Recommended บทที่ 2 พัฒนาการของแนวคิดและทฤษฎีการจัดการ
002191 Chapter 3 Organizational Theories
สื่อการสอนวิชาทฤษฎีและหลักการบริหารการศึกษา
การวิจัยทางสังคมศาสตร์ (1)
Personality , Emotion and Consumer Behavior (Ch.8)
ทฤษฎีของไวก็อตสกี้(Vygotskys Theory)
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
อำนาจและการเมืองในองค์การ
ตัวอย่างสารบัญ เล่มโปรเจ็ค
เทคนิคการบริหารทรัพยากรมนุษย์ทางการศึกษา(Eductaional Administraion )
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ทางการศึกษา
ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
รูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณี
การวิเคราะห์ SWOT & TOWS Matrix
Development of management theory
More Related Content บทที่ 2 พัฒนาการของแนวคิดและทฤษฎีการจัดการ
002191 Chapter 3 Organizational Theories
สื่อการสอนวิชาทฤษฎีและหลักการบริหารการศึกษา
การวิจัยทางสังคมศาสตร์ (1)
Personality , Emotion and Consumer Behavior (Ch.8)
What's hot (20) ทฤษฎีของไวก็อตสกี้(Vygotskys Theory)
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
อำนาจและการเมืองในองค์การ
ตัวอย่างสารบัญ เล่มโปรเจ็ค
เทคนิคการบริหารทรัพยากรมนุษย์ทางการศึกษา(Eductaional Administraion )
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ทางการศึกษา
ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
รูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณี
การวิเคราะห์ SWOT & TOWS Matrix
Similar to Chapter(1) (20) Development of management theory
Ch1 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการ
แนวความคิดและทฤษฎีการบริหาร
บทที่ การพัฒนาของการบริหารการจัดการ.pptx
Chapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การ
Ppt บรรยาย 23700 paoเสริมครั้งที่1และ2_edited
บทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการ
Chapter(1)1. บทที่ 2 วิวัฒนาการของแนวคิดในการบริหารจัดการ อ . ศิริวรรณ สุขยิ่ง 2. ประวัติความเป็นมา กำแพงเมืองจีน ( The Great wall) พีระมิด (Pyramid) เป็นหลักฐานในเรื่องการบริหารจัดการที่เกิดขึ้นในอดีต เพราะใช้แรงงานคนมากกว่าแสนคน และใช้เวลามากกว่า 20 ปี โดยใช้หลักการบริหารทั้งด้านการจัดการบุคคลากร ระบบสินค้าคงคลัง และระบบบัญชี นายกับบ่าว กษัตริย์กับทาส 3. กรอบแนวคิดในการบริหารจัดการ มี 11 แนวคิดหลัก คือ 1. แนวคิดทางการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ 2. แนวคิดทางการจัดการเชิงบริหาร 3. แนวคิดทางการจัดการเชิงพฤติกรรม 4. แนวคิดทางการจัดการเชิงปริมาณ 5. แนวคิดทางการจัดการร่วมสมัย 4. การจัดการสมัยใหม่ 6. แนวคิดการจัดการแบบญี่ปุ่น 7. แนวคิดทฤษฎี Z ของ Ouchi 8. แนวคิดความเป็นเลิศขององค์การ 9. แนวคิดองค์การการเรียนรู้ 10. แนวคิดการรปรับรื้อระบบ 11. แนวคิดการจัดการคุณภาพโดยรวม 6. 1.1 แนวคิดของ Frederick w.Taylor การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ The Father of scientific Management ค้นหาวิธีทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ศึกษาเวลาและการเคลื่อนไหวในการทำงาน ( Time-and-motion Study) ประดิษฐ์เครื่องตัดเหล็กที่มีความรวดเร็วสูง 7. หลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ พยายามหา “วิธีที่ดีที่สุด” ( one best way) ในการทำงาน ใช้วิธีการคัดเลือกแบบวิทยาศาสตร์ เช่น กำหนดมาตรฐานงาน เกณฑ์คัดเลือกคนงานตามตำแหน่ง และเพิ่มพูนทักษะ สร้างแรงจูงใจด้วยเงินตามอัตราส่วนของงาน มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบคนงานและฝ่ายบริหาร 8. 