SlideShare a Scribd company logo
รูปแบบ DRU เพื่อส่งเสริม Meta cognition สำหรับนักศึกษำ สำขำวิชำชีพครู
รูปแบบ DRU เพื่อส่งเสริม Meta cognition สำหรับนักศึกษำ สำขำวิชำชีพครู พัฒนำขึ้นโดยมี
รำยละเอียด ดังนี้
หลักกำร
รูปแบบกำรเรียนรู้เพื่อส่งเสริม Meta cognition มีหลักกำร แนวคิดที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. หลักปรัชญำกำรสอน ใช้หลักปรัชญำกำรสอนตำมแนวคิด ทฤษฎีสรรค์นิยม
2. กำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ( learner centered learning) กำรเรียนรู้โดยใช้กำรวิจัย
เป็นฐำน และกำรเรียนรู้แบบร่วมมือกัน (cooperative learning)
3. กำรประเมินกำรเรียนรู้ตำมสภำพจริง (authentic assessment) และกำหนดคุณภำพตำมแนวคิด
SOLO Taxonomy ร่วมกับแนวคิดกำรออกแบบกำรเรียนรู้ที่เป็นสำกล (Universal Design for
Learning and Assessment)
วัตถุประสงค์ของ DRU Model
กำรพัฒนำรูปแบบ DRU เพื่อส่งเสริม Meta cognition มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนำนักศึกษำวิชำชีพครู
ในเรื่องดังต่อไปนี้
1. เพื่อให้ควำมรู้ในเรื่อง กำรจัดกำรเรียนรู้และกำรจัดกำรชั้นเรียน
2. เพื่อฝึกปฏิบัติกำรเขียนแผนจัดกำรเรียนรู้ เพื่อส่งเสริม Meta Cognition
3. เพื่อให้สำมำรถนำแผนจัดกำรเรียนรู้และจัดกำรชั้นเรียน เพื่อส่งเสริม Meta Cognition
กำรเรียนรู้ตำมแนวทฤษฎีสรรคนิยม คือ นักเรียนเป็นผู้สร้ำงควำมรู้ หรือควำมหมำยของสิ่งที่รับรู้
ขึ้นมำด้วยตนเอง โดยนักเรียนแต่ละคนอำจสร้ำงควำมหมำยของสิ่งที่รับรู้แตกต่ำงกันตำมควำมรู้เดิมของ
แต่ละคน กำรสร้ำงควำมรู้ของนักเรียนเป็นกระบวนกำรที่เกิดขึ้นอย่ำงต่อเนื่องและเกี่ยวข้องกับ
กระบวนกำรอื่นๆอย่ำงน้อย 3 กระบวนกำร คือ
1 . กระบวนกำรกำกับตนเอง
2. กระบวนกำรทำงสังคม
3. กระบวนกำรสืบสอบ
ระบบอภิปัญญำและมิติใหม่ทำงกำรศึกษำ
(Meta cognitive system and Marzano’s New Taxonomy)
มำร์ซำโน (Marzano, 2007) ได้พัฒนำกำรจัดกลุ่มพฤติกรรมกำรเรียนรู้ขึ้นใหม่ แบ่งเป็นระบบปัญญำ
แห่งกำรรับรู้ (Cognitive System) ระบบปัญญำขั้นสูง (Meta cognitive System) และระบบมีควำมคิดของ
ตนเอง (Self System) และได้จำแนกระดับกำรเรียนรู้เป็น 6 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 กำรดึงกลับคืนมำ (Retrieval) ได้แก่ กำรระบุข้อควำมได้ (Recognizing) กำรระลึกได้
(Recalling) และลงมือปฏิบัติได้ (Executing)
ขั้นที่ 2 ควำมเข้ำใจ (Comprehension) ได้แก่ กำรบูรณำกำร (Integration) และกำรทำให้เป็น
สัญลักษณ์ (Symbolizing)
ขั้นที่ 3 กำรวิเครำะห์ (Analysis) ได้แก่ กำรจับคู่ได้ (Matching) แยกประเภทได้ (Classifying)
วิเครำะห์ควำมผิดพลำดได้ (Analyzing Error) ติดตำมได้ (Generalizing) และชี้ให้จำเพำะเจำะจงได้
(Specifying)
ขั้นที่ 4 กำรนำควำมรู้ไปใช้ (Knowledge Utilizing) ได้แก่ กำรตัดสินใจ (Decision Making) กำร
แก้ปัญหำ (Problem Solving) กำรทดลองปฏิบัติ (Experimenting) และกำรสืบค้นต่อไปให้เกิดควำมเข้ำใจที่
ลึกซึ้ง (Investigating)
ขั้นที่ 5 กำรเกิดปัญญำขั้นสูง (Meta cognition) ได้แก่ กำรบ่งชี้เป้ำหมำย (Specifying Goals) กำร
เฝ้ำระวังในกระบวนกำร (Process Monitoring) กำรทำให้เกิดควำมชัดเจน (Monitoring Clarity) และกำร
ตรวจสอบควำมถูกต้องชัดเจน (Monitoring Accuracy)
ขั้นที่ 6 กำรมีระบบควำมคิดของตนเอง (Self-System thinking) ได้แก่ กำรตรวจสอบประสิทธิภำพ
(Examining Efficacy) กำรตรวจสอบกำรตอบสนองทำงอำรมณ์ (Examining Emotional Response) และ
กำรตรวจสอบแรงจูงใจ (Examining Motivation)
ระบบ Meta cognitive และมิติใหม่ทำงกำรศึกษำตำมแนวคิด Marzano
ระบบตนเอง (Self - System)
ควำมเชื่อเกี่ยวกับควำมสำคัญของ
ควำมรู้ (Beliefs About the
Importance of Knowledge)
ควำมเชื่อเกี่ยวกับประสิทธิภำพ
(Beliefs About Efficacy)
อำรมณ์ควำมรู้สึกที่เกี่ยวพันกับ
ควำมรู้ (Emotions Associated
with Knowledge )
ระบบอภิปัญญำ (Meta-cognitive System)
กำรบ่งชี้จุดหมำยกำร
เรียนรู้ (Specifying
Learning
Goals)
กำรเฝ้ำระวังในกระบวนกำร /
กำรนำควำมรู้ไปใช้
(Monitoring the Execution
Knowledge)
กำรทำให้เกิดควำม
ชัดเจน (Monitoring
Clarity)
กำรตรวจสอบควำม
ถูกต้องชัดเจน
(Monitoring Accuracy)
ระบบปัญญำ/พุทธิพิสัย (Cognitive System )
กำรเรียกใช้ควำมรู้
(Knowledge Retieval)
ควำมเข้ำใจ
(Comprehension)
กำรวิเครำะห์
(Analysis)
กำรนำควำมรู้ไปใช้
(Knowledge Utilizing)
กำรระลึกได้ (Recalling)
กำรลงมือปฏิบัติได้
(Executing)
กำรสังเครำะห์ (Synthesis)
กำรกำหนดสัญลักษณ์/
กำรเป็นตัวแทน
(Representation)
กำรจับคู่ได้
(Matching)
แยกประเภทได้
(Classifying)
วิเครำะห์ควำม
ผิดพลำดได้
(Analyzing Error)
กำรกำหนดเป็น
กฎเกณฑ์ทั่วไป
(Generalizing)
กำรกำหนด
เฉพำะเจำะจงได้
(Specifying)
กำรตัดสินใจ (Decision
Making)
กำรแก้ปัญหำ (Problem
Solving)
กำรทดลองปฏิบัติ
(Experimenting)
กำรสืบค้นต่อไปให้เกิด
ควำมเข้ำใจที่ลึกซึ้ง
(Investigating)
ขอบเขตควำมรู้ (Knowledge Domain )
