3. 44
ผูเลน A ควรเลือก row 2 เนื่องจากผลตอบแทนสูงกวา row 1 (ไมวา B จะเลือก
column 1 หรือ column 2) และผูเลน B ควรเลือก column 2 ไมวา A จะเลือก row 1 หรือ
row 2 ดังนั้น Nash equilibrium คือ row 2 และ column 2 โดยผลตอบแทน คือ (0, 0)
และจาก payoff matrix นี้จะเห็นวา ถา A และ B รวมมือกัน โดย A เลือก row 1 และ B
เลือก column 1 ผลตอบแทนของทั้งสองคนจะสูงขึ้นเปน (5, 5)
Dominant Strategies
ในบางสถานการณ ผูผลิตบางรายที่อยูในสถานะที่ไดเปรียบคูแขงขัน จะ
เลือกใชกลยุทธ โดยไมจําเปนตองสนใจกลยุทธของคูแขงขัน dominant strategy คือ กล
ยุทธที่ดีที่สุดของผูผลิตไมวาคูแขงขันจะใชกลยุทธอะไรก็ตาม
ผูผลิตรายที่สอง
c d
a 42, 42 35, 45
ผูผลิตรายที่หนึ่ง
b 45, 35 36, 36
dominant strategy ของผูผลิตรายที่หนึ่งคือ b ไมวาผูผลิตรายที่สองจะเลือก
กลยุทธอะไรก็ตาม
dominant strategy ของผูผลิตรายที่สอง ก็คือ d
จากตาราง payoffs ในตัวอยางขางลางนี้ กลยุทธที่ดีที่สุดของแตละบริษัทขึ้นอยู
กับวา คูแขงขันที่เริ่มกอนเลือกกลยุทธอะไร แตในบางกรณี กลยุทธที่ดีที่สุดของบริษัท
ไมขึ้นอยูกับวาคูแขงขันเลือกกลยุทธอะไร ในกรณีเชนนี้จะเรียกกลยุทธนั้นวา dominant
strategy
4. 45
บริษัทที่สอง
ไมเปลี่ยนแปลงราคา เพิ่มราคา
ไมเปลี่ยนแปลงราคา 10, 10 100, - 30
บริษัทที่หนึ่ง
เพิ่มราคา - 20, 30 140, 25
จาก payoff matrix ขางบนนี้ ถาบริษัทที่หนึ่งไมเปลี่ยนแปลงราคา กลยุทธที่ดี
ที่สุดของบริษัทที่สองก็คือ ไมเปลี่ยนแปลงราคา และถาบริษัทที่หนึ่งเพิ่มราคา กลยุทธที่
ดีที่สุดของบริษัทที่สองก็ยังเหมือนเดิมคือไมเปลี่ยนแปลงราคา ดังนั้น ไมวาบริษัทที่
หนึ่งจะเลือกกลยุทธอะไรก็ตาม กลยุทธที่ดีที่สุดของบริษัทที่สองก็คือ ไมเปลี่ยนแปลง
ราคา ซึ่งเปน dominant strategies ดังนั้นเมื่อผูเลนมี dominant strategy จะมี Nash
equilibrium เกิดขึ้นในเกมนั้นเสมอ
ผูเลน B
U V
X 3, 6 7, 1
Y 5, 1 8, 0ผูเลน A
Z 6, 0 7.5, 2
จากตาราง payoffs ผูเลน A มี 3 กลยุทธ คือ X Y และ Z ในขณะที่ผูเลน B
มี 2 กลยุทธ คือ U และ V ผูเลน A จะไมเลือก กลยุทธ X เนื่องจากไดผลตอบแทนนอย
กวาการเลือก Y หรือ Z จึงเรียกวา กลยุทธ Y dominate กลยุทธ X และกลยุทธ Z
dominate กลยุทธ X
5. 46
ผูเลน B
U V
X 3, 6 7, 1
Y 5, 1 8, 2ผูเลน A
Z 6, 0 7.5, 2
จากตาราง payoffs ผลตอบแทนที่ A ไดรับเหมือนเดิมในกรณีที่ผูเลน A เลือก
กลยุทธ Y หรือ Z B ควรเลือกกลยุทธ V และถาผูเลน A มั่นใจวา ผูเลน B ตองเลือก V
ผูเลน A จะเลือก Y
Dominated Strategies
Dominated Strategy คือ กลยุทธที่ใหผลตอบแทนต่ํากวากลยุทธอื่น ๆ
จากตัวอยางของ payoff matrix ขางลางนี้
Y
c d e
a 2 6 14
X
