SlideShare a Scribd company logo
3
Most read
9
Most read
14
Most read
ทฤษฎีเกมสกับการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร
รศ.ดร.ไกร โพธิ์งาม*
คํานํา
ทฤษฎีเกมเกี่ยวของกับการใชกลยุทธเพื่อเอาชนะคูแขงขันโดยที่คูแขงขันแตละ
รายตางก็จะเลือกกลยุทธที่จะทําใหตัวเองไดเปรียบคูแขงขัน เชนอาจจะใชกลยุทธลด
ราคาสินคา เพื่อแยงสวนแบงการตลาดมาจากคูแขงขัน โดยที่แตละฝายตางก็จะตอง
คาดคะเนวาคูแขงขันจะใชกลยุทธอะไรในการตอสู ทฤษฎีเกมจะประกอบดวย
สวนประกอบ 3 สวนที่สําคัญ ไดแก ผูเลน (players) ตั้งแตสองคนขึ้นไป กลยุทธ
(strategies) และตารางแสดงผลตอบแทน (payoffs) ที่ผูเลนแตละคนจะไดรับ บทความ
เรื่องนี้จะเปนการรวบรวมตัวอยางแบบตางๆ เพื่อที่จะใชตัวอยางในการวิเคราะหถึง
การตัดสินใจของผูเลนแตละรายและวิเคราะหที่เกี่ยวของกับการตัดสินใจทาง
เศรษฐศาสตร
ตัวอยาง บริษัทสองแหงทําการแขงขันกัน โดยมีวัตถุประสงคของการแขงขัน คือ การ
เพิ่มกําไรของแตละบริษัท โดยแตละบริษัทมีกลยุทธสองอยางคือ ไมเปลี่ยนแปลงราคา
และการเพิ่มราคาใหสูงขึ้น ดังจะใหเห็นดวย payoff matrix ดังนี้
บริษัทที่สอง
ไมเปลี่ยนแปลงราคา เพิ่มราคา
ไมเปลี่ยนแปลงราคา 10, 10 100, - 30
บริษัทที่หนึ่ง
เพิ่มราคา - 20, 30 140, 35
*
อาจารยประจําคณะเศรษฐศาสตร มหาวิทยาลัยรามคําแหง
43
จาก payoff matrix ถาทั้งสองบริษัทไมเปลี่ยนแปลงราคา แตละบริษัทจะได
กําไรบริษัทละ 10 ลานบาท ถาบริษัทที่หนึ่งไมเปลี่ยนแปลงราคาในขณะที่บริษัทที่สอง
เพิ่มราคา บริษัทที่หนึ่งไดกําไร 100 ลานบาท บริษัทที่สองขาดทุน 30 ลานบาท ถา
บริษัทที่หนึ่งเพิ่มราคาในขณะที่บริษัทที่สองไมเปลี่ยนแปลงราคา บริษัทที่หนึ่งขาดทุน
20 ลานบาท บริษัทที่สองไดกําไร 30 ลานบาท ถาทั้งสองบริษัทเพิ่มราคา บริษัทที่หนึ่ง
ไดกําไร 140 ลานบาท บริษัทที่สองไดกําไร 35 ลานบาท
Nash Equilibrium
จาก payoff matrix แตละบริษัทตองการกําไรสูงสุด สมมติบริษัทที่หนึ่งไม
ตองการเปลี่ยนแปลงราคา กลยุทธที่ดีที่สุดสําหรับบริษัทที่สองก็คือไมเปลี่ยนราคา จุด
ดุลยภาพ คือ ทั้งสองบริษัทไมเปลี่ยนแปลงราคา จึงเรียกจุดดุลยภาพนี้วา Nash
equilibrium ซึ่งตั้งชื่อใหเปนเกียรติแกนักคณิตศาสตร ชื่อ John Nash
Nash equilibrium หมายถึง กลยุทธที่จะทําใหคูแขงขันไดผลตอบแทนสูงสุด
อยางไรก็ตาม ขอจํากัดของ Nash equilibrium ก็คือ จุดดุลยภาพมีไดมากกวา 1 จุด
จากตาราง payoff ในตัวอยางหนาที่หนึ่ง ถาบริษัทที่หนึ่งเพิ่มราคาสินคา
บริษัทที่สองจะไดกําไรเพิ่มขึ้น ถาบริษัทที่สองเพิ่มราคาสินคาตามไปดวย
ในทํานองเดียวกันถาบริษัทที่สองเพิ่มราคาสินคาบริษัทที่หนึ่งก็สมควรจะเพิ่ม
ราคาสินคา ดังนั้นการที่ทั้งสองบริษัทเพิ่มราคาสินคาจึงเปน Nash equilibrium
ตัวอยางกําหนดให payoff matrix ของผูเลนสองคน A และ B เปนดังนี้
ผูเลน B
column 1 column 2
row 1 5, 5 - 1, 6
ผูเลน A
row 2 6, - 1 0, 0
44
ผูเลน A ควรเลือก row 2 เนื่องจากผลตอบแทนสูงกวา row 1 (ไมวา B จะเลือก
column 1 หรือ column 2) และผูเลน B ควรเลือก column 2 ไมวา A จะเลือก row 1 หรือ
row 2 ดังนั้น Nash equilibrium คือ row 2 และ column 2 โดยผลตอบแทน คือ (0, 0)
และจาก payoff matrix นี้จะเห็นวา ถา A และ B รวมมือกัน โดย A เลือก row 1 และ B
เลือก column 1 ผลตอบแทนของทั้งสองคนจะสูงขึ้นเปน (5, 5)
Dominant Strategies
ในบางสถานการณ ผูผลิตบางรายที่อยูในสถานะที่ไดเปรียบคูแขงขัน จะ
เลือกใชกลยุทธ โดยไมจําเปนตองสนใจกลยุทธของคูแขงขัน dominant strategy คือ กล
ยุทธที่ดีที่สุดของผูผลิตไมวาคูแขงขันจะใชกลยุทธอะไรก็ตาม
ผูผลิตรายที่สอง
c d
a 42, 42 35, 45
ผูผลิตรายที่หนึ่ง
b 45, 35 36, 36
dominant strategy ของผูผลิตรายที่หนึ่งคือ b ไมวาผูผลิตรายที่สองจะเลือก
กลยุทธอะไรก็ตาม
dominant strategy ของผูผลิตรายที่สอง ก็คือ d
จากตาราง payoffs ในตัวอยางขางลางนี้ กลยุทธที่ดีที่สุดของแตละบริษัทขึ้นอยู
กับวา คูแขงขันที่เริ่มกอนเลือกกลยุทธอะไร แตในบางกรณี กลยุทธที่ดีที่สุดของบริษัท
ไมขึ้นอยูกับวาคูแขงขันเลือกกลยุทธอะไร ในกรณีเชนนี้จะเรียกกลยุทธนั้นวา dominant
strategy
45
บริษัทที่สอง
ไมเปลี่ยนแปลงราคา เพิ่มราคา
ไมเปลี่ยนแปลงราคา 10, 10 100, - 30
บริษัทที่หนึ่ง
เพิ่มราคา - 20, 30 140, 25
จาก payoff matrix ขางบนนี้ ถาบริษัทที่หนึ่งไมเปลี่ยนแปลงราคา กลยุทธที่ดี
ที่สุดของบริษัทที่สองก็คือ ไมเปลี่ยนแปลงราคา และถาบริษัทที่หนึ่งเพิ่มราคา กลยุทธที่
ดีที่สุดของบริษัทที่สองก็ยังเหมือนเดิมคือไมเปลี่ยนแปลงราคา ดังนั้น ไมวาบริษัทที่
หนึ่งจะเลือกกลยุทธอะไรก็ตาม กลยุทธที่ดีที่สุดของบริษัทที่สองก็คือ ไมเปลี่ยนแปลง
ราคา ซึ่งเปน dominant strategies ดังนั้นเมื่อผูเลนมี dominant strategy จะมี Nash
equilibrium เกิดขึ้นในเกมนั้นเสมอ
ผูเลน B
U V
X 3, 6 7, 1
Y 5, 1 8, 0ผูเลน A
Z 6, 0 7.5, 2
จากตาราง payoffs ผูเลน A มี 3 กลยุทธ คือ X Y และ Z ในขณะที่ผูเลน B
