SlideShare a Scribd company logo
เอกสารประกอบการสอน เรื่อง กรอบแนวความคิดการวิจัย  วิชา  427-302 Social Sciences Research Methodology
ปัญหาการวิจัย  (Research Problem)   หมายถึง สิ่งที่ก่อให้เกิดความสงสัย ใคร่รู้คำตอบ ดังนั้น  การกำหนดปัญหาการวิจัย  จึงหมายถึง การระบุประเด็นที่นักวิจัยสงสัย และประสงค์ที่จะหาคำตอบ  ปัญหาการวิจัย   (Research Problem)
การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย
การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย   การเลือกหัวข้อและการกำหนดปัญหาในการวิจัย   (selection topic and formulation of a research problem)  เป็นงานขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการวิจัย ซึ่งมีอยู่  5   ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือ การกำหนดปัญหาในการวิจัย การสร้างรูปแบบการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการตีความและ สรุปผล (Selltiz et.al.,   1976 : 12)
การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย   ปัญหาการวิจัย เป็นองค์ประกอบพื้นฐาน  (basic elements)  1 ใน  4   อย่างของการวิจัย คือ  1. ปัญหาการวิจัย  (research problem) , 2. ตัวแปร  (variable) , 3. ความสัมพันธ์  (relation)  และ  4. สมมติฐาน (hypothesis) (Nachmias and Nachmias , 1987 : 55)
การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย   “  ปัญหาการวิจัย ”  ถือเป็นหัวใจสำคัญของการวิจัยทุกโครงการเพราะ  “ ถ้าไม่มีปัญหาก็จะไม่มีการวิจัย  (no problem, no research) ”
ความหมายของปัญหาการวิจัย  ปัญหาการวิจัย  (statement of problem)  หมายถึง สิ่งที่ก่อให้เกิดความสงสัย ใคร่รู้คำตอบ และการหาคำตอบนั้นจะต้องกระทำอย่างมีระบบที่เชื่อถือได้ เช่น ทำไมชาวชนบทจึงนิยมอพยพย้ายถิ่นเข้ามาหากินในเมืองหลวง  ,  ปัญหาเรื่องการสร้างบ้านพักให้ข้าราชการในชนบทจะแก้ปัญหาเรื่องการขาดขวัญ กำลังใจ ของข้าราชการในชนบทหรือไม่  ,  เหตุใดนิสิตนักศึกษาไม่ต้องการทำงานในราชการ แต่ต้องการทำงานในเอกชน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัญหา ก่อให้เกิดความสงสัยอยากรู้ ที่มีระบบระเบียบที่เชื่อถือได้
องค์ประกอบของการเลือกและกำหนดปัญหาในการวิจัย  1.  การเลือกหัวข้อในการวิจัย  (selecting a topic for research) 2.  การกำหนดปัญหาในการวิจัย  (formulating a specific research problem)
องค์ประกอบของการเลือกและกำหนดปัญหาในการวิจัย  1.  ชื่อเรื่องในการวิจัย  (research title) 2.  หัวเรื่องหรือหัวข้อในการวิจัย  (research topic) 3.  ประเด็นของการวิจัย  (research issue) 4.  ปัญหาในการวิจัย  (research problem) 5.  สมมติฐานในการวิจัย  (research hypothesis)
การเลือกปัญหาการวิจัย นักวิจัยที่เพิ่งเริ่มต้น ทั่วๆไป  มักคิดว่าไม่รู้จะวิจัยเรื่องอะไร หรือไม่มีเรื่องจะวิจัย  หรือคิดว่าเรื่องนี้ ปัญหานี้มีคนทำมาแล้วทั้งนั้น ขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่า  ท่านคิดผิด  เพราะแท้จริงแล้ว มีปัญหาอยู่มากมายรอบตัวเรา  เพราะ
การเลือกปัญหาการวิจัย 1.   ตัวแปรที่เกี่ยวกับเวลา สถานที่ ชุมชน บุคคล องค์การ วิธีการบริหาร อาชีพ สถานการณ์ ฯลฯ มีความผันแปรตลอดเวลา ยากต่อการสรุปมากกว่าเรื่องของฟิสิกส์ เคมี หรือคณิตศาสตร์
การเลือกปัญหาการวิจัย 2.   ปัญหาทางสังคมศาสตร์นั้น ไม่ได้คงที่แน่นอนตลอดเวลา 3.   ปัญหา หรือ ข้อสรุปต่างๆทางสังคมศาสตร์ที่เคยศึกษามาแล้ว ต้องการ การตรวจสอบ เพื่อให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
การเลือกปัญหาการวิจัย 4.   การศึกษาที่ผ่านมาต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเสมอ เพราะในช่วงเวลาที่แปรเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ปัญหานั้นควรจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากตัวแปรใหม่มัก เกิดขึ้นอยู่เสมอ
การเลือกปัญหาการวิจัย ด้วยเหตุนี้ นักวิจัย จึงไม่ควรคิดว่า ตนเองนั้นไม่มีปัญหาสำหรับทำวิจัย  เพราะปัญหานั้นมีอยู่แล้วมากมาย แต่ท่านยังหาไม่พบ เท่านั้นเอง
 
แหล่งของปัญหาการวิจัย นักวิจัยอาจหาข้อปัญหาการวิจัยได้ จาก แหล่งต่อไปนี้ 1.   วิเคราะห์ผลงานวิจัยที่คนอื่นเคยทำมาก่อนในเรื่องที่ตนเองสนใจ และกำลังศึกษาอยู่ พร้อมทั้ง วิพากษ์วิจารณ์และคิดอย่างพินิจพิเคราะห์ พยายามหาช่องว่าง หรือ ช่วงที่ขาดตอนสำหรับเรื่องนั้นๆ ที่เรายังไม่เข้าใจ หรือหาคำอธิบายเรื่องนั้นไม่ได้ ก็จะได้ปัญหาสำหรับการวิจัย
แหล่งของปัญหาการวิจัย 2.   นำคำพูด ข้อเสนอแนะของผู้รู้ต่างๆ ตลอดจนเรื่องราวที่ถกเถียงหรือเป็น ข้อขัดแย้งที่ยังไม่ได้ ทำการทดลองด้วยวิธีการวิจัยมาเป็นปัญหาสำหรับการวิจัย 3.   วิเคราะห์แนวโน้มของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยพิจารณาว่าสังคมมีการ เปลี่ยนแปลงตามสภาพ เวลา และเทคนิควิทยาการต่างๆอาจทำให้เกิดปัญหาได้
