SlideShare a Scribd company logo
1
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบO-NET วิชา ภาษาไทย ม.ปลาย
คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. โอ้อกเรามีกรรมทาไฉน จึงจะได้แนบชิดขนิษฐา
คำที่ขีดเส้นใต้อ่ำนอย่ำงไรจึงจะไพเรำะ
1. อ่ำนทอดเสียงแล้วปล่อยให้หำงเสียงผวนขึ้นจมูก
2. อ่ำนครั่นเสียงให้น้ำเสียงติดขัดสะเทือนอำรมณ์
3. อ่ำนเปลี่ยนเสียงจำกเสียงต่ำขึ้นไปเสียงสูง
4. อ่ำนหลบเสียงจำกเสียงสูงลงไปเสียงต่ำ
2. ข้อใดอ่ำนจังหวะวรรคตอนได้ถูกต้อง
1. ทั้งองค์/ฐำนรำนร้ำวถึง/เก้ำแฉก เผยอแยกยอด/ทรุดก็/หลุดหัก
2. โอ้เจดีย์/ที่สร้ำงยัง/ร้ำง/รัก เสียดำยนัก/นึกน่ำน้ำตำ/กระเด็น
3. กระนี้หรือ/ชื่อเสียง/เกียรติยศ จะมิหมด/ล่วงหน้ำ/ทันตำเห็น
4. เป็นผู้ดีมี/มำกแล้ว/ยำกเย็น คิดก็เป็น/อนิจจังเสีย/ทั้งนั้น
3. ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
คำประพันธ์ข้ำงต้นต้องอ่ำนตำมข้อใด
1. ยูงทองร้อง/กะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้อง/กลองระฆัง//
แตรสังข์/กังสดำลขำนเสียง//
2. ยูงทอง/ร้องกะโต้ง/โห่งดัง เพียงฆ้อง/กลอง/ระฆัง//
แตรสังข์/กังสดำล/ขำนเสียง//
3. ยูงทอง/ร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้อง/กลองระฆัง//
แตรสังข์/กังสดำลขำนเสียง//
4. ยูงทอง/ร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้อง/กลองระฆัง//
แตรสังข์/กังสดำล/ขำนเสียง//
2
4. คำประพันธ์ในข้อใดมิได้แสดงอำรมณ์เกรี้ยวกรำดกระแทกน้ำเสียง
1. เอออุเหม่อิลลำชะล่ำไฉน ประพำสบ่เกรงบ่กลัวกระทำ
อุกอำจ อหังกำร์
2. เรำนี่แหละจะสำปจะสรรให้สำแก่ใจ นะเจ้ำแน่ะนำงอิลลำ
จะทำไฉน
3. แสงสกำววิโรจน์นภำประจักษ์ แฉล้มเฉลำและโสภิตนัก
ณ ฉันใด
4. กลกะกำกะหวำดขมังธนู บห่อนจะเห็นธวัชริปู
สิล่ำถอย
5. ขุนผู้คู่กากับ เป็นเทพหลังพรั่งพฤนท์
ขี่คชินทรพาหนะ นามชนะจาบัง
ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรอ่ำนร่ำย
1. อ่ำนคำส่งสัมผัส “พฤนท์” ว่ำ พริน
2. อ่ำนคำส่งสัมผัส “พฤนท์” ว่ำ พะรึน
3. อ่ำนคำรับสัมผัส “คชินทร” ว่ำ คะ-ชิน-ทอน
4. อ่ำนคำรับสัมผัส “คชินทร” ว่ำ คะ-ชิน-ทะ-ระ
6. พำดหัวข่ำวหนังสือพิมพ์ข้อใดเน้นกำรนำเสนอเฉพำะข้อเท็จจริง
1. โทรทัศน์ดำวเทียมเข้ำถึงง่ำย ผู้ประกอบกำรอ้ำอึ้ง คิดต่ำงจำกกสทช.
2. แอร์ นิวซีแลนด์ ยกเลิกเที่ยวบินหลำยสำยหลังภูเขำไฟยังคงปะทุ
3. กฟผ. แจงเครียด คำดปี 56 ควำมต้องกำรไฟฟ้ำเพิ่ม 3.5 %
4. ธุรกิจล่องเรือเจ้ำพระยำพุ่งกระฉูด เงินสะพัด 700 ล้ำน
7. ไข่ตุ๋นเป็นอาหารที่ทาจากไข่ตีกับนาหรือนาซุป ปรุงรสให้ออกเค็มเล็กน้อย และใส่เครื่องต่างๆ
ตามใจชอบ นึ่งให้สุก รับประทานกับข้าว หรือจะรับประทานเปล่าๆ ร้อนๆ ก็คล่องคอดี
ข้อใดไม่ปรำกฏในข้อควำมข้ำงต้น
1. รสชำติไข่ตุ๋น
2. วิธีทำไข่ตุ๋น
3. วิธีรับประทำนไข่ตุ๋น
4. ประโยชน์ของไข่ตุ๋น
3
8. ข้อใดไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพิจำรณำในกำรอ่ำนเพื่อให้ทรำบเรื่องรำว
1. ตัวละครในเรื่องคือใครบ้ำง และมีลักษณะนิสัยอย่ำงไร
2. บทสนทนำของตัวละครในเรื่องมีลักษณะเด่นอย่ำงไร
3. กำรกระทำของตัวละครทำให้เกิดผลอะไรตำมมำ
4. ตัวละครแต่ละตัวได้กระทำสิ่งใดบ้ำง
9. ข้อใดใช้ภำษำต่ำงจำกข้ออื่น
1. น้ำฝนกวำดผืนพสุธำใหม่จนไม่เหลือฝุ่น
2. นกเป็นร้อยๆ เริ่มร้องเพลงเพรียกอยู่ตำมยอดไม้
3. กำรเกิดใหม่ของพฤกษำทำให้โลกนี้เป็นอุทยำนสีเขียว
4. กระรอกตกใจกระโดดโหยงๆ เขย่ำกิ่งไม้เหนือหัวทำลูกไม้ป่ำหล่น
10. ข้อใดใช้บรรยำยโวหำร
1. อยู่ๆ มีเสียงพึบพับจำกทำงด้ำนขวำรำวกับใครสะบัดผ้ำผืนใหญ่
2. ผมก็ตำค้ำง ตั้งท่ำจะวิ่งกลับไปหำแม่ที่เดินใกล้เข้ำมำ
3. ใบกล้วยนั้นกำลังโยกซ้ำยย้ำยขวำ พลิกใบไปมำ
4. รองเท้ำใหม่ส่งเสียงกับๆ ก้องไปในรำวป่ำ
11. ข้อใดใช้ภำษำสอดคล้องกับลักษณะกำรเขียนย่อควำมมำกที่สุด
1. พี่กุ้งสบตำพี่กอล์ฟไม่วำงตำ
2. เธอเป็นคนสวยอย่ำงร้ำยกำจ
3. ปิ๊กชงกำแฟได้อร่อยเลิศล้ำ
4. เขำไปลอยกระทงกับเพื่อนๆ
12. ...จึงเรียนเชิญท่านเป็นวิทยากรเพื่อแสดงปาฐกถา เรื่อง “การใช้ภาษาไทยในชีวิตประจาวัน”
แก่สมาชิกชมรมวิชาภาษาไทย...
ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะเนื้อควำมในจดหมำยได้ถูกต้องที่สุด
1. ส่งข่ำวเหตุกำรณ์
2. ขอควำมร่วมมือ
3. มีเรื่องปรึกษำ
4. สมำนไมตรี
4
13. กำรเขียนจดหมำยกิจธุระในข้อใดใช้คำขึ้นต้นและคำลงท้ำยได้ถูกต้องเหมำะสมกับสถำนภำพของผู้รับ
ข้อ ผู้รับ คาขึ้นต้น คาลงท้าย
1. พระภิกษุ นมัสกำร ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง
2. คุณครู กรำบเท้ำ ด้วยควำมเคำรพ
3. วิทยำกรพิเศษ เรียน ขอแสดงควำมนับถือ
4. คุณปู่ กรำบเท้ำ ขอแสดงควำมนับถือ
14. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะกำรใช้ภำษำในกำรเขียนเรียงควำมย่อควำม และจดหมำยไม่ถูกต้องที่สุด
1. กำรเขียนเรียงควำมควรใช้ภำษำที่สั้นกระชับและได้ใจควำม
2. เรียงควำมสำมำรถใช้โวหำรแบบพรรณนำโวหำรได้
3. กำรเขียนย่อควำมเน้นกำรพรรณนำเช่นเดียวกับกำรเขียนเรียงควำม
4. กำรเขียนจดหมำยส่วนตัวสำมำรถใช้ภำษำระดับไม่เป็นทำงกำรได้
15. ถ้ำนักเรียนมีควำมจำเป็นต้องกรอกข้อควำมลงในแบบรำยกำร นักเรียนควรจะทำสิ่งใดก่อนเป็นอันดับแรก
1. กรอกข้อมูลตำมควำมเป็นจริง
2. อ่ำนข้อควำมในแบบแสดงรำยกำรให้เข้ำใจ
3. เลือกถ้อยคำที่กะทัดรัด เพื่อให้ตรงตำมจุดมุ่งหมำยของแบบรำยกำร
4. ปฏิบัติตำมข้อบังคับหรือคำแนะนำในกำรกรอกแบบรำยกำรนั้นๆ อย่ำงเคร่งครัด
16. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติในกำรกรอกแบบรำยกำรสัญญำ
1. กรอกข้อควำมอย่ำงละเอียด
2. อ่ำนแบบรำยกำรสัญญำอย่ำงละเอียด
3. ปรึกษำผู้รู้ก่อนกรอกแบบรำยกำรสัญญำ
4. ลงลำยมือชื่อในแบบรำยกำรที่ไม่ได้กรอกข้อควำมครบถ้วน
17. ข้อใดแสดงควำมสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมระหว่ำงผู้ฟังกับผู้พูด
1. จับตำมองผู้พูดตลอดเวลำ
2. ปรบมือให้กำลังใจผู้พูด
3. แสดงควำมเข้ำใจผ่ำนทำงสีหน้ำ
4. ซักถำมผู้พูดเกี่ยวกับข้อสงสัยต่ำงๆ ตลอดเวลำ
5
18. ข้อควำมต่อไปนี้มีจุดมุ่งหมำยในกำรพูดสอดคล้องกับข้อใดมำกที่สุด
ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทานุบารุงประเทศชาตินันมิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด
โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิดชอบของคนไทยทุกคนที่จะต้องขวนขวายกระทาหน้าที่ของตน
ให้ดีที่สุด เพื่อธารงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น
1. เป็นกำรเร้ำควำมรู้สึก
2. บอกเรื่องรำวที่ควรรู้แก่ผู้ฟัง
3. สร้ำงควำมบันเทิงสนุกสนำน
4. เป็นกำรทำให้ผู้ฟังเชื่อด้วยเหตุผล
19. ข้อควำมต่อไปนี้ไม่สอดคล้องกับกำรพูดในโอกำสใด
ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทานุบารุงประเทศชาตินันมิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด
โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิดชอบของคนไทยทุกคนที่จะต้องขวนขวายกระทาหน้าที่ของตน
ให้ดีที่สุด เพื่อธารงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น
1. กำรกล่ำวปำฐกถำ หัวข้อ “ปรำบทุจริต ล้มคอรัปชัน”
2. กำรกล่ำวเปิดงำนโครงกำร “มุมมองและทิศทำงกำรท่องเที่ยว”
3. กำรกล่ำวสุนทรพจน์ หัวข้อ “รักชำติ รักประชำธิปไตย”
4. กำรกล่ำวสดุดีบุคคลสำคัญ เนื่องในงำนรำลึกทหำรผ่ำนศึก
20. ข้อควำมต่อไปนี้มีกลวิธีกำรลำดับเนื้อหำอย่ำงไร
วัลลีเป็นตัวอย่างลูกที่ดี ซึ่งมีความกตัญญู ทุกวันเวลาพักเที่ยงวัลลีต้องเดินกลับบ้านเพื่อไปป้อนอาหาร
เที่ยงให้คุณแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต การกระทาของวัลลีนีสมควรแล้วที่จะได้รับรางวัลดีเด่นด้านความ
กตัญญู
1. ลำดับตำมเวลำ
2. ลำดับตำมสถำนที่
3. ลำดับจำกเหตุไปสู่ผล
4. ลำดับจำกผลไปสู่เหตุ
21. ข้อใดเป็นอวัจนภำษำที่แสดงถึงควำมไม่สุภำพ
1. วิทยำธรได้รับคำชมว่ำเป็นผู้ชำยที่มีเสน่ห์ จะนั่งจะยืนมีท่ำทำงสุภำพ นอบน้อมอยู่เสมอ
2. ใครๆ มักบอกเขำว่ำไม่น่ำชื่อวินัย เพรำะเขำไม่มีวินัย เวลำนำยเรียกก็เดินล้วงกระเป๋ำเข้ำไปหำ
3. สถำพรรีบมำทำงำนแต่เช้ำและยิ้มทักทำยผู้อื่นด้วยหน้ำตำยิ้มแย้มทุกวัน
4. เวลำนำเอกสำรเข้ำไปนำเสนอเจ้ำนำย วิศรุตจะยืนค้อมตัวรอรับคำสั่งจำกนำยเสมอ
6
22. ลักษณะคำในข้อใดมีกำรกลำยเสียง
1. อย่ำงนี้-ยังงี้
2. สะดือ-สำยดือ
3. หมำกพร้ำว-มะพร้ำว
4. ตะกรุด-กะตุด
23. ข้อใดมีคำไทยแท้ทุกคำ
1. นำรีตกกระไดพลอยโจนกับบุรุษหลังจำกดูใจกันมำนำน
2. พอฝนจะตกก็รีบกลับบ้ำนทันที
3. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตกลูกครั้งละตัว
4. เพื่อนชวนเขำไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เขำจึงตกลงใจแต่งงำนกัน
24. ข้อใดมีเสียงวรรณยุกต์ตรีมำกที่สุด
1. ประเพณีกินเจของชำวจีนมีอำหำรเจขำยมำกมำย
2. ร้ำนค้ำขำยโค้กยังติดธงเจสีเหลืองเลย
3. ผัดหมี่ ผัดซีอิ๊ว และโกซีหมี่ขำยดีเป็นเทน้ำเทท่ำ
4. เธอชอบกินอำหำรเจใช่ไหมวันพรุ่งนี้ฉันจะซื้อมำฝำก
25. คำว่ำ “ขัน” ข้อใดมีหน้ำที่ของคำแตกต่ำงจำกข้ออื่นมำกที่สุด
1. เขำพูดเรื่องขำขัน
2. ไหนขันที่ฉันต้องกำร
3. เขำขันอำสำช่วยเหลือเรำ
4. เมื่อเช้ำนี้ ไก่ขันเสียงดังมำก
26. ข้อใดมีกำรประสมอักษรเหมือนคำว่ำ สัมฤทธิ์
1. พระเจ้ำ
2. สำมัญ
3. เจ้ำเล่ห์
4. คำศัพท์
27. ข้อใดเป็นคำไทยแท้ทุกคำ
1. คนงำนใหม่ขยันเป็นพักๆ เอำแน่ไม่ได้
2. นักเรียนอนุบำลหกล้มหัวเข่ำแตกเลือดไหลซิบๆ
3. ในสวนสำธำรณะมีคนออกกำลังกำยกันประปรำย
4. ที่ปำกทำงเข้ำหมู่บ้ำนมียำมรักษำกำรอยู่ตลอดเวลำ
7
28. ข้อใดมีคำประพันธ์ที่เหมือนกับคำประพันธ์ที่ยกตัวอย่ำงมำนี้
“กลางไพรไก่ขันบรรเลงฟังเสียงเพียงเพลงซอเจ้งจาเรียงเวียงวัง”
1. เร่งพลพำชีตีกระหนำบตัวนำยชักดำบออกไล่หลัง
2. ตีนงูงูไซร้หำกเห็นกันนมไก่ไก่สำคัญไก่รู้
3. ลิงค่ำงครำงโครกครอกฝูงจิ้งจอกออกเห่ำหอน
4. ไว้ปำกไว้วำกย์วำทีไว้วงศ์กวีไว้เกียรติและไว้นำมกร
29. คำประพันธ์ในข้อใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. เปิบข้ำวทุกครำวคำ จงสูจำเป็นอำจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมำเป็นคน
2. รอนรอนอ่อนอัสดง พระสุริยงเย็นยอแสง
ช่วงดังน้ำครั่งแดง แฝงเมฆเขำเงำเมรุธร
3. เขำตกทะเลบก สิก็ตกทะเลไป
คลื่นสีขจีใส ปะทะซ่ำฉะฉ่ำฉำน
4. จำปำหนำแน่นเนื่อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่ำม
คิดคะนึงถึงนงรำม ผิวเหลืองกว่ำจำปำทอง
30. “หวานใดไม่หวานนักเท่ารสรักสมัครสมไร้รักหนักอารมณ์หวานเหมือนขมอมโศกา”
บทประพันธ์ข้ำงต้นใช้โวหำรประเภทใด และใช้ลักษณะคำประพันธ์ประเภทใด
ลาดับที่ ประเภทของโวหาร ลักษณะคาประพันธ์
1. อุปมำโวหำร กำพย์
2. เทศนำโวหำร กำพย์
3. สำธกโวหำร กลอน
4. พรรณนำโวหำร กลอน
31. ข้อใดผู้อ่ำนควรใช้เสียงเน้นหนัก เพื่อให้เห็นควำมสำคัญของเนื้อหำทำให้เกิดควำมไพเรำะ ชวนให้
ติดตำมอย่ำงต่อเนื่อง
1. เรื่องวัดพระเชตุพนฯ นี้ น่ำจะไขควำมไว้ที่ตรงนี้ได้อีกหน่อย ผู้อ่ำนจะได้เข้ำใจ
2. ท่ำนพระครูไม่ยอมให้แก้ไขในบริเวณโบสถ์ที่ท่ำนเคยลงไปอยู่เมื่อต่อสู้กับพวกโจร
3. กรุงสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลำ ในนำมีข้ำว เจ้ำเมืองบ่เอำจกอบในไพร่ลู่ทำง เพื่อนจูงวัวไปค้ำ ขี่ม้ำไปขำย
ใครใคร่ค้ำม้ำค้ำ ใครใคร่ค้ำช้ำงค้ำ
4. แม่มิเคยได้เคืองแค้นเหมือนครั้งนี้ เมื่อจำกบุรีทุเรศมำก็พร้อมหน้ำทั้งลูกผัวเป็นเพื่อนทุกข์ สำคัญ
ว่ำจะเป็นสุขประสำยำก
8
32. ข้อใดผู้อ่ำนควรใช้น้ำเสียงเพื่อถ่ำยทอดอำรมณ์ต่ำงจำกข้ออื่น
1. เห็นทหำรไม่เชื่อก็เหลือกลั้น ชักดำบไล่ฟันทั้งซ้ำยขวำ
ใครข่มเหงคนไทยไม่เมตตำ ชีวำจะดับด้วยมือเรำ
2. พิศดูสำวน้อยนวลหงส์ รูปทรงงำมเลิศเฉิดเฉลำ
อยำกจะช่วยทุกข์ภัยให้บรรเทำ จึงเข้ำใกล้นำงแล้วพลำงทัก
3. อย่ำมัวพูดเสียเวลำฆ่ำฉันเถิด ขอให้เกิดเป็นชำยได้สักหน
จะรบสู้กับพม่ำกล้ำประจญ ไม่ย่อย่นขำมกลัวพวกตัวร้ำย
4. ในชำตินี้มิสมัครรักพม่ำ เชิญท่ำนฆ่ำให้ดับลับชีพหำย
ไปชำติหน้ำขอกำเนิดเกิดเป็นชำย แล้วเชิญกรำยมำลองฝีมือกัน
33. ข้อใดให้คำจำกัดควำมของคำว่ำกำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ได้ถูกต้อง
1. กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนอย่ำงมีสมำธิ จดจ่ออยู่กับเรื่องที่อ่ำน
2. กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนอย่ำงมีวิจำรณญำณไตร่ตรองรอบคอบ
3. กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนเพื่อแยกแยะองค์ประกอบต่ำงๆ ของสิ่งที่อ่ำน
4. กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนเพื่อจำแนกประเภทสิ่งที่อ่ำนในชีวิตประจำวัน
34. ชื่อเรื่องของเรียงควำมในข้อใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. ยำมเช้ำที่โขงเจียม
2. ทะเลงำมยำมสำยัณห์
3. ทุ่งทำนตะวัน สีสันประเทศไทย
4. สร้ำงชีวิตด้วยปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง
35. กลวิธีกำรเขียนเรียงควำมในข้อใดส่งผลต่อกำรลำดับเนื้อหำสำระภำยในเรื่อง
1. กำรใช้ย่อหน้ำที่ดีในกำรเขียนส่วนเนื้อเรื่องของเรียงควำม
2. กำรเลือกหัวข้อเรื่องที่อยู่ในควำมสนใจของกลุ่มคนในสังคม
3. กำรตั้งชื่อเรื่องให้มีควำมน่ำสนใจ ครอบคลุมเนื้อหำของเรื่อง
4. กำรเขียนสรุปให้ผู้อ่ำนประทับใจ และเน้นย้ำจุดมุ่งหมำยของเรื่อง
36. ข้อใดเรียงลำดับขั้นตอนกำรเขียนเรียงควำมได้ถูกต้อง
ก. กำหนดจุดมุ่งหมำย ข. วำงโครงเรื่อง ค. ลงมือเขียน
ง. รวบรวมข้อมูล จ. อ่ำนทบทวนและแก้ไข
1. ก. ข. ค. ง. และ จ.
2. ก. ข. ง. ค. และ จ.
3. ก. ง. ข. จ. และ ค.
4. ก. ง. ข. ค. และ จ.
9
37. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรเขียนอ้ำงอิงแบบเชิงอรรถ
1. กำรเขียนอ้ำงอิงแบบเชิงอรรถจะนำไปรวบรวมไว้ในส่วนท้ำยของบรรณำนุกรม
2. กำรเขียนเชิงอรรถควรเขียนให้จบภำยใน 1 บรรทัด
3. กำรเรียงลำดับหมำยเลขเชิงอรรถต้องเรียงลำดับตั้งแต่หมำยเลข 1 ไปจนจบเล่ม
4. รำยละเอียดที่ระบุ ได้แก่ ชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ จังหวัด และสถำนที่พิมพ์ ปีที่พิมพ์ และหน้ำที่คัดลอก
ข้อควำมมำ
38. พฤติกรรมของบุคคลใดสำมำรถอนุมำนได้ว่ำเนื้อหำของรำยงำนจะมีประสิทธิภำพ
1. วัลภำเลือกศึกษำหัวข้อที่มีแหล่งข้อมูลอย่ำงหลำกหลำย
2. วัลลีเลือกศึกษำหัวข้อที่น่ำสนใจ และประเมินว่ำเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่ำน
3. วัชรีเลือกศึกษำหัวข้อที่ตนเองไม่ถนัด เพื่อท้ำทำยควำมสำมำรถของตนเอง
4. วัลลภเลือกศึกษำหัวข้อที่เคยมีผู้ศึกษำไว้แล้วอย่ำงละเอียด เพื่อให้ค้นหำข้อมูลได้สะดวก
39. ข้อใดไม่จาเป็นต้องระบุในกำรเขียนบรรณำนุกรมทั้ง 2 รำยกำร
รศ.ดร.ปฐมพงษ์ ตระกูลยั่งยืน. (2539). รูปแบบการนับถือศาสนาในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 3.
จำนวน 2500 เล่ม. กรุงเทพมหำนคร : สำนักพิมพ์อักษรเจริญทัศน์.
1. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง ครั้งที่พิมพ์
2. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง ปีที่พิมพ์
3. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง จำนวนเล่ม
4. ครั้งที่พิมพ์ จำนวนเล่ม
40. รำยงำนเรื่อง “ลำตัด ลมหำยใจสุดท้ำยของเพลงพื้นบ้ำน” ควรเรียงลำดับโครงเรื่องตำมข้อใด
ก. ควำมเป็นมำและลักษณะทั่วไปของลำตัด
ข. แนวทำงกำรอนุรักษ์เพลงลำตัด
ค. สำเหตุกำรผันเปลี่ยนของวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้ำน
ง. บทบำทของเพลงลำตัดต่อสังคมไทย
1. ค. ง. ก. ข.
2. ง. ค. ข. ก.
3. ก. ง. ค. ข.
4. ค. ก. ข. ง.
41. หัวเรื่องสำรคดีในข้อใด เมื่อนำมำเรียบเรียงจะมีเนื้อหำแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. กล้วยไม้สำยพันธุ์ใหม่
2. ผำน้ำตกนกแสนสวย
3. ต้นกล้วยมหัศจรรย์
4. วัฒน์ วรรลยำงกูล กวีศรีบูรพำ
10
42. ข้อควรคำนึงในกำรผลิตงำนเขียนประเภทสำรคดีคืออะไร
1. กำรแทรกเกร็ดควำมรู้
2. ควรมีรูปภำพประกอบ
3. ควรตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ
4. ควรแสดงทรรศนะอย่ำงตรงไปตรงมำ
43. หลักกำรในข้อใดควรปฏิบัติในกำรตัดสินประเมินคุณค่ำงำนเขียน
1. อ่ำนและตีควำม
2. แยกแยะองค์ประกอบภำยในเรื่อง
3. วิเครำะห์องค์ประกอบภำยในเรื่องอย่ำงรอบด้ำน
4. พิจำรณำจำกผลงำนที่ผ่ำนมำของเจ้ำของผลงำน
44. หลักกำรแรกของกำรเขียนสำรคดีตรงกับข้อใด
1. กำรเลือกเรื่อง
2. กำรวำงโครงเรื่อง
3. กำรสำรวจเพื่อหำข้อมูล
4. กำรตั้งจุดมุ่งหมำยในกำรเขียน
45. กำรรับสำรในข้อใด ผู้ฟังและดูจะต้องใช้วิจำรณญำณมำกที่สุด
1. กำรฟังสัมมนำเรื่องโบรำณคดีใต้น้ำ
2. กำรฟังโฆษณำผ่ำนสถำนีโทรทัศน์
3. กำรฟังธรรมะผ่ำนสถำนีวิทยุแห่งประเทศไทย
4. กำรฟังบทเพลงลูกทุ่งผ่ำนรำยกำรลูกทุ่งยอดฮิต
46. ข้อใดแสดงกระบวนกำรฟังและดูอย่ำงมีวิจำรณญำณ
1. ได้ยิน ได้เห็น
2. ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส
3. ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส ได้รับรู้
4. ได้ฟัง ได้เห็น ได้วิเครำะห์ ใคร่ครวญ ได้ประเมินค่ำเพื่อนำไปใช้
47. หลักกำรวิเครำะห์ภำษำในงำนเขียนเชิงให้ควำมรู้ตรงกับข้อใด
1. พิจำรณำถ้อยคำที่มีลักษณะโน้มน้ำวใจ
2. พิจำรณำควำมไพเรำะ เหมำะสมสื่อควำม สื่ออำรมณ์
3. พิจำรณำระดับหรือแบบแผนกำรใช้ภำษำ ควำมถูกต้อง
4. พิจำรณำควำมเชื่อมโยง หรือสัมพันธภำพของภำษำในเรื่อง
11
48. บุคคลใดแสดงมำรยำทในกำรฟังและดูที่เหมำะสม
1. สุพจน์ยกมือขึ้นถำมผู้บรรยำยทันทีที่สงสัย
2. สุนีย์จดข้อสงสัยไว้ในสมุด รอจนกว่ำผู้บรรยำยจะเปิดโอกำสให้ซักถำม
3. สุนันท์ถำมในสิ่งที่สงสัยกับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้ำงๆ เพรำะไม่กล้ำถำมผู้บรรยำย
4. สุมำลีลุกออกจำกที่ประชุมเมื่อผู้พูดบรรยำยเสร็จ โดยไม่อยู่ฟังช่วงกำรซักถำม
49. บทโฆษณำในข้อใดไม่ปรากฏถ้อยคำที่แฝงกำรโน้มน้ำวใจ
1. พักผ่อนอย่ำงรำชำ ที่ฮำน่ำรีสอร์ต
2. ปูนตรำ สิงห์ ปูนเข้ม ฉำบง่ำย สบำยมือ
3. โรงเรียนอนุบำลเด่นภพ มำตรฐำนเดียวกับกำรเรียนกำรสอนระบบกำรศึกษำอเมริกำ
4. กำรออกกำลังกำยอย่ำงเป็นประจำสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่ำงกำยแข็งแรง เป็นที่อยู่ของจิตใจที่แจ่มใส
50. ข้อใดไม่ใช่กลวิธีกำรพูดโน้มน้ำวใจที่ถูกต้อง
1. ทำให้ผู้ฟังเกิดอำรมณ์ควำมรู้สึกร่วม
2. กำรสร้ำงควำมน่ำเชื่อถือในตัวของผู้พูด
3. ทำให้ผู้ฟังเห็นถึงผลดี ผลเสียของสถำนกำรณ์
4. กำรสร้ำงควำมเชื่อถือด้วยกำรให้เห็นผลหักล้ำง ว่ำร้ำยฝ่ำยตรงข้ำม
51. ข้อใดไม่ใช่จุดประสงค์ของกำรพูด
1. พูดเพื่อโน้มน้ำวให้เชื่อ
2. พูดเพื่อหันเหควำมสนใจ
3. พูดเพื่อมำรยำททำงสังคม
4. พูดเพื่อสร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจที่ถูกต้อง
52. คุณธรรมกำรพูดในข้อใดมีควำมเกี่ยวข้องกับหลักคำสอนในพระพุทธศำสนำ
1. พูดด้วยเมตตำจิต
2. พูดแต่คำสัตย์จริง
3. พูดให้ถูกกำลเทศะ
4. พูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
53. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะของภำษำ
1. หน่วยคำที่ประกอบเป็นประโยคเป็นอิสระต่อกัน
2. ภำษำไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
3. หน่วยย่อยในภำษำจะประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยใหญ่
4. กำรยืมคำเข้ำมำใช้ในภำษำไม่นับเป็นกำรเปลี่ยนแปลงของภำษำ
12
54. ประโยคในข้อใดมีเจตนำบอกให้ทำ
1. ขับรถภำษำอะไร
2. พื้นที่ส่วนบุคคล
3. เห็นไหม เขำไปกันหมดแล้ว
4. กรุณำกรอกแบบสอบถำมหลังใช้บริกำร
55. ข้อใดไม่ปรำกฏเสียงสระประสม
1. เวิ้งว้ำง เงินผ่อน แบ่งแยก
2. วี้ดว้ำย เชิญชวน คลอนแคลน
3. โพล้เพล้ ร่องแร่ง จองหอง
4. กรีดกรำย บ้ำนเรือน ลอดช่อง
56. ข้อควำมใดมีควำมสัมพันธ์กับ “ลักษณะของประโยคที่ดี”
1. มีควำมยำวต่อเนื่อง
2. ปรำกฏกำรใช้ถ้อยคำที่ไพเรำะ คมคำย
3. สื่อควำมได้ชัดเจน มีควำมสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน
4. ปรำกฏกำรใช้ถ้อยคำภำษำต่ำงประเทศ และศัพท์ทำงวิชำกำร
57. ข้อควำมใดไม่มีควำมเกี่ยวข้องกับภำษำไทยถิ่น
1. กำรศึกษำเรียนรู้เกี่ยวกับภำษำไทยถิ่นทำให้สำมำรถศึกษำประวัติของคำได้
2. ควำมแตกต่ำงระหว่ำงภำษำไทยถิ่นกับภำษำไทยมำตรฐำนคือเรื่องของคำศัพท์
3. ภำษำไทยถิ่นเป็นภำษำย่อยของภำษำไทยที่ใช้สื่อสำรกันในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง
4. กำรผสมระหว่ำงเชื้อชำติและวัฒนธรรมเป็นสำเหตุหนึ่งของกำรเกิดภำษำไทยถิ่น
58. ข้อใดต่อไปนี้มีวิธีกำรร้อยเรียงประโยคด้วยกำรแทนคำหรือวลี
1. นกไม่สบำย วันนี้เลยไปเที่ยวไม่ได้
2. นกชอบกิน แต่ฉันไม่ชอบ
3. นกเคยไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่ผมไม่เคย
4. ผู้ชำยคนนั้นหน้ำตำดีมำก เขำเป็นนักแสดงช่องอะไร
59. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับฉันทลักษณ์ของร่ำยสุภำพ
1. ร่ำยสุภำพจะจบบทด้วยโคลงสำมสุภำพเสมอ
2. ร่ำยสุภำพบทหนึ่งๆ มีจำนวนวรรคทั้งสิ้น 5 วรรค
3. กำรแต่งร่ำยสุภำพไม่กำหนดจำนวนคำในแต่ละวรรค
4. คำสุดท้ำยของวรรคหน้ำต้องสัมผัสกับคำที่ 1, 2 และ 3 ของวรรคต่อๆ ไป
13
60. คำประพันธ์ประเภทฉันท์มีลักษณะเด่นเฉพำะตรงกับข้อใด
1. คำสร้อย
2. คำครุ คำลหุ
3. คำเอกคำโท
4. คำเป็น คำตำย
61. ข้อใดไม่ใช่หลักกำรใช้คำยืมที่ถูกต้อง
1. ต้องรู้แหล่งที่มำของคำ
2. ต้องรู้หลักกำรเขียนที่ถูกต้อง
3. ต้องรู้หลักกำรออกเสียงที่ถูกต้อง
4. ต้องรู้ว่ำมีกลุ่มคนที่ใช้ภำษำนี้มำกน้อยเพียงใด
62. ข้อใดใช้ระดับของภำษำต่ำงจำกพวก
1. กรุณำรอสักครู่
2. พรุ่งนี้พบกันบริเวณหน้ำสวนสำธำรณะ
3. งำนสัปดำห์หนังสือปีนี้มีคนมำบำนเบอะ
4. นักเรียนควรมีควำมอุตสำหะในกำรศึกษำเล่ำเรียน
63. ข้อใดเรียงลำดับหน่วยในภำษำไทยจำกเล็กสุดถึงใหญ่สุดได้ถูกต้อง
1. คำ เสียง วลี ประโยค
2. เสียง คำ วลี ประโยค
3. วลี เสียง คำ ประโยค
4. คำ วลี เสียง ประโยค
64. คำพูดในข้อใดเหมำะที่จะใช้ในกำรประชุม
1. ขอโทษนะ คุณปรำนีพูดดังๆ หน่อย จะได้ได้ยินกันทุกคน
2. ดิฉันขอให้ที่ประชุมพิจำรณำทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง
3. เรื่องมันไปกันใหญ่แล้ว ขอให้พูดให้ตรงประเด็นหน่อยเถอะ
4. คุณจิรนัดดำนั่งเงียบอยู่นำนแล้ว กรุณำแสดงควำมคิดเห็นครับ
65. ข้อใดคือจุดมุ่งหมำยที่สำคัญของกำรพูดอภิปรำย
1. เพื่อแสดงควำมรู้ ควำมเข้ำใจของผู้พูด
2. เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติของผู้ฟัง
3. เพื่อควำมบันเทิง ผ่อนคลำยจำกปัญหำ
4. เพื่อแลกเปลี่ยนควำมรู้ ควำมคิด ประสบกำรณ์เพื่อแก้ไขปัญหำ
14
66. หัวเรื่องในข้อใดเหมำะสมที่จะนำมำอภิปรำย
1. เกิดเป็นชำยดีกว่ำหญิง
2. ระบบธุรกิจขำยตรง
3. ก้ำวไกลไปกับอำเซียน
4. เรำจะแก้ไขสถำนกำรณ์กำรอ่ำนของคนไทยได้อย่ำงไร
67. สิ่งสำคัญประกำรแรกของกำรพูดโต้แย้งตรงกับข้อใด
1. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับคำนิยำมของกำรโต้แย้ง
2. มีควำมสำมำรถทำงด้ำนกำรใช้ภำษำเพื่อกำรหักล้ำง
3. ตั้งใจฟังเรื่องที่จะต้องโต้แย้งตั้งแต่ต้นจนจบอย่ำงมีสมำธิ
4. มีควำมสำมำรถในกำรพูดสรุปได้คมคำยทำให้ผู้ฟังเชื่อถือ
68. ข้อใดเป็นลักษณะเฉพำะของคำที่ยืมมำจำกภำษำอังกฤษ
1. มีลักษณะเป็นคำสองพยำงค์
2. ไม่ปรำกฏกำรใช้พยัญชนะเสียงควบกล้ำ
3. มีเสียงควบกล้ำที่ไม่มีในภำษำไทย เช่น ฟร
4. มีลักษณะเป็นคำแผลงด้วยกำรเติมหน่วยคำเติมหน้ำ
69. กำพย์ประเภทใดนิยมที่จะนำมำแต่งคู่กับบทร้อยกรองประเภทฉันท์
1. กำพย์ยำนี และกำพย์สุรำงคนำงค์
2. กำพย์ฉบัง และกำพย์สุรำงคนำงค์
3. กำพย์ห่อโคลง และกำพย์ยำนี
4. กำพย์ห่อโคลง และกำพย์สุรำงคนำงค์
70. สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ เป็นฉันท์ซึ่งมีท่วงทำนองที่เหมำะแก่กำรบรรจุเนื้อควำมในลักษณะใด
1. บทชมโฉม
2. บทยอพระเกียรติ
3. บทพรรณนำควำมรัก
4. บทตื่นเต้น ระทึกใจ
15
71. ข้อใดเป็นประโยคใจควำมสำคัญของข้อควำมต่อไปนี้
(ก) คาว่า “เอ็นดู” ก็เหมือนกันถ้าสาวๆ ได้ยินพ่อเฒ่าชาวใต้แหลงว่า “เอ็นดูหลาว” อย่าเข้าใจผิดคิดไป
ว่าพ่อเฒ่าหัวงูมาเอ็นดูหวังเลียงต้อย เพราะ “เอ็นดู” ในบริบทของคนใต้แปลว่าสงสาร (ข) นี่แหละครับ
เสน่ห์ของการเดินทางไปยังต่างถิ่นต่างที่ คือได้เรียนรู้ภาษา เรียนรู้วัฒนธรรม และวิธีคิดที่ต่างจาก
ความคุ้นเคยของเรา (ค) นับว่าชาวชุมพรและคนปักษ์ใต้โชคดีที่มีปราชญ์อย่างอาจารย์สนั่นพากเพียร
รวบรวมภาษาถิ่นที่มีคุณค่าไว้เป็นลายลักษณ์อักษร (ง) ก่อนที่ภาษาอินเทอร์เน็ตใน “แชทรูม” และการส่ง
“ชอร์ตแมสเสจ” ในโทรศัพท์มือถือจะบดบังภาษาถิ่นจนหมด
1. (ก)
2. (ข)
3. (ค)
4. (ง)
72. ข้อใดเป็นประเด็นโต้แย้งของข้อควำมต่อไปนี้
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศควรเริ่มต้นจากการค้นหาจากจุดที่เป็นอุปสรรคมากที่สุด
ของการพัฒนาประเทศ (most binding constraint) และเน้นแก้ปัญหาในจุดดังกล่าว การพยายามแก้ปัญหา
หลายปัญหาพร้อมๆ กัน เป็นการพัฒนาที่ไร้ประโยชน์
1. มีอุปสรรคใดบ้ำงในกำรแก้ไขปัญหำและพัฒนำประเทศ
2. กำรแก้ไขปัญหำทำงเศรษฐกิจก่อให้เกิดประโยชน์หรือไม่ อย่ำงไร
3. กำรแก้ปัญหำทำงเศรษฐกิจหลำยๆ อย่ำงพร้อมกัน ถือเป็นกำรแก้ปัญหำหรือไม่
4. กำรแก้ไขปัญหำเศรษฐกิจของประเทศควรเริ่มต้นจำกจุดที่สำคัญที่สุดใช่หรือไม่
คาชี้แจง นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ จากนั้นตอบคาถามข้อ 73-75
เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างเมื่อเราหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วนตราหุ่นสวย เมื่อเราใช้ครีมแล้วเรา
ไม่ต้องลดอาหารหรือออกกาลังกายให้หนักทาให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยมากเกินไปจนทาให้ร่างกายทรุดโทรม
นอกจากนี ยังไม่มีสารพิษตกค้าง สภาพร่างกายของเราจึงดีขึนทันตาเห็น หุ่นสวยกระชับ ไร้ไขมัน รู้สึก
กลับไปเป็นสาววัยแรกรุ่นอีกครัง ตอนแรกคิดว่าการลดนาหนักด้วยวิธีนีจะไม่ได้ผล เดี๋ยวนีเข้าใจแล้ว
อยากให้คนที่อยากสวยหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วนตราหุ่นสวยแบบเรามากขึน
73. ข้อใดเป็นเจตนำในกำรพูด
1. อวดอ้ำงว่ำตนเองสวย
2. บอกเล่ำวิธีกำรลดน้ำหนักให้มีรูปร่ำงสวยงำม
3. แนะนำคุณค่ำที่ได้จำกกำรลดน้ำหนักด้วยครีมกระชับสัดส่วนตรำ หุ่นสวย
4. ชักชวนให้เพื่อนที่ต้องกำรลดน้ำหนักหันมำใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรำ หุ่นสวย
16
74. ข้อควำมข้ำงต้นมีวิธีกำรลำดับเนื้อหำอย่ำงไร
1. ลำดับตำมเวลำ
2. ลำดับตำมสถำนที่
3. ลำดับจำกเหตุไปสู่ผล
4. ลำดับจำกผลไปสู่เหตุ
75. จำกข้อควำมข้ำงต้นกำรแสดงทรรศนะของผู้เขียนเกิดจำกข้อใด
1. ควำมรู้
2. ควำมเชื่อ
3. ค่ำนิยม
4. ประสบกำรณ์
76. ข้อใดเป็นโครงสร้ำงของกำรแสดงเหตุผลในข้อควำมต่อไปนี้
“ด้วยความที่ไข่ตุ๋นเป็นอาหารที่รับประทานได้ง่าย แถมยังทาง่าย ราคาถูกที่สาคัญยังมีคุณค่าทาง
โภชนาการสูงอีกด้วย ไข่ตุ๋นจึงเป็นอาหารที่ทังเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชอบรับประทาน”
1. ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
2. ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป
3. ข้อสรุป ข้อสนับสนุน ข้อสรุป
4. ข้อสรุป ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
77. ข้อควำมต่อไปนี้ใช้วิธีกำรเขียนสอดคล้องกับข้อใด
ถ้าเราออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ กินอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ก็จะช่วยให้สุขภาพของเราสมบูรณ์
แข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส และสามารถสร้างความมั่นใจในตนเองได้ดียิ่งขึน
1. เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
2. ใช้ภำษำเร้ำใจ
3. ใช้เหตุผล
4. อ้ำงอิงหลักฐำน
78. กำรฟังในข้อใดมีจุดมุ่งหมำยแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. โก๊ะตี๋ฟังวิทยุรำยกำรเรื่องเล่ำเสำร์นี้
2. เรยำฟังถ่ำยทอดสดกำรอภิปรำยไม่ไว้วำงใจรัฐบำล
3. เด่นจันทร์ฟังเพลงในรำยกำรเพลงไพเรำะเสนำะโสต
4. ดี๋ฟังกำรอภิปรำยเรื่องละครไทยสู่ละครโลกได้จริงหรือ
17
79. กำรฟังในข้อใดเป็นกำรฟังเพื่อสำระและคติของชีวิตอย่ำงเด่นชัด
1. อัดฟังขับเสภำเรื่อง “ขุนช้ำง ขุนแผน”
2. แขกฟังรำยกำรเรื่อง “ท่องเที่ยวทั่วไทยให้สุขสันต์”
3. เฟย์ฟังรำยกำรวิทยุเรื่อง “เรำจะอยู่กับคนที่เรำไม่ชอบได้อย่ำงไร”
4. เบียร์ฟังเพื่อนเล่ำเรื่อง “นิทรรศกำรศิลปะกำรออกแบบเครื่องแต่งกำย”
80. สถำนกำรณ์ต่อไปนี้แสดงว่ำผู้ฟังมีสัมฤทธิผลในกำรฟังระดับใด
อาทิตย์ฟังรายการวิทยุ มีข้อความจากบันทึกของศรีบูรพาตอนหนึ่งว่า “ แม้เรามิได้เป็นดอกซากุระ
ก็อย่ารังเกียจที่ต้องเกิดเป็นบุปผาพันธุ์อื่นเลย ขอแต่ให้เป็นดอกที่งามที่สุดในพันธุ์ของเรา ภูเขาไฟฟูจี
มีอยู่ลูกเดียว แต่ภูเขาทังหลายก็หาไร้ค่าไม่ แม้มิได้เป็นซามูไรก็จงเป็นลูกสมุนของซามูไรเถิด เราจะเป็น
กัปตันกันหมดทุกคนไม่ได้ ด้วยว่าถ้าปราศจากลูกเรือแล้ว เราจะไปกันได้อย่างไร” หลังจากได้ฟังแล้ว
เขาบอกกับตนเองว่าผู้พูดต้องการให้คนเรามีทัศนคติที่ดีต่อบทบาทหน้าที่ของตนเหนือกว่าสิ่งใด
1. เข้ำใจจุดประสงค์ของผู้พูด
2. รับรู้ข้อควำมได้ครบถ้วน
3. บอกได้ว่ำสิ่งที่ฟังน่ำเชื่อถือ
4. ประเมินได้ว่ำสิ่งที่ฟังมีประโยชน์
81. “แว่วเสียงสาเนียงบุหรงร้อง ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา
พระแย้มเยี่ยมม่านทัศนา เห็นแต่ป่าพุ่มไม้ใบบัง
เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง
รสรักร้อนรนพ้นกาลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย”
ข้อใดไม่สามารถอนุมำนได้จำกบทประพันธ์ข้ำงต้น
1. มีควำมเศร้ำจำกควำมรัก
2. มีควำมผิดหวังในควำมรัก
3. มีควำมลุ่มหลงในควำมรัก
4. มีควำมร้อนแรงในควำมรัก
82. ข้อใดมีเนื้อหำแสดงควำมคิดเห็น
1. อันเหล่ำศัตรูหมู่ร้ำย จงแพ้พ่ำยอย่ำรอต่อติด
2. เจ้ำจงยกพลขันธ์ไปบรรจบ สมทบทัพอิเหนำให้จงได้
3. ชะรอยเป็นบุพเพนิวำสำ เทวำอำรักษ์มำชักให้
4. กูก็ไม่ครั่นคร้ำมขำมใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีผง
18
83. ข้อใดให้จินตภำพแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. ตำยระดับทับกันดังฟอนฟำง เลือดนองท้องช้ำงเหลวไหล
2. ผงคลีมืดคลุ้มชอุ่มควัน รีบร้นพลขันธ์คลำไคล
3. ว่ำแล้วสองกษัตริย์ก็จัดทัพ พร้อมสรรพพหลพลขันธ์
4. พอได้ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ้อง ประโคมศึกกึกก้องท้องสนำม
84. บทประพันธ์ในข้อใดปรำกฏนำฏกำร
1. อันสุริยวงศ์เทวัญอสัญหยำ เรืองเดชเดชำชำญสนำม
ทั้งโยธีก็ชำนำญกำรสงครำม ลือนำมในชวำระอำฤทธิ์
2. ต่ำงมีฝีมืออื้ออึง วำงวิ่งเข้ำถึงอำวุธสั้น
ดำบสองมือโถมทะลวงฟัน เหล่ำกริชติดฟันประจัญรบ
3. กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย เรำเป็นเมืองน้อยกระจิหริด
ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอำทิตย์ เห็นผิดระบอบบุรำณมำ
4. ใช่จะไร้ธิดำทุกธำนี มีงำมแต่บุตรีท้ำวดำหำ
พระองค์จงควรตรึกตรำ ไพร่ฟ้ำประชำกรจะร้อนนัก
85. จำกวรรณกรรมเรื่อง นิทำนเวตำล นักเรียนพิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้
“อนึ่งพระองค์ย่อมจะทราบคาถาซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้ มีความว่า ชายผู้ไม่ใช่คนโง่ ไม่ยอมคืนสู่
เรือนซึ่งไม่มีนางที่รักผู้มีรูปงามคอยรับรองในขณะกลับถึงเรือนนัน” ข้อควำมข้ำงต้นใช้โวหำรแบบใด
1. สำธกโวหำร
2. อุปมำโวหำร
3. บรรยำยโวหำร
4. พรรณนำโวหำร
86. “จาใจจากแม่เปลือง ปลิดอก อรเอย
เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้
สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่
ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนือนวลถนอม”
คำประพันธ์ข้ำงต้นมีลีลำในกำรแต่งสอดคล้องกับข้อใด
1. จึงบัญชำตรัสดัวยขัดเคือง ดูดู๋เจ้ำเมืองดำหำ
2. กูก็ไม่ครั่นคร้ำมขำมใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง
3. แล้วว่ำอนิจจำควำมรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสำยน้ำไหล
4. ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์ จึงกระชั้นสีหนำทประภำษไป
19
87. ข้อใดปรำกฏคำถำมเชิงวำทศิลป์
1. อำกำศจักจำรผจง จำรึกพอฤๅ
2. โฉมแม่หยำดฟ้ำแย้ม อยู่ร้อนฤๅเห็น
3. สุริยจันทรขจำย จำกโลก ไปฤๅ
4. กฤษณนิทรเลอหลัง นำคหลับ ฤๅพ่อ
88. “(ก)...พระองค์เสด็จเหาะตรงขึนสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีละอองพระบาทให้เรี่ยราดลง...” และ
“(ข)...เมื่อตะวันฉายเงาไม้ มิได้บ่ายไปตามตะวัน บังกันพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด...”
บทประพันธ์ทั้งสองบทข้ำงต้นปรำกฏภำพพจน์แบบใดบ้ำง เรียงตำมลำดับ
1. (ก) อุปมำ (ข) อุปมำ
2. (ก) อุปมำ (ข) อติพจน์
3. (ก) อุปมำ (ข) อุปลักษณ์
4. (ก) ไม่ปรำกฏภำพพจน์ (ข) อุปมำ
89. “ฟานฝูงคณาเนือนิกรกวางดงดูนี่แดงดาษ หมู่ละมั่งระมาดระมัดกาย ชะมดฉมันหมายเม่นหมีหมู
หมู่กระทิงเถื่อน โคถึกเที่ยวทุรสถาน กาสรกาเลาะลานก็ลับเขาเข้าเคียงคู่ กระจงจามรีรู้ระวังขนมิให้ขาด
ระคาย กระรอกตุ่นกระแตกระต่ายก็ไต่เต้น เหล่าเหียเห็น ก็ระเห็จหาภักษา”
บทประพันธ์ข้ำงต้นปรำกฏสัตว์กี่ชนิด
1. จำนวน 20 ชนิด
2. จำนวน 21 ชนิด
3. จำนวน 22 ชนิด
4. จำนวน 23 ชนิด
90. “หวังเป็นเกือกทองรองบาทา พระผู้วงศ์เทวาอันปรากฏ
จะขอพระบุตรีมียศ ให้โอรสข้าน้อยดังจินดา
อันกรุงไกรไอศูรย์ทังสอง จะเป็นทองแผ่นเดียวไปวันหน้า
ขอพานักพักพึ่งพระเดชา ไปกว่าชีวันจะบรรลัย”
ข้อใดไม่ปรากฏน้ำเสียงในบทประพันธ์ข้ำงต้น
1. อ่อนน้อม
2. ยำเกรง
3. ถ่อมตน
4. ทะนงในศักดิ์ศรีของตน
20
91. “หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว
ราคี บ พันพัว สุวคนธกาจร”
ข้อใดกล่ำวถึงพระคุณของพระพุทธเจ้ำสอดคล้องกับบทประพันธ์ข้ำงต้น
1. สมญำโลกอุดรพิสดำร อันลึกโอฬำร
พิสุทธิ์พิเศษสุกใส
2. โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร ปัญญำผ่องใส
สะอำดและปรำศมัวหมอง
3. ชี้ทำงบรรเทำทุกข์ และชี้สุขเกษมสำนต์
ชี้ทำงพระนฤพำน อันพ้นโศกวิโยคภัย
4. พร้อมเบญจพิธจัก- ษุจรัสวิมลใส
เห็นเหตุที่ใกล้ไกล ก็เจนจบประจักษ์จริง
92. ข้อใดปรำกฏรสวรรณคดีต่ำงจำกข้ออื่น
1. สงสำรน้ำคำที่พร่ำสั่ง คิดถึงควำมหลังแล้วใจหำย
ครวญพลำงกำสรดระทดกำย แล้วคิดอำยพวกพลมนตรี
2. เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ำยพักตร์ถวิลหวัง
รสรักร้อนรนพ้นกำลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรำย
3. เมื่อนั้น สองระตูวิโยคโศกศัลย์
กอดศพเชษฐำเข้ำจำบัลย์ พิโรธร่ำรำพันโศกำ
4. เมื่อนั้น โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรำ
ค้อนให้ไม่แลดูสำรำ กัลป์ยำคั่งแค้นแน่นใจ
93. พระพลันเห็นเหตุไซร้ เสียวดวง แดเอย
ถนัดดั่งภูผาหลวง ตกต้อง
กระหม่ากระเหม่นทรวง สั่นซีด พักตร์นา
หนักหฤทัยท่านร้อง เรียกให้โหรทาย ฯ
ข้อใดไม่ใช่อำรมณ์ควำมรู้สึกที่ปรำกฏในบทประพันธ์ข้ำงต้น
1. หนักใจ
2. พรั่นใจ
3. หวั่นใจ
4. ร้อนใจ
21
94. หวังเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์
ยืนพระยศอยู่ยง คู่หล้า
สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ
สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ
ข้อใดคือใจควำมสำคัญของบทประพันธ์ข้ำงต้น
1. กำรทำสงครำมครั้งนี้จะเป็นเกียรติยศแก่กษัตริย์ทั้งสอง
2. กำรทำสงครำมครั้งนี้ผู้คนจะพำกันสรรเสริญผู้ที่ชนะ
3. กษัตริย์ทั้งสองจะเป็นที่สรรเสริญของฝ่ำยตรงข้ำม
4. กษัตริย์ทั้งสองจะสู้กันอย่ำงทัดเทียม
95. “ข้าขอประนมหัตถ์ พระไตรรัตนนาถา ตรีโลกอมรมา อภิวาทนาการ อนึ่งข้าอัญชลี พระฤๅษีผู้ทรงญาณ
แปดองค์เธอมีฌาน โดยรอบรู้ในโรคา ไหว้คุณอิศวเรศ ทังพรหมเมศทุกชันฟ้า สาปสรรค์ซึ่งหว้านยา
ประทานทั่วโลกธาตรี ไหว้ครูกุมารภัจ ผู้เจนจัดในคัมภีร์ เวชศาสตรบรรดามี ให้ทานทั่วแก่นรชน ไหว้ครู
ผู้สั่งสอน แต่ปางก่อนเจริญผล ล่วงลุนิพพานดล สาเร็จกิจประสิทธิ์พร”
จำกบทประพันธ์ข้ำงต้นสะท้อนคุณธรรมใดในสังคมไทย
1. กตัญญู
2. เมตตำ
3. มุทิตำ
4. กรุณำ
96. “ถ้าเราจะสอนเขาทังหลายให้รู้สึกเกียรติยศแห่งการที่จะเป็นผู้เพาะความสมบูรณ์ให้แก่ประเทศ เช่น
ชาวนา ชาวสวน พ่อค้าช่างต่างๆ จะไม่ดีกว่าหรือ”
ข้อควำมข้ำงต้นใช้กลวิธีทำงวรรณศิลป์แบบใดเด่นชัดที่สุด และกลวิธีดังกล่ำวมีจุดมุ่งหมำยอย่ำงไร
ข้อ กลวิธีทางวรรณศิลป์ จุดมุ่งหมาย
1. ใช้กำรเปรียบเทียบ ย้ำให้จดจำ
2. ใช้ภำษำไพเรำะ มีควำมไพเรำะน่ำอ่ำน
3. ใช้ประโยคคำถำม กระตุ้นให้คิด
4. ใช้คำแสดงควำมรู้สึก ทำให้น่ำเชื่อถือ
22
97. “ท่านเชื่อหรือว่าพวกหนุ่มๆ ของเราจะทาประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง โดยทางเสมียนมากกว่าทางอื่นๆ
ได้อย่างไร ถ้าไม่อุดหนุนจานวนที่จาเพาะสิ่งของนันๆ ขึน?”