มี 2 กลยุทธ คือ U และ V ผูเลน A จะไมเลือก กลยุทธ X เนื่องจากไดผลตอบแทนนอย
กวาการเลือก Y หรือ Z จึงเรียกวา กลยุทธ Y dominate กลยุทธ X และกลยุทธ Z
dominate กลยุทธ X
46
ผูเลน B
U V
X 3, 6 7, 1
Y 5, 1 8, 2ผูเลน A
Z 6, 0 7.5, 2
จากตาราง payoffs ผลตอบแทนที่ A ไดรับเหมือนเดิมในกรณีที่ผูเลน A เลือก
กลยุทธ Y หรือ Z B ควรเลือกกลยุทธ V และถาผูเลน A มั่นใจวา ผูเลน B ตองเลือก V
ผูเลน A จะเลือก Y
Dominated Strategies
Dominated Strategy คือ กลยุทธที่ใหผลตอบแทนต่ํากวากลยุทธอื่น ๆ
จากตัวอยางของ payoff matrix ขางลางนี้
Y
c d e
a 2 6 14
X
b 8 7 10
ผูเลน X มี 2 กลยุทธคือ a และ b ผูเลน Y มี 3 กลยุทธคือ c, d และ e จะเห็นวา
กลยุทธ e จะทําใหผูเลน Y เสีย 14 หรือ 10 ซึ่งเปนผลเสียที่มากกวา กลยุทธ c และ d
ดังนั้นกลยุทธ e เปน dominated strategy
Maximin Strategies
การวิเคราะหโครงสรางการตลาด ขึ้นอยูบนพื้นฐานของการทํากําไรสูงสุด แต
ในสถานการณของตลาดแบบ Oligopoly ผูบริหารของแตละบริษัทอาจใชกลยุทธ
47
หลีกเลี่ยงความเสี่ยง (risk averse) โดยใชหลักเกณฑ maximin (คาสูงสุดในบรรดาผล
กําไรที่ต่ําสุด)
ตัวอยางที่เกี่ยวของกับเรื่องนี้ก็คือ บริษัทสองบริษัทตองการแนะนําสินคาชนิด
ใหม ผลกําไรของบริษัททั้งสองแหง แสดงไวใน payoff matrix ขางลางนี้
Firm II
ไมนําสินคาใหม
เขาสูตลาด
นําสินคาใหม
เขาสูตลาด
ผลตอบแทนต่ําสุด
ของ Firm I
ไมนําสินคาใหม
เขาสูตลาด
4, 4 3, 6 3
Firm I
นําสินคาใหม
เขาสูตลาด
6, 3 2, 2 2
ผลตอบแทนต่ําสุด
ของ Firm II
3 2
จาก payoff matrix จะเห็นไดวา ถาแตละบริษัทตองการกําไรสูงสุด Nash
equilibrium จะมี 2 จุด คือ บริษัทหนึ่งแนะนําสินคาใหมในขณะที่อีกบริษัทหนึ่งไม
แนะนํา ผลตอบแทนที่เปน Nash equilibrium คือ 6, 3 และ 3, 6 สําหรับการตัดสินใจที่
ใชหลักเกณฑ maximin ไมใชกลยุทธที่จะทําใหไดรับกําไรสูงสุด แตเปนกลยุทธที่ใชใน
การหลีกเลี่ยงความเสียหายสูงสุด
การใชหลักเกณฑ maximin จะเริ่มตนจากหาคาต่ําสุดเสียกอน แลวจึงเลือก
คาสูงสุดจากบรรดาคาต่ําสุด จาก payoff ขางตน ถาใชหลักเกณฑ maximin จะได
คําตอบคือ แตละบริษัทจะไมนําสินคาใหมเขาสูตลาด
Domitory Game
สมมติมีนักศึกษาสองคน A และ B ตัดสินใจเกี่ยวกับการเปดสเตอริโอ ใหมี
เสียงดังมาก (L) กับการเปดเสียงคอย ๆ (S) ในการอธิบายเรื่องนี้จะใช tree diagram
อธิบายความพอใจของแตละคนไดดังนี้
48
L 7, 5
B
L S 5, 4
A
L 6, 4
S B
S 6, 3
Payoff ของ The Domitory Game
กลยุทธของ B
L S
L 7, 5 5, 4
กลยุทธของ A
S 6, 4 6, 3
กรณีที่ A และ B เปดสเตอริโอเสียงดังมาก อรรถประโยชนที่ A และB ไดรับ
เทากับ 7 และ 5 ตามลําดับ
กลยุทธ (L S) หมายถึง A เปดสเตอริโอเสียงดังมากและ B เปดสเตอริโอโดยที่
เสียงดังไมมาก อรรถประโยชนที่เกิดกับ A และ B เทากับ 5 และ 4 ตามลําดับ
L เปน dominant strategy ของ B เนื่องจากไมวา A จะเลือก L หรือ S B
จะตองเลือก L และเมื่อ B เลือก L A จะตองเลือก L เนื่องจากไดรับอรรถประโยชนสูง
กวา การเลือก S ดังนั้นกลยุทธ (L L) เปน Nash equilibrium กลยุทธอื่น ๆ อาทิเชน
(S L) ไมใช Nash equilibrium เนื่องจากถา A เปลี่ยนกลยุทธจาก S เปน L
อรรถประโยชนของ A จะเพิ่มขึ้นจาก 6 เปน 7
49
ตัวอยาง การเลนเกมของเด็ก โดยใชมือใหเปนสัญลักษณของ กอนหิน กรรไกร และ
กระดาษ
กลยุทธของ B
กอนหิน กรรไกร กระดาษ
กอนหิน 0, 0 1, - 1 - 1, 1
กลยุทธของ A
กรรไกร - 1, 1 0, 0 1, -1
กระดาษ 1, - 1 - 1, 1 0, 0
เกมดังตารางขางตนนี้ มีขอสมมติฐานวา กอนหินดีกวากรรไกร กรรไกรดีกวา
กระดาษ และกระดาษดีกวากอนหิน จะเห็นไดวาเกมดังกลาวนี้จะไมมีจุดดุลยภาพ
กลยุทธแตละคู จะไมมีเสถียรภาพ สมมติ A และ B เลือกกรรไกร แตละคนมีความ
ตองการที่จะเปลี่ยนเปนกอนหิน หรือในกรณีที่ A เลือก กระดาษ และ B เลือกกอนหิน
B มีความตองการที่จะเปลี่ยนจากกอนหินเปนกรรไกร ลักษณะของเกมแบบนี้จะไมมี
Nash equilibrium
Battle of the Sexes Game
สามี และภรรยา วางแผนที่จะไปพักผอนตางจังหวัด สามี ตองการพักผอน
สถานที่ทองเที่ยวที่มีภูเขา ในขณะที่ภรรยาตองการพักผอน ณ ชายทะเล และทั้งสองคน
ตองการไปพักผอนดวยกัน payoff matrix เปนดังนี้
กลยุทธของภรรยา
ภูเขา ชายทะเล
ภูเขา 2, 1 0, 0
กลยุทธของสามี
ชายทะเล 0, 0 1, 2
50
จาก payoff matrix จะเห็นวาไมมี dominant strategy เนื่องจากสามีชอบภูเขา
ภรรยาชอบชายทะเล และทั้งสองตองการพักผอนดวยกัน จะเห็นไดวา ถาสามีเลือกภูเขา
ภรรยาเลือกภูเขา เพราะวาทั้งสองคนไดอรรถประโยชนสูงขึ้น ในขณะที่ถาภรรยาเลือก
ชายทะเล สามีก็ตองเลือกชายทะเล เพราะวาอรรถประโยชนของทั้งสองคนเพิ่มขึ้น
ดังนั้น Nash equilibrium จึงมี 2 จุด คือ (ภูเขา ภูเขา) และ (ชายทะเล ชายทะเล)
The Prisoner’s Dilemma
มีนักโทษสองคน A กับ B นักโทษทั้งสองคนนี้ รูเงื่อนไขดีวา ถาทั้งสองคน
สารภาพวาทําผิด นักโทษทั้งสองจะตองติดคุกคนละ 3 ป แตถาคนหนึ่งสารภาพโดยที่
อีกคนหนึ่งไมสารภาพ คนที่รับสารภาพจะติดคุก 10 ป คนที่ไมรับสารภาพติดคุกเพียง 6
