SlideShare a Scribd company logo
บทที่ 4 ดุลยภาพของตลาด
751100
บทที่ 4 ดุลยภาพของตลาด
 การกาหนดราคาและดุลยภาพตลาด
 การเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพ
 การแทรกแซงราคาของรัฐบาล
 ตลาดและการแข่งขัน
การกาหนดราคาและดุลยภาพตลาด
(Price Determination and Market Equilibrium)
ดุลยภาพของตลาด (Market equilibrium)
คือ ภาวะที่ปริมาณความต้องการเสนอซื้อเท่ากับปริมาณความต้องการเสนอ
ขาย ณ ระดับราคาใดราคาหนึ่ง
 จุดดุลยภาพดังกล่าวนี้จะถูกกาหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาด
ณ จุดที่เส้นอุปสงสค์ตัดกับเส้นอุปทาน เรียกว่า “จุดดุลยภาพ” (Equilibrium point)
 ระดับราคา “ราคาดุลยภาพ” (Equilibrium price)
 ระดับปริมาณ “ปริมาณดุลยภาพ” (Equilbrium quantity)
0
(P)
(Q)
เส้น Demand = D1
เส้น Supply = S1
การกาหนดราคาและดุลยภาพตลาด (ต่อ)
ดุลยภาพอยู่ที่จุด E
 ราคาดุลยภาพ =
 ปริมาณดุลยภาพ =
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
 หมายถึง ปริมาณเสนอขาย มากกว่า ปริมาณเสนอซื้อ
อุปทานส่วนเกิน (Excess Supply)
ที่ระดับราคา = P2
อุปสงค์ =
อุปทาน =
อุปทานส่วนเกิน =
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
อุปสงค์ส่วนเกิน (Excess Demand)
 หมายถึง ปริมาณเสนอซื้อ มากกว่า ปริมาณเสนอขาย
ที่ระดับราคา = P3
อุปสงค์ =
อุปทาน =
อุปสงค์ส่วนเกิน =
ภาวะดุลยภาพของตลาดจะเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อปัจจัยโดยอ้อมของอุปสงค์
หรืออุปทานเปลี่ยนแปลงไป ทาให้เส้นอุปสงค์หรือเส้นอุปทานย้ายไปทั้งเส้น
การเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพ (Change in Equilibrium)
โดยการเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพของตลาดอาจเกิดขึ้นได้ใน3 กรณี คือ
1. อุปสงค์เปลี่ยนแปลง โดยที่อุปทานคงที่
2. อุปทานเปลี่ยนแปลง โดยที่อุปสงค์คงที่
3. อุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลง
3.1. D S
3.2. D S
3.3. D S
3.4. D S
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
1. อุปสงค์เปลี่ยนแปลง โดยที่อุปทานคงที่
กรณีอุปสงค์เพิ่ม
D = D1เดิม S = S1
ดุลยภาพ = E1
D =ต่อมา S =
ดุลยภาพ =
ทาให้
อุปสงค์เปลี่ยนแปลง โดยที่อุปทานคงที่ (ต่อ)
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
กรณีอุปสงค์ลดลง
D3
2. อุปทานเปลี่ยนแปลง โดยที่อุปสงค์คงที่
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
กรณีอุปทานเพิ่มขึ้น
S2
อุปทานเปลี่ยนแปลง โดยที่อุปสงค์คงที่ (ต่อ)
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
กรณีอุปทานลดลง
S3
 เกิดจากปัจจัยทางอ้อมที่กาหนดอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยน
 การเปลี่ยนแปลงทั้งอุปสงค์และอุปทานพร้อมกันมีผลทาให้ดุลยภาพเปลี่ยนแปลง
แต่ราคาและปริมาณดุลยภาพจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี
 ราคาและปริมาณใหม่อาจสูงหรือต่ากว่าราคาและปริมาณเดิมขึ้นอยู่กับขนาดการ
เปลี่ยนแปลงของเส้นอุปสงค์และอุปทาน
3. อุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลง
 เกิดขึ้นได้4 กรณี คือ
3.1. อุปสงค์เพิ่ม อุปทานเพิ่ม
3.2. อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด
3.3. อุปสงค์ลด อุปทานเพิ่ม
3.4. อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.1 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานเพิ่ม
