SlideShare a Scribd company logo
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน
ปัจจัยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี
ผู้ทําโครงงาน
นางสาวณัฐกมล ใหม่แปลง เลขที่ 16 ชั้น ม.6 ห้อง 7
อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดําเนินงาน
ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทําข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
คําชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ปัจจัยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี
ประเภทโครงงาน ศึกษาและให้ความรู้
ชื่อผู้ทําโครงงาน นางสาวณัฐกมล ใหม่แปลง
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดําเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสําคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทําโครงงาน)
ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการเรียน การทํางาน การทํากิจกรรมต่างๆ จนลืมที่จะหันมาสนใจ
เรื่องการนอนหลับอย่างเพียงพอ และคิดเพียงว่าการนอนหลับเป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งที่ต้องทําอยู่แล้วในแต่ละวัน
ในทางกลับกัน การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ นอนดึก หรืออดนอนนานๆ จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทํางาน
ต่างๆ ลดลง เนื่องจากสมองล้า ร่างกายอ่อนเพลีย ขาดสมาธิ การศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่าคนที่นอนน้อย
กว่า 4 ชั่วโมง หรือนอนมากกว่า 10 ชั่วโมง ต่อคืน เป็นกิจวัตร จะมีอายุสั้นกว่าคนที่นอนหลับปกติ และคนที่นอน
หลับไม่เพียงพอนานๆ มีโอกาสเสี่ยงต่อ การเกิดโรคร้ายแรงในอนาคตมากขึ้น เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอด
เลือดสมอง เด็กในวัยเจริญเติบโตที่นอนดึกแต่ตื่นเช้าเป็นประจําจะตัวเล็ก โตช้ากว่าเด็กที่นอนหลับสนิทเพียงพอ
เพราะฮอร์โมน ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโต (Growth Hormone) จะหลั่งได้เต็มที่ขณะหลับลึก ดังนั้นจึงควรให้เด็ก
นอนเพียงพอ และไม่ปลุกขณะหลับสนิท ในผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ ติดเหล้า ติดยา
นอนหลับหรือง่วงกลางวันเป็นประจําสูงกว่าคนทั่วไป
การหลับอย่างถูกต้องและเพียงพอ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ทําให้ประสิทธิภาพการทํางานหรือการ
ใช้ชีวิตประจําวันมีประสิทธิภาพ และที่สําคัญที่สุด จะทําให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี มีสุขภาพที่แข็งแรง ลดต้นทุน
การรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ผู้ศึกษาจึงได้จัดทําโครงการ ปัจจัยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอเพื่อ
เสริมสร้างสุขภาพที่ดี ขึ้น เพื่อให้ผู้ศึกษารู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการนอนไม่หลับ มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับ และสามารถนอนหลับในแต่ละวันได้อย่างเพียงพอ
สมาชิกในกลุ่ม
1. นางสาวณัฐกมล ใหม่แปลง เลขที่ 16
3
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้ศึกษารู้ถึงสาเหตุของการนอนไม่หลับ
2. เพื่อให้ผู้ศึกษามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอ
3. เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถนอนหลับอย่างเพียงพอในแต่ละวัน
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจํากัดของการทําโครงงาน)
เป็นการศึกษา ในกลุ่มประชากรวัยรุ่น นักเรียนชั้นมัฐยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 7 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.
เชียงใหม่
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทําโครงงาน)
1. ความสําคัญของการนอนหลับ
การนอนหลับมีความสําคัญต่อร่างกาย สมอง แม้กระทั่งจิตใจ โดยเราจะสังเกตได้ว่า วันใดก็ตามที่
เราอดนอน สมองจะไม่ค่อยแล่น คิดอะไรไม่ค่อยออก มักใช้เวลานานกว่าปกติในการทําอะไรก็ตาม ส่วน
เรื่องอารมณ์ก็ไม่ค่อยจะปกตินัก โดยอาจมีเรื่องไม่เข้าใจกันกับคนในบ้านโดยไม่สมเหตุสมผล
2. หลักการทั่วไปเกี่ยวกับการนอนหลับ
การนอนหลับ หมายถึง สภาวะที่ร่างกายตัดการรับรู้ต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยปกติระหว่างนอนหลับ
ร่างกายจะไม่มีการเคลื่อนที่ คนเราจะใช้เวลาหนึ่งในสามของแต่ละวันไปกับการนอนหลับ ถือเป็นช่วงเวลาแห่ง
การพักผ่อนที่ดีที่สุด อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะต่างๆที่สึกหรอของร่างกาย และยังช่วยปรับ
สมดุลของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย
การนอนหลับไม่ได้ขึ้นอยู่แค่จํานวนชั่วโมงในการนอน ความลึกของการนอนหลับกับเวลาที่เข้านอน