ข้อมูล (Information) ขั้นกำรคิดวิธีกำรดำเนินกำร
(Mental Procedures)
ขั้นกำรลงมือทำ
(Physical Procedures )
ขั้นตอน / กิจกรรมกำรเรียนรู้รูปแบบ DRU เพื่อส่งเสริม Meta cognition
ทฤษฎี/แนวคิด ขั้นตอน / กิจกรรมกำรเรียนรู้
Constructivist Clarifying exist knowledge Identifying receiving and
understanding new
information
Confirming and
using new
knowledge
Biggs’s 3P Presage Process Product
Research
Learning
วิเครำะห์
จุดหมำยใน
กำรเรียนรู้
วำงแผนกำร
เรียนรู้
กำรพัฒนำทักษะ
กำรเรียนรู้
กำรสรุป/กำร
วิพำกษ์ควำมรู้
ประเมินกำรเรียนรู้
SU Learning
Model
กำรวำงแผน
กำรเรียนรู้
กำรออกแบบ
กำรเรียนรู้
ปฏิบัติกำรกำรเรียนรู้
(กำรเรียนรู้+กำรจัดกำรชั้นเรียน)
กำรประเมินกำร
เรียนรู้
DRU Model D : กำรวินิจฉัยควำมต้องกำร
ในกำรเรียนรู้(Diagnosis of
Needs)
R : กำรวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อม
กำรเรียนรู้ (Research into
identifying effective learning
environments )
U : กำรตรวจสอบ
ทบทวนโดยใช้
แนวคิด UDL เพื่อ
กำรประเมินกำร
พัฒนำกำรเรียนรู้
(Universal Design
for Learning and
Assessment)
กำรจัดกำรเรียนรู้ DRU Model เพื่อส่งเสริม Meta cognition
สำหรับนักศึกษำวิชำชีพครู ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. D : กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรในกำรเรียนรู้ (Diagnosis of Needs)
แนวคิดของ Taba (1962 :10) เชื่อว่ำ ครูผู้สอน มีควำมสำคัญอย่ำงยิ่งในกำรสร้ำงสรรค์หน่วยกำรสอนและกำร
เรียนรู้ให้ผู้เรียน และได้นำเสนอขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง 7 ขั้น ดังนี้
1.1 กำรวินิจฉัยควำมต้องกำร (diagnosis of needs)
1.2 กำรกำหนดวัตถุประสงค์ (formulation of objectives)
1.3 กำรเลือกเนื้อหำ (selection of content)
1.4 กำรจัดองค์ประกอบของเนื้อหำ (organization of content)
1.5 กำรเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (selection of learning experiences)
1.6 กำรจัดองค์ประกอบของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (organization of learning experiences)
1.7 กำรวินิจฉัยว่ำสิ่งที่จะประเมิน(กำรเรียนรู้)คืออะไร จะใช้วิธีกำรและเครื่องมือวัดใดในประเมิน
(กำรเรียนรู้)
เมื่อนำมำวินิจฉัยควำมต้องกำรในกำรเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) อำศัยแนวคิดของบลูมและคณะ
ที่ได้เสนอกำรกำหนดวัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ด้ำนพุทธิพิสัย(cognitive domain) 6 ระดับ คือ ควำมจำ
(remembering) ควำมเข้ำใจ(understanding) ประยุกต์(applying) วิเครำะห์(analyzing) ประเมิน
(evaluating) และสร้ำงสรรค์ (creating)
แนวคิดของมำร์ซำโน ที่เสนอแนวคิดในกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้ใน meta cognitive
system ประกอบด้วย
1) กำรกำหนดจุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้ (specifying learning goals)
2) กำรกำกับติดตำมกำรปฏิบัติของกระบวนกำรทำงปัญญำ(monitoring the execution of
knowledge)
3) กำรกำกับติดตำมที่มีควำมกระจ่ำงชัด (monitoring clarity)
4) กำรกำกับติดตำมที่ถูกต้องแม่นยำ(monitoring accuracy)
จำกกำรประมวลผลแนวคิดของ Taba (1962 :10), Bloom’s revised taxonomy, Marzano
(2000) และหลักสูตรอิงมำตรฐำน เมื่อนำมำปรับใช้ใน DRU Model ในขั้น D : กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรใน
กำรเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) ดังนี้
1) ใช้คำถำมกระตุ้นควำมคิดในกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้ (specifying learning goals)
เพื่อให้ผู้เรียนระบุว่ำหน่วยกำรเรียนรู้หรือบทเรียนนั้น ๆ มีควำมรู้และทักษะอะไร ผู้เรียนจะต้อง
ระบุควำมรู้ในรูปของสำรสนเทศ (declarative knowledge) และระบุทักษะกำรปฏิบัติ หรือ
กระบวนกำร (procedural knowledge) ข้อมูลที่ได้จะต้องมีควำมชัดเจนทั้งในเรื่องของ
จุดมุ่งหมำยและระดับคุณภำพของกำรเรียนรู้ กล่ำวโดยสรุป จุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้จะถูกระบุว่ำ
ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้อะไร และหรือสำมำรถทำอะไรได้
2) ใช้คำถำมเพื่อให้ผู้เรียนคิดระดับพัฒนำกำรในกำรเรียนรู้ เป็นกำรออกแบบกำรเรียนรู้โดยอำศัย
แนวคิดกำรกำหนดเกณฑ์คุณภำพเป็นค่ำระดับตำมโครงสร้ำงกำรสังเกตผลกำรเรียนรู้ (structure
of observed learning out-come : SOLO Taxonomy) กำรวำงกรอบกำรประเมินกำรเรียนรู้
จะช่วยให้มั่นใจว่ำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนหรือเรียนรู้ตรงตำมจุดมุ่งหมำยในกำรเรียนรู้ อันส่งผล
ให้ประสบควำมสำเร็จในกำรเรียนรู้
3) ผู้เรียนออกแบบกำรเรียนรู้หรือเลือกกลยุทธ์กำรเรียนรู้ของตนเอง ที่คำดว่ำจะช่วยให้ผู้เรียน
ประสบควำมสำเร็จในกำรเรียนรู้ โดยคำนึงถึงควำมมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภำพ ในกรณีที่
จุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้เป็นควำมรู้ควำมเข้ำใจ(ตำมแนวคิดบลูม) กิจกรรมกำรเรียนรู้ก็อำจใช้
สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้ที่เป็นกำรอ่ำน(หนังสือ คู่มือ ฯลฯ) หรือกำรฟัง(กำรบรรยำย อธิบำย ฯลฯ)
เป็นต้น ในกรณีที่จุดมุ่งหมำยเป็นกำรพัฒนำควำมคิดขั้นสูง(วิเครำะห์ ประเมิน และสร้ำงสรรค์)
กิจกรรมกำรเรียนรู้ก็อำจใช้สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้เชิงสังคม(social constructivist) อำทิ กำร
เรียนรู้แบบร่วมมือกัน(cooperative learning) กลยุทธ์กำรเรียนรู้แบบทำงำนเป็นทีม ฯลฯ
สรุป ขั้นแรกของ DRU Model ผลผลิตที่ได้จำกขั้นตอน D : กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรในกำรเรียนรู้
(Diagnosis of Needs) คือ กำรระบุเป้ำหมำยกำรเรียนรู้ (goal setting relative to learning task)
2. ขั้นกำรวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้ (R-Research into identifying effective learning
environments )
สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้ (learning environment) คือกำรจัดกำรเรียนรู้และกำรจัดกำรชั้นเรียน
เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมำยในวิชำที่เรียน คือ ผลกำรเรียนรู้ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
หน่วยงำนกำรศึกษำทักษะกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (21st centuryskills.org) ได้เสนอแนวคิดว่ำ
สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้คือระบบสนับสนุนที่จัดสรรเพื่อให้มนุษย์เกิดกำรเรียนรู้ที่ดีที่สุด เป็นระบบที่รองรับควำม
ต้องกำรเพื่อกำรเรียนรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้เรียนทุกคน และสนับสนุนควำมสัมพันธ์กับมนุษย์ในทำงที่เป็น
ประโยชน์ เพื่อกำรเรียนรู้ที่มีประสิทธิภำพ ซึ่งเป็นกำรรวมเอำโครงสร้ำง เครื่องมือ และชุมชนที่สร้ำงแรง
บันดำลใจให้ผู้เรียน และนักกำรศึกษำเพื่อจะบรรลุควำมรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 ดังนี้
2.1 สร้ำงข้อปฏิบัติเพื่อกำรเรียนรู้ ให้กำรสนับสนุนจำกผู้คนโดยรอบและสิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพที่จะให้
กำรสนับสนุนกำรเรียนกำรสอนและกำรเรียนรู้ เพื่อให้ได้ผลเชิงทักษะในศตวรรษที่ 21
2.2 สนับสนุน ชุมชนกำรเรียนรู้ระดับมืออำชีพ ที่ช่วยให้นักกำรศึกษำทำงำนร่วมกัน แบ่งปันวิธีปฏิบัติที่ดี
ที่สุดและบูรณำกำรทักษะในศตวรรษที่ 21 ไปสู่กำรปฏิบัติในห้องเรียน
2.3 ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในบริบทของศตวรรษที่ 21 เช่น ผ่ำนโครงกำร หรืองำนต่ำง ๆ ที่นำไปใช้
2.4 ช่วยให้ผู้เรียนได้เข้ำถึงเครื่องมือกำรเรียนรู้ที่มีคุณภำพ เทคโนโลยีและทรัพยำกร
2.5 จัดสรร ให้ กำรออกแบบ เชิงสถำปัตยกรรมและกำรตกแต่งภำยในศตวรรษที่ 21 สำหรับกำรเรียนรู้
แบบกลุ่ม ทีมงำน และของแต่ละบุคคล
2.6 รองรับชุมชนที่มีกำรขยำยตัวและกำรมีส่วนร่วมระหว่ำงประเทศในกำรเรียนรู้ ทั้งกำรเรียนแบบ face
to face และออนไลน์
สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้จะช่วยส่งเสริมกำรเรียนรู้ที่เหมำะสมกับควำมต้องกำรของแต่ละบุคคล กำร
เรียนรู้นี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลำและที่ใดก็ได้ เมื่อควำมต้องกำรของผู้เรียนเกิดขึ้นในบริบทของควำมสัมพันธ์แบบ
“ให้ทันเวลำ(just in time)” มำกกว่ำ “เป็นกำรเรียนแบบเผื่อไว้(just in case)” และกำรเรียนรู้ดังกล่ำวเป็น
แบบ “สิ่งที่ฉันต้องกำร (just what I needs)” ดังนั้น โอกำสที่จะได้รับควำมรู้และทักษะในกำรเรียนรู้ผ่ำนกล
ยุทธกำรเรียนรู้ที่เป็นส่วนบุคคล และปรับให้เข้ำกับรูปแบบกำรเรียนรู้ของผู้เรียน
3. กำรตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDL เพื่อกำรประเมินกำรพัฒนำกำรเรียนรู้
(U-Universal Design for Learning and Assessment)
Universal Design (UD) เป็นกำรอำนวยควำมสะดวกสำหรับคนทุกคนโดยไม่เฉพำะเจำะจงว่ำเป็น
ใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น กำรนำหลักกำร universal design มำใช้ในกำรศึกษำจึงเป็นกำรประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีเพื่อกำรตอบสนองควำมต้องกำรของผู้เรียนที่มีควำมต้องกำรหลำกหลำย กำรนำ UDL มำใช้ก็เพื่อ
สร้ำงสิ่งแวดล้อมทำงกำรเรียนรู้ให้เหมะสมกับควำมต้องกำรของผู้เรียนแต่ละคนและส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนำ
ควำมสำมำรถของตนเองได้เต็มตำมศักยภำพ กำรพัฒนำแผนกำรประเมินกำรเรียนรู้ของผู้เรียนได้นำแนวคิด
กำรออกแบบสำกลเพื่อกำรเรียนรู้(UDL) มำใช้เพื่อช่วยครูผู้สอนได้ปฏิบัติตำมขั้นตอนต่ำง ๆเพื่อปรับปรุงผล
กำรเรียนรู้สำหรับผู้เรียนทุกคน กำรวำงแผนกำรประเมินดังกล่ำวนี้เพื่อให้มั่นใจว่ำผู้เรียนทุกคนจะได้รับกำร
ประเมินควำมรู้และทักษะที่สนับสนุนให้ผู้เรียนประสบควำมสำเร็จในจุดหมำยของกำรเรียนรู้ ดังนี้
3.1 กำหนดจุดหมำย(goal setting) ในกำรกำหนดจุดหมำยต้องระบุ 1) บริบท ให้สำรสนเทศพื้นฐำนของ
เนื้อหำสำระ หัวข้อสำคัญของบทเรียนหรือหน่วยกำรเรียน 2) ปรับจุดหมำยให้เหมำะสมกับท้องถิ่น
