SlideShare a Scribd company logo
1
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-Net วิชา ภาษาไทย ม.ต้น
คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. กำรใช้ระดับเสียงให้มีควำมแตกต่ำงกันในขณะที่อ่ำน มีประโยชน์ต่อกำรอ่ำนเนื้อหำสำระในข้อใดมำก
ที่สุด
1. นิทำน
2. ปำฐกถำ
3. แถลงกำรณ์
4. พระบรมรำโชวำท
2. ประโยคในข้อใดอ่ำนออกเสียงไม้ยมกแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. เธอเห็นลูกแมวตัวสีดำ ๆ วิ่งมำทำงนี้บ้ำงหรือไม่
2. เด็กตัวเล็ก ๆ เมื่อตะกี้ เป็นหลำนชำยของฉันเอง
3. ในวันหนึ่ง ๆ ป้ ำแกต้องอำบเหงื่อต่ำงน้ำหำบของไปขำยทุกวัน
4. ทุก ๆ วัน แถวนี้จะเต็มไปด้วยรถนำนำชนิดที่ทำให้กำรจรำจรคับคั่ง
3. ข้อควำมใดแบ่งจังหวะวรรคตอนในกำรอ่ำนได้ถูกต้อง
1. มีคน/จำนวนไม่น้อย/เชื่อว่ำควำมตำยเป็นสิ่งที่จัดกำรได้//จัดกำรในที่นี้หมำยถึง/
2. เรำเชื่อว่ำ/ทุกอย่ำงจัดกำรได้/เพรำะเรำมีเทคโนโลยี/เรำมีเงิน/เรำมีควำมรู้/เรำจึงมั่นใจว่ำ/เรำสำมำรถ
จัดกำร/สิ่งต่ำงๆ ได้
3. เรำสำมำรถจัดกำรธรรมชำติ/เรำสำมำรถจัดกำรสังคม/และเรำเชื่อว่ำ/เรำสำมำรถจัดกำรร่ำงกำยของเรำ
ได้
4. โฆษณำทุกวันนี้/บอกเรำว่ำทุกอย่ำงจัดกำรได้//เรำจึงเชื่อจริงๆ ว่ำ/ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จัดกำรไม่ได้/
รวมทั้งควำมตำย
4. ข้อใดไม่มีควำมเกี่ยวข้องกับกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ
1. กำรจับใจควำมสำคัญเป็นทักษะเบื้องต้นของกำรรับสำร
2. ใจควำมสำคัญคือควำมคิดสำคัญหรือประเด็นสำคัญของเรื่อง
3. กำรจับใจควำมสำคัญสำมำรถทำได้ทั้งกำรรับสำรด้วยกำรอ่ำนและกำรฟัง
4. กำรจับใจควำมสำคัญด้วยกำรฟังไม่จำเป็นต้องเตรียมควำมพร้อมก่อนกำรฟัง
2
5. “ท้องฟ้ำมีอยู่แบบท้องฟ้ำ ก้อนเมฆลอยอยู่แบบก้อนเมฆ พระอำทิตย์สำดแสงในแบบของพระอำทิตย์
นกร้องแบบที่มันร้อง ดอกไม้สวยงำมเป็นธรรมชำติของดอกไม้ลมพัดเพรำะมันคือลม หอยทำกเดินช้ำ
อย่ำงที่หอยทำกเป็น เหมือนธรรมชำติกำลังกระซิบบอกฉันว่ำมันเพียงเป็นของมันอย่ำงนั้น มันไม่ร้องขอ
ฉันจะมองเห็นมัน หรือไม่เห็นมัน มันไม่เรียกร้องให้ต้องชื่นชม ต้องแลกเปลี่ยน ต้องขอบคุณ เป็นของ
มันอย่ำงนั้น ไม่ได้ต้องกำรอะไร มันเพียงแต่เป็นไป ทุกอย่ำงเป็นธรรมชำติของมัน” ใจควำมสำคัญของ
ข้อควำมนี้ตรงกับข้อใด
1. ธรรมชำติไม่เคยสนใจมนุษย์
2. ธรรมชำติไม่เคยเรียกร้องอะไรจำกมนุษย์
3. ธรรมชำติไม่ต้องกำรคำชื่นชมจำกมนุษย์
4. ทุกอย่ำงที่เป็นธรรมชำติ ล้วนมีควำมสวยงำม
6. คำในข้อใดมีควำมหมำยอ้อม
1. น้ำมำปลำกินมด น้ำลดมดกินปลำ
2. อันอ้อยตำลหวำนลิ้นแล้วสิ้นซำก แต่ลมปำกหวำนหูไม่รู้หำย
3. โบรำณว่ำถ้ำเหลือกำลังลำก ให้ออกปำกบอกแขกช่วยแบกหำม
4. ถึงเถำวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
7. ข้อใดสำคัญที่สุดในกำรเขียนกรอบควำมคิด
1. กำรจับใจควำมสำคัญ
2. กำรลำกเส้นโยงนำควำมคิด
3. กำรกำหนดรูปแบบในกำรนำเสนอ
4. กำรใช้ภำพหรือสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้อง
8. “คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัว ยังคงอยำกได้อะไรที่มำกขึ้น ๆ ไม่ว่ำจะเป็นเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียงหรือ
ควำมรัก และก็มักจะไม่ได้ดังใจนึก ควำมทุกข์ก็ยิ่งมำกขึ้นตำมวัยที่มำกขึ้นด้วย” ใจควำมสำคัญของ
ข้อควำมนี้ตรงกับข้อใด
1. ควำมอยำกของมนุษย์เพิ่มตำมอำยุ
2. คนเรำเมื่ออำยุมำกขึ้น ควำมต้องกำรจะเพิ่มมำกขึ้น
3. ถ้ำมนุษย์อยำกได้ไม่มีที่สิ้นสุด ก็จะยิ่งมีแต่ควำมทุกข์
4. ควำมทุกข์ของมนุษย์เกิดจำกควำมต้องกำรในทรัพย์สิน เงินทอง
9. ข้อใดให้ควำมหมำยของคำว่ำ “วิเคราะห์” ได้ถูกต้องที่สุด
1. พิจำรณำควำมหมำยแฝงเร้นของเรื่อง
2. พิจำรณำเจตนำหรือแนวคิดสำคัญของเรื่อง
3. พิจำรณำย่อหน้ำเพื่อจับสำระสำคัญของเรื่อง
4. พิจำรณำแยกแยะองค์ประกอบแต่ละส่วนภำยในเรื่อง
3
10. “ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ บำรุงรักกำยไว้ให้เป็นผล
สงวนงำมตำมระบอบไม่ชอบกล จึงจะพ้นภัยพำลกำรนินทำ”
ข้อคิดที่ได้รับจำกบทร้อยกรองข้ำงต้นตรงกับข้อใด
1. เป็นผู้หญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว
2. เป็นผู้หญิงต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว
3. เป็นผู้หญิงต้องงดเว้นกำรนินทำว่ำร้ำย
4. เป็นผู้หญิงต้องแต่งกำยให้เหมำะสมกับกำลเทศะ
11. ข้อใดเป็นวิธีกำรอ่ำนตีควำมร้อยกรอง
1. ตีควำมจำกสำระสำคัญของเรื่อง
2. ตีควำมถ้อยคำโดยพิจำรณำจำกบริบท
3. ตีควำมข้อควำมโดยเปรียบเทียบสำนวนโวหำรที่ใช้
4. ตีควำมโดยทำควำมเข้ำใจเรื่องภำษำภำพพจน์ที่ใช้ในงำนเขียน
12. ข้อใดเรียงลำดับถูกต้อง
1. เล่ำเรื่อง วิเครำะห์เรื่อง กล่ำวถึงบริบท บอกจุดมุ่งหมำย ประเมินค่ำ
2. เล่ำเรื่อง บอกจุดมุ่งหมำย วิเครำะห์เรื่อง กล่ำวถึงบริบท ประเมินค่ำ
3. เล่ำเรื่อง กล่ำวถึงบริบท บอกจุดมุ่งหมำย วิเครำะห์เรื่อง ประเมินค่ำ
4. เล่ำเรื่อง วิเครำะห์เรื่อง กล่ำวถึงบริบท บอกจุดมุ่งหมำย ประเมินค่ำ
13. กำรอ่ำนวินิจสำรมีควำมลึกซึ้งแตกต่ำงจำกกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญในประเด็นใด
1. กำรสรุปเนื้อหำ
2. กำรบอกประเภท
3. กำรประเมินคุณค่ำ
4. กำรบอกองค์ประกอบ
14. ข้อใดปรำกฏคำที่มีควำมหมำยโดยนัย
1. ปฐมพงษ์เดินไปที่ห้องครัวแล้วลื่นล้มเตะแก้วแตก
2. กระโปรงตัวนี้ตัดเย็บสวยเตะตำฉันจริง ๆ เชียว! เธอ
3. โด่งซ้อมเตะฟุตบอลที่สนำมกีฬำของโรงเรียนทุก ๆ เย็น
4. จ้อยเตะสุนัขที่กำลังจะเดินตรงเข้ำมำกัดที่โคนขำของเขำ
15. จุดประสงค์สำคัญที่สุดของกำรคัดลำยมือตรงกับข้อใด
1. ฝึกฝนสมำธิให้แก่ตนเอง
2. ฝึกฝนควำมเพียรพยำยำมให้แก่ตนเอง
3. เพื่อสร้ำงมำตรฐำนเกี่ยวกับรูปแบบตัวอักษรไทย
4. เพื่อสร้ำงควำมภำคภูมิใจให้เกิดขึ้นแก่คนในชำติ
4
16. กำรระบุว่ำข้อควำมหนึ่ง ๆ คัดด้วยอักษรรูปแบบใด ข้อใดคือจุดสังเกตสำคัญ
1. กำรเว้นช่องไฟ
2. โครงสร้ำงของตัวอักษร
3. กำรลงน้ำหนักมือบนตัวอักษร
4. ควำมเสมอต้นเสมอปลำยของตัวอักษร
17. ลำยมือที่ไม่ชัดเจนเป็นผลเสียอย่ำงไร
1. ทำให้งำนเขียนไม่น่ำสนใจ
2. ทำให้วิเครำะห์ผลงำนไม่ได้
3. ทำให้เกิดอุปสรรคในกำรสื่อสำร
4. ทำให้สื่อสำรไม่ตรงวัตถุประสงค์
18. รูปประโยคต่อไปนี้ข้อใดถูกต้อง
1. เขำทำอะไรเก้งก้ำงไม่ทันกิน
2. ตำรวจกำลังซักฟอกผู้ต้องหำ
3. พจน์ร้องเพลงเสียงหวำนปำนนกกำรเวก
4. ออมเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่
19. “ชุ่มคอโดนใจ” เป็นงำนเขียนประเภทใด
1. คำคม
2. คำขวัญ
3. โฆษณำ
4. คำแนะนำ
20. ถ้ำต้องเขียนจดหมำยเรียนเชิญวิทยำกรมำบรรยำยในหัวข้อที่กำหนด ภำษำที่ใช้ในกำรเขียน ควรมี
ลักษณะอย่ำงไร
1. ข้อควำมสั้นกะทัดรัด ไม่เยิ่นเย้อ
2. ใช้ภำษำฟุ่มเฟือย แต่อ่ำนเข้ำใจง่ำย
3. ภำษำแบบแผน ใช้ศัพท์วิชำกำรสูงๆ
4. ภำษำกึ่งแบบแผนหรือแบบแผน สร้ำงควำมประทับใจให้ผู้รับเชิญยินดีทำตำมคำขอ
21. ข้อใดเป็นกำรเขียนอวยพร
1. จงเชื่อในควำมดี
2. ขอให้มีควำมสุข
3. ซ่ำโดนใจ
4. จงทำดี
5
22. กำรเขียนเรียงควำมเรื่อง “กล้วยพันธุ์ไม้สำรพัดประโยชน์” โครงเรื่องข้อใดจำเป็นน้อยที่สุด
1. ลักษณะของกล้วย
2. ประเภทของกล้วย
3. ประโยชน์ของกล้วย
4. ควำมเชื่อเกี่ยวกับกล้วย
23. ข้อใดที่ต้องเขียนให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของโครงงำน
1. ข้อเสนอแนะ
2. ที่มำของโครงงำน
3. สรุปและอภิปรำยผล
4. ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
24. หำกมีข้อมูลเกี่ยวกับอำชีพของคนในท้องถิ่น ควรเลือกจัดทำโครงงำนประเภทใด
1. ทฤษฎี
2. สำรวจ
3. ทดลอง
4. ประดิษฐ์
25. บุคคลใดมีมำรยำทในกำรเขียนที่ไม่เหมำะสม
1. สุมิตรำใช้ถ้อยคำที่สุภำพ ไพเรำะในกำรเขียนสื่อสำร
2. แก้วตำเขียนสื่อสำรโดยใช้ถ้อยคำสุภำพ เหมำะสมกับระดับของผู้อ่ำน
3. สมปรำรถนำค้นคว้ำข้อมูลอย่ำงรอบด้ำนและหลำกหลำยก่อนลงมือเขียน
4. ลีลำศึกษำงำนเขียนของผู้อื่น แล้วลงมือเขียนโดยคัดลอกข้อควำมนั้นๆ มำ เพื่อแสดงหลักฐำน
กำรค้นคว้ำ
26. ข้อควรปฏิบัติในกำรเขียนโต้แย้งตรงกับข้อใด
1. กำรจับใจควำมสำคัญ
2. กำรใช้ภำษำในกำรถ่ำยทอด
3. กำรกำหนดขอบเขตประเด็น
4. แสดงข้อบกพร่องทรรศนะของอีกฝ่ำย
27. บุคคลใดให้ข้อมูลสำหรับกำรเขียนแนะนำตนเองได้เหมำะสมน้อยที่สุด
1. วรำภรณ์บอกชื่อ-นำมสกุล ชื่อเล่น อำยุ ของตนเองให้เพื่อนๆ ฟัง
2. ไมตรีบอกอุปนิสัยส่วนตัวและงำนอดิเรกที่ชอบทำหำกมีเวลำว่ำง
3. นวียำบอกสถำนภำพทำงเศรษฐกิจของครอบครัวที่ประสบผลสำเร็จ จำกธุรกิจส่งออก
4. ปฐมพงษ์บอกอำชีพของบิดำ มำรดำ และสำเหตุที่ต้องย้ำยจำกโรงเรียนเดิม
6
28. อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้ แล้วระบุว่ำเป็นกำรเขียนที่มีวัตถุประสงค์อย่ำงไร
“มะรุมจอมพลัง คนเรำรู้จักใช้มะรุมเป็นยำรักษำโรคผิวหนัง โรคทำงเดินหำยใจ โรคระบบทำงเดิน
อำหำร และโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ มำนำนหลำยร้อยปีแล้ว อีกทั้งปัจจุบันยังได้รับกำรกล่ำวขวัญถึงว่ำ อำจ
เป็นทำงออกหนึ่งในกำรรับมือกับควำมอดอยำกและภำวะทุพโภชนำกำร พืชทนแล้งที่เติบโตเร็วในอัตรำ
สูงถึง 3.6 เมตรต่อปี ชนิดนี้มีใบอุดมไปด้วยวิตำมินและเกลือแร่”
1. กำรเขียนโน้มน้ำวให้เชื่อ
2. กำรเขียนเพื่อให้ควำมบันเทิง
3. กำรเขียนเพื่อให้ควำมรู้
4. กำรเขียนเพื่อชี้แจง
29. ข้อใดมีควำมเกี่ยวข้องกับศิลปะกำรเขียนเรียงควำมน้อยที่สุด
1. กำรเลือกใช้ถ้อยคำเพื่อสร้ำงลีลำกำรเขียนของตนเอง
2. กำรเขียนข้อควำมในแต่ละส่วนให้มีควำมสัมพันธ์สอดคล้องกัน
3. กำรเลือกใช้ถ้อยคำที่มีควำมกระชับ ชัดเจน สื่อควำมตรงไปตรงมำ
4. ควรวำงโครงเรื่องเพื่อให้กำรจัดลำดับควำมคิดในกำรนำเสนอเป็นไปโดยสมบูรณ์
30. กำรอ่ำนในข้อใดที่ไม่ควรใช้หลักกำรย่อควำม
1. กำรอ่ำนโฆษณำจำกหนังสือพิมพ์
2. กำรอ่ำนสำรคดีเชิงท่องเที่ยวจำกจุลสำร
3. กำรอ่ำนบทควำมเชิงอนุรักษ์จำกนิตยสำร
4. กำรอ่ำนขั้นตอนกำรประดิษฐ์จำกนิตยสำรรำยปักษ์
31. บุคคลใดต่อไปนี้ใช้วิธีกำรอ่ำนเพื่อย่อควำมได้ถูกต้อง
1. บุปผำใช้วิธีกำรอ่ำนไปย่อไปเพื่อควำมรวดเร็ว
2. มำลีอ่ำนเฉพำะย่อหน้ำสุดท้ำยเพื่อให้จับใจควำมสำคัญได้
3. นำรีอ่ำนเนื้อเรื่องให้เข้ำใจโดยตลอดจนจบก่อนลงมือย่อควำม
4. ช่อผกำอ่ำนเฉพำะหัวข้อใหญ่แล้วนำมำเรียบเรียงเป็นใจควำมสำคัญ
32. ข้อใดจัดเป็นจดหมำยกิจธุระ
1. จดหมำยถึงไก่เพื่อนรัก
2. จดหมำยถึงพ่อและแม่
3. จดหมำยขอควำมช่วยเหลือจำกคุณป้ ำ
4. จดหมำยสอบถำมกำรรับสมัครนักเรียนฝึกงำน
7
33. ระยะของกำรปฏิบัติโครงงำนที่มีควำมเหมำะสมและถูกต้องตรงกับข้อใด
1. ขั้นออกแบบ ขั้นลงมือ และรำยงำนผล ขั้นติดตำมผล
2. ขั้นออกแบบและเขียนเค้ำโครง ขั้นลงมือ ขั้นรำยงำนผล
3. ขั้นออกแบบ ขั้นเขียนเค้ำโครง ขั้นลงมือ ขั้นแก้ปัญหำ ขั้นรำยงำนผล
4. ขั้นออกแบบ ขั้นเขียนเค้ำโครง ขั้นลงมือ และแก้ปัญหำ ขั้นรำยงำนผล
34. ข้อใดไม่ใช่วิธีที่เหมำะสมสำหรับกำรสืบค้นข้อมูล เพื่อนำมำทำรำยงำนและโครงงำนเชิงวิชำกำร
1. อ่ำนหนังสือ
2. กำรสำรวจ
3. กำรสร้ำงแบบสอบถำม
4. กำรตัดต่อจำกข้อมูลของผู้อื่น
35. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะสำคัญของกำรเขียนวิเครำะห์วิจำรณ์ได้ถูกต้องที่สุด
1. เป็นกระบวนกำรเขียนเพื่อแสดงควำมรู้ของผู้เขียน
2. เป็นกระบวนกำรเขียนเพื่อทำให้ผู้อ่ำนเกิดอำรมณ์ควำมรู้สึกคล้อยตำม
3. เป็นกระบวนกำรเรียบเรียงเนื้อหำสำระที่ได้จำกกำรศึกษำในประเด็นหนึ่ง ๆ
4. เป็นกระบวนกำรเขียนเพื่อแสดงควำมคิดเห็น โดยชี้ให้เห็นทั้งข้อดี และข้อด้อย
36. พฤติกรรมกำรแสดงควำมคิดเห็นของบุคคลที่กำหนดให้ต่อไปนี้ ใครแสดงควำมคิดเห็นได้เหมำะสม
ที่สุด