ก็มีความสําคัญ ยกตัวอย่างง่ายๆบางคนอาจเคยสังเกตว่า ถึงแม้จะนอนเป็นระยะเวลาที่เพียงพอ แต่ถ้า
นอนหลับๆ ตื่นๆ กลิ่งไปกลิ่งมาทั่งคืน ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้รู้สึกสดชื่นเท่าที่ควร หากร่างกายนอนหลับไม่เพียงพอ
หรือนอนน้อยจะส่งผล ดังนี้
1 ).ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง โดยการอดนอนจะทําให้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทํางานหนัก
มากขึ้น ซึ่งเลือดจะมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นและเม็ดเลือดขาวเหล่านี้จะสลายตัวในเวลาต่อมา จึงทําให้ความสามาร
รถของร่างกายในการต้านทานเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสเสีย
2 ). ระบบจัดเก็บความทรงจําหรือระบบประสาทจะมีประสิทธิภาพลดลง โดยอวัยวะที่สําคัญคือ ฮิปโป
แคมปัส (Hippocampus) จําทําหน้าที่ถ่ายโอนข้อมูลที่เรียนรู้ในระหว่างวันเข้าสู่ความทรงจําระยะยาวซึ่งอวัยวะ
ชิ้นนี้จะทํางานตอนที่เรานอนหลับเท่านั้น และจําทํางานได้ดีหากร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
3 ). อารมณ์เครียด และเปลี่ยนแปลงได้ง่าย โดยไม่มีเหตุผล มีอาการง่วงนอนหรือรู้สึกไม่สดชื่นตลอดทั้ง
วัน
4
4 ). ระบบย่อยอาหารผิดปกติ โดยร่างกายจะต้องใช้เวลามากขึ้นถึง40% เพื่อจัดการกับระดับนํ้าตาลใน
เลือดหลังรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และการมีระดับนํ้าตาลในเลือดสูงนานๆ จะทําให้แก่เร็ว
5 ). ในด้านผิวหนัง สารเมลาโทนินเป็นสารที่มีบทบาทสําคัญในการปกป้ องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูล
อิสระต่างๆ และสารเมลาโทนินจะถูกสร้างมากที่สุดในเวลากลางคืนขณะที่เรานอนหลับ ถ้าเราอดนอนหรือนอน
น้อยก็จะทําให้มีการสร้างสารนี้น้อย ส่งผลทําให้เกิดการอักเสบหรือภูมิแพ้ของผิวหนังได้ง่ายขึ้น
6 ). การอดนอนนาน 1 สัปดาห์ หรือนอนน้อยตั้งแต่ 4 ชั่วโมงลงมา จะทําให้การควบคุมกล้ามเนื้อและ
ไขมันได้น้อยลง ทําให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น
7 ). หากนอนไม่ถึงวันละ 8 ชั่วโมง ร่างกายก็จะผลิตสาเลปติน (Leptin) น้อยลงซึ่งสารเลปตินมีบทบาทใน
การควบคุมความอยากอาหาร เพราะฉะนั้น ยิ่งอดนอนเลปตินก็จะถูกผลิตออกมาน้อยลงทําให้เราอยากอาหาร
มากขึ้น จึงอยากทานขนมหวาน และอาหารมันๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมและลดนํ้าหนัก
8. สูญเสียโอกาสที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน ( Growth hormone) ในขณะหลับ ซึ่ง โกรทฮอร์โมนจะ
ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ โดยสร้างสมดุลระบบการเผาผลาญอาหาร และช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ดังนั้น หากขาดโก
รทฮอร์โมน ก็จะทําให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นได้
ในวัยเด็กสามารถนอนหลับได้ง่าย แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็จะทําให้นอนหลับยากขึ้น ทั้งนี้สาเหตุมาจากการ
ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ได้เปลี่ยนไป เช่น ภาระรับผิดชอบมากขึ้น มีความเครียด ไม่มีเวลานอนหรือออกกําลังกาย มี
พฤติกรรมใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตลอดทั้งวัน เช่น สมทร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ต รวมถึงการดื่มกาแฟระหว่างวัน
หรือดื่มเครื่องดื่มบํารุงกําลัง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทําให้ส่งผลต่อนาฬิกาชีวิตทํางานรวนไปจากที่เคยเป็น จึงส่งผลต่อ
ปัญหาสุขภาพเรื่องการนอนหลับของเราค่อยๆ สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว
หลายคนอาจคิดว่าการนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอจะต้องนอนวันละ 7-8 ชั่วโมง แต่จริงๆ แล้วเวลาที่ถือ
ว่าเป็นการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอหรือนอนเต็มอิ่มที่แท้จริงขึ้นอยู่กับช่วงวัยแต่ละช่วงวัย กล่าวคือ
1 ). วัยเด็กแรกเกิด วัย 0-3 เดือน ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 14-17 ชั่วโมง สามารถนอนน้อย
กว่าหรือมากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-3 ชั่วโมง
2 ). วัยทารก 4-11 เดือน ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 12-15 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่าหรือ
มากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-3 ชั่วโมง
3 ). วัยหัดเดิน 1-2 ขวบ ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 11-14 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่าหรือ
มากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-3 ชั่วโมง