ข้อควำมข้ำงต้นคำว่ำ “เพำะ” มีควำมหมำยในลักษณะใด และมีควำมหมำยว่ำอย่ำงไร
ข้อ ลักษณะความหมาย ความหมาย
1. ควำมหมำยตรง ทำให้งอก
2. ควำมหมำยตรง ส่งเสริม
3. ควำมหมำยแฝง ปลูก
4. ควำมหมำยแฝง ทำให้เกิด
98. บทประพันธ์ในข้อใดปรำกฏโวหำรภำพพจน์
1. เพียนทองงำมดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตำดพรำย
2. กระแหแหห่ำงชำย ดั่งสำยสวำทคลำดจำกสมร
3. แก้มช้ำช้ำใครต้อง อันแก้มน้องช้ำเพรำะชม
4. ปลำทุกทุกข์อกตรม เหมือนทุกพี่ที่จำกนำง
99. เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร
ทุทาสสถุลฉะนีไฉน ก็มาเป็น
ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด
ข้อใดต่อไปนี้ไม่ปรากฏในบทประพันธ์ข้ำงต้น
1. รุทธรส
2. พิโรธวำทัง
3. กำรใช้ภำพพจน์
4. คำถำมเชิงวำทศิลป์
100. พอทรงจบแจ้งพระทัยในข้อหา ก็โกรธาเคืองขุ่นหุนหัน
มันเคี่ยวเข็ญทาเป็นอย่างไรกัน อีวันทองคนเดียวไม่รู้แล้ว
ข้อใดสอดคล้องกับบทประพันธ์ข้ำงต้น
1. อุปมำ
2. นำมนัย
3. อุปลักษณ์
4. ปฏิปุจฉำ
23
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ปลาย 2552
แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 100 ข้อ : ข้อละ 1 คะแนน
ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 1-5
ก. โบรำณว่ำเป็นข้ำจอมกษัตริย์
ข. รำชสวัสดิ์ต้องเพียรเรียนรักษำ
ค. ท่ำนกำหนดจดไว้ในตำรำ
ง. มีมำแต่โบรำณช้ำนำนครัน
1. ข้อใดมีเสียงสระประสม
1. ข้อ ก
2. ข้อ ข
3. ข้อ ค
4. ข้อ ง
2. ข้อใดมีคำที่ออกเสียงอักษรควบ
1. ข้อ ก
2. ข้อ ข
3. ข้อ ค
4. ข้อ ง
3. ข้อใดมีเสียงวรรณยุกต์ครบ 5 เสียง
1. ข้อ ก
2. ข้อ ข
3. ข้อ ค
4. ข้อ ง
4. ข้อใดมีอักษรต่ำน้อยที่สุด (ไม่นับอักษรที่ซ้ำกัน)
1. ข้อ ก
2. ข้อ ข
3. ข้อ ค
4. ข้อ ง
ปีการศึกษา
24
5. ข้อใดมีอักษรนำ
1. ข้อ ก และ ข
2. ข้อ ข และ ค
3. ข้อ ค และ ง
4. ข้อ ง และ ก
6. คำในข้อใดมีตัวสะกดมำตรำเดียวกับ “เหตุผล” ทุกคำ
1. พุดตำน ถอดถอน มลพิษ
2. มดเท็จ คิดสั้น จัดกำร
3. ผลัดเวร บทกลอน โทษทัณฑ์
4. สวดมนต์ จุดอ่อน ทรัพย์สิน
7. คำซ้ำในข้อใดต้องใช้เป็นคำซ้ำเสมอ
1. คนงำนใหม่ขยันเป็นพักๆ เอำแน่ไม่ได้
2. นักเรียนอนุบำลหกล้มหัวเข่ำแตกเลือดไหลซิบๆ
3. งำนนี้ถึงจะได้เงินเดือนน้อย ก็ทำไปพลำงๆ ก่อนแล้วกัน
4. ถ้ำเรำวำงแผนให้ดีตั้งแต่แรกๆ โครงกำรนี้ก็คงสำเร็จไปแล้ว
8. ข้อใดเป็นคำซ้อนทุกคำ
1. ซ้ำซ้อน ซ่อนรูป ซักฟอก
2. ถ่องแท้ ถี่ถ้วน ถำกถำง
3. บีบคั้น เบียดเบียน เบำควำม
4. แปรผัน เป่ำหู โปรยปรำย
9. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดมีคำประสมทั้ง 2 ส่วน
1) บริเวณสวนกว้ำงขวำง / 2) มีสนำมที่ได้รับกำรดูแลจำกเทศบำลเมือง / 3) มีประติมำกรรมเป็นรูป
เทพธิดำแสนงำม / 4) มุมหนึ่งมีนำฬิกำแดดคอยบอกเวลำ
1. ส่วนที่ 1 และ 4
2. ส่วนที่ 2 และ 3
3. ส่วนที่ 1 และ 3
4. ส่วนที่ 2 และ 4
10. ข้อใดมีคำประสมทุกคำ
1. คำขำด คำคม คำรำม
2. เดินแต้ม เดินรถ เดินสะพัด
3. น้ำป่ำ น้ำไหล น้ำมือ
4. ติดลม ติดใจ ติดขัด
25
11. ข้อใดไม่มีคำสมำส
1. วิสุทธโยธำมำตย์เจ้ำ กรมขวำ
2. หนึ่งชื่อรำชโยธำ เทพซ้ำย
3. ตำแหน่งศักดิ์ยศถำ เสถียรที่
4. คุมพยุหยำตรำย้ำย ย่ำงเข้ำตำมสถำน
12. ข้อใดมีคำสมำสที่มีกำรสร้ำงคำต่ำงกับข้ออื่น
1. ขับคเชนทร์สำวก้ำว ส่ำยเสื้องเทำทำง
2. สถำนที่พุทธบำทสร้ำง สืบไว้แสวงบุญ
3. สุธำรสรับพระเต้ำ เครื่องต้นไปตำม
4. โดยเสด็จดำเนินแคล้ว คลำดคล้อยบทจร
13. ข้อใดสะกดถูกทุกคำ
1. เขำกินอำหำรมังสวิรัติทุกวันพุธมำสำมปีแล้ว
2. ที่ปำกทำงเข้ำหมู่บ้ำนมียำมรักษำกำรอยู่ตลอดเวลำ
3. คนที่ซื้อทองรูปพรรณต้องจ่ำยเงินค่ำกำเหน็จด้วย
4. เพื่อนเห็นเขำนั่งหลับจึงถำมว่ำเข้ำฌำนถึงชั้นไหนแล้ว
14. ข้อใดมีคำสะกดผิด
1. ดำวพระศุกร์ที่เห็นในเวลำเช้ำมืดเรียกว่ำดำวประกำยพรึก
2. ในสวนสำธำรณะมีคนมำออกกำลังกำยกันอยู่ประปรำย
3. กระบะที่ลงรักแบบญี่ปุ่นและจีนเรียกว่ำเครื่องกำมะลอ
4. ในภำวะเศรษฐกิจตกต่ำทุกครอบครัวต้องกระเบียดกระเสียน
ใช้ข้อควำมในพจนำนุกรมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 15-16
จวัก [จะหฺวัก] น. เครื่องใช้ตักแกงหรือตักข้ำว ทำด้วยกะลำมะพร้ำว มีด้ำมถือ, กระจ่ำ
จ่ำ หรือตวัก ก็ว่ำ.
จอ 1 น. ชื่อปีที่ 11 ของรอบปีนักษัตร มีหมำเป็นเครื่องหมำย.
จอ 2 น. ผ้ำขำวที่ขึงไว้สำหรับเชิดหนังหรือฉำยภำพยนตร์ เป็นต้น; โดยปริยำยเรียกสิ่ง
ที่มีลักษณะคล้ำยคลึงเช่นนั้น เช่น จอโทรทัศน์.
จ่อ 1 ก. เอำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้ำไปใกล้หรือเกือบจดสิ่งอื่น เช่น เอำยำดมจ่อจมูก; มุ่งอยู่
เฉพำะกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มักใช้เข้ำคู่กับคำ จด เป็น จดจ่อ เช่น เขำมีใจจดจ่อกับงำน.
จ่อคิว (ปำก) ว. ใกล้ถึงลำดับที่จะได้หรือจะเป็น เช่น เขำจ่อคิวขึ้นเป็นหัวหน้ำ.
จ่อ 2 (ถิ่น-อีสำน) น. ภำชนะสำนชนิดหนึ่ง รูปร่ำงอย่ำงกระด้ง มีไส้สำนเป็นช่องโค้ง
อยู่ภำยใน ใช้เลี้ยงตัวไหม.
26
15. มีคำที่เป็นคำตั้งหรือแม่คำกี่คำ
1. 3 คำ
2. 4 คำ
3. 5 คำ
4. 6 คำ
16. มีคำที่ระบุว่ำใช้เฉพำะแห่งกี่คำ
1. 1 คำ
2. 2 คำ
3. 3 คำ
4. 4 คำ
17. คำภำษำอังกฤษในข้อใดใช้คำไทยแทนไม่ได้
1. จินดำทำข้อสอบหลำยวิชำจนรู้สึกเบลอร์ไปหมด
2. จิตรำเป็นดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้อที่มีชื่อเสียง
3. จินตนำไปหำหมอเพื่อใช้แสงเลเซอร์รักษำผิวหน้ำ
4. จิตรลดำเป็นวิสัญญีแพทย์ระดับอินเตอร์ของโรงพยำบำลนี้
18. ข้อใดเป็นคำศัพท์บัญญัติจำกคำภำษำอังกฤษทุกคำ
1. จุลทรรศน์ จุลินทรีย์ จุลกฐิน
2. สังคม สังเครำะห์ สังโยค
3. สมมำตร สมมุติฐำน สมเพช
4. วิกฤตกำรณ์ วิจัย วิสัยทัศน์
19. ข้อใดไม่มีคำยืมภำษำบำลีสันสกฤต
ก. วันจะจรจำกน้องสิบสองค่ำ
ข. พอจวนย่ำรุ่งเร่งออกจำกท่ำ
ค. รำลึกถึงดวงจันทร์ครรไลลำ
ง. พี่ตั้งตำแลแลตำมแพรำย
1. ข้อ กและ ข
2. ข้อ กและ ค
3. ข้อ ข และ ง
4. ข้อ ค และ ง
27
20. ข้อใดใช้คำลักษณนำมไม่ถูกต้อง
1. เขำสำมำรถปฏิบัติตำมเงื่อนไขของหน่วยงำนได้ครบทุกข้อ
2. นักวิชำกำรเสนอข้อคิดเห็นไว้ในบทสรุปของรำยงำนหลำยประกำร
3. รัฐบำลมีปัญหำเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไขหลำยเรื่อง
4. คณะกรรมกำรกำลังพิจำรณำคำขวัญที่ส่งเข้ำประกวด 50 บท
21. ข้อควำมต่อไปนี้มีบุพบทและสันธำนกี่คำ
คนไทยสมัยโลกำภิวัตน์ได้เปรียบคนไทยรุ่นก่อนในด้ำนที่มีควำมรู้กว้ำงขวำง เพรำะสำมำรถแสวงหำ
ควำมรู้ได้จำกแหล่งต่ำงๆ ทั้งหนังสือ วิทยุ โทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์
1. บุพบท 1 คำ สันธำน 3 คำ
2. บุพบท 2 คำ สันธำน 3 คำ
3. บุพบท 1 คำ สันธำน 4 คำ
4. บุพบท 2 คำ สันธำน 4 คำ
22. ข้อควำมต่อไปนี้มีคำนำมและคำกริยำหลักอย่ำงละกี่คำ (ไม่นับคำซ้ำ)
กำรกู้ยืมจะมีประโยชน์ต่อเมื่อเงินที่กู้มำนั้นใช้อย่ำงมีคุณภำพและสร้ำงรำยได้ เพื่อเพิ่มต้นทุนของเงิน
จำนวนนั้น
1. นำม 4 คำ กริยำ 3 คำ
2. นำม 5 คำ กริยำ 4 คำ
3. นำม 6 คำ กริยำ 5 คำ
4. นำม 7 คำ กริยำ 6 คำ
23. ข้อใดเป็นประโยคควำมเดียว
1. เครื่องปั้นดินเผำก่อนประวัติศำสตร์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกคือเครื่องปั้นดินเผำที่บ้ำนเชียง
2. เครื่องปั้นดินเผำที่บ้ำนเชียงส่วนใหญ่เป็นหม้อลำยเขียนสีรูปวงกลมม้วนคล้ำยลำยก้นหอย
3. หลักฐำนทำงโบรำณคดีแสดงว่ำบ้ำนเชียงเป็นแหล่งอำรยธรรมสำคัญในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
4. คณะกรรมกำรมรดกโลกประกำศให้แหล่งโบรำณคดีบ้ำนเชียงเป็นมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2535
24. ข้อใดไม่ใช่ประโยคควำมซ้อน
1. คนไทยนิยมทำอำหำรตำมฤดูกำลซึ่งสอดคล้องกับธรรมชำติ
2. ปลำยฤดูฝนต้นฤดูหนำว อำกำศที่เปลี่ยนแปลงทำให้คนเป็นไข้หวัด
3. เย็นนี้แม่บ้ำนจะทำแกงส้มดอกแคและผัดผักรวม
4. เชื่อกันว่ำกำรรับประทำนแกงร้อนๆ จะช่วยแก้ไข้หวัดในระยะเปลี่ยนฤดูได้
28
25. ข้อใดไม่ใช่ประโยค
1. กำรดำเนินงำนธุรกิจหรือกำรประกอบอำชีพต้องมีควำมพอเพียง
2. เศรษฐกิจพอเพียงมิได้จำกัดเฉพำะเกษตรกรหรือชำวไร่ชำวนำเท่ำนั้น
3. เกษตรทฤษฎีใหม่เป็นระบบเศรษฐกิจที่เน้นให้เกษตรกรสำมำรถดูแลตัวเองได้
4. กำรบริหำรจัดกำรเศรษฐกิจที่ทำให้คนสำมำรถดูแลตัวเองให้อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน
26. ข้อใดมีน้ำเสียงเชิงตำหนิ
1. ผู้จัดกำรบริษัทนำเที่ยวบริหำรงำนจนใครๆ ยกนิ้วให้
2. ชำวบ้ำนรู้ตื้นลึกหนำบำงเป็นอย่ำงดีว่ำเขำร่ำรวยเพรำะอะไร
3. ไม่ว่ำแม่จะถำมควำมเห็นกี่ครั้ง ลูกสำวก็ยังยืนคำเหมือนเดิม
4. เวลำจะไปพักผ่อนต่ำงจังหวัด คุณแม่ก็จัดแจงจองที่พักล่วงหน้ำ
27. คำทุกคำในข้อใดใช้ได้ทั้งควำมหมำยตำมตัวและควำมหมำยเชิงอุปมำ
1. ปีนเกลียว ปิดฉำก ถูกขำ
2. ปิดตำ เฝ้ำไข้ เปลี่ยนมือ
3. วำงใจ เป่ำปี่ แก้เคล็ด
4. ปั่นหัว กินตะเกียบ ลงคอ
28. ข้อใดใช้คำถูกต้อง
1. เธอได้รับคำชมว่ำทำงำนเก่งมำกจนใครๆ ยกมือให้
2. กำรแสดงดนตรีกว่ำจะยกเลิกก็เกือบสองทุ่ม
3. ผู้มีรำยได้ต่ำได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภำษีเงินได้
4. ผู้ต้องขังที่มีควำมประพฤติดีจะได้รับกำรยกโทษลงครึ่งหนึ่ง
29. ข้อใดใช้คำฟุ่มเฟือย
1. ทหำรในขบวนสวนสนำมเดินอกผำยไหล่ผึ่ง
2. คุณยำยขอให้ฉันกับญำติที่บุกรุกที่ดินเลิกแล้วต่อกัน
3. ฉันต้องทนฟังเขำชี้แจงเหตุผลแม้จะไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
4. พ่อแม่ชื่นชมปีติยินดีที่ลูกสำวสำเร็จกำรศึกษำระดับปริญญำเอก
30. ข้อใดใช้ภำษำกำกวม
1. เด็กข้ำงบ้ำนวิ่งชนฉันหกล้มปำกแตก
2. คนขับรถถูกสั่งพักงำนฐำนละเลยหน้ำที่
3. ก๋วยเตี๋ยวปลำแบบโบรำณในซอยนี้มีหลำยร้ำน
4. พวงมำลัยแบบนี้แม่ค้ำขำยฉันพวงละ 10 บำท
29
31. สำนวนในข้อใดเหมำะสมที่จะเติมในช่องว่ำงของข้อควำมต่อไปนี้
พวกเรำทำรำยงำนกันแทบตำย ส่วนเธอไม่ช่วยทำอะไรเลยแม้แต่จะหำข้อมูล พอเสร็จแล้วจะมำ
....................... ขอลงชื่อว่ำทำกลุ่มเดียวกับเรำได้อย่ำงไร
1. เก็บดอกไม้ร่วมต้น
2. เก็บเบี้ยใต้ถุนร้ำน
3. ตกกระไดพลอยโจน
4. ชุบมือเปิบ
32. สำนวนในข้อใดไม่เกี่ยวกับกำรพูด
1. พอก้ำวขำก็ลำโรง
2. ละเลงขนมเบื้องด้วยปำก
3. ไปไหนมำสำมวำสองศอก
4. น้ำร้อนปลำเป็น น้ำเย็นปลำตำย
33. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดใช้ภำษำต่ำงระดับกับส่วนอื่น
1) สัตว์หลำยชนิดมีประสำทสัมผัสพิเศษที่สำมำรถรับรู้ภัยธรรมชำติล่วงหน้ำได้ / 2) ฝูงมดที่กรูเกรียว
กันขึ้นมำจำกพื้นดินบอกให้เรำรู้ว่ำฝนจะตกหนักในไม่ช้ำนี้ / 3) ถ้ำฝูงแมลงสำบพำกันไต่ออกมำจำกที่ซ่อน
วิ่งพล่ำนไปทุกทิศทุกทำง / 4) เป็นสัญญำณว่ำจะมีพำยุและฝนฟ้ำคะนองตำมมำแน่ๆ
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
34. ข้อใดใช้ภำษำต่ำงระดับกับข้ออื่น
1. โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นแก่เด็กมำกกว่ำผู้ใหญ่
2. ในตอนแรกนี้ คุณหมอขอกล่ำวถึงเรื่องของผิวหนังแห้งก่อนครับ
3. ลูกน้อยควรจะใช้ครีมที่มีควำมเข้มข้น ไม่ใช้โลชั่นซึ่งผสมน้ำมำก
4. น้องหนูต้องใช้ครีมบำรุงผิวทันทีหลังอำบน้ำ ไม่เช่นนั้นผิวน้องหนูจะแห้งยิ่งขึ้น
35. ข้อใดไม่ใช้สำนวนภำษำต่ำงประเทศ
1. ในสภำวะปัจจุบันพบว่ำโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่ปรำกฏในกลุ่มคนอำยุ 35-45 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี
2. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จึงไม่ได้เป็นโรคที่เกิดแก่ผู้สูงอำยุอีกต่อไป
3. ในกรณีของหลอดเลือดหัวใจที่ยังตีบไม่มำก เรำอำจไม่รู้สึกอำกำรใดๆ เลย
4. บ่อยครั้งที่อำกำรต่ำงๆ จะเกิดขึ้นต่อเมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบไปสูงกว่ำ 70% ขึ้น
30
36. ข้อใดเป็นคำรำชำศัพท์ที่ใช้แทนคำกริยำในวงเล็บได้ถูกต้องตำมลำดับ
พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว (ดู)ผลกำรดำเนินงำนของโครงกำรอันเนื่องมำจำกพระรำชดำริ
แล้ว (ทักทำย) กับรำษฎรที่มำเฝ้ำรับเสด็จ
1. ทรงทอดพระเนตร ทรงทักทำย
2. ทรงทอดพระเนตร ทรงมีพระรำชปฏิสันถำร
3. ทอดพระเนตร ทรงพระรำชปฏิสันถำร
4. ทอดพระเนตร มีพระปฏิสันถำร
37. ข้อใดเมื่อเติม “พระ” ข้ำงหน้ำแล้วใช้เป็นรำชำศัพท์สำหรับพระมหำกษัตริย์ได้ทุกคำ
1. บรมรำชำนุสำวรีย์ บรมฉำยำลักษณ์ บรมหฤทัย
2. บรมชนกนำถ บรมโกศ บรมวงศ์
3. บรมหัตถเลขำ บรมรูป บรมบพิตร
4. บรมมนเทียร บรมอัฐิ บรมเกศำ
38. พำดหัวข่ำวข้อใดแสดงควำมเห็นของผู้เขียน
1. สว. ไม่ผ่ำน พรก. ขึ้นภำษีน้ำมัน
2. รมช. ศธ. เร่งหำคนทำผิดรับน้องใหม่
3. ปิด 3 วัน 3 ร.ร. ในเขต กทม. หวัดลำม
4. หวั่นโรคไข้หวัดสุนัขคร่ำ “แพนด้ำน้อย”
39. รำยงำนทำงวิชำกำรส่วนใดใช้ภำษำไม่เหมำะสม
1) กำรเข้ำพักอำศัยอยู่กับคนในหมู่บ้ำนทำให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตควำมเป็นอยู่ของคนเหล่ำนั้น / 2) นักวิจัย
พบว่ำต้องทำตัวเป็นคนอยู่ง่ำยกินง่ำย คลุกคลีตีโมงกับชำวบ้ำน เพื่อสร้ำงควำมสนิทสนมคุ้นเคย / 3) ปฏิบัติ
ตำมกฎระเบียบของหมู่บ้ำน เคำรพสิทธิของเจ้ำของพื้นที่ / 4) ไม่ทำสิ่งที่ขัดแย้งกับข้อปฏิบัติของชุมชน
และไม่ลบหลู่ควำมเชื่อของคนในท้องถิ่น
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
40. ข้อใดใช้ภำษำเหมำะสมกับกำรเขียนรำยงำน
1. เวลำไม่สบำยกะทันหันขึ้นมำ ผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
2. ผู้ที่เจ็บไข้ตอนกลำงคืนมักพบเจอปัญหำเพรำะไม่มีแพทย์เฉพำะทำงคอยตรวจรักษำ
3. หำกผู้ป่วยไปโรงพยำบำลหลังสองทุ่มไปแล้ว จะได้พบแต่แพทย์เวรซึ่งส่วนใหญ่เป็นแพทย์ทั่วๆ ไป
4. โรงพยำบำลเปิด “ศูนย์แพทย์เฉพำะทำงเที่ยงคืน” เพื่อตรวจรักษำผู้ป่วยนอกจนถึงเวลำ 24.00 น.
31
41. ข้อควำมส่วนใดเหมำะจะใช้ในจดหมำยกิจธุระ
1) พร้อมกันนี้ผมขออนุญำตส่งเอกสำรเกี่ยวกับกำรพัฒนำสินค้ำมำให้ดูเผื่อจะเป็นประโยชน์กับสมำชิก
/ 2) ทั้งนี้ไม่ได้หมำยควำมว่ำท่ำนจะต้องดำเนินกำรผลิตตำมหลักกำรใหม่นี้จึงจะส่งสินค้ำมำขำยได้
/ 3) รำยละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับกำรพัฒนำสินค้ำมีอยู่อีกมำกที่ศูนย์ฯ ถ้ำท่ำนจะแวะไปก็ยินดีต้อนรับ
/ 4) หำกท่ำนมีข้อข้องใจสำมำรถติดต่อได้ในเวลำทำกำร ตำมหมำยเลขโทรศัพท์ท้ำยจดหมำยนี้
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
42. ประกำศต่อไปนี้ขำดควำมชัดเจนในเรื่องใด
โรงพยำบำลชีวีสุขเปิดบริกำรตรวจโรคนอกเวลำ สำหรับสตรีที่มีอำกำรวัยทอง
และมีอำกำรประจำเดือนผิดปกติ ตรวจโดยแพทย์นรีเวชผู้เชี่ยวชำญ
ณ ชั้น 7 อำคำร 100ปี นัดหมำยล่วงหน้ำโทร. 021111111
1. กลุ่มเป้ำหมำย
2. สถำนที่ติดต่อ
3. เวลำดำเนินกำร
4. ผู้ดำเนินกำร
43. เมื่อพิจำรณำกำรใช้ภำษำแสดงลำดับควำมในคำอธิบำยวิธีทำอำหำรต่อไปนี้แล้ว ข้อใดเป็นขั้นตอนที่ต่อจำก
ข้อ 4
1. ปั้นทอดมันเป็นแผ่นกลม นำไปทอดจนสุก
2. ใส่ไข่ไก่ ถั่วฝักยำวซอย ใบมะกรูดซอย นวดต่อไป
3. ผสมเนื้อปลำกรำยกับน้ำพริกแกงเผ็ด นวดให้เข้ำกัน
4. พรมน้ำเกลือทีละน้อยขณะนวด แล้วนวดจนเหนียวได้ที่
5. ตักทอดมันขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมอำจำด
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 5
32
44. ข้อควำมต่อไปนี้ไม่เหมำะที่จะเป็นประโยคแรกในส่วนใดของเรียงควำมเรื่อง “อำหำรไทย”
วัฒนธรรมกำรกินอำหำรของคนไทยดังกล่ำวเกิดจำกกำรประสำนภูมิปัญญำด้ำนอำหำรจำกหลำยๆ ชำติ
มำดัดแปลงให้เป็นอำหำรไทย
1. ส่วนนำเรื่อง
2. ส่วนขยำยควำม
3. ส่วนสรุปเรื่อง
4. กำรยกตัวอย่ำง
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 45-46
1
พระอำจำรย์ถวำยพระอักษร
พระเจ้ำลูกเธอในรัชกำลที่ 2
และเป็นกวีในรำชสำนัก
ที่พระองค์โปรดมำก
2
กวีผู้เป็นเลิศในกำรแต่ง
กลอนแปด มีผลงำนทั้ง
ประเภทนิรำศ นิทำน
บทละคร บทเสภำ
และสุภำษิต
3
เกิดในรัชกำลที่ 1
บริเวณสถำนีรถไฟบำงกอกน้อย
ในปัจจุบัน ถวำยตัวเป็นข้ำใน
กรมพระรำชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก
4
ในรัชกำลต่อมำไม่ได้รับรำชกำร
จึงออกบวช ได้รับพระอุปกำระ
จำกสมเด็จฯ เจ้ำฟ้ำกรมขุน
อิศเรศรังสรรค์ ช่วงนี้แต่ง
วรรณคดีไว้หลำยเรื่อง
5
องค์กำรยูเนสโกประกำศ
ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญ
ที่มีผลงำนดีเด่นทำงด้ำน
วัฒนธรรมระดับโลก
33
45. ข้อใดเป็นกำรเรียงลำดับข้อมูลที่เหมำะสมสำหรับเรียงควำมเรื่อง “สุนทรภู่กวีเอกของโลก”
1. 3-5-2-1-4
2. 2-3-1-4-5
3. 2-5-3-1-4
4. 3-1-4-2-5
46. ข้อมูลส่วนใดมีควำมสำคัญน้อยที่สุดสำหรับเรียงควำมเรื่อง “สุนทรภู่ กวีเอกของโลก”
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 3
3. ส่วนที่ 4
5. ส่วนที่ 5
47. ข้อใดนำมำเติมในช่องว่ำงต่อไปนี้ตำมลำดับแล้วได้ควำมเหมำะสม
...........................ขอให้เลขำนุกำรอ่ำนรำยชื่อ...........................และรำยงำนกำรประชุมครั้งที่แล้ว
หลังจำกนั้นก็ดำเนินกำรประชุมไปตำม........................ต่อไป
1. ที่ปรึกษำ ผู้มีสิทธิ์เข้ำประชุม ญัตติต่ำงๆ
2. ประธำน ผู้เข้ำประชุม ระเบียบวำระ
3. ประธำน ผู้จัดประชุม ประเด็นต่ำงๆ
4. ที่ปรึกษำ องค์ประชุม เรื่องสำหรับประชุม
48. ข้อใดใช้พรรณนำโวหำร
1. ฝนตกกระหน่ำจนลืมหูลืมตำไม่ขึ้น เสื้อผ้ำเปียกปอนลีบเข้ำแนบลำตัว
2. ไฟฟ้ำดับมืดตลอดแนวถนนเนื่องจำกเสำไฟฟ้ำล้มเอียงลงมำตำมๆ กันร่วม 10 ต้น
3. กิ่งไม้หักเกลื่อนถนนหลำยสำยหลังจำกพำยุฝนสงบลง
4. รถยนต์จอดนิ่งอยู่หลำยคัน แล่นต่อไปไม่ได้ต้องรอให้พำยุสงบก่อน
49. ข้อใดใช้บรรยำยโวหำร
1. นักร้องประสำนเสียงเปล่งเสียงพร้อมเพรียงกันเป็นสำมระดับตำมทำนองที่ฝึกฝนมำอย่ำงดี
2. เพลงเอกของรำยกำรดังกระหึ่มก้องหอประชุม สะกดคนฟังให้เคลิบเคลิ้ม
3. เสียงเปียโนไล่เรียงขึ้นลงอย่ำงแจ่มใสชวนให้นึกถึงละอองน้ำที่โปรยปรำยลงมำ
4. ทำนองเพลงตอนท้ำยเบำหวิววูบหำยจนคนฟังต้องกลั้นหำยใจตำมไปด้วย
34
50. ข้อควำมต่อไปนี้ใช้วิธีอธิบำยตำมข้อใด
คำว่ำสึนำมิในภำษำญี่ปุ่นหมำยถึงคลื่นอ่ำวจอดเรือ (harbor wave) เนื่องจำกประเทศญี่ปุ่นมีภูมิประเทศ
เป็นเกำะมีชำยฝั่งทะเลยำว ตำมชำยฝั่งมีอ่ำวใหญ่น้อยอยู่มำกหำกเป็นอ่ำวแคบๆ ซึ่งเป็นที่จอดเรือควำม
รุนแรงของคลื่นสึนำมิจะมีมำกขึ้นอีกหลำยเท่ำ
1. นิยำมและให้ตัวอย่ำง
2. นิยำมและให้เหตุผล
3. ให้ตัวอย่ำง และเปรียบเทียบ
4. ให้เหตุผล และเปรียบเทียบ
51. ข้อใดเป็นโครงสร้ำงของกำรแสดงเหตุผลในข้อควำมต่อไปนี้
เชื้อไข้หวัดใหญ่สำยพันธุ์ใหม่แพร่ระบำดอย่ำงรวดเร็วจำกคนสู่คน / ด้วยเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรค
ในระบบทำงเดินหำยใจ / และติดต่อกันได้ง่ำย
1. ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป
2. ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
3. ข้อสรุป ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
4. ข้อสรุป ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน
52. ข้อใดมีกำรใช้เหตุผล
1. กำรแพทย์แผนไทยมีรำกฐำนมำจำกควำมพอดี หรือควำมสมดุลของชีวิตทั้งด้ำนกำรกินอำหำรและกำร
ขับถ่ำย
2. ชีวิตคนไทยยังคงผูกพันกับสมุนไพรและใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันตรงตำมตำรำกำรแพทย์แผนไทย
3. ถึงแม้ยำสมุนไพรหลำยขนำนจะให้ประโยชน์ในกำรรักษำโรค แต่ถ้ำไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรกิน
พร่ำเพรื่อ
4. คนไทยเรียนรู้และสืบทอดกำรใช้พืชสมุนไพรเป็นยำและอำหำรจำกบรรพบุรุษ คนเฒ่ำคนแก่จำนวนมำก
มีสุขภำพดีและอำยุยืน
53. ข้อใดมีวิธีแสดงเหตุผลต่ำงกับข้ออื่น
1. บุญยืนไม่อยำกไปโรงเรียน เขำไม่สบำยและไม่มีกำรบ้ำนไปส่งครู
2. บุญเพ็ญร้องเพลงลูกทุ่งไพเรำะมำก คุณครูส่งเธอเข้ำแข่งขันกับโรงเรียนอื่น
3. บุญมำอ่ำนหนังสือเรียนทุกวัน เขำอยำกเข้ำเรียนในมหำวิทยำลัยให้ได้
4. บุญรักษำตัดสินใจไปเรียนต่อต่ำงประเทศ คุณพ่อคุณแม่ทำกิจกำรร้ำนอำหำรอยู่ที่นั่น
35
54. ข้อใดเป็นประเด็นโต้แย้งของข้อควำมต่อไปนี้
มีข้อเสนอให้รัฐสภำพิจำรณำแยกพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ คือ ฝำง แม่อำย ไชยปรำกำร
ตั้งเป็น “จังหวัดฝำง” กำรตั้งจังหวัดใหม่มีเกณฑ์ที่ต้องพิจำรณำหลำยอย่ำง อำทิ ควรมีพื้นที่ไม่น้อยกว่ำ
5,000 ตำรำงกิโลเมตร ประชำกรไม่น้อยกว่ำ 600,000 คน อำเภอทั้ง 3 ข้ำงต้นมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 2,135
ตำรำงกิโลเมตร และมีประชำกรรวม 249,096 คน
1. จังหวัดใหม่ควรชื่อ “จังหวัดฝำง” หรือไม่
2. เกณฑ์กำรตั้งจังหวัดใหม่เหมำะสมหรือไม่
3. พื้นที่ 3 อำเภอ ควรแยกมำตั้งเป็นจังหวัดใหม่หรือไม่
4. รัฐสภำมีอำนำจในกำรตั้งจังหวัดใหม่หรือไม่
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 55-56
ปัญหำรุ่นพี่ใช้ควำมรุนแรงกับนักศึกษำใหม่เกิดเป็นประจำทุกปี ทั้งๆ ที่ก่อนปีกำรศึกษำใหม่จะเริ่มขึ้น
ผู้บริหำรของกระทรวงศึกษำธิกำรก็ได้มีคำแนะนำไปยังสถำบันกำรศึกษำต่ำงๆ ถึงแนวทำงกำรรับน้อง
ที่จะไม่สร้ำงปัญหำ ต่อจำกนี้ผู้เกี่ยวข้องคงต้องวำงแผนและหำแนวทำงแก้ไขปัญหำระยะยำว เพรำะไม่ว่ำ
จะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องต่ำงก็เป็นทรัพยำกรบุคคลของประเทศ
55. ข้อใดเป็นโครงสร้ำงกำรแสดงทรรศนะตำมลำดับ
1. ที่มำ ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
2. ที่มำ ข้อสนับสนุน ข้อสรุป
3. ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ที่มำ
4. ข้อสนับสนุน ที่มำ ข้อสรุป
56. กำรแสดงทรรศนะข้ำงต้นของผู้เขียนเกิดจำกข้อใด
1. ควำมรู้
2. ควำมเชื่อ
3. ค่ำนิยม
4. ประสบกำรณ์
57. ข้อใดไม่มีกำรโน้มน้ำวใจ
1. สถำบันอบรมกำรวำงแผนกำรขำยแบบเหนือชั้นทุกขั้นตอน
2. ศูนย์หัวใจให้บริกำรตรวจวินิจฉัย รักษำโรคหัวใจและหลอดเลือด
3. ตลำดน้ำกลำงเมืองหลวงที่ยังคงอนุรักษ์ภำพชีวิตแบบโบรำณ
4. กระจกส่องหน้ำที่เพิ่มลูกเล่นเอำใจสุภำพสตรีผู้รักสวยรักงำม
36
58. ข้อควำมต่อไปนี้ไม่ใช้กลวิธีโน้มน้ำวใจตำมข้อใด
หมู่บ้ำนท่ำมกลำงธรรมชำติร่มรื่น อำกำศบริสุทธิ์ เหมำะแก่กำรสร้ำงเสริมสุขภำพสภำพแวดล้อม
ดีเด่นจนมีรำงวัล 4 ปีซ้อนเป็นประกัน
1. แสดงให้เห็นถึงควำมน่ำเชื่อถือของข้อมูล
2. ชี้ให้เห็นประโยชน์ของผู้รับสำร
3. นำเสนอจุดเด่นของสินค้ำ
4. ใช้คำเร้ำอำรมณ์
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 59-60
1) “ครูครับ ครูบอกชื่อบทละครผิดหรือเปล่ำครับ”
2) “ครูครับ บทละครเรื่องนั้นชื่ออภัยนุรำชหรือเปล่ำครับ”
3) “ครูครับ บทละครเรื่องนั้นชื่ออภัยธิรำชใช่หรือครับ”
4) “ครูครับ ครูช่วยบอกชื่อบทละครอีกทีได้ไหมครับ”
59. คำกล่ำวของนักเรียนตำมข้อใดเหมำะจะเติมในช่องว่ำงข้อควำมนี้
ครู : “นักเรียนรู้ไหม สุนทรภู่ท่ำนแต่งวรรณคดีไว้หลำยสิบเรื่อง แต่ที่เป็นบทละครมีเพียงเรื่อง
เดียวคือ อภัยธิรำช”
นักเรียน : ............................................................
ครู : “เออ ใช่จ้ะ จริงของเธอ ขอบใจนะจ๊ะ”
1. ข้อ 1)
2. ข้อ 2)
3. ข้อ 3)
4. ข้อ 4)
60. คำกล่ำวของนักเรียนตำมข้อใดเป็นกำรกล่ำวแย้งเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
1. ข้อ 1)
2. ข้อ 2)
3. ข้อ 3)
4. ข้อ 4)
37
61. น้องพูดว่ำ “เช้ำนี้ขอกำแฟแก้วเดียว ขนมปังแผ่นหนึ่งเหมือนทุกวันก็พอแล้ว กินมำกเดี๋ยวอ้วน ต้องรีบ
ไปทำงำนด้วย จะสำยแล้ว”
คำพูดของพี่ตำมข้อใดไม่สัมพันธ์กับคำกล่ำวของน้องข้ำงต้น
1. กว่ำจะถึงมื้อกลำงวันก็อีกหลำยชั่วโมง จะไม่มีสมำธิทำงำนนะ
2. พี่เตรียมน้ำเต้ำหู้ใส่ลูกเดือยให้แล้ว ไม่กี่แคลอรีหรอก มีประโยชน์กว่ำกำแฟ
3. กินอำหำรให้ครบ 5 หมู่ แล้วออกกำลัง ก็ทำให้สุขภำพดีได้
4. ตื่นให้เร็วกว่ำเคยหน่อย ก็จะมีเวลำกินข้ำวเช้ำได้
62. คุณสุชำติอธิบำยแก่ผู้ที่มำขอคำปรึกษำว่ำ
“ถ้ำวันไหนคุณเกิดกลัวผีอย่ำงจับจิตจับใจอีก ก็ให้ตั้งสติดีๆ ระลึกถึงคำที่ผมพูดในวันนี้ว่ำ ควำมกลัวนั้น
เกิดจำกใจของเรำเอง เรำคิดเอำเองว่ำเรำเห็นหรือได้ยินสิ่งแปลกๆ ที่เร้นลับ โดยเฉพำะเวลำอยู่คนเดียวหรือ
อยู่ลำพังในที่มืด ทั้งหมดนั้นเกิดจำกจินตนำกำรของเรำโดยแท้”
คำพูดของผู้ฟังตำมข้อใดต่อไปนี้แสดงว่ำคำพูดของคุณสุชำติบรรลุวัตถุประสงค์
1. ดิฉันจะลองทำดูก่อน เผื่อจะได้ผลบ้ำง ทั้งๆ ที่ก็ยังกลัวอยู่นะคะ
2. คุณคะ คุณมีคำถำกันผีบ้ำงไหม ดิฉันอยำกได้คำถำที่ผีกลัว
3. ที่คุณพูดก็อำจจะจริง แต่ดิฉันก็ยังไม่กล้ำเสี่ยงอยู่ดี
4. คุณไม่เคยเจอผีคุณก็พูดได้ซีคะ เวลำเจอแล้วจะตั้งสติได้อย่ำงไรล่ะคะ
63. ข้อใดไม่จำเป็นต้องอ้ำงถึงในกำรเขียนบรรณำนุกรมทั้ง 2 รำยกำร
รศ.ดร.นววรรณ พันธุเมธำ. 2549. คลังคา. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์
พับลิชชิ่ง จำกัด (มหำชน). 1134 หน้ำ.
1. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง และ ครั้งที่พิมพ์
2. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง และ จำนวนหน้ำ
3. สำนักพิมพ์ และ จำนวนหน้ำ
4. ครั้งที่พิมพ์ และ สำนักพิมพ์
64. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้ว่ำเป็นคุณสมบัติของน้ำทับทิมตำมบทโฆษณำต่อไปนี้
สำวน้อยหุ่นดี ยิ้มแย้มแจ่มใส
คิดดี ทำดี คนนี้
ดื่มน้ำทับทิมพลอยแสงเป็นประจำ
1. มีรสชำติดี
2. เหมำะแก่คนรุ่นใหม่
3. มีประโยชน์ต่อสุขภำพ
4. เหมำะแก่สตรี
38
65. บุคคลตำมข้อใดทำตำมคำแนะนำวิธีป้องกันโรคระบำดที่ว่ำ
“กินของร้อน ใช้ช้อนกลำง ล้ำงมือให้สะอำด”
- สุภำใช้ช้อนกลำงตักแกงจืดเข้ำปำกตัวเอง
- สุภำพชอบดื่มแต่กำแฟร้อนใส่นม
- สุพิศใช้สบู่ฟอกมือทุกครั้งเมื่อกลับถึงบ้ำน
- สุพงศ์กินต้มยำที่เพิ่งทำเสร็จแทนอำหำรประเภทยำ
1. สุภำและสุภำพ
2. สุภำพและสุพิศ
3. สุพิศและสุพงศ์
4. สุพงศ์และสุภำ
66. จำกข้อควำมต่อไปนี้ ก. คืออะไร
- ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อ ก. จำกจีนมำกกว่ำเพรำะเมล็ดโตกว่ำ
- ก. สำยพันธุ์ไทยมีสำรต้ำนอนุมูลอิสระสูงกว่ำสำยพันธุ์จีน
- ผู้วิจัยพบว่ำ ก. สำยพันธุ์ไทยทำเป็นแป้งที่มีคุณภำพมำกกว่ำ
- ก. เป็นส่วนประกอบที่ใช้ทำขนมไทยหลำยชนิด
- เจ้ำของบึงมักตัดดอกขำยมำกกว่ำจะรอจนกว่ำจะได้ ก.
1. เมล็ดถั่วเหลือง
2. เมล็ดข้ำวสำลี
3. เมล็ดทำนตะวัน
4. เมล็ดบัว
67. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้จำกคำพูดต่อไปนี้
“จำกกำรทดสอบทักษะภำษำไทยของนักศึกษำ 400 คน มีผู้อยู่ในเกณฑ์ดีเพียง 30 คน ไม่มีผู้ที่ได้
คะแนนในเกณฑ์ดีมำกเลย อย่ำงนี้ไม่เรียกว่ำวิกฤตได้อย่ำงไร”
1. ผู้พูดเห็นว่ำผลกำรทดสอบทักษะกำรใช้ภำษำไทยไม่น่ำพอใจ
2. ผู้พูดวิตกว่ำกำรเรียนกำรสอนภำษำไทยในมหำวิทยำลัยถึงขั้นต้องปรับปรุง
3. ผู้พูดเห็นควำมสำคัญของกำรเรียนกำรสอนภำษำไทยในมหำวิทยำลัย
4. ผู้พูดเห็นว่ำไม่มีประโยชน์ที่จะจัดกำรทดสอบทักษะภำษำไทยในมหำวิทยำลัย
39
68. ข้อใดไม่น่ำจะเป็นสำเหตุที่ทำให้มีกำรพูดประโยคต่อไปนี้
“น่ำจะดีนะ เรำจะได้ช่วยกันรักษำสิ่งแวดล้อมด้วย”
1. กำรประกำศให้นิคมอุตสำหกรรมเป็นเขตปลอดมลพิษ
2. กำรรณรงค์ให้ใช้เตำเผำขยะแบบไร้ควันพิษในโรงงำน
3. กำรอนุญำตให้ค้ำขำยบนทำงเท้ำได้โดยไม่มีวันหยุด
4. กำรเปลี่ยนสถำนีขนส่งเป็นสวนสำธำรณะกลำงเมือง
69. ในข้อควำมต่อไปนี้ “หัวใจของธุรกิจนี้” มีควำมหมำยตำมข้อใด
หัวใจของธุรกิจนี้แตกต่ำงจำกที่อื่นซึ่งอำจจะสนใจพัฒนำผลิตภัณฑ์ที่ดีเลิศบ้ำง ขยำยเครือข่ำยอย่ำง
กว้ำงขวำงบ้ำง ส่วนเรำต้องยืนหยัดให้ได้ท่ำมกลำงควำมเปลี่ยนแปลงของสภำพแวดล้อม
1. ควำมมั่นคงขององค์กร
2. คุณภำพของสินค้ำ
3. ควำมมีสัมพันธภำพที่ดี
4. กำรเติบโตของธุรกิจ
70. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้
กำรทำพู่กันจีนจำกขนสัตว์เริ่มด้วยกำรเลือกวัสดุ ทำควำมสะอำด สำง แล้วประกอบเข้ำกับด้ำม
โดยต้องระวังให้ขนของปลำยพู่กันเรียงเท่ำกันอย่ำงเป็นระเบียบ เพื่อให้น้ำหมึกเดินสม่ำเสมอ
1. คุณค่ำ
2. วิธีทำ
3. ชนิดของวัสดุ
4. ควำมประณีตในกำรทำ
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 71-72
เรำรู้สึกได้ถึงควำมแตกต่ำงเมื่อเรำปลูกส้มแบบเกษตรอินทรีย์ เรำไม่ได้ลงทุนมำก ตั้งแต่ต้นปีมำใช้ไป
ไม่กี่พันบำท ชำวบ้ำนไม่เหม็นยำเคมี ไม่มีมลภำวะ สภำพร่ำงกำยเรำดีขึ้นทันตำเห็น ตอนแรกคิดว่ำทำยำก
เดี๋ยวนี้รู้แล้ว อยำกให้คนปลูกส้มแบบใช้สำรเคมีหันมำทำแบบเรำกันมำกขึ้น
71. ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อควำมข้ำงต้น
1. ผู้พูดเพิ่งเริ่มอำชีพเกษตรกรรมเป็นครั้งแรก
2. ไร่ส้มอินทรีย์ทำได้ง่ำยและได้ผลดีหลำยด้ำน
3. กำรปลูกส้มแบบใช้สำรเคมีมีต้นทุนสูงกว่ำแบบอินทรีย์มำก
4. ผู้พูดพอใจที่แข็งแรงขึ้นเพรำะไม่ต้องสูดดมสำรเคมี
40
72. ข้อใดเป็นเจตนำของผู้พูด
1. บอกกล่ำวให้คนรู้จักผลงำนเกษตรอินทรีย์ที่ตนทำอยู่
2. ตักเตือนให้คนระวังในกำรกินส้มที่ปลูกแบบใช้สำรเคมี
3. ชักชวนเพื่อนเกษตรกรให้เปลี่ยนมำทำไร่แบบเกษตรอินทรีย์
4. แนะนำคุณค่ำของส้มที่ได้จำกไร่แบบเกษตรอินทรีย์
อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำม ข้อ 73-74
คนเรำถึงจะเป็นใหญ่ปำนใดก็ดี ยังคงมีผู้อื่นหรือสิ่งอื่นที่ใหญ่กว่ำ ซึ่งถ้ำเป็นผู้มีควำมคิดชอบก็จะต้อง
เคำรพนับถือ แม้พระบรมศำสดำที่เรำนิยมว่ำประเสริฐกว่ำมนุษย์ทั้งปวงก็ยังทรงแสดงคำรวะต่อพระธรรม
73. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้ว่ำเป็นบุคลิกภำพของผู้เขียน
1. มีคุณธรรม
2. อ่อนน้อมถ่อมตน
3. มีควำมคิดเฉียบคม
4. มีควำมรู้ทำงวิชำกำรสูง
74. ผู้เขียนใช้วิธีกำรนำเสนอตำมข้อใด
1. ยกตัวอย่ำงประกอบให้เห็นจริง
2. เปรียบเทียบให้เห็นภำพ
3. อธิบำยโดยกำรนิยำม
4. บรรยำยให้รู้กระจ่ำงชัด
75. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้จำกข้อควำมต่อไปนี้
กำรไม่กินอำหำรเช้ำจะทำให้ร่ำงกำยขำดพลังงำน และจะมีผลต่อกำรเรียนรู้และควำมจำ เพรำะ
สำรอำหำรหลักที่ให้พลังงำนคือกลูโคสจำกอำหำร ดังนั้นกำรกินอำหำรเช้ำจึงทำให้สมองทำงำนได้ดี
โดยเฉพำะเด็กนักเรียนจะช่วยให้มีสมำธิในกำรเรียน
1. นักเรียนควรกินอำหำรเช้ำเพรำะจะช่วยให้เรียนหนังสือได้ดีขึ้น
2. ผู้ใหญ่อำจงดอำหำรเช้ำได้เพรำะไม่ได้อยู่ในวัยเรียน
3. ทุกคนควรกินอำหำรเช้ำเพรำะจะช่วยกำรทำงำนของสมอง
4. อำหำรเช้ำมีประโยชน์เพรำะทำให้ร่ำงกำยได้รับพลังงำน
41
76. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้
ตำรำอำหำรจีนยกให้สำลี่เป็น “สุดยอดแห่งผลไม้” เนื่องจำกมีรสชำติหวำนเย็นและมีคุณค่ำทำงอำหำรสูง
เพรำะมีธำตุอำหำร เช่น เบตำแคโรทีนและวิตำมินซี สำลี่มีหลำยพันธุ์ แต่ที่แพร่หลำยก็คือสำลี่หอมและสำลี่
หิมะ
1. ข้อมูลพันธุ์สำลี่
2. ประโยชน์ของสำลี่
3. วิธีกำรเลือกซื้อสำลี่
4. ควำมนิยมในกำรรับประทำนสำลี่
77. ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อควำมต่อไปนี้
เนื่องจำกนักดำน้ำต้องทำงำนอยู่ภำยใต้ควำมกดดัน ต่อสู้กับกระแสน้ำ คลื่นลม ควำมหนำวเย็น
ควำมโดดเดี่ยว อันตรำยจำกสัตว์ทะเล และโรคที่เกิดขึ้นจำกกำรดำน้ำ ดังนั้นผู้ที่จะทำงำนใต้น้ำจะต้อง
เป็นผู้ที่แข็งแรงทั้งร่ำงกำยและจิตใจ มีสติ มีกำรตัดสินใจในกำรแก้ปัญหำได้ดี
1. ผู้ทำงำนใต้น้ำทุกคนต้องมีร่ำงกำยสมบูรณ์
2. ควำมโดดเดี่ยวทำให้นักดำน้ำเป็นโรคที่เกิดจำกกำรดำน้ำ
3. กระแสน้ำ คลื่นลม และอุณหภูมิเป็นปัญหำในกำรทำงำนใต้น้ำ
4. อุปสรรคในกำรทำงำนใต้น้ำอำจผ่ำนพ้นไปได้เพรำะควำมมีสติ
78. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้
ถนนพหลโยธินเป็นชื่อทำงหลวงที่เชื่อมกรุงเทพฯ กับจังหวัดทำงเหนือของไทย ตั้งชื่อเป็นอนุสรณ์
แก่พันเอก พระยำพหลพลหยุหเสนำ (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้ำคณะรำษฎร ผู้นำกำรเปลี่ยนแปลงกำร
ปกครอง พ. ศ. 2475และอดีตนำยกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย รัฐบำลให้ตั้งชื่อว่ำถนนพหลโยธิน
เมื่อวันที่ 10 ธันวำคม พ.ศ. 2493
1. ที่มำของชื่อถนน
2. ผู้ตั้งชื่อถนน
3. ปีที่สร้ำงถนน
4. ประโยชน์ใช้สอยของถนน
79. ข้อใดเป็นแนวคิดของข้อควำมต่อไปนี้
ไม่สำคัญหรอกว่ำชีวิตนี้เคยล้มหรือไม่เคยล้ม แต่อยู่ที่ว่ำสำมำรถลุกขึ้นได้ทุกครั้งที่ล้มหรือไม่ บำงคน
เพรำะล้มจึงได้รู้ข้อผิดพลำด แล้วนำจุดที่เคยพลำดพลั้งนั้นมำทำกำไรให้ชีวิตในอนำคต จนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
1. ทุกคนล้วนแต่เคยสมหวังและผิดหวังในชีวิตมำแล้ว
2. กำรยอมแพ้อุปสรรคย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร
3. กำรนำข้อผิดพลำดมำเป็นบทเรียนทำให้ชีวิตประสบควำมสำเร็จได้
4. กำรฟื้นฟูกิจกำรที่ล้มเหลวให้ได้กำไรไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยที่จะกระทำ
42
80. ผู้เขียนเจตนำจะให้แนวคิดตำมข้อใด
ธรรมดำภำษำของชำติที่กำลังเจริญย่อมจะเดินไปข้ำงหน้ำเสมอ แต่ถ้ำเดินเข้ำป่ำเข้ำรกหนักเข้ำก็ถ่วง
ควำมเจริญลงไป
1. ธรรมชำติของภำษำต้องมีกำรเปลี่ยนแปลง
2. ควำมเจริญของชำติบ้ำนเมืองอยู่ที่ภำษำ
3. ภำษำเปลี่ยนแปลงได้แต่ต้องมีขอบเขต
4. ชำติที่กำลังพัฒนำควรพัฒนำภำษำด้วย
81. ข้อใดเหมำะจะเติมลงช่องว่ำงในโคลงสองสุภำพ 2 บทนี้
ของคำวพลันเสพแล้ว ยำมสุริยเคลื่อน (ก) .
ลับไม้หมดศรี
ของหวำน (ข) ลูกไม้ หลำยสิ่งเสำะหำได้
แต่ล้วนอย่ำงดี นักนอ
1. (ก) คล้อย (ข) นี่
2. (ก) ที่ (ข) พำน
3. (ก) คลำด (ข) เป็น
4. (ก) แคล้ว (ข) มี
82. ข้อควำมต่อไปนี้เมื่อจัดวรรคถูกต้องตำมฉันทลักษณ์จะเป็นคำประพันธ์ชนิดใด
เสด็จพ้นทวำเรศข้ำมคูเวียงหวั่นฤทัยท่ำนเพียงจักว้ำพระองค์ก็อ่อนเอียงเอนอำสน์อกระรัวมัวหน้ำ
สั่นส้ำนเสียวแสยง
1. โคลง
2. กลอน
3. ฉันท์
4. ร่ำย
83. คำกล่ำวในข้อใดไม่ต้องกำรคำตอบจำกคู่สนทนำ
1. นี่ลูกเต้ำของใครได้ไหนมำ ดูหน้ำตำยิ้มย่องผ่องแผ้ว
2. ยังเล็กนักได้สักกี่เดือนแล้ว ลูกแก้วจงแถลงแจ้งกิจจำ
3. ใครแกงฟักขึ้นมำเวลำนี้ ไปหำตัวมำนี่อย่ำได้ช้ำ
4. ถ้ำหนุ่มแน่นแม้นเหมือนแต่ก่อนไซร้ จะเกรงกลัวอะไรกับไพรี
43
84. ข้อใดใช้สัมผัสเพียงชนิดเดียว
1. พักตร์น้องละอองนวลปลั่งเปล่ง
2. งำมประหลำดเลิศล้ำเลขำ
3. อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์
4. ดังกินรีลงสรงคงคำลัย
85. ข้อใดมีลักษณะเป็นบทรำพันนิรำศอย่ำงเห็นได้ชัด
1. ชมพนมพนำเวศห้วย เหวหิน
2. ทุกเซำะซอกศีขริน ร่องน้ำ
3. จักชวนแม่สรงสินธุ์ แสนสนุก
4. สนำนอุทกท่ำถ้ำ เถื่อนท้องแถวธำร
86. ข้อใดไม่ใช้ภำพพจน์
1. หนึ่งส้มเทพรส หวำนปรำกฏรสแนบเนียน
ส้มเหม็นหล่นอำเกียรณ์ เปลือกบำงอ่อนหนอนชอบใจ
2. อย่ำงหนึ่งส้มสันดำน หมอใช้กำรยำสำคัญ
เรียกชื่อส้มเหมือนกัน กินบได้ใช้ทำยำ
3. ส้มหนึ่งสีผิวเหลือง มำแต่เมืองตรังกำนู
รสชำติก็พอดู รสสนิทหวำนปำนตำลชิม
4. พรรณหนึ่งเรียกส้มจุก ผลห่ำมสุกดูสลอน
เปลือกบำงคิดบังอร โฉมแบบบำงร่ำงอย่ำงเขียน
87. คำประพันธ์ต่อไปนี้ใช้ภำพพจน์กี่แห่ง
พระนักสิทธิ์พิศดูเป็นครู่พัก หัวร่อหนักรูปร่ำงมันช่ำงขัน
เมื่อตัวเดียวเจียวกลำยเป็นหลำยพันธุ์ กำลังมันมำกนักเหมือนยักษ์มำร
กินคนผู้ปูปลำหญ้ำใบไม้ มันทำได้หลำยเล่ห์อ้ำยเดรฉำน
เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิลลิ้นเป็นปำน ถึงเอำขวำนฟันฟำดไม่ขำดรอน
1. 1 แห่ง
2. 2 แห่ง
3. 3 แห่ง
4. 4 แห่ง
44
ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 88-89
ไป่ถำมปรำชญ์บ่พร้อง พำที
เปรียบดั่งเภรีตี จึ่งครื้น
คนพำลพวกอวดดี จักกล่ำว
ถำมบ่ถำมมันฟื้น เฟื่องถ้อยเกินถำม
88. ผู้แต่งไม่ใช้กลวิธีตำมข้อใด
1. ซ้ำคำ
2. เล่นคำ
3. ภำพพจน์
4. สัมผัสพยัญชนะ
89. ข้อใดเป็นจุดประสงค์ของผู้แต่ง
1. สอนไม่ให้เป็นคนพูดโอ้อวด
2. แนะให้คบนักปรำชญ์ที่สงวนคำพูด
3. สอนมิให้เอำอย่ำงคนอวดดี
4. แนะให้เป็นผู้ฟังมำกกว่ำเป็นผู้พูด
90. ข้อควำมต่อไปนี้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องอะไร
หัวล้ำนได้หวี ตำบอดได้แว่น
1. กำรได้รับของที่พ้นสมัย
2. กำรได้รับของที่ผู้ได้รับรังเกียจ
3. กำรได้รับของที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ได้
4. กำรได้รับของที่ปรำศจำกคุณค่ำ
91. ข้อใดเป็นเจตนำของผู้แต่งคำประพันธ์ต่อไปนี้
อันควำมคิดวิทยำเหมือนอำวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย
1. สอนให้รู้จักเลือกใช้อำวุธและสติปัญญำให้ถูกเวลำ
2. สอนเรื่องกำรใช้สติปัญญำและควำมรู้ให้ถูกจังหวะ
3. แนะนำวิธีกำรใช้อำวุธให้เกิดผลดีตำมควำมปรำรถนำ
4. แนะนำวิธีกำรเก็บอำวุธเพื่อให้คมกริบเหมือนมีสติปัญญำอยู่เสมอ
45
ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 92-93
1. อันผัวพี่ดีเหลือเป็นเนื้อหน่อ เห็นต่อจะบุญหนักศักดิ์ใหญ่
รูปร่ำงน้อยจ้อยอร่อยใจ จงกอดไว้เถิดคะอย่ำละวำง
2. เออคะกระนั้นและจริงอยู่ รูปร่ำงผัวกูไม่สู้เหมำะ
ที่ไหนจะงำมพร้อมเหมือนหม่อมเงำะ ใครเห็นก็หัวเรำะว่ำรูปงำม
3. ถึงพี่จะรุ่งเรืองไปเบื้องหน้ำ ก็ไม่พึ่งวำสนำอย่ำอวดอ้ำง
ดีแต่จะมำพำนรำนทำง ไม่อดสูใจบ้ำงหรืออย่ำงไร
4. จึงออกมำว่ำกับลูกสำว ช่ำงทำควำมงำมฉำวอีคนชั่ว
เสียยศเสียศักดิ์ไม่รักตัว เลือกผัวได้เงำะเห็นเหมำะใจ
92. ข้อใดไม่มีน้ำเสียงประชด
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 4
93. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงบุคคลที่ 3
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 4
94. ข้อใดมีถ้อยคำแสดงอำรมณ์ของตัวละคร
1. ครั้นอ่ำนสำรเสร็จสิ้นพระทรงฤทธิ์ ถอนฤทัยแล้วคิดสงสัย
2. บุษบำจะงำมสักเพียงไร จึงต้องใจระตูทุกบุรี
3. เชิญเสด็จคลำไคลไปก่อน แล้วจึงค่อยผันผ่อนมำกรุงศรี
4. แม้นงำมเหมือนจินตะหรำวำตี ถึงจะเสียชีวีก็ควรนัก
95. ข้อใดตีควำมได้ตรงกับข้อควำมต่อไปนี้
ลำภยศถำบรรดำดีที่มีอยู่ รวยเลิศหรูอยู่เรือนทองสองล้ำนสำม
สมบัติมำกลำกไม่ไหวใครจะปรำม สุดท้ำยหำมแต่ร่ำงเน่ำเท่ำนั้นเอง
1. บำงคนโชคดีได้ลำภยศและเงินทองโดยไม่มีใครขวำงได้
2. คนเรำไม่ควรโลภมำกเอำแต่ตักตวงควำมร่ำรวย ในที่สุดก็แบกไม่ไหว
3. สมบัติทั้งหลำยไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน มีควำมเปลี่ยนแปรอยู่เสมอ
4. คนเรำเมื่อถึงครำวตำยก็เอำเกียรติยศและทรัพย์สินติดตัวไปไม่ได้
46
96. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในคำประพันธ์ต่อไปนี้
ชนใดมีชำติเชื้อ เลวทรำม
เพียรอุตส่ำห์พยำยำม หมั่นหมั้น
อยู่บดอยู่ฝนควำม รู้แก่ เกินแฮ
กลับยศใหญ่ยิ่งชั้น เช่นเชื้อผู้ดี
1. คนเรำควรตั้งอยู่ในควำมขยันหมั่นเพียร
2. กำรแสวงหำควำมรู้เป็นประจำนำไปสู่ควำมสำเร็จ
3. คนนิสัยเลวอำจเปลี่ยนกลับกลำยเป็นคนนิสัยดีได้
4. คนที่มีกำเนิดต่ำอำจพัฒนำจนเปลี่ยนสถำนภำพให้สูงขึ้นได้
97. คำประพันธ์ในข้อใดกล่ำวถึงสิ่งที่แสดงวัฒนธรรมไทย
1. ยำตรยำตรบำทห่อนกระชั้น ช่วงเท้ำเทำเสมอ
2. แก้วก่องทองสลับล้วน ร่วงรุ้งเรืองแสง
3. แห่อยู่สองข้ำงเข้ำ คู่คล้อยเคียงไคล
4. บังแทรกสองคู่สล้ำย สลับริ้วฉัตรเรียง
98. คำประพันธ์ในข้อใดไม่แสดงควำมเชื่อของคนไทย
1. ชำตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอำชำติใหม่
2. ถ้ำวำสนำเรำเคยบำรุงรัก ก็จะเป็นภักษ์ผลสืบไป
3. กรรมเวรสิ่งใดดังนี้ ทูลพลำงโศกีรำพัน
4. จะได้รองเบื้องบำทำ ไปกว่ำจะสิ้นชีวี
99. ข้อใดมีชื่อดอกไม้มำกที่สุด
1. ชมสร้อยฟ้ำสำรภียี่สุ่นเทศ
2. พิกุลบุนนำคนมสวรรค์
3. กิ่งกำหลงชงโคมะลิวัลย์
4. เกดแก้วจำปำมหำหงส์
100. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึง “ช้ำง”
1. งำมเร่งงำมโทท้ำว ท่ำนสู้ศึกสำร
2. สำรทรงรำชรำมัญ ลงล่ำง แลนำ
3. ไพเรำะรำชสุภำ ษิตสื่อ สำรนำ
4. ตรึกอกพกตกขว้ำ อยู่เบื้องบนสำร
47
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ปลาย 2553
ส่วนที่ 1 : แบบระบำยคำตอบให้สัมพันธ์กัน แต่ละข้อมี 2 คำถำม คือ ก. และ ข.