เดือน แตในกรณีที่ทั้งสองคนไมรับสารภาพ ทั้งสองคนจะติดคุกคนละ 2 ป เขียนเปน
ตารางไดดังนี้
B (จํานวนปที่ติดคุก)
สารภาพ ไมสารภาพ
สารภาพ 3, 3 ½ , 10
A
ไมสารภาพ 10, ½ 2, 2
กรณีของ Prisoner’s dilemma นี้ จะมี Nash equilibrium เกิดขึ้น เนื่องจากแตละ
คนคิดวา นักโทษอีกคนหนึ่งจะไมสารภาพ ดังนั้นถาเขาสารภาพเขาจะติดคุกเพียง ½ ป
ทําใหนักโทษทั้งสองคนตางก็สารภาพนั่นคือ Nash equilibrium เกิดขึ้น แตเปน Nash
equilibrium ที่นักโทษทั้งสองคนตางก็ไมปรารถนา
ตัวอยาง กรณีผูเลน 3 คน A, B, C ผูเลนแตละคนมี 3 กลยุทธ คือ ใหเลือกเลข 1
หรือ 2 หรือ 3 ผูเลนแตละคนจะไดรับ ผลตอบแทนเทากับ 4 เทา ของตัวเลขต่ําสุด ลบ
ดวยตัวเลขที่ผูเลนรายนั้นเลือก เชน A เลือก 3 B เลือก 2 C เลือก 3 จะเห็นไดวาตัวเลข
ต่ําสุด คือ 2 ดังนั้น A ไดรับ (4 x 2) – 3 = 5 B ไดรับ เทากับ (4 x 2) – 2 = 6 C
ไดรับรางวัล (4 x 2) – 3 = 5
51
กรณีผูเลน C เลือก 1
ผูเลน B
1 2 3
1 3, 3, 3 3, 2, 3 3, 1, 3
ผูเลน A 2 2, 3, 3 2, 2, 3 2, 1, 3
3 1, 3, 3 1, 2, 3 1, 1, 3
กรณีผูเลน C เลือก 2
ผูเลน B
1 2 3
1 3, 3, 2 3, 2, 2 3, 1, 2
ผูเลน A 2 2, 3, 2 6, 6, 6 6, 5, 6
3 1, 3, 2 5, 6, 6 5, 5, 6
กรณีผูเลน C เลือก 3 ผูเลน B
ผูเลน B
1 2 3
1 3, 3, 1 3, 2, 1 3, 1, 1
ผูเลน A 2 2, 3, 1 6, 6, 5 6, 5, 5
3 1, 3, 1 5, 6, 5 9, 9, 9
Static game หมายถึง การที่ผูเลนตัดสินใจโดยไมรูวาคูแขงขันตัดสินใจ
อยางไร เชน การประมูลงานราชการ ผูประมูลตั้งราคาประมูลโดยไมรูวาคูแขงขันจะตั้ง
ราคาเทาใด
52
Non-cooperative game แบงเปน2 ประเภท
(1) Normal form game
(2) Extensive form game
Normal form game มีสิ่งที่สําคัญ 3 อยาง คือ
(ก) ผูเลน (players) คือผูที่ทําการตัดสินใจวาจะใชกลยุทธอะไร แตละเกมจะมี
ผูเลนอยางนอยสองคน
(ข) กลยุทธ (strategies) หมายถึง การกระทําของผูเลนเกม ซึ่งจะขึ้นอยูกับ การ
วิเคราะหวาคูแขงขันจะตัดสินใจอยางไร ยกตัวอยางเชน ผูเลนคนที่หนึ่งตองการขาย
รถยนต การกระทําของผูเลนคนที่หนึ่ง คือ ขายรถยนต หรือ ไมขายรถยนต ซึ่งขึ้นอยูกับ
การกระทําของคูแขงขัน วาจะใหราคาเทาไหร เชน ถาใหราคา 300,000 บาท หรือ
สูงกวา ผูเลนคนที่หนึ่งตัดสินใจขายรถยนต ถาคูแขงขันใหราคาต่ํากวา 300,000 บาท
ผูเลน คนที่หนึ่งตัดสินใจไมขาย
(ค) ผลตอบแทน (pay-offs) หมายถึง สิ่งที่ผูเลนเกมจะไดรับหลังจากทําการ
ตัดสินใจ เขียนในรูปของ matrix ผูเลนทุกคนตองการผลตอบแทนที่สูง
ตัวอยางของ static game คือ the Prisoner’s Dilemma ในเกมนี้ตํารวจจับผูตอง
สงสัยไดสองคน แตตํารวจยังหาหลักฐานที่จะจับกุมผูตองหายังไมได นอกจากผูตองหา
จะรับสารภาพ (confess) ตํารวจจึงแยกผูตองหาไวคนละหอง แลวบอกผูตองหาแตละคน
วา ถาผูตองหาไมรับสารภาพจะตองติดคุกคนละ 1 เดือน ถาผูตองหาทั้งสองคนรับ
สารภาพจะติดคุกคนละ 6 เดือน ถาสารภาพเพียงคนเดียวโดยที่อีกคนหนึ่งไมรับสารภาพ
ผูที่สารภาพจะไดรับการปลอยตัวทันที ผูที่ไมสารภาพจะติดคุก 9เดือน
Pay –off Matrix
ผูตองหาคนที่สอง
สารภาพ ไมสารภาพ
สารภาพ - 6, - 6 0, - 9
ผูตองหาคนที่หนึ่ง
ไมสารภาพ - 9, 0 - 1, - 1
53
Extensive form games
ใชวิธีการอธิบายโดย tree diagram
สารภาพ
ไมสารภาพสารภาพ
1
0 ไมสารภาพ
สารภาพ
ไมสารภาพ
2
2
(-6, -6)
(0, -9)
(-9, 0)
(-1, -1)
เสนประ แสดงถึงผูตองหารายที่สอง ไมรูการตัดสินใจของผูตองหารายที่หนึ่ง
การประยุกต game theory กับวิชาเศรษฐศาสตร
กําหนดใหผูผูกขาดกําหนดราคาสินคาเทากับ P ปริมาณสินคาเทากับ X และ
ใหสมการ demand function คือ
X = 13 – P
ใหตนทุนการผลิต C = X + 6.25
จากสมการตนทุนการผลิต marginal cost เทากับ 1 fixed cost เทากับ 6.25
Total revenue = (13 – X) X
กําไร (π) = (13 – X) X – X – 6.25
= 13X – X2
– X – 6.25
= 12X – X2
– 6.25
ผูผูกขาดตองการกําไรสูงสุด เงื่อนไขที่จะทําใหไดกําไรสูงสุด คือ 0dX
d
=
π
และ
0
dX
d
2
2
<
π
54
dX
dπ
= 12 – 2X = 0
X = 6
ผูผูกขาดสมควรผลิตสินคา 6 หนวย แตปรากฏวาผูผูกขาดผลิตสินคา 7 หนวย เนื่องจาก
ผูผูกขาดมีความกังวลวาจะมีผูผลิตรายใหมเขามาแขงขัน ผูผลิตที่จะเขามาอาจจะมี
ฟงกชั่นการผลิตเหมือนกับผูผูกขาด ดังนั้นถาผูผูกขาดผลิตสินคา 6 หนวย ผูที่เขามา
ใหมอาจจะผลิต Y หนวย ดังนั้นราคาสินคาจะเทากับ
P = 13 – X – Y
และกําไรของผูเขามาใหมจะเทากับ (13 – X – Y) Y – Y – 6.25 แทนคา X = 6 และหา
ปริมาณ Y ที่จะทําใหผูที่เขามาใหมไดกําไรสูงสุด (π2)
π2 = (13 – 6 – Y) Y – Y – 6.25
dY
d 2π
= 7 – 2Y – 1 = 0
Y = 3 ; π2 = 2.75
ดังนั้น จึงเห็นไดวา ถาผูผูกขาดผลิต 6 หนวย และผูผลิตรายใหมเขามาทําการ
ผลิต 3 หนวย ผูผลิตรายใหมสามารถเขามาไดและมีกําไร แตถาผูผูกขาดผลิตสินคา 7
หนวย ฟงกชั่นกําไรของผูผลิตรายใหมจะเปลี่ยนเปน
π2 = (13 – 7 –y) y – y – 6.25
= (6 – y) y – y – 6.25
dy
d 2π
= 6-2y – 1 = 0
y = 2
5
แทนคา y = 2
5
ในสมการ π2 จะได π2 = 0 ดังนั้น ผูผลิตรายใหมจะไมตองการเขา
มาในอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากกําไรเทากับศูนย
จากเหตุผลดังที่กลาวมาขางตน จึงเปนเหตุผลที่ทําใหผูผูกขาดตองผลิตสินคา 7
หนวยแทนที่จะเปน 6 หนวย
55
A von Stackelberg story
สมมติวาผูผูกขาดสามารถกําหนดปริมาณการผลิตกอนที่ผูผลิตรายใหมจะเขา
มาในอุตสาหกรรม โดยใชรูปตอไปนี้ โดยใหผูผูกขาดเปนผูเริ่มกอนโดยกําหนด
ปริมาณการผลิต ผูเขามาใหมจะพิจารณาปริมาณการผลิตของผูผูกขาด แลวทําการ
ตัดสินใจวาจะเขามาในอุตสาหกรรมนี้หรือไม ถาเขามาจะกําหนดปริมาณการผลิต
เทากับเทาใด
Y = 2.5 (14.75, 2.5)
enter Y = 2.75
X = 6 Y = 3
don’t (29.75, 0)
Y = 2.5 (13.25, 1.25)
enter Y = 2.75
A X = 6.5 Y = 3
don’t (29.5, 0)
Y = 2.5 (11.25, 0)
enter Y = 2.75
X = 7 Y = 3
don’t (28.75, 0)
(13.25, 2.6875)B
(11.625, 1.3125)B
(9.5, -0.0625)B
(10, 1.25)
(7.75, -0.25)
(11.75, 2.75)
จากรูปจะเห็นไดวา ผูผูกขาด A มี 3 กลยุทธ คือ ผลิตสินคาในปริมาณ 6, 6.5 หรือ 7
หนวย และผูเขามาใหม (B) อาจจะตัดสินใจผลิตสินคาในปริมาณ 2.5, 2.75 หรือ 3
หนวย หรือตัดสินใจไมเขามาในอุตสาหกรรมนี้ ตัวเลขในวงเล็บเปนผลกําไรที่ A และ
B จะไดรับ ตามลําดับ สมมติผูผูกขาดตัดสินใจผลิตสินคา 6.5 หนวย ผูเขามาใหมจะ
ตัดสินใจเลือกผลิตเทากับ 2.75 หนวย เพราะจะไดกําไรสูงสุดคือ 1.3125 ฟงกชันกําไร
ของผูเขามาใหมคือ
56
π2 = (13 – 6.5 – y) y – y – 6.25
= (6.5 – y) y – y – 6.25
= 6.5y – y2
– y – 6.25
จากเงื่อนไข π2 สูงสุด
dy
d 2π
= 6.5 – 2y – 1 = 0
y = 2
5.5
= 2.75
บรรณานุกรม
Kreps, David M. Game Theory and Economic Modelling. Oxford :
Oxford University Press, 1998.
Nicholson, Walter. Microeconomic Theory Basic Principles and Extensions. 8th
ed.
London : Thomson Learning, Inc., 2002.
Pashigian, B. Peter. Price Theory and Applications. 2nd ed. Boston :
The McGraw-Hill Co. Inc, 1998.
Peterson, H Craig and Lewis, W. Cris. Managerial Economics. 4th ed. New Jersey :
Prentice Hall, 1999.
Romp, Graham. Game Theory Introduction and Applications. Oxford :
Oxford University Press, 1997.
Schotter, Andrew. Free Market Economics A Critical Appraisal. New York :
St. Martin’s press, 1985.

More Related Content

PDF
ทฤษฎีเกมส์กับการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร์
PDF
กลยุทธ์การแข่งขันทางด้านราคา
PPTX
โครงสร้างตลาด
PDF
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
PPT
หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์
PDF
PPTX
ความยืดหยุ่น การแทรกแซงของรัฐ
PPTX
Chapter2 อุปสงค์อุปทาน
ทฤษฎีเกมส์กับการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร์
กลยุทธ์การแข่งขันทางด้านราคา
โครงสร้างตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์
ความยืดหยุ่น การแทรกแซงของรัฐ
Chapter2 อุปสงค์อุปทาน

What's hot (20)

PPTX
พฤติกรรมผู้บริโภค
PPTX
Chapter4 พฤติกรรมผู้บริโภค
PPT
Econ presentation 3
PDF
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
PDF
บทที่ 14 การวางแผนความต้องการวัสดุ
PDF
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์อุปทาน
PDF
PDF
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
PDF
การวัดการกระจายสัมพัทธ์
PPT
การกำหนดรายได้ประชาชาติดุลยภาพ
PDF
เรื่องที่ 3 การคัดเลือกแหล่งจัดซื้อสินค้า การจัดจำหน่าย การจัดการงานบุคคล
PDF
วิชาต้นทุน บทที่ 2 ต้นทุนและงบ 1
PDF
การพยากรณ์และการวางแผนทางการเงิน
PPTX
Chapter5 ทฤษฎีการผลิต
PDF
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
PDF
Macro Economics c4 การกำหนดรายได้ประชาชาติดุลยภาพและตัวทวีคูณ
PPTX
อธิบายการหาพื้นที่ใต้กราฟ
PPTX
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
DOCX
ลอการิทึม
PDF
บทที่ 5 การเลือกทำเลที่ตั้ง
พฤติกรรมผู้บริโภค
Chapter4 พฤติกรรมผู้บริโภค
Econ presentation 3
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 14 การวางแผนความต้องการวัสดุ
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์อุปทาน
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
การวัดการกระจายสัมพัทธ์
การกำหนดรายได้ประชาชาติดุลยภาพ
เรื่องที่ 3 การคัดเลือกแหล่งจัดซื้อสินค้า การจัดจำหน่าย การจัดการงานบุคคล
วิชาต้นทุน บทที่ 2 ต้นทุนและงบ 1
การพยากรณ์และการวางแผนทางการเงิน
Chapter5 ทฤษฎีการผลิต
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
Macro Economics c4 การกำหนดรายได้ประชาชาติดุลยภาพและตัวทวีคูณ
อธิบายการหาพื้นที่ใต้กราฟ
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ลอการิทึม
บทที่ 5 การเลือกทำเลที่ตั้ง
Ad

Viewers also liked (20)

PPTX
ทฤษฎีเกม (Game theory)
PDF
งานที่3
PPTX
ทฤษฎีเกม
PPT
Game theory
PPTX
Happy workplace
PDF
ทฤษฎีความอลวน Chaos theory.ppt3
 