แหล่งของปัญหาการวิจัย 4.   วิเคราะห์ปัญหาจากการสนทนา หรือปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้นๆ ในกรณีที่เป็น นักศึกษา อาจใช้วิธีปรึกษา  ( เท่านั้น  ...  อย่าไปถามว่าจะทำเรื่องอะไรดี ! )  กับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือ อาจารย์ผู้สอนในสาขาวิชานั้นๆ 5.   ศึกษาปัญหาจากสถาบันต่างๆ หรือสถานที่ที่มีการวิจัย หรือบุคคลที่ทำการวิจัย โดยเข้าร่วม โครงการวิจัยนั้น ซึ่งจะช่วยให้เห็นแนวทางในการเลือกปัญหาได้
ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย   1.   รวบรวมข้อมูลก่อน ที่จะให้คำจำกัดความของหัวข้อปัญหาอย่างชัดเจน เพราะข้อมูลนั้นอาจ ไม่ครอบคลุมปัญหานั้นๆอย่างสมบูรณ์ 2.   หาข้อมูลที่มีอยู่แล้ว  และพยายามคิดปัญหาให้เหมาะสมกับข้อมูล เพราะข้อมูลที่เก็บมาจาก แหล่งใดแหล่งหนึ่งอาจไม่มีความสมบูรณ์
ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย   3.   ข้อ ปัญหาและความมุ่งหมาย ของการวิจัย ไม่ชัดเจน  ทำให้ไม่ทราบแหล่งของการเก็บรวบรวม ข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ตลอดจนการสรุปผลหรือข้อยุติต่างๆ 4.   ทำวิจัยโดย ไม่อ่านผลงานวิจัย ของบุคคลอื่น ที่คล้ายๆกัน  ทำให้ผู้วิจัยมีความรู้แคบและอาจเกิด ความยุ่งยากในการแปลความหมายผลการวิเคราะห์ข้อมูลได้
ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย   5.   ทำวิจัยโดย ไม่มีความรู้พื้นฐาน ทางทฤษฎี หรือ ไม่มีทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานทางการวิจัย จะก่อให้ เกิดปัญหาในการวางแผนงานวิจัย หรือ การตั้งสมมติฐาน และอื่นๆ 6.   ข้อตกลงเบื้องต้นไม่ชัดเจน  ทำให้การวิจัยนั้นไม่กระจ่างชัด และผู้ทำการวิจัยไม่เห็น แนวทาง ในการทำวิจัยนั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง อาจเป็นผลให้การแปลผลการวิจัยผิดพลาดไปจากข้อเท็จจริงได้
ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย   7.   การวิจัยที่ มีปัญหาครอบจักรวาล  ไม่จำกัดขอบเขต เป็นสาเหตุให้การทำวิจัยนั้นไม่รู้จักจบสิ้น เพราะไม่ทราบว่ามีขอบเขตแค่ใหน  ( หาที่ลงไม่ได้ )
วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย   1.   ให้เลือกปัญหาที่ตนเอง มีความสนใจจริงๆ 2.   สะสมความรู้ความจริงและทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆให้มากที่สุด 3.   เลือกสรรความรู้ความจริงที่สะสมไว้ โดยพิจารณาที่เกี่ยวข้องจริงๆ
วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย   4.   เขียนสมมติฐานการวิจัยให้ชัดเจน 5.   เลือกสรรสมมติฐานที่จะมีข้อมูลมาทดสอบได้  6.  เลือกปัญหาที่ตนเอง มีความรู้พอจะทำได้ 7.  เลือกปัญหาที่ตนเอง มีเครื่องมือที่จะทำวิจัยได้
วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย   8.   เลือกปัญหาการวิจัยโดยคำนึงถึง เงิน และ เวลา พอจะทำได้ 9.   เลือกปัญหาที่มีความสำคัญพอเพียงที่จะได้รับอนุมัติให้ทำได้ 10.   เลือกปัญหาที่ให้ความรู้ใหม่ ไม่ซ้ำซ้อนกับที่เคยทำโดยไม่จำเป็น
วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย   11.   เลือกปัญหาที่เป็นประโยชน์ ทั้งในแง่การนำไปใช้ และเสริมความรู้ใหม่ 12.   เลือกปัญหาที่จะชี้ช่องให้คนอื่นทำวิจัยต่อไปได้
กรอบแนวคิดในการทำวิจัย นิยามเชิงปฏิบัติการ ลักษณะทั่วไปของนิยามเชิงปฏิบัติการ สิ่งที่ควรพิจารณาในการกำหนดกรอบแนวคิด สรุปความสัมพันธ์ของแนวคิด นิยาม ตัวบ่งชี้ และคำถาม
กรอบแนวคิดในการทำวิจัย   กรอบแนวคิด  เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อปัญหาการวิจัย  การมีกรอบแนวคิดจะทำให้นักวิจัยสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ และทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพราะกรอบแนวคิดเป็นการรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ เข้าไว้ภายใต้หัวข้อเดียวกัน
กรอบแนวคิด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อปัญหาการวิจัย  การให้แนวความคิดจึงต้องชัดเจน และสามารถพิสูจน์ได้ การมีกรอบแนวคิดจะทำให้นักวิจัยสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ และทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพราะกรอบแนวคิดเป็นการรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ เข้าไว้ภายใต้หัวข้อเดียวกัน
เมื่อนักวิจัยกำหนดจุดความสนใจหรือปัญหา ที่จะต้องการหาคำตอบ ได้แล้ว   เพื่อให้สามารถจัดระบบความคิดให้กับสิ่งที่ตั้งคำถามและสนใจที่จะศึกษา นักวิจัย จะต้องปฏิบัติในสิ่งต่อไปนี้ .....