b 8 7 10
ผูเลน X มี 2 กลยุทธคือ a และ b ผูเลน Y มี 3 กลยุทธคือ c, d และ e จะเห็นวา
กลยุทธ e จะทําใหผูเลน Y เสีย 14 หรือ 10 ซึ่งเปนผลเสียที่มากกวา กลยุทธ c และ d
ดังนั้นกลยุทธ e เปน dominated strategy
Maximin Strategies
การวิเคราะหโครงสรางการตลาด ขึ้นอยูบนพื้นฐานของการทํากําไรสูงสุด แต
ในสถานการณของตลาดแบบ Oligopoly ผูบริหารของแตละบริษัทอาจใชกลยุทธ
7. 48
L 7, 5
B
L S 5, 4
A
L 6, 4
S B
S 6, 3
Payoff ของ The Domitory Game
กลยุทธของ B
L S
L 7, 5 5, 4
กลยุทธของ A
S 6, 4 6, 3
กรณีที่ A และ B เปดสเตอริโอเสียงดังมาก อรรถประโยชนที่ A และB ไดรับ
เทากับ 7 และ 5 ตามลําดับ
กลยุทธ (L S) หมายถึง A เปดสเตอริโอเสียงดังมากและ B เปดสเตอริโอโดยที่
เสียงดังไมมาก อรรถประโยชนที่เกิดกับ A และ B เทากับ 5 และ 4 ตามลําดับ
L เปน dominant strategy ของ B เนื่องจากไมวา A จะเลือก L หรือ S B
จะตองเลือก L และเมื่อ B เลือก L A จะตองเลือก L เนื่องจากไดรับอรรถประโยชนสูง
กวา การเลือก S ดังนั้นกลยุทธ (L L) เปน Nash equilibrium กลยุทธอื่น ๆ อาทิเชน
(S L) ไมใช Nash equilibrium เนื่องจากถา A เปลี่ยนกลยุทธจาก S เปน L
อรรถประโยชนของ A จะเพิ่มขึ้นจาก 6 เปน 7
12. 53
Extensive form games
ใชวิธีการอธิบายโดย tree diagram
สารภาพ
ไมสารภาพสารภาพ
1
0 ไมสารภาพ
สารภาพ
ไมสารภาพ
2
2
(-6, -6)
(0, -9)
(-9, 0)
(-1, -1)
เสนประ แสดงถึงผูตองหารายที่สอง ไมรูการตัดสินใจของผูตองหารายที่หนึ่ง
การประยุกต game theory กับวิชาเศรษฐศาสตร
กําหนดใหผูผูกขาดกําหนดราคาสินคาเทากับ P ปริมาณสินคาเทากับ X และ
ใหสมการ demand function คือ
X = 13 – P
ใหตนทุนการผลิต C = X + 6.25
จากสมการตนทุนการผลิต marginal cost เทากับ 1 fixed cost เทากับ 6.25
Total revenue = (13 – X) X
กําไร (π) = (13 – X) X – X – 6.25
= 13X – X2
– X – 6.25
= 12X – X2
– 6.25
ผูผูกขาดตองการกําไรสูงสุด เงื่อนไขที่จะทําใหไดกําไรสูงสุด คือ 0dX
d
=
π
และ
0
dX
d
2
2
<
π
13. 54
dX
dπ
= 12 – 2X = 0
X = 6
ผูผูกขาดสมควรผลิตสินคา 6 หนวย แตปรากฏวาผูผูกขาดผลิตสินคา 7 หนวย เนื่องจาก
ผูผูกขาดมีความกังวลวาจะมีผูผลิตรายใหมเขามาแขงขัน ผูผลิตที่จะเขามาอาจจะมี
ฟงกชั่นการผลิตเหมือนกับผูผูกขาด ดังนั้นถาผูผูกขาดผลิตสินคา 6 หนวย ผูที่เขามา
ใหมอาจจะผลิต Y หนวย ดังนั้นราคาสินคาจะเทากับ
P = 13 – X – Y
และกําไรของผูเขามาใหมจะเทากับ (13 – X – Y) Y – Y – 6.25 แทนคา X = 6 และหา
ปริมาณ Y ที่จะทําใหผูที่เขามาใหมไดกําไรสูงสุด (π2)
π2 = (13 – 6 – Y) Y – Y – 6.25
dY
d 2π
= 7 – 2Y – 1 = 0
Y = 3 ; π2 = 2.75
ดังนั้น จึงเห็นไดวา ถาผูผูกขาดผลิต 6 หนวย และผูผลิตรายใหมเขามาทําการ