1. พรแสดงควำมคิดเห็นในเรื่องส่วนตัวของกุ้ง
2. หน่อยแสดงควำมคิดเห็นต่อควำมเชื่อของน้อย
3. นิดแสดงควำมคิดเห็นโดยยึดเหตุผลของตนเองเป็นใหญ่
4. แป้ งแสดงควำมคิดเห็นต่อข่ำวอำชญำกรรมที่อ่ำนจำกหนังสือพิมพ์
37. พำดหัวข่ำวในข้อใดใช้ภำษำเพื่อกำรแสดงควำมคิดเห็น
1. รอนนี่ ชำน พ่อพระ นักอสังหำฯ
2. เชียงรำย…ตกหนัก คร่ำชีวิตหญิงชรำ 76
3. ด้วยคะแนน 2 ต่อ 1 เชต วอลเล่ย์บอลสำวไทย
4. ถึงไทยแล้ว…โรคมือ เท้ำ ปำก สธ.หำทำงป้ องกัน
38. บุคคลใดต่อไปนี้มีลักษณะของผู้ฟังและดูที่ดี
1. มำลีจะตั้งจุดมุ่งหมำยก่อนกำรฟังและดูทุกครั้ง
2. สมพิศไม่ชอบผู้ดำเนินรำยกำรท่ำนนี้จึงไม่รับชมรำยกำร
3. สมปองฟังสมชำยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกล่ำวหำสมศรี แล้วเชื่อทันที
4. สมพงศ์ไม่ได้จดบันทึกกำรฟังบรรยำยของวิทยำกรเพรำะคิดว่ำตนเองมีควำมจำที่ดี
8
39. พิจำรณำพฤติกรรมของบุคคลที่กำหนดให้ อนุมำนว่ำบุคคลใดน่ำจะประสบผลสำเร็จในกำรฟังมำกที่สุด
1. กุ๊กเสียบหูฟังข้ำงหนึ่งเพื่อฟังเพลงจำกคลื่นวิทยุขณะฟังอภิปรำย
2. กรณ์สนทนำกับกันต์เกี่ยวกับประเด็นกำรอภิปรำยที่พึ่งผ่ำนไปขณะฟัง
3. ไก่ฟังกำรอภิปรำยอย่ำงตั้งใจแต่ไม่สำมำรถจับใจควำมสำคัญของเรื่องได้
4. แก้วบันทึกเสียงของผู้อภิปรำยขณะฟังกำรอภิปรำย แล้วนำไปเปิดฟังอีกครั้งหนึ่งที่บ้ำน เพื่อสรุป
สำระสำคัญลงในแบบบันทึกกำรฟัง
40. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะของกำรพูดที่ดีได้ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
1. พูดแล้วขัดแย้ง
2. พูดโดยใช้อำรมณ์
3. พูดแล้วผู้ฟังมีควำมสุข
4. พูดแล้วบรรลุวัตถุประสงค์
41. บุคคลใดต่อไปนี้น่ำจะประสบผลสำเร็จในกำรพูดเพื่อโน้มน้ำวใจมำกที่สุด
1. ปรำนีใช้ถ้อยคำเพื่อแสดงควำมรู้สึกของตนเอง
2. บรรจงใช้ถ้อยคำเพื่อส่งผ่ำนควำมปรำรถนำดีไปยังผู้ฟัง
3. เสำวลักษณ์ใช้ถ้อยคำเพื่อแสดงควำมคิดเห็นของตนเอง
4. รุ่งโรจน์ใช้ถ้อยคำเพื่อทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ำเขำเข้ำใจควำมรู้สึกของผู้ฟัง
42. สถำนกำรณ์ใดแสดงว่ำบุคคลผู้นั้นปรำศจำกแนวทำงกำรฟังเพื่อจับใจควำมสำคัญ
1. นำรีหำข้อมูลเตรียมพร้อมเพื่อฟังกำรสัมมนำประชำคมอำเซียน
2. สมยศจดบันทึกสำระสำคัญที่ได้จำกกำรฟังสัมมนำเรื่องประชำคมอำเซียน
3. ขณะที่ฟังกำรสัมมนำประชำคมอำเซียน มนตรีหันไปสนทนำกับสนธยำเกี่ยวกับประเด็นที่เพิ่งผ่ำนไป
4. ขณะที่ฟังกำรสัมมนำประชำคมอำเซียน อรทัยคิดตั้งคำถำมกับตนเองเกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง
43. บุคคลในข้อใดมีควำมสำมำรถในกำรควบคุมอำรมณ์ของตนในขณะที่พูด
1. โดมไม่เสียดสีผู้อื่น
2. ดอนยิ้มแย้มแจ่มใสทักทำยผู้ฟัง
3. โด่งไม่นำเรื่องของผู้อื่นมำเปิดเผย
4. ดอมไม่โต้ตอบเมื่อมีผู้ทักท้วงในขณะที่พูด
44. ข้อใดเรียงลำดับขั้นตอนของกำรพูดเพื่อโน้มน้ำวใจได้ถูกต้อง
1. ฟัง เชื่อ เห็นคุณค่ำ ทำตำม
2. เชื่อ ฟัง เห็นคุณค่ำ ทำตำม
3. ฟัง เชื่อ ทำตำม เห็นคุณค่ำ
4. เชื่อ ฟัง ทำตำม เห็นคุณค่ำ
9
45. ลักษณะสำคัญของกำรพูดอภิปรำยตรงกับข้อใด
1. กำรพูดแสดงควำมคิดเห็น
2. กำรพูดเพื่อวำงแผนปฏิบัติงำน
3. กำรพูดเพื่อเผยแพร่ควำมคิดเห็น
4. กำรพูดแลกเปลี่ยนควำมรู้ควำมคิด
46. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะของกำรโต้วำทีที่ดีได้ถูกต้อง
1. ให้ควำมรู้
2. ให้ควำมเพลิดเพลิน
3. ให้ควำมรู้และควำมบันเทิง
4. ให้ควำมสำมำรถในกำรคิดวิเครำะห์
47. พฤติกรรมในข้อใดควรกระทำเมื่อต้องพูดรำยงำนเชิงวิชำกำร
1. ประมวลใช้ถ้อยคำที่แฝงมุกตลกขบขัน
2. ประณมใช้ถ้อยคำแสดงควำมเป็นกันเองกับผู้ฟัง
3. ประไพใช้ถ้อยคำเพื่อเร้ำอำรมณ์ควำมรู้สึกของผู้ฟัง
4. ประพิศใช้ถ้อยคำที่เป็นทำงกำร กระชับ เข้ำใจง่ำย
48. ประโยคในข้อใดปรำกฏสระลดรูปมำกที่สุด
1. ดำเป็นคนสะอำดและทำงำนเรียบร้อย
2. แดงเป็นคนขยันเขำทำขนมขำยทุกวัน
3. ส้มเป็นคนรวยและมักจะสวมเสื้อผ้ำสวย ๆ
4. เขียวเป็นคนนิ่งเฉยและปล่อยให้เวลำผ่ำนเลย
49. ประโยคใดมีเสียงพยัญชนะควบกล้ำมำกที่สุด
1. อย่ำเล่นสนุกสนำนครื้นเครงบนซำกปรักหักพัง
2. ครอบครัวนี้รวมพลังสู้ผีพรำยในนิทำนปรัมปรำ
3. เหล่ำวัวควำยเดินกินน้ำบริเวณหนองน้ำใกล้ทุ่งนำ
4. นกปรอดสีขำวบินปร๋อบนท้องฟ้ำเวลำยำมเย็น
50. คำในข้อใดมีเสียงวรรณยุกต์ตรงกับคำว่ำ “น้ำแข็ง” ทั้งสองคำ
1. ปลำเค็ม น้ำใจ
2. น้ำปลำ ม้ำน้ำ
3. น้ำสำว ล้ำงขำ
4. ปลำทู ไหมฝัน
10
51. คำประสมในข้อใดประกอบขึ้นจำกคำชนิดเดียวกันทุกคำ
1. น้ำปลำ ไก่ชน น้ำแข็ง
2. ตำขำว มดแดง ดอกฟ้ำ
3. บัตรเติมเงิน แปรงสีฟัน ใบขับขี่
4. ปำกนกกระจอก รถไฟฟ้ำ เด็กหลอดแก้ว
52. คำซ้อนในข้อใดมีวิธีกำรประกอบรูปคำเหมือนกัน
1. อ้วนพี ดูแล รุ่งริ่ง
2. ยำกง่ำย เสื่อสำด จิตใจ
3. จิตใจ บ้ำนเรือน เสื่อสำด
4. บ้ำนเรือน ถ้วยชำม ถำกถำง
53. รูปประโยคใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. สมพลเป็นคนซุ่มซ่ำมมักเดินชนสิ่งของต่ำงๆ อยู่เป็นประจำ
2. สมภพฟังเรื่องที่สมเกียรติเล่ำแล้วหัวเรำะจนน้ำหูน้ำตำไหล
3. สมชำยมักถูกหัวหน้ำงำนตำหนิติเตียนเสมอเรื่องเวลำเข้ำงำน
4. สมสมรจัดข้ำวของที่กระจัดกระจำยอยู่เต็มพื้นห้องให้เรียบร้อย
54. ข้อใดเป็นคำสมำสสร้ำงทุกคำ
1. สรรพำวุธ สันติภำพ ชีวเคมี
2. เทพเจ้ำ เคมีภัณฑ์ ทุนทรัพย์
3. ภัตตำคำร โยธวำทิต ทรัพยำกร
4. ทรัพยำกร ประชำชน กำลเวลำ
55. คำสมำสในข้อใดอ่ำนออกเสียงต่ำงจำกข้ออื่น
1. เอกชอบเรียนวิชำกำยวิภำคศำสตร์
2. ฟ้ำผ่ำเป็นปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติ
3. แพทยสภำเป็นหน่วยงำนทำงรำชกำร
4. พสกนิกรชำวไทยเฝ้ำฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ
56. ข้อใดเป็นคำสมำสที่มีสนธิทุกคำ
1. สุโขทัย ปรมำณู ยุทธภูมิ
2. จิตรกรรม ปรมำณู สวัสดิภำพ
3. จิตรกรรม กรณียกิจ สวัสดิภำพ
4. สุโขทัย พฤษภำคม แสนยำนุภำพ
11
57. คำในข้อใดเป็นคำไทยแท้ทุกคำ
1. เฆี่ยน ขจี กุศล
2. กีฬำ กรีฑำ ปฏิวัติ
3. เผด็จ กระจำย ก๋วยเตี๋ยว
4. มะขำม กระถิน กระโจน
58. คำในข้อใดเป็นคำที่ยืมมำจำกภำษำสันสกฤต
1. อัชฌำสัย
2. พฤกษำ
3. บรรทัด
4. อิจฉำ
59. คำในข้อใดเป็นคำที่ยืมมำจำกภำษำเขมร
1. บูรณะ
2. มรกต
3. เพชร
4. เพลิง
60. กำรประกอบศัพท์บัญญัติจะใช้คำในข้อใดมำประกอบ
1. ภำษำอังกฤษ
2. ภำษำชวำ-มลำยู
3. ภำษำบำลี สันสกฤต
4. ภำษำจีนและอังกฤษ
61. คำทับศัพท์มีลักษณะสำคัญอย่ำงไร
1. ยืมมำใช้โดยไม่มีกำรปรับปรุงแก้ไข
2. ยืมมำปรับเปลี่ยนโครงสร้ำงของคำ
3. ยืมมำปรับเปลี่ยนวิธีกำรออกเสียง
4. ยืมมำปรับเปลี่ยนควำมหมำย
62. คำนำมในข้อใดต่อไปนี้ทำหน้ำที่ต่ำงจำกข้ออื่น
1. หนังสือเล่มนี้มีแต่คนสนใจ
2. เขำขอบอ่ำนหนังสือเล่มนี้มำกที่สุด
3. หนังสือชุดนี้พวกเขำเหล่ำนั้นชอบมำก
4. หนังสือเล่มนี้น่ำสนใจเพรำะเป็นเรื่องที่ดีมำก
12
63. ประโยคในข้อใดไม่ปรำกฏคำสมุหนำมหรือคำนำมที่บอกควำมเป็นหมู่เป็นพวก
1. คณะนักเรียนโรงเรียนบ้ำนรีวิทยำไปทัศนศึกษำ
2. ฝูงโลมำว่ำยมำเกยตื้นบริเวณปำกอ่ำวไทย
3. กองหนังสือวำงอยู่บนโต๊ะในห้องสมุด
4. ชำวนำต้องกำรสวิงหำปลำหลำยปำก
64. “เขำปลูกต้นก้ำมปูไว้ทำงทิศตะวันตก เพื่อให้มันบังแดดตอนบ่ำย” คำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำชนิดใด และทำ
หน้ำที่ใดในประโยค
1. เป็นคำสรรพนำม ทำหน้ำที่เชื่อมประโยค
2. เป็นคำสรรพนำม ทำหน้ำที่บอกควำมชี้เฉพำะ
3. เป็นคำลักษณนำม ทำหน้ำที่บอกลักษณะของคำนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ
4. เป็นคำสรรพนำม ทำหน้ำที่แทนกรรมของประโยคเมื่อมีกำรกล่ำวซ้ำ
65. ข้อใดใช้คำบุพบทถูกต้อง
1. เรำทุกคนมั่นใจต่อมติที่ประชุม
2. น้องตั้งใจเรียนเพรำะอนำคตของตนเอง
3. เรำกล่ำวคำสรรเสริญแก่พระผู้มีพระภำคเจ้ำ
4. นิสิตต้องยื่นคำร้องต่อมหำวิทยำลัยเมื่อต้องกำรเปลี่ยนวิชำ
66. ข้อควำมใดเป็นประโยค
1. พ่อเหนื่อย
2. ท่ำนผู้มีเกียรติทั้งหลำย
3. คนไทยรุ่นใหม่ในทศวรรษนี้
4. พวกเรำนักเรียนโรงเรียนวัดไทรย้อย
67. ประโยคในข้อใดมีโครงสร้ำงภำยในแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. ปรีชำกินอำหำรซึ่งแม่ของเขำเป็นคนปรุง
2. ที่เขำทำมำทั้งหมดไม่มีควำมหมำยกับใครเลย
3. เสื้อที่พีระสวมอยู่ตัดเย็บโดยช่ำงประจำตัวของเขำ
4. ลำดวนซื้อพวงมำลัยซึ่งขำยอยู่ที่สี่แยกมไหสวรรย์
68. ข้อใดคือส่วนประกอบของประโยคสำมัญ
1. ประธำน คำเชื่อม
2. ประธำน กริยำ
3. ประธำน
4. กริยำ
13
69. “คุณพ่อบอกลูกๆ ว่าทุกคนต้องเข้มแข็งอดทนร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจนยากที่
จะแก้ไขได้” ข้อควำมนี้เป็นประโยคชนิดใด
1. ประโยคซ้อน
2. ประโยครวมที่ซับซ้อน
3. ประโยคซ้อนที่ซับซ้อน
4. ประโยคสำมัญที่ซับซ้อน
70. ข้อใดเป็นคำสรรพนำมบุรุษที่ ๒ ที่ต้องใช้เมื่อสนทนำกับสมเด็จพระรำชำคณะ
1. พระคุณเจ้ำ
2. ท่ำนพระเดช
3. ท่ำนเจ้ำประคุณ
4. พระเดชพระคุณ
71. ข้อใดเป็นลักษณะเด่นเฉพำะของภำษำพูด
1. มีควำมเคร่งครัดในเรื่องไวยำกรณ์
2. ใช้ประโยคที่ซับซ้อนในกำรสื่อสำร
3. ใช้ประโยคที่ละประธำนในกำรสื่อสำร
4. มักขึ้นต้นประโยคโดยกำรใช้คำนำมธรรม
72. บุคคลใดใช้พลังของภำษำไปในเชิงสร้ำงสรรค์
1. วิชิตพูดโน้มน้ำวให้อมรชัยทำกำรบ้ำนให้แก่ตนเอง
2. ภำณุพูดโน้มน้ำวใจเพื่อให้ผู้ฟังเกิดควำมรู้สึกแบ่งฝักแบ่งฝ่ำย
3. จันทรพูดโน้มน้ำวให้สมใจเข้ำใจผิดกับกัลยำ เพรำะจันทรไม่ชอบกัลยำ
4. สมภพพูดให้คนในชุมชนร่วมมือกันทำแนวกระสอบทรำยป้ องกันน้ำท่วม
73. ข้อใดประกอบคำรำชำศัพท์เพื่อใช้สื่อสำรได้ถูกต้อง
1. พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวทรงโปรดกำรถ่ำยรูปด้วยพระองค์เอง
2. สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ เสด็จพระรำชดำเนินต่ำงประเทศ
3. สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ เสด็จพระรำชสมภพเมื่อวันที่ 2 เมษำยน 2498
4. สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ ทรงมีพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้ข้ำรำชกำรเข้ำเฝ้ำทูลละอองธุลีพระบำท
74. คำรำชำศัพท์ในข้อใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. พระกรำม
2. พระหัตถ์
3. พระบรมรำโชวำท
4. พระบรมรำชชนนี
14
75. ข้อใดเรียงลำดับหมำยเลขของคำที่ต้องเติมลงในช่องว่ำงได้ถูกต้อง
1. ร้อง 2. สักวำ 3. แสงดำว 4. หมอง
…….ดำวจระเข้ก็เหหก ศีรษะตกหันหำงขึ้นกลำงหำว
เป็นคืนแรมแจ่มแจ้งด้วย……. น้ำค้ำงพรำวปรำยโปรยโรยละออง
ลมเรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉิวต้องผิวเนื้อ ควำมหนำวเหลือทำนทนกมล…….
สกุณำดุเหว่ำก็เร่ำ……. ดูแสงทองจับฟ้ำขอลำเอย
1. 2 4 1 3
2. 2 3 1 4
3. 2 3 4 1
4. 2 4 3 1
76. ข้อใดมีควำมเกี่ยวข้องกับกำรแต่งบทร้อยกรองน้อยที่สุด
1. ฉันทลักษณ์
2. บรรยำกำศ
3. กำรเลือกสรรคำ
4. แนวคิดและจินตนำกำร
77. ตำแหน่งคำเอกในกำรแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภำพ สำมำรถใช้คำชนิดใดแทนได้
1. ครุ
2. ลหุ
3. คำเป็น
4. คำตำย
78. คำในตัวเลือกใดเหมำะสมที่จะนำมำเติมในช่องว่ำงทั้ง 2 คำ
เรื่อยเรื่อยมำเรียงเรียง นกบิน…….ไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมำพลัด……. เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดำย
1. เอียง, เฉียง
2. พลัน, ครัน
3. เฉียง, คู่
4. เรียง, บ้ำน
15
79. ข้อใดถูกต้องเมื่อต้องนำวรรคที่กำหนดให้ต่อไปนี้เติมลงในช่องว่ำง (1) และ (2) ตำมลำดับ
ก. ควรหลีกหลบให้จงดี ข. พลำดพลั้งอำจเสียที
ค. ทำให้จิตคิดหรรษำ ง. ควรคบกับบัณฑิต
คนพำลไม่ควรคบ ……….(1) ……….
……….(2) ………. ไม่มีสุขทุกข์ตำมมำ
1. ก. และ ง.
2. ข. และ ค.
3. ก. และ ข.
4. ค. และ ง.