ต้องตอบให้ถูกครบทั้ง ก. และ ข. จึงจะได้คะแนน
จำนวน 10 ข้อ (ข้อ 1-10) ข้อละ 1 คะแนน
ตัวอย่าง (ส่วนที่ 1)
1. ดวงใจ (ก) ตำข้ำงขวำ หมอดู (ข) ว่ำเธอจะโชคดี
ก. 1. ขยี้ ข. 1. ทักทำย
2. ขยิบ 2. ทำนำย
3. เขม่น 3. ทักท้วง
4. เขม้น 4. ท้วงติง
ตัวอย่ำงกระดำษคำตอบ (ส่วนที่ 1)
   
   
1. เรียงลำดับข้อควำมต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข.
1) ในสมัยโบรำณผู้พูดภำษำเดียวกันมีจำนวนน้อยและอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเดียว
2) อำจเป็นเพรำะจำนวนพลเมืองมีมำกขึ้นหรือหนีภัยธรรมชำติ หรือเกิดโรคระบำด
3) ต่อมำมีเหตุต่ำงๆ ทำให้คนที่พูดภำษำเดียวกันนั้นต้องแยกย้ำยไปอยู่ต่ำงถิ่น
4) เมื่อเวลำผ่ำนไปนำนเข้ำ ภำษำของคนที่อยู่ในแต่ละถิ่นจึงเปลี่ยนแปลงไป
ก. เมื่อเรียงลำดับแล้ว ข้อใดเป็นลำดับที่ 2
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 4
ปีการศึกษา
ก
ข
48
ข. เมื่อเรียงลำดับแล้ว ข้อใดเป็นลำดับสุดท้ำย
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 4
2. จงเลือกคำในข้อ ก. และ ข้อ ข. ที่เหมำะสมจะเติมลงในช่องว่ำงตำมลำดับ
ในตอนต้นของพิธี อธิกำรบดี ก. เกี่ยวกับกำรผลิตบัณฑิตประจำปี ในตอนท้ำยของพิธี
สมเด็จพระนำงเจ้ำฯ พระบรมรำชินีนำถ ข. แก่บัณฑิตในหอประชุม
ก. 1. กรำบทูลรำยงำน
2. กรำบทูลถวำยรำยงำน
3. กรำบบังคมทูลรำยงำน
4. กรำบบังคมทูลถวำยรำยงำน
ข. 1. พระรำชทำนพระรำชดำรัส
2. พระรำชทำนพระรำชเสำวนีย์
3. พระรำชทำนพระรำโชวำท
4. พระรำชทำนพระบรมรำโชวำท
3. จงเลือกคำในข้อ ก. และ ข้อ ข. ที่เหมำะสมจะเติมลงในช่องว่ำงตำมลำดับ
หลังจำกกรรมกำรมำครบ ก. แล้ว ประธำนขอให้ที่ประชุมพิจำรณำ ข. ครั้งที่แล้ว เมื่อไม่มี
กำรแก้ไขที่ประชุมมีมติรับรอง
ก. 1. ตำมรำยชื่อ
2. จำนวน
3. องค์ประชุม
4. องค์คณะ
ข. 1. เอกสำรกำรประชุม
2. รำยงำนกำรประชุม
3. หัวข้อกำรประชุม
4. ระเบียบวำระกำรประชุม
49
4. ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข.
วัตถุดิบที่จะผลิตเครื่องปั้นดินเผำมีหลำยอย่ำง เพื่อให้ได้คุณภำพตำมควำมต้องกำรที่จะใช้ประโยชน์
ก. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำนำมกี่คำ
1. 4 คำ
2. 5 คำ
3. 6 คำ
4. 7 คำ
ข. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำกริยำหลักกี่คำ
1. 3 คำ
2. 4 คำ
3. 5 คำ
4. 6 คำ
5. ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข.
เนื่องจำกวิถีดำเนินชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป ทั้งพ่อบ้ำนและแม่บ้ำนต้องทำงำนหำรำยได้ให้เพียงพอ
จึงไม่มีเวลำมำกในกำรปรุงอำหำร
ก. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำบุพบทกี่คำ
1. 2 คำ
2. 3 คำ
3. 4 คำ
4. 5 คำ
ข. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำสันธำนกี่คำ
1. 2 คำ
2. 3 คำ
3. 4 คำ
4. 5 คำ
6. ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข.
ได้ฟังหลำนท่ำนย่ำน้ำตำตก สะอื้นอกอำดูรว่ำทูนหัว
ก. ข้อควำมข้ำงต้นมีพยำงค์ที่ปรำกฏเสียงพยัญชนะท้ำยกี่พยำงค์
1. 9 พยำงค์
2. 10 พยำงค์
3. 11 พยำงค์
4. 12 พยำงค์
50
ข. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำที่รูปวรรณยุกต์ไม่ตรงกับเสียงวรรณยุกต์กี่คำ
1. 3 คำ
2. 4 คำ
3. 5 คำ
4. 6 คำ
7. ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข.
1) พระอุตส่ำห์เงือดงดสะกดจิต
2) มิได้คิดมุ่งมำดปรำรถนำ
3) แกล้งทำสำรวมหลับตำ
4) ก้มหน้ำนิ่งอยู่ไม่ดูไป
ก. ข้อใดประกอบด้วยคำหรือพยำงค์ที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะต้นเดี่ยวทั้งหมด
1. ข้อ 1)
2. ข้อ 2)
3. ข้อ 3)
4. ข้อ 4)
ข. ข้อใดมีเสียงสระประสม
1. ข้อ 1) และ ข้อ 2)
2. ข้อ 3) และ ข้อ 4)
3. ข้อ 1) และ ข้อ 3)
4. ข้อ 2) และ ข้อ 4)
8. ใช้ข้อควำมในพจนำนุกรมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข.
คำนัล(กลอน) ก. เฝ้ำเจ้ำนำย. (ข. คนำล่).
คำนึง ก. คิดทบทวน, นึกตรอง, คะนึง ก็ว่ำ.
คำนูณ ก. คูณ, ทบ, ทำให้มำกขึ้นตำมส่วน.
คำโบล (โบ) ก. ลูบ, ลูบคลำ, ลูบไล้. (ดู กาโบล).
คำฝอย น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Carthamus tinctorius
L. ในวงศ์ Compositae ดอกใช้ทำยำได้.
คำเพลิง [-เพฺลิง] น. ปืน. (ข. กำเภลิง).
51
ก. คำที่ใช้เฉพำะแห่งมีกี่คำ
1. 1 คำ
2. 2 คำ
3. 3 คำ
4. 4 คำ
ข. คำที่ต่อจำก “คำเพลิง” ต้องเป็นคำใด
1. ค่ำ
2. คำแหง
3. คำง
4. คำรน
9. ใช้ข้อมูลบรรณำนุกรมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข.
รศ.ดร.สุนันท์ อัญชลีนุกูล. 2548. ระบบคำภำษำไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โครงกำรเผยแพร่
ผลงำนวิชำกำร คณะอักษรศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย.
ก. ข้อใดไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในกำรเขียนบรรณำนุกรมข้ำงต้น
1. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง
2. ครั้งที่พิมพ์
3. ปีที่พิมพ์
4. หน่วยงำนที่พิมพ์เผยแพร่
ข. ในกำรเรียงลำดับบรรณำนุกรมชื่อผู้แต่งในข้อใดควรเรียงต่อจำกบรรณำนุกรมข้ำงต้น
1. รัชนีย์ญำ กลิ่นน้ำหอม. .
2. รุจนี วิรำนันท์. .
3. สุวคนธ์ จงตระกูล. .
4. สุนำรี ภวภูตำนนท์ฯ. .
10. ข้อใดเหมำะจะเติมลงช่องว่ำงในโคลงสองสุภำพ 2 บทนี้
ควำมเจ็บกำยบอบช้ำ บวมเบ่งบ้ำงเขียว ก. .
ดั่งบ้ำยหมึกมอม
ร่ำงกำย ข. เหือดแห้ง เข่ำขัดเหยียดขำแข้ง
ขัดข้องกีดขวำง
ก. 1. เข้ม
2. ขำ
3. คล้ำ
4. แก่
52
ข. 1. ซูบ
2. ผอม
3. เหี่ยว
4. พร้อม
ส่วนที่ 2 แบบปรนัย 4 ตัวเลือกแต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 80 ข้อ (ข้อ 11-90) ข้อละ 1 คะแนน
11. จำกข้อควำมต่อไปนี้ ก. คืออะไร
- ประเทศที่ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็น ก. ยังสำมำรถปลูกส้มเป็นสินค้ำออกได้
- หลำยประเทศพยำยำมปลูกป่ำเพื่อลดพื้นที่ของ ก.
- กำรลดลงของ ก. หมำยถึงกำรลดพำยุฝุ่นและพำยุทรำย
- พำยุทรำยเป็นอันตรำยอย่ำงยิ่งต่อกำรเดินทำงใน ก.
1. ป่ำแห้งแล้ง
2. ทะเลทรำย
3. ที่ดอน
4. ที่รกร้ำง
12. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้
กระท้อนเป็นไม้ยืนต้นขนำดใหญ่ ผลเป็นรูปวงกลม เนื้อที่ติดกับเปลือกผลมีรสหวำนอมเปรี้ยว
กระท้อนนำมำปรุงเป็นอำหำรคำวหวำนหลำยชนิด เช่น แกงคั่วกระท้อน กระท้อนลอยแก้ว คนโบรำณ
นำรำกกระท้อนมำสุมไฟพอให้เป็นถ่ำนแล้วรับประทำนแก้ไข้ตัวร้อน บำบัดอำกำรไข้รำกสำดและโรคบิด
1. ประโยชน์ของกระท้อน
2. ตำรับยำจำกกระท้อน
3. ลักษณะทั่วไปของกระท้อน
4. ฤดูกำลออกผลของกระท้อน
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 13-14
เด็กชั้นประถมปลำยประกวดออกแบบหุ่นยนต์ ส.ส. แบบต่ำงๆ บำงตัวมีตำรอบตัวคอยสอดส่องไม่ให้
เกิดคอรัปชั่นในบ้ำนเมือง บำงตัวมีหูใหญ่คอยรับฟังควำมเห็นของชำวบ้ำน บำงตัวมีมือใหญ่สำมำรถ
ช่วยเหลือประชำชนได้ทันที ส่วนตัวที่เคลื่อนที่ได้ว่องไวก็จะเข้ำถึงพื้นที่เพื่อบรรเทำควำมเดือดร้อนได้เร็ว
13. ข้อใดไม่ใช่แนวคิดของเด็กในกำรสร้ำงหุ่นยนต์ ส.ส.
1. ต่อต้ำนกำรทุจริตในบ้ำนเมือง
2. ส่งเสริมให้มีควำมคิดสร้ำงสรรค์ก้ำวหน้ำ
3. ให้เอำใจใส่ควำมทุกข์ยำกของประชำชน
4. แก้ไขปัญหำควำมลำบำกของคนในสังคม
53
14. ผู้เขียนมีเจตนำอย่ำงไร
1. ให้ควำมรู้
2. ให้ข้อคิด
3. วิพำกษ์วิจำรณ์
4. นำเสนอข้อเท็จจริง
15. ผู้กล่ำวข้อควำมต่อไปนี้เน้นเรื่องใดเป็นสำคัญ
“ขอให้พวกเรำมีควำมเข้มแข็งที่จะกระทำเรื่องที่สมควรกระทำ มีควำมอดทนและเข้ำใจเรื่องที่เรำไม่
สำมำรถเปลี่ยนแปลงได้ และมีควำมฉลำดพอที่จะแยกแยะได้ว่ำเรื่องใดเรำจะทำได้ หรือเรื่องใดเหนือ
ควำมสำมำรถที่เรำจะเปลี่ยนแปลงได้”
1. พลังและควำมสำมำรถ
2. ควำมมุ่งมั่นและสติปัญญำ
3. เรื่องที่ควรกระทำและไม่ควรกระทำ
4. เรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้และเปลี่ยนแปลงไม่ได้
16. ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อควำมต่อไปนี้
“กินแต่ผักสวยๆ พวกนี้ คนกินสะสมพิษ คนปลูกสะสมหนี้”
1. ผักสวยๆ พวกนี้อำจใช้ยำฆ่ำแมลง
2. ผู้ปลูกผักสวยๆ พวกนี้ต้องใช้เงินทุนมำก
3. ผักสวยๆ พวกนี้ไม่มีศัตรูพืชรบกวน
4. ผู้บริโภคผักสวยๆ พวกนี้ต้องจ่ำยเงินมำกขึ้น
17. ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อควำมต่อไปนี้
ผู้เชี่ยวชำญด้ำนผิวพรรณได้กล่ำวถึงสำเหตุของผิวหมองคล้ำและจุดด่ำงดำว่ำปัญหำของผู้หญิงไทย
ส่วนใหญ่คือปัญหำสีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นฝ้ำจุดด่ำงดำและกระ ส่วนปัญหำริ้วรอยเป็นปัญหำรองลงมำ
ปัจจัยของปัญหำหมองคล้ำมีทั้งปัจจัยภำยในได้แก่พันธุกรรม และปัจจัยภำยนอกได้แก่แสงแดดช่วง
09.00-16.00 น. และมลภำวะ
1. ผิวหมองคล้ำเกิดจำกพันธุกรรม
2. ผิวหมองคล้ำเกิดจำกถูกแสงแดดจัด
3. ผิวหมองคล้ำเกิดจำกกำรมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ
4. ผิวหมองคล้ำเป็นปัญหำสำคัญของผู้หญิงไทย
54
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 18-19
นักวิทยำศำสตร์พบว่ำลิงชิมแปนซีรู้จักแสดงควำมเศร้ำโศกกับกำรตำยของญำติพี่น้องได้เช่นเดียวกับ
มนุษย์ พวกมันรู้จักสำงขนและลูบไล้ปรนนิบัติให้แก่ลิงตัวเมียที่ตำยและยังคงอยู่กันเงียบๆ ไม่คึกคัก
หลังจำกนั้นต่อมำอีกหลำยวัน เคยมีผู้เห็นลิงตัวเมียบำงตัวอุ้มซำกลูกที่ตำยแล้วไปมำเป็นเวลำนำนหลำย
อำทิตย์ นักวิทยำศำสตร์ยังพบอีกว่ำลิงซิมแปนซีและมนุษย์มีดีเอ็นเอแบบเดียวกันอยู่มำกถึงร้อยละ 99
18. ข้อใดเป็นใจควำมสำคัญของข้อควำมข้ำงต้น
1. ลิงซิมแปนซีและมนุษย์มีพฤติกรรมเหมือนกัน
2. ลิงซิมแปนซีและมนุษย์มีอำรมณ์ควำมรู้สึกเหมือนกัน
3. ลิงซิมแปนซีและมนุษย์มีดีเอ็นเอเหมือนกันถึง 99 เปอร์เซ็นต์
4. ลิงซิมแปนซีและมนุษย์เกือบเหมือนกันทั้งทำงกำยภำพและจิตใจ
19. ข้อความข้างต้นเป็นโวหารชนิดใด
1. สาธกโวหาร
2. อธิบายโวหาร
3. บรรยายโวหาร
4. พรรณนาโวหาร
20. ข้อใดไม่ใช่ควำมรู้สึกของผู้พูดข้อควำมต่อไปนี้
“พอมีประสบกำรณ์ตกงำนบ่อยเข้ำ ทั้งๆ ที่เรียนจบปริญญำเอก เรำก็เริ่มเข้ำใจชีวิตแล้วว่ำ คนเรำ
ไม่ควรยึดติดกับวุฒิกำรศึกษำ จำกเดิมที่เคยลำพองก็ไม่เหลือแล้ว คิดเพียงว่ำทำงำนอะไรก็ได้ที่ไม่ผิด
กฎหมำยและได้เงินมำประทังชีวิต”
1. เคียดแค้น
2. ขมขื่น
3. ปลงตก
4. ผิดหวัง
21. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้ว่ำเป็นลักษณะของผู้กล่ำวข้อควำมต่อไปนี้
“ชอบให้หนังสือดีๆ แก่เพื่อนๆ เหมือนเวลำเรำได้กินอะไรที่มีประโยชน์และอร่อยๆ ก็อยำกให้คนอื่น
ได้ชิมบ้ำง”
1. ชอบกินอำหำรแปลกๆ
2. รู้จักเผื่อแผ่ผู้อื่น
3. ชอบอ่ำนหนังสือ
4. รู้จักเลือกของที่มีคุณค่ำ
55
22. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดเป็นใจควำมสำคัญ
1) เมื่อเกิดบำดแผลขึ้น กำรล้ำงทำควำมสะอำดแผลจะทำให้แผลหำยเร็วและลดกำรอักเสบจำกกำร
ติดเชื้อได้ / 2) กรณีบำดแผลเล็กแต่ลึก กำรทำควำมสะอำดสำคัญมำก / 3) แผลเล็กลึกเช่นตะปูตำต้องทำ
ควำมสะอำดลึกลงไป / 4) บำงครั้งปำกแผลปิดแต่ข้ำงในยังไม่หำยอำจจะอักเสบหรือเป็นบำดทะยักได้
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
23. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้
เท่ำที่เดินดูตำมร้ำนก็เห็นว่ำอำหำรสะอำดพอใช้ แต่จะสดหรือเปล่ำไม่แน่ใจ เห็นปูนึ่งอยู่ในซึ้งและ
หอยแครงอยู่ในถุงพลำสติก ที่น่ำกลัวก็คือแม่ค้ำทั้งหลำยอุ่นหอยแครงทั้งถุงพลำสติก เลยไม่รู้ว่ำเนื้อหอย
หนึบๆ เพรำะพลำสติกหรือตัวหอยจริงๆ
1. ควำมสดควำมสะอำดของอำหำร
2. รสชำติของอำหำร
3. ชนิดของอำหำร
4. อันตรำยจำกอำหำร
24. จำกข้อควำมต่อไปนี้ ข้อใดไม่ใช่เป้ำหมำยที่ต้องกำรให้เกิดขึ้น
นิยำมใหม่ของโรงเรียน ตชด. = โรงเรียนตระเวนช่วยเด็กภำยใต้แนวคิดที่จะปั้นโรงเรียนดีๆ
เพื่อเป้ำหมำยชุมชนที่ยั่งยืน โรงเรียนดี + สภำพแวดล้อมดี = เด็กดีมีควำมสุข  ชุมชนยั่งยืน
1. คุณภำพของโรงเรียน
2. คุณภำพของนักเรียน
3. คุณภำพของชุมชน
4. คุณภำพของสภำพแวดล้อม
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 25-26
ปัจจุบันคนวัยผู้ใหญ่จำนวนมำกกว่ำ 1,000 ล้ำนคนทั่วโลกมีน้ำหนักเกิน และ 350 ล้ำนคนในจำนวนนั้น
เป็นโรคอ้วน ประเทศไทยมีคนอ้วนเพิ่มขึ้นอย่ำงมำกภำยใน 5 ปีที่ผ่ำนมำ ขณะนี้มีคนอำยุมำกกว่ำ 35 ปี
อ้วน 12 ล้ำนคน กลุ่มผู้บริหำรจะประสบปัญหำภำวะโรคอ้วนมำกถึงร้อยละ 50-60 และในช่วง 8 ปีที่ผ่ำนมำ
เด็กไทยอ้วนกว่ำเดิม 3 เท่ำ
56
25. ข้อใดเป็นจุดประสงค์ของผู้เขียนข้อควำมข้ำงต้น
1. ให้ข้อมูลจำนวนคนที่อยู่ในภำวะเป็นโรคอ้วน
2. กระตุ้นให้หำวิธีป้องกันโรคอ้วนของประชำกรไทย
3. เปรียบเทียบจำนวนคนอ้วนระหว่ำงเด็กกับผู้ใหญ่
4. ชี้ให้เห็นปัญหำสำธำรณสุขที่เกิดจำกโรคอ้วน
26. ข้อใดไม่สัมพันธ์กันตำมข้อควำมข้ำงต้น
1. น้ำหนักโรคอ้วน
2. จำนวนปี จำนวนคนอ้วน
3. เด็กไทย ภำวะโลกอ้วน
4. อำยุ ผู้บริหำร
27. จำกข้อควำมต่อไปนี้เรื่องใดสำคัญที่สุด
กำรศึกษำระดับมหำวิทยำลัยนั้น ผู้เรียนจะต้องใช้ทักษะทำงภำษำอยู่เสมอ นักศึกษำต้องฟังคำบรรยำย
ถ้ำมีทักษะกำรฟังดีก็จะกลั่นกรองควำมรู้ได้ดี สำมำรถจดบันทึกสำระควำมรู้ที่ได้ฟังพร้อมแสดงควำม
คิดเห็นได้
1. กำรจดบันทึก
2. กำรฟังให้เป็น
3. กำรกลั่นกรองควำมรู้
4. กำรแสดงควำมคิดเห็น
28. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้จำกข้อควำมต่อไปนี้
หำกรู้จักรักและให้ ไม่ว่ำกับคนใกล้ตัวหรือคนร่วมสังคมจิตใจของเรำจะอิ่มเอิบ สดใส ภำคภูมิใจว่ำได้
ช่วยให้ผู้อื่นยืนอยู่ได้โดยไม่ต้องไปทำสิ่งเลวร้ำยเพียงเพื่อให้ชีวิตรอด
1. บำงคนอำจลักขโมยเพื่อยังชีพของตน
2. คนในสังคมเดียวกันควรมีควำมเมตตำต่อกัน
3. ถ้ำไม่เคยช่วยใครเลยเรำจะพบแต่ควำมทุกข์ใจ
4. ควรรักและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เท่ำที่มีโอกำส
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 29-30
ภำษำไทยมีทั้ง ร และ ล แต่ก่อนผมเคยนึกว่ำเป็นบุญของภำษำ แต่เดี๋ยวนี้กลำยเป็นกรรมเสียแล้ว
เพรำะคนไทยทุกวันนี้ไม่เห็นควำมแตกต่ำง หรือมิฉะนั้นก็เห็นว่ำควำมแตกต่ำงถึงมีก็ไม่สำคัญ
57
29. ผู้เขียนมีเจตนำตำมข้อใด
1. ให้คนไทยออกเสียง ร และ ล ให้ถูกต้อง
2. ให้คนไทยเห็นว่ำเสียง ร และ ล มีควำมแตกต่ำงกัน
3. ให้เห็นว่ำลักษณะเด่นของภำษำไทยคือมี ร และ ล ใช้
4. ให้เลิกใช้ ร และ ลเพรำะคนไทยไม่เห็นควำมแตกต่ำง
30. ข้อใดไม่ใช่วิธีกำรเขียนข้อควำมข้ำงต้น
1. ตำหนิให้สำนึก
2. แจกแจงให้เห็นควำมแตกต่ำง
3. ชี้ให้เห็นปัญหำ
4. ประชดประชันให้ตระหนัก
31. ข้อควำมต่อไปนี้ใช้วิธีอธิบำยตำมข้อใด
โอกำดะเป็นวิธีกำรรักษำสุขภำพด้วยกำรใช้พลังธรรมชำติชำระล้ำงทั้งร่ำงกำยและจิตใจ มีวิธีกำร
หลำกหลำย เช่น ใช้ศิลปะบำบัด บริโภคอำหำรที่ปรุงจำกผลิตภัณฑ์เกษตรธรรมชำติ ออกกำลังกำย
ตำมวิธีที่กำหนด ฯลฯ
1. นิยำมและให้ตัวอย่ำง
2. นิยำมและแนะแนวทำงปฏิบัติ
3. ชี้แจงตำมลำดับขั้นตอนปฏิบัติ
4. ชี้สำเหตุและผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กัน
32. ข้อใดใช้พรรณนำโวหำร
1. คนหำปลำออกจำกกระท่อมแต่เช้ำตรู่ คล้องแหไว้กับท่อนแขน สะพำยข้องตรงไปยังชำยน้ำ
2. คนหำปลำเดินเท้ำเปล่ำไปพร้อมแหในมือ ตำจ้องตรงไปยังผิวน้ำเบื้องหน้ำอย่ำงสงบ
3. ในม่ำนแสงสุดท้ำยของดวงตะวัน คนทอดแหยืนเป็นเงำดำทะมึนอยู่ริมชำยน้ำ
4. นักท่องเที่ยวเฝ้ำสังเกตกำรทอดแหอย่ำงตั้งใจ ก่อนจะเข้ำไปขอดูว่ำปลำในแหมีกี่ตัว
33. ข้อใดใช้ภำษำกำกวม
1. ควำญช้ำงเล่ำว่ำช้ำงของเขำเหยียบแก้วแตก
2. ตำรวจสอบสวนหำคนร้ำยลอบวำงระเบิด
3. ทหำรเกณฑ์กำลังฝึกเดินแถวอย่ำงเข้มแข็ง
4. เด็กคนนั้นได้รับรำงวัลชนะเลิศประกวดร้องเพลงไทย
58
34. ข้อใดใช้คำผิดควำมหมำย
1. เขำเป็นคนใจเสำะ เพื่อนล้อเล่นนิดหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
2. ตอนที่รถเสียอยู่นอกเมือง ฉันรู้สึกใจชื้นเมื่อเห็นมีรถผ่ำนมำ
3. พอหมอบอกว่ำจะต้องอยู่โรงพยำบำลหลำยวันคุณยำยก็ใจแป้ว
4. เด็กคนนี้ใจแข็ง ถึงจะเจ็บแผลแค่ไหนก็ไม่ร้องเลยสักนิด
35. ข้อใดสะกดถูกทุกคำ
1. มำตรกำร อุดมกำร นำนัปกำร
2. บุคลิกภำพอุปกำรคุณ กิจลักษณะ
3. วิปัสสนำ สัตตบรรณ วัชชพืช
4. สำยสิญจน์ ปฏิสังขรณ์ อำนิสงส์
36. ประกำศต่อไปนี้ขำดควำมชัดเจนในเรื่องใด
เชิญเที่ยวชมทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์ ในช่วงต้นฤดูฝนทุ่งหญ้ำจะเขียวขจีสวยที่สุดในเมืองไทย
มีดอกกระเจียวขำวนับหมื่นดอกชูช่อรับฝน ขี่จักรยำนชมทิวทัศน์โดยรอบ เวลำที่เหมำะจะชมควำมสวยงำม
คือ 7.00 น. สอบถำมข้อมูลที่ http://www.123thailand.com
1. เวลำดำเนินกำร
2. กิจกรรมในเทศกำล
3. สถำนที่ดำเนินกำร
4. สถำนที่ติดต่อ
37. ข้อใดเป็นโครงสร้ำงของกำรแสดงเหตุผลในข้อควำมต่อไปนี้
ข้อเข่ำเป็นข้อที่มีกำรเคลื่อนไหวมำกต้องรับน้ำหนักตัวของเรำในกิจวัตรประจำวันและกิจกรรมต่ำงๆ
ข้อเข่ำมีโอกำสที่จะเกิดกำรเสื่อมได้มำกกว่ำข้ออื่นๆ
1. ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
2. ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป
3. ข้อสรุป ข้อสนับสนุน ข้อสรุป
4. ข้อสรุป ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
59
38. ข้อใดมีวิธีกำรใช้เหตุผลต่ำงกับข้ออื่น
1. ควำมรู้เรื่องโภชนำกำรมีควำมจำเป็นต่อชีวิตคนเรำในปัจจุบันมำก กำรดำรงชีวิตสมัยใหม่ทำให้คนไทย
กินอำหำรไม่มีประโยชน์
2. โปรตีนเป็นสำรอำหำรที่จำเป็นต่อคนเรำ เป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ทุกเซลล์ในร่ำงกำย
3. ในแต่ละวันเด็กต้องกำรโปรตีนมำกกว่ำผู้ใหญ่ เด็กต้องนำโปรตีนไปใช้เสริมสร้ำงร่ำงกำยให้
เจริญเติบโต
4. โดยทั่วไปเด็กต้องกำรโปรตีนเป็นอย่ำงยิ่ง เด็กแรกเกิดควรได้รับโปรตีนวันละ 2.3 กรัมต่อน้ำหนักตัว
1 กิโลกรัม
39. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดมีกำรใช้เหตุผล
1) อำกำรของโรคพำร์กินสันจะค่อยเป็นค่อยไป ในระยะแรกๆ ผู้ป่วยอำจจะไม่ทรำบ / 2) บำงคนอำจ
มีอำกำรปวดตำมตัว เพลีย สั่น หรือลุกจำกเก้ำอี้ลำบำก / 3) ส่วนใหญ่มักจะวินิจฉัยได้จำกกำรสังเกตของคน
ใกล้ชิดว่ำมีอำกำรผิดปกติ / 4) พำร์กินสันเป็นโรคเรื้อรังและจะเป็นมำกขึ้นเรื่อยๆ
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
40. ข้อใดเป็นประเด็นโต้แย้งของข้อควำมต่อไปนี้
กรมทำงหลวงดำเนินกำรขยำยถนนเป็นเส้นทำงเชื่อมต่ออุทยำนแห่งชำติเขำใหญ่ใช้งบประมำณกว่ำ
69 ล้ำนบำท เพื่อลดควำมคับคั่งของกำรจรำจรในวันหยุด แต่กำรตัดถนนนอกจำกจะส่งผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมแล้วยังกระทบต่อควำมเป็นมรดกโลกของเขำใหญ่ด้วย
1. โครงกำรขยำยถนนที่เขำใหญ่ใช้งบประมำณคุ้มค่ำหรือไม่
2. กำรตัดถนนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจริงหรือไม่
3. เขำใหญ่จะได้รับกำรพิจำรณำเป็นมรดกโลกหรือไม่
4. กำรขยำยถนนไปเขำใหญ่ควรดำเนินกำรต่อหรือไม่
41. ข้อใดเป็นข้อควำมแสดงทรรศนะ
1. พฤติกรรมกำรยืนหรือเดินคุยโทรศัพท์นำนๆ ในท่ำเดิมทุกวันทำให้กระดูกเสื่อมเร็วกว่ำปกติ
2. กำรจัดทำฟำร์มปิดเพื่อกำรพัฒนำอุตสำหกรรมสัตว์ปีกส่งผลให้ปลอดจำกโรคไข้หวัดนก
3. กำรชมฟุตบอลโลกให้สนุกและไม่ทำลำยสุขภำพอำจเลือกดูให้เหมำะสมแก่เวลำทำงำนหรือเลือกดูคู่
เด่นๆ เท่ำนั้น
4. ปกติร่ำงกำยของคนเรำระบบกำรทำงำนของกล้ำมเนื้อและกำรหำยใจจะทำงำนร่วมกันและสัมพันธ์กัน
อย่ำงสมดุล
60
42. ข้อควำมต่อไปนี้เป็นกำรแสดงทรรศนะประเภทใด
กำรจะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองยอมรับและเลิกค่ำนิยมกำรนำบุตรหลำนเข้ำเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
เป็นเรื่องที่ดี แต่รัฐบำลต้องเร่งขยำยและพัฒนำโรงเรียนทุกแห่งให้มีคุณภำพเท่ำเทียมกัน
1. เชิงคุณค่ำ
2. เชิงข้อเท็จจริง
3. เชิงคุณค่ำและเชิงนโยบำย
4. เชิงข้อเท็จจริงและเชิงคุณค่ำ
43. ข้อควำมต่อไปนี้ไม่ใช้กลวิธีกำรโน้มน้ำวใจตำมข้อใด
ฝำครอบกระบะอเนกประสงค์ “พรีม่ำ” เท่...เบำ...ทน ยอดขำยอันดับหนึ่งของเมืองไทย
1. ใช้คำเร้ำอำรมณ์
2. มีเหตุผลหนักแน่น
3. นำเสนอจุดเด่นของสินค้ำ
4. แสดงควำมน่ำเชื่อถือของข้อมูล
44. ข้อใดไม่ใช่ประโยค
1. สำนักงำน กปร. ประสำนควำมร่วมมือไปยังองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
2. ศูนย์ศึกษำกำรพัฒนำฯ ส่งเสริมกำรขยำยผลงำนไปสู่ท้องถิ่นทุกภูมิภำค
3. ศักยภำพขององค์กำรบริหำรส่วนตำบลในกำรเข้ำถึงควำมต้องกำรของประชำชน
4. องค์กำรบริหำรส่วนท้องถิ่นได้นำควำมรู้ไปต่อยอดสู่ประชำชนทั่วประเทศ
45. ข้อใดเว้นวรรคตอนถูกต้อง
1. บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ มักอยู่ในบริเวณแนวรอยต่อระหว่ำงแผ่นเปลือกโลก / แนวดังกล่ำวนี้
เป็นบริเวณที่ไม่มั่นคง
2. บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ / มักอยู่ในบริเวณแนวรอยต่อระหว่ำงแผ่นเปลือกโลกแนวดังกล่ำวนี้
เป็นบริเวณที่ไม่มั่นคง
3. บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ มักอยู่ในบริเวณแนวรอยต่อระหว่ำงแผ่นเปลือกโลกแนวดังกล่ำวนี้ /
เป็นบริเวณที่ไม่มั่นคง
4. บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ มักอยู่ในบริเวณแนวรอยต่อ / ระหว่ำงแผ่นเปลือกโลกแนวดังกล่ำวนี้
เป็นบริเวณที่ไม่มั่นคง
ข้อควำมต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรียงควำมเรื่อง “กำรบริโภคอำหำรของคนรุ่นใหม่”
ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 46-47
กำรเติบโตของอุตสำหกรรมอำหำรและเครื่องดื่มที่ผ่ำนกำรโฆษณำตำมสื่อต่ำงๆ ตลอด 2-3 ทศวรรษ
ที่ผ่ำนมำ ก. หลำยคนไม่ชอบกินอำหำรมื้อหลัก แต่เน้นกำรกินของกินเล่น ขนม และเครื่องดื่มมำกขึ้น
โดยไม่เลือกเวลำ ข. .
61
46. ข้อใดเหมำะที่จะเติมลงในช่องว่ำง ก. ให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องทั้งหมด
1. ทำให้คนรุ่นใหม่ลดปริมำณกำรกินอำหำรลง
2. ทำให้นิสัยกำรบริโภคอำหำรของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปมำก
3. ไม่ได้ทำให้นิสัยกำรบริโภคอำหำรของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป
4. ไม่ได้ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจเรื่องอำหำรกำรกินเท่ำใดนัก
47. ข้อใดเหมำะที่จะเติมลงในช่องว่ำง ข. ให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องทั้งหมด
1. ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่บริโภคน้ำตำลในปริมำณที่สูงขึ้นมำกโดยไม่รู้ตัว
2. ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงอันตรำยของกำรบริโภคน้ำตำล
3. ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่หลงเชื่อโฆษณำตำมสื่อมำกขึ้น
4. ซึ่งทำให้อุตสำหกรรมอำหำรเติบโตได้มำกขึ้น
48. ข้อควำมส่วนใดไม่เหมำะจะใช้ในจดหมำยกิจธุระ
1) บัดนี้ถึงกำหนดที่จะต้องยืนยันกำรเดินทำงไปท่องเที่ยวกับบริษัท “เที่ยวทั่วแดน” แล้ว / 2) ขอให้
ท่ำนที่จองล่วงหน้ำกับบริษัทชำระเงินค่ำเดินทำงภำยในวันที่ 10 มกรำคม ศกนี้ / 3) ถ้ำท่ำนไม่จ่ำยเงิน
ตำมเวลำดังกล่ำวก็แปลว่ำท่ำนสละสิทธิ์ที่เคยจองไว้ก่อนหน้ำนี้ / 4) ทำงบริษัทจะมอบสิทธิ์ส่วนของท่ำน
แก่ผู้จองในรำยชื่อสำรองต่อไป
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
49. พำดหัวข่ำวข้อใดไม่ได้แสดงควำมคิดเห็นของผู้เขียน
1. โจรแสบฉกทรัพย์ดำรำชื่อดัง
2. 8 รมต. แต่งหล่อเข้ำทำเนียบวันแรก
3. นำงเอกหน้ำใหม่เจ๋ง คว้ำสุพรรณหงส์ทองคำ
4. ไทยเสนอตัวจัดแข่งบอลหญิง “เอเชียนคัพ”
50. ที่พูดว่ำ “จะไปซื้อของอย่ำลืมเอำถุงผ้ำสำหรับใส่ของไปด้วย จะได้ไม่ต้องใช้ถุงพลำสติก” คำพูดของน้อง
ตำมข้อใดไม่สัมพันธ์กับคำพูดของพี่ข้ำงต้น
1. ถุงพลำสติกเป็นขยะที่ย่อยยำกนำนไปก็จะเกิดปัญหำสิ่งแวดล้อม
2. ถ้ำซื้อของมำกๆ ก็คงต้องใช้ถุงพลำสติกบ้ำง ถุงผ้ำไม่พอหรอก
3. ถุงพลำสติกเดี๋ยวนี้สีสวยๆ ลำยสวยๆ มีให้เลือกมำกมำย
4. ถ้ำทุกคนคิดได้อย่ำงนี้ก็จะดี จะได้ช่วยลดปัญหำโลกร้อนได้
62
51. ข้อใดเป็นกำรฟังเพื่อรับควำมรู้อย่ำงเด่นชัด
1. สุรพลฟังละครวิทยุเรื่อง “ลืมโกรธได้ก็คลำยเครียด”
2. สุนัยฟังรำยกำรสนทนำเรื่อง “รื่นรมย์ใจในเรือสำรำญ”
3. สุพรฟังพ่อแม่เล่ำเรื่อง “พิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ”
4. สุนิดำฟังสักวำกลอนสดเรื่อง “ร้อยกรองเพรำะเสนำะโสต”
52. ข้อใดมีน้ำเสียงเชิงตำหนิ
1. เวลำเรียน ครูต้องมำนั่งคอยนักเรียนอย่ำงนี้หรือ
2. เอกสำรที่ครูแจกไปนี้ นักเรียนต้องอ่ำนมำก่อนเข้ำเรียน
3. ถ้ำจะกลับบ้ำนดึกลูกควรเอำกุญแจบ้ำนไปด้วย
4. หำกลูกทำกับข้ำวเป็นจะได้แนะนำแม่ครัวคนใหม่ได้บ้ำง
53. คำทุกคำในข้อใดอ่ำนออกเสียงจำนวนพยำงค์เท่ำกับคำ “พันธกรณี”
1. เทวนำครี นิมมำนรดี สัตบริภัณฑ์
2. บดีวรดำ นิคหกรรม จตุรพิธพร
3. ทำสปัญญำ นักษัตรบดี ปัจจัยนำค
4. ฉกำมำพจร ญำณวิทยำ สุวรรณภูมิ
54. ข้อใดมีพยำงค์ที่เป็นคำตำยมำกที่สุด
1. รู้แล้วอย่ำอวดรู้ พินิจดูอย่ำหมิ่นเมิน
2. เห็นโทษเข้ำเป็นตรี จึงออกตัวด้วยตกใจ
3. เรำแจ้งคัมภีร์ฉัน ทศำสตร์อันบุรำณปำง
4. อนึ่งเล่ำมีคำโจทก์ กล่ำวยกโทษแพทย์อันมี
55. ข้อใดมีคำจำกภำษำบำลีหรือสันสกฤตที่อ่ำนอย่ำงอักษรนำในภำษำไทย
1. เร่งรีบรี้พลสกลไกร มำใกล้ทิวทุ่งธำนี
2. เห็นละหำนธำรน้ำไหลหลั่ง ร่มไทรใบบังสุริย์ศรี
3. ม้ำรถคชกรรม์ครั่นครื้น ดังเสียงคลื่นในสมุทรไม่ขำดสำย
4. คอยเล็ดลอดสอดแนมจับกุม ชั้นในให้ประชุมจตุรงค์
56. คำพูดทุกคำในข้อใดใช้ได้ทั้งควำมหมำยตำมตัวและควำมหมำยเชิงอุปมำ
1. ตกเบ็ด ปลดแอก ยกยอ
2. ลอยแพ รูดซิป แข็งใจ
3. เดินเรื่อง ตีปีก ขึ้นใจ
4. ล้วงกระเป๋ำ ออกโรง ตำฝำด
63
57. ข้อใดมีเสียงควบกล้ำที่ไม่ปรำกฏมำแต่เดิมในระบบเสียงภำษำไทย
1. น้ำเลือดหรือพลำสมำเป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่มีอยู่ร้อยละ 55 ของเลือดทั้งหมด
2. น้ำเลือดมีสภำวะเป็นเบสประกอบด้วยน้ำและสำรอื่นๆ เช่น โปรตีน วิตำมิน เกลือแร่
3. เกร็ดเลือดเป็นชิ้นส่วนของเซลล์มีรูปร่ำงไม่แน่นอนมีขนำดเล็กไม่มีนิวเคลียส
4. เกล็ดเลือดจะหลั่งสำรเคมีไฟบรินซึ่งช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบำดแผล
58. ข้อใดเป็นคำซ้อนทุกคำ
1. ลักลอบ โลดแล่น ลูกเล่น
2. ว่ำงเว้น วอดวำย วนเวียน
3. แจกจ่ำย จับจด จืดจำง
4. มั่งมี มุ่งมั่น มอบหมำย
59. คำซ้ำในข้อใดต้องใช้เป็นคำซ้ำเสมอ
1. พอฝนตก น้ำท่วม รถก็จะติดมำกๆ จนน่ำเบื่อ
2. ฉันซ่อมบ้ำนครำวนี้คิดคร่ำวๆ แล้วก็เป็นเงินหลักแสน
3. แม่บอกให้รีบๆ ทำงำน วันเสำร์อำทิตย์จะได้ไปต่ำงจังหวัด
4. ถ้ำนักเรียนวำงแผนกำรลงทะเบียนให้ดีๆ กำรเรียนก็จะไม่หนักมำก
60. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดมีคำประสมน้อยที่สุด
1) กำรห่อขนมเป็นศิลปะอย่ำงหนึ่งของกำรทำอำหำรไทย / 2) คนไทยมีฝีมืออันประณีต รู้จักนำใบตอง
มำห่อขนม / 3) รู้จักทำกระทงและเหลำก้ำนมะพร้ำวทำไม้กลัด / 4) ไม่ได้ใช้ลวดเย็บกระดำษที่เป็นอันตรำย
อย่ำงในสมัยนี้
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
61. ข้อใดมีคำสมำสที่มีกำรสนธิ
1. อันอัครปุโรหิตำจำรย์ พรำหมณ์นำมวัสสกำร
ฉลำดเฉลียวเชี่ยวชิน
2. กลเวทโกวิทจิตจินต์ สำแดงแจ้งศิล
ปศำสตร์ก็จบสบสรรพ์
3. เป็นมหำอำมำตย์รำชวัล ลภใครไป่ทัน
ไป่เทียมไป่เทียบเปรียบปำน
4. สมัยหนึ่งจึ่งผู้ภูมิบำล ทรงดำริกำร
จะแผ่อำนำจอำณำ
64
62. คำนำมทุกคำในข้อใดใช้คำลักษณนำมคำเดียวกัน
1. ตะเกียง แตร ตุ๊กตำ
2. โน้ต ไวโอลิน กีตำร์
3. เกวียน พลั่ว ฉมวก
4. ปริญญำบัตร สนธิสัญญำ พระรำชสำส์น
63. คำภำษำอังกฤษในข้อใดใช้คำไทยแทนไม่ได้
1. จักษุแพทย์ผ่ำตัดล้ำงท่อน้ำตำแล้วใส่สำยซิลิโคนไว้ 3 เดือน
2. กำรประชุมในวันนี้ใครมีไอเดียใหม่ๆ ก็เสนอเข้ำมำได้เลย
3. รำยกำรตอบปัญหำภำษำไทยจะออนแอร์วันเสำร์หน้ำ
4. เสื้อที่ร้ำนฉันดีไซน์สวยๆ ทั้งนั้น รำคำก็ไม่แพง
64. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดไม่มีคำยืมจำกภำษำบำลีหรือสันสกฤต
1) กลุ่มคนที่ร่ำรวยยังคงควำมมั่งคั่งของตัวเองไว้ได้เป็นเลิศ / 2) โดยผู้คนแวดล้อมซึ่งเป็นที่ปรึกษำ
ทำงกำรเงินและกฎหมำย / 3) ที่ล้วนมีฝีมือยอดเยี่ยมในแวดวงอำชีพนั้นๆ / 4) จะเห็นได้ว่ำบรรดำเศรษฐี
เงินล้ำนมักไม่เดินหน้ำสร้ำงควำมร่ำรวยโดยลำพัง
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
65. ข้อใดไม่ใช่ประโยคควำมเดียว
1. กำรละเล่นพื้นเมืองของไทยเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่ำงหนึ่งของวัฒนธรรมไทย
2. ในทุกภำคของประเทศมีกำรละเล่นพื้นเมืองประจำท้องถิ่นของตนเอง
3. กำรละเล่นพื้นเมืองมีประโยชน์ในกำรเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่โลกสำกล
4. คนไทยสร้ำงสรรค์กำรละเล่นพื้นเมืองแล้วสืบทอดต่อกันมำจนปัจจุบัน
66. ข้อใดเป็นประโยคควำมซ้อน
1. ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวทำงธรรมชำติหลำกหลำยประเภท
2. แหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ำมักอยู่ในบริเวณภูเขำในภำคต่ำงๆ ของประเทศ
3. น้ำใต้ดินที่ไหลซึมผ่ำนชั้นของหินปูนก่อให้เกิดถ้ำขนำดต่ำงๆ ขึ้น
4. นักท่องเที่ยวสำมำรถเดินเข้ำไปชมสิ่งสวยงำมต่ำงๆ ภำยในถ้ำได้
65
67. ประโยคในข้อใดแสดงเจตนำต่ำงจำกข้ออื่น
1. ทำไมเขำถึงมำที่นี่
2. อะไรทำให้คุณคิดอย่ำงนั้น
3. ที่ไหนมีงำนแสดงสินค้ำส่งออก
4. ใครจะไปรู้ว่ำเขำจะมำทำงำนวันนี้
68. ข้อใดใช้รำชำศัพท์สำหรับพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวไม่ถูกต้อง
1. เป็นพระมหำกษัตริย์นักพัฒนำที่สำคัญของโลก
2. เคยทรงขับรถยนต์ด้วยพระองค์เองในบำงโอกำส
3. มีพระรำชศรัทธำในพระพุทธศำสนำอย่ำงมั่นคง
4. ทรงโปรดดนตรีสำกลโดยเฉพำะดนตรีแจ๊ส
69. ข้อควำมส่วนใดใช้ระดับภำษำต่ำงกับข้ออื่น
1) เนื่องจำกกำรสำธำรณสุขดีขึ้น / 2) อำยุเฉลี่ยของประชำกรสูงขึ้นทั้งหญิงและชำย / 3) โรคของคนแก่
คนเฒ่ำจึงมำกขึ้นด้วย / 4) สิ่งเหล่ำนี้มีอิทธิพลต่อภำวะของโรคกระดูกและข้อทั้งสิ้น
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
70. ข้อใดใช้สำนวนถูกต้อง
1. ฉันรู้สึกเหมือนเป็นกิ้งก่ำได้ทองเพรำะได้เครื่องมือสื่อสำรล้ำสมัยมำแล้วกลับใช้ไม่เป็น
2. สมัยที่คุณวินัยยังรุ่งเรืองมีคนแวะมำเยี่ยมเยียนตลอดเวลำตำมลักษณะของร่มโพธิ์ร่มไทร
3. เพื่อนๆ บ่นว่ำวินัยชอบพุ่งหอกเข้ำรก เล่นกำรพนันเสียเงินมำกแล้วให้เพื่อนช่วยใช้หนี้
4. คุณสมศักดิ์นี่กินน้ำไม่เผื่อแล้งจริงๆ พอได้เงินปันผลก็เอำมำเลี้ยงเพื่อนหมด ไม่เก็บไว้เป็นค่ำเล่ำเรียนลูก
บ้ำงเลย
71. สำนวนในข้อใดเหมำะสมที่จะเติมในช่องว่ำงของข้อควำมต่อไปนี้
เขำรู้สึกน้อยใจที่หัวหน้ำเห็นเขำเป็น ตอนแรกเลือกส่งเพื่อนของเขำไปประชุมต่ำงประเทศ
แต่พอเพื่อนไม่ไปก็มำสั่งให้เขำไปแทน
1. แพะรับบำป
2. ไก่รองบ่อน
3. ตัวตำยตัวแทน
4. หนังหน้ำไฟ
66
72. รำยงำนทำงวิชำกำรส่วนใดใช้ภำษำไม่เหมำะสม
1) นักวิทยำศำสตร์พบว่ำเด็กทำรกต้องกำรโปรตีนจำกนมในปริมำณมำกเพื่อช่วยกำรเจริญเติบโตของ
เซลล์สมอง / 2) แต่นักวิทยำศำสตร์ยังพบอีกว่ำสมองของมนุษย์หยุดกำรแบ่งเซลล์แล้วตั้งแต่ในวัยเด็ก /
3) ดังนั้นในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอำยุจึงไม่ควรกินโปรตีนอย่ำงล้นเหลือ / 4) เพรำะจะก่อผลร้ำยต่อสุขภำพ
มำกกว่ำผลดี
1. ส่วนที่ 1
2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3
4. ส่วนที่ 4
73. คำประพันธ์ต่อไปนี้วรรคใดมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ
สองหูดั่งกลีบบุษบัน สี่เท้ำยืนยันจับกลิ่น
เยื้องย่องทำนองดังหงส์บิน งำมสิ้นทั่วสรรพำงค์กำย
1. วรรคที่ 1
2. วรรคที่ 2
3. วรรคที่ 3
4. วรรคที่ 4
ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 74-75
(1)
ใจขลำดมักอำจองอวดสู้
(2)
เฉำโฉดโอษฐ์อวดรู้ว่ำรู้ใครเทียม
(3)
น้ำพร่องกะละออมคงกระฉอกฉำนนำ
(4)
รูปชั่วมักแต่งแกล้งเกลำทรง
74. คำประพันธ์ข้ำงต้นข้อใดเรียงได้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์
1. 2 3 1 4
2. 1 2 3 4
3. 4 1 3 2
4. 3 4 1 2
75. ค่ำนิยมใดไม่ปรำกฏในคำประพันธ์ข้ำงต้น
1. ควำมงำม
2. ควำมมีมำรยำท
3. ควำมมีปัญญำ
4. ควำมกล้ำหำญ
67
ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 76-77
1. อกเอ๋ยเมื่อไรเลยจะวำยแค้น เหลือแสนค่อนขอดพิไรให้
ข้ำทำวลบ่นถึงเขำเมื่อไร เจ็บใจจริงจริงมำเยำะเย้ย
2. จะนอนแรมโรยร้ำงอยู่กลำงดง ใครจะปลงศพพ่อให้สูญหำย
ต่ำงคนต่ำงกระจัดพลัดพรำย ต่ำงคนต่ำงตำยไม่เห็นกัน
3. ดูรำหนุ่มน้อยกับนำงงำม เดินตำมกันมำจะไปไหน
บ้ำนช่องตำแหน่งอยู่แห่งใด เป็นอะไรเมียฤๅพี่น้องกัน
4. ในลักษณ์นั้นว่ำประหลำด เป็นเชื้อชำตินักรบกลั่นกล้ำ
เหตุไฉนย่อท้อรอรำ ฤๅจะกล้ำแต่เพียงวำที
76. คำประพันธ์ข้ำงต้นข้อใดเป็นคำถำมที่ต้องกำรคำตอบ
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 4
77. ข้อใดมีน้ำเสียงของผู้พูดแสดงควำมรู้สึกหดหู่ใจ
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 4
ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 78-79
1. น้อยหรือรักเจ้ำสักเท่ำพ้อม ยังไม่ยอมพร้อมใจไปด้วยพี่
จะเฝ้ำวอนงอนง้อไปไยมี ค่อยอยู่จงดีพี่ขอลำ
2. อันทรวดทรงองค์พระกุมำรนี้ เหมือนภูมีจริงจังดังเถือใส่
ทั้งท่วงทีกิริยำละม่อมละไม จะดูไหนไม่ผิดสักสิ่งอัน
3. ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว คิดแค้นใจตัวไม่รู้หำย
อดสูอยู่ไยให้ได้อำย จะสู้ตำยตำมองค์พระทรงธรรม์
4. นั่นแน่หัวหงอกเป็นดอกเลำ ไม่เจียมตัวมัวเมำโมหันธ์
ฮึดฮัดกัดเหงือกทำงกงัน ยังไม่ขันขึ้นหน้ำมำด่ำทอ
68
78. ข้อใดไม่ใช้ภำพพจน์
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 4
79. ข้อใดไม่แสดงอำรมณ์ควำมรู้สึกของตัวละคร
1. ข้อ 1
2. ข้อ 2
3. ข้อ 3
4. ข้อ 4
80. ข้อใดแสดงควำมรู้สึกคิดถึง
1. ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้ำย้อยห้อยพวงกรอง
2. มะลิวัลย์พันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
3. แขกเต้ำเคล้ำคู่เคียง เรียงจับไม้ไซ้ปีกหำง
4. นำงนวลนวลน่ำรัก ไม่นวลพักตร์เหมือนทรำมสงวน
81. ข้อใดมีลักษณะเป็นบทรำพันนิรำศ
1. ยิ่งอำวรณ์ร้อนใจจำบัลย์ ครวญใคร่ใฝ่ฝันทุกเวลำ
2. ถึงม้วยดินสิ้นภพปัถพี อย่ำรู้ม้วยไมตรีพิสมัย
3. รสรักร้อนจิตพิศวง ให้ผูกพันพะวงหลงใหล
4. หอมกลิ่นสุกรมเมื่อลมชำย คล้ำยคล้ำยพระเชษฐำพำชมดง
82. ข้อใดเป็นบทพรรณนำควำมงำมต่ำงจำกพวก
1. แลพระปรัศว์ทั้งซ้ำยขวำ รจนำดังวิมำนโกสีย์
2. ท้องฉนวนล้วนแล้วศิลำทอง ผนังรองเรืองรัตน์มณีนิล
3. มีมุขทุกชั้นบันแถลง ยอดแซงสลับไม่นับได้
4. ว่ำแล้วลออองค์ทรงเครื่อง รุ่งเรืองพรรณรำยฉำยฉำน
69
83. คำประพันธ์ข้อใดมีทั้งคำที่แสดงจินตภำพกำรเคลื่อนไหวและจินตภำพเสียง
