SlideShare a Scribd company logo
๑
“คุณค่า” กับการศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์
ศีลวัต ศุษิลวรณ์
โลกนามธรรมภายในจิตใจ : จุดเริ่มต้นของการศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์
ในปัจจุบันความรู้ทางมานุษยวิทยาและโบราณคดีที่ก่อร่างและสะสมมายาวนานได้ฉายภาพลักษณะเฉพาะ
ของมนุษยชาติที่มีความแตกต่างอย่างมากจากสรรพสัตว์อื่น ๆ บนโลกใบนี้ เรามองเห็นภาพของมนุษย์ที่มิใช่เพียง
แค่เฉลียวฉลาดกว่าสัตว์อื่น ๆ อย่างเป็นพิเศษเท่านั้น แต่มนุษย์มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นมากคือ ความสามารถใน
การสร้างโลกนามธรรมที่มีความหมายขึ้นภายในจิตใจ เพื่อเป็นตัวเชื่อมระหว่างมนุษย์กับโลกวัตถุวิสัย และระหว่าง
โลกนามธรรมของมนุษย์ด้วยกัน โลกนามธรรมภายในจิตใจนี้เป็นอวัยวะพิเศษที่ไม่มีตัวตนทางวัตถุแต่มนุษย์ต้องใช้
อาศัยเป็นที่ตั้งของการรับรู้และการเรียนรู้ทั้งหมดตลอดจนใช้เชื่อมโยงโลกนามธรรมของมวลมนุษย์เข้าด้วยกันจน
เกิดเป็น “วัฒนธรรม” ของมวลมนุษย์ขึ้น โลกนามธรรมนี้จึงประกอบไปด้วยความรู้สึก ความจา ความคิด ความรู้
คุณค่าและค่านิยม อันมากมายที่มวลมนุษย์ช่วยกันสร้างสรรค์และสะสมกันมายาวนาน และโลกนามธรรมนี้เองที่
กาหนดความรู้สึก นึก คิด และการกระทาของมนุษย์ และนามนุษยชาติเดินทางมาในเส้นทางที่แปลกประหลาดไป
จากสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก นั่นคือ “วัฒนธรรม” และ “อารยธรรม”
โลกนามธรรมที่มีความหมายภายในจิตใจของมนุษย์นี้เป็น อวัยวะพิเศษที่มองไม่เห็นแต่มีความสาคัญยิ่งยวด
ต่อการเป็นมนุษย์ และเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะสร้างและพัฒนาให้ดีขึ้นตลอดชีวิต ผ่านการปฏิสัมพันธ์กับโลก
นามธรรมของคนอื่น การปฏิสัมพันธ์กับองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่มีอยู่รอบตัว การมีประสบการณ์กับโลกวัตถุ
วิสัย และการมีประสบการณ์กับโลกนามธรรมและภาวะวัตถุวิสัยภายในตนเอง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า มนุษย์ไม่ได้มี
โลกนามธรรมนี้มาโดยกาเนิด แต่มนุษย์มีศักยภาพในการสร้างโลกนามธรรมนี้มาโดยกาเนิด และมนุษย์ต้องใช้
ศักยภาพนี้เพื่อสร้างและพัฒนาโลกนามธรรมนี้ให้มีคุณภาพที่ดีไปตลอดชีวิต
มนุษย์ไม่ได้เป็นมนุษย์ครบองคาพยพโดยกาเนิด เพราะโลกนามธรรมที่มีความหมายภายในจิตใจอันเปรียบ
ได้กับอวัยวะที่สาคัญยิ่งยวดของมนุษย์นั้นต้องสร้างและพัฒนาขึ้นจากการเรียนรู้และฝึกฝน คุณภาพของความเป็น
มนุษย์ที่สมบูรณ์จึงเกิดจากการเรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น มนุษย์จึงต้องเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเป็นมนุษย์
เพราะ มนุษย์ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์เป็นมนุษย์ หากแต่เกิดมาพร้อมกับศักยภาพที่จะเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเป็น
มนุษย์ที่สมบูรณ์ การเรียนรู้และฝึกฝนของมนุษย์ เพื่อเป็นมนุษย์ และดาเนินชีวิตไปอย่างมนุษย์นี้ต้องเป็นไปผ่าน
กระบวนการทางวัฒนธรรมร่วมกับมนุษย์ผู้อื่น ควบคู่ไปกับการฝึกฝนตนเองอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า
มนุษย์นั้นเป็น “Cultural being” ที่ต้องผ่าน การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์
๒
“คุณค่า”: หัวใจของมนุษภาวะ และ การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์
ใน โลกนามธรรมของมนุษย์ นี้ ส่วนหนึ่งนั้นเกี่ยวกับการตอบสนองต่อความจาเป็นในการดารงและดาเนิน
ชีวิตตลอดจนการสืบทอดเผ่าพันธุ์ อันเป็นประเด็นวาระที่มนุษย์มีร่วมอยู่กับสรรพสัตว์อื่น ๆ แต่อีกส่วนหนึ่งนั้นมี
ลักษณะพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะของมนุษย์ คือเป็นส่วนที่เกี่ยวกับความต้องการเติมเต็ม
ความหมายและคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งแสดงออกให้เห็นในพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับ ค่านิยม ความเชื่อ
ศาสนา พิธีกรรม ศิลปกรรม สุนทรียภาพ แรงบันดาลใจ ความลึกลับ ความรู้สึกอันวิสุทธิ์วิเศษ (Sublime Feeling)
ความสุขใจ ความทุกข์ใจ ไปจนถึงการเสพกามและวัตถุอย่างสุดโต่ง ตลอดจนประเด็นคาถามทางปรัชญา เช่น ชีวิต
โลก จักรวาล คืออะไร ? สัมพันธ์กันอย่างไร ? กาเนิดและดาเนินมาอย่างไร ? ชีวิต โลก จักรวาล ควรเป็นเช่นไร ?
ชีวิต โลก จักรวาล จะเป็นดังที่ควรเป็นได้อย่างไร ? ชีวิตก่อนเกิดและชีวิตหลังความตายมีหรือไม่ ? ถ้ามีจะเป็นเช่น
ไร ? อะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดของการมีชีวิต ? ฯลฯ ซึ่งประเด็นคาถามเหล่านี้อาจรวมเรียกได้ว่าเป็น “โจทย์ใหญ่”
(Big Question) อันเป็นประเด็นคาถามเฉพาะของมนุษยชาติ
พฤติกรรมของมนุษย์ส่วนที่เกี่ยวกับค่านิยม ความเชื่อ ศาสนา พิธีกรรม ศิลปกรรม สุนทรียภาพ แรงบันดาล
ใจ ความลึกลับ ความรู้สึกอันวิสุทธิ์วิเศษ ความสุขใจ ความทุกข์ใจ การเสพกามและวัตถุอย่าสุดโต่ง “โจทย์ใหญ่”
ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นวาระเกี่ยวกับการแสวงหา “คุณค่า” (“คุณค่า” ในที่นี้ได้บูรณาการความหมายของ
Value Values และ Virtue เข้าด้วยกัน โดยในความหมายของ Value นั้นได้รวม The 3 “Transcendentals”–
ความจริง ความดี ความงาม - เข้าไปด้วย) ซึ่งเป็นประเด็นวาระพิเศษเฉพาะของมนุษย์อันมีลักษณะ แปลกที่สุด เมื่อ
เปรียบเทียบกับสรรพสัตว์ทั้งปวง จึงอาจกล่าวได้ว่าโลกนามธรรมของมนุษย์ส่วนที่เกี่ยวกับความต้องการเติมเต็ม
ความหมายและ “คุณค่า” ของการมีชีวิตอยู่นี้คือเอกลักษณ์พิเศษอันโดดเด่น ที่ทาให้มนุษยชาติแตกต่างจาก
สรรพสัตว์อื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
ดังนั้น การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์ จึงต้องมุ่งไปสู่เรื่อง “คุณค่า” เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์มนุษย์ให้เป็น
มนุษย์โดยสมบูรณ์ หรืออาจกล่าวอีกแบบหนึ่งว่า การศึกษาเพื่อสร้างและพัฒนา “คุณค่า” คือหัวใจสาคัญของ
การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนที่จะเป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็น “Cultural Being” หากมนุษย์
ผู้ใดไม่ได้เรียนรู้และฝึกฝนให้เป็นมนุษย์ โดยการพัฒนาให้ครบทั้ง “คุณค่า” เจตคติ ทักษะ และความรู้อย่าง
ถูกต้องและเป็นองค์รวม โดยมีเรื่อง “คุณค่า” เป็นประธานของการเรียนรู้แล้ว จะทาให้มนุษย์ผู้นั้นพลาดโอกาสที่
จะได้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ และในขณะเดียวกันส่วนของความเป็นสัตว์ที่ยังมีอยู่ในชีวิตมนุษย์นั้นก็ขาดความ
สมบูรณ์ในความเป็นสัตว์ตั้งแต่เกิดสายพันธุ์มนุษย์ขึ้นแล้ว เพราะธรรมชาติต้องตัด คุณภาพ หลายอย่างของสัตว์
๓
ออกไปเพื่อแลกกับการสร้าง ศักยภาพ ในการเรียนรู้และฝึกฝนให้เป็นมนุษย์ ดังนั้น มนุษย์ผู้ใดพลาดโอกาสที่จะได้
เรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเป็นมนุษย์อย่างถูกต้อง ผ่านการศึกษาองค์รวมที่เน้นเรื่อง “คุณค่า” มนุษย์ผู้นั้นก็จะ
พลาดทั้งโอกาสที่จะได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และโอกาสที่จะได้เป็นสัตว์ที่สมบูรณ์ไปพร้อม ๆ กัน แล้วมนุษย์ที่
พลาดโอกาสนี้จะเป็นอะไร? ในเมื่อเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้ เป็นสัตว์ก็ไม่ได้ บางศาสนามีคาตอบว่าเป็น “อสูร” บ้าง เป็น
