SlideShare a Scribd company logo
~  1 ~
                        สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                        สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
~  2 ~
                        สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                        สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
~  3 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ


                       สาระที่ 1 :
                       สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต
                                                                                                          	        	
                                                                                           	                       	


    เซลล์ (Cell)

	 คือ	 หน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิด	 (เพราะยกเว้นไวรัส)	 ที่สามารถแสดงสมบัติของสิ่งมีชีวิตได้
เซลล์แบ่งออกได้เป็น	2	ประเภท	
      1)	 เซลล์โปรคาริโอต	(Prokaryotic cell)	เป็นเซลล์ที่ไม่มีนิวเคลียสเนื่องจากไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส	
      2)	 เซลล์ยูคาริโอต	(Eukaryotic cell)	เป็นเซลล์ที่มีนิวเคลียสเนื่องจากมีเยื่อหุ้มนิวเคลียส	

หมายเหตุ	 :	 ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิต	 แต่ไม่จัดว่าเป็นเซลล์	 พบว่าโครงสร้างของไวรัสจะมีโครงสร้างหลักๆ	 คือสารพันธุกรรม	
             (DNA	หรือ	RNA)	และมีโปรตีน	(protein coat)	หุ้มสารพันธุกรรมไว้เท่านั้น	
       คุณสมบัติของการเป็นเซลล์ที่ต้องพบในเซลล์ทุกชนิด	ได้แก่	
       1)	 สารพันธุกรรม	(DNA	และ	RNA)	
       2)	 เยื่อหุ้มเซลล์	(cell membrane)	
       3)	 สารเคลือบเซลล์	(cell coat)	
       4)	 ไซโทพลาสซึม	หรือโปรโทพลาสซึม	

	      ภายในเซลล์โดยเฉพาะเซลล์ยูคาริโอต	จะพบออร์แกเนลล์	(organelle)	หลายชนิดซึ่งมีดังนี้	
          n	ไรโบโซม	(ribosome)	ทำหน้าที่	ในการสร้างหรือสังเคราะห์โปรตีนให้แก่เซลล์	

          n	ไมโทคอนเดรีย	(mitochondria)	เป็นแหล่งสร้างพลังงาน	(ATP)	ที่สำคัญของเซลล์	

          n	ร่างแหเอนโดพลาสซึม	 (endoplasmic reticulum: ER)	 ทำหน้าที	 เป็นทางผ่านของการลำเลียงสาร	
                                                                             ่
	      	 	 เข้า	-	ออกจากเซลล์แบ่งออกได้เป็น	2	แบบ		
       1)	 Rough ER	 (RER)	 มีหน้าที่สร้างโปรตีนแล้วส่งออกนอกเซลล์	 จะพบมากในเซลล์ที่มีการสร้างน้ำย่อย	 เช่น	
	      	   เซลล์ตับอ่อน,	เซลล์ที่ต่อมน้ำลาย,	เซลล์ที่ต่อมสร้างพิษงู	เป็นต้น		
       2)	 Smooth ER	 (SER)	 มีหน้าที่สร้างสารสเตอรอยด์	 และไขมันส่งออกนอกเซลล์เช่นท่ำพบในเซลล์รังไข่,	 อัณฑะ	 	
	      	 และนอกจากนี้ยังพบมากในเซลล์ตับ	เนื่องจากมีกระบวนการกำจัดสารพิษ	(detoxication)	
           n กอลจิ บอดี	(golgi body,	golgi complex)	ทำหน้าทีรบสารจาก	ER	แล้วส่งออก	(exocytosis)	นอกเซลล์	
                                                                      ่ั
           n	ไลโซโซม	(lysosome)	ทำหน้าที่ย่อยสารต่างๆ	เนื่องจากทมีน้ำย่อยอยู่ภายใน	

           n	เซนตริโอล	 (centriole)	 ควบคุมการเคลือนทีของเซลล์	 และยังเกียวข้องกับการแบ่งเซลล์	 โครงสร้างประกอบ	
                                                        ่ ่                   ่
              ขึ้นจากหลอดไมโครทิวบูลที่จัดเรียงตัวรวมกันแบบ	9+0
           n	คลอโรพลาสต์	(chloroplast)	ทำหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง	(photosynthesis)	

           n	แวคิวโอล	(vacuole)	เป็นแหล่งเก็บน้ำเก็บสารต่างๆ		

           n	ไซโทสเกเลตัล	(cytoskeleton)	ได้แก่	ไมโครทิวบูล	(microtubule),	ไมโครฟิลาเมนต์	(microfilament)	     	
	      	 	 และอินเตอร์มีเดียตฟิลาเมนต์	 (intermediate filament)	 ทั้ง	 3	 จะทำหน้าที่เป็นโครงร่างของเซลล์	 ทำให้	
	      	 	 เซลล์มีรูปทรง
~  4 ~
                          สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                          สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ

     การลำเลียงสารเข้า-ออกเซลล์

แบ่งออกได้เป็น	2	แบบ	
A.     การลำเลียงสารแบบผ่าน (ทะลุ) เยื่อหุ้มเซลล์
       1) แบบพาสซีฟ (Passive transportation)	เป็นการลำเลียงสารผ่านเยือหุมเซลล์โดยมีทศทางการเคลือนทีของสาร
                                                                              ่ ้          ิ        ่ ่
จากบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารมากไปยังบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารน้อยกว่า	 ซึ่งกระบวนการนี้ไม่จำเป็นต้อง
อาศัยพลังงาน	 ATP	 ตัวอย่างการเคลื่อนที่แบบพาสซีฟ	 เช่นการแพร่	 (diffusion),	 การออสโมซิส	 (osmosis),	 การแพร่
แบบใช้ตัวพา	(facilitated diffusion),	ไดอะไลซิส	(dialysis)	เป็นต้น	
     การออสโมซิส	 (osmosis)	 เป็นการแพร่ของน้ำทะลุผานเยือหุมเซลล์	 โดยหลักการคือ	 “จะมีการเคลือนทีของโมเลกุลน้ำ
                                                      ่ ่ ้                                    ่ ่
จากบริเวณที่มีน้ำมาก	ไปยังบริเวณที่มีน้ำน้อยกว่าเสมอ”	ดังนั้นก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะของเซลล์ซึ่งถูกแช่ใน
สารละลายที่แตกต่างกันดังนี้	
          n	สารละลายไฮโพโทนิก	(hypotonic solution)	คือสารละลายทีมความเข้มข้นต่ำกว่าในเซลล์	 (มีนำมาก)	น้ำก็	
                                                                          ่ ี                        ้
	 	 	 จะออสโมซิสเข้าสู่เซลล์ทำให้เซลล์มีการขยายขนาดเกิดภาวะเซลล์เต่ง	และถ้าหากเป็นเซลล์สัตว์อาจทำให้เกิด	
	 	 	 ภาวะเซลล์แตกตามมาได้	
          n สารละลายไฮเพอร์โทนิก	(hypertonic solution)	คือสารละลายที่มีความเข้มข้นสูงกว่าในเซลล์	 (มีน้ำน้อย)	

	 	 	 น้ำภายในเซลล์ซึ่งมีมากกว่าก็จะออสโมซิสออกจากภายในเซลล์เกิดภาวะเซลล์เหี่ยว	
          n สารละลายไอโซโทนิก	 (isotonic solution)	 คือสารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับภายในเซลล์	 (มีปริมาณ	

	 	 	 น้ำเท่ากัน)	 น้ำก็จะเกิดการออสโมซิสเข้าออกจากเซลล์ปริมาณที่เท่ากัน	 ผลที่ได้คือเซลล์ก็จะมีขนาดไม่	
	 	 	 เปลียนแปลง	 ่
       2) แบบแอกทีฟ (Active transportation)	 เป็นการลำเลียงสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์โดยมีทิศทางการเคลื่อนที่ของ
สารจากบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารน้อยกว่าไปยังบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารมากกว่าซึ่งกระบวนการนี้จำเป็น
ต้องอาศัยพลังงาน	ATP
B.     การลำเลียงสารแบบทำเยือหุมเซลล์ให้เป็นถุง (vesicle)	ซึงการลำเลียงสารลักษณะนีจะต้องใช้พลังงาน	ATP	ด้วย
                            ่ ้                             ่                     ้
       1)
        ทำเยื่อหุ้มเซลล์ให้เป็นถุงเพื่อนำสารเข้าเซลล์ (Endocytosis)	แบ่งออกได้เป็น	2	แบบ	
        1.1)	 Phagocytosis	 (เซลล์เขมือบ,เซลล์กิน)	 มีการสร้างและยื่นไซโทพลาสซึมออกไปมีลักษณะเป็นเท้าเทียม	
(pseudopodium)	แล้วยื่นเข้าไปโอบล้อมอาหารและนำอาหารเข้าสู่เซลล์	เช่นอะมีบา,	ราเมือก,	เม็ดเลือดขาว	
        1.2)	 Pinocytosis	(เซลล์ดื่ม)	จะไม่มีการสร้างเท้าเทียม	

       2)ทำเยื่อหุ้มเซลล์ให้เป็นถุงเพื่อนำสารออกจากเซลล์ (Exocytosis)	 หรือการหลั่งสารออกจากเซลล์	 โดยจะ
เกิดจากออร์แกเนลล์กอลจิ	บอดี	ที่รับสารมาจาก	ER	แล้วส่งออกนอกเซลล์	


     กลไกการรักษาดุลยภาพ

1)     กลไกการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิในร่างกาย	 เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของร่างกายต่ออุณหภูมิ
สิ่งแวดล้อม	ทำให้สามารถแบ่งสัตว์ออกได้เป็น	2	กลุ่ม	
       n   สัตว์เลือดเย็น	(poikilothermic animals)	คือสัตว์ที่มีอุณหภูมิของร่างกายแปรผันตามอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม	
                                                                                                                 	
	 	 เช่นปลา,	สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ,	สัตว์เลื้อยคลาน	
	      n   สัตว์เลือดอุ่น	 (homeothermic animals)	 คือสัตว์ที่มีอุณหภูมิของร่างกายคงที่	 ไม่แปรผันตามอุณหภูมิของ	
	 	 สิ่งแวดล้อมเนื่องจากมีกลไกรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่ได้	 เช่นสัตว์ปีก	 และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด	 โดย	
	 	 ในคนซึ่งเป็นสัตว์เลือดอุ่น	จะมีกลไกการรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่โดย
~  5 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

	       n	   เมื่ออากาศเย็น	(อุณหภูทิสิ่งแวดล้อมต่ำ)	:	ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในไฮโพทาลามัส	จะสั่งการให้มีการเพิ่มอัตรา	
	       	    เมตาบอลิซึมโดยเพิ่มการเผาผลาญอาหารและอัตราการหายใจ	นอกจากนี้ยังสั่งการให้หลอดเลือดที่ผิวหนังหดตัว	
	       	    (ตัวซีด)	 และลดการทำงานของต่อมเหงื่อ	 อีกทั้งกล้ามเนื้อลายจะหดตัว	 (ทำให้เกิดการสั่น),	 กล้ามเนื้อโคนขนก็	
	       	    หดตัว	(ขนลุก)		
        n	   เมื่ออากาศร้อน	 (อุณหภูมิสิ่งแวดล้อมสูง):	 ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในไฮโพทาลามัส	 จะสั่งการให้มีการลดอัตรา	
	       	    เมตาบอลิซมโดยลดการเผาผลาญอาหารและอัตราการหายใจ	 นอกจากนียงสังการให้หลอดเลือดทีผวหนังขยายตัว
                        ึ                                                      ้ ั ่                   ่ ิ
	       	    (ตัวแดง)	และเพิ่มการทำงานของต่อมเหงื่อในการขับเหงื่อ	
2)      กลไกการรักษาดุลยภาพของน้ำและเกลือแร่ในสิ่งมีชีวิต
	       n	 พวกสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว	:	เช่นอะมีบา,	พารามีเซียม	ที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดจะมี	 contractile vacuole	ทำหน้าที	
                                                                                                                    ่
	       	 กำจัดน้ำส่วนเกิน	
        n	 พวกปลาน้ำจืด	 :	 จะมีการขับน้ำทิ้งโดยการปัสสาวะบ่อยๆ	 แต่ค่อนข้างเจือจาง,	 มีเหงือกทำหน้าที่พิเศษโดย	

	       	 การดูดเกลือแร่โดยวิธี	active transport	,	นอกจากนี้ยังมีผิวหนังและเกล็ดป้องกันน้ำเข้าสู่ร่างกาย	
        n	 พวกปลาน้ำเค็ม	:	จะมีการปัสสาวะน้อยๆ	แต่เข้มข้นมาก,	มีเหงือกทำหน้าที่พิเศษโดยการขับเกลือแร่ทิ้งโดยวิธี	

           active transport	,	นอกจากนี้ยังมีผิวหนังและเกล็ดป้องกันเกลือแร่เข้าสู่ร่างกาย	
	       n	 พวกนกทะเล, เต่าทะเล	:	มี	nasal gland	สำหรับขับเกลือทิ้ง	

        n	 ในคน	:	โดยจะมีไต	(kidneys)	เป็นอวัยวะที่สำคัญในการควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกายให้เหมาะสม	           	
	       	 ไตในคนมี	2	ข้างแต่ละข้างมีหน่วยที่ทำงานได้เรียกว่าหน่วยไต	(nephron)	ประมาณข้างละ	1	ล้านหน่วย	
       หลักการทำงานคือกรองของเสีย	 น้ำและเกลือแร่สวนเกินออกจากเลือด	 และขับทิงออกจากร่างกายในรูปของน้ำปัสสาวะ
                                                     ่                          ้
ซึ่งในน้ำปัสาวะของคนปกติจะประกอบด้วยน้ำส่วนเกิน,	 ของเสียจำพวกยูเรีย	 แอมโมเนีย	 ยูริก	 และเกลือแร่ส่วนเกิน	 แต่จะ
ไม่พบน้ำตาล,	 กรดอะมิโน,	 โปรตีนซึ่งเป็นสารที่ดีมีประโยชน์ในน้ำปัสสาวะ	 ถ้าพบอาจบอกได้ว่าเกิดความผิดปกติของไต	
หรือเป็นโรคบางอย่างได้เช่นเบาหวาน		
	 โดยในการควบคุมสมดุลน้ำพบว่ามีสมองส่วนไฮโพทาลามัส	 ทำหน้าที่สั่งการและควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย	 โดยมี
กลไกการควบคุมสมดุลน้ำดังนี	   ้
       1) เมือร่างกายขาดน้ำ :	 น้ำในเลือดต่ำ	 (เลือดเข้มข้น,	 แรงดันออสโมซิสในเลือดสูง)	 ภาวะนีไฮโพทาลามัสจะสังการ
              ่                                                                                ้              ่
ให้มีการหลั่งฮอร์โมน	ADH	(Antidiuretic hormone	หรือ	Vasopressin)	เพื่อกระตุ้นให้ท่อหน่วยไตมีการดูดน้ำกลับเข้า
สูหลอดเลือดมาก	เพือให้นำในหลอดเลือดสูงขึน	ดังนันก็จะปัสสาวะน้อย	นอกจากนียงมีการกระตุนให้เกิดการกระหายน้ำด้วย
  ่                 ่    ้                 ้     ้                          ้ั           ้
       2) เมื่อร่างกายมีน้ำมาก :	น้ำในเลือดมาก	(เลือดเจือจาง,	แรงดันออสโมซิสในเลือดต่ำ)	ภาวะนี้ไฮโพทาลามัสจะ
ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน	 ADH	 (Antidiuretic hormone	 หรือ	 Vasopressin)	 ทำให้ท่อหน่วยไตมีการดูดน้ำกลับเข้าสู่
หลอดเลือดน้อยลง	เพื่อให้	ดังนั้นก็จะปัสสาวะมาก	
       3) กลไกการรักษาดุลยภาพของกรด-เบสในร่างกาย
	 	 ในคนค่า	 pH	ปกติในเลือดอยู่ระหว่าง	 7.35 – 7.45	ถ้าเลือดมี	 pH	ต่ำกว่า	 7.35	คือเลือดมีความเป็นกรดมาก
กว่าปกติ	 (acidosis)	แต่ถ้า	 pH	สูงกว่า	 7.45	คือเลือดมีความเป็นเบสมากกว่าปกติ	 (alkalosis)	สาเหตุหลักของการเกิด	
acidosis	หรือ	alkalosis	คือปริมาณของก๊าซ	CO2	ในเลือด	โดยมีหลักการว่า	

                                      CO2   + H2O ↔ H2CO3 ↔ HCO3- + H+
	 ดังนั้นถ้าร่างกายมีเมตาบอลิซึมสูง	เซลล์ก็จะปล่อย	 CO2	มาก	ทำให้เกิด	 H+	ในเลือดมาก	ดังนั้น	 pH	ในเลือดก็จะต่ำ	
(acidosis)	ซึ่งร่างกายของเราจะมีกลไกสำหรับการควบคุม	pH	ของเลือดให้คงที่อยู่	3	วิธี	
          3.1)	 เปลี่ยนแปลงอัตราการหายใจ	เพื่อลดหรือเพิ่ม	CO2
          3.2)	 โดยระบบบัฟเฟอร์	(chemical buffer system)	
          3.3)	 โดยการขับ	H+	เพิ่มขึ้นหรือลดลงทางไต	(ประสิทธิผลดีที่สุด)
~  6 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

     ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

      แอนติเจน (antigen)	 คือเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย	 ดังนั้นร่างกายจึงจำเป็นต้องมีอวัยวะที่ทำหน้าที่
ป้องกัน	และทำลายแอนติเจนเหล่านี้	โดย	
          n	ผิวหนัง	เป็นด่านแรกในการป้องกันการเข้าสู่ร่างกายของแอนติเจน	

          n	เยื่อบุตาและน้ำตา	ในน้ำตาจะมีเอนไซม์ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้	

          n	เยื่อบุทางเดินหายใจ	ที่พื้นผิวจะมีขนสั้นๆ	เรียกว่าซีเลีย	(cilia)	คอยพัดโบก	

          n	ในกระเพาะอาหาร	มีสภาพเป็นกรด	สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้	

          n	ท่อปัสสาวะ และเยื่อบุอวัยวะเพศสืบพันธุ์	จะมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ		

          n	เซลล์เม็ดเลือดขาว (White blood cells, Leucocytes)	 ทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคหรือกำจัดแอนติเจน	              	
      	 	 สร้างมาจากไขกระดูก	เนือเยือน้ำเหลือง	และต่อมน้ำเหลือง	แบ่งออกเป็น	2	กลุมตามลักษณะการกำจัดเชือโรค	
                                   ้ ่                                                 ่                        ้
       1. กลุ่มฟาโกไซต์	 (phagocyte)	 มีวิธีการทำลายแอนติเจนโดยการสร้างเท้าเทียม	 (pseudopodium)	 แล้วเอาเข้า	
	      	 เซลล์โดยกระบวนการ	phagocytosis	ได้แก่นิวโทรฟิล,	อีโอซิโนฟิล,	เบโซฟิล	และโมโนไซต์	
       2. กลุ่มลิมโฟไซต์	 (lymphocyte)	 มีวิธีการทำลายแอนติเจนโดยการสร้างแอนติบอดี	 (antibody)	 ซึ่งเป็นสาร	
	      	 ประเภทโปรตีน	โดยแอนติบอดีจะจับกับแอนติเจน	เกิดเป็นกลุ่มก้อน	
          n	ระบบน้ำเหลือง	มีหน้าที่หลักคือเป็นท่อระบายน้ำ	และยังเป็นแหล่งระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย	ประกอบด้วย	

              1.	 อวัยวะน้ำเหลือง	เป็นแหล่งสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว	ได้แก่ต่อมน้ำเหลือง	เช่นต่อมน้ำเหลืองที่คอ	
	      	 	 	 (ต่อมทอนซิล),	ม้าม	(เป็นอวัยวะน้ำเหลืองที่ขนาดใหญ่ที่สุด),	ต่อมไธมัส	
              2.	 น้ำเหลือง	เป็นของเหลวที่ซึมผ่านผนังหลอดเลือดฝอย	แล้วไหลเวียนอยู่ภายในท่อน้ำเหลือง	
              3.	 ท่อน้ำเหลือง	

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย	แบ่งออกได้เป็น	2	ประเภท	
       1. ภูมิคุ้มกันแบบก่อเอง (Active immunity)	 เป็นภูมิคุ้มกันที่จะเกิดได้ช้าแต่อยู่ได้นาน	 เกิดจากร่างกายถูก
กระตุ้นจากแอนติเจน	ได้แก่	
          n	 วัคซีน	(vaccine)	เป็นเชื้อโรคที่อ่อนฤทธิ์หรือตายแล้วจนไม่สามารถทำให้เกิดโรคได้	

          n	ทอกซอยด์	(toxoid)	เป็นสารพิษที่ถูกทำให้หมดฤทธิ์		

       2.   ภูมคมกันแบบรับมา (Passive immunity)	 ภูมคมกันทีจะเกิดได้ทนทีเมือให้	 แต่อยูได้ไม่นาน	 เกิดจากร่างกาย
                ิ ุ้                                        ิ ุ้ ่   ั ่               ่
ได้รับสารที่มีคุณสมบัติป้องกันโรคอยู่แล้วเช่นแอนติบอดี	ได้แก่	
            n	เซรุ่ม	(serum)	ของม้าหรือกระต่าย	

            n	น้ำนมเหลือง	(colostum)		




     การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

      การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม	 เกิดมาจากโครโมโซม	 (chromosome)	 ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งๆ	 พบใน
นิวเคลียส	ซึ่งในร่างกายของคน	พบว่า	1	เซลล์นั้นจะมีโครโมโซมทั้งสิ้น	46	แท่ง	ซ้ำกันเป็นคู่ๆ	(แบบละ	2	ตัว)	จึงอาจเรียก
ว่า	23	คู่ก็ได้แต่ละแบบที่ซ้ำกันเป็นคู่เรียกว่าโฮโมโลกัส	โครโมโซม	(homologous chromosome)		
       โครโมโซม	เกิดมาจากการรวมกลุ่มกันของสาย	 DNA	ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมพันรอบโปรตีนฮีสโตน	ในการนับจำนวน
โครโมโซมให้พิจารณาดูที่จำนวนเซนโทรเมียร์	(centromere)	ต่อเซลล์	ในคนจะมีโครโมโซม	46	แท่ง	หรือ	23	คู่โดยพบว่า	
22	คู่	 (44	แท่ง)	จะเป็นโครโมโซมร่างกาย	(autosome)	ซึ่งจะเหมือนกันหมดไม่ว่าชายหรือหญิง	ส่วนอีก	 2	แท่งที่เหลือจะ
เรียกว่าโครโมโซมเพศ	(sex chromosome)	ซึ่งจะมีขนาดเท่ากันในเพศหญิงคือ	XX	ส่วนเพศชายจะเป็น	XY
~  7 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

การแบ่งเซลล์ (cell division)	แบ่งออกได้เป็น	2	ประเภทคือไมโทซิส	(mitosis)	และไมโอซิส	(meiosis)	
                                                  ไมโทซิส	(mitosis)	              ไมโอซิส	(meiosis)	
 1.	เป้าหมายของการแบ่งเซลล์	                     เพื่อการเจริญเติบโต	            เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์	
 2.	จำนวนชุดโครโมโซมของเซลล์เริ่มต้น	                     2n                                2n
 3.	จำนวนชุดโครโมโซมของเซลล์ลูกที่ได้	                    2n                                n
 4.	จำนวนเซลล์ลูกที่ได้เมื่อเสร็จสิ้น	                 2	เซลล์	                          4	เซลล์	
 5.	ลักษณะเซลล์ลูกที่ได้เมื่อเสร็จสิ้น               ขนาดเท่าเดิม,	                   ขนาดเล็กลง,	
                                            เหมือนเซลล์เริ่มต้นทุกประการ	       เปลี่ยนไปจากเซลล์ตั้งต้น	
 6.	เหตุการณ์เฉพาะขณะแบ่งเซลล์	                            -	           เกิด	crossing	over	แลกเปลี่ยนสารพันธุ
                                                                            กรรมทำให้เกิดความหลากหลาย
หมายเหตุ	:	 ในเซลล์พชและเซลล์สตว์	 จะมีความแตกต่างกันในขันสุดท้ายของการแบ่งเซลล์	 (ระยะ	 telophase)	 โดยขณะที	
                     ื              ั                      ้                                                    ่
            มีการแบ่งออกเป็น	 2	 เซลล์โดยพบว่าเซลล์สัตว์จะเกิดการคอดขาดออกเป็น	 2	 เซลล์ได้เลย	 ส่วนเซลล์พืชจะมี	
	 	 	 การสร้างแผ่นกั้นห้องชั่วคราว	 เรียกว่าการสร้างเซลล์เพลท	 (cell plate)	 ต่อจากนั้นก็จะกลายเป็นผนังเซลล์ท	    ี่
	 	 	 แข็งแรง	
     การศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม	 ทำโดยการศึกษาพงศาวลี	 (pedigree)	 คือแผนผังแสดงการ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในครอบครัว	โดยใช้สัญลักษณ์แทนตัวบุคคล	ดังนี้	
             	 แทนชายปกติ	                   	 แทนหญิงปกติ	                   	 แทนชาย-หญิงแต่งงานกัน	
             	 แทนชายเป็นโรค	                	 แทนหญิงเป็นโรค	
             	 แทนชายเป็นพาหะ	               	 แทนหญิงเป็นพาหะ	               	 แทนลูกชาย,	หญิงตามลำดับ	
       การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม	จะถูกควบคุมโดยยีน (gene)	บนแท่งโครโมโซม	โดยแบ่งออกได้เป็น	2	ประเภท
          1.	 ยีนควบคุมอยู่บนโครโมโซมร่างกาย	ได้แก่โรคธาลัสซีเมีย,	นิ้วเกิน,	ระบบเลือด	ABO
          2.	 ยีนควบคุมอยู่บนโครโมโซมเพศ	 ได้แก่ตาบอดสี,	 ฮีโมฟีเลีย,	 พร่องเอนไซม์	 G-6-PD	 ทั้ง	 3	 นี้พบว่าถูก	
	      	 	 ควบคุมโดยยีนด้อยบนโครโมโซม	X	ดังนั้นจึงพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง	
       พื้นฐานทางพันธุศาสตร์
       1.	 แอลลีล	เป็นกลุ่มของยีนที่อยู่กันเป็นคู่ๆ	เช่น	AA,	Aa,	aa
       2.	 ยีนเด่น	(แอลลีลเด่น)	มักเขียนแทนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่	จะสามารถข่มแอลลีลด้อยได้	
	      	 ยีนด้อย(แอลลีลด้อย)	มักเขียนแทนด้วยตัวพิมพ์เล็ก	
       3.	 จีโนไทป์	(genotype)	ลักษณะของยีนที่ควบคุมลักษณะต่างๆ	เช่น	TT,	Tt,	Rr,	rr
            ฟีโนไทป์	(phenotype)	ลักษณะทางพันธุกรรมทีแสดงออกมาให้เห็นภายนอกเช่นสูง	เตีย	เมล็ดกลม	เมล็ดขรุขระ
                                                            ่                                    ้
       4.	 การผสมลักษณะเดียวที่มีการข่มกันสมบูรณ์	เช่น	กำหนดให้	T	=	แทนต้นสูง,	t	=	แทนต้นเตี้ย		
            n	 เมื่อทำการผสม	 T T x t t	 ได้รุ่นลูกออกมาเป็นจีโนไทป์	T t	หรือต้นสูงทั้งหมด		

            n	เมื่อทำการผสม	 T t x T t	 ได้รุ่นลูกออกมาเป็นจีโนไทป์	T T : T t : t t	ในอัตราส่วน	1 : 2 : 1

	      	 	 	                    	              	ได้รุ่นลูกออกมาฟีโนไทป์	ต้นสูง	:	ต้นเตี้ย	ในอัตราส่วน	3 : 1
       5.	 การผสมลักษณะเดียวที่มีการข่มกันไม่สมบูรณ์	 เช่นการแสดงออกของสีดอกลิ้นมังกร	 หรือสีของดอกบานเย็น	
	      	 (กำหนดให้	R	=	แทนดอกสีแดง,	r	=	แทนดอกสีขาว)		
            n	 เมื่อทำการผสม	 R R x r r	 ได้รุ่นลูกออกมาเป็นจีโนไทป์	R r	หรือดอกสีชมพูทั้งหมด		

            n	เมื่อทำการผสม	 R r x R r	 ได้รุ่นลูกออกมาเป็นจีโนไทป์	R R : R r : r r	ในอัตราส่วน	1 : 2 : 1

	      	 	 	                    	              ได้รนลูกออกมาฟีโนไทป์	ดอกสีแดง	:	สีชมพู	:	สีขาว	ในอัตราส่วน	1 : 2 : 1
                                                    ุ่
~  8 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ

   เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
ได้แก่	
      1)	  พันธุ์วิศวกรรม	 (Genetic Engineering)	 :	 คือ	 การตัดต่อยีนด้วยกระบวนการตัดต่อยีนด้วยกระบวนการตัด	
DNA	 จากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปเชื่อมต่อกับ	 DNA	 ของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง	 ทำให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นฝ่ายรับยีนสามารถสังเคราะห์
โปรตีนที่สังเคราะห์เองไม่ได้และเรียกสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นว่า	 สิ่งมีชิตดัดแปลงพันธุกรรม	 หรือ	 GMOs	 (Genetically
Modified Organisms)	
     2)	 การโคลน	 (Cloning)	 :	 หมายถึง	 การสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่	 ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนสิ่งมีชีวิตต้นแบบทุก
ประการ	ทำได้หลายวิธ	เช่น	
                       ี
           n	การนำนิวเคลียสของเซลล์ร่างกาย	 ใส่เข้าไปในเซลล์ไข่ที่ถูกดูดเอานิวเคลียสออก	 ทำให้เซลล์ไข่พัฒนาไปเป็น	

	 	 	 สิ่งมีชีวิตตัวใหม่	โดยใช้ข้อมูลจากสารพันธุกรรมของนิวเคลียสที่ใส่เข้าไป	
           n	การนำส่วนของพืชมาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์	และอยู่ในสภาพที่มีการควบคุมทุกอย่าง	

หมายเหตุ	:	การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศจะถือว่าเป็นการโคลนเสมอ	เนืองจากให้ลกออกมาไม่มความแตกต่างทางพันธุกรรม
                         ์                                              ่      ู               ี
      3)	  ลายพิมพ์	 (DNA fingerprint)	:	เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล	เปลียนแปลงไม่ได้และไม่มใครเหมือนกัน
                                                                                ่                  ี
(ยกเว้น	 ฝาแฝดแท้ทเกิดจากไข่ใบเดียวกัน	 ถ้ากรณีนจะต้องใช้ลายนิวมือในการตรวจสอบจำแนก)	 ใช้ในการพิสจน์ผตองสงสัย
                    ี่                          ี้            ้                                   ู ู้ ้
หรือหาความสัมพันธ์ทางสายเลือด	 ทำได้โดยการนำตัวอย่างเลือด	 (เซลล์เม็ดเลือดขาว)	 หรือเนื้อเยื่อต่างๆ	 ที่เซลล์มี
นิวเคลียสมาสกัด	 DNA	 แล้วตัด	 DNA	 ด้วยเอนไซม์	 และแยก	 DNA	 ตามขนาด	 จากนั้นตรวจสอบ	 DNA	 โดยใช้สาร
กัมมันตรังสีและการเอ็กซเรย์	
      4)	 การทำแผนที่ยีน	(gene mapping)	หรือ	แผนที่จีโนม	(genome mapping)	:	เพื่อให้รู้ว่ายีนอยู่ที่ตำแหน่งไหน
ของโครโมโซม	 เพราะว่าเมื่อระบุได้ว่ายีนใดบ้างที่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะผิดปกติและเข้าใจกลไกการเกิดโรค	 ก็ใช้
เทคโนโลยีพนธุวศวกรรมตัดต่อยีนทีพงประสงค์เข้าไปแทนยีนทีเป็นสาเหตุให้เกิดโรค	 เรียกวิธรกษาแบบนีวา	 การบำบัดรักษา
            ั ิ                 ่ ึ                      ่                          ีั       ้่
ด้วยยีน	(gene therapy)
~  9 ~
                                  สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                  สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ



                             สาระที่ 2 :
                             สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม

   ความหลากหลายทางชีวภาพ

สปี ชี ส์ ข องสิ่ ง มี ชี วิ ต	 คื อ	 กลุ่ ม ย่ อ ยที่ สุ ด ในระบบจำแนกสิ่ ง มี ชี วิ ต	 หรื อ	 กลุ่ ม สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ เป็ น ประชากรชนิ ด เดี ย วกั น	
ซึ่งเมื่อผสมพันธุ์กันแล้วได้ลูกหลานที่ไม่เป็นหมัน	
    ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต	จำแนกหมวดหมู่สิ่งมีชีวิต	ออกได้เป็น	5	อาณาจักร	ดังนี้	
	 อาณาจักรสัตว์	              :	 เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์และเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ	สามารถเคลื่อนไหวได้	
	 	 	 	                       	 ไม่สามารถสร้างอาหารได้เอง	
    อาณาจักรพืช	              :	 เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์และเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ	 สามารถสร้างอาหารได้เองด้วย	
	 	 	 	                       	 การสังเคราะห์แสง	มีผนังเซลล์	ซึ่งมีเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบ	
    อาณาจักรโพรทิสตา	         :	 เป็นสิงมีชวตเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์	 บางชนิดสร้างอาหารได้ดวย	 การสังเคราะห์แสง
                                        ่ ีิ                                                  ้
	 	 	 	                       	 แต่บางชนิดต้องกินอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่น	
	 อาณาจักรเห็ดรา	และยีสต์	 :	 ยีสต์มีเซลล์เดียว	เห็ดรามีหลายเซลล์ดำรงชีวิตโดยการย่อยสลายแต่บางชนิดเป็นปรสิต	
    อาณาจักรมอเนอรา	          :	 เป็นสิงมีชวตทีเซลล์ไม่มนวเคลียส	ส่วนใหญ่เป็นผูยอยสลาย	บางชนิดสร้างอาหารได้เอง	
                                       ่ ีิ ่           ี ิ                     ้่
หมายเหต	:	 ไวรัส	 ไม่มีอาณาจักร	 เพราะ	 ไม่มีลักษณะเป็นเซลล์	 แต่เป็นอนุภาค	 ที่ประกอบด้วยโปรตีน	 ซึ่งห่อหุ้มสาร	
	 	 	 พันธุกรรมไว้ภายใน	 สามารถเพิ่มจำนวนได้เฉพาะเมื่อยู่ภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น	 โดยเมื่อเซลล์ของ	
	 	 	 ผู้ถูกอาศัยแตกออก	 ก็จะกระจายไปที่อื่นได้	 จึงไม่มียาที่สามารถกำจัดไวรัสได้	 ผู้ป่วยจะหายก็ต่อเมื่อร่างกาย	
	 	 	 สร้างภูมิคุ้มกันสำหรับไวรัสนั้นโดยเฉพาะ	เช่น	โรคอีสุกอีใส	เอดส์	 ไข้หวัดใหญ่	 ไข้หวัดนก	โปลิโอ	ตับอักเสบ	  	
	 	 	 งูสวัด	พิษสุนัข	


    ระบบนิเวศ

ระบบนิเวศ	จะประกอบด้วย	2	องค์ประกอบหลัก	คือ	
      n	 ทางกายภาพ	คือ	องค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต	ได้แก่	ดิน	น้ำ	อุณหภูมิ	แสง	

	     n	 ทางชีวภาพ	คือ	องค์ประกอบที่มีชีวิต	โดยจะมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน	ตามหน้าที่เชิงอาหาร	ดังนี้	

           1)	ผู้ผลิต	
           2)	ผู้บริโภค	
           3)	ผู้ย่อยสลายอินทรีย์สาร	 ทำหน้าที่	 ย่อยสลายอินทรีย์สารให้เป็นอนินทรีย์สารที่พืชจะนำไปใช้ได้	 เช่น	 เห็ด	 รา	
                                                                                                                         	
	 	 	 และแบคทีเรีย	
	 การถ่ายทอดพลังงานในแต่ละโซ่อาหาร	จากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคลำดับต่างๆ	พลังงานจะถ่ายทอดไปยังผู้บริโภคลำดับ
ถัดไปเพียง	 10%	 ส่วนพลังงานอีก	 90%	 จะถูกใช้ในการดำรงชีวิต	 และบางส่วนเปลี่ยนเป็นความร้อนและบางส่วนกินไม่ได้	
เช่น	กระดูก	ขน	เปลือก	เล็บ	
	 ยาฆ่าแมลง	เช่น	 DDT	และพวกสารโลหะหนักต่างๆ	เช่น	ปรอท	ตะกั่ว	จะถ่ายทอดไปกับโซ่อาหารเช่นกัน	โดยจะมี
ปริมาณสะสมเพิ่มขึ้นตามลำดับการกินของสิ่งมีชีวิต	ยิ่งผู้บริโภคลำดับสุดท้ายยิ่งสะสมมากที่สุด
~  10 ~
                           สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                           สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ


   คนกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต

ภาวะโลกร้อน (Global Warming)
      แก๊ส	 CO2	 และไอน้ำ	 จะมีสมบัตในการกักเก็บความร้อน	 ทำให้โลกมีอณหภูมสงขึน	 และไม่แตกต่างกันระหว่างกลางวัน
                                    ิ                                ุ     ิู ้
กับกลางคืน	 ซึ่งเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต	 เรียกว่า	 ปรากฏการณ์เรือนกระจก	 (Green House Effect)	 และเรียก
คาร์บอนไดออกไซด์ว่า	แก๊สเรือนกระจก	นอกจากนี้ยังมีสาร	CFC,	แก๊สมีเทนและออกไซด์ของไนโตรเจน	ที่สามารถเก็บกัก
ความร้อน	
	 ปัจจุบนการใช้เชือเพลิงฟอสซิล	 เช่น	 น้ำมัน	 และการตัดไม้ทำลายป่า	 ทำให้ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เพิมมากขึน
            ั       ้                                                                                       ่     ้
ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น	
	 การทำลายโอโซนในบรรยากาศ	(Ozone Depletion)	
	 สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน	 (CFC)	 เป็นสาเหตุสำคัญในการทำลายโอโซน	 จึงทำให้รังสีอัตราไวโอเลตเข้าสู่โลกได้
มากขึ้น	และถ้าเป็นชนิด	UVc	ซึ่งมีพลังงานมากที่สุดและเป็นอันตราย	เช่น	ทำให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนัง,	เรตินา	เกิดต้อกระจก	
      หมายเหตุ	 :	 บริเวณเหนือทวีปแอนตาร์กติกา	มีชั้นโอโซนบางกว่าบริเวณอื่นๆ	มาก	
     การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development)	 คือ	 เป็นการพัฒนาที่คำนึงต่อความเสียหายของสิ่งแวดล้อม	
โดยการวางแผนจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างถูกวิธี	 และการจักการกับขยะ	 /	 ของเสีย	 เช่น	 การลดปริมาณการใช้
ทรัพยากรและการผลิตขยะ	(Reduce),	การนำกลับมาใช้ใหม่	(Reuse),	การนำกลับมาผลิตใช้ใหม่	(Recycle)
~  11 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ


                       สาระที่ 3 :
                       สาร และสมบัติของสาร

     สารชีวโมเลกุล

1.   ไขมัน และน้ำมัน (C H O) มีหน้าทีดงนีปองกันการสูญเสียน้ำ	ทำให้ผวชุมชืนและการสูญเสียความร้อน	ทำให้อบอุน,	
                                       ่ ั ้ ้                        ิ ่ ้                                 ่
ช่วยละลายวิตามิน	 A D E K,	 1	 กรัม	 ให้พลังงาน	 9	 กิโลแคลอรี	 เป็นสารประกอบไตรกลีเซอไรด์	 เกิดจากกรดไขมัน
3	โมเลกุล	กับกลีเซอรอล	 1	โมเลกุล	กรดไขมันในธรรมชาติ	 มี	 40	ชนิด	แบ่งออกเป็น	 2	ประเภท	คือกรดไขมันอิ่มตัว	และ
กรดไขมันไม่อิ่มตัว	
                  สมบัติ               กรดไขมันอิ่มตัว                กรดไขมันไม่อิ่มตัว
               จุดหลอมเหลว	              	สูงกว่า	25oC	                 	ต่ำกว่า	25oC	
                  สถานะ	                     ของแข็ง	                      ของเหลว	
           พันธะระหว่างคาร์บอน	               เดี่ยว	                          คู	
                                                                                 ่
           ความว่องไวปฏิกิริยา	               น้อย	                          มาก	
                                                                   (+	ออกซิเจน	เกิดกลิ่นหืน)	
                                                                   (+	ทิงเจอร์ไอโอดีน	สีจาง)	

ไขมันในเลือด	และคอเลสเทอรอล	
      n	 เป็นสารเบืองต้นในการสร้างฮอร์โมนเพศ	น้ำดี	 และสามารถเปลียนเป็นวิตามิน	 D	ได้	 เมือได้รบแสงแดด	โดยเฉพาะ
                   ้                                             ่                        ่ ั
          UVa	(เกิดใต้ผิวหนัง)	
      n	 เป็นฉนวนของเส้นประสาท	 ซึงร่างกายสร้างได้เอง	 พบมากในไข่แดง	 เครืองในและอาหารทะเล	 แต่ถามีมากเกินไป	
                                   ่                                       ่                        ้
          จะเกาะตามผนังหลอดเลือด	ทำให้เกิดการอุดตัน	       	       	
2.    โปรตีน (CHON)	มีหน้าที่สำคัญช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ,	ช่วยในการรักษาสมดุลน้ำและ
กรด	-	เบส,	เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์	 ฮอร์โมน	เลือด	และภูมิคุ้มกัน	(1	กรัมให้พลังงาน	 4	กิโลแคลอรี),	โปรตีนเกิด
จากกรดอะมิโนจำนวนมากกว่า	 50	 หน่วย	 เชื่อมต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์	 ดังนั้นโปรตีนมีหน่วยย่อย	 คือ	 กรดอะมิโน	 มี
ทั้งหมด	20	ชนิด	แบ่งเป็น	
      n	 กรดอะมิโนทีจำเป็น	มี	 8	ชนิด	ซึงร่างกายสร้างไม่ได้	 ต้องกินจากอาหารเข้าไป	ดังนี	 ไอโซลิวซีน	เวลีน	ทริปโตเฟน
                     ่                  ่                                               ้
          เฟนิลอะลานีน	ทริโอนีน	เมไทโอนีน	ไลซีน	ลิวซีน	สำหรับเด็กทารก	ต้องการเพิมอีก	2	ชนิด	คือ	อะจีนน	และ	ฮีสติดน
                                                                                 ่                     ี           ี
      n	 กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็น	มี	12	ชนิด	ซึ่งร่างกายสังเคราะห์ได้เอง	

หมายเหตุ	 :	 1.	 โปรตีนในธรรมชาติ	 มีมากมายหลายล้านชนิด	 มีหน้าที่การทำงานเฉพาะเจาะจง	 เนื่องจากความแตกต่าง	
	 	 	 	 ของชนิดของกรดอะมิโน,	ลำดับการเรียงตัวของกรดอะมิโน	หรือสัดส่วนการรวมตัวของกรดอะมิโน	
             2.	 การแปลงสภาพโปรตีน	 คือ	 กระบวนการที่ทำให้โครงสร้างของโปรตีนถูกทำลาย	 และเปลี่ยนสภาพไป	    	
	 	 	 	 เช่น	แข็งตัว	ตกตะกอนรับไอออนของโลหะหนัก	
             3.	 คุณค่าทางชีววิทยา	หมายถึง	คุณภาพของโปรตีนที่นำมาใช้สร้างเนื้อเยื่อได้	(ไข่	100%)
~  12 ~
                                สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

3.      คาร์โบไฮเดรต (C H O) 1	กรัม	ให้พลังงาน	4	กิโลแคลอรี	แบ่ง	3	ประเภท	ดังนี	     ้
        1.	 มอโนแซ็กคาไรด์	:	Monosaccharides	(น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว)	แบ่งเป็น	
            n	กูลโคส	เป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็กที่สุด	ที่ร่ากายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ทันที	

            n	ฟรุกโตส	(ฟรักโตส)	เป็นน้ำตาลที่มีรสหวานที่สุด	(หวานกว่าน้ำตาลทราย	2	เท่า)	

            n	 กาแลกโทส	เป็นน้ำตาลที่มีในน้ำนม	(คน	7%	วัว	5%)	

        2.	 ไดแซ็กคาไรด์:	Disaccharides	(น้ำตาลโมเลกุลคู่)	
            n	กลูโคส	+	กลูโคส	=	มอลโทส	พบในข้าว	เมล็ดพืช	ใช้ในการทำเบียร์	อาหารทารก	

            n	กลูโคส	+	ฟรุกโตส	=	ซูโครส	หรือ	น้ำตาลทราย	พบมากในอ้อย	

            n	กลูโคส	+	กาแลกโทส	=	แลกโทส	พบมากในน้ำนม	

        3.	 พอลิแซ็กคาไรด์:	Polysaccharides	(น้ำตาลโมเลกุลใหญ่)	
            n	แป้ง	 (starch)	 เกิดจาก	 กลูโคสหลายพันโมเลกุลมาต่อกัน	 แบบสายยาวและแบบกิ่ง	 พบมากในพืชบริเวณ	

	       	 	 เมล็ดและหัว	 ละลายน้ำได้เล็กน้อย	 ร่างกายคนสามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ที่มีในน้ำลาย	 (amylase)	 ได้	
	       	 	 น้ำตาลมอลโทสออกมา	
            n	เซลลูโลส	เกิดจากกลูโคสต่อกันแบบสายยาวไม่มีกิ่ง	เป็นเส้นใยพืช	(fiber)	ร่างกายคนย่อยสลายไม่ได้	แต่ใน	

	       	 	 กระเพาะสัตว์กีบ	 หรือสัตว์เคี้ยวเอื้อง	 เช่นวัว	 ควาย	 แพะ	 แกะ	 มีแบคทีเรียที่ย่อยสลายได้,	 ช่วยกระตุ้นให้	
	       	 	 ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหว	ดูดซับน้ำได้ด	จึงทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม	
                                                ี
	       	 n	ไกลโคเจน	เกิดจาก	กลูโคสเป็นแสนถึงล้านโมเลกุลมาต่อกันแบบกิ่งมากมาย	ไม่ละลายน้ำ	พบในคนและสัตว์	

	       	 	 ที่ตับและกล้ามเนื้อ	 เมื่อขาดแคลนพลังงาน	 จะสลายเป็นกลูโคส	 โดยทำปฏิกิริยากับก๊าซออกซิเจน	 ทำให้ได้	
	       	 	 พลังงานออกมา	เรียกว่า	ปฏิกิริยาการหายใจระดับเซลล์	
หมายเหตุ     : 1.	 ฮอร์โมนอินซูลิน	 ทำหน้าที่	 ปรับกลูโคสในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ	 คือ	 ถ้ามีกลูโคสในเลือดมาก	 อินซูลิน	
	 	          	 	 จะกระตุ้นให้กลูโคสเปลี่ยนเป็นไกลโคเจน	 เก็บไว้ภายในตับ	 จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง	 ดังนั้นถ้า	
	 	          	 	 ร่างกายขาดอินซูลินจะไม่เกิดการสร้างไกลโคเจน	 ทำให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเพิ่มขึ้น	 ส่วนที่เกินจะ	
	 	          	 	 ถูกขับออกมาทางปัสสาวะ	ซึ่งก็คือ	อาการของโรคเบาหวาน	
               2.	 เมื่อร่างกายต้องการพลังงาน	จะสลายคาร์โบไฮเดรต	ไขมัน	และโปรตีน	ตามลำดับ	

        การทดสอบอาหาร
           n	โปรตีน	 ทำปฏิกิริยากับสารละลายคอปเปอร์	 (II)	 ซัลเฟต	 ในเบสแก่	 (NaOH)	 ให้สีม่วง	 เรียกปฏิกิริยานี้ว่า	

	       	 	 ไบยูเร็ต	
           n	น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว	และโมเลกุลคู	(ยกเว้นซูโครส)	จะทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์	(สีฟ้า)	ได้ตะกอน	
                                                 ่
	       	 	 สีแดงอิฐ	
           n	แป้ ง	 ทำปฏิ กิ ริ ย ากั บ สารละลายไอโอดี น	 (สี น้ ำ ตาล)	 ให้ สี น้ ำ เงิ น	 แต่ ถ้ า แป้ ง	 เติ ม กรด	 ทำปฏิ กิ ริ ย ากั บ	

	       	 	 สารละลายเบเนดิกต์	ได้ตะกอนสีแดงอิฐ	(เนื่องจากกรดจะย่อยแป้งให้ขาดออกเป็นน้ำตาลกลูโคส)	
           n	ไขมัน	แตะบนกระดาษ	กระดาษจะโปร่งแสง	



4.  กรดนิวคลีอิก (C H O N P)	มีหน่วยย่อยเรียกว่านิวคลีโอไทด์	แบ่งเป็น	3	ส่วน	คือโมเลกุลน้ำตาลไรโบส,	N–เบส	
และหมู่ฟอสเฟตแบ่งออกได้เป็น	2	ชนิดคือ	
         n	กรดดีออกซีไร	โบนิวคลีอิก	(DNA)	พบในนิวเคลียส	ทำหน้าที่	เป็นสารพันธุกรรม	

         n	กรดโรโบนิวคลีอิก	(RNA)	พบในนิวเคลียสและไซโทพลาซึม	ทำหน้าที่	สังเคราะห์โปรตีน
~  13 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

       ปิโตรเลียม
เกิดจาก	ซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมอยู่ใต้ทะเล	จนถูกย่อยสลายเป็นคาร์บอนและไฮโดรเจน	และรวมเป็นสารไฮโดรคาร์บอน	มี
ทั้งที่เป็นของเหลว	คือ	น้ำมันดิบและแก๊ส	คือ	แก๊สธรรมชาติ	 ปิโตรเลียมถูกกักเก็บภายใต้พื้นโลกในชั้นหินดินดาน	(ซึ่งเป็น
หินชั้นหรือหินตะกอนชนิดหนึ่ง)	
1.      เชื้อเพลิงในชีวิตประจำวัน
        n	 แก๊สหุงต้ม	 ประกอบด้วย	 แก็สโพรเพน	 (	 C3H8	 )	 และแก๊สบิวเทน	 (	 C4H10	 )	 ที่ถูกอัดด้วยความดันสูง	 จนมี	

	       	 สถานะเป็นของเหลว	เรียกว่า	LPG	(Liquid Petroleum Gas)	
        n	 น้ำมันเบนซิน	 เป็นของผสมระหว่างไอโซออกเทน	 (	 C8H18	 )	 และเฮปเทน	 (	 C7H16	 )	 เลขออกเทน	 (octane

              number)	เป็นตัวเลขบอกคุณภาพของน้ำมันเบนซิน	โดยกำหนดให้		
              n	ไอโซออกเทนบริสุทธิ์มีประสิทธิภาพการเผาไหม้	เป็นเลขออกเทน	100

              n	นอร์มอลเฮปเทนบริสุทธิ	มีประสิทธิภาพการเผาไหม้	เป็นเลขออกเทน	0
                                      ์
	 ดังนั้นน้ำมันเบนซิน	 เลขออกเทน	 95	 หมายถึง	 น้ำมันเบนซินที่มีประสิทธิภาพการเผาไหม้เหมือนกับของผสมที่มี
อัตราส่วนของไอโซออกเทน	 95	ส่วน	และเฮปเทน	 5	ส่วน	แต่น้ำมันที่กลั่นได้มีเลขออกเทนต่ำกว่า	 75	จึงต้องมีการเติมสาร
เพื่อเพิ่มเลขออกเทน	 เช่นสารเตตระเมทิลเลดหรือเตตระเอทิลเลด	 แต่มีไอตะกั่ว	 หรือในปัจจุบันเติมเมทิลเทอร์เชียรี	 บิวทิล
อีเทอร์	(MTBE)	ปัจจุบันใช้สารนี้	เรียกว่า	น้ำมันไร้สารตะกั่ว	
       n	 เลขซีเทน	เป็นตัวเลขบอกคุณภาพของน้ำมันดีเซล		

       n	 พลังงานทดแทน	 มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง	 2	 ประการ	 คือควรเป็นพลังงานสะอาด	 ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม	 หรือผล	

	 	 น้อยมาก	และเป็นพลังงานที่ใช้ได้อย่างยั่งยืน	หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้	เช่น	พลังงานแสง	
       n	 การนำเอทานอล	 (เอธิ ล แอลกอฮอล์ )	 มาผสมกั บ น้ ำ มั น เบนซิ น อั ต ราส่ ว น	 1 : 9	 เรี ย กว่ า แก๊ ส โซฮอล์	 จะมี	

	 	 ประสิ ท ธิ ภ าพใกล้ เคี ย งกั บ น้ ำ มั น เบนซิ น	 95	 ปั จ จุ บั น มี ก ารนำเอาเอทานอล	 มาผสมกั บ น้ ำ มั น เบนซิ น ใน	
	 	 อัตราส่วน	2:8	หรือ	(20:80)	เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์	E-20

       พอลิเมอร์
คือ	สารที่มีขนาดใหญ่	ซึ่งเกิดจากสารขนาดเล็กจำนวนมากต่อกัน	ซึ่งเรียกว่า	มอนอเมอร์	โดย	
      n	 ถ้ามอนอเมอร์เป็นสารชนิดเดียวกัน	เรียกว่า	โฮโมพอลิเมอร์	เช่น	เซลลูโลส	ยางพารา	

      n	 ถ้ามอนอเมอร์เป็นสารต่างชนิดกัน	เรียกว่า	โค-พอลิเมอร์	หรือ	พอลิเมอร์ร่วม	เช่น	โปรตีน		

หมายเหตุ	 :	 เอทิลีน	เป็นมอนอเมอร์ที่เล็กที่สุด	รวมตัวกันได้พอลิเอทิลีน	เช่น	ถุง	สายยาง	ฟิล์ม
1.      พลาสติก	แบ่งออกได้เป็น		
        n	 เทอร์มอพลาสติก	 มีโครงสร้างแบบโซ่ตรงหรือโซ่กิ่ง	 มีสมบัติดังนี	 เมื่อได้รับความร้อนจะอ่อนตัว	 ยืดหยุ่นและ	
                                                                         ้
	       	 โค้งงอได้,	 สามารถเปลี่ยนรูปร่างกลับไปมาได้	 สมบัติไม่มีการเปลี่ยนแปลง	 เช่นพอลิเอทิลีน	 พอลิโพรพิลีน	
	       	 พอลิเตตระฟลูออไรเอทิลีน	พอลิไวนิลคลอไรด์	
        n	 เทอร์มอเซต	(thermoset)	คือ	พลาสติกทีมโครงสร้างแบบตาข่าย	มีสมบัตดงนีเมือได้รบความร้อนจะไม่ออนตัว	แต่	
                                                ่ ี                              ิ ั ้ ่ ั                  ่
	       	 จะเกิดการแตกหัก	 มีความแข็งแรงมาก,	 ไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้	 สมบัติมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเบคะไลท์	 ใช้	
	       	 ทำด้ามจับกะทะ	ด้ามจับเตารีด	และปลั๊กไฟฟ้า	พอลิยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์	ใช้ทำเต้าเสียบไฟฟ้า	และแผ่นฟอร์ไมกา	
	       	 ปูโต๊ะ,	อิพอกซี	ใช้ทำกาว	
หมายเหตุ	 :	 พอลิเอสเทอร์	เป็นทั้ง	2	แบบ	ใช้ทำเส้นใย	และตัวถังรถ	
2.      ยาง	แบ่งเป็น	
        n	 ยางธรรมชาติ	 เกิดจากมอนอเมอร์ไอโซปรีน	 มารวมตัวกันเป็นพอลิไอโซปรีน	 การปรับปรุงคุณภาพ	 ทำได้โดย	
                                                                                                          	
	       	 นำยางมาคลุกกับกำมะถัน	เรียกปฏิกิริยานี้ว่า	วัลคาไนส์เซชัน	ทำให้ได้ยางที่มีความคงตัว
~  14 ~
                                  สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                  สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
        n	    ยางสังเคราะห์	 (ยางเทียม)	 เช่นยาง	 IR	 (Isoprene Rubber)	 มีโครงสร้างเหมือนยางธรรมชาติ	 จุดเด่น	 คือ	
              มีสงเจือปนน้อย	 คุณภาพสม่ำเสมอ	 ใช้ทำจุกนมยางและอุปกรณ์การแพทย์,	 ยาง	 SBR	 (Styrene – Butadiene
                 ิ่
              Rubber)	 เกิดจากมอนอเมอร์ของสไตรีนและบิวตาไอดีน	 ทนต่อการขัดถู	 แต่ไม่ทนต่อแรงดึง	 ใช้ทำพื้นรองเท้า
	       	     สายยาง	สายพาน	
      ปฎิกิริยาเคมี
เกิดจาก	 สารเริ่มต้น	 เข้าทำปฏิกิริยากัน	 ซึ่งจะมีการแตกสลายพันธะเดิม	 และสร้างพันธะใหม่	 ทำให้เกิดสารใหม่	 เรียกว่า
ผลิตภัณฑ์	แบ่งเป็น		
      n	 ปฏิกิริยาคายความร้อน	จะให้พลังงานความร้อนออกมา	ทำให้สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิสูงขึ้น	

      n	 ปฏิกิริยาดูดความร้อน	จะดูดพลังงานความร้อนเข้าไป	ทำให้สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิลดลง	

