเfกiี่ยcวกeับ คIอmมพวิpเตrอeร์แsลsะ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 55
ซอฟต์แวร์แบบกลุ่ม (Software 
Suite) 
นำาเอาซอฟต์แวร์หลายตัวมาจำาหน่ายรวม 
กันเป็นกลุ่มเดียว 
ทำาให้การทำางานคล่องตัวและสะดวก 
เนื่องจากจัดกลุ่มซอฟต์แวร์ 
ที่ทำางานใกล้เคียงกันไว้เป็นกลุ่มเดียว 
ราคาจำาหน่ายถูกกว่าการเลือกซื้อ 
ซอฟต์แวร์แต่ละตัวมาใช้ 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Microsoft Office 
และ Adobe CS เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 56
ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดการ 
โครงการ 
(Project Management) 
ใช้กับการวิเคราะห์และ 
วางแผนโครงการเป็น 
หลัก 
จัดการเกี่ยวกับกิจกรรม 
งาน (Schedule) ติดตาม 
งาน วิเคราะห์และหา 
ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ 
ของโครงการได้ง่ายขึ้น 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Microsoft Project และ 
GanttProject เป็นต้น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 57
ซอฟต์แวร์สำาหรับงานบัญชี 
(Accounting) 
บันทึกข้อมูลและแสดงรายงานทางการเงิน 
ต่าง ๆ 
ออกรายงานงบกำาไรขาดทุน งบดุล รวมถึง 
รายงานซื้อ-ขายได้ 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Intuit QuickBooks 
และ Peachtree เป็นต้น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 58
ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งาน 
ด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย 
เพื่อช่วยสำาหรับจัดการงานด้านกราฟิกและ 
มัลติมีเดียให้ง่ายขึ้น 
มีความสามารถเสมือนเป็นผู้ช่วยในการ 
ออกแบบงาน 
มีความสามารถหลากหลาย เช่น ตกแต่งภาพ 
วาดรูป ปรับเสียง 
ตัดต่อภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการสร้างและ 
ออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 59
ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งาน 
ด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย (ต่อ) 
ซอฟต์แวร์กลุ่ม สามารถแบ่งออกเป็นประเภท 
ย่อยๆได้ดังนี้ 
ซอฟต์แวร์สำาหรับงานออกแบบ (CAD : 
Computer Aided Design) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับสิ่งพิมพ์ (Desktop Publishing) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับตกแต่งภาพ (Paint/Image 
Editing) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับการตัดต่อวิดีโอและเสียง 
(Video and Audio Editing) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับสร้างสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 60
ซอฟต์แวร์สำาหรับงานออกแบบ 
(CAD : Computer Aided 
Design) 
ช่วยสำาหรับการ 
ออกแบบแผนผัง 
การออกแบบและ 
ตกแต่งบ้าน 
รวมถึงการจัดองค์ประ 
กอบอื่นๆ 
เหมาะสำาหรับงาน 
ด้านวิศวกรรม 
สถาปัตยกรรม หรือ 
งานด้านวิทยาศาสตร์ 
และเทคโนโลยี 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 61
ซอฟต์แวร์สำาหรับสิ่งพิมพ์ 
(Desktop Publishing) 
สำาหรับการจัดการกับ 
สิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือ 
วารสาร หนังสือพิมพ์ 
โบรชัวร์ แผ่นพับ และ 
โลโก้ 
เหมาะกับหน่วยงานที่ 
เกี่ยวข้องกับ 
สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น สำานัก 
พิมพ์ โรงพิมพ์ หรือ 
บริษัทออกแบบกราฟิก 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 62
ซอฟต์แวร์สำาหรับตกแต่งภาพ 
(Paint/Image Editing) 
สำาหรับการสร้างและจัดการรูปภาพ การจัด 
องค์ประกอบแสง-สีของภาพ 
รวมถึงการวาดภาพลายเส้น 
เหมาะสำาหรับออกแบบงานกราฟิก 
เช่น งานพาณิชย์ศิลป์ 
ออกแบบและตกแต่งสินค้า 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Adobe Illustrator และ 
Adobe คPวาhมรoู้เบtื้อoงตs้นhเกoี่ยวpกับ คเอปม็พนวิเตตอ้นร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 63
ซอฟต์แวร์สำาหรับการตัดต่อ 
วิดีโอและเสียง 
(Video and Audio Editing) 
ใช้จัดการกับข้อมูลเสียง 
เช่น ผสมเสียง 
แก้ไขเสียง สร้างเอฟเฟ็คต์ 
หรือเสียงใหม่ๆ 
เหมาะสำาหรับใช้กับงาน 
วงการตัดต่อภาพยนตร์ 
โทรทัศน์ สตูดิโอบันทึกเสียง 
หรืองานบนอินเทอร์เน็ตบาง 
ชนิด 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 64
ซอฟต์แวร์สำาหรับสร้างสื่อ 
มัลติมีเดีย 
(Multimedia Authoring) 
ซอฟต์แวร์ที่ผนวกเอาสื่อหลายชนิด 
(Multimedia) มาประกอบกัน 
เพื่อให้การนำาเสนองานมีความน่าสนใจ 
สามารถสร้างชิ้นงานประเภท 
สื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ (Interractive) 
เช่น บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Toolbook Instructor, 
Adobe Authorware และ Adobe Director 
เป็นต้น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 65
ซอฟต์แวร์สำาหรับสร้างเว็บ 
(Web Page Authoring) 
สามารถจัดการและออกแบบเว็บไซต์ได้โดย 
ง่าย 
สามารถแทรกข้อมูลประเภทเสียง ข้อความ 
รูปภาพเคลื่อนไหว เพื่อนำาเสนอบนเว็บไซต์ได้ 
เป็นอย่างดี 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Adobe Dreamweaver 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 66
ซอฟต์แวร์การใช้งานบนเว็บ 
และการสื่อสาร 
เน้นเฉพาะการใช้งานด้านเครือข่าย 
อินเทอร์เน็ต 
ส่วนใหญ่ใช้สำาหรับการติดต่อสื่อสาร แลก 
เปลี่ยนข้อมูล 
เกิดขึ้นมาเป็นจำานวนมาก และพัฒนาออกมา 
หลายโปรแกรม หลายเวอร์ชั่น เนื่องจากการใช้ 
งานอินเทอร์เน็ตขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 67
ซอฟต์แวร์การใช้งานบนเว็บและ 
การสื่อสาร (ต่อ) 
กลุ่มของโปรแกรมประเภทนี้ เช่น 
ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดการอีเมล์ (Electronic Mail 
Software) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับท่องเว็บ (Web Browser) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดประชุมทางไกล (Video 
Conference) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับถ่ายโอนไฟล์ (File Transfer) 
ซอฟต์แวร์ประเภทส่งข้อความด่วน (Instant 
Messaging) 
ซอฟต์แวร์สำาหรับสนทนาบนอินเทอร์เน็ต 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 68
ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดการอีเมล์ 
(Electronic Mail Software) 
กลุ่มของซอฟต์แวร์ที่ใช้สำาหรับการส่ง 
อีเมล์ 
สามารถตรวจรับจดหมายเข้า ส่งจดหมาย 
ออก หรือสำาเนาจดหมายได้ 
นอกจากนั้นยังแทรกรูปภาพ 
หรือไฟล์ เพื่อส่งแนบไปกับ 
จดหมายได้ 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Microควsาoมรfู้เบtื้อ งOต้นuเกtี่ยlวoกับoคอkม พวิเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 69