4 ). วัยอนุบาล 3-5 ขวบ ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 10-13 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่าหรือ
มากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-3 ชั่วโมง
5 ). วัยประถม 6-13 ขวบ ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 9-11 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่า
หรือมากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-2 ชั่วโมง
6). วัยรุ่น 14-17 ปี ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 8-10 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่าหรือ
มากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1 ชั่วโมง
5
7 ). วัยผู้ใหญ่ อายุ 26-64 ปี ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 7-9 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่า
หรือมากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1 ชั่วโมง
8 ). วัยสูงอายุ อายุ 65 ปีขึ้นไป ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 7-8 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่า
หรือมากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-2 ชั่วโมง
3. วิธีการดูแลร่างกายสําหรับคนอดนอนหรือนอนน้อย
1). )กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน บีและซี เพราะเวลาอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วน ทําให้
เกิดความเครียดแบบลึกๆ จึงต้องแก้ด้วยวิตามินคลายเครียดประเภทวิตามินบีและซีปริมาณมาก ดังนั้น ใน
ระยะนี้ต้องกินข้างกล้อง กินผัก ผลไม้ นํ้าผลไม้ นํ้าส้มคั้นสดๆ
2).ตอนตื่นเช้าหลังจากอดนอน ควรกระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าด้วยวิตามินหรือจะใช้โสมกินร่วมด้วยก็
ดีกว่าการดื่มกาแฟ เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทําให้สมองปลอดโปร่งกว่ากินกาแฟ
3). เนื่องจากเวลาที่จะนอนมีน้อย ไม่ควรรบกวนกระเพาะอาหารด้วยการรับประทานอาหารที่ย่อยยาก
เพราะจะทําให้หลับไม่สนิท และควรรับประทานอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ทําให้หลับง่ายกว่า เช่น ข้าว
เหนียว กล้วย ควรเลือกรับประทานก่อนนอนจะช่วยทําให้นอนได้ดีขึ้น
4). จัดตารางเวลาการนอนให้เหมาะสมและเป็นเวลา ซึ่งความต้องการในการนอนหลับของแต่ละคนขึ้นอยู่
กับช่วงวัยดังกล่าว และเวลาการเข้านอนไม่ควรเกิน 22.00 น.
5).สร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะสม เช่น เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวน อุณหภูมิในห้องเย็นพอดี และ
ควรจะปิดไฟให้มืด และไม่ควรนําอุปกรณ์หรือสิ่งอํานวยความสะดวกอื่นๆ เข้าไปไว้ในห้องนอน เช่น
คอมพิวเตอร์ หรือโต๊ะทํางาน จําทําให้รู้สึกกังวลตลอดเวลาจนเกิดอาการนอนไม่หลับ
4. เทคนิคในการช่วยให้นอนหลับสบายเพื่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ดี
1). ควรเลือกหมอนและเตียงนอนให้เหมาะสมกับ สรีระของร่างกาย รวมทั้งหมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และปลอก
หมอนหรือนํามาซักทุกอาทิตย์เพื่อจะได้ ช่วยลดการสะสมของฝุ่นและไรซึ่งอาจทําให้ ผิวหน้าอ่อนแอ เกิดสิว
และอาจเป็นโรคภูมิแพ้ได้ ง่ายขึ้น
2).หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายก่อนนอน เช่น การอาบนํ้าอุ่น ฟังเพลงจังหวะสบายๆ หรือ การนั่งสมาธิ
ซึ่งช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟีน (Endorphine) ออกมา ทําให้ร่างกายรู้สึกผ่อน คลายและช่วยให้นอน
หลับได้สบายยิ่งขึ้น
3). ท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพ เพราะเป็นท่านอนที่ ไม่มีอะไรมากดทับหน้าอกช่วยให้ระบบ
ทางเดินหายใจ ทางานได้อย่างคล่องตัวที่สุด เมื่อนอนหงายกระดูกสันหลัง จะได้รับการรองรับจากที่นอนทํา
ให้สามารถวางตัวอยู่ใน แนวธรรมชาติได้ดีที่สุด (ยกเว้นผู้ป่วยหรือสตรีมีครรภ์) นอกจากนี้ท่านอนหงายจะช่วย
ให้หลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอย บนใบหน้าได้ดีที่สุดเพราะการนอนตะแคงหรือการนอนควํ่า นานๆ จะทําให้เกิด
แรงกดทับซึ่งก่อให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า
4).กดจุดบริเวณใบหน้าก่อนนอนด้วยการใช้ปลายนิ้วนวด วนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ตามหัวคิ้ว ขมับ ร่องจมูก
คาง และ มุมปาก ช่วยให้การนอนหลับสบายและหลับสนิทขึ้น
6
5).กลิ่นของนํ้ามันหอมระเหย ได้แก่ นํ้ามันหอมระเหยจาก ลาเวนเดอร์ จะช่วยให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและ
ช่วยให้การ นอนหลับสบายยิ่งขึ้น
6).หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ หรือน้าอัดลม เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นให้