1) คอยเขม้นเห็นลิงเข้ำมำชิด ปะเตะหวิดเหวี่ยงซ้ำยป่ำยขวำ
2) เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันสนั่นฟ้ำ อสุรำดิ้นรนกระวนกระวำย
3) ขึ้นเหยียบยักษ์หักหอกดำบสะบั้น แข็งขันขู่ตะคอกหลอกหลอน
4) ไล่กระชิดติดพันฟันฟอน รำญรอนรับรองว่องไว
1. ข้อ 1) และ ข้อ 2)
2. ข้อ 2) และ ข้อ 3)
3. ข้อ 3) และ ข้อ 4)
4. ข้อ 1) และ ข้อ 4)
84. คำประพันธ์ข้อใดแสดงควำมเชื่อของคนไทย
1) ทั้งนี้ก็ชั่วอยู่ตัวน้อง ให้พระต้องตำมมำจนอำสัญ
จะสู้ม้วยด้วยองค์พระทรงธรรม์ ตำมไปเมืองสวรรค์ชั้นฟ้ำ
2) แม้นรักตัวกลัวตำยวำยชีวำ จงเร่งสำรภำพกรำบไหว้
จะงดโทษโปรดยกชีวิตไว้ ถ้ำหำไม่จะยับลงกับมือ
3) แม้มีทุกข์ขุกเข็ญไม่เห็นใคร จะพึ่งได้ดั่งองค์พระทรงศักดิ์
สำหรับแต่จะอัปภำคย์พักตร์ เมียรักจักอยู่ไปไยมี
4) สำรพัดอัศจรรย์หวั่นจิต น่ำที่ชีวิตจะตักษัย
เหลียวดูปรำสำทเพียงขำดใจ ตั้งแต่นี้มิได้มำไสยำ
1. ข้อ 1) และ ข้อ 2)
2. ข้อ 2) และ ข้อ 3)
3. ข้อ 3) และ ข้อ 4)
4. ข้อ 1) และ ข้อ 4)
85. คำประพันธ์ข้อใดกล่ำวถึงสิ่งที่แสดงวัฒนธรรมไทย
1) อย่ำเดินทัดมำลำ เสยเกศำ บ ควรทำ
จีบพกพลำงขำนคำ สะกิดเพื่อนสำรวลพลำง
2) นรชำติวำงวำย มลำยสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกำ
3) รักสัตวนำนำ พึงรักษำ บ เดียดฉันท์
เลี้ยงดูทุกคืนวัน จนอิ่มหนำเป็นอำจิณ
4) ใช้สอย บ หลบลี้ ฤๅหน่ำยหนีในกำรงำน
จงรักภักดีนำน ห่อนเหินห่ำงคุ้งวำงวำย
70
86. ข้อใดเป็นแนวคิดของคำประพันธ์ต่อไปนี้
พระคุณเอ่ย เห็นว่ำลูกนี้เป็นหญิงย่อมทรงพระอำลัย ครั้นลูกจะไม่ไปก็ใช่ที่ ด้วยพระรำชสำมีสิตกไร้
ใครเขำจะอินัง ลูกจะนอนลอยนวลอยู่ในวังมิบังควร ประชำชนมันจะชวนกันสรวญแซ่ มัทรีไม่รู้ที่จะแลดู
หน้ำใครให้เต็มเนตร จะสู้จนทนเทวษไปในรำวป่ำ
1. ภรรยำที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อสำมีย่อมไร้ค่ำ
2. ภรรยำที่ถูกสำมีทอดทิ้งย่อมถูกดูแคลน
3. ภรรยำต้องเป็นคู่ทุกข์คู่ยำกของสำมีเสมอ
4. ภรรยำไม่ควรให้สำมีออกเดินป่ำตำมลำพัง
87. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเด่นของคำประพันธ์ต่อไปนี้
ทั้งสำมคนครึ่งคำไม่พอเคี้ยว ประเดี๋ยวเดียวชีวังจะสังขำร์
ไม่พอมือครือฤทธิ์อสุรำ เท่ำขี้ตำก็จะวิ่งมำชิงชัย
1. เนื้อหำให้ข้อคิด
2. จินตภำพชัดเจน
3. สัมผัสใน
4. กำรใช้คำเข้ำใจง่ำย
88. ข้อควำมต่อไปนี้ผู้พูดตั้งใจจะบอกว่ำอย่ำงไร
เสร็จศึกจะเข้ำไปอัญชลี จะด่ำตีก็ตำมอัชฌำสัย
เมื่อได้เกินแล้วก็จนใจ ตำมแต่ภูวไนยจะปรำนี
1. หำกเสร็จกำรสงครำมแล้วหวังว่ำจะได้รับกำรอภัยที่ทำสิ่งที่ไม่สมควรไว้
2. จะรอจนเสร็จกำรสงครำมแล้วจะเข้ำไปคำรวะและเจรจำโดยตรงตำมนิสัย
3. คิดว่ำหำกเสร็จกำรสงครำมแล้วอำจจะถูกว่ำกล่ำวทุบตีหรือชื่นชมแล้วแต่ผลงำน
4. คิดจะคำรวะท่ำนก่อนแล้วจึงค่อยคิดแก้ไขปัญหำทีหลัง
89. ข้อใดผู้แต่งไม่ได้กล่ำวถึงในคำประพันธ์ต่อไปนี้
เห็นเทพีมีหนำมลงรำน้ำ เปรียบเหมือนคำคนพูดไม่อ่อนหวำน
เห็นกิ่งกีดมีดพร้ำเข้ำรำรำน ถึงหนำมกรำนก็ไม่เหน็บเหมือนเจ็บใจ
1. หญิงคนรักที่ตนต้องจำกมำ
2. กิ่งและหนำมของต้นไม้ริมน้ำ
3. วำจำที่ก้ำวร้ำวแข็งกระด้ำง
4. กำรตัดต้นไม้รกๆ ที่ขวำงทำง
71
90. ข้อใดไม่กล่ำวถึงบุคคลที่ 3
1. น้องนุชสุดท้ำยชื่อรจนำ โสภำเพียงนำงในสวรรค์
2. แต่น้ำใสใจจริงของข้ำ จะรักใคร่เงำะป่ำนั้นหำไม่
3. แม้นควรคู่กับวงศ์เทวำ จึงจะยกกัลยำให้ไป
4. สั่นปลุกลุกขึ้นเถิดน้องยำ พี่มำหำแล้วอย่ำนอนเลย
72
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบO-NET วิชา ภาษาไทย
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
1. 1 กำรอ่ำนพยำงค์สุดท้ำยของวรรคด้วยกำรทอดเสียงแล้วปล่อยให้หำงเสียงผวนขึ้น
จมูกเป็นเสียง ฮื้อ ฮือ เบำๆ คล้ำยเสียงครำง ไหน-ฮื้อ หรือไหน-ฮึ ซึ่งจะทำให้
บทร้อยกรองมีควำมไพเรำะ
2. 3 กลอนสุภำพที่มีจำนวนวรรคละ 8 คำ จะแบ่งจังหวะกำรอ่ำนเป็น 3-2-3 ซึ่งก็คือ
กระนี้หรือ/ชื่อเสียง/เกียรติยศ จะมิหมด/ล่วงหน้ำ/ทันตำเห็น
3. 4 แบ่งจังหวะกำรอ่ำนวรรคที่มี 6 คำ ปกติแบ่งเป็น 2/2/2 แต่วรรคแรกอ่ำน 2/4
พิจำรณำเนื้อควำมเป็นหลักเพรำะคำที่กวีใช้เป็นคำที่ควรอ่ำนให้เสียงต่อเนื่องกัน
4. 3 เป็นตอนที่นำงมันทนำรำพึงรำพันกับดวงดำวที่ส่องแสงสกำวบนท้องฟ้ำ ไม่มี
น้ำเสียงเกรี้ยวกรำด ซึ่งต่ำงจำกข้ออื่นที่ใช้คำตำยในคำประพันธ์ที่จะให้เสียงสั้น
ติดขัด ทำให้เสียงรู้สึกถึงอำรมณ์โกรธ เกรี้ยวกรำด
5. 1 อ่ำนคำส่งสัมผัส “พฤนท์” ว่ำ พริน จะรับสัมผัสกับ “คชินทร” อ่ำนได้อย่ำงเดียวว่ำ
คะ-ชิน ซึ่งเป็นลักษณะของร่ำยที่คำท้ำยวรรคจะต้องส่งสัมผัสไปยังคำใดคำหนึ่ง
ในวรรคถัดไป ดังนั้น กำรอ่ำนให้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์ จึงต้องพิจำรณำคำรับ -ส่ง
สัมผัสระหว่ำงวรรค
6. 2 แอร์ นิวซีแลนด์ ยกเลิกเที่ยวบินหลำยสำยหลังภูเขำไฟยังคงปะทุ เสนอแต่ข้อเท็จจริง
ว่ำ เกิดเหตุกำรณ์อะไร ข้อที่ 1. มีคำแสดงทัศนะหรือควำมเห็นว่ำ “อ้ำอึ้ง” ข้อ 3มีคำ
แสดงทัศนะหรือควำมเห็นว่ำ “แจงเครียด” และข้อที่ 4. มีคำแสดงทัศนะหรือ
ควำมเห็นว่ำ “พุ่งกระฉูด”
7. 4 ประโยชน์ของไข่ตุ๋นไม่ปรำกฏในข้อควำมข้ำงต้น ส่วนตัวเลือกอื่นๆ มีรำยละเอียด
ดังนี้ ข้อที่ 1. รสชำติไข่ตุ๋น จำกข้อควำมที่ว่ำ “ปรุงรสให้ออกเค็มเล็กน้อย” 2. วิธีทำ
ไข่ตุ๋น จำกข้อควำมที่ว่ำ “ไข่ตีกับน้ำหรือน้ำซุป ปรุงรสให้ออกเค็มเล็กน้อย และใส่
เครื่องต่ำงๆ ตำมใจชอบ นึ่งให้สุก” 3. วิธีรับประทำนไข่ตุ๋น จำกข้อควำมที่ว่ำ
“รับประทำนกับข้ำว หรือจะรับประทำนเปล่ำๆ ร้อนๆ”
73
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
8. 2 บทสนทนำของตัวละครในเรื่องมีลักษณะเด่นอย่ำงไร เป็นสิ่งที่ช่วยสื่อลักษณะนิสัย
ของตัวละคร เป็นกลวิธีที่ทำให้เรื่องน่ำติดตำมแต่ไม่ใช่ประเด็นคำถำมในกำรอ่ำน
เพื่อทำให้ทรำบเรื่องรำวโดยตลอด เพรำะบทสนทนำเกี่ยวข้องกับกำรใช้ภำษำที่จะ
ช่วยสร้ำงอรรถรสทำให้เรื่องมีควำมสนุกสนำน และสมจริงยิ่งขึ้น
9. 4 กระรอกตกใจกระโดดโหยงๆ เขย่ำกิ่งไม้เหนือหัวทำลูกไม้ป่ำหล่น ซึ่งต่ำงจำกข้ออื่น
ที่ใช้ภำษำกวี ถ้อยคำที่ใช้มีควำมพิเศษ ไม่ใช่คำที่ใช้ทั่วไป ข้อที่ 1. คำว่ำ “พสุธำ”
ข้อที่ 2. คำว่ำ “เพรียก” และข้อที่ 3. คำว่ำ “พฤกษำ”
10. 2 ผมก็ตำค้ำง ตั้งท่ำจะวิ่งกลับไปหำแม่ที่เดินใกล้เข้ำมำ เป็นเหตุกำรณ์ที่ทำให้เห็นกำร
ดำเนินเรื่อง ส่วนข้ออื่นเป็นกำรให้รำยละเอียดของสิ่งต่ำงๆ เพื่อให้ผู้อ่ำนเห็นภำพ
ชัดขึ้นเป็นกำรใช้พรรณนำโวหำร
11. 4 เขำไปลอยกระทงกับเพื่อนๆ เนื่องจำกใช้ภำษำสั้น กระชับ และสื่อควำมได้ชัดเจน
ส่วนข้ออื่นๆ ใช้ภำษำฟุ่มเฟือย สังเกตจำกสำนวนต่ำงๆ ที่นำมำขยำยประโยค
12. 2 ขอควำมร่วมมือ เป็นกำรเขียนจดหมำยโดยมีจุดมุ่งหมำยเพื่อขอควำมร่วมมือและ
ขอควำมอนุเครำะห์จำกหน่วยงำนหรือบุคคล สอดคล้องกับเนื้อควำมที่หยิบยกมำ
ข้ำงต้นมำกที่สุด
13. 3 ผู้รับ คือ “วิทยำกรพิเศษ” ใช้คำขึ้นต้นว่ำ “เรียน” ใช้คำลงท้ำยว่ำ “ขอแสดงควำม
นับถือ” ข้ออื่นๆ ใช้คำไม่ถูกต้อง คือ ข้อที่ 1. พระภิกษุ คำลงท้ำยต้องใช้ว่ำ
“ขอนมัสกำรด้วยควำมเคำรพ” ข้อที่ 2. คุณครูใช้คำขึ้นต้นว่ำ “เรียน” หรือ
“กรำบเรียน” และข้อที่ 4. คำลงท้ำยที่ใช้กับคุณปู่ต้องใช้ว่ำ “ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง”
14. 3 กำรเขียนย่อควำมเน้นกำรพรรณนำเช่นเดียวกับกำรเขียนเรียงควำม เป็นคำตอบที่ไม่
ถูกต้อง เนื่องจำกกำรเขียนย่อควำมต้องใช้ภำษำที่สั้นกระชับเท่ำนั้น เพรำะกำร
ย่อควำมเน้นกำรจับใจควำมสำคัญและตัดพลควำมทิ้งทั้งหมด
15. 2 อ่ำนข้อควำมในแบบแสดงรำยกำรให้เข้ำใจ เพรำะในกำรกรอกแบบรำยกำรนักเรียน
ควรอ่ำนทำควำมเข้ำใจเนื้อหำ รวมถึงจุดประสงค์ในกำรกรอกแบบรำยกำรก่อนเป็น
อันดับแรก ก่อนกรอกแบบรำยกำรทุกประเภท
16. 4 ลงลำยมือชื่อในแบบรำยกำรที่ไม่ได้กรอกข้อควำมครบถ้วน เนื่องจำกกำรกรอกแบบ
รำยกำรสัญญำเป็นเอกสำรที่มีผลผูกพันทำงกฎหมำยระหว่ำงบุคคล 2 ฝ่ำย หำกแบบ
รำยกำรที่ต้องลงลำยมือชื่อมีกำรกรอกข้อมูลไม่ครบถ้วน อำจมีกำรเปลี่ยนแปลง
รำยละเอียดของสัญญำในภำยหลัง ซึ่งจะส่งผลเสียได้ในอนำคต
74
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
17. 4 ซักถำมผู้พูดเกี่ยวกับข้อสงสัยต่ำงๆ ตลอดเวลำ เป็นมำรยำทที่ไม่เหมำะสม เนื่องจำก
อำจก่อให้เกิดควำมเดือดร้อนรำคำญแก่ผู้ฟังคนอื่นๆ รวมถึงเป็นกำรทำลำยสมำธิ
ควำมมั่นใจ ตลอดจนเนื้อหำหรือสำรที่ผู้พูดต้องกำรสื่อได้อีกด้วย
18. 1 เป็นกำรเร้ำควำมรู้สึก มุ่งกระตุ้นให้ผู้ฟังปฏิบัติตำมแนวคิดของผู้พูด ให้สำนึกรู้
หน้ำที่ของคนไทย
19. 2 กำรกล่ำวเปิดงำนโครงกำร “มุมมองและทิศทำงกำรท่องเที่ยว” เนื่องจำกเนื้อหำของ
เรื่องที่พูดไม่เกี่ยวข้องกับโครงกำร รวมถึงระดับกำรใช้ภำษำไม่สอดคล้องกัน
เนื่องจำกกำรใช้ภำษำในกำรพูดเป็นกำรใช้ภำษำระดับพิธีกำร
20. 3 ลำดับจำกเหตุไปสู่ผล กล่ำวถึงกำรกระทำของวัลลีคือ ควำมกตัญญูที่มีต่อคุณแม่
ที่ป่วยเป็นอัมพำต จำกนั้นจึงกล่ำวถึงผลลัพธ์คือ ได้รับรำงวัลดีเด่นด้ำนควำมกตัญญู
21. 2 ใครๆ มักบอกเขำว่ำไม่น่ำชื่อวินัย เพรำะเขำไม่มีวินัย เวลำนำยเรียกก็เดินล้วงกระเป๋ำ
เข้ำไปหำ อวัจนภำษำที่แสดงถึงควำมไม่สุภำพของวินัย คือ กำรเดินล้วงกระเป๋ำ เป็น
กิริยำท่ำทำงที่ไม่ใส่ใจและขำดควำมนับถือผู้อื่น โดยเฉพำะผู้ที่อำวุโสกว่ำ
22. 2 สะดือ-สำยดือ มีกำรกลำยเสียงจำกสระอะเสียงสั้นเป็นสระอำเสียงยำว ข้ออื่นมีกำร
เปลี่ยนแปลงกำรออกเสียง ดังนี้ ข้อที่ 1. อย่ำงนี้-ยังงี้ มีกำรกร่อนเสียง ข้อที่ 3.
หมำกพร้ำว-มะพร้ำว มีกำรกร่อนเสียงเช่นกัน และข้อที่ 4. ตะกรุด-กะตุด มีกำร
สับเสียง (ภำษำถิ่นเหนือ)
23. 2 พอฝนจะตกก็รีบกลับบ้ำนทันที ส่วนข้ออื่นๆ มีคำจำกภำษำอื่น ดังนี้ ข้อที่ 1. คำว่ำ
บุรุษ เป็นคำภำษำสันสกฤต ข้อที่ 3. คำว่ำ สัตว์ เป็นคำภำษำบำลีสันสกฤต ส่วนข้อที่
4. คำว่ำ กรุงเทพฯ เป็นคำภำษำบำลีสันสกฤต
24. 2 มีร้ำนค้ำขำยโค้กยังติดธงเจสีเหลืองเลยมีเสียงวรรณยุกต์ตรีจำนวน 3 คำ ได้แก่ คำว่ำ
ร้ำน ค้ำ โค้ก
25. 2 ไหนขันที่ฉันต้องกำร คำว่ำ ขัน ในประโยคนี้เป็นคำนำม ส่วนในข้ออื่นๆ เป็น
คำกริยำ ทั้งกริยำหลักและกริยำช่วย ฉะนั้นคำว่ำ ขัน ในข้อที่ 2. จึงทำหน้ำที่แตกต่ำง
จำกข้ออื่นๆ มำกที่สุด
26. 4 คำศัพท์ มีเหตุผล ดังต่อไปนี้ สัม และ คำ เป็นกำรประสมอักษร 4 ส่วน เนื่องจำก
สระอำมีกำรเพิ่มเสียงตัวสะกด ม ส่วน ฤทธิ์ และ ศัพท์ เป็นกำรประสมอักษร 5 ส่วน
27. 1 คนงำนใหม่ขยันเป็นพักๆ เอำแน่ไม่ได้ เป็นคำไทยแท้ทุกคำ ส่วนข้ออื่นมีคำ
ภำษำต่ำงประเทศ ดังนี้ ข้อที่ 2 คำว่ำ อนุบำล เป็นคำภำษำบำลี ข้อที่ 3. คำว่ำ
สำธำรณะ เป็นคำภำษำสันสกฤต และข้อที่ 4. รักษำ เป็นคำภำษำสันสกฤต
75
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
28. 4 ไว้ปำกไว้วำกย์วำทีไว้วงศ์กวีไว้เกียรติและไว้นำมกร เป็นคำประพันธ์ประเภทกำพย์
ฉบัง 16 นักเรียนสำมำรถพิจำรณำได้จำกจำนวนคำ ซึ่งมีจำนวนเท่ำกัน คือ จำนวน
16 คำ และพิจำรณำสัมผัสในบทประพันธ์ที่ใช้ในกำรแบ่งวรรคตอน สำมำรถแบ่ง
บทประพันธ์ตำมลักษณะฉันทลักษณ์ได้ ดังนี้
กลำงไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
ไว้ปำกไว้วำกย์วำที ไว้วงศ์กวี
ไว้เกียรติและไว้นำมกร
29. 3 เขำตกทะเลบก สิก็ตกทะเลไป
คลื่นสีขจีใส ปะทะซ่ำฉะฉ่ำฉำน
บทประพันธ์ข้ำงต้นเป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ส่วนในข้ออื่นเป็นกำพย์ยำนี 11 สังเกต
ได้จำกกำรใช้คำครุ คำลหุ เนื่องจำกบทประพันธ์มีจำนวนคำเท่ำกันและมีสัมผัส
เหมือนกัน
30. 1 อุปมำโวหำร โดยกล่ำวเปรียบเทียบรสชำติกับควำมรัก ส่วนลักษณะคำประพันธ์
ประเภทกำพย์ยำนี 11 ข้อควำมที่ยกมำเมื่อจัดวรรคให้ถูกต้องตำมลักษณะฉันทลักษณ์
จะเป็นคำประพันธ์ประเภทกำพย์ ดังต่อไปนี้
หวำนใดไม่หวำนนัก เท่ำรสรักสมัครสม
ไร้รักหนักอำรมณ์ หวำนเหมือนขมอมโศกำ
31. 3 จำกตัวเลือกในข้อที่ 1. และ 2. ควรใช้น้ำเสียงปกติ ส่วนข้อที่ 4. ควรอ่ำนด้วยลีลำ
เนิบช้ำ เพื่อแสดงอำรมณ์เศร้ำตัดพ้อ น้อยใจ ส่วนข้อที่ 3. ผู้อ่ำนควรเน้นเสียงในคำที่
เป็นคำสำคัญของบทอ่ำน สร้ำงจินตภำพให้แก่ผู้ฟัง
32. 2 จำกตัวเลือกในข้อที่ 1., 3. และ 4. ผู้อ่ำนควรใช้น้ำเสียงเพื่อแสดงอำรมณ์ควำมโกรธ
เคียดแค้น เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี ส่วนข้อที่ 2. ต้องใช้น้ำเสียงเนิบช้ำ อ่อนหวำน
เพื่อถ่ำยทอดกริยำอำกำรของตัวละคร
33. 3 กำรอ่ำนเพื่อกำรวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อพิจำรณำแยกแยะว่ำเรื่อง
ที่อ่ำนจำกสื่อต่ำงๆ ในชีวิตประจำวัน มีองค์ประกอบใดบ้ำง แต่ละองค์ประกอบมี
ลักษณะและควำมสัมพันธ์กันอย่ำงไร กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ จึงเป็นกำรอ่ำนเพื่อให้
มองเห็นควำมสัมพันธ์ภำยใน หรือโครงสร้ำงของงำนเขียนแต่ละเรื่อง
76
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
34. 4 จำกตัวเลือกที่กำหนด เป็นชื่อเรื่องของเรียงควำมจำนวน 4 เรื่อง หำกพิจำรณำจำกชื่อ
เรื่องสำมำรถอนุมำนเบื้องต้นได้ว่ำ ชื่อเรื่องในข้อที่ 1., 2. และ 3. เป็นชื่อเรื่องของ
เรียงควำมที่มีเนื้อหำสำระเชิงพรรณนำ แสดงบรรยำกำศ ควำมสวยงำมของสถำนที่
ในขณะที่ชื่อเรื่องในข้อที่ 4. มีควำมเกี่ยวข้องกับหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง จึง
น่ำจะเป็นชื่อของเรียงควำมที่มีเนื้อหำสำระในเชิงให้ควำมรู้และแสดงข้อเท็จจริง
35. 1 กลวิธีกำรเขียนเรียงควำมเป็นสิ่งที่ผู้เขียนจะต้องให้ควำมสำคัญเท่ำกับขั้นตอนกำร
เขียน ซึ่งกลวิธีกำรเขียนเรียงควำมที่ส่งผลต่อกำรลำดับเนื้อสำระของเรียงควำมเรื่อง
หนึ่งๆ คือ กำรใช้ย่อหน้ำที่ดี มีประเด็นชัดเจน จะทำให้เรียงควำมที่มีขนำดยำว
สำมำรถลำดับเนื้อหำได้ครบถ้วน ไม่วกวน ทำให้ผู้อ่ำนติดตำมอ่ำนเรื่องได้สะดวก
36. 4 กำรเขียนเรียงควำมเรื่องหนึ่งๆ ผู้เขียนที่ดีควรคำนึงถึงขั้นตอนกำรปฏิบัติ และควร
ปฏิบัติตำมโดยเริ่มจำกกำรเลือกหัวข้อหรือจุดมุ่งหมำยในกำรเขียน หำข้อมูล นำมำจัด
หมวดหมู่ เขียนขยำยแนวคิด เพื่อนำมำวำงโครงเรื่องอย่ำงรัดกุม แต่ละองค์ประกอบ
มีสัดส่วนเหมำะสม จำกนั้นจึงลงมือเขียนตำมโครงเรื่องที่วำงไว้ อ่ำนทบทวนเพื่อหำ
จุดบกพร่องแก้ไข
37. 4 เชิงอรรถเป็นข้อควำมซึ่งบอกแหล่งที่มำของข้อควำมที่นำมำอ้ำงประกอบในรำยงำน
แทรกไว้ ส่วนเนื้อหำ อยู่ใต้ข้อควำมบรรทัดสุดท้ำยของหน้ำนั้นๆ หำกมีควำมยำวเกิน
กว่ำ 1 บรรทัด ให้ขึ้นบรรทัดใหม่ โดยเยื้องมำด้ำนหน้ำของบรรทัดแรก กำรลำดับ
หมำยเลขในเชิงอรรถ ทำได้ 2 วิธี คือ เริ่มต้นที่หมำยเลข 1 แล้วนับต่อไปเรื่อยๆ
หรือเมื่อขึ้นต้นบทใหม่จะลำดับโดยนับ 1 ใหม่ก็ได้
38. 2 กำรเลือกหัวข้อเรื่องนำมำศึกษำค้นคว้ำตำมหลักวิชำ แล้วนำเสนอผลกำรศึกษำใน
ลักษณะรูปเล่มรำยงำน สิ่งสำคัญประกำรแรกที่ผู้จัดทำต้องให้ควำมสำคัญ ไตร่ตรอง
คือ กำรเลือกหัวข้อเรื่อง ซึ่งสำมำรถประเมินควำมสำเร็จเบื้องต้นของรำยงำนได้
ซึ่งกำรเลือกหัวข้อเรื่องที่ดี ควรเลือกหัวข้อเรื่องที่มีควำมน่ำสนใจ และเป็นประโยชน์
ต่อผู้อ่ำน
39. 3 กำรเขียนบรรณำนุกรมมีจุดมุ่งหมำยเพื่อแสดงหลักฐำนว่ำเนื้อหำของรำยงำนหัวข้อ
หนึ่ง ผู้เรียบเรียงได้ใช้ข้อมูลใดบ้ำงประกอบกำรศึกษำค้นคว้ำโดยระบุข้อมูลที่จำเป็น
เพื่อให้ผู้อื่นไปสืบค้นต่อได้ ซึ่งข้อมูลที่ไม่มีควำมจำเป็นต่อกำรเขียนบรรณำนุกรม
คือ คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง และจำนวนเล่ม
40. 3 กำรเรียงลำดับโครงเรื่องเพื่อทำรำยงำนเรื่อง “ลำตัด ลมหำยใจสุดท้ำยของเพลง
พื้นบ้ำน” ตำมข้อที่ 3. เป็นกำรเรียงที่เหมำะสมกว่ำข้ออื่นๆ เพรำะทำให้เกิด
สัมพันธภำพของเนื้อหำสำระ
77
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
41. 4 เพรำะเป็นหัวเรื่องที่เหมำะสมกับกำรนำมำเขียนชีวประวัติ ส่วนสำรคดีในข้ออื่นๆ
มีเนื้อหำเกี่ยวกับสำระควำมรู้และกำรท่องเที่ยว
42. 2 กำรเขียนสำรคดีที่ดี นอกจำกเรื่องที่นำมำเขียนน่ำสนใจ โดยถ่ำยทอดมุมมองของ
ผู้เขียนแล้ว ยังควรคำนึงถึงกำรหำภำพมำประกอบเรื่องรำว เพื่อทำให้ผู้อ่ำนเกิด
ควำมรู้สึกผ่อนคลำยและประทับใจ
43. 4 กำรตัดสินประเมินค่ำงำนเขียนเรื่องหนึ่งๆ ผู้ประเมินจะต้องอ่ำนเรื่องนั้นๆ จนจบ
แยกแยะองค์ประกอบเป็นส่วนๆ จำกนั้นจึงพิจำรณำ วิเครำะห์ว่ำมีลักษณะเป็น
อย่ำงไร สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติคือกำรอนุมำนหรือพิจำรณำจำกผลงำนที่ผ่ำนๆ มำ ซึ่งเป็น
กำรประเมินโดยปรำศจำกหลักกำร
44. 4 กำรเขียนสำรคดีที่ดี และมีแนวโน้มว่ำจะประสบผลสำเร็จจะต้องเริ่มจำกกำรที่ผู้เขียน
มีจุดประสงค์ในกำรเขียนที่ชัดเจน
45. 2 กำรฟังและดูโฆษณำ ซึ่งเป็นสำรที่มีเนื้อหำสำระมุ่งโน้มน้ำวใจให้ผู้รับสำรเกิด
ควำมรู้สึกที่ดีต่อสินค้ำ หรือบริกำรจนกระทั่งตัดสินใจ ดังนั้นผู้รับสำรจึงควรใช้
วิจำรณญำณในกำรไตร่ตรองก่อนตัดสินใจเชื่อสำรประเภทนี้
46. 4 กำรฟังและดูที่แสดงว่ำผู้รับสำรได้ใช้วิจำรณญำณขณะรับสำร สำมำรถแสดง
เป็นกระบวนกำรได้ โดยเริ่มจำกกำรได้ฟัง ได้เห็น ได้คิด วิเครำะห์ ใคร่ครวญ
เพื่อประเมินค่ำ แล้วนำไปใช้ประโยชน์
47. 3 งำนเขียนเชิงวิชำกำร คือ งำนที่มีควำมมุ่งหมำยเพื่อให้ควำมรู้แก่ผู้รับสำรเป็นสำคัญ
ดังนั้น กำรวิเครำะห์ภำษำในงำนเขียนเชิงวิชำกำร จะต้องพิจำรณำว่ำใช้ภำษำใน
ระดับใด ถูกต้องตำมแบบแผน หลักไวยำกรณ์หรือไม่ อย่ำงไร
48. 2 มำรยำทที่มีควำมเหมำะสม เมื่อต้องฟังและดูในหัวข้อบรรยำยเรื่องต่ำงๆ เมื่อผู้ฟัง
และดูเกิดควำมสงสัยในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ควรจดข้อสงสัยไว้ แล้วรอให้ผู้พูด
บรรยำยจบและเปิดโอกำสให้ซักถำม จึงจะแสดงเจตจำนงในกำรถำม
49. 4 เพรำะตัวเลือกในข้ออื่นๆ มีถ้อยคำที่แสดงเจตนำโน้มน้ำวให้เชื่อในคุณสมบัติของ
สินค้ำและบริกำร ในขณะที่ข้อควำมในข้อที่ 4. เป็นกำรนำเสนอข้อเท็จจริงที่จะได้รับ
หำกออกกำลังกำยอย่ำงสม่ำเสมอ
50. 4 กลวิธีในกำรพูดโน้มน้ำวใจมีอยู่ด้วยกันหลำยวิธีขึ้นอยู่กับว่ำผู้พูดจะเลือกใช้วิธีใด
ให้มีควำมเหมำะสมกับเรื่องที่จะพูด แต่สิ่งที่ไม่ควรกระทำ คือ กำรโน้มน้ำวให้ผู้ฟัง
เชื่อด้วยกำรให้ร้ำยฝ่ำยตรงข้ำม
78
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
51. 3 จุดประสงค์ของกำรพูดในแต่ละครั้งมีควำมแตกต่ำงกันไป เป็นต้นว่ำ พูดเพื่อให้
ควำมรู้ พูดเพื่อหันเหควำมสนใจ พูดเพื่อโน้มน้ำวใจ แต่กำรพูดเพียงเพื่อแสดง
มำรยำททำงสังคมไม่ใช่จุดประสงค์ของกำรพูด
52. 2 เพรำะมีควำมสอดคล้องกับหลักคำสอนในพระพุทธศำสนำ ศีล 5 คือ ห้ำมพูดปด
53. 3 ภำษำทุกภำษำล้วนมีกำรเปลี่ยนแปลงจำกอดีตสู่ปัจจุบันในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
โดยผู้ใช้ภำษำอำจไม่รู้สึก กำรยืมคำก็นับเป็นกำรเปลี่ยนแปลงของภำษำเช่นกัน
ซึ่งหน่วยคำในประโยคจะไม่เป็นอิสระต่อกัน แต่จะมีควำมสัมพันธ์กันและจะ
ประกอบหรือรวมกันเข้ำเป็นหน่วยทำงภำษำที่ใหญ่ขึ้น เช่น เสียงรวมกันเป็นคำ คำ
รวมกันเป็นวลี วลีรวมกันเป็นประโยค
54. 4 ประโยคที่มีเจตนำบอกให้ทำ จะมีถ้อยคำเฉพำะที่วำงไว้ต้นประโยค ในขณะที่
ประโยคในตัวเลือกอื่นๆ เป็นประโยคคำถำมและแจ้งให้ทรำบตำมลำดับ
55. 3 โพล้เพล้ ร่องแร่ง จองหอง ไม่ปรำกฏเสียงสระประสม ส่วนในข้ออื่นๆ ปรำกฏเสียง
สระประสมดังต่อไปนี้ ข้อที่ 1. สระ เออ ได้แก่ เวิ้ง เงิน ข้อที่ 2. สระ เออ ได้แก่ เชิญ
และข้อที่ 4. สระ เออ ได้แก่ เรือน
56. 3 ลักษณะของประโยคที่ดีจะต้องเป็นประโยคที่สื่อควำมได้ครบถ้วนชัดเจน หำกรูป
ประโยคมีควำมยำวก็ควรปรำกฏกำรใช้คำเชื่อม เพื่อทำให้ถ้อยคำภำยในประโยคมี
ควำมเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน
57. 4 ควำมแตกต่ำงระหว่ำงภำษำไทยถิ่นกับภำษำไทยมำตรฐำนมี 2 ประเด็น คือ เรื่อง
คำศัพท์และสำเนียงกำรพูด
58. 4 ผู้ชำยคนนั้นหน้ำตำดีมำก เขำเป็นนักแสดงช่องอะไร เป็นกลวิธีกำรแทนด้วยคำหรือ
วลี โดยประโยคหน้ำและประโยคหลังกล่ำวถึงบุคคลคนเดียวกันคือ ผู้ชำยคนนั้น แต่
ในประโยคหลังใช้คำสรรพนำม เขำ แทนผู้ชำยคนนั้น ส่วนในข้ออื่นๆ ใช้กลวิธีกำร
ละคำ
59. 4 ร่ำยสุภำพบทหนึ่งๆ มีตั้งแต่ 5 วรรคขึ้นไป จำนวนคำ 5 คำต่อวรรค อำจเกิดได้บ้ำงแต่
ไม่ควรเกิน 5 จังหวะในกำรอ่ำน คำสุดท้ำยของวรรคหน้ำต้องสัมผัสคำที่ 1, 2 หรือ 3
ของวรรคต่อๆ ไป และจบด้วยโคลงสองสุภำพเสมอ
60. 2 บทร้อยกรองประเภทฉันท์ เป็นบทร้อยกรองที่มีลักษณะเด่นเฉพำะในเรื่องของคำครุ
คำลหุ
61. 4 เพรำะหลักกำรใช้คำยืมที่ถูกต้องคือ จะต้องรู้ว่ำคำที่ใช้อยู่นั้นมีแหล่งที่มำจำกภำษำใด
มีวิธีกำรสังเกต หรือระบุอย่ำงไร รวมถึงกำรเขียนให้ถูกต้อง และกำรออกเสียง
79
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
62. 3 เพรำะเป็นรูปประโยคที่ใช้ภำษำในระดับไม่เป็นทำงกำร
63. 2 เพรำะหน่วยย่อยที่สุดของภำษำ คือ หน่วยเสียง โดยหน่วยเสียงจะประกอบกันเป็น
คำ คำประกอบกันเป็นวลี แล้ววลีจึงประกอบกันเป็นประโยค
64. 2 คำพูดซึ่งเหมำะสมที่ใช้ในที่ประชุม ควรเป็นคำพูดที่สุภำพ แสดงมำรยำทที่เหมำะสม
ไม่ควรใช้คำพูดที่แสดงอำกำรก้ำวร้ำว ไม่ให้เกียรติผู้เข้ำประชุม
65. 4 กำรพูดอภิปรำย เป็นกำรพูดที่มีลักษณะเฉพำะ โดยมีจุดมุ่งหมำยเพื่อแลกเปลี่ยน
ควำมรู้ ควำมคิด และประสบกำรณ์ของผู้อภิปรำย เพื่อให้ได้ข้อสรุปหรือแนวทำง
สำหรับแก้ปัญหำใดปัญหำหนึ่ง
66. 4 หัวข้อเรื่องที่เหมำะสมจะนำมำเป็นประเด็นหรือหัวข้อของกำรอภิปรำยควรเป็น
ประเด็นปัญหำที่เกิดขึ้นจริงในสังคม มีควำมน่ำสนใจ และยังหำทำงแก้ไขที่ดีที่สุด
ไม่ได้
67. 3 สิ่งที่มีควำมสำคัญที่สุดในกำรพูดโต้แย้ง คือ สมำธิของผู้พูด หำกไม่ตั้งใจฟังเรื่อง
ที่จะโต้แย้งตั้งแต่ต้นจนจบอย่ำงมีสมำธิ จะไม่สำมำรถจับประเด็นที่โต้แย้งได้
68. 3 ในภำษำไทยได้ปรำกฏว่ำมีกำรยืมคำจำกภำษำอังกฤษเข้ำมำใช้เป็นจำนวนมำก
ซึ่งลักษณะเฉพำะของคำยืมภำษำอังกฤษ คือ มีหลำยพยำงค์ ไม่มีกำรเปลี่ยนรูป
ไวยำกรณ์ ปรำกฏกำรใช้เสียงพยัญชนะควบกล้ำที่ไม่มีในภำษำไทย
69. 2 คำประพันธ์ประเภทฉันท์ที่มีควำมเหมำะสมจะนำมำแต่งคู่กับบทร้อยกรองประเภท
ฉันท์ คือ กำพย์สุรำงคนำงค์และกำพย์ฉบัง จะเรียกบทร้อยกรองที่แต่งในลักษณะนี้
ว่ำ “คำฉันท์”
70. 2 สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ เป็นฉันท์ที่มีท่วงทำนองสง่ำงำมดุจเสือ จึงเหมำะสมที่จะใช้
สำหรับกำรบรรจุเนื้อหำควำมประเภทบทประณำมพจน์ บทไหว้ครู บทยอพระเกียรติ
บทอำเศียรวำท
71. 2 (ข) นี่แหละครับ เสน่ห์ของกำรเดินทำงไปยังต่ำงถิ่นต่ำงที่ คือได้เรียนรู้ภำษำ เรียนรู้
วัฒนธรรม และวิธีคิดที่ต่ำงจำกควำมคุ้นเคยของเรำ เป็นประโยคใจควำมสำคัญที่อยู่
ตรงกลำงย่อหน้ำ โดยย่อหน้ำนี้ เริ่มต้นด้วยกำรขยำยควำมแล้วตำมด้วยประโยค
ใจควำมสำคัญ แล้วจึงขยำยต่อด้วยรำยละเอียดข้อควำม
72. 3 กำรแก้ปัญหำทำงเศรษฐกิจหลำยๆ อย่ำงพร้อมกัน ถือเป็นกำรแก้ปัญหำหรือไม่ คือ
จุดมุ่งหมำยของข้อควำมข้ำงต้น ส่วนข้ออื่นๆ ถือเป็นข้อสนับสนุน และเป็นข้อเสนอ
ของผู้กล่ำวข้อควำม
80
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
73. 4 ชักชวนให้เพื่อนที่ต้องกำรลดน้ำหนักหันมำใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรำ หุ่นสวย
เพรำะพิจำรณำจำกข้อควำมที่ว่ำ “เรำรู้สึกได้ถึงควำมแตกต่ำงเมื่อเรำหันมำใช้ครีม
กระชับสัดส่วนตรำหุ่นสวย” เป็นกำรพูดด้วยวิธีกำรเปรียบเทียบควำมแตกต่ำง
74. 4 ลำดับจำกผลไปสู่เหตุ กล่ำวถึงรูปร่ำงที่สวยงำมจำกข้อควำมที่ว่ำ “เรำรู้สึกได้ถึงควำม
แตกต่ำง” จำกนั้นจึงกล่ำวถึงสำเหตุจำกข้อควำมที่ว่ำ “เมื่อเรำหันมำใช้ครีมกระชับ
สัดส่วนตรำหุ่นสวย” จำกนั้นจึงให้รำยละเอียดของกำรใช้ครีมกระชับรูปร่ำงว่ำมีข้อดี
อย่ำงไร
75. 4 ประสบกำรณ์ เพรำะประโยคที่สนับสนุนคำตอบข้อที่ 4. คือ “เรำรู้สึกได้ถึงควำม
แตกต่ำงเมื่อเรำหันมำใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรำหุ่นสวย” สำมำรถพิจำรณำจำกคำว่ำ
“เมื่อเรำหันมำใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรำหุ่นสวย”
76. 2 ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป สำมำรถพิจำรณำได้ดังนี้ เหตุเพรำะ “ไข่ตุ๋นเป็น
อำหำรที่รับประทำนได้ง่ำย แถมยังทำง่ำย รำคำถูกที่สำคัญยังมีคุณค่ำทำงโภชนำกำร
สูง” เป็นข้อสนับสนุน ส่วนข้อสรุปควำมว่ำ “จึงเป็นอำหำรที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่ำงก็
ชอบรับประทำน”
77. 3 ใช้เหตุผลเนื่องจำกข้อควำมที่ยกมำข้ำงต้นมีกำรใช้สันธำนเชื่อมแสดงควำมเป็นเหตุ
เป็นผลที่คล้อยตำมกัน คือ ใช้คำว่ำ ถ้ำ...ก็
78. 3 เด่นจันทร์ฟังเพลงในรำยกำรเพลงไพเรำะเสนำะโสต เนื่องจำกกำรฟังในข้อที่ 1.
ข้อที่ 2. ข้อที่ 4. เป็นกำรฟังเพื่อรับข้อมูลควำมรู้ แต่กำรฟังในข้อที่ 3. เป็นกำรฟังที่มี
จุดมุ่งหมำยเพื่อควำมจรรโลงใจ
79. 3 เฟย์ฟังรำยกำรวิทยุเรื่อง “เรำจะอยู่กับคนที่เรำไม่ชอบได้อย่ำงไร” สอดคล้องกับกำร
ฟังเพื่อสำระและคติชีวิตมำกที่สุด เนื่องจำกกำรฟังเนื้อหำในลักษณะนี้เป็นกำรฟัง
เพื่อให้เกิดกำรตีควำมและนำควำมคิดที่ได้ไปปรับใช้ในกำรดำเนินชีวิตมำกที่สุด
ส่วนกำรฟังในข้อที่ 1. และข้อที่ 2. เป็นกำรฟังเพื่อควำมเพลิดเพลิน และกำรฟังในข้อ
ที่ 4. เป็นกำรฟังเพื่อกำรรับรู้ข้อมูลเป็นหลัก
80. 1 เข้ำใจจุดประสงค์ของผู้พูด หลังจำกที่อำทิตย์ฟังแล้ว อำทิตย์ทรำบว่ำ ผู้พูดต้องกำรให้
คนเรำมีทัศนคติที่ดีต่อบทบำทหน้ำที่ของตนเหนือกว่ำสิ่งใด จึงสอดคล้องควำมสำเร็จ
ในกำรฟัง ส่วนข้ออื่นๆ แสดงผลสัมฤทธิ์ในกำรฟังในระดับกำรใช้ดุลยพินิจ
81. 2 มีควำมผิดหวังในควำมรักไม่สำมำรถอนุมำนได้จำกบทประพันธ์ข้ำงต้น เนื่องจำก
ควำมรักของอิเหนำยังคงมั่นคงเช่นเดิมแต่จำต้องพลัดพรำกจำกกันด้วยควำมจำเป็น
บำงอย่ำง
81
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
82. 3 ชะรอยเป็นบุพเพนิวำสำ เทวำอำรักษ์มำชักให้
เป็นกำรแสดงควำมคิดเห็น สังเกตจำกกำรใช้คำว่ำ ชะรอย หมำยถึง เห็นจะ,
เห็นทีจะ, ท่ำจะ, บำงที
83. 4 พอได้ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ้อง ประโคมศึกกึกก้องท้องสนำม
บทประพันธ์ในข้อที่ 4 ปรำกฏจินตภำพทำงเสียง ส่วนในข้ออื่นเป็นจินตภำพทำง
ภำพ
84. 2 ต่ำงมีฝีมืออื้ออึง วำงวิ่งเข้ำถึงอำวุธสั้น
ดำบสองมือโถมทะลวงฟัน เหล่ำกริชติดฟันประจัญรบ
บทประพันธ์ในข้อนี้แสดงภำพทหำรใช้อำวุธเข้ำต่อสู้กัน
85. 1 สำธกโวหำร โดยสำธกโวหำร คือ โวหำรที่มีกำรยกตัวอย่ำงประกอบเพื่อให้เห็นภำพ
ชัดเจนมำกขึ้น โดยยกคำถำซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้มำกล่ำวอ้ำงสนับสนุนควำม
คิดเห็นของตนเอง
86. 3 แล้วว่ำอนิจจำควำมรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสำยน้ำไหล
ใช้รสวรรณคดีแบบสัลลำปังคพิสัย คือ บทแสดงควำมโศกเศร้ำ คร่ำครวญ รำพัน
ส่วนข้ออื่นๆ ใช้รสวรรณคดีแบบพิโรธวำทัง ซึ่งเป็นกำรแสดงอำรมณ์โกรธ
87. 4 กฤษณนิทรเลอหลัง นำคหลับ ฤๅพ่อ
คำถำมเชิงวำทศิลป์ หมำยถึง กำรตั้งคำถำมที่ไม่ต้องกำรคำตอบ ในบทประพันธ์นี้
เป็นกำรใช้โวหำรตัดพ้อเทพเจ้ำ ถอดควำมได้ว่ำ พระนำรำยณ์ทรงบรรทมหลับอยู่
หลังพญำนำคหรืออย่ำงไร
88. 4 (ก) ไม่ปรำกฏภำพพจน์ (ข) อุปมำ บทประพันธ์ (ข) ปรำกฏภำพพจน์อุปมำ จำกคำ
ว่ำ “ประดุจ” ส่วนบทประพันธ์ (ก) ไม่ปรำกฏภำพพจน์ เนื่องจำกคำว่ำ “ประดุจ”
ทำหน้ำที่เชื่อมประโยคเท่ำนั้น แต่มักเข้ำใจว่ำเป็นคำแสดงภำพพจน์
89. 2 จำนวน 21 ชนิด ประกอบด้วย ฟำน เนื้อ กวำงดง ละมั่ง ระมำด ชะมด ฉมัน เม่น หมู
หมี กระทิง โคถึก กำสร กระจง จำมรี กระรอกตุ่น กระแต กระต่ำย เหี้ย และเห็น
90. 4 ทะนงในศักดิ์ศรีของตน ไม่ปรำกฏในบทประพันธ์ข้ำงต้น เนื่องจำกบทประพันธ์
ข้ำงต้นกล่ำวด้วยควำมอ่อนน้อมถ่อมตน และยำเกรงต่อพระบำรมี
91. 2 กล่ำวถึงพระวิสุทธิคุณของพระพุทธเจ้ำ ซึ่งหมำยถึง ควำมปรำศจำกกิเลสและไม่
เกี่ยวข้องกับควำมมัวหมองหรือรำคีใดๆ มีเนื้อหำสอดคล้องกับบทประพันธ์ข้ำงต้น
มำกที่สุด
82
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
92. 4 เมื่อนั้น โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรำ
ค้อนให้ไม่แลดูสำรำ กัลยำคั่งแค้นแน่นใจ
ปรำกฏรสวรรณคดีแบบพิโรธวำทัง คือ รสของควำมโกรธ ส่วนในข้อที่ 1., ข้อที่ 2.
และข้อที่ 3. เป็นรสสัลปังคพิสัย คือ รสแห่งควำมโศกเศร้ำ คร่ำครวญ รำพัน
93. 4 ร้อนใจ ไม่ใช่อำรมณ์ควำมรู้สึกที่ปรำกฏในบทประพันธ์ ส่วนข้ออื่นๆ ปรำกฏ
อำรมณ์ควำมรู้สึกดังต่อไปนี้ ข้อที่ 1. หนักใจ จำกบทประพันธ์ที่ว่ำ “เสียวดวง แดเอย
ถนัดดั่งภูผำหลวง ตกต้อง” และ “หนักหฤทัย” ส่วนข้อที่ 2. พรั่นใจ และข้อที่ 3.
หวั่นใจ จำกบทประพันธ์ที่ว่ำ “กระหม่ำ กระเหม่นทรวง สั่นซีด พักตร์นำ”
94. 1 ใจควำมสำคัญของบทประพันธ์ข้ำงต้น คือ กำรทำสงครำมครั้งนี้จะเป็นเกียรติยศแก่
กษัตริย์ทั้งสอง จึงได้เชื้อเชิญอีกฝ่ำยให้มำสู้กัน
95. 1 กตัญญู สอดคล้องกับเนื้อหำในบทประพันธ์ข้ำงต้นมำกที่สุด สังเกตจำกกำรแสดง
ควำมเคำรพนอบน้อมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลำยตำมคติควำมเชื่อ ซึ่งเป็นผู้สร้ำงองค์
ควำมรู้และถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ต่ำงๆ รวมถึงแสดงควำมเคำรพและระลึกถึงพระคุณ
ของครูอำจำรย์ผู้ประสิทธิ์ประสำทวิชำอีกด้วย
96. 3 กลวิธีทำงวรรณศิลป์ คือ ใช้ประโยคคำถำม มีจุดมุ่งหมำยเพื่อกระตุ้นให้คิด
โดยคำถำมที่ใช้นั้น เป็นคำถำมเชิงวำทศิลป์หรือคำถำมที่ไม่ต้องกำรคำตอบ
มีจุดมุ่งหมำยเพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่ำนเกิดควำมคิด
97. 2 ลักษณะควำมหมำยเป็นควำมหมำยตรง หมำยถึง ส่งเสริม
98. 1 เพียนทองงำมดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตำดพรำย
ปรำกฏภำพพจน์อุปมำ ส่วนในข้ออื่นๆ ไม่ปรำกฏภำพพจน์
99. 3 กำรใช้ภำพพจน์ไม่ปรำกฏในบทประพันธ์ ส่วนข้ออื่นๆ ปรำกฏในบทประพันธ์ ดังนี้
ข้อที่ 1. รุทธรส และข้อที่ 2. พิโรธวำทัง เนื้อหำกล่ำวถึงรสของวรรณคดีแสดงควำม
โกรธ โดยรุทธรสเป็นรสวรรณคดีสันสกฤต ส่วนพิโรธวำทังเป็นรสวรรณคดีไทย
และข้อที่ 4. คำถำมเชิงวำทศิลป์เป็นกลวิธีกำรใช้คำถำมโดยไม่ต้องกำรคำตอบ
100. 4 ปฏิปุจฉำ เป็นกลวิธีกำรใช้คำถำมเชิงวำทศิลป์ โดยกวีใช้คำถำมโดยไม่ต้องกำร
คำตอบ เนื่องจำกบริบทของเนื้อหำไม่มีใครสำมำรถให้คำตอบได้ ส่วนในข้ออื่นๆ
กล่ำวถึงกลวิธีกำรใช้โวหำรภำพพจน์เปรียบเทียบ
83
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย 2552
1. 2 2. 4 3. 2 4. 1 5. 2
6. 3 7. 1 8. 2 9. 4 10. 2
11. 3 12. 1 13. 3 14. 4 15. 3
16. 1 17. 3 18. 4 19. 3 20. 4
21. 2 22. 4 23. 2 24. 3 25. 4
26. 2 27. 1 28. 3 29. 4 30. 1
31. 4 32. 1 33. 1 34. 1 35. 2
36. 3 37. 2 38. 4 39. 2 40. 4
41. 4 42. 3 43. 1 44. 1 45. 2
46. 2 47. 2 48. 1 49. 1 50. 2
51. 4 52. 4 53. 2 54. 3 55. 1
56. 4 57. 2 58. 4 59. 2 60. 2
61. 3 62. 1 63. 2 64. 2 65. 3
66. 4 67. 4 68. 3 69. 1 70. 1
71. 1 72. 3 73. 4 74. 1 75. 2
76. 3 77. 2 78. 3 79. 3 80. 3
81. 4 82. 1 83. 4 84. 2 85. 3
86. 2 87. 1 88. 2 89. 1 90. 3
91. 2 92. 3 93. 3 94. 1 95. 4
96. 3 97. 4 98. 4 99. 4 100. 3
ปีการศึกษา
84
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- O-NET วิชา ภาษาไทย 2553
1. ก 3 ข 4 2. ก 3 ข 3 3. ก 3 ข 2 4. ก 2 ข 1 5. ก 1 ข 1
6. ก 1 ข 2 7. ก 4 ข 3 8. ก 2 ข 4 9. ก 1 ข 4 10. ก 3 ข 2
11. 2 12. 4 13. 2 14. 2 15. 3
16. 3 17. 4 18. 4 19. 2 20. 1
21. 1 22. 1 23. 2 24. 4 25. 1
26. 4 27. 2 28. 3 29. 1 30. 1
31. 1 32. 3 33. 1 34. 1 35. 4
36. 1 37. 2 38. 1 39. 1 40. 4
41. 3 42. 3 43. 2 44. 3 45. 1
46. 2 47. 1 48. 3 49. 4 50. 3
51. 3 52. 1 53. 1 54. 4 55. 3
56. 1 57. 4 58. 2 59. 2 60. 1
61. 1 62. 3 63. 1 64. 1 65. 4
66. 3 67. 4 68. 4 69. 3 70. 4
71. 2 72. 3 73. 3 74. 3 75. 2
76. 4 77. 2 78. 3 79. 2 80. 4
81. 4 82. 4 83. 2 84. 1 85. 1
86. 3 87. 1 88. 1 89. 1 90. 4
ปีการศึกษา

More Related Content

DOCX
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
PDF
1. ข อสอบ o net - ภาษาไทย (ม-ธยมปลาย)_0
PDF
ข้อสอบ
PDF
ข้อสอบ O-net - ภาษาไทย
PDF
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
PDF
1.แนวข้อสอบ o net ภาษาไทย(ม.6)
PDF
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
PDF
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
1. ข อสอบ o net - ภาษาไทย (ม-ธยมปลาย)_0
ข้อสอบ
ข้อสอบ O-net - ภาษาไทย
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
1.แนวข้อสอบ o net ภาษาไทย(ม.6)
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย

What's hot (17)

PDF
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
PDF
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
DOCX
ข้อสอบ ไทย
PDF
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
PDF
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - ภาษาไทย
PDF
1. ข้อสอบ o net ภาษาไทย (มัธยมต้น)
PDF
คุณธรรมและมารยาทในการสื่อสาร
PPT
บทท 3-6 กศบป
PPTX
ทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
PDF
ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารของม.ราชภัฎสวนดุสิต
PDF
เฉลยภาษาไทย Ent 48f
PDF
PDF
ภาษาไทย ม.3
PPT
หน่วยที่๑
PDF
5 การฟังและการดูอย่างมีประสิทธิภาพ(154-183)
DOC
แบบฝึก พัฒนาทักษะการอ่านสำหรับชาวต่างประเทศ (ปริญญาตรี)
PDF
หนังสือเรียนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
ข้อสอบ ไทย
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - ภาษาไทย
1. ข้อสอบ o net ภาษาไทย (มัธยมต้น)
คุณธรรมและมารยาทในการสื่อสาร
บทท 3-6 กศบป
ทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารของม.ราชภัฎสวนดุสิต
เฉลยภาษาไทย Ent 48f
ภาษาไทย ม.3
หน่วยที่๑
5 การฟังและการดูอย่างมีประสิทธิภาพ(154-183)
แบบฝึก พัฒนาทักษะการอ่านสำหรับชาวต่างประเทศ (ปริญญาตรี)
หนังสือเรียนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
Ad

Similar to 1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0 (20)

PDF
แนวข้อสอบ ภาษาไทย
PPT
แบบทดสอบภาษาไทย ชุดที่ 1
DOC
เตรียมสอบNt
PDF
1.แนวข้อสอบ o net ภาษาไทย(ม.3)
PDF
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1
PDF
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย_ม.1
PDF
ข้อสอบปลายภาค ๑ ๒๕๕๕
PDF
แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.2
PDF
ไทย มข 1
PDF
ไทย มข 1
PDF
01 ภาษาไทย
PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
PDF
3.แนวข้อสอบ o net สังคมศึกษา(ม.6)
PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0 (1)
PDF
ข้อสอบไทย 54 มข.