ซอฟต์แวร์สำาหรับท่องเว็บ 
(Web Browser) 
มักเรียกย่อๆว่า บราวเซอร์ (Browse r) 
เป็นโปรแกรมหลักสำาหรับเรียกดูข้อมูลบน 
เว็บไซต์ที่เผยแพร่อยู่ในอินเทอร์เน็ต 
มีคุณสมบัติสำาหรับรับชมเว็บเพจ 
ได้ดี เช่น แสดงผลได้หลายภาษา 
ชมเว็บเพจแบบออฟไลน์ หรือ 
ทำางานร่วมกับโปรแกรมเสริมได้ 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Microsoft 
Internet Explorer, Mozilla 
Firefox และ Google Chrome ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 70
ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดประชุมทาง 
ไกล 
(Video Conference) 
สำาหรับการประชุมแบบ 
ทางไกลโดยเฉพาะ 
ทำาให้ข้อมูลที่เป็นทั้งภาพ 
เคลื่อนไหวและเสียงที่ใช้ 
ในการประชุม สามารถ 
ถ่ายทอดออกไปในระยะ 
ไกลได้ 
แชร์ไฟล์ให้ผู้เข้าร่วม 
ประชุมได้สะดวก 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 71
ซอฟต์แวร์สำาหรับถ่ายโอนไฟล์ 
(File Transfer) 
นำามาใช้ในการถ่าย 
โอนไฟล์ข้อมูล 
(File Transfer) บน 
อินเทอร์เน็ต 
เหมาะสำาหรับนักพัฒนา 
เว็บไซต์และ 
ผู้ดูแลเว็บไซต์ เพื่อส่ง 
ข้อมูลขึ้นไปเก็บไว้ 
บนอินเทอร์เน็ต 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Cute_FTP และ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 72
ซอฟต์แวร์ประเภทส่งข้อความ 
ด่วน 
(Instant Messaging) 
ผู้รับและผู้ส่งสามารถเปิด 
การเชื่อมต่อโปรแกรม และส่ง 
ข้อความหรือไฟล์ถึงกันได้ 
ทันที 
สนทนาได้ทั้งแบบส่วนตัว 
และแบบกลุ่ม 
สามารถส่งไฟล์ โทรด้วย 
เสียงและวิดีโอได้ 
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น 
Skype, Line และ WeChat 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 73
ภาษาคอมพิวเตอร์ 
เป็นเสมือน “ล่ามแปลภาษา” 
แบ่งออกได้หลายระดับ 
หากใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ จะอยู่กลุ่ม 
ระดับตำ่า 
หากใกล้เคียงกับมนุษย์ จะอยู่กลุ่มระดับสูง 
น า ง ส า ว ก . ล่า ม แ ป ล ภ า ษ า น า ง ส า ว ข . 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 74
ยุคของภาษาคอมพิวเตอร์ 
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (First 
Generation Language) 
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (Second 
Generation Language) 
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (Third 
Generation Language) 
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (Fourth 
Generation Language) 
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 (Fifth 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 75
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 
(First Generation Language) 
การทำางานใช้ ภาษาระดับตำ่า (Low-Le ve l 
Lang uag e ) 
เช่น ภาษาเครื่อง (Machine Lang uag e ) ที่ 
ประกอบด้วยตัวเลขเฉพาะ 
0 และ 1 เท่านั้น 
เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำาความเข้าใจได้ 
ทันที 
การเขียนโปรแกรมค่อนข้างยุ่งยากและไม่ 
สะดวกความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 76
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 
(Second Generation 
Language) 
เอาสัญลักษณ์ (Symbol) มาแทนรูปแบบของ 
ตัวเลขในภาษาเครื่อง 
ภาษาที่ใช้คือ ภาษาแอสแซมบลี (Assembly 
Lang uag e ) ซึ่งได้นำาเอาคำาย่อ รวมถึงสัญลักษณ์ 
ต่างๆมาใช้แทนตัวเลข 0 กับ 1 
เป็นกลุ่มภาษาระดับตำ่าเช่นเดียวกับภาษาเครื่อง 
เพราะการทำางานยังใกล้เคียงกับภาษาของ 
คอมพิวเตอร์ 
มีตัวช่ควาวมยรู้เบื้แปองต้นลเกี่ยภาวกับษาคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เรียกว่า แอสแซมเบลอร์ 
77 
(Assemble r) เพื่อเป็นตัวกลางแปลภาษาให้
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 
(Third Generation Language) 
พัฒนาให้มีรูปแบบใกล้เคียงกับภาษาของมนุษย์ 
เรียกว่า 
ภาษาระดับสูง (High-Le ve l Lang uag e ) 
มีกลุ่มคำาภาษาอังกฤษที่เข้าใจง่ายขึ้น 
เป็นภาษาเชิงกระบวนการหรือ Procedural 
Language ทำางานเป็นขั้นตอน 
เรียงตามลำาดับคำาสั่งที่เขียน 
เขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนได้มากขึ้น แต่ก็ยังยุ่ง 
ยากอคยู่วาบ้ามรู้เบื้อง 
งต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 78
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 
(Fourth Generation 
Language) 
ช่วยเหลือการเขียนโปรแกรมได้มาก 
โดยใช้ ภาษาระดับสูงมาก (Ve ry-High Le ve l 
Lang uag e ) 
อาศัยหลักการแบบ Non-Procedural Language 
เขียนโปรแกรมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น 
โปรแกรมที่พัฒนาได้นั้นมีความสมบูรณ์และ 
สวยงามมากขึ้น 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 79
ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 
(Fifth Generation Language) 
เป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาของ 
มนุษย์มากที่สุดหรือที่เรียกว่า 
ภาษาธรรมชาติ (Natural Lang uag e ) 
ทำางานโดยอาศัยระบบฐานความรู้ 
(Knowledge Base System) 
เพื่อช่วยในการแปลความหมายของคำา 
สั่ง 
นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับ 
สาขาปัญญาประดิษฐ์ 
(AI : Artificial Intelligence) 
ตัวอย่างเช่น การพัฒนาความรู้และการ 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 80
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ 
เป็นตัวกลางในการแปลความหมาย หรือ 
ภาษาของชุดคำาสั่งที่มนุษย์เขียน 
ให้อยู่ในรูปแบบของภาษาที่คอมพิวเตอร์จะ 
เข้าใจได้ 
แปลงซอร์สโค้ด (So urce Co de ) ให้เป็น รหัส 
คำาสั่ง (Obje ct Co de ) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 81
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ 
(ต่อ) 
แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ 
แอสแซมเบลอร์ (Assemblers) 
อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreters) 
คอมไพเลอร์ (Compilers) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 82
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ 
(ต่อ) 
แอสแซมเบลอร์ (Assemblers) 
ตัวแปลภาษาของภาษาแอสแซมบลี 
แปลความหมายสัญลักษณ์ชุดคำาสั่งให้เป็นภาษา 
เครื่อง 
ใช้งานร่วมกับการเขียนโปรแกรมของภาษาระดับ 
ตำ่า (Low-Level Language) 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 83
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ 
(ต่อ) 
อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreters) 
สำาหรับการเขียนโปรแกรมในภาษาระดับสูง 
(High-Level Language) 
แปลความหมายของชุดคำาสั่งทีละบรรทัดคำาสั่ง 
เหมาะสำาหรับการเขียนโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 84
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ 
(ต่อ) 
คอมไพเลอร์ (Compilers) 
ใช้กับการทำางานในภาษาระดับสูง 
(High-Level Language) 
แปลความหมายของชุดคำาสั่งที่เขียน 
ทั้งหมดในคราวเดียวกัน 
เป็นชุดของรหัสคำาสั่งเก็บไว้ใช้เมื่อ 
ต้องการ 
ไม่ต้องเสียเวลาไปแปลชุดคำาสั่งซำ้าอีก 
เหมาะกับการเขียนโปรแกรมขนาดใหญ่ 
และซับซ้อน ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ 
เทคโนโลยีสารสนเทศ 85

More Related Content

PDF
Ch03 handout
PDF
Work3 48
PDF
องค์ประกอบด้านซอฟต์แวร์
DOCX
โครงงานคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ความรู้ออนไลน์
PPTX
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ซอฟต์แวร์และการเลือกใช้
PDF
Work3-ศวิตา40
PPT
ซอร์ฟแวร์และการเลือกใช้งาน
PPTX
เอกสารประกอบการสอน ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์
Ch03 handout
Work3 48
องค์ประกอบด้านซอฟต์แวร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ความรู้ออนไลน์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ซอฟต์แวร์และการเลือกใช้
Work3-ศวิตา40
ซอร์ฟแวร์และการเลือกใช้งาน
เอกสารประกอบการสอน ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์

What's hot (19)

PDF
โครงงาน
PDF
องค์ประกอบด้านซอฟต์แวร์ (1)
PDF
System computer
PPTX
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ซอฟต์แวร์และการเลือกใช้
PPTX
ซอพต์แวร์(Software)
PDF
Learnning 04
DOCX
ความหมายเรื่องซอฟต์แวร์
PDF
สื่อการสอนเรื่อง ซอฟต์แวร์ประยุกต์
PPT
Computer
PPT
Chapter6 software
PDF
Software
DOC
PDF
PDF
software
PDF
ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์
PDF
ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์
PDF
ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์
PDF
เทคโนโลยีสารสนเทศ 1
โครงงาน
องค์ประกอบด้านซอฟต์แวร์ (1)
System computer
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ซอฟต์แวร์และการเลือกใช้
ซอพต์แวร์(Software)
Learnning 04
ความหมายเรื่องซอฟต์แวร์
สื่อการสอนเรื่อง ซอฟต์แวร์ประยุกต์
Computer
Chapter6 software
Software
software
ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์
ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์
ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์
เทคโนโลยีสารสนเทศ 1
Ad

Viewers also liked (17)

PDF
Linux fundamentals commands
PDF
linux os-basics,Devops training in Hyderabad
PPT
Linux training
PPT
8.1.intro unix
PDF
Linux Fundamental
PPT
intro unix/linux 03
PPTX
Linux fundamentals
PPT
Linux fundamentals Training
PPTX
Red hat linux essentials
ODP
What is Ubuntu - presentation
PPT
Linux Operating System Vulnerabilities
PPT
Ubuntu-Overview
PDF
Ubuntu – Linux Useful Commands
PDF
Lesson 2 Understanding Linux File System
PDF
Ubuntu OS Presentation
PDF
Lesson 1 Linux System Fundamentals
PDF
Introduction to Ubuntu
Linux fundamentals commands
linux os-basics,Devops training in Hyderabad
Linux training
8.1.intro unix
Linux Fundamental
intro unix/linux 03
Linux fundamentals
Linux fundamentals Training
Red hat linux essentials
What is Ubuntu - presentation
Linux Operating System Vulnerabilities
Ubuntu-Overview
Ubuntu – Linux Useful Commands
Lesson 2 Understanding Linux File System
Ubuntu OS Presentation
Lesson 1 Linux System Fundamentals
Introduction to Ubuntu
Ad

Similar to Ch04 slide (20)

PDF
(บทที่ 2)
DOC
PDF
Chapter1 Intro to Computer System
PPT
บทที่ 1
PPT
คอมพิวเตอร์เบื้อนต้น
PPT
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
PPT
PPT
คอมพิวเตอร์
PPT
คอมพิวเตอร์
PPT
Intro computer
PPT
Week01
PPT
Week02
PPT
Week02
PPT
PPT
ความรู้เบื้องต้น3
PPT
คอมพิวเตอร์
PPT
PPT
Week01
(บทที่ 2)
Chapter1 Intro to Computer System
บทที่ 1
คอมพิวเตอร์เบื้อนต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์
Intro computer
Week01
Week02
Week02
ความรู้เบื้องต้น3
คอมพิวเตอร์
Week01

Ch04 slide

  • 2. บทที่ 4 ซอฟต์แวร์และภาษา คอมพิวเตอร์ องค์ประกอบด้านซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 2
  • 3. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) เกี่ยวข้องกับการควบคุมการทำางานที่ใกล้ชิด กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากที่สุด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ระบบปฏิบัติการ (Operating Systems) โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Programs) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 3
  • 4. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เฉพาะด้านเท่านั้น แบ่งออกตามเกณฑ์ที่ใช้แบ่งได้ดังนี้ แบ่งตามลักษณะการผลิต ได้ 2 ประเภทคือ ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้เองโดยเฉพาะ ซอฟต์แวร์ที่หาซื้อได้โดยทั่วไป แบ่งตามกลุ่มการใช้งาน ได้ 3 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย กลุ่มใช้งานบนเว็บและการติดต่อสื่อสาร ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 4
  • 5. การจัดหาซอฟต์แวร์มาใช้ งาน แบบสำาเร็จรูป (Package Software) แบบว่าจ้าง (Custom Software) แบบทดลองใช้ (Shareware) แบบใช้งานฟรี (Freeware) แบบโอเพ่นซอร์ส (Public-Domain/Open Source) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 5
  • 6. แบบสำาเร็จรูป (Package Software) หาซื้อได้กับตัวแทนจำาหน่ายซอฟต์แวร์ที่ได้รับ การแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง นำาไปติดตั้งเพื่อการใช้งานได้โดยทันที โดยมี บรรจุภัณฑ์และเอกสาร คู่มือการใช้งานไว้แล้ว อาจเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตเพื่อซื้อได้ เช่นกัน ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 6
  • 7. แบบว่าจ้าง (Custom Software) เหมาะกับลักษณะงานที่เป็น แบบเฉพาะ จำาเป็นต้องผลิตขึ้นมาใช้เอง หรือว่าจ้างให้ทำา อาจมีค่าใช้จ่ายที่แพงพอ สมควร ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 7