ร่างกาย ตื่นตัว ทําให้นอนหลับได้ยาก จึงแนะนําให้ดื่มชาคาโมมายด์ อุ่นๆ หรือนมอุ่นๆ ก่อนนอน เพื่อช่วยให้
นอนหลับได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรดื่มนํ้ามากๆ ก่อนเข้านอนเพราะอาจทําให้ต้องตื่น กลางดึกบ่อยๆ เพื่อมาเข้า
ห้องนํ้า นอกจากนี้อาหารจําพวก มันเทศ เผือก กลอย ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และ ผลิตภัณฑ์โฮลเกรน
ต่างๆ ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนิน (serotonin) ทําให้นอนหลับสบาย
วิธีดําเนินงาน
1.สํารวจพฤติกรรมและผลกระทบที่ทําให้นอนหลับไม่เพียงพอ
2.ศึกษาข้อมูลทางวิชาการเพื่อใช้เป็นหลักการทางวิชาการหรือการอ้างอิงในโครงการ
3.วางแผนวิธีการปฏิบัติตัว กําหนดเป้ าหมายที่ชัดเจน
5.ดําเนินการตามโครงการ
1) จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการนอนหลับ ถูกสุขอนามัย เช่น ซักผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
จัดหาพัดลมและผ้าห่มให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ปรับอุณหภูมิเมื่อร้อนหรือหนาวเกินไป
2) จดทําตารางบันทึกการปฏิบัติตัวที่ดีในการนอนหลับ เช่น เวลาเข้านอน ตื่นนอน เวลางีบหลับในเวลา
กลางวัน พฤติกรรมที่ทําให้เกิดปัจจัยที่ทําให้เกิดการนอนไม่ถูกสุขอนามัย เช่น การดื่มกาแฟ พฤติกรรมที่ส่งเสริม
สุขภาพ เช่นการดื่มนมก่อนเข้านอน (เพราะจะทําให้หลับสบาย) หรือมีกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอนเพื่อให้นอน
หลับสบาย ที่ทําเป็นปรกติ เป็นระยะเวลา 30 วันตั้ง แต่วันที่ 4 มกราคม 2562- วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552
3) เปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกสุขอนามัย เข้านอนให้เป็นเวลาที่ ตั้งไว้ เข้านอน 4 ทุ่ม ตื่น 6โมงเช้า หลีกเลี่ยง
พฤติกรรมที่ทําให้การนอนไม่ถูกสุขอนามัย
การประเมินผล
1 ประเมินตารางบันทึกกิจกรรม เปรียบเทียบผลของการนอนหลับอย่างเพียงพอในช่วงก่อนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
และช่วงหลังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
2. ความพึงพอใจของผู้ศึกษาต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งเสริมการนอนหลับ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์
2. กระดาษ ปากกา อุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ
งบประมาณ
-ไม่ได้ใช้งบประมาณ -
7
ขั้นตอนและแผนดําเนินงาน
ลําดั
บ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
1
7
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทําโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทําเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นําเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทําโครงงาน)
1. ผู้ศึกษามีความรู้ความเข้าใจสาเหตุของการนอนไม่หลับ
2. ผู้ศึกษามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอ
3. ผู้ศึกษาสามารถนอนหลับอย่างเพียงพอในแต่ละวัน
สถานที่ดําเนินการ
1.โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
2. หอพักธารทิพย์คอนโด อ.เมือง จ.เชียงใหม่
_________________________________________________________________________
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นํามาใช้การทําโครงงาน)
https://www.slideshare.net/100001669264442/ss-54857471
https://www.slideshare.net/fadda1/ss-88313824
http://51121360.blogspot.com/2009/02/3-2552-1-2552-30-circadian-rhythms.html
https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/knowledge-about-sleep

More Related Content

DOCX
2561 project 06
PDF
โครงร่างโครงงาน
PDF
2562 final-project 29
PDF
2562 final-project -1
DOC
2562 final-project-31 (1)
PDF
2562 final-project
PDF
final project for M.6 2019-2020
PDF
โครงร่างโครงงาน
2561 project 06
โครงร่างโครงงาน
2562 final-project 29
2562 final-project -1
2562 final-project-31 (1)
2562 final-project
final project for M.6 2019-2020
โครงร่างโครงงาน

What's hot (12)

PDF
605รุ่งโรจน์ 22
DOC
กาแฟดีต่อสุขภาพ
PDF
งานคู่คอม
PDF
งานคู่คอม
PDF
2562 final-project 1 (2)
DOC
2562 final-project 01pond1
DOC
2562 final-project 01...
DOC
2562 final-project 01pond
DOC
2562 final-project 01pond
PDF
โครงงาน
PDF
2562 final-project
PDF
2560 project (1) ใบงาน5
605รุ่งโรจน์ 22
กาแฟดีต่อสุขภาพ
งานคู่คอม
งานคู่คอม
2562 final-project 1 (2)
2562 final-project 01pond1
2562 final-project 01...