	       ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี	
             1.	 ความเข้มข้นของสารเริ่มต้น	(เข้มข้นมา	>	เข้มข้นน้อย)	
             2.	 พื้นที่ผิวสัมผัสของสารที่เข้าทำปฏิกิริยา	(ผง	>	ก้อน)	
             3.	 อุณหภูมิ	(ร้อน	>	เย็น)	
             4.	 ตัวเร่งปฏิกิริยา	(catalyst)	
             5.	 ธรรมชาติของสาร	

      โครงสร้างของอะตอมและตารางธาตุ
อะตอม (atom)	คือหน่วยที่เล็กที่สุดของธาตุ	 ที่สามารถแสดงสมบัติของธาตุนั้นๆ	ได้ประกอบด้วย	นิวเคลียสซึ่งอยู่ใจกลาง	
และมีอนุภาคอิเล็กตรอนวิ่งรอบๆ	นิวเคลียส	
     แบบจำลองอะตอม (atomic model)	 คือมโนภาพที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นจากข้อมูลการทดลอง	 เพื่อใช้อธิบาย
ลักษณะของอะตอม	
ตารางที่	1:	ตารางสรุปแบบจำลองอะตอมแบบต่างๆ	พร้อมคำอธิบายและที่มาของแบบจำลองอะตอม	
     ชื่อนักวิทยาศาสตร์ผู้เสนอ	      รูปแบบจำลองอะตอม	               คำอธิบาย	และที่มาของแบบจำลองอะตอม	
    ดอลตัน	                                                  อะตอมเป็นทรงกลมภายในว่างเปล่า	อะตอมของธาตุชนิด
                                                             เดียวกันมีสมบัติเหมือนกันเช่นมีมวลเท่ากันและอะตอมไม่
                                                             สามารถแบ่งแยกได้หรือทำให้สูญหายได้	/	
                                                             การรวบรวมแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์	
    ทอมสัน	                                                  อะตอมเป็นทรงกลมมีประจุบวกและประจุลบกระจายอยู่
                                                             ภายในโดยประจุบวกจะมีจำนวนเท่ากับประจุลบ	/	
                                                             การทดลองการนำไฟฟ้าของแก๊สในหลอดรังสีแคโทด		
    รัทเทอร์ฟอร์ด	                                           อะตอมเป็นทรงกลมมีประจุบวกอยู่กันหนาแน่นตรงกลาง	
                                                             บริเวณนิวเคลียส	ส่วนประจุลบจะวิ่งอยู่รอบๆนิวเคลียส	/	
                                                             การทดลองยิงอนุภาคแอลฟาผ่านแผ่นทองคำที่มีฉากเรือง
                                                             แสงล้อมรอบ		
    แชดวิก	                                                  เหมือนกับรัทเทอร์ฟอร์ด	แต่พบว่ามีอนุภาคที่เป็นกลางทาง
                                                             ไฟฟ้า(นิวตรอน)	อยู่ในนิวเคลียสด้วย	/	ยิงอนุภาคแอลฟา
                                                             ผ่านไปยังอะตอมของ	Be	
    บอร์	                                                    เหมือนกับรัทเทอร์ฟอร์ดแต่อิเล็กตรอนที่อยู่รอบๆนิวเคลียส	
                                                             จะอยู่เป็นชั้นๆ	แต่ละชั้นเรียกว่าระดับพลังงาน,อิเล็กตรอน	
                                                             ที่อยู่วงนอกสุดเรียกว่าเวเลนซ์อิเล็กตรอน(valentelectrons)/
                                                             ได้จากการศึกษาสเปกตรัมของธาตุที่ได้จากการเผาสารต่างๆ
~  15 ~
                                สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ

สัญลักษณ์นิวเคลียร์ (nuclear symbol)	ประกอบด้วยสัญลักษณ์ของธาตุ	(X),	เลขอะตอม	(Z)	และเลขมวล	(A)	โดย
สัญลักษณ์การเขียนดังภาพ	 A           เลขมวล	(mass number)	=	จำนวนโปรตอน	+	จำนวนนิวตรอน	

                                 Z          	 เลขอะตอม	(atomic number)	=	จำนวนโปรตอน
ไอโซโทป, ไอโซโทน และไอโซบาร์
	 ไอโซโทป	 (isotope)	 คือธาตุที่มีเลขอะตอมเหมือนกันแต่เลขมวลต่างกัน	 หรือธาตุที่มีจำนวนโปรตอนเท่ากันแต่	
	 นิวตรอนต่างกัน	
	 ไอโซโทน	(isotone)	คือธาตุที่มีนิวตรอนเท่ากัน	แต่โปรตอนต่างกัน	
	 ไอโซบาร์	(isobar)	คือธาตุที่มีเลขมวลเท่ากัน	แต่เลขอะตอมต่างกัน	
การจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม	วิธีการจัดเรียงให้ถูกต้องมีขั้นตอนสำคัญ	2	ขั้นดังนี้		
     1)	 จำนวนอิเล็กตรอนในแต่ละชั้นจะมีจำนวนจำกัด	ห้ามเกิน	
          n	ในชั้น	n=1	(ชั้นใกล้นิวเคลียสมากที่สุด)	จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน	2	อนุภาค	

          n	ในชั้น	n=2	จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน	8	อนุภาค	

          n	 ในชั้น	n=3	จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน	18	อนุภาค	

          n	ในชั้น	n=4	จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน	32	อนุภาค	

          n	ในชั้น	n=5	จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน	50	อนุภาค	

     2)	 จำนวนอิเล็กตรอนในชั้นนอกสุด	(valent electrons)	จะมีค่ามากที่สุดห้ามเกิน	8	อนุภาค		

การจัดเรียงอิเล็กตรอน กับตารางธาตุ	พบว่าหากจัดเรียงอิเล็กตรอนได้ถูกต้อง		
          n	จำนวนอิเล็กตรอนชั้นนอกสุด	(valent electron)	จะบอกหมู่บนตารางธาตุว่าธาตุนั้นๆ	อยู่ในหมู่อะไร		

          n	จำนวนระดับชั้นพลังงาน	จะบอกถึงคาบบนตารางธาตุว่าธาตุนั้นๆ	จัดอยู่ในคาบใด		

ตัวอย่าง   11
                Na	เมื่อจัดเรียงอิเล็กตรอนแล้วจะได้	2,	8,	1	จะเห็นได้ว่า	
           จำนวนอิเล็กตรอนชั้นนอกสุดเท่ากับ	1	แสดงว่าในตารางธาตุ	Na	นั้นจะอยู่หมู่ที่	1
           n	

        n	จำนวนของระดับชั้นพลังงานพบว่ามี	3	ชั้น	แสดงว่าในตารางธาตุ	Na	นั้นจะอยู่คาบที่	3

ตารางธาต	 สามารถแบ่งธาตุต่างๆ	ในตารางธาตุออกเป็น	2	กลุ่มใหญ่ๆ		
    1)	 ธาตุกลุ่ม	A	หรือ	Representative elements
    2)	 ธาตุกลุ่ม	B	หรือ	Transitional elements

สมบัติของธาตุแต่ละหมู่
ธาตุหมู	1A :	 โลหะอัลคาไลน์	
       ่
              n	 มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน	=	1

              n	 เป็นโลหะ	ลอยน้ำได้	จุดเดือด	จุดหลอมเหลวไม่สูงมากนัก	

              n	 ทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ	ได้ด่างและแก๊สไฮโดรเจน	

ธาตุหมู	2A :	 โลหะอัลคาไลน์เอิร์ธ		
       ่
              n	 มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน	=	2

              n	 ทำปฏิกิริยากับน้ำ	ได้ด่างและแก๊สไฮโดรเจน	

ธาตุหมู	7A :	 ธาตุแฮโลเจน		
       ่
              n	 มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน	=	7

              n	 เป็นอโลหะ	1	โมเลกุลประกอบขึ้นจาก	2	อะตอม	(F2	สีเหลือง,	Br2	สีน้ำตาล,	I2	สีม่วงแดง)	

ธาตุหมู่ 8A :	 ก๊าซเฉื่อย,	ก๊าซมีตระกูล	
               n	 มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน	=	8	ยกเว้น	He = 2

               n	 เป็นอโลหะ	เฉื่อยชาต่อการเกิดปฏิกิริยามาก	และในธรรมชาติจะอยู่อะตอมเดี่ยวอย่างอิสระได้
~  16 ~
                          สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                          สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

โลหะทรานซิชัน
                 เป็นโลหะ		
                n	

              n	 เกิดสารประกอบไอออนิกที่มีสมบัติพิเศษ	 เรียกว่าสารประกอบเชิงซ้อนที่มีสีเฉพาะตัว	 เช่น	 KMnO4

	    	    	 	 	 สีชมพูอมม่วงหรือ	CuSO4	มีสีฟ้า	
              n	 มีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า	เมื่อเลขออกซิเดชันเปลี่ยน	สีก็จะเปลี่ยน	

สมบัติต่างๆ ของธาตุในตารางธาตุ
     1)	 ขนาดอะตอม,	 ความเป็นโลหะ,	 จุดเดือด,	 จุดหลอมเหลว	 เมื่อพิจารณาตามหมู่จะเพิ่มขึ้นจากบนลงล่างเมื่อ	
	 	 พิจารณาตามคาบ	จะเพิ่มจากขวาไปซ้าย	
     2)	 ค่าอิเลกโทรเนกาติวิตี	 (EN)	 คือความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอนในรูปสารประกอบ	 เมื่อพิจารณาตามหมู่	
	 	 จะเพิ่มขึ้นจากล่างขึ้นบน,	เมื่อพิจารณาตามคาบ	จะเพิ่มจากซ้ายไปขวา		
หมายเหตุ	 :	ธาตุหมู่	8A	จะมีค่า	EN = 0
     3)	 ค่าพลังงานไอออไนเซชัน	 (IE)	 คือพลังงานน้อยที่สุดที่ใช้ดึงอิเล็กตรอนให้หลุดออกจากอะตอมในภาวะก๊าซ	
	 	 เมื่อพิจารณาตามหมู่จะเพิ่มขึ้นจากล่างขึ้นบน,	เมื่อพิจารณาตามคาบ	จะเพิ่มจากซ้ายไปขวา		
พันธะเคมี	 คือ	 แรงที่ยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมสองอะตอมให้อยู่รวมกัน	 เกิดเป็นโมเลกุลและสารประกอบขึ้น	 แบ่งออกเป็น	
2	ประเภท	
     1)	 พันธะภายในโมเลกุล	ได้แก่		
         n	พันธะโลหะ	(metallic bond)	เชื่อมระหว่างอะตอมของธาตุที่เป็นโลหะ	กับโลหะ	

         n	พันธะไอออนิก	 ( ionic bond)	 เชื่อมระหว่างอะตอมของธาตุที่เป็นโลหะกับอโลหะ	 โดยมีโลหะเป็นตัวให้	

	 	 	 อิเล็กตรอน	และอโลหะเป็นตัวรับอิเล็กตรอน	เช่น	NaCl,	MgCl2
         n	พั นธะโควาเลนซ์	 ( covalent bond)	 เชื่ อ มระหว่ า งอะตอมของธาตุ ที่ เป็ น อโลหะกั บ อโลหะ	 โดยมี ก ารใช้	

	 	 	 เวเลนต์อิเล็กตรอนร่วมกัน	เช่น	CCl4,	Cl2,	H2O,	CO2
     2)	 พันธะระหว่างโมเลกุล	ได้แก่	
         n	พันธะไฮโดรเจน	(hydrogen bond)	จะเชือมระหว่างอะตอมของธาตุ	H	กับธาตุ	F,	O,	N	ในอีกโมเลกุลหนึง	
                                                  ่                                                             ่
~  17 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

                         สาระที่ 4 :
                         แรง และการเคลื่อนที่

      การเคลื่อนที่
1.      การเคลื่อนที่แนวตรง	:	เป็นการเคลื่อนที่	ที่ไม่มีการเปลี่ยนทิศทาง	
        อัตราเร็วเฉลี่ย	หาได้จาก	อัตราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลา	
        ความเร็วเฉลี่ย	หาได้จาก	อัตราส่วนระหว่างกระจัดกับช่วงเวลา	
หมายเหตุ	:	การกระจัด	คือ	ระยะทางสั้นที่สุด	ที่แสดงทิศกำกับด้วย	(เป็นปริมาณเวกเตอร์)	
    ความเร่ง	หาได้จาก	ความเร็วที่เปลี่ยนไปกับเวลาที่เปลี่ยนแปลง	(เมตรต่อวินาที2)	
    การเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวดิ่งภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก	(แนวตรง)	
	 เมื่อวัตถุตกสู่พื้น	 วัตถุจะมีความเร็วมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ	 แสดงว่า	 วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงตัว	 เรียกว่า	
ความเร่งโน้มถ่วงของโลก	มีคาเท่ากับ	 9.8	เมตรต่อวินาที2	หมายความว่า	ในทุกๆ	 1	วินาที	 วัตถุจะตกลงด้วยความเร็วเพิมขึน
                          ่                                                                                    ่ ้
9.8	เมตรต่อวินาที	เช่น	การกระโดดร่มแบบดิ่งพสุธา	

	 เมื่อวัตถุขึ้นสู่ท้องฟ้า	วัตถุจะมีความเร็วลดลงอย่างสม่ำเสมอ	แสดงว่า	วัตถุเคลื่อนที่ขึ้นด้วยความเร่ง	แต่มีทิศทางตรง
ข้ามกับความเร็วใช้สูตร	 v = u + a t
2.      การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์	:	เป็นการเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้งพาราโบลา	ซึ่งประกอบด้วย	
        n	 ความเร็วในแนวระดับ	เป็นความเร็วที่แท้จริงของวัตถุ	ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปข้างหน้าซึ่งมีค่าคงที่ตลอดเวลา	

        n	 ความเร็วในแนวดิ่ง	 เกิดจากแรงดึงดูดของโลก	 ซึ่งจะดึงดูดทำให้วัตถุตกลงสู่พื้น	 โดยจะมีค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ	 เช่น	

	       	 การโยนของจากเครื่องบิน	การโยนลูกบาสเกตบอลเข้าห่วง	
3.      การเคลื่อนที่แบบวงกลม : เกิดจาก	เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลม	ซึ่งประกอบด้วย
        n	 ความเร็วในแนวระดับ	เป็นความเร็วที่แท้จริงในการเคลื่อนที่ของวัตถุ	

        n	 แรงสู่ศูนย์กลาง	เป็นแรงที่มีทิศเข้าหาศูนย์กลางของการเคลื่อนที่นั้น	

	 เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลมด้วยความเร็วที่แท้จริง	 แต่จะมีแรงสู่ศูนย์กลางกระทำต่อวัตถุเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ	 จึง
ทำให้วัตถุไม่หลุดออกไปจากแนววงกลม	 ซึ่งเป็นแรงที่พอเหมาะกับวัตถุ	 จึงทำให้วัตถุเคลื่อนที่ได้ด้วยรัศมีค่าหนึ่งและ
ความเร็วค่าหนึ่ง	เช่นการเหวี่ยงหมุนของบนศีรษะ	การเลี้ยวของรถบนถนนที่เอียงพอเหมาะ	การโคจรของดวงดาว	
	 การเคลื่อนที่แบบวงกลมมีลักษณะเฉพาะ	คือ	วัตถุจะเคลื่อนที่กลับมาซ้ำทางเดิมเสมอ	
     n	 เวลาที่วัตถุเคลื่อนที่	ครบ	1	รอบ	เรียกว่า	คาบ	(period)	มีหน่วยเป็น	วินาที	

     n	 จำนวนรอบที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ใน	 1	หน่วยเวลา	เรียกว่า	ความถี่	 (frequency)	มีหน่วยเป็น	รอบต่อวินาที	 หรือ	

	 	 เฮิรตซ์	(hertz)	
4. การเคลือนทีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย	 (simple harmonic motion):	 เป็นการเคลือนทีกลับไปกลับมา	 ซ้ำทางเดิม	
              ่ ่                                                                    ่ ่
ในแนวดิ่ง	โดยมุมที่เบนจากแนวดิ่งจะมีค่าคงที่เสมอ	เช่น	การแกว่งของชิงช้า	การแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกา	


     สนามของแรง
คือ	บริเวณที่มีแรงกระทำต่อวัตถุ	แบ่งเป็น	3	ประเภท	
1.      สนามแม่เหล็ก	(magnetic field)	คือ	บริเวณทีมแรงแม่เหล็กกระทำ	จะมีทศจากขัวเหนือไปยังขัวใต้ของแท่งแม่เหล็ก
                                                  ่ ี                    ิ     ้            ้
~  18 ~
                                       สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                       สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ

        1)	
          ผลของสนามแม่เหล็กต่อการเคลื่อนที่ของอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า
	 	 เมื่ออิเล็กตรอน	(ประจุลบ)	เคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก	จะถูกแรงแม่เหล็กกระทำ	ทำให้แนวการเคลื่อนที่เปลี่ยนไป	
ใช้ในการทำจอของเครื่องใช้ไฟฟ้า	เช่น	โทรทัศน์	ประกอบด้วย	หลอดภาพแบ่งเป็น	3	ส่วนประกอบ	
          n	ขั้วแคโทดหรือปืนอิเล็กตรอน	ทำหน้าที่	ผลิตลำอิเล็กตรอน	

          n	จอเรืองแสง	ซึ่งฉาบด้วยสารเรืองแสง	เมื่ออิเล็กตรอนตกกระทบจอจะทำให้เกิดจุดสว่าง	

          n	ขดลวดเบี่ ย งเบน	 ทำหน้ า ที่	 ผลิ ต สนามแม่ เหล็ ก เพื่ อ เบี่ ย งเบนลำอิ เ ล็ ก ตรอน	 และควบคุ ม ให้ ล ำอิ เ ล็ ก ตรอน	

	 	 	 เคลื่อนที่กวาดไปมาบนจอภาพในแนวระดับ	ด้วยความเร็วสูงมาก	ทำให้เกิดภาพขึ้น	
      2)	 ผลของสนามแม่เหล็กต่อการเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าผ่าน
	 	 เมื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดตัวนำ	 ที่วางตัด	 (ตั้งฉาก)	 กับสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอ	 จะมีแรงแม่เหล็ก	
	 	 กระทำ	 ทำให้ขดลวดตัวนำเคลื่อนที่ได้นำไปใช้สร้างมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น	
	 	 พลังงานกลเช่นพัดลม	เครื่องผสมอาหาร	
	 	 กรณีตรงข้าม	 ถ้าหมุนขดลวดตัวนำให้ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอ	 จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น	 เรียกว่า	
กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ	ซึ่งค้นพบโดย	ไมเคิล	ฟาราเดย์	 และนำไปสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้า	ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงาน
กลเป็นพลังงานไฟฟ้า	
      3)	 สนามแม่เหล็กโลก	โลกเสมือนมีแม่เหล็กฝังอยู่ใต้โลก	และแผ่สนามแม่เหล็กปกคลุมโลก	
          n	ขั้วโลกเหนือ	 ทำหน้าที่เป็นขั้วใต้ของแม่เหล็ก	

          n	ขั้วโลกใต้	   ทำหน้าที่เป็นขั้วเหนือของแม่เหล็ก	
	 	 ทำหน้าที่	 เป็นโล่ป้องกันอันตรายจากลมสุริยะ	 ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีประจุ	 เช่น	 โปรตอน	 และอิเล็กตรอน	 ไม่ให้
อนุภาคเหล่านี้ทำลายชั้นบรรยากาศของโลก	ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต	
2.   สนามไฟฟ้า	 (electric field)	 คือ	 บริเวณที่มีแรงไฟฟ้า	 กระทำ	 จะมีทิศจากขั้วบวกไปยังขั้วลบของขั้วไฟฟ้า	 เมื่อมี
อนุภาคที่มีประจุ	อยู่ในสนามไฟฟ้า	พบว่า	
     n	 อนุภาคที่มีประจุบวก	(โปรตอน)	จะถูกแรงไฟฟ้ากระทำ	ให้เคลื่อนที่จากขั้วบวกไปยังขั้วลบ	

     n	 อนุภาคที่มีประจุลบ	(อิเล็กตรอน)	จะถูกแรงไฟฟ้ากระทำ	ให้เคลื่อนที่จากขั้วลบไปยังขั้วบวก	

	 หลักการนี้นำไปใช้ในการทำเครื่องกำจัดฝุ่น	โดยเมื่อฝุ่นละอองผ่านเข้าไปในเครื่อง	ฝุ่นเล็กๆ	จะรับประจุไฟฟ้าลบ	จาก
ขั้วลบของเครื่อง	และจะถูกดูดติดแน่นโดยแผ่นขั้วบวก		 	
	 ในสนามไฟฟ้า	 เมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในทิศตั้งฉาก	 (ตัด)	 กับสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ	 พบว่าจะมีแรงไฟฟ้ากระทำ	
ทำให้การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนเบนไปจากเดิม	 ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์	 ในการสร้างจอแสดงผลของเครื่องมือ	 เช่น	 จอเรดาร์	
จอภาพ	ออสซิลโลสโคปและจอเครื่องอัลตราซาวด์	
3.    สนามโน้มถ่วง	(gravitational field)	คือบริเวณที่มีแรงโน้มถ่วงกระทำทำให้เกิดแรงดึงดูดวัตถุ	โดยจะมีทิศพุ่งเข้าสู่
จุดศูนย์กลางโลก	(สนามโน้มถ่วง	ณ	ผิวโลก	มีค่าประมาณ	 9.8	นิวตันต่อ	กิโลกกรัม	แต่จะมีค่าลดลงไปเรื่อยๆ	เมื่ออยู่สูง
จากผิวโลกมากขึ้น)	
      1)	 การเคลื่อนที่ของวัตถุในสนามโน้มถ่วง	
          n	เมื่อวัตถุตกในสนามโน้มถ่วง	วัตถุจะเคลื่อนที่ลงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ	หรือ	ความเร่งคงตัว	เรียกว่า	

	 	 	 ความเร่งโน้มถ่วง	แต่จะมีค่าต่างกันตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์	
          n	เมื่ อ โยนวั ต ถุ ขึ้ น ไปในแนวดิ่ ง	 วั ต ถุ จ ะเคลื่ อ นที่ ขึ้ นด้ ว ยความเร่ ง โน้ ม ถ่ ว ง	 แต่ มี ทิ ศ พุ่ ง เข้ า สู่ จุ ด ศู น ย์ ก ลางโลก	
                                                                                                                                                              	
	 	 	 ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ขึ้นด้วยความเร็วที่ลดลง	 จนกระทั่งความเร็วสุดท้ายเป็นศูนย์	 จากนั้นแรงดึงดูดโลกจะดึง	
	 	 	 วัตถุให้ตกกลับสู่โลกด้วยความเร่งเท่าเดิม
~  19 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

	       แรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุ	ก็คือ	น้ำหนักของวัตถุบนโลก	(weight)	โดยคำนวณจากสมการ	
	       เมื่อ	 m	คือ	มวลของวัตถุ	(กิโลกรัม	/	kg)	
               g	 คือ	ความเร่งโน้มถ่วง	ณ	ตำแหน่งที่วัตถุวางอยู่	(เมตร	ต่อ	วินาที2	/	m/s2)		
               w	 คือ	น้ำหนักของวัตถุ	(นิวตัน	/	N)	

                 W = mg


	 จากหลักการของแรงโน้มถ่วง	 นำไปใช้ในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ	 โดยมีการเก็บน้ำไว้ในที่สูงบนเขื่อน	 แล้วปล่อยให้
ไหลตามท่อลงสู่ที่ต่ำกว่า	 ซึ่งภายในท่อมีกังหันที่ต่อแกนเข้ากับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า	 เมื่อน้ำไหลลงมา	 จึงส่งผลให้กังหันหมุน
และทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้
~  20 ~
                                  สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                  สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ

                          สาระที่ 5 :
                          พลังงาน

      คลื่น
1.     คลื่นกล	(mechanical)	คือ	คลื่นที่ต้องอาศัยตัวกลาง	ในการถ่ายโอนพลังงาน	แบ่งเป็น	
       n	 คลื่นตามขวาง	เกิดจากอนุภาคของตัวกลางเคลื่อนที่ตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของคลื่น	เช่น	คลื่นน้ำ	

       n	 คลื่นตามยาว	เกิดจากอนุภาคของตัวกลางเคลื่อนที่แนวเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่น	เช่น	สปริง	เสียง	

2.     องค์ประกอบของคลื่น คลื่นตามขวาง	ประกอบด้วย	
       n	 สันคลื่น	 ือ	ตำแหน่ง	สูงสุดของคลื่น,	ท้องคลื่น	คือ	ตำแหน่ง	ต่ำสุดของคลื่น	
                    ค
       n	 แอมพลิจูด	คือ	ขนาดกระจัดที่มีค่ามากที่สุด	(ความกว้างของคลื่น)	

       n	 ความยาวคลื่น	คือ	ความยาวของคลื่น	1	ลูก	ซึ่งเป็นระยะระหว่างสันคลื่น	-	สันคลื่น	หรือ	ระยะระหว่างท้องคลื่น	

	      	 -	ท้องคลื่นเขียนแทนด้วย	λ	(อ่านว่า	แลมดา)	มีหน่วยเป็นเมตร	
       n	 ความถี	 คื อ	 จำนวนลู ก คลื่ นทั้ ง หมดที่ เคลื่ อ นใน	 1	 หน่ ว ยเวลา	 เขี ย นแทนด้ ว ย	 	 มี ห น่ ว ยเป็ น รอบต่ อ วิ น าที	
                  ่
	      	 หรือ	เฮิรตซ์	(Hz)	
       n	 คาบ	คือ	เวลาที่คลื่น	1	ลูกเคลื่อนที่ผ่าน	เขียนแทนด้วย	T	มีหน่วยเป็นวินาที	(s)	

       n	 อัตราเร็วของคลื่น	คือ	ระยะทางที่คลื่นเคลื่อนที	ได้ในหนึ่งหน่วยเวลา	
                                                              ่
       คลื่นตามยาว	ประกอบด้วย	
       n	 ส่วนอัด	คือ	บริเวณที่คลื่นอยู่ใกล้ชิดกันมาก	

       n	 ส่วนขยาย	คือ	บริเวณที่คลื่นอยู่ห่างกันมาก	

       n	 ความยาวคลื่น	คือ	ระยะระหว่างส่วนอัด	–	ส่วนอัดหรือระยะระหว่างส่วนขยาย	–	ส่วนขยาย	

3.     สมบัติของคลื่น	มี	4	ประเภท	
       การสะท้อน	 :	 เกิดจาก	 การที่คลื่นกระทบสิ่งกีดขวาง	 แล้วทำให้เคลื่อนที่กลับสู่ตัวกลางเดิม	 โดยมีมุมตกกระทบ	
เท่ากับมุมสะท้อน	 เช่น	 -	 ค้างคาว	 สามารถหลบหลีกสิงกีดขวางและรูตำแหน่งของแมลงทีเป็นอาหารได้	 โดยการส่งคลื่นเสียง	
                                                     ่             ้                 ่
(Ultrasound)	ออกไป	แล้วรับคลื่นที่สะท้อนกลับมา	
       n	 ปลาโลมา	ใช้การสะท้อนของคลื่นเสียงในการหาปลาที่เป็นอาหาร	

       n	 ในการสื่อสารโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม	 สายอากาศทำหน้าที่ส่งคลื่นจากโฟกัสของจานไปสะท้อนที่ผิวจานโค้ง	

	 	 ให้เป็นลำขนานสู่ดาวเทียม	 ดาวเทียมจะรับและขยายสัญญาณแล้วส่งสัญญาณกลับมายังจานโค้งของสถานีรับ	
	 	 สัญญาณบนโลก	ซึ่งจะสะท้อนสัญญาณไปรวมกันที่อุปกรณ์รับที่โฟกัสของจาน	
       การหักเห	 :	 เกิดจากการที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างตัวกลางที่มีสมบัติต่างกัน	 ทำให้ทิศทางเบี่ยงเบน	
เนื่องจากอัตราเร็วของคลื่นเปลี่ยนไป	 เช่นขณะเกิดพายุฟ้าคะนอง	 บางครั้งเห็นฟ้าแลบ	 แต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง	 เนื่องจาก
เสียงเกิดการหักเห	 ในขณะที่เดินทางจากอากาศเย็นด้านบน	 ซึ่งมีความหนาแน่นมาก	 มายังอากาศร้อนด้านล่าง	 ซึ่งมีความ
หนาแน่นน้อยกว่า	ทำให้ทิศทางของเสียงเปลี่ยนแปลงทีละน้อย	จนเกิดการสะท้อนกลับหมด	
       การเลี้ยวเบน	 :	 เกิดจากการที่คลื่นปะทะสิ่งกีดขวาง	 แล้วมีคลื่นบางส่วนแผ่กระจายไปตามขอบของสิ่งกีดขวางทาง
ด้านหลัง	 เช่น	 การที่เราเดินผ่านมุมอาคารเรียนหรือมุมตึก	 จะได้ยินเสียงต่างๆ	 จากอีกด้านหนึ่งของอาคาร	 การได้ยินเสียง
จากห้องข้างเคียง	
       การแทรกสอด	:	 เกิดจากการที่คลื่นสองขบวนเคลื่อนที่เข้าหากัน	 ทำให้เกิดบริเวณสงบนิ่งและบริเวณที่สั่นสะเทือน
มาก	โดยแบ่งเป็น	
       n	 แบบเสริม	เกิดจาก	สันคลื่นพบสันคลื่นและท้องคลื่นพบท้องคลื่น	ทำให้แอมพลิจุดเสริมกัน	ส่งผลให้ผิวของคลื่นมี	

	 	 ระดับสูงหรือต่ำมากที่สุด
~  21 ~
                               สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                               สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ

        n	   แบบหักล้าง	เกิดจาก	สันคลื่นพบท้องคลื่น	ทำให้แอมพลิจูดหักล้างกัน	คลื่นจึงไม่กระเพื่อม	
หมายเหตุ	 :	 ปรากฏการณ์เสียงบีตส์	 (beats)	 เกิดจาก	 การที่คลื่นเสียงจาก	 2	 แหล่งกำเนิด	 ที่มีความถี่ต่างกันเล็กน้อย	
                                                                                                                     	
	 	 	 เคลื่อนที่เข้าหากัน	แล้วทำให้เกิดเสียงดังและค่อยสลับกันเป็นจังหวะ	
     จากหลักการของบีตส์	 นำมาใช้ในการเทียบเสียงของเครื่องดนตรีให้มีความถี่เท่ากับความถี่ของเสียงมาตรฐานที่
ต้องการ	 เช่น	 การเทียบเสียงกีตาร์ให้ได้มาตรฐาน	 โดยดีดกีตาร์และทำให้เกิดเสียง	 จากแหล่งกำเนิดเสียงมาตรฐานดังขึ้น
พร้อมกัน	 ถ้าได้ยินบีตส์แสดงว่าความถี่ยังไม่เท่ากัน	 ต้องปรับสายกีตาร์ใหม่	 จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงบีตส์	 จึงจะถือว่าเสียง
จากกีตาร์เป็นเสียงที่มีความถี่มาตรฐานแล้ว	
4.    เสียงและการได้ยิน	 เสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุ	 หลังงานที่วัตถุสั่นจะทำให้โมเลกุลของอากาศที่อยู่รอบๆสั่นตาม	
แล้วเกิดการถ่ายโอนพลังงานให้กับอากาศที่อยู่ถัดไปเรื่อยๆจนเข้าสู่ห	 โดยหลังจากถ่ายโอนพลังงานไปแล้ว	 โมเลกุลของ
                                                                 ู
อากาศจะสั่นกลับสู่ตำแหน่งเดิมความดันอากาศในบริเวณที่เสียงเคลื่อนที่ผ่านเรียกว่าความดันเสียงพบว่า		
      n	 โมเลกุลของอากาศในบางบริเวณอยูใกล้ชดกัน	จึงมีความหนาแน่นและความดันสูงกว่าปกติ	เรียกบริเวณนีวาส่วนอัด
                                         ่ ิ                                                             ้่
	 	 (สันคลื่น)	
      n	 โมเลกุลของอากาศในบางบริเวณอยูหางกัน	จึงมีความหนาแน่นและความดันต่ำกว่าปกติ	 เรียกบริเวณนีวา	ส่วนขยาย
                                        ่ ่                                                           ้่
	 	 (ท้องคลื่น)	
        หูของคน	ประกอบด้วย	3	ส่วน	คือ	
        n	 หูส่วนนอก	ทำหน้าที่	รับคลื่นเสียง	แล้วส่งต่อไป	

        n	 หูส่วนกลาง	ประกอบด้วย	กระดูกชิ้นเล็กๆ	ทำหน้าที่	ขยายเสียง	แล้วส่งต่อไป	

        n	 หูส่วนใน	 มีท่อกลวงขดเป็นก้นหอย	 เรียกว่า	 คอเคลีย	 ซึ่งภายในมีเซลล์ขนจำนวนมากคอยจับสัญญาณการสั่น	

	       	 ของคลื่นเสียง	แล้วส่งสัญญาณการรับรู้ไปยังสมอง	
      ธรรมชาติของเสียง	แบ่งออกได้	3	ประเภท	
      ระดับเสียง	คือ	ความสูงหรือต่ำของเสียง	ขึนอยูกบ	ความถีของเสียง	เสียงทีมความถีมาก	จะมีเสียงสูง	เรียกว่า	เสียงแหลม
                                                 ้ ่ ั     ่               ่ ี    ่
เสียงที่มีความถี่น้อย	จะมีเสียงต่ำ	เรียกว่า	เสียงทุ้ม	
หมายเหตุ	 :	 หูของคนสามารถรับรู้คลื่นเสียงในช่วงความถี่	20	ถึง	20,000	เฮิรตซ์	
	 	 	 เสียงที่มีความถี่ต่ำกว่า	20	เฮิรตซ์	         เรียกว่า	อินฟราซาวด์	(infrasound)
	 	 	 เสียงที่มีความถี่สูงกว่า	20,000	เฮิรตซ์	 เรียกว่า	อัลตราซาวด์	(ultrasound)
หมายเหตุ : เสียงอัลตราซาวด์	 นำไปใช้ตรวจสภาพเนือเยือ	 ใช้สลายก้อนนิว	 ใช้ทำความสะอาดเครืองมือ	 ใช้สำรวจความลึก	
                                               ้ ่                 ่                    ่
           ของมหาสมุทร	และใช้ในการประมง	เพื่อสำรวจหาแหล่งปลา	
      ความดัง	คือ	พลังงานเสียงที่มากพอที่จะได้ยินเสียงได้	 ขึ้นอยู่กับ	แอมพลิจูดของคลื่น	การวัดความดังของเสียง	จะวัด
เป็นระดับความเข้มเสียง	มีหน่วยเป็น	เดซิเบล	ดังนี้	
      n	 เสียงค่อยที่สุดที่เริ่มได้ยิน	มีระดับความเข้มเสียงเป็น	0	เดซิเบล	

      n	 เสียงดังที่สุดที่ไม่เป็นอันตรายต่อหู	มีระดับความเข้มเสียงเป็น	120	เดซิเบล	

หมายเหตุ	 :	 องค์การอนามัยโลก	 กำหนดว่า	 ระดับความเข้มเสียงที่ปลอดภัยต้องไม่เกิน	 85	 เดซิเบล	 และได้ยินติดต่อกัน	
	 	 	 ไม่เกินวันละ	8	ชั่วโมง	ถ้าเกินกว่านี้	จะถือว่าเป็นมลภาวะของเสียง
        คุณภาพเสียง	คือ	คุณลักษณะเฉพาะตัวของเสียง	(ไม่ได้หมายความว่า	เสียงดี	หรือไม่ดี)	
        n	 ช่วยระบุแหล่งกำเนิดเสียงที่แตกต่างกัน	ทำให้เราจำได้ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงอะไร	

        n	 นำไปสร้างเครื่องมือวิเคราะห์เสียง	เพื่อพิสูจน์หลักฐาน	เพื่อระบุบุคคลที่พูด	เนื่องจากคุณภาพเสียงแต่ละคนจะให้	

	       	 รูปคลื่นออกมาแตกต่างกัน
~  22 ~
                           สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                           สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

5.    คลืนแม่เหล็กไฟฟ้า	(electromagnetic)	:	คือ	คลืนทีเคลือนทีได้	 โดยไม่อาศัยตัวกลาง	ประกอบด้วย	สนามแม่เหล็ก
         ่                                               ่ ่ ่ ่
และสนามไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา	โดยทิศของสนามทั้งสองจะตั้งฉากกัน	และตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่มีช่วงความถี่
ต่างๆ	เฉพาะตัว	แต่ต่อเนื่องกัน	เรียกว่า	สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า	(เรียงจากความถี่สูงไปความถี่ต่ำ)	ดังนี	
                                                                                                         ้

             แกมมา	เอ็กซ์	อัลตราไวโอเลต	แสงที่ตามองเห็น	(visible light)	อินฟราเรด	ไมโครเวฟ	คลื่นวิทยุ	

      คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า	ที่ใช้ประโยชน์มากในชีวิตประจำวัน	คือ	คลื่นวิทยุ	 ที่มีความถี่ในช่วง	 104	-109   Hz	โดยใช้เป็น
คลื่นในการส่งข่าวสารและสาระบันเทิง	มีหลักการ	ดังนี้	
      1.	 เปลี่ยนเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า	โดยใช้ไมโครโฟน	
      2.	 ผสมสัญญาณไฟฟ้ากับคลื่นวิทยุ	ซึ่งทำหน้าที	เป็นคลื่นพาหะ	
                                                     ่
      3.	 ขยายสัญญาณของคลื่นที่ผสมแล้ว	ให้มีกำลังสูงขึ้น	
      4.	 ส่งไปยังเสาอากาศ	เพื่อกระจายคลื่นไปยังเครื่องรับวิทยุ	

หมายเหตุ	 :	 การผสมสัญญาณไฟฟ้าของเสียงกับคลื่นวิทยุ	มี	2	ระบบ	คือ
                n	 ระบบเอเอ็ม	(AM : Amplitude Modulation)

	 	 	 	 :	 เป็นการผสมที่ทำให้แอมพลิจูดของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงตามคลื่นเสียง	แต่ความถี่ไม่เปลี่ยนแปลง	
	 	 	 	 :	 ส่งกระจายเสียงด้วยความถี่	530 – 1,600	กิโลเฮิรตซ์	
                n	 ระบบเอฟเอ็ม	(FM : Frequency Modulation)

	 	 	 	 :	 เป็นการผสมที่ทำให้	ความถี่ของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงตามคลื่นเสียง	แต่แอมพลิจูดไม่เปลี่ยนแปลง	
	 	 	 	 :	 ส่งกระจายเสียงด้วยความถี่	88 – 108	เมกะเฮิรตซ์	
	 ระบบ	AM	สะท้อนบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้	ใช้ติดต่อไกลๆ	เรียกว่า	คลื่นฟ้า	
	 ระบบ	 FM	 มีความถี่สูงมาก	 จะทะลุผ่านบรรยากาศชั้นไอโอโนสเพียร์ออกไป	 จึงใช้ในการติดต่อกับยานอวกาศที่เดิน
ทางอยู่นอกโลก	 ดังนั้น	 การรับคลื่น	 FM	 บนพื้นโลก	 จึงรับได้เฉพาะคลื่นที่แผ่กระจายจากสายอากาศของสถานีส่งเท่านั้น	
เรียกว่า	คลื่นดิน	


     กัมมันตภาพรังสีและพลังงานนิวเคลียร์
1.   กัมมันตภาพรังสี	 ธาตุที่มีการแผ่รังสีได้เรียกว่าธาตุกัมมันตรังสี	 และปรากฏการณ์การแผ่รังสี	 ว่ากัมมันตภาพรังสี	 ใน
ธรรมชาติ	ธาตุส่วนใหญ่มีไอโซโทป	โดยแบ่งเป็น	
     n	 ไอโซโทปเสถียร	คือ	ไอโซโทปที่ไม่แผ่รังสี	มักจะพบในธรรมชาติ	

     n	 ไอโซโทปกัมมันตรังสี	คือ	ไอโซโทปที่มีนิวเคลียสไม่เสถียร	จึงแผ่รังสีออกมา	คือ	

       1)	รังสีแกมมา	(γ)	เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า	ที่มีความยาวคลื่นสั้นมากมีอำนาจทะลุผ่านมากที่สุด	สามารถกั้นได้โดย	
	 	 ใช้แผ่นตะกั่ว	
     2)	 รังสีบีตา	(	β	)	เป็นอิเล็กตรอน	สามารถกั้นได้โดยใช้แผ่นอลูมิเนียม	
     3)	 รังสีแอลฟา	(	α	)	เป็นนิวเคลียสของธาตุฮีเลียม	(	24He	)	สามารถทำให้สารเกิดการแตกตัวเป็นไอออนได้ดี	มี	
	 	 อำนาจทะลุผ่านน้อยมาก	สามารถกั้นได้โดยใช้กระดาษ	
     ครึงชีวต (half life)	 คือ	 ระยะเวลาทีนวเคลียสของธาตุกมมันตรังสีสลายตัวเหลือครึงหนึงของจำนวนนิวเคลียสเริมต้น
        ่ ิ                                ่ ิ               ั                     ่ ่                       ่
โดยธาตุแต่ละชนิดจะมีครึงชีวตไม่เท่ากันและมีคาคงที	ไม่ขนกับปัจจัยภายนอก	จึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ	เช่น
                       ่ ิ                   ่ ่ ึ้
     ด้านการแพทย์
          n	การใช้รังสีแกมมาจากโคบอลต์	 -60	 ทำลายเซลล์มะเร็ง,	 การใช้ไอโอดีน	 -131	 ตรวจสอบความผิดปกติของ	

	 	 	 ต่อมไทรอยด์
~  23 ~
                                สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ

        ด้านอุตสาหกรรม
            n	การควบคุมการผลิตกระจก	กระดาษ	แผ่นเหล็ก	พลาสติกให้มีความหมายสม่ำเสมอ	

        ด้านการเกษตร
            n	การฉายรังสีแกมมาดักแด้ของแมลงที่เพาะเลี้ยงไว้	เพื่อทำหมั้น	จึงไม่ขยายพันธุ์ต่อไป,	การฉายรังสีอาหาร		

	       	 	 เพื่อให้คงความสดเป็นเวลานาน,	การฉายรังสีดอกไม้	 ทำให้เกิดการกลายพันธุ์,	การศึกษาอัตราการดูดซึมปุ๋ย	
	       	 	 ของต้นไม้	โดยใส่ปุ๋ยที่มีตัวทำรอย	เช่น	ฟอสฟอรัส	-32
        ด้านโบราณคดีและธรณีวิทยา
            n	การหาอายุของวัตถุโบราณและซากสิ่งมีชีวิต	โดยใช้ธาตุคาร์บอน	-14	(ครึ่งชีวิต	5,730	ปี)	

2.     รังสีกับมนุษย์
	 รังสีพื้นฐาน	คือ	รังสีที่อยู่ตามธรรมชาติ	 ซึ่งทุกคนได้รับตลอดเวลาและหลีกเลี่ยงไม่ได้	 แต่มีไม่มากและไม่เป็นอันตราย	
เช่น	รังสีคอสมิกจากอากาศ,	รังสีจากเรดอน	ที่อยู่ในอากาศ	หิน	ดิน	ต้นไม้	 	
       กากกัมมันตรังส	คือ	ของเสียที่มีปริมาณรังสีอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์และไม่สามารถใช้ได้อีก	
            n	กากระดับต่ำและกลาง	ให้ฝังใต้ดินที่ไม่เป็นที่ลุ่ม	ไม่มีประวัติแผ่นดินไหวและภูเขาไฟ	

            n	กากระดับสูง	ให้ฝังในชั้นธรณีลึก	เป็นหินอัคนี	หินแปรหรือหินชนวน	

3.   พลังนิวเคลียร์
	 แรงนิวเคลียร์	 (nuclear force)	 คือ	 แรงที่กระทำระหว่างอนุภาคที่อยู่ในนิวเคลียส	 ซึ่งประกอบด้วยแรงดึงดูดที่ทำให้
โปรตอนและนิวตรอนอยู่รวมกัน	ซึ่งจะมีค่ามากกว่าแรงผลักระหว่างของโปรตอน	
       พลังงานนิวเคลียร์	โดยแบ่งเป็น	
       ฟิชชัน	 (fission)	 :	 เป็นปฏิกิริยาที่นิวเคลียสของธาตุเลขมวลมากแตกตัวเป็นธาตุเลขมวลน้อย	 เกิดจากการยิง
นิวตรอน	เข้าใส่นวเคลียสของธาตุยเรเนียม	-	235	ทำให้นวเคลียสแตกออกเป็นนิวเคลียสทีมเลขมวลลดลง	เช่น	แบเรียม	-	141
                 ิ                ู                      ิ                             ่ ี
และคริปตอน-92	 ทำให้พลังงานออกมามหาศาลและจะได้นิวตรอนใหม่เกิดขึ้นอีก	 3	 ตัว	 ซึ่งสามารถพุ่งไปชนนิวเคลียสของ
ยูเรเนียม-235	ที่อยู่ใกล้เคียง	ทำให้เกิดฟิชชันต่อไปเรื่อยๆ	เรียกว่าปฏิกิริยาลูกโซ่(chain reaction)	
หมายเหตุ	 :	 อั ล เบิ ร์ ต	 ไอน์ ส ไตน์	 พบว่ า	 เมื่ อ เกิ ด ฟิ ช ชั น มี ม วลหายไป	 ซึ่ ง มวลนี้ จ ะเปลี่ ย นเป็ น พลั ง งาน	 ตามทฤษฎี	
	 	 	 สัมพันธภาพ
      ฟิวชัน	(fusion)	:	เป็นปฏิกรยาทีนวเคลียสของธาตุเลขมวลน้อยรวมตัวกันเป็นธาตุทมเลขมวลมาก	ในธรรมชาติ	ฟิวชัน
                                     ิิ ่ ิ                                                            ี่ ี
เกิดในดาวฤกษ์	 (ดวงอาทิตย์)	ซึ่งประกอบด้วย	ก๊าซไฮโรเจนจำนวนมาก	เมื่อได้รับอุณหภูมิสูงถึง	 107 เคลวิน	จะทำให้เกิด
การแตกตัวเป็นโปรตอนและอิเล็กตรอน	โปรตอนเหล่านี้จะหลอมรวมกันเป็นนิวเคลียสของฮีเลียม	แล้วปล่อยพลังงานออกมา	
หมายเหตุ	 :	 ฟิวชัน	เป็นปฏิกิริยาที่ให้พลังงานออกมามากและเกิดรังสีเพียงเล็กน้อย	จึงไม่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมและเชื้อเพลิง	
	 	 	 ที่ใช้	คือ	ไฮโดรเจน	ซึ่งมีมากในน้ำบนโลก	จึงมีการพยายามเพื่อจะนำพลังงานมาใช้	
	 ในปัจจุบันฟิวชัน	 จะเกิดได้เฉพาะในห้องปฏิบัติการ	 โดยการหลอมรวมกันของนิวเคลียร์ของ	 ดิวเทอเรียม	 ซึ่งใช้
อุปกรณ์ที่เรียกว่า	เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชัน	
หมายเหตุ	 :	 ปัญหาสำคัญที่สุด	 คือ	 การควบคุมให้เกิดฟิวชันอย่างต่อเนื่องและแรงผลักระหว่างนิวเคลียสมีมากเกินไปใน	
             การทีจะทำให้ธาตุรวมกัน	โดยจะต้องเพิมพลังงาน	เพือเอาชนะแรงผลัก	ซึงต้องใช้อณหภูมสงมากถึง	108	เคลวิน	
                  ่                             ่           ่                   ่          ุ     ิู
             หรือสูงกว่าอุณหภูมิที่ใจกลางของดวงอาทิตย์ถึง	 10	 เท่า	 ดังนั้น	 ณ.วันนี้	 ฟิวชันจึงยังไม่สามารถนำมาใช้	
	 	 	 ประโยชน์ได้
~  24 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ


                       สาระที่ 6 :
                       โลก และการเปลี่ยนแปลง

โครงสร้างโลก	แบ่งตามลักษณะมวลสาร	ได้	3	ชั้น	คือ		
1.	    ชั้นเปลือกโลก	 แบ่งเป็น	 2	 บริเวณ	 คือภาคพื้นทวีป	 ประกอบด้วยซิลิกาและอะลูมินา,	 ใต้มหาสมุทรประกอบด้วย	
ซิลิกาและแมกนีเซียม	
2.	 ชั้นเนื้อโลก	มีความลึก	2,900	กิโลเมตร	แบ่งเป็น	3	ส่วน	คือ	
	 ส่วนบน	เป็นหินที่เย็นตัว	มีรอยแตก	ชั้นเนื้อโลกส่วนบนรวมกับชั้นเปลือกโลก	รวมเรียกว่า	ชั้นธรณีภาค		
	 ชั้นฐานธรณีภาค	เป็นชั้นหินหลอมละลายหรือหินหนืด	ที่เรียกว่า	แมกมา	
	 ชั้นล่างสุด	เป็นชั้นของแข็งร้อนที่แน่นและหนืด	
3.	 ชั้นแก่นโลก	(แก่นโลกชั้นนอก	เป็นของเหลวร้อนของเหล็กและนิกเกิล,	แก่นโลกชั้นใน	มีส่วนประกอบเหมือนชั้นนอก	
แต่เป็นของแข็ง)	
ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
       1. แผ่นดินไหว	เกิดจาก	การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกตามแนวรอยต่อธรณีภาค	และมีถ่ายโอนพลังงานให้กับชั้นหินที่
อยู่ติดกัน	ในรูปของคลื่นไหวสะเทือน	ซึ่งแผ่กระจาย	2	ชนิด	คือ	
               n	 คลื่นในตัวกลาง	 :	 เป็นคลื่นแผ่กระจายเป็นวงรอบๆ	 ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว	 และเดินทางอยู่ในตัวกลางที่มี	

	 	 	 	 เนื้อชนิดเดียวกันตลอด	
               n	 คลืนพืนผิว	:	เป็นคลืนทีเคลือนแผ่กระจายจากจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว	โดยจะเคลือนไปตามพืนผิวโลก	
                     ่ ้              ่ ่ ่                                                     ่          ้
                  และเคลื่อนผ่านระหว่างตัวกลางที่ต่างชนิดกัน	
	      	    	 เครื่องไซสโมกราฟ	(seismograph)	เป็นเครื่องมือบันทึกข้อมูลของคลื่นแผ่นดินไหว	
	 	 	 แนวรอยต่อรอบมหาสมุทรแปซิฟิก	 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและมากที่สุด	 (80%)	 เรียกว่า	 วงแหวนแห่งไฟ	
                                                                                                  	
(Ring of Fire)	ได้แก่	ญี่ปุ่น	ฟิลิปปินส์	อินโดนีเซีย	เม็กซิโก	และสหรัฐอเมริกา	
	 	 	 ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหว	เพราะ	อยู่นอกแนวรอยต่อของแผ่นธรณี	สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการ
เกิดแผ่นดินไหวนอกประเทศ	แล้วส่งแรงสั่นมา	เช่น	จีน	พม่า	ลาว	สุมาตรา		 	
2.    ภูเขาไฟ	 จะพบอยู่เฉพาะที่เท่านั้น	 โดยตั้งอยู่ตามขอบนอกของพื้นทวีป	 เป็นแนวยาวไปจนถึงกลางมหาสมุทรแปซิฟิก	
เช่น	ญี่ปุ่น	ฟิลิปปินส์	อินโดนีเซีย	ปาปัวนิวกินี	นิวซีแลนด์	ฮาวาย	
	   ภูเขาไฟระเบิด	เกิดได้	2	รูปแบบ	ดังนี้	
    n	 เกิดจาก	 การประทุของแมกมา	 แก๊ส	 และเถ้าจากใต้โลก	 โดยจะมีสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้า	 เช่น	 มีแผ่นดินไหว	         	
          และมีเสียงคล้ายฟ้าร้อง	 เพราะมีการเคลือนไหวของแมกมา	 ซึงเมือถูกพ่นออกมา	 เรียกว่า	 ลาวา	 (lava)	 ส่วนแก๊ส	
                                                ่                   ่ ่
          ที่ออกมาทำให้ลาวาคุพุ่งเหมือนน้ำพุร้อน	 เมื่อเวลาผ่านไปจะเย็นและแข็งตัวกลายเป็น	 หินบะซอลต์	 ซึ่งเป็นหินมี	
          รูอากาศเป็นช่อง	ส่วนลาวาทีมปริมาณของธาตุซลคอนมาก	เมือเย็นตัวจะเป็น	หินแอนดีไซด์	ไรโอไลต์	และออบซีเดียน
                                     ่ ี               ิิ         ่
    n	 เกิดจาก	 การระเบิดเองแมกมา	 ที่มีแก๊สอยู่ด้วย	 ซึ่งแยกตัวออกเป็นฟองเหมือนน้ำเดือดและขยายตัวจนระเบิด	

	 	 รุนแรง	ส่วนมากเป็นเศษหิน	ผลึกแร่	เถ้าภูเขาไฟ	โดยเมื่อเย็นตัวจะเป็นหิน	เรียกว่า	หินตะกอนภูเขาไฟ		
หมายเหตุ	 :	 การเย็นตัวอย่างรวดเร็วของแมกมา	 จะเป็นก้อนแก้วที่มีรูพรุน	 ซึ่งเต็มไปด้วยฟองแก๊สที่ยังไม่แตกทำให้เกิด	
	 	 	 แก้วที่ไม่มีรูปผลึก	แต่เมื่อแตกออกเป็นก้อน	จะมีน้ำหนักเบาและลอยน้ำได้	เรียกว่า	พัมมิซ	(pumice)
~  25 ~
                               สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                               สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ

     ธรณีภาค
1.    แผ่นธรณีภาคและการเคลื่อนที่
	 ดร.อัลเฟรด	เวกาเนอร์	นักอุตุนิยมวิทยาได้ตั้งสมมติฐานว่า	“ผืนแผ่นดินทั้งหมดบนโลกแต่เดิมเป็นแผ่นดินผืนเดียวกัน	
เรียกว่า	พันเจีย	เมื่อ	 200 – 135	ล้านปีที่แล้ว	แยกออกเป็น	 2	ทวีปใหญ่	 คือ	ลอเรเซียทางตอนเหนือและกอนด์วานาทาง
ตอนใต้	 และเมื่อ	 135 – 65	ล้านปีที่แล้ว	ลอเรเซียเริ่มแยกเป็นอเมริกาเหนือ	และแผ่นยูเรเซีย	ส่วนกอนต์ดานาจะแยกเป็น	
อเมริกาใต้	แอฟริกา	ออสเตรเลีย	แอนตาร์กติกา	และอินเดีย	
2.    หลักฐานและข้อมูลทางธรณีภาค	 คือ	 หลักฐานและข้อมูลที่ทำให้เชื่อว่าทวีปต่างๆ	 ในปัจจุบัน	 แต่เดิมเป็นแผ่นดิน
เดียวกัน	
      1.	 รอยต่อของแผ่นธรณีภาค	เช่น	รอยต่อขอบทวีปอเมริกาใต้กับทวีปแอฟริกา	
      2.	 รอยแยกและอายุหินบนเทือกเขากลางมหาสมุทร		
      3.	 การค้นพบซากดึกดำบรรพ์	 การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกันและอายุเดียวกันในทวีปต่างๆ	 ทีอยูหางไกลกัน
                                                                                                   ่ ่ ่
	 	 ทำให้เชื่อว่าทวีปต่างๆ	ในปัจจุบันแต่เดิม	เป็นแผ่นดินผืนเดียวกัน	แล้วค่อยๆ	แยกออกจากกัน	
	 นักธรณีวิทยา	แบ่งธรณีภาคของโลกเป็น	13	แผ่น	โดยแยกเป็น	2	ประเภท	ดังนี้	
          n	แผ่นทวีป	เช่น	แผ่นยูเรเซีย	อินเดีย	อเมริกาเหนือ	อเมริกาใต้	แอฟริกา	อาระเบีย	

          n	แผ่นมหาสมุทร	เช่น	แผ่นแปซิฟิก	แอนตาร์กติก	คาริบเบีย	คอคอส	นาสกา	

รูปแบบการเคลื่อนตัวของแผ่นธรณีภาค
1.     ขอบแผ่นธรณีภาคแยกออกจากกัน	เกิดจาก	การดันตัวของแมกมา	ทำให้เกิดรอยแตก	จนแมกมาถ่ายโอนความร้อนสู่
เปลือกโลกได้	 ทำให้อุณหภูมิและความดันลดลง	ทำเปลือกโลกทรุดตัวกลายเป็นหุบเขาทรุด	ต่อมามีน้ำไหลมาสะสมเกิดเป็น
ทะเล	 และทำให้เกิดเป็นร่องลึก	 แมกมาจึงเคลื่อนตัวแทรกดันขึ้นอีก	 ส่งผลให้แผ่นธรณีเคลื่อนตัวแยกออกไปทั้งสองข้าง	 เกิด
การขยายตัวของพื้นทะเล	และทำให้เกิดเทือกเขากลางสมุทร	เช่น	บริเวณทะเลแดง	แอฟริกาตะวันออก	อ่าวแคลิฟอร์เนีย	
2. ขอบแผ่นธรณีภาคเคลื่อนเข้าหากัน	มี	3	แบบ	คือ	
       n	 แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรชนกับแผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทร	 ทำให้แผ่นหนึงมุดลงใต้อกแผ่นหนึง	 ปลายของแผ่นที	
                                                                                        ่              ี           ่                   ่
	 	 มุดลงจะหลอมกลายเป็นแมกมา	และประทุขึ้นมา	ทำให้เกิดเป็นแนวภูเขาไฟกลางมหาสมุทร	และมีร่องใต้ทะเลลึก	
       n	 แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรชนกับแผ่นธรณีภาคภาคพืนทวีป	ทำให้แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทร	ซึงหนักกว่ามุดตัวลง	
                                                                ้                                                    ่
	 	 ข้างล่าง	เกิดเป็นร่องใต้ทะเลและเกิดเป็นเทือกเขา	ตามแนวขอบทวีปเป็นแนวภูเขาไฟชายฝัง	และแผ่นดินไหวรุนแรง   ่
       n	 แผ่นธรณีภาคภาคพืนทวีปชนกับแผ่นธรณีภาคภาคพืนทวีป	 ซึงทังสองแผ่นมีความหนามาก	 ทำให้แผ่นหนึงมุดลง	
                                ้                                 ้        ่ ้                                                  ่
             แต่อีกแผ่นหนึ่งเกยขึ้นเกิดเป็นเทือกเขา	เป็นแนวยาวอยู่กลางทวีป	เช่น	เทือกเขาหิมาลัย	เทือกเขาแอลป์	
3. ขอบแผ่ นธรณี ภ าคเคลื่ อ นที่ ผ่ า นกั น	 เกิ ด จากการที่ แมกมามี อั ต ราการเคลื่ อ นตั ว ไม่ เท่ า กั น	 จึ ง ทำให้ แ ผ่ นธรณี ภ าค
เคลื่อนที่ไม่เท่ากันด้วย	ส่งผลให้เปลือกโลกและเทือกเขาใต้มหาสมุทรเลื่อนไถลผ่านและเฉือนกัน	เกิดเป็นรอยเลื่อน	