  • 8. แบบทดลองใช้ (Shareware) ลูกค้าสามารถทดสอบการใช้งานของ โปรแกรมก่อนได้ฟรี ผู้ผลิตจะกำาหนดระยะเวลาของการใช้งาน หรือเงื่อนไขอื่น เช่น ใช้ได้ภายใน 30 วัน หรือใช้ได้แต่ปรับลด คุณสมบัติบางอย่างลง อาจดาวน์โหลดได้จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 8
  • 9. แบบใช้งานฟรี (Freeware) สามารถดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ตได้ ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมขนาดเล็กและใช้เวลา เพียงไม่กี่นาทีในการดาวน์โหลด ให้ใช้งานได้ฟรี แต่ไม่สามารถนำาไปพัฒนาต่อ หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ลิขสิทธิ์เป็นของบริษัทหรือทีมงานผู้ผลิต ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 9
  • 10. แบบโอเพ่นซอร์ส (Public-Domain/Open Source) Open Source เป็นซอฟต์แวร์ที่มีการเปิดให้ แก้ไขปรับปรุง ตัวโปรแกรมต่างๆได้ นำาเอาโค้ดโปรแกรมไปพัฒนาและประยุกต์ ใช้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำาหนด มีนักพัฒนาจากทั่วโลก ช่วยกันเขียนโค้ดและ นำาไปแจกจ่ายต่อ ประหยัดเงินและค่าใช้จ่าย การพัฒนาโปรแกรมทำาได้เร็วขึ้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 10
  • 11. ระบบปฏิบัติการ (Operating Systems) ใช้สำาหรับการควบคุมและประสานงานอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยเฉพาะกับส่วนนำาเข้าและส่งออกผลลัพธ์ (I/O Device) บางครั้งเรียกว่า แพลตฟอร์ม (Platform) คอมพิวเตอร์จะทำางานได้จำาเป็นต้องมีระบบ ปฏิบัติการติดตั้งอยู่ในเครื่องเสียก่อน ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 11
  • 12. คุณสมบัติในการทำางาน การทำางานแบบ Multi-Tasking ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 12
  • 13. คุณสมบัติในการทำางาน (ต่อ) การทำางานแบบ Multi-User ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 13
  • 14. ประเภทของระบบปฏิบัติการ อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (Stand-Alone OS) ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (Network OS) ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (Embedded OS) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 14
  • 15. ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (Stand-Alone OS) มุ่งเน้นและให้บริการสำาหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว (เจ้าของเครื่องนั้นๆ) นิยมใช้สำาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประมวล ผลและทำางานแบบทั่วไป เช่น เครื่อง คอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสำานักงาน รองรับการทำางานบางอย่าง เช่น พิมพ์รายงาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือเชื่อมต่อ เข้ากับอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ปัจจุบันสามารถเป็นเครื่องลูกข่ายเพื่อขอรับ บริการจากเครื่องแม่ข่ายได้ด้วย ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 15
  • 16. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (Network OS) มุ่งเน้นและให้บริการสำาหรับผู้ใช้หลายๆคน (Multi-User) นิยมใช้สำาหรับงานให้บริการและประมวลผล ข้อมูลสำาหรับเครือข่ายโดยเฉพาะ มักพบเห็นได้กับการนำาไปใช้ในองค์กรธุรกิจ ทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ เหล่านี้จะเรียกว่า เครื่องควเาซมริรู้เบื้อ์ฟงตเ้นวเกอี่ยวรกับ์ ค(อSมพeวิrเตvอรe์แลrะ) หรือเครื่องแม่ข่าย เทคโนโลยีสารสนเทศ 16
  • 17. ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (Embedded OS) พบเห็นได้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาด เล็ก เช่น Smart Phone, Tablet รวมถึง Smart Devices ต่างๆ (แว่นตา/นาฬิกาอัจฉริยะ เป็นต้น) สนับสนุนการทำางานแบบเคลื่อนที่ได้เป็นอย่าง ดี มีคุณสมบัติหลายอย่างใกล้เคียงกับระบบ ปฏิบัติการแบบเดี่ยว เช่น ดูหนัง ฟังเพความรู้เบื้องต้นลเกงี่ยว กหับครอมือพเวิชเตออื่ร์แมละต่ออินเทอร์เน็ตได้ เทคโนโลยีสารสนเทศ 17
  • 18. ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (Stand-Alone OS) DOS (Disk Operating System) พัฒนาขึ้นเมื่อประมาณปี 1980 ใช้สำาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลเป็นหลัก ป้อนชุดคำาสั่งที่เรียกว่า Command-Line ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 18
  • 19. ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (ต่อ) Windows ส่วนประสานงานกับ ผู้ใช้แบบ GUI (Graphical User Interface) ใช้งานได้ง่าย ผู้ใช้ ไม่ต้องจดจำาคำาสั่ง ให้ยุ่งยาก แบ่งงานออกเป็น ส่วนๆที่เรียกว่า หน้าต่างงาน หรือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 19
  • 20. ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (ต่อ) Mac OS X ใช้กับเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ผลิตขึ้น โดยบริษัทแอปเปิ้ล เท่านั้น ทำางานด้านกราฟิกและ สิ่งพิมพ์ได้ดี มีระบบสนับสนุนแบบ GUI เช่นเดียวกับระบบ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพวิเตอร์และ ปฏบิัติการ Windows เทคโนโลยีสารสนเทศ 20
  • 21. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (Network OS) Windows Server ออกแบบมาเพื่อใช้งาน กับระบบเครือข่ายโดย เฉพาะ เดิมมีชื่อว่า Windows NT รองรับกับการใช้งานใน ระดับองค์กร ขนาดเล็กและขนาด กลาง พัฒนาโดย บริษัทไมโครซอฟท์ เหมาะกับการติดตั้งและ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 21
  • 22. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (ต่อ) Unix ผู้ใช้ต้องมีความรู้ทาง ด้านคอมพิวเตอร์พอ สมควร รองรับกับการทำางาน ของผู้ใช้ได้ หลายๆคนพร้อมกัน (Multi-User) มีการพัฒนาระบบที่ สนับสนุนให้ใช้งานได้ ทั้งแบบเดี่ยวและแบบ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 22
  • 23. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (ต่อ) Linux พัฒนามาจากระบบ Unix ใช้โค้ดที่เขียนประเภท โอเพ่นซอร์ส (Open Source) มีการผลิตออกมาหลาย ชื่อเรียก แตกต่างกันไป มีทั้งแบบที่ใช้สำาหรับ งานแบบเดี่ยว ตามบ้าน และแบบที่ใช้ สำาหรับงานควบคุมเครือ ข่ายเช่นเดียวกับระบบ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 23
  • 24. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (ต่อ) OS/2 Warp Server พัฒนาโดยบริษัท IBM ใช้เป็นระบบเพื่อควบคุม เครื่อง แม่ข่ายหรือ Server เช่น เดียวกัน 24 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ
  • 25. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (ต่อ) Solaris ทำางานคล้ายกับระบบ ปฏิบัติการแบบ Unix (Unix compatible) ผลิตโดยบริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 25
  • 26. ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (Embedded OS) iOS ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครื่อง iPhone, iPad และ iPod Touch เป็นระบบปฏิบัติการแบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่อง Mac มีซอฟต์แวร์เฉพาะหรือแอพพลิเคชั่น (App) รองรับการใช้งานด้านต่างๆ ดาวน์โหลดแอพได้ที่ App Store ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 26
  • 27. ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (ต่อ) Android พัฒนาโดยบริษัท Google ผู้นำาด้าน Search Engine มีแอพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น สื่อสาร ออนไลน์ จัดการงานเอกสาร โปรแกรมนำาทาง หรือแอพด้านบันเทิง เป็นต้น ดาวน์โหลดแอพได้ที่ Google Play Store ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 27
  • 28. ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (ต่อ) Windows Phone พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ เป็นลักษณะที่ย่อขนาดของระบบปฏิบัติการ Windows ให้กะทัดรัดต่อการใช้งานบนสมาร์ทโฟนมากขึ้น (Scaled-Down Version) ดาวน์โหลดแอพได้ที่ Windows Phone Store ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 28
  • 29. โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Program) โปรแกรมอรรถประโยชน์ หรือโปรแกรม ยูทิลิตี้ (Utility Program) ส่วนใหญ่จะมีขนาดของไฟล์ที่เล็กกว่าระบบ ปฏิบัติการ มีคุณสมบัติในการใช้งานค่อนข้างหลาก หลายหรือใช้งานได้แบบอรรถประโยชน์ นิยมเรียกสั้นๆว่า ยูทิลิตี้ (Utility) แบ่งได้เป็น 2 ชนิดหลักๆคือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 29 ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ (OS Utility Programs)
  • 30. ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ (OS Utility Programs) มีหลายโปรแกรม เช่น ประเภทการจัดการไฟล์ (File Manager) ประเภทการลบทิ้งโปรแกรม (Uninstaller) ประเภทการสแกนดิสก์ (Disk Scanner) ประเภทการจัดเรียงพื้นที่เก็บข้อมูล (Disk Defragmenter) ประเภทรักษาหน้าจอ (Screen Saver) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 30
  • 31. ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ ประเภทการจัดการไฟล์ (File Manager) มีหน้าที่หลักในการจัดการ เกี่ยวกับไฟล์ต่างๆ เช่น การ คัดลอก การเปลี่ยนชื่อ การ ลบและย้ายไฟล์ เป็นต้น ระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นใหม่ๆยังได้เพิ่มคุณสมบัติ ที่เรียกว่า Image Viewer เพื่อ นำามาปรับใช้กับไฟล์รูปภาพ ได้ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 31 (ต่อ)
  • 32. ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ ประเภทการลบทิ้งโปรแกรม (Uninstaller) ลบหรือกำาจัดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ออกไปจากระบบ ทำาให้พื้นที่เก็บข้อมูลมีเหลือเพิ่มมากขึ้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 32 (ต่อ)
  • 33. ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ ประเภทการสแกนดิสก์ (Disk Scanner) สแกนหาข้อผิดพลาดต่างๆ พร้อมทั้งหาทางแก้ปัญหาใน ดิสก์ ประยุกต์ใช้เพื่อสแกนหา ไฟล์ที่ไม่ต้องการใช้งาน (Unnecessary Files) เมื่อใช้ คอมพิวเตอร์ไปได้ในระยะ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพวิเตอร์แลหะ นงึ่ เทคโนโลยีสารสนเทศ 33 (ต่อ)
  • 34. ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ ประเภทการจัดเรียง พื้นที่เก็บข้อมูล (Disk Defragmenter) ช่วยในการจัดเรียงไฟล์ ข้อมูลให้เป็นระเบียบ และ เป็นกลุ่มเป็นก้อน เมื่อต้องการใช้งานไฟล์ ข้อมูลในภายหลัง จะเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย และ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพวิเตอร์และ รวดเร็วกว่าเดิม เทคโนโลยีสารสนเทศ 34 (ต่อ)
  • 35. ยูทิลิตี้สำาหรับระบบปฏิบัติการ ประเภทรักษาหน้าจอ (Screen Saver) ช่วยถนอมอายุการใช้งาน ของจอคอมพิวเตอร์ให้ ยาวนานมากขึ้น ใช้ภาพเคลื่อนไหวไปมา และเลือกลวดลายหรือภาพ ได้ด้วยตนเอง อาจพบเห็นกับการตั้งค่า รหัสผ่านของโปรแกรม รักษาหน้าจอเอาไว้ได้ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 35 (ต่อ)
  • 36. ยูทิลิตี้อื่นๆ (Stand-Alone Utility Programs) เป็นยูทิลิตี้ที่ทำางานด้านอื่นโดยเฉพาะ ไม่ เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ มีทั้งที่แจกให้ใช้ฟรี และแบบเสียเงิน มีให้เลือกใช้มากมาย รองรับการทำางานได้ หลากหลายด้าน ใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กถึง ขนาดใหญ่ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 36
  • 37. ยูทิลิตี้อื่นๆ (ต่อ) โปรแกรมป้องกัน ไวรัส (AntiVirus Program) ติดตั้งไว้เพื่อป้องกันและ แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ โปรแกรมประสงค์ร้าย ต้องอัพเดทข้อมูลใหม่อยู่ เสมอเพื่อให้รู้จักและหา ทางยั้บยั้งไวรัสใหม่ๆที่ เกิดขึ้นทุกวัน ควรติดตั้งไว้ในเครื่องทุก ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 37
  • 38. ยูทิลิตี้อื่นๆ (ต่อ) โปรแกรมไฟร์วอลล์ (Personal Firewall) ป้องกันการบุกรุกจากผู้ไม่ ประสงค์ดี สามารถติดตามและตรวจ สอบรายการต่างๆของผู้ บุกรุกได้ เหมาะกับเครื่องที่ต้องการ รักษาความปลอดภัยของ ข้อมูลเป็นอย่างมาก ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 38
  • 39. ยูทิลิตี้อื่นๆ (ต่อ) โปรแกรมบีบอัดไฟล์ (File Compression Utility) เป็นโปรแกรมที่ทำาหน้าที่ บีบอัดไฟล์ให้มีขนาดที่เล็ก ลง ไฟล์ที่ได้จากการบีบอัด ไฟล์บางครั้งนิยมเรียกว่า ซิปไฟล์ (Zip Files) ยูทิลิตี้ที่นิยมใช้และรู้จัก กันเป็นอย่างดี เช่น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 39
  • 40. ประเภทของซอฟต์แวร์ ประยุกต์ แบ่งตามลักษณะการผลิตได้เป็น 2 ประเภท ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง (Proprietary Software) ซอฟต์แวร์ที่หาซื้อได้โดยทั่วไป (Off-the- Shelf Software) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 40
  • 41. ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง (Proprietary Software) เพราะหน่วยงานไม่สามารถหาซอฟต์แวร์ที่ เหมาะสม และมีประสิทธิภาพดีเพียงพอกับความ ต้องการได้ วิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์ อาจทำาได้ 2 แนวทาง คือ In-House Developed สร้างและพัฒนาโดยหน่วย งานในบริษัทเอง Contract หรือ Outsource เป็นการจ้างบุคคล ภายคนวามอรู้เกบื้อใงหต้น้ทเกี่ยำาวขกับึ้นคอมมพาวิเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 41