PDF
ข้อสอบPre o-net thai6
PDF
ไทย
PDF
Key onet53thaim6
แนวข้อสอบ ภาษาไทย
แบบทดสอบภาษาไทย ชุดที่ 1
เตรียมสอบNt
1.แนวข้อสอบ o net ภาษาไทย(ม.3)
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย_ม.1
ข้อสอบปลายภาค ๑ ๒๕๕๕
แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.2
ไทย มข 1
ไทย มข 1
01 ภาษาไทย
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
3.แนวข้อสอบ o net สังคมศึกษา(ม.6)
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0 (1)
ข้อสอบไทย 54 มข.
ข้อสอบPre o-net thai6
ไทย
Key onet53thaim6
Ad

1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0

  • 1. 1 ชุดที่ 1 แนวข้อสอบO-NET วิชา ภาษาไทย ม.ปลาย คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. โอ้อกเรามีกรรมทาไฉน จึงจะได้แนบชิดขนิษฐา คำที่ขีดเส้นใต้อ่ำนอย่ำงไรจึงจะไพเรำะ 1. อ่ำนทอดเสียงแล้วปล่อยให้หำงเสียงผวนขึ้นจมูก 2. อ่ำนครั่นเสียงให้น้ำเสียงติดขัดสะเทือนอำรมณ์ 3. อ่ำนเปลี่ยนเสียงจำกเสียงต่ำขึ้นไปเสียงสูง 4. อ่ำนหลบเสียงจำกเสียงสูงลงไปเสียงต่ำ 2. ข้อใดอ่ำนจังหวะวรรคตอนได้ถูกต้อง 1. ทั้งองค์/ฐำนรำนร้ำวถึง/เก้ำแฉก เผยอแยกยอด/ทรุดก็/หลุดหัก 2. โอ้เจดีย์/ที่สร้ำงยัง/ร้ำง/รัก เสียดำยนัก/นึกน่ำน้ำตำ/กระเด็น 3. กระนี้หรือ/ชื่อเสียง/เกียรติยศ จะมิหมด/ล่วงหน้ำ/ทันตำเห็น 4. เป็นผู้ดีมี/มำกแล้ว/ยำกเย็น คิดก็เป็น/อนิจจังเสีย/ทั้งนั้น 3. ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง แตรสังข์กังสดาลขานเสียง คำประพันธ์ข้ำงต้นต้องอ่ำนตำมข้อใด 1. ยูงทองร้อง/กะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้อง/กลองระฆัง// แตรสังข์/กังสดำลขำนเสียง// 2. ยูงทอง/ร้องกะโต้ง/โห่งดัง เพียงฆ้อง/กลอง/ระฆัง// แตรสังข์/กังสดำล/ขำนเสียง// 3. ยูงทอง/ร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้อง/กลองระฆัง// แตรสังข์/กังสดำลขำนเสียง// 4. ยูงทอง/ร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้อง/กลองระฆัง// แตรสังข์/กังสดำล/ขำนเสียง//
  • 2. 2 4. คำประพันธ์ในข้อใดมิได้แสดงอำรมณ์เกรี้ยวกรำดกระแทกน้ำเสียง 1. เอออุเหม่อิลลำชะล่ำไฉน ประพำสบ่เกรงบ่กลัวกระทำ อุกอำจ อหังกำร์ 2. เรำนี่แหละจะสำปจะสรรให้สำแก่ใจ นะเจ้ำแน่ะนำงอิลลำ จะทำไฉน 3. แสงสกำววิโรจน์นภำประจักษ์ แฉล้มเฉลำและโสภิตนัก ณ ฉันใด 4. กลกะกำกะหวำดขมังธนู บห่อนจะเห็นธวัชริปู สิล่ำถอย 5. ขุนผู้คู่กากับ เป็นเทพหลังพรั่งพฤนท์ ขี่คชินทรพาหนะ นามชนะจาบัง ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรอ่ำนร่ำย 1. อ่ำนคำส่งสัมผัส “พฤนท์” ว่ำ พริน 2. อ่ำนคำส่งสัมผัส “พฤนท์” ว่ำ พะรึน 3. อ่ำนคำรับสัมผัส “คชินทร” ว่ำ คะ-ชิน-ทอน 4. อ่ำนคำรับสัมผัส “คชินทร” ว่ำ คะ-ชิน-ทะ-ระ 6. พำดหัวข่ำวหนังสือพิมพ์ข้อใดเน้นกำรนำเสนอเฉพำะข้อเท็จจริง 1. โทรทัศน์ดำวเทียมเข้ำถึงง่ำย ผู้ประกอบกำรอ้ำอึ้ง คิดต่ำงจำกกสทช. 2. แอร์ นิวซีแลนด์ ยกเลิกเที่ยวบินหลำยสำยหลังภูเขำไฟยังคงปะทุ 3. กฟผ. แจงเครียด คำดปี 56 ควำมต้องกำรไฟฟ้ำเพิ่ม 3.5 % 4. ธุรกิจล่องเรือเจ้ำพระยำพุ่งกระฉูด เงินสะพัด 700 ล้ำน 7. ไข่ตุ๋นเป็นอาหารที่ทาจากไข่ตีกับนาหรือนาซุป ปรุงรสให้ออกเค็มเล็กน้อย และใส่เครื่องต่างๆ ตามใจชอบ นึ่งให้สุก รับประทานกับข้าว หรือจะรับประทานเปล่าๆ ร้อนๆ ก็คล่องคอดี ข้อใดไม่ปรำกฏในข้อควำมข้ำงต้น 1. รสชำติไข่ตุ๋น 2. วิธีทำไข่ตุ๋น 3. วิธีรับประทำนไข่ตุ๋น 4. ประโยชน์ของไข่ตุ๋น
  • 3. 3 8. ข้อใดไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพิจำรณำในกำรอ่ำนเพื่อให้ทรำบเรื่องรำว 1. ตัวละครในเรื่องคือใครบ้ำง และมีลักษณะนิสัยอย่ำงไร 2. บทสนทนำของตัวละครในเรื่องมีลักษณะเด่นอย่ำงไร 3. กำรกระทำของตัวละครทำให้เกิดผลอะไรตำมมำ 4. ตัวละครแต่ละตัวได้กระทำสิ่งใดบ้ำง 9. ข้อใดใช้ภำษำต่ำงจำกข้ออื่น 1. น้ำฝนกวำดผืนพสุธำใหม่จนไม่เหลือฝุ่น 2. นกเป็นร้อยๆ เริ่มร้องเพลงเพรียกอยู่ตำมยอดไม้ 3. กำรเกิดใหม่ของพฤกษำทำให้โลกนี้เป็นอุทยำนสีเขียว 4. กระรอกตกใจกระโดดโหยงๆ เขย่ำกิ่งไม้เหนือหัวทำลูกไม้ป่ำหล่น 10. ข้อใดใช้บรรยำยโวหำร 1. อยู่ๆ มีเสียงพึบพับจำกทำงด้ำนขวำรำวกับใครสะบัดผ้ำผืนใหญ่ 2. ผมก็ตำค้ำง ตั้งท่ำจะวิ่งกลับไปหำแม่ที่เดินใกล้เข้ำมำ 3. ใบกล้วยนั้นกำลังโยกซ้ำยย้ำยขวำ พลิกใบไปมำ 4. รองเท้ำใหม่ส่งเสียงกับๆ ก้องไปในรำวป่ำ 11. ข้อใดใช้ภำษำสอดคล้องกับลักษณะกำรเขียนย่อควำมมำกที่สุด 1. พี่กุ้งสบตำพี่กอล์ฟไม่วำงตำ 2. เธอเป็นคนสวยอย่ำงร้ำยกำจ 3. ปิ๊กชงกำแฟได้อร่อยเลิศล้ำ 4. เขำไปลอยกระทงกับเพื่อนๆ 12. ...จึงเรียนเชิญท่านเป็นวิทยากรเพื่อแสดงปาฐกถา เรื่อง “การใช้ภาษาไทยในชีวิตประจาวัน” แก่สมาชิกชมรมวิชาภาษาไทย... ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะเนื้อควำมในจดหมำยได้ถูกต้องที่สุด 1. ส่งข่ำวเหตุกำรณ์ 2. ขอควำมร่วมมือ 3. มีเรื่องปรึกษำ 4. สมำนไมตรี
  • 4. 4 13. กำรเขียนจดหมำยกิจธุระในข้อใดใช้คำขึ้นต้นและคำลงท้ำยได้ถูกต้องเหมำะสมกับสถำนภำพของผู้รับ ข้อ ผู้รับ คาขึ้นต้น คาลงท้าย 1. พระภิกษุ นมัสกำร ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง 2. คุณครู กรำบเท้ำ ด้วยควำมเคำรพ 3. วิทยำกรพิเศษ เรียน ขอแสดงควำมนับถือ 4. คุณปู่ กรำบเท้ำ ขอแสดงควำมนับถือ 14. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะกำรใช้ภำษำในกำรเขียนเรียงควำมย่อควำม และจดหมำยไม่ถูกต้องที่สุด 1. กำรเขียนเรียงควำมควรใช้ภำษำที่สั้นกระชับและได้ใจควำม 2. เรียงควำมสำมำรถใช้โวหำรแบบพรรณนำโวหำรได้ 3. กำรเขียนย่อควำมเน้นกำรพรรณนำเช่นเดียวกับกำรเขียนเรียงควำม 4. กำรเขียนจดหมำยส่วนตัวสำมำรถใช้ภำษำระดับไม่เป็นทำงกำรได้ 15. ถ้ำนักเรียนมีควำมจำเป็นต้องกรอกข้อควำมลงในแบบรำยกำร นักเรียนควรจะทำสิ่งใดก่อนเป็นอันดับแรก 1. กรอกข้อมูลตำมควำมเป็นจริง 2. อ่ำนข้อควำมในแบบแสดงรำยกำรให้เข้ำใจ 3. เลือกถ้อยคำที่กะทัดรัด เพื่อให้ตรงตำมจุดมุ่งหมำยของแบบรำยกำร 4. ปฏิบัติตำมข้อบังคับหรือคำแนะนำในกำรกรอกแบบรำยกำรนั้นๆ อย่ำงเคร่งครัด 16. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติในกำรกรอกแบบรำยกำรสัญญำ 1. กรอกข้อควำมอย่ำงละเอียด 2. อ่ำนแบบรำยกำรสัญญำอย่ำงละเอียด 3. ปรึกษำผู้รู้ก่อนกรอกแบบรำยกำรสัญญำ 4. ลงลำยมือชื่อในแบบรำยกำรที่ไม่ได้กรอกข้อควำมครบถ้วน 17. ข้อใดแสดงควำมสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมระหว่ำงผู้ฟังกับผู้พูด 1. จับตำมองผู้พูดตลอดเวลำ 2. ปรบมือให้กำลังใจผู้พูด 3. แสดงควำมเข้ำใจผ่ำนทำงสีหน้ำ 4. ซักถำมผู้พูดเกี่ยวกับข้อสงสัยต่ำงๆ ตลอดเวลำ
  • 5. 5 18. ข้อควำมต่อไปนี้มีจุดมุ่งหมำยในกำรพูดสอดคล้องกับข้อใดมำกที่สุด ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทานุบารุงประเทศชาตินันมิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิดชอบของคนไทยทุกคนที่จะต้องขวนขวายกระทาหน้าที่ของตน ให้ดีที่สุด เพื่อธารงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น 1. เป็นกำรเร้ำควำมรู้สึก 2. บอกเรื่องรำวที่ควรรู้แก่ผู้ฟัง 3. สร้ำงควำมบันเทิงสนุกสนำน 4. เป็นกำรทำให้ผู้ฟังเชื่อด้วยเหตุผล 19. ข้อควำมต่อไปนี้ไม่สอดคล้องกับกำรพูดในโอกำสใด ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทานุบารุงประเทศชาตินันมิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิดชอบของคนไทยทุกคนที่จะต้องขวนขวายกระทาหน้าที่ของตน ให้ดีที่สุด เพื่อธารงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น 1. กำรกล่ำวปำฐกถำ หัวข้อ “ปรำบทุจริต ล้มคอรัปชัน” 2. กำรกล่ำวเปิดงำนโครงกำร “มุมมองและทิศทำงกำรท่องเที่ยว” 3. กำรกล่ำวสุนทรพจน์ หัวข้อ “รักชำติ รักประชำธิปไตย” 4. กำรกล่ำวสดุดีบุคคลสำคัญ เนื่องในงำนรำลึกทหำรผ่ำนศึก 20. ข้อควำมต่อไปนี้มีกลวิธีกำรลำดับเนื้อหำอย่ำงไร วัลลีเป็นตัวอย่างลูกที่ดี ซึ่งมีความกตัญญู ทุกวันเวลาพักเที่ยงวัลลีต้องเดินกลับบ้านเพื่อไปป้อนอาหาร เที่ยงให้คุณแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต การกระทาของวัลลีนีสมควรแล้วที่จะได้รับรางวัลดีเด่นด้านความ กตัญญู 1. ลำดับตำมเวลำ 2. ลำดับตำมสถำนที่ 3. ลำดับจำกเหตุไปสู่ผล 4. ลำดับจำกผลไปสู่เหตุ 21. ข้อใดเป็นอวัจนภำษำที่แสดงถึงควำมไม่สุภำพ 1. วิทยำธรได้รับคำชมว่ำเป็นผู้ชำยที่มีเสน่ห์ จะนั่งจะยืนมีท่ำทำงสุภำพ นอบน้อมอยู่เสมอ 2. ใครๆ มักบอกเขำว่ำไม่น่ำชื่อวินัย เพรำะเขำไม่มีวินัย เวลำนำยเรียกก็เดินล้วงกระเป๋ำเข้ำไปหำ 3. สถำพรรีบมำทำงำนแต่เช้ำและยิ้มทักทำยผู้อื่นด้วยหน้ำตำยิ้มแย้มทุกวัน 4. เวลำนำเอกสำรเข้ำไปนำเสนอเจ้ำนำย วิศรุตจะยืนค้อมตัวรอรับคำสั่งจำกนำยเสมอ
  • 6. 6 22. ลักษณะคำในข้อใดมีกำรกลำยเสียง 1. อย่ำงนี้-ยังงี้ 2. สะดือ-สำยดือ 3. หมำกพร้ำว-มะพร้ำว 4. ตะกรุด-กะตุด 23. ข้อใดมีคำไทยแท้ทุกคำ 1. นำรีตกกระไดพลอยโจนกับบุรุษหลังจำกดูใจกันมำนำน 2. พอฝนจะตกก็รีบกลับบ้ำนทันที 3. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตกลูกครั้งละตัว 4. เพื่อนชวนเขำไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เขำจึงตกลงใจแต่งงำนกัน 24. ข้อใดมีเสียงวรรณยุกต์ตรีมำกที่สุด 1. ประเพณีกินเจของชำวจีนมีอำหำรเจขำยมำกมำย 2. ร้ำนค้ำขำยโค้กยังติดธงเจสีเหลืองเลย 3. ผัดหมี่ ผัดซีอิ๊ว และโกซีหมี่ขำยดีเป็นเทน้ำเทท่ำ 4. เธอชอบกินอำหำรเจใช่ไหมวันพรุ่งนี้ฉันจะซื้อมำฝำก 25. คำว่ำ “ขัน” ข้อใดมีหน้ำที่ของคำแตกต่ำงจำกข้ออื่นมำกที่สุด 1. เขำพูดเรื่องขำขัน 2. ไหนขันที่ฉันต้องกำร 3. เขำขันอำสำช่วยเหลือเรำ 4. เมื่อเช้ำนี้ ไก่ขันเสียงดังมำก 26. ข้อใดมีกำรประสมอักษรเหมือนคำว่ำ สัมฤทธิ์ 1. พระเจ้ำ 2. สำมัญ 3. เจ้ำเล่ห์ 4. คำศัพท์ 27. ข้อใดเป็นคำไทยแท้ทุกคำ 1. คนงำนใหม่ขยันเป็นพักๆ เอำแน่ไม่ได้ 2. นักเรียนอนุบำลหกล้มหัวเข่ำแตกเลือดไหลซิบๆ 3. ในสวนสำธำรณะมีคนออกกำลังกำยกันประปรำย 4. ที่ปำกทำงเข้ำหมู่บ้ำนมียำมรักษำกำรอยู่ตลอดเวลำ
  • 7. 7 28. ข้อใดมีคำประพันธ์ที่เหมือนกับคำประพันธ์ที่ยกตัวอย่ำงมำนี้ “กลางไพรไก่ขันบรรเลงฟังเสียงเพียงเพลงซอเจ้งจาเรียงเวียงวัง” 1. เร่งพลพำชีตีกระหนำบตัวนำยชักดำบออกไล่หลัง 2. ตีนงูงูไซร้หำกเห็นกันนมไก่ไก่สำคัญไก่รู้ 3. ลิงค่ำงครำงโครกครอกฝูงจิ้งจอกออกเห่ำหอน 4. ไว้ปำกไว้วำกย์วำทีไว้วงศ์กวีไว้เกียรติและไว้นำมกร 29. คำประพันธ์ในข้อใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. เปิบข้ำวทุกครำวคำ จงสูจำเป็นอำจิณ เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมำเป็นคน 2. รอนรอนอ่อนอัสดง พระสุริยงเย็นยอแสง ช่วงดังน้ำครั่งแดง แฝงเมฆเขำเงำเมรุธร 3. เขำตกทะเลบก สิก็ตกทะเลไป คลื่นสีขจีใส ปะทะซ่ำฉะฉ่ำฉำน 4. จำปำหนำแน่นเนื่อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่ำม คิดคะนึงถึงนงรำม ผิวเหลืองกว่ำจำปำทอง 30. “หวานใดไม่หวานนักเท่ารสรักสมัครสมไร้รักหนักอารมณ์หวานเหมือนขมอมโศกา” บทประพันธ์ข้ำงต้นใช้โวหำรประเภทใด และใช้ลักษณะคำประพันธ์ประเภทใด ลาดับที่ ประเภทของโวหาร ลักษณะคาประพันธ์ 1. อุปมำโวหำร กำพย์ 2. เทศนำโวหำร กำพย์ 3. สำธกโวหำร กลอน 4. พรรณนำโวหำร กลอน 31. ข้อใดผู้อ่ำนควรใช้เสียงเน้นหนัก เพื่อให้เห็นควำมสำคัญของเนื้อหำทำให้เกิดควำมไพเรำะ ชวนให้ ติดตำมอย่ำงต่อเนื่อง 1. เรื่องวัดพระเชตุพนฯ นี้ น่ำจะไขควำมไว้ที่ตรงนี้ได้อีกหน่อย ผู้อ่ำนจะได้เข้ำใจ 2. ท่ำนพระครูไม่ยอมให้แก้ไขในบริเวณโบสถ์ที่ท่ำนเคยลงไปอยู่เมื่อต่อสู้กับพวกโจร 3. กรุงสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลำ ในนำมีข้ำว เจ้ำเมืองบ่เอำจกอบในไพร่ลู่ทำง เพื่อนจูงวัวไปค้ำ ขี่ม้ำไปขำย ใครใคร่ค้ำม้ำค้ำ ใครใคร่ค้ำช้ำงค้ำ 4. แม่มิเคยได้เคืองแค้นเหมือนครั้งนี้ เมื่อจำกบุรีทุเรศมำก็พร้อมหน้ำทั้งลูกผัวเป็นเพื่อนทุกข์ สำคัญ ว่ำจะเป็นสุขประสำยำก
  • 8. 8 32. ข้อใดผู้อ่ำนควรใช้น้ำเสียงเพื่อถ่ำยทอดอำรมณ์ต่ำงจำกข้ออื่น 1. เห็นทหำรไม่เชื่อก็เหลือกลั้น ชักดำบไล่ฟันทั้งซ้ำยขวำ ใครข่มเหงคนไทยไม่เมตตำ ชีวำจะดับด้วยมือเรำ 2. พิศดูสำวน้อยนวลหงส์ รูปทรงงำมเลิศเฉิดเฉลำ อยำกจะช่วยทุกข์ภัยให้บรรเทำ จึงเข้ำใกล้นำงแล้วพลำงทัก 3. อย่ำมัวพูดเสียเวลำฆ่ำฉันเถิด ขอให้เกิดเป็นชำยได้สักหน จะรบสู้กับพม่ำกล้ำประจญ ไม่ย่อย่นขำมกลัวพวกตัวร้ำย 4. ในชำตินี้มิสมัครรักพม่ำ เชิญท่ำนฆ่ำให้ดับลับชีพหำย ไปชำติหน้ำขอกำเนิดเกิดเป็นชำย แล้วเชิญกรำยมำลองฝีมือกัน 33. ข้อใดให้คำจำกัดควำมของคำว่ำกำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ได้ถูกต้อง 1. กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนอย่ำงมีสมำธิ จดจ่ออยู่กับเรื่องที่อ่ำน 2. กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนอย่ำงมีวิจำรณญำณไตร่ตรองรอบคอบ 3. กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนเพื่อแยกแยะองค์ประกอบต่ำงๆ ของสิ่งที่อ่ำน 4. กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนเพื่อจำแนกประเภทสิ่งที่อ่ำนในชีวิตประจำวัน 34. ชื่อเรื่องของเรียงควำมในข้อใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. ยำมเช้ำที่โขงเจียม 2. ทะเลงำมยำมสำยัณห์ 3. ทุ่งทำนตะวัน สีสันประเทศไทย 4. สร้ำงชีวิตด้วยปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง 35. กลวิธีกำรเขียนเรียงควำมในข้อใดส่งผลต่อกำรลำดับเนื้อหำสำระภำยในเรื่อง 1. กำรใช้ย่อหน้ำที่ดีในกำรเขียนส่วนเนื้อเรื่องของเรียงควำม 2. กำรเลือกหัวข้อเรื่องที่อยู่ในควำมสนใจของกลุ่มคนในสังคม 3. กำรตั้งชื่อเรื่องให้มีควำมน่ำสนใจ ครอบคลุมเนื้อหำของเรื่อง 4. กำรเขียนสรุปให้ผู้อ่ำนประทับใจ และเน้นย้ำจุดมุ่งหมำยของเรื่อง 36. ข้อใดเรียงลำดับขั้นตอนกำรเขียนเรียงควำมได้ถูกต้อง ก. กำหนดจุดมุ่งหมำย ข. วำงโครงเรื่อง ค. ลงมือเขียน ง. รวบรวมข้อมูล จ. อ่ำนทบทวนและแก้ไข 1. ก. ข. ค. ง. และ จ. 2. ก. ข. ง. ค. และ จ. 3. ก. ง. ข. จ. และ ค. 4. ก. ง. ข. ค. และ จ.
  • 9. 9 37. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรเขียนอ้ำงอิงแบบเชิงอรรถ 1. กำรเขียนอ้ำงอิงแบบเชิงอรรถจะนำไปรวบรวมไว้ในส่วนท้ำยของบรรณำนุกรม 2. กำรเขียนเชิงอรรถควรเขียนให้จบภำยใน 1 บรรทัด 3. กำรเรียงลำดับหมำยเลขเชิงอรรถต้องเรียงลำดับตั้งแต่หมำยเลข 1 ไปจนจบเล่ม 4. รำยละเอียดที่ระบุ ได้แก่ ชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ จังหวัด และสถำนที่พิมพ์ ปีที่พิมพ์ และหน้ำที่คัดลอก ข้อควำมมำ 38. พฤติกรรมของบุคคลใดสำมำรถอนุมำนได้ว่ำเนื้อหำของรำยงำนจะมีประสิทธิภำพ 1. วัลภำเลือกศึกษำหัวข้อที่มีแหล่งข้อมูลอย่ำงหลำกหลำย 2. วัลลีเลือกศึกษำหัวข้อที่น่ำสนใจ และประเมินว่ำเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่ำน 3. วัชรีเลือกศึกษำหัวข้อที่ตนเองไม่ถนัด เพื่อท้ำทำยควำมสำมำรถของตนเอง 4. วัลลภเลือกศึกษำหัวข้อที่เคยมีผู้ศึกษำไว้แล้วอย่ำงละเอียด เพื่อให้ค้นหำข้อมูลได้สะดวก 39. ข้อใดไม่จาเป็นต้องระบุในกำรเขียนบรรณำนุกรมทั้ง 2 รำยกำร รศ.ดร.ปฐมพงษ์ ตระกูลยั่งยืน. (2539). รูปแบบการนับถือศาสนาในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 3. จำนวน 2500 เล่ม. กรุงเทพมหำนคร : สำนักพิมพ์อักษรเจริญทัศน์. 1. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง ครั้งที่พิมพ์ 2. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง ปีที่พิมพ์ 3. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง จำนวนเล่ม 4. ครั้งที่พิมพ์ จำนวนเล่ม 40. รำยงำนเรื่อง “ลำตัด ลมหำยใจสุดท้ำยของเพลงพื้นบ้ำน” ควรเรียงลำดับโครงเรื่องตำมข้อใด ก. ควำมเป็นมำและลักษณะทั่วไปของลำตัด ข. แนวทำงกำรอนุรักษ์เพลงลำตัด ค. สำเหตุกำรผันเปลี่ยนของวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้ำน ง. บทบำทของเพลงลำตัดต่อสังคมไทย 1. ค. ง. ก. ข. 2. ง. ค. ข. ก. 3. ก. ง. ค. ข. 4. ค. ก. ข. ง. 41. หัวเรื่องสำรคดีในข้อใด เมื่อนำมำเรียบเรียงจะมีเนื้อหำแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. กล้วยไม้สำยพันธุ์ใหม่ 2. ผำน้ำตกนกแสนสวย 3. ต้นกล้วยมหัศจรรย์ 4. วัฒน์ วรรลยำงกูล กวีศรีบูรพำ
  • 10. 10 42. ข้อควรคำนึงในกำรผลิตงำนเขียนประเภทสำรคดีคืออะไร 1. กำรแทรกเกร็ดควำมรู้ 2. ควรมีรูปภำพประกอบ 3. ควรตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ 4. ควรแสดงทรรศนะอย่ำงตรงไปตรงมำ 43. หลักกำรในข้อใดควรปฏิบัติในกำรตัดสินประเมินคุณค่ำงำนเขียน 1. อ่ำนและตีควำม 2. แยกแยะองค์ประกอบภำยในเรื่อง 3. วิเครำะห์องค์ประกอบภำยในเรื่องอย่ำงรอบด้ำน 4. พิจำรณำจำกผลงำนที่ผ่ำนมำของเจ้ำของผลงำน 44. หลักกำรแรกของกำรเขียนสำรคดีตรงกับข้อใด 1. กำรเลือกเรื่อง 2. กำรวำงโครงเรื่อง 3. กำรสำรวจเพื่อหำข้อมูล 4. กำรตั้งจุดมุ่งหมำยในกำรเขียน 45. กำรรับสำรในข้อใด ผู้ฟังและดูจะต้องใช้วิจำรณญำณมำกที่สุด 1. กำรฟังสัมมนำเรื่องโบรำณคดีใต้น้ำ 2. กำรฟังโฆษณำผ่ำนสถำนีโทรทัศน์ 3. กำรฟังธรรมะผ่ำนสถำนีวิทยุแห่งประเทศไทย 4. กำรฟังบทเพลงลูกทุ่งผ่ำนรำยกำรลูกทุ่งยอดฮิต 46. ข้อใดแสดงกระบวนกำรฟังและดูอย่ำงมีวิจำรณญำณ 1. ได้ยิน ได้เห็น 2. ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส 3. ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส ได้รับรู้ 4. ได้ฟัง ได้เห็น ได้วิเครำะห์ ใคร่ครวญ ได้ประเมินค่ำเพื่อนำไปใช้ 47. หลักกำรวิเครำะห์ภำษำในงำนเขียนเชิงให้ควำมรู้ตรงกับข้อใด 1. พิจำรณำถ้อยคำที่มีลักษณะโน้มน้ำวใจ 2. พิจำรณำควำมไพเรำะ เหมำะสมสื่อควำม สื่ออำรมณ์ 3. พิจำรณำระดับหรือแบบแผนกำรใช้ภำษำ ควำมถูกต้อง 4. พิจำรณำควำมเชื่อมโยง หรือสัมพันธภำพของภำษำในเรื่อง
  • 11. 11 48. บุคคลใดแสดงมำรยำทในกำรฟังและดูที่เหมำะสม 1. สุพจน์ยกมือขึ้นถำมผู้บรรยำยทันทีที่สงสัย 2. สุนีย์จดข้อสงสัยไว้ในสมุด รอจนกว่ำผู้บรรยำยจะเปิดโอกำสให้ซักถำม 3. สุนันท์ถำมในสิ่งที่สงสัยกับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้ำงๆ เพรำะไม่กล้ำถำมผู้บรรยำย 4. สุมำลีลุกออกจำกที่ประชุมเมื่อผู้พูดบรรยำยเสร็จ โดยไม่อยู่ฟังช่วงกำรซักถำม 49. บทโฆษณำในข้อใดไม่ปรากฏถ้อยคำที่แฝงกำรโน้มน้ำวใจ 1. พักผ่อนอย่ำงรำชำ ที่ฮำน่ำรีสอร์ต 2. ปูนตรำ สิงห์ ปูนเข้ม ฉำบง่ำย สบำยมือ 3. โรงเรียนอนุบำลเด่นภพ มำตรฐำนเดียวกับกำรเรียนกำรสอนระบบกำรศึกษำอเมริกำ 4. กำรออกกำลังกำยอย่ำงเป็นประจำสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่ำงกำยแข็งแรง เป็นที่อยู่ของจิตใจที่แจ่มใส 50. ข้อใดไม่ใช่กลวิธีกำรพูดโน้มน้ำวใจที่ถูกต้อง 1. ทำให้ผู้ฟังเกิดอำรมณ์ควำมรู้สึกร่วม 2. กำรสร้ำงควำมน่ำเชื่อถือในตัวของผู้พูด 3. ทำให้ผู้ฟังเห็นถึงผลดี ผลเสียของสถำนกำรณ์ 4. กำรสร้ำงควำมเชื่อถือด้วยกำรให้เห็นผลหักล้ำง ว่ำร้ำยฝ่ำยตรงข้ำม 51. ข้อใดไม่ใช่จุดประสงค์ของกำรพูด 1. พูดเพื่อโน้มน้ำวให้เชื่อ 2. พูดเพื่อหันเหควำมสนใจ 3. พูดเพื่อมำรยำททำงสังคม 4. พูดเพื่อสร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจที่ถูกต้อง 52. คุณธรรมกำรพูดในข้อใดมีควำมเกี่ยวข้องกับหลักคำสอนในพระพุทธศำสนำ 1. พูดด้วยเมตตำจิต 2. พูดแต่คำสัตย์จริง 3. พูดให้ถูกกำลเทศะ 4. พูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ 53. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะของภำษำ 1. หน่วยคำที่ประกอบเป็นประโยคเป็นอิสระต่อกัน 2. ภำษำไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 3. หน่วยย่อยในภำษำจะประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยใหญ่ 4. กำรยืมคำเข้ำมำใช้ในภำษำไม่นับเป็นกำรเปลี่ยนแปลงของภำษำ
  • 12. 12 54. ประโยคในข้อใดมีเจตนำบอกให้ทำ 1. ขับรถภำษำอะไร 2. พื้นที่ส่วนบุคคล 3. เห็นไหม เขำไปกันหมดแล้ว 4. กรุณำกรอกแบบสอบถำมหลังใช้บริกำร 55. ข้อใดไม่ปรำกฏเสียงสระประสม 1. เวิ้งว้ำง เงินผ่อน แบ่งแยก 2. วี้ดว้ำย เชิญชวน คลอนแคลน 3. โพล้เพล้ ร่องแร่ง จองหอง 4. กรีดกรำย บ้ำนเรือน ลอดช่อง 56. ข้อควำมใดมีควำมสัมพันธ์กับ “ลักษณะของประโยคที่ดี” 1. มีควำมยำวต่อเนื่อง 2. ปรำกฏกำรใช้ถ้อยคำที่ไพเรำะ คมคำย 3. สื่อควำมได้ชัดเจน มีควำมสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน 4. ปรำกฏกำรใช้ถ้อยคำภำษำต่ำงประเทศ และศัพท์ทำงวิชำกำร 57. ข้อควำมใดไม่มีควำมเกี่ยวข้องกับภำษำไทยถิ่น 1. กำรศึกษำเรียนรู้เกี่ยวกับภำษำไทยถิ่นทำให้สำมำรถศึกษำประวัติของคำได้ 2. ควำมแตกต่ำงระหว่ำงภำษำไทยถิ่นกับภำษำไทยมำตรฐำนคือเรื่องของคำศัพท์ 3. ภำษำไทยถิ่นเป็นภำษำย่อยของภำษำไทยที่ใช้สื่อสำรกันในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง 4. กำรผสมระหว่ำงเชื้อชำติและวัฒนธรรมเป็นสำเหตุหนึ่งของกำรเกิดภำษำไทยถิ่น 58. ข้อใดต่อไปนี้มีวิธีกำรร้อยเรียงประโยคด้วยกำรแทนคำหรือวลี 1. นกไม่สบำย วันนี้เลยไปเที่ยวไม่ได้ 2. นกชอบกิน แต่ฉันไม่ชอบ 3. นกเคยไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่ผมไม่เคย 4. ผู้ชำยคนนั้นหน้ำตำดีมำก เขำเป็นนักแสดงช่องอะไร 59. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับฉันทลักษณ์ของร่ำยสุภำพ 1. ร่ำยสุภำพจะจบบทด้วยโคลงสำมสุภำพเสมอ 2. ร่ำยสุภำพบทหนึ่งๆ มีจำนวนวรรคทั้งสิ้น 5 วรรค 3. กำรแต่งร่ำยสุภำพไม่กำหนดจำนวนคำในแต่ละวรรค 4. คำสุดท้ำยของวรรคหน้ำต้องสัมผัสกับคำที่ 1, 2 และ 3 ของวรรคต่อๆ ไป
  • 13. 13 60. คำประพันธ์ประเภทฉันท์มีลักษณะเด่นเฉพำะตรงกับข้อใด 1. คำสร้อย 2. คำครุ คำลหุ 3. คำเอกคำโท 4. คำเป็น คำตำย 61. ข้อใดไม่ใช่หลักกำรใช้คำยืมที่ถูกต้อง 1. ต้องรู้แหล่งที่มำของคำ 2. ต้องรู้หลักกำรเขียนที่ถูกต้อง 3. ต้องรู้หลักกำรออกเสียงที่ถูกต้อง 4. ต้องรู้ว่ำมีกลุ่มคนที่ใช้ภำษำนี้มำกน้อยเพียงใด 62. ข้อใดใช้ระดับของภำษำต่ำงจำกพวก 1. กรุณำรอสักครู่ 2. พรุ่งนี้พบกันบริเวณหน้ำสวนสำธำรณะ 3. งำนสัปดำห์หนังสือปีนี้มีคนมำบำนเบอะ 4. นักเรียนควรมีควำมอุตสำหะในกำรศึกษำเล่ำเรียน 63. ข้อใดเรียงลำดับหน่วยในภำษำไทยจำกเล็กสุดถึงใหญ่สุดได้ถูกต้อง 1. คำ เสียง วลี ประโยค 2. เสียง คำ วลี ประโยค 3. วลี เสียง คำ ประโยค 4. คำ วลี เสียง ประโยค 64. คำพูดในข้อใดเหมำะที่จะใช้ในกำรประชุม 1. ขอโทษนะ คุณปรำนีพูดดังๆ หน่อย จะได้ได้ยินกันทุกคน 2. ดิฉันขอให้ที่ประชุมพิจำรณำทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง 3. เรื่องมันไปกันใหญ่แล้ว ขอให้พูดให้ตรงประเด็นหน่อยเถอะ 4. คุณจิรนัดดำนั่งเงียบอยู่นำนแล้ว กรุณำแสดงควำมคิดเห็นครับ 65. ข้อใดคือจุดมุ่งหมำยที่สำคัญของกำรพูดอภิปรำย 1. เพื่อแสดงควำมรู้ ควำมเข้ำใจของผู้พูด 2. เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติของผู้ฟัง 3. เพื่อควำมบันเทิง ผ่อนคลำยจำกปัญหำ 4. เพื่อแลกเปลี่ยนควำมรู้ ควำมคิด ประสบกำรณ์เพื่อแก้ไขปัญหำ
  • 14. 14 66. หัวเรื่องในข้อใดเหมำะสมที่จะนำมำอภิปรำย 1. เกิดเป็นชำยดีกว่ำหญิง 2. ระบบธุรกิจขำยตรง 3. ก้ำวไกลไปกับอำเซียน 4. เรำจะแก้ไขสถำนกำรณ์กำรอ่ำนของคนไทยได้อย่ำงไร 67. สิ่งสำคัญประกำรแรกของกำรพูดโต้แย้งตรงกับข้อใด 1. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับคำนิยำมของกำรโต้แย้ง 2. มีควำมสำมำรถทำงด้ำนกำรใช้ภำษำเพื่อกำรหักล้ำง 3. ตั้งใจฟังเรื่องที่จะต้องโต้แย้งตั้งแต่ต้นจนจบอย่ำงมีสมำธิ 4. มีควำมสำมำรถในกำรพูดสรุปได้คมคำยทำให้ผู้ฟังเชื่อถือ 68. ข้อใดเป็นลักษณะเฉพำะของคำที่ยืมมำจำกภำษำอังกฤษ 1. มีลักษณะเป็นคำสองพยำงค์ 2. ไม่ปรำกฏกำรใช้พยัญชนะเสียงควบกล้ำ 3. มีเสียงควบกล้ำที่ไม่มีในภำษำไทย เช่น ฟร 4. มีลักษณะเป็นคำแผลงด้วยกำรเติมหน่วยคำเติมหน้ำ 69. กำพย์ประเภทใดนิยมที่จะนำมำแต่งคู่กับบทร้อยกรองประเภทฉันท์ 1. กำพย์ยำนี และกำพย์สุรำงคนำงค์ 2. กำพย์ฉบัง และกำพย์สุรำงคนำงค์ 3. กำพย์ห่อโคลง และกำพย์ยำนี 4. กำพย์ห่อโคลง และกำพย์สุรำงคนำงค์ 70. สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ เป็นฉันท์ซึ่งมีท่วงทำนองที่เหมำะแก่กำรบรรจุเนื้อควำมในลักษณะใด 1. บทชมโฉม 2. บทยอพระเกียรติ 3. บทพรรณนำควำมรัก 4. บทตื่นเต้น ระทึกใจ
  • 15. 15 71. ข้อใดเป็นประโยคใจควำมสำคัญของข้อควำมต่อไปนี้ (ก) คาว่า “เอ็นดู” ก็เหมือนกันถ้าสาวๆ ได้ยินพ่อเฒ่าชาวใต้แหลงว่า “เอ็นดูหลาว” อย่าเข้าใจผิดคิดไป ว่าพ่อเฒ่าหัวงูมาเอ็นดูหวังเลียงต้อย เพราะ “เอ็นดู” ในบริบทของคนใต้แปลว่าสงสาร (ข) นี่แหละครับ เสน่ห์ของการเดินทางไปยังต่างถิ่นต่างที่ คือได้เรียนรู้ภาษา เรียนรู้วัฒนธรรม และวิธีคิดที่ต่างจาก ความคุ้นเคยของเรา (ค) นับว่าชาวชุมพรและคนปักษ์ใต้โชคดีที่มีปราชญ์อย่างอาจารย์สนั่นพากเพียร รวบรวมภาษาถิ่นที่มีคุณค่าไว้เป็นลายลักษณ์อักษร (ง) ก่อนที่ภาษาอินเทอร์เน็ตใน “แชทรูม” และการส่ง “ชอร์ตแมสเสจ” ในโทรศัพท์มือถือจะบดบังภาษาถิ่นจนหมด 1. (ก) 2. (ข) 3. (ค) 4. (ง) 72. ข้อใดเป็นประเด็นโต้แย้งของข้อควำมต่อไปนี้ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศควรเริ่มต้นจากการค้นหาจากจุดที่เป็นอุปสรรคมากที่สุด ของการพัฒนาประเทศ (most binding constraint) และเน้นแก้ปัญหาในจุดดังกล่าว การพยายามแก้ปัญหา หลายปัญหาพร้อมๆ กัน เป็นการพัฒนาที่ไร้ประโยชน์ 1. มีอุปสรรคใดบ้ำงในกำรแก้ไขปัญหำและพัฒนำประเทศ 2. กำรแก้ไขปัญหำทำงเศรษฐกิจก่อให้เกิดประโยชน์หรือไม่ อย่ำงไร 3. กำรแก้ปัญหำทำงเศรษฐกิจหลำยๆ อย่ำงพร้อมกัน ถือเป็นกำรแก้ปัญหำหรือไม่ 4. กำรแก้ไขปัญหำเศรษฐกิจของประเทศควรเริ่มต้นจำกจุดที่สำคัญที่สุดใช่หรือไม่ คาชี้แจง นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ จากนั้นตอบคาถามข้อ 73-75 เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างเมื่อเราหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วนตราหุ่นสวย เมื่อเราใช้ครีมแล้วเรา ไม่ต้องลดอาหารหรือออกกาลังกายให้หนักทาให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยมากเกินไปจนทาให้ร่างกายทรุดโทรม นอกจากนี ยังไม่มีสารพิษตกค้าง สภาพร่างกายของเราจึงดีขึนทันตาเห็น หุ่นสวยกระชับ ไร้ไขมัน รู้สึก กลับไปเป็นสาววัยแรกรุ่นอีกครัง ตอนแรกคิดว่าการลดนาหนักด้วยวิธีนีจะไม่ได้ผล เดี๋ยวนีเข้าใจแล้ว อยากให้คนที่อยากสวยหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วนตราหุ่นสวยแบบเรามากขึน 73. ข้อใดเป็นเจตนำในกำรพูด 1. อวดอ้ำงว่ำตนเองสวย 2. บอกเล่ำวิธีกำรลดน้ำหนักให้มีรูปร่ำงสวยงำม 3. แนะนำคุณค่ำที่ได้จำกกำรลดน้ำหนักด้วยครีมกระชับสัดส่วนตรำ หุ่นสวย 4. ชักชวนให้เพื่อนที่ต้องกำรลดน้ำหนักหันมำใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรำ หุ่นสวย
  • 16. 16 74. ข้อควำมข้ำงต้นมีวิธีกำรลำดับเนื้อหำอย่ำงไร 1. ลำดับตำมเวลำ 2. ลำดับตำมสถำนที่ 3. ลำดับจำกเหตุไปสู่ผล 4. ลำดับจำกผลไปสู่เหตุ 75. จำกข้อควำมข้ำงต้นกำรแสดงทรรศนะของผู้เขียนเกิดจำกข้อใด 1. ควำมรู้ 2. ควำมเชื่อ 3. ค่ำนิยม 4. ประสบกำรณ์ 76. ข้อใดเป็นโครงสร้ำงของกำรแสดงเหตุผลในข้อควำมต่อไปนี้ “ด้วยความที่ไข่ตุ๋นเป็นอาหารที่รับประทานได้ง่าย แถมยังทาง่าย ราคาถูกที่สาคัญยังมีคุณค่าทาง โภชนาการสูงอีกด้วย ไข่ตุ๋นจึงเป็นอาหารที่ทังเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชอบรับประทาน” 1. ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ข้อสนับสนุน 2. ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป 3. ข้อสรุป ข้อสนับสนุน ข้อสรุป 4. ข้อสรุป ข้อสรุป ข้อสนับสนุน 77. ข้อควำมต่อไปนี้ใช้วิธีกำรเขียนสอดคล้องกับข้อใด ถ้าเราออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ กินอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ก็จะช่วยให้สุขภาพของเราสมบูรณ์ แข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส และสามารถสร้างความมั่นใจในตนเองได้ดียิ่งขึน 1. เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย 2. ใช้ภำษำเร้ำใจ 3. ใช้เหตุผล 4. อ้ำงอิงหลักฐำน 78. กำรฟังในข้อใดมีจุดมุ่งหมำยแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. โก๊ะตี๋ฟังวิทยุรำยกำรเรื่องเล่ำเสำร์นี้ 2. เรยำฟังถ่ำยทอดสดกำรอภิปรำยไม่ไว้วำงใจรัฐบำล 3. เด่นจันทร์ฟังเพลงในรำยกำรเพลงไพเรำะเสนำะโสต 4. ดี๋ฟังกำรอภิปรำยเรื่องละครไทยสู่ละครโลกได้จริงหรือ
  • 17. 17 79. กำรฟังในข้อใดเป็นกำรฟังเพื่อสำระและคติของชีวิตอย่ำงเด่นชัด 1. อัดฟังขับเสภำเรื่อง “ขุนช้ำง ขุนแผน” 2. แขกฟังรำยกำรเรื่อง “ท่องเที่ยวทั่วไทยให้สุขสันต์” 3. เฟย์ฟังรำยกำรวิทยุเรื่อง “เรำจะอยู่กับคนที่เรำไม่ชอบได้อย่ำงไร” 4. เบียร์ฟังเพื่อนเล่ำเรื่อง “นิทรรศกำรศิลปะกำรออกแบบเครื่องแต่งกำย” 80. สถำนกำรณ์ต่อไปนี้แสดงว่ำผู้ฟังมีสัมฤทธิผลในกำรฟังระดับใด อาทิตย์ฟังรายการวิทยุ มีข้อความจากบันทึกของศรีบูรพาตอนหนึ่งว่า “ แม้เรามิได้เป็นดอกซากุระ ก็อย่ารังเกียจที่ต้องเกิดเป็นบุปผาพันธุ์อื่นเลย ขอแต่ให้เป็นดอกที่งามที่สุดในพันธุ์ของเรา ภูเขาไฟฟูจี มีอยู่ลูกเดียว แต่ภูเขาทังหลายก็หาไร้ค่าไม่ แม้มิได้เป็นซามูไรก็จงเป็นลูกสมุนของซามูไรเถิด เราจะเป็น กัปตันกันหมดทุกคนไม่ได้ ด้วยว่าถ้าปราศจากลูกเรือแล้ว เราจะไปกันได้อย่างไร” หลังจากได้ฟังแล้ว เขาบอกกับตนเองว่าผู้พูดต้องการให้คนเรามีทัศนคติที่ดีต่อบทบาทหน้าที่ของตนเหนือกว่าสิ่งใด 1. เข้ำใจจุดประสงค์ของผู้พูด 2. รับรู้ข้อควำมได้ครบถ้วน 3. บอกได้ว่ำสิ่งที่ฟังน่ำเชื่อถือ 4. ประเมินได้ว่ำสิ่งที่ฟังมีประโยชน์ 81. “แว่วเสียงสาเนียงบุหรงร้อง ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา พระแย้มเยี่ยมม่านทัศนา เห็นแต่ป่าพุ่มไม้ใบบัง เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง รสรักร้อนรนพ้นกาลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย” ข้อใดไม่สามารถอนุมำนได้จำกบทประพันธ์ข้ำงต้น 1. มีควำมเศร้ำจำกควำมรัก 2. มีควำมผิดหวังในควำมรัก 3. มีควำมลุ่มหลงในควำมรัก 4. มีควำมร้อนแรงในควำมรัก 82. ข้อใดมีเนื้อหำแสดงควำมคิดเห็น 1. อันเหล่ำศัตรูหมู่ร้ำย จงแพ้พ่ำยอย่ำรอต่อติด 2. เจ้ำจงยกพลขันธ์ไปบรรจบ สมทบทัพอิเหนำให้จงได้ 3. ชะรอยเป็นบุพเพนิวำสำ เทวำอำรักษ์มำชักให้ 4. กูก็ไม่ครั่นคร้ำมขำมใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีผง
  • 18. 18 83. ข้อใดให้จินตภำพแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. ตำยระดับทับกันดังฟอนฟำง เลือดนองท้องช้ำงเหลวไหล 2. ผงคลีมืดคลุ้มชอุ่มควัน รีบร้นพลขันธ์คลำไคล 3. ว่ำแล้วสองกษัตริย์ก็จัดทัพ พร้อมสรรพพหลพลขันธ์ 4. พอได้ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ้อง ประโคมศึกกึกก้องท้องสนำม 84. บทประพันธ์ในข้อใดปรำกฏนำฏกำร 1. อันสุริยวงศ์เทวัญอสัญหยำ เรืองเดชเดชำชำญสนำม ทั้งโยธีก็ชำนำญกำรสงครำม ลือนำมในชวำระอำฤทธิ์ 2. ต่ำงมีฝีมืออื้ออึง วำงวิ่งเข้ำถึงอำวุธสั้น ดำบสองมือโถมทะลวงฟัน เหล่ำกริชติดฟันประจัญรบ 3. กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย เรำเป็นเมืองน้อยกระจิหริด ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอำทิตย์ เห็นผิดระบอบบุรำณมำ 4. ใช่จะไร้ธิดำทุกธำนี มีงำมแต่บุตรีท้ำวดำหำ พระองค์จงควรตรึกตรำ ไพร่ฟ้ำประชำกรจะร้อนนัก 85. จำกวรรณกรรมเรื่อง นิทำนเวตำล นักเรียนพิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้ “อนึ่งพระองค์ย่อมจะทราบคาถาซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้ มีความว่า ชายผู้ไม่ใช่คนโง่ ไม่ยอมคืนสู่ เรือนซึ่งไม่มีนางที่รักผู้มีรูปงามคอยรับรองในขณะกลับถึงเรือนนัน” ข้อควำมข้ำงต้นใช้โวหำรแบบใด 1. สำธกโวหำร 2. อุปมำโวหำร 3. บรรยำยโวหำร 4. พรรณนำโวหำร 86. “จาใจจากแม่เปลือง ปลิดอก อรเอย เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้ สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่ ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนือนวลถนอม” คำประพันธ์ข้ำงต้นมีลีลำในกำรแต่งสอดคล้องกับข้อใด 1. จึงบัญชำตรัสดัวยขัดเคือง ดูดู๋เจ้ำเมืองดำหำ 2. กูก็ไม่ครั่นคร้ำมขำมใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง 3. แล้วว่ำอนิจจำควำมรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสำยน้ำไหล 4. ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์ จึงกระชั้นสีหนำทประภำษไป
  • 19. 19 87. ข้อใดปรำกฏคำถำมเชิงวำทศิลป์ 1. อำกำศจักจำรผจง จำรึกพอฤๅ 2. โฉมแม่หยำดฟ้ำแย้ม อยู่ร้อนฤๅเห็น 3. สุริยจันทรขจำย จำกโลก ไปฤๅ 4. กฤษณนิทรเลอหลัง นำคหลับ ฤๅพ่อ 88. “(ก)...พระองค์เสด็จเหาะตรงขึนสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีละอองพระบาทให้เรี่ยราดลง...” และ “(ข)...เมื่อตะวันฉายเงาไม้ มิได้บ่ายไปตามตะวัน บังกันพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด...” บทประพันธ์ทั้งสองบทข้ำงต้นปรำกฏภำพพจน์แบบใดบ้ำง เรียงตำมลำดับ 1. (ก) อุปมำ (ข) อุปมำ 2. (ก) อุปมำ (ข) อติพจน์ 3. (ก) อุปมำ (ข) อุปลักษณ์ 4. (ก) ไม่ปรำกฏภำพพจน์ (ข) อุปมำ 89. “ฟานฝูงคณาเนือนิกรกวางดงดูนี่แดงดาษ หมู่ละมั่งระมาดระมัดกาย ชะมดฉมันหมายเม่นหมีหมู หมู่กระทิงเถื่อน โคถึกเที่ยวทุรสถาน กาสรกาเลาะลานก็ลับเขาเข้าเคียงคู่ กระจงจามรีรู้ระวังขนมิให้ขาด ระคาย กระรอกตุ่นกระแตกระต่ายก็ไต่เต้น เหล่าเหียเห็น ก็ระเห็จหาภักษา” บทประพันธ์ข้ำงต้นปรำกฏสัตว์กี่ชนิด 1. จำนวน 20 ชนิด 2. จำนวน 21 ชนิด 3. จำนวน 22 ชนิด 4. จำนวน 23 ชนิด 90. “หวังเป็นเกือกทองรองบาทา พระผู้วงศ์เทวาอันปรากฏ จะขอพระบุตรีมียศ ให้โอรสข้าน้อยดังจินดา อันกรุงไกรไอศูรย์ทังสอง จะเป็นทองแผ่นเดียวไปวันหน้า ขอพานักพักพึ่งพระเดชา ไปกว่าชีวันจะบรรลัย” ข้อใดไม่ปรากฏน้ำเสียงในบทประพันธ์ข้ำงต้น 1. อ่อนน้อม 2. ยำเกรง 3. ถ่อมตน 4. ทะนงในศักดิ์ศรีของตน
  • 20. 20 91. “หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกาจร” ข้อใดกล่ำวถึงพระคุณของพระพุทธเจ้ำสอดคล้องกับบทประพันธ์ข้ำงต้น 1. สมญำโลกอุดรพิสดำร อันลึกโอฬำร พิสุทธิ์พิเศษสุกใส 2. โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร ปัญญำผ่องใส สะอำดและปรำศมัวหมอง 3. ชี้ทำงบรรเทำทุกข์ และชี้สุขเกษมสำนต์ ชี้ทำงพระนฤพำน อันพ้นโศกวิโยคภัย 4. พร้อมเบญจพิธจัก- ษุจรัสวิมลใส เห็นเหตุที่ใกล้ไกล ก็เจนจบประจักษ์จริง 92. ข้อใดปรำกฏรสวรรณคดีต่ำงจำกข้ออื่น 1. สงสำรน้ำคำที่พร่ำสั่ง คิดถึงควำมหลังแล้วใจหำย ครวญพลำงกำสรดระทดกำย แล้วคิดอำยพวกพลมนตรี 2. เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ำยพักตร์ถวิลหวัง รสรักร้อนรนพ้นกำลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรำย 3. เมื่อนั้น สองระตูวิโยคโศกศัลย์ กอดศพเชษฐำเข้ำจำบัลย์ พิโรธร่ำรำพันโศกำ 4. เมื่อนั้น โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรำ ค้อนให้ไม่แลดูสำรำ กัลป์ยำคั่งแค้นแน่นใจ 93. พระพลันเห็นเหตุไซร้ เสียวดวง แดเอย ถนัดดั่งภูผาหลวง ตกต้อง กระหม่ากระเหม่นทรวง สั่นซีด พักตร์นา หนักหฤทัยท่านร้อง เรียกให้โหรทาย ฯ ข้อใดไม่ใช่อำรมณ์ควำมรู้สึกที่ปรำกฏในบทประพันธ์ข้ำงต้น 1. หนักใจ 2. พรั่นใจ 3. หวั่นใจ 4. ร้อนใจ
  • 21. 21 94. หวังเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์ ยืนพระยศอยู่ยง คู่หล้า สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ ข้อใดคือใจควำมสำคัญของบทประพันธ์ข้ำงต้น 1. กำรทำสงครำมครั้งนี้จะเป็นเกียรติยศแก่กษัตริย์ทั้งสอง 2. กำรทำสงครำมครั้งนี้ผู้คนจะพำกันสรรเสริญผู้ที่ชนะ 3. กษัตริย์ทั้งสองจะเป็นที่สรรเสริญของฝ่ำยตรงข้ำม 4. กษัตริย์ทั้งสองจะสู้กันอย่ำงทัดเทียม 95. “ข้าขอประนมหัตถ์ พระไตรรัตนนาถา ตรีโลกอมรมา อภิวาทนาการ อนึ่งข้าอัญชลี พระฤๅษีผู้ทรงญาณ แปดองค์เธอมีฌาน โดยรอบรู้ในโรคา ไหว้คุณอิศวเรศ ทังพรหมเมศทุกชันฟ้า สาปสรรค์ซึ่งหว้านยา ประทานทั่วโลกธาตรี ไหว้ครูกุมารภัจ ผู้เจนจัดในคัมภีร์ เวชศาสตรบรรดามี ให้ทานทั่วแก่นรชน ไหว้ครู ผู้สั่งสอน แต่ปางก่อนเจริญผล ล่วงลุนิพพานดล สาเร็จกิจประสิทธิ์พร” จำกบทประพันธ์ข้ำงต้นสะท้อนคุณธรรมใดในสังคมไทย 1. กตัญญู 2. เมตตำ 3. มุทิตำ 4. กรุณำ 96. “ถ้าเราจะสอนเขาทังหลายให้รู้สึกเกียรติยศแห่งการที่จะเป็นผู้เพาะความสมบูรณ์ให้แก่ประเทศ เช่น ชาวนา ชาวสวน พ่อค้าช่างต่างๆ จะไม่ดีกว่าหรือ” ข้อควำมข้ำงต้นใช้กลวิธีทำงวรรณศิลป์แบบใดเด่นชัดที่สุด และกลวิธีดังกล่ำวมีจุดมุ่งหมำยอย่ำงไร ข้อ กลวิธีทางวรรณศิลป์ จุดมุ่งหมาย 1. ใช้กำรเปรียบเทียบ ย้ำให้จดจำ 2. ใช้ภำษำไพเรำะ มีควำมไพเรำะน่ำอ่ำน 3. ใช้ประโยคคำถำม กระตุ้นให้คิด 4. ใช้คำแสดงควำมรู้สึก ทำให้น่ำเชื่อถือ
  • 22. 22 97. “ท่านเชื่อหรือว่าพวกหนุ่มๆ ของเราจะทาประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง โดยทางเสมียนมากกว่าทางอื่นๆ ได้อย่างไร ถ้าไม่อุดหนุนจานวนที่จาเพาะสิ่งของนันๆ ขึน?” ข้อควำมข้ำงต้นคำว่ำ “เพำะ” มีควำมหมำยในลักษณะใด และมีควำมหมำยว่ำอย่ำงไร ข้อ ลักษณะความหมาย ความหมาย 1. ควำมหมำยตรง ทำให้งอก 2. ควำมหมำยตรง ส่งเสริม 3. ควำมหมำยแฝง ปลูก 4. ควำมหมำยแฝง ทำให้เกิด 98. บทประพันธ์ในข้อใดปรำกฏโวหำรภำพพจน์ 1. เพียนทองงำมดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตำดพรำย 2. กระแหแหห่ำงชำย ดั่งสำยสวำทคลำดจำกสมร 3. แก้มช้ำช้ำใครต้อง อันแก้มน้องช้ำเพรำะชม 4. ปลำทุกทุกข์อกตรม เหมือนทุกพี่ที่จำกนำง 99. เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร ทุทาสสถุลฉะนีไฉน ก็มาเป็น ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด ข้อใดต่อไปนี้ไม่ปรากฏในบทประพันธ์ข้ำงต้น 1. รุทธรส 2. พิโรธวำทัง 3. กำรใช้ภำพพจน์ 4. คำถำมเชิงวำทศิลป์ 100. พอทรงจบแจ้งพระทัยในข้อหา ก็โกรธาเคืองขุ่นหุนหัน มันเคี่ยวเข็ญทาเป็นอย่างไรกัน อีวันทองคนเดียวไม่รู้แล้ว ข้อใดสอดคล้องกับบทประพันธ์ข้ำงต้น 1. อุปมำ 2. นำมนัย 3. อุปลักษณ์ 4. ปฏิปุจฉำ
  • 23. 23 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ปลาย 2552 แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 100 ข้อ : ข้อละ 1 คะแนน ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 1-5 ก. โบรำณว่ำเป็นข้ำจอมกษัตริย์ ข. รำชสวัสดิ์ต้องเพียรเรียนรักษำ ค. ท่ำนกำหนดจดไว้ในตำรำ ง. มีมำแต่โบรำณช้ำนำนครัน 1. ข้อใดมีเสียงสระประสม 1. ข้อ ก 2. ข้อ ข 3. ข้อ ค 4. ข้อ ง 2. ข้อใดมีคำที่ออกเสียงอักษรควบ 1. ข้อ ก 2. ข้อ ข 3. ข้อ ค 4. ข้อ ง 3. ข้อใดมีเสียงวรรณยุกต์ครบ 5 เสียง 1. ข้อ ก 2. ข้อ ข 3. ข้อ ค 4. ข้อ ง 4. ข้อใดมีอักษรต่ำน้อยที่สุด (ไม่นับอักษรที่ซ้ำกัน) 1. ข้อ ก 2. ข้อ ข 3. ข้อ ค 4. ข้อ ง ปีการศึกษา
  • 24. 24 5. ข้อใดมีอักษรนำ 1. ข้อ ก และ ข 2. ข้อ ข และ ค 3. ข้อ ค และ ง 4. ข้อ ง และ ก 6. คำในข้อใดมีตัวสะกดมำตรำเดียวกับ “เหตุผล” ทุกคำ 1. พุดตำน ถอดถอน มลพิษ 2. มดเท็จ คิดสั้น จัดกำร 3. ผลัดเวร บทกลอน โทษทัณฑ์ 4. สวดมนต์ จุดอ่อน ทรัพย์สิน 7. คำซ้ำในข้อใดต้องใช้เป็นคำซ้ำเสมอ 1. คนงำนใหม่ขยันเป็นพักๆ เอำแน่ไม่ได้ 2. นักเรียนอนุบำลหกล้มหัวเข่ำแตกเลือดไหลซิบๆ 3. งำนนี้ถึงจะได้เงินเดือนน้อย ก็ทำไปพลำงๆ ก่อนแล้วกัน 4. ถ้ำเรำวำงแผนให้ดีตั้งแต่แรกๆ โครงกำรนี้ก็คงสำเร็จไปแล้ว 8. ข้อใดเป็นคำซ้อนทุกคำ 1. ซ้ำซ้อน ซ่อนรูป ซักฟอก 2. ถ่องแท้ ถี่ถ้วน ถำกถำง 3. บีบคั้น เบียดเบียน เบำควำม 4. แปรผัน เป่ำหู โปรยปรำย 9. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดมีคำประสมทั้ง 2 ส่วน 1) บริเวณสวนกว้ำงขวำง / 2) มีสนำมที่ได้รับกำรดูแลจำกเทศบำลเมือง / 3) มีประติมำกรรมเป็นรูป เทพธิดำแสนงำม / 4) มุมหนึ่งมีนำฬิกำแดดคอยบอกเวลำ 1. ส่วนที่ 1 และ 4 2. ส่วนที่ 2 และ 3 3. ส่วนที่ 1 และ 3 4. ส่วนที่ 2 และ 4 10. ข้อใดมีคำประสมทุกคำ 1. คำขำด คำคม คำรำม 2. เดินแต้ม เดินรถ เดินสะพัด 3. น้ำป่ำ น้ำไหล น้ำมือ 4. ติดลม ติดใจ ติดขัด
  • 25. 25 11. ข้อใดไม่มีคำสมำส 1. วิสุทธโยธำมำตย์เจ้ำ กรมขวำ 2. หนึ่งชื่อรำชโยธำ เทพซ้ำย 3. ตำแหน่งศักดิ์ยศถำ เสถียรที่ 4. คุมพยุหยำตรำย้ำย ย่ำงเข้ำตำมสถำน 12. ข้อใดมีคำสมำสที่มีกำรสร้ำงคำต่ำงกับข้ออื่น 1. ขับคเชนทร์สำวก้ำว ส่ำยเสื้องเทำทำง 2. สถำนที่พุทธบำทสร้ำง สืบไว้แสวงบุญ 3. สุธำรสรับพระเต้ำ เครื่องต้นไปตำม 4. โดยเสด็จดำเนินแคล้ว คลำดคล้อยบทจร 13. ข้อใดสะกดถูกทุกคำ 1. เขำกินอำหำรมังสวิรัติทุกวันพุธมำสำมปีแล้ว 2. ที่ปำกทำงเข้ำหมู่บ้ำนมียำมรักษำกำรอยู่ตลอดเวลำ 3. คนที่ซื้อทองรูปพรรณต้องจ่ำยเงินค่ำกำเหน็จด้วย 4. เพื่อนเห็นเขำนั่งหลับจึงถำมว่ำเข้ำฌำนถึงชั้นไหนแล้ว 14. ข้อใดมีคำสะกดผิด 1. ดำวพระศุกร์ที่เห็นในเวลำเช้ำมืดเรียกว่ำดำวประกำยพรึก 2. ในสวนสำธำรณะมีคนมำออกกำลังกำยกันอยู่ประปรำย 3. กระบะที่ลงรักแบบญี่ปุ่นและจีนเรียกว่ำเครื่องกำมะลอ 4. ในภำวะเศรษฐกิจตกต่ำทุกครอบครัวต้องกระเบียดกระเสียน ใช้ข้อควำมในพจนำนุกรมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 15-16 จวัก [จะหฺวัก] น. เครื่องใช้ตักแกงหรือตักข้ำว ทำด้วยกะลำมะพร้ำว มีด้ำมถือ, กระจ่ำ จ่ำ หรือตวัก ก็ว่ำ. จอ 1 น. ชื่อปีที่ 11 ของรอบปีนักษัตร มีหมำเป็นเครื่องหมำย. จอ 2 น. ผ้ำขำวที่ขึงไว้สำหรับเชิดหนังหรือฉำยภำพยนตร์ เป็นต้น; โดยปริยำยเรียกสิ่ง ที่มีลักษณะคล้ำยคลึงเช่นนั้น เช่น จอโทรทัศน์. จ่อ 1 ก. เอำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้ำไปใกล้หรือเกือบจดสิ่งอื่น เช่น เอำยำดมจ่อจมูก; มุ่งอยู่ เฉพำะกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มักใช้เข้ำคู่กับคำ จด เป็น จดจ่อ เช่น เขำมีใจจดจ่อกับงำน. จ่อคิว (ปำก) ว. ใกล้ถึงลำดับที่จะได้หรือจะเป็น เช่น เขำจ่อคิวขึ้นเป็นหัวหน้ำ. จ่อ 2 (ถิ่น-อีสำน) น. ภำชนะสำนชนิดหนึ่ง รูปร่ำงอย่ำงกระด้ง มีไส้สำนเป็นช่องโค้ง อยู่ภำยใน ใช้เลี้ยงตัวไหม.