และมำตรฐำนของชำติ
3.2 วิเครำะห์หลักสูตรและกิจกรรมในชั้นเรียน มีกำรรวบรวมข้อมูลพื้นฐำนเกี่ยวกับ วิธีกำรเรียนกำรสอน
ในปัจจุบัน สื่อกำรเรียนรู้ ควำมเข้ำใจในธรรมชำติของผู้เรียนในชั้นเรียน และกำรประเมินกำรเรียนรู้
จำกนั้นนำมำวิเครำะห์องค์ประกอบพื้นฐำนแล้วเลือกกิจกรรมที่มั่นใจว่ำผู้เรียนทุกคนจะได้รับโอกำส
เพื่อควำมสำเร็จตำมหลักสูตร
3.3 ใช้หลักกำรออกแบบสำกลเพื่อกำรเรียนรู้กับบทเรียนหรือหน่วยกำรเรียน ในขั้นตอนนี้จะต้องระบุ 1)
วิธีสอน/วิธีกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมินกำรเรียนรู้ และสื่อกำรเรียนรู้ ที่ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุ
จุดมุ่งหมำยของบทเรียน 2) รวบรวมและจัดกำรเกี่ยวกับสื่อกำรเรียนรู้ที่สนับสนุนบทเรียน เพื่อให้
ผู้เรียนได้เรียนรู้
3.4 กำรประยุกต์ใช้ UDL ในกำรเรียนรู้ มี 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 กำรนำเสนอ กำรจัดกำรเรียนรู้ตำม
หลักกำรของ UDL ควรใช้รูปแบบกำรนำเสนอที่หลำกหลำยวิธี ระดับที่ 2 กำรสื่อสำร กำรให้โอกำสใน
กำรแสดงออกได้หลำกหลำยวิธีกำร ได้แก่ กำรใช้ร่ำงกำย กำรพูด กำรใช้กำรทำงำนของสมองระดับสูง
(executive function) และระดับที่ 3 กำรมีส่วนร่วม เป็นกำรเสริมสร้ำงแรงจูงใจ ได้แก่ กำรพยำยำม
ชักจูงควำมสนใจ โดยให้อิสระในกำรเลือก สนับสนุนให้ใช้ควำมพยำยำมในกำรทำงำน และเสริมสร้ำง
ทักษะกำรกำกับตนเอง (self regulation)
The SOLO taxonomy คือกำรกำหนดระดับคุณภำพผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ควำมสำคัญข้อมูล
พื้นฐำนเกี่ยวกับ วิธีกำรเรียนกำรสอนในปัจจุบัน สื่อกำรเรียนรู้ ควำมเข้ำใจในธรรมชำติของผู้เรียนในชั้นเรียน
กำรนำ SOLO taxonomy มำใช้เป็นแนวกำรประเมินผลกำรเรียนรู้ เป็นกำรกำหนดระดับคุณภำพผลกำร
เรียนรู้ของผู้เรียน จะช่วยให้ทรำบถึงพัฒนำกำรกำรเรียนรู้ระหว่ำงเรียน เพื่อที่จะได้หำวิธีกำรแก้ไข ปรับปรุง
วิธีกำรสอนและวิธีกำรเรียนรู้ของผู้เรียนที่โดยไม่ได้มุ่งเน้นกำรให้คะแนนจำกผลงำนทั้งจำกผู้สอนและผู้เรียน
เพียงเท่ำนั้น สอดคล้องกับแนวคิดกำรพัฒนำ Meta cognition ที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ปฏิบัติจำก
สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้ที่หลำกหลำย ก่อให้เกิดพัฒนำกำรกำรเรียนรู้
สรุปได้ว่ำ กำรดำเนินกำรตำมขั้น U: Universal Design for learning (กำรออกแบบกำรเรียนรู้ที่เป็น
สำกล: UDL) เป็นขั้นที่ให้นักศึกษำประเมิน ตรวจสอบทบทวนตนเองและกำรยืนยันควำมถูกต้อง และมีกำร
กำกับติดตำมซึ่งกำรกำกับติดตำมนั้นมีควำมถูกต้องเม่นยำ ผลผลิตตำมขั้นตอนนี้คือ ผลประเมินกำรเรียนรู้ตำม
แนวคิด SOLO Taxonomy ซึ่งเป็นกำรระบุแนวทำงกำรประเมินกำรเรียนรู้ ตำมระดับคุณภำพกำรเรียนรู้ โดย
กำหนดระดับคุณภำพกำรเรียนรู้ไว้ 4 ระดับ คือ
SOLO คุณภำพผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน
0 ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ไม่สำเร็จ พลำด ล้มเหลว
1 ระบุ บอกชื่อ ปฏิบัติตำมขั้นตอนง่ำย ๆ (เชิงปริมำณ)
2 รวมกัน อธิบำย บรรยำย ยกตัวอย่ำง เชื่อมโยง (เชิงปริมำณ)
3 วิเครำะห์ ประยุกต์ อธิบำยเหตุผล แสดงควำมสัมพันธ์ (เชิงคุณภำพ)
4 สร้ำงสรรค์ สรุปอ้ำงอิง ตั้งสมมติฐำน สะท้อนทฤษฎี (เชิงคุณภำพ)
กำรจัดกำรเรียนรู้ DRU Model เพื่อส่งเสริม Meta cognition
ควำมสัมพันธ์ของ DRU Model เพื่อส่งเสริม Meta cognition

More Related Content

PPT
ภารกิจระดับครูมือใหม่
PDF
04 instructional system_design
PDF
ตัวอย่าง Addie ok
PPT
กระบวนทัศน์ของการออกแบบการสอนเป็นอย่างไร
PDF
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
PDF
รายงานการสังเคราะห์รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้
PDF
08 chapter2-characteristics of instructional design models
PPT
การออกแบบการสอน
ภารกิจระดับครูมือใหม่
04 instructional system_design
ตัวอย่าง Addie ok
กระบวนทัศน์ของการออกแบบการสอนเป็นอย่างไร
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รายงานการสังเคราะห์รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้
08 chapter2-characteristics of instructional design models
การออกแบบการสอน

What's hot (20)

PDF
ครูมือใหม่
PPT
ทฤษฎีการออกแบบการสอน
PPT
นายธนศิษฎ์ ศรีเมือง 525050434-9
PDF
วิเคราะห์วิธีการสอนที่เหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์ (1)
PDF
กระบวนการพัฒนาหลักสูตร
PDF
ครูมือใหม่
PPTX
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
PDF
การพัฒนาหลักสูตร
PPT
ครูฝึกหัด
DOC
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐาน
PPS
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่
PDF
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 mat
PDF
ความหมาย พัฒนาการ และขอบข่ายของเทคโนโลยีการศึกษา
PDF
ครูมือใหม่
PDF
ระดับครูมือใหม่1
PDF
ทฤษฎี แนวคิด เทคนิค และรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายของครูปุ๊ก...