     ธรณีประวัติ

1.  อายุทางธรณีวิทยา	แบ่งเป็น	2	แบบ	
    n	 อายุเปรียบเทียบ	 ใช้บอกว่าหินชุดใดมีอายุมากหรือน้อยกว่ากัน	 โดยอาศัยข้อมูลจากซากดึกดำบรรพ์ที่ทราบอายุ	

	 	 ลักษณะลำดับชั้นหินและโครงสร้าง	
    n	 อายุสัมบูรณ์	 เป็นอายุของหินหรือซากดึกดำบรรพ์ที่สามารถบอกจำนวนปีที่แน่นอน	 ซึ่งคำนวณจากครึ่งชีวิตของ	

	 	 ธาตุกัมมันตรังสี	ได้แก่	ธาตุ	C -	14 K -	40
2. ซากดึกดำบรรพ์	 คือ	 ซากและร่องรอยของสิ่งมีชีวิต	 ที่ตายทับถมอยู่ในชั้นหินตะกอน	 ซึ่งจะบอกถึงประวัติความเป็น
มาของพื้นที่ในอดีตว่าเป็นบนบกหรือในทะเล	 และสามารถบอกอายุของหินชนิดอื่นที่อยู่ร่วมกัน	 เรียกว่า	 ซากดึกดำบรรพ์	
นอกจากนี้ยังมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่ไม่กลายเป็นหินด้วย	 เช่น	 ซากช้างแมมมอธในธารน้ำแข็ง	 ที่ยังคงสภาพเดิม	
ซากแมลงในยางไม้หรืออำพัน	
3. การลำดับชั้นหิน	หินดินดานเป็นหินที่มีอายุมากที่สุด	>	หินปูน	>	หินกรวดมน	>	หินทราย
~  26 ~
                               สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                               สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ


                         สาระที่ 7 :
                         ดาราศาสตร์ และอวกาศ

       เอกภพ
1.     กำเนิดเอกภพ	 ทฤษฎีกำเนิดเอกภพ	 “บิกแบง”	 (Big Bang)	 กล่าวว่าก่อนการเกิดบิกแบง	 เอกภพเป็นพลังงาน
ล้วนๆ	มีอุณหภูมิสูงมาก	เมื่อเกิดการระเบิดใหญ่ๆ	(บิกแบง)	ทำให้พลังงานเปลี่ยนเป็นสสาร	(เนื้อสาร)	เนื้อสารที่เกิดขึ้นจะ
ในรูปของอนุภาคพื้นฐานชื่อ	ควาร์ก	อิเล็กตรอน	นิวทริโน	และโฟตอน	เมื่อเกิดอนุภาค	ก็จะเกิดปฏิอนุภาคที่มีประจุตรงข้าม	
ยกเว้น	นิวทริโนและแอนตินิวทริโน	ไม่มีประจุไฟฟ้า	เมื่ออนุภาคพบกับปฏิอนุภาคชนิดเดียวกัน	จะหลอมสลายเป็นพลังงาน
จนหมด	แต่ในธรรมชาติมีอนุภาคมากกว่าปฏิอนุภาค	จึงทำให้ยังมีอนุภาคเหลือ	ให้ก่อเกิดเป็นสสารของเอกภพ	
	 หลังบิกแบง	 10-6	 วินาที	 อุณหภูมิจะลดลงเป็นสิบล้านล้านเคลวิน	 ทำให้ควาร์กเกิดการรวมตัวกันกลายเป็นโปรตอน
และนิวตรอน	
	 หลังบิกแบง	 3	 นาที	 อุณหภูมิจะลดลงเป็นร้อยล้านเคลวิน	 ทำให้โปรตอนและนิวตรอน	 เกิดการรวมตัวเป็นนิวเคลียส
ของไฮโดรเจนและฮีเลียม	ซึ่งในช่วงแรกๆ	นี้เอกภพขยายตัวเร็วมาก	
	 หลังบิกแบง	 300,000	 ปี	 อุณหภูมิจะลดลงเหลือ	 10,000	 เคลวิน	 นิวเคลียสของไฮโดรเจนและฮีเลียม	 จะดึง
อิเล็กตรอนเข้ามาอยู่ในวงโคจร	ทำให้เกิดเป็นอะตอมของไฮโดรเจนและฮีเลียม	
	 หลังบิกแบง	 1,000	 ล้านปี	 จะเกิดกาแล็กซีต่างๆ	 โดยภายในกาแล็กซีจะมีธาตุไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นสารเบื้องต้น	
ในการกำเนิดเป็นดาวฤกษ์รุ่นแรกๆ	
หมายเหตุ	 :	 ข้อสังเกตและประจักษ์พยาน	ที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง	ได้แก่การขยายตัวของเอกภพ	และ	อุณหภูมิพื้นหลัง	
	 	 	 ของเอกภพ	ปัจจุบันลดลงเหลือ	2.73	เคลวิน	
2.  กาแล็กซี	 คือ	 อาณาจักรหรือระบบของดาวฤกษ์	 ที่อยู่รวมกันด้วยแรงโน้มถ่วงระหว่างดวงดาวกับหลุมดำที่มีมวล
มหาศาล	ซึ่งอยู่	ณ	จุดศูนย์กลางของกาแล็กซี	
    1.	 กาแล็กซีทางช้างเผือก	(Milky Way Galaxy)	เป็นกาแล็กซีที่ระบบสุริยะสังกัดอยู่	 มีรูปร่างคล้ายกังหัน	คือ	มี	
	 	 บริเวณตรงกลางสว่าง	และมีแขนโค้งรอบนอก	แต่ถามองดูดานข้างจะเหมือนเลนส์นนหรือจานข้าว	2	จานประกบกัน
                                                                      ้     ้                         ู
    2.	 กาแล็ ก ซี เพื่ อ นบ้ า น	 คื อ	 กาแล็ ก ซี อื่ น ๆ	 ที่ ส ามารถมองเห็ นด้ ว ยตาเปล่ า	 ได้ แ ก่	 กาแล็ ก ซี แมกเจลแลนใหญ่ ,	
	 	 กาแล็กซีแมกเจลแลนเล็ก	และ	กาแล็กซีแอนโดรเมดา		
	       นักดาราศาสตร์	แบ่งกาแล็กซี	ออกเป็น	3	ประเภทตามรูปร่าง	คือ	
        1.	 กาแล็กซีกังหันหรือสไปรัล	เช่น	กาแล็กซีทางช้างเผือก	กาแล็กซีแอนโดรเมดา		
        2.	 กาแล็กซีรูปไข่	เช่น	กาแล็กซี	M-87
        3.	 กาแล็กซีไร้รูปทรง	เช่น	กาแล็กซีแมกเจลแลนเล็ก	และแมกเจลแลนใหญ่	


      ดาวฤกษ์
ดาวฤกษ์	เป็นก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญ่	เกิดจากการยุบรวมตัวของเนบิวลา	มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นธาตุไฮโดรเจน	
1.      วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์	จะมีจุดจบต่างกัน	ขึ้นอยู่กับมวลสาร	ดังนี้	
        n	 ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย	 เช่น	 ดวงอาทิตย์	 มีแสงสว่างน้อย	 จึงมีการใช้เชื้อเพลิงในอัตราที่น้อย	 ทำให้ช่วงชีวิตยาว	
                                                                                                                        	
	       	 และจบชีวิตลงโดยไม่มีการระเบิด	แต่จะกลายเป็นดาวแคระดำ	
        n	 ดาวฤกษ์ที่มีมวลปานกลาง	จะจบชีวิตลงโดยไม่มีการระเบิด	และจะกลายเป็นดาวแคระขาว
~  27 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
      n	   ดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก	มีขนาดใหญ่	 มีแสงสว่างมาก	จึงมีการใช้เชื้อเพลิงในอัตราที่สูงมาก	ทำให้ช่วงชีวิตสั้น	และ	
	     	    จบชีวิตลงด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง	 ที่เรียกว่า	 ซูเปอร์โนวา	 (supernova)	 หลังจากนั้น	 แรงโน้มถ่วงจะทำให้	
	     	    ดาวยุบตัวลง	 โดยดาวที่มีมวลมากจะกลายเป็นดาวนิวตรอนและดาวที่มีมวลสูงมากๆ	 จะกลายเป็นหลุมดำ
           ขณะเดียวกันจะมีแรงสะท้อน	ทำให้สวนภายนอกของดาวระเบิด	เกิดเป็นธาตุหนักต่างๆ	เช่น	ยูเรเนียม	ทองคำ	ฯลฯ
                                           ่
           กระจายสูอวกาศ	กลายเป็นส่วนประกอบของเนบิวลารุนใหม่	 และเป็นต้นกำเนิดของดาวฤกษ์รนต่อไป	เช่น	ระบบสุรยะ	
                    ่                                        ่                               ุ่                   ิ
           ก็เกิดมาเนบิวลารุ่นหลัง	
       กำเนิดและวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์	 ดวงอาทิตย์	 เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด	 เกิดจาก	 การยุบตัวของเนบิวลา	
เมื่อประมาณ	5,000	ล้านปี	มาแล้ว	และจะฉายแสงสว่างต่อไปอีกประมาณ	5,000	ล้านปี	โดยมีวิวัฒนาการ	ดังนี้
       1.	 เมื่อเนบิวลายุบตัว	 ด้วยแรงโน้มถ่วงของเนบิวลาเอง	 ความดันและอุณหภมิที่แก่นกลางจะมีอุณหภูมิสูงจนมี	
	 	 อุณหภูมิสูงขึ้นเป็นหลายแสนองศาเซลเซียส	เรียกช่วงนี้ว่า	“ดาวฤกษ์ก่อนเกิด”	
       2.	 แรงโน้มถ่วงจะดึงให้แก๊สยุบตัวลงไปอีก	 ความดันและอุณหภูมิที่แก่นกลางก็จะสูงขึ้นอีก	 จนมีอุณหภูมิสูงขึ้นเป็น	
           15	 ล้านเคลวิน	 จะทำให้เกิด	 ปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์	 คือ	 ปฏิกิริยาที่เกิดการหลอมนิวเคลียสของไฮโดรเจน	
	 	 หรือโปรตอน4	 นิวเคลียส	 กลายเป็นฮีเลียม	 1	 นิวเคลียส	 และเกิดพลังงานมหาศาลออกมา	 จนทำให้เกิดสมดุล	
	 	 ระหว่างแรงโน้มถ่วงกับแรงดันของแก๊สร้อน	เกิดเป็นดวงอาทิตย์	ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่สมบูรณ์	มีสีเหลือง	
       3.	 ในอนาคต	 เมื่อธาตุไฮโดรเจนลดลง	 ทำให้ดาวยุบตัวลงอีกครั้ง	 ส่งผลให้แก่นกลางของดาวมีอุณหภูมิสูงขึ้นเป็น	
           100	 ล้านเคลวิน	 จนเกิดปฏิกรยาเทอร์โมนิวเคลียร์อกครัง	 หลอมนิวเคลียสของธาตุฮเลียม	 กลายเป็นธาตุคาร์บอน
                                      ิิ                    ี ้                              ี
	 	 แต่ในขณะเดียวกัน	 ไฮโดรเจนที่อยู่รอบนอกแก่นกลาง	 ก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นตามไปด้วย	 จนอุณหภูมิสูงขึ้น	
           15	 ล้านเคลวิน	 ก็จะสามารถเกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียส	 หลอมไฮโดรเจนให้กลายเป็นฮีเลียมครั้งใหม่	 ส่งผล	
       	 ทำให้เกิดพลังงานออกมาอย่างมหาศาลและทำให้ดวงอาทิตย์มขนาดใหญ่ขนเป็น	 100	 เท่า	 จะเปลียนจากสีเหลือง	
                                                                       ี           ึ้                    ่
           เป็นสีแดง	 ดวงอาทิตย์จึงกลายเป็นดาวฤกษ์สีแดงขนาดใหญ่	 เรียกว่า	 ดาวยักษ์แดง	 ซึ่งพลังงานถูกปลดปล่อย	
	 	 ออกมามากทำให้ช่วงชีวิตค่อนข้างสั้น	
       4.	 ในช่วงท้ายของดาวยักษ์แดง	 จะไม่เกิดเทอร์โมนิวเคลียร์ทหลอมฮีเลียมเป็นคาร์บอนอีก	 จึงทำให้แก่นกลางยุบตัวลง	
                                                                ี่
           กลายเป็นดาวแคระขาว	มีขนาด	1	ใน	100	ของดวงอาทิตย์ปัจจุบัน	แต่ในขณะเดียวกันผิวของดาวรอบนอกไม่ได้	
	 	 ยุบรวมเข้ามาด้วย	จึงเกิดเป็นชั้นของแก๊สหุ้มอยู่รอบนอก	กลายเป็นเนบิวลาดาวเคราะห์	 และเคลื่อนที่ห่างออกไป	         	
	 	 แล้วกระจายไปในอวกาศ	
       5.	 ดวงอาทิตย์ในสภาพของดาวแคระขาวจะส่องสว่างต่อไปอีกนับล้านปี	 โดยผลิตพลังงานจากปฏิกรยาเทอร์โมนิวเคลียร์
                                                                                                    ิิ
	 	 ที่เกิดจากการหลอมรวมนิวเคลียสฮีเลียมครั้งใหม่ที่แก่นกลาง	แต่จะมีความสว่างน้อยลงตามลำดับและในที่สุดก็จะ	
	 	 หยุดส่องแสงสว่าง	เรียกว่า	กลายเป็นดาวแคระดำ	(black dwarf)	ซึ่งเป็นก้อนมวลสารที่ไร้ชีวิต	
2.    ความสว่างและอันดับความสว่างของดาวฤกษ์
	 อันดับความสว่างของดาวฤกษ์ที่สังเกตได้จากโลก	เรียกว่า	อันดับความสว่างปรากฏ	ซึ่งไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบ
กับอันดับความสว่างจริงๆ	 ของดาวได้	 เพราะเป็นความสว่างที่ปรากฏให้เราเห็นบนโลก	 ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะของดาวที่อยู่ห่าง
จากโลกด้วย	
	 ดังนั้น	 นักดาราศาสตร์จึงกำหนด	 อันดับความสว่างที่แท้จริง	 ว่าเป็นอันดับความสว่างปรากฏ	 เมื่อดาวอยู่ห่างจากโลก	
10	พาร์เสค	หรือ	32.61	ปีแสงเท่านั้น	เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบอันดับความสว่างของดาวทั้งหลายได้	ดังนี	้
      n	 ดาวฤกษ์ที่ริบหรี่ที่สุดที่มองเห็นด้วยตาเปล่า	มีอันดับความสว่าง	6

      n	 ดาวฤกษ์ทสว่างทีสด	มีอนดับความสว่าง	1	(ถ้าอันดับความสว่างต่างกัน	1	จะมีความสว่างต่างกันประมาณ	2.5	เท่า)
                   ี่     ุ่ ั
3.    สีและอุณหภูมผวของดาวฤกษ์	
                   ิ ิ
	 สีของดาวฤกษ์ทมองเห็น	มีความสัมพันธ์กบอุณหภูมผวของดาวฤกษ์	นักดาราศาสตร์แบ่งออกเป็น	 7	ชนิด	หลักๆ	ดังนี้
                      ี่                  ั        ิ ิ
ดาวทีมอายุนอย	จะมีอณหภูมผวสูง	มีสขาว	น้ำเงิน	ส่วนดาวทีมอายุมาก	ใกล้ถงจุดสุดท้ายของชีวต	จะมีอณหภูมผวต่ำ	มีสแดง
     ่ ี   ้        ุ    ิ ิ     ี                     ่ ี          ึ                ิ      ุ    ิ ิ      ี
~  28 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

    กำเนิดระบบสุริยะ
นักดาราศาสตร์	แบ่งเขตพื้นที่รอบดวงอาทิตย์	ตามลักษณะการก่อตัว	เป็น	4	เขต	คือ	
      1.	 ดาวเคราะห์ชั้นใน	ได้แก่	ดาวพุธ	ดาวศุกร์	โลก	และดาวอังคาร	 	        	
      2.	 แถบดาวเคราะห์น้อย	 คือ	 บริเวณระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี	 เป็นเศษที่เหลือจากการ
พอกพูนเป็นดาวเคราะห์หน	 แล้วถูกอิทธิพลรบกวนจากดาวพฤหัสบดี	 ซึงมีขนาดใหญ่และเกิดมาก่อน	 ทำให้ไม่สามารถจับตัว
                        ิ                                           ่
กันมีขนาดใหญ่ได้	
      3.	 ดาวเคราะห์ชนนอก	หรือ	ดาวเคราะห์ยกษ์	 เป็นดาวเคราะห์ทมขนาดใหญ่	 ได้แก่	 ดาวพฤหัสบดี	 ดาวเสาร์	 ดาวยูเรนัส
                     ั้                     ั                  ี่ ี
และดาวเนปจูน	มีองค์ประกอบหลัก	เช่น	แก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียมทั้งดวง	จึงเรียกว่า	ดาวเคราะห์แก๊ส	
หมายเหตุ	 :	 ดาวพลูโต	เป็นดาวเคราะห์ชนนอกทีอยูไกลและเล็กทีสด	มีสมบัตคล้ายดาวเคราะห์นอย	ดังนันปัจจุบนดาวพลูโต	
                                        ั้     ่ ่            ุ่      ิ                ้       ้       ั
             จึงถูกตัดออกจากคุณสมบัติการเป็นดาวเคราะห์	 เพราะดาวพลูโตไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูดและวงโคจรของ	
	 	 	 สิ่งต่างๆ	ที่อยู่นอกระบบสุริยะ	และมีวงโคจรเป็นวงรีที่ทับซ้อนกับดาวเนปจูน	(เป็นดวงจันทร์ของดาวเนปจูน)
     4.	 เขตของดาวหาง	เป็นเศษที่เหลือจากดาวเคราะห์ยักษ์	มีจำนวนมากอยู่รอบนอกระบบสุริยะ	
	 	 ดวงอาทิตย์	:	 เป็นดาวฤกษ์สีเหลือง	ชนิดสเปกตรัม	G	มีอุณหภูมิผิวประมาณ	6,000	เคลวิน		
	 	 ลมสุริยะ	 :	 ประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนและอิเล็กตรอน	 ที่มาจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์	 การระเบิดจ้า	
	 	 	 	               	 บนดวงอาทิตย์	 จะมองเห็นเป็นจุดสว่างบนดวงอาทิตย์	 ซึ่งจะเกิดมากในทุกๆ	 11	ปี	 ส่งผลทำให้มี	
	 	 	 	               	 อนุภาคจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมาและมีอัตราเร็วมากกว่าลมสุริยะ	เรียกว่า	พายุสุริยะ	ซึ่งจะ	
	 	 	 	               	 ส่งผลกระทบต่อโลก	ดังนี้ทำให้เกิดแสงเหนือ	–	แสงใต้,	ทำให้ไฟฟ้าแรงสูงดับ	ในประเทศที่อยู่ใกล้	
	 	 	 	               	 ขั้วโลก,	ทำให้เกิดการติดขัดทางการสื่อสาร	
หมายเหตุ	 :	 ฝนดาวตกคืออนุภาคของดาวหางขณะตกผ่านชั้นบรรยากาศของโลกจะลุกเป็นไฟ	ดูเหมือนฝนที่เป็นลูกไฟ
      เทคโนโลยีอวกาศ
1.	     ดาวเทียมและยานอวกาศ	
        n	 การส่งดาวเทียมและยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศ	 จะต้องเอาชนะแรงดึงดูดของโลก	 โดยอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันสูง	

	       	 และความเร็วที่มากกว่า	 7.91	กิโลเมตรต่อวินาที	 จึงจะสามารถขึ้นไปโคจรรอบโลกในระดับต่ำที่สุดได้	 ถ้าหากจะ	
        	 ให้ยานอวกาศออกไปโคจรรอบดวงอาทิตย์	จะต้องใช้ความเร็วที	11.2	กิโลเมตรต่อวินาที	เรียกว่า	ความเร็วหลุดพ้น
                                                                    ่
        n	 พ.ศ.	 2446	 ไชออลคอฟสกี	 ชาวรัสเซีย	 ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อเพลิงที่จะใช้ในเครื่องยนต์จรวด	 เสนอว่า	 ควรใช้	

	       	 เชื้อเพลิงเหลว	ซึ่งต้องแยกเชื้อเพลิงและสารที่ช่วยในการเผาไหม้ออกจากกัน	และการนำจรวดมาต่อเป็นชั้นๆ	จะ	
	       	 ช่วยลดมวลของจรวดลง	โดยเมื่อจรวดชั้นแรกใช้เชื้อเพลิงหมดก็ปลดทิ้งไป	และให้จรวดชั้นต่อไปทำหน้าที่ต่อแล้ว	
	       	 ปลดทิ้งไปเรื่อยๆ	 จนถึงจรวดชั้นสุดท้ายที่ติดกับดาวเทียมหรือยานอวกาศ	 ซึ่งจะทำให้มีความเร็วสูงพอที่จะ	
	       	 เอาชนะแรงดึงดูดของโลกได้	
        n	 พ.ศ.	 2469	 โรเบิรต	 กอดดาร์ด	 ชาวอเมริกน	 ประสบความสำเร็จในการสร้างจรวดเชือเพลิงเหลว	 โดยใช้ไฮโดรเจน	
                             ์                     ั                                         ้
	       	 เหลวเป็นเชื้อเพลิงและออกซิเจนเหลวเป็นสารที่ช่วยในการเผาไหม้และแยกอยู่ต่างถังกัน	
        n	 สหภาพโซเวียต	ได้ประสบความสำเร็จในการใช้จรวดสามท่อนสำหรับส่งยานอวกาศหรือดาวเทียม	เป็นประเทศแรก

ระบบขนส่งอวกาศ	ประกอบด้วย	3	ส่วน	คือจรวดเชื้อเพลิงแข็ง	ขนาบ	2	ข้าง,	ถังเชื้อเพลิงภายนอก	(เชื้อเพลิงเหลว),	
ยานขนส่งอวกาศ	
	 ขั้นตอนการปฏิบัติงานของยานขนส่งอวกาศ	
    1.	 ส่งขึ้นจากฐานส่ง	โดยจรวดเชื้อเพลิงแข็ง	ที่ขนาบ	2	ข้าง	
    2.	 ลำจรวดเชื้อเพลิงแข็งหลุดออกและตกลงสู่ทะเล	
    3.	 ถังเชื้อเพลิงเหลวทำงาน	เมื่อเชื้อเพลิงหมด	ก็แยกตัวออก	และยานจะหันด้านบนเข้าสู่โลก	
    4.	 ประตูห้องสัมภาระเปิดออก	เพื่อปล่อยดาวเทียม	แล้วยานจะหันหัวไปทางโลก	
    5.	 ใช้มุมร่อนลงเอียง	20	องศา	และลงสู่พื้นดินด้วยความเร็ว	200	กิโลเมตรต่อชั่วโมง
~  29 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

หมายเหตุ	 :	 นักบินอวกาศ	ที่ถูกคัดเลือกให้เดินทางขึ้นสู่อวกาศ	จะต้องมีร่างกายแข็งแรงสูงสุด	เพื่อให้สามารถอยู่ในสภาพ	
	 	 	 ไร้น้ำหนักได้	เพราะเมื่ออยู่ในอวกาศ	หัวใจจะทำงานช้าลง	กล้ามเนื้อจะเล็กลง
2.      การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ
        n	 ดาวเทียมอินเทลแซท	อยู่ในวงโคจรรอบโลก	3	แห่ง	คือ	

        n	 เหนือมหาสมุทรอินเดีย	เพื่อติดต่อระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป	

        n	 เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก	เพื่อติดต่อระหว่างทวีปเอเชียกับอเมริกา	

        n	 เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก	เพื่อติดต่อระหว่างทวีปอเมริกากับยุโรป	

        n	 ดาวเทียมสื่อสารของไทย	 ชื่อ	 ไทยคม	 สร้างโดยบริษัทฮิวจ์	 แอร์คราฟท์	 สหรัฐอเมริกา	 และส่งขึ้นสู่อวกาศ	 โดย	

	       	 บริษัทแอเรียน	สเปซ	ฝรั่งเศส	จากฐานส่งที่เมืองคูร	ดินแดนเฟรนซ์	เกียนา	
                                                          ู
~  30 ~
                        สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                        สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
~  31 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

(ข้อ 1 - 20 หัวข้อที่ทดสอบ	สาระที่	1:	สิ่งมีชีวิตกับการดำรงชีวิต	และ	สาระที่	2:	สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม)	
1.	   โครงสร้างเซลล์ของสิ่งมีชีวิต	4	ชนิด	ในน้ำเป็นดังนี้	
                                                  โครงสร้างของเซลล์	
        ชนิดสิ่งมีชีวิต	
                             ผนังเซลล์	     แวคิวโอล	       คลอโรฟิลล์	            นิวเคลียส	
                                               -	
              ก.	               	                             	                     -	
                                              	
              ข.	               -	                              -	                    	
                                              	
              ค.	               -	                             	                     	
                                               -	
              ง.	               	                              -	                    -	
	     สิ่งมีชีวิตในข้อใดจัดอยู่ในอาณาจักรมอเนอรา	
      1.	 ก	และ	ข	                                             2.	 ข	และ	ค	
      3.	 ค	และ	ง	                                             4.	 ก	และ	ง	

2.	   สิ่งใดต่อไปนี้ไม่สามารถใช้ในการตรวจลายพิมพ์ดีเอ็นเอเพื่อใช้พิสูจน์บุคคล	
      1.	 กระดูก	                                          2.	 เลือด	
      3.	 น้ำเหลือง	                                       4.	 ปลายเส้นผม	

3.	   ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเฉพาะของไวรัส	HIV
      1.	 ทำลายเซลล์เม็ดเลือดทุกชนิด	                       	 	             	
      2.		กลายพันธุ์ได้ง่าย	
      3.	 ถ่ายทอดได้ทางเพศสัมพันธ์	หรือรับเลือดจากผู้ติดเชื้อ	
      4.	 เพิ่มจำนวนโดยใช้วัตถุดิบจากเซลล์ที่ถูกทำลาย	

4.	   ไวรัสเพิ่มจำนวนได้ในสภาวะใด	
	                 ก.	ในเซลล์สัตว์	            ข.	ในเซลล์พืช	
	                 ค.	ในอาหารสังเคราะห์	       ง.	ในซากสิ่งมีชีวิต	
      1.	 ก	และ	ข	                                              2.	 ค	และ	ง	
      3.	 ก	ข	และ	ง	                                            4.	 ก	ข	ค	และ	ง	

5.	   จากการตรวจเซลล์	4	ชนิด	พบส่วนประกอบดังนี้	
           เซลล์	          ผนังเซลล์	     นิวเคลียส	         คลอโรพลาสต์	
                                             -
             ก.	                                                -
                                             
             ข.	                                                
                                             
             ค.	                                                -
             ง.	                             
                             -                                   -
	     ข้อใดเป็นเซลล์ที่มาจากพืช	
      1.	 ก.	และ	ข.	                                           2.	 ข.	และ	ค.	        	
      3.	 ค.	และ	ง.	                                           4.	 ข.	และ	ง.
~  32 ~
                                 สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                 สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ

6.	    ลักษณะของสิ่งมีชีวิตข้อใดในตารางเป็นลักษณะของไบรโอไฟต์	(เช่น	มอส)	
                   เนื้อเยื่อ	      สร้างอาหารเอง	      ผนังเซลล์	
         1.            มี	                ได้	              มี	
         2.          ไม่ม	 ี              ได้	              มี	
         3.            มี	               ไม่ได้	            มี	
                       มี	                ได้	            ไม่ม	 ี
         4.
7.	    สิ่งมีชีวิตในข้อใดต่อไปนี	เรียงตามลำดับวิวัฒนาการได้ถูกต้อง	
                                ้
       1.	 เห็ด	→	แบคทีเรีย	→	อะมีบา	
       2.	 สาหร่ายสีเขียว	→	สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน→	มอส	
       3.	 หนอนตัวแบน	→	ฟองน้ำ	→	ดาวทะเล	
       4.	 สาหร่ายสีน้ำตาล	→	สนสองใบ	→	พืชเลี้ยงคู่	

8.	    สิ่งมีชีวิตในข้อใดต่อไปนี	เรียงตามลำดับวิวัฒนาการได้ถูกต้อง	
                                ้
       1.	 อะมีบา	→	สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน	→	หนอนตัวแบน	
       2.	 แบคทีเรีย	→	ราเมือก	→	เห็ด	
       3.	 ไส้เดือนดิน	→	แมลง	→	หอย	
       4.	 โพรทิสต์	→	ยีสต์	→	สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน	

9.	    ปรากฏการณ์ใดต่อไปนี้จะเกิดกับเซลล์พืชที่แช่ในสารละลายไฮโพโทนิค	
       1.	 เซลล์เต่ง	                                     2.	 เซลล์แตก	
       3.	 เซลล์เหี่ยว	                                   4.	 เซลล์เหมือนเดิม	

10.	   การหลั่งเพปซิโนเจนออกจากเซลล์ผนังกระเพาะอาหารอาศัยกระบวนการใด	
       1.	 กระบวนการแพร่	                             2.	 กระบวนการเอกโซไซโทซิส	
       3.	 การลำเลียงแบบฟาซิลิเทต	                    4.	 การลำเลียงแบบใช้พลังงาน	

11.	   ข้อใดต่อไปนี้อาศัยกระบวนการเอกโซไซโทซิส	
       1.		การทำลายเชื้อโรคของเซลล์เม็ดเลือดขาว	         	 	
       2.	 การนำอนุภาคขนาดใหญ่เข้าสู่เซลล์ของอะมีบา	
       3.		การขับเกลือแร่ส่วนเกินออกทางเหงือกของปลาทะเล	
       4.	 การหลั่งเอนไซม์ย่อยอาหารออกมาจากเยื่อบุผิวลำไส้เล็ก	

12.	   ลอกผิวใบว่านกาบหอยแล้วแช่ลงในสารละลายน้ำตาลกลูโคส	เมื่อนำมาส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เห็นลักษณะดังภาพ
       สารละลายน้ำตาลกลูโคสนี้เป็นสารละลายประเภทใดเมื่อเทียบกับสารละลายในเซลล์ผิวใบ	




       1.	 สารละลายไฮโพโทนิค	                                2.	 สารละลายไฮเพอร์โทนิค	
       3.	 สารละลายไอโซโทนิค	                                4.	 อาจเป็นข้อ	2	หรือ	3	ก็ได้
~  33 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

13.	   เมื่อใส่ปุ๋ยต้นไม้มากเกินไป	ต้นไม้ไม่เจริญงอกงามสมความต้องการ	แต่กลับเหี่ยวเฉาลงเพราะเหตุใด	
       1.	 สารละลายในดินมีแรงดันออสโมติกสูงกว่าในเซลล์	ทำให้น้ำแพร่จากเซลล์ออกสู่ดิน	
       2.		สารละลายในดินมีแรงดันออสโมติกสูงกว่าในเซลล์	ทำให้น้ำแพร่จากดินเข้าสู่เซลล์	
       3.	 สารละลายในดินมีแรงดันออสโมติกต่ำกว่าในเซลล์	ทำให้น้ำแพร่จากเซลล์ออกสู่ดิน	
       4.		 สารละลายในดินมีแรงดันออสโมติกต่ำกว่าในเซลล์	ทำให้น้ำแพร่จากดินเข้าสู่เซลล์	

14.	   สัตว์ข้อใดที่อุณหภูมิร่างกายแปรผันตามอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม	
       1.	 ม้าน้ำ	                                          2.	 แมวน้ำ	
       3.	 นกเป็ดน้ำ	                                       4.	 หมูน้ำ	(พะยูน)	

15.	   ก.	และ	ข.	เป็นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิร่างกายและอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมของสัตว์ชนิดใดตามลำดับ	
                                                                 40
       1.	 ปลาฉลาม	และ	กบ	                                                                  ก	
                                              อุณหภูมิร่างกาย	

                                                                 30
       2.	 นกกางเขน	และ	กิ้งก่า	                                                            ข	
                                                                 20
       3.	 หนู	และ	นกเพนกวิน	
                                                                 10
       4.	 เต่า	และ	โลมา	                                                                         อุณหภูมิสิ่งแวดล้อม	
                                                                         10   20      30    40

16.	   สัตว์ชนิดใดทีไม่มกลไกในการรักษาอุณหภูมของร่างกายให้คงที	อุณหภูมของร่างกายจึงแปรผันไปตามอุณหภูมสงแวดล้อม
                    ่ ี                      ิ                ่       ิ                              ิ ิ่
       1.	 จระเข้	                                        2.	 นกเพนกวิน	
       3.	 พะยูน	                                         4.	 ปลาวาฬ	

17.	   หลังจากการออกกำลังกายกลางแดดนานๆ	ร่างกายมีกลไกในการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิอย่างไร	                                		
       1.	 ลดอัตราเมแทบอลิซึม	และหลอดเลือดขยายตัว	
       2.	 ลดอัตราเมแทบอลิซึม	และหลอดเลือดหดตัว		
       3.	 เพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม	และหลอดเลือดขยายตัว	
       4.	 เพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม	และหลอดเลือดหดตัว	

18.	   ขณะที่สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิสูงขึ้น	ข้อใดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา	
             อัตราเมแทบอลิซึม	       หลอดเลือดฝอยที่ผิวหนัง	                               กล้ามเนื้อยึดโคนเส้นขน	
       1.          สูงขึ้น	                ขยายตัว	                                               คลายตัว	
       2.          ลดลง	                   ขยายตัว	                                               คลายตัว	
       3.          สูงขึ้น	                  หดตัว	                                                 หดตัว	
       4.          ลดลง	                     หดตัว	                                                 หดตัว	
19.	   ข้อใดกล่าวถึงการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุของปลาน้ำจืดได้ถูกต้อง	
       1.	 ไตขับปัสสาวะที่มีความเข้มข้นสูงและปริมาณน้อย	
       2.	 ไตขับปัสสาวะเจือจางและปริมาณน้อย	
       3.	 ไตขับปัสสาวะที่มีความเข้มข้นสูงและปริมาณมาก	
       4.	 ไตขับปัสสาวะเจือจางและปริมาณมาก	

20.	   สารใดที่ไม่พบในปัสสาวะของคนปกติ	
       1.	 โปรตีน	                                                              2.	 ยูเรีย	
       3.	 ยูริก	                                                               4.	 เกลือโซเดียม
~  34 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

(ข้อ 21- 40	หัวข้อที่ทดสอบ	สาระที่	3:	สาร	และสมบัติของสาร)	
21.	   จากแผนภาพแบบจำลองอะตอม	I,	II	และ	III	เป็นแบบจำลองอะตอมของใครตามลำดับ	




       1.	 ดอลตัน	รัทเทอร์ฟอร์ด	ทอมสัน	                      2.	 ดอลตัน	ทอมสัน	รัทเทอร์ฟอร์ด	
       3.	 รัทเทอร์ฟอร์ด	ทอมสัน	ดอลตัน	                      4.	 รัทเทอร์ฟอร์ด	ดอลตัน	ทอมสัน	

22.	   ธาตุ	Z	เป็นธาตุในจินตนาการ	มีโปรตอน	111	อนุภาค,	นิวตรอน	141	อนุภาค	ข้อใดแทนอะตอมของ	Z
       1. 14130 Z                                      2. 141111 Z
       3. 252111 Z                                     4. 252141 Z

23. A	และ	B	เป็นธาตุไอโซโทปกัน,	A	มีจำนวนโปรตอนเท่ากับ	10	และมีเลขมวลเท่ากับ	20	ส่วน	B	มีจำนวนนิวตรอน
       มากกว่า	A	อยู่	2	นิวตรอน	ข้อใดเป็นสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ	B
       1. 2012 B                                          2. 2210 B
       3. 128 B                                           4. 1210 B

24.	   ธาตุสมมติมีสัญลักษณ์นิวเคลียร์	73 A,	147 B,	3216 X	และ	3919 Y	ธาตุใดอยู่ในหมู่เดียวกัน	
       1. A	กับ	B                                           2. X	กับ	Y
       3. A	กับ	Y                                           4. B	กับ	X

25.	   ข้อใดเป็นการจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอมที่มีเลขมวล	40	และมีจำนวนนิวตรอนเท่ากับ	21
       1. 2	,	8	,	9                                       2. 2	,	8	,	8	,	1
       3. 2	,	8	,	18	,	8	,	4                              4. 2	,	8	,	9	,	2

26.	   พิจารณาข้อมูลแสดงตำแหน่งของธาตุต่างๆ	ในตารางธาตุ	ข้อใดสรุปผิด	
             ธาตุ	         คาบที่	              หมู่ที่	
              A              4                  1A
              B              2                  4A
              C              3                  1A
              D              3                  4A
       1.	 ธาตุ	A	และ	C	มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน	 	       	       	
       2.	 เวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุ	C	และ	D	อยู่ในระดับพลังงานเดียวกัน	
       3.	 จำนวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่สองของธาตุ	A B	และ	C	เท่ากัน	 	        	
       4.	 จำนวนอิเล็กตรอนทั้งหมดในอะตอมของธาตุ	A	มีค่ามากกว่าของธาตุ	C 8	อิเล็กตรอน		

27.	   พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้	ข้อใดถูก	
            ธาตุ             A      B     C          D
            เลขอะตอม 11 18 31                        38
       1. A	และ	D	อยู่หมู่เดียวกัน	                          2. D	มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนสูงสุด	
       3. B	อยู่เป็นอะตอมเดี่ยวอย่างอิสระได้	                4. C	และ	D	อยู่ในคาบเดียวกัน
~  35 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

28.    ธาตุที่มีเลขอะตอมต่อไปนี้มีสิ่งใดเหมือนกัน	
                1        3     11    19    37
       1.	   เป็นอโลหะเหมือนกัน	                                       2.	    มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน	
       3.	   มีจำนวนอนุภาคมูลฐานเท่ากัน	                               4.	    อยู่ในระดับพลังงานเดียวกัน	
29.	   ธาตุ	X	อยู่ในหมู่	7A	คาบที่	5	มีเลขมวล	129	ธาตุ	X	เป็นไปตามข้อใด	
	      	 ก.	 มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์เป็น	12953 X
	      	 ข.	 เป็นกึ่งโลหะ	และมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ	7
	      	 ค.	 มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น	2 8 18 18 5
	      	 ง.	 เป็นไอโซโทปกับธาตุ	12753 I
       1)	 ก	และ	ข	                                       2)	 ข	และ	ค	
       3)	 ค	และ	ง	                                       4)	 ก	และ	ง	
30.	   เลขอะตอมของ	F	และ	Ca	เท่ากับ	9	และ	20	ตามลำดับ	ธาตุทั้งสองรวมกันเป็นสารประกอบไอออนิก	การจัดเรียง
       อิเล็กตรอนของไอออนทั้งสองเป็นดังข้อใด	
                    แคลเซียมไอออน	           ฟลูออไรด์ไอออน	
       1.                    288                         282
       2.                    288                         28
       3.                    2882                        27
       4.                    2881                        281

31.	   ถ้า	A B C D	และ	E	เป็นสัญลักษณ์สมมติของธาตุ	และมีจำนวนอนุภาคมูลฐานดังแสดงในตาราง	
            สัญลักษณ์	        จำนวนโปรตอน	               จำนวนนิวตรอน	                จำนวนอิเล็กตรอน	
               A                    9                          10                              9
               B                    9                          10                              10
               C                    10                         12                              10
               D                    11                         10                              11
               E                    11                         11                              10
	      จากข้อสรุปต่อไปนี	ข้อใดถูกต้อง
                        ้
           A	และ	B	เป็นไอโซโทปเดียวกัน	แต่	B	เป็นไอออนลบ	
           C	มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์	2210C	และ	D	มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์	2111D
           D	และ	E	เป็นธาตุชนิดเดียวกัน	แต่	D	เป็นไอออนลบ	
           B C	และ	E	เป็นไอโซโทปกัน	โดยที่	B	มีเลขมวลน้อยที่สุดและ	E	เป็นไอออนบวก	
       1.	 ก	และ	ข	                                     2.	 ข	และ	ค		      	
       3.	 ข	และ	ง	                                     4.	 ก	และ	ค	
32.	   จงพิจารณาธาตุสมมติต่อไปนี	9 A
                                ้               11
                                                     B        12
                                                                   C         15
                                                                                  D   17
                                                                                           E
	      ธาตุคู่ใดทำปฏิกิริยากันได้สารประกอบไอออนิก	และคู่ใดได้สารประกอบโควาเลนซ์	
	      	 สารประกอบไอออนิก	                 สารประกอบโควาเลนซ์	
       1.         A	กับ	B                       A	กับ	C
       2.         A	กับ	D                       B	กับ	D
       3.         B	กับ	E                       B	กับ	D
       4.         A	กับ	C                       A	กับ	E
~  36 ~
                           สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                           สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

 33.	   พิจารณาข้อความต่อไปนี้	
 	      	 ก.	 แก๊สโซฮอล์เป็นสารผสมระหว่างเอทานอลและน้ำมันเบนซิน	
 	      	 ข.	 แก๊สหุงต้ม	หรือ	LPG	เป็นแก๊สผสมระหว่างโพรเพนและบิวเทน	
 	      	 ค.	 แก๊สธรรมชาติจัดเป็นพลังงานสะอาดเพราะสามารถเกิดการเผาไหม้ได้สมบูรณ์	 	
 	      ข้อใดถูก	
        1.	 ก	และ	ข	เท่านั้น	                          2.	 ก	และ	ค	เท่านั้น		
        3.	 ข	และ	ค	เท่านั้น	                          4.	 ทั้ง	ก	ข	และ	ค	

 34.	   ในการกลั่นน้ำมันดิบ	ผู้ประกอบการจะใช้การกลั่นลำดับส่วนแทนที่จะใช้การกลั่นแบบธรรมดาข้อใดคือเหตุผลหลัก	
        1.	 ในน้ำมันดิบมีสารที่มีจุดเดือดใกล้เคียงกัน	จึงแยกด้วยการกลั่นแบบธรรมดาไม่ได้	
        2.	 การกลั่นแบบธรรมดาต้องใช้เชื้อเพลิงมากกว่าการกลั่นลำดับส่วน	
        3.	 การกลั่นแบบธรรมดาจะได้สารปรอทและโลหะหนักออกมาด้วย	
        4.	 การกลั่นลำดับส่วนจะไม่มีเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์	

 35.	   พิจารณาข้อความต่อไปนี้	
 	      	 ก.	 LPG	เป็นแก๊สหุงต้มและสามารถปรับใช้แทนน้ำมันเบนซินได้	
 	      	 ข.	 เลขออกเทนใช้บอกคุณภาพน้ำมันเบนซิน	ส่วนเลขซีเทนใช้บอกคุณภาพของน้ำมันดีเซล	
        	 ค.	 แก๊สโซฮอล์เป็นเชือเพลิงทีได้จากการผสมเมทานอล(แอลกอฮอล์ชนิดหนึง)กับน้ำมันเบนซินในอัตราส่วน	1 : 9
                               ้       ่                                       ่
 	      	 ง.	 MTBE	เป็นสารที่เติมลงในน้ำมันเบนซินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และเรียกว่าน้ำมันไร้สารตะกั่ว	
        1.	 ก	และ	ข	เท่านั้น	                             2.	 ค	และ	ง	เท่านั้น		
        3.	 ก	ข	และ	ค		                                   4.	 ก	ข	และ	ง	

               A             B
 36.	   แป้ง		→ มอลโทส		→         C           A B	และ	C	น่าจะเป็นสารใด	

                    A             B               C
        1.     อะไมเลส	       มอลเทส	         กลูโคส	
        2.     มอลเทส	        อะไมเลส	        ฟรักโทส	
        3.     อะไมเลส	       มอลเทส	         ฟรักโทส	
        4.     มอลเทส	        อะไมเลส	        กลูโคส
 37.	   การระบุชนิดของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว	และ	โมเลกุลคู่	ต่อไปนี้	ข้อใดถูก	
                   น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว           น้ำตาลโมเลกุลคู่
        ก.               ไรโบส                       แลกโทส
        ข.               กลูโคส                     กาแลกโทส
        ค.              ฟรักโทส                      มอลโทส
        ง.              มอลโทส                        ซูโครส
        1.	 ก	เท่านั้น	                                      2.	 ข	เท่านั้น	
        3.	 ข	และ	ง	                                         4.	 ก	และ	ค
~  37 ~
                          สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                          สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

38.	   ไข่ขาว	เนื้อ	ไก่	และหอยนางรม	ในข้อต่อไปนี้	ข้อใดที่โปรตีนไม่ถูกทำลาย	หรือแปลงสภาพ	
       1. ไข่ข่าวดิบที่คนไข้กลืนเข้าไปเพื่อขจัดยาพิษ	
       2. เนื้อที่แช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อแกงใส่บาตร	
       3. ไก่ที่ทอดจนเหลืองกรอบจะปลอดภัยจากไข้หวัดนก	
       4. หอยนางรมบีบมะนาวเป็นอาหารโปรดของมนัส	

39.	   การทดสอบสารอาหาร	A B C	และ	D	ได้ผลดังตาราง	
         ชนิดของ	                                                    สารละลาย	NaOH
                        สารละลายไอโอดีน	 สารละลายเบเนดิกต์	
        สารอาหาร	                                                     ผสมกับ	CuSO4
               A             สีน้ำเงิน	        ตะกอนสีแดงอิฐ	              สีฟ้า	
               B        สีน้ำตาลอมเหลือง	          สีฟ้า	                  สีม่วง	
               C             สีน้ำเงิน	            สีฟ้า	                  สีฟ้า	
               D        สีน้ำตาลอมเหลือง	      ตะกอนสีแดงอิฐ	              สีฟ้า	
	      ถ้านักเรียนต้องดูแลคนไข้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า	110 mg	ต่อ	100 cm3	ของเลือด	และมีความดันสูง		        	
	      นักเรียนไม่ควรให้อาหารชนิดใดกับคนไข้	
       1. A	เท่านั้น	                                         2. C	ท่านั้น	
       3. A	และ	D                                             4. B	และ	C

40.	   เมื่อทดลองแช่ขวดน้ำมัน	A	และขวดน้ำมัน	B	ในตู้เย็น	1	คืน	พบว่า	น้ำมัน	A	แข็งตัว	แต่น้ำมัน	B	ยังเป็นของเหลว
       พิจารณาข้อสรุปต่อไปนี้	ข้อใดถูก	
                        น้ำมัน	A                      น้ำมัน	B
         ก.	         มีจุดหลอมเหลวต่ำ	            มีจุดหลอมเหลวสูง	
         ข.	       มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก	       มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวมาก	
         ค.	            เหม็นหืนยาก	                 เหม็นหื่นง่าย	
       1.	 ก	เท่านั้น	                                     2.	 ข	และ	ค	เท่านั้น	
       3.	 ก	และ	ค	เท่านั้น	                               4.	 ทั้ง	ก	ข	และ	ค	

(ข้อ 41-60 หัวข้อที่ทดสอบ	สาระที่	6 :	โลกและการเปลี่ยนแปลง	และ	สาระที่	7 :	ดาราศาสตร์	และอวกาศ)	
41.	   ปรากฏการณ์ใดที่สนับสนุน	“ทฤษฎีบิกแบง”	
       1.	 การชนกันของดาวหางกับดาวเคราะห์	                 2.	 การขยายตัวของเอกภพ	
       3.	 การเกิดลมสุริยะ	                                4.	 การยุบตัวของดาวฤกษ์	

42.	   หลังเกิดบิกแบงปริมาณอนุภาคกับปริมาณปฏิอนุภาคควรเป็นตามข้อใด	จึงเกิดกาแล็กซีและดาวต่างๆ	ขึ้นดังที่เป็นอยู่	
       1.	 มีปริมาณเท่ากัน	                           2.	 อนุภาคมีปริมาณมากกว่า	
       3.	 ปฏิอนุภาคมีปริมาณมากกว่า	                  4.	 เป็นไปได้ทุกข้อ	

43.	   คำว่า	1	ปีแสง	หมายถึงอะไร	
       1.	 ระยะทางที่แสงใช้เวลาเดินทาง	1	ปี	               2.	 ระยะทางจากดวงอาทิตย์ถึงโลก	
       3.	 เวลาที่แสงเดินทางจากดวงอาทิตย์ถึงโลก	           4.	 หน่วยของเวลาแบบหนึ่ง	

44.	   ปฏิกิริยาในข้อใดเกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์	
       1.	 ฟิวชัน	                                         2.	 ฟิชชัน	
       3.	 ซูเปอร์โนวา	                                    4.	 ออโรรา
~  38 ~
                           สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                           สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

45.	   ดาวฤกษ์ชนิดใดในข้อต่อไปนี้มีอุณหภูมิผิวสูงที่สุด	
       1.	 ดาวที่มีมีแดง	                                     2.	 ดาวที่มีสีเหลือง	
       3.	 ดาวที่มีสีน้ำเงิน	                                 4.	 ดาวที่มีสีขาว	

46.	   ตามวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์	ในช่วงท้ายที่สุดจะเป็นอะไร	
       1.	 ดาวแคระดำ	                                    2.	 ดาวแคระขาว	
       3.	 หลุมดำ	                                       4.	 ดาวนิวตรอน	

47.	   สิ่งที่เกิดขึ้นกับดาวฤกษ์ทุกดวงเมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายเป็นตามข้อใด	
       1.	 ความหนาแน่นเพิ่มขึ้น	                                 2.	 การระเบิดซูเปอร์โนวา	
       3.	 การกลายสภาพเป็นดาวนิวตรอน	                            4.	 มวลสลายไปหมด	

48.	   ดาวฤกษ์ในข้อใด	ที่มีอุณหภูมิของผิวดาวต่ำที่สุด	
       1.	 มีแสงสีน้ำเงิน	                                    2.	 มีแสงสีแดง	
       3.	 มีแสงสีเหลือง	                                     4.	 มีแสงสีส้ม	

49.	   ดวงอาทิตย์ได้รับพลังงานจากปฏิกิริยาหรือปรากฏการณ์ข้อใด	
       1.	 การรวมตัวกันของนิวเคลียส	H	เป็น	He           2.	 การแตกตัวของนิวเคลียสใหญ่	
       3.การเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง	                      4.	 การระเบิดอย่างต่อเนื่อง	

50.	   ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน	(fusion)	
       1.	 เกิดที่อุณหภูมิต่ำ	                                 	
       2.	 ไม่สามารถทำให้เกิดบนโลกได้	
       3.	 เกิดจากนิวเคลียสของธาตุเบาหลอมรวมกันเป็นธาตุหนัก	
       4.	 เกิดจากนิวเคลียสของธาตุหนักแตกตัวออกเป็นธาตุเบา	

51.	   ข้อใดคือจุดจบของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์มากๆ	
       1.	 เนบิวลา	                                     2.	 หลุมดำ	
       3.	 ดาวแคระดำ	                                   4.	 ดาวยักษ์แดง	

52.	   ชนิดของสเปกตรัมในข้อใดที่แสดงว่าเป็นดาวฤกษ์สีขาว	และอุณหภูมิของดาวอยู่ที่	10,000 -	8,000	เคลวิน	
       1. M                                              2. G
       3. A                                              4. O

53.	   ดาวเคราะห์ใดต่อไปนี้อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดวงอื่น	
       1.	 ดาวพฤหัสบดี	                                      2.	 ดาวศุกร์	
       3.	 ดาวเสาร์	                                         4.	 ดาวเนปจูน	

54.	   ดาวพฤหัสบดีมีองค์ประกอบหลักเป็นอะไร	
       1.	 เหล็ก	                                             2.	 ไฮโดรเจนและฮีเลียม	
       3.	 หิน	                                               4.	 แอมโมเนีย	

55.	   ในระบบสุริยะ	แถบดาวเคราะห์น้อยอยู่ในบริเวณใด	
       1.	 อยู่ระหว่างแถบดาวเคราะห์ชั้นในกับดาวเคราะห์ชั้นนอก	
       2.	 อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชั้นในกับเขตของดาวหาง	
       3.	 อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชั้นนอกกับเขตของดาวหาง	
       4.	 อยู่แถบนอกสุดของระบบสุริยะ
~  39 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

56.	    ข้อใดไม่ได้เกิดจากพายุสุริยะ	
        1.	 การเกิดแสงเหนือแสงใต้	                               2.	   วงจรอิเล็กทรอนิกส์บนดาวเทียมเสียหาย	
        3.	 การเกิดฝนดาวตก		                                     4.	   การติดต่อสื่อสารโดยวิทยุคลื่นสั้นขัดข้อง	
57.		   ข้อใดจัดเป็นดาวเคราะห์ชั้นนอกทั้งหมด	
        1.	 ดาวเสาร์	ดาวพฤหัสบดี	ดาวศุกร์	                       2.	   ดาวพฤหัสบดี	ดาวอังคาร	ดาวยูเรนัส	
        3.	 ดาวเสาร์	ดาวยูเรนัส	ดาวศุกร์	                        4.	   ดาวเนปจูน	ดาวเสาร์	ดาวยูเรนัส	
58.	    ข้อใดที่เกิดจากลมสุริยะ	
        1.	 การเกิดแสงออโรราแถบขั้วโลกเหนือและใต้	               2.	 วงจรอิเล็กโทรนิกส์ของดาวเทียมไหม้	             	
        3.	 การติดต่อสื่อสารโดยเส้นใยนำแสงขัดข้อง	               4.		เข็มทิศเบนไปมา	

59.	    ชั้น	“ฐานธรณีภาค”	อยู่ตรงส่วนใดของโครงสร้างโลก	
        1.	 ชั้นเปลือกโลก	                                       2.	   รอยต่อชั้นเปลือกโลกกับชั้นเนื้อโลก	
        3.	 ชั้นเนื้อโลก	                                        4.	   รอยต่อชั้นเนื้อโลกกับชั้นแก่นโลก	
60.	    ธรณีภาคมีความหมายตรงตามข้อใด	
        1.	 ชั้นเนื้อโลกส่วนบนกับชั้นเปลือกโลก	                  2.	   ชั้นเนื้อโลกส่วนล่างกับชั้นแก่นโลก	
        3.	 ชั้นในเนื้อโลกทั้งหมดกับชั้นเปลือกโลก	               4.	   ชั้นเปลือกโลกเพียงอย่างเดียว	
(ข้อ 61 - 78 หัวข้อที่ทดสอบ	สาระที่	4 :	การเคลื่อนที่	และ	สาระที่	5 :	พลังงาน)	
61.	    คลองที่ตัดตรงจากเมือง	A	ไปเมือง	B	มีความยาว	65	กิโลเมตร	ขณะที่ถนนจากเมือง	A	ไปเมือง	B	มีระยะทาง	
        79	กิโลเมตร	ถ้าชายคนหนึ่งขนสินค้าจากเมือง	A	ไปเมือง	B	โดยรถยนต์	ถามว่าสินค้านั้นมีขนาดการกระจัดเท่าใด	
        1. 14 km                                          2. 65 km
        3. 72 km                                          4. 79 km

62.	    เด็กคนหนึ่งเดินไปทางทิศเหนือได้ระยะทาง	300	เมตร	จากนั้นเดินไปทางทิศตะวันออกได้ระยะทาง	400	เมตร	
        ใช้เวลาเดินทาง	ทั้งหมด	500	วินาที	เด็กคนนี้เดินด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยกี่เมตร/วินาที	
        1. 0.2 m/s                                            2. 1.0 m/s
        3. 1.4 m/s                                            4. 2.0 m/s

63.	    ชายคนหนึ่งเดินทางไปทางทิศเหนือ	100	เมตรใช้เวลา	60	วินาทีแล้วเดินต่อไปทางตะวันออกอีก	100	เมตร	ใช้เวลา	
        40 วินาทีเขาเดินทางด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยเท่าใด	
        1. 1.0 m/s                                      2. 1.4 m/s
        3. 2.0 m/s                                      4. 2.8 m/s

64.	    รถยนต์คันหนึ่งวิ่งด้วยอัตราเร็วเฉลี่ย	80	กิโลเมตรต่อชั่วโมง	จากเมือง	A	ไปเมือง	B	ที่อยู่ห่างกัน	200	กิโลเมตร	ถ้า
        ออกเดินทางเวลา	06.00	น.	จะถึงปลายทางเวลาเท่าใด	
        1. 07.50	น.	                                             2. 08.50	น.	
        3. 08.30	น.	                                             4. 08.50	น.	