  • 26. 26 15. มีคำที่เป็นคำตั้งหรือแม่คำกี่คำ 1. 3 คำ 2. 4 คำ 3. 5 คำ 4. 6 คำ 16. มีคำที่ระบุว่ำใช้เฉพำะแห่งกี่คำ 1. 1 คำ 2. 2 คำ 3. 3 คำ 4. 4 คำ 17. คำภำษำอังกฤษในข้อใดใช้คำไทยแทนไม่ได้ 1. จินดำทำข้อสอบหลำยวิชำจนรู้สึกเบลอร์ไปหมด 2. จิตรำเป็นดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้อที่มีชื่อเสียง 3. จินตนำไปหำหมอเพื่อใช้แสงเลเซอร์รักษำผิวหน้ำ 4. จิตรลดำเป็นวิสัญญีแพทย์ระดับอินเตอร์ของโรงพยำบำลนี้ 18. ข้อใดเป็นคำศัพท์บัญญัติจำกคำภำษำอังกฤษทุกคำ 1. จุลทรรศน์ จุลินทรีย์ จุลกฐิน 2. สังคม สังเครำะห์ สังโยค 3. สมมำตร สมมุติฐำน สมเพช 4. วิกฤตกำรณ์ วิจัย วิสัยทัศน์ 19. ข้อใดไม่มีคำยืมภำษำบำลีสันสกฤต ก. วันจะจรจำกน้องสิบสองค่ำ ข. พอจวนย่ำรุ่งเร่งออกจำกท่ำ ค. รำลึกถึงดวงจันทร์ครรไลลำ ง. พี่ตั้งตำแลแลตำมแพรำย 1. ข้อ กและ ข 2. ข้อ กและ ค 3. ข้อ ข และ ง 4. ข้อ ค และ ง
  • 27. 27 20. ข้อใดใช้คำลักษณนำมไม่ถูกต้อง 1. เขำสำมำรถปฏิบัติตำมเงื่อนไขของหน่วยงำนได้ครบทุกข้อ 2. นักวิชำกำรเสนอข้อคิดเห็นไว้ในบทสรุปของรำยงำนหลำยประกำร 3. รัฐบำลมีปัญหำเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไขหลำยเรื่อง 4. คณะกรรมกำรกำลังพิจำรณำคำขวัญที่ส่งเข้ำประกวด 50 บท 21. ข้อควำมต่อไปนี้มีบุพบทและสันธำนกี่คำ คนไทยสมัยโลกำภิวัตน์ได้เปรียบคนไทยรุ่นก่อนในด้ำนที่มีควำมรู้กว้ำงขวำง เพรำะสำมำรถแสวงหำ ควำมรู้ได้จำกแหล่งต่ำงๆ ทั้งหนังสือ วิทยุ โทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์ 1. บุพบท 1 คำ สันธำน 3 คำ 2. บุพบท 2 คำ สันธำน 3 คำ 3. บุพบท 1 คำ สันธำน 4 คำ 4. บุพบท 2 คำ สันธำน 4 คำ 22. ข้อควำมต่อไปนี้มีคำนำมและคำกริยำหลักอย่ำงละกี่คำ (ไม่นับคำซ้ำ) กำรกู้ยืมจะมีประโยชน์ต่อเมื่อเงินที่กู้มำนั้นใช้อย่ำงมีคุณภำพและสร้ำงรำยได้ เพื่อเพิ่มต้นทุนของเงิน จำนวนนั้น 1. นำม 4 คำ กริยำ 3 คำ 2. นำม 5 คำ กริยำ 4 คำ 3. นำม 6 คำ กริยำ 5 คำ 4. นำม 7 คำ กริยำ 6 คำ 23. ข้อใดเป็นประโยคควำมเดียว 1. เครื่องปั้นดินเผำก่อนประวัติศำสตร์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกคือเครื่องปั้นดินเผำที่บ้ำนเชียง 2. เครื่องปั้นดินเผำที่บ้ำนเชียงส่วนใหญ่เป็นหม้อลำยเขียนสีรูปวงกลมม้วนคล้ำยลำยก้นหอย 3. หลักฐำนทำงโบรำณคดีแสดงว่ำบ้ำนเชียงเป็นแหล่งอำรยธรรมสำคัญในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4. คณะกรรมกำรมรดกโลกประกำศให้แหล่งโบรำณคดีบ้ำนเชียงเป็นมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2535 24. ข้อใดไม่ใช่ประโยคควำมซ้อน 1. คนไทยนิยมทำอำหำรตำมฤดูกำลซึ่งสอดคล้องกับธรรมชำติ 2. ปลำยฤดูฝนต้นฤดูหนำว อำกำศที่เปลี่ยนแปลงทำให้คนเป็นไข้หวัด 3. เย็นนี้แม่บ้ำนจะทำแกงส้มดอกแคและผัดผักรวม 4. เชื่อกันว่ำกำรรับประทำนแกงร้อนๆ จะช่วยแก้ไข้หวัดในระยะเปลี่ยนฤดูได้
  • 28. 28 25. ข้อใดไม่ใช่ประโยค 1. กำรดำเนินงำนธุรกิจหรือกำรประกอบอำชีพต้องมีควำมพอเพียง 2. เศรษฐกิจพอเพียงมิได้จำกัดเฉพำะเกษตรกรหรือชำวไร่ชำวนำเท่ำนั้น 3. เกษตรทฤษฎีใหม่เป็นระบบเศรษฐกิจที่เน้นให้เกษตรกรสำมำรถดูแลตัวเองได้ 4. กำรบริหำรจัดกำรเศรษฐกิจที่ทำให้คนสำมำรถดูแลตัวเองให้อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน 26. ข้อใดมีน้ำเสียงเชิงตำหนิ 1. ผู้จัดกำรบริษัทนำเที่ยวบริหำรงำนจนใครๆ ยกนิ้วให้ 2. ชำวบ้ำนรู้ตื้นลึกหนำบำงเป็นอย่ำงดีว่ำเขำร่ำรวยเพรำะอะไร 3. ไม่ว่ำแม่จะถำมควำมเห็นกี่ครั้ง ลูกสำวก็ยังยืนคำเหมือนเดิม 4. เวลำจะไปพักผ่อนต่ำงจังหวัด คุณแม่ก็จัดแจงจองที่พักล่วงหน้ำ 27. คำทุกคำในข้อใดใช้ได้ทั้งควำมหมำยตำมตัวและควำมหมำยเชิงอุปมำ 1. ปีนเกลียว ปิดฉำก ถูกขำ 2. ปิดตำ เฝ้ำไข้ เปลี่ยนมือ 3. วำงใจ เป่ำปี่ แก้เคล็ด 4. ปั่นหัว กินตะเกียบ ลงคอ 28. ข้อใดใช้คำถูกต้อง 1. เธอได้รับคำชมว่ำทำงำนเก่งมำกจนใครๆ ยกมือให้ 2. กำรแสดงดนตรีกว่ำจะยกเลิกก็เกือบสองทุ่ม 3. ผู้มีรำยได้ต่ำได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภำษีเงินได้ 4. ผู้ต้องขังที่มีควำมประพฤติดีจะได้รับกำรยกโทษลงครึ่งหนึ่ง 29. ข้อใดใช้คำฟุ่มเฟือย 1. ทหำรในขบวนสวนสนำมเดินอกผำยไหล่ผึ่ง 2. คุณยำยขอให้ฉันกับญำติที่บุกรุกที่ดินเลิกแล้วต่อกัน 3. ฉันต้องทนฟังเขำชี้แจงเหตุผลแม้จะไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย 4. พ่อแม่ชื่นชมปีติยินดีที่ลูกสำวสำเร็จกำรศึกษำระดับปริญญำเอก 30. ข้อใดใช้ภำษำกำกวม 1. เด็กข้ำงบ้ำนวิ่งชนฉันหกล้มปำกแตก 2. คนขับรถถูกสั่งพักงำนฐำนละเลยหน้ำที่ 3. ก๋วยเตี๋ยวปลำแบบโบรำณในซอยนี้มีหลำยร้ำน 4. พวงมำลัยแบบนี้แม่ค้ำขำยฉันพวงละ 10 บำท
  • 29. 29 31. สำนวนในข้อใดเหมำะสมที่จะเติมในช่องว่ำงของข้อควำมต่อไปนี้ พวกเรำทำรำยงำนกันแทบตำย ส่วนเธอไม่ช่วยทำอะไรเลยแม้แต่จะหำข้อมูล พอเสร็จแล้วจะมำ ....................... ขอลงชื่อว่ำทำกลุ่มเดียวกับเรำได้อย่ำงไร 1. เก็บดอกไม้ร่วมต้น 2. เก็บเบี้ยใต้ถุนร้ำน 3. ตกกระไดพลอยโจน 4. ชุบมือเปิบ 32. สำนวนในข้อใดไม่เกี่ยวกับกำรพูด 1. พอก้ำวขำก็ลำโรง 2. ละเลงขนมเบื้องด้วยปำก 3. ไปไหนมำสำมวำสองศอก 4. น้ำร้อนปลำเป็น น้ำเย็นปลำตำย 33. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดใช้ภำษำต่ำงระดับกับส่วนอื่น 1) สัตว์หลำยชนิดมีประสำทสัมผัสพิเศษที่สำมำรถรับรู้ภัยธรรมชำติล่วงหน้ำได้ / 2) ฝูงมดที่กรูเกรียว กันขึ้นมำจำกพื้นดินบอกให้เรำรู้ว่ำฝนจะตกหนักในไม่ช้ำนี้ / 3) ถ้ำฝูงแมลงสำบพำกันไต่ออกมำจำกที่ซ่อน วิ่งพล่ำนไปทุกทิศทุกทำง / 4) เป็นสัญญำณว่ำจะมีพำยุและฝนฟ้ำคะนองตำมมำแน่ๆ 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 34. ข้อใดใช้ภำษำต่ำงระดับกับข้ออื่น 1. โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นแก่เด็กมำกกว่ำผู้ใหญ่ 2. ในตอนแรกนี้ คุณหมอขอกล่ำวถึงเรื่องของผิวหนังแห้งก่อนครับ 3. ลูกน้อยควรจะใช้ครีมที่มีควำมเข้มข้น ไม่ใช้โลชั่นซึ่งผสมน้ำมำก 4. น้องหนูต้องใช้ครีมบำรุงผิวทันทีหลังอำบน้ำ ไม่เช่นนั้นผิวน้องหนูจะแห้งยิ่งขึ้น 35. ข้อใดไม่ใช้สำนวนภำษำต่ำงประเทศ 1. ในสภำวะปัจจุบันพบว่ำโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่ปรำกฏในกลุ่มคนอำยุ 35-45 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี 2. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จึงไม่ได้เป็นโรคที่เกิดแก่ผู้สูงอำยุอีกต่อไป 3. ในกรณีของหลอดเลือดหัวใจที่ยังตีบไม่มำก เรำอำจไม่รู้สึกอำกำรใดๆ เลย 4. บ่อยครั้งที่อำกำรต่ำงๆ จะเกิดขึ้นต่อเมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบไปสูงกว่ำ 70% ขึ้น
  • 30. 30 36. ข้อใดเป็นคำรำชำศัพท์ที่ใช้แทนคำกริยำในวงเล็บได้ถูกต้องตำมลำดับ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว (ดู)ผลกำรดำเนินงำนของโครงกำรอันเนื่องมำจำกพระรำชดำริ แล้ว (ทักทำย) กับรำษฎรที่มำเฝ้ำรับเสด็จ 1. ทรงทอดพระเนตร ทรงทักทำย 2. ทรงทอดพระเนตร ทรงมีพระรำชปฏิสันถำร 3. ทอดพระเนตร ทรงพระรำชปฏิสันถำร 4. ทอดพระเนตร มีพระปฏิสันถำร 37. ข้อใดเมื่อเติม “พระ” ข้ำงหน้ำแล้วใช้เป็นรำชำศัพท์สำหรับพระมหำกษัตริย์ได้ทุกคำ 1. บรมรำชำนุสำวรีย์ บรมฉำยำลักษณ์ บรมหฤทัย 2. บรมชนกนำถ บรมโกศ บรมวงศ์ 3. บรมหัตถเลขำ บรมรูป บรมบพิตร 4. บรมมนเทียร บรมอัฐิ บรมเกศำ 38. พำดหัวข่ำวข้อใดแสดงควำมเห็นของผู้เขียน 1. สว. ไม่ผ่ำน พรก. ขึ้นภำษีน้ำมัน 2. รมช. ศธ. เร่งหำคนทำผิดรับน้องใหม่ 3. ปิด 3 วัน 3 ร.ร. ในเขต กทม. หวัดลำม 4. หวั่นโรคไข้หวัดสุนัขคร่ำ “แพนด้ำน้อย” 39. รำยงำนทำงวิชำกำรส่วนใดใช้ภำษำไม่เหมำะสม 1) กำรเข้ำพักอำศัยอยู่กับคนในหมู่บ้ำนทำให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตควำมเป็นอยู่ของคนเหล่ำนั้น / 2) นักวิจัย พบว่ำต้องทำตัวเป็นคนอยู่ง่ำยกินง่ำย คลุกคลีตีโมงกับชำวบ้ำน เพื่อสร้ำงควำมสนิทสนมคุ้นเคย / 3) ปฏิบัติ ตำมกฎระเบียบของหมู่บ้ำน เคำรพสิทธิของเจ้ำของพื้นที่ / 4) ไม่ทำสิ่งที่ขัดแย้งกับข้อปฏิบัติของชุมชน และไม่ลบหลู่ควำมเชื่อของคนในท้องถิ่น 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 40. ข้อใดใช้ภำษำเหมำะสมกับกำรเขียนรำยงำน 1. เวลำไม่สบำยกะทันหันขึ้นมำ ผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด 2. ผู้ที่เจ็บไข้ตอนกลำงคืนมักพบเจอปัญหำเพรำะไม่มีแพทย์เฉพำะทำงคอยตรวจรักษำ 3. หำกผู้ป่วยไปโรงพยำบำลหลังสองทุ่มไปแล้ว จะได้พบแต่แพทย์เวรซึ่งส่วนใหญ่เป็นแพทย์ทั่วๆ ไป 4. โรงพยำบำลเปิด “ศูนย์แพทย์เฉพำะทำงเที่ยงคืน” เพื่อตรวจรักษำผู้ป่วยนอกจนถึงเวลำ 24.00 น.
  • 31. 31 41. ข้อควำมส่วนใดเหมำะจะใช้ในจดหมำยกิจธุระ 1) พร้อมกันนี้ผมขออนุญำตส่งเอกสำรเกี่ยวกับกำรพัฒนำสินค้ำมำให้ดูเผื่อจะเป็นประโยชน์กับสมำชิก / 2) ทั้งนี้ไม่ได้หมำยควำมว่ำท่ำนจะต้องดำเนินกำรผลิตตำมหลักกำรใหม่นี้จึงจะส่งสินค้ำมำขำยได้ / 3) รำยละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับกำรพัฒนำสินค้ำมีอยู่อีกมำกที่ศูนย์ฯ ถ้ำท่ำนจะแวะไปก็ยินดีต้อนรับ / 4) หำกท่ำนมีข้อข้องใจสำมำรถติดต่อได้ในเวลำทำกำร ตำมหมำยเลขโทรศัพท์ท้ำยจดหมำยนี้ 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 42. ประกำศต่อไปนี้ขำดควำมชัดเจนในเรื่องใด โรงพยำบำลชีวีสุขเปิดบริกำรตรวจโรคนอกเวลำ สำหรับสตรีที่มีอำกำรวัยทอง และมีอำกำรประจำเดือนผิดปกติ ตรวจโดยแพทย์นรีเวชผู้เชี่ยวชำญ ณ ชั้น 7 อำคำร 100ปี นัดหมำยล่วงหน้ำโทร. 021111111 1. กลุ่มเป้ำหมำย 2. สถำนที่ติดต่อ 3. เวลำดำเนินกำร 4. ผู้ดำเนินกำร 43. เมื่อพิจำรณำกำรใช้ภำษำแสดงลำดับควำมในคำอธิบำยวิธีทำอำหำรต่อไปนี้แล้ว ข้อใดเป็นขั้นตอนที่ต่อจำก ข้อ 4 1. ปั้นทอดมันเป็นแผ่นกลม นำไปทอดจนสุก 2. ใส่ไข่ไก่ ถั่วฝักยำวซอย ใบมะกรูดซอย นวดต่อไป 3. ผสมเนื้อปลำกรำยกับน้ำพริกแกงเผ็ด นวดให้เข้ำกัน 4. พรมน้ำเกลือทีละน้อยขณะนวด แล้วนวดจนเหนียวได้ที่ 5. ตักทอดมันขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมอำจำด 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 5
  • 32. 32 44. ข้อควำมต่อไปนี้ไม่เหมำะที่จะเป็นประโยคแรกในส่วนใดของเรียงควำมเรื่อง “อำหำรไทย” วัฒนธรรมกำรกินอำหำรของคนไทยดังกล่ำวเกิดจำกกำรประสำนภูมิปัญญำด้ำนอำหำรจำกหลำยๆ ชำติ มำดัดแปลงให้เป็นอำหำรไทย 1. ส่วนนำเรื่อง 2. ส่วนขยำยควำม 3. ส่วนสรุปเรื่อง 4. กำรยกตัวอย่ำง ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 45-46 1 พระอำจำรย์ถวำยพระอักษร พระเจ้ำลูกเธอในรัชกำลที่ 2 และเป็นกวีในรำชสำนัก ที่พระองค์โปรดมำก 2 กวีผู้เป็นเลิศในกำรแต่ง กลอนแปด มีผลงำนทั้ง ประเภทนิรำศ นิทำน บทละคร บทเสภำ และสุภำษิต 3 เกิดในรัชกำลที่ 1 บริเวณสถำนีรถไฟบำงกอกน้อย ในปัจจุบัน ถวำยตัวเป็นข้ำใน กรมพระรำชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก 4 ในรัชกำลต่อมำไม่ได้รับรำชกำร จึงออกบวช ได้รับพระอุปกำระ จำกสมเด็จฯ เจ้ำฟ้ำกรมขุน อิศเรศรังสรรค์ ช่วงนี้แต่ง วรรณคดีไว้หลำยเรื่อง 5 องค์กำรยูเนสโกประกำศ ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญ ที่มีผลงำนดีเด่นทำงด้ำน วัฒนธรรมระดับโลก
  • 33. 33 45. ข้อใดเป็นกำรเรียงลำดับข้อมูลที่เหมำะสมสำหรับเรียงควำมเรื่อง “สุนทรภู่กวีเอกของโลก” 1. 3-5-2-1-4 2. 2-3-1-4-5 3. 2-5-3-1-4 4. 3-1-4-2-5 46. ข้อมูลส่วนใดมีควำมสำคัญน้อยที่สุดสำหรับเรียงควำมเรื่อง “สุนทรภู่ กวีเอกของโลก” 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 3 3. ส่วนที่ 4 5. ส่วนที่ 5 47. ข้อใดนำมำเติมในช่องว่ำงต่อไปนี้ตำมลำดับแล้วได้ควำมเหมำะสม ...........................ขอให้เลขำนุกำรอ่ำนรำยชื่อ...........................และรำยงำนกำรประชุมครั้งที่แล้ว หลังจำกนั้นก็ดำเนินกำรประชุมไปตำม........................ต่อไป 1. ที่ปรึกษำ ผู้มีสิทธิ์เข้ำประชุม ญัตติต่ำงๆ 2. ประธำน ผู้เข้ำประชุม ระเบียบวำระ 3. ประธำน ผู้จัดประชุม ประเด็นต่ำงๆ 4. ที่ปรึกษำ องค์ประชุม เรื่องสำหรับประชุม 48. ข้อใดใช้พรรณนำโวหำร 1. ฝนตกกระหน่ำจนลืมหูลืมตำไม่ขึ้น เสื้อผ้ำเปียกปอนลีบเข้ำแนบลำตัว 2. ไฟฟ้ำดับมืดตลอดแนวถนนเนื่องจำกเสำไฟฟ้ำล้มเอียงลงมำตำมๆ กันร่วม 10 ต้น 3. กิ่งไม้หักเกลื่อนถนนหลำยสำยหลังจำกพำยุฝนสงบลง 4. รถยนต์จอดนิ่งอยู่หลำยคัน แล่นต่อไปไม่ได้ต้องรอให้พำยุสงบก่อน 49. ข้อใดใช้บรรยำยโวหำร 1. นักร้องประสำนเสียงเปล่งเสียงพร้อมเพรียงกันเป็นสำมระดับตำมทำนองที่ฝึกฝนมำอย่ำงดี 2. เพลงเอกของรำยกำรดังกระหึ่มก้องหอประชุม สะกดคนฟังให้เคลิบเคลิ้ม 3. เสียงเปียโนไล่เรียงขึ้นลงอย่ำงแจ่มใสชวนให้นึกถึงละอองน้ำที่โปรยปรำยลงมำ 4. ทำนองเพลงตอนท้ำยเบำหวิววูบหำยจนคนฟังต้องกลั้นหำยใจตำมไปด้วย
  • 34. 34 50. ข้อควำมต่อไปนี้ใช้วิธีอธิบำยตำมข้อใด คำว่ำสึนำมิในภำษำญี่ปุ่นหมำยถึงคลื่นอ่ำวจอดเรือ (harbor wave) เนื่องจำกประเทศญี่ปุ่นมีภูมิประเทศ เป็นเกำะมีชำยฝั่งทะเลยำว ตำมชำยฝั่งมีอ่ำวใหญ่น้อยอยู่มำกหำกเป็นอ่ำวแคบๆ ซึ่งเป็นที่จอดเรือควำม รุนแรงของคลื่นสึนำมิจะมีมำกขึ้นอีกหลำยเท่ำ 1. นิยำมและให้ตัวอย่ำง 2. นิยำมและให้เหตุผล 3. ให้ตัวอย่ำง และเปรียบเทียบ 4. ให้เหตุผล และเปรียบเทียบ 51. ข้อใดเป็นโครงสร้ำงของกำรแสดงเหตุผลในข้อควำมต่อไปนี้ เชื้อไข้หวัดใหญ่สำยพันธุ์ใหม่แพร่ระบำดอย่ำงรวดเร็วจำกคนสู่คน / ด้วยเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรค ในระบบทำงเดินหำยใจ / และติดต่อกันได้ง่ำย 1. ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป 2. ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ข้อสนับสนุน 3. ข้อสรุป ข้อสรุป ข้อสนับสนุน 4. ข้อสรุป ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน 52. ข้อใดมีกำรใช้เหตุผล 1. กำรแพทย์แผนไทยมีรำกฐำนมำจำกควำมพอดี หรือควำมสมดุลของชีวิตทั้งด้ำนกำรกินอำหำรและกำร ขับถ่ำย 2. ชีวิตคนไทยยังคงผูกพันกับสมุนไพรและใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันตรงตำมตำรำกำรแพทย์แผนไทย 3. ถึงแม้ยำสมุนไพรหลำยขนำนจะให้ประโยชน์ในกำรรักษำโรค แต่ถ้ำไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรกิน พร่ำเพรื่อ 4. คนไทยเรียนรู้และสืบทอดกำรใช้พืชสมุนไพรเป็นยำและอำหำรจำกบรรพบุรุษ คนเฒ่ำคนแก่จำนวนมำก มีสุขภำพดีและอำยุยืน 53. ข้อใดมีวิธีแสดงเหตุผลต่ำงกับข้ออื่น 1. บุญยืนไม่อยำกไปโรงเรียน เขำไม่สบำยและไม่มีกำรบ้ำนไปส่งครู 2. บุญเพ็ญร้องเพลงลูกทุ่งไพเรำะมำก คุณครูส่งเธอเข้ำแข่งขันกับโรงเรียนอื่น 3. บุญมำอ่ำนหนังสือเรียนทุกวัน เขำอยำกเข้ำเรียนในมหำวิทยำลัยให้ได้ 4. บุญรักษำตัดสินใจไปเรียนต่อต่ำงประเทศ คุณพ่อคุณแม่ทำกิจกำรร้ำนอำหำรอยู่ที่นั่น
  • 35. 35 54. ข้อใดเป็นประเด็นโต้แย้งของข้อควำมต่อไปนี้ มีข้อเสนอให้รัฐสภำพิจำรณำแยกพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ คือ ฝำง แม่อำย ไชยปรำกำร ตั้งเป็น “จังหวัดฝำง” กำรตั้งจังหวัดใหม่มีเกณฑ์ที่ต้องพิจำรณำหลำยอย่ำง อำทิ ควรมีพื้นที่ไม่น้อยกว่ำ 5,000 ตำรำงกิโลเมตร ประชำกรไม่น้อยกว่ำ 600,000 คน อำเภอทั้ง 3 ข้ำงต้นมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 2,135 ตำรำงกิโลเมตร และมีประชำกรรวม 249,096 คน 1. จังหวัดใหม่ควรชื่อ “จังหวัดฝำง” หรือไม่ 2. เกณฑ์กำรตั้งจังหวัดใหม่เหมำะสมหรือไม่ 3. พื้นที่ 3 อำเภอ ควรแยกมำตั้งเป็นจังหวัดใหม่หรือไม่ 4. รัฐสภำมีอำนำจในกำรตั้งจังหวัดใหม่หรือไม่ ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 55-56 ปัญหำรุ่นพี่ใช้ควำมรุนแรงกับนักศึกษำใหม่เกิดเป็นประจำทุกปี ทั้งๆ ที่ก่อนปีกำรศึกษำใหม่จะเริ่มขึ้น ผู้บริหำรของกระทรวงศึกษำธิกำรก็ได้มีคำแนะนำไปยังสถำบันกำรศึกษำต่ำงๆ ถึงแนวทำงกำรรับน้อง ที่จะไม่สร้ำงปัญหำ ต่อจำกนี้ผู้เกี่ยวข้องคงต้องวำงแผนและหำแนวทำงแก้ไขปัญหำระยะยำว เพรำะไม่ว่ำ จะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องต่ำงก็เป็นทรัพยำกรบุคคลของประเทศ 55. ข้อใดเป็นโครงสร้ำงกำรแสดงทรรศนะตำมลำดับ 1. ที่มำ ข้อสรุป ข้อสนับสนุน 2. ที่มำ ข้อสนับสนุน ข้อสรุป 3. ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ที่มำ 4. ข้อสนับสนุน ที่มำ ข้อสรุป 56. กำรแสดงทรรศนะข้ำงต้นของผู้เขียนเกิดจำกข้อใด 1. ควำมรู้ 2. ควำมเชื่อ 3. ค่ำนิยม 4. ประสบกำรณ์ 57. ข้อใดไม่มีกำรโน้มน้ำวใจ 1. สถำบันอบรมกำรวำงแผนกำรขำยแบบเหนือชั้นทุกขั้นตอน 2. ศูนย์หัวใจให้บริกำรตรวจวินิจฉัย รักษำโรคหัวใจและหลอดเลือด 3. ตลำดน้ำกลำงเมืองหลวงที่ยังคงอนุรักษ์ภำพชีวิตแบบโบรำณ 4. กระจกส่องหน้ำที่เพิ่มลูกเล่นเอำใจสุภำพสตรีผู้รักสวยรักงำม
  • 36. 36 58. ข้อควำมต่อไปนี้ไม่ใช้กลวิธีโน้มน้ำวใจตำมข้อใด หมู่บ้ำนท่ำมกลำงธรรมชำติร่มรื่น อำกำศบริสุทธิ์ เหมำะแก่กำรสร้ำงเสริมสุขภำพสภำพแวดล้อม ดีเด่นจนมีรำงวัล 4 ปีซ้อนเป็นประกัน 1. แสดงให้เห็นถึงควำมน่ำเชื่อถือของข้อมูล 2. ชี้ให้เห็นประโยชน์ของผู้รับสำร 3. นำเสนอจุดเด่นของสินค้ำ 4. ใช้คำเร้ำอำรมณ์ ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 59-60 1) “ครูครับ ครูบอกชื่อบทละครผิดหรือเปล่ำครับ” 2) “ครูครับ บทละครเรื่องนั้นชื่ออภัยนุรำชหรือเปล่ำครับ” 3) “ครูครับ บทละครเรื่องนั้นชื่ออภัยธิรำชใช่หรือครับ” 4) “ครูครับ ครูช่วยบอกชื่อบทละครอีกทีได้ไหมครับ” 59. คำกล่ำวของนักเรียนตำมข้อใดเหมำะจะเติมในช่องว่ำงข้อควำมนี้ ครู : “นักเรียนรู้ไหม สุนทรภู่ท่ำนแต่งวรรณคดีไว้หลำยสิบเรื่อง แต่ที่เป็นบทละครมีเพียงเรื่อง เดียวคือ อภัยธิรำช” นักเรียน : ............................................................ ครู : “เออ ใช่จ้ะ จริงของเธอ ขอบใจนะจ๊ะ” 1. ข้อ 1) 2. ข้อ 2) 3. ข้อ 3) 4. ข้อ 4) 60. คำกล่ำวของนักเรียนตำมข้อใดเป็นกำรกล่ำวแย้งเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง 1. ข้อ 1) 2. ข้อ 2) 3. ข้อ 3) 4. ข้อ 4)
  • 37. 37 61. น้องพูดว่ำ “เช้ำนี้ขอกำแฟแก้วเดียว ขนมปังแผ่นหนึ่งเหมือนทุกวันก็พอแล้ว กินมำกเดี๋ยวอ้วน ต้องรีบ ไปทำงำนด้วย จะสำยแล้ว” คำพูดของพี่ตำมข้อใดไม่สัมพันธ์กับคำกล่ำวของน้องข้ำงต้น 1. กว่ำจะถึงมื้อกลำงวันก็อีกหลำยชั่วโมง จะไม่มีสมำธิทำงำนนะ 2. พี่เตรียมน้ำเต้ำหู้ใส่ลูกเดือยให้แล้ว ไม่กี่แคลอรีหรอก มีประโยชน์กว่ำกำแฟ 3. กินอำหำรให้ครบ 5 หมู่ แล้วออกกำลัง ก็ทำให้สุขภำพดีได้ 4. ตื่นให้เร็วกว่ำเคยหน่อย ก็จะมีเวลำกินข้ำวเช้ำได้ 62. คุณสุชำติอธิบำยแก่ผู้ที่มำขอคำปรึกษำว่ำ “ถ้ำวันไหนคุณเกิดกลัวผีอย่ำงจับจิตจับใจอีก ก็ให้ตั้งสติดีๆ ระลึกถึงคำที่ผมพูดในวันนี้ว่ำ ควำมกลัวนั้น เกิดจำกใจของเรำเอง เรำคิดเอำเองว่ำเรำเห็นหรือได้ยินสิ่งแปลกๆ ที่เร้นลับ โดยเฉพำะเวลำอยู่คนเดียวหรือ อยู่ลำพังในที่มืด ทั้งหมดนั้นเกิดจำกจินตนำกำรของเรำโดยแท้” คำพูดของผู้ฟังตำมข้อใดต่อไปนี้แสดงว่ำคำพูดของคุณสุชำติบรรลุวัตถุประสงค์ 1. ดิฉันจะลองทำดูก่อน เผื่อจะได้ผลบ้ำง ทั้งๆ ที่ก็ยังกลัวอยู่นะคะ 2. คุณคะ คุณมีคำถำกันผีบ้ำงไหม ดิฉันอยำกได้คำถำที่ผีกลัว 3. ที่คุณพูดก็อำจจะจริง แต่ดิฉันก็ยังไม่กล้ำเสี่ยงอยู่ดี 4. คุณไม่เคยเจอผีคุณก็พูดได้ซีคะ เวลำเจอแล้วจะตั้งสติได้อย่ำงไรล่ะคะ 63. ข้อใดไม่จำเป็นต้องอ้ำงถึงในกำรเขียนบรรณำนุกรมทั้ง 2 รำยกำร รศ.ดร.นววรรณ พันธุเมธำ. 2549. คลังคา. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหำชน). 1134 หน้ำ. 1. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง และ ครั้งที่พิมพ์ 2. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง และ จำนวนหน้ำ 3. สำนักพิมพ์ และ จำนวนหน้ำ 4. ครั้งที่พิมพ์ และ สำนักพิมพ์ 64. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้ว่ำเป็นคุณสมบัติของน้ำทับทิมตำมบทโฆษณำต่อไปนี้ สำวน้อยหุ่นดี ยิ้มแย้มแจ่มใส คิดดี ทำดี คนนี้ ดื่มน้ำทับทิมพลอยแสงเป็นประจำ 1. มีรสชำติดี 2. เหมำะแก่คนรุ่นใหม่ 3. มีประโยชน์ต่อสุขภำพ 4. เหมำะแก่สตรี
  • 38. 38 65. บุคคลตำมข้อใดทำตำมคำแนะนำวิธีป้องกันโรคระบำดที่ว่ำ “กินของร้อน ใช้ช้อนกลำง ล้ำงมือให้สะอำด” - สุภำใช้ช้อนกลำงตักแกงจืดเข้ำปำกตัวเอง - สุภำพชอบดื่มแต่กำแฟร้อนใส่นม - สุพิศใช้สบู่ฟอกมือทุกครั้งเมื่อกลับถึงบ้ำน - สุพงศ์กินต้มยำที่เพิ่งทำเสร็จแทนอำหำรประเภทยำ 1. สุภำและสุภำพ 2. สุภำพและสุพิศ 3. สุพิศและสุพงศ์ 4. สุพงศ์และสุภำ 66. จำกข้อควำมต่อไปนี้ ก. คืออะไร - ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อ ก. จำกจีนมำกกว่ำเพรำะเมล็ดโตกว่ำ - ก. สำยพันธุ์ไทยมีสำรต้ำนอนุมูลอิสระสูงกว่ำสำยพันธุ์จีน - ผู้วิจัยพบว่ำ ก. สำยพันธุ์ไทยทำเป็นแป้งที่มีคุณภำพมำกกว่ำ - ก. เป็นส่วนประกอบที่ใช้ทำขนมไทยหลำยชนิด - เจ้ำของบึงมักตัดดอกขำยมำกกว่ำจะรอจนกว่ำจะได้ ก. 1. เมล็ดถั่วเหลือง 2. เมล็ดข้ำวสำลี 3. เมล็ดทำนตะวัน 4. เมล็ดบัว 67. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้จำกคำพูดต่อไปนี้ “จำกกำรทดสอบทักษะภำษำไทยของนักศึกษำ 400 คน มีผู้อยู่ในเกณฑ์ดีเพียง 30 คน ไม่มีผู้ที่ได้ คะแนนในเกณฑ์ดีมำกเลย อย่ำงนี้ไม่เรียกว่ำวิกฤตได้อย่ำงไร” 1. ผู้พูดเห็นว่ำผลกำรทดสอบทักษะกำรใช้ภำษำไทยไม่น่ำพอใจ 2. ผู้พูดวิตกว่ำกำรเรียนกำรสอนภำษำไทยในมหำวิทยำลัยถึงขั้นต้องปรับปรุง 3. ผู้พูดเห็นควำมสำคัญของกำรเรียนกำรสอนภำษำไทยในมหำวิทยำลัย 4. ผู้พูดเห็นว่ำไม่มีประโยชน์ที่จะจัดกำรทดสอบทักษะภำษำไทยในมหำวิทยำลัย
  • 39. 39 68. ข้อใดไม่น่ำจะเป็นสำเหตุที่ทำให้มีกำรพูดประโยคต่อไปนี้ “น่ำจะดีนะ เรำจะได้ช่วยกันรักษำสิ่งแวดล้อมด้วย” 1. กำรประกำศให้นิคมอุตสำหกรรมเป็นเขตปลอดมลพิษ 2. กำรรณรงค์ให้ใช้เตำเผำขยะแบบไร้ควันพิษในโรงงำน 3. กำรอนุญำตให้ค้ำขำยบนทำงเท้ำได้โดยไม่มีวันหยุด 4. กำรเปลี่ยนสถำนีขนส่งเป็นสวนสำธำรณะกลำงเมือง 69. ในข้อควำมต่อไปนี้ “หัวใจของธุรกิจนี้” มีควำมหมำยตำมข้อใด หัวใจของธุรกิจนี้แตกต่ำงจำกที่อื่นซึ่งอำจจะสนใจพัฒนำผลิตภัณฑ์ที่ดีเลิศบ้ำง ขยำยเครือข่ำยอย่ำง กว้ำงขวำงบ้ำง ส่วนเรำต้องยืนหยัดให้ได้ท่ำมกลำงควำมเปลี่ยนแปลงของสภำพแวดล้อม 1. ควำมมั่นคงขององค์กร 2. คุณภำพของสินค้ำ 3. ควำมมีสัมพันธภำพที่ดี 4. กำรเติบโตของธุรกิจ 70. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้ กำรทำพู่กันจีนจำกขนสัตว์เริ่มด้วยกำรเลือกวัสดุ ทำควำมสะอำด สำง แล้วประกอบเข้ำกับด้ำม โดยต้องระวังให้ขนของปลำยพู่กันเรียงเท่ำกันอย่ำงเป็นระเบียบ เพื่อให้น้ำหมึกเดินสม่ำเสมอ 1. คุณค่ำ 2. วิธีทำ 3. ชนิดของวัสดุ 4. ควำมประณีตในกำรทำ ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 71-72 เรำรู้สึกได้ถึงควำมแตกต่ำงเมื่อเรำปลูกส้มแบบเกษตรอินทรีย์ เรำไม่ได้ลงทุนมำก ตั้งแต่ต้นปีมำใช้ไป ไม่กี่พันบำท ชำวบ้ำนไม่เหม็นยำเคมี ไม่มีมลภำวะ สภำพร่ำงกำยเรำดีขึ้นทันตำเห็น ตอนแรกคิดว่ำทำยำก เดี๋ยวนี้รู้แล้ว อยำกให้คนปลูกส้มแบบใช้สำรเคมีหันมำทำแบบเรำกันมำกขึ้น 71. ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อควำมข้ำงต้น 1. ผู้พูดเพิ่งเริ่มอำชีพเกษตรกรรมเป็นครั้งแรก 2. ไร่ส้มอินทรีย์ทำได้ง่ำยและได้ผลดีหลำยด้ำน 3. กำรปลูกส้มแบบใช้สำรเคมีมีต้นทุนสูงกว่ำแบบอินทรีย์มำก 4. ผู้พูดพอใจที่แข็งแรงขึ้นเพรำะไม่ต้องสูดดมสำรเคมี
  • 40. 40 72. ข้อใดเป็นเจตนำของผู้พูด 1. บอกกล่ำวให้คนรู้จักผลงำนเกษตรอินทรีย์ที่ตนทำอยู่ 2. ตักเตือนให้คนระวังในกำรกินส้มที่ปลูกแบบใช้สำรเคมี 3. ชักชวนเพื่อนเกษตรกรให้เปลี่ยนมำทำไร่แบบเกษตรอินทรีย์ 4. แนะนำคุณค่ำของส้มที่ได้จำกไร่แบบเกษตรอินทรีย์ อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำม ข้อ 73-74 คนเรำถึงจะเป็นใหญ่ปำนใดก็ดี ยังคงมีผู้อื่นหรือสิ่งอื่นที่ใหญ่กว่ำ ซึ่งถ้ำเป็นผู้มีควำมคิดชอบก็จะต้อง เคำรพนับถือ แม้พระบรมศำสดำที่เรำนิยมว่ำประเสริฐกว่ำมนุษย์ทั้งปวงก็ยังทรงแสดงคำรวะต่อพระธรรม 73. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้ว่ำเป็นบุคลิกภำพของผู้เขียน 1. มีคุณธรรม 2. อ่อนน้อมถ่อมตน 3. มีควำมคิดเฉียบคม 4. มีควำมรู้ทำงวิชำกำรสูง 74. ผู้เขียนใช้วิธีกำรนำเสนอตำมข้อใด 1. ยกตัวอย่ำงประกอบให้เห็นจริง 2. เปรียบเทียบให้เห็นภำพ 3. อธิบำยโดยกำรนิยำม 4. บรรยำยให้รู้กระจ่ำงชัด 75. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้จำกข้อควำมต่อไปนี้ กำรไม่กินอำหำรเช้ำจะทำให้ร่ำงกำยขำดพลังงำน และจะมีผลต่อกำรเรียนรู้และควำมจำ เพรำะ สำรอำหำรหลักที่ให้พลังงำนคือกลูโคสจำกอำหำร ดังนั้นกำรกินอำหำรเช้ำจึงทำให้สมองทำงำนได้ดี โดยเฉพำะเด็กนักเรียนจะช่วยให้มีสมำธิในกำรเรียน 1. นักเรียนควรกินอำหำรเช้ำเพรำะจะช่วยให้เรียนหนังสือได้ดีขึ้น 2. ผู้ใหญ่อำจงดอำหำรเช้ำได้เพรำะไม่ได้อยู่ในวัยเรียน 3. ทุกคนควรกินอำหำรเช้ำเพรำะจะช่วยกำรทำงำนของสมอง 4. อำหำรเช้ำมีประโยชน์เพรำะทำให้ร่ำงกำยได้รับพลังงำน
  • 41. 41 76. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้ ตำรำอำหำรจีนยกให้สำลี่เป็น “สุดยอดแห่งผลไม้” เนื่องจำกมีรสชำติหวำนเย็นและมีคุณค่ำทำงอำหำรสูง เพรำะมีธำตุอำหำร เช่น เบตำแคโรทีนและวิตำมินซี สำลี่มีหลำยพันธุ์ แต่ที่แพร่หลำยก็คือสำลี่หอมและสำลี่ หิมะ 1. ข้อมูลพันธุ์สำลี่ 2. ประโยชน์ของสำลี่ 3. วิธีกำรเลือกซื้อสำลี่ 4. ควำมนิยมในกำรรับประทำนสำลี่ 77. ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อควำมต่อไปนี้ เนื่องจำกนักดำน้ำต้องทำงำนอยู่ภำยใต้ควำมกดดัน ต่อสู้กับกระแสน้ำ คลื่นลม ควำมหนำวเย็น ควำมโดดเดี่ยว อันตรำยจำกสัตว์ทะเล และโรคที่เกิดขึ้นจำกกำรดำน้ำ ดังนั้นผู้ที่จะทำงำนใต้น้ำจะต้อง เป็นผู้ที่แข็งแรงทั้งร่ำงกำยและจิตใจ มีสติ มีกำรตัดสินใจในกำรแก้ปัญหำได้ดี 1. ผู้ทำงำนใต้น้ำทุกคนต้องมีร่ำงกำยสมบูรณ์ 2. ควำมโดดเดี่ยวทำให้นักดำน้ำเป็นโรคที่เกิดจำกกำรดำน้ำ 3. กระแสน้ำ คลื่นลม และอุณหภูมิเป็นปัญหำในกำรทำงำนใต้น้ำ 4. อุปสรรคในกำรทำงำนใต้น้ำอำจผ่ำนพ้นไปได้เพรำะควำมมีสติ 78. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้ ถนนพหลโยธินเป็นชื่อทำงหลวงที่เชื่อมกรุงเทพฯ กับจังหวัดทำงเหนือของไทย ตั้งชื่อเป็นอนุสรณ์ แก่พันเอก พระยำพหลพลหยุหเสนำ (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้ำคณะรำษฎร ผู้นำกำรเปลี่ยนแปลงกำร ปกครอง พ. ศ. 2475และอดีตนำยกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย รัฐบำลให้ตั้งชื่อว่ำถนนพหลโยธิน เมื่อวันที่ 10 ธันวำคม พ.ศ. 2493 1. ที่มำของชื่อถนน 2. ผู้ตั้งชื่อถนน 3. ปีที่สร้ำงถนน 4. ประโยชน์ใช้สอยของถนน 79. ข้อใดเป็นแนวคิดของข้อควำมต่อไปนี้ ไม่สำคัญหรอกว่ำชีวิตนี้เคยล้มหรือไม่เคยล้ม แต่อยู่ที่ว่ำสำมำรถลุกขึ้นได้ทุกครั้งที่ล้มหรือไม่ บำงคน เพรำะล้มจึงได้รู้ข้อผิดพลำด แล้วนำจุดที่เคยพลำดพลั้งนั้นมำทำกำไรให้ชีวิตในอนำคต จนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง 1. ทุกคนล้วนแต่เคยสมหวังและผิดหวังในชีวิตมำแล้ว 2. กำรยอมแพ้อุปสรรคย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร 3. กำรนำข้อผิดพลำดมำเป็นบทเรียนทำให้ชีวิตประสบควำมสำเร็จได้ 4. กำรฟื้นฟูกิจกำรที่ล้มเหลวให้ได้กำไรไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยที่จะกระทำ
  • 42. 42 80. ผู้เขียนเจตนำจะให้แนวคิดตำมข้อใด ธรรมดำภำษำของชำติที่กำลังเจริญย่อมจะเดินไปข้ำงหน้ำเสมอ แต่ถ้ำเดินเข้ำป่ำเข้ำรกหนักเข้ำก็ถ่วง ควำมเจริญลงไป 1. ธรรมชำติของภำษำต้องมีกำรเปลี่ยนแปลง 2. ควำมเจริญของชำติบ้ำนเมืองอยู่ที่ภำษำ 3. ภำษำเปลี่ยนแปลงได้แต่ต้องมีขอบเขต 4. ชำติที่กำลังพัฒนำควรพัฒนำภำษำด้วย 81. ข้อใดเหมำะจะเติมลงช่องว่ำงในโคลงสองสุภำพ 2 บทนี้ ของคำวพลันเสพแล้ว ยำมสุริยเคลื่อน (ก) . ลับไม้หมดศรี ของหวำน (ข) ลูกไม้ หลำยสิ่งเสำะหำได้ แต่ล้วนอย่ำงดี นักนอ 1. (ก) คล้อย (ข) นี่ 2. (ก) ที่ (ข) พำน 3. (ก) คลำด (ข) เป็น 4. (ก) แคล้ว (ข) มี 82. ข้อควำมต่อไปนี้เมื่อจัดวรรคถูกต้องตำมฉันทลักษณ์จะเป็นคำประพันธ์ชนิดใด เสด็จพ้นทวำเรศข้ำมคูเวียงหวั่นฤทัยท่ำนเพียงจักว้ำพระองค์ก็อ่อนเอียงเอนอำสน์อกระรัวมัวหน้ำ สั่นส้ำนเสียวแสยง 1. โคลง 2. กลอน 3. ฉันท์ 4. ร่ำย 83. คำกล่ำวในข้อใดไม่ต้องกำรคำตอบจำกคู่สนทนำ 1. นี่ลูกเต้ำของใครได้ไหนมำ ดูหน้ำตำยิ้มย่องผ่องแผ้ว 2. ยังเล็กนักได้สักกี่เดือนแล้ว ลูกแก้วจงแถลงแจ้งกิจจำ 3. ใครแกงฟักขึ้นมำเวลำนี้ ไปหำตัวมำนี่อย่ำได้ช้ำ 4. ถ้ำหนุ่มแน่นแม้นเหมือนแต่ก่อนไซร้ จะเกรงกลัวอะไรกับไพรี
  • 43. 43 84. ข้อใดใช้สัมผัสเพียงชนิดเดียว 1. พักตร์น้องละอองนวลปลั่งเปล่ง 2. งำมประหลำดเลิศล้ำเลขำ 3. อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ 4. ดังกินรีลงสรงคงคำลัย 85. ข้อใดมีลักษณะเป็นบทรำพันนิรำศอย่ำงเห็นได้ชัด 1. ชมพนมพนำเวศห้วย เหวหิน 2. ทุกเซำะซอกศีขริน ร่องน้ำ 3. จักชวนแม่สรงสินธุ์ แสนสนุก 4. สนำนอุทกท่ำถ้ำ เถื่อนท้องแถวธำร 86. ข้อใดไม่ใช้ภำพพจน์ 1. หนึ่งส้มเทพรส หวำนปรำกฏรสแนบเนียน ส้มเหม็นหล่นอำเกียรณ์ เปลือกบำงอ่อนหนอนชอบใจ 2. อย่ำงหนึ่งส้มสันดำน หมอใช้กำรยำสำคัญ เรียกชื่อส้มเหมือนกัน กินบได้ใช้ทำยำ 3. ส้มหนึ่งสีผิวเหลือง มำแต่เมืองตรังกำนู รสชำติก็พอดู รสสนิทหวำนปำนตำลชิม 4. พรรณหนึ่งเรียกส้มจุก ผลห่ำมสุกดูสลอน เปลือกบำงคิดบังอร โฉมแบบบำงร่ำงอย่ำงเขียน 87. คำประพันธ์ต่อไปนี้ใช้ภำพพจน์กี่แห่ง พระนักสิทธิ์พิศดูเป็นครู่พัก หัวร่อหนักรูปร่ำงมันช่ำงขัน เมื่อตัวเดียวเจียวกลำยเป็นหลำยพันธุ์ กำลังมันมำกนักเหมือนยักษ์มำร กินคนผู้ปูปลำหญ้ำใบไม้ มันทำได้หลำยเล่ห์อ้ำยเดรฉำน เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิลลิ้นเป็นปำน ถึงเอำขวำนฟันฟำดไม่ขำดรอน 1. 1 แห่ง 2. 2 แห่ง 3. 3 แห่ง 4. 4 แห่ง
  • 44. 44 ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 88-89 ไป่ถำมปรำชญ์บ่พร้อง พำที เปรียบดั่งเภรีตี จึ่งครื้น คนพำลพวกอวดดี จักกล่ำว ถำมบ่ถำมมันฟื้น เฟื่องถ้อยเกินถำม 88. ผู้แต่งไม่ใช้กลวิธีตำมข้อใด 1. ซ้ำคำ 2. เล่นคำ 3. ภำพพจน์ 4. สัมผัสพยัญชนะ 89. ข้อใดเป็นจุดประสงค์ของผู้แต่ง 1. สอนไม่ให้เป็นคนพูดโอ้อวด 2. แนะให้คบนักปรำชญ์ที่สงวนคำพูด 3. สอนมิให้เอำอย่ำงคนอวดดี 4. แนะให้เป็นผู้ฟังมำกกว่ำเป็นผู้พูด 90. ข้อควำมต่อไปนี้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องอะไร หัวล้ำนได้หวี ตำบอดได้แว่น 1. กำรได้รับของที่พ้นสมัย 2. กำรได้รับของที่ผู้ได้รับรังเกียจ 3. กำรได้รับของที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ได้ 4. กำรได้รับของที่ปรำศจำกคุณค่ำ 91. ข้อใดเป็นเจตนำของผู้แต่งคำประพันธ์ต่อไปนี้ อันควำมคิดวิทยำเหมือนอำวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย 1. สอนให้รู้จักเลือกใช้อำวุธและสติปัญญำให้ถูกเวลำ 2. สอนเรื่องกำรใช้สติปัญญำและควำมรู้ให้ถูกจังหวะ 3. แนะนำวิธีกำรใช้อำวุธให้เกิดผลดีตำมควำมปรำรถนำ 4. แนะนำวิธีกำรเก็บอำวุธเพื่อให้คมกริบเหมือนมีสติปัญญำอยู่เสมอ
  • 45. 45 ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 92-93 1. อันผัวพี่ดีเหลือเป็นเนื้อหน่อ เห็นต่อจะบุญหนักศักดิ์ใหญ่ รูปร่ำงน้อยจ้อยอร่อยใจ จงกอดไว้เถิดคะอย่ำละวำง 2. เออคะกระนั้นและจริงอยู่ รูปร่ำงผัวกูไม่สู้เหมำะ ที่ไหนจะงำมพร้อมเหมือนหม่อมเงำะ ใครเห็นก็หัวเรำะว่ำรูปงำม 3. ถึงพี่จะรุ่งเรืองไปเบื้องหน้ำ ก็ไม่พึ่งวำสนำอย่ำอวดอ้ำง ดีแต่จะมำพำนรำนทำง ไม่อดสูใจบ้ำงหรืออย่ำงไร 4. จึงออกมำว่ำกับลูกสำว ช่ำงทำควำมงำมฉำวอีคนชั่ว เสียยศเสียศักดิ์ไม่รักตัว เลือกผัวได้เงำะเห็นเหมำะใจ 92. ข้อใดไม่มีน้ำเสียงประชด 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4 93. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงบุคคลที่ 3 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4 94. ข้อใดมีถ้อยคำแสดงอำรมณ์ของตัวละคร 1. ครั้นอ่ำนสำรเสร็จสิ้นพระทรงฤทธิ์ ถอนฤทัยแล้วคิดสงสัย 2. บุษบำจะงำมสักเพียงไร จึงต้องใจระตูทุกบุรี 3. เชิญเสด็จคลำไคลไปก่อน แล้วจึงค่อยผันผ่อนมำกรุงศรี 4. แม้นงำมเหมือนจินตะหรำวำตี ถึงจะเสียชีวีก็ควรนัก 95. ข้อใดตีควำมได้ตรงกับข้อควำมต่อไปนี้ ลำภยศถำบรรดำดีที่มีอยู่ รวยเลิศหรูอยู่เรือนทองสองล้ำนสำม สมบัติมำกลำกไม่ไหวใครจะปรำม สุดท้ำยหำมแต่ร่ำงเน่ำเท่ำนั้นเอง 1. บำงคนโชคดีได้ลำภยศและเงินทองโดยไม่มีใครขวำงได้ 2. คนเรำไม่ควรโลภมำกเอำแต่ตักตวงควำมร่ำรวย ในที่สุดก็แบกไม่ไหว 3. สมบัติทั้งหลำยไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน มีควำมเปลี่ยนแปรอยู่เสมอ 4. คนเรำเมื่อถึงครำวตำยก็เอำเกียรติยศและทรัพย์สินติดตัวไปไม่ได้
  • 46. 46 96. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในคำประพันธ์ต่อไปนี้ ชนใดมีชำติเชื้อ เลวทรำม เพียรอุตส่ำห์พยำยำม หมั่นหมั้น อยู่บดอยู่ฝนควำม รู้แก่ เกินแฮ กลับยศใหญ่ยิ่งชั้น เช่นเชื้อผู้ดี 1. คนเรำควรตั้งอยู่ในควำมขยันหมั่นเพียร 2. กำรแสวงหำควำมรู้เป็นประจำนำไปสู่ควำมสำเร็จ 3. คนนิสัยเลวอำจเปลี่ยนกลับกลำยเป็นคนนิสัยดีได้ 4. คนที่มีกำเนิดต่ำอำจพัฒนำจนเปลี่ยนสถำนภำพให้สูงขึ้นได้ 97. คำประพันธ์ในข้อใดกล่ำวถึงสิ่งที่แสดงวัฒนธรรมไทย 1. ยำตรยำตรบำทห่อนกระชั้น ช่วงเท้ำเทำเสมอ 2. แก้วก่องทองสลับล้วน ร่วงรุ้งเรืองแสง 3. แห่อยู่สองข้ำงเข้ำ คู่คล้อยเคียงไคล 4. บังแทรกสองคู่สล้ำย สลับริ้วฉัตรเรียง 98. คำประพันธ์ในข้อใดไม่แสดงควำมเชื่อของคนไทย 1. ชำตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอำชำติใหม่ 2. ถ้ำวำสนำเรำเคยบำรุงรัก ก็จะเป็นภักษ์ผลสืบไป 3. กรรมเวรสิ่งใดดังนี้ ทูลพลำงโศกีรำพัน 4. จะได้รองเบื้องบำทำ ไปกว่ำจะสิ้นชีวี 99. ข้อใดมีชื่อดอกไม้มำกที่สุด 1. ชมสร้อยฟ้ำสำรภียี่สุ่นเทศ 2. พิกุลบุนนำคนมสวรรค์ 3. กิ่งกำหลงชงโคมะลิวัลย์ 4. เกดแก้วจำปำมหำหงส์ 100. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึง “ช้ำง” 1. งำมเร่งงำมโทท้ำว ท่ำนสู้ศึกสำร 2. สำรทรงรำชรำมัญ ลงล่ำง แลนำ 3. ไพเรำะรำชสุภำ ษิตสื่อ สำรนำ 4. ตรึกอกพกตกขว้ำ อยู่เบื้องบนสำร
  • 47. 47 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ปลาย 2553 ส่วนที่ 1 : แบบระบำยคำตอบให้สัมพันธ์กัน แต่ละข้อมี 2 คำถำม คือ ก. และ ข. ต้องตอบให้ถูกครบทั้ง ก. และ ข. จึงจะได้คะแนน จำนวน 10 ข้อ (ข้อ 1-10) ข้อละ 1 คะแนน ตัวอย่าง (ส่วนที่ 1) 1. ดวงใจ (ก) ตำข้ำงขวำ หมอดู (ข) ว่ำเธอจะโชคดี ก. 1. ขยี้ ข. 1. ทักทำย 2. ขยิบ 2. ทำนำย 3. เขม่น 3. ทักท้วง 4. เขม้น 4. ท้วงติง ตัวอย่ำงกระดำษคำตอบ (ส่วนที่ 1)         1. เรียงลำดับข้อควำมต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข. 1) ในสมัยโบรำณผู้พูดภำษำเดียวกันมีจำนวนน้อยและอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเดียว 2) อำจเป็นเพรำะจำนวนพลเมืองมีมำกขึ้นหรือหนีภัยธรรมชำติ หรือเกิดโรคระบำด 3) ต่อมำมีเหตุต่ำงๆ ทำให้คนที่พูดภำษำเดียวกันนั้นต้องแยกย้ำยไปอยู่ต่ำงถิ่น 4) เมื่อเวลำผ่ำนไปนำนเข้ำ ภำษำของคนที่อยู่ในแต่ละถิ่นจึงเปลี่ยนแปลงไป ก. เมื่อเรียงลำดับแล้ว ข้อใดเป็นลำดับที่ 2 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4 ปีการศึกษา ก ข
  • 48. 48 ข. เมื่อเรียงลำดับแล้ว ข้อใดเป็นลำดับสุดท้ำย 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4 2. จงเลือกคำในข้อ ก. และ ข้อ ข. ที่เหมำะสมจะเติมลงในช่องว่ำงตำมลำดับ ในตอนต้นของพิธี อธิกำรบดี ก. เกี่ยวกับกำรผลิตบัณฑิตประจำปี ในตอนท้ำยของพิธี สมเด็จพระนำงเจ้ำฯ พระบรมรำชินีนำถ ข. แก่บัณฑิตในหอประชุม ก. 1. กรำบทูลรำยงำน 2. กรำบทูลถวำยรำยงำน 3. กรำบบังคมทูลรำยงำน 4. กรำบบังคมทูลถวำยรำยงำน ข. 1. พระรำชทำนพระรำชดำรัส 2. พระรำชทำนพระรำชเสำวนีย์ 3. พระรำชทำนพระรำโชวำท 4. พระรำชทำนพระบรมรำโชวำท 3. จงเลือกคำในข้อ ก. และ ข้อ ข. ที่เหมำะสมจะเติมลงในช่องว่ำงตำมลำดับ หลังจำกกรรมกำรมำครบ ก. แล้ว ประธำนขอให้ที่ประชุมพิจำรณำ ข. ครั้งที่แล้ว เมื่อไม่มี กำรแก้ไขที่ประชุมมีมติรับรอง ก. 1. ตำมรำยชื่อ 2. จำนวน 3. องค์ประชุม 4. องค์คณะ ข. 1. เอกสำรกำรประชุม 2. รำยงำนกำรประชุม 3. หัวข้อกำรประชุม 4. ระเบียบวำระกำรประชุม
  • 49. 49 4. ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข. วัตถุดิบที่จะผลิตเครื่องปั้นดินเผำมีหลำยอย่ำง เพื่อให้ได้คุณภำพตำมควำมต้องกำรที่จะใช้ประโยชน์ ก. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำนำมกี่คำ 1. 4 คำ 2. 5 คำ 3. 6 คำ 4. 7 คำ ข. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำกริยำหลักกี่คำ 1. 3 คำ 2. 4 คำ 3. 5 คำ 4. 6 คำ 5. ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข. เนื่องจำกวิถีดำเนินชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป ทั้งพ่อบ้ำนและแม่บ้ำนต้องทำงำนหำรำยได้ให้เพียงพอ จึงไม่มีเวลำมำกในกำรปรุงอำหำร ก. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำบุพบทกี่คำ 1. 2 คำ 2. 3 คำ 3. 4 คำ 4. 5 คำ ข. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำสันธำนกี่คำ 1. 2 คำ 2. 3 คำ 3. 4 คำ 4. 5 คำ 6. ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข. ได้ฟังหลำนท่ำนย่ำน้ำตำตก สะอื้นอกอำดูรว่ำทูนหัว ก. ข้อควำมข้ำงต้นมีพยำงค์ที่ปรำกฏเสียงพยัญชนะท้ำยกี่พยำงค์ 1. 9 พยำงค์ 2. 10 พยำงค์ 3. 11 พยำงค์ 4. 12 พยำงค์
  • 50. 50 ข. ข้อควำมข้ำงต้นมีคำที่รูปวรรณยุกต์ไม่ตรงกับเสียงวรรณยุกต์กี่คำ 1. 3 คำ 2. 4 คำ 3. 5 คำ 4. 6 คำ 7. ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข. 1) พระอุตส่ำห์เงือดงดสะกดจิต 2) มิได้คิดมุ่งมำดปรำรถนำ 3) แกล้งทำสำรวมหลับตำ 4) ก้มหน้ำนิ่งอยู่ไม่ดูไป ก. ข้อใดประกอบด้วยคำหรือพยำงค์ที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะต้นเดี่ยวทั้งหมด 1. ข้อ 1) 2. ข้อ 2) 3. ข้อ 3) 4. ข้อ 4) ข. ข้อใดมีเสียงสระประสม 1. ข้อ 1) และ ข้อ 2) 2. ข้อ 3) และ ข้อ 4) 3. ข้อ 1) และ ข้อ 3) 4. ข้อ 2) และ ข้อ 4) 8. ใช้ข้อควำมในพจนำนุกรมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข. คำนัล(กลอน) ก. เฝ้ำเจ้ำนำย. (ข. คนำล่). คำนึง ก. คิดทบทวน, นึกตรอง, คะนึง ก็ว่ำ. คำนูณ ก. คูณ, ทบ, ทำให้มำกขึ้นตำมส่วน. คำโบล (โบ) ก. ลูบ, ลูบคลำ, ลูบไล้. (ดู กาโบล). คำฝอย น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Carthamus tinctorius L. ในวงศ์ Compositae ดอกใช้ทำยำได้. คำเพลิง [-เพฺลิง] น. ปืน. (ข. กำเภลิง).