80. คน “………………..” จะใช้จ่ำยต้องระมัดระวัง ควรเติมสำนวนในข้อใดลงในช่องว่ำงจึงจะเหมำะสม
ที่สุด
1. เบี้ยหวัดน้อย
2. ยำกจนข้นแค้น
3. เบี้ยน้อยหอยน้อย
4. ชักหน้ำไม่ถึงหลัง
81. ข้อใดไม่มีกำรเสนอแนวคิด
1. ก้ำนบัวบอกลึกตื้น ชลธำร
มรรยำทส่อสันดำน ชำติเชื้อ
2. ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ
อย่ำเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง
3. อ่อนหวำนมำนมิตรล้น เหลือหลำย
หยำบบ่มีเกลอกลำย เกลื่อนใกล้
4. ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ภำยนอกแดงดูฉัน ชำติบ้ำย
16
82. ข้อใดกล่ำวถึงส่วนประกอบของอำหำร
1. ซ่ำหริ่มลิ้มหวำนล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย
2. ลำเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หำบุหงำงำม
3. มัศกอดกอดอย่ำงไร น่ำสงสัยใคร่ขอถำม
กอดเคล้นจะเห็นควำม ขนมนำมนี้ยังแคลง
4. ขนมจีบเจ้ำจีบห่อ งำมสมส่อประพิมพ์ประพำย
นึกน้องนุ่งจีบกรำย ชำยพกจีบกลีบแนบเนียน
83. ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกลวิธีกำรแต่งในข้อควำมต่อไปนี้
“…สมิงพระรามจึงทูลว่าลักษณะช้างดีต่อเมื่อขี่จึงรู้ว่าดี ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลังดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี
ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามทาศึกจึงจะรู้ว่าดี ทองนพคุณเล่าขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดี
สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่างจึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัส
ถูกต้องก่อนจึงนับว่ามีโอชาอร่อย…”
1. บทสนทนำ
2. บรรยำยโวหำร
3. พรรณนำโวหำร
4. สำนวนเปรียบเทียบ
84. พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
ระฆังดังวังเวง โหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง
ข้อใดเป็นลักษณะเด่นของคำประพันธ์ข้ำงต้น
1. กำรเล่นคำ
2. กำรใช้คำหนักเบำ
3. กำรใช้ควำมเปรียบ
4. กำรเลียนเสียงธรรมชำติ
85. ข้อใดที่ไม่ใช่คำสอนเกี่ยวกับกำรพูด
1. อย่ำขุดคนด้วยปำก
2. ยอมิตรเมื่อลับหลัง
3. อย่ำริกล่ำวคำคด
4. อย่ำเบำ
17
86. “นางเห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน รูปเงาะสวมไว้ให้คนหลง”
คำที่ขีดเส้นใต้สอดคล้องกับข้อใดมำกที่สุด
1. ภำยในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ดุจดังคนใจร้ำย นอกนั้นดูงำม
2. ภำยในย่อมรสำ เอมโอช
สำธุชนนั้นแล้ เลิศด้วยดวงใจ
3. คือคนหมู่ไปหำ คบเพื่อน พำลนำ
ได้แต่รำยร้ำยฟุ้ง เฟื้องให้เสียพงศ์
4. คือคนเสพเสน่หำ นักปรำชญ์
ควำมสุขซำบฤๅม้วย ดุจไม้กลิ่นหอม
87. คำประพันธ์ต่อไปนี้มีจุดประสงค์ตำมข้อใด
ถึงจนทนสู้กัด เกลือกิน
อย่าเที่ยวแล่เถือเนื้อ พวกพ้อง
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์
โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง
1. ให้รู้จักอดทน
2. ให้รู้จักประมำณตน
3. ให้รู้จักรักศักดิ์ศรี
4. ให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง
88. คำประพันธ์ใดแสดงควำมเชื่อของสังคมไทย
1. สำยติ่งแซมสลับต้นตับเต่ำ เป็นเหล่ำเหล่ำแลรำยทั้งซ้ำยขวำ
กระจับจอกดอกบัวบำนผกำ ดำษดำขำวดั่งดำวพรำย
2. งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวำกแซมเสี้ยมแซกแตกไสว
ใครทำชู้คู่ท่ำนครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่ำขนพอง
3. อยู่กลำงทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น เป็นที่เล่นนำวำคงคำไหล
ที่พื้นลำนฐำนบัทม์ถัดบันได คงคำลัยล้อมรอบเป็นขอบคัน
4. แสนวิตกอกเอ๋ยมำอ้ำงว้ำง ในทุ่งกว้ำงเห็นแต่แขมแซมสลอน
จนดึกดำวพรำวพร่ำงกลำงอัมพร กระเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยำม
18
89. คำประพันธ์ต่อไปนี้ใช้ภำพพจน์กี่แห่ง
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ดุจดั่งคนใจร้าย นอกนั้นดูงาม
1. 1 แห่ง
2. 2 แห่ง
3. 3 แห่ง
4. 4 แห่ง
90. “ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว”
จำกบทประพันธ์ข้ำงต้นปรำกฏชื่อพืชกี่ชนิด
1. 2 ชนิด
2. 3 ชนิด
3. 4 ชนิด
4. 5 ชนิด
91. คำประพันธ์ในข้อใดเป็นตัวอย่ำงที่น่ำยกย่อง
พันท้ายตกประหม่าสิ้น สติคิด
โดดจากเรือทูลอุทิศ โทษร้อง
พันท้ายนรสิงห์ผิด บทฆ่า เสียเทอญ
หัวกับโขนเรือต้อง คู่เส้นทาศาล
1. ควำมเสียสละเพื่อคนรัก
2. ควำมยุติธรรมของทหำร
3. ควำมกล้ำหำญเด็ดเดี่ยว
4. ควำมผิดต้องได้รับกำรให้อภัยเสมอ
92. ข้อใดแสดงควำมประสงค์ของผู้แต่ง
1. หวังสวัสดิ์ขจัดทุกข์สร้ำง สืบสร้องศุภผล
2. ตำมแบบบ่ขำดหวิ้น เสร็จแล้วสมบูรณ์
3. เป็นมำติกำทำง บัณฑิต แสวงเฮย
4. จบสำมสิบหกเค้ำ คะแนนนับ หมวดแฮ
19
93. ข้อใดไม่มีกำรใช้คำหลำก
1. เมื่อนั้น พระสยมภูวญำณเรืองศรี
ได้ฟังนนทกพำที ภูมีนิ่งนึกตรึกไป
2. บัดนั้น นนทกผู้มีใจสำหส
รับพรพระศุลีมียศ บังคมลำแล้วบทจรไป
3. เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้ำตรัยตรึงศำ
เห็นนนทกนั้นทำฤทธำ ชี้หมู่เทวำวำยปรำณ
4. เมื่อนั้น พระอิศวรบรมนำถำ
ได้ฟังองค์อมรินทรำ จึ่งมีบัญชำตอบไป
94. ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผอง
อีกช่างถมลายลักษณะจาลอง อีกช่าชองเชิงรัตนประกร
คำประพันธ์ที่ยกมำไม่เกี่ยวข้องกับช่ำงใด
1. ช่ำงปั้น
2. ช่ำงถม
3. ช่ำงแกะ
4. ช่ำงเขียน
95. ข้อใดสอดคล้องกับข้อคิดเรื่องกำรตระหนักในหน้ำที่ของตน
1. อนึ่งปั้นเป็นรูปเทวฤทธิ์ ดูประหนึ่งนิรมิตวิเลขำ
2. อันชำติใดไร้ช่ำงชำนำญศิลป์ เหมือนนำรินไร้โฉมบรรโลมสง่ำ
3. แม้นไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงครำวพำยุใหญ่จะครวญครำง
4. ในพระรำชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสำครสมุทรไทย
96. ข้อใดมีจินตภำพของควำมเคลื่อนไหว
1. หัวลิงหมำกลำงลิง ต้นลำงลิงแลหูลิง
2. ยูงทองย่องเยื้องย่ำง รำรำงชำงช่ำงฟำยหำง
3. ไก่ฟ้ำอ้ำสดแสง หัวสุดแดงแทงเดือยแนม
4. เลียงผำอยู่ภูเขำ หนวดพรำยเพรำเขำแปล้ปลำย
97. “เมื่อชั่วพ่อกู กูบาเรอแก่พ่อกู กูบาเรอแก่แม่กู กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู”
ข้อควำมในหลักศิลำจำรึกที่ยกมำนี้เป็นตัวอย่ำงที่ดีในข้อใด
1. ควำมรักบิดำมำรดำ
2. ควำมกตัญญูรู้คุณ
3. ควำมซื่อสัตย์ซื่อตรง
4. ควำมรักใคร่กลมเกลียว
20
98. กวางทรายร่ายกินหญ้า สุกรป่าพาพวกจร
สุนัขในไล่เห่าหอน ตามเป็นหมู่พรูเพรียกเสียง
ในคำประพันธ์ที่ยกมำนี้มีสัตว์ป่ำอยู่กี่ชนิด
1. 1 ชนิด
2. 2 ชนิด
3. 3 ชนิด
4. 4 ชนิด
99. ข้อใดใช้คำถำมเชิงวำทศิลป์
1. โฉมเอยโฉมเฉลำ เสำวภำคย์แน่งน้อยพิสมัย
เจ้ำมำแต่สวรรค์ชั้นใด นำมกรชื่อไรนะเทวี
2. ประสงค์สิ่งอันใดจะใคร่รู้ ทำไมมำอยู่ที่นี่
ข้ำเห็นเป็นน่ำปรำนี มำรศรีจงแจ้งกิจจำ
3. ทำไมมำล่วงไถ่ถำม ลวนลำมบุกรุกเข้ำมำใกล้
ท่ำนนี้ไม่มีควำมเกรงใจ เรำเป็นข้ำใช้เจ้ำโลกำ
4. อันซึ่งจะฝำกไมตรีข้ำ ข้อนั้นอย่ำว่ำหำรู้ไม่
เรำเป็นนำงรำระบำใน จะมีมิตรที่ใจผูกพัน
100. คำประพันธ์ในข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงเวลำ
1. หยุดประทับดับดวงพระสุริย์
2. พอฟ้ำคล้ำค่ำพลบลงหรุบรู่
3. ยุงออกฉู่ชิงพลบตบไม่ไหว
4. ได้รับรองป้ องกันเพียงควันไฟ
21
ปีการศึกษา
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ต้น 2552
ตอนที่ 1
ส่วนที่ 1 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 5 ข้อ (ข้อละ 1-5) : ข้อละ 2 คะแนน
อ่ำนเรื่องที่กำหนดให้ต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำมข้อ 1-5
กำรทอผ้ำเป็นงำนศิลปหัตถกรรมพื้นบ้ำนในทั่วทุกภำคของประเทศไทยมำตั้งแต่สมัยโบรำณ และมัก
มีเอกลักษณ์เฉพำะของท้องถิ่นที่ทำให้ดูสวยงำมและแปลกตำแตกต่ำงกันไปในที่นี้จะนำศิลปหัตถกรรมกำร
ทอผ้ำบำงชนิดที่ได้รับกำรสนับสนุนส่งเสริมจำกมูลนิธิส่งเสริมศิลปำชีพฯ มำอธิบำยเพื่อเป็นตัวอย่ำง คือ กำร
ทอผ้ำไหม และกำรทอผ้ำจก
กำรทอผ้ำไหม ผ้ำไหมเป็นงำนหัตถศิลป์ ที่รู้จักกันทั่วโลกด้วยคุณภำพที่มีเอกลักษณ์ในควำมงดงำม
และควำมคงทนของเนื้อผ้ำ มีลวดลำยและเคล็ดลับวิธีที่แตกต่ำงกันไปตำมแต่ละภำค ผ้ำไหมมัดหมี่ เป็น
ภูมิปัญญำชำวบ้ำนภำคอีสำน ที่สั่งสมและถ่ำยถอดต่อๆ กันมำภำยในครอบครัว
ผ้ำไหมมัดหมี่เป็นผ้ำที่ทอขึ้นจำกเส้นใยที่ผ่ำนกำรมัดเพื่อสร้ำงลวดลำยก่อนย้อมสีและทอ เวลำย้อม
ส่วนที่ถูกมัดไว้ก็จะไม่ติดสีจึงทำให้เกิดลวดลำย ถ้ำต้องกำรหลำยสีก็ต้องมัดและย้อมทับหลำยครั้ง จนกว่ำจะ
ได้สีครบตำมต้องกำร หลังจำกย้อมสีแล้วก็จะแก้เชือกที่มัดออก นำเส้นด้ำยกรอเข้ำกับหลอด เพื่อทอเป็นผืน
ผ้ำต่อไป กำรทอผ้ำมัดหมี่มีทั้งที่เรียกว่ำ มัดหมี่ด้ายเส้นยืน มัดหมี่ด้ำยเส้นพุ่ง และมัดหมี่ผสม
ประเทศไทยมีกำรทอผ้ำมัดหมี่มำเป็นเวลำนำนแล้ว โดยเฉพำะในภำคอีสำนชำวบ้ำนจะทอผ้ำมัดหมี่
กันในหลำยท้องที่และสอนต่อๆ กันมำในครอบครัว เมื่อสมเด็จพระนำงเจ้ำฯพระบรมรำชินีนำถ เสด็จ
พระรำชดำเนินไปทรงเยี่ยมรำษฎรในภำคอีสำน ทอดพระเนตรเห็นหญิงชำวบ้ำนสูงอำยุที่มำรอรับเสด็จนุ่งผ้ำ
ไหมมัดหมี่ที่ผลิตจำกชำวบ้ำน และทรงตรวจคุณภำพผ้ำไหมพร้อมทั้งพระรำชทำนคำแนะนำให้ชำวบ้ำน
พัฒนำ กำรทอให้มีคุณภำพดีขึ้น หลังจำกนั้นจึงทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้มีกำรฝึกสอนกำรทอผ้ำไหม
มัดหมี่ใน ศูนย์ศิลปำชีพ โครงกำรศิลปำชีพ และกลุ่มศิลปำชีพที่ตั้งขึ้นในที่ต่ำงๆ
กำรทอผ้ำจก ผ้ำจกเป็นผ้ำทอผืนแคบๆ อำจทอขึ้นจำกฝ้ำยหรือไหม หรือผสมกันทั้ง 2 อย่ำงก็ได้ คำว่ำ
“จก” เป็นวิธีกำรทอผ้ำให้เกิดลวดลำยขึ้น โดยกำรใช้ไม้ปลำยแหลม หรือขนเม่นงัดซ้อนด้ำยยืนขึ้น และใช้
ด้ำยสีสอดไปตำมรอยซ้อนนั้น กำรสอดด้ำยสีต่ำงๆไปตำมรอยงัดซ้อนในจังหวะต่ำงๆ กัน ทำให้เกิดลวดลำย
คล้ำยผ้ำปัก ดังนั้นกำรทอผ้ำจกจึงเป็นกำรทอและกำรจกลำยไปพร้อมๆ กัน ทำลวดลำยสอดสลับด้วยไหม
หรือด้ำยสีต่ำงๆ ผ้ำชนิดนี้นิยมใช้เป็นส่วนประกอบตกแต่งผ้ำผืนใหญ่ โดยเฉพำะผ้ำซิ่น ซึ่งเมื่อประกอบด้วย
ผ้ำจกแล้ว ก็เรียกว่ำ ผ้ำซิ่นตีนจก
22
กำรทอผ้ำจกต้องใช้ควำมประณีตมำก ผ้ำหนึ่งผืนกว่ำจะทอเสร็จใช้เวลำหลำยเดือนนักวิชำกำรด้ำนผ้ำ
จึงมักจัดให้กำรทอผ้ำจกเป็นสุดยอดของกำรทอผ้ำ
ศิลปะกำรทอผ้ำจกสืบทอดมำจำกวัฒนธรรมของชำวไทยเชื้อสำยลำวพวน ซึ่งตั้งบ้ำนเรือนอยู่ที่ตำบล
หำดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนำลัย จังหวัดสุโขทัย ดังนั้น จึงถือเป็นต้นแบบของกำรทอผ้ำชนิดนี้ เดิมมักเป็นลำย
หน้ำกระดำน หรือลำยแถบคั่นเป็นชั้นๆ ต่อมำได้มีกำรคิดดัดแปลงเป็นลวดลำยและสีสันให้หลำกหลำยมำก
ขึ้น และจำกกำรสนับสนุนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปำชีพฯ ในปัจจุบันได้มีกำรทอผ้ำจกเกิดขึ้นหลำยจังหวัดใน
ภำคเหนือ เช่น อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอลอง จังหวัดแพร่
1. เพรำะเหตุใดจึงเรียกผ้ำไหมชนิดหนึ่งว่ำ “ผ้ำไหมมัดหมี่”
1. เพรำะกรรมวิธีกำรต้มเส้นไหมเป็นกรรมวิธีเดียวกันกับกำรต้มเส้นหมี่
2. เพรำะเส้นไหมที่นำมำทอเล็ก บำง และกลมคล้ำยลักษณะของเส้นหมี่
3. เพรำะควำมสวยงำมของผ้ำไหมชนิดนี้เกิดจำกเทคนิคกำรมัดย้อมเส้นไหม
4. เพรำะผ้ำไหมชนิดนี้มีต้นกำเนิดจำกหมู่บ้ำนมัดหมี่ ทำงภำคอีสำนของไทย
2. คำว่ำ “ด้ำยเส้นยืน” ในย่อหน้ำที่ 3 หมำยถึงสิ่งใด
1. เส้นไหมแนวตั้งที่ใช้เป็นแกนในกำรทอผ้ำ
2. เส้นไหมแนวนอนที่ใช้ขัดกับเส้นแนวตั้ง
3. เส้นไหมที่มัดย้อมให้เกิดลวดลำยแล้ว
4. เส้นไหมที่ใช้ในกำรพุ่งเพื่อวัดขนำดผ้ำ
3. ข้อควำมข้ำงต้นโดดเด่นในกำรใช้โวหำรประเภทใดในกำรเขียน
1. บรรยำยโวหำร 2. พรรณนำโวหำร
3. สำธกโวหำร 4. อุปมำโวหำร
4. จำกข้อควำมข้ำงต้นข้อใด สรุปได้ไม่ถูกต้อง
1. กำรทอผ้ำเป็นงำนหัตถศิลป์ของภำคเหนือและภำคอีสำนของไทย
2. มูลนิธิศิลปำชีพส่งเสริมและสนับสนุนให้ชำวบ้ำนทอผ้ำเป็นอำชีพเสริม
3. กำรสร้ำงลำยผ้ำด้วยเทคนิคกำรจกต้องอำศัยระยะเวลำในกำรผลิต
4. มูลนิธิศิลปำชีพมักส่งเสริมให้ชำวบ้ำนพัฒนำสินค้ำให้มีคุณภำพดีขึ้น
5. จำกข้อควำมข้ำงต้นงำนทอผ้ำเป็นงำนหัตถศิลป์ที่แสดงให้เห็นคุณลักษณะประกำรใดของคนไทยได้ดี
ที่สุด
1. คนไทยเป็นคนรักสวยรักงำมจึงออกแบบเสื้อผ้ำเครื่องแต่งกำยให้สวยงำม
2. คนไทยมีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์จึงคิดวิธีกำรทอผ้ำให้มีลักษณะเฉพำะถิ่น
3. คนไทยมักไม่ปล่อยให้เวลำว่ำงผ่ำนไปอย่ำงไร้ประโยชน์จึงทำให้เกิดงำนหัตถกรรม
4. คนไทยยอมรับวัฒนธรรมที่หลำกหลำยจึงทำให้มีธรรมเนียมประเพณีแตกต่ำงกัน
23
ส่วนที่ 2 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 40 ข้อ (ข้อละ 6-45) : ข้อละ 1.5 คะแนน
อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำม ข้อ 6-7
การป้ องกันไข้หวัดใหญ่ 2009
1. ล้ำงมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกฮอล์เจล เพื่อฆ่ำเชื้อโรค
2. หลีกเลี่ยงกำรคลุกคลี ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดหรือในที่ชุมชนหนำแน่น หำกจำเป็นให้สวมหน้ำกำก
อนำมัยเพื่อป้ องกันกำรติดเชื้อ
3. ปิดปำก ปิดจมูก ด้วยกระดำษทิชชู เมื่อ ไอ จำม และต้องล้ำงมือทุกครั้ง
4. หลีกเลี่ยงกำรใช้ของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อน ผ้ำเช็ดหน้ำ ผ้ำเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น
5. ดูแลสุขภำพร่ำงกำยให้แข็งแรงด้วยกำรออกกำลังกำยอย่ำงสม่ำเสมอ กินอำหำรให้ครบ 5 หมู่ และ
พักผ่อนให้เพียงพอ
6. ติดตำมคำแนะนำของกระทรวงสำธำรณสุขอย่ำงใกล้ชิด
6. วิธีปฏิบัติในข้อใดที่เป็นพื้นฐำนของกำรป้ องกันโรคโดยทั่วไป
1. ข้อ 1 2. ข้อ 4
3. ข้อ 5 4. ข้อ 6
7. บุคคลในข้อใดที่ปฏิบัติตนตำมแนวทำงกำรป้ องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้อย่ำงถูกต้อง
1. รุจน์พกแอลกอฮอล์และหน้ำกำกอนำมัยติดตัวเสมอเมื่อต้องไปในที่ชุมชนหนำแน่น
2. อำนนท์ใช้ช้อนกลำงตักอำหำรเสมอจนเป็นนิสัย เมื่อต้องรับประทำนอำหำรกับผู้อื่น
3. อภิชญำกินอำหำรให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้มีแรงพอจะทำงำนทั้งคืนโดยไม่ยอมนอน
4. ฤทธิ์เก็บตัวอยู่ที่บ้ำน ไม่ออกไปเรียนแต่คอยติดตำมข่ำวอย่ำงใกล้ชิดเพรำะกลัวจะติดโรค
8. “ถึงแม้ว่ำ สภำวะแวดล้อมในปัจจุบัน จะกดดันหรือก่อให้เกิดควำมเครียดมำกเพียงใดก็ตำม หำกเรำมี
รอยยิ้ม หัวใจของเรำก็จะเปิดกว้ำง มีมุมมองใหม่ๆ พร้อมที่จะแก้ไขปัญหำต่ำงๆ ที่เข้ำมำ ยิ้มให้กัน
และกัน ยิ้มอย่ำงสดใส ยิ้มอย่ำงจริงใจ ควำมสุขเล็กๆ น้อยๆ ก็จะมำรำยล้อมอยู่รอบตัว ดังนั้น มำทำให้
ใบหน้ำของพวกเรำเลอะไปด้วย รอยยิ้มกันเถอะ”
ข้อควำมข้ำงต้น ควรจัดอยู่ในส่วนใดของเรียงควำมเรื่อง “อยำกให้ทุกคนหน้ำเลอะ”
1. คำนำ
2. เนื้อเรื่อง
3. สรุป
4. คำนำหรือสรุป
24
9. ข้อใดเป็นกำรเขียนเชิงอธิบำย
1. ดึกดื่นคืนนี้ ลมหนำวพัดโชยมำ ฉันมองไปที่ขอบฟ้ำเนิ่นนำน
2. ปรุงรสให้แซบหนอ ใส่มะละกอลงไป อ้อ อย่ำลืมใส่กุ้งแห้งป่นของดี
3. ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตำ คอยส่องมองเธอด้วยแววตำแห่งควำมภักดี
4. ไม่ต้องห่วงว่ำฉันเปลี่ยนหัวใจ ฉันจะเป็นอย่ำงนี้ จะรักเธอตลอดไป
10. ข้อใดเขียนอ้ำงอิงแหล่งที่มำของข้อมูลในกำรเขียนรำยงำนได้ถูกต้อง
1. ดวงใจ ไทยอุบุญ. 2549. ทักษะกำรเขียนภำษำไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย.