PPT
ทฤ.หลักสูตร
PDF
09 10-14 cognitive constructivismv2
ครูมือใหม่
ทฤษฎีการออกแบบการสอน
นายธนศิษฎ์ ศรีเมือง 525050434-9
วิเคราะห์วิธีการสอนที่เหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์ (1)
กระบวนการพัฒนาหลักสูตร
ครูมือใหม่
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตร
ครูฝึกหัด
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐาน
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 mat
ความหมาย พัฒนาการ และขอบข่ายของเทคโนโลยีการศึกษา
ครูมือใหม่
ระดับครูมือใหม่1
ทฤษฎี แนวคิด เทคนิค และรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายของครูปุ๊ก...
ทฤ.หลักสูตร
09 10-14 cognitive constructivismv2
Ad

Similar to รูปแบบ Dru เพื่อส่งเสริม meta cognition สำหรับนักศึกษา สาขาวิชาชีพครู (20)

PPS
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่ 1
DOC
รูปแบบการเรียนการสอน
PDF
ครูผู้ช่วย
DOC
การออกแบบการจัดการการเรียนรู้อิงมาตรฐาน หลักสูตรแกนกลาง 2551 ...
PDF
Curriculum Planning
PDF
ครูมือใหม่
PPT
Chapter10การประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้
PPT
วิเคราะห์ผู้เรียน
PDF
Pegagogy-based Hybrid Learning : จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ
PDF
Presentation 5
PDF
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
PDF
ครูผู้ช่วย
PDF
การเรียนรู้
PDF
ครูมือใหม่
PDF
ครูมือใหม่
PPT
ครูมือใหม่
PDF
การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
PDF
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่ 1
รูปแบบการเรียนการสอน
ครูผู้ช่วย
การออกแบบการจัดการการเรียนรู้อิงมาตรฐาน หลักสูตรแกนกลาง 2551 ...
Curriculum Planning
ครูมือใหม่
Chapter10การประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้
วิเคราะห์ผู้เรียน
Pegagogy-based Hybrid Learning : จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ
Presentation 5
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
ครูผู้ช่วย
การเรียนรู้
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
Ad

รูปแบบ Dru เพื่อส่งเสริม meta cognition สำหรับนักศึกษา สาขาวิชาชีพครู

  • 1. รูปแบบ DRU เพื่อส่งเสริม Meta cognition สำหรับนักศึกษำ สำขำวิชำชีพครู รูปแบบ DRU เพื่อส่งเสริม Meta cognition สำหรับนักศึกษำ สำขำวิชำชีพครู พัฒนำขึ้นโดยมี รำยละเอียด ดังนี้ หลักกำร รูปแบบกำรเรียนรู้เพื่อส่งเสริม Meta cognition มีหลักกำร แนวคิดที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. หลักปรัชญำกำรสอน ใช้หลักปรัชญำกำรสอนตำมแนวคิด ทฤษฎีสรรค์นิยม 2. กำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ( learner centered learning) กำรเรียนรู้โดยใช้กำรวิจัย เป็นฐำน และกำรเรียนรู้แบบร่วมมือกัน (cooperative learning) 3. กำรประเมินกำรเรียนรู้ตำมสภำพจริง (authentic assessment) และกำหนดคุณภำพตำมแนวคิด SOLO Taxonomy ร่วมกับแนวคิดกำรออกแบบกำรเรียนรู้ที่เป็นสำกล (Universal Design for Learning and Assessment) วัตถุประสงค์ของ DRU Model กำรพัฒนำรูปแบบ DRU เพื่อส่งเสริม Meta cognition มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนำนักศึกษำวิชำชีพครู ในเรื่องดังต่อไปนี้ 1. เพื่อให้ควำมรู้ในเรื่อง กำรจัดกำรเรียนรู้และกำรจัดกำรชั้นเรียน 2. เพื่อฝึกปฏิบัติกำรเขียนแผนจัดกำรเรียนรู้ เพื่อส่งเสริม Meta Cognition 3. เพื่อให้สำมำรถนำแผนจัดกำรเรียนรู้และจัดกำรชั้นเรียน เพื่อส่งเสริม Meta Cognition กำรเรียนรู้ตำมแนวทฤษฎีสรรคนิยม คือ นักเรียนเป็นผู้สร้ำงควำมรู้ หรือควำมหมำยของสิ่งที่รับรู้ ขึ้นมำด้วยตนเอง โดยนักเรียนแต่ละคนอำจสร้ำงควำมหมำยของสิ่งที่รับรู้แตกต่ำงกันตำมควำมรู้เดิมของ แต่ละคน กำรสร้ำงควำมรู้ของนักเรียนเป็นกระบวนกำรที่เกิดขึ้นอย่ำงต่อเนื่องและเกี่ยวข้องกับ กระบวนกำรอื่นๆอย่ำงน้อย 3 กระบวนกำร คือ 1 . กระบวนกำรกำกับตนเอง 2. กระบวนกำรทำงสังคม 3. กระบวนกำรสืบสอบ
  • 2. ระบบอภิปัญญำและมิติใหม่ทำงกำรศึกษำ (Meta cognitive system and Marzano’s New Taxonomy) มำร์ซำโน (Marzano, 2007) ได้พัฒนำกำรจัดกลุ่มพฤติกรรมกำรเรียนรู้ขึ้นใหม่ แบ่งเป็นระบบปัญญำ แห่งกำรรับรู้ (Cognitive System) ระบบปัญญำขั้นสูง (Meta cognitive System) และระบบมีควำมคิดของ ตนเอง (Self System) และได้จำแนกระดับกำรเรียนรู้เป็น 6 ขั้น ดังนี้ ขั้นที่ 1 กำรดึงกลับคืนมำ (Retrieval) ได้แก่ กำรระบุข้อควำมได้ (Recognizing) กำรระลึกได้ (Recalling) และลงมือปฏิบัติได้ (Executing) ขั้นที่ 2 ควำมเข้ำใจ (Comprehension) ได้แก่ กำรบูรณำกำร (Integration) และกำรทำให้เป็น สัญลักษณ์ (Symbolizing) ขั้นที่ 3 กำรวิเครำะห์ (Analysis) ได้แก่ กำรจับคู่ได้ (Matching) แยกประเภทได้ (Classifying) วิเครำะห์ควำมผิดพลำดได้ (Analyzing Error) ติดตำมได้ (Generalizing) และชี้ให้จำเพำะเจำะจงได้ (Specifying) ขั้นที่ 4 กำรนำควำมรู้ไปใช้ (Knowledge Utilizing) ได้แก่ กำรตัดสินใจ (Decision Making) กำร แก้ปัญหำ (Problem Solving) กำรทดลองปฏิบัติ (Experimenting) และกำรสืบค้นต่อไปให้เกิดควำมเข้ำใจที่ ลึกซึ้ง (Investigating) ขั้นที่ 5 กำรเกิดปัญญำขั้นสูง (Meta cognition) ได้แก่ กำรบ่งชี้เป้ำหมำย (Specifying Goals) กำร เฝ้ำระวังในกระบวนกำร (Process Monitoring) กำรทำให้เกิดควำมชัดเจน (Monitoring Clarity) และกำร ตรวจสอบควำมถูกต้องชัดเจน (Monitoring Accuracy) ขั้นที่ 6 กำรมีระบบควำมคิดของตนเอง (Self-System thinking) ได้แก่ กำรตรวจสอบประสิทธิภำพ (Examining Efficacy) กำรตรวจสอบกำรตอบสนองทำงอำรมณ์ (Examining Emotional Response) และ กำรตรวจสอบแรงจูงใจ (Examining Motivation)