  • 51. 51 ก. คำที่ใช้เฉพำะแห่งมีกี่คำ 1. 1 คำ 2. 2 คำ 3. 3 คำ 4. 4 คำ ข. คำที่ต่อจำก “คำเพลิง” ต้องเป็นคำใด 1. ค่ำ 2. คำแหง 3. คำง 4. คำรน 9. ใช้ข้อมูลบรรณำนุกรมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ ก. และ ข้อ ข. รศ.ดร.สุนันท์ อัญชลีนุกูล. 2548. ระบบคำภำษำไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โครงกำรเผยแพร่ ผลงำนวิชำกำร คณะอักษรศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย. ก. ข้อใดไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในกำรเขียนบรรณำนุกรมข้ำงต้น 1. คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง 2. ครั้งที่พิมพ์ 3. ปีที่พิมพ์ 4. หน่วยงำนที่พิมพ์เผยแพร่ ข. ในกำรเรียงลำดับบรรณำนุกรมชื่อผู้แต่งในข้อใดควรเรียงต่อจำกบรรณำนุกรมข้ำงต้น 1. รัชนีย์ญำ กลิ่นน้ำหอม. . 2. รุจนี วิรำนันท์. . 3. สุวคนธ์ จงตระกูล. . 4. สุนำรี ภวภูตำนนท์ฯ. . 10. ข้อใดเหมำะจะเติมลงช่องว่ำงในโคลงสองสุภำพ 2 บทนี้ ควำมเจ็บกำยบอบช้ำ บวมเบ่งบ้ำงเขียว ก. . ดั่งบ้ำยหมึกมอม ร่ำงกำย ข. เหือดแห้ง เข่ำขัดเหยียดขำแข้ง ขัดข้องกีดขวำง ก. 1. เข้ม 2. ขำ 3. คล้ำ 4. แก่
  • 52. 52 ข. 1. ซูบ 2. ผอม 3. เหี่ยว 4. พร้อม ส่วนที่ 2 แบบปรนัย 4 ตัวเลือกแต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 80 ข้อ (ข้อ 11-90) ข้อละ 1 คะแนน 11. จำกข้อควำมต่อไปนี้ ก. คืออะไร - ประเทศที่ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็น ก. ยังสำมำรถปลูกส้มเป็นสินค้ำออกได้ - หลำยประเทศพยำยำมปลูกป่ำเพื่อลดพื้นที่ของ ก. - กำรลดลงของ ก. หมำยถึงกำรลดพำยุฝุ่นและพำยุทรำย - พำยุทรำยเป็นอันตรำยอย่ำงยิ่งต่อกำรเดินทำงใน ก. 1. ป่ำแห้งแล้ง 2. ทะเลทรำย 3. ที่ดอน 4. ที่รกร้ำง 12. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้ กระท้อนเป็นไม้ยืนต้นขนำดใหญ่ ผลเป็นรูปวงกลม เนื้อที่ติดกับเปลือกผลมีรสหวำนอมเปรี้ยว กระท้อนนำมำปรุงเป็นอำหำรคำวหวำนหลำยชนิด เช่น แกงคั่วกระท้อน กระท้อนลอยแก้ว คนโบรำณ นำรำกกระท้อนมำสุมไฟพอให้เป็นถ่ำนแล้วรับประทำนแก้ไข้ตัวร้อน บำบัดอำกำรไข้รำกสำดและโรคบิด 1. ประโยชน์ของกระท้อน 2. ตำรับยำจำกกระท้อน 3. ลักษณะทั่วไปของกระท้อน 4. ฤดูกำลออกผลของกระท้อน ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 13-14 เด็กชั้นประถมปลำยประกวดออกแบบหุ่นยนต์ ส.ส. แบบต่ำงๆ บำงตัวมีตำรอบตัวคอยสอดส่องไม่ให้ เกิดคอรัปชั่นในบ้ำนเมือง บำงตัวมีหูใหญ่คอยรับฟังควำมเห็นของชำวบ้ำน บำงตัวมีมือใหญ่สำมำรถ ช่วยเหลือประชำชนได้ทันที ส่วนตัวที่เคลื่อนที่ได้ว่องไวก็จะเข้ำถึงพื้นที่เพื่อบรรเทำควำมเดือดร้อนได้เร็ว 13. ข้อใดไม่ใช่แนวคิดของเด็กในกำรสร้ำงหุ่นยนต์ ส.ส. 1. ต่อต้ำนกำรทุจริตในบ้ำนเมือง 2. ส่งเสริมให้มีควำมคิดสร้ำงสรรค์ก้ำวหน้ำ 3. ให้เอำใจใส่ควำมทุกข์ยำกของประชำชน 4. แก้ไขปัญหำควำมลำบำกของคนในสังคม
  • 53. 53 14. ผู้เขียนมีเจตนำอย่ำงไร 1. ให้ควำมรู้ 2. ให้ข้อคิด 3. วิพำกษ์วิจำรณ์ 4. นำเสนอข้อเท็จจริง 15. ผู้กล่ำวข้อควำมต่อไปนี้เน้นเรื่องใดเป็นสำคัญ “ขอให้พวกเรำมีควำมเข้มแข็งที่จะกระทำเรื่องที่สมควรกระทำ มีควำมอดทนและเข้ำใจเรื่องที่เรำไม่ สำมำรถเปลี่ยนแปลงได้ และมีควำมฉลำดพอที่จะแยกแยะได้ว่ำเรื่องใดเรำจะทำได้ หรือเรื่องใดเหนือ ควำมสำมำรถที่เรำจะเปลี่ยนแปลงได้” 1. พลังและควำมสำมำรถ 2. ควำมมุ่งมั่นและสติปัญญำ 3. เรื่องที่ควรกระทำและไม่ควรกระทำ 4. เรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ 16. ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อควำมต่อไปนี้ “กินแต่ผักสวยๆ พวกนี้ คนกินสะสมพิษ คนปลูกสะสมหนี้” 1. ผักสวยๆ พวกนี้อำจใช้ยำฆ่ำแมลง 2. ผู้ปลูกผักสวยๆ พวกนี้ต้องใช้เงินทุนมำก 3. ผักสวยๆ พวกนี้ไม่มีศัตรูพืชรบกวน 4. ผู้บริโภคผักสวยๆ พวกนี้ต้องจ่ำยเงินมำกขึ้น 17. ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อควำมต่อไปนี้ ผู้เชี่ยวชำญด้ำนผิวพรรณได้กล่ำวถึงสำเหตุของผิวหมองคล้ำและจุดด่ำงดำว่ำปัญหำของผู้หญิงไทย ส่วนใหญ่คือปัญหำสีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นฝ้ำจุดด่ำงดำและกระ ส่วนปัญหำริ้วรอยเป็นปัญหำรองลงมำ ปัจจัยของปัญหำหมองคล้ำมีทั้งปัจจัยภำยในได้แก่พันธุกรรม และปัจจัยภำยนอกได้แก่แสงแดดช่วง 09.00-16.00 น. และมลภำวะ 1. ผิวหมองคล้ำเกิดจำกพันธุกรรม 2. ผิวหมองคล้ำเกิดจำกถูกแสงแดดจัด 3. ผิวหมองคล้ำเกิดจำกกำรมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ 4. ผิวหมองคล้ำเป็นปัญหำสำคัญของผู้หญิงไทย
  • 54. 54 ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 18-19 นักวิทยำศำสตร์พบว่ำลิงชิมแปนซีรู้จักแสดงควำมเศร้ำโศกกับกำรตำยของญำติพี่น้องได้เช่นเดียวกับ มนุษย์ พวกมันรู้จักสำงขนและลูบไล้ปรนนิบัติให้แก่ลิงตัวเมียที่ตำยและยังคงอยู่กันเงียบๆ ไม่คึกคัก หลังจำกนั้นต่อมำอีกหลำยวัน เคยมีผู้เห็นลิงตัวเมียบำงตัวอุ้มซำกลูกที่ตำยแล้วไปมำเป็นเวลำนำนหลำย อำทิตย์ นักวิทยำศำสตร์ยังพบอีกว่ำลิงซิมแปนซีและมนุษย์มีดีเอ็นเอแบบเดียวกันอยู่มำกถึงร้อยละ 99 18. ข้อใดเป็นใจควำมสำคัญของข้อควำมข้ำงต้น 1. ลิงซิมแปนซีและมนุษย์มีพฤติกรรมเหมือนกัน 2. ลิงซิมแปนซีและมนุษย์มีอำรมณ์ควำมรู้สึกเหมือนกัน 3. ลิงซิมแปนซีและมนุษย์มีดีเอ็นเอเหมือนกันถึง 99 เปอร์เซ็นต์ 4. ลิงซิมแปนซีและมนุษย์เกือบเหมือนกันทั้งทำงกำยภำพและจิตใจ 19. ข้อความข้างต้นเป็นโวหารชนิดใด 1. สาธกโวหาร 2. อธิบายโวหาร 3. บรรยายโวหาร 4. พรรณนาโวหาร 20. ข้อใดไม่ใช่ควำมรู้สึกของผู้พูดข้อควำมต่อไปนี้ “พอมีประสบกำรณ์ตกงำนบ่อยเข้ำ ทั้งๆ ที่เรียนจบปริญญำเอก เรำก็เริ่มเข้ำใจชีวิตแล้วว่ำ คนเรำ ไม่ควรยึดติดกับวุฒิกำรศึกษำ จำกเดิมที่เคยลำพองก็ไม่เหลือแล้ว คิดเพียงว่ำทำงำนอะไรก็ได้ที่ไม่ผิด กฎหมำยและได้เงินมำประทังชีวิต” 1. เคียดแค้น 2. ขมขื่น 3. ปลงตก 4. ผิดหวัง 21. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้ว่ำเป็นลักษณะของผู้กล่ำวข้อควำมต่อไปนี้ “ชอบให้หนังสือดีๆ แก่เพื่อนๆ เหมือนเวลำเรำได้กินอะไรที่มีประโยชน์และอร่อยๆ ก็อยำกให้คนอื่น ได้ชิมบ้ำง” 1. ชอบกินอำหำรแปลกๆ 2. รู้จักเผื่อแผ่ผู้อื่น 3. ชอบอ่ำนหนังสือ 4. รู้จักเลือกของที่มีคุณค่ำ
  • 55. 55 22. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดเป็นใจควำมสำคัญ 1) เมื่อเกิดบำดแผลขึ้น กำรล้ำงทำควำมสะอำดแผลจะทำให้แผลหำยเร็วและลดกำรอักเสบจำกกำร ติดเชื้อได้ / 2) กรณีบำดแผลเล็กแต่ลึก กำรทำควำมสะอำดสำคัญมำก / 3) แผลเล็กลึกเช่นตะปูตำต้องทำ ควำมสะอำดลึกลงไป / 4) บำงครั้งปำกแผลปิดแต่ข้ำงในยังไม่หำยอำจจะอักเสบหรือเป็นบำดทะยักได้ 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 23. ข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงในข้อควำมต่อไปนี้ เท่ำที่เดินดูตำมร้ำนก็เห็นว่ำอำหำรสะอำดพอใช้ แต่จะสดหรือเปล่ำไม่แน่ใจ เห็นปูนึ่งอยู่ในซึ้งและ หอยแครงอยู่ในถุงพลำสติก ที่น่ำกลัวก็คือแม่ค้ำทั้งหลำยอุ่นหอยแครงทั้งถุงพลำสติก เลยไม่รู้ว่ำเนื้อหอย หนึบๆ เพรำะพลำสติกหรือตัวหอยจริงๆ 1. ควำมสดควำมสะอำดของอำหำร 2. รสชำติของอำหำร 3. ชนิดของอำหำร 4. อันตรำยจำกอำหำร 24. จำกข้อควำมต่อไปนี้ ข้อใดไม่ใช่เป้ำหมำยที่ต้องกำรให้เกิดขึ้น นิยำมใหม่ของโรงเรียน ตชด. = โรงเรียนตระเวนช่วยเด็กภำยใต้แนวคิดที่จะปั้นโรงเรียนดีๆ เพื่อเป้ำหมำยชุมชนที่ยั่งยืน โรงเรียนดี + สภำพแวดล้อมดี = เด็กดีมีควำมสุข  ชุมชนยั่งยืน 1. คุณภำพของโรงเรียน 2. คุณภำพของนักเรียน 3. คุณภำพของชุมชน 4. คุณภำพของสภำพแวดล้อม ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 25-26 ปัจจุบันคนวัยผู้ใหญ่จำนวนมำกกว่ำ 1,000 ล้ำนคนทั่วโลกมีน้ำหนักเกิน และ 350 ล้ำนคนในจำนวนนั้น เป็นโรคอ้วน ประเทศไทยมีคนอ้วนเพิ่มขึ้นอย่ำงมำกภำยใน 5 ปีที่ผ่ำนมำ ขณะนี้มีคนอำยุมำกกว่ำ 35 ปี อ้วน 12 ล้ำนคน กลุ่มผู้บริหำรจะประสบปัญหำภำวะโรคอ้วนมำกถึงร้อยละ 50-60 และในช่วง 8 ปีที่ผ่ำนมำ เด็กไทยอ้วนกว่ำเดิม 3 เท่ำ
  • 56. 56 25. ข้อใดเป็นจุดประสงค์ของผู้เขียนข้อควำมข้ำงต้น 1. ให้ข้อมูลจำนวนคนที่อยู่ในภำวะเป็นโรคอ้วน 2. กระตุ้นให้หำวิธีป้องกันโรคอ้วนของประชำกรไทย 3. เปรียบเทียบจำนวนคนอ้วนระหว่ำงเด็กกับผู้ใหญ่ 4. ชี้ให้เห็นปัญหำสำธำรณสุขที่เกิดจำกโรคอ้วน 26. ข้อใดไม่สัมพันธ์กันตำมข้อควำมข้ำงต้น 1. น้ำหนักโรคอ้วน 2. จำนวนปี จำนวนคนอ้วน 3. เด็กไทย ภำวะโลกอ้วน 4. อำยุ ผู้บริหำร 27. จำกข้อควำมต่อไปนี้เรื่องใดสำคัญที่สุด กำรศึกษำระดับมหำวิทยำลัยนั้น ผู้เรียนจะต้องใช้ทักษะทำงภำษำอยู่เสมอ นักศึกษำต้องฟังคำบรรยำย ถ้ำมีทักษะกำรฟังดีก็จะกลั่นกรองควำมรู้ได้ดี สำมำรถจดบันทึกสำระควำมรู้ที่ได้ฟังพร้อมแสดงควำม คิดเห็นได้ 1. กำรจดบันทึก 2. กำรฟังให้เป็น 3. กำรกลั่นกรองควำมรู้ 4. กำรแสดงควำมคิดเห็น 28. ข้อใดไม่อำจอนุมำนได้จำกข้อควำมต่อไปนี้ หำกรู้จักรักและให้ ไม่ว่ำกับคนใกล้ตัวหรือคนร่วมสังคมจิตใจของเรำจะอิ่มเอิบ สดใส ภำคภูมิใจว่ำได้ ช่วยให้ผู้อื่นยืนอยู่ได้โดยไม่ต้องไปทำสิ่งเลวร้ำยเพียงเพื่อให้ชีวิตรอด 1. บำงคนอำจลักขโมยเพื่อยังชีพของตน 2. คนในสังคมเดียวกันควรมีควำมเมตตำต่อกัน 3. ถ้ำไม่เคยช่วยใครเลยเรำจะพบแต่ควำมทุกข์ใจ 4. ควรรักและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เท่ำที่มีโอกำส ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 29-30 ภำษำไทยมีทั้ง ร และ ล แต่ก่อนผมเคยนึกว่ำเป็นบุญของภำษำ แต่เดี๋ยวนี้กลำยเป็นกรรมเสียแล้ว เพรำะคนไทยทุกวันนี้ไม่เห็นควำมแตกต่ำง หรือมิฉะนั้นก็เห็นว่ำควำมแตกต่ำงถึงมีก็ไม่สำคัญ
  • 57. 57 29. ผู้เขียนมีเจตนำตำมข้อใด 1. ให้คนไทยออกเสียง ร และ ล ให้ถูกต้อง 2. ให้คนไทยเห็นว่ำเสียง ร และ ล มีควำมแตกต่ำงกัน 3. ให้เห็นว่ำลักษณะเด่นของภำษำไทยคือมี ร และ ล ใช้ 4. ให้เลิกใช้ ร และ ลเพรำะคนไทยไม่เห็นควำมแตกต่ำง 30. ข้อใดไม่ใช่วิธีกำรเขียนข้อควำมข้ำงต้น 1. ตำหนิให้สำนึก 2. แจกแจงให้เห็นควำมแตกต่ำง 3. ชี้ให้เห็นปัญหำ 4. ประชดประชันให้ตระหนัก 31. ข้อควำมต่อไปนี้ใช้วิธีอธิบำยตำมข้อใด โอกำดะเป็นวิธีกำรรักษำสุขภำพด้วยกำรใช้พลังธรรมชำติชำระล้ำงทั้งร่ำงกำยและจิตใจ มีวิธีกำร หลำกหลำย เช่น ใช้ศิลปะบำบัด บริโภคอำหำรที่ปรุงจำกผลิตภัณฑ์เกษตรธรรมชำติ ออกกำลังกำย ตำมวิธีที่กำหนด ฯลฯ 1. นิยำมและให้ตัวอย่ำง 2. นิยำมและแนะแนวทำงปฏิบัติ 3. ชี้แจงตำมลำดับขั้นตอนปฏิบัติ 4. ชี้สำเหตุและผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กัน 32. ข้อใดใช้พรรณนำโวหำร 1. คนหำปลำออกจำกกระท่อมแต่เช้ำตรู่ คล้องแหไว้กับท่อนแขน สะพำยข้องตรงไปยังชำยน้ำ 2. คนหำปลำเดินเท้ำเปล่ำไปพร้อมแหในมือ ตำจ้องตรงไปยังผิวน้ำเบื้องหน้ำอย่ำงสงบ 3. ในม่ำนแสงสุดท้ำยของดวงตะวัน คนทอดแหยืนเป็นเงำดำทะมึนอยู่ริมชำยน้ำ 4. นักท่องเที่ยวเฝ้ำสังเกตกำรทอดแหอย่ำงตั้งใจ ก่อนจะเข้ำไปขอดูว่ำปลำในแหมีกี่ตัว 33. ข้อใดใช้ภำษำกำกวม 1. ควำญช้ำงเล่ำว่ำช้ำงของเขำเหยียบแก้วแตก 2. ตำรวจสอบสวนหำคนร้ำยลอบวำงระเบิด 3. ทหำรเกณฑ์กำลังฝึกเดินแถวอย่ำงเข้มแข็ง 4. เด็กคนนั้นได้รับรำงวัลชนะเลิศประกวดร้องเพลงไทย
  • 58. 58 34. ข้อใดใช้คำผิดควำมหมำย 1. เขำเป็นคนใจเสำะ เพื่อนล้อเล่นนิดหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ 2. ตอนที่รถเสียอยู่นอกเมือง ฉันรู้สึกใจชื้นเมื่อเห็นมีรถผ่ำนมำ 3. พอหมอบอกว่ำจะต้องอยู่โรงพยำบำลหลำยวันคุณยำยก็ใจแป้ว 4. เด็กคนนี้ใจแข็ง ถึงจะเจ็บแผลแค่ไหนก็ไม่ร้องเลยสักนิด 35. ข้อใดสะกดถูกทุกคำ 1. มำตรกำร อุดมกำร นำนัปกำร 2. บุคลิกภำพอุปกำรคุณ กิจลักษณะ 3. วิปัสสนำ สัตตบรรณ วัชชพืช 4. สำยสิญจน์ ปฏิสังขรณ์ อำนิสงส์ 36. ประกำศต่อไปนี้ขำดควำมชัดเจนในเรื่องใด เชิญเที่ยวชมทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์ ในช่วงต้นฤดูฝนทุ่งหญ้ำจะเขียวขจีสวยที่สุดในเมืองไทย มีดอกกระเจียวขำวนับหมื่นดอกชูช่อรับฝน ขี่จักรยำนชมทิวทัศน์โดยรอบ เวลำที่เหมำะจะชมควำมสวยงำม คือ 7.00 น. สอบถำมข้อมูลที่ http://www.123thailand.com 1. เวลำดำเนินกำร 2. กิจกรรมในเทศกำล 3. สถำนที่ดำเนินกำร 4. สถำนที่ติดต่อ 37. ข้อใดเป็นโครงสร้ำงของกำรแสดงเหตุผลในข้อควำมต่อไปนี้ ข้อเข่ำเป็นข้อที่มีกำรเคลื่อนไหวมำกต้องรับน้ำหนักตัวของเรำในกิจวัตรประจำวันและกิจกรรมต่ำงๆ ข้อเข่ำมีโอกำสที่จะเกิดกำรเสื่อมได้มำกกว่ำข้ออื่นๆ 1. ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ข้อสนับสนุน 2. ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป 3. ข้อสรุป ข้อสนับสนุน ข้อสรุป 4. ข้อสรุป ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
  • 59. 59 38. ข้อใดมีวิธีกำรใช้เหตุผลต่ำงกับข้ออื่น 1. ควำมรู้เรื่องโภชนำกำรมีควำมจำเป็นต่อชีวิตคนเรำในปัจจุบันมำก กำรดำรงชีวิตสมัยใหม่ทำให้คนไทย กินอำหำรไม่มีประโยชน์ 2. โปรตีนเป็นสำรอำหำรที่จำเป็นต่อคนเรำ เป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ทุกเซลล์ในร่ำงกำย 3. ในแต่ละวันเด็กต้องกำรโปรตีนมำกกว่ำผู้ใหญ่ เด็กต้องนำโปรตีนไปใช้เสริมสร้ำงร่ำงกำยให้ เจริญเติบโต 4. โดยทั่วไปเด็กต้องกำรโปรตีนเป็นอย่ำงยิ่ง เด็กแรกเกิดควรได้รับโปรตีนวันละ 2.3 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 39. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดมีกำรใช้เหตุผล 1) อำกำรของโรคพำร์กินสันจะค่อยเป็นค่อยไป ในระยะแรกๆ ผู้ป่วยอำจจะไม่ทรำบ / 2) บำงคนอำจ มีอำกำรปวดตำมตัว เพลีย สั่น หรือลุกจำกเก้ำอี้ลำบำก / 3) ส่วนใหญ่มักจะวินิจฉัยได้จำกกำรสังเกตของคน ใกล้ชิดว่ำมีอำกำรผิดปกติ / 4) พำร์กินสันเป็นโรคเรื้อรังและจะเป็นมำกขึ้นเรื่อยๆ 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 40. ข้อใดเป็นประเด็นโต้แย้งของข้อควำมต่อไปนี้ กรมทำงหลวงดำเนินกำรขยำยถนนเป็นเส้นทำงเชื่อมต่ออุทยำนแห่งชำติเขำใหญ่ใช้งบประมำณกว่ำ 69 ล้ำนบำท เพื่อลดควำมคับคั่งของกำรจรำจรในวันหยุด แต่กำรตัดถนนนอกจำกจะส่งผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมแล้วยังกระทบต่อควำมเป็นมรดกโลกของเขำใหญ่ด้วย 1. โครงกำรขยำยถนนที่เขำใหญ่ใช้งบประมำณคุ้มค่ำหรือไม่ 2. กำรตัดถนนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจริงหรือไม่ 3. เขำใหญ่จะได้รับกำรพิจำรณำเป็นมรดกโลกหรือไม่ 4. กำรขยำยถนนไปเขำใหญ่ควรดำเนินกำรต่อหรือไม่ 41. ข้อใดเป็นข้อควำมแสดงทรรศนะ 1. พฤติกรรมกำรยืนหรือเดินคุยโทรศัพท์นำนๆ ในท่ำเดิมทุกวันทำให้กระดูกเสื่อมเร็วกว่ำปกติ 2. กำรจัดทำฟำร์มปิดเพื่อกำรพัฒนำอุตสำหกรรมสัตว์ปีกส่งผลให้ปลอดจำกโรคไข้หวัดนก 3. กำรชมฟุตบอลโลกให้สนุกและไม่ทำลำยสุขภำพอำจเลือกดูให้เหมำะสมแก่เวลำทำงำนหรือเลือกดูคู่ เด่นๆ เท่ำนั้น 4. ปกติร่ำงกำยของคนเรำระบบกำรทำงำนของกล้ำมเนื้อและกำรหำยใจจะทำงำนร่วมกันและสัมพันธ์กัน อย่ำงสมดุล
  • 60. 60 42. ข้อควำมต่อไปนี้เป็นกำรแสดงทรรศนะประเภทใด กำรจะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองยอมรับและเลิกค่ำนิยมกำรนำบุตรหลำนเข้ำเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เป็นเรื่องที่ดี แต่รัฐบำลต้องเร่งขยำยและพัฒนำโรงเรียนทุกแห่งให้มีคุณภำพเท่ำเทียมกัน 1. เชิงคุณค่ำ 2. เชิงข้อเท็จจริง 3. เชิงคุณค่ำและเชิงนโยบำย 4. เชิงข้อเท็จจริงและเชิงคุณค่ำ 43. ข้อควำมต่อไปนี้ไม่ใช้กลวิธีกำรโน้มน้ำวใจตำมข้อใด ฝำครอบกระบะอเนกประสงค์ “พรีม่ำ” เท่...เบำ...ทน ยอดขำยอันดับหนึ่งของเมืองไทย 1. ใช้คำเร้ำอำรมณ์ 2. มีเหตุผลหนักแน่น 3. นำเสนอจุดเด่นของสินค้ำ 4. แสดงควำมน่ำเชื่อถือของข้อมูล 44. ข้อใดไม่ใช่ประโยค 1. สำนักงำน กปร. ประสำนควำมร่วมมือไปยังองค์กำรบริหำรส่วนตำบล 2. ศูนย์ศึกษำกำรพัฒนำฯ ส่งเสริมกำรขยำยผลงำนไปสู่ท้องถิ่นทุกภูมิภำค 3. ศักยภำพขององค์กำรบริหำรส่วนตำบลในกำรเข้ำถึงควำมต้องกำรของประชำชน 4. องค์กำรบริหำรส่วนท้องถิ่นได้นำควำมรู้ไปต่อยอดสู่ประชำชนทั่วประเทศ 45. ข้อใดเว้นวรรคตอนถูกต้อง 1. บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ มักอยู่ในบริเวณแนวรอยต่อระหว่ำงแผ่นเปลือกโลก / แนวดังกล่ำวนี้ เป็นบริเวณที่ไม่มั่นคง 2. บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ / มักอยู่ในบริเวณแนวรอยต่อระหว่ำงแผ่นเปลือกโลกแนวดังกล่ำวนี้ เป็นบริเวณที่ไม่มั่นคง 3. บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ มักอยู่ในบริเวณแนวรอยต่อระหว่ำงแผ่นเปลือกโลกแนวดังกล่ำวนี้ / เป็นบริเวณที่ไม่มั่นคง 4. บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ มักอยู่ในบริเวณแนวรอยต่อ / ระหว่ำงแผ่นเปลือกโลกแนวดังกล่ำวนี้ เป็นบริเวณที่ไม่มั่นคง ข้อควำมต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรียงควำมเรื่อง “กำรบริโภคอำหำรของคนรุ่นใหม่” ใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 46-47 กำรเติบโตของอุตสำหกรรมอำหำรและเครื่องดื่มที่ผ่ำนกำรโฆษณำตำมสื่อต่ำงๆ ตลอด 2-3 ทศวรรษ ที่ผ่ำนมำ ก. หลำยคนไม่ชอบกินอำหำรมื้อหลัก แต่เน้นกำรกินของกินเล่น ขนม และเครื่องดื่มมำกขึ้น โดยไม่เลือกเวลำ ข. .