2. ประภำศรี สีหอำไพ. 2531. กำรเขียนแบบสร้ำงสรรค์. สำนักพิมพ์วัฒนำพำนิช: กรุงเทพฯ.
3. ชำญณรงค์ พรรุ่งโรจน์. ควำมคิดสร้ำงสรรค์. โรงพิมพ์จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย: กรุงเทพฯ, 2546.
4. บันลือ พฤกษะวัน. พัฒนำทักษะกำรเขียนเชิงสร้ำงสรรค์. ไทยวัฒนำพำนิช: กรุงเทพฯ, 2533.
11. แผนผังควำมคิดข้ำงต้น ควรเป็นองค์ประกอบของเรื่องใด
1. ชีวประวัติของบุคคลสำคัญ
2. ชีวิตกวีเอก : สุนทรภู่
3. บุคคลในประวัติศำสตร์ไทย
4. วรรณคดีชิ้นเอกของสุนทรภู่
12. บุคคลใดรับสำรด้วยกำรฟังได้อย่ำงสัมฤทธิ์ผล
1. ส้ม เป็นที่รักของเพื่อน แม้ว่ำเพื่อนจะต่อว่ำไม่พอใจเรื่องใด ส้มก็ยิ้มรับทุกอำรมณ์ของเพื่อนได้เสมอ
2. สวย เป็นที่ชื่นชมของเพื่อน เพรำะเพื่อนสั่งอะไรสวยก็ไม่เคยขัดข้อง จะเชื่อฟังและปฏิบัติตำมเสมอ
3. ปลำ ไม่ค่อยมีใครสนใจ เพรำะเวลำใครพูดอะไร เธอก็จะฟังอย่ำงตั้งใจ แต่ไม่เคยปฏิบัติสักครั้ง
4. ปุ่น ไม่ค่อยสนใจคนที่กล่ำวตักเตือน เพรำะรู้สึกว่ำเสียเวลำและคิดเสมอว่ำคนเหล่ำนี้คอยแต่อิจฉำ
กำรเข้ำรับรำชกำรใน
สมัยรัตนโกสินทร์
ตอนต้น
ประวัติควำม
เป็นมำในวัยเด็ก
จุดหักเหในชีวิต
ผลงำนสำคัญ
นิรำศพระบำท พระอภัยมณี
25
13. ข้อใดไม่ใช่หลักปฏิบัติกำรพูดที่เหมำะสม
1. ผู้พูดควรเลือกเรื่องที่ตนเองมีควำมรู้ ถนัดและสนใจในกำรพูด
2. กำรวิเครำะห์ผู้ฟัง เป็นขั้นตอนสำคัญในกำรพูดที่ไม่ควรละเลย
3. ผู้พูดที่ไม่เตรียมเนื้อหำแล้วพูดได้ถือว่ำเป็นอัจฉริยะทำงกำรพูด
4. กำรแต่งกำยเป็นสิ่งหนึ่งในกำรเสริมบุคลิกภำพให้ผู้พูดโดดเด่น
14. หำกนักเรียนได้รับมอบหมำยให้พูดต้อนรับบุคคลที่มำเยี่ยมชมโรงเรียน ข้อใดไม่ใช่ ประเด็นสำคัญของ
เนื้อหำที่จะต้องนำเสนอ
1. ประวัติควำมเป็นมำของโรงเรียน
2. ควำมรู้สึกยินดีต่อกำรเข้ำเยี่ยมชม
3. กำรแก้ไขปัญหำที่เกิดขึ้นภำยในโรงเรียน
4. จุดเด่นของกำรพัฒนำโรงเรียนที่ผ่ำนมำ
15. ข้อใดใช้ภำษำในกำรพูดได้อย่ำงเหมำะสมและแสดงมำรยำทที่ดี
1. ไม่ว่ำใครก็สำมำรถพบเจอควำมผิดหวังได้แต่ท้ำยที่สุดอย่ำท้อแท้แล้วกัน
2. คนอย่ำงเรำ ผิดหวังซะบ้ำงก็ดี ทำอะไรมั่นใจเหลือเกิน จะได้เป็นบทเรียน
3. โตแล้ว ถ้ำผิดหวังแค่นี้ ทนไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว
4. พยำยำมเข้ำละกัน ผิดหวังเป็นเรื่องเล็กๆ ถ้ำฟ้ำมีตำ คงเห็นควำมตั้งใจน้อยๆ บ้ำง
16. คำในข้อใด มีวิธีกำรสร้ำงคำแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. ปวดร้ำว ปวดเมื่อย
2. บอกบท บอกใบ้
3. เศร้ำโศก เศร้ำหมอง
4. คลำดเคลื่อน คลำดแคล้ว
17. คำประพันธ์ในข้อใด ไม่มีคำซ้อน
1. นำคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
2. เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้ำ
3. พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง
4. ชูแต่หำงเองอ้ำ อวดอ้ำงฤทธี
18. คำซ้ำในข้อใด มีจำนวนพยำงค์ที่ออกเสียงซ้ำน้อยที่สุด
1. ร่มชมพูๆ ที่เธอซื้อมำฝำกจำกญี่ปุ่นพังเสียแล้วเมื่อวันก่อน
2. คุณครูเรียกนักเรียนให้ออกมำอ่ำนหนังสือหน้ำชั้นทีละคนๆ
3. แล้วในวันหนึ่งๆ มีคนมำเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นี้ประมำณกี่คน
4. เขำไม่ได้ใส่เสื้อผ้ำสีๆ มำหลำยเดือนแล้วเพรำะกำลังไว้ทุกข์
26
19. ข้อใดไม่เป็นประโยคควำมรวม
1. ผู้ใหญ่ลีมำหำมำลินีเพรำะคิดถึงมำก
2. ผู้ใหญ่ลีมำหำมำลินีหลังจำกสึกแล้ว
3. ผู้ใหญ่ลีมำหำมำลินีเลยไปทำนำสำย
4. ผู้ใหญ่ลีมำหำมำลินีซึ่งกำลังเลี้ยงไก่
20. ข้อใดใช้คำรำชำศัพท์ “ทูลเกล้ำฯถวำย” ไม่ถูกต้อง
1. สำนักงำนคณะกรรมกำรวิจัยแห่งชำติทูลเกล้ำฯ ถวำย สิทธิบัตรฝนหลวง แด่พระบำทสมเด็จ
พระเจ้ำอยู่หัว
2. กทม. ทูลเกล้ำฯ ถวำยหนังสือสมุดภำพแผนที่ “หนึ่งศตวรรษกรุงเทพมหำนคร” แด่
พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว
3. สมำพันธ์นักประดิษฐ์โลกทูลเกล้ำฯ ถวำยเหรียญรำงวัล “พระอัจฉริยภำพทำงกำรประดิษฐ์”
แด่พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว
4. หอกำรค้ำไทยร่วมกับคณะกรรมกำรร่วม 3 สถำบัน (กกร.) ทูลเกล้ำฯ ถวำยกังหันน้ำชัยพัฒนำ
จำนวน 60 เครื่อง แด่ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว
21. กำรนำคำทับศัพท์ภำษำอังกฤษมำใช้ในข้อใด ที่ทำให้ภำษำไทยมีวงศัพท์เพิ่มขึ้น
1. มำเรียนอยู่ในกรุงเทพฯ ยูนิเวอร์ซิตี้ที่ทันสมัย
2. ซัมเมอร์แม่เรียกตัวกลับมำช่วยทำไร่ทำนำอยู่ที่บ้ำนหนองใหญ่
3. ชำวบ้ำนก็ด้อยกำรศึกษำกินแต่ปลำร้ำที่ไม่พำสเจอร์ไรซ์
4. ให้มำเป็นฟำร์เมอร์ ดำวว่ำมันไม่ใช่ มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของดำว
22. ข้อใดเป็นคำที่มีที่มำจำกภำษำบำลีทุกคำ
1. ศีรษะ ปัญญำ
2. ขันติ อิจฉำ
3. วงกต พรรษำ
4. พุทธิ ศรัทธำ
23. คำประพันธ์ในข้อใดมุ่งเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่กำรแสดงควำมคิดเห็น
1. อันชำติใดไร้ศำนติสุขสงบ ต้องมัวรบรำญรอนหำผ่อนไม่
2. แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงำม เมื่อถึงยำมเศร้ำอุรำน่ำสงสำร
3. ใครดูถูกผู้ชำนำญในกำรช่ำง ควำมคิดขวำงเฉไฉไม่เข้ำเรื่อง
4. ควรไทยเรำช่วยบำรุงวิชำช่ำง เครื่องสำอำงแบบไทยสโมสร
27
24. สำนวนในข้อใด เป็นวิธีกำรแสดงควำมคิดเห็นที่เหมำะสมที่สุด
1. ได้ทีขี่แพะไล่
2. เด็ดบัวไม่ไว้ใย
3. ไม่เออออห่อหมก
4. เห็นดำเห็นแดง
25. คำขวัญรณรงค์ป้ องกันโรคไข้หวัดใหญ่สำยพันธุ์ใหม่ 2009 ข้อใดที่ไม่มีกำรยกเหตุผลสนับสนุน
1. ใช้หน้ำกำกอนำมัย ห่ำงไกลหวัด 2009
2. กินร้อน ช้อนกลำง ล้ำงมือ คือวิธีป้ องกัน
3. ไอ-จำมปิดปำก ถ้ำไม่อยำกแพร่เชื้อหวัด
4. เป็นหวัดให้อยู่บ้ำน อย่ำเป็นตัวกำรแพร่เชื้อ
26. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของควำมคิดสร้ำงสรรค์
1. คิดนอกกรอบ
2. คิดเล็กคิดน้อย
3. คิดพลิกแพลง
4. คิดหลำกหลำย
27. น้องบอกว่ำลืมไม่ได้ใจมันทุกข์ เพรำะน้องซุกใจเศร้ำเฝ้ำไห้หวน
อยำกให้น้องคิดใหม่…ใคร่ชักชวน ขึ้นทำงด่วนเดินจำกซำกอำวรณ์
คำที่ขีดเส้นใต้ในคำประพันธ์ข้ำงต้นใช้คำในข้อใดแทนได้โดยใจควำมสำคัญไม่เปลี่ยน
1. คร่ำครวญ
2. รัญจวน
3. กำสรวล
4. หอมหวน
28. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะคำประพันธ์ประเภทกลอนหัวเดียว
1. ฉันจะไม่ทักหนอไม่ทำย ฉันกลัวว่ำแกจะอำยแก่หน้ำ
ฉันร้องทักชมโฉม กันไปด้วยลมวำจำ
2. รำกับใครมันไม่ชื่นใจ เหมือนรำกับหล่อน
คนสวยเชิญมำรำฟ้อน โอ้แม่หำงตำงอนเชิญมำรำวง
3. พี่มีคุณควำมดีเป็นที่กำบัง มีธรรมะมำกพลังรักษำ
น้องเอ๋ยตัดบัวยังเหลือเยื่อใย น้องอย่ำเพิ่งตัดสำยเสน่หำ
4. เหลืองเอ๊ยใบยอ ซ้อนช่อมะม่วง
มีพบก็มีพรำก จำจำกพ่อพุ่มพวง
28
29. เพลงกล่อมเด็กในข้อใดแสดงถึงควำมรักของแม่ที่มีต่อลูกได้ชัดเจนที่สุด
1. นอนเสียเถิด ขวัญเจ้ำจะเกิดในดอกบัว
แม่เลี้ยงเจ้ำไว้ เพื่อจะได้เป็นเพื่อนตัว
2. เนื้อเอ๋ยเนื้ออุ่นเอย เนื้อละมุนคือสำลี
แม่ไม่ให้ใครต้อง แม่กลัวเจ้ำจะหมองศรี
3. เนื้อเอ๋ยเนื้ออ่อนเอย ไม่หลับไม่นอนอ้อนแม่อยู่อำลัย
พี่เลี้ยงนำงนมอยู่ไหน ไม่มำไกวให้เจ้ำนอน
4. นกเขำ เอ๋ย ขันตั้งแต่เช้ำไปจวนเย็น
ขันให้ดังแม่จะฟังเล่น เสียงเย็นๆลูกน้อยกลอยใจ
30. ผู้ใดไม่ได้ใช้กระบวนกำรระดมควำมคิดในกำรแสวงหำควำมรู้
1. สุวิทย์ค้นหำข้อมูลเพื่อกำรทำรำยงำนเรื่อง “ ควำมสุขที่แท้จริง” จำกหนังสือหลำยเล่ม
2. สุชัยสัมภำษณ์เพื่อนร่วมงำนทุกคนเพื่อสรุปควำมเห็นเรื่องกำรตกแต่งห้องทำงำน
3. สุจิตต์สรุปเนื้อหำจำกสำรำนุกรมไทยฉบับเยำวชนส่งครูผู้สอนวิชำภำษำไทย
4. สุวรรณเรียกประชุมเพื่อนๆ เพื่อร่วมกันหำแนวทำงแก้ไขปัญหำขยะในโรงเรียน
31. เพรำะเหตุใดจึงต้องใช้เลขไทยในกำรเขียนภำษำไทย
1. เพรำะเลขไทยถือว่ำเป็นสมบัติของชำติ กำรใช้เลขไทยจึงเป็นกำรช่วยรักษำสมบัติชำติวิธีหนึ่ง
2. เพรำะเลขไทยอ่ำนได้เฉพำะคนไทย กำรใช้เลขไทยจึงจำเป็นในกำรเขียนเอกสำรลับทำงรำชกำร
3. เพรำะเลขไทยถือเป็นภำษำรำชกำรอย่ำงหนึ่ง กำรใช้เลขไทยจึงจำเป็นต่อกำรเขียนอย่ำงเป็นทำงกำร
4. เพรำะเลขไทยอยู่บนแป้ นพิมพ์กำรใช้เลขไทยในกำรพิมพ์จึงสะดวกกว่ำเพรำะไม่ต้องเปลี่ยนชุด
ตัวอักษร
32. สำนวนใดกล่ำวถึงกำรใช้ภำษำให้เหมำะสมกับฐำนะบุคคล
1. คนยำกว่ำผี คนมีว่ำศพ
2. ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน
3. เข้ำเมืองตำหลิ่ว ต้องหลิ่วตำตำม
4. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
33. ข้อใดมี “คำคะนอง”
1. วัยรุ่นต้องทำควำมเข้ำใจผู้ใหญ่บ้ำง
2. อย่ำมำเว่อร์มำกไปหน่อยเลย
3. เขำไม่ชอบยุ่งวุ่นวงวุ่นวำยกับใคร
4. อย่ำทำงำนแบบลวกๆ มำส่งครู
29
34. ข้อควรคำนึงเมื่อต้องใช้ข้อมูลสำรสนเทศจำกอินเทอร์เน็ตในกำรแสวงหำควำมรู้ คือข้อใด
1. ควำมรวดเร็วในกำรสืบค้นข้อมูล
2. ควำมคุ้มค่ำของกำรสืบค้นข้อมูล
3. ควำมมีประโยชน์ของแหล่งข้อมูล
4. ควำมน่ำเชื่อถือของแหล่งข้อมูล
35. ข้อใดใช้ภำษำได้เหมำะสมกับฐำนะบุคคล
1. เชิญร่วมกันตักบำตรพระสงฆ์ 2,500 องค์เนื่องในวันเข้ำพรรษำ
2. หลินปิงแพนด้ำน้อยรับประทำนต้นไผ่ได้เพิ่มขึ้นจำกเมื่อวำนนี้
3. ลูกชำยช้ำงไทยที่กำเนิดที่ออสเตรเลียจะมีอำยุครบ 1 ปีเดือนหน้ำ
4. ขอบคุณครับ โอกำสหน้ำขอเชิญมำใช้บริกำรของเรำใหม่นะครับ
36. ในคำพำกย์เอรำวัณ หนุมำนสู้กับยักษ์ตนใด
1. สหัสเดชะ
2. แสงอำทิตย์
3. ไมยรำพ
4. อินทรชิต
37. “พระสมุทรสุดลึกล้น คณนำ
สำยดิ่งทิ้งทอดมำ หยั่งได้
เขำสูงอำจวัดวำ กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยำกแท้หยั่งถึง
โคลงบทนี้เน้นสอนเรื่องใด
1. ควำมลึกของน้ำ
2. ควำมไว้วำงใจ
3. ควำมพำกเพียร
4. ควำมมีอุเบกขำ
38. “พิเศษสำรเสกสร้ำงรังสรรค์สำร ประจงจำรฉันทพำกย์พริ้งพรำยฉำย
เฉกเพชรพรรณเพรำะเฉิดเลิศแลลำย ระยับสำยสะอิ้งส่องสร้อยกรองทรวง”
กลอนบทนี้ดีเด่นด้ำนใดเป็นพิเศษ
1. สัมผัส
2. ฉันทลักษณ์
3. โครงสร้ำง
4. สัญลักษณ์
30
39. “หญ้ำฝำกเกสรดอกหญ้ำ ไปกับลมช่วยผสำนผสม
แจ้งข่ำวครำวเคลื่อนเยือนชม ช่วยทอพรมคลุมพื้นให้แผ่นดิน”
ประเภทของภำพพจน์ข้ำงต้นคล้ำยคลึงกับข้อใด
1. ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่
2. เปลวแดดแผดเปลวเต้น ระริกเล่นเน้นทำนอง
3. ฤๅดูดำรำระย้ำระยับสรวง ดุจดวงเพชรพลอยประเสริฐศรี
4. ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร เหมือนเวรใดให้นิรำศเสน่หำ
40. “มยุรฉัตรชุมสำยพรำยศรี พัดโบกพัชนี
กบี่ระบำยโบกลม”
คำประพันธ์ข้ำงต้นกล่ำวถึงสิ่งใด
1. เครื่องรำชกกุธภัณฑ์
2. เครื่องสูงประกอบยศ
3. เครื่องรำชอิสริยำภรณ์
4. เครื่องประดับเรือนต้น
41. คำประพันธ์ในข้อใด อ่ำนแบ่งวรรคได้ถูกต้อง
1. สมรรถชัยไกร / กำบแก้ว
แสงแวววับ / จับสำคร
2. เลียงผำ / ง่ำเท้ำโผน
เพียงโจน / ไปในวำรี
3. สำยัณห์ / ตะวันยำม
ขณะ / ข้ำมฑิฆัมพร
4. เรือน้อย / ลอยน้ำ / ขำคม
บัวฉม / ชูล้อม / ห้อมเรือ
42. “จำกกำเนิดตัวเปล่ำเท่ำกันหมด มำสู่ยศศักดิ์ศรีที่แตกต่ำง
จำกควำมรวยจนชั่วดีทั่วทำง มำสู่ข้ำงหลุมเศร้ำเน่ำเหมือนกัน
มนุษย์เท่ำกันได้เมื่อตำย-เกิด ควำมดีเลิศชั่วช้ำคือตรำมั่น
ไม่มีสัตว์โลกอื่นนับหมื่นพัน ครองชีวันวนเศร้ำเท่ำนรชน
มนุษย์รู้จักโลกโชคชีวิต รู้จักผิดชอบชั่วดีทั่วถล
ประหลำดเหลือเมื่อรู้ว่ำชีวำวน ไยทุกคนไม่รู้ทำแต่กรรมดี”
กวีนิพนธ์ข้ำงต้นมีคุณค่ำด้ำนใดเด่นชัดที่สุด
1. คุณค่ำทำงภำษำ 2. คุณค่ำทำงสังคม
3. คุณค่ำทำงคติธรรม 4. คุณค่ำทำงกำรแพทย์
31
จงใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อที่ 43-45
ดอกไม้ในร้ำนดอกไม้อำจเป็นเพื่อนร่วมทำงกันมำตั้งแต่ที่ไร่จนถึงปลำยทำง หรืออำจต่ำงมำจำกต่ำงถิ่น
กัน แต่ได้มำร่วมทำงกัน แล้วแยกย้ำยกันไป ดอกไม้ในแจกันเดียวกันอำจเหี่ยวไปพร้อมๆ กัน หรือมีดอกใดที่
เหี่ยวไปก่อน
คนจีนมีคำกล่ำวว่ำ พี่น้องร้อยคนก็เหมือนคนเดียว เพรำะบั้นปลำยต่ำงคนต่ำงแก่มำดูแลกันไม่ไหว ซึ่ง
ที่สุดแล้วก็ต้องมีคนไปก่อนและมีคนไปหลัง บำงคนจึงมีเพื่อนตำย และหลำยคนก็อำจไม่มี
วันหนึ่งขณะผ่ำนหัวลำโพง เห็นยำย 2 คน พำกันเดินด้วยไม้ไผ่ลำหนึ่ง ยำยคนแข็งแรงนำหน้ำ จูงยำยที่
ตำฟำงแล้วให้เดินตำม เท้ำของยำยทั้งสองก้ำวช้ำๆ เหมือนลำนตุ๊กตำที่จวนหมด
อยำกให้ยำยทั้งสองถึงที่หมายพร้อมกัน ไม่ใช่ทิ้งคนหนึ่งไว้ให้ต้องตำยเพียงลำพังอย่ำงโดดเดี่ยวเดียวดำย
43. ควำมคิดสำคัญในข้อควำมข้ำงต้นตรงกับข้อใด
1. ควำมตำยมำถึงมนุษย์ทุกคนในเวลำต่ำงกัน
2. ควำมตำยเป็นสิ่งที่มนุษย์สำมำรถกำหนดได้
3. ควำมตำยกับควำมชรำเป็นทุกข์ของมนุษย์
4. ควำมตำยเหมือนกับดอกไม้ในแจกันที่ร่วงโรย
44. จุดประสงค์หลักของกำรเขียนข้อควำมข้ำงต้นตรงกับข้อใด
1. แสดงควำมรู้เรื่องดอกไม้
2. ตีโพยตีพำยกับควำมชรำ
3. ชวนให้เข้ำใจโลกและชีวิต
4. เล่ำประสบกำรณ์ที่ผ่ำนมำ
45. คำว่ำ “ที่หมำย” จำกข้อควำมข้ำงต้นมีควำมหมำยตรงกับข้อใด
1. อีกฝั่งหนึ่งของถนน
2. กำรสิ้นสุดของชีวิต
3. ควำมชรำที่มำเยือน
4. บ้ำนของยำยทั้งสอง
32
ส่วนที่ 3 : แบบระบำยคำตอบให้สัมพันธ์กัน
จำนวน 3 ข้อ (ข้อละ 46-48) : ข้อละ 6 คะแนน
จงพิจำรณำคำตอบจำกข้อมูลแต่ละกลุ่มตำมที่กำหนดให้ถูกต้องครบทุกกลุ่ม กลุ่มละ 1 คำตอบจึงจะได้
คะแนน
46. สมมุติว่ำมีเพื่อนคนหนึ่งชวนนักเรียนไปเที่ยวต่ำงจังหวัดในช่วงปิดภำคกำรศึกษำเป็นเวลำ 1 สัปดำห์
แต่นักเรียนไม่สำมำรถไปได้เนื่องจำกจะต้องทำงำนพิเศษหำรำยได้เพื่อแบ่งเบำภำระของผู้ปกครอง
ในช่วงปิดภำคกำรศึกษำ ในสถำนกำรณ์ที่กำหนดให้ข้ำงต้น ข้อใดเป็นกำร” (1)ใช้ถ้อยคำปฏิเสธ”
“(2)ถ้อยคำแสดงเหตุผล” และ “(3) กำรใช้สีหน้ำประกอบกำรพูด” ได้อย่ำงเหมำะสมที่สุด
กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3
(1) กำรใช้ถ้อยคำปฏิเสธ (2) ถ้อยคำแสดงเหตุผล (3) กำรใช้สีหน้ำประกอบกำรพูด
1. เสียใจ แต่เรำไม่ไปหรอกนะ
2. ขอบคุณ แต่เรำคงไม่มีวำสนำ
3. ขอบคุณ แต่อย่ำให้เรำไปเลย
4. ขอบใจ แต่เวลำของเรำมีค่ำนะ
5. ขอบใจ แต่เรำคงไปไม่ได้จริงๆ
1. เรำมีภำระที่หนักหนำเกินกว่ำ
จะบอกให้ใครรู้ได้
2. เงินสำคัญกับเรำแค่ไหน
คนรวยอย่ำงเธอคงไม่เข้ำใจ
3. เรำต้องทำงำนพิเศษ ไม่มีเวลำ
ไปเที่ยวเล่นเหลวไหล
4. เห็นพ่อแม่ทำงำนหนักมำก
เรำเลยอยำกจะช่วยท่ำน
5. พ่อแม่คงอยำกเห็นเรำอำบเหงื่อ
ต่ำงน้ำมำกกว่ำไปเที่ยว
1.