“เปรต” บ้าง ฯลฯ
การสรุปภาพรวมของสภาวะการเป็นมนุษย์ได้แสดงไว้ใน “แผนภาพแสดงองค์ประกอบ ของ
“มนุษภาวะ” โดยสังเขป” ดังนี้
๔
แผนภาพแสดงองค์ประกอบ ของ “มนุษภาวะ” โดยสังเขป
ส่
ว
นที
่
๑
ส่
ว
นที
่
ม
นุ
ษ
ย์
ม
ี
ร
่
ว
มกั
บ
สั
ต
ว์
:
คุ
ณ
ภาพ
ของ
สมอง
อวั
ย
วะ
เซล
ระบบต่
า
ง
ๆ
สั
ญ
ชาตญาณ
จิ
ต
ใจ
สั
น
ดาน
ฯลฯ
ที
่
ท
างานอั
ต
โนมั
ต
ิ
โ
ดยไม่
เ
กิ
ด
เป็
น
ความหมายในโลกนามธรรม
ส่
ว
นนี
้
ม
นุ
ษ
ย์
ม
ี
ร
่
ว
มกั
บ
สั
ต
ว์
แ
ต่
ข
าดความสมบู
ร
ณ์
ใ
นแบบที
่
ส
ั
ต
ว์
ม
ี
ส่วนที่ ๒ ส่วนที่เป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์
: ศักยภาพ ของ สมอง อวัยวะ เซล ระบบต่าง ๆ สัญชาตญาณ จิตใจ สันดาน ฯลฯ
ที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาโดยการสร้างโลกนามธรรมที่มีความหมายขึ้นภายในจิตใจ
ส่วนนี้เป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเรียนรู้ของมนุษย์ วัฒนธรรม และการเกิดอารยะธรรม
ส่วนที่เป็นประเด็นวาระร่วมกับสัตว์ ส่วนที่เป็นประเด็นวาระเฉพาะของมนุษย์
: ส่วนนี้เกี่ยวกับการตอบสนองต่อ
ความจาเป็นในการดารงและดาเนิน
ชีวิตตลอดจนการสืบทอดเผ่าพันธุ์
: ส่วนนี้เกี่ยวกับความต้องการเติมเต็มความหมายและ “คุณค่า” ของการมีชีวิตอยู่
ที่แสดงออกให้เห็นผ่านพฤติกรรมเกี่ยวกับค่านิยม ความเชื่อ ศาสนา พิธีกรรม ศิลปกรรม
สุนทรียภาพ แรงบันดาลใจ ความลึกลับ ความรู้สึกอันวิสุทธิ์วิเศษ ความสุขใจ
ความทุกข์ใจ การเสพกามและวัตถุอย่างสุดโต่ง ประเด็นคาถามทางปรัชญา หรือ
“โจทย์ใหญ่” ฯลฯ
ส่วนนี้ล้วนเป็นประเด็นวาระเกี่ยวกับการแสวงหา “คุณค่า”
อันมีลักษณะแปลกที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสรรพสัตว์ทั้งปวง
และเป็นเอกลักษณ์พิเศษอันโดดเด่นที่ทาให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
หมายเหตุ ๑. หมายถึง สามารถมีอิทธิพลต่อกันได้ทั้ง ๒ ทาง
๒. “คุณค่า” ในที่นี้หมายถึง การบูรณาการความหมายของ Value Values Virtue และ The 3 “Transcendentals” (ความจริง ความดี ความงาม)
๓. เหตุที่ส่วนที่ ๑ ของมนุษย์ขาดความสมบูรณ์ในแบบที่สัตว์มีเพราะธรรมชาติต้องตัดคุณภาพหลายอย่างของสัตว์ออกไปเพื่อแลกกับการสร้างศักยภาพในส่วนที่ ๒ ของมนุษย์ขึ้น
๕
ขยายความเรื่อง “คุณค่า”
ความหมายของ “คุณค่า”
ดังกล่าวแล้วว่า “คุณค่า” ในที่นี้เป็นการบูรณาการความหมายของ Value (คุณค่า) Values (ค่านิยม) และ
virtue (คุณธรรม) เข้าด้วยกัน โดยในความหมายของ Value (คุณค่า) นั้นได้รวม The 3 “Transcendentals”
(ความจริง ความดี ความงาม) เข้าไปด้วย จึงอาจสรุปความหมายของ “คุณค่า” ในที่นี้ได้ว่า หมายถึง คุณประโยชน์
คุณธรรม-จริยธรรม สุนทรียภาพ ปัญญาญาณ ความจริงสูงสุด และค่านิยม ที่เกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ ผ่าน
การปฏิสัมพันธ์กับโลกนามธรรมของมนุษย์คนอื่น การปฏิสัมพันธ์กับองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่มีอยู่รอบตัว การมี
ประสบการณ์กับโลกวัตถุวิสัย และการมีประสบการณ์กับโลกนามธรรมและภาวะวัตถุวิสัยภายในตนเอง
รากฐานของ “คุณค่า” และการแปรรูป “คุณค่า” สู่พฤติกรรม
๑. ความศรัทธาตั้งมั่นในอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ คือ รากฐานและบ่อเกิดของ “คุณค่า” ทั้งปวง
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณในการแสวงหาความหมายและ “คุณค่า” ของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งแสดงออก
ให้เห็นผ่านพฤติกรรม “แปลกที่สุด” อันมากมายที่ไม่เกี่ยวกับการดารงอยู่ของชีวิตและการสืบทอดเผ่าพันธุ์ดังที่ได้
กล่าวมาแล้ว พฤติกรรม “แปลกที่สุด” ดังกล่าวปรากฏแพร่หลายอยู่ในมนุษย์ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกวัฒนธรรม ทุกภูมิภาค
และสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นในทุกวัฒนธรรมจึงมีคาอธิบายเกี่ยวกับอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ เพราะจากอุดมคติสูงสุดของการ
มีชีวิตอยู่นี้เองที่เป็นผืนภูมิให้ “คุณค่า” ทั้งหลายงอกงามออกมา ยกตัวอย่างเช่น
ในสังคม – วัฒนธรรมที่มีอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ คือการเสพสุขจากการบริโภคก็จะมี “คุณค่า” ชุด
ใหญ่ที่เกิดขึ้นควบคู่กันมาคือ ค่านิยมในการสร้างและสะสมโภคทรัพย์ ค่านิยมในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยโภคทรัพย์
การยึดมั่นในวัตถุมากกว่าจิตใจ ความเชื่อเรื่องมี “โลกนี้” โลกเดียว ไม่มี “โลกอื่น” คู่ขนาน ไม่มี “โลกหน้า” หลัง
ความตาย หากมีมันก็ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับ “โลกนี้”
การเห็นแก่ตัวไม่มีอะไรผิดหากยังไม่ทาผิดกฎหมาย ในอุดมคติของ “ทุนนิยม – บริโภคนิยม” ถึงกับให้คุณค่า
กับ “การเห็นแก่ตัวอย่างมีเหตุผลภายใต้กฎหมาย” ว่าเป็นแรงขับในการสร้างความสุขความเจริญให้กับสังคม
เพราะเสรีภาพของปัจเจกทุกคนที่ “เห็นแก่ตัวอย่างมีเหตุผลภายใต้กฎหมาย” จะประชุมกันเป็นพลังทางเศรษฐกิจ
และก่อให้เกิด “มือที่มองไม่เห็น” ที่จะจัดสรรและสรรสร้าง “ความมั่งคั่งของประชาชาติ” (The Wealth of
๖
Nation) ขึ้นมา การเติบโตของความมั่งคั่งทางวัตถุคือการเติบโตของการบริโภค การเติบโตของการบริโภคนาไปสู่การ
เติบโตของการผลิต ซึ่งเป็นวงจรที่นาไปสู่ความสุขความเจริญสูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ตามอุดมคติแบบนี้
ในอีกมุมหนึ่งที่ตรงข้ามกัน ในสังคม – วัฒนธรรมที่มีอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ คือการเข้าถึง “พระเจ้า”
ซึ่งเป็นดวงจิตสูงสุดในจักรวาล และเป็นผู้สร้างจักรวาล สร้างโลก สร้างสรรพชีวิต และสร้างมนุษย์ขึ้นมา ก็จะมี
“คุณค่า” ชุดใหญ่ที่เกิดขึ้นควบคู่กันมาคือ “คุณค่า” ที่ “พระเจ้า” กาหนดมาผ่านคนบางคนที่สังคมเชื่อมั่นว่าเป็น
“ผู้รับสาร” มาจาก “พระเจ้า” “คุณค่า” เหล่านั้นเช่น ค่านิยมในการสร้างและสะสมบุญ ค่านิยมในการแก้ปัญหา
ต่าง ๆ ด้วยการทาบุญ การยึดมั่นในบุญและด้านจิตใจมากกว่าวัตถุ ความเชื่อเรื่อง “โลกอื่น” ที่ดาเนินคู่ขนานอยู่กับ
“โลกนี้” และมี “โลกหน้า” รออยู่หลังความตาย ทั้ง “โลกนี้” “โลกอื่น” และ “โลกหน้า” มีความสัมพันธ์กันอย่าง
ลึกซึ้ง ผลบุญและบาปใน “โลกนี้” มีผลต่อปฏิกิริยาของ “โลกอื่น” และต่อลักษณะของ “โลกหน้า” ที่รอเราอยู่
การเห็นแก่ตัวเป็นบาป แม้ไม่มีมนุษย์ผู้ใดรู้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน “โลกอื่น” รู้ “พระเจ้า” รู้ และผลบาปนั้นจะ
ติดตามมาแน่นอน การเข้าถึง “พระเจ้า” เป็นเป้าหมายสูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และจะเกิดขึ้นได้จากความ
ศรัทธาใน “พระเจ้า” และการสะสมบุญ
ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างสั้น ๆ ของวัฒนธรรม ๒ ประเภทที่มีอุดมคติสูงสุดของชีวิตอยู่กันคนละขั้ว เพื่อ
แสดงให้เห็นว่าอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่เป็นรากฐานและบ่อเกิดของ “คุณค่า” ทั้งปวงได้อย่างไร
เมื่ออุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ของแต่ละวัฒนธรรมนั้นอาจมีความแตกต่างกันอย่างมาก และต่างก็เป็น
เครื่องชี้นาและจรรโลงให้มนุษย์ในแต่ละกลุ่มวัฒนธรรมเหล่านั้นดาเนินชีวิตและความเป็นอยู่มาได้ยาวนาน ดังนั้น
อุดมคติฯ เหล่านี้ล้วนแล้วนาพามนุษย์ไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ทั้งหมดใช่ไหม ?