ผลิต 3 หนวย ผูผลิตรายใหมสามารถเขามาไดและมีกําไร แตถาผูผูกขาดผลิตสินคา 7
หนวย ฟงกชั่นกําไรของผูผลิตรายใหมจะเปลี่ยนเปน
π2 = (13 – 7 –y) y – y – 6.25
= (6 – y) y – y – 6.25
dy
d 2π
= 6-2y – 1 = 0
y = 2
5
แทนคา y = 2
5
ในสมการ π2 จะได π2 = 0 ดังนั้น ผูผลิตรายใหมจะไมตองการเขา
มาในอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากกําไรเทากับศูนย
จากเหตุผลดังที่กลาวมาขางตน จึงเปนเหตุผลที่ทําใหผูผูกขาดตองผลิตสินคา 7
หนวยแทนที่จะเปน 6 หนวย
14. 55
A von Stackelberg story
สมมติวาผูผูกขาดสามารถกําหนดปริมาณการผลิตกอนที่ผูผลิตรายใหมจะเขา
มาในอุตสาหกรรม โดยใชรูปตอไปนี้ โดยใหผูผูกขาดเปนผูเริ่มกอนโดยกําหนด
ปริมาณการผลิต ผูเขามาใหมจะพิจารณาปริมาณการผลิตของผูผูกขาด แลวทําการ
ตัดสินใจวาจะเขามาในอุตสาหกรรมนี้หรือไม ถาเขามาจะกําหนดปริมาณการผลิต
เทากับเทาใด
Y = 2.5 (14.75, 2.5)
enter Y = 2.75
X = 6 Y = 3
don’t (29.75, 0)
Y = 2.5 (13.25, 1.25)
enter Y = 2.75
A X = 6.5 Y = 3
don’t (29.5, 0)
Y = 2.5 (11.25, 0)
enter Y = 2.75
X = 7 Y = 3
don’t (28.75, 0)
(13.25, 2.6875)B
(11.625, 1.3125)B
(9.5, -0.0625)B
(10, 1.25)
(7.75, -0.25)
(11.75, 2.75)
จากรูปจะเห็นไดวา ผูผูกขาด A มี 3 กลยุทธ คือ ผลิตสินคาในปริมาณ 6, 6.5 หรือ 7
หนวย และผูเขามาใหม (B) อาจจะตัดสินใจผลิตสินคาในปริมาณ 2.5, 2.75 หรือ 3
หนวย หรือตัดสินใจไมเขามาในอุตสาหกรรมนี้ ตัวเลขในวงเล็บเปนผลกําไรที่ A และ
B จะไดรับ ตามลําดับ สมมติผูผูกขาดตัดสินใจผลิตสินคา 6.5 หนวย ผูเขามาใหมจะ
ตัดสินใจเลือกผลิตเทากับ 2.75 หนวย เพราะจะไดกําไรสูงสุดคือ 1.3125 ฟงกชันกําไร
ของผูเขามาใหมคือ
15. 56
π2 = (13 – 6.5 – y) y – y – 6.25
= (6.5 – y) y – y – 6.25
= 6.5y – y2
– y – 6.25
จากเงื่อนไข π2 สูงสุด
dy
d 2π
= 6.5 – 2y – 1 = 0
y = 2
5.5
= 2.75
บรรณานุกรม
Kreps, David M. Game Theory and Economic Modelling. Oxford :
Oxford University Press, 1998.
Nicholson, Walter. Microeconomic Theory Basic Principles and Extensions. 8th
ed.
London : Thomson Learning, Inc., 2002.
Pashigian, B. Peter. Price Theory and Applications. 2nd ed. Boston :
The McGraw-Hill Co. Inc, 1998.
Peterson, H Craig and Lewis, W. Cris. Managerial Economics. 4th ed. New Jersey :
Prentice Hall, 1999.
Romp, Graham. Game Theory Introduction and Applications. Oxford :
Oxford University Press, 1997.
Schotter, Andrew. Free Market Economics A Critical Appraisal. New York :
St. Martin’s press, 1985.