สมมติว่า  นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง  " ปัจจัยทางสังคมบางประการที่มีอิทธิพลต่อการมี ส่วนร่วมของผู้นำชุมชนในกิจกรรมพัฒนาท้องถิ่น "   สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนวคิด ทฤษฎี และตำราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน ว่า  " ปัจจัยทางสังคม " " การมีส่วนร่วม "  และ " กิจกรรมพัฒนาท้องถิ่น ณ พื้นที่ที่จะเข้าไปศึกษา "  นั้น มีคำอธิบายว่าอย่างไร และในการศึกษาวิจัยนี้กำหนดขอบเขตการอธิบายไว้แค่ไหน ขั้นตอนนี้เอง ที่เรียกว่า การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย
สมมติว่า นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง  " การศึกษา กระบวนการตัดสินใจของพนักงานเทศบาลระดับบริหาร เพื่อนำนโยบายทาง การเมืองไปปฏิบัติ "   สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนวคิด ทฤษฎี ตำราต่างๆ รวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปในองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน ให้กับสิ่งที่เรียกว่า  " กระบวนการตัดสินใจ "  ว่าอะไรบ้างที่อยู่ในกระบวนการตัดสินใจ และการตัดสินใจนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร บุคคลจะต้องอาศัยอะไรบ้างในการตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ฯลฯ เพื่อกำหนดขอบเขตการอธิบายให้แน่นอน ขั้นตอนนี้เอง ที่เรียกว่า การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย
สมมติว่า นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง  " ความพึงพอ ใจในการปฏิบัติงานของนักประชาสงเคราะห์ในส่วน ภูมิภาค "   สิ่งแรกที่ ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนว คิด ทฤษฎี ตำราต่างๆ รวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปในองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน กับสิ่งที่เรียกว่า  " ความพึงพอใจ "  นั่นคือ นักวิจัยจะต้องค้นคว้าให้กระจ่างว่า พฤติกรรมที่เรียกว่าความพึงพอใจ นั้น มีลักษณะอย่างไร และสิ่งที่เรียกว่า  " ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการทั่วไป "  ควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง แล้วไปค้นคว้าเพิ่มเติมว่า  " คนที่รับราชการในตำแหน่งนักประชาสงเคราะห์ "  มีภารกิจอะไรบ้าง ความยากง่ายของงาน ความพร้อมของหน่วยงาน ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ ฯลฯ ซึ่งการกำหนดขอบเขตขององค์ความรู้ที่กล่าวมา ก็คือ การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย ฯลฯ
นิยามเชิงปฏิบัติการ   (Operational Definition) หลังจากที่นักวิจัยกำหนดกรอบแนวคิด ในการวิจัยได้ เรียบร้อยแล้ว  ในขั้นตอนต่อไป  นักวิจัยจะต้องให้ความหมายของแนวคิด โดย จะต้องค้นหาสิ่งบ่งชี้  (Indicators)  ว่าสิ่งที่ต้องการวัดนั้น จะใช้อะไรมาวัด