  • 42. ซอฟต์แวร์ที่หาซื้อได้โดยทั่วไป (Off-the-Shelf Software) มีบรรจุแพ็คเกจวางขายตามท้องตลาดทั่วไป (Off-the-Shelf) โดยสามารถนำาไปติดตั้งและใช้ งานได้ทันที บางครั้งนิยมเรียกว่า โปรแกรมสำาเร็จรูป (Package Software) อาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ โปรแกรมเฉพาะ (Customized Package) โปรแกรมมาตรฐาน (Standard Package) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 42
  • 43. โปรแกรมเฉพาะ (Customized Package) เป็นโปรแกรมที่ทางองค์กรขอให้ผู้ผลิตทำาการ เพิ่มเติมคุณสมบัติบางอย่าง หรือปรับปรุงเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ งานเฉพาะภายในองค์กรมากขึ้น บางครั้งนิยมเรียกว่าเป็น ซอฟต์แวร์ตามคำาสั่ง (Tailor-made Software) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 43
  • 44. โปรแกรมมาตรฐาน (Standard Package) สามารถใช้ได้กับงานทั่วไป มีคุณสมบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ใช้งานง่าย ศึกษาคู่มือและรายละเอียดการ ใช้เพียงเล็กน้อย ไม่จำาเป็นต้องไปปรับปรุงหรือแก้ไขส่วนของ โปรแกรมเพิ่มเติม เช่น กลุ่มโปรแกรมสำาเร็จรูปทางด้าน Microsoft Office ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 44
  • 45. ข้อดีของซอฟต์แวร์ที่พัฒนา เอง สามารถเพิ่มเงื่อนไขและความต้องการต่างๆได้ ไม่จำากัด สามารถควบคุมซอฟต์แวร์ให้เป็นไปตามที่ ต้องการได้ ตลอดระยะเวลา การพัฒนานั้น มีความยืดหยุ่นในการทำางานได้ดีกว่า เมื่อข้อมูล ใดๆมีการเปลี่ยนแปลง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 45
  • 46. ข้อเสียของซอฟต์แวร์ที่ พัฒนาเอง ใช้เวลาในการออกแบบและพัฒนานานมาก เพื่อ ให้ได้คุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ ทีมงานถูกกดดัน เพราะจะถูกคาดหวังว่าต้องได้ คุณสมบัติตรงตามความต้องการทุกประการ เสียเวลาดูแลและบำารุงรักษาระบบนั้นๆตามมา เสี่ยงต่อความผิดพลาดสูง อาจทำาให้เกิดปัญหา ขึ้นมาได้ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 46
  • 47. ข้อดีของซอฟต์แวร์ที่หาซื้อ ได้โดยทั่วไป ซื้อได้ในราคาถูก เพราะนำาออกมาจำาหน่าย เป็นจำานวนมาก ความเสี่ยงในการใช้งานตำ่า และสามารถ ศึกษาคุณสมบัติและประสิทธิภาพของ โปรแกรมได้โดยตรงจากคู่มือที่มีให้ โปรแกรมที่ได้มีคุณภาพดีกว่า เนื่องจากมีผู้ ใช้หลายรายทดสอบ และแจ้งแก้ไขปัญหาให้กับผู้ผลิตมาเป็นอย่าง ดีแล้วค วามรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพวิเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 47
  • 48. ข้อเสียของซอฟต์แวร์ที่หา ซื้อได้โดยทั่วไป มีคุณสมบัติบางอย่างที่เกินความจำาเป็น ขาดคุณสมบัติบางอย่างที่ต้องการใช้ เมื่อต้องการเพิ่มคุณสมบัติต้องจ่ายเงินมากขึ้น และในบางโปรแกรมก็ไม่สามารถทำาได้ ไม่ยืดหยุ่น จึงไม่เหมาะสมกับงานที่จำาเป็นต้อง ปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขระบบบ่อยๆ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 48
  • 49. ประเภทของซอฟต์แวร์ ประยุกต์ แบ่งตามกลุ่มการใช้งานได้ 3 กลุ่มดังนี้ กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ (Business) กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย (Graphic and Multimedia) กลุ่มสำาหรับการใช้งานบนเว็บและการติดต่อ สื่อสาร (Web and Communications) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 49
  • 50. ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งาน ด้านธุรกิจ มุ่งเน้นให้ใช้งานเพื่อประโยชน์สำาหรับงานทาง ด้านธุรกิจโดยเฉพาะ ทำาให้การทำางานมีประสิทธิภาพดีขึ้นมากกว่า การใช้แรงงานคน ตัวอย่าง เช่น การจัดพิมพ์รายงานเอกสาร นำา เสนองาน รวมถึงการบันทึก นัดหมายต่างๆ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 50
  • 51. ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งาน ด้านธุรกิจ (ต่อ) อาจแบ่งซอฟต์แวร์กลุ่มนี้ออกเป็นประเภท ได้ ดังนี้ ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำา (Word Processing) ซอฟต์แวร์ตารางคำานวณ (Spreadsheet) ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล (Database) ซอฟต์แวร์นำาเสนองาน (Presentation) ซอฟต์แวร์แบบกลุ่ม (Software Suite) ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดการโครงการ (Project Management) ซอฟต์แวร์สำาหรับงานบัญชี (Accounting) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 51
  • 52. ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำา (Word Processing) เป็นกลุ่มของโปรแกรมที่ช่วยในการ ประมวลผลคำา สามารถจัดการเอกสารต่างๆได้ เช่น ขนาดตัวอักษรใหญ่-เล็ก หรือรูปแบบตัวอักษร เป็นต้น นำาเอารูปภาพมาผนวกเข้ากับ เอกสารได้ (คลิปอาร์ตและภาพถ่าย) ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Microsoft Word และ Kingsoft Writer เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 52
  • 53. ซอฟต์แวร์ตารางคำานวณ (Spreadsheet) กลุ่มของซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับ การคำานวณต่างๆ นำาเอา ตารางคำานวณ (Spre adshe e t) มาใช้ในการทำางาน หน่วยที่เล็กที่สุดบริเวณทำางาน เรียกว่า เซล นิยมใช้กับงานด้านบัญชี และรายการคำานวณอื่นๆ ตัวอย่าง เช่น Microsoft Excel และ OpenOffice Calc เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 53
  • 54. ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล (Database) สร้างและรวบรวมข้อมูล ให้อยู่เป็นระบบ แก้ไขปรับปรุงรายการ ข้อมูลต่างๆ เช่น การเพิ่มข้อมูล การ เปลี่ยนแปลงข้อมูล การลบข้อมูล หรือการ จัดเรียงข้อมูลให้ เป็นไปได้โดยง่าย ตัวอย่างโปรแกรม เช่น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 54
  • 55. ซอฟต์แวร์นำาเสนองาน (Presentation) ช่วยในเรื่องของการนำาเสนองานเป็นหลัก ใส่ข้อมูลที่เป็นตัวอักษร รูปภาพ ตลอดจนเสียง ต่างๆ รวมถึงเทคนิคการนำาเสนอให้มีความ สวยงามและน่าสนใจได้ การนำาเสนองานบางครั้งนิยม เรียกว่า Slide Show ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Microsoft PowerPoint และ Oควpามeรู้เnบื้อOงต้นfเfกiี่ยcวกeับ คIอmมพวิpเตrอeร์แsลsะ เทคโนโลยีสารสนเทศ 55