  • 61. 61 46. ข้อใดเหมำะที่จะเติมลงในช่องว่ำง ก. ให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องทั้งหมด 1. ทำให้คนรุ่นใหม่ลดปริมำณกำรกินอำหำรลง 2. ทำให้นิสัยกำรบริโภคอำหำรของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปมำก 3. ไม่ได้ทำให้นิสัยกำรบริโภคอำหำรของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป 4. ไม่ได้ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจเรื่องอำหำรกำรกินเท่ำใดนัก 47. ข้อใดเหมำะที่จะเติมลงในช่องว่ำง ข. ให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องทั้งหมด 1. ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่บริโภคน้ำตำลในปริมำณที่สูงขึ้นมำกโดยไม่รู้ตัว 2. ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงอันตรำยของกำรบริโภคน้ำตำล 3. ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่หลงเชื่อโฆษณำตำมสื่อมำกขึ้น 4. ซึ่งทำให้อุตสำหกรรมอำหำรเติบโตได้มำกขึ้น 48. ข้อควำมส่วนใดไม่เหมำะจะใช้ในจดหมำยกิจธุระ 1) บัดนี้ถึงกำหนดที่จะต้องยืนยันกำรเดินทำงไปท่องเที่ยวกับบริษัท “เที่ยวทั่วแดน” แล้ว / 2) ขอให้ ท่ำนที่จองล่วงหน้ำกับบริษัทชำระเงินค่ำเดินทำงภำยในวันที่ 10 มกรำคม ศกนี้ / 3) ถ้ำท่ำนไม่จ่ำยเงิน ตำมเวลำดังกล่ำวก็แปลว่ำท่ำนสละสิทธิ์ที่เคยจองไว้ก่อนหน้ำนี้ / 4) ทำงบริษัทจะมอบสิทธิ์ส่วนของท่ำน แก่ผู้จองในรำยชื่อสำรองต่อไป 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 49. พำดหัวข่ำวข้อใดไม่ได้แสดงควำมคิดเห็นของผู้เขียน 1. โจรแสบฉกทรัพย์ดำรำชื่อดัง 2. 8 รมต. แต่งหล่อเข้ำทำเนียบวันแรก 3. นำงเอกหน้ำใหม่เจ๋ง คว้ำสุพรรณหงส์ทองคำ 4. ไทยเสนอตัวจัดแข่งบอลหญิง “เอเชียนคัพ” 50. ที่พูดว่ำ “จะไปซื้อของอย่ำลืมเอำถุงผ้ำสำหรับใส่ของไปด้วย จะได้ไม่ต้องใช้ถุงพลำสติก” คำพูดของน้อง ตำมข้อใดไม่สัมพันธ์กับคำพูดของพี่ข้ำงต้น 1. ถุงพลำสติกเป็นขยะที่ย่อยยำกนำนไปก็จะเกิดปัญหำสิ่งแวดล้อม 2. ถ้ำซื้อของมำกๆ ก็คงต้องใช้ถุงพลำสติกบ้ำง ถุงผ้ำไม่พอหรอก 3. ถุงพลำสติกเดี๋ยวนี้สีสวยๆ ลำยสวยๆ มีให้เลือกมำกมำย 4. ถ้ำทุกคนคิดได้อย่ำงนี้ก็จะดี จะได้ช่วยลดปัญหำโลกร้อนได้
  • 62. 62 51. ข้อใดเป็นกำรฟังเพื่อรับควำมรู้อย่ำงเด่นชัด 1. สุรพลฟังละครวิทยุเรื่อง “ลืมโกรธได้ก็คลำยเครียด” 2. สุนัยฟังรำยกำรสนทนำเรื่อง “รื่นรมย์ใจในเรือสำรำญ” 3. สุพรฟังพ่อแม่เล่ำเรื่อง “พิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ” 4. สุนิดำฟังสักวำกลอนสดเรื่อง “ร้อยกรองเพรำะเสนำะโสต” 52. ข้อใดมีน้ำเสียงเชิงตำหนิ 1. เวลำเรียน ครูต้องมำนั่งคอยนักเรียนอย่ำงนี้หรือ 2. เอกสำรที่ครูแจกไปนี้ นักเรียนต้องอ่ำนมำก่อนเข้ำเรียน 3. ถ้ำจะกลับบ้ำนดึกลูกควรเอำกุญแจบ้ำนไปด้วย 4. หำกลูกทำกับข้ำวเป็นจะได้แนะนำแม่ครัวคนใหม่ได้บ้ำง 53. คำทุกคำในข้อใดอ่ำนออกเสียงจำนวนพยำงค์เท่ำกับคำ “พันธกรณี” 1. เทวนำครี นิมมำนรดี สัตบริภัณฑ์ 2. บดีวรดำ นิคหกรรม จตุรพิธพร 3. ทำสปัญญำ นักษัตรบดี ปัจจัยนำค 4. ฉกำมำพจร ญำณวิทยำ สุวรรณภูมิ 54. ข้อใดมีพยำงค์ที่เป็นคำตำยมำกที่สุด 1. รู้แล้วอย่ำอวดรู้ พินิจดูอย่ำหมิ่นเมิน 2. เห็นโทษเข้ำเป็นตรี จึงออกตัวด้วยตกใจ 3. เรำแจ้งคัมภีร์ฉัน ทศำสตร์อันบุรำณปำง 4. อนึ่งเล่ำมีคำโจทก์ กล่ำวยกโทษแพทย์อันมี 55. ข้อใดมีคำจำกภำษำบำลีหรือสันสกฤตที่อ่ำนอย่ำงอักษรนำในภำษำไทย 1. เร่งรีบรี้พลสกลไกร มำใกล้ทิวทุ่งธำนี 2. เห็นละหำนธำรน้ำไหลหลั่ง ร่มไทรใบบังสุริย์ศรี 3. ม้ำรถคชกรรม์ครั่นครื้น ดังเสียงคลื่นในสมุทรไม่ขำดสำย 4. คอยเล็ดลอดสอดแนมจับกุม ชั้นในให้ประชุมจตุรงค์ 56. คำพูดทุกคำในข้อใดใช้ได้ทั้งควำมหมำยตำมตัวและควำมหมำยเชิงอุปมำ 1. ตกเบ็ด ปลดแอก ยกยอ 2. ลอยแพ รูดซิป แข็งใจ 3. เดินเรื่อง ตีปีก ขึ้นใจ 4. ล้วงกระเป๋ำ ออกโรง ตำฝำด
  • 63. 63 57. ข้อใดมีเสียงควบกล้ำที่ไม่ปรำกฏมำแต่เดิมในระบบเสียงภำษำไทย 1. น้ำเลือดหรือพลำสมำเป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่มีอยู่ร้อยละ 55 ของเลือดทั้งหมด 2. น้ำเลือดมีสภำวะเป็นเบสประกอบด้วยน้ำและสำรอื่นๆ เช่น โปรตีน วิตำมิน เกลือแร่ 3. เกร็ดเลือดเป็นชิ้นส่วนของเซลล์มีรูปร่ำงไม่แน่นอนมีขนำดเล็กไม่มีนิวเคลียส 4. เกล็ดเลือดจะหลั่งสำรเคมีไฟบรินซึ่งช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบำดแผล 58. ข้อใดเป็นคำซ้อนทุกคำ 1. ลักลอบ โลดแล่น ลูกเล่น 2. ว่ำงเว้น วอดวำย วนเวียน 3. แจกจ่ำย จับจด จืดจำง 4. มั่งมี มุ่งมั่น มอบหมำย 59. คำซ้ำในข้อใดต้องใช้เป็นคำซ้ำเสมอ 1. พอฝนตก น้ำท่วม รถก็จะติดมำกๆ จนน่ำเบื่อ 2. ฉันซ่อมบ้ำนครำวนี้คิดคร่ำวๆ แล้วก็เป็นเงินหลักแสน 3. แม่บอกให้รีบๆ ทำงำน วันเสำร์อำทิตย์จะได้ไปต่ำงจังหวัด 4. ถ้ำนักเรียนวำงแผนกำรลงทะเบียนให้ดีๆ กำรเรียนก็จะไม่หนักมำก 60. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดมีคำประสมน้อยที่สุด 1) กำรห่อขนมเป็นศิลปะอย่ำงหนึ่งของกำรทำอำหำรไทย / 2) คนไทยมีฝีมืออันประณีต รู้จักนำใบตอง มำห่อขนม / 3) รู้จักทำกระทงและเหลำก้ำนมะพร้ำวทำไม้กลัด / 4) ไม่ได้ใช้ลวดเย็บกระดำษที่เป็นอันตรำย อย่ำงในสมัยนี้ 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 61. ข้อใดมีคำสมำสที่มีกำรสนธิ 1. อันอัครปุโรหิตำจำรย์ พรำหมณ์นำมวัสสกำร ฉลำดเฉลียวเชี่ยวชิน 2. กลเวทโกวิทจิตจินต์ สำแดงแจ้งศิล ปศำสตร์ก็จบสบสรรพ์ 3. เป็นมหำอำมำตย์รำชวัล ลภใครไป่ทัน ไป่เทียมไป่เทียบเปรียบปำน 4. สมัยหนึ่งจึ่งผู้ภูมิบำล ทรงดำริกำร จะแผ่อำนำจอำณำ
  • 64. 64 62. คำนำมทุกคำในข้อใดใช้คำลักษณนำมคำเดียวกัน 1. ตะเกียง แตร ตุ๊กตำ 2. โน้ต ไวโอลิน กีตำร์ 3. เกวียน พลั่ว ฉมวก 4. ปริญญำบัตร สนธิสัญญำ พระรำชสำส์น 63. คำภำษำอังกฤษในข้อใดใช้คำไทยแทนไม่ได้ 1. จักษุแพทย์ผ่ำตัดล้ำงท่อน้ำตำแล้วใส่สำยซิลิโคนไว้ 3 เดือน 2. กำรประชุมในวันนี้ใครมีไอเดียใหม่ๆ ก็เสนอเข้ำมำได้เลย 3. รำยกำรตอบปัญหำภำษำไทยจะออนแอร์วันเสำร์หน้ำ 4. เสื้อที่ร้ำนฉันดีไซน์สวยๆ ทั้งนั้น รำคำก็ไม่แพง 64. ข้อควำมต่อไปนี้ส่วนใดไม่มีคำยืมจำกภำษำบำลีหรือสันสกฤต 1) กลุ่มคนที่ร่ำรวยยังคงควำมมั่งคั่งของตัวเองไว้ได้เป็นเลิศ / 2) โดยผู้คนแวดล้อมซึ่งเป็นที่ปรึกษำ ทำงกำรเงินและกฎหมำย / 3) ที่ล้วนมีฝีมือยอดเยี่ยมในแวดวงอำชีพนั้นๆ / 4) จะเห็นได้ว่ำบรรดำเศรษฐี เงินล้ำนมักไม่เดินหน้ำสร้ำงควำมร่ำรวยโดยลำพัง 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 65. ข้อใดไม่ใช่ประโยคควำมเดียว 1. กำรละเล่นพื้นเมืองของไทยเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่ำงหนึ่งของวัฒนธรรมไทย 2. ในทุกภำคของประเทศมีกำรละเล่นพื้นเมืองประจำท้องถิ่นของตนเอง 3. กำรละเล่นพื้นเมืองมีประโยชน์ในกำรเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่โลกสำกล 4. คนไทยสร้ำงสรรค์กำรละเล่นพื้นเมืองแล้วสืบทอดต่อกันมำจนปัจจุบัน 66. ข้อใดเป็นประโยคควำมซ้อน 1. ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวทำงธรรมชำติหลำกหลำยประเภท 2. แหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ำมักอยู่ในบริเวณภูเขำในภำคต่ำงๆ ของประเทศ 3. น้ำใต้ดินที่ไหลซึมผ่ำนชั้นของหินปูนก่อให้เกิดถ้ำขนำดต่ำงๆ ขึ้น 4. นักท่องเที่ยวสำมำรถเดินเข้ำไปชมสิ่งสวยงำมต่ำงๆ ภำยในถ้ำได้
  • 65. 65 67. ประโยคในข้อใดแสดงเจตนำต่ำงจำกข้ออื่น 1. ทำไมเขำถึงมำที่นี่ 2. อะไรทำให้คุณคิดอย่ำงนั้น 3. ที่ไหนมีงำนแสดงสินค้ำส่งออก 4. ใครจะไปรู้ว่ำเขำจะมำทำงำนวันนี้ 68. ข้อใดใช้รำชำศัพท์สำหรับพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวไม่ถูกต้อง 1. เป็นพระมหำกษัตริย์นักพัฒนำที่สำคัญของโลก 2. เคยทรงขับรถยนต์ด้วยพระองค์เองในบำงโอกำส 3. มีพระรำชศรัทธำในพระพุทธศำสนำอย่ำงมั่นคง 4. ทรงโปรดดนตรีสำกลโดยเฉพำะดนตรีแจ๊ส 69. ข้อควำมส่วนใดใช้ระดับภำษำต่ำงกับข้ออื่น 1) เนื่องจำกกำรสำธำรณสุขดีขึ้น / 2) อำยุเฉลี่ยของประชำกรสูงขึ้นทั้งหญิงและชำย / 3) โรคของคนแก่ คนเฒ่ำจึงมำกขึ้นด้วย / 4) สิ่งเหล่ำนี้มีอิทธิพลต่อภำวะของโรคกระดูกและข้อทั้งสิ้น 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 70. ข้อใดใช้สำนวนถูกต้อง 1. ฉันรู้สึกเหมือนเป็นกิ้งก่ำได้ทองเพรำะได้เครื่องมือสื่อสำรล้ำสมัยมำแล้วกลับใช้ไม่เป็น 2. สมัยที่คุณวินัยยังรุ่งเรืองมีคนแวะมำเยี่ยมเยียนตลอดเวลำตำมลักษณะของร่มโพธิ์ร่มไทร 3. เพื่อนๆ บ่นว่ำวินัยชอบพุ่งหอกเข้ำรก เล่นกำรพนันเสียเงินมำกแล้วให้เพื่อนช่วยใช้หนี้ 4. คุณสมศักดิ์นี่กินน้ำไม่เผื่อแล้งจริงๆ พอได้เงินปันผลก็เอำมำเลี้ยงเพื่อนหมด ไม่เก็บไว้เป็นค่ำเล่ำเรียนลูก บ้ำงเลย 71. สำนวนในข้อใดเหมำะสมที่จะเติมในช่องว่ำงของข้อควำมต่อไปนี้ เขำรู้สึกน้อยใจที่หัวหน้ำเห็นเขำเป็น ตอนแรกเลือกส่งเพื่อนของเขำไปประชุมต่ำงประเทศ แต่พอเพื่อนไม่ไปก็มำสั่งให้เขำไปแทน 1. แพะรับบำป 2. ไก่รองบ่อน 3. ตัวตำยตัวแทน 4. หนังหน้ำไฟ
  • 66. 66 72. รำยงำนทำงวิชำกำรส่วนใดใช้ภำษำไม่เหมำะสม 1) นักวิทยำศำสตร์พบว่ำเด็กทำรกต้องกำรโปรตีนจำกนมในปริมำณมำกเพื่อช่วยกำรเจริญเติบโตของ เซลล์สมอง / 2) แต่นักวิทยำศำสตร์ยังพบอีกว่ำสมองของมนุษย์หยุดกำรแบ่งเซลล์แล้วตั้งแต่ในวัยเด็ก / 3) ดังนั้นในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอำยุจึงไม่ควรกินโปรตีนอย่ำงล้นเหลือ / 4) เพรำะจะก่อผลร้ำยต่อสุขภำพ มำกกว่ำผลดี 1. ส่วนที่ 1 2. ส่วนที่ 2 3. ส่วนที่ 3 4. ส่วนที่ 4 73. คำประพันธ์ต่อไปนี้วรรคใดมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ สองหูดั่งกลีบบุษบัน สี่เท้ำยืนยันจับกลิ่น เยื้องย่องทำนองดังหงส์บิน งำมสิ้นทั่วสรรพำงค์กำย 1. วรรคที่ 1 2. วรรคที่ 2 3. วรรคที่ 3 4. วรรคที่ 4 ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 74-75 (1) ใจขลำดมักอำจองอวดสู้ (2) เฉำโฉดโอษฐ์อวดรู้ว่ำรู้ใครเทียม (3) น้ำพร่องกะละออมคงกระฉอกฉำนนำ (4) รูปชั่วมักแต่งแกล้งเกลำทรง 74. คำประพันธ์ข้ำงต้นข้อใดเรียงได้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์ 1. 2 3 1 4 2. 1 2 3 4 3. 4 1 3 2 4. 3 4 1 2 75. ค่ำนิยมใดไม่ปรำกฏในคำประพันธ์ข้ำงต้น 1. ควำมงำม 2. ควำมมีมำรยำท 3. ควำมมีปัญญำ 4. ควำมกล้ำหำญ
  • 67. 67 ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 76-77 1. อกเอ๋ยเมื่อไรเลยจะวำยแค้น เหลือแสนค่อนขอดพิไรให้ ข้ำทำวลบ่นถึงเขำเมื่อไร เจ็บใจจริงจริงมำเยำะเย้ย 2. จะนอนแรมโรยร้ำงอยู่กลำงดง ใครจะปลงศพพ่อให้สูญหำย ต่ำงคนต่ำงกระจัดพลัดพรำย ต่ำงคนต่ำงตำยไม่เห็นกัน 3. ดูรำหนุ่มน้อยกับนำงงำม เดินตำมกันมำจะไปไหน บ้ำนช่องตำแหน่งอยู่แห่งใด เป็นอะไรเมียฤๅพี่น้องกัน 4. ในลักษณ์นั้นว่ำประหลำด เป็นเชื้อชำตินักรบกลั่นกล้ำ เหตุไฉนย่อท้อรอรำ ฤๅจะกล้ำแต่เพียงวำที 76. คำประพันธ์ข้ำงต้นข้อใดเป็นคำถำมที่ต้องกำรคำตอบ 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4 77. ข้อใดมีน้ำเสียงของผู้พูดแสดงควำมรู้สึกหดหู่ใจ 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4 ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อ 78-79 1. น้อยหรือรักเจ้ำสักเท่ำพ้อม ยังไม่ยอมพร้อมใจไปด้วยพี่ จะเฝ้ำวอนงอนง้อไปไยมี ค่อยอยู่จงดีพี่ขอลำ 2. อันทรวดทรงองค์พระกุมำรนี้ เหมือนภูมีจริงจังดังเถือใส่ ทั้งท่วงทีกิริยำละม่อมละไม จะดูไหนไม่ผิดสักสิ่งอัน 3. ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว คิดแค้นใจตัวไม่รู้หำย อดสูอยู่ไยให้ได้อำย จะสู้ตำยตำมองค์พระทรงธรรม์ 4. นั่นแน่หัวหงอกเป็นดอกเลำ ไม่เจียมตัวมัวเมำโมหันธ์ ฮึดฮัดกัดเหงือกทำงกงัน ยังไม่ขันขึ้นหน้ำมำด่ำทอ
  • 68. 68 78. ข้อใดไม่ใช้ภำพพจน์ 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4 79. ข้อใดไม่แสดงอำรมณ์ควำมรู้สึกของตัวละคร 1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4 80. ข้อใดแสดงควำมรู้สึกคิดถึง 1. ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้ำย้อยห้อยพวงกรอง 2. มะลิวัลย์พันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู 3. แขกเต้ำเคล้ำคู่เคียง เรียงจับไม้ไซ้ปีกหำง 4. นำงนวลนวลน่ำรัก ไม่นวลพักตร์เหมือนทรำมสงวน 81. ข้อใดมีลักษณะเป็นบทรำพันนิรำศ 1. ยิ่งอำวรณ์ร้อนใจจำบัลย์ ครวญใคร่ใฝ่ฝันทุกเวลำ 2. ถึงม้วยดินสิ้นภพปัถพี อย่ำรู้ม้วยไมตรีพิสมัย 3. รสรักร้อนจิตพิศวง ให้ผูกพันพะวงหลงใหล 4. หอมกลิ่นสุกรมเมื่อลมชำย คล้ำยคล้ำยพระเชษฐำพำชมดง 82. ข้อใดเป็นบทพรรณนำควำมงำมต่ำงจำกพวก 1. แลพระปรัศว์ทั้งซ้ำยขวำ รจนำดังวิมำนโกสีย์ 2. ท้องฉนวนล้วนแล้วศิลำทอง ผนังรองเรืองรัตน์มณีนิล 3. มีมุขทุกชั้นบันแถลง ยอดแซงสลับไม่นับได้ 4. ว่ำแล้วลออองค์ทรงเครื่อง รุ่งเรืองพรรณรำยฉำยฉำน
  • 69. 69 83. คำประพันธ์ข้อใดมีทั้งคำที่แสดงจินตภำพกำรเคลื่อนไหวและจินตภำพเสียง 1) คอยเขม้นเห็นลิงเข้ำมำชิด ปะเตะหวิดเหวี่ยงซ้ำยป่ำยขวำ 2) เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันสนั่นฟ้ำ อสุรำดิ้นรนกระวนกระวำย 3) ขึ้นเหยียบยักษ์หักหอกดำบสะบั้น แข็งขันขู่ตะคอกหลอกหลอน 4) ไล่กระชิดติดพันฟันฟอน รำญรอนรับรองว่องไว 1. ข้อ 1) และ ข้อ 2) 2. ข้อ 2) และ ข้อ 3) 3. ข้อ 3) และ ข้อ 4) 4. ข้อ 1) และ ข้อ 4) 84. คำประพันธ์ข้อใดแสดงควำมเชื่อของคนไทย 1) ทั้งนี้ก็ชั่วอยู่ตัวน้อง ให้พระต้องตำมมำจนอำสัญ จะสู้ม้วยด้วยองค์พระทรงธรรม์ ตำมไปเมืองสวรรค์ชั้นฟ้ำ 2) แม้นรักตัวกลัวตำยวำยชีวำ จงเร่งสำรภำพกรำบไหว้ จะงดโทษโปรดยกชีวิตไว้ ถ้ำหำไม่จะยับลงกับมือ 3) แม้มีทุกข์ขุกเข็ญไม่เห็นใคร จะพึ่งได้ดั่งองค์พระทรงศักดิ์ สำหรับแต่จะอัปภำคย์พักตร์ เมียรักจักอยู่ไปไยมี 4) สำรพัดอัศจรรย์หวั่นจิต น่ำที่ชีวิตจะตักษัย เหลียวดูปรำสำทเพียงขำดใจ ตั้งแต่นี้มิได้มำไสยำ 1. ข้อ 1) และ ข้อ 2) 2. ข้อ 2) และ ข้อ 3) 3. ข้อ 3) และ ข้อ 4) 4. ข้อ 1) และ ข้อ 4) 85. คำประพันธ์ข้อใดกล่ำวถึงสิ่งที่แสดงวัฒนธรรมไทย 1) อย่ำเดินทัดมำลำ เสยเกศำ บ ควรทำ จีบพกพลำงขำนคำ สะกิดเพื่อนสำรวลพลำง 2) นรชำติวำงวำย มลำยสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกำ 3) รักสัตวนำนำ พึงรักษำ บ เดียดฉันท์ เลี้ยงดูทุกคืนวัน จนอิ่มหนำเป็นอำจิณ 4) ใช้สอย บ หลบลี้ ฤๅหน่ำยหนีในกำรงำน จงรักภักดีนำน ห่อนเหินห่ำงคุ้งวำงวำย
  • 70. 70 86. ข้อใดเป็นแนวคิดของคำประพันธ์ต่อไปนี้ พระคุณเอ่ย เห็นว่ำลูกนี้เป็นหญิงย่อมทรงพระอำลัย ครั้นลูกจะไม่ไปก็ใช่ที่ ด้วยพระรำชสำมีสิตกไร้ ใครเขำจะอินัง ลูกจะนอนลอยนวลอยู่ในวังมิบังควร ประชำชนมันจะชวนกันสรวญแซ่ มัทรีไม่รู้ที่จะแลดู หน้ำใครให้เต็มเนตร จะสู้จนทนเทวษไปในรำวป่ำ 1. ภรรยำที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อสำมีย่อมไร้ค่ำ 2. ภรรยำที่ถูกสำมีทอดทิ้งย่อมถูกดูแคลน 3. ภรรยำต้องเป็นคู่ทุกข์คู่ยำกของสำมีเสมอ 4. ภรรยำไม่ควรให้สำมีออกเดินป่ำตำมลำพัง 87. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเด่นของคำประพันธ์ต่อไปนี้ ทั้งสำมคนครึ่งคำไม่พอเคี้ยว ประเดี๋ยวเดียวชีวังจะสังขำร์ ไม่พอมือครือฤทธิ์อสุรำ เท่ำขี้ตำก็จะวิ่งมำชิงชัย 1. เนื้อหำให้ข้อคิด 2. จินตภำพชัดเจน 3. สัมผัสใน 4. กำรใช้คำเข้ำใจง่ำย 88. ข้อควำมต่อไปนี้ผู้พูดตั้งใจจะบอกว่ำอย่ำงไร เสร็จศึกจะเข้ำไปอัญชลี จะด่ำตีก็ตำมอัชฌำสัย เมื่อได้เกินแล้วก็จนใจ ตำมแต่ภูวไนยจะปรำนี 1. หำกเสร็จกำรสงครำมแล้วหวังว่ำจะได้รับกำรอภัยที่ทำสิ่งที่ไม่สมควรไว้ 2. จะรอจนเสร็จกำรสงครำมแล้วจะเข้ำไปคำรวะและเจรจำโดยตรงตำมนิสัย 3. คิดว่ำหำกเสร็จกำรสงครำมแล้วอำจจะถูกว่ำกล่ำวทุบตีหรือชื่นชมแล้วแต่ผลงำน 4. คิดจะคำรวะท่ำนก่อนแล้วจึงค่อยคิดแก้ไขปัญหำทีหลัง 89. ข้อใดผู้แต่งไม่ได้กล่ำวถึงในคำประพันธ์ต่อไปนี้ เห็นเทพีมีหนำมลงรำน้ำ เปรียบเหมือนคำคนพูดไม่อ่อนหวำน เห็นกิ่งกีดมีดพร้ำเข้ำรำรำน ถึงหนำมกรำนก็ไม่เหน็บเหมือนเจ็บใจ 1. หญิงคนรักที่ตนต้องจำกมำ 2. กิ่งและหนำมของต้นไม้ริมน้ำ 3. วำจำที่ก้ำวร้ำวแข็งกระด้ำง 4. กำรตัดต้นไม้รกๆ ที่ขวำงทำง
  • 71. 71 90. ข้อใดไม่กล่ำวถึงบุคคลที่ 3 1. น้องนุชสุดท้ำยชื่อรจนำ โสภำเพียงนำงในสวรรค์ 2. แต่น้ำใสใจจริงของข้ำ จะรักใคร่เงำะป่ำนั้นหำไม่ 3. แม้นควรคู่กับวงศ์เทวำ จึงจะยกกัลยำให้ไป 4. สั่นปลุกลุกขึ้นเถิดน้องยำ พี่มำหำแล้วอย่ำนอนเลย
  • 72. 72 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 1 แนวข้อสอบO-NET วิชา ภาษาไทย ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 1. 1 กำรอ่ำนพยำงค์สุดท้ำยของวรรคด้วยกำรทอดเสียงแล้วปล่อยให้หำงเสียงผวนขึ้น จมูกเป็นเสียง ฮื้อ ฮือ เบำๆ คล้ำยเสียงครำง ไหน-ฮื้อ หรือไหน-ฮึ ซึ่งจะทำให้ บทร้อยกรองมีควำมไพเรำะ 2. 3 กลอนสุภำพที่มีจำนวนวรรคละ 8 คำ จะแบ่งจังหวะกำรอ่ำนเป็น 3-2-3 ซึ่งก็คือ กระนี้หรือ/ชื่อเสียง/เกียรติยศ จะมิหมด/ล่วงหน้ำ/ทันตำเห็น 3. 4 แบ่งจังหวะกำรอ่ำนวรรคที่มี 6 คำ ปกติแบ่งเป็น 2/2/2 แต่วรรคแรกอ่ำน 2/4 พิจำรณำเนื้อควำมเป็นหลักเพรำะคำที่กวีใช้เป็นคำที่ควรอ่ำนให้เสียงต่อเนื่องกัน 4. 3 เป็นตอนที่นำงมันทนำรำพึงรำพันกับดวงดำวที่ส่องแสงสกำวบนท้องฟ้ำ ไม่มี น้ำเสียงเกรี้ยวกรำด ซึ่งต่ำงจำกข้ออื่นที่ใช้คำตำยในคำประพันธ์ที่จะให้เสียงสั้น ติดขัด ทำให้เสียงรู้สึกถึงอำรมณ์โกรธ เกรี้ยวกรำด 5. 1 อ่ำนคำส่งสัมผัส “พฤนท์” ว่ำ พริน จะรับสัมผัสกับ “คชินทร” อ่ำนได้อย่ำงเดียวว่ำ คะ-ชิน ซึ่งเป็นลักษณะของร่ำยที่คำท้ำยวรรคจะต้องส่งสัมผัสไปยังคำใดคำหนึ่ง ในวรรคถัดไป ดังนั้น กำรอ่ำนให้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์ จึงต้องพิจำรณำคำรับ -ส่ง สัมผัสระหว่ำงวรรค 6. 2 แอร์ นิวซีแลนด์ ยกเลิกเที่ยวบินหลำยสำยหลังภูเขำไฟยังคงปะทุ เสนอแต่ข้อเท็จจริง ว่ำ เกิดเหตุกำรณ์อะไร ข้อที่ 1. มีคำแสดงทัศนะหรือควำมเห็นว่ำ “อ้ำอึ้ง” ข้อ 3มีคำ แสดงทัศนะหรือควำมเห็นว่ำ “แจงเครียด” และข้อที่ 4. มีคำแสดงทัศนะหรือ ควำมเห็นว่ำ “พุ่งกระฉูด” 7. 4 ประโยชน์ของไข่ตุ๋นไม่ปรำกฏในข้อควำมข้ำงต้น ส่วนตัวเลือกอื่นๆ มีรำยละเอียด ดังนี้ ข้อที่ 1. รสชำติไข่ตุ๋น จำกข้อควำมที่ว่ำ “ปรุงรสให้ออกเค็มเล็กน้อย” 2. วิธีทำ ไข่ตุ๋น จำกข้อควำมที่ว่ำ “ไข่ตีกับน้ำหรือน้ำซุป ปรุงรสให้ออกเค็มเล็กน้อย และใส่ เครื่องต่ำงๆ ตำมใจชอบ นึ่งให้สุก” 3. วิธีรับประทำนไข่ตุ๋น จำกข้อควำมที่ว่ำ “รับประทำนกับข้ำว หรือจะรับประทำนเปล่ำๆ ร้อนๆ”
  • 73. 73 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 8. 2 บทสนทนำของตัวละครในเรื่องมีลักษณะเด่นอย่ำงไร เป็นสิ่งที่ช่วยสื่อลักษณะนิสัย ของตัวละคร เป็นกลวิธีที่ทำให้เรื่องน่ำติดตำมแต่ไม่ใช่ประเด็นคำถำมในกำรอ่ำน เพื่อทำให้ทรำบเรื่องรำวโดยตลอด เพรำะบทสนทนำเกี่ยวข้องกับกำรใช้ภำษำที่จะ ช่วยสร้ำงอรรถรสทำให้เรื่องมีควำมสนุกสนำน และสมจริงยิ่งขึ้น 9. 4 กระรอกตกใจกระโดดโหยงๆ เขย่ำกิ่งไม้เหนือหัวทำลูกไม้ป่ำหล่น ซึ่งต่ำงจำกข้ออื่น ที่ใช้ภำษำกวี ถ้อยคำที่ใช้มีควำมพิเศษ ไม่ใช่คำที่ใช้ทั่วไป ข้อที่ 1. คำว่ำ “พสุธำ” ข้อที่ 2. คำว่ำ “เพรียก” และข้อที่ 3. คำว่ำ “พฤกษำ” 10. 2 ผมก็ตำค้ำง ตั้งท่ำจะวิ่งกลับไปหำแม่ที่เดินใกล้เข้ำมำ เป็นเหตุกำรณ์ที่ทำให้เห็นกำร ดำเนินเรื่อง ส่วนข้ออื่นเป็นกำรให้รำยละเอียดของสิ่งต่ำงๆ เพื่อให้ผู้อ่ำนเห็นภำพ ชัดขึ้นเป็นกำรใช้พรรณนำโวหำร 11. 4 เขำไปลอยกระทงกับเพื่อนๆ เนื่องจำกใช้ภำษำสั้น กระชับ และสื่อควำมได้ชัดเจน ส่วนข้ออื่นๆ ใช้ภำษำฟุ่มเฟือย สังเกตจำกสำนวนต่ำงๆ ที่นำมำขยำยประโยค 12. 2 ขอควำมร่วมมือ เป็นกำรเขียนจดหมำยโดยมีจุดมุ่งหมำยเพื่อขอควำมร่วมมือและ ขอควำมอนุเครำะห์จำกหน่วยงำนหรือบุคคล สอดคล้องกับเนื้อควำมที่หยิบยกมำ ข้ำงต้นมำกที่สุด 13. 3 ผู้รับ คือ “วิทยำกรพิเศษ” ใช้คำขึ้นต้นว่ำ “เรียน” ใช้คำลงท้ำยว่ำ “ขอแสดงควำม นับถือ” ข้ออื่นๆ ใช้คำไม่ถูกต้อง คือ ข้อที่ 1. พระภิกษุ คำลงท้ำยต้องใช้ว่ำ “ขอนมัสกำรด้วยควำมเคำรพ” ข้อที่ 2. คุณครูใช้คำขึ้นต้นว่ำ “เรียน” หรือ “กรำบเรียน” และข้อที่ 4. คำลงท้ำยที่ใช้กับคุณปู่ต้องใช้ว่ำ “ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง” 14. 3 กำรเขียนย่อควำมเน้นกำรพรรณนำเช่นเดียวกับกำรเขียนเรียงควำม เป็นคำตอบที่ไม่ ถูกต้อง เนื่องจำกกำรเขียนย่อควำมต้องใช้ภำษำที่สั้นกระชับเท่ำนั้น เพรำะกำร ย่อควำมเน้นกำรจับใจควำมสำคัญและตัดพลควำมทิ้งทั้งหมด 15. 2 อ่ำนข้อควำมในแบบแสดงรำยกำรให้เข้ำใจ เพรำะในกำรกรอกแบบรำยกำรนักเรียน ควรอ่ำนทำควำมเข้ำใจเนื้อหำ รวมถึงจุดประสงค์ในกำรกรอกแบบรำยกำรก่อนเป็น อันดับแรก ก่อนกรอกแบบรำยกำรทุกประเภท 16. 4 ลงลำยมือชื่อในแบบรำยกำรที่ไม่ได้กรอกข้อควำมครบถ้วน เนื่องจำกกำรกรอกแบบ รำยกำรสัญญำเป็นเอกสำรที่มีผลผูกพันทำงกฎหมำยระหว่ำงบุคคล 2 ฝ่ำย หำกแบบ รำยกำรที่ต้องลงลำยมือชื่อมีกำรกรอกข้อมูลไม่ครบถ้วน อำจมีกำรเปลี่ยนแปลง รำยละเอียดของสัญญำในภำยหลัง ซึ่งจะส่งผลเสียได้ในอนำคต
  • 74. 74 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 17. 4 ซักถำมผู้พูดเกี่ยวกับข้อสงสัยต่ำงๆ ตลอดเวลำ เป็นมำรยำทที่ไม่เหมำะสม เนื่องจำก อำจก่อให้เกิดควำมเดือดร้อนรำคำญแก่ผู้ฟังคนอื่นๆ รวมถึงเป็นกำรทำลำยสมำธิ ควำมมั่นใจ ตลอดจนเนื้อหำหรือสำรที่ผู้พูดต้องกำรสื่อได้อีกด้วย 18. 1 เป็นกำรเร้ำควำมรู้สึก มุ่งกระตุ้นให้ผู้ฟังปฏิบัติตำมแนวคิดของผู้พูด ให้สำนึกรู้ หน้ำที่ของคนไทย 19. 2 กำรกล่ำวเปิดงำนโครงกำร “มุมมองและทิศทำงกำรท่องเที่ยว” เนื่องจำกเนื้อหำของ เรื่องที่พูดไม่เกี่ยวข้องกับโครงกำร รวมถึงระดับกำรใช้ภำษำไม่สอดคล้องกัน เนื่องจำกกำรใช้ภำษำในกำรพูดเป็นกำรใช้ภำษำระดับพิธีกำร 20. 3 ลำดับจำกเหตุไปสู่ผล กล่ำวถึงกำรกระทำของวัลลีคือ ควำมกตัญญูที่มีต่อคุณแม่ ที่ป่วยเป็นอัมพำต จำกนั้นจึงกล่ำวถึงผลลัพธ์คือ ได้รับรำงวัลดีเด่นด้ำนควำมกตัญญู 21. 2 ใครๆ มักบอกเขำว่ำไม่น่ำชื่อวินัย เพรำะเขำไม่มีวินัย เวลำนำยเรียกก็เดินล้วงกระเป๋ำ เข้ำไปหำ อวัจนภำษำที่แสดงถึงควำมไม่สุภำพของวินัย คือ กำรเดินล้วงกระเป๋ำ เป็น กิริยำท่ำทำงที่ไม่ใส่ใจและขำดควำมนับถือผู้อื่น โดยเฉพำะผู้ที่อำวุโสกว่ำ 22. 2 สะดือ-สำยดือ มีกำรกลำยเสียงจำกสระอะเสียงสั้นเป็นสระอำเสียงยำว ข้ออื่นมีกำร เปลี่ยนแปลงกำรออกเสียง ดังนี้ ข้อที่ 1. อย่ำงนี้-ยังงี้ มีกำรกร่อนเสียง ข้อที่ 3. หมำกพร้ำว-มะพร้ำว มีกำรกร่อนเสียงเช่นกัน และข้อที่ 4. ตะกรุด-กะตุด มีกำร สับเสียง (ภำษำถิ่นเหนือ) 23. 2 พอฝนจะตกก็รีบกลับบ้ำนทันที ส่วนข้ออื่นๆ มีคำจำกภำษำอื่น ดังนี้ ข้อที่ 1. คำว่ำ บุรุษ เป็นคำภำษำสันสกฤต ข้อที่ 3. คำว่ำ สัตว์ เป็นคำภำษำบำลีสันสกฤต ส่วนข้อที่ 4. คำว่ำ กรุงเทพฯ เป็นคำภำษำบำลีสันสกฤต 24. 2 มีร้ำนค้ำขำยโค้กยังติดธงเจสีเหลืองเลยมีเสียงวรรณยุกต์ตรีจำนวน 3 คำ ได้แก่ คำว่ำ ร้ำน ค้ำ โค้ก 25. 2 ไหนขันที่ฉันต้องกำร คำว่ำ ขัน ในประโยคนี้เป็นคำนำม ส่วนในข้ออื่นๆ เป็น คำกริยำ ทั้งกริยำหลักและกริยำช่วย ฉะนั้นคำว่ำ ขัน ในข้อที่ 2. จึงทำหน้ำที่แตกต่ำง จำกข้ออื่นๆ มำกที่สุด 26. 4 คำศัพท์ มีเหตุผล ดังต่อไปนี้ สัม และ คำ เป็นกำรประสมอักษร 4 ส่วน เนื่องจำก สระอำมีกำรเพิ่มเสียงตัวสะกด ม ส่วน ฤทธิ์ และ ศัพท์ เป็นกำรประสมอักษร 5 ส่วน 27. 1 คนงำนใหม่ขยันเป็นพักๆ เอำแน่ไม่ได้ เป็นคำไทยแท้ทุกคำ ส่วนข้ออื่นมีคำ ภำษำต่ำงประเทศ ดังนี้ ข้อที่ 2 คำว่ำ อนุบำล เป็นคำภำษำบำลี ข้อที่ 3. คำว่ำ สำธำรณะ เป็นคำภำษำสันสกฤต และข้อที่ 4. รักษำ เป็นคำภำษำสันสกฤต
  • 75. 75 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 28. 4 ไว้ปำกไว้วำกย์วำทีไว้วงศ์กวีไว้เกียรติและไว้นำมกร เป็นคำประพันธ์ประเภทกำพย์ ฉบัง 16 นักเรียนสำมำรถพิจำรณำได้จำกจำนวนคำ ซึ่งมีจำนวนเท่ำกัน คือ จำนวน 16 คำ และพิจำรณำสัมผัสในบทประพันธ์ที่ใช้ในกำรแบ่งวรรคตอน สำมำรถแบ่ง บทประพันธ์ตำมลักษณะฉันทลักษณ์ได้ ดังนี้ กลำงไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง ไว้ปำกไว้วำกย์วำที ไว้วงศ์กวี ไว้เกียรติและไว้นำมกร 29. 3 เขำตกทะเลบก สิก็ตกทะเลไป คลื่นสีขจีใส ปะทะซ่ำฉะฉ่ำฉำน บทประพันธ์ข้ำงต้นเป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ส่วนในข้ออื่นเป็นกำพย์ยำนี 11 สังเกต ได้จำกกำรใช้คำครุ คำลหุ เนื่องจำกบทประพันธ์มีจำนวนคำเท่ำกันและมีสัมผัส เหมือนกัน 30. 1 อุปมำโวหำร โดยกล่ำวเปรียบเทียบรสชำติกับควำมรัก ส่วนลักษณะคำประพันธ์ ประเภทกำพย์ยำนี 11 ข้อควำมที่ยกมำเมื่อจัดวรรคให้ถูกต้องตำมลักษณะฉันทลักษณ์ จะเป็นคำประพันธ์ประเภทกำพย์ ดังต่อไปนี้ หวำนใดไม่หวำนนัก เท่ำรสรักสมัครสม ไร้รักหนักอำรมณ์ หวำนเหมือนขมอมโศกำ 31. 3 จำกตัวเลือกในข้อที่ 1. และ 2. ควรใช้น้ำเสียงปกติ ส่วนข้อที่ 4. ควรอ่ำนด้วยลีลำ เนิบช้ำ เพื่อแสดงอำรมณ์เศร้ำตัดพ้อ น้อยใจ ส่วนข้อที่ 3. ผู้อ่ำนควรเน้นเสียงในคำที่ เป็นคำสำคัญของบทอ่ำน สร้ำงจินตภำพให้แก่ผู้ฟัง 32. 2 จำกตัวเลือกในข้อที่ 1., 3. และ 4. ผู้อ่ำนควรใช้น้ำเสียงเพื่อแสดงอำรมณ์ควำมโกรธ เคียดแค้น เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี ส่วนข้อที่ 2. ต้องใช้น้ำเสียงเนิบช้ำ อ่อนหวำน เพื่อถ่ำยทอดกริยำอำกำรของตัวละคร 33. 3 กำรอ่ำนเพื่อกำรวิเครำะห์ คือกำรอ่ำนที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อพิจำรณำแยกแยะว่ำเรื่อง ที่อ่ำนจำกสื่อต่ำงๆ ในชีวิตประจำวัน มีองค์ประกอบใดบ้ำง แต่ละองค์ประกอบมี ลักษณะและควำมสัมพันธ์กันอย่ำงไร กำรอ่ำนเพื่อวิเครำะห์ จึงเป็นกำรอ่ำนเพื่อให้ มองเห็นควำมสัมพันธ์ภำยใน หรือโครงสร้ำงของงำนเขียนแต่ละเรื่อง
  • 76. 76 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 34. 4 จำกตัวเลือกที่กำหนด เป็นชื่อเรื่องของเรียงควำมจำนวน 4 เรื่อง หำกพิจำรณำจำกชื่อ เรื่องสำมำรถอนุมำนเบื้องต้นได้ว่ำ ชื่อเรื่องในข้อที่ 1., 2. และ 3. เป็นชื่อเรื่องของ เรียงควำมที่มีเนื้อหำสำระเชิงพรรณนำ แสดงบรรยำกำศ ควำมสวยงำมของสถำนที่ ในขณะที่ชื่อเรื่องในข้อที่ 4. มีควำมเกี่ยวข้องกับหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง จึง น่ำจะเป็นชื่อของเรียงควำมที่มีเนื้อหำสำระในเชิงให้ควำมรู้และแสดงข้อเท็จจริง 35. 1 กลวิธีกำรเขียนเรียงควำมเป็นสิ่งที่ผู้เขียนจะต้องให้ควำมสำคัญเท่ำกับขั้นตอนกำร เขียน ซึ่งกลวิธีกำรเขียนเรียงควำมที่ส่งผลต่อกำรลำดับเนื้อสำระของเรียงควำมเรื่อง หนึ่งๆ คือ กำรใช้ย่อหน้ำที่ดี มีประเด็นชัดเจน จะทำให้เรียงควำมที่มีขนำดยำว สำมำรถลำดับเนื้อหำได้ครบถ้วน ไม่วกวน ทำให้ผู้อ่ำนติดตำมอ่ำนเรื่องได้สะดวก 36. 4 กำรเขียนเรียงควำมเรื่องหนึ่งๆ ผู้เขียนที่ดีควรคำนึงถึงขั้นตอนกำรปฏิบัติ และควร ปฏิบัติตำมโดยเริ่มจำกกำรเลือกหัวข้อหรือจุดมุ่งหมำยในกำรเขียน หำข้อมูล นำมำจัด หมวดหมู่ เขียนขยำยแนวคิด เพื่อนำมำวำงโครงเรื่องอย่ำงรัดกุม แต่ละองค์ประกอบ มีสัดส่วนเหมำะสม จำกนั้นจึงลงมือเขียนตำมโครงเรื่องที่วำงไว้ อ่ำนทบทวนเพื่อหำ จุดบกพร่องแก้ไข 37. 4 เชิงอรรถเป็นข้อควำมซึ่งบอกแหล่งที่มำของข้อควำมที่นำมำอ้ำงประกอบในรำยงำน แทรกไว้ ส่วนเนื้อหำ อยู่ใต้ข้อควำมบรรทัดสุดท้ำยของหน้ำนั้นๆ หำกมีควำมยำวเกิน กว่ำ 1 บรรทัด ให้ขึ้นบรรทัดใหม่ โดยเยื้องมำด้ำนหน้ำของบรรทัดแรก กำรลำดับ หมำยเลขในเชิงอรรถ ทำได้ 2 วิธี คือ เริ่มต้นที่หมำยเลข 1 แล้วนับต่อไปเรื่อยๆ หรือเมื่อขึ้นต้นบทใหม่จะลำดับโดยนับ 1 ใหม่ก็ได้ 38. 2 กำรเลือกหัวข้อเรื่องนำมำศึกษำค้นคว้ำตำมหลักวิชำ แล้วนำเสนอผลกำรศึกษำใน ลักษณะรูปเล่มรำยงำน สิ่งสำคัญประกำรแรกที่ผู้จัดทำต้องให้ควำมสำคัญ ไตร่ตรอง คือ กำรเลือกหัวข้อเรื่อง ซึ่งสำมำรถประเมินควำมสำเร็จเบื้องต้นของรำยงำนได้ ซึ่งกำรเลือกหัวข้อเรื่องที่ดี ควรเลือกหัวข้อเรื่องที่มีควำมน่ำสนใจ และเป็นประโยชน์ ต่อผู้อ่ำน 39. 3 กำรเขียนบรรณำนุกรมมีจุดมุ่งหมำยเพื่อแสดงหลักฐำนว่ำเนื้อหำของรำยงำนหัวข้อ หนึ่ง ผู้เรียบเรียงได้ใช้ข้อมูลใดบ้ำงประกอบกำรศึกษำค้นคว้ำโดยระบุข้อมูลที่จำเป็น เพื่อให้ผู้อื่นไปสืบค้นต่อได้ ซึ่งข้อมูลที่ไม่มีควำมจำเป็นต่อกำรเขียนบรรณำนุกรม คือ คำนำหน้ำชื่อผู้แต่ง และจำนวนเล่ม 40. 3 กำรเรียงลำดับโครงเรื่องเพื่อทำรำยงำนเรื่อง “ลำตัด ลมหำยใจสุดท้ำยของเพลง พื้นบ้ำน” ตำมข้อที่ 3. เป็นกำรเรียงที่เหมำะสมกว่ำข้ออื่นๆ เพรำะทำให้เกิด สัมพันธภำพของเนื้อหำสำระ
  • 77. 77 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 41. 4 เพรำะเป็นหัวเรื่องที่เหมำะสมกับกำรนำมำเขียนชีวประวัติ ส่วนสำรคดีในข้ออื่นๆ มีเนื้อหำเกี่ยวกับสำระควำมรู้และกำรท่องเที่ยว 42. 2 กำรเขียนสำรคดีที่ดี นอกจำกเรื่องที่นำมำเขียนน่ำสนใจ โดยถ่ำยทอดมุมมองของ ผู้เขียนแล้ว ยังควรคำนึงถึงกำรหำภำพมำประกอบเรื่องรำว เพื่อทำให้ผู้อ่ำนเกิด ควำมรู้สึกผ่อนคลำยและประทับใจ 43. 4 กำรตัดสินประเมินค่ำงำนเขียนเรื่องหนึ่งๆ ผู้ประเมินจะต้องอ่ำนเรื่องนั้นๆ จนจบ แยกแยะองค์ประกอบเป็นส่วนๆ จำกนั้นจึงพิจำรณำ วิเครำะห์ว่ำมีลักษณะเป็น อย่ำงไร สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติคือกำรอนุมำนหรือพิจำรณำจำกผลงำนที่ผ่ำนๆ มำ ซึ่งเป็น กำรประเมินโดยปรำศจำกหลักกำร 44. 4 กำรเขียนสำรคดีที่ดี และมีแนวโน้มว่ำจะประสบผลสำเร็จจะต้องเริ่มจำกกำรที่ผู้เขียน มีจุดประสงค์ในกำรเขียนที่ชัดเจน 45. 2 กำรฟังและดูโฆษณำ ซึ่งเป็นสำรที่มีเนื้อหำสำระมุ่งโน้มน้ำวใจให้ผู้รับสำรเกิด ควำมรู้สึกที่ดีต่อสินค้ำ หรือบริกำรจนกระทั่งตัดสินใจ ดังนั้นผู้รับสำรจึงควรใช้ วิจำรณญำณในกำรไตร่ตรองก่อนตัดสินใจเชื่อสำรประเภทนี้ 46. 4 กำรฟังและดูที่แสดงว่ำผู้รับสำรได้ใช้วิจำรณญำณขณะรับสำร สำมำรถแสดง เป็นกระบวนกำรได้ โดยเริ่มจำกกำรได้ฟัง ได้เห็น ได้คิด วิเครำะห์ ใคร่ครวญ เพื่อประเมินค่ำ แล้วนำไปใช้ประโยชน์ 47. 3 งำนเขียนเชิงวิชำกำร คือ งำนที่มีควำมมุ่งหมำยเพื่อให้ควำมรู้แก่ผู้รับสำรเป็นสำคัญ ดังนั้น กำรวิเครำะห์ภำษำในงำนเขียนเชิงวิชำกำร จะต้องพิจำรณำว่ำใช้ภำษำใน ระดับใด ถูกต้องตำมแบบแผน หลักไวยำกรณ์หรือไม่ อย่ำงไร 48. 2 มำรยำทที่มีควำมเหมำะสม เมื่อต้องฟังและดูในหัวข้อบรรยำยเรื่องต่ำงๆ เมื่อผู้ฟัง และดูเกิดควำมสงสัยในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ควรจดข้อสงสัยไว้ แล้วรอให้ผู้พูด บรรยำยจบและเปิดโอกำสให้ซักถำม จึงจะแสดงเจตจำนงในกำรถำม 49. 4 เพรำะตัวเลือกในข้ออื่นๆ มีถ้อยคำที่แสดงเจตนำโน้มน้ำวให้เชื่อในคุณสมบัติของ สินค้ำและบริกำร ในขณะที่ข้อควำมในข้อที่ 4. เป็นกำรนำเสนอข้อเท็จจริงที่จะได้รับ หำกออกกำลังกำยอย่ำงสม่ำเสมอ 50. 4 กลวิธีในกำรพูดโน้มน้ำวใจมีอยู่ด้วยกันหลำยวิธีขึ้นอยู่กับว่ำผู้พูดจะเลือกใช้วิธีใด ให้มีควำมเหมำะสมกับเรื่องที่จะพูด แต่สิ่งที่ไม่ควรกระทำ คือ กำรโน้มน้ำวให้ผู้ฟัง เชื่อด้วยกำรให้ร้ำยฝ่ำยตรงข้ำม
  • 78. 78 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 51. 3 จุดประสงค์ของกำรพูดในแต่ละครั้งมีควำมแตกต่ำงกันไป เป็นต้นว่ำ พูดเพื่อให้ ควำมรู้ พูดเพื่อหันเหควำมสนใจ พูดเพื่อโน้มน้ำวใจ แต่กำรพูดเพียงเพื่อแสดง มำรยำททำงสังคมไม่ใช่จุดประสงค์ของกำรพูด 52. 2 เพรำะมีควำมสอดคล้องกับหลักคำสอนในพระพุทธศำสนำ ศีล 5 คือ ห้ำมพูดปด 53. 3 ภำษำทุกภำษำล้วนมีกำรเปลี่ยนแปลงจำกอดีตสู่ปัจจุบันในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้ใช้ภำษำอำจไม่รู้สึก กำรยืมคำก็นับเป็นกำรเปลี่ยนแปลงของภำษำเช่นกัน ซึ่งหน่วยคำในประโยคจะไม่เป็นอิสระต่อกัน แต่จะมีควำมสัมพันธ์กันและจะ ประกอบหรือรวมกันเข้ำเป็นหน่วยทำงภำษำที่ใหญ่ขึ้น เช่น เสียงรวมกันเป็นคำ คำ รวมกันเป็นวลี วลีรวมกันเป็นประโยค 54. 4 ประโยคที่มีเจตนำบอกให้ทำ จะมีถ้อยคำเฉพำะที่วำงไว้ต้นประโยค ในขณะที่ ประโยคในตัวเลือกอื่นๆ เป็นประโยคคำถำมและแจ้งให้ทรำบตำมลำดับ 55. 3 โพล้เพล้ ร่องแร่ง จองหอง ไม่ปรำกฏเสียงสระประสม ส่วนในข้ออื่นๆ ปรำกฏเสียง สระประสมดังต่อไปนี้ ข้อที่ 1. สระ เออ ได้แก่ เวิ้ง เงิน ข้อที่ 2. สระ เออ ได้แก่ เชิญ และข้อที่ 4. สระ เออ ได้แก่ เรือน 56. 3 ลักษณะของประโยคที่ดีจะต้องเป็นประโยคที่สื่อควำมได้ครบถ้วนชัดเจน หำกรูป ประโยคมีควำมยำวก็ควรปรำกฏกำรใช้คำเชื่อม เพื่อทำให้ถ้อยคำภำยในประโยคมี ควำมเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน 57. 4 ควำมแตกต่ำงระหว่ำงภำษำไทยถิ่นกับภำษำไทยมำตรฐำนมี 2 ประเด็น คือ เรื่อง คำศัพท์และสำเนียงกำรพูด 58. 4 ผู้ชำยคนนั้นหน้ำตำดีมำก เขำเป็นนักแสดงช่องอะไร เป็นกลวิธีกำรแทนด้วยคำหรือ วลี โดยประโยคหน้ำและประโยคหลังกล่ำวถึงบุคคลคนเดียวกันคือ ผู้ชำยคนนั้น แต่ ในประโยคหลังใช้คำสรรพนำม เขำ แทนผู้ชำยคนนั้น ส่วนในข้ออื่นๆ ใช้กลวิธีกำร ละคำ 59. 4 ร่ำยสุภำพบทหนึ่งๆ มีตั้งแต่ 5 วรรคขึ้นไป จำนวนคำ 5 คำต่อวรรค อำจเกิดได้บ้ำงแต่ ไม่ควรเกิน 5 จังหวะในกำรอ่ำน คำสุดท้ำยของวรรคหน้ำต้องสัมผัสคำที่ 1, 2 หรือ 3 ของวรรคต่อๆ ไป และจบด้วยโคลงสองสุภำพเสมอ 60. 2 บทร้อยกรองประเภทฉันท์ เป็นบทร้อยกรองที่มีลักษณะเด่นเฉพำะในเรื่องของคำครุ คำลหุ 61. 4 เพรำะหลักกำรใช้คำยืมที่ถูกต้องคือ จะต้องรู้ว่ำคำที่ใช้อยู่นั้นมีแหล่งที่มำจำกภำษำใด มีวิธีกำรสังเกต หรือระบุอย่ำงไร รวมถึงกำรเขียนให้ถูกต้อง และกำรออกเสียง
  • 79. 79 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 62. 3 เพรำะเป็นรูปประโยคที่ใช้ภำษำในระดับไม่เป็นทำงกำร 63. 2 เพรำะหน่วยย่อยที่สุดของภำษำ คือ หน่วยเสียง โดยหน่วยเสียงจะประกอบกันเป็น คำ คำประกอบกันเป็นวลี แล้ววลีจึงประกอบกันเป็นประโยค 64. 2 คำพูดซึ่งเหมำะสมที่ใช้ในที่ประชุม ควรเป็นคำพูดที่สุภำพ แสดงมำรยำทที่เหมำะสม ไม่ควรใช้คำพูดที่แสดงอำกำรก้ำวร้ำว ไม่ให้เกียรติผู้เข้ำประชุม 65. 4 กำรพูดอภิปรำย เป็นกำรพูดที่มีลักษณะเฉพำะ โดยมีจุดมุ่งหมำยเพื่อแลกเปลี่ยน ควำมรู้ ควำมคิด และประสบกำรณ์ของผู้อภิปรำย เพื่อให้ได้ข้อสรุปหรือแนวทำง สำหรับแก้ปัญหำใดปัญหำหนึ่ง 66. 4 หัวข้อเรื่องที่เหมำะสมจะนำมำเป็นประเด็นหรือหัวข้อของกำรอภิปรำยควรเป็น ประเด็นปัญหำที่เกิดขึ้นจริงในสังคม มีควำมน่ำสนใจ และยังหำทำงแก้ไขที่ดีที่สุด ไม่ได้ 67. 3 สิ่งที่มีควำมสำคัญที่สุดในกำรพูดโต้แย้ง คือ สมำธิของผู้พูด หำกไม่ตั้งใจฟังเรื่อง ที่จะโต้แย้งตั้งแต่ต้นจนจบอย่ำงมีสมำธิ จะไม่สำมำรถจับประเด็นที่โต้แย้งได้ 68. 3 ในภำษำไทยได้ปรำกฏว่ำมีกำรยืมคำจำกภำษำอังกฤษเข้ำมำใช้เป็นจำนวนมำก ซึ่งลักษณะเฉพำะของคำยืมภำษำอังกฤษ คือ มีหลำยพยำงค์ ไม่มีกำรเปลี่ยนรูป ไวยำกรณ์ ปรำกฏกำรใช้เสียงพยัญชนะควบกล้ำที่ไม่มีในภำษำไทย 69. 2 คำประพันธ์ประเภทฉันท์ที่มีควำมเหมำะสมจะนำมำแต่งคู่กับบทร้อยกรองประเภท ฉันท์ คือ กำพย์สุรำงคนำงค์และกำพย์ฉบัง จะเรียกบทร้อยกรองที่แต่งในลักษณะนี้ ว่ำ “คำฉันท์” 70. 2 สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ เป็นฉันท์ที่มีท่วงทำนองสง่ำงำมดุจเสือ จึงเหมำะสมที่จะใช้ สำหรับกำรบรรจุเนื้อหำควำมประเภทบทประณำมพจน์ บทไหว้ครู บทยอพระเกียรติ บทอำเศียรวำท 71. 2 (ข) นี่แหละครับ เสน่ห์ของกำรเดินทำงไปยังต่ำงถิ่นต่ำงที่ คือได้เรียนรู้ภำษำ เรียนรู้ วัฒนธรรม และวิธีคิดที่ต่ำงจำกควำมคุ้นเคยของเรำ เป็นประโยคใจควำมสำคัญที่อยู่ ตรงกลำงย่อหน้ำ โดยย่อหน้ำนี้ เริ่มต้นด้วยกำรขยำยควำมแล้วตำมด้วยประโยค ใจควำมสำคัญ แล้วจึงขยำยต่อด้วยรำยละเอียดข้อควำม 72. 3 กำรแก้ปัญหำทำงเศรษฐกิจหลำยๆ อย่ำงพร้อมกัน ถือเป็นกำรแก้ปัญหำหรือไม่ คือ จุดมุ่งหมำยของข้อควำมข้ำงต้น ส่วนข้ออื่นๆ ถือเป็นข้อสนับสนุน และเป็นข้อเสนอ ของผู้กล่ำวข้อควำม
  • 80. 80 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 73. 4 ชักชวนให้เพื่อนที่ต้องกำรลดน้ำหนักหันมำใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรำ หุ่นสวย เพรำะพิจำรณำจำกข้อควำมที่ว่ำ “เรำรู้สึกได้ถึงควำมแตกต่ำงเมื่อเรำหันมำใช้ครีม กระชับสัดส่วนตรำหุ่นสวย” เป็นกำรพูดด้วยวิธีกำรเปรียบเทียบควำมแตกต่ำง 74. 4 ลำดับจำกผลไปสู่เหตุ กล่ำวถึงรูปร่ำงที่สวยงำมจำกข้อควำมที่ว่ำ “เรำรู้สึกได้ถึงควำม แตกต่ำง” จำกนั้นจึงกล่ำวถึงสำเหตุจำกข้อควำมที่ว่ำ “เมื่อเรำหันมำใช้ครีมกระชับ สัดส่วนตรำหุ่นสวย” จำกนั้นจึงให้รำยละเอียดของกำรใช้ครีมกระชับรูปร่ำงว่ำมีข้อดี อย่ำงไร 75. 4 ประสบกำรณ์ เพรำะประโยคที่สนับสนุนคำตอบข้อที่ 4. คือ “เรำรู้สึกได้ถึงควำม แตกต่ำงเมื่อเรำหันมำใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรำหุ่นสวย” สำมำรถพิจำรณำจำกคำว่ำ “เมื่อเรำหันมำใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรำหุ่นสวย” 76. 2 ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป สำมำรถพิจำรณำได้ดังนี้ เหตุเพรำะ “ไข่ตุ๋นเป็น อำหำรที่รับประทำนได้ง่ำย แถมยังทำง่ำย รำคำถูกที่สำคัญยังมีคุณค่ำทำงโภชนำกำร สูง” เป็นข้อสนับสนุน ส่วนข้อสรุปควำมว่ำ “จึงเป็นอำหำรที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่ำงก็ ชอบรับประทำน” 77. 3 ใช้เหตุผลเนื่องจำกข้อควำมที่ยกมำข้ำงต้นมีกำรใช้สันธำนเชื่อมแสดงควำมเป็นเหตุ เป็นผลที่คล้อยตำมกัน คือ ใช้คำว่ำ ถ้ำ...ก็ 78. 3 เด่นจันทร์ฟังเพลงในรำยกำรเพลงไพเรำะเสนำะโสต เนื่องจำกกำรฟังในข้อที่ 1. ข้อที่ 2. ข้อที่ 4. เป็นกำรฟังเพื่อรับข้อมูลควำมรู้ แต่กำรฟังในข้อที่ 3. เป็นกำรฟังที่มี จุดมุ่งหมำยเพื่อควำมจรรโลงใจ 79. 3 เฟย์ฟังรำยกำรวิทยุเรื่อง “เรำจะอยู่กับคนที่เรำไม่ชอบได้อย่ำงไร” สอดคล้องกับกำร ฟังเพื่อสำระและคติชีวิตมำกที่สุด เนื่องจำกกำรฟังเนื้อหำในลักษณะนี้เป็นกำรฟัง เพื่อให้เกิดกำรตีควำมและนำควำมคิดที่ได้ไปปรับใช้ในกำรดำเนินชีวิตมำกที่สุด ส่วนกำรฟังในข้อที่ 1. และข้อที่ 2. เป็นกำรฟังเพื่อควำมเพลิดเพลิน และกำรฟังในข้อ ที่ 4. เป็นกำรฟังเพื่อกำรรับรู้ข้อมูลเป็นหลัก 80. 1 เข้ำใจจุดประสงค์ของผู้พูด หลังจำกที่อำทิตย์ฟังแล้ว อำทิตย์ทรำบว่ำ ผู้พูดต้องกำรให้ คนเรำมีทัศนคติที่ดีต่อบทบำทหน้ำที่ของตนเหนือกว่ำสิ่งใด จึงสอดคล้องควำมสำเร็จ ในกำรฟัง ส่วนข้ออื่นๆ แสดงผลสัมฤทธิ์ในกำรฟังในระดับกำรใช้ดุลยพินิจ 81. 2 มีควำมผิดหวังในควำมรักไม่สำมำรถอนุมำนได้จำกบทประพันธ์ข้ำงต้น เนื่องจำก ควำมรักของอิเหนำยังคงมั่นคงเช่นเดิมแต่จำต้องพลัดพรำกจำกกันด้วยควำมจำเป็น บำงอย่ำง
  • 81. 81 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 82. 3 ชะรอยเป็นบุพเพนิวำสำ เทวำอำรักษ์มำชักให้ เป็นกำรแสดงควำมคิดเห็น สังเกตจำกกำรใช้คำว่ำ ชะรอย หมำยถึง เห็นจะ, เห็นทีจะ, ท่ำจะ, บำงที 83. 4 พอได้ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ้อง ประโคมศึกกึกก้องท้องสนำม บทประพันธ์ในข้อที่ 4 ปรำกฏจินตภำพทำงเสียง ส่วนในข้ออื่นเป็นจินตภำพทำง ภำพ 84. 2 ต่ำงมีฝีมืออื้ออึง วำงวิ่งเข้ำถึงอำวุธสั้น ดำบสองมือโถมทะลวงฟัน เหล่ำกริชติดฟันประจัญรบ บทประพันธ์ในข้อนี้แสดงภำพทหำรใช้อำวุธเข้ำต่อสู้กัน 85. 1 สำธกโวหำร โดยสำธกโวหำร คือ โวหำรที่มีกำรยกตัวอย่ำงประกอบเพื่อให้เห็นภำพ ชัดเจนมำกขึ้น โดยยกคำถำซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้มำกล่ำวอ้ำงสนับสนุนควำม คิดเห็นของตนเอง 86. 3 แล้วว่ำอนิจจำควำมรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสำยน้ำไหล ใช้รสวรรณคดีแบบสัลลำปังคพิสัย คือ บทแสดงควำมโศกเศร้ำ คร่ำครวญ รำพัน ส่วนข้ออื่นๆ ใช้รสวรรณคดีแบบพิโรธวำทัง ซึ่งเป็นกำรแสดงอำรมณ์โกรธ 87. 4 กฤษณนิทรเลอหลัง นำคหลับ ฤๅพ่อ คำถำมเชิงวำทศิลป์ หมำยถึง กำรตั้งคำถำมที่ไม่ต้องกำรคำตอบ ในบทประพันธ์นี้ เป็นกำรใช้โวหำรตัดพ้อเทพเจ้ำ ถอดควำมได้ว่ำ พระนำรำยณ์ทรงบรรทมหลับอยู่ หลังพญำนำคหรืออย่ำงไร 88. 4 (ก) ไม่ปรำกฏภำพพจน์ (ข) อุปมำ บทประพันธ์ (ข) ปรำกฏภำพพจน์อุปมำ จำกคำ ว่ำ “ประดุจ” ส่วนบทประพันธ์ (ก) ไม่ปรำกฏภำพพจน์ เนื่องจำกคำว่ำ “ประดุจ” ทำหน้ำที่เชื่อมประโยคเท่ำนั้น แต่มักเข้ำใจว่ำเป็นคำแสดงภำพพจน์ 89. 2 จำนวน 21 ชนิด ประกอบด้วย ฟำน เนื้อ กวำงดง ละมั่ง ระมำด ชะมด ฉมัน เม่น หมู หมี กระทิง โคถึก กำสร กระจง จำมรี กระรอกตุ่น กระแต กระต่ำย เหี้ย และเห็น 90. 4 ทะนงในศักดิ์ศรีของตน ไม่ปรำกฏในบทประพันธ์ข้ำงต้น เนื่องจำกบทประพันธ์ ข้ำงต้นกล่ำวด้วยควำมอ่อนน้อมถ่อมตน และยำเกรงต่อพระบำรมี 91. 2 กล่ำวถึงพระวิสุทธิคุณของพระพุทธเจ้ำ ซึ่งหมำยถึง ควำมปรำศจำกกิเลสและไม่ เกี่ยวข้องกับควำมมัวหมองหรือรำคีใดๆ มีเนื้อหำสอดคล้องกับบทประพันธ์ข้ำงต้น มำกที่สุด
  • 82. 82 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 92. 4 เมื่อนั้น โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรำ ค้อนให้ไม่แลดูสำรำ กัลยำคั่งแค้นแน่นใจ ปรำกฏรสวรรณคดีแบบพิโรธวำทัง คือ รสของควำมโกรธ ส่วนในข้อที่ 1., ข้อที่ 2. และข้อที่ 3. เป็นรสสัลปังคพิสัย คือ รสแห่งควำมโศกเศร้ำ คร่ำครวญ รำพัน 93. 4 ร้อนใจ ไม่ใช่อำรมณ์ควำมรู้สึกที่ปรำกฏในบทประพันธ์ ส่วนข้ออื่นๆ ปรำกฏ อำรมณ์ควำมรู้สึกดังต่อไปนี้ ข้อที่ 1. หนักใจ จำกบทประพันธ์ที่ว่ำ “เสียวดวง แดเอย ถนัดดั่งภูผำหลวง ตกต้อง” และ “หนักหฤทัย” ส่วนข้อที่ 2. พรั่นใจ และข้อที่ 3. หวั่นใจ จำกบทประพันธ์ที่ว่ำ “กระหม่ำ กระเหม่นทรวง สั่นซีด พักตร์นำ” 94. 1 ใจควำมสำคัญของบทประพันธ์ข้ำงต้น คือ กำรทำสงครำมครั้งนี้จะเป็นเกียรติยศแก่ กษัตริย์ทั้งสอง จึงได้เชื้อเชิญอีกฝ่ำยให้มำสู้กัน 95. 1 กตัญญู สอดคล้องกับเนื้อหำในบทประพันธ์ข้ำงต้นมำกที่สุด สังเกตจำกกำรแสดง ควำมเคำรพนอบน้อมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลำยตำมคติควำมเชื่อ ซึ่งเป็นผู้สร้ำงองค์ ควำมรู้และถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ต่ำงๆ รวมถึงแสดงควำมเคำรพและระลึกถึงพระคุณ ของครูอำจำรย์ผู้ประสิทธิ์ประสำทวิชำอีกด้วย 96. 3 กลวิธีทำงวรรณศิลป์ คือ ใช้ประโยคคำถำม มีจุดมุ่งหมำยเพื่อกระตุ้นให้คิด โดยคำถำมที่ใช้นั้น เป็นคำถำมเชิงวำทศิลป์หรือคำถำมที่ไม่ต้องกำรคำตอบ มีจุดมุ่งหมำยเพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่ำนเกิดควำมคิด 97. 2 ลักษณะควำมหมำยเป็นควำมหมำยตรง หมำยถึง ส่งเสริม 98. 1 เพียนทองงำมดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตำดพรำย ปรำกฏภำพพจน์อุปมำ ส่วนในข้ออื่นๆ ไม่ปรำกฏภำพพจน์ 99. 3 กำรใช้ภำพพจน์ไม่ปรำกฏในบทประพันธ์ ส่วนข้ออื่นๆ ปรำกฏในบทประพันธ์ ดังนี้ ข้อที่ 1. รุทธรส และข้อที่ 2. พิโรธวำทัง เนื้อหำกล่ำวถึงรสของวรรณคดีแสดงควำม โกรธ โดยรุทธรสเป็นรสวรรณคดีสันสกฤต ส่วนพิโรธวำทังเป็นรสวรรณคดีไทย และข้อที่ 4. คำถำมเชิงวำทศิลป์เป็นกลวิธีกำรใช้คำถำมโดยไม่ต้องกำรคำตอบ 100. 4 ปฏิปุจฉำ เป็นกลวิธีกำรใช้คำถำมเชิงวำทศิลป์ โดยกวีใช้คำถำมโดยไม่ต้องกำร คำตอบ เนื่องจำกบริบทของเนื้อหำไม่มีใครสำมำรถให้คำตอบได้ ส่วนในข้ออื่นๆ กล่ำวถึงกลวิธีกำรใช้โวหำรภำพพจน์เปรียบเทียบ
  • 83. 83 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย 2552 1. 2 2. 4 3. 2 4. 1 5. 2 6. 3 7. 1 8. 2 9. 4 10. 2 11. 3 12. 1 13. 3 14. 4 15. 3 16. 1 17. 3 18. 4 19. 3 20. 4 21. 2 22. 4 23. 2 24. 3 25. 4 26. 2 27. 1 28. 3 29. 4 30. 1 31. 4 32. 1 33. 1 34. 1 35. 2 36. 3 37. 2 38. 4 39. 2 40. 4 41. 4 42. 3 43. 1 44. 1 45. 2 46. 2 47. 2 48. 1 49. 1 50. 2 51. 4 52. 4 53. 2 54. 3 55. 1 56. 4 57. 2 58. 4 59. 2 60. 2 61. 3 62. 1 63. 2 64. 2 65. 3 66. 4 67. 4 68. 3 69. 1 70. 1 71. 1 72. 3 73. 4 74. 1 75. 2 76. 3 77. 2 78. 3 79. 3 80. 3 81. 4 82. 1 83. 4 84. 2 85. 3 86. 2 87. 1 88. 2 89. 1 90. 3 91. 2 92. 3 93. 3 94. 1 95. 4 96. 3 97. 4 98. 4 99. 4 100. 3 ปีการศึกษา
  • 84. 84 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- O-NET วิชา ภาษาไทย 2553 1. ก 3 ข 4 2. ก 3 ข 3 3. ก 3 ข 2 4. ก 2 ข 1 5. ก 1 ข 1 6. ก 1 ข 2 7. ก 4 ข 3 8. ก 2 ข 4 9. ก 1 ข 4 10. ก 3 ข 2 11. 2 12. 4 13. 2 14. 2 15. 3 16. 3 17. 4 18. 4 19. 2 20. 1 21. 1 22. 1 23. 2 24. 4 25. 1 26. 4 27. 2 28. 3 29. 1 30. 1 31. 1 32. 3 33. 1 34. 1 35. 4 36. 1 37. 2 38. 1 39. 1 40. 4 41. 3 42. 3 43. 2 44. 3 45. 1 46. 2 47. 1 48. 3 49. 4 50. 3 51. 3 52. 1 53. 1 54. 4 55. 3 56. 1 57. 4 58. 2 59. 2 60. 1 61. 1 62. 3 63. 1 64. 1 65. 4 66. 3 67. 4 68. 4 69. 3 70. 4 71. 2 72. 3 73. 3 74. 3 75. 2 76. 4 77. 2 78. 3 79. 2 80. 4 81. 4 82. 4 83. 2 84. 1 85. 1 86. 3 87. 1 88. 1 89. 1 90. 4 ปีการศึกษา