  • 3. ระบบ Meta cognitive และมิติใหม่ทำงกำรศึกษำตำมแนวคิด Marzano ระบบตนเอง (Self - System) ควำมเชื่อเกี่ยวกับควำมสำคัญของ ควำมรู้ (Beliefs About the Importance of Knowledge) ควำมเชื่อเกี่ยวกับประสิทธิภำพ (Beliefs About Efficacy) อำรมณ์ควำมรู้สึกที่เกี่ยวพันกับ ควำมรู้ (Emotions Associated with Knowledge ) ระบบอภิปัญญำ (Meta-cognitive System) กำรบ่งชี้จุดหมำยกำร เรียนรู้ (Specifying Learning Goals) กำรเฝ้ำระวังในกระบวนกำร / กำรนำควำมรู้ไปใช้ (Monitoring the Execution Knowledge) กำรทำให้เกิดควำม ชัดเจน (Monitoring Clarity) กำรตรวจสอบควำม ถูกต้องชัดเจน (Monitoring Accuracy) ระบบปัญญำ/พุทธิพิสัย (Cognitive System ) กำรเรียกใช้ควำมรู้ (Knowledge Retieval) ควำมเข้ำใจ (Comprehension) กำรวิเครำะห์ (Analysis) กำรนำควำมรู้ไปใช้ (Knowledge Utilizing) กำรระลึกได้ (Recalling) กำรลงมือปฏิบัติได้ (Executing) กำรสังเครำะห์ (Synthesis) กำรกำหนดสัญลักษณ์/ กำรเป็นตัวแทน (Representation) กำรจับคู่ได้ (Matching) แยกประเภทได้ (Classifying) วิเครำะห์ควำม ผิดพลำดได้ (Analyzing Error) กำรกำหนดเป็น กฎเกณฑ์ทั่วไป (Generalizing) กำรกำหนด เฉพำะเจำะจงได้ (Specifying) กำรตัดสินใจ (Decision Making) กำรแก้ปัญหำ (Problem Solving) กำรทดลองปฏิบัติ (Experimenting) กำรสืบค้นต่อไปให้เกิด ควำมเข้ำใจที่ลึกซึ้ง (Investigating) ขอบเขตควำมรู้ (Knowledge Domain ) ข้อมูล (Information) ขั้นกำรคิดวิธีกำรดำเนินกำร (Mental Procedures) ขั้นกำรลงมือทำ (Physical Procedures )
  • 4. ขั้นตอน / กิจกรรมกำรเรียนรู้รูปแบบ DRU เพื่อส่งเสริม Meta cognition ทฤษฎี/แนวคิด ขั้นตอน / กิจกรรมกำรเรียนรู้ Constructivist Clarifying exist knowledge Identifying receiving and understanding new information Confirming and using new knowledge Biggs’s 3P Presage Process Product Research Learning วิเครำะห์ จุดหมำยใน กำรเรียนรู้ วำงแผนกำร เรียนรู้ กำรพัฒนำทักษะ กำรเรียนรู้ กำรสรุป/กำร วิพำกษ์ควำมรู้ ประเมินกำรเรียนรู้ SU Learning Model กำรวำงแผน กำรเรียนรู้ กำรออกแบบ กำรเรียนรู้ ปฏิบัติกำรกำรเรียนรู้ (กำรเรียนรู้+กำรจัดกำรชั้นเรียน) กำรประเมินกำร เรียนรู้ DRU Model D : กำรวินิจฉัยควำมต้องกำร ในกำรเรียนรู้(Diagnosis of Needs) R : กำรวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อม กำรเรียนรู้ (Research into identifying effective learning environments ) U : กำรตรวจสอบ ทบทวนโดยใช้ แนวคิด UDL เพื่อ กำรประเมินกำร พัฒนำกำรเรียนรู้ (Universal Design for Learning and Assessment)
  • 5. กำรจัดกำรเรียนรู้ DRU Model เพื่อส่งเสริม Meta cognition สำหรับนักศึกษำวิชำชีพครู ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. D : กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรในกำรเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) แนวคิดของ Taba (1962 :10) เชื่อว่ำ ครูผู้สอน มีควำมสำคัญอย่ำงยิ่งในกำรสร้ำงสรรค์หน่วยกำรสอนและกำร เรียนรู้ให้ผู้เรียน และได้นำเสนอขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง 7 ขั้น ดังนี้ 1.1 กำรวินิจฉัยควำมต้องกำร (diagnosis of needs) 1.2 กำรกำหนดวัตถุประสงค์ (formulation of objectives) 1.3 กำรเลือกเนื้อหำ (selection of content) 1.4 กำรจัดองค์ประกอบของเนื้อหำ (organization of content) 1.5 กำรเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (selection of learning experiences) 1.6 กำรจัดองค์ประกอบของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (organization of learning experiences) 1.7 กำรวินิจฉัยว่ำสิ่งที่จะประเมิน(กำรเรียนรู้)คืออะไร จะใช้วิธีกำรและเครื่องมือวัดใดในประเมิน (กำรเรียนรู้) เมื่อนำมำวินิจฉัยควำมต้องกำรในกำรเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) อำศัยแนวคิดของบลูมและคณะ ที่ได้เสนอกำรกำหนดวัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ด้ำนพุทธิพิสัย(cognitive domain) 6 ระดับ คือ ควำมจำ (remembering) ควำมเข้ำใจ(understanding) ประยุกต์(applying) วิเครำะห์(analyzing) ประเมิน (evaluating) และสร้ำงสรรค์ (creating) แนวคิดของมำร์ซำโน ที่เสนอแนวคิดในกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้ใน meta cognitive system ประกอบด้วย 1) กำรกำหนดจุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้ (specifying learning goals) 2) กำรกำกับติดตำมกำรปฏิบัติของกระบวนกำรทำงปัญญำ(monitoring the execution of knowledge) 3) กำรกำกับติดตำมที่มีควำมกระจ่ำงชัด (monitoring clarity) 4) กำรกำกับติดตำมที่ถูกต้องแม่นยำ(monitoring accuracy)