2.
3.
4.
5.
47. ประโยค”เงียบๆหน่อยได้ไหม” เป็น” (1) ประโยคชนิดใด” “(2) ละส่วนใดของประโยค” และ
“(3) แสดงเจตนำอะไรในกำรสื่อสำร”
กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3
(1) ชนิดของประโยค (2) ละส่วนใดของประโยค (3) แสดงเจตนำอะไร
ในกำรสื่อสำร
1. ประโยคควำมเดียว
2. ประโยคควำมซ้อน
3. ประโยคควำมรวม
4. ประโยคควำมรวมซับซ้อน
5. ประโยคไม่สมบูรณ์
1. แจ้งให้ทรำบ
2. ถำมให้ตอบเนื้อควำม
3. ถำมให้เลือก
4. ถำมให้ตอบรับ-ปฏิเสธ
5. บอกให้ทำ
1. ประธำน
2. กรรม
3. กริยำ
4. ประธำนและกรรม
5. ประธำนและกริยำ
33
48. จงเลือก”(1) กำรเขียนวันที่” “(2) คำขึ้นต้นจดหมำย” “(3) คำขึ้นต้นเนื้อควำม” “(4) คำลงท้ำยเนื้อควำม”
และ “ (5) คำลงท้ำยของจดหมำย” ต่อไปนี้ เพื่อให้จดหมำยที่กำหนดให้ในหน้ำถัดไปมีรูปแบบที่ถูกต้อง
กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2
(1) กำรเขียนวันที่ (2) คำขึ้นต้นจดหมำย
1. วันที่ 4 กุมภำพันธ์ 2553
2. 4 กุมภำพันธ์ 2553
3. วันอังคำรที่ 4 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2553
4. วันที่ 4 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2553
5. วันอังคำร แรม 5 ค่ำ ปีฉลู จ. ศ. 1371
1. เรียน
2. สวัสดี
3. กรำบเท้ำ
4. นมัสกำร
5. เจริญพร
กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ 4 กลุ่มที่ 5
(3) คำขึ้นต้นเนื้อควำม (4) คำลงท้ำยเนื้อควำม (5) คำลงท้ำยของจดหมำย
1. สวัสดี
2. ตำมที่
3. อนุสนธิ
4. เนื่องจำก
5. ไม่ต้องใช้คำขึ้นต้น
1. จึงเรียนมำเพื่อทรำบ
2. จึงเรียนมำเพื่อโปรดพิจำรณำ
3. จึงเรียนมำเพื่อขอ
4. จึงนมัสกำรมำเพื่อ
5. ไม่ต้องใช้คำลงท้ำย
1. ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง
2. ด้วยรักและเคำรพ
3. ขอแสดงควำมนับถือ
4. ขอให้เจริญในธรรม
5. สวัสดี
34
128 อำคำรพญำไทพลำซ่ำ ชั้น 36
แขวงทุ่งพญำไท เขตรำชเทวี
ที่ สทศ.234/2553 กรุงเทพฯ 10400
…………………….(1)…………………….
เรื่อง ขอให้ประชำสัมพันธ์ให้นักเรียนตรวจสอบสนำมสอบ
….(2)…. ผู้อำนวยกำรโรงเรียนมัธยมบ้ำนเอกลักษณ์ไทย
…..(3)…..ปีกำรศึกษำ 2552 นี้มีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 สมัครเข้ำร่วมกำรทดสอบ O-Net
ช่วงชั้นที่ 3 ประจำปีกำรศึกษำ 2552 เป็นจำนวนมำกนั้น จึงใคร่ขอให้ท่ำนประชำสัมพันธ์ให้นักเรียนที่จะ
เข้ำสอบทุกคนตรวจสอบสนำมสอบของตนเองให้เรียบร้อยก่อนวันทำกำรสอบ เพื่อป้ องกันกำรเข้ำสอบผิด
สนำมสอบ ซึ่งหำกเกิดข้อบกพร่องดังกล่ำวสถำบันทดสอบทำงกำรศึกษำแห่งชำติ (องค์กำรมหำชน) จะไม่
รับผิดชอบต่อข้อผิดพลำดที่เกิดขึ้น
…..(4)…..ประชำสัมพันธ์ให้นักเรียนตรวจสอบสนำมสอบ อย่ำงเคร่งครัด จักเป็นพระคุณยิ่ง
…………………….(5)…………………….
(ลงนำม)
ศำสตรำจำรย์ดร. อุทุมพร จำมรมำน
ผู้อำนวยกำรสถำบันทดสอบทำงกำรศึกษำแห่งชำติ (องค์กำรมหำชน)
สถำบันทดสอบทำงกำรศึกษำแห่งชำติ (องค์กำรมหำชน)
โทรศัพท์ 0-2219-2991-5
ส่วนที่ 4 : แบบระบำยกำรเรียงลำดับข้อควำมให้ถูกต้องสัมพันธ์กัน
จำนวน 2 ข้อ (ข้อละ 49-50) : ข้อละ 6 คะแนน
49. จงเรียงลำดับข้อควำมต่อไปนี้ เพื่อให้เป็นย่อหน้ำที่สมบูรณ์
1. ผงอณูเล็กๆ จำกสำหร่ำยอำจช่วยชะลอและทำให้อำหำรเสียช้ำลง
2. แต่สำหร่ำยนั้นมีโซเดียมน้อยกว่ำเกลือมำก โดยมีเพียงร้อยละ 4 ขณะที่เกลือธรรมดำมีถึงร้อยละ 40
3. โดยไม่ทำให้กลิ่นและรสของอำหำรเปลี่ยนไป ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติเดียวกับเกลือ
4. เพรำะนักวิทยำศำสตร์จำกอังกฤษค้นพบว่ำ
5. อำหำรสำเร็จรูปปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยเกลือ แต่ในอนำคตอำจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้
35
50. จงเลือกคำกลอนต่อไปนี้ไปใส่ในช่องว่ำง เพื่อให้ใจควำมสมบูรณ์
1. อุ่นเอื้อมิสิ้นใจดินฟ้ำ
2. ฝนอำบมำเอื้อแด่ทุ่งถิ่น
3. เหยียบยกตกตึงจึงกังวำน
4. เช้ำชื่นตื่นตำมำเติมไฟ
5. เบิกยิ้มบำนใจในเหงื่องำน
จดตีนเหยียบยกแล้วตกตึง แปรเป็นข้ำวนึ่งจึงหอมหวำน
……………..(1)……………… เริ่มไถแรกหว่ำนสู่ลำนดิน
ผุดภำพชีวิตอันชิดเชื้อ …………..(2)……………..
ผักหญ้ำปลำปูพออยู่กิน …………..(3)……………..
……………..(4)……………… แดดอุ่นอำบลำนและอำบหล้ำ
เสียงก้องเข้ำไปในวิญญำณ์ …………..(5)……………..
36
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ต้น 2553
ส่วนที่ 1 : แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 13 ข้อ (ข้อ 1-13) : ข้อละ 3 คะแนน รวม 39 คะแนน
หอมไฟไหม้ดินกลิ่นอิฐ เรียงติดลงเตำเผำแต่ง
ดินดำคล้ำคลำยกลำยแดง ละก้อนล้วนแกร่งกร่ำงไกร
ดินดงลงบ่อหล่อเบ้ำ คลุกเถ้ำคลึงถำดปำดไถ
กดแท่นแป้ นทับฉับไว ลงมือลงไม้ไฟรุม
น้ำทุ่งน้ำท่ำมำอำบ มำนำบมำนวดดินนุ่ม
เมืองล่ำงเมืองบนชนชุม มือนี้ที่กรุมกรำงำน
ปั้นดินปำดดินประดัง เป็นวังเป็นวัดพัสถำน
ปูทำงเท้ำคนทนทำน บันดำลด้วยมือแรงเรำ
1. บุคคลใดต่อไปนี้นำสำระสำคัญของบทประพันธ์นี้ไปใช้ตรงตำมจุดประสงค์ของผู้ประพันธ์
1. คมกริช คิดว่ำกำรทำอิฐไม่ยำกอย่ำงที่คิดจึงลงมือทำอิฐเพื่อสร้ำงบ้ำนเอง
2. คงฤทธิ์ ตั้งใจว่ำ ไม่ว่ำจะเกิดอะไรขึ้นก็จะทำงำนที่ยำกลำบำกด้วยตัวเอง
3. คงธนำ เปลี่ยนวัสดุในกำรสร้ำงโรงรถจำกเดิมที่จะใช้ไม้มำใช้อิฐทดแทน
4. คมกฤษ ใช้กวีนิพนธ์นี้เป็นส่วนนำในกำรเขียนควำมเรียงเรื่อง”ขั้นตอนกำรทำอิฐ”
2. คำประพันธ์นี้มีน้ำเสียงอย่ำงไร
1. ชื่นชม
2. ตื่นเต้น
3. ตื้นตัน
4. ประทับใจ
3. ใจควำมสำคัญของบทประพันธ์นี้อยู่ที่บทใด
1. บทที่ 1
2. บทที่ 2
3. บทที่ 3
4. บทที่ 4
ปีการศึกษา
37
4. ข้อใดมีคำซ้อน
1. ดินดงลงบ่อหล่อเบ้ำ
2. คลุกเถ้ำคลึงถำดปำดไถ
3. กดแท่นแป้ นทับฉับไว
4. ลงมือลงไม้ไฟรุม
5. ข้อใดไม่มีโครงสร้ำงเป็นประโยค
1. หอมไฟไหม้ดินกลิ่นอิฐ
2. เรียงติดลงเตำเผำแต่ง
3. ดินดำคล้ำคลำยกลำยแดง
4. ละก้อนล้วนแกร่งกร่ำงไกร
6. ข้อใดมีกำรใช้ภำพพจน์ลักษณะเดียวกับ “มำนำบมำนวดดินนุ่ม”
1. เรือนรำยชำยฝั่งทั้งสองฝำก
2. ป่ำจำกแซมรำกลำพูร่อง
3. เรียงหินเป็นเขื่อนที่ชำยคลอง
4. รับฟองคลื่นฟู่อยู่เย็นเย็น
อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้แล้วตอบคำถำมข้อ 7-13
สิ่งที่มีค่ำสูงสุดในชีวิตมนุษย์ก็คือ “ตัวชีวิตเอง” คำกล่ำวนี้เป็นควำมจริงโดยที่ใครไม่อำจปฏิเสธ แต่ทั้งๆ
ที่รู้ มนุษย์ก็ปฏิบัติกับชีวิตเหมือนไม่รู้จักรักชีวิต หำกจะเปรียบก็คงเป็นเช่นเสนำอมำตย์ข้ำรำชบริพำรของ
พระมหำชนกที่ชอบรับประทำนมะม่วง แต่ขณะเดียวกันกลับโค่นต้นมะม่วงทิ้ง มนุษย์รักชีวิต แต่ปฏิบัติต่อ
ชีวิตไม่ถูกต้อง ชีวิตอันเป็นสิ่งสูงค่ำยิ่งกว่ำสมบัติบรรดำมีใดทั้งหมดของตน ก็เลยพลอยมีอันแตกหัก บิ่นร้ำว
แหลกสลำยลงไปก่อนวัยอันสมควร
น่ำเสียดำยชีวิตที่ถูกเหวี่ยงไปอย่ำงไร้จุดหมำยวันแล้ววันเล่ำ ล่องลอยไปในกระแสกิน กำม เกียรติเหมือน
ขอนไม้แห้งหรือกอสวะที่ไร้อนำคต แทนที่เรำจะเป็นฝ่ำยกำหนดชีวิตกลับปล่อยให้ชีวิตถูกกิเลส สังคม
กำรงำน วัฒนธรรม ควำมหลงผิดมำเป็นฝ่ำยกำหนดแทนที่จะเป็นนำยของชีวิต กลับกลำยเป็นทำสของชีวิต
แทนที่จะเป็นฝ่ำยเลือกใช้ชีวิต กลับถูกชีวิตผลักไสไปตำมยถำกรรม
ทำไมไม่อนุญำตให้ตัวเองได้อยู่เงียบๆ คนเดียวสักระยะหนึ่งแล้วลองไตร่ตรองมองตนดูว่ำ หลำยขวบปี
ที่ผ่ำนมำเรำได้ใช้ชีวิตไปให้คุ้มค่ำมำกหรือน้อยเพียงไร มีสิ่งใดที่ควรแก่ควำมภูมิใจ และมีสิ่งใดควรแก่ควำม
สลดสังเวชกับกำรกระทำของตัวเอง พินิจตนด้วยตนสอนตนด้วยตน ดีกว่ำให้ใครต่อใครมำกมำยมำเสี้ยมสอน
ซึ่งแน่นอนว่ำเรำรับฟัง แต่คงไม่มีผลต่อควำมเปลี่ยนแปลงใดๆ เหมือนกับกำรสอนตนด้วยตนเอง
38
มนุษย์เกิดมำในโลกอย่ำงมีควำมหมำย ไม่มีใครเกิดมำไร้ค่ำหรือเกิดมำเพื่อจะถูกลืมยกเว้นแต่คนที่
พยำยำมจะทำให้คนอื่นลืมตนเอง ไม้ทุกต้น หญ้ำทุกชนิด ก็เช่นเดียวกับนอตทุกตัวที่ผลิตขึ้นมำเพื่อให้
เหมำะสมกับภำรกิจใดภำรกิจหนึ่ง ณ เวลำใดเวลำหนึ่งเสมอ มนุษย์ก็เช่นกัน ต่ำงมำสู่โลกนี้เพื่อจะบำเพ็ญ
กรณีบำงอย่ำงบำงประกำร ซึ่งล้วนแต่มีควำมสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ำกัน มนุษย์ทุกคนล้วนมีศักยภำพแฝง
เร้นที่จะบรรลุภำรกิจของตนได้อย่ำงงดงำมทั้งสิ้น แต่มนุษย์ตระหนักรู้ถึงศักยภำพพิเศษของตนตรงนี้หรือไม่
น้ำเน่ำอำจระเหยกลำยเป็นเมฆฝนหล่อเลี้ยงผืนโลก กรวดทรำยต่ำต้อยอำจถูกหล่อหลอมเป็นศิลป์
สถำปัตย์ที่ทรงคุณค่ำระดับสำกล ข้าวเปลือกในนาอำจกลำยเป็นสุธำรสของพระมหำจักรพรรดิ ลูกกุลีอำจ
กลำยเป็นเศรษฐีพันล้ำน ฯลฯ ขอเพียงมนุษย์ไม่ดูถูกตัวเองตระหนักรู้ถึงศักยภำพพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตน แล้ว
เพียรเจียระไนชีวิตให้แวววำวพรำวพรำยด้วยกำรศึกษำเรียนรู้ ซึมซับเก็บรับบทเรียนจำกกำรงำนและกำรใช้
ชีวิตอย่ำงสุขุม ก็ย่อมจะมีชีวิตที่คุ้มค่ำ สงบ ร่มเย็น และเป็นสุขไม่ยำกเย็น
7. ใจควำมสำคัญของข้อควำมที่คัดมำให้อ่ำนคือข้อใด
1. มนุษย์ควรจัดสรรเวลำส่วนหนึ่งของชีวิตสำหรับตัวเองเพื่อทำควำมเข้ำใจชีวิต
2. ชีวิตของมนุษย์ทุกคนมีคุณค่ำขึ้นอยู่กับว่ำมนุษย์มองเห็นคุณค่ำนั้นหรือไม่
3. คนที่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตำมกิเลสคือคนที่ใช้ชีวิตอย่ำงไร้จุดหมำย
4. ไม่มีคำสอนของผู้ใดที่จะดีเท่ำคำสอนที่ตนเองสอนตนเองด้วยตนเอง
8. จำกข้อควำมที่คัดมำให้อ่ำน ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง
1. ไม่มีใครมีควำมรู้ที่จะสอนเรำได้นอกจำกตัวของเรำเอง
2. มนุษย์ทุกคนเกิดมำบนโลกนี้มีหน้ำที่ของตัวเอง
3. คนที่ดูถูกตัวเองแสดงให้เห็นว่ำเป็นคนที่ไม่มีกำรศึกษำ
4. ชีวิตเป็นเหมือนพลอยที่ถ้ำแตกหัก บิ่น ร้ำว ก็ไร้ค่ำ
9. ข้อใดใช้ภำษำไม่เป็นทำงกำรในกำรเขียน
1. ขอเพียงมนุษย์ไม่ดูถูกตัวเอง ตระหนักรู้ถึงศักยภำพพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตน
2. แล้วเพียรเจียระไนชีวิตให้แวววำวพรำวพรำยด้วยกำรศึกษำเรียนรู้
3. ซึมซับเก็บรับบทเรียนจำกกำรงำนและกำรใช้ชีวิตอย่ำงสุขุม
4. ก็ย่อมจะมีชีวิตที่คุ้มค่ำ สงบ ร่มเย็น และเป็นสุขไม่ยำกเย็น
10. คำว่ำ “ข้ำวเปลือกในนำ” ในย่อหน้ำที่ 5 หมำยควำมถึงสิ่งใด
1. ควำมภำคภูมิใจของมนุษย์
2. กำรใช้ชีวิตอย่ำงสุขุมของมนุษย์
3. ควำมสำมำรถพิเศษของมนุษย์
4. กำรมีชีวิตอย่ำงคุ้มค่ำของมนุษย์
39
11. ข้อควำมข้ำงต้นมีเนื้อหำใกล้เคียงกับสุภำษิตในข้อใดมำกที่สุด
1. รักดีหำมจั่วรักชั่วหำมเสำ
2. ข้ำงนอกสุกใสข้ำงในเป็นโพรง
3. ไม้อ่อนดัดง่ำยไม้แก่ดัดยำก
4. ช้ำๆ ได้พร้ำสองเล่มงำม
12. ข้อใดคือจุดมุ่งหมำยของข้อควำมนี้
1. เพื่อย้ำให้เห็นควำมสำคัญของมนุษย์ในฐำนะที่เป็นสัตว์สังคม
2. เพื่อเชิญชวนให้ผู้อ่ำนทุกคนหันมำให้ควำมสำคัญกับกำรทำงำน
3. เพื่อแนะนำให้หันกลับมำพิจำรณำและพัฒนำชีวิตของตนเอง
4. เพื่อสั่งสอนให้ไม่ลุ่มหลงอยู่ในกิเลสและควำมยั่วยุทั้งปวง
13. ประโยค “มนุษย์ทุกคนล้วนมีศักยภำพแฝงเร้นเกินที่จะบรรลุภำรกิจของตนเองได้อย่ำงงดงำมทั้งสิ้น”
เป็นประโยคชนิดใด
1. ประโยคควำมเดียว
2. ประโยคควำมเดียว 2 ประโยค
3. ประโยคควำมซ้อน
4. ประโยคควำมรวม
ส่วนที่ 2 : แบบปรนัยหลำยตัวเลือก (ข้อ 14-15) แต่ละข้อให้เลือกจำนวนคำตอบตำมที่โจทย์กำหนด
ข้อ 14 = 4 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบได้2 คะแนน ตอบถูก 3 คำตอบได้3 คะแนน ตอบถูกครบได้4 คะแนน