1.2 แฟรงค์ และลิเลียน กิลเบอร์ต ( Frank and Lillian Gillbreth) สนับสนุนแนวคิดของ Taylor บุกเบิกศึกษาการเคลื่อนไหว “ Motion study ต้นแบบการพัฒนาศาสตร์ “ Ergonomics ” คิดค้นวิธีเรียงอิฐให้ได้งานเป็นสองเท่าในเวลาเท่ากัน Lillian Gillbreth เป็น First lady of Management 9. Frank Bunker Gilbreth & Lillian Moller Gilbreth จัดทำภาพยนตร์แสดงการเคลื่อนไหวของคนงาน เพื่อชี้ให้แสดงถึงการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่า และไม่มีผลทางการผลิต และเคลื่อนไหวที่จำเป็นในการทำงาน ทั้งนี้โดยเรียกความเคลื่อนไหวพื้นฐานนี้ว่า Therblig 10. 1.3 เฮนรี่ แกนท์ ( Henry Gantt ) พัฒนาวิธีการอธิบายแผนโดยใช้กราฟ เรียกว่า ผังแกนต์ ( Gantt Chart) ควรมีการกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษในรูปของโบนัส สำหรับคนงานที่สามารถทำงานได้ตามที่มอบหมายในแต่ละวัน 11. Gantt Chart Activity Apr May Jun Aug Sep Oct Nov Dec Jan Feb Mar $ วิจัยตลาด พัฒนาผลิตภัณฑ์ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการขาย สำรวจความพอใจของลูกค้า ปรับปรุงเว็บไซต์ 12. แนวคิดที่ 2 ทางการจัดการเชิงบริหาร นักทฤษฏี คือ เฮนรี่ฟาโยล ( Herni Fayol ) บิดาแห่งทฤษฎีการจัดการที่เป็นสากล 13. 2.1 Henri Fayol แบ่งกิจกรรมของอุตสาหกรรมออกเป็น 6 กลุ่ม กิจกรรมเทคนิค ( การผลิตและการประกอบอุตสาหกรรม ) กิจกรรมการค้า ( การซื้อ การขาย และการแลกเปลี่ยน ) กิจกรรมการเงิน ( การหาเงินทุนและสินเชื่อ การใช้เงินทุนอย่างเหมาะสม ) กิจกรรมความมั่นคง ( การคุ้มครองทรัพย์สมบัติ การคุ้มครองบุคคล ) กิจกรรมทางบัญชี ( การควบคุมสินค้า การจัดทำงบดุล การตรวจสอบต้นทุน ) กิจกรรมการจัดการ ( Poccc) 14. ( POCCC ) คือ Planning การวางแผน Organizing การจัดองค์การ Commanding การบังคับบัญชา Coordinating การประสานงาน Controlling การควบคุม 15. หลักการจัดการที่มีประสิทธิภาพ 14 ประการ 1. การแบ่งงานกันทำ ( Divison of work ) 2. อำนาจ + ความรับผิดชอบผู้บริหารควรได้สัดส่วน 3. วินัย ( Discipline ) 4. เอกภาพการบังคับบัญชา ( Unity of command ) 5. มีทิศทางทำงานเดียวกัน ( Unity of direction ) 16. หลักการจัดการที่มีประสิทธิภาพ 14 ประการ 6. ผลประโยชน์ส่วนตัวขึ้นอยู่กับส่วนรวม 7. ค่าจ้างควรพิจารณาจากผลงาน 8. การรวมอำนาจ ( Centralization ) 9. สายการบังคับบัญชา ( Scalar chain) 10. ช่วงการควบคุม ( Scalar of control ) 11. ความเสมอภาค ( Equity ) 18. 2.2 แนวคิดของ Max Weber (1864 – 1920) ทฤษฎี ระบบราชการ ( Bureaucraticf School ) 19. แนวคิดของ Max Weber เป็นรูปแบบองค์กรที่ใช้เหตุผล (Logic) และประสิทธภาพ ( Efficient) โดยมีอำนาจหน้าที่ตมระเบียบ ( Order) และตามกฎหมาย (Legitimate Authority) มีลักษณะ 5 ประการคือ การแบ่งงานกันทำ มีสายบังคับบัญชาเป็นลำดับหน้าที่ มีกฎระเบียบและวิธีปฎิบัติอย่างเป็นทางการ ความไม่เป็นส่วนตัว ความก้าวหน้าในงานอาชีพตามหลักคุณภาพ 20. แนวคิดที่ 3 การจัดการเชิงพฤติกรรมศาสตร์ การจัดการเป็นทักษะที่มุ่งที่การเพิ่มความสำเร็จในองค์กรของบุคคล สนใจพฤติกรรมในองค์กรของบุคคลความเป็นผู้นำ แรงจูงใจ 21. 3.1 จอร์จ เอลตัน เมโย ( George Elton Mayo ) Hawthorne Study บิดาของการแรงงานสัมพันธ์ ( Father of Employee Human Relation) ประสิทธิผลการทำงานของพนักงาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าจ้าง / สภาพการทำงาน ขึ้นอยู่กับผู้นำ - พนักงานปฏิบัติต่อกัน 22. 