ในความหลากหลายบนโลกมนุษย์ เราจะพบบ่อยๆ ว่าแนวความคิด  (Concept)  บางอย่างไม่สามารถเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์และอธิบายสิ่งที่ต้องการวัดได้โดยง่าย เช่น แรงจูงใจ ทัศนคติ การเรียนรู้ ฯลฯ เพราะแนวความคิดเหล่านี้มีลักษณะเป็นนามธรรม
ดังนั้น การจะตอบความหมายของแนวความคิดเหล่านี้ จึงไม่อาจใช้เพียงวิธีนำเสนอภาพ หรือชี้ไปยังวัตถุหรือบุคคลหรือเหตุการณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาในขั้นตอนนี้ จึงต้องใช้วิธีให้คำจำกัดความ โดยจะต้องเป็นคำจำกัดความที่สามารถนำไปปฏิบัติได้
ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการวิจัยคือ  ปรากฏการณ์ทางสังคมส่วนใหญ่ไม่สามารถจะวัดได้โดยตรง หรือวัดได้แต่มีความยุ่งยากในเรื่องความถูกต้อง และความเชื่อถือได้ของการวัด เราจะวัดการมีส่วนร่วมทางการเมืองในท้องถิ่นนั้นอย่างไร เราจะวัดทัศนคติหรือสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างไร
ก่อนจะตัดสินใจว่าจะวัดอย่างไร   เราจึงต้องกำหนดความหมายหรือคำจำกัดความของตัวแปรต่างๆ เสียก่อน  คำจำกัดความของตัวแปร จะต้องชี้วัดลงไปว่า สิ่งที่เราพูดถึงนั้นมีลักษณะอย่างไร อะไรเป็นเครื่องวัด
คำจำกัดความที่กำหนดขึ้นจะมีลักษณะที่ชี้ลงไปว่า อะไรคือสิ่งที่จะใช้วัดแนวความคิดซึ่งมีความหมายกว้างๆ หรือเป็นนามธรรม คำจำกัดความเช่นนี้เรียกว่า คำนิยามเชิงปฏิบัติการ  (Operational Definition)  ซึ่งก็คือคำจำกัดความที่สามารถนำไปเก็บข้อมูลมาได้ โดยในคำนิยามนั้นจะมีตัวบ่งชี้  (Indicator)  ของสิ่งที่เราจะศึกษา ซึ่งโดยปกติเราไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรง
ลักษณะทั่วไปของนิยามเชิงปฏิบัติการ การให้กำหนดคำนิยามเชิงปฏิบัติการ  (Operational Definition)  เป็นการกำหนดทิศทางสำหรับนักวิจัยในการปฏิบัติเหมือนกัน เข้าใจปรากฏการณ์เป็นอย่างเดียวกัน โดยทั่วไปแล้ว  นิยามเชิงปฏิบัติการประกอบด้วยลักษณะสำคัญ คือ
คุณลักษณะหรือองค์ประกอบของตัวแปร  พฤติกรรมที่แสดงออก  เกณฑ์ที่เป็นเครื่องชี้วัด
สิ่งที่ควรพิจารณาในการกำหนดกรอบแนวคิด   1.   ท่านได้กำหนดความหมายของแนวคิด  (Concept)  ต่างๆ ไว้แน่นอนชัดเจนแล้วหรือไม่ 2.   คำศัพท์ที่ต้องใช้ ได้มีการนิยามไว้แน่นอนชัดเจนเพียงใด 3.   มีการกำหนดแนวคิด  (Concept)  ต่างๆ อย่างพอเพียงและถูกต้องหรือยัง
สิ่งที่ควรพิจารณาในการกำหนดกรอบแนวคิด   4.   แนวคิด  (Concept)  บางประการ จำเป็นต้องกำหนดข้อจำกัดเพิ่มอีกหรือไม่ 5.   เมื่อกลุ่มที่ศึกษาเปลี่ยนไป ความหมายเปลี่ยนตามไปหรือไม่ เช่น อายุ เพศ ฯลฯ 6.   ท่านกำหนดความหมายต่างๆ โดยมีอะไรเป็นพื้นฐาน
 

More Related Content

PPT
PPTX
การกำหนดหัวข้อและประเด็นปัญหาการวิจัย
PPT
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
PDF
9789740335795
PDF
Research topic and thesis guide (การกำหนดหัวข้อวิจัย และ องค์ประกอบของวิทยานิ...
PPT
Research Format
การกำหนดหัวข้อและประเด็นปัญหาการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
9789740335795
Research topic and thesis guide (การกำหนดหัวข้อวิจัย และ องค์ประกอบของวิทยานิ...