ข้อ 15 = 7 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบได้2 คะแนน ตอบถูก 3 คำตอบได้4 คะแนน ตอบถูก 4 คำตอบได้
5 คะแนน ตอบถูกครบได้7 คะแนน
14. ให้นักเรียนเลือกข้อควำมต่อไปนี้เติมลงในช่องว่ำงเพื่อที่จะทำให้แผนผังควำมคิดนี้มีควำมถูกต้อง
สมบูรณ์ โดยเลือกคำตอบที่ดีที่สุด 4 คำตอบ จำก 8 ข้อควำมที่กำหนดให้
มหัศจรรย์ ประเทศไทย
40
1. ควำมคิดของผู้คนที่แตกต่ำง ก็อยู่ร่วมกันได้อย่ำงสันติ
2. โบรำณสถำน โบรำณวัตถุ มรดกล้ำค่ำของแผ่นดิน
3. พระพุทธศำสนำ สอนให้คนตระหนักรู้กฎแห่งกรรม
4. นักเรียนไทย เข้ำร่วมกำรแข่งขันโอลิมปิกวิชำกำร
5. ภูเขำใหญ่ ดอกไม้สวย ทะเลใส ธรรมชำติงดงำม
6. รอยยิ้ม มิตรภำพ น้ำใจไมตรี ใครๆก็เป็นพี่น้องกัน
7. ขวำนทองของไทย แหล่งแร่ทองคำมำกที่สุดในเอเชีย
8. พระมหำกษัตริย์ไทย แหล่งรวมจิตใจของผองชน
15. จงเลือก”(1)กำรเขียนวันที่” “(2)คำขึ้นต้นจดหมำย” “(3) คำขึ้นต้นเนื้อควำม” “(4)คำลงท้ำยเนื้อควำม”
และ “(5)คำลงท้ำยของจดหมำย” ต่อไปนี้เพื่อให้จดหมำยต่อไปนี้สมบูรณ์
(1) การเขียนวันที่ (2) คาขึ้นต้นจดหมาย
1. วันที่ 14 กุมภำพันธ์ 2554
2. 14 กุมภำพันธ์ 2554
3. วันจันทร์ที่ 14 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2554
4. วันที่ 14 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2554
5. วันจันทร์ ขึ้น 11 ค่ำ ปีขำล จ.ศ. 1372
1. เรียน
2. สวัสดี
3. กรำบเท้ำ
4. นมัสกำร
5. เจริญพร
(3) คาขึ้นต้นเนื้อความ (4) คาลงท้ายเนื้อความ (5) คาลงท้ายของจดหมาย
1. สวัสดี
2. ตำมที่
3. อนุสนธิ
4. เนื่องจำก
5. ไม่ต้องใช้คำขึ้นต้น
1. จึงเรียนมำเพื่อทรำบ
2. จึงเรียนมำเพื่อโปรดพิจำรณำ
3. จึงเรียนมำเพื่อขอ
4. จึงนมัสกำรมำเพื่อ
5. ไม่ต้องใช้คำลงท้ำย
1. ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง
2. ด้วยรักและเคำรพ
3. ขอแสดงควำมนับถือ
4. ขอให้เจริญในธรรม
5. สวัสดี
41
100/41 หมู่บ้ำนประชำสุข
ต. รอบเวียง อ. เมือง
จ. เชียงรำย 57000
(1)
เรื่อง ขอลำกิจ
(2) อำจำรย์ประจำวิชำภำษำไทย
(3) ข้ำพเจ้ำ นำยรักดี มีควำมสุข ได้ผ่ำนกำรคัดเลือกเป็นนักกีฬำประจำจังหวัดเพื่อ
เข้ำร่วมกำรแข่งขันกีฬำแห่งชำติประจำปี 2554 ทั้งนี้ข้ำพเจ้ำจะต้องเข้ำค่ำยนักกีฬำเพื่อพัฒนำศักยภำพใน
ระหว่ำงวันที่ 20 กุมภำพันธ์ 2554 ถึงวันที่ 15 มีนำคม 2554 จึงทำให้ไม่สำมำรถเข้ำเรียนรำยวิชำภำษำไทย
ในช่วงเวลำดังกล่ำวได้
(4) ลำกิจในช่วงเวลำข้ำงต้น
(5)
นำยรักดี มีควำมสุข
42
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ต้น 2553
ส่วนที่ 1 : แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 13 ข้อ (ข้อ 1-13) : ข้อละ 3 คะแนน รวม 39 คะแนน
กรอดอกกรอด้ำย เป็นลำยแดงเหลือง
สีหม่นสีเมือง ศรีเวียงเชียงคำ
ประดับเกล็ดดำว บนผืนผ้ำดำ
สีเลื่อมสีล้ำ เป็นริ้วเป็นลำย
เหยียบกี่ยกก้ำว ค่อยสำวเรียงเส้น
กระดกยกเต้น ยกเส้นยกสำย
เป็นมุกมิ่งแก้ว เป็นเกำะกระจำย
เป็นเชิงเป็นชำย ให้ชื่นให้ชม
พันผ้ำโพกงำม ห้อยยำมลำยแดง
ทอเรี่ยวทอแรง ทอโลกรื่นรมย์
ทอชีพชำวลื้อ ทอสื่อทอสม
ทอดินอุดม ชั่วนำตำปี
หอมมะลิซ้อน หอมอ่อนชื่นช้อย
หยำดน้ำต้นน้อย ตกแผ่นธรณี
ชื่นน้ำใจหลำย ชื่นลำยผ้ำสี
งำมชื่นทวี พ่องำมแม่งำม
หมำยเหตุ เชียงคำในบำทที่ 4 บทที่ 1 หมำยควำมถึงอำเภอเชียงคำในจังหวัดพะเยำ
1. บุคคลใดต่อไปนี้นำสำรสำคัญของบทประพันธ์นี้ไปใช้ได้ตรงตำมจุดประสงค์ของผู้ประพันธ์
1. รักพงษ์ ใช้บทประพันธ์นี้เป็นส่วนสรุปของกำรเขียนรำยงำนเรื่อง “กระบวนกำรทอผ้ำ”
2. รักชำติ เดินทำงไปท่องเที่ยวที่จังหวัดพะเยำเลยแวะไปซื้อผ้ำทอที่กล่ำวถึงในบทประพันธ์
3. รักดี ตระหนักถึงคุณค่ำของผ้ำทอของไทยที่ไม่เพียงแต่สวยงำมแต่มีคุณค่ำในมิติวัฒนธรรม
4. รักเกียรติ บริจำคเงินสมทบทุนมูลนิธิส่งเสริมผ้ำทอหัตถกรรมของชำวไทยลื้อ
ปีการศึกษา
43
2. คำประพันธ์นี้มีน้ำเสียงอย่ำงไร
1. ชื่นชม
2. ตื่นเต้น
3. ตื้นตัน
4. ประทับใจ
3. ใจควำมสำคัญของกลอนบทนี้อยู่ที่บทใด
1. บทที่ 1
2. บทที่ 2
3. บทที่ 3
4. บทที่ 4
4. ข้อใดไม่มีคำซ้อน
1. กรอดอกกรอด้ำย เป็นลำยแดงเหลือง สีหม่นสีเมือง ศรีเวียงเชียงคำ
2. ประดับเกล็ดดำว บนผืนผ้ำดำ สีเลื่อมสีล้ำ เป็นริ่วเป็นลำย
3. เหยียบกี่ยกก้ำว ค่อยสำวเรียงเส้น กระดกยกเต้น ยกเส้นยกสำย
4. เป็นมุกมิ่งแก้ว เป็นเกำะกระจำย เป็นเชิงเป็นชำย ให้ชื่นให้ชม
5. ข้อใดไม่มีโครงสร้ำงเป็นประโยค
1. หอมมะลิซ้อน หอมอ่อนชื่นช้อย
2. หยำดน้ำต้นน้อย ตกแผ่นธรณี
3. ชื่นน้ำใจหลำย ชื่นลำยผ้ำสี
4. งำมชื่นทวี พ่องำมแม่งำม
6. ข้อใดมีกำรใช้ภำพพจน์ลักษณะเดียวกับวรรค “ทอเรี่ยวทอแรง ทอโลกรื่นรมย์”
1. สนช้อยลอยเรี่ยเจียระไน
2. รำงไรรำวจะเอื้อมเอำดำวรุ่ง
3. รองดวงตะวันในเวิ้งวุ้ง
4. โค้งคุ้งครำมรำยชำยชมพู
อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้แล้วตอบคำถำมข้อ 7-13
ครั้งพุทธกำลมีหมอใหญ่เลื่องชื่ออยู่คนหนึ่งนำมว่ำ“ชีวกโกมำรภัจจ์”ตำมตำนำนกล่ำวว่ำท่ำนเป็นลูก
ของหญิงงำมเมืองหรือนำงนครโสเภณีซึ่งสมัยนั้นถือว่ำเป็นเกียรติยศของบ้ำนเมืองอย่ำงหนึ่งนำมว่ำ“สำลวดี”
ค่ำที่มำรดำมีอำชีพที่ต้องรักษำตัวให้เลอโฉมอยู่เป็นนิตย์พอพลำดพลั้งเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมำนำงจึงหลบลี้หนีจำก
วงสังคมไปพักใหญ่ ภำยหลังคลอดลูกชำยออกมำก็สั่งให้คนสนิทเอำไปทิ้งกองขยะเพรำะว่ำลูกชำยไม่สำมำรถ
สืบเชื้อสำยอันทรงเกียรติของมำรดำได้หำกเลี้ยงไปก็จะเกิดควำมอัปยศแก่ตน
44
ดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้งก็ไม่รู้ เผอิญเช้ำวันนั้นเจ้ำชำยอภัยพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้ำพิมพิสำรทรง
ดำเนินผ่ำนมำทำงนั้นพอดี ทอดพระเนตรเห็นอีกำจำนวนมำกบินว่อนอยู่เหนือกองขยะจึงทรงใช้มหำดเล็กไปดู
มหำดเล็กกรำบทูลว่ำเป็นเด็ก ทรงถำมกลับไปว่ำ “ตำยหรือเป็น”มหำดเล็กตอบว่ำ”ยังเป็นๆอยู่เลยพระเจ้ำข้ำ”
จึงทรงรับเด็กไว้ในพระรำชูปถัมภ์แล้วเรียกชื่อว่ำ “ชีวก” แปลว่ำ “ยังมีชีวิตอยู่” หรือแปลเป็นไทยอีกชื่อหนึ่ง
ว่ำ “บุญรอด”
จำเนียรกำลผ่ำนไป ชีวกกุมำรเจริญวัย รู้ว่ำตนเป็นลูกกำพร้ำเกิดควำมน้อยใจในวำสนำจึงคิดหำวิชำ
ใส่ตัวออกเดินทำงไปศึกษำวิชำแพทยศำสตร์จำกอำจำรย์ผู้มีชื่อเสียงอยู่ในเมืองตักสิลำเสีย7ปี ศึกษำอยู่นำนจน
เบื่อหน่ำยมองไม่เห็นว่ำจะจบหลักสูตรเมื่อไรจึงเข้ำไปถำมอำจำรย์ว่ำต้องศึกษำกันอีกนำนไหมกว่ำจะได้
หอมกลิ่นปริญญำ อำจำรย์ไม่ตอบแต่สั่งให้นักศึกษำหนุ่มออกเดินทำงไปในรัศมี 16กิโลเมตร(หนึ่งโยชน์)
เพื่อหำต้นไม้ใบหญ้ำที่ไม่ใช่ตัวยำมำให้ดูหน่อย
นักศึกษำหนุ่มถือย่ำมจอบเสียมมุ่งหน้ำเข้ำป่ำหำยไปหลำยวันค้นจนทั่วป่ำกินเวลำเกือบสองอำทิตย์ก็
กลับมำหำอำจำรย์ด้วยสองมือเปล่ำอำจำรย์ถำมว่ำ “ไหนละสิ่งที่ไม่ใช่ตัวยำ”นักศึกษำแพทย์หนุ่มรำยงำน
อำจำรย์ว่ำ “กระผมพินิจดูแล้วตลอดรัศมี 16กิโลเมตรในป่ำนี้ ไม่มีต้นไม้ใบหญ้ำชนิดไหนที่ใช้เป็นตัวยำไม่ได้
เลยไม้ทุกต้นหญ้ำทุกชนิดมีสรรพคุณเป็นตัวยำได้ทั้งนั้นขอรับ”
รอยยิ้มปรำกฎบนใบหน้ำของอำจำรย์พร้อมกับแววตำเปี่ยมไมตรีจิตดูอบอุ่นและภำคภูมิใจอำจำรย์ใหญ่
ตบไหล่ศิษย์รักเบำๆพลำงสรุปข้อค้นพบของเขำให้หนักแน่นขึ้น
“ใช่แล้วชีวก!หญ้ำทุกชนิดไม้ทุกต้นถ้ำเธอฉลำดพอก็จะรู้ว่ำล้วนแล้วแต่ใช้เป็นตัวยำได้ทั้งนั้นไม่มีหญ้ำ
หรือไม้ต้นใดที่เกิดมำโดยไม่มีคุณค่ำด้ำนหนึ่งด้ำนใดอยู่ในตัวเองเป็นอันว่ำเธอจบกำรศึกษำและได้รับปริญญำ
จำกสถำบันของเรำแล้ว”
7. ใจควำมสำคัญของข้อควำมที่คัดมำให้อ่ำนคือข้อใด
1. ชีวกโกมำรภัจจ์เป็นแพทย์หนุ่มสมัยพุทธกำลที่มีชีวิตที่ยำกแค้นในวัยเด็ก
2. ในรัศมีหนึ่งโยชน์โดยรอบของสำนักตักสิลำนั้นไม่มีต้นไม้ใดที่ไม่เป็นยำ
3. จุดประสงค์ของกำรให้ไปหำสมุนไพรเพื่อจะตรวจสอบควำมรู้ในกำรใช้ยำ
4. สรรพสิ่งในโลกมีคุณค่ำอยู่ในตัวเองขึ้นอยู่กับว่ำเรำจะมองเห็นหรือไม่
8. จำกข้อควำมข้ำงต้นข้อใดสรุปได้ถูกต้อง
1. กำรต้องเป็นลูกกำพร้ำไม่มีพ่อแม่ทำให้ชีวกเลือกเรียนแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้คน
2. พระโอรสของพระเจ้ำพิมพิสำรเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือลูกที่กำพร้ำพ่อแม่
3. ชีวกไม่สำมำรถหำพืชมำมอบให้อำจำรย์ได้แสดงว่ำชีวกเห็นคุณค่ำของต้นไม้ทุกต้น
4. สำนักตักศิลำสอนวิชำกำรใช้ยำสมุนไพรและริเริ่มกำรให้ปริญญำเป็นแห่งแรก
45
9. ข้อใดใช้ภำษำไม่เป็นทำงกำรในกำรเขียน
1. ดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้งก็ไม่รู้
2. นักศึกษำหนุ่มถือย่ำม จอบ เสียม มุ่งหน้ำเข้ำป่ำ
3. มหำดเล็กตอบว่ำ “ยังเป็นๆ อยู่เลยพระเจ้ำข้ำ”
4. ชีวกออกเดินทำงไปศึกษำวิชำแพทยศำสตร์
10. คำว่ำ “ปริญญำ” ในย่อหน้ำที่ 3 มีควำมหมำยถึงสิ่งใด
1. ดอกไม้ชนิดหนึ่งสีขำวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมแรง
2. สมุนไพรชนิดหนึ่งที่พบได้บริเวณสำนักตักศิลำ
3. ควำมรอบรู้และรู้แจ้งในสรรพวิชำที่ร่ำเรียนมำ
4. ควำมดีงำมที่มีอยู่ภำยในของสรรพสิ่งบนโลก
11. ข้อใดคือจุดมุ่งหมำยของข้อควำมที่คัดมำให้อ่ำนข้ำงต้น
1. เพื่อส่งเสริมให้คนเห็นคุณค่ำและควำมสำคัญของกำรศึกษำ
2. เพื่อให้ควำมรู้เกี่ยวกับประวัติบุคคลสำคัญในอดีต
3. เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนมองเห็นคุณค่ำของสิ่งรอบตัว
4. เพื่อแนะนำให้ดำเนินชีวิตตำมรอยชีวกโกมำรภัจจ์
12. ชีวิตของชีวกโกมำรภัจจ์มีเนื้อหำใกล้เคียงกับสุภำษิตใดมำกที่สุด
1. ต้นร้ำยปลำยดี
2. รู้มำกยำกนำน
3. บุญมำวำสนำส่ง
4. ฝนทั่งให้เป็นเข็ม
13. ประโยค “ครั้งพุทธกำลมีหมอใหญ่เลื่องชื่ออยู่คนหนึ่ง นำมว่ำ “ชีวกโกมำรภัจจ์” เป็นประโยคชนิดใด
1. ประโยคควำมเดียว
2. ประโยคควำมเดียว 2 ประโยค
3. ประโยคควำมรวม
4. ประโยคควำมซ้อน
46
ส่วนที่ 2 : แบบปรนัยหลำยตัวเลือก (ข้อ 14-15) แต่ละข้อให้เลือกจำนวนคำตอบตำมที่โจทย์กำหนด
ข้อ 14 = 4 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบได้2 คะแนน ตอบถูก 3 คำตอบได้3 คะแนน ตอบถูกครบได้4 คะแนน
ข้อ 15 = 7 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบได้2 คะแนน ตอบถูก 3 คำตอบได้4 คะแนน ตอบถูก 4 คำตอบได้
5 คะแนน ตอบถูกครบได้7 คะแนน
1. หลงรักสถำบันในทำงที่ผิด นำชีวิตให้เศร้ำหมอง
2. กำรเรียนรู้ทักษะชีวิตผ่ำนกระบวนกำรต่อสู้ในชีวิตจริง
3. ใช้กำลังแก้ปัญหำ คิดว่ำคือทำงออก แต่แท้จริงคือทำงผิด
4. ไม่ใช่ปัญหำ ปล่อยให้เวลำแก้ไข โตขึ้นเมื่อไร ก็คิดได้เอง
5. บทบำทหน้ำที่ของนักเรียนนักศึกษำในสังคมไทยยุคปัจจุบัน
6. พิพำกษำโทษคนอื่นด้วยควำมคิดของตนเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์
7. ลืมหน้ำที่ควำมรับผิดชอบในกำรเรียน จนมีเวลำไปทำสิ่งที่ผิดพลำด
8. ควำมแปลกใหม่ของรูปแบบกำรแสดงออกทำงควำมคิดที่สร้ำงสรรค์
15. จงเลือก” (1) กำรเขียนวันที่” “(2) คำขึ้นต้นจดหมำย” “(3) คำขึ้นต้นเนื้อควำม” “(4) คำลงท้ำยเนื้อควำม”
และ “(5) คำลงท้ำยของจดหมำย” ต่อไปนี้เพื่อให้จดหมำยต่อไปนี้สมบูรณ์
(1) การเขียนวันที่ (2) คาขึ้นต้นจดหมาย
1. วันที่ 14 กุมภำพันธ์ 2554
2. 14 กุมภำพันธ์ 2554
3. วันจันทร์ที่ 14 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2554