3.2 Douglas McGregor แบ่งพฤติกรรมของบุคคลออกเป็น 2 ด้านที่แตกต่างกัน หรือที่รู้จักกันในนามของทฤษฏี X และ ทฤษฏี Y 23. ทฤษฎี X,Y ยอมรับ + มีศักยภาพพัฒนาตนเอง ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง สามารถบังคับบัญชาได้ ควบคุมได้ ริเริ่มสร้างสรรค์ ขาดความรับผิดชอบ มีความรับผิดชอบ ขาดความกระตือรือร้น เต็มใจทำงาน ไม่ชอบทำงาน ทฤษฎี Y ทฤษฎี X 24. 3.3 แนวคิของ Abraham Maslow อธิบายได้ว่าเมื่อความต้องการนั้นได้รับการตอบสนองแล้ว ความต้องการของมนุษย์ก็จะเลื่อนขึ้นไปอีกเป็นขั้นๆ 25. อ . ศิริวรรณ สุขยิ่ง ระดับที่ 1 ความต้องการของร่างกาย (Physiological Needs) ระดับที่ 2 ความต้องการความปลอดภัย และมั่นคง (Safety Needs) ระดับที่ 3 ความต้องการทางสังคม (Social Needs) ระดับที่ 4 ความต้องการการยกย่อง (Esteem Needs) ระดับที่ 5 ความต้องการบรรลุเป้าหมายในชีวิต (Self – actualization Needs) 26. แนวความคิดที่ 4. การบริหารจัดการเชิงปริมาณ ( The quantitative management approach ) Herbert A. Simon The Father of Decision Making ระยะเวลาของยุคนี้เริ่มต้นขึ้นในปี ค . ศ . 1950 เรื่อยมาจนถึง ค . ศ . 1960 27. แนวความคิดที่ 4. การบริหารจัดการเชิงปริมาณ ( The quantitative management approach ) นำคณิตศาสตร์ + สถิติมาช่วยการตัดสินใจ 4.1 วิทยาศาสตร์การจัดการ ระเบียบวิธีเชิงเส้น ระบบแถวคอย ( ใช้ในการวิเคราะห์แถวรอคอยในการรับบริการ ) หาปริมาณการผลิตที่เหมาะสม โดยสร้าง Model ทางธุรกิจขึ้นมาและเปรียบเทียบกับความเป็นจริง 28. แนวความคิดที่ 4. การบริหารจัดการเชิงปริมาณ ( The quantitative management approach ) 4.2 การจัดการการดำเนินการ ศึกษากระบวนแปรสภาพทรัพยากรเป็นผลผลิตซึ่งเป็นสินค้าหรือบริการ ใช้เทคนิคเชิงปริมาณเพื่องปรับปรุงผลผลิต 4.3 ระบบสารสนเทศ :- MIS - เกี่ยวกับองค์การ ลูกค้า และสิ่งแวดล้อมที่สัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว 29. Simon ได้เสนอทฤษฎีการตัดสินใจใหม่โดยมีข้อสมมติฐานว่า 1. ทุกคนต่างก็มีข้อจำกัดทั้งในแง่ของความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทางเลือกและกฎเกณฑ์ต่างๆ 2. ทุกคนจะตัดสินใจปฏิบัติตามด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ค่อยมีระเบียบนักโดยใช้ความนึกคิดประกอบกับการเดา 3. ทุกคนไม่พยายามค้นหาหนทางที่จะให้ได้ผลสูงสุด แต่จะเลือกเอาทางเลือกที่เป็นที่ถูกใจ ตามความชอบของตนเอง 4. ระดับความชอบของตนที่ใช้ในการตัดสินใจ มักจะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามคุณค่าของทางเลือกต่างๆ ที่ได้พบเห็นใกล้ตัวที่สุด 30. แนวคิดที่ 5 ทางการจัดการร่วมสมัย (Contemporary Management Approach) ทฤษฏีเชิงระบบ (System Theory) เสนอโดย Richard Johnson Fremont Kast และ James Rosenzweig องค์การเป็นระบบเปิด ( Open System ) “ คำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายนอก” ระบบย่อยต่าง ๆ ต้องสัมพันธ์กันตลอดเวลา มุ่งปรับปรุงพฤติกรรมการบริหารตามสถานการณ์เฉพาะอย่างขององค์การ 31. ปัจจัยนำเข้า (inputs) ทรัพยากรทางกายภาพ ทรัพยากรทางการเงิน ทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรข้อมูล กระบวนการแปรสภาพ (transformation) หน้าที่การจัดการ การปฏิบัติด้านเทคโนโลยี่ กิจกรรมการผลิต ผลผลิต (outputs) สินค้าและบริการ กำไรขาดทุน พฤติกรรมพนักงาน ทฤษฏีเชิงระบบ (System Theory) 33. แนวคิดที่ 6 การจัดการแบบญี่ปุ่น ทฤษฏีการบริหารงานแบบญี่ปุ่น เทียบอเมริกา คือ เปิดโอกาสให้ลูกน้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ให้ความสนใจคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน มุ่งสนใจคุณภาพสินค้าและบริการ ผู้บริหารมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก ข้อมูลข่าวสาร ความคิด ไหลจากล่างสู่บน ดูแลพนักงานโดยการจ้างงานตลอดชีพ 34. แนวความคิดที่ 