2562 final-project 01pond
2562 final-project 01pond
โครงงาน
2562 final-project
2560 project (1) ใบงาน5
Ad

Similar to Nutkamon1 (20)

PDF
2562 final-project (2).docx
PDF
โครงร่าง
PDF
Work 1 2561
PDF
Projeck tawan
PDF
Woot
DOC
2562 final-project
PDF
โครงร่าง งานคอม 2560
PDF
Project2222
PDF
Project
PDF
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
PDF
2559 project -1 (1)
PDF
เวลานอนท่หมาะสม
DOC
2562 final-project napatsorn-42
PDF
Woraprat
PDF
แบบโครงร่างโครงงานคอม
PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การหลับพักผ่อนช่วยสร้างเสริมสุขภาพที่ดีได้
PDF
2562 final-project 41
PDF
2557 โครงงาน1
PDF
2561 project idiopathic hypersomnia
2562 final-project (2).docx
โครงร่าง
Work 1 2561
Projeck tawan
Woot
2562 final-project
โครงร่าง งานคอม 2560
Project2222
Project
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
2559 project -1 (1)
เวลานอนท่หมาะสม
2562 final-project napatsorn-42
Woraprat
แบบโครงร่างโครงงานคอม
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การหลับพักผ่อนช่วยสร้างเสริมสุขภาพที่ดีได้
2562 final-project 41
2557 โครงงาน1
2561 project idiopathic hypersomnia
Ad

Nutkamon1

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5 ปีการศึกษา 2562 ชื่อโครงงาน ปัจจัยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ผู้ทําโครงงาน นางสาวณัฐกมล ใหม่แปลง เลขที่ 16 ชั้น ม.6 ห้อง 7 อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดําเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทําข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ คําชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) ปัจจัยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ประเภทโครงงาน ศึกษาและให้ความรู้ ชื่อผู้ทําโครงงาน นางสาวณัฐกมล ใหม่แปลง ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดําเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562 ที่มาและความสําคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทําโครงงาน) ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการเรียน การทํางาน การทํากิจกรรมต่างๆ จนลืมที่จะหันมาสนใจ เรื่องการนอนหลับอย่างเพียงพอ และคิดเพียงว่าการนอนหลับเป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งที่ต้องทําอยู่แล้วในแต่ละวัน ในทางกลับกัน การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ นอนดึก หรืออดนอนนานๆ จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทํางาน ต่างๆ ลดลง เนื่องจากสมองล้า ร่างกายอ่อนเพลีย ขาดสมาธิ การศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่าคนที่นอนน้อย กว่า 4 ชั่วโมง หรือนอนมากกว่า 10 ชั่วโมง ต่อคืน เป็นกิจวัตร จะมีอายุสั้นกว่าคนที่นอนหลับปกติ และคนที่นอน หลับไม่เพียงพอนานๆ มีโอกาสเสี่ยงต่อ การเกิดโรคร้ายแรงในอนาคตมากขึ้น เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอด เลือดสมอง เด็กในวัยเจริญเติบโตที่นอนดึกแต่ตื่นเช้าเป็นประจําจะตัวเล็ก โตช้ากว่าเด็กที่นอนหลับสนิทเพียงพอ เพราะฮอร์โมน ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโต (Growth Hormone) จะหลั่งได้เต็มที่ขณะหลับลึก ดังนั้นจึงควรให้เด็ก นอนเพียงพอ และไม่ปลุกขณะหลับสนิท ในผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ ติดเหล้า ติดยา นอนหลับหรือง่วงกลางวันเป็นประจําสูงกว่าคนทั่วไป การหลับอย่างถูกต้องและเพียงพอ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ทําให้ประสิทธิภาพการทํางานหรือการ ใช้ชีวิตประจําวันมีประสิทธิภาพ และที่สําคัญที่สุด จะทําให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี มีสุขภาพที่แข็งแรง ลดต้นทุน การรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ผู้ศึกษาจึงได้จัดทําโครงการ ปัจจัยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอเพื่อ เสริมสร้างสุขภาพที่ดี ขึ้น เพื่อให้ผู้ศึกษารู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการนอนไม่หลับ มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับ และสามารถนอนหลับในแต่ละวันได้อย่างเพียงพอ สมาชิกในกลุ่ม 1. นางสาวณัฐกมล ใหม่แปลง เลขที่ 16