Research Format

What's hot (19)

PPT
การเขียนโครงร่าง
PDF
หน่วยที่ 1 หลักการวิจัยทางธุรกิจเบื้องต้นและชนิดของงานวิจัย
PDF
02 เครื่องมือในการวิจัย
PPT
11 การวิจัยชั้นเรียน100449
PPT
รูปแบบการวิจัย
PDF
How to write a dissertation proposal .. part 1
PPT
44444444444444
PDF
ตัวอย่างการทำslide
PPT
การนำผลการวิจัยไปใช้
PPT
การวิจัยในชั้นเรียน
PDF
PPT
DOC
การวิจัยเชิงสำรวจ
PPT
1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการวิจัย
DOC
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
PDF
บทที่๑ ความรู้เบืองต้นของการวิจัย (Research)
PDF
การเขียนผลการวิจัย
PPT
PPTX
การวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์
การเขียนโครงร่าง
หน่วยที่ 1 หลักการวิจัยทางธุรกิจเบื้องต้นและชนิดของงานวิจัย
02 เครื่องมือในการวิจัย
11 การวิจัยชั้นเรียน100449
รูปแบบการวิจัย
How to write a dissertation proposal .. part 1
44444444444444
ตัวอย่างการทำslide
การนำผลการวิจัยไปใช้
การวิจัยในชั้นเรียน
การวิจัยเชิงสำรวจ
1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
บทที่๑ ความรู้เบืองต้นของการวิจัย (Research)
การเขียนผลการวิจัย
การวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์
Ad

Similar to Research11 conceptual framework (20)

PPT
427 416 ชั่วโมงที่ ˆ 1 20 มิ.ย. 54
PPT
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
PPTX
กรอบแนวคิดและแบบจำลองการวิจัย
PPTX
ระเบียบวิธีวิจัย
PPT
R2 r
PDF
การจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
PPT
Week 7 conceptual_framework
PPTX
Mt research
DOC
DOC
PPT
การวิจัยเบื้องต้น
PDF
Analysis, evaluation of research problems
PPTX
03 Hyps-FrameW.pptx
PPT
วิจัย1
PPT
การวิจัยชั้นเรียนอาชีวศึกษา
PPT
การวิจัยในชั้นเรียน
DOC
Cแนะแนว
PDF
9789740330691
427 416 ชั่วโมงที่ ˆ 1 20 มิ.ย. 54
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
กรอบแนวคิดและแบบจำลองการวิจัย
ระเบียบวิธีวิจัย
R2 r
การจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
Week 7 conceptual_framework
Mt research
การวิจัยเบื้องต้น
Analysis, evaluation of research problems
03 Hyps-FrameW.pptx
วิจัย1
การวิจัยชั้นเรียนอาชีวศึกษา
การวิจัยในชั้นเรียน
Cแนะแนว
9789740330691
Ad

More from Sani Satjachaliao (20)

PPT
สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)
PPT
สัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spss
PPT
การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10
PPT
T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11
PPT
Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14
PPT
427 305 week17 relational analysis
PPT
427 305 สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis
PPT
สัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลา
PPT
Week 9 research_design
PPT
Week 8 conceptual_framework
PPT
Week 6 hypothesis
PPT
Week 5 scale_and_measurement
PPT
Week 4 variable
PPT
Research10 sample selection
PPT
Research9 writing research_report
PPT
Research8 research concept_1_2553
PPT
Research6 qualitative research_methods
PPT
PPT
PPT
Week 11 collecting_data
สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)
สัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spss
การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10
T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11
Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14
427 305 week17 relational analysis
427 305 สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis
สัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลา
Week 9 research_design
Week 8 conceptual_framework
Week 6 hypothesis
Week 5 scale_and_measurement
Week 4 variable
Research10 sample selection
Research9 writing research_report
Research8 research concept_1_2553
Research6 qualitative research_methods
Week 11 collecting_data

Research11 conceptual framework

  • 2. ปัญหาการวิจัย (Research Problem) หมายถึง สิ่งที่ก่อให้เกิดความสงสัย ใคร่รู้คำตอบ ดังนั้น การกำหนดปัญหาการวิจัย จึงหมายถึง การระบุประเด็นที่นักวิจัยสงสัย และประสงค์ที่จะหาคำตอบ ปัญหาการวิจัย (Research Problem)