คาตอบคือไม่ใช่ อุดมคติฯ และชุด “คุณค่า” ใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมสลายของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
ความกีดกันข่มเหงเบียดเบียนระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ความเห็นแก่ตัว ความไม่ซื่อตรง การทาลายสติ การทาลายสุข
ภาวะพื้นฐานของมนุษย์ การสูญเสียความเมตตา - กรุณา การสูญเสียความเพียร การสูญเสียความอดทน การสูญเสีย
ปัญญาญาน ฯลฯ ล้วนเป็นอุดมคติฯ และชุด “คุณค่า” ที่ทาลายความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และในทางกลับกันอุดม
คติฯ และชุด “คุณค่า” ใดที่ส่งเสริมในสิ่งดังกล่าว อุดมคติฯ และชุด “คุณค่า” นั้นเป็นเครื่องส่งเสริมให้มนุษย์พัฒนา
ไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ดังนั้นประเด็นอุกฤติ ของการจัดการศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์ จึงอยู่ตรงที่การเลือกว่าอุดมคติสูงสุดของการมี
ชีวิตอยู่ของมนุษย์นั้นควรเป็นเช่นไร เพราะอุดมคติฯ ที่เลือกมานั้นจะเป็นรากฐานและบ่อเกิดของ “คุณค่า” ทั้ง
๗
ปวงที่เกิดขึ้นควบคู่กันมา และ “คุณค่า” เหล่านั้นเองที่จะเป็นเครื่องชี้ว่า “การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์” ที่ต้องการนั้น
มุ่งไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามเป้าหมายหรือไม่
๒. Value (คุณค่า) Values (ค่านิยม) และ Virtue (คุณธรรม) มีความสัมพันธ์ที่ยึดโยงกันอยู่แนบแน่น
Value (คุณค่า) ในที่นี้ได้หมายรวมถึง “ความจริง” “ความดี” และ “ความงาม” เข้ามาด้วย ซึ่งในเรื่อง
“ความดี” นั้นก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ คุณธรรม – จริยธรรม หรือ Virtue นั่นเอง ดังนั้นในที่นี้ความหมายของ Value
(คุณค่า) และ Virtue (คุณธรรม) จึงแยกขาดจากกันไม่ได้
เมื่อใดที่จิตใจของเราเลือกว่าเราเชื่อ เรารับ Value และ Virtue เหล่านี้ เมื่อนั้นจิตใจของเราก็เกิดการตัดสิน
ว่า Value และ Virtue แบบนี้ถูกต้อง แบบนี้ดี แบบนี้งดงาม พร้อมกันนั้นก็จะเกิดการตัดสินในอีกมุมหนึ่งว่า สิ่งที่
ตรงข้ามกับ Value และ Virtue ที่เราเชื่อ เรารับนั้น ไม่ถูกต้อง ไม่ดี ไม่งดงาม ซึ่งการกระทาของจิตใจในลักษณะนี้ก็
คือการสร้าง “ค่านิยม” หรือValues ขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั้ง Value (คุณค่า) Virtue (คุณธรรม) และ Values (ค่านิยม) นั้น มีความสัมพันธ์ที่โยงยึด
กันอยู่แนบแน่นและไม่อาจเกิดขึ้นโดด ๆ โดยแยกขาดออกจากกันได้
๓. Values (ค่านิยม) คือประตูที่แปรรูป “คุณค่า” สู่พฤติกรรม
Value (คุณค่า) Virtue (คุณธรรม) ที่บ่มเพาะขึ้นในจิตใจนั้นแรกเริ่มเป็นความตระหนัก ความซาบซึ้ง ความ
อิ่มใจ ซึ่งยังไม่เป็นแรงขับที่ชัดเจนสู่การปรากฏเป็นพฤติกรรม ต่อเมื่อจิตใจเกิดการตัดสิน Value (คุณค่า) Virtue
(คุณธรรม) เหล่านั้น จนเกิดเป็น Values (ค่านิยม) ขึ้น ก็จะเกิดความพร้อมต่อการนาสู่การปฏิบัติทางกาย วาจา ใจ
จนปรากฏเป็นพฤติกรรมขึ้น
ซึ่งทั้ง ๓ ประเด็นดังกล่าวนี้อาจประมวลสรุปออกมาเป็นแผนภาพได้ดังนี้
ความศรัทธาตั้งมั่น
ในอุดมคติสูงสุด
ของการมีชีวิตอยู่
Value
(คุณค่า)
Values
(ค่านิยม)
Virtue
(คุณธรรม)
พฤติกรรม
๘
VASK: การศึกษาองค์รวมเพื่อเป็นมนุษย์
ดังได้กล่าวมาแล้วว่าการศึกษาของมนุษย์เพื่อเป็นมนุษย์นั้นจะต้องเป็นการศึกษาองค์รวมที่ต้องพัฒนามนุษย์
อย่างน้อย ๔ ด้านคือ ด้าน “คุณค่า” ด้านเจตคติ ด้านทักษะ และด้านความรู้ไปด้วยกัน โดยมีเรื่อง “คุณค่า”
เป็นประธานของการเรียนรู้ ซึ่งอาจอธิบายให้เห็นรายละเอียดจากระดับก่อนเป็นมนุษย์ไปสู่การเป็นมนุษย์ได้ดังนี้
ด้านที่ ๑ : ความรู้ (Knowledge) เขียนเป็นตัวย่อคือ K หมายถึงข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ และความจาใน
ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ ที่สาคัญอันมนุษย์พึงมีอย่างเพียงพอ
ด้านที่ ๒ : ทักษะ (Skill) เขียนเป็นตัวย่อคือ S หมายรวมถึงทั้ง ทักษะทางร่างกาย-ประสาทสัมผัส ทักษะ
ทางจิตใจ-อารมณ์ และทักษะทางการคิด ที่สาคัญอันมนุษย์พึงมีอย่างเพียงพอ ซึ่งสาหรับมนุษย์แล้วทักษะทั้ง ๓ ด้าน
นี้มีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อกันอย่างแนบแน่น ลึกซึ้ง
เมื่อ ทักษะ (S) รวมกับ ความรู้ (K) ก็จะเกิดเป็น ความสามารถ (SK) ขึ้น ซึ่ง ความสามารถ ในที่นี้หมายถึง
ความสามารถในการแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ คนที่มีทักษะแต่ไม่มีความรู้จะไม่สามารถ
เชื่อมโยงและพัฒนาทักษะเหล่านั้นได้ ในอีกด้านหนึ่งคนที่มีความรู้แต่ไม่มีทักษะจะไม่มีความสามารถเกิดขึ้นเพราะไม่
สามารถนาความรู้นั้นสู่การขยายผลและการปฏิบัติใด ๆ ได้ ดังนั้นการจะเกิดเป็นความสามารถที่แท้จริงนั้นจึงต้องมี
ทั้งทักษะและความรู้ที่เพียงพอ
แต่คนที่มีความสามารถสูงจานวนไม่น้อยที่ขาดความมุ่งมั่น ความเอาใจใส่ ความรับผิดชอบ และแรงขับใน
การลงมือแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ให้บรรลุเป้าหมายด้วยตนเอง ดังนั้น เจตคติ หรือแรงขับภายในจึงเป็นสิ่งจาเป็นที่
ต้องเพิ่มเข้าไปอีกจนเกิดเป็น “สมรรถนะ” ขึ้น
ด้านที่ ๓ : เจตคติ (Attitude) เขียนเป็นตัวย่อคือ A หมายถึง ทัศนคติ และความรู้สึกที่เป็นแรงขับภายใน
ในการเรียนรู้และการกระทาในเรื่องหนึ่ง ๆ เจตคติประกอบด้วยประเด็นที่สาคัญ เช่น ความเชื่อ ความศรัทธา ความ
ซาบซึ้งชื่นชม ความสนใจใฝ่รู้ แรงบันดาลใจ ความสุข ความมั่นใจ ความมุ่งมั่น mindset ฯลฯ ในเรื่องนั้น ๆ
เมื่อเจตคติ (A) รวมกับความสามารถ (SK) ก็จะเกิดเป็นสมรรถนะ (ASK) ขึ้น ซึ่ง “สมรรถนะ” ในที่นี้
หมายถึง ผลรวมของเจตคติ หรือแรงขับภายในกับความสามารถจนเกิดเป็น อุปนิสัยในการใช้และพัฒนา