4. วันที่ 14 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2554
5. วันจันทร์ ขึ้น 11 ค่ำ ปีขำล จ.ศ. 1372
1. เรียน
2. สวัสดี
3. กรำบเท้ำ
4. นมัสกำร
5. เจริญพร
นักเรียน นักเลง
47
(3) คาขึ้นต้นเนื้อความ (4) คาลงท้ายเนื้อความ (5) คาลงท้ายของจดหมาย
1. สวัสดี
2. ตำมที่
3. อนุสนธิ
4. เนื่องจำก
5. ไม่ต้องใช้คำขึ้นต้น
1. จึงเรียนมำเพื่อทรำบ
2. จึงเรียนมำเพื่อโปรดพิจำรณำ
3. จึงเรียนมำเพื่อขอ
4. จึงนมัสกำรมำเพื่อ
5. ไม่ต้องใช้คำลงท้ำย
1. ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง
2. ด้วยรักและเคำรพ
3. ขอแสดงควำมนับถือ
4. ขอให้เจริญในธรรม
5. สวัสดี
44/4 หมู่บ้ำนสุขภำพดีถ้วนหน้ำ
แขวง ลำดยำว เขต จตุจักร
กรุงเทพฯ 10900
(1)
เรื่อง ขอลำป่วย
(2) อำจำรย์ประจำชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ห้อง 20
(3) ดิฉัน นำงสำวนิดำ ประจักษ์พงศ์ รู้สึกไม่สบำยตั้งแต่วันที่ 12 กุมภำพันธ์ มำรดำ
ของดิฉันจึงพำไปพบแพทย์ผลกำรตรวจเบื้องต้นแพทย์วินิจฉัยว่ำดิฉันเป็นไข้หวัดสำยพันธุ์ใหม่ จึงแนะนำ
ให้รักษำตัวภำยในบ้ำน 7 วัน เพื่อเป็นกำรป้ องกันกำรแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
(4) ลำป่วยระหว่ำงวันที่ 14 กุมภำพันธ์ 2554 ถึงวันที่ 20 กุมภำพันธ์ 2554 ตำม
คำแนะนำของแพทย์
(5)
นำงสำววนิดำ ประจักษ์พงศ์
48
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-Net วิชา ภาษาไทย
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
1. 1 กำรอ่ำนออกเสียงพระบรมรำโชวำท ปำฐกถำและแถลงกำรณ์ ผู้อ่ำนออกเสียง
จะต้องมุ่งเน้นไปที่กำรแบ่งวรรคตอนให้ถูกต้อง เพื่อป้ องกันกำรสื่อควำม
คลำดเคลื่อน นอกจำกนี้ ยังต้องออกเสียงคำให้ชัดเจน เช่น คำควบกล้ำ อักษรนำ
เป็นต้น แต่กำรอ่ำนนิทำนซึ่งมีเนื้อหำในกำรเสริมสร้ำงจินตนำกำรให้แก่ผู้ฟัง กำรใช้
ระดับเสียงให้แตกต่ำงในขณะที่อ่ำน มีควำมหนัก เบำ สูง ต่ำ จะช่วยทำให้ผู้ฟังเกิด
อำรมณ์ควำมรู้สึกคล้อยตำมและสำมำรถทำควำมเข้ำใจเนื้อหำสำระของเรื่องได้ง่ำย
ขึ้น
2. 3 กำรอ่ำนเครื่องหมำย ๆ ไม้ยมก ที่ใช้วำงหลังคำหรือข้อควำมที่ต้องกำรให้อ่ำนออก
เสียงซ้ำ ซึ่งอำจซ้ำคำเดียวหรือมำกกว่ำหนึ่งคำก็ได้แล้วแต่ควำมหมำย กำรอ่ำนไม้
ยมกจึงสำมำรถอ่ำนได้หลำยแบบ เช่น อ่ำนซ้ำคำ ของดีๆ อ่ำนว่ำ ของ-ดี-ดี อ่ำนซ้ำ
กลุ่มคำ เช่น วันละคนๆ อ่ำนว่ำ วัน-ละ-คน-วัน-ละ-คน อ่ำนซ้ำประโยค เช่น โอเลี้ยง
มำแล้วครับๆ อ่ำนว่ำ โอ-เลี้ยง-มำ-แล้ว-ครับ โอ-เลี้ยง-มำ-แล้ว-ครับ จำกตัวเลือกที่
กำหนด ข้อ 1. อ่ำนว่ำ สี-ดำ-ดำ ข้อ 2. อ่ำนว่ำ ตัว-เล็ก-เล็ก ข้อ 4. อ่ำนว่ำ ทุก-ทุก-วัน
ส่วนข้อ 3. อ่ำนว่ำ ใน-วัน-หนึ่ง-วัน-หนึ่ง
3. 4 กำรแบ่งวรรคตอน หรือกำรแบ่งจังหวะเป็นสิ่งที่สำคัญมำกสำหรับกำรอ่ำนออกเสียง
เพรำะกำรแบ่งวรรคตอนที่ผิดพลำด อำจทำให้ผู้ฟังเข้ำใจเนื้อหำสำระของสำร
คลำดเคลื่อนไป
4. 4 กำรจับใจควำมสำคัญเป็นทักษะเบื้องต้นของกำรรับสำรไม่ว่ำด้วยวิธีกำรอ่ำนหรือฟัง
ผู้รับสำรจะต้องค้นหำควำมคิดสำคัญหรือประเด็นของเรื่องให้ได้ซึ่งกำรจับใจควำม
สำคัญด้วยกำรฟัง หำกผู้ฟังพอจะทรำบหัวข้อของกำรฟังก็ควรที่จะเตรียมควำม
พร้อม โดยหำควำมรู้เบื้องต้น เพื่อให้ง่ำยต่อกำรทำควำมเข้ำใจ รวมถึงเตรียมควำม
พร้อมทั้งด้ำนร่ำงกำยและจิตใจ
5. 4 จำกข้อควำมได้กล่ำวถึง ควำมเป็นไปของธรรมชำติ ธรรมชำติทุกสิ่งล้วนเป็นไปตำม
แบบฉบับของมัน และด้วยควำมที่เป็นธรรมชำติมันจึงสวยงำม
6. 1 เพรำะเป็นสำนวนที่มีควำมหมำยว่ำ จังหวะหรือโอกำสของฝ่ำยใด ฝ่ำยนั้นก็
ได้เปรียบ เป็นฝ่ำยมีชัย
49
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
7. 1 กำรเขียนกรอบแนวคิดที่ดี ผู้เขียนจะต้องสำมำรถจับใจควำม หรือเก็บรำยละเอียด
ของสิ่งที่ได้ฟังและดู เพื่อนำมำถ่ำยทอดเป็นกรอบควำมคิดได้ครบถ้วน ตรงประเด็น
8. 3 สำระสำคัญของข้อควำมที่กำหนด คือ มนุษย์ทุกคนมีควำมอยำก ควำมต้องกำรไม่มี
ที่สิ้นสุด เมื่ออยำกได้ก็ย่อมมีแต่ควำมทุกข์ที่ไม่มีสิ้นสุดเช่นกัน
9. 4 ในกำรรับสำร นอกจำกกำรทำควำมเข้ำใจสำรแล้ว ผู้รับสำรจำเป็นต้องวิเครำะห์สำร
ที่ได้รับมำนั้น ว่ำมีควำมถูกต้อง น่ำเชื่อถือมำกน้อยเพียงใด มีควำมเป็นเหตุเป็นผล
หรือไม่ ส่วนใดเป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ซึ่งสิ่งเหล่ำนี้จะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อผู้รับ
สำรสำมำรถวิเครำะห์หรือแยกแยะองค์ประกอบแต่ละส่วนภำยในเรื่องได้อย่ำง
ละเอียดถี่ถ้วน
10. 1 พิจำรณำจำกข้อควำมที่ปรำกฏในบทประพันธ์ ในวรรคที่สำมหรือวรรครอง ปรำกฏ
คำว่ำ สงวนงำม โดยมีควำมหมำยว่ำ ให้ระวังรักษำตนทั้งกำย วำจำ ใจ ให้มีควำม
เหมำะสม งดงำม ซึ่งกำรประพฤติผิดหรือไม่ถูกต้องตำมค่ำนิยม และมักได้รับกำร
นินทำว่ำร้ำยมำกที่สุดคือ กำรไม่รักนวลสงวนตัว ซึ่งนักเรียนต้องวิเครำะห์ต่อไปว่ำ
ตัวเลือกในข้อใดมีควำมสอดคล้องกับคำข้ำงต้นมำกที่สุด ซึ่งคำตอบในข้อ 2., 3.
และ 4. ไม่มีควำมสัมพันธ์กับคำว่ำ สงวนงำม
11. 1 บทร้อยกรอง เป็นบทอ่ำนที่ผู้อ่ำนจะต้องถอดควำมสำระสำคัญออกมำเป็นร้อยแก้ว
ก่อน แล้วจึงตีควำม จำกสำระสำคัญของเรื่อง
12. 2 กำรอ่ำนเพื่อประเมินคุณค่ำสำร เริ่มจำกผู้อ่ำนจะต้องอ่ำนเรื่องให้จบตลอดทั้งเรื่อง
เพื่อให้เล่ำเรื่องได้บอกจุดมุ่งหมำยของเรื่อง วิเครำะห์ส่วนประกอบภำยในเรื่อง
กล่ำวถึงบริบทแวดล้อมเรื่องที่อ่ำน แล้วจึงประเมินค่ำ
13. 3 กำรอ่ำนวินิจสำรมีควำมแตกต่ำงจำกกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญในประเด็นของกำร
ประเมินคุณค่ำ เพรำะกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ เป็นเพียงกำรอ่ำนเพื่อให้ทรำบว่ำ
เรื่องที่อ่ำนเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ในขณะที่กำรอ่ำนวินิจสำร ผู้อ่ำนจะต้องบอกได้ว่ำ
เรื่องที่อ่ำนมีคุณค่ำอย่ำงไร
14. 2 เมื่อพิจำรณำจำกตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ คำที่จะต้องพิจำรณำคือคำว่ำ “เตะ” ซึ่งข้อ 1., 3.
และ 4. คำว่ำ “เตะ” เป็นคำกริยำที่มีควำมหมำยปรำกฏตำมรูปคำหรือมีควำมหมำย
นัยตรง โดยหมำยถึง “วัดหรือเหวี่ยงไปด้วยเท้ำ” ส่วนคำว่ำ “เตะ” ในข้อ 2. มี
ควำมหมำยโดยนัยซึ่งหมำยถึง “สะดุดตำ”
50
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
15. 3 ผู้ที่ฝึกฝนคัดลำยมืออย่ำงเป็นประจำ สม่ำเสมอจะได้รับประโยชน์ทั้งทำงตรงและ
ทำงอ้อม เช่น เป็นผู้ที่มีลำยมือถูกต้อง เรียบร้อย สวยงำม ฝึกสมำธิ และควำมเพียร
พยำยำม นอกจำกนี้ยังก่อให้เกิดควำมภำคภูมิใจในตนเอง ภำคภูมิใจในมรดกของ
ชำติ แต่จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของกำรกำหนดให้เยำวชนไทยต้องฝึกฝนกำรคัด
ลำยมือก็เพื่อสร้ำงควำมเป็นมำตรฐำน รักษำแบบแผนอักษรไทยไว้ไม่ให้
เปลี่ยนแปลง จนกระทั่งสูญเสียควำมเป็นเอกลักษณ์ไปในที่สุด
16. 2 กำรจะระบุว่ำข้อควำมหนึ่งๆ คัดด้วยอักษรรูปแบบใด คือ กำรสังเกตโครงสร้ำงของ
ตัวอักษรว่ำมีลักษณะอย่ำงไร เช่น กำรเขียนส่วนหัว กำรโค้ง กำรหยัก แนวเส้น
เป็นต้น ส่วนกำรเว้นช่องไฟ กำรลงน้ำหนักมือ และควำมเสมอต้นเสมอปลำยของ
ตัวอักษรที่คัด เป็นเกณฑ์ที่ใช้สำหรับวัดคุณภำพของลำยมือ เพื่อกำรตัดสินประกวด
คัดลำยมือ หรือใช้เป็นแนวทำงเพื่อฝึกฝนคัดลำยมือ
17. 4 กำรเขียนสื่อสำรครั้งหนึ่งๆ เมื่อเขียนพยัญชนะ ตัวเลข หรือเครื่องหมำยต่ำงๆ ด้วย
ลำยมือที่ไม่ชัดเจน จะทำให้ผู้รับสำร อำจรับสำรผิดพลำดไปจำกควำมเป็นจริง
เนื่องจำกไม่สำมำรถอ่ำนลำยมือได้
18. 2 จำกตัวเลือกข้อ 4. ประโยคที่ถูกต้องคือ ออมเป็นคนสงบเสงี่ยมเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่ ข้อ
3. ประโยคที่ถูกต้องคือ พจน์ร้องเพลงเสียงปำนนกกำรเวก ข้อ 1. ประโยคที่ถูกต้อง
คือ เขำทำอะไรงุ่มง่ำมไม่ทันกิน
19. 3 ชุ่มคอโดนใจ เป็นงำนเขียนประเภทโฆษณำ เพรำะเนื้อหำสำระมีควำมมุ่งหมำยให้
ผู้ฟังเกิดควำมสนใจ
20 4 กำรเขียนจดหมำยกิจธุระ เพื่อขอควำมอนุเครำะห์วิทยำกร ผู้เขียนควรใช้ภำษำกึ่ง
แบบแผน หรือภำษำแบบแผน เพื่อให้ผู้รับเกิดควำมประทับใจ ยินดีให้ควำม
อนุเครำะห์
21. 2 กำรเขียนอวยพร คือ กำรเขียนที่มีจุดมุ่งหมำยเพื่อให้ผู้รับเกิดควำมรู้สึกประทับใจ
ดังนั้นถ้อยคำที่ใช้จึงมีลักษณะของกำรกล่ำวให้ผู้รับคำอวยพร พบแต่สิ่งที่ดีๆ
22. 4 โครงเรื่อง หมำยถึง เค้ำโครงของงำนเขียนทำให้งำนเขียนมีกำรจัดลำดับเนื้อหำ
เหมำะสม เนื้อควำมสัมพันธ์กัน มีเอกภำพ สัมพันธภำพ และสำรัตถภำพ จำก
ตัวเลือกที่กำหนดให้ คำตอบในข้อ 1., 2. และ 3. มีควำมสัมพันธ์กัน และเชื่อมโยง
สัมพันธ์กับชื่อเรื่อง ส่วนประเด็น “ควำมเชื่อเกี่ยวกับกล้วย” มีควำมสอดคล้องกับชื่อ
เรื่องน้อยที่สุด และไม่มีควำมสัมพันธ์ใกล้เคียงกับประเด็นทั้ง 3 ประเด็นดังกล่ำว
51
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
23. 3 กำรเขียนโครงงำนในของกำรสรุป และอภิปรำยผล ผู้เขียนจะต้องเขียนให้มีควำม
สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่วำงไว้ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติโครงงำน เพื่อแสดงให้เห็น
ว่ำผู้เขียน ได้ศึกษำโครงงำนเป็นไปตำมจุดประสงค์ที่วำงไว้
24. 2 โครงงำนมีหลำยประเภท ขึ้นอยู่กับว่ำผู้จัดทำจะเลือกจัดทำประเภทใด โดยพิจำรณำ
จำกข้อมูลที่มีอยู่เป็นสำคัญ
25. 4 จำกตัวเลือกข้อ 1., 2. และ 3. เป็นมำรยำทที่ควรปฏิบัติในกำรสร้ำงงำนเขียนด้วย
ตนเอง ส่วนข้อ 4. กำรคัดลอกงำนเขียนของผู้อื่นมำเป็นผลงำนของตนเองเป็นสิ่งที่
ไม่ควรปฏิบัติ เพรำะนอกจำกจะเป็นกำรไม่ให้เกียรติเจ้ำของผลงำนนั้นแล้ว ยังผิด
กฎหมำยในข้อหำละเมิดลิขสิทธิ์ทำงปัญญำ ส่งผลให้ผู้เขียนได้รับควำมเดือดร้อน
เสียหำย และงำนเขียนชิ้นนั้นๆ ไม่ได้รับกำรเชื่อถือ
26. 1 สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกำรเขียนโต้แย้ง คือผู้ฟังจะต้องจับใจควำมสำคัญของเรื่องให้
ได้เพื่อกำหนดขอบเขตประเด็นที่จะโต้แย้ง
27 3 ข้อมูลส่วนตัวที่จะเลือกมำเขียนแนะนำตนเอง ควรเป็นข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นรู้จักเรำ
เช่น ชื่อ-นำมสกุล ชื่อเล่น อำยุ ภูมิลำเนำ อำชีพของบิดำ มำรดำ อุปนิสัยส่วนตัว งำน
อดิเรก แต่ข้อมูลที่ค่อนข้ำงไปในทำงยกตนข่มท่ำนไม่เหมำะสมที่จะนำมำบรรยำย
ให้ผู้อื่นฟัง และในกำรแนะนำตนเองกับเพื่อนร่วมชั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูล
ดังกล่ำว
28 3 ข้อควำมข้ำงต้นปรำกฏลักษณะสำคัญ คือ ใช้ถ้อยคำเรียบเรียงเพื่อให้ควำมรู้เกี่ยวกับ
เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งในที่นี้ คือ มะรุม
29. 3 กำรสร้ำงสรรค์งำนเขียนประเภทเรียงควำม หลังจำกกำหนดจุดมุ่งหมำยในกำรเขียน
ได้แล้ว ผู้เขียนจะต้องรวบรวม คัดเลือก จัดหมวดหมู่ข้อมูลเป็นส่วนๆ วำงโครงเรื่อง
เพื่อจัดลำดับควำมคิด เรียบเรียงส่วนต่ำงๆ ให้มีควำมสัมพันธ์สอดคล้องกัน โดยใช้
สำนวนภำษำที่มีควำมไพเรำะ เหมำะสม และมีลีลำเป็นของตนเอง
30. 4 กำรอ่ำนโฆษณำสำมำรถใช้หลักกำรย่อควำมได้โดยพิจำรณำว่ำ เป็นโฆษณำ
เกี่ยวกับสินค้ำอะไร สรรพคุณ สถำนที่วำงจำหน่ำย กำรอ่ำนสำรคดีเชิงท่องเที่ยว
สำมำรถใช้หลักกำรย่อควำมได้โดยพิจำรณำว่ำ สถำนที่นั้นตั้งอยู่ที่ใด เดินทำงไป