PPTX
Game theory+
PDF
งานพักกาด
PPT
Ppt
PPT
Work hard work_smart_
PPT
Game Theory
PDF
บทที่ 1 ประวัติทฤษฎีทางด้านการบริหาร
PDF
บทที่ 5
PDF
เบื่องาน
PDF
แรงจูงใจในการทำงาน
PDF
โครงงานพัฒนาเกม 8
DOCX
ตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎี
PPT
แรงจูงใจในการทำงาน
PDF
สื่อการสอนวิชาทฤษฎีและหลักการบริหารการศึกษา
ทฤษฎีเกม (Game theory)
งานที่3
ทฤษฎีเกม
Game theory
Happy workplace
ทฤษฎีความอลวน Chaos theory.ppt3
 
Game theory+
งานพักกาด
Ppt
Work hard work_smart_
Game Theory
บทที่ 1 ประวัติทฤษฎีทางด้านการบริหาร
บทที่ 5
เบื่องาน
แรงจูงใจในการทำงาน
โครงงานพัฒนาเกม 8
ตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎี
แรงจูงใจในการทำงาน
สื่อการสอนวิชาทฤษฎีและหลักการบริหารการศึกษา
Ad

Similar to ทฤษฎีเกมส์กับการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร์ (20)

PDF
PDF
2222222
PPT
งานนำเสนอ1
PDF
Game Theory
PPT
งานทฤษฎีเกม
PPT
งานคอมพิวเตอร์
PPT
งานคอมพิวเตอร์
PPT
Games theor
PPT
Games theor
PPT
Games theor
PDF
เเนน
PDF
งานที่3
PDF
งานที่3
PDF
Game theory
PDF
Game theory
PDF
ทฤษฎีเกม (Game theory)
PPTX
Game theory
PDF
2ช่อ
PPT
Game theory
PPT
Game theory2
2222222
งานนำเสนอ1
Game Theory
งานทฤษฎีเกม
งานคอมพิวเตอร์
งานคอมพิวเตอร์
Games theor
Games theor
Games theor
เเนน
งานที่3
งานที่3
Game theory
Game theory
ทฤษฎีเกม (Game theory)
Game theory
2ช่อ
Game theory
Game theory2

More from Rose Banioki (20)

PDF
Spm ระบบความคิดพิชิตการลงทุน
PDF
2013ar-Berkshire Hathaway
PDF
Instant tax
PDF
Techinque mutual-fund
PDF
หนังสือความทรงอภิญญา
PDF
Nutritive values of foods
PDF
Thaifood table
PDF
Ipad user guide ios7
PDF
Iphone user guide th
PPS
To myfriends
PPS
The differencebetweenbeachesinindia&greece
PPS
Toilets pierre daspe
PPS
PPS
Pps hollywood dorado_bea
PPS
Photosdutempspass
PPS
Photo mix7
PPS
Photos carlosalbertobau
Spm ระบบความคิดพิชิตการลงทุน
2013ar-Berkshire Hathaway
Instant tax
Techinque mutual-fund
หนังสือความทรงอภิญญา
Nutritive values of foods
Thaifood table
Ipad user guide ios7
Iphone user guide th
To myfriends
The differencebetweenbeachesinindia&greece
Toilets pierre daspe
Pps hollywood dorado_bea
Photosdutempspass
Photo mix7
Photos carlosalbertobau

ทฤษฎีเกมส์กับการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร์

  • 1. ทฤษฎีเกมสกับการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร รศ.ดร.ไกร โพธิ์งาม* คํานํา ทฤษฎีเกมเกี่ยวของกับการใชกลยุทธเพื่อเอาชนะคูแขงขันโดยที่คูแขงขันแตละ รายตางก็จะเลือกกลยุทธที่จะทําใหตัวเองไดเปรียบคูแขงขัน เชนอาจจะใชกลยุทธลด ราคาสินคา เพื่อแยงสวนแบงการตลาดมาจากคูแขงขัน โดยที่แตละฝายตางก็จะตอง คาดคะเนวาคูแขงขันจะใชกลยุทธอะไรในการตอสู ทฤษฎีเกมจะประกอบดวย สวนประกอบ 3 สวนที่สําคัญ ไดแก ผูเลน (players) ตั้งแตสองคนขึ้นไป กลยุทธ (strategies) และตารางแสดงผลตอบแทน (payoffs) ที่ผูเลนแตละคนจะไดรับ บทความ เรื่องนี้จะเปนการรวบรวมตัวอยางแบบตางๆ เพื่อที่จะใชตัวอยางในการวิเคราะหถึง การตัดสินใจของผูเลนแตละรายและวิเคราะหที่เกี่ยวของกับการตัดสินใจทาง เศรษฐศาสตร ตัวอยาง บริษัทสองแหงทําการแขงขันกัน โดยมีวัตถุประสงคของการแขงขัน คือ การ เพิ่มกําไรของแตละบริษัท โดยแตละบริษัทมีกลยุทธสองอยางคือ ไมเปลี่ยนแปลงราคา และการเพิ่มราคาใหสูงขึ้น ดังจะใหเห็นดวย payoff matrix ดังนี้ บริษัทที่สอง ไมเปลี่ยนแปลงราคา เพิ่มราคา ไมเปลี่ยนแปลงราคา 10, 10 100, - 30 บริษัทที่หนึ่ง เพิ่มราคา - 20, 30 140, 35 * อาจารยประจําคณะเศรษฐศาสตร มหาวิทยาลัยรามคําแหง
  • 2. 43 จาก payoff matrix ถาทั้งสองบริษัทไมเปลี่ยนแปลงราคา แตละบริษัทจะได กําไรบริษัทละ 10 ลานบาท ถาบริษัทที่หนึ่งไมเปลี่ยนแปลงราคาในขณะที่บริษัทที่สอง เพิ่มราคา บริษัทที่หนึ่งไดกําไร 100 ลานบาท บริษัทที่สองขาดทุน 30 ลานบาท ถา บริษัทที่หนึ่งเพิ่มราคาในขณะที่บริษัทที่สองไมเปลี่ยนแปลงราคา บริษัทที่หนึ่งขาดทุน 20 ลานบาท บริษัทที่สองไดกําไร 30 ลานบาท ถาทั้งสองบริษัทเพิ่มราคา บริษัทที่หนึ่ง ไดกําไร 140 ลานบาท บริษัทที่สองไดกําไร 35 ลานบาท Nash Equilibrium จาก payoff matrix แตละบริษัทตองการกําไรสูงสุด สมมติบริษัทที่หนึ่งไม ตองการเปลี่ยนแปลงราคา กลยุทธที่ดีที่สุดสําหรับบริษัทที่สองก็คือไมเปลี่ยนราคา จุด ดุลยภาพ คือ ทั้งสองบริษัทไมเปลี่ยนแปลงราคา จึงเรียกจุดดุลยภาพนี้วา Nash equilibrium ซึ่งตั้งชื่อใหเปนเกียรติแกนักคณิตศาสตร ชื่อ John Nash Nash equilibrium หมายถึง กลยุทธที่จะทําใหคูแขงขันไดผลตอบแทนสูงสุด อยางไรก็ตาม ขอจํากัดของ Nash equilibrium ก็คือ จุดดุลยภาพมีไดมากกวา 1 จุด จากตาราง payoff ในตัวอยางหนาที่หนึ่ง ถาบริษัทที่หนึ่งเพิ่มราคาสินคา บริษัทที่สองจะไดกําไรเพิ่มขึ้น ถาบริษัทที่สองเพิ่มราคาสินคาตามไปดวย ในทํานองเดียวกันถาบริษัทที่สองเพิ่มราคาสินคาบริษัทที่หนึ่งก็สมควรจะเพิ่ม ราคาสินคา ดังนั้นการที่ทั้งสองบริษัทเพิ่มราคาสินคาจึงเปน Nash equilibrium ตัวอยางกําหนดให payoff matrix ของผูเลนสองคน A และ B เปนดังนี้ ผูเลน B column 1 column 2 row 1 5, 5 - 1, 6 ผูเลน A row 2 6, - 1 0, 0