ความสามารถให้เกิดการแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์จนบรรลุเป้าหมายอยู่เสมอ
การเรียนรู้ในระดับสมรรถนะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในสัตว์หลากหลายชนิด ทั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่
เกิดขึ้นโดยการฝึกสอนของมนุษย์ สัตว์หลากหลายชนิดสามารถก่อเกิด อุปนิสัยในการใช้และพัฒนาความสามารถให้
๙
เกิดการแก้ปัญหาจนบรรลุเป้าหมายอยู่เสมอ ดังนั้นโดยนัยนี้ การเรียนรู้ในระดับสมรรถนะจึงยังไม่อาจก้าวพ้นขึ้น
ไปจากระดับพฤติกรรมของสัตว์ เพราะในระดับของสมรรถนะนี้ยังไปไม่ถึงเรื่อง “คุณค่า”
ผู้ที่มีสมรรถนะสูงแต่ไม่มีการพัฒนาด้าน “คุณค่า” ทาให้ คุณลักษณะของมนุษย์ ขาดหายไป จึงยังไม่เป็น
มนุษย์ครบองคาพยพที่มนุษย์พึงมี เป็นผู้ที่มีความบกพร่องทั้งในด้านความเป็นสัตว์และในด้านความเป็นมนุษย์ แต่
กลับมีสมรรถนะสูงในการก่อความเสียหายให้กับตนเอง สังคม และโลก อย่างไม่อาจประมาณได้
ในโลกนี้มีคนที่มีสมรรถนะสูงจานวนไม่น้อยที่ใช้สมรรถนะไปในทางที่ไม่ถูกต้องและสร้างปัญหามากมาย
ให้กับสังคมและโลก ดังนั้น “คุณค่า” จึงเป็นสิ่งจาเป็นที่ต้องเพิ่มเข้าไปอีกจนเกิดเป็น คุณลักษณะของมนุษย์ ขึ้น
การเรียนรู้ในระดับศักยภาพของมนุษย์เพื่อก่อให้เกิด คุณลักษณะของมนุษย์ ขึ้นนั้นจาเป็นต้องมีเรื่อง
“คุณค่า” เป็นประธาน เพื่อพัฒนาสมรรถนะ (AKS) ให้ตอบสนองต่อโจทย์ของ “คุณค่า” เหล่านั้น
ด้านที่ ๔ : “คุณค่า” (Value - Values - Virtue) เขียนเป็นตัวย่อคือ V ซึ่งในที่นี้หมายถึง การบูรณาการ
ความหมายของ Value (คุณค่า) Values (ค่านิยม) และVirtue (คุณธรรม) เข้าด้วยกัน โดยในความหมายของ
Value นั้นให้รวม The 3 “Transcendentals” (ความจริง ความดี ความงาม) เข้าไปด้วย
เมื่อรวมการเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวมทั้ง ๔ ด้าน คือ “คุณค่า” เจตคติ ทักษะ และความรู้ โดยมีด้าน
“คุณค่า” เป็นประธานของการเรียนรู้จึงจะก่อเกิดเป็น คุณลักษณะของมนุษย์ ขึ้น ซึ่ง คุณลักษณะของมนุษย์ ใน
ที่นี้หมายถึง ผลรวมของ “คุณค่า” กับ สมรรถนะ จนเกิดเป็น อุปนิสัยในการใช้และพัฒนาสมรรถนะให้เกิดการ
แก้ปัญหาและสร้างสรรค์จนบรรลุเป้าหมายในทางที่ดีงามอย่างมีความสุขอยู่เสมอ
ดังนั้นการเรียนรู้หรือการศึกษาของมนุษย์ เพื่อเป็นมนุษย์ จึงต้องเป็นการศึกษาองค์รวมอย่างน้อย ๔ ด้าน คือ
“คุณค่า” เจตคติ ทักษะ และความรู้ โดยมีด้าน “คุณค่า” เป็นประธานของการเรียนรู้ ซึ่งการศึกษาองค์รวมนี้อาจ
เขียนเป็นอักษรย่อว่า VASK และอาจอธิบายออกมาเป็นแผนผังดังนี้
VASK = V + A + S + K
สมรรถนะ (“เก่งจริง” “มีสุข ?”)
ความสามารถ (“เก่ง”)
คุณลักษณะของมนุษย์ (“เก่งจริง” “ดี” “มีสุข”)
VASK =

More Related Content

PDF
9789740329237
PDF
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
DOCX
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
PPTX
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
PDF
มนุษย์ สังคม วัฒนธรรม
PPTX
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๑ ความหมายและขอบเขตของปรัชญา
PDF
What is life
PDF
02life
9789740329237
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
มนุษย์ สังคม วัฒนธรรม
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๑ ความหมายและขอบเขตของปรัชญา
What is life
02life

Similar to คุณค่ากับการศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์โดยศีลวัต (20)

PDF
คู่มืออบรมยุวพุทธ
PDF
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
PPT
บทที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจริยธรรม
PPTX
การพัฒนามนุษย์และสังคมเพื่อความเป็นไท ความหมาย
PDF
อภิปรัชญา (Metaphysics) by Philosophychicchic.pdf
PPTX
อภิปรัชญา ความจริงของโลก และ มนุษย์
PDF
สายธารปรัชญาคือที่มาของสรรพศาสตร์
PPTX
Part1 ความเชื่อ และ วิทยาศาสตร์ ในสังคมไทย
PPT
ปรัชญาการศึกษา Philosophy of Education
PDF
จิตปัญญาศึกษา จำเรียง
PDF
ผังมโนทัศน์ สังคม ป.1-3+443+dltvsocp3+T2 p1 6-soc_mindmap
PDF
ผังมโนทัศน์สังคมศึกษา ป.1-3+409+dltvsocp1+T2 p1 6-soc_mindmap
PDF
แผนผังมโนทัศน์สังศึกษา ป.1-3+426+dltvsocp2+T2 p1 6-soc_mindmap
PPTX
การสร้างภูมิปัญญาไทย
KEY
7 พฤติกรรมศาสตร์
PDF
ใบความรู้ที่ 1
PPT
Brains
PPTX
Chapter 1 ความหมายและองค์ประกอบของปัญญาชน
PDF
ผู้นำขี้โอ่...โอหัง
คู่มืออบรมยุวพุทธ
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
บทที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจริยธรรม
การพัฒนามนุษย์และสังคมเพื่อความเป็นไท ความหมาย
อภิปรัชญา (Metaphysics) by Philosophychicchic.pdf
อภิปรัชญา ความจริงของโลก และ มนุษย์
สายธารปรัชญาคือที่มาของสรรพศาสตร์
Part1 ความเชื่อ และ วิทยาศาสตร์ ในสังคมไทย
ปรัชญาการศึกษา Philosophy of Education
จิตปัญญาศึกษา จำเรียง
ผังมโนทัศน์ สังคม ป.1-3+443+dltvsocp3+T2 p1 6-soc_mindmap
ผังมโนทัศน์สังคมศึกษา ป.1-3+409+dltvsocp1+T2 p1 6-soc_mindmap
แผนผังมโนทัศน์สังศึกษา ป.1-3+426+dltvsocp2+T2 p1 6-soc_mindmap
การสร้างภูมิปัญญาไทย
7 พฤติกรรมศาสตร์
ใบความรู้ที่ 1
Brains
Chapter 1 ความหมายและองค์ประกอบของปัญญาชน
ผู้นำขี้โอ่...โอหัง
Ad

More from Pattie Pattie (20)

PPTX
พัฒนาเด็กไทยสู่สมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
PPTX
ครูกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต กองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โครงการราชบัณฑิ...
