More Related Content
Ac 5632010002 , 5632010013 การจัดการข้อมูลด้วย Excel What's hot (19)
ใบความรู้ที่ 4 การคำนวณในตารางงาน การใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excel พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชัน Ms excel ทุกเวอร์ชั่น การใช้โปรแกรม Microsoft Excel 2007 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมตารางการทำงานเบื้องต้น ความหมายของโปรแกรม Microsoft excel การใช้งานโปรแกรม Excel เบื้องต้น Similar to Lecture excel2007 (20)
การคำนวณอย่างง่าย และฟังก์ชันเบื้องต้น ปฏิบัติการที่ 6 การใช้งานโปรแกรมไมโครซอฟท์เอ็กเซล 1 ใบความรู้ ที่ 2.1 เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโปรแกรม microsoft excel 2010 More from PomPam Comsci (20)
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (ฉบับการ์ตูน) 2 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (ฉบับการ์ตูน)1 เปลี่ยนฟ้อนต์ ขนาดตัวอักษร การเชื่อมโยงหลายมิติและ URL การสร้าง Organization Chart การจัดทำสไลด์ต้นแบบ ( Master) การสั่งพิมพ์และตั้งค่าแผ่นสไลด์ การจัดทำบทบรรยายสำหรับผู้พูด Lecture excel2007
- 2. โปรแกรม Microsoft Excel 2007 โปรแกรมที่ใช้สำหรับกรอกข้อความ ตัวเลข และรูปภาพ ลงในช่องตารางที่ เรียกว่า “ เวิร์กชีส ” ( Worksheet ) ซึ่งมีจำนวนแถวและคอลัมน์มากมาย เหมาะกับงานทางด้านการคำนวณต่างๆ หรือสร้างกราฟแสดงผล กราฟ กระดาษทำการ (Worksheet)
- 3. ประโยชน์ของ Microsoft Excel สามารถคำนวณข้อมูลในตารางได้อย่างแม่นยำ สามารถสร้างกราฟแบบต่างๆ ได้ สามารถ ตกแต่ง ตารางข้อมูลด้วยสีสัน และรูปภาพ สามารถเรียงลำดับข้อมูลตามตัวอักษรหรือตัวเลขได้ มีระบบจัดการข้อมูลแบบอัตโนมัติหลายอย่าง สามารถแปลงข้อมูลเป็นเว็บเพจ
- 4. การเรียกใช้โปรแกรม Microsoft Excel 1. คลิกปุ่ม Start 2. เลือกรายการ Programs 3. คลิกที่โปรแกรม Microsoft office 3. คลิกที่โปรแกรม Microsoft excel 2007
- 6. แถบชื่อโปรแกรม (Title Bar) แสดงชื่อของโปรแกรม และชื่อของเอกสารที่กำลังใช้งานอยู่ ถ้าหากเป็นเอกสารที่ยังไม่ได้บันทึก ชื่อของเอกสารจะเป็น สมุดงาน 1
- 7. แถบคำสั่ง (Menu Bar) เป็นที่รวบรวมคำสั่งการใช้งานของโปรแกรม Microsoft Excel ทั้งหมด
- 13. ส่วนประกอบของกระดาษทำการ (Worksheet ) คอลัมน์ ( Column) แถว (Row) ป้ายชื่อของกระดาษทำการ ( sheet tab) ตัวชี้ตำแหน่งเซลล์ ( Cell Pointer) เป็นพื้นที่สำหรับการทำงาน เปรียบเสมือนกับกระดาษที่ใช้คิดเลข คำนวณ และกรอกข้อมูล
- 14. คอลัมน์ ( Column) คือ ช่องข้อมูลที่เรียงอยู่ใน แนวตั้ง มีทั้งหมด 256 คอลัมน์ แถว ( Row) คือ ช่องข้อมูลที่เรียงอยู่ใน แนวนอน มีทั้งหมด 65,536 แถว ป้ายชื่อของกระดาษทำการ ( sheet tab) ใช้แสดงชื่อของชีทที่กำลังใช้งานอยู่
- 16. การกำหนดช่วงข้อมูล (RANGE) 1. นำเมาส์คลิกในเซลล์แรก 2. กดปุ่มเมาส์ค้างไว้ แล้วลากไป ตำแหน่งเซลล์สุดท้ายของช่วง ช่วงข้อมูลแนวนอน ช่วงข้อมูลแนวตั้ง ทิศทางในการลากเมาส์
- 18. ชนิดของข้อมูล ค่าคงที่ (Constant) หมายถึง ข้อมูลที่เราใส่ลงในเซลล์โดยตรง โดยอาจเป็นตัวเลข , วัน - เวลา , หรือข้อความ โดยข้อมูลนี้จะไม่เปลี่ยนแปรค่า เว้นเสียแต่ว่าเราได้ทำการแก้ไขเอง สูตรการคำนวณ (Formula) หมายถึง นิพจน์ที่อาจเกิดจากค่าคงที่ ชื่อเซลล์ ฟังก์ชัน หรือเครื่องหมายคำนวณมาประกอบกันเพื่อให้เกิดค่าใหม่ ข้อมูลชนิดนี้จะต้องขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย = เสมอ และค่าของผลลัพธ์จะแปรเปลี่ยนไปตามค่าที่เกี่ยวข้อง