  • 3. 44 ผูเลน A ควรเลือก row 2 เนื่องจากผลตอบแทนสูงกวา row 1 (ไมวา B จะเลือก column 1 หรือ column 2) และผูเลน B ควรเลือก column 2 ไมวา A จะเลือก row 1 หรือ row 2 ดังนั้น Nash equilibrium คือ row 2 และ column 2 โดยผลตอบแทน คือ (0, 0) และจาก payoff matrix นี้จะเห็นวา ถา A และ B รวมมือกัน โดย A เลือก row 1 และ B เลือก column 1 ผลตอบแทนของทั้งสองคนจะสูงขึ้นเปน (5, 5) Dominant Strategies ในบางสถานการณ ผูผลิตบางรายที่อยูในสถานะที่ไดเปรียบคูแขงขัน จะ เลือกใชกลยุทธ โดยไมจําเปนตองสนใจกลยุทธของคูแขงขัน dominant strategy คือ กล ยุทธที่ดีที่สุดของผูผลิตไมวาคูแขงขันจะใชกลยุทธอะไรก็ตาม ผูผลิตรายที่สอง c d a 42, 42 35, 45 ผูผลิตรายที่หนึ่ง b 45, 35 36, 36 dominant strategy ของผูผลิตรายที่หนึ่งคือ b ไมวาผูผลิตรายที่สองจะเลือก กลยุทธอะไรก็ตาม dominant strategy ของผูผลิตรายที่สอง ก็คือ d จากตาราง payoffs ในตัวอยางขางลางนี้ กลยุทธที่ดีที่สุดของแตละบริษัทขึ้นอยู กับวา คูแขงขันที่เริ่มกอนเลือกกลยุทธอะไร แตในบางกรณี กลยุทธที่ดีที่สุดของบริษัท ไมขึ้นอยูกับวาคูแขงขันเลือกกลยุทธอะไร ในกรณีเชนนี้จะเรียกกลยุทธนั้นวา dominant strategy
  • 4. 45 บริษัทที่สอง ไมเปลี่ยนแปลงราคา เพิ่มราคา ไมเปลี่ยนแปลงราคา 10, 10 100, - 30 บริษัทที่หนึ่ง เพิ่มราคา - 20, 30 140, 25 จาก payoff matrix ขางบนนี้ ถาบริษัทที่หนึ่งไมเปลี่ยนแปลงราคา กลยุทธที่ดี ที่สุดของบริษัทที่สองก็คือ ไมเปลี่ยนแปลงราคา และถาบริษัทที่หนึ่งเพิ่มราคา กลยุทธที่ ดีที่สุดของบริษัทที่สองก็ยังเหมือนเดิมคือไมเปลี่ยนแปลงราคา ดังนั้น ไมวาบริษัทที่ หนึ่งจะเลือกกลยุทธอะไรก็ตาม กลยุทธที่ดีที่สุดของบริษัทที่สองก็คือ ไมเปลี่ยนแปลง ราคา ซึ่งเปน dominant strategies ดังนั้นเมื่อผูเลนมี dominant strategy จะมี Nash equilibrium เกิดขึ้นในเกมนั้นเสมอ ผูเลน B U V X 3, 6 7, 1 Y 5, 1 8, 0ผูเลน A Z 6, 0 7.5, 2 จากตาราง payoffs ผูเลน A มี 3 กลยุทธ คือ X Y และ Z ในขณะที่ผูเลน B มี 2 กลยุทธ คือ U และ V ผูเลน A จะไมเลือก กลยุทธ X เนื่องจากไดผลตอบแทนนอย กวาการเลือก Y หรือ Z จึงเรียกวา กลยุทธ Y dominate กลยุทธ X และกลยุทธ Z dominate กลยุทธ X
  • 5. 46 ผูเลน B U V X 3, 6 7, 1 Y 5, 1 8, 2ผูเลน A Z 6, 0 7.5, 2 จากตาราง payoffs ผลตอบแทนที่ A ไดรับเหมือนเดิมในกรณีที่ผูเลน A เลือก กลยุทธ Y หรือ Z B ควรเลือกกลยุทธ V และถาผูเลน A มั่นใจวา ผูเลน B ตองเลือก V ผูเลน A จะเลือก Y Dominated Strategies Dominated Strategy คือ กลยุทธที่ใหผลตอบแทนต่ํากวากลยุทธอื่น ๆ จากตัวอยางของ payoff matrix ขางลางนี้ Y c d e a 2 6 14 X b 8 7 10 ผูเลน X มี 2 กลยุทธคือ a และ b ผูเลน Y มี 3 กลยุทธคือ c, d และ e จะเห็นวา กลยุทธ e จะทําใหผูเลน Y เสีย 14 หรือ 10 ซึ่งเปนผลเสียที่มากกวา กลยุทธ c และ d ดังนั้นกลยุทธ e เปน dominated strategy Maximin Strategies การวิเคราะหโครงสรางการตลาด ขึ้นอยูบนพื้นฐานของการทํากําไรสูงสุด แต ในสถานการณของตลาดแบบ Oligopoly ผูบริหารของแตละบริษัทอาจใชกลยุทธ
  • 6. 47 หลีกเลี่ยงความเสี่ยง (risk averse) โดยใชหลักเกณฑ maximin (คาสูงสุดในบรรดาผล กําไรที่ต่ําสุด) ตัวอยางที่เกี่ยวของกับเรื่องนี้ก็คือ บริษัทสองบริษัทตองการแนะนําสินคาชนิด ใหม ผลกําไรของบริษัททั้งสองแหง แสดงไวใน payoff matrix ขางลางนี้ Firm II ไมนําสินคาใหม เขาสูตลาด นําสินคาใหม เขาสูตลาด ผลตอบแทนต่ําสุด ของ Firm I ไมนําสินคาใหม เขาสูตลาด 4, 4 3, 6 3 Firm I นําสินคาใหม เขาสูตลาด 6, 3 2, 2 2 ผลตอบแทนต่ําสุด ของ Firm II 3 2 จาก payoff matrix จะเห็นไดวา ถาแตละบริษัทตองการกําไรสูงสุด Nash equilibrium จะมี 2 จุด คือ บริษัทหนึ่งแนะนําสินคาใหมในขณะที่อีกบริษัทหนึ่งไม แนะนํา ผลตอบแทนที่เปน Nash equilibrium คือ 6, 3 และ 3, 6 สําหรับการตัดสินใจที่ ใชหลักเกณฑ maximin ไมใชกลยุทธที่จะทําใหไดรับกําไรสูงสุด แตเปนกลยุทธที่ใชใน การหลีกเลี่ยงความเสียหายสูงสุด การใชหลักเกณฑ maximin จะเริ่มตนจากหาคาต่ําสุดเสียกอน แลวจึงเลือก คาสูงสุดจากบรรดาคาต่ําสุด จาก payoff ขางตน ถาใชหลักเกณฑ maximin จะได คําตอบคือ แตละบริษัทจะไมนําสินคาใหมเขาสูตลาด Domitory Game สมมติมีนักศึกษาสองคน A และ B ตัดสินใจเกี่ยวกับการเปดสเตอริโอ ใหมี เสียงดังมาก (L) กับการเปดเสียงคอย ๆ (S) ในการอธิบายเรื่องนี้จะใช tree diagram อธิบายความพอใจของแตละคนไดดังนี้