65.	    รถยนต์คันหนึ่งวิ่งด้วยอัตราเร็วคงตัว	20	เมตรต่อวินาที	นานเท่าใดจึงจะเคลื่อนที่ได้ระยะทาง	500	เมตร	
        1. 10 s                                               2. 15 s
        3. 20 s                                               4. 25 s

66.		   รถยนต์	A	เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่ง	โดยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น	2	เมตร/วินาที	ทุก	1	วินาที	เมื่อสิ้นวินาทีที่	5	รถจะมี
        อัตราเร็วเท่าใด	
        1. 5.0 m/s                                                2. 10.0 m/s
        3. 15.0 m/s                                               4. 20.0 m/s
~  40 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
67.	   การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์	เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นไปถึงตำแหน่งสูงสุด	อัตราเร็วของวัตถุจะเป็นอย่างไร	
       1.	 มีค่าเป็นศูนย์	                                      2.	 มีอัตราเร็วแนวราบเป็นศูนย์	
       3.	 มีค่าเท่ากับอัตราเร็วแนวราบเมื่อเริ่มเคลื่อนที่		    4.	 มีค่าเท่ากับอัตราเร็วเมื่อเริ่มเคลื่อนที่	

68.	   ในการเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง	กราฟข้อใดแสดงว่าวัตถุกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว	
             ความเร่ง	                                      ความเร่ง	
        1.                                             2.


                   0                                              0
                                           เวลา	                                          เวลา	


                                                            ความเร่ง	
             ความเร่ง	
        3.                                             4.
                   0
                                           เวลา	
                                                                  0
                                                                                          เวลา	

69.	   ยิงวัตถุจากหน้าผาออกไปในแนวระดับ	ปริมาณใดของวัตถุมีค่าคงตัว	
       1.	 อัตราเร็ว	                                 2.	 ความเร็ว	
       3.	 ความเร็วในแนวดิ่ง	                         4.	 ความเร็วในแนวระดับ	

70.	   วัตถุที่เคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ขณะที่วัตถุอยู่ที่จุดสูงสุด	ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง	
       1.	 ความเร็วของวัตถุมีค่าเป็นศูนย์	                        2.	 ความเร่งของวัตถุมีค่าเป็นศูนย์	
       3.	 ความเร็วของวัตถุในแนวดิ่งมีค่าเป็นศูนย์	               4.	 ความเร็วของวัตถุในแนวราบมีค่าเป็นศูนย์	

71.	   กราฟของความเร็ว	v	กับเวลา	t	ข้อใดสอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ถูกโยนขึ้นไปในแนวดิ่ง	
                   v                                              v
        1.                                             2.


                   0                                              0
                                           เวลา	                                          เวลา	

                   v                                              v
        3.                                             4.


                   0                                              0
                                           เวลา	                                          เวลา	
72.	   ถ้าปล่อยให้ก้อนหินตกลงจากยอดตึกสู่พื้น	การเคลื่อนที่ของก้อนหินก่อนจะกระทบพื้น	จะเป็นตามข้อใด	ถ้าไม่คิด	
       แรงต้านของอากาศ	
       1.	 ความเร็วคงที่	                                   2.	 ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ	
       3.	 ความเร็วลดลงอย่างสม่ำเสมอ	                       4.	 ความเร็วเพิ่มขึ้นแล้วลดลง	

73.	   รถไต่ถังเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วสม่ำเสมอและวิ่งครบรอบได้	5	รอบในเวลา	2	วินาที	หากคิดในแง่ความถี่ของการ
       เคลื่อนที่	ความถี่จะเป็นเท่าใด	
       1. 2.5 Hz                                             2. 1.5 Hz
       3. 0.5 Hz                                             4. 0.4 Hz
~  41 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
74.	    เหวียงจุกยางให้เคลือนทีเป็นแนววงกลมในระนาบระดับศีรษะ	20	รอบ	ใช้เวลา	5	วินาที	จุกยางเคลือนทีดวยความถีเท่าใด
            ่              ่ ่                                                                 ่ ่ ้        ่
        1. 0.25	รอบ/วินาที	                                2. 4	รอบ/วินาที	 	
        3. 5	รอบ/วินาที	                                   4. 10	รอบ/วินาที	
                             236        234
75.	    อนุภาคใดในนิวเคลียส	 92 U		และ	 90 Th		ที่มีจำนวนเท่ากัน	
        1.	 โปรตอน	                                          2.	 อิเล็กตรอน	
        3.	 นิวตรอน	                                         4.	 นิวคลีออน	
                                                        13
76.	 ในธรรมชาติ	ธาตุคาร์บอนมี	3	ไอโซโทป	คือ	 12 C 6 C	และ		 14 C
                                                  6               6
     1.	 แต่ละไอโซโทปมีจำนวนอิเล็กตรอนต่างกัน	
     2.	 แต่ละไอโซโทปมีจำนวนโปรตอนต่างกัน	
     3.	 แต่ละไอโซโทปมีจำนวนนิวตรอนต่างกัน	
     4.	 แต่ละไอโซโทปมีจำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวนนิวตรอน	
                                                                        12
77.	 คาร์บอนเป็นธาตุที่เป็นส่วนสำคัญของสิ่งมีชีวิต	สัญลักษณ์นิวเคลียร์	 6 C	แสดงว่านิวเคลียสของธาตุคาร์บอนนี้มี
     อนุภาคตามข้อใด	
     1.	 โปรตอน	12	ตัว	นิวตรอน	6	ตัว	                      2.	 โปรตอน	6	ตัว	นิวตรอน	12	ตัว	
     3.	 โปรตอน	6	ตัว	อิเล็กตรอน	6	ตัว	                    4.	 โปรตอน	6	ตัว	นิวตรอน	6	ตัว	

78.	    ข้อใดถูกต้องสำหรับไอโซโทปของธาตุหนึ่งๆ	
        1.	 มีเลขมวลเท่ากัน	แต่เลขอะตอมต่างกัน	              2.	 มีจำนวนโปรตอนเท่ากัน	แต่จำนวนนิวตรอนต่างกัน	
        3.	 มีจำนวนนิวตรอนเท่ากัน	แต่โปรตอนต่างกัน	          4.	 มีผลรวมของจำนวนโปรตอน	และนิวตรอนเท่ากัน	


       ชีววิทยา
79.	    การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของคน	เกิดจากการแบ่งเซลล์แบบใด	
        1.	 ไมโทซิสที่มีการลดจำนวนโครโมโซม	               2.	 ไมโทซิสที่ไม่มีการลดจำนวนโครโมโซม	
        3.	 ไมโอซิสที่มีการลดจำนวนโครโมโซม	               4.	 ไมโอซิสที่ไม่มีการลดจำนวนโครโมโซม		

80.	    คนมีจำนวนโครโมโซมในเซลล์ร่างกาย	46	แห่ง	ระหว่างการแบ่งเซลล์	แต่ละโครโมโซมประกอบด้วยกี่โครมาติด	
        1. 2                                            2. 23
        3. 46                                           4. 92

81.	    ข้อความใดถูกต้องเกี่ยวกับการแบ่งเซลล์บริเวณปลายรากหอม	
        1.	 เป็นการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส	
        2.	 เมื่อสิ้นสุดการแบ่งเซลล์จะได้เซลล์ใหม่	4	เซลล์	
        3.	 เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นมีจำนวนโครโมโซมเท่าเดิม	
        4.	 เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นเกิดจากการคอดของเยื่อหุ้มเซลล์	

82.	    ลักษณะพันธุกรรมของคนในข้อใด	ที่มียีนควบคุมอยู่บนออโตโซม	(autosome)หรือโครโมโซมร่างกาย		
        1.	 โรคธาลัสซีเมีย	                              	 	       	
        2.	 ตาบอดสี		
        3.	 โรคฮีโมฟิเลีย	(เลือดไหลไม่หยุด)	             	 	
        4.	 ภาวะพร่องเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟต	ดีไฮโดรจีเนส	

83.	    ลักษณะพันธุกรรมของคนในข้อใด	ที่มียีนควบคุมอยู่บนโครโมโซมเพศ	
        1.	 ลักษณะผิวเผือก	                               2.	 ตาบอดสี	
        3.	 ลักษณะนิ้วเกิน	                               4.	 โรคธาลัสซีเมีย
~  42 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

84.	   ชายคนหนึ่งมีลักษณะนิ้วเกินแต่งงานกับหญิงที่มีนิ้วปกติ	มีบุตรชาย	1	คนที่มีนิ้วปกติ	และบุตรสาว	1	คน	ที่มีลักษณะ
       นิ้วเกิน	บุตรชายแต่งงานกับหญิงที่มีจำนวนนิ้วปกติ	แล้วมีบุตรชาย	2	คนที่มีจำนวนนิ้วปกติ	
	      ข้อใดคือเพดดีกรีของครอบครัวนี้	




85.	   ชายคนหนึ่งมีลักษณะผิวเผือกแต่งงานกับหญิงที่มีผิวปกติ	 มีบุตรชาย	 1	 คนที่มีผิวปกติ	 และบุตรสาว	 1	 คน	 ที่มี
       ลักษณะผิวเผือก	บุตรชายแต่งงานกับหญิงที่มีจำนวนผิวปกติ	แล้วมีบุตรสาว	2	คนที่มีจำนวนผิวปกติ		
	      ข้อใดคือเพดดีกรีของครอบครัวนี้	




86.	   สามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นพาหะของธาลัสซีเมียที่เหมือนกัน	โอกาสที่ลูกคนแรกจะเป็นธาลัสซีเมียมีเท่าใด	
       1. 1/2                                               2. 1/3
       3. 1/4                                               4. 3/4

87.	   ลักษณะผิวเผือกควบคุมโดยยีน	a	ที่อยู่บนออโตโซม	ส่วนลักษณะผิวปกติควบคุมโดยยีน	A	ครอบครัวหนึ่ง	พ่อแม่ผิว
       ปกติมีบุตรคนแรกลักษณะผิวเผือก	โอกาสที่บุตรคนต่อไปจะมีฟีโนไทป์ปกติเป็นเท่าใด	
       1. 0 %                                           2. 25 %
       3. 50 %                                          4. 75 %

88.	   ข้อใดต่อไปนี้แสดงการให้เลือดได้ถูกต้องโดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้รับ
~  43 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

89.	   พ่อมีเลือดหมู	O	แม่มีเลือดหมู่	AB	ลูกของพ่อแม่คู่นี้จะมีหมู่เลือดใดได้บ้าง	
                    ่
       1.	 หมู่	A	หรือหมู่	AB                                 2.	 หมู่	B	หรือหมู่	AB
       3.	 หมู่	A	หรือหมู่	B                                  4.	 หมู่	O	หรือหมู่	AB

90.	   หมู่เลือดของพ่อแม่คู่ใดที่ลูกทุกคนจะมีเลือดหมู่เดียวกัน	
       1. A x A                                                 2.   BxB
       3. AB x AB                                               4.   OxO

91.	   ลักษณะตาบอดสีพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงเพราะเหตุใด		
       1.	 ลักษณะตาบอดสีเกิดจากยีนด้อยบนโครโมโซม	X	และเพศชายมีโครโมโซม	X	เพียง	1	โครโมโซม		
       2.	 ลักษณะตาบอดสีเกิดจากยีนเด่นบนโครโมโซม	X	และเพศชายมีโครโมโซม	X	เพียง	1	โครโมโซม		
       3.	 ลักษณะตาบอดสีเกิดจากยีนด้อยบนโครโมโซม	Y	และแสดงออกเมื่อมีฮอร์โมนเพศชาย	     	
       4.	 ลักษณะตาบอดสีเกิดจากยีนเด่นบนโครโมโซม	Y	และแสดงออกเมื่อมีฮอร์โมนเพศชาย	

92.	   สามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นพาหะของธาลัสซีเมียทั้งสองคน	โอกาสที่ลูกคนแรกจะไม่เป็นธาลัสซีเมียมีเท่าใด	
       1. 1/2                                              2. 2/3
       3. 3/4                                              4. 1/4

93.	   หญิงหมู่เลือด	A	มีลูกหมู่เลือด	O	ซึ่งหญิงคนนี้อ้างว่าเป็นเลือดของชายที่มีหมู่เลือด	AB	ชายผู้นี้สามารถ	
	      ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ได้หรือไม่	
	      1.	 ปฏิเสธได้	เพราะ	จีโนไทป์ของชายผู้นี้ไม่มียีน	i
	      2.	 ปฏิเสธไม่ได้	เพราะ	จีโนไทป์ของชายผู้นี้มียีน	i
	      3.	 ปฏิเสธได้	เพราะ	จีโนไทป์ของชายผู้นี้มียีน	i
	      4.	 ปฏิเสธไม่ได้	เพราะ	จีโนไทป์ของชายผู้นี้มียีน	IA	และ	IB
94.	   เมื่อนำเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในสระน้ำทั่วไปมาตรวจหาปริมาณสารกำจัดแมลงชนิดหนึ่งที่ปนเปื้อน	
	      อยู่ในน้ำพบว่ามีการสะสมของสารนี้สูงสุดในปลาช่อนเสมอ	แสดงว่าปลาช่อน		
       1.	 ผู้บริโภคพืชอันดับแรกของโซ่อาหาร	                       2.	 ผู้บริโภคทั้งสัตว์และพืช		
       3.	 ผู้บริโภคสัตว์อันดับแรกของโซ่อาหาร	                     4.	 ผู้บริโภคสัตว์อันดับสุดท้ายของโซ่อาหาร	

95.	   สายใยอาหารข้างล่างนี้	ค.	และ	ง	เป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด	




       1.	 ผู้ผลิต	และ	ผู้บริโภค	                            		 	
       2.	 ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์	และ	ผู้ย่อยสลายอินทรียสาร		
       3.	 ผู้บริโภคพืช	และ	ผู้บริโภคสัตว์		
       4.	 ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์	และ	ผู้บริโภคสัตว์	

96.	   แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการสังเคราะห์ด้วยแสง	และการหายใจ	ก.	และ	ข.	อาจเป็นสารใด	




       1. CO2	,	H2O                                             2. CO2	,	O2
       3. O2	,	CO2                                              4. H2O	,	O2
~  44 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

97.	    จากสายใยอาหารข้างล่างนี้	ข.	และ	ง	เป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด	




        1.	 ผู้ผลิต	และผู้บริโภคสัตว์	                         		 	
        2.	 ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์	และผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์		
        3.	 ผู้บริโภคพืช	และผู้บริโภคสัตว์		
        4.	 ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์	และผู้บริโภคสัตว์	

98.	    ข้อใดต่อไปนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผ่านกระบวนการพันธุวิศวกรรม	
        1.	 มะละกอต้านไวรัสที่ได้รับการผสมและคัดเลือกพันธุ์	
        2.	 ข้าวพันธุ์	กข	6	ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ	105	ด้วยรังสีแกมมา	
        3.	 ฝ้าย	บีที	ซึ่งเป็นฝ้ายที่ได้รับการถ่ายฝากยีนของแบคทีเรีย	Bacillus thuringiensis
        4.	 วัวนมชื่อ	“อิง”	ที่ได้รับการโคลนโดยใช้เซลล์ใบหู	

       เคมี
99.	    จากโครงสร้างของโมเลกุลเพปไทด์ที่กำหนดให้จำนวนพันธะเพปไทต์	และชนิดของกรดอะมิโน	ข้อใดถูก	
                 จำนวนพันธะเพปไทด์	           จำนวนชนิดของกรดอะมิโน	
        ก.	               3                               3
        ข.	               3                               4
        ค.	               4                               3
        ง.	               4                               4
        1.	 ก	เท่านั้น	                                        2.	 ข	เท่านั้น	
        3.	 ข	และ	ง	                                           4.	 ก	และ	ค	

100.	 โปรตีนที่มีสูตรโครงสร้างต่อไปนี	
                                     ้




	       เฉพาะส่วนที่แสดงนี้	มีพันธะเพปไทด์ที่พันธะ	เกิดจากกรดอะมิโนกี่โมเลกุลและมีจำนวนกรดอะมิโนกี่ชนิด	
                ข้อ		         จำนวนพันธะ	           จำนวนโมเลกุล	            จำนวนชนิดของกรดอะมิโน	
                1.                 2                      2                            3
                2.                 2                      3                            2
                3.                 3                      3                            2
                4.                 3                      4                            3
~  45 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

101.	 มีคำแนะนำให้รับประทานผักบุ้งและเต้าหู้อย่างน้อยสัปดาห์ละ	1	ครั้ง	ถ้าอาหารกลางวันมื้อหนึ่งรับประทานข้าวกับ	
	       ผักบุ้งผัดน้ำมันและแกงจืดเต้าหู้หมูสับ	อาหารมื้อนี้จะได้รับสารชีวโมเลกุลประเภทให้พลังงานกี่ชนิด	อะไรบ้าง	
        1. 2	ชนิด	โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต	 	
        2. 3	ชนิด	ไขมัน	โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต	
        3. 4	ชนิด	ไขมัน	โปรตีน	กรดนิวคลิอิกและเซลลูโลส	
        4. 4	ชนิด	ไขมัน	โปรตีน	คาร์โบไฮเดรตและกรดนิวคลิอิก	

102.	 พิจารณาข้อความต่อไปนี	ข้อใดถูก	
                           ้
	       ก.	 กรดไขมันในร่างกายคน	เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นส่วนมาก	
	       ข.	 น้ำมันสัตว์เหม็นหืนง่ายกว่าน้ำมันพืช	เพราะไม่มีวิตามิน	E	ช่วยยับยั้งการเกิดปฏิกิริยา	
	       ค.	 อาหารที่ทอดโดยน้ำมันเก่าจะทำให้เศษอาหารที่ตกค้างในน้ำมันไหม้เกรียมสลายเป็นสารก่อมะเร็ง	
	       ง.	 โรคหัวใจ	และอัมพาตมีสาเหตุสำคัญจากการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเทรอลสูง	และขาดการออกกำลังกาย		
        1.	 ก	และ	ข	เท่านั้น	                                  2.	 ค	และ	ง	เท่านั้น		
        3.	 ก	ข	และ	ค	                                         4.	 ข	ค	และ	ง		

103.	 พิจารณาข้อความต่อไปนี	
                           ้
	       	 ก.	 การฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มปริมาณกลูโคสในเส้นเลือด	
	       	 ข.	 อินซูลินมีหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนกลูโคสเป็นไกลโคเจน	
	       	 ค.	 คนที่เป็นเบาหวานแสดงว่าร่างกายมีอินซูลินมากเกินไป	
	       	 ง.	 คนที่เป็นโรคเบาหวานควรลดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล	
        ข้อใดถูก
        1.	 ก	และ	ข	                                          2.	 ข	และ	ง	
        3.	 ค	และ	ง	                                          4.	 ข	และ	ค	

104.	 น้ำมันพืชเกิดจากการรวมตัวของสาร	 2	ชนิด	โครงสร้างของน้ำมันพืชจึงประกอบด้วย	 2	ส่วน	พิจารณาน้ำมันพืช	 A
      และ	B	ต่อไปนี	้
                                                         ส่วนของโครงสร้างของน้ำมันพืช	
          ชนิดของน้ำมันพืช	
                                 ส่วนที	1
                                       ่                                 ส่วนที่	2
                  A                 X          กรดโอเลอิก	:	CH3	–	(CH2)7 – CH = CH	–	(CH2)7 – CO2 H
                  B                 Y          กรดสเตียริก	:	CH3	–	(CH2)16 – CO2H
	       	 ก.	 X	และ	Y	ของน้ำมันพืช	A	และ	B	เป็นสารชนิดเดียวกัน	
	       	 ข.	 กรดไขมันของน้ำมันพืช	A	เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว	
	       	 ค.	 น้ำมันพืช	B	สามารถเกิดปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนได้	
	       	 ง.	 เมื่อเติมสารละลายไอโอดีนลงในน้ำมันพืช	A	สีของไอโอดีนจะจางลง	
	       ข้อใดถูก	 	
        1.	 ก	ข	และ	ค	                                   2.	 ก	ข	และ	ง	       	
        3.	 ข	ค	และ	ง	                                   4.	 ข	และ	ง	เท่านั้น
~  46 ~
                          สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                          สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

105.	 จากการทดสอบน้ำมัน	4	ชนิด	ปริมาณเท่ากัน	กับทิงเจอร์ไอโอดิน	ได้ผลดังนี้	     	
         ชนิดของน้ำมัน	          จำนวนหยดของทิงเจอร์ไอโอดินที่ใช้	
                 A                                15
                 B                                18
                 C                                30
                 D                                47

	    จากข้อมูลข้างต้น	จงพิจารณาว่า	
	    (ก)	การบริโภคน้ำมันชนิดใดมีโอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากที่สุด	และ	
	    (ข)	น้ำมันชนิดใดที่ใช้ทอดอาหารโดยใช้ไฟอ่อนๆ	แต่ใช้เวลานาน	แล้วผู้บริโภคจะปลอดภัยที่สุด	
                          (ก)	บริโภคแล้วมีโอกาสเป็นโรค          (ข)	ใช้ทอดด้วยไฟอ่อนๆ	
            ข้อ	
                                  หัวใจขาดเลือด	                  บ่อยๆ	ยังปลอดภัย	
             1                         A                                     A
             2                         A                                     C
             3                         D                                     B
             4                         D                                     D
106.	 ในการทดสอบอาหารเช้าชุดหนึ่ง	ได้ผลดังนี้		

            ข้อ	                      วิธีการทดสอบ	                       ผลที่สังเกตได้	
            ก.	                  เติมสารละลายไอโอดิน	                   สารละลายสีน้ำเงิน	
            ข.	                 เติมสารละลายเบเนดิกต์	             สารละลายสีฟ้า	ไม่มีตะกอน	
            ค.	           เติมสารละลาย	NaOH	และCuSO4                     สารละลายสีม่วง	
            ง.	                      แตะบนกระดาษ	                           โปร่งแสง	
	    อาหารที่นำมาทดสอบ	น่าจะเป็นอาหารชุดใดต่อไปนี้	
     1.	 มันทอด	+	น้ำอัดลม	                            2.	 สลัดผลไม้	+	นมเปรี้ยว	
     3.	 มันฝรั่งบด	+	น้ำผลไม้	                        4.	 ขนมปังทาเนย	+	นมถั่วเหลือง	

107.	 พิจารณาข้อมูลของสาร	A B	และ	C	ต่อไปนี้	

           สาร	            แหล่งที่พบ	                      โครงสร้าง	              การละลายน้ำ	
          A              ในคนและสัตว์	                        โซ่กิ่ง	              ไม่ละลายน้ำ	
          B               ในพืชเท่านั้น	                     สายยาว	                ไม่ละลายน้ำ	
          C         ในพืชที่เป็นเมล็ดและหัว	             โซ่ตรงและโซ่กิ่ง	       ละลายน้ำได้เล็กน้อย	
	    สาร	A B	และ	C	น่าจะเป็นสารใด	
           ข้อ	                   A                           B                          C
           1.                 ไกลโคเจน	                    เซลลูโลส	                    แป้ง	
           2.                 ไกลโคเจน	                      แป้ง	                    เซลลูโลส	
           3.                  เซลลูโลส	                  ไกลโคเจน	                     แป้ง	
           4.                    แป้ง	                     เซลลูโลส	                 ไกลโคเจน
~  47 ~
                                สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

108.	 ข้อใดเป็นโพลิเมอร์ธรรมชาติทั้งหมด	
        1.	 แป้ง	เซลลูโลส	โพลิสไตลีน	                             2.	 โปรตีน	โพลิไอโซพรีน	กรดนิวคลีอิก		
        3.	 ยางพารา	โพลิเอทิลีน	เทฟลอน		                          4.	 ไกลโคเจน	ไขมัน	ซิลิโคน	

109.	 พิจารณาข้อความต่อไปนี้	ข้อใดถูก	
	       	  ก.	 ไนลอนและอีพอกซีจัดเป็นเทอร์โมพลาสติก	
	       	  ข.	 เอทีลีนจัดเป็นโมโนเมอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด	ในการผลิตพอลิเมอร์	
		      	  ค.	 ซิลิโคนที่ใช้ในงานศัลยกรรม	จัดเป็นพอลิเมอร์ชนิดหนึ่ง	
	       	  ง.	 ยางธรรมชาติ	และยางเทียม	IR	ต่างมีไอโซพรีนเป็นโมโนเมอร์	
        1.	 ก	ข	และ	ค	                                        2.	 ข	ค	และ	ง	
        3.	 ก	ข	และ	ง	                                        4.	 ก	ค	และ	ง		

110.	 ข้อใดจัดประเภทของพลาสติกได้ถูกต้อง	

                    เทอร์มอพลาสติก	             พลาสติกเทอร์มอเซต	
            1.	    โฟม	                        เก้าอี้พลาสติก	
            2.	    ถุงพลาสติก	                 ดอกไม้พลาสติก	
            3.	    กระดาษติดผนัง	              เต้าเสียบไฟฟ้า	
            4.	    ด้ามจับเตารีด	              ฟิล์มถ่ายภาพ	

111.	 ข้อใดเป็นกิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเคมีทั้งหมด	
        1.	 การสังเคราะห์แสงของพืช	                               กลิ่นหอมที่เกิดจากยาดับกลิ่น	
        2.	 การเกิดหินงอก	หินย้อย	                                การเผากระดาษ	
        3.	 การจุดพลุดอกไม้ไฟ	                                    เมฆรวมตัวเป็นฝน	
        4.	 การเกิดสนิมเหล็ก	                                     การสูบลมยางล้อรถยนต์	
112.	 พิจารณาข้อมูลการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี	M N O	และ	P	ดังตารางต่อไปนี้	

                  ธาตุ	     มวลเริ่มต้น	(g)	      ระยะเวลาที่ปล่อยทิ้งไว้	(วัน)	      มวลที่เหลือ(g)	
                  M                 40                           32                        2.5
                   N                30                           60                      1.875
                   O                16                           36                       0.25
                   P                2                         100                        0.125
	       ธาตุใดมีครึ่งชีวิตน้อยที่สุด	
        1. M                                                      2. N
        3. O                                                      4. P

113.	 น้ำมันเบนซิน	A	และ	B	มีเลขออกเทน	91	และ	75	ตามลำดับ	มีองค์ประกอบ	เป็นสารที่มีสูตรโครงสร้างดัง	(1)		
	       และ	(2)	




	       พิจารณาข้อความเกี่ยวกับน้ำมันเบนซิน	A	และ	B	ต่อไปนี	ข้อใดถูก	
                                                           ้
~  48 ~
                           สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                           สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

	     	   ก.	 น้ำมันเบนซิน	A	มีสาร	(2)	มากกว่าเบนซิน	B
	     	   ข.	 น้ำมันเบนซิน	A	มีสาร	(1)	91	ส่วนแต่สาร	B	มีสาร	(1)	เพียง	75	ส่วน		
	     	   ค.	 สาร	(2)	ทำให้ประสิทธิภาพการเผาไหม้ของน้ำมันเบนซิน	A	ดีกว่าเบนซิน	B
	     	   ง.	 การเติม	(2)	ลงในน้ำมันเบนซิน	A	และ	B	เป็นการเพิ่มคุณภาพเพราะเลขออกเทนของน้ำมันสูงขึ้น	
      1.	 ข	เท่านั้น	                                   2.	 ก	ค	และ	ง	
      3.	 ข	ค	และ	ง	                                    4.	 ถูกทุกข้อ	

    โลกและดาราศาสตร์

114.	 ประเทศไทยจะได้รับผลจากแผ่นดินไหว	อันเนื่องมาจากการกระทบกันของแผ่นธรณีภาคคู่ใดมากที่สุด	
      1.	 แผ่นยูเรเซียกับแผ่นแปซิฟิก	                            2.	 แผ่นยูเรเซียกับแผ่นอินเดีย	
      3.	 แผ่นแปซิฟิกกับแผ่นนาสกา	                               4.	 แผ่นแอนตาร์กติกากับแผ่นออสเตรเลีย-อินเดีย	

115.	 เทือกเขาหิมาลัย	เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรณีภาคแบบใด	
      1.	 การเกิดแผ่นดินไหว	                                     2.	 การแยกตัวของแผ่นเปลือกโลก	
      3.	 การชนกันของแผ่นเปลือกโลก	                              4.	 การระเบิดของภูเขาไฟ	

116.	 ตามทฤษฎีการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค	(plate tectonics)	ข้อใดไม่ได้รวมอยู่ในทวีป	”กอนด์วานา”	
      1.	 ทวีปแอฟริกา	                                           2.	 ทวีปอินเดีย	
      3.	 ทวีปอเมริกาเหนือ	                                      4.	 ทวีปออสเตรเลีย	

117.	 การเกิดสึนามิเมื่อวันที	26	ธันวาคม	2547	เกิดจากการชนกันของแผ่นทวีปใด	
                             ่
      1.	 ออสเตรเลีย-อินเดีย	กับ	แผ่นยูเรเซีย	                   2.	 แผ่นอินโดนีเซีย	กับ	แผ่นแปซิฟิก	
      3.	 แผ่นยูเรเซีย	กับ	แผ่นแปซิฟิก	                          4.	 แผ่นอินโดนีเซีย	กับ	แผ่นฟิลิปปินส์		

118.	 พื้นที่ในข้อใดที่อยู่ในบริเวณที่เรียกว่า	“วงแหวนแห่งไฟ”	
      1.	 แนวรอยต่อภูเขาหิมาลัยในทวีปเอเชีย	                     2.	 บริเวณเทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก	
      3.	 บริเวณขอบมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด		                      4.	 บริเวณรอยต่อภูเขาแอลป์ในทวีปยุโรป	

119.	 ข้อใดไม่อยู่ในบริเวณที่เรียกว่า	“วงแหวนแห่งไฟ	(ring of fire)”	
      1.	 บริเวณขอบมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด	                       2.	 บริเวณรอยต่อภูเขาแอลป์และภูเขาหิมาลัย	
      3.	 ประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด	                                  4.	 บริเวณด้านตะวันตกของประเทศเม็กซิโก		 	

120.	 ข้อใดคือสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว	
      1.	 คลื่นสึนามิ	                                           2.	 โลกหมุน	
      3.	 น้ำขึ้น-น้ำลง	                                         4.	 การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก	

121.	 มาตราที่ใช้บอกความเสียหายเนื่องจากแผ่นดินไหวคือข้อใด	
      1.	 ริกเตอร์	                                              2.	 เมอร์คัลลี	
      3.	 โมห์	                                                  4.	 เวนส์เวอร์ด	

122.	 การเกิดแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ส่วนใดของโครงสร้างโลก	
      1.	 ฐานธรณีภาค	                                            2.	 ธรณีภาค	
      3.	 แก่นโลก	                                               4.	 ชั้นของโครงสร้างโลกที่มีหินหลอมละลาย	

123.	 หินชั้นชิ้นหนึ่งมีการสะสมตัวเป็นชั้นๆ	ของหินทราย	หินกรวดมน	หินปูน	และหินดินดาน	หินชนิดใดมีอายุมากที่สุด	
      1.	 หินทราย	                                               2.	 หินกรวดมน	
      3.	 หินปูน	                                                4.	 หินดินดาน
~  49 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

124.	 ซากดึกดำบรรพ์ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในหินชนิดใด	
      1.	 หินแปร	                                              2.	 หินอัคนี	
      3.	 หินชีสต์	                                            4.	 หินตะกอน	

125.	 ความพรุนของหินที่เกิดขึ้นภายหลังภูเขาไฟระเบิดขึ้นอยู่กับปัจจัยใด	
      1.	 รูปร่างและความสูงของภูเขาไฟ	                         2.	 ตำแหน่งของรอยแยกบนพื้น	
      3.	 อัตราการเย็นตัวของลาวา	                              4.	 องค์ประกอบทางเคมีของแมกมา	

126.	 หินของภูเขาใดต่อไปนี้ไม่ใช่หินภูเขาไฟ	
      1.	 ภูพระอังคาร	จังหวัดบุรีรัมย์	              2.	 ดอยผาคอกหินฟู	จังหวัดลำปาง	
      3.	 ภูเขาพนมรุ้ง	จังหวัดบุรีรัมย์	             4.	 ภูชี้ฟ้า	จังหวัดเชียงราย	
127.	 การพบหลักฐานในข้อใดที่แสดงว่าในอดีตประเทศไทยเคยมีภูเขาไฟในบางพื้นที	   ่
      1.	 หินบะซอลต์	                                2.	 หินแกรนิต	
      3.	 รอยแตกเลื่อนของชั้นหิน	                    4.	 น้ำพุร้อน	

128.	 นักธรณีวิทยาใช้วิธีใดในการหาอายุหินตะกอน	
      1.	 โดยใช้วิธีกัมมันตรังสีหาอายุหิน	             	
      2.	 โดยการค้นหาซากดึกดำบรรพ์	เช่นโทรโลไบต์	
      3.	 โดยวิธีกัมมันตภาพรังสี	C-14	หาอายุซากดึกดำบรรพ์	
      4.	 ใช้ลักษณะโครงสร้างทางธรณีวิทยาของหิน	

     ฟิสิกส์
129.	 คลื่นวิทยุที่ส่งออกจากสถานีวิทยุสองแห่ง	มีความถี่	90	เมกะเฮิร์ตซ์	และ	100	เมกะเฮิร์ตซ์	ความยาวคลื่นของ
      คลื่นวิทยุทั้งสองนี้ต่างกันเท่าใด	
      1. 3.33 m                                                2. 3.00 m
      3. 0.33 m                                                4. 0.16 m

130.	 คลื่นวิทยุ	FM	ความถี่	88	เมกะเฮิรตซ์	มีความยาวคลื่นเท่าใด	(กำหนดให้ความเร็วของคลื่นวิทยุเท่ากับ		
      3.0 x108	เมตร/วินาที)	
      1. 3.0 m                                                 2. 3.4 m
      3. 6.0 m                                                 4. 6.8 m

131.	 คลื่นใดต่อไปนี้	เป็นคลื่นที่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่	
	     	 ก.	คลื่นแสง	      ข.	คลื่นเสียง	           ค.	คลื่นผิวน้ำ	 	
	     คำตอบที่ถูกต้องคือ	
      1.	 ทั้ง	ก	ข	และ	ค	                                      2.	 ข้อ	ข	และข้อ	ค	
      3.	 ข้อ	ก	เท่านั้น	                                      4.	 ผิดทุกข้อ	

132.	 ข้อใดเป็นการเรียงลำดับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากความยาวคลื่นน้อยไปมากที่ถูกต้อง	
      1.	 รังสีเอกซ์		     อินฟราเรด	      ไมโครเวฟ	
      2.	 อินฟราเรด	       ไมโครเวฟ	       รังสีเอกซ์	
      3.	 รังสีเอกซ์		     ไมโครเวฟ	       อินฟราเรด	
      4.	 ไมโครเวฟ		       อินฟราเรด	      รังสีเอกซ์
~  50 ~
                           สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                           สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

133.	 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดใดต่อไปนี้ที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด	
      1.	 อินฟราเรด	                                            2.	 ไมโครเวฟ	
      3.	 คลื่นวิทยุ	                                           4.	 อัลตราไวโอเลต	

134.	 ถ้าดีดกีตาร์แล้วพบว่าเสียงที่ได้ยินต่ำกว่าปกติ	จะมีวิธีปรับแก้ไขให้เสียงสูงขึ้นได้อย่างไร	
      1.	 เปลี่ยนใช้สายเส้นใหญ่ขึ้น	                            2.	 ปรับสายให้หย่อนลง	
      3.	 ปรับตำแหน่งสายให้ยาวขึ้น	                             4.	 ปรับสายให้ตึงขึ้น	

135.	 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่นิยมใช้ในรีโมทควบคุมการทำงานของเครื่องโทรทัศน์คือข้อใด	
      1.	 อินฟราเรด	                                            2.	 โมโครเวฟ	
      3.	 คลื่นวิทยุ	                                           4.	 อัลตราไวโอเลต	

136.	 ระดับเสียงและคุณภาพเสียงขึ้นอยู่กับสมบัติใดตามลำดับ	
      1.	 ความถี่	         รูปร่างคลื่น	
      2.	 รูปร่างคลื่น	    ความถี่	
      3.	 แอมพลิจูด	       ความถี่	
      4.	 ความถี่	         แอมพลิจูด	
137.	 สนามแม่เหล็กที่เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นแสงนั้น	มีทิศทางตามข้อใด	
      1.	 ขนานกับทิศทางการเคลื่อนที่ของแสง	
      2.	 ขนานกับสนามไฟฟ้า	แต่ตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของแสง	
      3.	 ตั้งฉากกับทั้งสนามไฟฟ้าและทิศการเคลื่อนที่ของแสง	
      4.	 ตั้งฉากกับสนามไฟฟ้าแต่ขนานกับทิศของการเคลื่อนที่ของแสง	

138.	 เครื่องหมายดังรูปแทนอะไร	




      1.	 เครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยกังหันลม	                        2.	 การเตือนว่ามีอันตรายจากกัมมันตภาพรังสี	
      3.	 การเตือนว่ามีอันตรายจากสารเคมี	                       4.	 เครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยเซลล์แสงอาทิตย์	

139.	 รังสีในข้อใดที่มีอำนาจในการทะลุทะลวงผ่านเนื้อสารได้น้อยที่สุด	
      1.	 รังสีแอลฟา	                                           2.	 รังสีบีดา	
      3.	 รังสีแกมมา	                                           4.	 รังสีเอกซ์	

140.	 ข้อความใดต่อไปนี้ถูกต้องเกี่ยวกับรังสีแอลฟา	รังสีบีตา	และรังสีแกมมา	
      1.	 รังสีแอลฟามีประจุ	+4
      2.	 รังสีแอลฟามีมวลมากที่สุด	และอำนาจทะลุทะลวงผ่านสูงที่สุด	
      3.	 รังสีบีตามีมวลน้อยที่สุด	และอำนาจทะลุทะลวงต่ำที่สุด	
      4.		รังสีแกมมามีอำนาจทะลุทะลวงสูงที่สุด	

141.	 ธาตุกัมมันตรังสีใดที่ใช้ในการคำนวณหาอายุของวัตถุโบราณ	คือ	
      1. I-131                                                  2. Co-60
      3. C-14                                                   4. P-32
~  51 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

142.	 นักโบราณคดีตรวจพบเรือไม้โบราณลำหนึ่งว่ามีอัตราส่วนของปริมาณ	 C-14	 ต่อ	 C-12	 เป็น	 25%	 ของอัตราส่วน
        สำหรับสิ่งที่ยังมีชีวิต	สันนิษฐานได้ว่าซากเรือนี้มีอายุประมาณกี่ปี	
	       (กำหนดให้ครึ่งชีวิตของ	C-14	เป็น	5,730	ปี)	
        1. 2,865	ปี	                                              2. 5,730	ปี	
        3. 11,460	ปี	                                             4. 22,920	ปี	

143.	 ไอโอดีน-128	มีค่าครึ่งชีวิต	25	นาที	ถ้าเริ่มต้นมีไอโอดีน-128	อยู่	400	มิลลิกรัม	ไอโอดีน-128	จะลดลงเหลือ		
        100	มิลลิกรัมเมื่อเวลาผ่านไปกี่นาที	(อัตนัย)	


144.	 ธาตุ	I-131	หนัก	24 g	เมื่อเวลาผ่านไป	40	วันจะสลายตัวเหลืออยู่	0.75 g	ธาตุ	I-131	มีครึ่งชีวิตกี่วัน	(อัตนัย)		


145.	 ไอโซโทปกัมมันตรังสีของธาตุไอโอดีน-128	มีครึ่งชีวิต	25	นาที	ถ้ามีไอโอดีน-128	เริ่มต้นทั้งหมด	256	กรัม	
	       จะใช้เวลาเท่าไรจึงจะเหลือไอโอดีน-128	อยู่จำนวน	32	กรัม	
        1. 50	นาที	                                       2. 1	ชั่วโมง	15	นาที	
        3. 1	ชั่วโมง	40	นาที	                             4. 3	ชั่วโมง	20	นาที		

146. A,	 B	และ	 C	เป็นแผ่นวัตถุ	 3	ชนิดที่ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าโดยการถู	 ซึ่งได้ผลดังนี	 A	และ	 B	ผลักกัน	ส่วน	 A	และ	
                                                                                     ้
        C	ดูดกัน	ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง		
        1. A	และ	C	มีประจุบวก	แต่	B	มีประจุลบ	
        2. B	และ	C	มีประจุลบ	แต่	A	มีประจุบวก		
        3. A	และ	B	มีประจุบวก	แต่	C	มีประจุลบ		
        4. A	และ	C	มีประจุลบ	แต่	B	มีประจุบวก
~  52 ~
                               สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                               สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ


                         โควต้า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2551
                         วิชาวิทยาศาสตร์

1.	    สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวหรืออยู่รวมกันเป็นโคโลนี	ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียสอาจมีหรือไม่มีคลอโรฟิลล์จัดอยู่ใน	kingdom	ใด	
       1. animalia                                                 2. fungi
       3. monera                                                   4. Protista

2.	    สิ่งมีชีวิตในข้อใดไม่ใช่เซลล์	
       1.	 ไวรัส	                                             2.	 แบคทีเรีย	
       3.	 เห็ดนางฟ้า	                                        4.	 พารามีเซียม	

3.	    ผนังเซลล์เป็นโครงสร้างของเซลล์พืชที่แตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตกลุ่มอื่น	หน้าที่ของผนังเซลล์คืออะไร	
       1.	 สังเคราะห์แสง	                                  2.	 ย่อยและดูดซึมอาหาร	
       3.	 ให้ความแข็งแรงและคงรูปร่าง	                     4.	 ให้ความชุ่มชื้นและสะสมอาหาร	

4.	    ลายพิมพ์ดีเอ็นเอมีประโยชน์หลายด้าน	ยกเว้นข้อใด	
       1.	 พิสูจน์ศพบุคคลที่ประสบภัยสึนามิ	                   2.	 พิสูจน์การเป็นพ่อ-ลูก	
       3.	 พิสูจน์พันธุ์พืชโบราณ	                             4.	 พิสูจน์ประสิทธิผลอาวุธชีวภาพ	

5.	    การย่อยสลายทางชีวภาพสามารถกระทำได้โดยสิ่งมีชีวิตใด	
       1.	 แมลงทับ	                                    2.	 เห็ดเผาะ	                	        		
       3.	 ปลาการ์ตูน	                                 4.	 สาหร่ายไก	

6.	    กระบวนการในข้อใดต้องอาศัยพลังงาน	
       1.	 การดูดและลำเลียงแร่ธาตุในดินไปสู่ใบของพืช	         2.	 การเข้าสู่เซลล์ของไวรัสโดยเอนโดไซโตซิส	
       3.	 การลำเลียงกลูโคสผ่านเยื่อหุ้มเซลล์	                4.	 การแพร่ของไอออน	

7.	    ยาปฏิชีวนะเพนนิซิลินสามารถรบกวนการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรียบางชนิดได้และมีผลทำให้เซลล์แบคทีเรียตาย	
       เนื่องจากสาเหตุใด	
       1.	 เซลล์เหี่ยว	                               2.	 เซลล์แตก	
       3.	 เซลล์เต่ง	                                 4.	 เซลล์หด	

8.	    สัตว์ใดมีกลไกในการรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้ค่อนข้างคงที่	ไม่แปรผันตามสิ่งแวดล้อม	
       1.	 ปลาการ์ตูน	                                    2.	 จิ้งเหลน	
                                                                      	
       3.	 กบ	                                            4.	 ค้างคาว	

9.	    ไตเป็นอวัยวะสำคัญในร่างกายมนุษย์	หน้าที่ของไตเปรียบได้กับโครงสร้างใดในพารามีเซียม	
       1.	 คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล	                         2.	 ซิเลีย	
       3.	 ไลโซโซม	                                      4.	 เยื่อหุ้มเซลล์	

10.	   ในระหว่างการแบ่งเซลล์	เซลล์ร่างกายของคน	1	เซลล์	จะมีจำนวนเซนโทรเมียร์ทั้งสิ้นเท่าใด	
       1. 22                                             2. 23
       3. 44                                             4. 46
~  53 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ

11.	   ความหลากหลายทางชีวภาพ	ส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลต่อเนื่องจากกระบวนการใด	
       1.	 การแบ่งเซลล์แบบไมโตซิส	                      2.	 การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส	
       3.	 การแตกหน่อ	                                  4.	 การคัดเลือกโดยมนุษย์	

12.	   ในห่วงโซ่อาหารหนึ่ง	(แพลงตอน	-	ปลา	-	นกกระยาง	-	จระเข้)	พบว่ามีสารปรอทปนเบื้อนอยู่ในแหล่งอาศัย		
       ปริมาณของสารปรอทจะสะสมมากที่สุดในสิ่งมีชีวิตใด	
       1.	 แพลงตอน	                                    2.	 ปลา	
       3.	 นกกระยาง	                                   4.	 จระเข้	

13.	   มดดำนักจะนำเพลี้ยแป้งเข้าอยู่อาศัยและทำลายต้นพริกเสมอ	เพราะมดดำได้อาหารจากมูลที่เพลี้ยแป้งขับถ่ายออกมา
       ความสัมพันธ์ของมดดำและเพลี้ยแป้งเป็นแบบใด	
       1.	 ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน	                       2.	 ภาวะพึงพา	
       3.	 ภาวะอิงอาศัย	                                 4.	 ภาวะปรสิต	

14.	   ธาตุ	X	ซึ่งมีสัญลักษณ์นิวเคลียส์เป็น	8537X	มีการจัดอิเล็กตรอนตามระดับพลังงานอย่างไร		
       1. 2,	8,	18,	9                                          2. 2,	8,	18,	8,	1
       3. 2,	8,	18,	18,	2                                      4. 2,	8,	18,	32,	18,	7

15.	   ธาตุ	X	ในข้อ	14	มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเป็นเท่าใด	
       1. 1                                                2. 2
       3. 7                                                4. 9

16.	   ข้อใดผิดเกี่ยวกับธาตุหมู่	8A
       1.	 เฉื่อยต่อปฏิกิริยา	                             2.	 พบในรูปอะตอมอิสระ	
       3.	 มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ	8                    4.	 มีสถานะเป็นของเหลวหรือแก๊ส	

17.	   ข้อใดไม่ใช่โลหะแทรนซิชัน	
       1.	 ทองแดง	(Cu)	                                    2.	 แคลเซียม	(Ca)	
       3.	 โครเมียม	(Cr)	                                  4.	 โคบอลต์	(Co)	

18.	   พันธะระหว่างอะตอมในโมเลกุลใดแตกต่างจากข้ออื่น	
       1. H2O                                              2. I2
       3. KI                                               4. CO

19.	   สารในข้อใดให้สีม่วงหรือชมพูทั้งหมด	เมื่อนำมาทำปฏิกิริยากับสารละลายคอปเปอร์	(II)	ซัลเฟตในสภาพที่เป็นเบส	
       1.	 ข้าวสวย	กลูโคส	มันฝรั่ง	                         2.	 น้ำมันพืช	ไข่ขาว	ขนมปัง	
       3.	 ไข่ขาว	กรดอะมิโน	นมถั่วเหลือง	                   4.	 ขนมปัง	นมถั่งเหลือง	ปลา	

20.	   ข้อใดเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว	
       1.	 ซูโครส	                                         2.	 มอลโตส	
       3.	 กาแลกโตส	                                       4.	 ไม่มีข้อถูก
~  54 ~
                          สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                          สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

21.	   น้ำมันเบนซินที่มีประสิทธิภาพดีหรือมีเลขออกเทนสูง	จะมีส่วนผสมของสารใดมาก	
                A)	      H3 C-CH2-CH2-CH2-CH2-CH2-CH2-CH2


               B)	     				CH3  CH3
                       H3C-CH-CH2-C-CH3
                                      CH3


               C)	     			H3C CH3
                       H3C-C	-	C-CH3
                          H3C CH3


               D)	     						CH3  CH3
                       H3C-C-CH2	-	CH-CH3
                            CH3
       1. A                                               2. B
       3. C                                               4. B	หรือ	D

22.	   ข้อใดมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี	
       1.	 น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ	                       2.	 แท่งแก้วงอ	เมื่อได้รับความร้อน	
       3.	 อากาศร้อนพวยพุ่งจากหม้อน้ำรถยนต์	              4.	 เมื่อบีบมะนาวลงในน้ำชา	ทำให้เปลี่ยนสี	

23.	   หากไอโอดิน	-131-	ปริมาณ	1	กรัม	มีครึ่งชีวิตเป็น	8.1	วัน	ข้อใดผิด
       1.	 เมื่อเวลาผ่านไป	8.1	วัน	ปริมาณไอโอดินจะเหลือ	0.5	กรัม	
       2.	 ใช้เวลา	16.2	วัน	ไอโอดินจึงจะสลายตัวหมด	
       3.	 หากมีไอโอดิน	5	กรัม	ครึ่งชีวิตจะเป็น	8.1	กรัม	
       4.	 อัตราการสลายตัวนี้ไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความดัน	

24.	   โครงสร้างของโลกส่วนที่เรียกว่าธรณีภาคหมายถึงส่วนใด	
       1.	 เปลือกโลกทั้งหมด	                             2.	 เปลือกโลกกับเนื้อโลก	
       3.	 เปลือกโลกส่วนที่เป็นภาคพื้นทวีป	              4.	 เปลือกโลกกับชั้นบนของเนื้อโลก	

25.	   ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว	
       1.	 การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก	
       2.	 เปลือกโลกมีลักษณะเป็นชิ้นๆ	ต่อกัน	
       3.	 ชั้นต่างๆ	ของโครงสร้างโลกมีความแตกต่างกัน	
       4.	 ส่วนประกอบของเปลือกโลกแต่ละบริเวณมีความแตกต่างกัน	

26.	   ประเทศใดมีความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวน้อยที่สุด	
       1.	 ออสเตรเลีย	                                    2.	 ญี่ปุ่น	
       3.	 อัฟกานิสถาน	                                   4.	 ฟิลิปปินส์	

27.	   ข้อใดเป็นผลจากการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาคแปซิฟิก	
       1.	 ภูเขาไฟระเบิดในญี่ปุ่น	                       2.	 แผ่นดินไหวในเม็กซิโก	
       3.	 การเกิดสึนามิทางภาคใต้ของไทย	                 4.	 ภูเขาไฟระเบิดแนวหมู่เกาะสุมาตรา
~  55 ~
                           สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                           สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

28.	   ปัจจุบันเอกภพมีอายุประมาณกี่ล้านปี	
       1. 1,500                                                2. 15,000
       3. 150,000                                              4. 1,500,000

29.	   อะตอมเกิดขึ้นครั้งแรก	หลังเกิดบิกแบงเท่าไร	
       1. 10-6	วินาที	                                         2. 3	นาที	
       3. 300,000	ปี	                                          4. 4,500	ล้านปี	

30.	   เหตุใดจึงเรียกจุดดำในดวงอาทิตย์ว่าหลุมดำ	
       1.	 มีมวลมาก	                                           2.	 มีขนาดเล็ก	
       3.	 อยู่ไกล	                                            4.	 ดึงดูดแสงไว้ได้	

31.	   นักดาราศาสตร์แบ่งกาแล็กซีออกเป็นกี่ประเภท	
       1. 3                                                    2. 4
       3. 5                                                    4. 6

32.	   ดวงอาทิตย์มีสเปกตรัมเป็นชนิดใด	
       1. A                                                    2. F
       3. G                                                    4. K

33.	   ข้อใดไม่ใช่วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์	
       1.	 ดาวยักษ์แดง	                                        2.	 ดาวแคระแดง	
       3.	 ดาวนิวตรอน	                                         4.	 หลุมดำ	

34.	   รถยนต์คันหนึ่งสามารถเร่งความเร็ว	0-100	กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา	10	วินาที	รถยนต์คันนี้มีอัตราเร่ง	
	      กี่เมตร/วินาที²2
       1. 2.8                                            2. 4
       3. 14                                             4. 28

35.	   จากคำถามข้อ	34	ณ	จุดเริ่มต้นรถหยุดนิ่ง	ภายในเวลา	10	วินาที	รถยนต์คันนี้เคลื่อนที่ได้ระยะทางกี่เมตร	
       1. 14                                             2. 28
       3. 140                                            4. 280

36.	   หากยิงกระสุนออกไปแบบโปรเจกไตล์	เมื่อกระสุนเคลื่อนที่ถึงจุดสูงสุด	อัตราเร็วของกระสุนเป็นอย่างไร	
       1.	 มีค่าเป็นศูนย์	                              2.	 มีค่าเท่ากับอัตราเร็วเมื่อถูกยิง	
       3.	 มีค่าอัตราเร็วแนวราบเป็นศูนย์	               4.	 มีค่าเท่ากับอัตราเร็วแนวราบเมื่อถูกยิง	

37.	   เทคนีเชียม-99m	ให้รังสีแกมมาเพื่อการวินิจฉัย	มีครึ่งชีวิต	6	ชั่วโมง	หากจะให้สลายในร่างกาย	ผู้ป่วยเหลือเพียง	
	      ร้อยละ	12.5	ต้องใช้เวลานานกี่ชั่วโมง	
       1. 3                                                   2. 6
       3. 12                                                  4. 18
~  56 ~
                        สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                        สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
~  57 ~
                               สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                               สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ

1                                                                      2
                                                                                        (BIOLOGY)
                                                                                        1
          S C I E N C E                          I-IV                                   2
                                                                                    (        20     = 25      )
         ชีววิทยา
         เคมี
         โลก และดาราศาสตร์
                 P’ aon : Jackchai Wannasri
                          Chulalongkorn university
         ฟิสิกส์
                             Department of Physiology,
                                  Faculty of Medicine,
                                       Chulalongkorn University




3                                                                      4
                                                          1


                 -
                 -



5                                                                      6
                                                                           Virus:




                               ???
                                                                                                      DNA         RNA
7                                                                      8
    Bacteriophage:
                                                                                                            (glycoprotein)




                                                                                                                    RNA



             Host =               (             )                                           DNA
~  58 ~
                                        สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                        สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
9                                                                            10




                                                                              Flagellum

                                                                                                                             DNA
                                                                              Centriole
                                 DNA       RNA
                                                                                                                       RNA



                                                                                                                                               Golgi complex


                                                                                                                                        Mitochondria

                                                                                                                             Lysosome
                                                                                                        Cytoskeleton


11                                                                           12
                                                                                                                                                     -
                                                                                                                                       Prokaryote    Eukaryote
                                                                                                        1. Cell membrane

                                                                                                        2. Protoplasm
                                  DNA
                          RNA                                                               .........
                                                     Sap vacuole                  ..................
      Golgi bodies                                                                                      4. DNA, RNA
                                                                                     .............
                                                                                                        5. Ribosome

                                                                                                        6. Organelle
          mitochondria

                                                     Chloroplast
                     Cell wall




13                                                                           14

                                       2                                                                                           (Passive transport)
                                                                                   •
                                                                                   •                                   ATP
                                                                                             • Diffusion (                         )
                                                                                             • Osmosis (                                   )
                                                                                             • Facilitated (                                               )


     -2


15                                                                           16
                                             (Active transport)                                               (osmosis)

                       ATP
               Na+   – pump (
                         K+                      -                 )
~  59 ~
                                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
17                                                                       18

                                         (                   - -   )                        (osmosis)

                                                                                                    2%
                                               1. A          ,B
                                               2. A          ,B
                                               3. A          ,B
                   .                 .         4. A          ,B
                       10%               50%
                                                                                                   10%          2%
                                                                                       Hypotonic   Hypertonic   Isotonic

19                                                                       20
                        (osmosis):                       ,                              :            ,          ,
                                                                                                                       ,
                                     2%




                                    10%               2%
                   Hypotonic        Hypertonic        Isotonic                     Hypertonic        Isotonic        Hypotonic


21                                                                       22
                             (vesicle)
      • Endocytosis
          • Phagocytosis                                                                      3
               (                )
      •            Exocytosis
           ,




                                                                                  -
23                                                                       24
      Ectothermic animals                                                     Endothermic animals
                                                                                                         ( )
                                                                                                                      ( )
                                                                                                                       ( )
                                                                              T
      T




                                                                                                                      ( )
                                                                                   T
                   T
~  60 ~
                                      สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                      สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ
25                                                                                 26
                                                (Thermoregulation)                                                                    : Fishes
       T                                            T                                                                                      ,
                                                                                                             ,
           T                                            T
                                                                                                     ,                        ,
                             Hypothalamus
     metabolism                                                   metabolism


                                                                                                         ,                        ,
27                                                                                 28
           (Kidneys)

                                           (180 L)                                                               4
                                                                                        -
                                                                                        -
                                                        1.5
                                                         L
                                           H2O                          Na+
                                                            NH3       Cl-

29                                                                                 30
                             : Cell division                (          ,                                         (sex cell)
                                                                      ,       )
           (                  ,                                                              46              X       46
                     ,        )       mitosis       meiosis
                                                                                            46
                                                                                                                     46

                                  =
                                                +
                                                                                                                     92                  ( ...... )


31                                                                                 32
                                           (sex cell)                                            -                            : ......

                46       X        46


               23
                                  23




                                      46                        (คน)
                                                                ( ...... )
~  61 ~
                               สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                               สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ
33                                                               34
                      : ....           (       1       )                        :6




35                                                               36
           :6                                  2                      Meiosis
                                                                      4         = .....             2   = .....




                1
                                           2                                              (1    ):                (4   )
37                                                               38
     Crossing over:                                                   Meiosis




                                                                                          (4    )
39                                                               40
                                   &                             Autosomal gene:

                                                                                          ABO



                                                   X
~  62 ~
                                      สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                      สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
41                                                                               42
      X-linked gene: ( )                                                                                                                               (         )
                                                                                          Dominance (    ) – Recessive (                    )
                                                                                          Homozygous (     )–Heterozygous (                        )
                                                                                          Genetype – Phenotype
                                                                                      (              )   (               )                 TT, Tt, tt
                                                                                          Gene – Allele
                                                                                          Medelian’s Law                     (        )
                                                                                            Law of Segregation
                                                                                            Law of Independent Assortment
        X-linked gene
                                                                                                                                      (            )
        •        ,          ,        G-6-PD,
43                                                                               44


                                    Monohybrid Cross
                                                             1:2:1                             TT            X       tt

                                                        [RR:Rr:rr]
                                                                                             T
                                                                                                                     t

                                                              3:1

                                                    [round:wrinkled]                                                 Tt


45                                                                               46



                 Tt             X          Tt                                                    TT              X               Tt
                                                               [TT:Tt:tt]                                                                                  [TT:Tt]
            T          t                                                                         T
                                      T         t                                                                        T            t

                                                                 [       :   ]



            TT             Tt          Tt           tt                                    TT              Tt                                [ ]


47                                                                               48
                     : Pedigree                                                       Multiple allele:                                    ABO
                                                                                             Blood type                      Genotype
                                                         (           )                                   A                        IAIA           IAi
                                                                                                         B                        IBIB           IBi
                                                                                                         AB                               IAIB
                                                                                                         O                                 ii
                                                ,
                                                    ,
~  63 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ
49                                                        50
                                                                                                  (X-chromosome)


                             O
                                                                                                       c         c
                    A                    B
                                                                          :X X
                                                                                 c   c        :X X
                            AB                                                               : XC Y
                                                                        : XC Y

51                                                        52



              XCY       X        Xc Xc                                           5
       XC       Y                                               -
                            Xc           Xc
                                                                -


      XC Xc     XC Xc             Xc Y        Xc Y


53                                                        54


               S                                                 Autotroph (                  )
                S
                                                                    Producer =           ,         ,
                                                                 Heterotroph (                         )
                                                                    Decomposer =                           , ,

                                                                    Consumer =
                                                Biomes
                            Biosphere
55                                                        56
     Food Chain:                                               Food Web:
~  64 ~
                             สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                             สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ
57                                                              58
                                                                                                           10%

                 CO2
                                       O2
                                                CO2
                                                H2O
                 H2O
59                                                              60
                                    10%                          Biological magnication
                                                                 Biological magnification




                                                                                                    Mercury




                                                                                     DDT

61                                                              62
                                                                                                              ( )
                        (mutualism) : +/+
                                       (-/-)
                                                                                      (Commensalism) : +/o
                 , Rhizobium :                 , E.coli :                           ,    :         , :

                                 (Protocooperation) : +/+                                 (Saprophytism)
                                    (0/0)
                  :      ,       :      ,     :       ,                               ,     ,
         nemo:

63                                                              64
                                                ( )                  Contact me !

                        (Parasitism) : +/-                                          azo02@hotmail.com
                      , ,        ,     ,                                            www.termtem.co.th




                 (predation) : +/-
         ……….( , ,      )……….
~  65 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ
1                                                                  2
    ONET          PART II
    Foundation Chemistry

                                                                       •            3
                                                                                        (         20         = 25                    )
                        P’ aon : Jackchai Wannasri
                           Chulalongkorn university

                               Department of Physiology,
                                   Faculty of Medicine,
                                  Chulalongkorn University



3                                                                  4
                                                                       Atomic models I
           1
                                                                                               + - + -
                                                                                              - + - + -
                                                                                             - + - + - +

      -                                                                                     + - + - + - +
                                                                                             - + - + - +
                                                                                                                        Rutherford
                                                                           Dalton           + - + - + - +
                                                                                             - + - + - +
                                                                                                                             -

      -                                                                                       - + - + -                 -

                                                                                                                            +++
                                                                                                                                     -


                                                                                                Thomson             -        +
                                                                                                                            +++          -

                                                                                                                        -            -
                                                                                                                             -




5                                                                  6
       Atomic models II
                                                                                                         n=                 -p
                       Chadwick
                                                                                        A                 p+n
                                               Niels Bohr
                                               3(M)
                                                                                            X
                                                 2(L)                                                  p
                                                1(K)
                                                                                        Z

                                                                       Isotope, Isotone, Isobar
7                                                                  8
                                                      p, e-, n
      28                                                                       1
          Si                                                           •       e-
      14
                                                                       •2n2                 2, 8, 18, 32, 50
                      27
                 Al                                                                         1     2      3          4        5

               13
      40
                                          Si          Al                       2
          Ar
                                                           ?                                          (valent e-)                8
~  66 ~
                                  สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                  สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
9                                                                      10



                                                                                                      Cl
      •   11Na    =     2   8    1
      •   17Cl    =
      •   20Ca    =
      •   35Br    =
                                                                                       Na                            Ca
      •   53I     =




11                                                                     12

     1A                                                           8A

          2A                                     3A 4A 5A 6A 7A

                                (Transition)                                            3                                 4
               3B 4B 5B 6B 7B            1B 2B




                                                                                   Na                                 K




13                                                                     14


                                                                        Ex. จงเรียงลำดับความเป็นโลหะและขนาดของอะตอม
                       3                             3
                                                                              37   X        2     8        18    8   1


                   Na                              Cl                         20   Y


                                                                              35   Z                                 ….>….>….
                   หมู่ 1                            7
                                                   หมู่ 7
                                                                                                      ….>….>….

15                                                                     16

          Cation (+)                                                        Anion (-)
                                                                                 17Cl
                  11Na
                                                                              (chlorine)
                (sodium)
                                   +11
                                   Na                                                                      +17
                                                                                                            Cl


                   Na+                                                             Cl-
               (sodium ion)                                                  (chloride ion)

                                 (+)               ( )                                          (-)              (            )
~  67 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
17                                                         18

                                                                                   2
              19K+        2   8   8


            35 Br
                   -      2


            13 Al
                  3+      2


             8O
                2-                                                  -
                          2
                                                                    -
19                                                         20

                   (Chemical bond)                                                 : Ionic bond
                     (Metalic bond)                                 11Na
       •                                                                                                17Cl

       •                (Ionic bond)
       •                  (Covalent bond)
                                                                     Na                                     Cl

       •                 (Hydrogen bond)
       •Dipole – dipole force                                       Na+                                    Cl-
       •London force                                            (sodium ion)                         (chloride ion)

21                                                         22
                       : Ionic bond
                                                                •
                          NaCl
                              x
                                                                +
                     Na           Cl


                                                                •

                                                                                             .....
23                                                         24
                          : Covalent bond                                            : Covalent bond
            17Cl                       17Cl


                                                                                     X
                                                                               X

              Cl                        Cl
                                                                           X        Cl        X        Cl

                                                                               X         X
                                                                                     X


                                                                                         Cl2
~  68 ~
                           สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                           สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ
25                                                         26

                    4
                                                                              H               H            H




                                                                      - -
                                                                                          - -
                                                                                                          - -
                                                                 H   - C - C - C -H                                     C3H8
     -                                                                        H               H            H

     -

27                                                         28
                                                                                                                        ( )
                            H                                                 X               X            H
                           - -




                                                                      - -
                                                                                          - -
                                                                                                          - -
         H   - C = C - C -H              C3 H6                   H   - C - C - C -H                                     C3H6 X2
              -
                    -




               H      H     H                                                 H               H            H




29                                                         30
                                                                                      (                        )
                    : Petroleum
     • Petroleum H.C.
     • Petroleum                         -
     •        Petroleum
                                (       )
     •                 C >>> H > O = S > N

31                                                         32

                   : LPG                                                                      : Octane Number
     • LPG              Propane (C3H8)                     •
       Propyline(C3H6), Butane(C4H10),                            Iso Octane                                   = 100
       Butyline (C4H8)                                                        C
                                                                                              C
     • LPG         Mercaptane ?                                   C
                                                                      C
                                                                              C
                                                                                      C
                                                                                          C
                                                                                              C

                     : Natural Gas
     • CH4 >>> CO2 > C2H6 > C3H8 > C4H10 = N2 >                 Normal Heptane                                     =0
       C5H12                                                              C       C
                                                                                      C   C
     • NGV CNG                                                                                C   C
                                                                                                                              ???
                                                                                                      C
~  69 ~
                                สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
33                                                            34
                                                                        4
         • BIODIESEL

                       +
         • GASOHOL                               E20

                                (……….) +
                            (        ) ………
                                                                        -
35                                                            36

                   : Protein                                           : Protein ( )
         •Amino acid (               )                         •          (peptide bond)




37                                                            38
                  : Protein ( )
         •                                ……..
                                                                   •    CuSO4 / NaOH




         ……..

39                                                            40
                           : Carbohydrate                                      : Carbohydrate
     •                           : Monosaccharide              •              : Monosaccharide
~  70 ~
                        สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                        สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
 41                                                       42
                         : Carbohydrate
      •              : Disaccharide                            Polymer: Glycosidic bond




 43                                                       44
                      : Carbohydrate                                           : Carbohydrate
      •              : Disaccharide                            •               : Polysaccharide




 45                                                       46
                        : Carbohydrate
      •                : Polysaccharide




 47                                                       48

                                                                                                 (   )
          •        : benedict test                             •                 : Iodine test




                                       (Cu2O)
~  71 ~
                                   สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                   สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
49                                                                                       50
                  : Lipid                                                                            : Lipid
                                                                                                                                     .......


                                                                                                                                          ..........




                                                                                                                                          ..........


51                                                                                       52

                                                                                                           5



          -
          -
          -                                      -
          -                                      -
                                                 -
                                                 -                                                                 -
53                                                                                       54
              (Polymer)                                                                          Polymerization reaction
     •         (           )–                            (                   )                           (Addition polymerization)
                                                                                             •
     • Homopolymer – Copolymer
     •                   –
     •               (Polymerization)                                        PP
     •                             –                                 HDPE         PVC        •                 (Condensation polymerization)
                                         –                           LDPE

                                         –
          polyureaformaldehyde
55                                                                                       56
                                                                                             Low Density Polyethylene (LDPE)
                 (Plastics)
     • Thermoplastics
       PE:            , PVC:                                     ,
       PP:
       PS:            ,              (               )
       PTFE:                                 (                       )
     • Thermosets
                               (             ),                          ,          ,
                                     (                       )
~  72 ~
                                สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
57                                                        58
     High Density Polyethylene (HDPE)                      Polyvinyl chloride (PVC)




59                                                        60
     Polystyrene (PS)                                          Rubber                       T    +
                                                                                        T        +
                                                               •   Natural rubber
                                                                                      polyisoprene
                                                                   •
                                                                   •
                                                               •   Synthetic rubber
                                                                   •   Polybutadiene
                                                                   •   Polychloroprene
                                                                   •   Styrene – butadiene (SBR)
                                                                   •   Isoprene rubber
                                                                   •   ABS rubber (Acrylonitrile - Butadiene
                                                                       Styrene)
61                                                        62

        Natural Rubbers                                        Synthetic Rubber




                                                                                                      SBR



63                                                        64

        Vulcanization                                          Inorganic polymers
                            ,




                                                                                            T
~  73 ~
                                                  สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                                  สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
1                                                                                             2
    ONET          PART III
    Astronomy & The Earth
                                                                                                           6
                                                                                                           7
                                                                                                               (       20       = 25             )
                                        P’ Aon : Jackchai Wannasri
                                                 Chulalongkorn University

                                                  Department of Physiology,
                                                     Faculty of Medicine,
                                                        Chulalongkorn University


3                                                                                             4
                                                                                                           Universe/               /
                                           1
                                                                                                          Galaxy               Galaxy

                                                                                                                                                  Galaxy
                    -
                                                                                                                        Galaxy

                                                                                                                                                 Galaxy
                                                                                                         Galaxy
                                                                                                                                Galaxy



                                                                                                                      ≈ 15,000
5                                                                                             6

                                        Galaxy                    Nebula



                                                                                                                   Big Bang Theory
            Black hole
                                                    Galaxy
                                                                                                  -


                                           (Black hole)                    galaxy
                                                                                                  -
                                           +


7                                                                                             8
                                         The Big Bang                                                                            Big Bang                  1
                                                                                                                                                           1
                                                                                                                                                               H

              The Big Bang Theory/                                                                                                       H nucleus
        (       )       Particle                                                                  10-6
                                            Quark, Electron, Neutrino         Photon
    (               )   Anti-particle                                                                    Temp. 10,000,000,000,000 k
                                                                                                         Quark                    Proton         Neutron
                        +                                 Energy                                  3
                                                                                                         Temp. 100,000,000 k
                 Universe                          Energy     +      Matter                                 Proton
                                                                                ???
                                                                                                              +                     He nucleus
                                                                                                            Neutron                                       4He
                                                                                                                                                           2
~  74 ~
                                   สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                   สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
    ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                              ิ
9                                                                     10
                                       Big Bang                                                        Big Bang
      300,000
                                                         Atom
           Temp. 10,000 k
           H nucleus, He nucleus       electron           H

      1,000,000,000

                                            Galaxy
                 Stars

      Primordial matter (               ) ???
11                                                                    12


                         2
                                                                                      (Spiral galaxy)
                                                                                     (Elliptical galaxy)
                                                                                          (Irregular galaxy)
             -                     (                 )


13                                                                    14


                                                                           The Milky Way Galaxy
                                       2,000,000                       (                          )
     The Milky Way
        Galaxy                Galaxy

         (           )
                                       2,000,000	ปีแสง
      200,000

     1           =                                            1
15                                                                    16




                                                                                                      ???
~  75 ~
                            สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                            สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ
17                                                     18
                                                                                                                          (Stars)
                       3
                                                                                                                          Nebula

                                                                                                                          (nebula)
                                                                ?????
         -         ,                                              ..........................................................................................
                                                                                                          ?????                        ..........................................
                                                                ..............................................................                         ....
                                                                                                               fusion
                                                            fission
                                                                                          Thermonuclear reaction
19                                                     20


                                                                                                                                        .................................           .
                                                                                                                                  ............................


                       O2


                       (        )
                            (          )
21                                                     22




                                                            O
                                                            B                                         C=f
                                                            A
                                                            F
                                                            G
                                                            K
                                                            M

                                                                        Oh!! Be A Fine Girl(Guy) Kiss Me

23                                                     24
                                                                                                    : The Solar System
                   4
                                                                                       Inner Planets




     -
                                                                                                                                              Outer Planets
~  76 ~
                         สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                         สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ
25                                                    26

                                                ?


     1.


     2.


27                                                    28
                                                                                    Gas (coma)
                      : The solar system                         : Comets




29                                                    30

                                                                             : Solar wind
                                                                                Electron     Proton

                                                           Solar wind (                          ) ????
                                                           Aurora (                 ) ???

                 (comets)
31                                                    32

                                                                              ???


                                                                    :
~  77 ~
                         สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                         สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ
33                                                      34


                   6                                          The Earth



                                                                                              (Crust)
           -                                                                               (Mantle)
                                                                                            (Core)

35                                                      36




                                      Fe & Ni


37                                                      38

                                                                              (Lithosphere Plate)
                     7
                                                             Plate Tectonic Theory           Pangea
                                                             Lithosphere Plate
                                                                 Eurasian Plate
                                                                 American Plate
                                                                 Pacific Plate
     -                                                           India-Australian Plate
                                                                 Antarctic Plate
                                                                 African Plate




39                                                      40
                                                                                     2
~  78 ~
                              สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                              สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
41                                                         42




43                                                         44


        Sea floor spreading



                -

                -

               -




45                                                         46




47                                                         48
                                                                             (Earthquake)
                          8



         -                                                          “             ”
~  79 ~
                                                     สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                                     สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ

49                                                                                    50




     The Circum of Pacic Zone
              Ring of Fire:
     The Alpide-Himalaya zone
     The Mid Atlantic Zone




51                                                                                    52
                                                                                                     (Volcano)
                                                                           !!!                                                 ,

                                                                                                         (T,P )
     > 6.3                    severe
                                            ,
                            12                                 (Mercalli scale)

                                                    ......   Seismograph
      .................................................


53                                                                                    54


                                                                                                              9


                                                                                           -


55                                                                                    56
                                         (Fossils):
                                                                                                     (Half life)
                                                                                           P-32
                                                                                           100g    14        50g    14        25g    14        12.5g

                                                                                           C-14
                                                                                           100g   5730 yrs   50g   5730 yrs   25g   5730 yrs   12.5g


        ...............
~  80 ~
                                    สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                    สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
 1                                                                              2



                        PART IV
                                                                                            4
                        ONET- Physics
                                                                                            5
                     P’ aon : Jackchai Wannasri                                       (         20             = 25              )
                              Chulalongkorn university

                                     Department of Physiology,
                                        Faculty of Medicine,
                                               Chulalongkorn University

       Special thanks: Worawut Pridaphattharakun(Master of Engineering)
       The University of Florida, USA



 3                                                                              4
                                                                                                                 AC = (AB)2+(BC)2

                                                                                            D                         C

                                                                                      30

                                                                                            A        40               B
                                                                                    A B              .......           .......       ......
                                                                                    A B C            .......           .......       ......
                                                                                    A B C D          .......           .......       ......
                                                                                                     .......           .......       ......

 5                                                                              6




                                                                                                                 =
                                                    m
                                                    m                                       =
                                                    m/s
                                                    m/s
                                                    m/s2
                                                    m/s2

 7                                                                              8

     TEST !!!!
                                                     =
                    D                                    C                                       -
                                   A B C D
          20                 100


                    A            40                      B

              =
~  81 ~
                                 สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                 สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ
9                                                                 10

                                             (           ) ???                       (          ) ???




                           =   ...... m/s2                                 =   0




11                                                                12

                                                                                   ( )
     ถ้า	ū	ความเร็วต้น,	v	ความเร็วปลาย,	s =	การกระจัด
     a=	ความเร่ง,	t=	เวลา	และถ้าเป็นการเคลื่อนที่ในแนว
     เส้นตรงด้วยความเร่งคงที่ทั้งขนาดและทิศทาง
                                                                       (       )




13                                                                14

                                       ( )                                          (Projectile Motion)




            (                    )




15                                                                16

                                          (Projectile Motion)                       (Projectile Motion)




                             (g)       9.8       10 m/s2
~  82 ~
                                    สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                    สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
 ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                           ิ

17                                                                    18

                                               (Projectile Motion)                                             (Harmonic Motion)




                            (g)           9.8       10 m/s2
                                                                                                         1
                                                                                 f=   (frequency)                         (Hz.:    )

19                                                                    20

                                        (Circular Motion)
                                    B                   C


                                           v
                                                        D
                                    A
                                                    a




21                                                                    22

             (Mechanical Wave)                                                        (Mechanical Wave)
     1.        (Transverse Wave)                                           1.            (Transverse Wave)




23                                                                    24

             (Mechanical Wave)                                                         (Mechanical Wave)
     2.       (Longitudinal Wave)                                           2.           (Longitudinal Wave)
~  83 ~
                                        สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                        สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                          ิ

25                                                                             26




                                                                                                    (Reection)
                                                                                                   (Refraction)
                                                                                                     (Diffraction)
                                                                                                       (Interference): 2


                          (       )                                                            (Beats):
                      (       )                                                                                       2


27                                                                             28




                                                                                                   (              )
                                              (    >         >       )                             (          )
                                                                                    -                                 20-20,000
                                                                                    -                     (Infrasound):               20
                                                                                    -                     (Ultrasound):               20,000




29                                                                             30




                  (           /               ),                   (dB)


     -                                                     0-120

     -                                85 dB            8
              (                                        )




31                                                                             32


                                                                                                                                  :




                                                                                    ........                                                   ........
~  84 ~
                                 สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ
                                 สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร
     ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525
                                               ิ
33                                                                          34




               (Radio Wave)                                                                           106.5
                    104-109            2             AM      FM
          FM (MHz)
            100 MHz = 100 x 106 Hz = 1 x 108 Hz
          AM (kHz)
            725 kHz = 725 x 103 Hz = 7.25 x 105 Hz


                                                                                   **                 3x108               **


35                                                                          36

                                                          AM,FM (m)




                     300                   300000
                      FM                     AM
37                                                                          38




                                   3
                   (Alpha ): 2             2                                                 X-Ray,   ,           , ...
                 (Beta):                                                                                      ,
                   (Gamma):                                                             ,…
                                                                                                                           ,…




39                                                                          40

                                                                                 Contact me !

More Related Content

PDF
สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
PDF
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
PDF
003 heat conduction equation thai
PDF
ข้อสอบวิทย์
PDF
เอกสารประกอบการเรียน ชุดระบบสุริยะ เล่มที่ 1 เรื่องส่วนประกอบของระบบสุริยะ ก...
PDF
ใบความรู้เรื่องแสง
PDF
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
PDF
การแยกสาร (Purification)
สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
003 heat conduction equation thai
ข้อสอบวิทย์
เอกสารประกอบการเรียน ชุดระบบสุริยะ เล่มที่ 1 เรื่องส่วนประกอบของระบบสุริยะ ก...
ใบความรู้เรื่องแสง
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
การแยกสาร (Purification)

What's hot (20)

DOCX
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
PDF
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
PDF
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
PDF
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
PDF
หัวกระดาษข้อสอบ
PDF
บทที่ 1 พันธุกรรมกับหมู่เลือด
PDF
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
PDF
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
PDF
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
PDF
เพาเวอร์เซต
PDF
ชีทสรุป ม.4 เทอม 2 โดยครูเนยวิภา.pdf
PDF
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
PDF
ใบความรู้ สังคม ป.1-3 ภาคเรียนที่ 1+443+dltvsocp3+T1 p1 3-sheet
PDF
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
PDF
อสมการ ม3
PDF
สรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
PDF
ธาตุและสารประกอบ
PDF
การจัดหมู่
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
หัวกระดาษข้อสอบ
บทที่ 1 พันธุกรรมกับหมู่เลือด
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
เพาเวอร์เซต
ชีทสรุป ม.4 เทอม 2 โดยครูเนยวิภา.pdf
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
ใบความรู้ สังคม ป.1-3 ภาคเรียนที่ 1+443+dltvsocp3+T1 p1 3-sheet
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
อสมการ ม3
สรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
ธาตุและสารประกอบ
การจัดหมู่
Ad

Viewers also liked (20)

PDF
วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1
PDF
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
PDF
ข้อสอบ O net คณิต ม.3 ชุด 2
DOC
ตารางซ่อมเสริม 5
PDF
M3social+science2553
PDF
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒
PDF
ภาษาไทย ม.3
PDF
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1
PDF
แผนภาพต้นไม้14
PPTX
ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
PDF
คะแนน O net ม.3 รวมทุกวิชาปี 55
PDF
โครงงานคอม
DOC
ข้อสอบ O net 58 ม.3
PPTX
Social Network ตอนที่ 5
PPTX
ระบบสารสนเทศ
PDF
ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.6
PDF
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
PDF
เฉลย O net ละอียดตามสาระ
วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
ข้อสอบ O net คณิต ม.3 ชุด 2
ตารางซ่อมเสริม 5
M3social+science2553
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒
ภาษาไทย ม.3
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1
แผนภาพต้นไม้14
ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
คะแนน O net ม.3 รวมทุกวิชาปี 55
โครงงานคอม
ข้อสอบ O net 58 ม.3
Social Network ตอนที่ 5
ระบบสารสนเทศ
ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.6
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
เฉลย O net ละอียดตามสาระ
Ad

Similar to สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (20)

PDF
รักษาดุลม.5
PDF
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
PDF
บท1ประสาท
PDF
บท1ประสาท
DOCX
โครงงานคอม
DOCX
โครงงานคอม
PPT
การรับรู้และการตอบสนอง
PDF
ติวสอบเตรียมระบบหายใจและขับถ่าย
PDF
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
PDF
Lesson 1 homeostasis
PDF
เซลล์
PDF
บท3เซลล์
PDF
ดุลยภาพสิ่งมีชีวิต
PPT
Body system
PDF
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
PDF
ชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretion
PDF
computer project
รักษาดุลม.5
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
บท1ประสาท
บท1ประสาท
โครงงานคอม
โครงงานคอม
การรับรู้และการตอบสนอง
ติวสอบเตรียมระบบหายใจและขับถ่าย
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
Lesson 1 homeostasis
เซลล์
บท3เซลล์
ดุลยภาพสิ่งมีชีวิต
Body system
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
ชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretion
computer project

สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน

  • 1. ~  1 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ
  • 2. ~  2 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ
  • 3. ~  3 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ สาระที่ 1 : สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต เซลล์ (Cell) คือ หน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิด (เพราะยกเว้นไวรัส) ที่สามารถแสดงสมบัติของสิ่งมีชีวิตได้ เซลล์แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท 1) เซลล์โปรคาริโอต (Prokaryotic cell) เป็นเซลล์ที่ไม่มีนิวเคลียสเนื่องจากไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส 2) เซลล์ยูคาริโอต (Eukaryotic cell) เป็นเซลล์ที่มีนิวเคลียสเนื่องจากมีเยื่อหุ้มนิวเคลียส หมายเหตุ : ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ไม่จัดว่าเป็นเซลล์ พบว่าโครงสร้างของไวรัสจะมีโครงสร้างหลักๆ คือสารพันธุกรรม (DNA หรือ RNA) และมีโปรตีน (protein coat) หุ้มสารพันธุกรรมไว้เท่านั้น คุณสมบัติของการเป็นเซลล์ที่ต้องพบในเซลล์ทุกชนิด ได้แก่ 1) สารพันธุกรรม (DNA และ RNA) 2) เยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) 3) สารเคลือบเซลล์ (cell coat) 4) ไซโทพลาสซึม หรือโปรโทพลาสซึม ภายในเซลล์โดยเฉพาะเซลล์ยูคาริโอต จะพบออร์แกเนลล์ (organelle) หลายชนิดซึ่งมีดังนี้ n ไรโบโซม (ribosome) ทำหน้าที่ ในการสร้างหรือสังเคราะห์โปรตีนให้แก่เซลล์ n ไมโทคอนเดรีย (mitochondria) เป็นแหล่งสร้างพลังงาน (ATP) ที่สำคัญของเซลล์ n ร่างแหเอนโดพลาสซึม (endoplasmic reticulum: ER) ทำหน้าที เป็นทางผ่านของการลำเลียงสาร ่ เข้า - ออกจากเซลล์แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ 1) Rough ER (RER) มีหน้าที่สร้างโปรตีนแล้วส่งออกนอกเซลล์ จะพบมากในเซลล์ที่มีการสร้างน้ำย่อย เช่น เซลล์ตับอ่อน, เซลล์ที่ต่อมน้ำลาย, เซลล์ที่ต่อมสร้างพิษงู เป็นต้น 2) Smooth ER (SER) มีหน้าที่สร้างสารสเตอรอยด์ และไขมันส่งออกนอกเซลล์เช่นท่ำพบในเซลล์รังไข่, อัณฑะ และนอกจากนี้ยังพบมากในเซลล์ตับ เนื่องจากมีกระบวนการกำจัดสารพิษ (detoxication) n กอลจิ บอดี (golgi body, golgi complex) ทำหน้าทีรบสารจาก ER แล้วส่งออก (exocytosis) นอกเซลล์ ่ั n ไลโซโซม (lysosome) ทำหน้าที่ย่อยสารต่างๆ เนื่องจากทมีน้ำย่อยอยู่ภายใน n เซนตริโอล (centriole) ควบคุมการเคลือนทีของเซลล์ และยังเกียวข้องกับการแบ่งเซลล์ โครงสร้างประกอบ ่ ่ ่ ขึ้นจากหลอดไมโครทิวบูลที่จัดเรียงตัวรวมกันแบบ 9+0 n คลอโรพลาสต์ (chloroplast) ทำหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) n แวคิวโอล (vacuole) เป็นแหล่งเก็บน้ำเก็บสารต่างๆ n ไซโทสเกเลตัล (cytoskeleton) ได้แก่ ไมโครทิวบูล (microtubule), ไมโครฟิลาเมนต์ (microfilament) และอินเตอร์มีเดียตฟิลาเมนต์ (intermediate filament) ทั้ง 3 จะทำหน้าที่เป็นโครงร่างของเซลล์ ทำให้ เซลล์มีรูปทรง
  • 4. ~  4 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ การลำเลียงสารเข้า-ออกเซลล์ แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ A. การลำเลียงสารแบบผ่าน (ทะลุ) เยื่อหุ้มเซลล์ 1) แบบพาสซีฟ (Passive transportation) เป็นการลำเลียงสารผ่านเยือหุมเซลล์โดยมีทศทางการเคลือนทีของสาร ่ ้ ิ ่ ่ จากบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารมากไปยังบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารน้อยกว่า ซึ่งกระบวนการนี้ไม่จำเป็นต้อง อาศัยพลังงาน ATP ตัวอย่างการเคลื่อนที่แบบพาสซีฟ เช่นการแพร่ (diffusion), การออสโมซิส (osmosis), การแพร่ แบบใช้ตัวพา (facilitated diffusion), ไดอะไลซิส (dialysis) เป็นต้น การออสโมซิส (osmosis) เป็นการแพร่ของน้ำทะลุผานเยือหุมเซลล์ โดยหลักการคือ “จะมีการเคลือนทีของโมเลกุลน้ำ ่ ่ ้ ่ ่ จากบริเวณที่มีน้ำมาก ไปยังบริเวณที่มีน้ำน้อยกว่าเสมอ” ดังนั้นก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะของเซลล์ซึ่งถูกแช่ใน สารละลายที่แตกต่างกันดังนี้ n สารละลายไฮโพโทนิก (hypotonic solution) คือสารละลายทีมความเข้มข้นต่ำกว่าในเซลล์ (มีนำมาก) น้ำก็ ่ ี ้ จะออสโมซิสเข้าสู่เซลล์ทำให้เซลล์มีการขยายขนาดเกิดภาวะเซลล์เต่ง และถ้าหากเป็นเซลล์สัตว์อาจทำให้เกิด ภาวะเซลล์แตกตามมาได้ n สารละลายไฮเพอร์โทนิก (hypertonic solution) คือสารละลายที่มีความเข้มข้นสูงกว่าในเซลล์ (มีน้ำน้อย) น้ำภายในเซลล์ซึ่งมีมากกว่าก็จะออสโมซิสออกจากภายในเซลล์เกิดภาวะเซลล์เหี่ยว n สารละลายไอโซโทนิก (isotonic solution) คือสารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับภายในเซลล์ (มีปริมาณ น้ำเท่ากัน) น้ำก็จะเกิดการออสโมซิสเข้าออกจากเซลล์ปริมาณที่เท่ากัน ผลที่ได้คือเซลล์ก็จะมีขนาดไม่ เปลียนแปลง ่ 2) แบบแอกทีฟ (Active transportation) เป็นการลำเลียงสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์โดยมีทิศทางการเคลื่อนที่ของ สารจากบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารน้อยกว่าไปยังบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารมากกว่าซึ่งกระบวนการนี้จำเป็น ต้องอาศัยพลังงาน ATP B. การลำเลียงสารแบบทำเยือหุมเซลล์ให้เป็นถุง (vesicle) ซึงการลำเลียงสารลักษณะนีจะต้องใช้พลังงาน ATP ด้วย ่ ้ ่ ้ 1) ทำเยื่อหุ้มเซลล์ให้เป็นถุงเพื่อนำสารเข้าเซลล์ (Endocytosis) แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ 1.1) Phagocytosis (เซลล์เขมือบ,เซลล์กิน) มีการสร้างและยื่นไซโทพลาสซึมออกไปมีลักษณะเป็นเท้าเทียม (pseudopodium) แล้วยื่นเข้าไปโอบล้อมอาหารและนำอาหารเข้าสู่เซลล์ เช่นอะมีบา, ราเมือก, เม็ดเลือดขาว 1.2) Pinocytosis (เซลล์ดื่ม) จะไม่มีการสร้างเท้าเทียม 2)ทำเยื่อหุ้มเซลล์ให้เป็นถุงเพื่อนำสารออกจากเซลล์ (Exocytosis) หรือการหลั่งสารออกจากเซลล์ โดยจะ เกิดจากออร์แกเนลล์กอลจิ บอดี ที่รับสารมาจาก ER แล้วส่งออกนอกเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพ 1) กลไกการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิในร่างกาย เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของร่างกายต่ออุณหภูมิ สิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถแบ่งสัตว์ออกได้เป็น 2 กลุ่ม n สัตว์เลือดเย็น (poikilothermic animals) คือสัตว์ที่มีอุณหภูมิของร่างกายแปรผันตามอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม เช่นปลา, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ, สัตว์เลื้อยคลาน n สัตว์เลือดอุ่น (homeothermic animals) คือสัตว์ที่มีอุณหภูมิของร่างกายคงที่ ไม่แปรผันตามอุณหภูมิของ สิ่งแวดล้อมเนื่องจากมีกลไกรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่ได้ เช่นสัตว์ปีก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด โดย ในคนซึ่งเป็นสัตว์เลือดอุ่น จะมีกลไกการรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่โดย
  • 5. ~  5 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ n เมื่ออากาศเย็น (อุณหภูทิสิ่งแวดล้อมต่ำ) : ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในไฮโพทาลามัส จะสั่งการให้มีการเพิ่มอัตรา เมตาบอลิซึมโดยเพิ่มการเผาผลาญอาหารและอัตราการหายใจ นอกจากนี้ยังสั่งการให้หลอดเลือดที่ผิวหนังหดตัว (ตัวซีด) และลดการทำงานของต่อมเหงื่อ อีกทั้งกล้ามเนื้อลายจะหดตัว (ทำให้เกิดการสั่น), กล้ามเนื้อโคนขนก็ หดตัว (ขนลุก) n เมื่ออากาศร้อน (อุณหภูมิสิ่งแวดล้อมสูง): ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในไฮโพทาลามัส จะสั่งการให้มีการลดอัตรา เมตาบอลิซมโดยลดการเผาผลาญอาหารและอัตราการหายใจ นอกจากนียงสังการให้หลอดเลือดทีผวหนังขยายตัว ึ ้ ั ่ ่ ิ (ตัวแดง) และเพิ่มการทำงานของต่อมเหงื่อในการขับเหงื่อ 2) กลไกการรักษาดุลยภาพของน้ำและเกลือแร่ในสิ่งมีชีวิต n พวกสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว : เช่นอะมีบา, พารามีเซียม ที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดจะมี contractile vacuole ทำหน้าที ่ กำจัดน้ำส่วนเกิน n พวกปลาน้ำจืด : จะมีการขับน้ำทิ้งโดยการปัสสาวะบ่อยๆ แต่ค่อนข้างเจือจาง, มีเหงือกทำหน้าที่พิเศษโดย การดูดเกลือแร่โดยวิธี active transport , นอกจากนี้ยังมีผิวหนังและเกล็ดป้องกันน้ำเข้าสู่ร่างกาย n พวกปลาน้ำเค็ม : จะมีการปัสสาวะน้อยๆ แต่เข้มข้นมาก, มีเหงือกทำหน้าที่พิเศษโดยการขับเกลือแร่ทิ้งโดยวิธี active transport , นอกจากนี้ยังมีผิวหนังและเกล็ดป้องกันเกลือแร่เข้าสู่ร่างกาย n พวกนกทะเล, เต่าทะเล : มี nasal gland สำหรับขับเกลือทิ้ง n ในคน : โดยจะมีไต (kidneys) เป็นอวัยวะที่สำคัญในการควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกายให้เหมาะสม ไตในคนมี 2 ข้างแต่ละข้างมีหน่วยที่ทำงานได้เรียกว่าหน่วยไต (nephron) ประมาณข้างละ 1 ล้านหน่วย หลักการทำงานคือกรองของเสีย น้ำและเกลือแร่สวนเกินออกจากเลือด และขับทิงออกจากร่างกายในรูปของน้ำปัสสาวะ ่ ้ ซึ่งในน้ำปัสาวะของคนปกติจะประกอบด้วยน้ำส่วนเกิน, ของเสียจำพวกยูเรีย แอมโมเนีย ยูริก และเกลือแร่ส่วนเกิน แต่จะ ไม่พบน้ำตาล, กรดอะมิโน, โปรตีนซึ่งเป็นสารที่ดีมีประโยชน์ในน้ำปัสสาวะ ถ้าพบอาจบอกได้ว่าเกิดความผิดปกติของไต หรือเป็นโรคบางอย่างได้เช่นเบาหวาน โดยในการควบคุมสมดุลน้ำพบว่ามีสมองส่วนไฮโพทาลามัส ทำหน้าที่สั่งการและควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย โดยมี กลไกการควบคุมสมดุลน้ำดังนี ้ 1) เมือร่างกายขาดน้ำ : น้ำในเลือดต่ำ (เลือดเข้มข้น, แรงดันออสโมซิสในเลือดสูง) ภาวะนีไฮโพทาลามัสจะสังการ ่ ้ ่ ให้มีการหลั่งฮอร์โมน ADH (Antidiuretic hormone หรือ Vasopressin) เพื่อกระตุ้นให้ท่อหน่วยไตมีการดูดน้ำกลับเข้า สูหลอดเลือดมาก เพือให้นำในหลอดเลือดสูงขึน ดังนันก็จะปัสสาวะน้อย นอกจากนียงมีการกระตุนให้เกิดการกระหายน้ำด้วย ่ ่ ้ ้ ้ ้ั ้ 2) เมื่อร่างกายมีน้ำมาก : น้ำในเลือดมาก (เลือดเจือจาง, แรงดันออสโมซิสในเลือดต่ำ) ภาวะนี้ไฮโพทาลามัสจะ ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน ADH (Antidiuretic hormone หรือ Vasopressin) ทำให้ท่อหน่วยไตมีการดูดน้ำกลับเข้าสู่ หลอดเลือดน้อยลง เพื่อให้ ดังนั้นก็จะปัสสาวะมาก 3) กลไกการรักษาดุลยภาพของกรด-เบสในร่างกาย ในคนค่า pH ปกติในเลือดอยู่ระหว่าง 7.35 – 7.45 ถ้าเลือดมี pH ต่ำกว่า 7.35 คือเลือดมีความเป็นกรดมาก กว่าปกติ (acidosis) แต่ถ้า pH สูงกว่า 7.45 คือเลือดมีความเป็นเบสมากกว่าปกติ (alkalosis) สาเหตุหลักของการเกิด acidosis หรือ alkalosis คือปริมาณของก๊าซ CO2 ในเลือด โดยมีหลักการว่า CO2 + H2O ↔ H2CO3 ↔ HCO3- + H+ ดังนั้นถ้าร่างกายมีเมตาบอลิซึมสูง เซลล์ก็จะปล่อย CO2 มาก ทำให้เกิด H+ ในเลือดมาก ดังนั้น pH ในเลือดก็จะต่ำ (acidosis) ซึ่งร่างกายของเราจะมีกลไกสำหรับการควบคุม pH ของเลือดให้คงที่อยู่ 3 วิธี 3.1) เปลี่ยนแปลงอัตราการหายใจ เพื่อลดหรือเพิ่ม CO2 3.2) โดยระบบบัฟเฟอร์ (chemical buffer system) 3.3) โดยการขับ H+ เพิ่มขึ้นหรือลดลงทางไต (ประสิทธิผลดีที่สุด)
  • 6. ~  6 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แอนติเจน (antigen) คือเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นร่างกายจึงจำเป็นต้องมีอวัยวะที่ทำหน้าที่ ป้องกัน และทำลายแอนติเจนเหล่านี้ โดย n ผิวหนัง เป็นด่านแรกในการป้องกันการเข้าสู่ร่างกายของแอนติเจน n เยื่อบุตาและน้ำตา ในน้ำตาจะมีเอนไซม์ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ n เยื่อบุทางเดินหายใจ ที่พื้นผิวจะมีขนสั้นๆ เรียกว่าซีเลีย (cilia) คอยพัดโบก n ในกระเพาะอาหาร มีสภาพเป็นกรด สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ n ท่อปัสสาวะ และเยื่อบุอวัยวะเพศสืบพันธุ์ จะมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ n เซลล์เม็ดเลือดขาว (White blood cells, Leucocytes) ทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคหรือกำจัดแอนติเจน สร้างมาจากไขกระดูก เนือเยือน้ำเหลือง และต่อมน้ำเหลือง แบ่งออกเป็น 2 กลุมตามลักษณะการกำจัดเชือโรค ้ ่ ่ ้ 1. กลุ่มฟาโกไซต์ (phagocyte) มีวิธีการทำลายแอนติเจนโดยการสร้างเท้าเทียม (pseudopodium) แล้วเอาเข้า เซลล์โดยกระบวนการ phagocytosis ได้แก่นิวโทรฟิล, อีโอซิโนฟิล, เบโซฟิล และโมโนไซต์ 2. กลุ่มลิมโฟไซต์ (lymphocyte) มีวิธีการทำลายแอนติเจนโดยการสร้างแอนติบอดี (antibody) ซึ่งเป็นสาร ประเภทโปรตีน โดยแอนติบอดีจะจับกับแอนติเจน เกิดเป็นกลุ่มก้อน n ระบบน้ำเหลือง มีหน้าที่หลักคือเป็นท่อระบายน้ำ และยังเป็นแหล่งระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย ประกอบด้วย 1. อวัยวะน้ำเหลือง เป็นแหล่งสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว ได้แก่ต่อมน้ำเหลือง เช่นต่อมน้ำเหลืองที่คอ (ต่อมทอนซิล), ม้าม (เป็นอวัยวะน้ำเหลืองที่ขนาดใหญ่ที่สุด), ต่อมไธมัส 2. น้ำเหลือง เป็นของเหลวที่ซึมผ่านผนังหลอดเลือดฝอย แล้วไหลเวียนอยู่ภายในท่อน้ำเหลือง 3. ท่อน้ำเหลือง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท 1. ภูมิคุ้มกันแบบก่อเอง (Active immunity) เป็นภูมิคุ้มกันที่จะเกิดได้ช้าแต่อยู่ได้นาน เกิดจากร่างกายถูก กระตุ้นจากแอนติเจน ได้แก่ n วัคซีน (vaccine) เป็นเชื้อโรคที่อ่อนฤทธิ์หรือตายแล้วจนไม่สามารถทำให้เกิดโรคได้ n ทอกซอยด์ (toxoid) เป็นสารพิษที่ถูกทำให้หมดฤทธิ์ 2. ภูมคมกันแบบรับมา (Passive immunity) ภูมคมกันทีจะเกิดได้ทนทีเมือให้ แต่อยูได้ไม่นาน เกิดจากร่างกาย ิ ุ้ ิ ุ้ ่ ั ่ ่ ได้รับสารที่มีคุณสมบัติป้องกันโรคอยู่แล้วเช่นแอนติบอดี ได้แก่ n เซรุ่ม (serum) ของม้าหรือกระต่าย n น้ำนมเหลือง (colostum) การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เกิดมาจากโครโมโซม (chromosome) ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งๆ พบใน นิวเคลียส ซึ่งในร่างกายของคน พบว่า 1 เซลล์นั้นจะมีโครโมโซมทั้งสิ้น 46 แท่ง ซ้ำกันเป็นคู่ๆ (แบบละ 2 ตัว) จึงอาจเรียก ว่า 23 คู่ก็ได้แต่ละแบบที่ซ้ำกันเป็นคู่เรียกว่าโฮโมโลกัส โครโมโซม (homologous chromosome) โครโมโซม เกิดมาจากการรวมกลุ่มกันของสาย DNA ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมพันรอบโปรตีนฮีสโตน ในการนับจำนวน โครโมโซมให้พิจารณาดูที่จำนวนเซนโทรเมียร์ (centromere) ต่อเซลล์ ในคนจะมีโครโมโซม 46 แท่ง หรือ 23 คู่โดยพบว่า 22 คู่ (44 แท่ง) จะเป็นโครโมโซมร่างกาย (autosome) ซึ่งจะเหมือนกันหมดไม่ว่าชายหรือหญิง ส่วนอีก 2 แท่งที่เหลือจะ เรียกว่าโครโมโซมเพศ (sex chromosome) ซึ่งจะมีขนาดเท่ากันในเพศหญิงคือ XX ส่วนเพศชายจะเป็น XY
  • 7. ~  7 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ การแบ่งเซลล์ (cell division) แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือไมโทซิส (mitosis) และไมโอซิส (meiosis) ไมโทซิส (mitosis) ไมโอซิส (meiosis) 1. เป้าหมายของการแบ่งเซลล์ เพื่อการเจริญเติบโต เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ 2. จำนวนชุดโครโมโซมของเซลล์เริ่มต้น 2n 2n 3. จำนวนชุดโครโมโซมของเซลล์ลูกที่ได้ 2n n 4. จำนวนเซลล์ลูกที่ได้เมื่อเสร็จสิ้น 2 เซลล์ 4 เซลล์ 5. ลักษณะเซลล์ลูกที่ได้เมื่อเสร็จสิ้น ขนาดเท่าเดิม, ขนาดเล็กลง, เหมือนเซลล์เริ่มต้นทุกประการ เปลี่ยนไปจากเซลล์ตั้งต้น 6. เหตุการณ์เฉพาะขณะแบ่งเซลล์ - เกิด crossing over แลกเปลี่ยนสารพันธุ กรรมทำให้เกิดความหลากหลาย หมายเหตุ : ในเซลล์พชและเซลล์สตว์ จะมีความแตกต่างกันในขันสุดท้ายของการแบ่งเซลล์ (ระยะ telophase) โดยขณะที ื ั ้ ่ มีการแบ่งออกเป็น 2 เซลล์โดยพบว่าเซลล์สัตว์จะเกิดการคอดขาดออกเป็น 2 เซลล์ได้เลย ส่วนเซลล์พืชจะมี การสร้างแผ่นกั้นห้องชั่วคราว เรียกว่าการสร้างเซลล์เพลท (cell plate) ต่อจากนั้นก็จะกลายเป็นผนังเซลล์ท ี่ แข็งแรง การศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ทำโดยการศึกษาพงศาวลี (pedigree) คือแผนผังแสดงการ ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในครอบครัว โดยใช้สัญลักษณ์แทนตัวบุคคล ดังนี้ แทนชายปกติ แทนหญิงปกติ แทนชาย-หญิงแต่งงานกัน แทนชายเป็นโรค แทนหญิงเป็นโรค แทนชายเป็นพาหะ แทนหญิงเป็นพาหะ แทนลูกชาย, หญิงตามลำดับ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม จะถูกควบคุมโดยยีน (gene) บนแท่งโครโมโซม โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท 1. ยีนควบคุมอยู่บนโครโมโซมร่างกาย ได้แก่โรคธาลัสซีเมีย, นิ้วเกิน, ระบบเลือด ABO 2. ยีนควบคุมอยู่บนโครโมโซมเพศ ได้แก่ตาบอดสี, ฮีโมฟีเลีย, พร่องเอนไซม์ G-6-PD ทั้ง 3 นี้พบว่าถูก ควบคุมโดยยีนด้อยบนโครโมโซม X ดังนั้นจึงพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง พื้นฐานทางพันธุศาสตร์ 1. แอลลีล เป็นกลุ่มของยีนที่อยู่กันเป็นคู่ๆ เช่น AA, Aa, aa 2. ยีนเด่น (แอลลีลเด่น) มักเขียนแทนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ จะสามารถข่มแอลลีลด้อยได้ ยีนด้อย(แอลลีลด้อย) มักเขียนแทนด้วยตัวพิมพ์เล็ก 3. จีโนไทป์ (genotype) ลักษณะของยีนที่ควบคุมลักษณะต่างๆ เช่น TT, Tt, Rr, rr ฟีโนไทป์ (phenotype) ลักษณะทางพันธุกรรมทีแสดงออกมาให้เห็นภายนอกเช่นสูง เตีย เมล็ดกลม เมล็ดขรุขระ ่ ้ 4. การผสมลักษณะเดียวที่มีการข่มกันสมบูรณ์ เช่น กำหนดให้ T = แทนต้นสูง, t = แทนต้นเตี้ย n เมื่อทำการผสม T T x t t ได้รุ่นลูกออกมาเป็นจีโนไทป์ T t หรือต้นสูงทั้งหมด n เมื่อทำการผสม T t x T t ได้รุ่นลูกออกมาเป็นจีโนไทป์ T T : T t : t t ในอัตราส่วน 1 : 2 : 1 ได้รุ่นลูกออกมาฟีโนไทป์ ต้นสูง : ต้นเตี้ย ในอัตราส่วน 3 : 1 5. การผสมลักษณะเดียวที่มีการข่มกันไม่สมบูรณ์ เช่นการแสดงออกของสีดอกลิ้นมังกร หรือสีของดอกบานเย็น (กำหนดให้ R = แทนดอกสีแดง, r = แทนดอกสีขาว) n เมื่อทำการผสม R R x r r ได้รุ่นลูกออกมาเป็นจีโนไทป์ R r หรือดอกสีชมพูทั้งหมด n เมื่อทำการผสม R r x R r ได้รุ่นลูกออกมาเป็นจีโนไทป์ R R : R r : r r ในอัตราส่วน 1 : 2 : 1 ได้รนลูกออกมาฟีโนไทป์ ดอกสีแดง : สีชมพู : สีขาว ในอัตราส่วน 1 : 2 : 1 ุ่
  • 8. ~  8 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ได้แก่ 1) พันธุ์วิศวกรรม (Genetic Engineering) : คือ การตัดต่อยีนด้วยกระบวนการตัดต่อยีนด้วยกระบวนการตัด DNA จากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปเชื่อมต่อกับ DNA ของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นฝ่ายรับยีนสามารถสังเคราะห์ โปรตีนที่สังเคราะห์เองไม่ได้และเรียกสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นว่า สิ่งมีชิตดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GMOs (Genetically Modified Organisms) 2) การโคลน (Cloning) : หมายถึง การสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนสิ่งมีชีวิตต้นแบบทุก ประการ ทำได้หลายวิธ เช่น ี n การนำนิวเคลียสของเซลล์ร่างกาย ใส่เข้าไปในเซลล์ไข่ที่ถูกดูดเอานิวเคลียสออก ทำให้เซลล์ไข่พัฒนาไปเป็น สิ่งมีชีวิตตัวใหม่ โดยใช้ข้อมูลจากสารพันธุกรรมของนิวเคลียสที่ใส่เข้าไป n การนำส่วนของพืชมาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ และอยู่ในสภาพที่มีการควบคุมทุกอย่าง หมายเหตุ : การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศจะถือว่าเป็นการโคลนเสมอ เนืองจากให้ลกออกมาไม่มความแตกต่างทางพันธุกรรม ์ ่ ู ี 3) ลายพิมพ์ (DNA fingerprint) : เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล เปลียนแปลงไม่ได้และไม่มใครเหมือนกัน ่ ี (ยกเว้น ฝาแฝดแท้ทเกิดจากไข่ใบเดียวกัน ถ้ากรณีนจะต้องใช้ลายนิวมือในการตรวจสอบจำแนก) ใช้ในการพิสจน์ผตองสงสัย ี่ ี้ ้ ู ู้ ้ หรือหาความสัมพันธ์ทางสายเลือด ทำได้โดยการนำตัวอย่างเลือด (เซลล์เม็ดเลือดขาว) หรือเนื้อเยื่อต่างๆ ที่เซลล์มี นิวเคลียสมาสกัด DNA แล้วตัด DNA ด้วยเอนไซม์ และแยก DNA ตามขนาด จากนั้นตรวจสอบ DNA โดยใช้สาร กัมมันตรังสีและการเอ็กซเรย์ 4) การทำแผนที่ยีน (gene mapping) หรือ แผนที่จีโนม (genome mapping) : เพื่อให้รู้ว่ายีนอยู่ที่ตำแหน่งไหน ของโครโมโซม เพราะว่าเมื่อระบุได้ว่ายีนใดบ้างที่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะผิดปกติและเข้าใจกลไกการเกิดโรค ก็ใช้ เทคโนโลยีพนธุวศวกรรมตัดต่อยีนทีพงประสงค์เข้าไปแทนยีนทีเป็นสาเหตุให้เกิดโรค เรียกวิธรกษาแบบนีวา การบำบัดรักษา ั ิ ่ ึ ่ ีั ้่ ด้วยยีน (gene therapy)
  • 9. ~  9 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ สาระที่ 2 : สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ สปี ชี ส์ ข องสิ่ ง มี ชี วิ ต คื อ กลุ่ ม ย่ อ ยที่ สุ ด ในระบบจำแนกสิ่ ง มี ชี วิ ต หรื อ กลุ่ ม สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ เป็ น ประชากรชนิ ด เดี ย วกั น ซึ่งเมื่อผสมพันธุ์กันแล้วได้ลูกหลานที่ไม่เป็นหมัน ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต จำแนกหมวดหมู่สิ่งมีชีวิต ออกได้เป็น 5 อาณาจักร ดังนี้ อาณาจักรสัตว์ : เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์และเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ สามารถเคลื่อนไหวได้ ไม่สามารถสร้างอาหารได้เอง อาณาจักรพืช : เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์และเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ สามารถสร้างอาหารได้เองด้วย การสังเคราะห์แสง มีผนังเซลล์ ซึ่งมีเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบ อาณาจักรโพรทิสตา : เป็นสิงมีชวตเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ บางชนิดสร้างอาหารได้ดวย การสังเคราะห์แสง ่ ีิ ้ แต่บางชนิดต้องกินอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่น อาณาจักรเห็ดรา และยีสต์ : ยีสต์มีเซลล์เดียว เห็ดรามีหลายเซลล์ดำรงชีวิตโดยการย่อยสลายแต่บางชนิดเป็นปรสิต อาณาจักรมอเนอรา : เป็นสิงมีชวตทีเซลล์ไม่มนวเคลียส ส่วนใหญ่เป็นผูยอยสลาย บางชนิดสร้างอาหารได้เอง ่ ีิ ่ ี ิ ้่ หมายเหต : ไวรัส ไม่มีอาณาจักร เพราะ ไม่มีลักษณะเป็นเซลล์ แต่เป็นอนุภาค ที่ประกอบด้วยโปรตีน ซึ่งห่อหุ้มสาร พันธุกรรมไว้ภายใน สามารถเพิ่มจำนวนได้เฉพาะเมื่อยู่ภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น โดยเมื่อเซลล์ของ ผู้ถูกอาศัยแตกออก ก็จะกระจายไปที่อื่นได้ จึงไม่มียาที่สามารถกำจัดไวรัสได้ ผู้ป่วยจะหายก็ต่อเมื่อร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันสำหรับไวรัสนั้นโดยเฉพาะ เช่น โรคอีสุกอีใส เอดส์ ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก โปลิโอ ตับอักเสบ งูสวัด พิษสุนัข ระบบนิเวศ ระบบนิเวศ จะประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก คือ n ทางกายภาพ คือ องค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต ได้แก่ ดิน น้ำ อุณหภูมิ แสง n ทางชีวภาพ คือ องค์ประกอบที่มีชีวิต โดยจะมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ตามหน้าที่เชิงอาหาร ดังนี้ 1) ผู้ผลิต 2) ผู้บริโภค 3) ผู้ย่อยสลายอินทรีย์สาร ทำหน้าที่ ย่อยสลายอินทรีย์สารให้เป็นอนินทรีย์สารที่พืชจะนำไปใช้ได้ เช่น เห็ด รา และแบคทีเรีย การถ่ายทอดพลังงานในแต่ละโซ่อาหาร จากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคลำดับต่างๆ พลังงานจะถ่ายทอดไปยังผู้บริโภคลำดับ ถัดไปเพียง 10% ส่วนพลังงานอีก 90% จะถูกใช้ในการดำรงชีวิต และบางส่วนเปลี่ยนเป็นความร้อนและบางส่วนกินไม่ได้ เช่น กระดูก ขน เปลือก เล็บ ยาฆ่าแมลง เช่น DDT และพวกสารโลหะหนักต่างๆ เช่น ปรอท ตะกั่ว จะถ่ายทอดไปกับโซ่อาหารเช่นกัน โดยจะมี ปริมาณสะสมเพิ่มขึ้นตามลำดับการกินของสิ่งมีชีวิต ยิ่งผู้บริโภคลำดับสุดท้ายยิ่งสะสมมากที่สุด
  • 10. ~  10 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ คนกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต ภาวะโลกร้อน (Global Warming) แก๊ส CO2 และไอน้ำ จะมีสมบัตในการกักเก็บความร้อน ทำให้โลกมีอณหภูมสงขึน และไม่แตกต่างกันระหว่างกลางวัน ิ ุ ิู ้ กับกลางคืน ซึ่งเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต เรียกว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Green House Effect) และเรียก คาร์บอนไดออกไซด์ว่า แก๊สเรือนกระจก นอกจากนี้ยังมีสาร CFC, แก๊สมีเทนและออกไซด์ของไนโตรเจน ที่สามารถเก็บกัก ความร้อน ปัจจุบนการใช้เชือเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน และการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เพิมมากขึน ั ้ ่ ้ ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น การทำลายโอโซนในบรรยากาศ (Ozone Depletion) สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) เป็นสาเหตุสำคัญในการทำลายโอโซน จึงทำให้รังสีอัตราไวโอเลตเข้าสู่โลกได้ มากขึ้น และถ้าเป็นชนิด UVc ซึ่งมีพลังงานมากที่สุดและเป็นอันตราย เช่น ทำให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนัง, เรตินา เกิดต้อกระจก หมายเหตุ : บริเวณเหนือทวีปแอนตาร์กติกา มีชั้นโอโซนบางกว่าบริเวณอื่นๆ มาก การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) คือ เป็นการพัฒนาที่คำนึงต่อความเสียหายของสิ่งแวดล้อม โดยการวางแผนจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างถูกวิธี และการจักการกับขยะ / ของเสีย เช่น การลดปริมาณการใช้ ทรัพยากรและการผลิตขยะ (Reduce), การนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse), การนำกลับมาผลิตใช้ใหม่ (Recycle)
  • 11. ~  11 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ สาระที่ 3 : สาร และสมบัติของสาร สารชีวโมเลกุล 1. ไขมัน และน้ำมัน (C H O) มีหน้าทีดงนีปองกันการสูญเสียน้ำ ทำให้ผวชุมชืนและการสูญเสียความร้อน ทำให้อบอุน, ่ ั ้ ้ ิ ่ ้ ่ ช่วยละลายวิตามิน A D E K, 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี เป็นสารประกอบไตรกลีเซอไรด์ เกิดจากกรดไขมัน 3 โมเลกุล กับกลีเซอรอล 1 โมเลกุล กรดไขมันในธรรมชาติ มี 40 ชนิด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือกรดไขมันอิ่มตัว และ กรดไขมันไม่อิ่มตัว สมบัติ กรดไขมันอิ่มตัว กรดไขมันไม่อิ่มตัว จุดหลอมเหลว สูงกว่า 25oC ต่ำกว่า 25oC สถานะ ของแข็ง ของเหลว พันธะระหว่างคาร์บอน เดี่ยว คู ่ ความว่องไวปฏิกิริยา น้อย มาก (+ ออกซิเจน เกิดกลิ่นหืน) (+ ทิงเจอร์ไอโอดีน สีจาง) ไขมันในเลือด และคอเลสเทอรอล n เป็นสารเบืองต้นในการสร้างฮอร์โมนเพศ น้ำดี และสามารถเปลียนเป็นวิตามิน D ได้ เมือได้รบแสงแดด โดยเฉพาะ ้ ่ ่ ั UVa (เกิดใต้ผิวหนัง) n เป็นฉนวนของเส้นประสาท ซึงร่างกายสร้างได้เอง พบมากในไข่แดง เครืองในและอาหารทะเล แต่ถามีมากเกินไป ่ ่ ้ จะเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตัน 2. โปรตีน (CHON) มีหน้าที่สำคัญช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ, ช่วยในการรักษาสมดุลน้ำและ กรด - เบส, เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ ฮอร์โมน เลือด และภูมิคุ้มกัน (1 กรัมให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี), โปรตีนเกิด จากกรดอะมิโนจำนวนมากกว่า 50 หน่วย เชื่อมต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์ ดังนั้นโปรตีนมีหน่วยย่อย คือ กรดอะมิโน มี ทั้งหมด 20 ชนิด แบ่งเป็น n กรดอะมิโนทีจำเป็น มี 8 ชนิด ซึงร่างกายสร้างไม่ได้ ต้องกินจากอาหารเข้าไป ดังนี ไอโซลิวซีน เวลีน ทริปโตเฟน ่ ่ ้ เฟนิลอะลานีน ทริโอนีน เมไทโอนีน ไลซีน ลิวซีน สำหรับเด็กทารก ต้องการเพิมอีก 2 ชนิด คือ อะจีนน และ ฮีสติดน ่ ี ี n กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็น มี 12 ชนิด ซึ่งร่างกายสังเคราะห์ได้เอง หมายเหตุ : 1. โปรตีนในธรรมชาติ มีมากมายหลายล้านชนิด มีหน้าที่การทำงานเฉพาะเจาะจง เนื่องจากความแตกต่าง ของชนิดของกรดอะมิโน, ลำดับการเรียงตัวของกรดอะมิโน หรือสัดส่วนการรวมตัวของกรดอะมิโน 2. การแปลงสภาพโปรตีน คือ กระบวนการที่ทำให้โครงสร้างของโปรตีนถูกทำลาย และเปลี่ยนสภาพไป เช่น แข็งตัว ตกตะกอนรับไอออนของโลหะหนัก 3. คุณค่าทางชีววิทยา หมายถึง คุณภาพของโปรตีนที่นำมาใช้สร้างเนื้อเยื่อได้ (ไข่ 100%)
  • 12. ~  12 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 3. คาร์โบไฮเดรต (C H O) 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี แบ่ง 3 ประเภท ดังนี ้ 1. มอโนแซ็กคาไรด์ : Monosaccharides (น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว) แบ่งเป็น n กูลโคส เป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็กที่สุด ที่ร่ากายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ทันที n ฟรุกโตส (ฟรักโตส) เป็นน้ำตาลที่มีรสหวานที่สุด (หวานกว่าน้ำตาลทราย 2 เท่า) n กาแลกโทส เป็นน้ำตาลที่มีในน้ำนม (คน 7% วัว 5%) 2. ไดแซ็กคาไรด์: Disaccharides (น้ำตาลโมเลกุลคู่) n กลูโคส + กลูโคส = มอลโทส พบในข้าว เมล็ดพืช ใช้ในการทำเบียร์ อาหารทารก n กลูโคส + ฟรุกโตส = ซูโครส หรือ น้ำตาลทราย พบมากในอ้อย n กลูโคส + กาแลกโทส = แลกโทส พบมากในน้ำนม 3. พอลิแซ็กคาไรด์: Polysaccharides (น้ำตาลโมเลกุลใหญ่) n แป้ง (starch) เกิดจาก กลูโคสหลายพันโมเลกุลมาต่อกัน แบบสายยาวและแบบกิ่ง พบมากในพืชบริเวณ เมล็ดและหัว ละลายน้ำได้เล็กน้อย ร่างกายคนสามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ที่มีในน้ำลาย (amylase) ได้ น้ำตาลมอลโทสออกมา n เซลลูโลส เกิดจากกลูโคสต่อกันแบบสายยาวไม่มีกิ่ง เป็นเส้นใยพืช (fiber) ร่างกายคนย่อยสลายไม่ได้ แต่ใน กระเพาะสัตว์กีบ หรือสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่นวัว ควาย แพะ แกะ มีแบคทีเรียที่ย่อยสลายได้, ช่วยกระตุ้นให้ ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหว ดูดซับน้ำได้ด จึงทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ี n ไกลโคเจน เกิดจาก กลูโคสเป็นแสนถึงล้านโมเลกุลมาต่อกันแบบกิ่งมากมาย ไม่ละลายน้ำ พบในคนและสัตว์ ที่ตับและกล้ามเนื้อ เมื่อขาดแคลนพลังงาน จะสลายเป็นกลูโคส โดยทำปฏิกิริยากับก๊าซออกซิเจน ทำให้ได้ พลังงานออกมา เรียกว่า ปฏิกิริยาการหายใจระดับเซลล์ หมายเหตุ : 1. ฮอร์โมนอินซูลิน ทำหน้าที่ ปรับกลูโคสในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ คือ ถ้ามีกลูโคสในเลือดมาก อินซูลิน จะกระตุ้นให้กลูโคสเปลี่ยนเป็นไกลโคเจน เก็บไว้ภายในตับ จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ดังนั้นถ้า ร่างกายขาดอินซูลินจะไม่เกิดการสร้างไกลโคเจน ทำให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเพิ่มขึ้น ส่วนที่เกินจะ ถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ซึ่งก็คือ อาการของโรคเบาหวาน 2. เมื่อร่างกายต้องการพลังงาน จะสลายคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ตามลำดับ การทดสอบอาหาร n โปรตีน ทำปฏิกิริยากับสารละลายคอปเปอร์ (II) ซัลเฟต ในเบสแก่ (NaOH) ให้สีม่วง เรียกปฏิกิริยานี้ว่า ไบยูเร็ต n น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และโมเลกุลคู (ยกเว้นซูโครส) จะทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์ (สีฟ้า) ได้ตะกอน ่ สีแดงอิฐ n แป้ ง ทำปฏิ กิ ริ ย ากั บ สารละลายไอโอดี น (สี น้ ำ ตาล) ให้ สี น้ ำ เงิ น แต่ ถ้ า แป้ ง เติ ม กรด ทำปฏิ กิ ริ ย ากั บ สารละลายเบเนดิกต์ ได้ตะกอนสีแดงอิฐ (เนื่องจากกรดจะย่อยแป้งให้ขาดออกเป็นน้ำตาลกลูโคส) n ไขมัน แตะบนกระดาษ กระดาษจะโปร่งแสง 4. กรดนิวคลีอิก (C H O N P) มีหน่วยย่อยเรียกว่านิวคลีโอไทด์ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือโมเลกุลน้ำตาลไรโบส, N–เบส และหมู่ฟอสเฟตแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ n กรดดีออกซีไร โบนิวคลีอิก (DNA) พบในนิวเคลียส ทำหน้าที่ เป็นสารพันธุกรรม n กรดโรโบนิวคลีอิก (RNA) พบในนิวเคลียสและไซโทพลาซึม ทำหน้าที่ สังเคราะห์โปรตีน
  • 13. ~  13 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ ปิโตรเลียม เกิดจาก ซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมอยู่ใต้ทะเล จนถูกย่อยสลายเป็นคาร์บอนและไฮโดรเจน และรวมเป็นสารไฮโดรคาร์บอน มี ทั้งที่เป็นของเหลว คือ น้ำมันดิบและแก๊ส คือ แก๊สธรรมชาติ ปิโตรเลียมถูกกักเก็บภายใต้พื้นโลกในชั้นหินดินดาน (ซึ่งเป็น หินชั้นหรือหินตะกอนชนิดหนึ่ง) 1. เชื้อเพลิงในชีวิตประจำวัน n แก๊สหุงต้ม ประกอบด้วย แก็สโพรเพน ( C3H8 ) และแก๊สบิวเทน ( C4H10 ) ที่ถูกอัดด้วยความดันสูง จนมี สถานะเป็นของเหลว เรียกว่า LPG (Liquid Petroleum Gas) n น้ำมันเบนซิน เป็นของผสมระหว่างไอโซออกเทน ( C8H18 ) และเฮปเทน ( C7H16 ) เลขออกเทน (octane number) เป็นตัวเลขบอกคุณภาพของน้ำมันเบนซิน โดยกำหนดให้ n ไอโซออกเทนบริสุทธิ์มีประสิทธิภาพการเผาไหม้ เป็นเลขออกเทน 100 n นอร์มอลเฮปเทนบริสุทธิ มีประสิทธิภาพการเผาไหม้ เป็นเลขออกเทน 0 ์ ดังนั้นน้ำมันเบนซิน เลขออกเทน 95 หมายถึง น้ำมันเบนซินที่มีประสิทธิภาพการเผาไหม้เหมือนกับของผสมที่มี อัตราส่วนของไอโซออกเทน 95 ส่วน และเฮปเทน 5 ส่วน แต่น้ำมันที่กลั่นได้มีเลขออกเทนต่ำกว่า 75 จึงต้องมีการเติมสาร เพื่อเพิ่มเลขออกเทน เช่นสารเตตระเมทิลเลดหรือเตตระเอทิลเลด แต่มีไอตะกั่ว หรือในปัจจุบันเติมเมทิลเทอร์เชียรี บิวทิล อีเทอร์ (MTBE) ปัจจุบันใช้สารนี้ เรียกว่า น้ำมันไร้สารตะกั่ว n เลขซีเทน เป็นตัวเลขบอกคุณภาพของน้ำมันดีเซล n พลังงานทดแทน มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง 2 ประการ คือควรเป็นพลังงานสะอาด ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หรือผล น้อยมาก และเป็นพลังงานที่ใช้ได้อย่างยั่งยืน หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น พลังงานแสง n การนำเอทานอล (เอธิ ล แอลกอฮอล์ ) มาผสมกั บ น้ ำ มั น เบนซิ น อั ต ราส่ ว น 1 : 9 เรี ย กว่ า แก๊ ส โซฮอล์ จะมี ประสิ ท ธิ ภ าพใกล้ เคี ย งกั บ น้ ำ มั น เบนซิ น 95 ปั จ จุ บั น มี ก ารนำเอาเอทานอล มาผสมกั บ น้ ำ มั น เบนซิ น ใน อัตราส่วน 2:8 หรือ (20:80) เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E-20 พอลิเมอร์ คือ สารที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากสารขนาดเล็กจำนวนมากต่อกัน ซึ่งเรียกว่า มอนอเมอร์ โดย n ถ้ามอนอเมอร์เป็นสารชนิดเดียวกัน เรียกว่า โฮโมพอลิเมอร์ เช่น เซลลูโลส ยางพารา n ถ้ามอนอเมอร์เป็นสารต่างชนิดกัน เรียกว่า โค-พอลิเมอร์ หรือ พอลิเมอร์ร่วม เช่น โปรตีน หมายเหตุ : เอทิลีน เป็นมอนอเมอร์ที่เล็กที่สุด รวมตัวกันได้พอลิเอทิลีน เช่น ถุง สายยาง ฟิล์ม 1. พลาสติก แบ่งออกได้เป็น n เทอร์มอพลาสติก มีโครงสร้างแบบโซ่ตรงหรือโซ่กิ่ง มีสมบัติดังนี เมื่อได้รับความร้อนจะอ่อนตัว ยืดหยุ่นและ ้ โค้งงอได้, สามารถเปลี่ยนรูปร่างกลับไปมาได้ สมบัติไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นพอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน พอลิเตตระฟลูออไรเอทิลีน พอลิไวนิลคลอไรด์ n เทอร์มอเซต (thermoset) คือ พลาสติกทีมโครงสร้างแบบตาข่าย มีสมบัตดงนีเมือได้รบความร้อนจะไม่ออนตัว แต่ ่ ี ิ ั ้ ่ ั ่ จะเกิดการแตกหัก มีความแข็งแรงมาก, ไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ สมบัติมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเบคะไลท์ ใช้ ทำด้ามจับกะทะ ด้ามจับเตารีด และปลั๊กไฟฟ้า พอลิยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ ใช้ทำเต้าเสียบไฟฟ้า และแผ่นฟอร์ไมกา ปูโต๊ะ, อิพอกซี ใช้ทำกาว หมายเหตุ : พอลิเอสเทอร์ เป็นทั้ง 2 แบบ ใช้ทำเส้นใย และตัวถังรถ 2. ยาง แบ่งเป็น n ยางธรรมชาติ เกิดจากมอนอเมอร์ไอโซปรีน มารวมตัวกันเป็นพอลิไอโซปรีน การปรับปรุงคุณภาพ ทำได้โดย นำยางมาคลุกกับกำมะถัน เรียกปฏิกิริยานี้ว่า วัลคาไนส์เซชัน ทำให้ได้ยางที่มีความคงตัว
  • 14. ~  14 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ n ยางสังเคราะห์ (ยางเทียม) เช่นยาง IR (Isoprene Rubber) มีโครงสร้างเหมือนยางธรรมชาติ จุดเด่น คือ มีสงเจือปนน้อย คุณภาพสม่ำเสมอ ใช้ทำจุกนมยางและอุปกรณ์การแพทย์, ยาง SBR (Styrene – Butadiene ิ่ Rubber) เกิดจากมอนอเมอร์ของสไตรีนและบิวตาไอดีน ทนต่อการขัดถู แต่ไม่ทนต่อแรงดึง ใช้ทำพื้นรองเท้า สายยาง สายพาน ปฎิกิริยาเคมี เกิดจาก สารเริ่มต้น เข้าทำปฏิกิริยากัน ซึ่งจะมีการแตกสลายพันธะเดิม และสร้างพันธะใหม่ ทำให้เกิดสารใหม่ เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น n ปฏิกิริยาคายความร้อน จะให้พลังงานความร้อนออกมา ทำให้สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิสูงขึ้น n ปฏิกิริยาดูดความร้อน จะดูดพลังงานความร้อนเข้าไป ทำให้สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิลดลง ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี 1. ความเข้มข้นของสารเริ่มต้น (เข้มข้นมา > เข้มข้นน้อย) 2. พื้นที่ผิวสัมผัสของสารที่เข้าทำปฏิกิริยา (ผง > ก้อน) 3. อุณหภูมิ (ร้อน > เย็น) 4. ตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) 5. ธรรมชาติของสาร โครงสร้างของอะตอมและตารางธาตุ อะตอม (atom) คือหน่วยที่เล็กที่สุดของธาตุ ที่สามารถแสดงสมบัติของธาตุนั้นๆ ได้ประกอบด้วย นิวเคลียสซึ่งอยู่ใจกลาง และมีอนุภาคอิเล็กตรอนวิ่งรอบๆ นิวเคลียส แบบจำลองอะตอม (atomic model) คือมโนภาพที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นจากข้อมูลการทดลอง เพื่อใช้อธิบาย ลักษณะของอะตอม ตารางที่ 1: ตารางสรุปแบบจำลองอะตอมแบบต่างๆ พร้อมคำอธิบายและที่มาของแบบจำลองอะตอม ชื่อนักวิทยาศาสตร์ผู้เสนอ รูปแบบจำลองอะตอม คำอธิบาย และที่มาของแบบจำลองอะตอม ดอลตัน อะตอมเป็นทรงกลมภายในว่างเปล่า อะตอมของธาตุชนิด เดียวกันมีสมบัติเหมือนกันเช่นมีมวลเท่ากันและอะตอมไม่ สามารถแบ่งแยกได้หรือทำให้สูญหายได้ / การรวบรวมแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ ทอมสัน อะตอมเป็นทรงกลมมีประจุบวกและประจุลบกระจายอยู่ ภายในโดยประจุบวกจะมีจำนวนเท่ากับประจุลบ / การทดลองการนำไฟฟ้าของแก๊สในหลอดรังสีแคโทด รัทเทอร์ฟอร์ด อะตอมเป็นทรงกลมมีประจุบวกอยู่กันหนาแน่นตรงกลาง บริเวณนิวเคลียส ส่วนประจุลบจะวิ่งอยู่รอบๆนิวเคลียส / การทดลองยิงอนุภาคแอลฟาผ่านแผ่นทองคำที่มีฉากเรือง แสงล้อมรอบ แชดวิก เหมือนกับรัทเทอร์ฟอร์ด แต่พบว่ามีอนุภาคที่เป็นกลางทาง ไฟฟ้า(นิวตรอน) อยู่ในนิวเคลียสด้วย / ยิงอนุภาคแอลฟา ผ่านไปยังอะตอมของ Be บอร์ เหมือนกับรัทเทอร์ฟอร์ดแต่อิเล็กตรอนที่อยู่รอบๆนิวเคลียส จะอยู่เป็นชั้นๆ แต่ละชั้นเรียกว่าระดับพลังงาน,อิเล็กตรอน ที่อยู่วงนอกสุดเรียกว่าเวเลนซ์อิเล็กตรอน(valentelectrons)/ ได้จากการศึกษาสเปกตรัมของธาตุที่ได้จากการเผาสารต่างๆ
  • 15. ~  15 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ สัญลักษณ์นิวเคลียร์ (nuclear symbol) ประกอบด้วยสัญลักษณ์ของธาตุ (X), เลขอะตอม (Z) และเลขมวล (A) โดย สัญลักษณ์การเขียนดังภาพ A เลขมวล (mass number) = จำนวนโปรตอน + จำนวนนิวตรอน Z เลขอะตอม (atomic number) = จำนวนโปรตอน ไอโซโทป, ไอโซโทน และไอโซบาร์ ไอโซโทป (isotope) คือธาตุที่มีเลขอะตอมเหมือนกันแต่เลขมวลต่างกัน หรือธาตุที่มีจำนวนโปรตอนเท่ากันแต่ นิวตรอนต่างกัน ไอโซโทน (isotone) คือธาตุที่มีนิวตรอนเท่ากัน แต่โปรตอนต่างกัน ไอโซบาร์ (isobar) คือธาตุที่มีเลขมวลเท่ากัน แต่เลขอะตอมต่างกัน การจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม วิธีการจัดเรียงให้ถูกต้องมีขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นดังนี้ 1) จำนวนอิเล็กตรอนในแต่ละชั้นจะมีจำนวนจำกัด ห้ามเกิน n ในชั้น n=1 (ชั้นใกล้นิวเคลียสมากที่สุด) จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน 2 อนุภาค n ในชั้น n=2 จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน 8 อนุภาค n ในชั้น n=3 จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน 18 อนุภาค n ในชั้น n=4 จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน 32 อนุภาค n ในชั้น n=5 จะมีจำนวนอิเล็กตรอนได้สูงสุดไม่เกิน 50 อนุภาค 2) จำนวนอิเล็กตรอนในชั้นนอกสุด (valent electrons) จะมีค่ามากที่สุดห้ามเกิน 8 อนุภาค การจัดเรียงอิเล็กตรอน กับตารางธาตุ พบว่าหากจัดเรียงอิเล็กตรอนได้ถูกต้อง n จำนวนอิเล็กตรอนชั้นนอกสุด (valent electron) จะบอกหมู่บนตารางธาตุว่าธาตุนั้นๆ อยู่ในหมู่อะไร n จำนวนระดับชั้นพลังงาน จะบอกถึงคาบบนตารางธาตุว่าธาตุนั้นๆ จัดอยู่ในคาบใด ตัวอย่าง 11 Na เมื่อจัดเรียงอิเล็กตรอนแล้วจะได้ 2, 8, 1 จะเห็นได้ว่า จำนวนอิเล็กตรอนชั้นนอกสุดเท่ากับ 1 แสดงว่าในตารางธาตุ Na นั้นจะอยู่หมู่ที่ 1 n n จำนวนของระดับชั้นพลังงานพบว่ามี 3 ชั้น แสดงว่าในตารางธาตุ Na นั้นจะอยู่คาบที่ 3 ตารางธาต สามารถแบ่งธาตุต่างๆ ในตารางธาตุออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ 1) ธาตุกลุ่ม A หรือ Representative elements 2) ธาตุกลุ่ม B หรือ Transitional elements สมบัติของธาตุแต่ละหมู่ ธาตุหมู 1A : โลหะอัลคาไลน์ ่ n มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน = 1 n เป็นโลหะ ลอยน้ำได้ จุดเดือด จุดหลอมเหลวไม่สูงมากนัก n ทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ ได้ด่างและแก๊สไฮโดรเจน ธาตุหมู 2A : โลหะอัลคาไลน์เอิร์ธ ่ n มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน = 2 n ทำปฏิกิริยากับน้ำ ได้ด่างและแก๊สไฮโดรเจน ธาตุหมู 7A : ธาตุแฮโลเจน ่ n มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน = 7 n เป็นอโลหะ 1 โมเลกุลประกอบขึ้นจาก 2 อะตอม (F2 สีเหลือง, Br2 สีน้ำตาล, I2 สีม่วงแดง) ธาตุหมู่ 8A : ก๊าซเฉื่อย, ก๊าซมีตระกูล n มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน = 8 ยกเว้น He = 2 n เป็นอโลหะ เฉื่อยชาต่อการเกิดปฏิกิริยามาก และในธรรมชาติจะอยู่อะตอมเดี่ยวอย่างอิสระได้
  • 16. ~  16 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ โลหะทรานซิชัน เป็นโลหะ n n เกิดสารประกอบไอออนิกที่มีสมบัติพิเศษ เรียกว่าสารประกอบเชิงซ้อนที่มีสีเฉพาะตัว เช่น KMnO4 สีชมพูอมม่วงหรือ CuSO4 มีสีฟ้า n มีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า เมื่อเลขออกซิเดชันเปลี่ยน สีก็จะเปลี่ยน สมบัติต่างๆ ของธาตุในตารางธาตุ 1) ขนาดอะตอม, ความเป็นโลหะ, จุดเดือด, จุดหลอมเหลว เมื่อพิจารณาตามหมู่จะเพิ่มขึ้นจากบนลงล่างเมื่อ พิจารณาตามคาบ จะเพิ่มจากขวาไปซ้าย 2) ค่าอิเลกโทรเนกาติวิตี (EN) คือความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอนในรูปสารประกอบ เมื่อพิจารณาตามหมู่ จะเพิ่มขึ้นจากล่างขึ้นบน, เมื่อพิจารณาตามคาบ จะเพิ่มจากซ้ายไปขวา หมายเหตุ : ธาตุหมู่ 8A จะมีค่า EN = 0 3) ค่าพลังงานไอออไนเซชัน (IE) คือพลังงานน้อยที่สุดที่ใช้ดึงอิเล็กตรอนให้หลุดออกจากอะตอมในภาวะก๊าซ เมื่อพิจารณาตามหมู่จะเพิ่มขึ้นจากล่างขึ้นบน, เมื่อพิจารณาตามคาบ จะเพิ่มจากซ้ายไปขวา พันธะเคมี คือ แรงที่ยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมสองอะตอมให้อยู่รวมกัน เกิดเป็นโมเลกุลและสารประกอบขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1) พันธะภายในโมเลกุล ได้แก่ n พันธะโลหะ (metallic bond) เชื่อมระหว่างอะตอมของธาตุที่เป็นโลหะ กับโลหะ n พันธะไอออนิก ( ionic bond) เชื่อมระหว่างอะตอมของธาตุที่เป็นโลหะกับอโลหะ โดยมีโลหะเป็นตัวให้ อิเล็กตรอน และอโลหะเป็นตัวรับอิเล็กตรอน เช่น NaCl, MgCl2 n พั นธะโควาเลนซ์ ( covalent bond) เชื่ อ มระหว่ า งอะตอมของธาตุ ที่ เป็ น อโลหะกั บ อโลหะ โดยมี ก ารใช้ เวเลนต์อิเล็กตรอนร่วมกัน เช่น CCl4, Cl2, H2O, CO2 2) พันธะระหว่างโมเลกุล ได้แก่ n พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bond) จะเชือมระหว่างอะตอมของธาตุ H กับธาตุ F, O, N ในอีกโมเลกุลหนึง ่ ่
  • 17. ~  17 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ สาระที่ 4 : แรง และการเคลื่อนที่ การเคลื่อนที่ 1. การเคลื่อนที่แนวตรง : เป็นการเคลื่อนที่ ที่ไม่มีการเปลี่ยนทิศทาง อัตราเร็วเฉลี่ย หาได้จาก อัตราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลา ความเร็วเฉลี่ย หาได้จาก อัตราส่วนระหว่างกระจัดกับช่วงเวลา หมายเหตุ : การกระจัด คือ ระยะทางสั้นที่สุด ที่แสดงทิศกำกับด้วย (เป็นปริมาณเวกเตอร์) ความเร่ง หาได้จาก ความเร็วที่เปลี่ยนไปกับเวลาที่เปลี่ยนแปลง (เมตรต่อวินาที2) การเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวดิ่งภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก (แนวตรง) เมื่อวัตถุตกสู่พื้น วัตถุจะมีความเร็วมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แสดงว่า วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงตัว เรียกว่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลก มีคาเท่ากับ 9.8 เมตรต่อวินาที2 หมายความว่า ในทุกๆ 1 วินาที วัตถุจะตกลงด้วยความเร็วเพิมขึน ่ ่ ้ 9.8 เมตรต่อวินาที เช่น การกระโดดร่มแบบดิ่งพสุธา เมื่อวัตถุขึ้นสู่ท้องฟ้า วัตถุจะมีความเร็วลดลงอย่างสม่ำเสมอ แสดงว่า วัตถุเคลื่อนที่ขึ้นด้วยความเร่ง แต่มีทิศทางตรง ข้ามกับความเร็วใช้สูตร v = u + a t 2. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ : เป็นการเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้งพาราโบลา ซึ่งประกอบด้วย n ความเร็วในแนวระดับ เป็นความเร็วที่แท้จริงของวัตถุ ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปข้างหน้าซึ่งมีค่าคงที่ตลอดเวลา n ความเร็วในแนวดิ่ง เกิดจากแรงดึงดูดของโลก ซึ่งจะดึงดูดทำให้วัตถุตกลงสู่พื้น โดยจะมีค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น การโยนของจากเครื่องบิน การโยนลูกบาสเกตบอลเข้าห่วง 3. การเคลื่อนที่แบบวงกลม : เกิดจาก เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลม ซึ่งประกอบด้วย n ความเร็วในแนวระดับ เป็นความเร็วที่แท้จริงในการเคลื่อนที่ของวัตถุ n แรงสู่ศูนย์กลาง เป็นแรงที่มีทิศเข้าหาศูนย์กลางของการเคลื่อนที่นั้น เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลมด้วยความเร็วที่แท้จริง แต่จะมีแรงสู่ศูนย์กลางกระทำต่อวัตถุเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ จึง ทำให้วัตถุไม่หลุดออกไปจากแนววงกลม ซึ่งเป็นแรงที่พอเหมาะกับวัตถุ จึงทำให้วัตถุเคลื่อนที่ได้ด้วยรัศมีค่าหนึ่งและ ความเร็วค่าหนึ่ง เช่นการเหวี่ยงหมุนของบนศีรษะ การเลี้ยวของรถบนถนนที่เอียงพอเหมาะ การโคจรของดวงดาว การเคลื่อนที่แบบวงกลมมีลักษณะเฉพาะ คือ วัตถุจะเคลื่อนที่กลับมาซ้ำทางเดิมเสมอ n เวลาที่วัตถุเคลื่อนที่ ครบ 1 รอบ เรียกว่า คาบ (period) มีหน่วยเป็น วินาที n จำนวนรอบที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ใน 1 หน่วยเวลา เรียกว่า ความถี่ (frequency) มีหน่วยเป็น รอบต่อวินาที หรือ เฮิรตซ์ (hertz) 4. การเคลือนทีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย (simple harmonic motion): เป็นการเคลือนทีกลับไปกลับมา ซ้ำทางเดิม ่ ่ ่ ่ ในแนวดิ่ง โดยมุมที่เบนจากแนวดิ่งจะมีค่าคงที่เสมอ เช่น การแกว่งของชิงช้า การแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกา สนามของแรง คือ บริเวณที่มีแรงกระทำต่อวัตถุ แบ่งเป็น 3 ประเภท 1. สนามแม่เหล็ก (magnetic field) คือ บริเวณทีมแรงแม่เหล็กกระทำ จะมีทศจากขัวเหนือไปยังขัวใต้ของแท่งแม่เหล็ก ่ ี ิ ้ ้
  • 18. ~  18 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 1) ผลของสนามแม่เหล็กต่อการเคลื่อนที่ของอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า เมื่ออิเล็กตรอน (ประจุลบ) เคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก จะถูกแรงแม่เหล็กกระทำ ทำให้แนวการเคลื่อนที่เปลี่ยนไป ใช้ในการทำจอของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์ ประกอบด้วย หลอดภาพแบ่งเป็น 3 ส่วนประกอบ n ขั้วแคโทดหรือปืนอิเล็กตรอน ทำหน้าที่ ผลิตลำอิเล็กตรอน n จอเรืองแสง ซึ่งฉาบด้วยสารเรืองแสง เมื่ออิเล็กตรอนตกกระทบจอจะทำให้เกิดจุดสว่าง n ขดลวดเบี่ ย งเบน ทำหน้ า ที่ ผลิ ต สนามแม่ เหล็ ก เพื่ อ เบี่ ย งเบนลำอิ เ ล็ ก ตรอน และควบคุ ม ให้ ล ำอิ เ ล็ ก ตรอน เคลื่อนที่กวาดไปมาบนจอภาพในแนวระดับ ด้วยความเร็วสูงมาก ทำให้เกิดภาพขึ้น 2) ผลของสนามแม่เหล็กต่อการเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าผ่าน เมื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดตัวนำ ที่วางตัด (ตั้งฉาก) กับสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอ จะมีแรงแม่เหล็ก กระทำ ทำให้ขดลวดตัวนำเคลื่อนที่ได้นำไปใช้สร้างมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น พลังงานกลเช่นพัดลม เครื่องผสมอาหาร กรณีตรงข้าม ถ้าหมุนขดลวดตัวนำให้ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอ จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น เรียกว่า กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ ซึ่งค้นพบโดย ไมเคิล ฟาราเดย์ และนำไปสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงาน กลเป็นพลังงานไฟฟ้า 3) สนามแม่เหล็กโลก โลกเสมือนมีแม่เหล็กฝังอยู่ใต้โลก และแผ่สนามแม่เหล็กปกคลุมโลก n ขั้วโลกเหนือ ทำหน้าที่เป็นขั้วใต้ของแม่เหล็ก n ขั้วโลกใต้ ทำหน้าที่เป็นขั้วเหนือของแม่เหล็ก ทำหน้าที่ เป็นโล่ป้องกันอันตรายจากลมสุริยะ ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีประจุ เช่น โปรตอน และอิเล็กตรอน ไม่ให้ อนุภาคเหล่านี้ทำลายชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต 2. สนามไฟฟ้า (electric field) คือ บริเวณที่มีแรงไฟฟ้า กระทำ จะมีทิศจากขั้วบวกไปยังขั้วลบของขั้วไฟฟ้า เมื่อมี อนุภาคที่มีประจุ อยู่ในสนามไฟฟ้า พบว่า n อนุภาคที่มีประจุบวก (โปรตอน) จะถูกแรงไฟฟ้ากระทำ ให้เคลื่อนที่จากขั้วบวกไปยังขั้วลบ n อนุภาคที่มีประจุลบ (อิเล็กตรอน) จะถูกแรงไฟฟ้ากระทำ ให้เคลื่อนที่จากขั้วลบไปยังขั้วบวก หลักการนี้นำไปใช้ในการทำเครื่องกำจัดฝุ่น โดยเมื่อฝุ่นละอองผ่านเข้าไปในเครื่อง ฝุ่นเล็กๆ จะรับประจุไฟฟ้าลบ จาก ขั้วลบของเครื่อง และจะถูกดูดติดแน่นโดยแผ่นขั้วบวก ในสนามไฟฟ้า เมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในทิศตั้งฉาก (ตัด) กับสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ พบว่าจะมีแรงไฟฟ้ากระทำ ทำให้การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนเบนไปจากเดิม ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ ในการสร้างจอแสดงผลของเครื่องมือ เช่น จอเรดาร์ จอภาพ ออสซิลโลสโคปและจอเครื่องอัลตราซาวด์ 3. สนามโน้มถ่วง (gravitational field) คือบริเวณที่มีแรงโน้มถ่วงกระทำทำให้เกิดแรงดึงดูดวัตถุ โดยจะมีทิศพุ่งเข้าสู่ จุดศูนย์กลางโลก (สนามโน้มถ่วง ณ ผิวโลก มีค่าประมาณ 9.8 นิวตันต่อ กิโลกกรัม แต่จะมีค่าลดลงไปเรื่อยๆ เมื่ออยู่สูง จากผิวโลกมากขึ้น) 1) การเคลื่อนที่ของวัตถุในสนามโน้มถ่วง n เมื่อวัตถุตกในสนามโน้มถ่วง วัตถุจะเคลื่อนที่ลงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ หรือ ความเร่งคงตัว เรียกว่า ความเร่งโน้มถ่วง แต่จะมีค่าต่างกันตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ n เมื่ อ โยนวั ต ถุ ขึ้ น ไปในแนวดิ่ ง วั ต ถุ จ ะเคลื่ อ นที่ ขึ้ นด้ ว ยความเร่ ง โน้ ม ถ่ ว ง แต่ มี ทิ ศ พุ่ ง เข้ า สู่ จุ ด ศู น ย์ ก ลางโลก ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ขึ้นด้วยความเร็วที่ลดลง จนกระทั่งความเร็วสุดท้ายเป็นศูนย์ จากนั้นแรงดึงดูดโลกจะดึง วัตถุให้ตกกลับสู่โลกด้วยความเร่งเท่าเดิม