3.1.1 อุปสงค์เพิ่ม มากกว่า อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.1 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานเพิ่ม (ต่อ)
3.1.2 อุปสงค์เพิ่ม เท่ากับ อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.1 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานเพิ่ม (ต่อ)
3.1.3 อุปสงค์เพิ่ม น้อยกว่า อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.2 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด (ต่อ)
3.2.1 อุปสงค์เพิ่ม มากกว่า อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.2 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด (ต่อ)
3.2.2 อุปสงค์เพิ่ม เท่ากับ อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.2 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด (ต่อ)
3.2.3 อุปสงค์เพิ่ม น้อยกว่า อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.3 อุปสงค์ลด อุปทานเพิ่ม
3.3.1 อุปสงค์ลด มากกว่า อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.3 อุปสงค์ลด อุปทานเพิ่ม (ต่อ)
3.3.2 อุปสงค์ลด เท่ากับ อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.3 อุปสงค์ลด อุปทานเพิ่ม (ต่อ)
3.3.3 อุปสงค์ลด น้อยกว่า อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.4 อุปสงค์ลด อุปทานลด
3.4.1 อุปสงค์ลด มากกว่า อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.4 อุปสงค์ลด อุปทานลด (ต่อ)
3.4.2 อุปสงค์ลด เท่ากับ อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.4 อุปสงค์ลด อุปทานลด (ต่อ)
3.4.3 อุปสงค์ลด น้อยกว่า อุปทานลด
D2
S2
การปล่อยให้กลไกราคาทางานเอง โดยรัฐไม่เข้าไปแทรกแซงการดาเนิน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาจเกิด
 ราคาสินค้าอาจจะต่ามากจนไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ทาให้ผู้ผลิตเดือดร้อน
ได้รับความเสียหาย
 ราคาสินค้าอาจจะสูงเกินไป จนทาให้ผู้บริโภคเดือดร้อน
 ดังนั้นรัฐบาลจึงจาเป็นต้องเข้ามาแทรกแซงราคา เรียกว่า “การแทรกแซงราคา”
การแทรกแซงราคาของรัฐ
การแทรกแซงราคา แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. การประกันราคาขั้นต่า
2. การกาหนดราคาขั้นสูง
 คือวิธีการที่รัฐบาลเข้าช่วยเหลือผู้ผลิตให้สามารถขายสินค้าในราคาที่สูงขึ้น โดย
การแทรกแซงราคาสินค้าให้ สูงกว่า ราคาดุลยภาพในตลาด
 เป็นการที่รัฐบาลใช้ช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้า เมื่อราคาสินค้าตกต่ามากเกินไปจนไม่
อาจคุ้มกับต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรกรรม
1. การประกันราคาขั้นต่า (Price Support) หรือการพยุงราคา
มีวิธีการดังนี้
1.1. รับซื้ออุปทานส่วนเกิน
1.2. ให้เงินอุดหนุนเกษตรกร
0
P
Q
1S
1D
1E
1P
1Q
เมื่อรัฐบาลทาการประกันราคาขั้นต่าแล้ว รัฐบาลจะรับซื้อสินค้าที่ผู้ผลิตขายไม่
หมด (อุปทานส่วนเกิน) เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตสามารถขายสินค้าได้ในราคาต่อหน่วยที่สูงขึ้น
ตามที่รัฐบาลประกันราคาขั้นต่าไว้
1.1 รับซื้ออุปทานส่วนเกิน
รัฐบาลทาประกันราคาขั้นต่าที่ระดับราคา P2
อุปสงค์ = 0Q3
อุปทาน = 0Q2
อุปทานส่วนเกิน = Q2Q3
รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณ
เท่ากับพื้นที่ ABQ2Q3
P2
Q3Q2
A B
0
P
Q
1S
1D
1E
1P
1Q
1.2 ให้เงินอุดหนุนเกษตรกร
รัฐบาลจะให้การซื้อขายสินค้าเป็นไปตามกลไกของตลาด แต่รัฐบาลจะจ่ายเงิน
อุดหนุนแก่เกษตรกรเพิ่มเติม เพื่อให้เกษตรกรได้เงินเท่ากับราคาประกันขั้นต่า