  • 56. ซอฟต์แวร์แบบกลุ่ม (Software Suite) นำาเอาซอฟต์แวร์หลายตัวมาจำาหน่ายรวม กันเป็นกลุ่มเดียว ทำาให้การทำางานคล่องตัวและสะดวก เนื่องจากจัดกลุ่มซอฟต์แวร์ ที่ทำางานใกล้เคียงกันไว้เป็นกลุ่มเดียว ราคาจำาหน่ายถูกกว่าการเลือกซื้อ ซอฟต์แวร์แต่ละตัวมาใช้ ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Microsoft Office และ Adobe CS เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 56
  • 57. ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดการ โครงการ (Project Management) ใช้กับการวิเคราะห์และ วางแผนโครงการเป็น หลัก จัดการเกี่ยวกับกิจกรรม งาน (Schedule) ติดตาม งาน วิเคราะห์และหา ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ของโครงการได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Microsoft Project และ GanttProject เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 57
  • 58. ซอฟต์แวร์สำาหรับงานบัญชี (Accounting) บันทึกข้อมูลและแสดงรายงานทางการเงิน ต่าง ๆ ออกรายงานงบกำาไรขาดทุน งบดุล รวมถึง รายงานซื้อ-ขายได้ ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Intuit QuickBooks และ Peachtree เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 58
  • 59. ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งาน ด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย เพื่อช่วยสำาหรับจัดการงานด้านกราฟิกและ มัลติมีเดียให้ง่ายขึ้น มีความสามารถเสมือนเป็นผู้ช่วยในการ ออกแบบงาน มีความสามารถหลากหลาย เช่น ตกแต่งภาพ วาดรูป ปรับเสียง ตัดต่อภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการสร้างและ ออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 59
  • 60. ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งาน ด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย (ต่อ) ซอฟต์แวร์กลุ่ม สามารถแบ่งออกเป็นประเภท ย่อยๆได้ดังนี้ ซอฟต์แวร์สำาหรับงานออกแบบ (CAD : Computer Aided Design) ซอฟต์แวร์สำาหรับสิ่งพิมพ์ (Desktop Publishing) ซอฟต์แวร์สำาหรับตกแต่งภาพ (Paint/Image Editing) ซอฟต์แวร์สำาหรับการตัดต่อวิดีโอและเสียง (Video and Audio Editing) ซอฟต์แวร์สำาหรับสร้างสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 60
  • 61. ซอฟต์แวร์สำาหรับงานออกแบบ (CAD : Computer Aided Design) ช่วยสำาหรับการ ออกแบบแผนผัง การออกแบบและ ตกแต่งบ้าน รวมถึงการจัดองค์ประ กอบอื่นๆ เหมาะสำาหรับงาน ด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม หรือ งานด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 61
  • 62. ซอฟต์แวร์สำาหรับสิ่งพิมพ์ (Desktop Publishing) สำาหรับการจัดการกับ สิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ โบรชัวร์ แผ่นพับ และ โลโก้ เหมาะกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับ สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น สำานัก พิมพ์ โรงพิมพ์ หรือ บริษัทออกแบบกราฟิก ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 62
  • 63. ซอฟต์แวร์สำาหรับตกแต่งภาพ (Paint/Image Editing) สำาหรับการสร้างและจัดการรูปภาพ การจัด องค์ประกอบแสง-สีของภาพ รวมถึงการวาดภาพลายเส้น เหมาะสำาหรับออกแบบงานกราฟิก เช่น งานพาณิชย์ศิลป์ ออกแบบและตกแต่งสินค้า ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Adobe Illustrator และ Adobe คPวาhมรoู้เบtื้อoงตs้นhเกoี่ยวpกับ คเอปม็พนวิเตตอ้นร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 63
  • 64. ซอฟต์แวร์สำาหรับการตัดต่อ วิดีโอและเสียง (Video and Audio Editing) ใช้จัดการกับข้อมูลเสียง เช่น ผสมเสียง แก้ไขเสียง สร้างเอฟเฟ็คต์ หรือเสียงใหม่ๆ เหมาะสำาหรับใช้กับงาน วงการตัดต่อภาพยนตร์ โทรทัศน์ สตูดิโอบันทึกเสียง หรืองานบนอินเทอร์เน็ตบาง ชนิด ตัวอย่างโปรแกรม เช่น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 64
  • 65. ซอฟต์แวร์สำาหรับสร้างสื่อ มัลติมีเดีย (Multimedia Authoring) ซอฟต์แวร์ที่ผนวกเอาสื่อหลายชนิด (Multimedia) มาประกอบกัน เพื่อให้การนำาเสนองานมีความน่าสนใจ สามารถสร้างชิ้นงานประเภท สื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ (Interractive) เช่น บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Toolbook Instructor, Adobe Authorware และ Adobe Director เป็นต้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 65
  • 66. ซอฟต์แวร์สำาหรับสร้างเว็บ (Web Page Authoring) สามารถจัดการและออกแบบเว็บไซต์ได้โดย ง่าย สามารถแทรกข้อมูลประเภทเสียง ข้อความ รูปภาพเคลื่อนไหว เพื่อนำาเสนอบนเว็บไซต์ได้ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Adobe Dreamweaver ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 66
  • 67. ซอฟต์แวร์การใช้งานบนเว็บ และการสื่อสาร เน้นเฉพาะการใช้งานด้านเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่ใช้สำาหรับการติดต่อสื่อสาร แลก เปลี่ยนข้อมูล เกิดขึ้นมาเป็นจำานวนมาก และพัฒนาออกมา หลายโปรแกรม หลายเวอร์ชั่น เนื่องจากการใช้ งานอินเทอร์เน็ตขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 67
  • 68. ซอฟต์แวร์การใช้งานบนเว็บและ การสื่อสาร (ต่อ) กลุ่มของโปรแกรมประเภทนี้ เช่น ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดการอีเมล์ (Electronic Mail Software) ซอฟต์แวร์สำาหรับท่องเว็บ (Web Browser) ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดประชุมทางไกล (Video Conference) ซอฟต์แวร์สำาหรับถ่ายโอนไฟล์ (File Transfer) ซอฟต์แวร์ประเภทส่งข้อความด่วน (Instant Messaging) ซอฟต์แวร์สำาหรับสนทนาบนอินเทอร์เน็ต ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 68
  • 69. ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดการอีเมล์ (Electronic Mail Software) กลุ่มของซอฟต์แวร์ที่ใช้สำาหรับการส่ง อีเมล์ สามารถตรวจรับจดหมายเข้า ส่งจดหมาย ออก หรือสำาเนาจดหมายได้ นอกจากนั้นยังแทรกรูปภาพ หรือไฟล์ เพื่อส่งแนบไปกับ จดหมายได้ ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Microควsาoมรfู้เบtื้อ งOต้นuเกtี่ยlวoกับoคอkม พวิเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 69
  • 70. ซอฟต์แวร์สำาหรับท่องเว็บ (Web Browser) มักเรียกย่อๆว่า บราวเซอร์ (Browse r) เป็นโปรแกรมหลักสำาหรับเรียกดูข้อมูลบน เว็บไซต์ที่เผยแพร่อยู่ในอินเทอร์เน็ต มีคุณสมบัติสำาหรับรับชมเว็บเพจ ได้ดี เช่น แสดงผลได้หลายภาษา ชมเว็บเพจแบบออฟไลน์ หรือ ทำางานร่วมกับโปรแกรมเสริมได้ ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Microsoft Internet Explorer, Mozilla Firefox และ Google Chrome ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 70