  • 19. ~  19 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ แรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุ ก็คือ น้ำหนักของวัตถุบนโลก (weight) โดยคำนวณจากสมการ เมื่อ m คือ มวลของวัตถุ (กิโลกรัม / kg) g คือ ความเร่งโน้มถ่วง ณ ตำแหน่งที่วัตถุวางอยู่ (เมตร ต่อ วินาที2 / m/s2) w คือ น้ำหนักของวัตถุ (นิวตัน / N) W = mg จากหลักการของแรงโน้มถ่วง นำไปใช้ในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยมีการเก็บน้ำไว้ในที่สูงบนเขื่อน แล้วปล่อยให้ ไหลตามท่อลงสู่ที่ต่ำกว่า ซึ่งภายในท่อมีกังหันที่ต่อแกนเข้ากับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เมื่อน้ำไหลลงมา จึงส่งผลให้กังหันหมุน และทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้
  • 20. ~  20 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ สาระที่ 5 : พลังงาน คลื่น 1. คลื่นกล (mechanical) คือ คลื่นที่ต้องอาศัยตัวกลาง ในการถ่ายโอนพลังงาน แบ่งเป็น n คลื่นตามขวาง เกิดจากอนุภาคของตัวกลางเคลื่อนที่ตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของคลื่น เช่น คลื่นน้ำ n คลื่นตามยาว เกิดจากอนุภาคของตัวกลางเคลื่อนที่แนวเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่น เช่น สปริง เสียง 2. องค์ประกอบของคลื่น คลื่นตามขวาง ประกอบด้วย n สันคลื่น ือ ตำแหน่ง สูงสุดของคลื่น, ท้องคลื่น คือ ตำแหน่ง ต่ำสุดของคลื่น ค n แอมพลิจูด คือ ขนาดกระจัดที่มีค่ามากที่สุด (ความกว้างของคลื่น) n ความยาวคลื่น คือ ความยาวของคลื่น 1 ลูก ซึ่งเป็นระยะระหว่างสันคลื่น - สันคลื่น หรือ ระยะระหว่างท้องคลื่น - ท้องคลื่นเขียนแทนด้วย λ (อ่านว่า แลมดา) มีหน่วยเป็นเมตร n ความถี คื อ จำนวนลู ก คลื่ นทั้ ง หมดที่ เคลื่ อ นใน 1 หน่ ว ยเวลา เขี ย นแทนด้ ว ย มี ห น่ ว ยเป็ น รอบต่ อ วิ น าที ่ หรือ เฮิรตซ์ (Hz) n คาบ คือ เวลาที่คลื่น 1 ลูกเคลื่อนที่ผ่าน เขียนแทนด้วย T มีหน่วยเป็นวินาที (s) n อัตราเร็วของคลื่น คือ ระยะทางที่คลื่นเคลื่อนที ได้ในหนึ่งหน่วยเวลา ่ คลื่นตามยาว ประกอบด้วย n ส่วนอัด คือ บริเวณที่คลื่นอยู่ใกล้ชิดกันมาก n ส่วนขยาย คือ บริเวณที่คลื่นอยู่ห่างกันมาก n ความยาวคลื่น คือ ระยะระหว่างส่วนอัด – ส่วนอัดหรือระยะระหว่างส่วนขยาย – ส่วนขยาย 3. สมบัติของคลื่น มี 4 ประเภท การสะท้อน : เกิดจาก การที่คลื่นกระทบสิ่งกีดขวาง แล้วทำให้เคลื่อนที่กลับสู่ตัวกลางเดิม โดยมีมุมตกกระทบ เท่ากับมุมสะท้อน เช่น - ค้างคาว สามารถหลบหลีกสิงกีดขวางและรูตำแหน่งของแมลงทีเป็นอาหารได้ โดยการส่งคลื่นเสียง ่ ้ ่ (Ultrasound) ออกไป แล้วรับคลื่นที่สะท้อนกลับมา n ปลาโลมา ใช้การสะท้อนของคลื่นเสียงในการหาปลาที่เป็นอาหาร n ในการสื่อสารโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม สายอากาศทำหน้าที่ส่งคลื่นจากโฟกัสของจานไปสะท้อนที่ผิวจานโค้ง ให้เป็นลำขนานสู่ดาวเทียม ดาวเทียมจะรับและขยายสัญญาณแล้วส่งสัญญาณกลับมายังจานโค้งของสถานีรับ สัญญาณบนโลก ซึ่งจะสะท้อนสัญญาณไปรวมกันที่อุปกรณ์รับที่โฟกัสของจาน การหักเห : เกิดจากการที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างตัวกลางที่มีสมบัติต่างกัน ทำให้ทิศทางเบี่ยงเบน เนื่องจากอัตราเร็วของคลื่นเปลี่ยนไป เช่นขณะเกิดพายุฟ้าคะนอง บางครั้งเห็นฟ้าแลบ แต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง เนื่องจาก เสียงเกิดการหักเห ในขณะที่เดินทางจากอากาศเย็นด้านบน ซึ่งมีความหนาแน่นมาก มายังอากาศร้อนด้านล่าง ซึ่งมีความ หนาแน่นน้อยกว่า ทำให้ทิศทางของเสียงเปลี่ยนแปลงทีละน้อย จนเกิดการสะท้อนกลับหมด การเลี้ยวเบน : เกิดจากการที่คลื่นปะทะสิ่งกีดขวาง แล้วมีคลื่นบางส่วนแผ่กระจายไปตามขอบของสิ่งกีดขวางทาง ด้านหลัง เช่น การที่เราเดินผ่านมุมอาคารเรียนหรือมุมตึก จะได้ยินเสียงต่างๆ จากอีกด้านหนึ่งของอาคาร การได้ยินเสียง จากห้องข้างเคียง การแทรกสอด : เกิดจากการที่คลื่นสองขบวนเคลื่อนที่เข้าหากัน ทำให้เกิดบริเวณสงบนิ่งและบริเวณที่สั่นสะเทือน มาก โดยแบ่งเป็น n แบบเสริม เกิดจาก สันคลื่นพบสันคลื่นและท้องคลื่นพบท้องคลื่น ทำให้แอมพลิจุดเสริมกัน ส่งผลให้ผิวของคลื่นมี ระดับสูงหรือต่ำมากที่สุด
  • 21. ~  21 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ n แบบหักล้าง เกิดจาก สันคลื่นพบท้องคลื่น ทำให้แอมพลิจูดหักล้างกัน คลื่นจึงไม่กระเพื่อม หมายเหตุ : ปรากฏการณ์เสียงบีตส์ (beats) เกิดจาก การที่คลื่นเสียงจาก 2 แหล่งกำเนิด ที่มีความถี่ต่างกันเล็กน้อย เคลื่อนที่เข้าหากัน แล้วทำให้เกิดเสียงดังและค่อยสลับกันเป็นจังหวะ จากหลักการของบีตส์ นำมาใช้ในการเทียบเสียงของเครื่องดนตรีให้มีความถี่เท่ากับความถี่ของเสียงมาตรฐานที่ ต้องการ เช่น การเทียบเสียงกีตาร์ให้ได้มาตรฐาน โดยดีดกีตาร์และทำให้เกิดเสียง จากแหล่งกำเนิดเสียงมาตรฐานดังขึ้น พร้อมกัน ถ้าได้ยินบีตส์แสดงว่าความถี่ยังไม่เท่ากัน ต้องปรับสายกีตาร์ใหม่ จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงบีตส์ จึงจะถือว่าเสียง จากกีตาร์เป็นเสียงที่มีความถี่มาตรฐานแล้ว 4. เสียงและการได้ยิน เสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุ หลังงานที่วัตถุสั่นจะทำให้โมเลกุลของอากาศที่อยู่รอบๆสั่นตาม แล้วเกิดการถ่ายโอนพลังงานให้กับอากาศที่อยู่ถัดไปเรื่อยๆจนเข้าสู่ห โดยหลังจากถ่ายโอนพลังงานไปแล้ว โมเลกุลของ ู อากาศจะสั่นกลับสู่ตำแหน่งเดิมความดันอากาศในบริเวณที่เสียงเคลื่อนที่ผ่านเรียกว่าความดันเสียงพบว่า n โมเลกุลของอากาศในบางบริเวณอยูใกล้ชดกัน จึงมีความหนาแน่นและความดันสูงกว่าปกติ เรียกบริเวณนีวาส่วนอัด ่ ิ ้่ (สันคลื่น) n โมเลกุลของอากาศในบางบริเวณอยูหางกัน จึงมีความหนาแน่นและความดันต่ำกว่าปกติ เรียกบริเวณนีวา ส่วนขยาย ่ ่ ้่ (ท้องคลื่น) หูของคน ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ n หูส่วนนอก ทำหน้าที่ รับคลื่นเสียง แล้วส่งต่อไป n หูส่วนกลาง ประกอบด้วย กระดูกชิ้นเล็กๆ ทำหน้าที่ ขยายเสียง แล้วส่งต่อไป n หูส่วนใน มีท่อกลวงขดเป็นก้นหอย เรียกว่า คอเคลีย ซึ่งภายในมีเซลล์ขนจำนวนมากคอยจับสัญญาณการสั่น ของคลื่นเสียง แล้วส่งสัญญาณการรับรู้ไปยังสมอง ธรรมชาติของเสียง แบ่งออกได้ 3 ประเภท ระดับเสียง คือ ความสูงหรือต่ำของเสียง ขึนอยูกบ ความถีของเสียง เสียงทีมความถีมาก จะมีเสียงสูง เรียกว่า เสียงแหลม ้ ่ ั ่ ่ ี ่ เสียงที่มีความถี่น้อย จะมีเสียงต่ำ เรียกว่า เสียงทุ้ม หมายเหตุ : หูของคนสามารถรับรู้คลื่นเสียงในช่วงความถี่ 20 ถึง 20,000 เฮิรตซ์ เสียงที่มีความถี่ต่ำกว่า 20 เฮิรตซ์ เรียกว่า อินฟราซาวด์ (infrasound) เสียงที่มีความถี่สูงกว่า 20,000 เฮิรตซ์ เรียกว่า อัลตราซาวด์ (ultrasound) หมายเหตุ : เสียงอัลตราซาวด์ นำไปใช้ตรวจสภาพเนือเยือ ใช้สลายก้อนนิว ใช้ทำความสะอาดเครืองมือ ใช้สำรวจความลึก ้ ่ ่ ่ ของมหาสมุทร และใช้ในการประมง เพื่อสำรวจหาแหล่งปลา ความดัง คือ พลังงานเสียงที่มากพอที่จะได้ยินเสียงได้ ขึ้นอยู่กับ แอมพลิจูดของคลื่น การวัดความดังของเสียง จะวัด เป็นระดับความเข้มเสียง มีหน่วยเป็น เดซิเบล ดังนี้ n เสียงค่อยที่สุดที่เริ่มได้ยิน มีระดับความเข้มเสียงเป็น 0 เดซิเบล n เสียงดังที่สุดที่ไม่เป็นอันตรายต่อหู มีระดับความเข้มเสียงเป็น 120 เดซิเบล หมายเหตุ : องค์การอนามัยโลก กำหนดว่า ระดับความเข้มเสียงที่ปลอดภัยต้องไม่เกิน 85 เดซิเบล และได้ยินติดต่อกัน ไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านี้ จะถือว่าเป็นมลภาวะของเสียง คุณภาพเสียง คือ คุณลักษณะเฉพาะตัวของเสียง (ไม่ได้หมายความว่า เสียงดี หรือไม่ดี) n ช่วยระบุแหล่งกำเนิดเสียงที่แตกต่างกัน ทำให้เราจำได้ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงอะไร n นำไปสร้างเครื่องมือวิเคราะห์เสียง เพื่อพิสูจน์หลักฐาน เพื่อระบุบุคคลที่พูด เนื่องจากคุณภาพเสียงแต่ละคนจะให้ รูปคลื่นออกมาแตกต่างกัน
  • 22. ~  22 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 5. คลืนแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic) : คือ คลืนทีเคลือนทีได้ โดยไม่อาศัยตัวกลาง ประกอบด้วย สนามแม่เหล็ก ่ ่ ่ ่ ่ และสนามไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยทิศของสนามทั้งสองจะตั้งฉากกัน และตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่มีช่วงความถี่ ต่างๆ เฉพาะตัว แต่ต่อเนื่องกัน เรียกว่า สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (เรียงจากความถี่สูงไปความถี่ต่ำ) ดังนี ้ แกมมา เอ็กซ์ อัลตราไวโอเลต แสงที่ตามองเห็น (visible light) อินฟราเรด ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ใช้ประโยชน์มากในชีวิตประจำวัน คือ คลื่นวิทยุ ที่มีความถี่ในช่วง 104 -109 Hz โดยใช้เป็น คลื่นในการส่งข่าวสารและสาระบันเทิง มีหลักการ ดังนี้ 1. เปลี่ยนเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า โดยใช้ไมโครโฟน 2. ผสมสัญญาณไฟฟ้ากับคลื่นวิทยุ ซึ่งทำหน้าที เป็นคลื่นพาหะ ่ 3. ขยายสัญญาณของคลื่นที่ผสมแล้ว ให้มีกำลังสูงขึ้น 4. ส่งไปยังเสาอากาศ เพื่อกระจายคลื่นไปยังเครื่องรับวิทยุ หมายเหตุ : การผสมสัญญาณไฟฟ้าของเสียงกับคลื่นวิทยุ มี 2 ระบบ คือ n ระบบเอเอ็ม (AM : Amplitude Modulation) : เป็นการผสมที่ทำให้แอมพลิจูดของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงตามคลื่นเสียง แต่ความถี่ไม่เปลี่ยนแปลง : ส่งกระจายเสียงด้วยความถี่ 530 – 1,600 กิโลเฮิรตซ์ n ระบบเอฟเอ็ม (FM : Frequency Modulation) : เป็นการผสมที่ทำให้ ความถี่ของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงตามคลื่นเสียง แต่แอมพลิจูดไม่เปลี่ยนแปลง : ส่งกระจายเสียงด้วยความถี่ 88 – 108 เมกะเฮิรตซ์ ระบบ AM สะท้อนบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้ ใช้ติดต่อไกลๆ เรียกว่า คลื่นฟ้า ระบบ FM มีความถี่สูงมาก จะทะลุผ่านบรรยากาศชั้นไอโอโนสเพียร์ออกไป จึงใช้ในการติดต่อกับยานอวกาศที่เดิน ทางอยู่นอกโลก ดังนั้น การรับคลื่น FM บนพื้นโลก จึงรับได้เฉพาะคลื่นที่แผ่กระจายจากสายอากาศของสถานีส่งเท่านั้น เรียกว่า คลื่นดิน กัมมันตภาพรังสีและพลังงานนิวเคลียร์ 1. กัมมันตภาพรังสี ธาตุที่มีการแผ่รังสีได้เรียกว่าธาตุกัมมันตรังสี และปรากฏการณ์การแผ่รังสี ว่ากัมมันตภาพรังสี ใน ธรรมชาติ ธาตุส่วนใหญ่มีไอโซโทป โดยแบ่งเป็น n ไอโซโทปเสถียร คือ ไอโซโทปที่ไม่แผ่รังสี มักจะพบในธรรมชาติ n ไอโซโทปกัมมันตรังสี คือ ไอโซโทปที่มีนิวเคลียสไม่เสถียร จึงแผ่รังสีออกมา คือ 1) รังสีแกมมา (γ) เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มีความยาวคลื่นสั้นมากมีอำนาจทะลุผ่านมากที่สุด สามารถกั้นได้โดย ใช้แผ่นตะกั่ว 2) รังสีบีตา ( β ) เป็นอิเล็กตรอน สามารถกั้นได้โดยใช้แผ่นอลูมิเนียม 3) รังสีแอลฟา ( α ) เป็นนิวเคลียสของธาตุฮีเลียม ( 24He ) สามารถทำให้สารเกิดการแตกตัวเป็นไอออนได้ดี มี อำนาจทะลุผ่านน้อยมาก สามารถกั้นได้โดยใช้กระดาษ ครึงชีวต (half life) คือ ระยะเวลาทีนวเคลียสของธาตุกมมันตรังสีสลายตัวเหลือครึงหนึงของจำนวนนิวเคลียสเริมต้น ่ ิ ่ ิ ั ่ ่ ่ โดยธาตุแต่ละชนิดจะมีครึงชีวตไม่เท่ากันและมีคาคงที ไม่ขนกับปัจจัยภายนอก จึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น ่ ิ ่ ่ ึ้ ด้านการแพทย์ n การใช้รังสีแกมมาจากโคบอลต์ -60 ทำลายเซลล์มะเร็ง, การใช้ไอโอดีน -131 ตรวจสอบความผิดปกติของ ต่อมไทรอยด์
  • 23. ~  23 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ ด้านอุตสาหกรรม n การควบคุมการผลิตกระจก กระดาษ แผ่นเหล็ก พลาสติกให้มีความหมายสม่ำเสมอ ด้านการเกษตร n การฉายรังสีแกมมาดักแด้ของแมลงที่เพาะเลี้ยงไว้ เพื่อทำหมั้น จึงไม่ขยายพันธุ์ต่อไป, การฉายรังสีอาหาร เพื่อให้คงความสดเป็นเวลานาน, การฉายรังสีดอกไม้ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์, การศึกษาอัตราการดูดซึมปุ๋ย ของต้นไม้ โดยใส่ปุ๋ยที่มีตัวทำรอย เช่น ฟอสฟอรัส -32 ด้านโบราณคดีและธรณีวิทยา n การหาอายุของวัตถุโบราณและซากสิ่งมีชีวิต โดยใช้ธาตุคาร์บอน -14 (ครึ่งชีวิต 5,730 ปี) 2. รังสีกับมนุษย์ รังสีพื้นฐาน คือ รังสีที่อยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งทุกคนได้รับตลอดเวลาและหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มีไม่มากและไม่เป็นอันตราย เช่น รังสีคอสมิกจากอากาศ, รังสีจากเรดอน ที่อยู่ในอากาศ หิน ดิน ต้นไม้ กากกัมมันตรังส คือ ของเสียที่มีปริมาณรังสีอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์และไม่สามารถใช้ได้อีก n กากระดับต่ำและกลาง ให้ฝังใต้ดินที่ไม่เป็นที่ลุ่ม ไม่มีประวัติแผ่นดินไหวและภูเขาไฟ n กากระดับสูง ให้ฝังในชั้นธรณีลึก เป็นหินอัคนี หินแปรหรือหินชนวน 3. พลังนิวเคลียร์ แรงนิวเคลียร์ (nuclear force) คือ แรงที่กระทำระหว่างอนุภาคที่อยู่ในนิวเคลียส ซึ่งประกอบด้วยแรงดึงดูดที่ทำให้ โปรตอนและนิวตรอนอยู่รวมกัน ซึ่งจะมีค่ามากกว่าแรงผลักระหว่างของโปรตอน พลังงานนิวเคลียร์ โดยแบ่งเป็น ฟิชชัน (fission) : เป็นปฏิกิริยาที่นิวเคลียสของธาตุเลขมวลมากแตกตัวเป็นธาตุเลขมวลน้อย เกิดจากการยิง นิวตรอน เข้าใส่นวเคลียสของธาตุยเรเนียม - 235 ทำให้นวเคลียสแตกออกเป็นนิวเคลียสทีมเลขมวลลดลง เช่น แบเรียม - 141 ิ ู ิ ่ ี และคริปตอน-92 ทำให้พลังงานออกมามหาศาลและจะได้นิวตรอนใหม่เกิดขึ้นอีก 3 ตัว ซึ่งสามารถพุ่งไปชนนิวเคลียสของ ยูเรเนียม-235 ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดฟิชชันต่อไปเรื่อยๆ เรียกว่าปฏิกิริยาลูกโซ่(chain reaction) หมายเหตุ : อั ล เบิ ร์ ต ไอน์ ส ไตน์ พบว่ า เมื่ อ เกิ ด ฟิ ช ชั น มี ม วลหายไป ซึ่ ง มวลนี้ จ ะเปลี่ ย นเป็ น พลั ง งาน ตามทฤษฎี สัมพันธภาพ ฟิวชัน (fusion) : เป็นปฏิกรยาทีนวเคลียสของธาตุเลขมวลน้อยรวมตัวกันเป็นธาตุทมเลขมวลมาก ในธรรมชาติ ฟิวชัน ิิ ่ ิ ี่ ี เกิดในดาวฤกษ์ (ดวงอาทิตย์) ซึ่งประกอบด้วย ก๊าซไฮโรเจนจำนวนมาก เมื่อได้รับอุณหภูมิสูงถึง 107 เคลวิน จะทำให้เกิด การแตกตัวเป็นโปรตอนและอิเล็กตรอน โปรตอนเหล่านี้จะหลอมรวมกันเป็นนิวเคลียสของฮีเลียม แล้วปล่อยพลังงานออกมา หมายเหตุ : ฟิวชัน เป็นปฏิกิริยาที่ให้พลังงานออกมามากและเกิดรังสีเพียงเล็กน้อย จึงไม่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมและเชื้อเพลิง ที่ใช้ คือ ไฮโดรเจน ซึ่งมีมากในน้ำบนโลก จึงมีการพยายามเพื่อจะนำพลังงานมาใช้ ในปัจจุบันฟิวชัน จะเกิดได้เฉพาะในห้องปฏิบัติการ โดยการหลอมรวมกันของนิวเคลียร์ของ ดิวเทอเรียม ซึ่งใช้ อุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชัน หมายเหตุ : ปัญหาสำคัญที่สุด คือ การควบคุมให้เกิดฟิวชันอย่างต่อเนื่องและแรงผลักระหว่างนิวเคลียสมีมากเกินไปใน การทีจะทำให้ธาตุรวมกัน โดยจะต้องเพิมพลังงาน เพือเอาชนะแรงผลัก ซึงต้องใช้อณหภูมสงมากถึง 108 เคลวิน ่ ่ ่ ่ ุ ิู หรือสูงกว่าอุณหภูมิที่ใจกลางของดวงอาทิตย์ถึง 10 เท่า ดังนั้น ณ.วันนี้ ฟิวชันจึงยังไม่สามารถนำมาใช้ ประโยชน์ได้
  • 24. ~  24 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ สาระที่ 6 : โลก และการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างโลก แบ่งตามลักษณะมวลสาร ได้ 3 ชั้น คือ 1. ชั้นเปลือกโลก แบ่งเป็น 2 บริเวณ คือภาคพื้นทวีป ประกอบด้วยซิลิกาและอะลูมินา, ใต้มหาสมุทรประกอบด้วย ซิลิกาและแมกนีเซียม 2. ชั้นเนื้อโลก มีความลึก 2,900 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบน เป็นหินที่เย็นตัว มีรอยแตก ชั้นเนื้อโลกส่วนบนรวมกับชั้นเปลือกโลก รวมเรียกว่า ชั้นธรณีภาค ชั้นฐานธรณีภาค เป็นชั้นหินหลอมละลายหรือหินหนืด ที่เรียกว่า แมกมา ชั้นล่างสุด เป็นชั้นของแข็งร้อนที่แน่นและหนืด 3. ชั้นแก่นโลก (แก่นโลกชั้นนอก เป็นของเหลวร้อนของเหล็กและนิกเกิล, แก่นโลกชั้นใน มีส่วนประกอบเหมือนชั้นนอก แต่เป็นของแข็ง) ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา 1. แผ่นดินไหว เกิดจาก การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกตามแนวรอยต่อธรณีภาค และมีถ่ายโอนพลังงานให้กับชั้นหินที่ อยู่ติดกัน ในรูปของคลื่นไหวสะเทือน ซึ่งแผ่กระจาย 2 ชนิด คือ n คลื่นในตัวกลาง : เป็นคลื่นแผ่กระจายเป็นวงรอบๆ ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว และเดินทางอยู่ในตัวกลางที่มี เนื้อชนิดเดียวกันตลอด n คลืนพืนผิว : เป็นคลืนทีเคลือนแผ่กระจายจากจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว โดยจะเคลือนไปตามพืนผิวโลก ่ ้ ่ ่ ่ ่ ้ และเคลื่อนผ่านระหว่างตัวกลางที่ต่างชนิดกัน เครื่องไซสโมกราฟ (seismograph) เป็นเครื่องมือบันทึกข้อมูลของคลื่นแผ่นดินไหว แนวรอยต่อรอบมหาสมุทรแปซิฟิก เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและมากที่สุด (80%) เรียกว่า วงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ได้แก่ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหว เพราะ อยู่นอกแนวรอยต่อของแผ่นธรณี สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการ เกิดแผ่นดินไหวนอกประเทศ แล้วส่งแรงสั่นมา เช่น จีน พม่า ลาว สุมาตรา 2. ภูเขาไฟ จะพบอยู่เฉพาะที่เท่านั้น โดยตั้งอยู่ตามขอบนอกของพื้นทวีป เป็นแนวยาวไปจนถึงกลางมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี นิวซีแลนด์ ฮาวาย ภูเขาไฟระเบิด เกิดได้ 2 รูปแบบ ดังนี้ n เกิดจาก การประทุของแมกมา แก๊ส และเถ้าจากใต้โลก โดยจะมีสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้า เช่น มีแผ่นดินไหว และมีเสียงคล้ายฟ้าร้อง เพราะมีการเคลือนไหวของแมกมา ซึงเมือถูกพ่นออกมา เรียกว่า ลาวา (lava) ส่วนแก๊ส ่ ่ ่ ที่ออกมาทำให้ลาวาคุพุ่งเหมือนน้ำพุร้อน เมื่อเวลาผ่านไปจะเย็นและแข็งตัวกลายเป็น หินบะซอลต์ ซึ่งเป็นหินมี รูอากาศเป็นช่อง ส่วนลาวาทีมปริมาณของธาตุซลคอนมาก เมือเย็นตัวจะเป็น หินแอนดีไซด์ ไรโอไลต์ และออบซีเดียน ่ ี ิิ ่ n เกิดจาก การระเบิดเองแมกมา ที่มีแก๊สอยู่ด้วย ซึ่งแยกตัวออกเป็นฟองเหมือนน้ำเดือดและขยายตัวจนระเบิด รุนแรง ส่วนมากเป็นเศษหิน ผลึกแร่ เถ้าภูเขาไฟ โดยเมื่อเย็นตัวจะเป็นหิน เรียกว่า หินตะกอนภูเขาไฟ หมายเหตุ : การเย็นตัวอย่างรวดเร็วของแมกมา จะเป็นก้อนแก้วที่มีรูพรุน ซึ่งเต็มไปด้วยฟองแก๊สที่ยังไม่แตกทำให้เกิด แก้วที่ไม่มีรูปผลึก แต่เมื่อแตกออกเป็นก้อน จะมีน้ำหนักเบาและลอยน้ำได้ เรียกว่า พัมมิซ (pumice)
  • 25. ~  25 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ ธรณีภาค 1. แผ่นธรณีภาคและการเคลื่อนที่ ดร.อัลเฟรด เวกาเนอร์ นักอุตุนิยมวิทยาได้ตั้งสมมติฐานว่า “ผืนแผ่นดินทั้งหมดบนโลกแต่เดิมเป็นแผ่นดินผืนเดียวกัน เรียกว่า พันเจีย เมื่อ 200 – 135 ล้านปีที่แล้ว แยกออกเป็น 2 ทวีปใหญ่ คือ ลอเรเซียทางตอนเหนือและกอนด์วานาทาง ตอนใต้ และเมื่อ 135 – 65 ล้านปีที่แล้ว ลอเรเซียเริ่มแยกเป็นอเมริกาเหนือ และแผ่นยูเรเซีย ส่วนกอนต์ดานาจะแยกเป็น อเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตาร์กติกา และอินเดีย 2. หลักฐานและข้อมูลทางธรณีภาค คือ หลักฐานและข้อมูลที่ทำให้เชื่อว่าทวีปต่างๆ ในปัจจุบัน แต่เดิมเป็นแผ่นดิน เดียวกัน 1. รอยต่อของแผ่นธรณีภาค เช่น รอยต่อขอบทวีปอเมริกาใต้กับทวีปแอฟริกา 2. รอยแยกและอายุหินบนเทือกเขากลางมหาสมุทร 3. การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกันและอายุเดียวกันในทวีปต่างๆ ทีอยูหางไกลกัน ่ ่ ่ ทำให้เชื่อว่าทวีปต่างๆ ในปัจจุบันแต่เดิม เป็นแผ่นดินผืนเดียวกัน แล้วค่อยๆ แยกออกจากกัน นักธรณีวิทยา แบ่งธรณีภาคของโลกเป็น 13 แผ่น โดยแยกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ n แผ่นทวีป เช่น แผ่นยูเรเซีย อินเดีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา อาระเบีย n แผ่นมหาสมุทร เช่น แผ่นแปซิฟิก แอนตาร์กติก คาริบเบีย คอคอส นาสกา รูปแบบการเคลื่อนตัวของแผ่นธรณีภาค 1. ขอบแผ่นธรณีภาคแยกออกจากกัน เกิดจาก การดันตัวของแมกมา ทำให้เกิดรอยแตก จนแมกมาถ่ายโอนความร้อนสู่ เปลือกโลกได้ ทำให้อุณหภูมิและความดันลดลง ทำเปลือกโลกทรุดตัวกลายเป็นหุบเขาทรุด ต่อมามีน้ำไหลมาสะสมเกิดเป็น ทะเล และทำให้เกิดเป็นร่องลึก แมกมาจึงเคลื่อนตัวแทรกดันขึ้นอีก ส่งผลให้แผ่นธรณีเคลื่อนตัวแยกออกไปทั้งสองข้าง เกิด การขยายตัวของพื้นทะเล และทำให้เกิดเทือกเขากลางสมุทร เช่น บริเวณทะเลแดง แอฟริกาตะวันออก อ่าวแคลิฟอร์เนีย 2. ขอบแผ่นธรณีภาคเคลื่อนเข้าหากัน มี 3 แบบ คือ n แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรชนกับแผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทร ทำให้แผ่นหนึงมุดลงใต้อกแผ่นหนึง ปลายของแผ่นที ่ ี ่ ่ มุดลงจะหลอมกลายเป็นแมกมา และประทุขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นแนวภูเขาไฟกลางมหาสมุทร และมีร่องใต้ทะเลลึก n แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรชนกับแผ่นธรณีภาคภาคพืนทวีป ทำให้แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทร ซึงหนักกว่ามุดตัวลง ้ ่ ข้างล่าง เกิดเป็นร่องใต้ทะเลและเกิดเป็นเทือกเขา ตามแนวขอบทวีปเป็นแนวภูเขาไฟชายฝัง และแผ่นดินไหวรุนแรง ่ n แผ่นธรณีภาคภาคพืนทวีปชนกับแผ่นธรณีภาคภาคพืนทวีป ซึงทังสองแผ่นมีความหนามาก ทำให้แผ่นหนึงมุดลง ้ ้ ่ ้ ่ แต่อีกแผ่นหนึ่งเกยขึ้นเกิดเป็นเทือกเขา เป็นแนวยาวอยู่กลางทวีป เช่น เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาแอลป์ 3. ขอบแผ่ นธรณี ภ าคเคลื่ อ นที่ ผ่ า นกั น เกิ ด จากการที่ แมกมามี อั ต ราการเคลื่ อ นตั ว ไม่ เท่ า กั น จึ ง ทำให้ แ ผ่ นธรณี ภ าค เคลื่อนที่ไม่เท่ากันด้วย ส่งผลให้เปลือกโลกและเทือกเขาใต้มหาสมุทรเลื่อนไถลผ่านและเฉือนกัน เกิดเป็นรอยเลื่อน ธรณีประวัติ 1. อายุทางธรณีวิทยา แบ่งเป็น 2 แบบ n อายุเปรียบเทียบ ใช้บอกว่าหินชุดใดมีอายุมากหรือน้อยกว่ากัน โดยอาศัยข้อมูลจากซากดึกดำบรรพ์ที่ทราบอายุ ลักษณะลำดับชั้นหินและโครงสร้าง n อายุสัมบูรณ์ เป็นอายุของหินหรือซากดึกดำบรรพ์ที่สามารถบอกจำนวนปีที่แน่นอน ซึ่งคำนวณจากครึ่งชีวิตของ ธาตุกัมมันตรังสี ได้แก่ ธาตุ C - 14 K - 40 2. ซากดึกดำบรรพ์ คือ ซากและร่องรอยของสิ่งมีชีวิต ที่ตายทับถมอยู่ในชั้นหินตะกอน ซึ่งจะบอกถึงประวัติความเป็น มาของพื้นที่ในอดีตว่าเป็นบนบกหรือในทะเล และสามารถบอกอายุของหินชนิดอื่นที่อยู่ร่วมกัน เรียกว่า ซากดึกดำบรรพ์ นอกจากนี้ยังมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่ไม่กลายเป็นหินด้วย เช่น ซากช้างแมมมอธในธารน้ำแข็ง ที่ยังคงสภาพเดิม ซากแมลงในยางไม้หรืออำพัน 3. การลำดับชั้นหิน หินดินดานเป็นหินที่มีอายุมากที่สุด > หินปูน > หินกรวดมน > หินทราย
  • 26. ~  26 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ สาระที่ 7 : ดาราศาสตร์ และอวกาศ เอกภพ 1. กำเนิดเอกภพ ทฤษฎีกำเนิดเอกภพ “บิกแบง” (Big Bang) กล่าวว่าก่อนการเกิดบิกแบง เอกภพเป็นพลังงาน ล้วนๆ มีอุณหภูมิสูงมาก เมื่อเกิดการระเบิดใหญ่ๆ (บิกแบง) ทำให้พลังงานเปลี่ยนเป็นสสาร (เนื้อสาร) เนื้อสารที่เกิดขึ้นจะ ในรูปของอนุภาคพื้นฐานชื่อ ควาร์ก อิเล็กตรอน นิวทริโน และโฟตอน เมื่อเกิดอนุภาค ก็จะเกิดปฏิอนุภาคที่มีประจุตรงข้าม ยกเว้น นิวทริโนและแอนตินิวทริโน ไม่มีประจุไฟฟ้า เมื่ออนุภาคพบกับปฏิอนุภาคชนิดเดียวกัน จะหลอมสลายเป็นพลังงาน จนหมด แต่ในธรรมชาติมีอนุภาคมากกว่าปฏิอนุภาค จึงทำให้ยังมีอนุภาคเหลือ ให้ก่อเกิดเป็นสสารของเอกภพ หลังบิกแบง 10-6 วินาที อุณหภูมิจะลดลงเป็นสิบล้านล้านเคลวิน ทำให้ควาร์กเกิดการรวมตัวกันกลายเป็นโปรตอน และนิวตรอน หลังบิกแบง 3 นาที อุณหภูมิจะลดลงเป็นร้อยล้านเคลวิน ทำให้โปรตอนและนิวตรอน เกิดการรวมตัวเป็นนิวเคลียส ของไฮโดรเจนและฮีเลียม ซึ่งในช่วงแรกๆ นี้เอกภพขยายตัวเร็วมาก หลังบิกแบง 300,000 ปี อุณหภูมิจะลดลงเหลือ 10,000 เคลวิน นิวเคลียสของไฮโดรเจนและฮีเลียม จะดึง อิเล็กตรอนเข้ามาอยู่ในวงโคจร ทำให้เกิดเป็นอะตอมของไฮโดรเจนและฮีเลียม หลังบิกแบง 1,000 ล้านปี จะเกิดกาแล็กซีต่างๆ โดยภายในกาแล็กซีจะมีธาตุไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นสารเบื้องต้น ในการกำเนิดเป็นดาวฤกษ์รุ่นแรกๆ หมายเหตุ : ข้อสังเกตและประจักษ์พยาน ที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ได้แก่การขยายตัวของเอกภพ และ อุณหภูมิพื้นหลัง ของเอกภพ ปัจจุบันลดลงเหลือ 2.73 เคลวิน 2. กาแล็กซี คือ อาณาจักรหรือระบบของดาวฤกษ์ ที่อยู่รวมกันด้วยแรงโน้มถ่วงระหว่างดวงดาวกับหลุมดำที่มีมวล มหาศาล ซึ่งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของกาแล็กซี 1. กาแล็กซีทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy) เป็นกาแล็กซีที่ระบบสุริยะสังกัดอยู่ มีรูปร่างคล้ายกังหัน คือ มี บริเวณตรงกลางสว่าง และมีแขนโค้งรอบนอก แต่ถามองดูดานข้างจะเหมือนเลนส์นนหรือจานข้าว 2 จานประกบกัน ้ ้ ู 2. กาแล็ ก ซี เพื่ อ นบ้ า น คื อ กาแล็ ก ซี อื่ น ๆ ที่ ส ามารถมองเห็ นด้ ว ยตาเปล่ า ได้ แ ก่ กาแล็ ก ซี แมกเจลแลนใหญ่ , กาแล็กซีแมกเจลแลนเล็ก และ กาแล็กซีแอนโดรเมดา นักดาราศาสตร์ แบ่งกาแล็กซี ออกเป็น 3 ประเภทตามรูปร่าง คือ 1. กาแล็กซีกังหันหรือสไปรัล เช่น กาแล็กซีทางช้างเผือก กาแล็กซีแอนโดรเมดา 2. กาแล็กซีรูปไข่ เช่น กาแล็กซี M-87 3. กาแล็กซีไร้รูปทรง เช่น กาแล็กซีแมกเจลแลนเล็ก และแมกเจลแลนใหญ่ ดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์ เป็นก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญ่ เกิดจากการยุบรวมตัวของเนบิวลา มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นธาตุไฮโดรเจน 1. วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์ จะมีจุดจบต่างกัน ขึ้นอยู่กับมวลสาร ดังนี้ n ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย เช่น ดวงอาทิตย์ มีแสงสว่างน้อย จึงมีการใช้เชื้อเพลิงในอัตราที่น้อย ทำให้ช่วงชีวิตยาว และจบชีวิตลงโดยไม่มีการระเบิด แต่จะกลายเป็นดาวแคระดำ n ดาวฤกษ์ที่มีมวลปานกลาง จะจบชีวิตลงโดยไม่มีการระเบิด และจะกลายเป็นดาวแคระขาว
  • 27. ~  27 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ n ดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก มีขนาดใหญ่ มีแสงสว่างมาก จึงมีการใช้เชื้อเพลิงในอัตราที่สูงมาก ทำให้ช่วงชีวิตสั้น และ จบชีวิตลงด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง ที่เรียกว่า ซูเปอร์โนวา (supernova) หลังจากนั้น แรงโน้มถ่วงจะทำให้ ดาวยุบตัวลง โดยดาวที่มีมวลมากจะกลายเป็นดาวนิวตรอนและดาวที่มีมวลสูงมากๆ จะกลายเป็นหลุมดำ ขณะเดียวกันจะมีแรงสะท้อน ทำให้สวนภายนอกของดาวระเบิด เกิดเป็นธาตุหนักต่างๆ เช่น ยูเรเนียม ทองคำ ฯลฯ ่ กระจายสูอวกาศ กลายเป็นส่วนประกอบของเนบิวลารุนใหม่ และเป็นต้นกำเนิดของดาวฤกษ์รนต่อไป เช่น ระบบสุรยะ ่ ่ ุ่ ิ ก็เกิดมาเนบิวลารุ่นหลัง กำเนิดและวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด เกิดจาก การยุบตัวของเนบิวลา เมื่อประมาณ 5,000 ล้านปี มาแล้ว และจะฉายแสงสว่างต่อไปอีกประมาณ 5,000 ล้านปี โดยมีวิวัฒนาการ ดังนี้ 1. เมื่อเนบิวลายุบตัว ด้วยแรงโน้มถ่วงของเนบิวลาเอง ความดันและอุณหภมิที่แก่นกลางจะมีอุณหภูมิสูงจนมี อุณหภูมิสูงขึ้นเป็นหลายแสนองศาเซลเซียส เรียกช่วงนี้ว่า “ดาวฤกษ์ก่อนเกิด” 2. แรงโน้มถ่วงจะดึงให้แก๊สยุบตัวลงไปอีก ความดันและอุณหภูมิที่แก่นกลางก็จะสูงขึ้นอีก จนมีอุณหภูมิสูงขึ้นเป็น 15 ล้านเคลวิน จะทำให้เกิด ปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ คือ ปฏิกิริยาที่เกิดการหลอมนิวเคลียสของไฮโดรเจน หรือโปรตอน4 นิวเคลียส กลายเป็นฮีเลียม 1 นิวเคลียส และเกิดพลังงานมหาศาลออกมา จนทำให้เกิดสมดุล ระหว่างแรงโน้มถ่วงกับแรงดันของแก๊สร้อน เกิดเป็นดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่สมบูรณ์ มีสีเหลือง 3. ในอนาคต เมื่อธาตุไฮโดรเจนลดลง ทำให้ดาวยุบตัวลงอีกครั้ง ส่งผลให้แก่นกลางของดาวมีอุณหภูมิสูงขึ้นเป็น 100 ล้านเคลวิน จนเกิดปฏิกรยาเทอร์โมนิวเคลียร์อกครัง หลอมนิวเคลียสของธาตุฮเลียม กลายเป็นธาตุคาร์บอน ิิ ี ้ ี แต่ในขณะเดียวกัน ไฮโดรเจนที่อยู่รอบนอกแก่นกลาง ก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นตามไปด้วย จนอุณหภูมิสูงขึ้น 15 ล้านเคลวิน ก็จะสามารถเกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียส หลอมไฮโดรเจนให้กลายเป็นฮีเลียมครั้งใหม่ ส่งผล ทำให้เกิดพลังงานออกมาอย่างมหาศาลและทำให้ดวงอาทิตย์มขนาดใหญ่ขนเป็น 100 เท่า จะเปลียนจากสีเหลือง ี ึ้ ่ เป็นสีแดง ดวงอาทิตย์จึงกลายเป็นดาวฤกษ์สีแดงขนาดใหญ่ เรียกว่า ดาวยักษ์แดง ซึ่งพลังงานถูกปลดปล่อย ออกมามากทำให้ช่วงชีวิตค่อนข้างสั้น 4. ในช่วงท้ายของดาวยักษ์แดง จะไม่เกิดเทอร์โมนิวเคลียร์ทหลอมฮีเลียมเป็นคาร์บอนอีก จึงทำให้แก่นกลางยุบตัวลง ี่ กลายเป็นดาวแคระขาว มีขนาด 1 ใน 100 ของดวงอาทิตย์ปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันผิวของดาวรอบนอกไม่ได้ ยุบรวมเข้ามาด้วย จึงเกิดเป็นชั้นของแก๊สหุ้มอยู่รอบนอก กลายเป็นเนบิวลาดาวเคราะห์ และเคลื่อนที่ห่างออกไป แล้วกระจายไปในอวกาศ 5. ดวงอาทิตย์ในสภาพของดาวแคระขาวจะส่องสว่างต่อไปอีกนับล้านปี โดยผลิตพลังงานจากปฏิกรยาเทอร์โมนิวเคลียร์ ิิ ที่เกิดจากการหลอมรวมนิวเคลียสฮีเลียมครั้งใหม่ที่แก่นกลาง แต่จะมีความสว่างน้อยลงตามลำดับและในที่สุดก็จะ หยุดส่องแสงสว่าง เรียกว่า กลายเป็นดาวแคระดำ (black dwarf) ซึ่งเป็นก้อนมวลสารที่ไร้ชีวิต 2. ความสว่างและอันดับความสว่างของดาวฤกษ์ อันดับความสว่างของดาวฤกษ์ที่สังเกตได้จากโลก เรียกว่า อันดับความสว่างปรากฏ ซึ่งไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบ กับอันดับความสว่างจริงๆ ของดาวได้ เพราะเป็นความสว่างที่ปรากฏให้เราเห็นบนโลก ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะของดาวที่อยู่ห่าง จากโลกด้วย ดังนั้น นักดาราศาสตร์จึงกำหนด อันดับความสว่างที่แท้จริง ว่าเป็นอันดับความสว่างปรากฏ เมื่อดาวอยู่ห่างจากโลก 10 พาร์เสค หรือ 32.61 ปีแสงเท่านั้น เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบอันดับความสว่างของดาวทั้งหลายได้ ดังนี ้ n ดาวฤกษ์ที่ริบหรี่ที่สุดที่มองเห็นด้วยตาเปล่า มีอันดับความสว่าง 6 n ดาวฤกษ์ทสว่างทีสด มีอนดับความสว่าง 1 (ถ้าอันดับความสว่างต่างกัน 1 จะมีความสว่างต่างกันประมาณ 2.5 เท่า) ี่ ุ่ ั 3. สีและอุณหภูมผวของดาวฤกษ์ ิ ิ สีของดาวฤกษ์ทมองเห็น มีความสัมพันธ์กบอุณหภูมผวของดาวฤกษ์ นักดาราศาสตร์แบ่งออกเป็น 7 ชนิด หลักๆ ดังนี้ ี่ ั ิ ิ ดาวทีมอายุนอย จะมีอณหภูมผวสูง มีสขาว น้ำเงิน ส่วนดาวทีมอายุมาก ใกล้ถงจุดสุดท้ายของชีวต จะมีอณหภูมผวต่ำ มีสแดง ่ ี ้ ุ ิ ิ ี ่ ี ึ ิ ุ ิ ิ ี
  • 28. ~  28 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ กำเนิดระบบสุริยะ นักดาราศาสตร์ แบ่งเขตพื้นที่รอบดวงอาทิตย์ ตามลักษณะการก่อตัว เป็น 4 เขต คือ 1. ดาวเคราะห์ชั้นใน ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร 2. แถบดาวเคราะห์น้อย คือ บริเวณระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี เป็นเศษที่เหลือจากการ พอกพูนเป็นดาวเคราะห์หน แล้วถูกอิทธิพลรบกวนจากดาวพฤหัสบดี ซึงมีขนาดใหญ่และเกิดมาก่อน ทำให้ไม่สามารถจับตัว ิ ่ กันมีขนาดใหญ่ได้ 3. ดาวเคราะห์ชนนอก หรือ ดาวเคราะห์ยกษ์ เป็นดาวเคราะห์ทมขนาดใหญ่ ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ั้ ั ี่ ี และดาวเนปจูน มีองค์ประกอบหลัก เช่น แก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียมทั้งดวง จึงเรียกว่า ดาวเคราะห์แก๊ส หมายเหตุ : ดาวพลูโต เป็นดาวเคราะห์ชนนอกทีอยูไกลและเล็กทีสด มีสมบัตคล้ายดาวเคราะห์นอย ดังนันปัจจุบนดาวพลูโต ั้ ่ ่ ุ่ ิ ้ ้ ั จึงถูกตัดออกจากคุณสมบัติการเป็นดาวเคราะห์ เพราะดาวพลูโตไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูดและวงโคจรของ สิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกระบบสุริยะ และมีวงโคจรเป็นวงรีที่ทับซ้อนกับดาวเนปจูน (เป็นดวงจันทร์ของดาวเนปจูน) 4. เขตของดาวหาง เป็นเศษที่เหลือจากดาวเคราะห์ยักษ์ มีจำนวนมากอยู่รอบนอกระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์ : เป็นดาวฤกษ์สีเหลือง ชนิดสเปกตรัม G มีอุณหภูมิผิวประมาณ 6,000 เคลวิน ลมสุริยะ : ประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนและอิเล็กตรอน ที่มาจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ การระเบิดจ้า บนดวงอาทิตย์ จะมองเห็นเป็นจุดสว่างบนดวงอาทิตย์ ซึ่งจะเกิดมากในทุกๆ 11 ปี ส่งผลทำให้มี อนุภาคจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมาและมีอัตราเร็วมากกว่าลมสุริยะ เรียกว่า พายุสุริยะ ซึ่งจะ ส่งผลกระทบต่อโลก ดังนี้ทำให้เกิดแสงเหนือ – แสงใต้, ทำให้ไฟฟ้าแรงสูงดับ ในประเทศที่อยู่ใกล้ ขั้วโลก, ทำให้เกิดการติดขัดทางการสื่อสาร หมายเหตุ : ฝนดาวตกคืออนุภาคของดาวหางขณะตกผ่านชั้นบรรยากาศของโลกจะลุกเป็นไฟ ดูเหมือนฝนที่เป็นลูกไฟ เทคโนโลยีอวกาศ 1. ดาวเทียมและยานอวกาศ n การส่งดาวเทียมและยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศ จะต้องเอาชนะแรงดึงดูดของโลก โดยอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันสูง และความเร็วที่มากกว่า 7.91 กิโลเมตรต่อวินาที จึงจะสามารถขึ้นไปโคจรรอบโลกในระดับต่ำที่สุดได้ ถ้าหากจะ ให้ยานอวกาศออกไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะต้องใช้ความเร็วที 11.2 กิโลเมตรต่อวินาที เรียกว่า ความเร็วหลุดพ้น ่ n พ.ศ. 2446 ไชออลคอฟสกี ชาวรัสเซีย ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อเพลิงที่จะใช้ในเครื่องยนต์จรวด เสนอว่า ควรใช้ เชื้อเพลิงเหลว ซึ่งต้องแยกเชื้อเพลิงและสารที่ช่วยในการเผาไหม้ออกจากกัน และการนำจรวดมาต่อเป็นชั้นๆ จะ ช่วยลดมวลของจรวดลง โดยเมื่อจรวดชั้นแรกใช้เชื้อเพลิงหมดก็ปลดทิ้งไป และให้จรวดชั้นต่อไปทำหน้าที่ต่อแล้ว ปลดทิ้งไปเรื่อยๆ จนถึงจรวดชั้นสุดท้ายที่ติดกับดาวเทียมหรือยานอวกาศ ซึ่งจะทำให้มีความเร็วสูงพอที่จะ เอาชนะแรงดึงดูดของโลกได้ n พ.ศ. 2469 โรเบิรต กอดดาร์ด ชาวอเมริกน ประสบความสำเร็จในการสร้างจรวดเชือเพลิงเหลว โดยใช้ไฮโดรเจน ์ ั ้ เหลวเป็นเชื้อเพลิงและออกซิเจนเหลวเป็นสารที่ช่วยในการเผาไหม้และแยกอยู่ต่างถังกัน n สหภาพโซเวียต ได้ประสบความสำเร็จในการใช้จรวดสามท่อนสำหรับส่งยานอวกาศหรือดาวเทียม เป็นประเทศแรก ระบบขนส่งอวกาศ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือจรวดเชื้อเพลิงแข็ง ขนาบ 2 ข้าง, ถังเชื้อเพลิงภายนอก (เชื้อเพลิงเหลว), ยานขนส่งอวกาศ ขั้นตอนการปฏิบัติงานของยานขนส่งอวกาศ 1. ส่งขึ้นจากฐานส่ง โดยจรวดเชื้อเพลิงแข็ง ที่ขนาบ 2 ข้าง 2. ลำจรวดเชื้อเพลิงแข็งหลุดออกและตกลงสู่ทะเล 3. ถังเชื้อเพลิงเหลวทำงาน เมื่อเชื้อเพลิงหมด ก็แยกตัวออก และยานจะหันด้านบนเข้าสู่โลก 4. ประตูห้องสัมภาระเปิดออก เพื่อปล่อยดาวเทียม แล้วยานจะหันหัวไปทางโลก 5. ใช้มุมร่อนลงเอียง 20 องศา และลงสู่พื้นดินด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • 29. ~  29 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ หมายเหตุ : นักบินอวกาศ ที่ถูกคัดเลือกให้เดินทางขึ้นสู่อวกาศ จะต้องมีร่างกายแข็งแรงสูงสุด เพื่อให้สามารถอยู่ในสภาพ ไร้น้ำหนักได้ เพราะเมื่ออยู่ในอวกาศ หัวใจจะทำงานช้าลง กล้ามเนื้อจะเล็กลง 2. การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ n ดาวเทียมอินเทลแซท อยู่ในวงโคจรรอบโลก 3 แห่ง คือ n เหนือมหาสมุทรอินเดีย เพื่อติดต่อระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป n เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อติดต่อระหว่างทวีปเอเชียกับอเมริกา n เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อติดต่อระหว่างทวีปอเมริกากับยุโรป n ดาวเทียมสื่อสารของไทย ชื่อ ไทยคม สร้างโดยบริษัทฮิวจ์ แอร์คราฟท์ สหรัฐอเมริกา และส่งขึ้นสู่อวกาศ โดย บริษัทแอเรียน สเปซ ฝรั่งเศส จากฐานส่งที่เมืองคูร ดินแดนเฟรนซ์ เกียนา ู
  • 30. ~  30 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ
  • 31. ~  31 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ (ข้อ 1 - 20 หัวข้อที่ทดสอบ สาระที่ 1: สิ่งมีชีวิตกับการดำรงชีวิต และ สาระที่ 2: สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม) 1. โครงสร้างเซลล์ของสิ่งมีชีวิต 4 ชนิด ในน้ำเป็นดังนี้ โครงสร้างของเซลล์ ชนิดสิ่งมีชีวิต ผนังเซลล์ แวคิวโอล คลอโรฟิลล์ นิวเคลียส - ก.   -  ข. - -   ค. -   - ง.  - - สิ่งมีชีวิตในข้อใดจัดอยู่ในอาณาจักรมอเนอรา 1. ก และ ข 2. ข และ ค 3. ค และ ง 4. ก และ ง 2. สิ่งใดต่อไปนี้ไม่สามารถใช้ในการตรวจลายพิมพ์ดีเอ็นเอเพื่อใช้พิสูจน์บุคคล 1. กระดูก 2. เลือด 3. น้ำเหลือง 4. ปลายเส้นผม 3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเฉพาะของไวรัส HIV 1. ทำลายเซลล์เม็ดเลือดทุกชนิด 2. กลายพันธุ์ได้ง่าย 3. ถ่ายทอดได้ทางเพศสัมพันธ์ หรือรับเลือดจากผู้ติดเชื้อ 4. เพิ่มจำนวนโดยใช้วัตถุดิบจากเซลล์ที่ถูกทำลาย 4. ไวรัสเพิ่มจำนวนได้ในสภาวะใด ก. ในเซลล์สัตว์ ข. ในเซลล์พืช ค. ในอาหารสังเคราะห์ ง. ในซากสิ่งมีชีวิต 1. ก และ ข 2. ค และ ง 3. ก ข และ ง 4. ก ข ค และ ง 5. จากการตรวจเซลล์ 4 ชนิด พบส่วนประกอบดังนี้ เซลล์ ผนังเซลล์ นิวเคลียส คลอโรพลาสต์ - ก.  -  ข.    ค.  - ง.  - - ข้อใดเป็นเซลล์ที่มาจากพืช 1. ก. และ ข. 2. ข. และ ค. 3. ค. และ ง. 4. ข. และ ง.
  • 32. ~  32 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 6. ลักษณะของสิ่งมีชีวิตข้อใดในตารางเป็นลักษณะของไบรโอไฟต์ (เช่น มอส) เนื้อเยื่อ สร้างอาหารเอง ผนังเซลล์ 1. มี ได้ มี 2. ไม่ม ี ได้ มี 3. มี ไม่ได้ มี มี ได้ ไม่ม ี 4. 7. สิ่งมีชีวิตในข้อใดต่อไปนี เรียงตามลำดับวิวัฒนาการได้ถูกต้อง ้ 1. เห็ด → แบคทีเรีย → อะมีบา 2. สาหร่ายสีเขียว → สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน→ มอส 3. หนอนตัวแบน → ฟองน้ำ → ดาวทะเล 4. สาหร่ายสีน้ำตาล → สนสองใบ → พืชเลี้ยงคู่ 8. สิ่งมีชีวิตในข้อใดต่อไปนี เรียงตามลำดับวิวัฒนาการได้ถูกต้อง ้ 1. อะมีบา → สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน → หนอนตัวแบน 2. แบคทีเรีย → ราเมือก → เห็ด 3. ไส้เดือนดิน → แมลง → หอย 4. โพรทิสต์ → ยีสต์ → สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน 9. ปรากฏการณ์ใดต่อไปนี้จะเกิดกับเซลล์พืชที่แช่ในสารละลายไฮโพโทนิค 1. เซลล์เต่ง 2. เซลล์แตก 3. เซลล์เหี่ยว 4. เซลล์เหมือนเดิม 10. การหลั่งเพปซิโนเจนออกจากเซลล์ผนังกระเพาะอาหารอาศัยกระบวนการใด 1. กระบวนการแพร่ 2. กระบวนการเอกโซไซโทซิส 3. การลำเลียงแบบฟาซิลิเทต 4. การลำเลียงแบบใช้พลังงาน 11. ข้อใดต่อไปนี้อาศัยกระบวนการเอกโซไซโทซิส 1. การทำลายเชื้อโรคของเซลล์เม็ดเลือดขาว 2. การนำอนุภาคขนาดใหญ่เข้าสู่เซลล์ของอะมีบา 3. การขับเกลือแร่ส่วนเกินออกทางเหงือกของปลาทะเล 4. การหลั่งเอนไซม์ย่อยอาหารออกมาจากเยื่อบุผิวลำไส้เล็ก 12. ลอกผิวใบว่านกาบหอยแล้วแช่ลงในสารละลายน้ำตาลกลูโคส เมื่อนำมาส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เห็นลักษณะดังภาพ สารละลายน้ำตาลกลูโคสนี้เป็นสารละลายประเภทใดเมื่อเทียบกับสารละลายในเซลล์ผิวใบ 1. สารละลายไฮโพโทนิค 2. สารละลายไฮเพอร์โทนิค 3. สารละลายไอโซโทนิค 4. อาจเป็นข้อ 2 หรือ 3 ก็ได้
  • 33. ~  33 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 13. เมื่อใส่ปุ๋ยต้นไม้มากเกินไป ต้นไม้ไม่เจริญงอกงามสมความต้องการ แต่กลับเหี่ยวเฉาลงเพราะเหตุใด 1. สารละลายในดินมีแรงดันออสโมติกสูงกว่าในเซลล์ ทำให้น้ำแพร่จากเซลล์ออกสู่ดิน 2. สารละลายในดินมีแรงดันออสโมติกสูงกว่าในเซลล์ ทำให้น้ำแพร่จากดินเข้าสู่เซลล์ 3. สารละลายในดินมีแรงดันออสโมติกต่ำกว่าในเซลล์ ทำให้น้ำแพร่จากเซลล์ออกสู่ดิน 4. สารละลายในดินมีแรงดันออสโมติกต่ำกว่าในเซลล์ ทำให้น้ำแพร่จากดินเข้าสู่เซลล์ 14. สัตว์ข้อใดที่อุณหภูมิร่างกายแปรผันตามอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม 1. ม้าน้ำ 2. แมวน้ำ 3. นกเป็ดน้ำ 4. หมูน้ำ (พะยูน) 15. ก. และ ข. เป็นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิร่างกายและอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมของสัตว์ชนิดใดตามลำดับ 40 1. ปลาฉลาม และ กบ ก อุณหภูมิร่างกาย 30 2. นกกางเขน และ กิ้งก่า ข 20 3. หนู และ นกเพนกวิน 10 4. เต่า และ โลมา อุณหภูมิสิ่งแวดล้อม 10 20 30 40 16. สัตว์ชนิดใดทีไม่มกลไกในการรักษาอุณหภูมของร่างกายให้คงที อุณหภูมของร่างกายจึงแปรผันไปตามอุณหภูมสงแวดล้อม ่ ี ิ ่ ิ ิ ิ่ 1. จระเข้ 2. นกเพนกวิน 3. พะยูน 4. ปลาวาฬ 17. หลังจากการออกกำลังกายกลางแดดนานๆ ร่างกายมีกลไกในการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิอย่างไร 1. ลดอัตราเมแทบอลิซึม และหลอดเลือดขยายตัว 2. ลดอัตราเมแทบอลิซึม และหลอดเลือดหดตัว 3. เพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม และหลอดเลือดขยายตัว 4. เพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม และหลอดเลือดหดตัว 18. ขณะที่สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิสูงขึ้น ข้อใดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา อัตราเมแทบอลิซึม หลอดเลือดฝอยที่ผิวหนัง กล้ามเนื้อยึดโคนเส้นขน 1. สูงขึ้น ขยายตัว คลายตัว 2. ลดลง ขยายตัว คลายตัว 3. สูงขึ้น หดตัว หดตัว 4. ลดลง หดตัว หดตัว 19. ข้อใดกล่าวถึงการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุของปลาน้ำจืดได้ถูกต้อง 1. ไตขับปัสสาวะที่มีความเข้มข้นสูงและปริมาณน้อย 2. ไตขับปัสสาวะเจือจางและปริมาณน้อย 3. ไตขับปัสสาวะที่มีความเข้มข้นสูงและปริมาณมาก 4. ไตขับปัสสาวะเจือจางและปริมาณมาก 20. สารใดที่ไม่พบในปัสสาวะของคนปกติ 1. โปรตีน 2. ยูเรีย 3. ยูริก 4. เกลือโซเดียม
  • 34. ~  34 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ (ข้อ 21- 40 หัวข้อที่ทดสอบ สาระที่ 3: สาร และสมบัติของสาร) 21. จากแผนภาพแบบจำลองอะตอม I, II และ III เป็นแบบจำลองอะตอมของใครตามลำดับ 1. ดอลตัน รัทเทอร์ฟอร์ด ทอมสัน 2. ดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด 3. รัทเทอร์ฟอร์ด ทอมสัน ดอลตัน 4. รัทเทอร์ฟอร์ด ดอลตัน ทอมสัน 22. ธาตุ Z เป็นธาตุในจินตนาการ มีโปรตอน 111 อนุภาค, นิวตรอน 141 อนุภาค ข้อใดแทนอะตอมของ Z 1. 14130 Z 2. 141111 Z 3. 252111 Z 4. 252141 Z 23. A และ B เป็นธาตุไอโซโทปกัน, A มีจำนวนโปรตอนเท่ากับ 10 และมีเลขมวลเท่ากับ 20 ส่วน B มีจำนวนนิวตรอน มากกว่า A อยู่ 2 นิวตรอน ข้อใดเป็นสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ B 1. 2012 B 2. 2210 B 3. 128 B 4. 1210 B 24. ธาตุสมมติมีสัญลักษณ์นิวเคลียร์ 73 A, 147 B, 3216 X และ 3919 Y ธาตุใดอยู่ในหมู่เดียวกัน 1. A กับ B 2. X กับ Y 3. A กับ Y 4. B กับ X 25. ข้อใดเป็นการจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอมที่มีเลขมวล 40 และมีจำนวนนิวตรอนเท่ากับ 21 1. 2 , 8 , 9 2. 2 , 8 , 8 , 1 3. 2 , 8 , 18 , 8 , 4 4. 2 , 8 , 9 , 2 26. พิจารณาข้อมูลแสดงตำแหน่งของธาตุต่างๆ ในตารางธาตุ ข้อใดสรุปผิด ธาตุ คาบที่ หมู่ที่ A 4 1A B 2 4A C 3 1A D 3 4A 1. ธาตุ A และ C มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน 2. เวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุ C และ D อยู่ในระดับพลังงานเดียวกัน 3. จำนวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่สองของธาตุ A B และ C เท่ากัน 4. จำนวนอิเล็กตรอนทั้งหมดในอะตอมของธาตุ A มีค่ามากกว่าของธาตุ C 8 อิเล็กตรอน 27. พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ ข้อใดถูก ธาตุ A B C D เลขอะตอม 11 18 31 38 1. A และ D อยู่หมู่เดียวกัน 2. D มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนสูงสุด 3. B อยู่เป็นอะตอมเดี่ยวอย่างอิสระได้ 4. C และ D อยู่ในคาบเดียวกัน
  • 35. ~  35 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 28. ธาตุที่มีเลขอะตอมต่อไปนี้มีสิ่งใดเหมือนกัน 1 3 11 19 37 1. เป็นอโลหะเหมือนกัน 2. มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน 3. มีจำนวนอนุภาคมูลฐานเท่ากัน 4. อยู่ในระดับพลังงานเดียวกัน 29. ธาตุ X อยู่ในหมู่ 7A คาบที่ 5 มีเลขมวล 129 ธาตุ X เป็นไปตามข้อใด ก. มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์เป็น 12953 X ข. เป็นกึ่งโลหะ และมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 7 ค. มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 2 8 18 18 5 ง. เป็นไอโซโทปกับธาตุ 12753 I 1) ก และ ข 2) ข และ ค 3) ค และ ง 4) ก และ ง 30. เลขอะตอมของ F และ Ca เท่ากับ 9 และ 20 ตามลำดับ ธาตุทั้งสองรวมกันเป็นสารประกอบไอออนิก การจัดเรียง อิเล็กตรอนของไอออนทั้งสองเป็นดังข้อใด แคลเซียมไอออน ฟลูออไรด์ไอออน 1. 288 282 2. 288 28 3. 2882 27 4. 2881 281 31. ถ้า A B C D และ E เป็นสัญลักษณ์สมมติของธาตุ และมีจำนวนอนุภาคมูลฐานดังแสดงในตาราง สัญลักษณ์ จำนวนโปรตอน จำนวนนิวตรอน จำนวนอิเล็กตรอน A 9 10 9 B 9 10 10 C 10 12 10 D 11 10 11 E 11 11 10 จากข้อสรุปต่อไปนี ข้อใดถูกต้อง ้ A และ B เป็นไอโซโทปเดียวกัน แต่ B เป็นไอออนลบ C มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์ 2210C และ D มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์ 2111D D และ E เป็นธาตุชนิดเดียวกัน แต่ D เป็นไอออนลบ B C และ E เป็นไอโซโทปกัน โดยที่ B มีเลขมวลน้อยที่สุดและ E เป็นไอออนบวก 1. ก และ ข 2. ข และ ค 3. ข และ ง 4. ก และ ค 32. จงพิจารณาธาตุสมมติต่อไปนี 9 A ้ 11 B 12 C 15 D 17 E ธาตุคู่ใดทำปฏิกิริยากันได้สารประกอบไอออนิก และคู่ใดได้สารประกอบโควาเลนซ์ สารประกอบไอออนิก สารประกอบโควาเลนซ์ 1. A กับ B A กับ C 2. A กับ D B กับ D 3. B กับ E B กับ D 4. A กับ C A กับ E
  • 36. ~  36 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 33. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ก. แก๊สโซฮอล์เป็นสารผสมระหว่างเอทานอลและน้ำมันเบนซิน ข. แก๊สหุงต้ม หรือ LPG เป็นแก๊สผสมระหว่างโพรเพนและบิวเทน ค. แก๊สธรรมชาติจัดเป็นพลังงานสะอาดเพราะสามารถเกิดการเผาไหม้ได้สมบูรณ์ ข้อใดถูก 1. ก และ ข เท่านั้น 2. ก และ ค เท่านั้น 3. ข และ ค เท่านั้น 4. ทั้ง ก ข และ ค 34. ในการกลั่นน้ำมันดิบ ผู้ประกอบการจะใช้การกลั่นลำดับส่วนแทนที่จะใช้การกลั่นแบบธรรมดาข้อใดคือเหตุผลหลัก 1. ในน้ำมันดิบมีสารที่มีจุดเดือดใกล้เคียงกัน จึงแยกด้วยการกลั่นแบบธรรมดาไม่ได้ 2. การกลั่นแบบธรรมดาต้องใช้เชื้อเพลิงมากกว่าการกลั่นลำดับส่วน 3. การกลั่นแบบธรรมดาจะได้สารปรอทและโลหะหนักออกมาด้วย 4. การกลั่นลำดับส่วนจะไม่มีเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ 35. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ก. LPG เป็นแก๊สหุงต้มและสามารถปรับใช้แทนน้ำมันเบนซินได้ ข. เลขออกเทนใช้บอกคุณภาพน้ำมันเบนซิน ส่วนเลขซีเทนใช้บอกคุณภาพของน้ำมันดีเซล ค. แก๊สโซฮอล์เป็นเชือเพลิงทีได้จากการผสมเมทานอล(แอลกอฮอล์ชนิดหนึง)กับน้ำมันเบนซินในอัตราส่วน 1 : 9 ้ ่ ่ ง. MTBE เป็นสารที่เติมลงในน้ำมันเบนซินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และเรียกว่าน้ำมันไร้สารตะกั่ว 1. ก และ ข เท่านั้น 2. ค และ ง เท่านั้น 3. ก ข และ ค 4. ก ข และ ง A B 36. แป้ง → มอลโทส → C A B และ C น่าจะเป็นสารใด A B C 1. อะไมเลส มอลเทส กลูโคส 2. มอลเทส อะไมเลส ฟรักโทส 3. อะไมเลส มอลเทส ฟรักโทส 4. มอลเทส อะไมเลส กลูโคส 37. การระบุชนิดของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และ โมเลกุลคู่ ต่อไปนี้ ข้อใดถูก น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว น้ำตาลโมเลกุลคู่ ก. ไรโบส แลกโทส ข. กลูโคส กาแลกโทส ค. ฟรักโทส มอลโทส ง. มอลโทส ซูโครส 1. ก เท่านั้น 2. ข เท่านั้น 3. ข และ ง 4. ก และ ค
  • 37. ~  37 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 38. ไข่ขาว เนื้อ ไก่ และหอยนางรม ในข้อต่อไปนี้ ข้อใดที่โปรตีนไม่ถูกทำลาย หรือแปลงสภาพ 1. ไข่ข่าวดิบที่คนไข้กลืนเข้าไปเพื่อขจัดยาพิษ 2. เนื้อที่แช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อแกงใส่บาตร 3. ไก่ที่ทอดจนเหลืองกรอบจะปลอดภัยจากไข้หวัดนก 4. หอยนางรมบีบมะนาวเป็นอาหารโปรดของมนัส 39. การทดสอบสารอาหาร A B C และ D ได้ผลดังตาราง ชนิดของ สารละลาย NaOH สารละลายไอโอดีน สารละลายเบเนดิกต์ สารอาหาร ผสมกับ CuSO4 A สีน้ำเงิน ตะกอนสีแดงอิฐ สีฟ้า B สีน้ำตาลอมเหลือง สีฟ้า สีม่วง C สีน้ำเงิน สีฟ้า สีฟ้า D สีน้ำตาลอมเหลือง ตะกอนสีแดงอิฐ สีฟ้า ถ้านักเรียนต้องดูแลคนไข้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 110 mg ต่อ 100 cm3 ของเลือด และมีความดันสูง นักเรียนไม่ควรให้อาหารชนิดใดกับคนไข้ 1. A เท่านั้น 2. C ท่านั้น 3. A และ D 4. B และ C 40. เมื่อทดลองแช่ขวดน้ำมัน A และขวดน้ำมัน B ในตู้เย็น 1 คืน พบว่า น้ำมัน A แข็งตัว แต่น้ำมัน B ยังเป็นของเหลว พิจารณาข้อสรุปต่อไปนี้ ข้อใดถูก น้ำมัน A น้ำมัน B ก. มีจุดหลอมเหลวต่ำ มีจุดหลอมเหลวสูง ข. มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวมาก ค. เหม็นหืนยาก เหม็นหื่นง่าย 1. ก เท่านั้น 2. ข และ ค เท่านั้น 3. ก และ ค เท่านั้น 4. ทั้ง ก ข และ ค (ข้อ 41-60 หัวข้อที่ทดสอบ สาระที่ 6 : โลกและการเปลี่ยนแปลง และ สาระที่ 7 : ดาราศาสตร์ และอวกาศ) 41. ปรากฏการณ์ใดที่สนับสนุน “ทฤษฎีบิกแบง” 1. การชนกันของดาวหางกับดาวเคราะห์ 2. การขยายตัวของเอกภพ 3. การเกิดลมสุริยะ 4. การยุบตัวของดาวฤกษ์ 42. หลังเกิดบิกแบงปริมาณอนุภาคกับปริมาณปฏิอนุภาคควรเป็นตามข้อใด จึงเกิดกาแล็กซีและดาวต่างๆ ขึ้นดังที่เป็นอยู่ 1. มีปริมาณเท่ากัน 2. อนุภาคมีปริมาณมากกว่า 3. ปฏิอนุภาคมีปริมาณมากกว่า 4. เป็นไปได้ทุกข้อ 43. คำว่า 1 ปีแสง หมายถึงอะไร 1. ระยะทางที่แสงใช้เวลาเดินทาง 1 ปี 2. ระยะทางจากดวงอาทิตย์ถึงโลก 3. เวลาที่แสงเดินทางจากดวงอาทิตย์ถึงโลก 4. หน่วยของเวลาแบบหนึ่ง 44. ปฏิกิริยาในข้อใดเกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ 1. ฟิวชัน 2. ฟิชชัน 3. ซูเปอร์โนวา 4. ออโรรา