รัฐบาลทาการอุดหนุนเงินให้กับเกษตรกร
เพื่อให้ได้เงินเท่ากับที่ราคาประกัน คือ ที่ราคา P2
โดยที่เกษตรกรจะได้รับเงิน
- จากการขายสินค้าที่ราคา P1
= พื้นที่ 0P1E1Q1
- จากการอุดหนุนของรัฐบาลที่ราคา P2
= พื้นที่ P1P2AE1
- ดังนั้นเกษตรกรจะได้รับเงินทั้งหมด
= พื้นที่ 0P2AQ1
P2
A
 เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนสินค้า เพราะเมื่อเกิดการขาดแคลนสินค้า ราคาสินค้า
จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทาให้ผู้บริโภคเดือดร้อน
 รัฐบาลจะเข้ามาควบคุมราคา ด้วยการกาหนดราคาขั้นสูง
 ซึ่งจะเป็นราคาที่ น้อยกว่า ราคาดุลยภาพ
 เช่น ข้าวสาร เนื้อหมู ไข่ไก่ น้ามันพืช น้าตาลทราย แก๊สหุงต้ม เป็นต้น
2. การกาหนดราคาขั้นสูง (Price Ceiling) หรือการควบคุมราคา
การกาหนดราคาขั้นสูง (ต่อ)
0
P
Q
1S
1D
1E
1P
1Q
อุปสงค์ = 0Q3
อุปทาน = 0Q2
อุปสงค์ส่วนเกิน = Q2Q3
รัฐบาลทาการกาหนดราคาขั้นสูงที่ระดับราคา P3
Q3
P3
Q2
 “กิจกรรม” การตกลงซื้อขายสินค้าและบริการ รวมทั้งปัจจัยการผลิต
 ดังนั้น ตลาดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่เท่านั้น แต่จะหมายถึง การทากิจกรรม
การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากัน โดยผู้ซื้อและผู้ขายอาจไม่ได้พบกันเลย แต่
สามารถจะติดต่อซื้อขายกันได้
 เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์การซื้อขายทองคา การซื้อขาย
เงินตราต่างประเทศ เป็นต้น
 ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ ประกอบด้วย ผู้ซื้อ ผู้ขาย และสินค้าที่ซ้อขาย
ตลาดและการแข่งขัน
ประเภทของตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ แบ่งได้เป็น2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfectly Competitive Market)
2. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfectly Competitive Market)
2.1 ตลาดผูกขาด (Monopoly)
2.2 ตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly)
2.3 ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition)
ตลาดและการแข่งขัน (ต่อ)
 มีผู้ซื้อผู้ขายจานวนมากราย
 สินค้าที่ซื้อขายกันนั้นมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ (Homogeneous Product)
 ผู้ขายสามารถเข้าและออกจากกิจการได้อย่างเสรี (Freedom of entry or exit)
 สินค้าและปัจจัยสามารถโยกย้ายได้อย่างเสรี (Free Mobility)
 ผู้ซื้อและผู้ขายมีความรอบรู้เกี่ยวกับสภาพของตลาดได้เป็นอย่างดี (Perfect
Knowledge)
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfectly Competitive Market)
 มีผู้ขายจานวนไม่มาก
 ผลิตสินค้าเป็นสัดส่วนที่มากในตลาด
 มีการกีดกันผู้ขายรายใหม่ด้วยวิธีการต่าง ๆ
 สินค้าที่ซื้อขายมีลักษณะแตกต่างกัน
 ผู้ขายแต่ละรายมีอานาจในการกาหนดราคาสินค้าได้บ้างและผู้ซื้อไม่สามารถ
ทราบการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างสมบูรณ์
2. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfectly Competitive Market)
 มีผู้ขายเพียงรายเดียว เรียกว่า “ผู้ผูกขาด” (Monopolist)
 สินค้าที่ขายมีคุณสมบัติพิเศษไม่เหมือนใคร และไม่สามารถหาสินค้าอื่นมา
ทดแทนได้(No close substitution)
 ผู้ขายเป็นผู้กาหนดราคาหรือปริมาณสินค้า อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
 ผู้ผูกขาดสามารถกีดกันไม่ให้ผู้ขายรายอื่นเข้ามาทาการผลิตแข่งขันได้(Barrier to
entry)
2.1 ตลาดผูกขาด (Monopoly)
สาเหตุที่เกิดการผูกขาด
 ผู้ผลิตหลายรายรวมตัวกันผูกขาด