  • 71. ซอฟต์แวร์สำาหรับจัดประชุมทาง ไกล (Video Conference) สำาหรับการประชุมแบบ ทางไกลโดยเฉพาะ ทำาให้ข้อมูลที่เป็นทั้งภาพ เคลื่อนไหวและเสียงที่ใช้ ในการประชุม สามารถ ถ่ายทอดออกไปในระยะ ไกลได้ แชร์ไฟล์ให้ผู้เข้าร่วม ประชุมได้สะดวก ตัวอย่างโปรแกรม เช่น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 71
  • 72. ซอฟต์แวร์สำาหรับถ่ายโอนไฟล์ (File Transfer) นำามาใช้ในการถ่าย โอนไฟล์ข้อมูล (File Transfer) บน อินเทอร์เน็ต เหมาะสำาหรับนักพัฒนา เว็บไซต์และ ผู้ดูแลเว็บไซต์ เพื่อส่ง ข้อมูลขึ้นไปเก็บไว้ บนอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Cute_FTP และ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 72
  • 73. ซอฟต์แวร์ประเภทส่งข้อความ ด่วน (Instant Messaging) ผู้รับและผู้ส่งสามารถเปิด การเชื่อมต่อโปรแกรม และส่ง ข้อความหรือไฟล์ถึงกันได้ ทันที สนทนาได้ทั้งแบบส่วนตัว และแบบกลุ่ม สามารถส่งไฟล์ โทรด้วย เสียงและวิดีโอได้ ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Skype, Line และ WeChat ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 73
  • 74. ภาษาคอมพิวเตอร์ เป็นเสมือน “ล่ามแปลภาษา” แบ่งออกได้หลายระดับ หากใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ จะอยู่กลุ่ม ระดับตำ่า หากใกล้เคียงกับมนุษย์ จะอยู่กลุ่มระดับสูง น า ง ส า ว ก . ล่า ม แ ป ล ภ า ษ า น า ง ส า ว ข . ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 74
  • 75. ยุคของภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (First Generation Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (Second Generation Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (Third Generation Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (Fourth Generation Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 (Fifth ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 75
  • 76. ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (First Generation Language) การทำางานใช้ ภาษาระดับตำ่า (Low-Le ve l Lang uag e ) เช่น ภาษาเครื่อง (Machine Lang uag e ) ที่ ประกอบด้วยตัวเลขเฉพาะ 0 และ 1 เท่านั้น เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำาความเข้าใจได้ ทันที การเขียนโปรแกรมค่อนข้างยุ่งยากและไม่ สะดวกความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 76
  • 77. ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (Second Generation Language) เอาสัญลักษณ์ (Symbol) มาแทนรูปแบบของ ตัวเลขในภาษาเครื่อง ภาษาที่ใช้คือ ภาษาแอสแซมบลี (Assembly Lang uag e ) ซึ่งได้นำาเอาคำาย่อ รวมถึงสัญลักษณ์ ต่างๆมาใช้แทนตัวเลข 0 กับ 1 เป็นกลุ่มภาษาระดับตำ่าเช่นเดียวกับภาษาเครื่อง เพราะการทำางานยังใกล้เคียงกับภาษาของ คอมพิวเตอร์ มีตัวช่ควาวมยรู้เบื้แปองต้นลเกี่ยภาวกับษาคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เรียกว่า แอสแซมเบลอร์ 77 (Assemble r) เพื่อเป็นตัวกลางแปลภาษาให้
  • 78. ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (Third Generation Language) พัฒนาให้มีรูปแบบใกล้เคียงกับภาษาของมนุษย์ เรียกว่า ภาษาระดับสูง (High-Le ve l Lang uag e ) มีกลุ่มคำาภาษาอังกฤษที่เข้าใจง่ายขึ้น เป็นภาษาเชิงกระบวนการหรือ Procedural Language ทำางานเป็นขั้นตอน เรียงตามลำาดับคำาสั่งที่เขียน เขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนได้มากขึ้น แต่ก็ยังยุ่ง ยากอคยู่วาบ้ามรู้เบื้อง งต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 78
  • 79. ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (Fourth Generation Language) ช่วยเหลือการเขียนโปรแกรมได้มาก โดยใช้ ภาษาระดับสูงมาก (Ve ry-High Le ve l Lang uag e ) อาศัยหลักการแบบ Non-Procedural Language เขียนโปรแกรมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โปรแกรมที่พัฒนาได้นั้นมีความสมบูรณ์และ สวยงามมากขึ้น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 79
  • 80. ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 (Fifth Generation Language) เป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาของ มนุษย์มากที่สุดหรือที่เรียกว่า ภาษาธรรมชาติ (Natural Lang uag e ) ทำางานโดยอาศัยระบบฐานความรู้ (Knowledge Base System) เพื่อช่วยในการแปลความหมายของคำา สั่ง นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับ สาขาปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ตัวอย่างเช่น การพัฒนาความรู้และการ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 80
  • 81. ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ เป็นตัวกลางในการแปลความหมาย หรือ ภาษาของชุดคำาสั่งที่มนุษย์เขียน ให้อยู่ในรูปแบบของภาษาที่คอมพิวเตอร์จะ เข้าใจได้ แปลงซอร์สโค้ด (So urce Co de ) ให้เป็น รหัส คำาสั่ง (Obje ct Co de ) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 81
  • 82. ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (ต่อ) แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ แอสแซมเบลอร์ (Assemblers) อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreters) คอมไพเลอร์ (Compilers) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 82
  • 83. ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (ต่อ) แอสแซมเบลอร์ (Assemblers) ตัวแปลภาษาของภาษาแอสแซมบลี แปลความหมายสัญลักษณ์ชุดคำาสั่งให้เป็นภาษา เครื่อง ใช้งานร่วมกับการเขียนโปรแกรมของภาษาระดับ ตำ่า (Low-Level Language) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 83
  • 84. ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (ต่อ) อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreters) สำาหรับการเขียนโปรแกรมในภาษาระดับสูง (High-Level Language) แปลความหมายของชุดคำาสั่งทีละบรรทัดคำาสั่ง เหมาะสำาหรับการเขียนโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 84
  • 85. ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (ต่อ) คอมไพเลอร์ (Compilers) ใช้กับการทำางานในภาษาระดับสูง (High-Level Language) แปลความหมายของชุดคำาสั่งที่เขียน ทั้งหมดในคราวเดียวกัน เป็นชุดของรหัสคำาสั่งเก็บไว้ใช้เมื่อ ต้องการ ไม่ต้องเสียเวลาไปแปลชุดคำาสั่งซำ้าอีก เหมาะกับการเขียนโปรแกรมขนาดใหญ่ และซับซ้อน ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ 85