  • 38. ~  38 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 45. ดาวฤกษ์ชนิดใดในข้อต่อไปนี้มีอุณหภูมิผิวสูงที่สุด 1. ดาวที่มีมีแดง 2. ดาวที่มีสีเหลือง 3. ดาวที่มีสีน้ำเงิน 4. ดาวที่มีสีขาว 46. ตามวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์ ในช่วงท้ายที่สุดจะเป็นอะไร 1. ดาวแคระดำ 2. ดาวแคระขาว 3. หลุมดำ 4. ดาวนิวตรอน 47. สิ่งที่เกิดขึ้นกับดาวฤกษ์ทุกดวงเมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายเป็นตามข้อใด 1. ความหนาแน่นเพิ่มขึ้น 2. การระเบิดซูเปอร์โนวา 3. การกลายสภาพเป็นดาวนิวตรอน 4. มวลสลายไปหมด 48. ดาวฤกษ์ในข้อใด ที่มีอุณหภูมิของผิวดาวต่ำที่สุด 1. มีแสงสีน้ำเงิน 2. มีแสงสีแดง 3. มีแสงสีเหลือง 4. มีแสงสีส้ม 49. ดวงอาทิตย์ได้รับพลังงานจากปฏิกิริยาหรือปรากฏการณ์ข้อใด 1. การรวมตัวกันของนิวเคลียส H เป็น He 2. การแตกตัวของนิวเคลียสใหญ่ 3.การเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง 4. การระเบิดอย่างต่อเนื่อง 50. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน (fusion) 1. เกิดที่อุณหภูมิต่ำ 2. ไม่สามารถทำให้เกิดบนโลกได้ 3. เกิดจากนิวเคลียสของธาตุเบาหลอมรวมกันเป็นธาตุหนัก 4. เกิดจากนิวเคลียสของธาตุหนักแตกตัวออกเป็นธาตุเบา 51. ข้อใดคือจุดจบของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์มากๆ 1. เนบิวลา 2. หลุมดำ 3. ดาวแคระดำ 4. ดาวยักษ์แดง 52. ชนิดของสเปกตรัมในข้อใดที่แสดงว่าเป็นดาวฤกษ์สีขาว และอุณหภูมิของดาวอยู่ที่ 10,000 - 8,000 เคลวิน 1. M 2. G 3. A 4. O 53. ดาวเคราะห์ใดต่อไปนี้อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดวงอื่น 1. ดาวพฤหัสบดี 2. ดาวศุกร์ 3. ดาวเสาร์ 4. ดาวเนปจูน 54. ดาวพฤหัสบดีมีองค์ประกอบหลักเป็นอะไร 1. เหล็ก 2. ไฮโดรเจนและฮีเลียม 3. หิน 4. แอมโมเนีย 55. ในระบบสุริยะ แถบดาวเคราะห์น้อยอยู่ในบริเวณใด 1. อยู่ระหว่างแถบดาวเคราะห์ชั้นในกับดาวเคราะห์ชั้นนอก 2. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชั้นในกับเขตของดาวหาง 3. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชั้นนอกกับเขตของดาวหาง 4. อยู่แถบนอกสุดของระบบสุริยะ
  • 39. ~  39 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 56. ข้อใดไม่ได้เกิดจากพายุสุริยะ 1. การเกิดแสงเหนือแสงใต้ 2. วงจรอิเล็กทรอนิกส์บนดาวเทียมเสียหาย 3. การเกิดฝนดาวตก 4. การติดต่อสื่อสารโดยวิทยุคลื่นสั้นขัดข้อง 57. ข้อใดจัดเป็นดาวเคราะห์ชั้นนอกทั้งหมด 1. ดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ 2. ดาวพฤหัสบดี ดาวอังคาร ดาวยูเรนัส 3. ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวศุกร์ 4. ดาวเนปจูน ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส 58. ข้อใดที่เกิดจากลมสุริยะ 1. การเกิดแสงออโรราแถบขั้วโลกเหนือและใต้ 2. วงจรอิเล็กโทรนิกส์ของดาวเทียมไหม้ 3. การติดต่อสื่อสารโดยเส้นใยนำแสงขัดข้อง 4. เข็มทิศเบนไปมา 59. ชั้น “ฐานธรณีภาค” อยู่ตรงส่วนใดของโครงสร้างโลก 1. ชั้นเปลือกโลก 2. รอยต่อชั้นเปลือกโลกกับชั้นเนื้อโลก 3. ชั้นเนื้อโลก 4. รอยต่อชั้นเนื้อโลกกับชั้นแก่นโลก 60. ธรณีภาคมีความหมายตรงตามข้อใด 1. ชั้นเนื้อโลกส่วนบนกับชั้นเปลือกโลก 2. ชั้นเนื้อโลกส่วนล่างกับชั้นแก่นโลก 3. ชั้นในเนื้อโลกทั้งหมดกับชั้นเปลือกโลก 4. ชั้นเปลือกโลกเพียงอย่างเดียว (ข้อ 61 - 78 หัวข้อที่ทดสอบ สาระที่ 4 : การเคลื่อนที่ และ สาระที่ 5 : พลังงาน) 61. คลองที่ตัดตรงจากเมือง A ไปเมือง B มีความยาว 65 กิโลเมตร ขณะที่ถนนจากเมือง A ไปเมือง B มีระยะทาง 79 กิโลเมตร ถ้าชายคนหนึ่งขนสินค้าจากเมือง A ไปเมือง B โดยรถยนต์ ถามว่าสินค้านั้นมีขนาดการกระจัดเท่าใด 1. 14 km 2. 65 km 3. 72 km 4. 79 km 62. เด็กคนหนึ่งเดินไปทางทิศเหนือได้ระยะทาง 300 เมตร จากนั้นเดินไปทางทิศตะวันออกได้ระยะทาง 400 เมตร ใช้เวลาเดินทาง ทั้งหมด 500 วินาที เด็กคนนี้เดินด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยกี่เมตร/วินาที 1. 0.2 m/s 2. 1.0 m/s 3. 1.4 m/s 4. 2.0 m/s 63. ชายคนหนึ่งเดินทางไปทางทิศเหนือ 100 เมตรใช้เวลา 60 วินาทีแล้วเดินต่อไปทางตะวันออกอีก 100 เมตร ใช้เวลา 40 วินาทีเขาเดินทางด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยเท่าใด 1. 1.0 m/s 2. 1.4 m/s 3. 2.0 m/s 4. 2.8 m/s 64. รถยนต์คันหนึ่งวิ่งด้วยอัตราเร็วเฉลี่ย 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเมือง A ไปเมือง B ที่อยู่ห่างกัน 200 กิโลเมตร ถ้า ออกเดินทางเวลา 06.00 น. จะถึงปลายทางเวลาเท่าใด 1. 07.50 น. 2. 08.50 น. 3. 08.30 น. 4. 08.50 น. 65. รถยนต์คันหนึ่งวิ่งด้วยอัตราเร็วคงตัว 20 เมตรต่อวินาที นานเท่าใดจึงจะเคลื่อนที่ได้ระยะทาง 500 เมตร 1. 10 s 2. 15 s 3. 20 s 4. 25 s 66. รถยนต์ A เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่ง โดยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น 2 เมตร/วินาที ทุก 1 วินาที เมื่อสิ้นวินาทีที่ 5 รถจะมี อัตราเร็วเท่าใด 1. 5.0 m/s 2. 10.0 m/s 3. 15.0 m/s 4. 20.0 m/s
  • 40. ~  40 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 67. การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นไปถึงตำแหน่งสูงสุด อัตราเร็วของวัตถุจะเป็นอย่างไร 1. มีค่าเป็นศูนย์ 2. มีอัตราเร็วแนวราบเป็นศูนย์ 3. มีค่าเท่ากับอัตราเร็วแนวราบเมื่อเริ่มเคลื่อนที่ 4. มีค่าเท่ากับอัตราเร็วเมื่อเริ่มเคลื่อนที่ 68. ในการเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง กราฟข้อใดแสดงว่าวัตถุกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว ความเร่ง ความเร่ง 1. 2. 0 0 เวลา เวลา ความเร่ง ความเร่ง 3. 4. 0 เวลา 0 เวลา 69. ยิงวัตถุจากหน้าผาออกไปในแนวระดับ ปริมาณใดของวัตถุมีค่าคงตัว 1. อัตราเร็ว 2. ความเร็ว 3. ความเร็วในแนวดิ่ง 4. ความเร็วในแนวระดับ 70. วัตถุที่เคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ขณะที่วัตถุอยู่ที่จุดสูงสุด ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง 1. ความเร็วของวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ 2. ความเร่งของวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ 3. ความเร็วของวัตถุในแนวดิ่งมีค่าเป็นศูนย์ 4. ความเร็วของวัตถุในแนวราบมีค่าเป็นศูนย์ 71. กราฟของความเร็ว v กับเวลา t ข้อใดสอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ถูกโยนขึ้นไปในแนวดิ่ง v v 1. 2. 0 0 เวลา เวลา v v 3. 4. 0 0 เวลา เวลา 72. ถ้าปล่อยให้ก้อนหินตกลงจากยอดตึกสู่พื้น การเคลื่อนที่ของก้อนหินก่อนจะกระทบพื้น จะเป็นตามข้อใด ถ้าไม่คิด แรงต้านของอากาศ 1. ความเร็วคงที่ 2. ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ 3. ความเร็วลดลงอย่างสม่ำเสมอ 4. ความเร็วเพิ่มขึ้นแล้วลดลง 73. รถไต่ถังเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วสม่ำเสมอและวิ่งครบรอบได้ 5 รอบในเวลา 2 วินาที หากคิดในแง่ความถี่ของการ เคลื่อนที่ ความถี่จะเป็นเท่าใด 1. 2.5 Hz 2. 1.5 Hz 3. 0.5 Hz 4. 0.4 Hz
  • 41. ~  41 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 74. เหวียงจุกยางให้เคลือนทีเป็นแนววงกลมในระนาบระดับศีรษะ 20 รอบ ใช้เวลา 5 วินาที จุกยางเคลือนทีดวยความถีเท่าใด ่ ่ ่ ่ ่ ้ ่ 1. 0.25 รอบ/วินาที 2. 4 รอบ/วินาที 3. 5 รอบ/วินาที 4. 10 รอบ/วินาที 236 234 75. อนุภาคใดในนิวเคลียส 92 U และ 90 Th ที่มีจำนวนเท่ากัน 1. โปรตอน 2. อิเล็กตรอน 3. นิวตรอน 4. นิวคลีออน 13 76. ในธรรมชาติ ธาตุคาร์บอนมี 3 ไอโซโทป คือ 12 C 6 C และ 14 C 6 6 1. แต่ละไอโซโทปมีจำนวนอิเล็กตรอนต่างกัน 2. แต่ละไอโซโทปมีจำนวนโปรตอนต่างกัน 3. แต่ละไอโซโทปมีจำนวนนิวตรอนต่างกัน 4. แต่ละไอโซโทปมีจำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวนนิวตรอน 12 77. คาร์บอนเป็นธาตุที่เป็นส่วนสำคัญของสิ่งมีชีวิต สัญลักษณ์นิวเคลียร์ 6 C แสดงว่านิวเคลียสของธาตุคาร์บอนนี้มี อนุภาคตามข้อใด 1. โปรตอน 12 ตัว นิวตรอน 6 ตัว 2. โปรตอน 6 ตัว นิวตรอน 12 ตัว 3. โปรตอน 6 ตัว อิเล็กตรอน 6 ตัว 4. โปรตอน 6 ตัว นิวตรอน 6 ตัว 78. ข้อใดถูกต้องสำหรับไอโซโทปของธาตุหนึ่งๆ 1. มีเลขมวลเท่ากัน แต่เลขอะตอมต่างกัน 2. มีจำนวนโปรตอนเท่ากัน แต่จำนวนนิวตรอนต่างกัน 3. มีจำนวนนิวตรอนเท่ากัน แต่โปรตอนต่างกัน 4. มีผลรวมของจำนวนโปรตอน และนิวตรอนเท่ากัน ชีววิทยา 79. การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของคน เกิดจากการแบ่งเซลล์แบบใด 1. ไมโทซิสที่มีการลดจำนวนโครโมโซม 2. ไมโทซิสที่ไม่มีการลดจำนวนโครโมโซม 3. ไมโอซิสที่มีการลดจำนวนโครโมโซม 4. ไมโอซิสที่ไม่มีการลดจำนวนโครโมโซม 80. คนมีจำนวนโครโมโซมในเซลล์ร่างกาย 46 แห่ง ระหว่างการแบ่งเซลล์ แต่ละโครโมโซมประกอบด้วยกี่โครมาติด 1. 2 2. 23 3. 46 4. 92 81. ข้อความใดถูกต้องเกี่ยวกับการแบ่งเซลล์บริเวณปลายรากหอม 1. เป็นการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 2. เมื่อสิ้นสุดการแบ่งเซลล์จะได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ 3. เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นมีจำนวนโครโมโซมเท่าเดิม 4. เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นเกิดจากการคอดของเยื่อหุ้มเซลล์ 82. ลักษณะพันธุกรรมของคนในข้อใด ที่มียีนควบคุมอยู่บนออโตโซม (autosome)หรือโครโมโซมร่างกาย 1. โรคธาลัสซีเมีย 2. ตาบอดสี 3. โรคฮีโมฟิเลีย (เลือดไหลไม่หยุด) 4. ภาวะพร่องเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟต ดีไฮโดรจีเนส 83. ลักษณะพันธุกรรมของคนในข้อใด ที่มียีนควบคุมอยู่บนโครโมโซมเพศ 1. ลักษณะผิวเผือก 2. ตาบอดสี 3. ลักษณะนิ้วเกิน 4. โรคธาลัสซีเมีย
  • 42. ~  42 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 84. ชายคนหนึ่งมีลักษณะนิ้วเกินแต่งงานกับหญิงที่มีนิ้วปกติ มีบุตรชาย 1 คนที่มีนิ้วปกติ และบุตรสาว 1 คน ที่มีลักษณะ นิ้วเกิน บุตรชายแต่งงานกับหญิงที่มีจำนวนนิ้วปกติ แล้วมีบุตรชาย 2 คนที่มีจำนวนนิ้วปกติ ข้อใดคือเพดดีกรีของครอบครัวนี้ 85. ชายคนหนึ่งมีลักษณะผิวเผือกแต่งงานกับหญิงที่มีผิวปกติ มีบุตรชาย 1 คนที่มีผิวปกติ และบุตรสาว 1 คน ที่มี ลักษณะผิวเผือก บุตรชายแต่งงานกับหญิงที่มีจำนวนผิวปกติ แล้วมีบุตรสาว 2 คนที่มีจำนวนผิวปกติ ข้อใดคือเพดดีกรีของครอบครัวนี้ 86. สามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นพาหะของธาลัสซีเมียที่เหมือนกัน โอกาสที่ลูกคนแรกจะเป็นธาลัสซีเมียมีเท่าใด 1. 1/2 2. 1/3 3. 1/4 4. 3/4 87. ลักษณะผิวเผือกควบคุมโดยยีน a ที่อยู่บนออโตโซม ส่วนลักษณะผิวปกติควบคุมโดยยีน A ครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่ผิว ปกติมีบุตรคนแรกลักษณะผิวเผือก โอกาสที่บุตรคนต่อไปจะมีฟีโนไทป์ปกติเป็นเท่าใด 1. 0 % 2. 25 % 3. 50 % 4. 75 % 88. ข้อใดต่อไปนี้แสดงการให้เลือดได้ถูกต้องโดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้รับ
  • 43. ~  43 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 89. พ่อมีเลือดหมู O แม่มีเลือดหมู่ AB ลูกของพ่อแม่คู่นี้จะมีหมู่เลือดใดได้บ้าง ่ 1. หมู่ A หรือหมู่ AB 2. หมู่ B หรือหมู่ AB 3. หมู่ A หรือหมู่ B 4. หมู่ O หรือหมู่ AB 90. หมู่เลือดของพ่อแม่คู่ใดที่ลูกทุกคนจะมีเลือดหมู่เดียวกัน 1. A x A 2. BxB 3. AB x AB 4. OxO 91. ลักษณะตาบอดสีพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงเพราะเหตุใด 1. ลักษณะตาบอดสีเกิดจากยีนด้อยบนโครโมโซม X และเพศชายมีโครโมโซม X เพียง 1 โครโมโซม 2. ลักษณะตาบอดสีเกิดจากยีนเด่นบนโครโมโซม X และเพศชายมีโครโมโซม X เพียง 1 โครโมโซม 3. ลักษณะตาบอดสีเกิดจากยีนด้อยบนโครโมโซม Y และแสดงออกเมื่อมีฮอร์โมนเพศชาย 4. ลักษณะตาบอดสีเกิดจากยีนเด่นบนโครโมโซม Y และแสดงออกเมื่อมีฮอร์โมนเพศชาย 92. สามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นพาหะของธาลัสซีเมียทั้งสองคน โอกาสที่ลูกคนแรกจะไม่เป็นธาลัสซีเมียมีเท่าใด 1. 1/2 2. 2/3 3. 3/4 4. 1/4 93. หญิงหมู่เลือด A มีลูกหมู่เลือด O ซึ่งหญิงคนนี้อ้างว่าเป็นเลือดของชายที่มีหมู่เลือด AB ชายผู้นี้สามารถ ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ได้หรือไม่ 1. ปฏิเสธได้ เพราะ จีโนไทป์ของชายผู้นี้ไม่มียีน i 2. ปฏิเสธไม่ได้ เพราะ จีโนไทป์ของชายผู้นี้มียีน i 3. ปฏิเสธได้ เพราะ จีโนไทป์ของชายผู้นี้มียีน i 4. ปฏิเสธไม่ได้ เพราะ จีโนไทป์ของชายผู้นี้มียีน IA และ IB 94. เมื่อนำเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในสระน้ำทั่วไปมาตรวจหาปริมาณสารกำจัดแมลงชนิดหนึ่งที่ปนเปื้อน อยู่ในน้ำพบว่ามีการสะสมของสารนี้สูงสุดในปลาช่อนเสมอ แสดงว่าปลาช่อน 1. ผู้บริโภคพืชอันดับแรกของโซ่อาหาร 2. ผู้บริโภคทั้งสัตว์และพืช 3. ผู้บริโภคสัตว์อันดับแรกของโซ่อาหาร 4. ผู้บริโภคสัตว์อันดับสุดท้ายของโซ่อาหาร 95. สายใยอาหารข้างล่างนี้ ค. และ ง เป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด 1. ผู้ผลิต และ ผู้บริโภค 2. ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์ และ ผู้ย่อยสลายอินทรียสาร 3. ผู้บริโภคพืช และ ผู้บริโภคสัตว์ 4. ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์ และ ผู้บริโภคสัตว์ 96. แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการสังเคราะห์ด้วยแสง และการหายใจ ก. และ ข. อาจเป็นสารใด 1. CO2 , H2O 2. CO2 , O2 3. O2 , CO2 4. H2O , O2
  • 44. ~  44 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 97. จากสายใยอาหารข้างล่างนี้ ข. และ ง เป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด 1. ผู้ผลิต และผู้บริโภคสัตว์ 2. ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์ และผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ 3. ผู้บริโภคพืช และผู้บริโภคสัตว์ 4. ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์ และผู้บริโภคสัตว์ 98. ข้อใดต่อไปนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผ่านกระบวนการพันธุวิศวกรรม 1. มะละกอต้านไวรัสที่ได้รับการผสมและคัดเลือกพันธุ์ 2. ข้าวพันธุ์ กข 6 ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ด้วยรังสีแกมมา 3. ฝ้าย บีที ซึ่งเป็นฝ้ายที่ได้รับการถ่ายฝากยีนของแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis 4. วัวนมชื่อ “อิง” ที่ได้รับการโคลนโดยใช้เซลล์ใบหู เคมี 99. จากโครงสร้างของโมเลกุลเพปไทด์ที่กำหนดให้จำนวนพันธะเพปไทต์ และชนิดของกรดอะมิโน ข้อใดถูก จำนวนพันธะเพปไทด์ จำนวนชนิดของกรดอะมิโน ก. 3 3 ข. 3 4 ค. 4 3 ง. 4 4 1. ก เท่านั้น 2. ข เท่านั้น 3. ข และ ง 4. ก และ ค 100. โปรตีนที่มีสูตรโครงสร้างต่อไปนี ้ เฉพาะส่วนที่แสดงนี้ มีพันธะเพปไทด์ที่พันธะ เกิดจากกรดอะมิโนกี่โมเลกุลและมีจำนวนกรดอะมิโนกี่ชนิด ข้อ จำนวนพันธะ จำนวนโมเลกุล จำนวนชนิดของกรดอะมิโน 1. 2 2 3 2. 2 3 2 3. 3 3 2 4. 3 4 3
  • 45. ~  45 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 101. มีคำแนะนำให้รับประทานผักบุ้งและเต้าหู้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าอาหารกลางวันมื้อหนึ่งรับประทานข้าวกับ ผักบุ้งผัดน้ำมันและแกงจืดเต้าหู้หมูสับ อาหารมื้อนี้จะได้รับสารชีวโมเลกุลประเภทให้พลังงานกี่ชนิด อะไรบ้าง 1. 2 ชนิด โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต 2. 3 ชนิด ไขมัน โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต 3. 4 ชนิด ไขมัน โปรตีน กรดนิวคลิอิกและเซลลูโลส 4. 4 ชนิด ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตและกรดนิวคลิอิก 102. พิจารณาข้อความต่อไปนี ข้อใดถูก ้ ก. กรดไขมันในร่างกายคน เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นส่วนมาก ข. น้ำมันสัตว์เหม็นหืนง่ายกว่าน้ำมันพืช เพราะไม่มีวิตามิน E ช่วยยับยั้งการเกิดปฏิกิริยา ค. อาหารที่ทอดโดยน้ำมันเก่าจะทำให้เศษอาหารที่ตกค้างในน้ำมันไหม้เกรียมสลายเป็นสารก่อมะเร็ง ง. โรคหัวใจ และอัมพาตมีสาเหตุสำคัญจากการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเทรอลสูง และขาดการออกกำลังกาย 1. ก และ ข เท่านั้น 2. ค และ ง เท่านั้น 3. ก ข และ ค 4. ข ค และ ง 103. พิจารณาข้อความต่อไปนี ้ ก. การฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มปริมาณกลูโคสในเส้นเลือด ข. อินซูลินมีหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนกลูโคสเป็นไกลโคเจน ค. คนที่เป็นเบาหวานแสดงว่าร่างกายมีอินซูลินมากเกินไป ง. คนที่เป็นโรคเบาหวานควรลดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล ข้อใดถูก 1. ก และ ข 2. ข และ ง 3. ค และ ง 4. ข และ ค 104. น้ำมันพืชเกิดจากการรวมตัวของสาร 2 ชนิด โครงสร้างของน้ำมันพืชจึงประกอบด้วย 2 ส่วน พิจารณาน้ำมันพืช A และ B ต่อไปนี ้ ส่วนของโครงสร้างของน้ำมันพืช ชนิดของน้ำมันพืช ส่วนที 1 ่ ส่วนที่ 2 A X กรดโอเลอิก : CH3 – (CH2)7 – CH = CH – (CH2)7 – CO2 H B Y กรดสเตียริก : CH3 – (CH2)16 – CO2H ก. X และ Y ของน้ำมันพืช A และ B เป็นสารชนิดเดียวกัน ข. กรดไขมันของน้ำมันพืช A เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ค. น้ำมันพืช B สามารถเกิดปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนได้ ง. เมื่อเติมสารละลายไอโอดีนลงในน้ำมันพืช A สีของไอโอดีนจะจางลง ข้อใดถูก 1. ก ข และ ค 2. ก ข และ ง 3. ข ค และ ง 4. ข และ ง เท่านั้น
  • 46. ~  46 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 105. จากการทดสอบน้ำมัน 4 ชนิด ปริมาณเท่ากัน กับทิงเจอร์ไอโอดิน ได้ผลดังนี้ ชนิดของน้ำมัน จำนวนหยดของทิงเจอร์ไอโอดินที่ใช้ A 15 B 18 C 30 D 47 จากข้อมูลข้างต้น จงพิจารณาว่า (ก) การบริโภคน้ำมันชนิดใดมีโอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากที่สุด และ (ข) น้ำมันชนิดใดที่ใช้ทอดอาหารโดยใช้ไฟอ่อนๆ แต่ใช้เวลานาน แล้วผู้บริโภคจะปลอดภัยที่สุด (ก) บริโภคแล้วมีโอกาสเป็นโรค (ข) ใช้ทอดด้วยไฟอ่อนๆ ข้อ หัวใจขาดเลือด บ่อยๆ ยังปลอดภัย 1 A A 2 A C 3 D B 4 D D 106. ในการทดสอบอาหารเช้าชุดหนึ่ง ได้ผลดังนี้ ข้อ วิธีการทดสอบ ผลที่สังเกตได้ ก. เติมสารละลายไอโอดิน สารละลายสีน้ำเงิน ข. เติมสารละลายเบเนดิกต์ สารละลายสีฟ้า ไม่มีตะกอน ค. เติมสารละลาย NaOH และCuSO4 สารละลายสีม่วง ง. แตะบนกระดาษ โปร่งแสง อาหารที่นำมาทดสอบ น่าจะเป็นอาหารชุดใดต่อไปนี้ 1. มันทอด + น้ำอัดลม 2. สลัดผลไม้ + นมเปรี้ยว 3. มันฝรั่งบด + น้ำผลไม้ 4. ขนมปังทาเนย + นมถั่วเหลือง 107. พิจารณาข้อมูลของสาร A B และ C ต่อไปนี้ สาร แหล่งที่พบ โครงสร้าง การละลายน้ำ A ในคนและสัตว์ โซ่กิ่ง ไม่ละลายน้ำ B ในพืชเท่านั้น สายยาว ไม่ละลายน้ำ C ในพืชที่เป็นเมล็ดและหัว โซ่ตรงและโซ่กิ่ง ละลายน้ำได้เล็กน้อย สาร A B และ C น่าจะเป็นสารใด ข้อ A B C 1. ไกลโคเจน เซลลูโลส แป้ง 2. ไกลโคเจน แป้ง เซลลูโลส 3. เซลลูโลส ไกลโคเจน แป้ง 4. แป้ง เซลลูโลส ไกลโคเจน
  • 47. ~  47 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 108. ข้อใดเป็นโพลิเมอร์ธรรมชาติทั้งหมด 1. แป้ง เซลลูโลส โพลิสไตลีน 2. โปรตีน โพลิไอโซพรีน กรดนิวคลีอิก 3. ยางพารา โพลิเอทิลีน เทฟลอน 4. ไกลโคเจน ไขมัน ซิลิโคน 109. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ข้อใดถูก ก. ไนลอนและอีพอกซีจัดเป็นเทอร์โมพลาสติก ข. เอทีลีนจัดเป็นโมโนเมอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ในการผลิตพอลิเมอร์ ค. ซิลิโคนที่ใช้ในงานศัลยกรรม จัดเป็นพอลิเมอร์ชนิดหนึ่ง ง. ยางธรรมชาติ และยางเทียม IR ต่างมีไอโซพรีนเป็นโมโนเมอร์ 1. ก ข และ ค 2. ข ค และ ง 3. ก ข และ ง 4. ก ค และ ง 110. ข้อใดจัดประเภทของพลาสติกได้ถูกต้อง เทอร์มอพลาสติก พลาสติกเทอร์มอเซต 1. โฟม เก้าอี้พลาสติก 2. ถุงพลาสติก ดอกไม้พลาสติก 3. กระดาษติดผนัง เต้าเสียบไฟฟ้า 4. ด้ามจับเตารีด ฟิล์มถ่ายภาพ 111. ข้อใดเป็นกิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเคมีทั้งหมด 1. การสังเคราะห์แสงของพืช กลิ่นหอมที่เกิดจากยาดับกลิ่น 2. การเกิดหินงอก หินย้อย การเผากระดาษ 3. การจุดพลุดอกไม้ไฟ เมฆรวมตัวเป็นฝน 4. การเกิดสนิมเหล็ก การสูบลมยางล้อรถยนต์ 112. พิจารณาข้อมูลการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี M N O และ P ดังตารางต่อไปนี้ ธาตุ มวลเริ่มต้น (g) ระยะเวลาที่ปล่อยทิ้งไว้ (วัน) มวลที่เหลือ(g) M 40 32 2.5 N 30 60 1.875 O 16 36 0.25 P 2 100 0.125 ธาตุใดมีครึ่งชีวิตน้อยที่สุด 1. M 2. N 3. O 4. P 113. น้ำมันเบนซิน A และ B มีเลขออกเทน 91 และ 75 ตามลำดับ มีองค์ประกอบ เป็นสารที่มีสูตรโครงสร้างดัง (1) และ (2) พิจารณาข้อความเกี่ยวกับน้ำมันเบนซิน A และ B ต่อไปนี ข้อใดถูก ้
  • 48. ~  48 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ ก. น้ำมันเบนซิน A มีสาร (2) มากกว่าเบนซิน B ข. น้ำมันเบนซิน A มีสาร (1) 91 ส่วนแต่สาร B มีสาร (1) เพียง 75 ส่วน ค. สาร (2) ทำให้ประสิทธิภาพการเผาไหม้ของน้ำมันเบนซิน A ดีกว่าเบนซิน B ง. การเติม (2) ลงในน้ำมันเบนซิน A และ B เป็นการเพิ่มคุณภาพเพราะเลขออกเทนของน้ำมันสูงขึ้น 1. ข เท่านั้น 2. ก ค และ ง 3. ข ค และ ง 4. ถูกทุกข้อ โลกและดาราศาสตร์ 114. ประเทศไทยจะได้รับผลจากแผ่นดินไหว อันเนื่องมาจากการกระทบกันของแผ่นธรณีภาคคู่ใดมากที่สุด 1. แผ่นยูเรเซียกับแผ่นแปซิฟิก 2. แผ่นยูเรเซียกับแผ่นอินเดีย 3. แผ่นแปซิฟิกกับแผ่นนาสกา 4. แผ่นแอนตาร์กติกากับแผ่นออสเตรเลีย-อินเดีย 115. เทือกเขาหิมาลัย เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรณีภาคแบบใด 1. การเกิดแผ่นดินไหว 2. การแยกตัวของแผ่นเปลือกโลก 3. การชนกันของแผ่นเปลือกโลก 4. การระเบิดของภูเขาไฟ 116. ตามทฤษฎีการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค (plate tectonics) ข้อใดไม่ได้รวมอยู่ในทวีป ”กอนด์วานา” 1. ทวีปแอฟริกา 2. ทวีปอินเดีย 3. ทวีปอเมริกาเหนือ 4. ทวีปออสเตรเลีย 117. การเกิดสึนามิเมื่อวันที 26 ธันวาคม 2547 เกิดจากการชนกันของแผ่นทวีปใด ่ 1. ออสเตรเลีย-อินเดีย กับ แผ่นยูเรเซีย 2. แผ่นอินโดนีเซีย กับ แผ่นแปซิฟิก 3. แผ่นยูเรเซีย กับ แผ่นแปซิฟิก 4. แผ่นอินโดนีเซีย กับ แผ่นฟิลิปปินส์ 118. พื้นที่ในข้อใดที่อยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” 1. แนวรอยต่อภูเขาหิมาลัยในทวีปเอเชีย 2. บริเวณเทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก 3. บริเวณขอบมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด 4. บริเวณรอยต่อภูเขาแอลป์ในทวีปยุโรป 119. ข้อใดไม่อยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ (ring of fire)” 1. บริเวณขอบมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด 2. บริเวณรอยต่อภูเขาแอลป์และภูเขาหิมาลัย 3. ประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 4. บริเวณด้านตะวันตกของประเทศเม็กซิโก 120. ข้อใดคือสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว 1. คลื่นสึนามิ 2. โลกหมุน 3. น้ำขึ้น-น้ำลง 4. การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก 121. มาตราที่ใช้บอกความเสียหายเนื่องจากแผ่นดินไหวคือข้อใด 1. ริกเตอร์ 2. เมอร์คัลลี 3. โมห์ 4. เวนส์เวอร์ด 122. การเกิดแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ส่วนใดของโครงสร้างโลก 1. ฐานธรณีภาค 2. ธรณีภาค 3. แก่นโลก 4. ชั้นของโครงสร้างโลกที่มีหินหลอมละลาย 123. หินชั้นชิ้นหนึ่งมีการสะสมตัวเป็นชั้นๆ ของหินทราย หินกรวดมน หินปูน และหินดินดาน หินชนิดใดมีอายุมากที่สุด 1. หินทราย 2. หินกรวดมน 3. หินปูน 4. หินดินดาน
  • 49. ~  49 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 124. ซากดึกดำบรรพ์ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในหินชนิดใด 1. หินแปร 2. หินอัคนี 3. หินชีสต์ 4. หินตะกอน 125. ความพรุนของหินที่เกิดขึ้นภายหลังภูเขาไฟระเบิดขึ้นอยู่กับปัจจัยใด 1. รูปร่างและความสูงของภูเขาไฟ 2. ตำแหน่งของรอยแยกบนพื้น 3. อัตราการเย็นตัวของลาวา 4. องค์ประกอบทางเคมีของแมกมา 126. หินของภูเขาใดต่อไปนี้ไม่ใช่หินภูเขาไฟ 1. ภูพระอังคาร จังหวัดบุรีรัมย์ 2. ดอยผาคอกหินฟู จังหวัดลำปาง 3. ภูเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ 4. ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย 127. การพบหลักฐานในข้อใดที่แสดงว่าในอดีตประเทศไทยเคยมีภูเขาไฟในบางพื้นที ่ 1. หินบะซอลต์ 2. หินแกรนิต 3. รอยแตกเลื่อนของชั้นหิน 4. น้ำพุร้อน 128. นักธรณีวิทยาใช้วิธีใดในการหาอายุหินตะกอน 1. โดยใช้วิธีกัมมันตรังสีหาอายุหิน 2. โดยการค้นหาซากดึกดำบรรพ์ เช่นโทรโลไบต์ 3. โดยวิธีกัมมันตภาพรังสี C-14 หาอายุซากดึกดำบรรพ์ 4. ใช้ลักษณะโครงสร้างทางธรณีวิทยาของหิน ฟิสิกส์ 129. คลื่นวิทยุที่ส่งออกจากสถานีวิทยุสองแห่ง มีความถี่ 90 เมกะเฮิร์ตซ์ และ 100 เมกะเฮิร์ตซ์ ความยาวคลื่นของ คลื่นวิทยุทั้งสองนี้ต่างกันเท่าใด 1. 3.33 m 2. 3.00 m 3. 0.33 m 4. 0.16 m 130. คลื่นวิทยุ FM ความถี่ 88 เมกะเฮิรตซ์ มีความยาวคลื่นเท่าใด (กำหนดให้ความเร็วของคลื่นวิทยุเท่ากับ 3.0 x108 เมตร/วินาที) 1. 3.0 m 2. 3.4 m 3. 6.0 m 4. 6.8 m 131. คลื่นใดต่อไปนี้ เป็นคลื่นที่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ก. คลื่นแสง ข. คลื่นเสียง ค. คลื่นผิวน้ำ คำตอบที่ถูกต้องคือ 1. ทั้ง ก ข และ ค 2. ข้อ ข และข้อ ค 3. ข้อ ก เท่านั้น 4. ผิดทุกข้อ 132. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากความยาวคลื่นน้อยไปมากที่ถูกต้อง 1. รังสีเอกซ์ อินฟราเรด ไมโครเวฟ 2. อินฟราเรด ไมโครเวฟ รังสีเอกซ์ 3. รังสีเอกซ์ ไมโครเวฟ อินฟราเรด 4. ไมโครเวฟ อินฟราเรด รังสีเอกซ์
  • 50. ~  50 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 133. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดใดต่อไปนี้ที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด 1. อินฟราเรด 2. ไมโครเวฟ 3. คลื่นวิทยุ 4. อัลตราไวโอเลต 134. ถ้าดีดกีตาร์แล้วพบว่าเสียงที่ได้ยินต่ำกว่าปกติ จะมีวิธีปรับแก้ไขให้เสียงสูงขึ้นได้อย่างไร 1. เปลี่ยนใช้สายเส้นใหญ่ขึ้น 2. ปรับสายให้หย่อนลง 3. ปรับตำแหน่งสายให้ยาวขึ้น 4. ปรับสายให้ตึงขึ้น 135. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่นิยมใช้ในรีโมทควบคุมการทำงานของเครื่องโทรทัศน์คือข้อใด 1. อินฟราเรด 2. โมโครเวฟ 3. คลื่นวิทยุ 4. อัลตราไวโอเลต 136. ระดับเสียงและคุณภาพเสียงขึ้นอยู่กับสมบัติใดตามลำดับ 1. ความถี่ รูปร่างคลื่น 2. รูปร่างคลื่น ความถี่ 3. แอมพลิจูด ความถี่ 4. ความถี่ แอมพลิจูด 137. สนามแม่เหล็กที่เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นแสงนั้น มีทิศทางตามข้อใด 1. ขนานกับทิศทางการเคลื่อนที่ของแสง 2. ขนานกับสนามไฟฟ้า แต่ตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของแสง 3. ตั้งฉากกับทั้งสนามไฟฟ้าและทิศการเคลื่อนที่ของแสง 4. ตั้งฉากกับสนามไฟฟ้าแต่ขนานกับทิศของการเคลื่อนที่ของแสง 138. เครื่องหมายดังรูปแทนอะไร 1. เครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยกังหันลม 2. การเตือนว่ามีอันตรายจากกัมมันตภาพรังสี 3. การเตือนว่ามีอันตรายจากสารเคมี 4. เครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยเซลล์แสงอาทิตย์ 139. รังสีในข้อใดที่มีอำนาจในการทะลุทะลวงผ่านเนื้อสารได้น้อยที่สุด 1. รังสีแอลฟา 2. รังสีบีดา 3. รังสีแกมมา 4. รังสีเอกซ์ 140. ข้อความใดต่อไปนี้ถูกต้องเกี่ยวกับรังสีแอลฟา รังสีบีตา และรังสีแกมมา 1. รังสีแอลฟามีประจุ +4 2. รังสีแอลฟามีมวลมากที่สุด และอำนาจทะลุทะลวงผ่านสูงที่สุด 3. รังสีบีตามีมวลน้อยที่สุด และอำนาจทะลุทะลวงต่ำที่สุด 4. รังสีแกมมามีอำนาจทะลุทะลวงสูงที่สุด 141. ธาตุกัมมันตรังสีใดที่ใช้ในการคำนวณหาอายุของวัตถุโบราณ คือ 1. I-131 2. Co-60 3. C-14 4. P-32
  • 51. ~  51 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 142. นักโบราณคดีตรวจพบเรือไม้โบราณลำหนึ่งว่ามีอัตราส่วนของปริมาณ C-14 ต่อ C-12 เป็น 25% ของอัตราส่วน สำหรับสิ่งที่ยังมีชีวิต สันนิษฐานได้ว่าซากเรือนี้มีอายุประมาณกี่ปี (กำหนดให้ครึ่งชีวิตของ C-14 เป็น 5,730 ปี) 1. 2,865 ปี 2. 5,730 ปี 3. 11,460 ปี 4. 22,920 ปี 143. ไอโอดีน-128 มีค่าครึ่งชีวิต 25 นาที ถ้าเริ่มต้นมีไอโอดีน-128 อยู่ 400 มิลลิกรัม ไอโอดีน-128 จะลดลงเหลือ 100 มิลลิกรัมเมื่อเวลาผ่านไปกี่นาที (อัตนัย) 144. ธาตุ I-131 หนัก 24 g เมื่อเวลาผ่านไป 40 วันจะสลายตัวเหลืออยู่ 0.75 g ธาตุ I-131 มีครึ่งชีวิตกี่วัน (อัตนัย) 145. ไอโซโทปกัมมันตรังสีของธาตุไอโอดีน-128 มีครึ่งชีวิต 25 นาที ถ้ามีไอโอดีน-128 เริ่มต้นทั้งหมด 256 กรัม จะใช้เวลาเท่าไรจึงจะเหลือไอโอดีน-128 อยู่จำนวน 32 กรัม 1. 50 นาที 2. 1 ชั่วโมง 15 นาที 3. 1 ชั่วโมง 40 นาที 4. 3 ชั่วโมง 20 นาที 146. A, B และ C เป็นแผ่นวัตถุ 3 ชนิดที่ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าโดยการถู ซึ่งได้ผลดังนี A และ B ผลักกัน ส่วน A และ ้ C ดูดกัน ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง 1. A และ C มีประจุบวก แต่ B มีประจุลบ 2. B และ C มีประจุลบ แต่ A มีประจุบวก 3. A และ B มีประจุบวก แต่ C มีประจุลบ 4. A และ C มีประจุลบ แต่ B มีประจุบวก
  • 52. ~  52 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ โควต้า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2551 วิชาวิทยาศาสตร์ 1. สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวหรืออยู่รวมกันเป็นโคโลนี ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียสอาจมีหรือไม่มีคลอโรฟิลล์จัดอยู่ใน kingdom ใด 1. animalia 2. fungi 3. monera 4. Protista 2. สิ่งมีชีวิตในข้อใดไม่ใช่เซลล์ 1. ไวรัส 2. แบคทีเรีย 3. เห็ดนางฟ้า 4. พารามีเซียม 3. ผนังเซลล์เป็นโครงสร้างของเซลล์พืชที่แตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตกลุ่มอื่น หน้าที่ของผนังเซลล์คืออะไร 1. สังเคราะห์แสง 2. ย่อยและดูดซึมอาหาร 3. ให้ความแข็งแรงและคงรูปร่าง 4. ให้ความชุ่มชื้นและสะสมอาหาร 4. ลายพิมพ์ดีเอ็นเอมีประโยชน์หลายด้าน ยกเว้นข้อใด 1. พิสูจน์ศพบุคคลที่ประสบภัยสึนามิ 2. พิสูจน์การเป็นพ่อ-ลูก 3. พิสูจน์พันธุ์พืชโบราณ 4. พิสูจน์ประสิทธิผลอาวุธชีวภาพ 5. การย่อยสลายทางชีวภาพสามารถกระทำได้โดยสิ่งมีชีวิตใด 1. แมลงทับ 2. เห็ดเผาะ 3. ปลาการ์ตูน 4. สาหร่ายไก 6. กระบวนการในข้อใดต้องอาศัยพลังงาน 1. การดูดและลำเลียงแร่ธาตุในดินไปสู่ใบของพืช 2. การเข้าสู่เซลล์ของไวรัสโดยเอนโดไซโตซิส 3. การลำเลียงกลูโคสผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ 4. การแพร่ของไอออน 7. ยาปฏิชีวนะเพนนิซิลินสามารถรบกวนการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรียบางชนิดได้และมีผลทำให้เซลล์แบคทีเรียตาย เนื่องจากสาเหตุใด 1. เซลล์เหี่ยว 2. เซลล์แตก 3. เซลล์เต่ง 4. เซลล์หด 8. สัตว์ใดมีกลไกในการรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้ค่อนข้างคงที่ ไม่แปรผันตามสิ่งแวดล้อม 1. ปลาการ์ตูน 2. จิ้งเหลน 3. กบ 4. ค้างคาว 9. ไตเป็นอวัยวะสำคัญในร่างกายมนุษย์ หน้าที่ของไตเปรียบได้กับโครงสร้างใดในพารามีเซียม 1. คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล 2. ซิเลีย 3. ไลโซโซม 4. เยื่อหุ้มเซลล์ 10. ในระหว่างการแบ่งเซลล์ เซลล์ร่างกายของคน 1 เซลล์ จะมีจำนวนเซนโทรเมียร์ทั้งสิ้นเท่าใด 1. 22 2. 23 3. 44 4. 46
  • 53. ~  53 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 11. ความหลากหลายทางชีวภาพ ส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลต่อเนื่องจากกระบวนการใด 1. การแบ่งเซลล์แบบไมโตซิส 2. การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 3. การแตกหน่อ 4. การคัดเลือกโดยมนุษย์ 12. ในห่วงโซ่อาหารหนึ่ง (แพลงตอน - ปลา - นกกระยาง - จระเข้) พบว่ามีสารปรอทปนเบื้อนอยู่ในแหล่งอาศัย ปริมาณของสารปรอทจะสะสมมากที่สุดในสิ่งมีชีวิตใด 1. แพลงตอน 2. ปลา 3. นกกระยาง 4. จระเข้ 13. มดดำนักจะนำเพลี้ยแป้งเข้าอยู่อาศัยและทำลายต้นพริกเสมอ เพราะมดดำได้อาหารจากมูลที่เพลี้ยแป้งขับถ่ายออกมา ความสัมพันธ์ของมดดำและเพลี้ยแป้งเป็นแบบใด 1. ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน 2. ภาวะพึงพา 3. ภาวะอิงอาศัย 4. ภาวะปรสิต 14. ธาตุ X ซึ่งมีสัญลักษณ์นิวเคลียส์เป็น 8537X มีการจัดอิเล็กตรอนตามระดับพลังงานอย่างไร 1. 2, 8, 18, 9 2. 2, 8, 18, 8, 1 3. 2, 8, 18, 18, 2 4. 2, 8, 18, 32, 18, 7 15. ธาตุ X ในข้อ 14 มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเป็นเท่าใด 1. 1 2. 2 3. 7 4. 9 16. ข้อใดผิดเกี่ยวกับธาตุหมู่ 8A 1. เฉื่อยต่อปฏิกิริยา 2. พบในรูปอะตอมอิสระ 3. มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 8 4. มีสถานะเป็นของเหลวหรือแก๊ส 17. ข้อใดไม่ใช่โลหะแทรนซิชัน 1. ทองแดง (Cu) 2. แคลเซียม (Ca) 3. โครเมียม (Cr) 4. โคบอลต์ (Co) 18. พันธะระหว่างอะตอมในโมเลกุลใดแตกต่างจากข้ออื่น 1. H2O 2. I2 3. KI 4. CO 19. สารในข้อใดให้สีม่วงหรือชมพูทั้งหมด เมื่อนำมาทำปฏิกิริยากับสารละลายคอปเปอร์ (II) ซัลเฟตในสภาพที่เป็นเบส 1. ข้าวสวย กลูโคส มันฝรั่ง 2. น้ำมันพืช ไข่ขาว ขนมปัง 3. ไข่ขาว กรดอะมิโน นมถั่วเหลือง 4. ขนมปัง นมถั่งเหลือง ปลา 20. ข้อใดเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว 1. ซูโครส 2. มอลโตส 3. กาแลกโตส 4. ไม่มีข้อถูก
  • 54. ~  54 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 21. น้ำมันเบนซินที่มีประสิทธิภาพดีหรือมีเลขออกเทนสูง จะมีส่วนผสมของสารใดมาก A) H3 C-CH2-CH2-CH2-CH2-CH2-CH2-CH2 B) CH3 CH3 H3C-CH-CH2-C-CH3 CH3 C) H3C CH3 H3C-C - C-CH3 H3C CH3 D) CH3 CH3 H3C-C-CH2 - CH-CH3 CH3 1. A 2. B 3. C 4. B หรือ D 22. ข้อใดมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี 1. น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ 2. แท่งแก้วงอ เมื่อได้รับความร้อน 3. อากาศร้อนพวยพุ่งจากหม้อน้ำรถยนต์ 4. เมื่อบีบมะนาวลงในน้ำชา ทำให้เปลี่ยนสี 23. หากไอโอดิน -131- ปริมาณ 1 กรัม มีครึ่งชีวิตเป็น 8.1 วัน ข้อใดผิด 1. เมื่อเวลาผ่านไป 8.1 วัน ปริมาณไอโอดินจะเหลือ 0.5 กรัม 2. ใช้เวลา 16.2 วัน ไอโอดินจึงจะสลายตัวหมด 3. หากมีไอโอดิน 5 กรัม ครึ่งชีวิตจะเป็น 8.1 กรัม 4. อัตราการสลายตัวนี้ไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความดัน 24. โครงสร้างของโลกส่วนที่เรียกว่าธรณีภาคหมายถึงส่วนใด 1. เปลือกโลกทั้งหมด 2. เปลือกโลกกับเนื้อโลก 3. เปลือกโลกส่วนที่เป็นภาคพื้นทวีป 4. เปลือกโลกกับชั้นบนของเนื้อโลก 25. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว 1. การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก 2. เปลือกโลกมีลักษณะเป็นชิ้นๆ ต่อกัน 3. ชั้นต่างๆ ของโครงสร้างโลกมีความแตกต่างกัน 4. ส่วนประกอบของเปลือกโลกแต่ละบริเวณมีความแตกต่างกัน 26. ประเทศใดมีความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวน้อยที่สุด 1. ออสเตรเลีย 2. ญี่ปุ่น 3. อัฟกานิสถาน 4. ฟิลิปปินส์ 27. ข้อใดเป็นผลจากการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาคแปซิฟิก 1. ภูเขาไฟระเบิดในญี่ปุ่น 2. แผ่นดินไหวในเม็กซิโก 3. การเกิดสึนามิทางภาคใต้ของไทย 4. ภูเขาไฟระเบิดแนวหมู่เกาะสุมาตรา
  • 55. ~  55 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 28. ปัจจุบันเอกภพมีอายุประมาณกี่ล้านปี 1. 1,500 2. 15,000 3. 150,000 4. 1,500,000 29. อะตอมเกิดขึ้นครั้งแรก หลังเกิดบิกแบงเท่าไร 1. 10-6 วินาที 2. 3 นาที 3. 300,000 ปี 4. 4,500 ล้านปี 30. เหตุใดจึงเรียกจุดดำในดวงอาทิตย์ว่าหลุมดำ 1. มีมวลมาก 2. มีขนาดเล็ก 3. อยู่ไกล 4. ดึงดูดแสงไว้ได้ 31. นักดาราศาสตร์แบ่งกาแล็กซีออกเป็นกี่ประเภท 1. 3 2. 4 3. 5 4. 6 32. ดวงอาทิตย์มีสเปกตรัมเป็นชนิดใด 1. A 2. F 3. G 4. K 33. ข้อใดไม่ใช่วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ 1. ดาวยักษ์แดง 2. ดาวแคระแดง 3. ดาวนิวตรอน 4. หลุมดำ 34. รถยนต์คันหนึ่งสามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 10 วินาที รถยนต์คันนี้มีอัตราเร่ง กี่เมตร/วินาที²2 1. 2.8 2. 4 3. 14 4. 28 35. จากคำถามข้อ 34 ณ จุดเริ่มต้นรถหยุดนิ่ง ภายในเวลา 10 วินาที รถยนต์คันนี้เคลื่อนที่ได้ระยะทางกี่เมตร 1. 14 2. 28 3. 140 4. 280 36. หากยิงกระสุนออกไปแบบโปรเจกไตล์ เมื่อกระสุนเคลื่อนที่ถึงจุดสูงสุด อัตราเร็วของกระสุนเป็นอย่างไร 1. มีค่าเป็นศูนย์ 2. มีค่าเท่ากับอัตราเร็วเมื่อถูกยิง 3. มีค่าอัตราเร็วแนวราบเป็นศูนย์ 4. มีค่าเท่ากับอัตราเร็วแนวราบเมื่อถูกยิง 37. เทคนีเชียม-99m ให้รังสีแกมมาเพื่อการวินิจฉัย มีครึ่งชีวิต 6 ชั่วโมง หากจะให้สลายในร่างกาย ผู้ป่วยเหลือเพียง ร้อยละ 12.5 ต้องใช้เวลานานกี่ชั่วโมง 1. 3 2. 6 3. 12 4. 18
  • 56. ~  56 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ
  • 57. ~  57 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 1 2 (BIOLOGY) 1 S C I E N C E I-IV 2 ( 20 = 25 ) ชีววิทยา เคมี โลก และดาราศาสตร์ P’ aon : Jackchai Wannasri Chulalongkorn university ฟิสิกส์ Department of Physiology, Faculty of Medicine, Chulalongkorn University 3 4 1 - - 5 6 Virus: ??? DNA RNA 7 8 Bacteriophage: (glycoprotein) RNA Host = ( ) DNA
  • 58. ~  58 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 9 10 Flagellum DNA Centriole DNA RNA RNA Golgi complex Mitochondria Lysosome Cytoskeleton 11 12 - Prokaryote Eukaryote 1. Cell membrane 2. Protoplasm DNA RNA ......... Sap vacuole .................. Golgi bodies 4. DNA, RNA ............. 5. Ribosome 6. Organelle mitochondria Chloroplast Cell wall 13 14 2 (Passive transport) • • ATP • Diffusion ( ) • Osmosis ( ) • Facilitated ( ) -2 15 16 (Active transport) (osmosis) ATP Na+ – pump ( K+ - )
  • 59. ~  59 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 17 18 ( - - ) (osmosis) 2% 1. A ,B 2. A ,B 3. A ,B . . 4. A ,B 10% 50% 10% 2% Hypotonic Hypertonic Isotonic 19 20 (osmosis): , : , , , 2% 10% 2% Hypotonic Hypertonic Isotonic Hypertonic Isotonic Hypotonic 21 22 (vesicle) • Endocytosis • Phagocytosis 3 ( ) • Exocytosis , - 23 24 Ectothermic animals Endothermic animals ( ) ( ) ( ) T T ( ) T T
  • 60. ~  60 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 25 26 (Thermoregulation) : Fishes T T , , T T , , Hypothalamus metabolism metabolism , , 27 28 (Kidneys) (180 L) 4 - - 1.5 L H2O Na+ NH3 Cl- 29 30 : Cell division ( , (sex cell) , ) ( , 46 X 46 , ) mitosis meiosis 46 46 = + 92 ( ...... ) 31 32 (sex cell) - : ...... 46 X 46 23 23 46 (คน) ( ...... )
  • 61. ~  61 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 33 34 : .... ( 1 ) :6 35 36 :6 2 Meiosis 4 = ..... 2 = ..... 1 2 (1 ): (4 ) 37 38 Crossing over: Meiosis (4 ) 39 40 & Autosomal gene: ABO X
  • 62. ~  62 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 41 42 X-linked gene: ( ) ( ) Dominance ( ) – Recessive ( ) Homozygous ( )–Heterozygous ( ) Genetype – Phenotype ( ) ( ) TT, Tt, tt Gene – Allele Medelian’s Law ( ) Law of Segregation Law of Independent Assortment X-linked gene ( ) • , , G-6-PD, 43 44 Monohybrid Cross 1:2:1 TT X tt [RR:Rr:rr] T t 3:1 [round:wrinkled] Tt 45 46 Tt X Tt TT X Tt [TT:Tt:tt] [TT:Tt] T t T T t T t [ : ] TT Tt Tt tt TT Tt [ ] 47 48 : Pedigree Multiple allele: ABO Blood type Genotype ( ) A IAIA IAi B IBIB IBi AB IAIB O ii , ,
  • 63. ~  63 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 49 50 (X-chromosome) O c c A B :X X c c :X X AB : XC Y : XC Y 51 52 XCY X Xc Xc 5 XC Y - Xc Xc - XC Xc XC Xc Xc Y Xc Y 53 54 S Autotroph ( ) S Producer = , , Heterotroph ( ) Decomposer = , , Consumer = Biomes Biosphere 55 56 Food Chain: Food Web:
  • 64. ~  64 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 57 58 10% CO2 O2 CO2 H2O H2O 59 60 10% Biological magnication Biological magnification Mercury DDT 61 62 ( ) (mutualism) : +/+ (-/-) (Commensalism) : +/o , Rhizobium : , E.coli : , : , : (Protocooperation) : +/+ (Saprophytism) (0/0) : , : , : , , , nemo: 63 64 ( ) Contact me ! (Parasitism) : +/- azo02@hotmail.com , , , , www.termtem.co.th (predation) : +/- ……….( , , )……….
  • 65. ~  65 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 1 2 ONET PART II Foundation Chemistry • 3 ( 20 = 25 ) P’ aon : Jackchai Wannasri Chulalongkorn university Department of Physiology, Faculty of Medicine, Chulalongkorn University 3 4 Atomic models I 1 + - + - - + - + - - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + Rutherford Dalton + - + - + - + - + - + - + - - - + - + - - +++ - Thomson - + +++ - - - - 5 6 Atomic models II n= -p Chadwick A p+n Niels Bohr 3(M) X 2(L) p 1(K) Z Isotope, Isotone, Isobar 7 8 p, e-, n 28 1 Si • e- 14 •2n2 2, 8, 18, 32, 50 27 Al 1 2 3 4 5 13 40 Si Al 2 Ar ? (valent e-) 8
  • 66. ~  66 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 9 10 Cl • 11Na = 2 8 1 • 17Cl = • 20Ca = • 35Br = Na Ca • 53I = 11 12 1A 8A 2A 3A 4A 5A 6A 7A (Transition) 3 4 3B 4B 5B 6B 7B 1B 2B Na K 13 14 Ex. จงเรียงลำดับความเป็นโลหะและขนาดของอะตอม 3 3 37 X 2 8 18 8 1 Na Cl 20 Y 35 Z ….>….>…. หมู่ 1 7 หมู่ 7 ….>….>…. 15 16 Cation (+) Anion (-) 17Cl 11Na (chlorine) (sodium) +11 Na +17 Cl Na+ Cl- (sodium ion) (chloride ion) (+) ( ) (-) ( )
  • 67. ~  67 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 17 18 2 19K+ 2 8 8 35 Br - 2 13 Al 3+ 2 8O 2- - 2 - 19 20 (Chemical bond) : Ionic bond (Metalic bond) 11Na • 17Cl • (Ionic bond) • (Covalent bond) Na Cl • (Hydrogen bond) •Dipole – dipole force Na+ Cl- •London force (sodium ion) (chloride ion) 21 22 : Ionic bond • NaCl x + Na Cl • ..... 23 24 : Covalent bond : Covalent bond 17Cl 17Cl X X Cl Cl X Cl X Cl X X X Cl2
  • 68. ~  68 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 25 26 4 H H H - - - - - - H - C - C - C -H C3H8 - H H H - 27 28 ( ) H X X H - - - - - - - - H - C = C - C -H C3 H6 H - C - C - C -H C3H6 X2 - - H H H H H H 29 30 ( ) : Petroleum • Petroleum H.C. • Petroleum - • Petroleum ( ) • C >>> H > O = S > N 31 32 : LPG : Octane Number • LPG Propane (C3H8) • Propyline(C3H6), Butane(C4H10), Iso Octane = 100 Butyline (C4H8) C C • LPG Mercaptane ? C C C C C C : Natural Gas • CH4 >>> CO2 > C2H6 > C3H8 > C4H10 = N2 > Normal Heptane =0 C5H12 C C C C • NGV CNG C C ??? C
  • 69. ~  69 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 33 34 4 • BIODIESEL + • GASOHOL E20 (……….) + ( ) ……… - 35 36 : Protein : Protein ( ) •Amino acid ( ) • (peptide bond) 37 38 : Protein ( ) • …….. • CuSO4 / NaOH …….. 39 40 : Carbohydrate : Carbohydrate • : Monosaccharide • : Monosaccharide
  • 70. ~  70 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 41 42 : Carbohydrate • : Disaccharide Polymer: Glycosidic bond 43 44 : Carbohydrate : Carbohydrate • : Disaccharide • : Polysaccharide 45 46 : Carbohydrate • : Polysaccharide 47 48 ( ) • : benedict test • : Iodine test (Cu2O)
  • 71. ~  71 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 49 50 : Lipid : Lipid ....... .......... .......... 51 52 5 - - - - - - - - - 53 54 (Polymer) Polymerization reaction • ( )– ( ) (Addition polymerization) • • Homopolymer – Copolymer • – • (Polymerization) PP • – HDPE PVC • (Condensation polymerization) – LDPE – polyureaformaldehyde 55 56 Low Density Polyethylene (LDPE) (Plastics) • Thermoplastics PE: , PVC: , PP: PS: , ( ) PTFE: ( ) • Thermosets ( ), , , ( )
  • 72. ~  72 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 57 58 High Density Polyethylene (HDPE) Polyvinyl chloride (PVC) 59 60 Polystyrene (PS) Rubber T + T + • Natural rubber polyisoprene • • • Synthetic rubber • Polybutadiene • Polychloroprene • Styrene – butadiene (SBR) • Isoprene rubber • ABS rubber (Acrylonitrile - Butadiene Styrene) 61 62 Natural Rubbers Synthetic Rubber SBR 63 64 Vulcanization Inorganic polymers , T
  • 73. ~  73 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 1 2 ONET PART III Astronomy & The Earth 6 7 ( 20 = 25 ) P’ Aon : Jackchai Wannasri Chulalongkorn University Department of Physiology, Faculty of Medicine, Chulalongkorn University 3 4 Universe/ / 1 Galaxy Galaxy Galaxy - Galaxy Galaxy Galaxy Galaxy ≈ 15,000 5 6 Galaxy Nebula Big Bang Theory Black hole Galaxy - (Black hole) galaxy - + 7 8 The Big Bang Big Bang 1 1 H The Big Bang Theory/ H nucleus ( ) Particle 10-6 Quark, Electron, Neutrino Photon ( ) Anti-particle Temp. 10,000,000,000,000 k Quark Proton Neutron + Energy 3 Temp. 100,000,000 k Universe Energy + Matter Proton ??? + He nucleus Neutron 4He 2
  • 74. ~  74 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 9 10 Big Bang Big Bang 300,000 Atom Temp. 10,000 k H nucleus, He nucleus electron H 1,000,000,000 Galaxy Stars Primordial matter ( ) ??? 11 12 2 (Spiral galaxy) (Elliptical galaxy) (Irregular galaxy) - ( ) 13 14 The Milky Way Galaxy 2,000,000 ( ) The Milky Way Galaxy Galaxy ( ) 2,000,000 ปีแสง 200,000 1 = 1 15 16 ???
  • 75. ~  75 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 17 18 (Stars) 3 Nebula (nebula) ????? - , .......................................................................................... ????? .......................................... .............................................................. .... fusion fission Thermonuclear reaction 19 20 ................................. . ............................ O2 ( ) ( ) 21 22 O B C=f A F G K M Oh!! Be A Fine Girl(Guy) Kiss Me 23 24 : The Solar System 4 Inner Planets - Outer Planets
  • 76. ~  76 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 25 26 ? 1. 2. 27 28 Gas (coma) : The solar system : Comets 29 30 : Solar wind Electron Proton Solar wind ( ) ???? Aurora ( ) ??? (comets) 31 32 ??? :
  • 77. ~  77 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 33 34 6 The Earth (Crust) - (Mantle) (Core) 35 36 Fe & Ni 37 38 (Lithosphere Plate) 7 Plate Tectonic Theory Pangea Lithosphere Plate Eurasian Plate American Plate Pacific Plate - India-Australian Plate Antarctic Plate African Plate 39 40 2
  • 78. ~  78 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 41 42 43 44 Sea floor spreading - - - 45 46 47 48 (Earthquake) 8 - “ ”
  • 79. ~  79 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 49 50 The Circum of Pacic Zone Ring of Fire: The Alpide-Himalaya zone The Mid Atlantic Zone 51 52 (Volcano) !!! , (T,P ) > 6.3 severe , 12 (Mercalli scale) ...... Seismograph ................................................. 53 54 9 - 55 56 (Fossils): (Half life) P-32 100g 14 50g 14 25g 14 12.5g C-14 100g 5730 yrs 50g 5730 yrs 25g 5730 yrs 12.5g ...............
  • 80. ~  80 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 1 2 PART IV 4 ONET- Physics 5 P’ aon : Jackchai Wannasri ( 20 = 25 ) Chulalongkorn university Department of Physiology, Faculty of Medicine, Chulalongkorn University Special thanks: Worawut Pridaphattharakun(Master of Engineering) The University of Florida, USA 3 4 AC = (AB)2+(BC)2 D C 30 A 40 B A B ....... ....... ...... A B C ....... ....... ...... A B C D ....... ....... ...... ....... ....... ...... 5 6 = m m = m/s m/s m/s2 m/s2 7 8 TEST !!!! = D C - A B C D 20 100 A 40 B =
  • 81. ~  81 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 9 10 ( ) ??? ( ) ??? = ...... m/s2 = 0 11 12 ( ) ถ้า ū ความเร็วต้น, v ความเร็วปลาย, s = การกระจัด a= ความเร่ง, t= เวลา และถ้าเป็นการเคลื่อนที่ในแนว เส้นตรงด้วยความเร่งคงที่ทั้งขนาดและทิศทาง ( ) 13 14 ( ) (Projectile Motion) ( ) 15 16 (Projectile Motion) (Projectile Motion) (g) 9.8 10 m/s2
  • 82. ~  82 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 17 18 (Projectile Motion) (Harmonic Motion) (g) 9.8 10 m/s2 1 f= (frequency) (Hz.: ) 19 20 (Circular Motion) B C v D A a 21 22 (Mechanical Wave) (Mechanical Wave) 1. (Transverse Wave) 1. (Transverse Wave) 23 24 (Mechanical Wave) (Mechanical Wave) 2. (Longitudinal Wave) 2. (Longitudinal Wave)
  • 83. ~  83 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 25 26 (Reection) (Refraction) (Diffraction) (Interference): 2 ( ) (Beats): ( ) 2 27 28 ( ) ( > > ) ( ) - 20-20,000 - (Infrasound): 20 - (Ultrasound): 20,000 29 30 ( / ), (dB) - 0-120 - 85 dB 8 ( ) 31 32 : ........ ........
  • 84. ~  84 ~ สํนัา เนัรีกง เกก (คิ ดย ง ไ ย . ..จิ สํา ก ก ย ไ ร รี แบบวิ ท ก ร ติวไทย - สังคม - คณิต - วิทย - เคมี - ฟสกส - ชีวฯ P' เกรียง ( คะแนนที่ 1 ของประเทศ )Tel. 08-67499525 ิ 33 34 (Radio Wave) 106.5 104-109 2 AM FM FM (MHz) 100 MHz = 100 x 106 Hz = 1 x 108 Hz AM (kHz) 725 kHz = 725 x 103 Hz = 7.25 x 105 Hz ** 3x108 ** 35 36 AM,FM (m) 300 300000 FM AM 37 38 3 (Alpha ): 2 2 X-Ray, , , ... (Beta): , (Gamma): ,… ,… 39 40 Contact me !