 รัฐออกกฎหมายให้ผูกขาดการผลิตแต่เพียงผู้เดียว
 เป็นการผลิตที่ต้องใช้ทุนจานวนมากและต้องมีขนาดการผลิตใหญ่ เพื่อจะได้รับ
ประโยชน์จากการประหยัดของขนาดการผลิต (Economies of Scale) ทาให้ผู้ผลิต
รายใหม่เข้ามาทาการแข่งขันได้ยาก เพราะต้องการเงินทุนที่สูงพอ
 การเป็นเจ้าของวัตถุดิบการผลิตแต่เพียงผู้เดียว
 การจดทะเบียนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
ตลาดผูกขาด (ต่อ)
 มีผู้ขายจานวนน้อยราย
 ผู้ขายแต่ละรายมีส่วนแบ่งตลาดมาก แต่อานาจในการกาหนดราคาหรือปริมาณ
ขายของผู้ขายแต่ละรายมีน้อยกว่าตลาดผูกขาด
 สินค้าที่ซื้อขายกันในตลาดอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือแตกต่างกันก็ได้
- มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ (Pure oligopoly) เช่น น้ามัน
- มีลักษณะแตกต่างกัน แต่ใช้ทดแทนกันได้ (Differentiated oligopoly)
เช่น รถยนต์
 ในตลาดน้อยรายผู้ขายมักจะไม่ลดราคาแข่งขันกัน เพราะการแข่งขันลดราคา
สินค้าจะทาลายผลประโยชน์ของผู้ผลิตทุกคน
2.2 ตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly)
 ผู้ผลิตในตลาดจะแข่งขันกันด้วยวิธีการ เช่น การพัฒนาคุณภาพของสินค้าและการ
ส่งเสริมการขาย เช่น การแจกของแถม การโฆษณา เป็นต้น
 เป็นการแข่งขันทางด้านการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการส่งเสริมการขายนี้ถือ
เป็นการแข่งขันโดยไม่ใช่ราคา (Non-price Competition)
 เพราะการลดราคาสินค้าไม่ช่วยให้ผู้ขายสามารถขายสินค้าได้มากนัก เพราะผู้
แข่งขันรายอื่นจะโต้ตอบด้วยการลดราคาสินค้าเช่นกัน แต่ถ้าผู้ขายรายใดรายหนึ่ง
ขึ้นราคาสินค้า ผู้ขายรายอื่น ๆ จะไม่ขึ้นราคาสินค้าตามไปด้วย ทาให้ขายได้
น้อยลง
 เช่น เบียร์ น้าอัดลม โทรศัพท์มือถือ ปูนซีเมนต์
ตลาดผู้ขายน้อยราย (ต่อ)
• หมายถึงตลาดที่มีผู้ขายจานวนมาก แต่มีจานวนน้อยกว่าตลาดแข่งขันสมบูรณ์
• ผู้ขายแต่ละรายขายสินค้าที่คล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน สินค้าจะแตกต่างกันดังนี้
- คุณภาพของสินค้า เช่น แชมพู สบู่ รองเท้า
- ทางด้านการบริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล
- การโฆษณา เป็นการทาให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าสินค้ามีความแตกต่างกัน
- การบรรจุหีบห่อ
• ผู้ผลิตแต่ละรายจะมีอานาจผูกขาดมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตสามารถทาให้
สินค้าของตนแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นได้มากน้อยเพียงใด
• เช่น สบู่ เครื่องเขียน เสื้อผ้านิตยสาร บริการเสริมสวย ถ่ายเอกสาร ซ่อมรถ
2.3 ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition)

More Related Content

PPTX
Chapter3 ความยืดหยุ่น
PDF
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์อุปทาน
PPTX
Chapter2 อุปสงค์อุปทาน
PPT
Powerpoint อุปสงค์ อุปทาน
PPTX
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
PDF
Stp การตลาด
PPTX
พฤติกรรมผู้บริโภค
PPTX
Chapter4 พฤติกรรมผู้บริโภค
Chapter3 ความยืดหยุ่น
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์อุปทาน
Chapter2 อุปสงค์อุปทาน
Powerpoint อุปสงค์ อุปทาน
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
Stp การตลาด
พฤติกรรมผู้บริโภค
Chapter4 พฤติกรรมผู้บริโภค

What's hot (20)

PPT
Econ presentation 2
PPTX
ความยืดหยุ่น การแทรกแซงของรัฐ
PDF
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...