PPTX
โรงเรียนแห่งอนาคต พัฒนาเด็กแห่งอนาคต สถาบันเด็ก
PPTX
หนุนนักศึกษาให้พัฒนาทักษะแห่งอนาคตใส่ตัว
PPTX
แนวคิดของนักเรียน นำเสนอวันที่ 7 มิถุนายน 68
PPTX
การพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนเป็นนวัตกร (1).pptx
PPTX
หนุนนักศึกษาให้พัฒนาความเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต
PDF
สรุปผลการประเมินงานประชุมวิชาการเครือข่ายความรู ้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2
PDF
รายงานการจัดการความรู้ งานประชุมวิชาการระดับชาติ เครือข่ายความรู้สุขภาวะทาง...
PPTX
โรงเรียนกับ community engagement โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
PPTX
การศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์ เพลินพัฒนา
PPTX
ภูมิปัญญาภาษาไทย หน่วยประสบการณ์การเรียนรู้ภูมิปัญญาภาษาไทย
PPTX
การพัฒนาด้านใน เพื่อ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
PDF
เอกสารประกอบการประชุม วาระ 4.3 ความก้าวหน้าการด าเนินงานโครงการขับเคลื่อน เ...
PDF
ข้อมูลการด าเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพโรงเรียน เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึก...
PPTX
680128_Spiritual H and Complete Well-being.pptx
PPTX
คุณค่าของ DE ต่อ สสส. และภาคีเครือข่าย โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
PPTX
ต่อยอดนวัตกรรมการศึกษาสระแก้ว สู่การยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้
PPTX
Medical Education Towards Well-being for All
PPTX
ขับเคลื่อนสังคมไทยด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับพื้นที่
พัฒนาเด็กไทยสู่สมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ครูกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต กองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โครงการราชบัณฑิ...
โรงเรียนแห่งอนาคต พัฒนาเด็กแห่งอนาคต สถาบันเด็ก
หนุนนักศึกษาให้พัฒนาทักษะแห่งอนาคตใส่ตัว
แนวคิดของนักเรียน นำเสนอวันที่ 7 มิถุนายน 68
การพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนเป็นนวัตกร (1).pptx
หนุนนักศึกษาให้พัฒนาความเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต
สรุปผลการประเมินงานประชุมวิชาการเครือข่ายความรู ้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2
รายงานการจัดการความรู้ งานประชุมวิชาการระดับชาติ เครือข่ายความรู้สุขภาวะทาง...
โรงเรียนกับ community engagement โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
การศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์ เพลินพัฒนา
ภูมิปัญญาภาษาไทย หน่วยประสบการณ์การเรียนรู้ภูมิปัญญาภาษาไทย
การพัฒนาด้านใน เพื่อ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
เอกสารประกอบการประชุม วาระ 4.3 ความก้าวหน้าการด าเนินงานโครงการขับเคลื่อน เ...
ข้อมูลการด าเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพโรงเรียน เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึก...
680128_Spiritual H and Complete Well-being.pptx
คุณค่าของ DE ต่อ สสส. และภาคีเครือข่าย โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
ต่อยอดนวัตกรรมการศึกษาสระแก้ว สู่การยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้
Medical Education Towards Well-being for All
ขับเคลื่อนสังคมไทยด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับพื้นที่
Ad

คุณค่ากับการศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์โดยศีลวัต

  • 1. ๑ “คุณค่า” กับการศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์ ศีลวัต ศุษิลวรณ์ โลกนามธรรมภายในจิตใจ : จุดเริ่มต้นของการศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์ ในปัจจุบันความรู้ทางมานุษยวิทยาและโบราณคดีที่ก่อร่างและสะสมมายาวนานได้ฉายภาพลักษณะเฉพาะ ของมนุษยชาติที่มีความแตกต่างอย่างมากจากสรรพสัตว์อื่น ๆ บนโลกใบนี้ เรามองเห็นภาพของมนุษย์ที่มิใช่เพียง แค่เฉลียวฉลาดกว่าสัตว์อื่น ๆ อย่างเป็นพิเศษเท่านั้น แต่มนุษย์มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นมากคือ ความสามารถใน การสร้างโลกนามธรรมที่มีความหมายขึ้นภายในจิตใจ เพื่อเป็นตัวเชื่อมระหว่างมนุษย์กับโลกวัตถุวิสัย และระหว่าง โลกนามธรรมของมนุษย์ด้วยกัน โลกนามธรรมภายในจิตใจนี้เป็นอวัยวะพิเศษที่ไม่มีตัวตนทางวัตถุแต่มนุษย์ต้องใช้ อาศัยเป็นที่ตั้งของการรับรู้และการเรียนรู้ทั้งหมดตลอดจนใช้เชื่อมโยงโลกนามธรรมของมวลมนุษย์เข้าด้วยกันจน เกิดเป็น “วัฒนธรรม” ของมวลมนุษย์ขึ้น โลกนามธรรมนี้จึงประกอบไปด้วยความรู้สึก ความจา ความคิด ความรู้ คุณค่าและค่านิยม อันมากมายที่มวลมนุษย์ช่วยกันสร้างสรรค์และสะสมกันมายาวนาน และโลกนามธรรมนี้เองที่ กาหนดความรู้สึก นึก คิด และการกระทาของมนุษย์ และนามนุษยชาติเดินทางมาในเส้นทางที่แปลกประหลาดไป จากสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก นั่นคือ “วัฒนธรรม” และ “อารยธรรม” โลกนามธรรมที่มีความหมายภายในจิตใจของมนุษย์นี้เป็น อวัยวะพิเศษที่มองไม่เห็นแต่มีความสาคัญยิ่งยวด ต่อการเป็นมนุษย์ และเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะสร้างและพัฒนาให้ดีขึ้นตลอดชีวิต ผ่านการปฏิสัมพันธ์กับโลก นามธรรมของคนอื่น การปฏิสัมพันธ์กับองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่มีอยู่รอบตัว การมีประสบการณ์กับโลกวัตถุ วิสัย และการมีประสบการณ์กับโลกนามธรรมและภาวะวัตถุวิสัยภายในตนเอง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า มนุษย์ไม่ได้มี โลกนามธรรมนี้มาโดยกาเนิด แต่มนุษย์มีศักยภาพในการสร้างโลกนามธรรมนี้มาโดยกาเนิด และมนุษย์ต้องใช้ ศักยภาพนี้เพื่อสร้างและพัฒนาโลกนามธรรมนี้ให้มีคุณภาพที่ดีไปตลอดชีวิต มนุษย์ไม่ได้เป็นมนุษย์ครบองคาพยพโดยกาเนิด เพราะโลกนามธรรมที่มีความหมายภายในจิตใจอันเปรียบ ได้กับอวัยวะที่สาคัญยิ่งยวดของมนุษย์นั้นต้องสร้างและพัฒนาขึ้นจากการเรียนรู้และฝึกฝน คุณภาพของความเป็น มนุษย์ที่สมบูรณ์จึงเกิดจากการเรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น มนุษย์จึงต้องเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเป็นมนุษย์ เพราะ มนุษย์ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์เป็นมนุษย์ หากแต่เกิดมาพร้อมกับศักยภาพที่จะเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเป็น มนุษย์ที่สมบูรณ์ การเรียนรู้และฝึกฝนของมนุษย์ เพื่อเป็นมนุษย์ และดาเนินชีวิตไปอย่างมนุษย์นี้ต้องเป็นไปผ่าน กระบวนการทางวัฒนธรรมร่วมกับมนุษย์ผู้อื่น ควบคู่ไปกับการฝึกฝนตนเองอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า มนุษย์นั้นเป็น “Cultural being” ที่ต้องผ่าน การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์