  • 6. จำกกำรประมวลผลแนวคิดของ Taba (1962 :10), Bloom’s revised taxonomy, Marzano (2000) และหลักสูตรอิงมำตรฐำน เมื่อนำมำปรับใช้ใน DRU Model ในขั้น D : กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรใน กำรเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) ดังนี้ 1) ใช้คำถำมกระตุ้นควำมคิดในกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้ (specifying learning goals) เพื่อให้ผู้เรียนระบุว่ำหน่วยกำรเรียนรู้หรือบทเรียนนั้น ๆ มีควำมรู้และทักษะอะไร ผู้เรียนจะต้อง ระบุควำมรู้ในรูปของสำรสนเทศ (declarative knowledge) และระบุทักษะกำรปฏิบัติ หรือ กระบวนกำร (procedural knowledge) ข้อมูลที่ได้จะต้องมีควำมชัดเจนทั้งในเรื่องของ จุดมุ่งหมำยและระดับคุณภำพของกำรเรียนรู้ กล่ำวโดยสรุป จุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้จะถูกระบุว่ำ ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้อะไร และหรือสำมำรถทำอะไรได้ 2) ใช้คำถำมเพื่อให้ผู้เรียนคิดระดับพัฒนำกำรในกำรเรียนรู้ เป็นกำรออกแบบกำรเรียนรู้โดยอำศัย แนวคิดกำรกำหนดเกณฑ์คุณภำพเป็นค่ำระดับตำมโครงสร้ำงกำรสังเกตผลกำรเรียนรู้ (structure of observed learning out-come : SOLO Taxonomy) กำรวำงกรอบกำรประเมินกำรเรียนรู้ จะช่วยให้มั่นใจว่ำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนหรือเรียนรู้ตรงตำมจุดมุ่งหมำยในกำรเรียนรู้ อันส่งผล ให้ประสบควำมสำเร็จในกำรเรียนรู้ 3) ผู้เรียนออกแบบกำรเรียนรู้หรือเลือกกลยุทธ์กำรเรียนรู้ของตนเอง ที่คำดว่ำจะช่วยให้ผู้เรียน ประสบควำมสำเร็จในกำรเรียนรู้ โดยคำนึงถึงควำมมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภำพ ในกรณีที่ จุดมุ่งหมำยกำรเรียนรู้เป็นควำมรู้ควำมเข้ำใจ(ตำมแนวคิดบลูม) กิจกรรมกำรเรียนรู้ก็อำจใช้ สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้ที่เป็นกำรอ่ำน(หนังสือ คู่มือ ฯลฯ) หรือกำรฟัง(กำรบรรยำย อธิบำย ฯลฯ) เป็นต้น ในกรณีที่จุดมุ่งหมำยเป็นกำรพัฒนำควำมคิดขั้นสูง(วิเครำะห์ ประเมิน และสร้ำงสรรค์) กิจกรรมกำรเรียนรู้ก็อำจใช้สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้เชิงสังคม(social constructivist) อำทิ กำร เรียนรู้แบบร่วมมือกัน(cooperative learning) กลยุทธ์กำรเรียนรู้แบบทำงำนเป็นทีม ฯลฯ สรุป ขั้นแรกของ DRU Model ผลผลิตที่ได้จำกขั้นตอน D : กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรในกำรเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) คือ กำรระบุเป้ำหมำยกำรเรียนรู้ (goal setting relative to learning task)
  • 7. 2. ขั้นกำรวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้ (R-Research into identifying effective learning environments ) สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้ (learning environment) คือกำรจัดกำรเรียนรู้และกำรจัดกำรชั้นเรียน เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมำยในวิชำที่เรียน คือ ผลกำรเรียนรู้ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ หน่วยงำนกำรศึกษำทักษะกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (21st centuryskills.org) ได้เสนอแนวคิดว่ำ สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้คือระบบสนับสนุนที่จัดสรรเพื่อให้มนุษย์เกิดกำรเรียนรู้ที่ดีที่สุด เป็นระบบที่รองรับควำม ต้องกำรเพื่อกำรเรียนรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้เรียนทุกคน และสนับสนุนควำมสัมพันธ์กับมนุษย์ในทำงที่เป็น ประโยชน์ เพื่อกำรเรียนรู้ที่มีประสิทธิภำพ ซึ่งเป็นกำรรวมเอำโครงสร้ำง เครื่องมือ และชุมชนที่สร้ำงแรง บันดำลใจให้ผู้เรียน และนักกำรศึกษำเพื่อจะบรรลุควำมรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 ดังนี้ 2.1 สร้ำงข้อปฏิบัติเพื่อกำรเรียนรู้ ให้กำรสนับสนุนจำกผู้คนโดยรอบและสิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพที่จะให้ กำรสนับสนุนกำรเรียนกำรสอนและกำรเรียนรู้ เพื่อให้ได้ผลเชิงทักษะในศตวรรษที่ 21 2.2 สนับสนุน ชุมชนกำรเรียนรู้ระดับมืออำชีพ ที่ช่วยให้นักกำรศึกษำทำงำนร่วมกัน แบ่งปันวิธีปฏิบัติที่ดี ที่สุดและบูรณำกำรทักษะในศตวรรษที่ 21 ไปสู่กำรปฏิบัติในห้องเรียน 2.3 ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในบริบทของศตวรรษที่ 21 เช่น ผ่ำนโครงกำร หรืองำนต่ำง ๆ ที่นำไปใช้ 2.4 ช่วยให้ผู้เรียนได้เข้ำถึงเครื่องมือกำรเรียนรู้ที่มีคุณภำพ เทคโนโลยีและทรัพยำกร 2.5 จัดสรร ให้ กำรออกแบบ เชิงสถำปัตยกรรมและกำรตกแต่งภำยในศตวรรษที่ 21 สำหรับกำรเรียนรู้ แบบกลุ่ม ทีมงำน และของแต่ละบุคคล 2.6 รองรับชุมชนที่มีกำรขยำยตัวและกำรมีส่วนร่วมระหว่ำงประเทศในกำรเรียนรู้ ทั้งกำรเรียนแบบ face to face และออนไลน์ สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้จะช่วยส่งเสริมกำรเรียนรู้ที่เหมำะสมกับควำมต้องกำรของแต่ละบุคคล กำร เรียนรู้นี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลำและที่ใดก็ได้ เมื่อควำมต้องกำรของผู้เรียนเกิดขึ้นในบริบทของควำมสัมพันธ์แบบ “ให้ทันเวลำ(just in time)” มำกกว่ำ “เป็นกำรเรียนแบบเผื่อไว้(just in case)” และกำรเรียนรู้ดังกล่ำวเป็น แบบ “สิ่งที่ฉันต้องกำร (just what I needs)” ดังนั้น โอกำสที่จะได้รับควำมรู้และทักษะในกำรเรียนรู้ผ่ำนกล ยุทธกำรเรียนรู้ที่เป็นส่วนบุคคล และปรับให้เข้ำกับรูปแบบกำรเรียนรู้ของผู้เรียน