PPTX
Unit3 elasticity
PPT
Demand and supply
PDF
บทที่ 7 สมดุลเคมี
PDF
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
PPTX
Chapter5 ทฤษฎีการผลิต
PPT
ค่าคงที่สมดุล (K)
PDF
Macro Economics c6 นโยบายการคลัง
PDF
Chapter5
PDF
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นทางเศรษฐศาสตร์
PDF
บทที่ 10 การเงินการธนาคาร การคลังรัฐบาล
PDF
มูลค่าเงินตามเวลา
PDF
ทฤษฎีเกมส์กับการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร์
PDF
วิชาต้นทุน บทที่ 2 ต้นทุนและงบ 1
PPTX
02 เคลื่อนที่แนวตรง
PPTX
ไฟฟ้ากระแสสลับ
PDF
Macro Economics c5 นโยบายการเงิน
PDF
บทที่ 5 การเลือกทำเลที่ตั้ง
Econ presentation 2
ความยืดหยุ่น การแทรกแซงของรัฐ
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...
Unit3 elasticity
Demand and supply
บทที่ 7 สมดุลเคมี
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
Chapter5 ทฤษฎีการผลิต
ค่าคงที่สมดุล (K)
Macro Economics c6 นโยบายการคลัง
Chapter5
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นทางเศรษฐศาสตร์
บทที่ 10 การเงินการธนาคาร การคลังรัฐบาล
มูลค่าเงินตามเวลา
ทฤษฎีเกมส์กับการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร์
วิชาต้นทุน บทที่ 2 ต้นทุนและงบ 1
02 เคลื่อนที่แนวตรง
ไฟฟ้ากระแสสลับ
Macro Economics c5 นโยบายการเงิน
บทที่ 5 การเลือกทำเลที่ตั้ง
Ad

Similar to Econ100 04 sec015 (20)

PPT
Present c5
PDF
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
PPT
การกำหนดราคา
PDF
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
PPTX
โครงสร้างตลาด
PPTX
เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
PPT
Econ presentation 1
PPT
Econ presentation 3
PDF
ใบงานที่ 1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
PDF
ใบงานที่ 1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
PDF
9789740329848
PDF
การค้าระหว่างประเทศ
PPT
เศรษฐศาสตร์
PDF
ทดสอบเศรษฐศาสตร์
PPTX
ความรู้ทั่วไปและอุปสงค์ อุปทาน ความยืดหยุ่น
PDF
Economy ppt-05
PPTX
ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
PDF
ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
PDF
9789740335337
Present c5
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
การกำหนดราคา
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
โครงสร้างตลาด
เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
Econ presentation 1
Econ presentation 3
ใบงานที่ 1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
ใบงานที่ 1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
9789740329848
การค้าระหว่างประเทศ
เศรษฐศาสตร์
ทดสอบเศรษฐศาสตร์
ความรู้ทั่วไปและอุปสงค์ อุปทาน ความยืดหยุ่น
Economy ppt-05
ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
9789740335337
Ad

Econ100 04 sec015