  • 2. ๒ “คุณค่า”: หัวใจของมนุษภาวะ และ การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์ ใน โลกนามธรรมของมนุษย์ นี้ ส่วนหนึ่งนั้นเกี่ยวกับการตอบสนองต่อความจาเป็นในการดารงและดาเนิน ชีวิตตลอดจนการสืบทอดเผ่าพันธุ์ อันเป็นประเด็นวาระที่มนุษย์มีร่วมอยู่กับสรรพสัตว์อื่น ๆ แต่อีกส่วนหนึ่งนั้นมี ลักษณะพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะของมนุษย์ คือเป็นส่วนที่เกี่ยวกับความต้องการเติมเต็ม ความหมายและคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งแสดงออกให้เห็นในพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับ ค่านิยม ความเชื่อ ศาสนา พิธีกรรม ศิลปกรรม สุนทรียภาพ แรงบันดาลใจ ความลึกลับ ความรู้สึกอันวิสุทธิ์วิเศษ (Sublime Feeling) ความสุขใจ ความทุกข์ใจ ไปจนถึงการเสพกามและวัตถุอย่างสุดโต่ง ตลอดจนประเด็นคาถามทางปรัชญา เช่น ชีวิต โลก จักรวาล คืออะไร ? สัมพันธ์กันอย่างไร ? กาเนิดและดาเนินมาอย่างไร ? ชีวิต โลก จักรวาล ควรเป็นเช่นไร ? ชีวิต โลก จักรวาล จะเป็นดังที่ควรเป็นได้อย่างไร ? ชีวิตก่อนเกิดและชีวิตหลังความตายมีหรือไม่ ? ถ้ามีจะเป็นเช่น ไร ? อะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดของการมีชีวิต ? ฯลฯ ซึ่งประเด็นคาถามเหล่านี้อาจรวมเรียกได้ว่าเป็น “โจทย์ใหญ่” (Big Question) อันเป็นประเด็นคาถามเฉพาะของมนุษยชาติ พฤติกรรมของมนุษย์ส่วนที่เกี่ยวกับค่านิยม ความเชื่อ ศาสนา พิธีกรรม ศิลปกรรม สุนทรียภาพ แรงบันดาล ใจ ความลึกลับ ความรู้สึกอันวิสุทธิ์วิเศษ ความสุขใจ ความทุกข์ใจ การเสพกามและวัตถุอย่าสุดโต่ง “โจทย์ใหญ่” ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นวาระเกี่ยวกับการแสวงหา “คุณค่า” (“คุณค่า” ในที่นี้ได้บูรณาการความหมายของ Value Values และ Virtue เข้าด้วยกัน โดยในความหมายของ Value นั้นได้รวม The 3 “Transcendentals”– ความจริง ความดี ความงาม - เข้าไปด้วย) ซึ่งเป็นประเด็นวาระพิเศษเฉพาะของมนุษย์อันมีลักษณะ แปลกที่สุด เมื่อ เปรียบเทียบกับสรรพสัตว์ทั้งปวง จึงอาจกล่าวได้ว่าโลกนามธรรมของมนุษย์ส่วนที่เกี่ยวกับความต้องการเติมเต็ม ความหมายและ “คุณค่า” ของการมีชีวิตอยู่นี้คือเอกลักษณ์พิเศษอันโดดเด่น ที่ทาให้มนุษยชาติแตกต่างจาก สรรพสัตว์อื่น ๆ โดยสิ้นเชิง ดังนั้น การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์ จึงต้องมุ่งไปสู่เรื่อง “คุณค่า” เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์มนุษย์ให้เป็น มนุษย์โดยสมบูรณ์ หรืออาจกล่าวอีกแบบหนึ่งว่า การศึกษาเพื่อสร้างและพัฒนา “คุณค่า” คือหัวใจสาคัญของ การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนที่จะเป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็น “Cultural Being” หากมนุษย์ ผู้ใดไม่ได้เรียนรู้และฝึกฝนให้เป็นมนุษย์ โดยการพัฒนาให้ครบทั้ง “คุณค่า” เจตคติ ทักษะ และความรู้อย่าง ถูกต้องและเป็นองค์รวม โดยมีเรื่อง “คุณค่า” เป็นประธานของการเรียนรู้แล้ว จะทาให้มนุษย์ผู้นั้นพลาดโอกาสที่ จะได้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ และในขณะเดียวกันส่วนของความเป็นสัตว์ที่ยังมีอยู่ในชีวิตมนุษย์นั้นก็ขาดความ สมบูรณ์ในความเป็นสัตว์ตั้งแต่เกิดสายพันธุ์มนุษย์ขึ้นแล้ว เพราะธรรมชาติต้องตัด คุณภาพ หลายอย่างของสัตว์
  • 3. ๓ ออกไปเพื่อแลกกับการสร้าง ศักยภาพ ในการเรียนรู้และฝึกฝนให้เป็นมนุษย์ ดังนั้น มนุษย์ผู้ใดพลาดโอกาสที่จะได้ เรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเป็นมนุษย์อย่างถูกต้อง ผ่านการศึกษาองค์รวมที่เน้นเรื่อง “คุณค่า” มนุษย์ผู้นั้นก็จะ พลาดทั้งโอกาสที่จะได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และโอกาสที่จะได้เป็นสัตว์ที่สมบูรณ์ไปพร้อม ๆ กัน แล้วมนุษย์ที่ พลาดโอกาสนี้จะเป็นอะไร? ในเมื่อเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้ เป็นสัตว์ก็ไม่ได้ บางศาสนามีคาตอบว่าเป็น “อสูร” บ้าง เป็น “เปรต” บ้าง ฯลฯ การสรุปภาพรวมของสภาวะการเป็นมนุษย์ได้แสดงไว้ใน “แผนภาพแสดงองค์ประกอบ ของ “มนุษภาวะ” โดยสังเขป” ดังนี้
  • 4. ๔ แผนภาพแสดงองค์ประกอบ ของ “มนุษภาวะ” โดยสังเขป ส่ ว นที ่ ๑ ส่ ว นที ่ ม นุ ษ ย์ ม ี ร ่ ว มกั บ สั ต ว์ : คุ ณ ภาพ ของ สมอง อวั ย วะ เซล ระบบต่ า ง ๆ สั ญ ชาตญาณ จิ ต ใจ สั น ดาน ฯลฯ ที ่ ท างานอั ต โนมั ต ิ โ ดยไม่ เ กิ ด เป็ น ความหมายในโลกนามธรรม ส่ ว นนี ้ ม นุ ษ ย์ ม ี ร ่ ว มกั บ สั ต ว์ แ ต่ ข าดความสมบู ร ณ์ ใ นแบบที ่ ส ั ต ว์ ม ี ส่วนที่ ๒ ส่วนที่เป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์ : ศักยภาพ ของ สมอง อวัยวะ เซล ระบบต่าง ๆ สัญชาตญาณ จิตใจ สันดาน ฯลฯ ที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาโดยการสร้างโลกนามธรรมที่มีความหมายขึ้นภายในจิตใจ ส่วนนี้เป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเรียนรู้ของมนุษย์ วัฒนธรรม และการเกิดอารยะธรรม ส่วนที่เป็นประเด็นวาระร่วมกับสัตว์ ส่วนที่เป็นประเด็นวาระเฉพาะของมนุษย์ : ส่วนนี้เกี่ยวกับการตอบสนองต่อ ความจาเป็นในการดารงและดาเนิน ชีวิตตลอดจนการสืบทอดเผ่าพันธุ์ : ส่วนนี้เกี่ยวกับความต้องการเติมเต็มความหมายและ “คุณค่า” ของการมีชีวิตอยู่ ที่แสดงออกให้เห็นผ่านพฤติกรรมเกี่ยวกับค่านิยม ความเชื่อ ศาสนา พิธีกรรม ศิลปกรรม สุนทรียภาพ แรงบันดาลใจ ความลึกลับ ความรู้สึกอันวิสุทธิ์วิเศษ ความสุขใจ ความทุกข์ใจ การเสพกามและวัตถุอย่างสุดโต่ง ประเด็นคาถามทางปรัชญา หรือ “โจทย์ใหญ่” ฯลฯ ส่วนนี้ล้วนเป็นประเด็นวาระเกี่ยวกับการแสวงหา “คุณค่า” อันมีลักษณะแปลกที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสรรพสัตว์ทั้งปวง และเป็นเอกลักษณ์พิเศษอันโดดเด่นที่ทาให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ โดยสิ้นเชิง หมายเหตุ ๑. หมายถึง สามารถมีอิทธิพลต่อกันได้ทั้ง ๒ ทาง ๒. “คุณค่า” ในที่นี้หมายถึง การบูรณาการความหมายของ Value Values Virtue และ The 3 “Transcendentals” (ความจริง ความดี ความงาม) ๓. เหตุที่ส่วนที่ ๑ ของมนุษย์ขาดความสมบูรณ์ในแบบที่สัตว์มีเพราะธรรมชาติต้องตัดคุณภาพหลายอย่างของสัตว์ออกไปเพื่อแลกกับการสร้างศักยภาพในส่วนที่ ๒ ของมนุษย์ขึ้น