- 19. เติมข้อมูลอัตโนมัติ การเติมข้อมูลอัตโนมัติ หรือ Auto Fill เป็นความสามารถพิเศษของ Microsoft Excel ในการ ป้อนข้อมูลที่มักจะใช้บ่อยๆ และเป็นข้อมูลที่ต้องเรียงลำดับ เช่น เดือน , วัน , พ . ศ ., ตัวเลข 1. ป้อนข้อมูลใน เซลล์เริ่มต้น 3. ลากเมาส์ จะปรากฏ ข้อมูลเติมอัตโนมัติ 2. นำเมาส์มาชี้ ที่จุดเล็กๆ มุมล่าง ด้านขวาของเซลล์
- 20. เติมข้อมูลอัตโนมัติ ทำไหมตัวเลข ถึงไม่เพิ่มเป็น 2, 3 … วิธีที่ 1. ถ้าไม่นำตัวเลขไปคำนวณ ให้ใส่ เ ครื่องหมาย เ ขี้ยวเดียว ( ‘ ) นำหน้าตัวเลข วิธีที่ 2. พิมพ์ตัวเลขค่าเริ่มต้นในเซลล์แรก และพิมพ์ ตัวเลขค่าที่สองในเซลล์ถัดไป และทำแถบสี คลุมทั้งสองเซลล์ จากนั้นจึงทำการเติมข้อมูล โดยลากเมาส์จากจุด Auto Fill
- 23. สูตร (Formula) สูตรใน Excel จะเขียนในบรรทัดเดียว เช่น 2 4 จะเขียนเป็น 2 ^4 มีลำดับความสำคัญของเครื่องหมาย ไม่สามารถใส่สัญลักษณ์ทาง คณิตศาสตร์ที่ๆ ซับซ้อนได้ เช่น โดยเราจะใช้ฟังก์ชั่น SQRT ขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย =
- 24. 1. เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ 2. เครื่องหมายในการเชื่อมข้อความ 3 . เครื่องหมายในการเปรียบเทียบ 4 . เครื่องหมายในการอ้างอิง เครื่องหมายในการคำนวณ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
- 25. + บวก - ลบ * คูณ / หาร % เปอร์เซ็นต์ ^ ยกกำลัง 1. เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์
- 26. สมการที่อยู่ในวงเล็บ ( ) เปอร์เซ็นต์ และยกกำลัง % ^ คูณและหาร * และ / บวกและลบ + และ – เครื่องหมายเปรียบเทียบ <,<=,>,>= ลำดับในการคำนวณ
- 28. & เชื่อมข้อความ ตัวอย่าง =“Microsoft” & A1 ถ้า A1 เก็บค่า “ Excel” จะได้ผลลัพธ์เป็น Microsoft Excel 2 . เครื่องหมายในการเชื่อมข้อความ
- 29. = เท่ากับ <> ไม่เท่ากับ > มากกว่า < น้อยกว่า >= มากกว่าหรือเท่ากับ <= น้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 . เครื่องหมายในการเปรียบเทียบ
- 30. แบ่งออกเป็น 3.1 : (colon) 3.2 เว้นวรรค 3.3 , (comma) 4 . เครื่องหมายในการอ้างอิง
- 31. บอกช่วงของข้อมูล เช่น A1:A5 หมายถึง เซลล์ A1, A2, A3, A4, A5 A1:B2 หมายถึง เซลล์ A1, A2, B1, B2 4 .1 เครื่องหมาย : (colon)
- 33. เลือกเฉพาะข้อมูลที่ซ้ำกัน ( intersection) เช่น A1:B2 B1:B3 A1:B2 หมายถึง เซลล์ A1, A2, B1, B2 B1:B3 หมายถึง เซลล์ B1, B2 , B3 เลือกเฉพาะเซลล์ B1, B2 4 .2 เครื่องหมาย เว้นวรรค
- 35. เลือกข้อมูลทั้งหมด ( Union) เช่น A1,B2 หมายถึง เซลล์ A1 และ B2 A1:A3, B1:B3 หมายถึง เซลล์ A1, A2,A3, B1,B2,B3 4 .2 เครื่องหมาย , (comma)
- 43. การใส่เครื่องหมาย $ ทั้งหน้าคอลัมน์และแถว เป็นการล็อคตำแหน่งของเซลล์ทั้งคอลัมน์และ แถวไม่ว่าจะคัดลอกสูตรไว้ที่เซลล์ใด สูตรก็จะ ไม่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเซลล์ เช่น = $A$1+10 แบ่งออกเป็น 3 แบบดังนี้ รูปแบบการอ้างอิงแบบสัมบูรณ์
- 44. การใส่เครื่องหมาย $ หน้าคอลัมน์ เป็นการล็อกตำแหน่งของเซลล์เฉพาะคอลัมน์ ถ้าคัดลอกสูตรไว้ที่เซลล์อื่น ตำแหน่งของเซลล์ที่ถูกวางจะเปลี่ยนเฉพาะค่าแถว แต่คอลัมน์จะคงเดิม เช่น = $A1+10 การอ้างอิงแบบสัมบูรณ์ ( ต่อ )
- 45. การใส่เครื่องหมาย $ หน้าแถว เป็นการล็อคตำแหน่งของเซลล์เฉพาะแถว ถ้าคัดลอกสูตรไว้ที่เซลล์อื่น ตำแหน่งของเซลล์ที่ถูกวางจะเปลี่ยนเฉพาะค่าคอลัมน์ แต่แถวจะคงเดิม เช่น = A$1+10 การอ้างอิงแบบสัมบูรณ์ ( ต่อ )