7 ทฤษฎี Z William G. Ouichi ทำการศึกษาเปรียบเทียบการจัดการของธุรกิจอเมริกันและญี่ปุ่น โดยสรุปเป็นทฤษฎี A ทฤษฎี J และทฤษฎี Z 35. ลักษณะขององค์การแบบอเมริกัน (A) 1. การจ้างงานระยะสั้น 2. การตัดสินใจโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง 3. ความรับผิดชอบเฉพาะบุคคล 4 . การประเมินผลและการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว 5. การควบคุมอย่างเป็นทางการ 6. เส้นทางอาชีพแบบเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 7. แยกเป็นส่วนๆ 36. ลักษณะขององค์การแบบญี่ปุ่น (J) 1. การจ้างงานระยะยาว 2. การตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ 3. ความรับผิดชอบแบบกลุ่ม 4. การประเมินผลและการเลื่อนตำแหน่งแบบค่อยเป็นค่อยไป 5. การควบคุมในตัวเองไม่เป็นทางการ 6. เส้นทางอาชีพไม่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 7. มีความเกี่ยวข้องกัน 37. ลักษณะขององค์การแบบ Z ( อเมริกันแบบ ปรับปรุง ) 1. การจ้างงานตลอดชีพ 2. การตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ 3. ความรับผิดชอบเฉพาะบุคคล 4. การประเมินผลและการเลื่อนตำแหน่งแบบค่อยเป็นค่อยไป 5. การควบคุมในตัวเองไม่เป็นทางการ โดยมีการวัดผลอย่างชัดเจนและเป็นทางการ 6. เส้นทางอาชีพแบบเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในระดับปานกลาง 7. มีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะครอบครัว 38. แนวความคิดที่ 8 แนวความคิดเป็นเลิศขององค์การ Thomas J.Peters และ Robert H.Waterman การมุ่งการกระทำ การใกล้ชิดกับลูกค้า การส่งเสริมความเป็นอิสระและความเป็นเจ้าของ การเพิ่มผลผลิตโดยอาศัยคน การมุ่งที่ค่านิยม การดำเนินธุรกิจที่เชี่ยวชาญ การมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมีที่ปรึกษาน้อยลง การเข้มงวดและผ่อนปรนในขณะเดียวกัน 39. โครงสร้างการทำงาน ( ความเป็นเลิศ ) 7-S Mc Kinevs Skill ทักษะ Staff พนักงาน Styles รูปแบบ Systems ระบบ Structure โครงสร้าง Strategy กลยุทธ์ ค่านิยมร่วม Share Vallue 40. แนวความคิดที่ 9 แนวคิดองค์การเรียนรู้ (Learning Organization) เสนอโดย Peter M. Senge แห่ง M.I.T. ท่านผู้นี้ได้เขียนหนังสือเรื่อง วินัยประการที่ห้าขององค์การเรียนรู้ (The Fifth Discipline of Learning Organization) นักวิชาการท่านนี้เสนอแนวคิดในการมองภาพรวมขององค์การ การบริหารองค์ความรู้และการพัฒนาภูมิปัญญาขององค์การ 41. แนวคิดองค์การเรียนรู้ (Learning Organization ) องค์การซึ่งมีการพัฒนาขีดความสามารถในการเรียนรู้ การปรับตัว การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง คิดอย่างเป็นระบบ ความรอบรู้แห่งตน การสร้างวิสัยทัศน์ร่วม แบบจำลองความคิด การเรียนรู้เป็นทีม 42. แนวความคิดที่ 10 แนวคิดการปรับรื้อระบบ ( Re-engineering) Michael Hammer James Champy 43. แนวคิดการปรับรื้อระบบ ( Re-engineering) การออกแบบใหม่อย่างถอนรากถอนโคน เน้น ทีม การจูงใจ คำแนะนำ ควรใช้ในกรณีที่องค์การต้องการเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันกับปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง และเป็นกลยุทธ์ในการบริหารเชิงรุกขององค์กร 44. แนวคิดที่ 11 การบริหารจัดการคุณภาพโดยรวม (TQM) Total Quality Management พัฒนาในญี่ปุ่น คือ Edwards Deming จากสหรัฐอเมริกา 45. TQM มีหลักการสำคัญ 5 ข้อ มุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้า มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง มีการปรับปรุงคุณภาพขององค์กรทั้งหมด มีการวัดผลและประเมินผลอย่างแม่นยำ พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วม