  • 5. ๕ ขยายความเรื่อง “คุณค่า” ความหมายของ “คุณค่า” ดังกล่าวแล้วว่า “คุณค่า” ในที่นี้เป็นการบูรณาการความหมายของ Value (คุณค่า) Values (ค่านิยม) และ virtue (คุณธรรม) เข้าด้วยกัน โดยในความหมายของ Value (คุณค่า) นั้นได้รวม The 3 “Transcendentals” (ความจริง ความดี ความงาม) เข้าไปด้วย จึงอาจสรุปความหมายของ “คุณค่า” ในที่นี้ได้ว่า หมายถึง คุณประโยชน์ คุณธรรม-จริยธรรม สุนทรียภาพ ปัญญาญาณ ความจริงสูงสุด และค่านิยม ที่เกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ ผ่าน การปฏิสัมพันธ์กับโลกนามธรรมของมนุษย์คนอื่น การปฏิสัมพันธ์กับองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่มีอยู่รอบตัว การมี ประสบการณ์กับโลกวัตถุวิสัย และการมีประสบการณ์กับโลกนามธรรมและภาวะวัตถุวิสัยภายในตนเอง รากฐานของ “คุณค่า” และการแปรรูป “คุณค่า” สู่พฤติกรรม ๑. ความศรัทธาตั้งมั่นในอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ คือ รากฐานและบ่อเกิดของ “คุณค่า” ทั้งปวง มนุษย์เกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณในการแสวงหาความหมายและ “คุณค่า” ของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งแสดงออก ให้เห็นผ่านพฤติกรรม “แปลกที่สุด” อันมากมายที่ไม่เกี่ยวกับการดารงอยู่ของชีวิตและการสืบทอดเผ่าพันธุ์ดังที่ได้ กล่าวมาแล้ว พฤติกรรม “แปลกที่สุด” ดังกล่าวปรากฏแพร่หลายอยู่ในมนุษย์ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกวัฒนธรรม ทุกภูมิภาค และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นในทุกวัฒนธรรมจึงมีคาอธิบายเกี่ยวกับอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ เพราะจากอุดมคติสูงสุดของการ มีชีวิตอยู่นี้เองที่เป็นผืนภูมิให้ “คุณค่า” ทั้งหลายงอกงามออกมา ยกตัวอย่างเช่น ในสังคม – วัฒนธรรมที่มีอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ คือการเสพสุขจากการบริโภคก็จะมี “คุณค่า” ชุด ใหญ่ที่เกิดขึ้นควบคู่กันมาคือ ค่านิยมในการสร้างและสะสมโภคทรัพย์ ค่านิยมในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยโภคทรัพย์ การยึดมั่นในวัตถุมากกว่าจิตใจ ความเชื่อเรื่องมี “โลกนี้” โลกเดียว ไม่มี “โลกอื่น” คู่ขนาน ไม่มี “โลกหน้า” หลัง ความตาย หากมีมันก็ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับ “โลกนี้” การเห็นแก่ตัวไม่มีอะไรผิดหากยังไม่ทาผิดกฎหมาย ในอุดมคติของ “ทุนนิยม – บริโภคนิยม” ถึงกับให้คุณค่า กับ “การเห็นแก่ตัวอย่างมีเหตุผลภายใต้กฎหมาย” ว่าเป็นแรงขับในการสร้างความสุขความเจริญให้กับสังคม เพราะเสรีภาพของปัจเจกทุกคนที่ “เห็นแก่ตัวอย่างมีเหตุผลภายใต้กฎหมาย” จะประชุมกันเป็นพลังทางเศรษฐกิจ และก่อให้เกิด “มือที่มองไม่เห็น” ที่จะจัดสรรและสรรสร้าง “ความมั่งคั่งของประชาชาติ” (The Wealth of
  • 6. ๖ Nation) ขึ้นมา การเติบโตของความมั่งคั่งทางวัตถุคือการเติบโตของการบริโภค การเติบโตของการบริโภคนาไปสู่การ เติบโตของการผลิต ซึ่งเป็นวงจรที่นาไปสู่ความสุขความเจริญสูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ตามอุดมคติแบบนี้ ในอีกมุมหนึ่งที่ตรงข้ามกัน ในสังคม – วัฒนธรรมที่มีอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ คือการเข้าถึง “พระเจ้า” ซึ่งเป็นดวงจิตสูงสุดในจักรวาล และเป็นผู้สร้างจักรวาล สร้างโลก สร้างสรรพชีวิต และสร้างมนุษย์ขึ้นมา ก็จะมี “คุณค่า” ชุดใหญ่ที่เกิดขึ้นควบคู่กันมาคือ “คุณค่า” ที่ “พระเจ้า” กาหนดมาผ่านคนบางคนที่สังคมเชื่อมั่นว่าเป็น “ผู้รับสาร” มาจาก “พระเจ้า” “คุณค่า” เหล่านั้นเช่น ค่านิยมในการสร้างและสะสมบุญ ค่านิยมในการแก้ปัญหา ต่าง ๆ ด้วยการทาบุญ การยึดมั่นในบุญและด้านจิตใจมากกว่าวัตถุ ความเชื่อเรื่อง “โลกอื่น” ที่ดาเนินคู่ขนานอยู่กับ “โลกนี้” และมี “โลกหน้า” รออยู่หลังความตาย ทั้ง “โลกนี้” “โลกอื่น” และ “โลกหน้า” มีความสัมพันธ์กันอย่าง ลึกซึ้ง ผลบุญและบาปใน “โลกนี้” มีผลต่อปฏิกิริยาของ “โลกอื่น” และต่อลักษณะของ “โลกหน้า” ที่รอเราอยู่ การเห็นแก่ตัวเป็นบาป แม้ไม่มีมนุษย์ผู้ใดรู้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน “โลกอื่น” รู้ “พระเจ้า” รู้ และผลบาปนั้นจะ ติดตามมาแน่นอน การเข้าถึง “พระเจ้า” เป็นเป้าหมายสูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และจะเกิดขึ้นได้จากความ ศรัทธาใน “พระเจ้า” และการสะสมบุญ ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างสั้น ๆ ของวัฒนธรรม ๒ ประเภทที่มีอุดมคติสูงสุดของชีวิตอยู่กันคนละขั้ว เพื่อ แสดงให้เห็นว่าอุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่เป็นรากฐานและบ่อเกิดของ “คุณค่า” ทั้งปวงได้อย่างไร เมื่ออุดมคติสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ของแต่ละวัฒนธรรมนั้นอาจมีความแตกต่างกันอย่างมาก และต่างก็เป็น เครื่องชี้นาและจรรโลงให้มนุษย์ในแต่ละกลุ่มวัฒนธรรมเหล่านั้นดาเนินชีวิตและความเป็นอยู่มาได้ยาวนาน ดังนั้น อุดมคติฯ เหล่านี้ล้วนแล้วนาพามนุษย์ไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ทั้งหมดใช่ไหม ? คาตอบคือไม่ใช่ อุดมคติฯ และชุด “คุณค่า” ใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมสลายของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ความกีดกันข่มเหงเบียดเบียนระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ความเห็นแก่ตัว ความไม่ซื่อตรง การทาลายสติ การทาลายสุข ภาวะพื้นฐานของมนุษย์ การสูญเสียความเมตตา - กรุณา การสูญเสียความเพียร การสูญเสียความอดทน การสูญเสีย ปัญญาญาน ฯลฯ ล้วนเป็นอุดมคติฯ และชุด “คุณค่า” ที่ทาลายความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และในทางกลับกันอุดม คติฯ และชุด “คุณค่า” ใดที่ส่งเสริมในสิ่งดังกล่าว อุดมคติฯ และชุด “คุณค่า” นั้นเป็นเครื่องส่งเสริมให้มนุษย์พัฒนา ไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ดังนั้นประเด็นอุกฤติ ของการจัดการศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์ จึงอยู่ตรงที่การเลือกว่าอุดมคติสูงสุดของการมี ชีวิตอยู่ของมนุษย์นั้นควรเป็นเช่นไร เพราะอุดมคติฯ ที่เลือกมานั้นจะเป็นรากฐานและบ่อเกิดของ “คุณค่า” ทั้ง