  • 3. 3 วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ศึกษารู้ถึงสาเหตุของการนอนไม่หลับ 2. เพื่อให้ผู้ศึกษามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอ 3. เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถนอนหลับอย่างเพียงพอในแต่ละวัน ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจํากัดของการทําโครงงาน) เป็นการศึกษา ในกลุ่มประชากรวัยรุ่น นักเรียนชั้นมัฐยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 7 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ. เชียงใหม่ หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทําโครงงาน) 1. ความสําคัญของการนอนหลับ การนอนหลับมีความสําคัญต่อร่างกาย สมอง แม้กระทั่งจิตใจ โดยเราจะสังเกตได้ว่า วันใดก็ตามที่ เราอดนอน สมองจะไม่ค่อยแล่น คิดอะไรไม่ค่อยออก มักใช้เวลานานกว่าปกติในการทําอะไรก็ตาม ส่วน เรื่องอารมณ์ก็ไม่ค่อยจะปกตินัก โดยอาจมีเรื่องไม่เข้าใจกันกับคนในบ้านโดยไม่สมเหตุสมผล 2. หลักการทั่วไปเกี่ยวกับการนอนหลับ การนอนหลับ หมายถึง สภาวะที่ร่างกายตัดการรับรู้ต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยปกติระหว่างนอนหลับ ร่างกายจะไม่มีการเคลื่อนที่ คนเราจะใช้เวลาหนึ่งในสามของแต่ละวันไปกับการนอนหลับ ถือเป็นช่วงเวลาแห่ง การพักผ่อนที่ดีที่สุด อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะต่างๆที่สึกหรอของร่างกาย และยังช่วยปรับ สมดุลของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย การนอนหลับไม่ได้ขึ้นอยู่แค่จํานวนชั่วโมงในการนอน ความลึกของการนอนหลับกับเวลาที่เข้านอน ก็มีความสําคัญ ยกตัวอย่างง่ายๆบางคนอาจเคยสังเกตว่า ถึงแม้จะนอนเป็นระยะเวลาที่เพียงพอ แต่ถ้า นอนหลับๆ ตื่นๆ กลิ่งไปกลิ่งมาทั่งคืน ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้รู้สึกสดชื่นเท่าที่ควร หากร่างกายนอนหลับไม่เพียงพอ หรือนอนน้อยจะส่งผล ดังนี้ 1 ).ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง โดยการอดนอนจะทําให้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทํางานหนัก มากขึ้น ซึ่งเลือดจะมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นและเม็ดเลือดขาวเหล่านี้จะสลายตัวในเวลาต่อมา จึงทําให้ความสามาร รถของร่างกายในการต้านทานเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสเสีย 2 ). ระบบจัดเก็บความทรงจําหรือระบบประสาทจะมีประสิทธิภาพลดลง โดยอวัยวะที่สําคัญคือ ฮิปโป แคมปัส (Hippocampus) จําทําหน้าที่ถ่ายโอนข้อมูลที่เรียนรู้ในระหว่างวันเข้าสู่ความทรงจําระยะยาวซึ่งอวัยวะ ชิ้นนี้จะทํางานตอนที่เรานอนหลับเท่านั้น และจําทํางานได้ดีหากร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ 3 ). อารมณ์เครียด และเปลี่ยนแปลงได้ง่าย โดยไม่มีเหตุผล มีอาการง่วงนอนหรือรู้สึกไม่สดชื่นตลอดทั้ง วัน
  • 4. 4 4 ). ระบบย่อยอาหารผิดปกติ โดยร่างกายจะต้องใช้เวลามากขึ้นถึง40% เพื่อจัดการกับระดับนํ้าตาลใน เลือดหลังรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และการมีระดับนํ้าตาลในเลือดสูงนานๆ จะทําให้แก่เร็ว 5 ). ในด้านผิวหนัง สารเมลาโทนินเป็นสารที่มีบทบาทสําคัญในการปกป้ องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูล อิสระต่างๆ และสารเมลาโทนินจะถูกสร้างมากที่สุดในเวลากลางคืนขณะที่เรานอนหลับ ถ้าเราอดนอนหรือนอน น้อยก็จะทําให้มีการสร้างสารนี้น้อย ส่งผลทําให้เกิดการอักเสบหรือภูมิแพ้ของผิวหนังได้ง่ายขึ้น 6 ). การอดนอนนาน 1 สัปดาห์ หรือนอนน้อยตั้งแต่ 4 ชั่วโมงลงมา จะทําให้การควบคุมกล้ามเนื้อและ ไขมันได้น้อยลง ทําให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น 7 ). หากนอนไม่ถึงวันละ 8 ชั่วโมง ร่างกายก็จะผลิตสาเลปติน (Leptin) น้อยลงซึ่งสารเลปตินมีบทบาทใน การควบคุมความอยากอาหาร เพราะฉะนั้น ยิ่งอดนอนเลปตินก็จะถูกผลิตออกมาน้อยลงทําให้เราอยากอาหาร มากขึ้น จึงอยากทานขนมหวาน และอาหารมันๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมและลดนํ้าหนัก 8. สูญเสียโอกาสที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน ( Growth hormone) ในขณะหลับ ซึ่ง โกรทฮอร์โมนจะ ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ โดยสร้างสมดุลระบบการเผาผลาญอาหาร และช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ดังนั้น หากขาดโก รทฮอร์โมน ก็จะทําให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นได้ ในวัยเด็กสามารถนอนหลับได้ง่าย แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็จะทําให้นอนหลับยากขึ้น ทั้งนี้สาเหตุมาจากการ ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ได้เปลี่ยนไป เช่น ภาระรับผิดชอบมากขึ้น มีความเครียด ไม่มีเวลานอนหรือออกกําลังกาย มี พฤติกรรมใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตลอดทั้งวัน เช่น สมทร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ต รวมถึงการดื่มกาแฟระหว่างวัน หรือดื่มเครื่องดื่มบํารุงกําลัง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทําให้ส่งผลต่อนาฬิกาชีวิตทํางานรวนไปจากที่เคยเป็น จึงส่งผลต่อ ปัญหาสุขภาพเรื่องการนอนหลับของเราค่อยๆ สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจคิดว่าการนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอจะต้องนอนวันละ 7-8 ชั่วโมง แต่จริงๆ แล้วเวลาที่ถือ ว่าเป็นการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอหรือนอนเต็มอิ่มที่แท้จริงขึ้นอยู่กับช่วงวัยแต่ละช่วงวัย กล่าวคือ 1 ). วัยเด็กแรกเกิด วัย 0-3 เดือน ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 14-17 ชั่วโมง สามารถนอนน้อย กว่าหรือมากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-3 ชั่วโมง 2 ). วัยทารก 4-11 เดือน ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 12-15 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่าหรือ มากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-3 ชั่วโมง 3 ). วัยหัดเดิน 1-2 ขวบ ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 11-14 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่าหรือ มากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-3 ชั่วโมง 4 ). วัยอนุบาล 3-5 ขวบ ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 10-13 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่าหรือ มากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-3 ชั่วโมง 5 ). วัยประถม 6-13 ขวบ ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 9-11 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่า หรือมากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-2 ชั่วโมง 6). วัยรุ่น 14-17 ปี ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 8-10 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่าหรือ มากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1 ชั่วโมง
  • 5. 5 7 ). วัยผู้ใหญ่ อายุ 26-64 ปี ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 7-9 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่า หรือมากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1 ชั่วโมง 8 ). วัยสูงอายุ อายุ 65 ปีขึ้นไป ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ 7-8 ชั่วโมง สามารถนอนน้อยกว่า หรือมากกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ 1-2 ชั่วโมง 3. วิธีการดูแลร่างกายสําหรับคนอดนอนหรือนอนน้อย 1). )กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน บีและซี เพราะเวลาอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วน ทําให้ เกิดความเครียดแบบลึกๆ จึงต้องแก้ด้วยวิตามินคลายเครียดประเภทวิตามินบีและซีปริมาณมาก ดังนั้น ใน ระยะนี้ต้องกินข้างกล้อง กินผัก ผลไม้ นํ้าผลไม้ นํ้าส้มคั้นสดๆ 2).ตอนตื่นเช้าหลังจากอดนอน ควรกระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าด้วยวิตามินหรือจะใช้โสมกินร่วมด้วยก็ ดีกว่าการดื่มกาแฟ เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทําให้สมองปลอดโปร่งกว่ากินกาแฟ 3). เนื่องจากเวลาที่จะนอนมีน้อย ไม่ควรรบกวนกระเพาะอาหารด้วยการรับประทานอาหารที่ย่อยยาก เพราะจะทําให้หลับไม่สนิท และควรรับประทานอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ทําให้หลับง่ายกว่า เช่น ข้าว เหนียว กล้วย ควรเลือกรับประทานก่อนนอนจะช่วยทําให้นอนได้ดีขึ้น 4). จัดตารางเวลาการนอนให้เหมาะสมและเป็นเวลา ซึ่งความต้องการในการนอนหลับของแต่ละคนขึ้นอยู่ กับช่วงวัยดังกล่าว และเวลาการเข้านอนไม่ควรเกิน 22.00 น. 5).สร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะสม เช่น เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวน อุณหภูมิในห้องเย็นพอดี และ ควรจะปิดไฟให้มืด และไม่ควรนําอุปกรณ์หรือสิ่งอํานวยความสะดวกอื่นๆ เข้าไปไว้ในห้องนอน เช่น คอมพิวเตอร์ หรือโต๊ะทํางาน จําทําให้รู้สึกกังวลตลอดเวลาจนเกิดอาการนอนไม่หลับ 4. เทคนิคในการช่วยให้นอนหลับสบายเพื่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ดี 1). ควรเลือกหมอนและเตียงนอนให้เหมาะสมกับ สรีระของร่างกาย รวมทั้งหมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และปลอก หมอนหรือนํามาซักทุกอาทิตย์เพื่อจะได้ ช่วยลดการสะสมของฝุ่นและไรซึ่งอาจทําให้ ผิวหน้าอ่อนแอ เกิดสิว และอาจเป็นโรคภูมิแพ้ได้ ง่ายขึ้น 2).หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายก่อนนอน เช่น การอาบนํ้าอุ่น ฟังเพลงจังหวะสบายๆ หรือ การนั่งสมาธิ ซึ่งช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟีน (Endorphine) ออกมา ทําให้ร่างกายรู้สึกผ่อน คลายและช่วยให้นอน หลับได้สบายยิ่งขึ้น 3). ท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพ เพราะเป็นท่านอนที่ ไม่มีอะไรมากดทับหน้าอกช่วยให้ระบบ ทางเดินหายใจ ทางานได้อย่างคล่องตัวที่สุด เมื่อนอนหงายกระดูกสันหลัง จะได้รับการรองรับจากที่นอนทํา ให้สามารถวางตัวอยู่ใน แนวธรรมชาติได้ดีที่สุด (ยกเว้นผู้ป่วยหรือสตรีมีครรภ์) นอกจากนี้ท่านอนหงายจะช่วย ให้หลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอย บนใบหน้าได้ดีที่สุดเพราะการนอนตะแคงหรือการนอนควํ่า นานๆ จะทําให้เกิด แรงกดทับซึ่งก่อให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า 4).กดจุดบริเวณใบหน้าก่อนนอนด้วยการใช้ปลายนิ้วนวด วนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ตามหัวคิ้ว ขมับ ร่องจมูก คาง และ มุมปาก ช่วยให้การนอนหลับสบายและหลับสนิทขึ้น