  • 4. การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย การเลือกหัวข้อและการกำหนดปัญหาในการวิจัย (selection topic and formulation of a research problem) เป็นงานขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการวิจัย ซึ่งมีอยู่ 5 ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือ การกำหนดปัญหาในการวิจัย การสร้างรูปแบบการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการตีความและ สรุปผล (Selltiz et.al., 1976 : 12)
  • 5. การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย ปัญหาการวิจัย เป็นองค์ประกอบพื้นฐาน (basic elements) 1 ใน 4 อย่างของการวิจัย คือ 1. ปัญหาการวิจัย (research problem) , 2. ตัวแปร (variable) , 3. ความสัมพันธ์ (relation) และ 4. สมมติฐาน (hypothesis) (Nachmias and Nachmias , 1987 : 55)
  • 6. การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย “ ปัญหาการวิจัย ” ถือเป็นหัวใจสำคัญของการวิจัยทุกโครงการเพราะ “ ถ้าไม่มีปัญหาก็จะไม่มีการวิจัย (no problem, no research) ”
  • 7. ความหมายของปัญหาการวิจัย ปัญหาการวิจัย (statement of problem) หมายถึง สิ่งที่ก่อให้เกิดความสงสัย ใคร่รู้คำตอบ และการหาคำตอบนั้นจะต้องกระทำอย่างมีระบบที่เชื่อถือได้ เช่น ทำไมชาวชนบทจึงนิยมอพยพย้ายถิ่นเข้ามาหากินในเมืองหลวง , ปัญหาเรื่องการสร้างบ้านพักให้ข้าราชการในชนบทจะแก้ปัญหาเรื่องการขาดขวัญ กำลังใจ ของข้าราชการในชนบทหรือไม่ , เหตุใดนิสิตนักศึกษาไม่ต้องการทำงานในราชการ แต่ต้องการทำงานในเอกชน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัญหา ก่อให้เกิดความสงสัยอยากรู้ ที่มีระบบระเบียบที่เชื่อถือได้
  • 8. องค์ประกอบของการเลือกและกำหนดปัญหาในการวิจัย 1. การเลือกหัวข้อในการวิจัย (selecting a topic for research) 2. การกำหนดปัญหาในการวิจัย (formulating a specific research problem)
  • 9. องค์ประกอบของการเลือกและกำหนดปัญหาในการวิจัย 1.  ชื่อเรื่องในการวิจัย (research title) 2. หัวเรื่องหรือหัวข้อในการวิจัย (research topic) 3. ประเด็นของการวิจัย (research issue) 4. ปัญหาในการวิจัย (research problem) 5. สมมติฐานในการวิจัย (research hypothesis)
  • 10. การเลือกปัญหาการวิจัย นักวิจัยที่เพิ่งเริ่มต้น ทั่วๆไป มักคิดว่าไม่รู้จะวิจัยเรื่องอะไร หรือไม่มีเรื่องจะวิจัย หรือคิดว่าเรื่องนี้ ปัญหานี้มีคนทำมาแล้วทั้งนั้น ขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่า ท่านคิดผิด เพราะแท้จริงแล้ว มีปัญหาอยู่มากมายรอบตัวเรา เพราะ
  • 11. การเลือกปัญหาการวิจัย 1. ตัวแปรที่เกี่ยวกับเวลา สถานที่ ชุมชน บุคคล องค์การ วิธีการบริหาร อาชีพ สถานการณ์ ฯลฯ มีความผันแปรตลอดเวลา ยากต่อการสรุปมากกว่าเรื่องของฟิสิกส์ เคมี หรือคณิตศาสตร์
  • 12. การเลือกปัญหาการวิจัย 2. ปัญหาทางสังคมศาสตร์นั้น ไม่ได้คงที่แน่นอนตลอดเวลา 3. ปัญหา หรือ ข้อสรุปต่างๆทางสังคมศาสตร์ที่เคยศึกษามาแล้ว ต้องการ การตรวจสอบ เพื่อให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
  • 13. การเลือกปัญหาการวิจัย 4. การศึกษาที่ผ่านมาต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเสมอ เพราะในช่วงเวลาที่แปรเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ปัญหานั้นควรจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากตัวแปรใหม่มัก เกิดขึ้นอยู่เสมอ
  • 14. การเลือกปัญหาการวิจัย ด้วยเหตุนี้ นักวิจัย จึงไม่ควรคิดว่า ตนเองนั้นไม่มีปัญหาสำหรับทำวิจัย เพราะปัญหานั้นมีอยู่แล้วมากมาย แต่ท่านยังหาไม่พบ เท่านั้นเอง
  • 15.  
  • 16. แหล่งของปัญหาการวิจัย นักวิจัยอาจหาข้อปัญหาการวิจัยได้ จาก แหล่งต่อไปนี้ 1. วิเคราะห์ผลงานวิจัยที่คนอื่นเคยทำมาก่อนในเรื่องที่ตนเองสนใจ และกำลังศึกษาอยู่ พร้อมทั้ง วิพากษ์วิจารณ์และคิดอย่างพินิจพิเคราะห์ พยายามหาช่องว่าง หรือ ช่วงที่ขาดตอนสำหรับเรื่องนั้นๆ ที่เรายังไม่เข้าใจ หรือหาคำอธิบายเรื่องนั้นไม่ได้ ก็จะได้ปัญหาสำหรับการวิจัย
  • 17. แหล่งของปัญหาการวิจัย 2. นำคำพูด ข้อเสนอแนะของผู้รู้ต่างๆ ตลอดจนเรื่องราวที่ถกเถียงหรือเป็น ข้อขัดแย้งที่ยังไม่ได้ ทำการทดลองด้วยวิธีการวิจัยมาเป็นปัญหาสำหรับการวิจัย 3. วิเคราะห์แนวโน้มของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยพิจารณาว่าสังคมมีการ เปลี่ยนแปลงตามสภาพ เวลา และเทคนิควิทยาการต่างๆอาจทำให้เกิดปัญหาได้