  • 7. ๗ ปวงที่เกิดขึ้นควบคู่กันมา และ “คุณค่า” เหล่านั้นเองที่จะเป็นเครื่องชี้ว่า “การศึกษาเพื่อเป็นมนุษย์” ที่ต้องการนั้น มุ่งไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามเป้าหมายหรือไม่ ๒. Value (คุณค่า) Values (ค่านิยม) และ Virtue (คุณธรรม) มีความสัมพันธ์ที่ยึดโยงกันอยู่แนบแน่น Value (คุณค่า) ในที่นี้ได้หมายรวมถึง “ความจริง” “ความดี” และ “ความงาม” เข้ามาด้วย ซึ่งในเรื่อง “ความดี” นั้นก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ คุณธรรม – จริยธรรม หรือ Virtue นั่นเอง ดังนั้นในที่นี้ความหมายของ Value (คุณค่า) และ Virtue (คุณธรรม) จึงแยกขาดจากกันไม่ได้ เมื่อใดที่จิตใจของเราเลือกว่าเราเชื่อ เรารับ Value และ Virtue เหล่านี้ เมื่อนั้นจิตใจของเราก็เกิดการตัดสิน ว่า Value และ Virtue แบบนี้ถูกต้อง แบบนี้ดี แบบนี้งดงาม พร้อมกันนั้นก็จะเกิดการตัดสินในอีกมุมหนึ่งว่า สิ่งที่ ตรงข้ามกับ Value และ Virtue ที่เราเชื่อ เรารับนั้น ไม่ถูกต้อง ไม่ดี ไม่งดงาม ซึ่งการกระทาของจิตใจในลักษณะนี้ก็ คือการสร้าง “ค่านิยม” หรือValues ขึ้นนั่นเอง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั้ง Value (คุณค่า) Virtue (คุณธรรม) และ Values (ค่านิยม) นั้น มีความสัมพันธ์ที่โยงยึด กันอยู่แนบแน่นและไม่อาจเกิดขึ้นโดด ๆ โดยแยกขาดออกจากกันได้ ๓. Values (ค่านิยม) คือประตูที่แปรรูป “คุณค่า” สู่พฤติกรรม Value (คุณค่า) Virtue (คุณธรรม) ที่บ่มเพาะขึ้นในจิตใจนั้นแรกเริ่มเป็นความตระหนัก ความซาบซึ้ง ความ อิ่มใจ ซึ่งยังไม่เป็นแรงขับที่ชัดเจนสู่การปรากฏเป็นพฤติกรรม ต่อเมื่อจิตใจเกิดการตัดสิน Value (คุณค่า) Virtue (คุณธรรม) เหล่านั้น จนเกิดเป็น Values (ค่านิยม) ขึ้น ก็จะเกิดความพร้อมต่อการนาสู่การปฏิบัติทางกาย วาจา ใจ จนปรากฏเป็นพฤติกรรมขึ้น ซึ่งทั้ง ๓ ประเด็นดังกล่าวนี้อาจประมวลสรุปออกมาเป็นแผนภาพได้ดังนี้ ความศรัทธาตั้งมั่น ในอุดมคติสูงสุด ของการมีชีวิตอยู่ Value (คุณค่า) Values (ค่านิยม) Virtue (คุณธรรม) พฤติกรรม
  • 8. ๘ VASK: การศึกษาองค์รวมเพื่อเป็นมนุษย์ ดังได้กล่าวมาแล้วว่าการศึกษาของมนุษย์เพื่อเป็นมนุษย์นั้นจะต้องเป็นการศึกษาองค์รวมที่ต้องพัฒนามนุษย์ อย่างน้อย ๔ ด้านคือ ด้าน “คุณค่า” ด้านเจตคติ ด้านทักษะ และด้านความรู้ไปด้วยกัน โดยมีเรื่อง “คุณค่า” เป็นประธานของการเรียนรู้ ซึ่งอาจอธิบายให้เห็นรายละเอียดจากระดับก่อนเป็นมนุษย์ไปสู่การเป็นมนุษย์ได้ดังนี้ ด้านที่ ๑ : ความรู้ (Knowledge) เขียนเป็นตัวย่อคือ K หมายถึงข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ และความจาใน ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ ที่สาคัญอันมนุษย์พึงมีอย่างเพียงพอ ด้านที่ ๒ : ทักษะ (Skill) เขียนเป็นตัวย่อคือ S หมายรวมถึงทั้ง ทักษะทางร่างกาย-ประสาทสัมผัส ทักษะ ทางจิตใจ-อารมณ์ และทักษะทางการคิด ที่สาคัญอันมนุษย์พึงมีอย่างเพียงพอ ซึ่งสาหรับมนุษย์แล้วทักษะทั้ง ๓ ด้าน นี้มีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อกันอย่างแนบแน่น ลึกซึ้ง เมื่อ ทักษะ (S) รวมกับ ความรู้ (K) ก็จะเกิดเป็น ความสามารถ (SK) ขึ้น ซึ่ง ความสามารถ ในที่นี้หมายถึง ความสามารถในการแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ คนที่มีทักษะแต่ไม่มีความรู้จะไม่สามารถ เชื่อมโยงและพัฒนาทักษะเหล่านั้นได้ ในอีกด้านหนึ่งคนที่มีความรู้แต่ไม่มีทักษะจะไม่มีความสามารถเกิดขึ้นเพราะไม่ สามารถนาความรู้นั้นสู่การขยายผลและการปฏิบัติใด ๆ ได้ ดังนั้นการจะเกิดเป็นความสามารถที่แท้จริงนั้นจึงต้องมี ทั้งทักษะและความรู้ที่เพียงพอ แต่คนที่มีความสามารถสูงจานวนไม่น้อยที่ขาดความมุ่งมั่น ความเอาใจใส่ ความรับผิดชอบ และแรงขับใน การลงมือแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ให้บรรลุเป้าหมายด้วยตนเอง ดังนั้น เจตคติ หรือแรงขับภายในจึงเป็นสิ่งจาเป็นที่ ต้องเพิ่มเข้าไปอีกจนเกิดเป็น “สมรรถนะ” ขึ้น ด้านที่ ๓ : เจตคติ (Attitude) เขียนเป็นตัวย่อคือ A หมายถึง ทัศนคติ และความรู้สึกที่เป็นแรงขับภายใน ในการเรียนรู้และการกระทาในเรื่องหนึ่ง ๆ เจตคติประกอบด้วยประเด็นที่สาคัญ เช่น ความเชื่อ ความศรัทธา ความ ซาบซึ้งชื่นชม ความสนใจใฝ่รู้ แรงบันดาลใจ ความสุข ความมั่นใจ ความมุ่งมั่น mindset ฯลฯ ในเรื่องนั้น ๆ เมื่อเจตคติ (A) รวมกับความสามารถ (SK) ก็จะเกิดเป็นสมรรถนะ (ASK) ขึ้น ซึ่ง “สมรรถนะ” ในที่นี้ หมายถึง ผลรวมของเจตคติ หรือแรงขับภายในกับความสามารถจนเกิดเป็น อุปนิสัยในการใช้และพัฒนา ความสามารถให้เกิดการแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์จนบรรลุเป้าหมายอยู่เสมอ การเรียนรู้ในระดับสมรรถนะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในสัตว์หลากหลายชนิด ทั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่ เกิดขึ้นโดยการฝึกสอนของมนุษย์ สัตว์หลากหลายชนิดสามารถก่อเกิด อุปนิสัยในการใช้และพัฒนาความสามารถให้
  • 9. ๙ เกิดการแก้ปัญหาจนบรรลุเป้าหมายอยู่เสมอ ดังนั้นโดยนัยนี้ การเรียนรู้ในระดับสมรรถนะจึงยังไม่อาจก้าวพ้นขึ้น ไปจากระดับพฤติกรรมของสัตว์ เพราะในระดับของสมรรถนะนี้ยังไปไม่ถึงเรื่อง “คุณค่า” ผู้ที่มีสมรรถนะสูงแต่ไม่มีการพัฒนาด้าน “คุณค่า” ทาให้ คุณลักษณะของมนุษย์ ขาดหายไป จึงยังไม่เป็น มนุษย์ครบองคาพยพที่มนุษย์พึงมี เป็นผู้ที่มีความบกพร่องทั้งในด้านความเป็นสัตว์และในด้านความเป็นมนุษย์ แต่ กลับมีสมรรถนะสูงในการก่อความเสียหายให้กับตนเอง สังคม และโลก อย่างไม่อาจประมาณได้ ในโลกนี้มีคนที่มีสมรรถนะสูงจานวนไม่น้อยที่ใช้สมรรถนะไปในทางที่ไม่ถูกต้องและสร้างปัญหามากมาย ให้กับสังคมและโลก ดังนั้น “คุณค่า” จึงเป็นสิ่งจาเป็นที่ต้องเพิ่มเข้าไปอีกจนเกิดเป็น คุณลักษณะของมนุษย์ ขึ้น การเรียนรู้ในระดับศักยภาพของมนุษย์เพื่อก่อให้เกิด คุณลักษณะของมนุษย์ ขึ้นนั้นจาเป็นต้องมีเรื่อง “คุณค่า” เป็นประธาน เพื่อพัฒนาสมรรถนะ (AKS) ให้ตอบสนองต่อโจทย์ของ “คุณค่า” เหล่านั้น ด้านที่ ๔ : “คุณค่า” (Value - Values - Virtue) เขียนเป็นตัวย่อคือ V ซึ่งในที่นี้หมายถึง การบูรณาการ ความหมายของ Value (คุณค่า) Values (ค่านิยม) และVirtue (คุณธรรม) เข้าด้วยกัน โดยในความหมายของ Value นั้นให้รวม The 3 “Transcendentals” (ความจริง ความดี ความงาม) เข้าไปด้วย เมื่อรวมการเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวมทั้ง ๔ ด้าน คือ “คุณค่า” เจตคติ ทักษะ และความรู้ โดยมีด้าน “คุณค่า” เป็นประธานของการเรียนรู้จึงจะก่อเกิดเป็น คุณลักษณะของมนุษย์ ขึ้น ซึ่ง คุณลักษณะของมนุษย์ ใน ที่นี้หมายถึง ผลรวมของ “คุณค่า” กับ สมรรถนะ จนเกิดเป็น อุปนิสัยในการใช้และพัฒนาสมรรถนะให้เกิดการ แก้ปัญหาและสร้างสรรค์จนบรรลุเป้าหมายในทางที่ดีงามอย่างมีความสุขอยู่เสมอ ดังนั้นการเรียนรู้หรือการศึกษาของมนุษย์ เพื่อเป็นมนุษย์ จึงต้องเป็นการศึกษาองค์รวมอย่างน้อย ๔ ด้าน คือ “คุณค่า” เจตคติ ทักษะ และความรู้ โดยมีด้าน “คุณค่า” เป็นประธานของการเรียนรู้ ซึ่งการศึกษาองค์รวมนี้อาจ เขียนเป็นอักษรย่อว่า VASK และอาจอธิบายออกมาเป็นแผนผังดังนี้ VASK = V + A + S + K สมรรถนะ (“เก่งจริง” “มีสุข ?”) ความสามารถ (“เก่ง”) คุณลักษณะของมนุษย์ (“เก่งจริง” “ดี” “มีสุข”) VASK =