  • 6. 6 5).กลิ่นของนํ้ามันหอมระเหย ได้แก่ นํ้ามันหอมระเหยจาก ลาเวนเดอร์ จะช่วยให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและ ช่วยให้การ นอนหลับสบายยิ่งขึ้น 6).หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ หรือน้าอัดลม เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นให้ ร่างกาย ตื่นตัว ทําให้นอนหลับได้ยาก จึงแนะนําให้ดื่มชาคาโมมายด์ อุ่นๆ หรือนมอุ่นๆ ก่อนนอน เพื่อช่วยให้ นอนหลับได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรดื่มนํ้ามากๆ ก่อนเข้านอนเพราะอาจทําให้ต้องตื่น กลางดึกบ่อยๆ เพื่อมาเข้า ห้องนํ้า นอกจากนี้อาหารจําพวก มันเทศ เผือก กลอย ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และ ผลิตภัณฑ์โฮลเกรน ต่างๆ ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนิน (serotonin) ทําให้นอนหลับสบาย วิธีดําเนินงาน 1.สํารวจพฤติกรรมและผลกระทบที่ทําให้นอนหลับไม่เพียงพอ 2.ศึกษาข้อมูลทางวิชาการเพื่อใช้เป็นหลักการทางวิชาการหรือการอ้างอิงในโครงการ 3.วางแผนวิธีการปฏิบัติตัว กําหนดเป้ าหมายที่ชัดเจน 5.ดําเนินการตามโครงการ 1) จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการนอนหลับ ถูกสุขอนามัย เช่น ซักผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม อาทิตย์ละ 1 ครั้ง จัดหาพัดลมและผ้าห่มให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ปรับอุณหภูมิเมื่อร้อนหรือหนาวเกินไป 2) จดทําตารางบันทึกการปฏิบัติตัวที่ดีในการนอนหลับ เช่น เวลาเข้านอน ตื่นนอน เวลางีบหลับในเวลา กลางวัน พฤติกรรมที่ทําให้เกิดปัจจัยที่ทําให้เกิดการนอนไม่ถูกสุขอนามัย เช่น การดื่มกาแฟ พฤติกรรมที่ส่งเสริม สุขภาพ เช่นการดื่มนมก่อนเข้านอน (เพราะจะทําให้หลับสบาย) หรือมีกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอนเพื่อให้นอน หลับสบาย ที่ทําเป็นปรกติ เป็นระยะเวลา 30 วันตั้ง แต่วันที่ 4 มกราคม 2562- วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 3) เปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกสุขอนามัย เข้านอนให้เป็นเวลาที่ ตั้งไว้ เข้านอน 4 ทุ่ม ตื่น 6โมงเช้า หลีกเลี่ยง พฤติกรรมที่ทําให้การนอนไม่ถูกสุขอนามัย การประเมินผล 1 ประเมินตารางบันทึกกิจกรรม เปรียบเทียบผลของการนอนหลับอย่างเพียงพอในช่วงก่อนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และช่วงหลังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 2. ความพึงพอใจของผู้ศึกษาต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งเสริมการนอนหลับ เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1. คอมพิวเตอร์ 2. กระดาษ ปากกา อุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ งบประมาณ -ไม่ได้ใช้งบประมาณ -
  • 7. 7 ขั้นตอนและแผนดําเนินงาน ลําดั บ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 1 2 1 3 1 4 1 5 1 6 1 7 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทําโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทําเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นําเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทําโครงงาน) 1. ผู้ศึกษามีความรู้ความเข้าใจสาเหตุของการนอนไม่หลับ 2. ผู้ศึกษามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเพียงพอ 3. ผู้ศึกษาสามารถนอนหลับอย่างเพียงพอในแต่ละวัน สถานที่ดําเนินการ 1.โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 2. หอพักธารทิพย์คอนโด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ _________________________________________________________________________ แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นํามาใช้การทําโครงงาน) https://www.slideshare.net/100001669264442/ss-54857471 https://www.slideshare.net/fadda1/ss-88313824 http://51121360.blogspot.com/2009/02/3-2552-1-2552-30-circadian-rhythms.html https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/knowledge-about-sleep