  • 18. แหล่งของปัญหาการวิจัย 4. วิเคราะห์ปัญหาจากการสนทนา หรือปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้นๆ ในกรณีที่เป็น นักศึกษา อาจใช้วิธีปรึกษา ( เท่านั้น ... อย่าไปถามว่าจะทำเรื่องอะไรดี ! ) กับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือ อาจารย์ผู้สอนในสาขาวิชานั้นๆ 5. ศึกษาปัญหาจากสถาบันต่างๆ หรือสถานที่ที่มีการวิจัย หรือบุคคลที่ทำการวิจัย โดยเข้าร่วม โครงการวิจัยนั้น ซึ่งจะช่วยให้เห็นแนวทางในการเลือกปัญหาได้
  • 19. ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 1. รวบรวมข้อมูลก่อน ที่จะให้คำจำกัดความของหัวข้อปัญหาอย่างชัดเจน เพราะข้อมูลนั้นอาจ ไม่ครอบคลุมปัญหานั้นๆอย่างสมบูรณ์ 2. หาข้อมูลที่มีอยู่แล้ว และพยายามคิดปัญหาให้เหมาะสมกับข้อมูล เพราะข้อมูลที่เก็บมาจาก แหล่งใดแหล่งหนึ่งอาจไม่มีความสมบูรณ์
  • 20. ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 3. ข้อ ปัญหาและความมุ่งหมาย ของการวิจัย ไม่ชัดเจน ทำให้ไม่ทราบแหล่งของการเก็บรวบรวม ข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ตลอดจนการสรุปผลหรือข้อยุติต่างๆ 4. ทำวิจัยโดย ไม่อ่านผลงานวิจัย ของบุคคลอื่น ที่คล้ายๆกัน ทำให้ผู้วิจัยมีความรู้แคบและอาจเกิด ความยุ่งยากในการแปลความหมายผลการวิเคราะห์ข้อมูลได้
  • 21. ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 5. ทำวิจัยโดย ไม่มีความรู้พื้นฐาน ทางทฤษฎี หรือ ไม่มีทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานทางการวิจัย จะก่อให้ เกิดปัญหาในการวางแผนงานวิจัย หรือ การตั้งสมมติฐาน และอื่นๆ 6. ข้อตกลงเบื้องต้นไม่ชัดเจน ทำให้การวิจัยนั้นไม่กระจ่างชัด และผู้ทำการวิจัยไม่เห็น แนวทาง ในการทำวิจัยนั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง อาจเป็นผลให้การแปลผลการวิจัยผิดพลาดไปจากข้อเท็จจริงได้
  • 22. ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 7. การวิจัยที่ มีปัญหาครอบจักรวาล ไม่จำกัดขอบเขต เป็นสาเหตุให้การทำวิจัยนั้นไม่รู้จักจบสิ้น เพราะไม่ทราบว่ามีขอบเขตแค่ใหน ( หาที่ลงไม่ได้ )
  • 23. วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 1. ให้เลือกปัญหาที่ตนเอง มีความสนใจจริงๆ 2. สะสมความรู้ความจริงและทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆให้มากที่สุด 3. เลือกสรรความรู้ความจริงที่สะสมไว้ โดยพิจารณาที่เกี่ยวข้องจริงๆ
  • 24. วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 4. เขียนสมมติฐานการวิจัยให้ชัดเจน 5. เลือกสรรสมมติฐานที่จะมีข้อมูลมาทดสอบได้ 6. เลือกปัญหาที่ตนเอง มีความรู้พอจะทำได้ 7. เลือกปัญหาที่ตนเอง มีเครื่องมือที่จะทำวิจัยได้
  • 25. วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 8. เลือกปัญหาการวิจัยโดยคำนึงถึง เงิน และ เวลา พอจะทำได้ 9. เลือกปัญหาที่มีความสำคัญพอเพียงที่จะได้รับอนุมัติให้ทำได้ 10. เลือกปัญหาที่ให้ความรู้ใหม่ ไม่ซ้ำซ้อนกับที่เคยทำโดยไม่จำเป็น
  • 26. วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 11. เลือกปัญหาที่เป็นประโยชน์ ทั้งในแง่การนำไปใช้ และเสริมความรู้ใหม่ 12. เลือกปัญหาที่จะชี้ช่องให้คนอื่นทำวิจัยต่อไปได้
  • 27. กรอบแนวคิดในการทำวิจัย นิยามเชิงปฏิบัติการ ลักษณะทั่วไปของนิยามเชิงปฏิบัติการ สิ่งที่ควรพิจารณาในการกำหนดกรอบแนวคิด สรุปความสัมพันธ์ของแนวคิด นิยาม ตัวบ่งชี้ และคำถาม
  • 28. กรอบแนวคิดในการทำวิจัย กรอบแนวคิด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อปัญหาการวิจัย การมีกรอบแนวคิดจะทำให้นักวิจัยสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ และทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพราะกรอบแนวคิดเป็นการรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ เข้าไว้ภายใต้หัวข้อเดียวกัน
  • 29. กรอบแนวคิด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อปัญหาการวิจัย การให้แนวความคิดจึงต้องชัดเจน และสามารถพิสูจน์ได้ การมีกรอบแนวคิดจะทำให้นักวิจัยสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ และทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพราะกรอบแนวคิดเป็นการรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ เข้าไว้ภายใต้หัวข้อเดียวกัน
  • 30. เมื่อนักวิจัยกำหนดจุดความสนใจหรือปัญหา ที่จะต้องการหาคำตอบ ได้แล้ว เพื่อให้สามารถจัดระบบความคิดให้กับสิ่งที่ตั้งคำถามและสนใจที่จะศึกษา นักวิจัย จะต้องปฏิบัติในสิ่งต่อไปนี้ .....