  • 7. 48 L 7, 5 B L S 5, 4 A L 6, 4 S B S 6, 3 Payoff ของ The Domitory Game กลยุทธของ B L S L 7, 5 5, 4 กลยุทธของ A S 6, 4 6, 3 กรณีที่ A และ B เปดสเตอริโอเสียงดังมาก อรรถประโยชนที่ A และB ไดรับ เทากับ 7 และ 5 ตามลําดับ กลยุทธ (L S) หมายถึง A เปดสเตอริโอเสียงดังมากและ B เปดสเตอริโอโดยที่ เสียงดังไมมาก อรรถประโยชนที่เกิดกับ A และ B เทากับ 5 และ 4 ตามลําดับ L เปน dominant strategy ของ B เนื่องจากไมวา A จะเลือก L หรือ S B จะตองเลือก L และเมื่อ B เลือก L A จะตองเลือก L เนื่องจากไดรับอรรถประโยชนสูง กวา การเลือก S ดังนั้นกลยุทธ (L L) เปน Nash equilibrium กลยุทธอื่น ๆ อาทิเชน (S L) ไมใช Nash equilibrium เนื่องจากถา A เปลี่ยนกลยุทธจาก S เปน L อรรถประโยชนของ A จะเพิ่มขึ้นจาก 6 เปน 7
  • 8. 49 ตัวอยาง การเลนเกมของเด็ก โดยใชมือใหเปนสัญลักษณของ กอนหิน กรรไกร และ กระดาษ กลยุทธของ B กอนหิน กรรไกร กระดาษ กอนหิน 0, 0 1, - 1 - 1, 1 กลยุทธของ A กรรไกร - 1, 1 0, 0 1, -1 กระดาษ 1, - 1 - 1, 1 0, 0 เกมดังตารางขางตนนี้ มีขอสมมติฐานวา กอนหินดีกวากรรไกร กรรไกรดีกวา กระดาษ และกระดาษดีกวากอนหิน จะเห็นไดวาเกมดังกลาวนี้จะไมมีจุดดุลยภาพ กลยุทธแตละคู จะไมมีเสถียรภาพ สมมติ A และ B เลือกกรรไกร แตละคนมีความ ตองการที่จะเปลี่ยนเปนกอนหิน หรือในกรณีที่ A เลือก กระดาษ และ B เลือกกอนหิน B มีความตองการที่จะเปลี่ยนจากกอนหินเปนกรรไกร ลักษณะของเกมแบบนี้จะไมมี Nash equilibrium Battle of the Sexes Game สามี และภรรยา วางแผนที่จะไปพักผอนตางจังหวัด สามี ตองการพักผอน สถานที่ทองเที่ยวที่มีภูเขา ในขณะที่ภรรยาตองการพักผอน ณ ชายทะเล และทั้งสองคน ตองการไปพักผอนดวยกัน payoff matrix เปนดังนี้ กลยุทธของภรรยา ภูเขา ชายทะเล ภูเขา 2, 1 0, 0 กลยุทธของสามี ชายทะเล 0, 0 1, 2
  • 9. 50 จาก payoff matrix จะเห็นวาไมมี dominant strategy เนื่องจากสามีชอบภูเขา ภรรยาชอบชายทะเล และทั้งสองตองการพักผอนดวยกัน จะเห็นไดวา ถาสามีเลือกภูเขา ภรรยาเลือกภูเขา เพราะวาทั้งสองคนไดอรรถประโยชนสูงขึ้น ในขณะที่ถาภรรยาเลือก ชายทะเล สามีก็ตองเลือกชายทะเล เพราะวาอรรถประโยชนของทั้งสองคนเพิ่มขึ้น ดังนั้น Nash equilibrium จึงมี 2 จุด คือ (ภูเขา ภูเขา) และ (ชายทะเล ชายทะเล) The Prisoner’s Dilemma มีนักโทษสองคน A กับ B นักโทษทั้งสองคนนี้ รูเงื่อนไขดีวา ถาทั้งสองคน สารภาพวาทําผิด นักโทษทั้งสองจะตองติดคุกคนละ 3 ป แตถาคนหนึ่งสารภาพโดยที่ อีกคนหนึ่งไมสารภาพ คนที่รับสารภาพจะติดคุก 10 ป คนที่ไมรับสารภาพติดคุกเพียง 6 เดือน แตในกรณีที่ทั้งสองคนไมรับสารภาพ ทั้งสองคนจะติดคุกคนละ 2 ป เขียนเปน ตารางไดดังนี้ B (จํานวนปที่ติดคุก) สารภาพ ไมสารภาพ สารภาพ 3, 3 ½ , 10 A ไมสารภาพ 10, ½ 2, 2 กรณีของ Prisoner’s dilemma นี้ จะมี Nash equilibrium เกิดขึ้น เนื่องจากแตละ คนคิดวา นักโทษอีกคนหนึ่งจะไมสารภาพ ดังนั้นถาเขาสารภาพเขาจะติดคุกเพียง ½ ป ทําใหนักโทษทั้งสองคนตางก็สารภาพนั่นคือ Nash equilibrium เกิดขึ้น แตเปน Nash equilibrium ที่นักโทษทั้งสองคนตางก็ไมปรารถนา ตัวอยาง กรณีผูเลน 3 คน A, B, C ผูเลนแตละคนมี 3 กลยุทธ คือ ใหเลือกเลข 1 หรือ 2 หรือ 3 ผูเลนแตละคนจะไดรับ ผลตอบแทนเทากับ 4 เทา ของตัวเลขต่ําสุด ลบ ดวยตัวเลขที่ผูเลนรายนั้นเลือก เชน A เลือก 3 B เลือก 2 C เลือก 3 จะเห็นไดวาตัวเลข ต่ําสุด คือ 2 ดังนั้น A ไดรับ (4 x 2) – 3 = 5 B ไดรับ เทากับ (4 x 2) – 2 = 6 C ไดรับรางวัล (4 x 2) – 3 = 5
  • 10. 51 กรณีผูเลน C เลือก 1 ผูเลน B 1 2 3 1 3, 3, 3 3, 2, 3 3, 1, 3 ผูเลน A 2 2, 3, 3 2, 2, 3 2, 1, 3 3 1, 3, 3 1, 2, 3 1, 1, 3 กรณีผูเลน C เลือก 2 ผูเลน B 1 2 3 1 3, 3, 2 3, 2, 2 3, 1, 2 ผูเลน A 2 2, 3, 2 6, 6, 6 6, 5, 6 3 1, 3, 2 5, 6, 6 5, 5, 6 กรณีผูเลน C เลือก 3 ผูเลน B ผูเลน B 1 2 3 1 3, 3, 1 3, 2, 1 3, 1, 1 ผูเลน A 2 2, 3, 1 6, 6, 5 6, 5, 5 3 1, 3, 1 5, 6, 5 9, 9, 9 Static game หมายถึง การที่ผูเลนตัดสินใจโดยไมรูวาคูแขงขันตัดสินใจ อยางไร เชน การประมูลงานราชการ ผูประมูลตั้งราคาประมูลโดยไมรูวาคูแขงขันจะตั้ง ราคาเทาใด
  • 11. 52 Non-cooperative game แบงเปน2 ประเภท (1) Normal form game (2) Extensive form game Normal form game มีสิ่งที่สําคัญ 3 อยาง คือ (ก) ผูเลน (players) คือผูที่ทําการตัดสินใจวาจะใชกลยุทธอะไร แตละเกมจะมี ผูเลนอยางนอยสองคน (ข) กลยุทธ (strategies) หมายถึง การกระทําของผูเลนเกม ซึ่งจะขึ้นอยูกับ การ วิเคราะหวาคูแขงขันจะตัดสินใจอยางไร ยกตัวอยางเชน ผูเลนคนที่หนึ่งตองการขาย รถยนต การกระทําของผูเลนคนที่หนึ่ง คือ ขายรถยนต หรือ ไมขายรถยนต ซึ่งขึ้นอยูกับ การกระทําของคูแขงขัน วาจะใหราคาเทาไหร เชน ถาใหราคา 300,000 บาท หรือ สูงกวา ผูเลนคนที่หนึ่งตัดสินใจขายรถยนต ถาคูแขงขันใหราคาต่ํากวา 300,000 บาท ผูเลน คนที่หนึ่งตัดสินใจไมขาย (ค) ผลตอบแทน (pay-offs) หมายถึง สิ่งที่ผูเลนเกมจะไดรับหลังจากทําการ ตัดสินใจ เขียนในรูปของ matrix ผูเลนทุกคนตองการผลตอบแทนที่สูง ตัวอยางของ static game คือ the Prisoner’s Dilemma ในเกมนี้ตํารวจจับผูตอง สงสัยไดสองคน แตตํารวจยังหาหลักฐานที่จะจับกุมผูตองหายังไมได นอกจากผูตองหา จะรับสารภาพ (confess) ตํารวจจึงแยกผูตองหาไวคนละหอง แลวบอกผูตองหาแตละคน วา ถาผูตองหาไมรับสารภาพจะตองติดคุกคนละ 1 เดือน ถาผูตองหาทั้งสองคนรับ สารภาพจะติดคุกคนละ 6 เดือน ถาสารภาพเพียงคนเดียวโดยที่อีกคนหนึ่งไมรับสารภาพ ผูที่สารภาพจะไดรับการปลอยตัวทันที ผูที่ไมสารภาพจะติดคุก 9เดือน Pay –off Matrix ผูตองหาคนที่สอง สารภาพ ไมสารภาพ สารภาพ - 6, - 6 0, - 9 ผูตองหาคนที่หนึ่ง ไมสารภาพ - 9, 0 - 1, - 1
  • 12. 53 Extensive form games ใชวิธีการอธิบายโดย tree diagram สารภาพ ไมสารภาพสารภาพ 1 0 ไมสารภาพ สารภาพ ไมสารภาพ 2 2 (-6, -6) (0, -9) (-9, 0) (-1, -1) เสนประ แสดงถึงผูตองหารายที่สอง ไมรูการตัดสินใจของผูตองหารายที่หนึ่ง การประยุกต game theory กับวิชาเศรษฐศาสตร กําหนดใหผูผูกขาดกําหนดราคาสินคาเทากับ P ปริมาณสินคาเทากับ X และ ใหสมการ demand function คือ X = 13 – P ใหตนทุนการผลิต C = X + 6.25 จากสมการตนทุนการผลิต marginal cost เทากับ 1 fixed cost เทากับ 6.25 Total revenue = (13 – X) X กําไร (π) = (13 – X) X – X – 6.25 = 13X – X2 – X – 6.25 = 12X – X2 – 6.25 ผูผูกขาดตองการกําไรสูงสุด เงื่อนไขที่จะทําใหไดกําไรสูงสุด คือ 0dX d = π และ 0 dX d 2 2 < π
  • 13. 54 dX dπ = 12 – 2X = 0 X = 6 ผูผูกขาดสมควรผลิตสินคา 6 หนวย แตปรากฏวาผูผูกขาดผลิตสินคา 7 หนวย เนื่องจาก ผูผูกขาดมีความกังวลวาจะมีผูผลิตรายใหมเขามาแขงขัน ผูผลิตที่จะเขามาอาจจะมี ฟงกชั่นการผลิตเหมือนกับผูผูกขาด ดังนั้นถาผูผูกขาดผลิตสินคา 6 หนวย ผูที่เขามา ใหมอาจจะผลิต Y หนวย ดังนั้นราคาสินคาจะเทากับ P = 13 – X – Y และกําไรของผูเขามาใหมจะเทากับ (13 – X – Y) Y – Y – 6.25 แทนคา X = 6 และหา ปริมาณ Y ที่จะทําใหผูที่เขามาใหมไดกําไรสูงสุด (π2) π2 = (13 – 6 – Y) Y – Y – 6.25 dY d 2π = 7 – 2Y – 1 = 0 Y = 3 ; π2 = 2.75 ดังนั้น จึงเห็นไดวา ถาผูผูกขาดผลิต 6 หนวย และผูผลิตรายใหมเขามาทําการ ผลิต 3 หนวย ผูผลิตรายใหมสามารถเขามาไดและมีกําไร แตถาผูผูกขาดผลิตสินคา 7 หนวย ฟงกชั่นกําไรของผูผลิตรายใหมจะเปลี่ยนเปน π2 = (13 – 7 –y) y – y – 6.25 = (6 – y) y – y – 6.25 dy d 2π = 6-2y – 1 = 0 y = 2 5 แทนคา y = 2 5 ในสมการ π2 จะได π2 = 0 ดังนั้น ผูผลิตรายใหมจะไมตองการเขา มาในอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากกําไรเทากับศูนย จากเหตุผลดังที่กลาวมาขางตน จึงเปนเหตุผลที่ทําใหผูผูกขาดตองผลิตสินคา 7 หนวยแทนที่จะเปน 6 หนวย
  • 14. 55 A von Stackelberg story สมมติวาผูผูกขาดสามารถกําหนดปริมาณการผลิตกอนที่ผูผลิตรายใหมจะเขา มาในอุตสาหกรรม โดยใชรูปตอไปนี้ โดยใหผูผูกขาดเปนผูเริ่มกอนโดยกําหนด ปริมาณการผลิต ผูเขามาใหมจะพิจารณาปริมาณการผลิตของผูผูกขาด แลวทําการ ตัดสินใจวาจะเขามาในอุตสาหกรรมนี้หรือไม ถาเขามาจะกําหนดปริมาณการผลิต เทากับเทาใด Y = 2.5 (14.75, 2.5) enter Y = 2.75 X = 6 Y = 3 don’t (29.75, 0) Y = 2.5 (13.25, 1.25) enter Y = 2.75 A X = 6.5 Y = 3 don’t (29.5, 0) Y = 2.5 (11.25, 0) enter Y = 2.75 X = 7 Y = 3 don’t (28.75, 0) (13.25, 2.6875)B (11.625, 1.3125)B (9.5, -0.0625)B (10, 1.25) (7.75, -0.25) (11.75, 2.75) จากรูปจะเห็นไดวา ผูผูกขาด A มี 3 กลยุทธ คือ ผลิตสินคาในปริมาณ 6, 6.5 หรือ 7 หนวย และผูเขามาใหม (B) อาจจะตัดสินใจผลิตสินคาในปริมาณ 2.5, 2.75 หรือ 3 หนวย หรือตัดสินใจไมเขามาในอุตสาหกรรมนี้ ตัวเลขในวงเล็บเปนผลกําไรที่ A และ B จะไดรับ ตามลําดับ สมมติผูผูกขาดตัดสินใจผลิตสินคา 6.5 หนวย ผูเขามาใหมจะ ตัดสินใจเลือกผลิตเทากับ 2.75 หนวย เพราะจะไดกําไรสูงสุดคือ 1.3125 ฟงกชันกําไร ของผูเขามาใหมคือ
  • 15. 56 π2 = (13 – 6.5 – y) y – y – 6.25 = (6.5 – y) y – y – 6.25 = 6.5y – y2 – y – 6.25 จากเงื่อนไข π2 สูงสุด dy d 2π = 6.5 – 2y – 1 = 0 y = 2 5.5 = 2.75 บรรณานุกรม Kreps, David M. Game Theory and Economic Modelling. Oxford : Oxford University Press, 1998. Nicholson, Walter. Microeconomic Theory Basic Principles and Extensions. 8th ed. London : Thomson Learning, Inc., 2002. Pashigian, B. Peter. Price Theory and Applications. 2nd ed. Boston : The McGraw-Hill Co. Inc, 1998. Peterson, H Craig and Lewis, W. Cris. Managerial Economics. 4th ed. New Jersey : Prentice Hall, 1999. Romp, Graham. Game Theory Introduction and Applications. Oxford : Oxford University Press, 1997. Schotter, Andrew. Free Market Economics A Critical Appraisal. New York : St. Martin’s press, 1985.