  • 8. 3. กำรตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDL เพื่อกำรประเมินกำรพัฒนำกำรเรียนรู้ (U-Universal Design for Learning and Assessment) Universal Design (UD) เป็นกำรอำนวยควำมสะดวกสำหรับคนทุกคนโดยไม่เฉพำะเจำะจงว่ำเป็น ใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น กำรนำหลักกำร universal design มำใช้ในกำรศึกษำจึงเป็นกำรประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีเพื่อกำรตอบสนองควำมต้องกำรของผู้เรียนที่มีควำมต้องกำรหลำกหลำย กำรนำ UDL มำใช้ก็เพื่อ สร้ำงสิ่งแวดล้อมทำงกำรเรียนรู้ให้เหมะสมกับควำมต้องกำรของผู้เรียนแต่ละคนและส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนำ ควำมสำมำรถของตนเองได้เต็มตำมศักยภำพ กำรพัฒนำแผนกำรประเมินกำรเรียนรู้ของผู้เรียนได้นำแนวคิด กำรออกแบบสำกลเพื่อกำรเรียนรู้(UDL) มำใช้เพื่อช่วยครูผู้สอนได้ปฏิบัติตำมขั้นตอนต่ำง ๆเพื่อปรับปรุงผล กำรเรียนรู้สำหรับผู้เรียนทุกคน กำรวำงแผนกำรประเมินดังกล่ำวนี้เพื่อให้มั่นใจว่ำผู้เรียนทุกคนจะได้รับกำร ประเมินควำมรู้และทักษะที่สนับสนุนให้ผู้เรียนประสบควำมสำเร็จในจุดหมำยของกำรเรียนรู้ ดังนี้ 3.1 กำหนดจุดหมำย(goal setting) ในกำรกำหนดจุดหมำยต้องระบุ 1) บริบท ให้สำรสนเทศพื้นฐำนของ เนื้อหำสำระ หัวข้อสำคัญของบทเรียนหรือหน่วยกำรเรียน 2) ปรับจุดหมำยให้เหมำะสมกับท้องถิ่น และมำตรฐำนของชำติ 3.2 วิเครำะห์หลักสูตรและกิจกรรมในชั้นเรียน มีกำรรวบรวมข้อมูลพื้นฐำนเกี่ยวกับ วิธีกำรเรียนกำรสอน ในปัจจุบัน สื่อกำรเรียนรู้ ควำมเข้ำใจในธรรมชำติของผู้เรียนในชั้นเรียน และกำรประเมินกำรเรียนรู้ จำกนั้นนำมำวิเครำะห์องค์ประกอบพื้นฐำนแล้วเลือกกิจกรรมที่มั่นใจว่ำผู้เรียนทุกคนจะได้รับโอกำส เพื่อควำมสำเร็จตำมหลักสูตร 3.3 ใช้หลักกำรออกแบบสำกลเพื่อกำรเรียนรู้กับบทเรียนหรือหน่วยกำรเรียน ในขั้นตอนนี้จะต้องระบุ 1) วิธีสอน/วิธีกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมินกำรเรียนรู้ และสื่อกำรเรียนรู้ ที่ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุ จุดมุ่งหมำยของบทเรียน 2) รวบรวมและจัดกำรเกี่ยวกับสื่อกำรเรียนรู้ที่สนับสนุนบทเรียน เพื่อให้ ผู้เรียนได้เรียนรู้ 3.4 กำรประยุกต์ใช้ UDL ในกำรเรียนรู้ มี 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 กำรนำเสนอ กำรจัดกำรเรียนรู้ตำม หลักกำรของ UDL ควรใช้รูปแบบกำรนำเสนอที่หลำกหลำยวิธี ระดับที่ 2 กำรสื่อสำร กำรให้โอกำสใน กำรแสดงออกได้หลำกหลำยวิธีกำร ได้แก่ กำรใช้ร่ำงกำย กำรพูด กำรใช้กำรทำงำนของสมองระดับสูง (executive function) และระดับที่ 3 กำรมีส่วนร่วม เป็นกำรเสริมสร้ำงแรงจูงใจ ได้แก่ กำรพยำยำม ชักจูงควำมสนใจ โดยให้อิสระในกำรเลือก สนับสนุนให้ใช้ควำมพยำยำมในกำรทำงำน และเสริมสร้ำง ทักษะกำรกำกับตนเอง (self regulation)
  • 9. The SOLO taxonomy คือกำรกำหนดระดับคุณภำพผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ควำมสำคัญข้อมูล พื้นฐำนเกี่ยวกับ วิธีกำรเรียนกำรสอนในปัจจุบัน สื่อกำรเรียนรู้ ควำมเข้ำใจในธรรมชำติของผู้เรียนในชั้นเรียน กำรนำ SOLO taxonomy มำใช้เป็นแนวกำรประเมินผลกำรเรียนรู้ เป็นกำรกำหนดระดับคุณภำพผลกำร เรียนรู้ของผู้เรียน จะช่วยให้ทรำบถึงพัฒนำกำรกำรเรียนรู้ระหว่ำงเรียน เพื่อที่จะได้หำวิธีกำรแก้ไข ปรับปรุง วิธีกำรสอนและวิธีกำรเรียนรู้ของผู้เรียนที่โดยไม่ได้มุ่งเน้นกำรให้คะแนนจำกผลงำนทั้งจำกผู้สอนและผู้เรียน เพียงเท่ำนั้น สอดคล้องกับแนวคิดกำรพัฒนำ Meta cognition ที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ปฏิบัติจำก สิ่งแวดล้อมกำรเรียนรู้ที่หลำกหลำย ก่อให้เกิดพัฒนำกำรกำรเรียนรู้ สรุปได้ว่ำ กำรดำเนินกำรตำมขั้น U: Universal Design for learning (กำรออกแบบกำรเรียนรู้ที่เป็น สำกล: UDL) เป็นขั้นที่ให้นักศึกษำประเมิน ตรวจสอบทบทวนตนเองและกำรยืนยันควำมถูกต้อง และมีกำร กำกับติดตำมซึ่งกำรกำกับติดตำมนั้นมีควำมถูกต้องเม่นยำ ผลผลิตตำมขั้นตอนนี้คือ ผลประเมินกำรเรียนรู้ตำม แนวคิด SOLO Taxonomy ซึ่งเป็นกำรระบุแนวทำงกำรประเมินกำรเรียนรู้ ตำมระดับคุณภำพกำรเรียนรู้ โดย กำหนดระดับคุณภำพกำรเรียนรู้ไว้ 4 ระดับ คือ SOLO คุณภำพผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน 0 ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ไม่สำเร็จ พลำด ล้มเหลว 1 ระบุ บอกชื่อ ปฏิบัติตำมขั้นตอนง่ำย ๆ (เชิงปริมำณ) 2 รวมกัน อธิบำย บรรยำย ยกตัวอย่ำง เชื่อมโยง (เชิงปริมำณ) 3 วิเครำะห์ ประยุกต์ อธิบำยเหตุผล แสดงควำมสัมพันธ์ (เชิงคุณภำพ) 4 สร้ำงสรรค์ สรุปอ้ำงอิง ตั้งสมมติฐำน สะท้อนทฤษฎี (เชิงคุณภำพ)
  • 10. กำรจัดกำรเรียนรู้ DRU Model เพื่อส่งเสริม Meta cognition ควำมสัมพันธ์ของ DRU Model เพื่อส่งเสริม Meta cognition