  • 31. สมมติว่า นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง " ปัจจัยทางสังคมบางประการที่มีอิทธิพลต่อการมี ส่วนร่วมของผู้นำชุมชนในกิจกรรมพัฒนาท้องถิ่น " สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนวคิด ทฤษฎี และตำราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน ว่า " ปัจจัยทางสังคม " " การมีส่วนร่วม " และ " กิจกรรมพัฒนาท้องถิ่น ณ พื้นที่ที่จะเข้าไปศึกษา " นั้น มีคำอธิบายว่าอย่างไร และในการศึกษาวิจัยนี้กำหนดขอบเขตการอธิบายไว้แค่ไหน ขั้นตอนนี้เอง ที่เรียกว่า การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย
  • 32. สมมติว่า นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง " การศึกษา กระบวนการตัดสินใจของพนักงานเทศบาลระดับบริหาร เพื่อนำนโยบายทาง การเมืองไปปฏิบัติ " สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนวคิด ทฤษฎี ตำราต่างๆ รวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปในองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน ให้กับสิ่งที่เรียกว่า " กระบวนการตัดสินใจ " ว่าอะไรบ้างที่อยู่ในกระบวนการตัดสินใจ และการตัดสินใจนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร บุคคลจะต้องอาศัยอะไรบ้างในการตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ฯลฯ เพื่อกำหนดขอบเขตการอธิบายให้แน่นอน ขั้นตอนนี้เอง ที่เรียกว่า การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย
  • 33. สมมติว่า นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง " ความพึงพอ ใจในการปฏิบัติงานของนักประชาสงเคราะห์ในส่วน ภูมิภาค " สิ่งแรกที่ ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนว คิด ทฤษฎี ตำราต่างๆ รวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปในองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน กับสิ่งที่เรียกว่า " ความพึงพอใจ " นั่นคือ นักวิจัยจะต้องค้นคว้าให้กระจ่างว่า พฤติกรรมที่เรียกว่าความพึงพอใจ นั้น มีลักษณะอย่างไร และสิ่งที่เรียกว่า " ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการทั่วไป " ควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง แล้วไปค้นคว้าเพิ่มเติมว่า " คนที่รับราชการในตำแหน่งนักประชาสงเคราะห์ " มีภารกิจอะไรบ้าง ความยากง่ายของงาน ความพร้อมของหน่วยงาน ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ ฯลฯ ซึ่งการกำหนดขอบเขตขององค์ความรู้ที่กล่าวมา ก็คือ การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย ฯลฯ
  • 34. นิยามเชิงปฏิบัติการ (Operational Definition) หลังจากที่นักวิจัยกำหนดกรอบแนวคิด ในการวิจัยได้ เรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อไป นักวิจัยจะต้องให้ความหมายของแนวคิด โดย จะต้องค้นหาสิ่งบ่งชี้ (Indicators) ว่าสิ่งที่ต้องการวัดนั้น จะใช้อะไรมาวัด
  • 35. ในความหลากหลายบนโลกมนุษย์ เราจะพบบ่อยๆ ว่าแนวความคิด (Concept) บางอย่างไม่สามารถเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์และอธิบายสิ่งที่ต้องการวัดได้โดยง่าย เช่น แรงจูงใจ ทัศนคติ การเรียนรู้ ฯลฯ เพราะแนวความคิดเหล่านี้มีลักษณะเป็นนามธรรม
  • 36. ดังนั้น การจะตอบความหมายของแนวความคิดเหล่านี้ จึงไม่อาจใช้เพียงวิธีนำเสนอภาพ หรือชี้ไปยังวัตถุหรือบุคคลหรือเหตุการณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาในขั้นตอนนี้ จึงต้องใช้วิธีให้คำจำกัดความ โดยจะต้องเป็นคำจำกัดความที่สามารถนำไปปฏิบัติได้
  • 37. ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการวิจัยคือ ปรากฏการณ์ทางสังคมส่วนใหญ่ไม่สามารถจะวัดได้โดยตรง หรือวัดได้แต่มีความยุ่งยากในเรื่องความถูกต้อง และความเชื่อถือได้ของการวัด เราจะวัดการมีส่วนร่วมทางการเมืองในท้องถิ่นนั้นอย่างไร เราจะวัดทัศนคติหรือสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างไร
  • 38. ก่อนจะตัดสินใจว่าจะวัดอย่างไร เราจึงต้องกำหนดความหมายหรือคำจำกัดความของตัวแปรต่างๆ เสียก่อน คำจำกัดความของตัวแปร จะต้องชี้วัดลงไปว่า สิ่งที่เราพูดถึงนั้นมีลักษณะอย่างไร อะไรเป็นเครื่องวัด
  • 39. คำจำกัดความที่กำหนดขึ้นจะมีลักษณะที่ชี้ลงไปว่า อะไรคือสิ่งที่จะใช้วัดแนวความคิดซึ่งมีความหมายกว้างๆ หรือเป็นนามธรรม คำจำกัดความเช่นนี้เรียกว่า คำนิยามเชิงปฏิบัติการ (Operational Definition) ซึ่งก็คือคำจำกัดความที่สามารถนำไปเก็บข้อมูลมาได้ โดยในคำนิยามนั้นจะมีตัวบ่งชี้ (Indicator) ของสิ่งที่เราจะศึกษา ซึ่งโดยปกติเราไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรง
  • 40. ลักษณะทั่วไปของนิยามเชิงปฏิบัติการ การให้กำหนดคำนิยามเชิงปฏิบัติการ (Operational Definition) เป็นการกำหนดทิศทางสำหรับนักวิจัยในการปฏิบัติเหมือนกัน เข้าใจปรากฏการณ์เป็นอย่างเดียวกัน โดยทั่วไปแล้ว นิยามเชิงปฏิบัติการประกอบด้วยลักษณะสำคัญ คือ
  • 42. สิ่งที่ควรพิจารณาในการกำหนดกรอบแนวคิด 1. ท่านได้กำหนดความหมายของแนวคิด (Concept) ต่างๆ ไว้แน่นอนชัดเจนแล้วหรือไม่ 2. คำศัพท์ที่ต้องใช้ ได้มีการนิยามไว้แน่นอนชัดเจนเพียงใด 3. มีการกำหนดแนวคิด (Concept) ต่างๆ อย่างพอเพียงและถูกต้องหรือยัง
  • 43. สิ่งที่ควรพิจารณาในการกำหนดกรอบแนวคิด 4. แนวคิด (Concept) บางประการ จำเป็นต้องกำหนดข้อจำกัดเพิ่มอีกหรือไม่ 5. เมื่อกลุ่มที่ศึกษาเปลี่ยนไป ความหมายเปลี่ยนตามไปหรือไม่ เช่น อายุ เพศ ฯลฯ 6. ท่านกำหนดความหมายต่างๆ โดยมีอะไรเป็นพื้นฐาน
  • 44.