อย่ำงไร ที่พัก อำหำร กำรอ่ำนบทควำมเชิงอนุรักษ์สำมำรถใช้หลักกำรย่อควำมได้
โดยพิจำรณำว่ำ สถำนที่ที่ได้รับกำรอนุรักษ์คือที่ใด ทำไมต้องอนุรักษ์ แล้วอนุรักษ์
อย่ำงไร ส่วนกำรอ่ำนขั้นตอนกำรประดิษฐ์ ผู้อ่ำนไม่สำมำรถใช้หลักกำรย่อควำมได้
เพรำะผู้อ่ำนจะต้องปฏิบัติตำมขั้นตอนทุกๆข้อ เพื่อให้ประกอบชิ้นงำนได้สำเร็จ
52
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
31. 3 กำรย่อควำม คือ กำรจับสำระสำคัญของเรื่องที่อ่ำนว่ำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ใคร
ทำอะไร กับใคร ที่ไหน อย่ำงไร เมื่อไร และทำไม โดยใช้สำนวนภำษำของผู้ย่อเอง
ซึ่งวิธีกำรอ่ำนที่เหมำะสมสำหรับกำรย่อควำม คือ ผู้ย่อจะต้องอ่ำนเนื้อหำสำระให้จบ
ตลอดทั้งเรื่อง ก่อนลงมือย่อควำม
32. 4 จดหมำยส่วนตัว คือ จดหมำยที่เขียนติดต่อกันอย่ำงไม่เป็นทำงกำร ระหว่ำงคนที่
สนิทสนม เพื่อส่งข่ำวครำว ไต่ถำมทุกข์สุข ดังนั้นจดหมำยถึงไก่เพื่อนรัก จดหมำยถึง
พ่อแม่ และจดหมำยขอควำมช่วยเหลือจำกคุณป้ ำจึงจัดเป็นจดหมำยส่วนตัว ส่วน
จดหมำยกิจธุระ คือ จดหมำยระหว่ำงบุคคลที่ติดต่อสื่อสำรกันด้วยกิจธุระ เช่น กำร
ติดต่อสอบถำม แต่ถ้ำบริษัทติดต่อกับบริษัทเรียกว่ำ จดหมำยธุรกิจ จดหมำยสอบถำม
กำรรับสมัครนักเรียนฝึกงำนจึงจัดเป็นจดหมำยกิจธุระ
33. 2 ขั้นตอนกำรปฏิบัติโครงงำนมีทั้งสิ้น 3 ระยะ ได้แก่ ขั้นออกแบบและเขียนเค้ำโครง
สมำชิกภำยในกลุ่มจะต้องช่วยกันออกแบบโครงงำน แล้วเขียนเค้ำโครงของ
โครงงำนเพื่อนำเสนอ ขอควำมเห็นจำกอำจำรย์ที่ปรึกษำโครงงำน ระยะที่ 2 ขั้นลง
มือปฏิบัติ เมื่อเค้ำโครงที่นำเสนอได้รับควำมเห็นชอบ ผู้รับผิดชอบนำไปปฏิบัติตำม
ขั้นตอนที่วำงไว้ตำมระยะเวลำที่กำหนด และระยะที่ 3 คือ รำยงำนผลกำรปฏิบัติ
โครงงำน
34. 4 กำรทำรำยงำนและโครงงำน หำกจะใช้ข้อมูลปฐมภูมิสำมำรถทำได้หลำยวิธี เช่น กำร
จัดทีมสำรวจสอบถำมข้อมูล หรือหำกจะใช้ข้อมูลทุติยภูมิหรือข้อมูลที่มีผู้ศึกษำไว้
แล้วจะสังเครำะห์ข้อมูลด้วยวิธีกำรอ่ำน เมื่อได้ข้อมูลที่มีประสิทธิภำพ ผู้ทำรำยงำน
จะต้องรวบรวมเรียบเรียงข้อมูลเหล่ำนั้นด้วยสำนวนภำษำของตนเอง ไม่นำข้อมูล
ของผู้อื่นมำตัดต่อเป็นรำยงำนของตนเอง
35. 4 กำรเขียนวิเครำะห์ วิจำรณ์ คือกำรเขียนแสดงควำมคิดเห็นของผู้เขียนที่มีต่อสิ่งใดสิ่ง
หนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยแจกแจงให้เห็นส่วนประกอบแต่ละส่วนว่ำมีข้อดี
ข้อด้อยอย่ำงไร เป็นกระบวนกำรเขียนเพื่อแสดงควำมคิดเห็นโดยกำรวิเครำะห์
แยกแยะข้อมูล ทำให้มองเห็นแต่ละส่วนประกอบว่ำมีควำมสัมพันธ์กันอย่ำงไร
นำไปสู่กำรตัดสินประเมินค่ำ
36. 4 กำรแสดงควำมคิดเห็นเป็นพฤติกรรมประกำรหนึ่งของมนุษย์ที่จะทำให้เกิดกำรมอง
หลำยๆ แง่มุม ซึ่งเรำสำมำรถแสดงควำมคิดเห็นได้ทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน แต่บำง
เรื่องก็ไม่ควรแสดงควำมคิดเห็น หรือวิพำกษ์วิจำรณ์ เพรำะอำจทำให้เกิดควำมขัดแย้ง
ได้เช่น เรื่องส่วนตัวของผู้อื่น เรื่องเกี่ยวกับควำมเชื่อ ศำสนำ ค่ำนิยม และที่สำคัญใน
กำรแสดงควำมคิดเห็นไม่ควรยึดถือแต่เฉพำะควำมคิดของตน
53
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
37. 1 พำดหัวข่ำว คือ กำรนำประเด็นสำคัญของข่ำวมำเขียน เพื่อบอกให้ผู้อ่ำนทรำบว่ำ
วันนี้มีเหตุกำรณ์อะไรเกิดขึ้นบ้ำง พำดหัวข่ำว จึงมีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องควำม
สนใจของผู้อ่ำน กำรพำดหัวข่ำวแสดงควำมคิดเห็น คือ กำรที่ผู้เขียนใช้ถ้อยคำเพื่อ
แสดงอำรมณ์ ควำมรู้สึกที่มีต่อเนื้อข่ำว หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับข่ำว คำตอบในข้อ 2., 3.
และ 4. เป็นประโยคที่ผู้เขียนมุ่งแสดงข้อเท็จจริง ประโยคในข้อ 1. ปรำกฏกำรใช้
ถ้อยคำในเชิงแสดงควำมคิดเห็นคือคำว่ำ “พ่อพระ” ซึ่งคำนี้มักจะกล่ำวชมเชยแก่
บุคคลที่มีจิตใจดีหรือใจบุญมำกเป็นพิเศษ
38. 1 กำรฟังและดูสื่อในชีวิตประจำวันให้เกิดประสิทธิภำพสูงสุด ปัจจัยหนึ่งขึ้นอยู่กับ
ผู้ฟังและดู ซึ่งกำรฟังและดูที่ดี ผู้ฟังและดูควรตั้งจุดมุ่งหมำยทุกครั้ง เพรำะเมื่อมี
จุดมุ่งหมำยย่อมสำมำรถจับใจควำมสำคัญได้กำรมีอคติต่อผู้ส่งสำร กำรเชื่อโดย
ปรำศจำกกำรใช้วิจำรณญำณไตร่ตรอง และกำรฟังโดยไม่มีกำรจดบันทึกสำระสำคัญ
ของสิ่งที่ได้ฟังได้ดูเหล่ำนี้ล้วนไม่ใช่ลักษณะของผู้ฟังและดูที่ดี
39 4 กำรฟังและดูสื่อเพื่อให้เกิดประสิทธิภำพสูงสุด ผู้ฟังและดูควรมีสมำธิ ใจจดจ่ออยู่กับ
เรื่องที่ฟัง เพื่อให้สำมำรถจับใจควำมสำคัญได้ไม่สนทนำกับผู้อื่น เพรำะอำจทำให้
พลำดสำระสำคัญในส่วนต่อๆไป เมื่อฟังเรื่องที่มีควำมยำว และผู้ฟังขำดพื้น
ฐำนควำมรู้ ควรมีอุปกรณ์ช่วยจำ แล้วนำกลับมำทบทวนภำยหลังจะทำให้กำรฟังครั้ง
นั้นๆ เกิดประสิทธิภำพ
40. 4 กำรพูด คือ กำรถ่ำยทอดควำมรู้ ควำมคิดหรือควำมต้องกำรของผู้พูดสื่อควำมหมำย
ไปยังผู้ฟังเพื่อให้เกิดกำรรับรู้และอำกำรตอบสนอง โดยใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง รวมทั้ง
อำกัปกิริยำต่ำงๆ ประกอบกัน ดังนั้นลักษณะของกำรพูดที่ดีคือ พูดแล้วบรรลุ
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แต่กำรพูดที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น ได้แก่ กำรพูดโดยใช้อำรมณ์ พูด
แล้วก่อให้เกิดควำมขัดแย้ง ซึ่งกำรพูดที่พูดแล้วผู้ฟังมีควำมสุข แต่ถ้ำไม่บรรลุ
วัตถุประสงค์ ก็ยังถือเป็นกำรพูดที่ดีหรือสมบูรณ์ไม่ได้
41. 4 กำรพูดโน้มน้ำวใจ เป็นกำรพูดที่ผู้พูดมีวัตถุประสงค์เฉพำะต้องกำรให้ผู้ฟังเชื่อ
ศรัทธำ และสนองตอบเจตนำ เช่น นักกำรเมืองพูดหำเสียง เพื่อให้ผู้ฟังเชื่อถือ
ในนโยบำยหรือตัวตน และนำไปสู่กำรลงคะแนนเสียงให้ เป็นต้น ดังนั้นลักษณะกำร
พูดโน้มน้ำวใจที่มีแนวโน้มว่ำจะประสบผลสำเร็จมำกที่สุดจำกตัวเลือกที่กำหนด คือ
ผู้พูดต้องใช้ถ้อยคำเพื่อกระตุ้นอำรมณ์ควำมรู้สึกของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ำผู้พูดเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้ฟังหรือรับรู้และเข้ำใจควำมรู้สึก หำกผู้พูดโน้มน้ำวใจ
สำมำรถทำให้ผู้ฟังยอมรับในตัวผู้พูด หรือรับผู้พูดเข้ำมำในควำมรู้สึกของตน ย่อมทำ
ให้ผู้ฟังเกิดควำมคล้อยตำมได้โดยง่ำย
54
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
42. 3 แนวทำงสำหรับกำรฟังเพื่อจับใจควำมสำคัญ ผู้ฟังต้องเตรียมควำมพร้อมก่อนเข้ำฟัง
ด้วยกำรหำข้อมูลเบื้องต้นเพื่อจะได้เข้ำใจเนื้อหำสำระของเรื่องได้ง่ำยขึ้น พยำยำมตั้ง
คำถำมในขณะที่ฟัง เพื่อขยำยควำมคิดของตนเอง บันทึกสำระสำคัญที่ได้จำกกำรฟัง
ไม่ควรหันไปสนทนำกับเพื่อนเพรำะอำจทำให้พลำดสำระสำคัญของเรื่องได้
43. 4 กำรควบคุมอำรมณ์ขณะที่พูด นับเป็นมำรยำทที่ผู้พูดควรปฏิบัติ เพรำะในบำง
สถำนกำรณ์อำจมีผู้ทักท้วง หรือแสดงควำมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้พูดนำเสนอ กำรไม่
ตอบโต้ด้วยอำรมณ์ จะช่วยทำให้สถำนกำรณ์คลี่คลำยไปในทิศทำงที่ดีได้
44. 1 กำรพูดโน้มน้ำวใจ เป็นกำรพูดที่ผู้พูดมีจุดมุ่งหมำยเฉพำะ ดังนั้นกำรพูดของผู้พูด
จะต้องเริ่มจำกกำรทำให้ผู้ฟัง ฟังแล้วเชื่อ เห็นคุณค่ำของสิ่งที่เชื่อ ซึ่งจะนำไปสู่กำร
ปฏิบัติตำม
45. 4 กำรอภิปรำย คือกำรพูดเพื่อแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นระหว่ำงกัน โดยมีเป้ ำหมำยเพื่อ
หำทำงออก หรือวิธีกำรแก้ไขปัญหำในประเด็นหนึ่งๆ ร่วมกัน
46. 3 กำรโต้วำทีที่ดี จะต้องทำให้ผู้ฟังได้รับทั้งควำมรู้ และควำมบันเทิงในขณะเดียวกัน
47. 4 กำรพูดรำยงำนเชิงวิชำกำรเป็นกำรพูดเพื่อแสดงข้อมูลควำมรู้ที่ผ่ำนกำรวิเครำะห์ตำม
หลักวิชำ ภำษำที่ใช้จึงควรเป็นภำษำในระดับทำงกำร สั้น กระชับ ชัดเจน ถูกหลัก
ไวยำกรณ์และเข้ำใจง่ำย
48. 3 สระลดรูป คือ สระที่เมื่อนำมำประสมกับพยัญชนะเป็นคำแล้วจะไม่ปรำกฏรูปสระ
ให้เห็นหรือลดรูปบำงส่วนไป เช่น สระโอะ เมื่อนำมำใช้ประสมเป็นคำและมี
ตัวสะกดจะไม่ปรำกฏรูปสระโอะ ข้อ 1. คำที่ประสมด้วยสระลดรูปได้แก่ คำว่ำ คน
ข้อ 2. คำที่ประสมด้วยสระลดรูปได้แก่ คำว่ำ คน ข้อ 3. คำที่ประสมด้วยสระลดรูป
ได้แก่ คำว่ำ ส้ม คน รวย สวม สวย ข้อ 4. คำที่ประสมด้วยสระลดรูปได้แก่ คำว่ำ คน
เฉย เลย
49. 2 ข้อสอบลักษณะนี้ถ้ำหำกโจทย์ให้หำเสียงพยัญชนะควบ ต้องหำทั้งคำควบแท้และคำ
ควบไม่แท้แต่ถ้ำโจทย์ให้หำพยัญชนะควบกล้ำ ต้องหำเฉพำะคำควบแท้จำกคำนิยำม
นี้ ข้อ 1. ได้แก่คำว่ำ ครื้น เครง ข้อ 2. ได้แก่คำว่ำ ครอบ ครัว พรำย ข้อ 3. ได้แก่คำว่ำ
ควำย ใกล้และข้อ 4. ได้แก่คำว่ำ ปร๋อ
55
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
50. 3 จำกตัวเลือกข้อ 1. ปลำเค็ม มีเสียงสำมัญ, สำมัญ น้ำใจ มีเสียงตรี, สำมัญ ข้อ 2.
น้ำปลำ มีเสียงตรี, สำมัญ ม้ำน้ำ มีเสียงตรี, ตรี ข้อ 4. ปลำทู มีเสียงสำมัญ, สำมัญ
ไหมฝัน มีเสียงจัตวำ, จัตวำ จำกโจทย์คำว่ำ “น้ำแข็ง” มีเสียงวรรณยุกต์เป็นเสียงตรี
กับเสียงจัตวำ ข้อ 3. คำว่ำ “น้ำสำว” มีเสียงตรีและเสียงจัตวำ คำว่ำ “ล้ำงขำ” มีเสียงตรี
และเสียงจัตวำ
51. 4 จำกตัวเลือกข้อ 1. “น้ำปลำ” นำม+นำม “ไก่ชน” นำม+กริยำ “น้ำแข็ง” นำม+วิเศษณ์
ข้อ 2. “ตำขำว” นำม+วิเศษณ์ “มดแดง” นำม+วิเศษณ์ “ดอกฟ้ำ” นำม+นำม ข้อ 3.
“บัตรเติมเงิน” นำม+กริยำ+นำม “แปรงสีฟัน” นำม+กริยำ+นำม “ใบขับขี่” นำม+
กริยำ+กริยำ ส่วนข้อ 4. “ปำกนกกระจอก” นำม+นำม+นำม “รถไฟฟ้ำ” นำม+นำม+
นำม “เด็กหลอดแก้ว” นำม+นำม+นำม
52. 3 จำกตัวเลือกข้อ 1. อ้วนพี นำคำที่มีควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อนกัน ดูแล นำคำที่มี
ควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อนกัน รุ่งริ่ง เป็นคำซ้อนเพื่อเสียง ข้อ 2. ยำกง่ำย นำคำที่มี
ควำมหมำยตรงข้ำมกันมำซ้อนกัน เสื่อสำด นำคำที่มีควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อน
กัน จิตใจ นำคำที่มีควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อนกัน ข้อ 4. บ้ำนเรือน นำคำที่มี
ควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อนกัน ถ้วยชำม นำคำที่มีควำมหมำยคล้ำยกันมำซ้อนกัน
ถำกถำง เป็นคำซ้อนเพื่อเสียง
53. 1 จำกตัวเลือกข้อ 2. “น้ำหูน้ำตำ” เป็นคำซ้อน 4 คำ โดยมีคำที่ 1 และ 3 ซ้ำกัน ข้อ 3.
“ตำหนิติเตียน” เป็นคำซ้อน 4 คำ แยกเป็น 2 คู่ โดยมีเสียงคล้องจองระหว่ำงพยำงค์ที่
2 กับ 3 ข้อ 4. “กระจัดกระจำย” เป็นคำซ้อน 4 คำ ซึ่งเกิดจำกกำรนำคำยืมจำกภำษำ
เขมรมำซ้อนกัน ส่วนข้อ 1. ไม่ปรำกฏคำที่สร้ำงด้วยวิธีกำรซ้อนคำ คำว่ำ “ซุ่มซ่ำม”
เป็นคำที่สร้ำงโดยทำให้มีเสียงบำงเสียงเหมือนกัน เข้ำกัน หรือคู่กัน
54. 3 จำกตัวเลือกข้อ 1. “สรรพำวุธ” เป็นคำสมำสสร้ำง “สันติภำพ” เป็นคำสมำสสร้ำง
“ชีวเคมี” เป็นคำสมำสเทียม ข้อ 2. “เทพเจ้ำ” “เคมีภัณฑ์” “ทุนทรัพย์” เป็นคำสมำส
เทียมทั้ง 3 คำ ข้อ 4. “ทรัพยำกร” เป็นคำสมำสสร้ำง “ประชำชน” เป็นคำสมำสซ้อน
“กำลเวลำ” เป็นคำสมำสซ้อน ส่วนข้อ 3. “ภัตตำคำร” “โยธวำทิต” “ทรัพยำกร” เป็น
คำสมำสสร้ำงทั้ง 3 คำ
55. 3 คำสมำสในข้อ 1. อ่ำนว่ำ กำย-วิ-พำก-สำด ข้อ 2. อ่ำนว่ำ ปรำ-กด-กำน ข้อ 3. อ่ำนว่ำ
แพด-สะ-พำ หรือ แพด-ทะ-ยะ-สะ-พำ ส่วนข้อ 4. อ่ำนว่ำ พะ-สก-นิ-กอน ซึ่ง
คำสมำสในข้อ 1., 2. และ 4. เป็นคำสมำสที่ไม่ต้องอ่ำนออกเสียงพยำงค์เชื่อมระหว่ำง
คำ คำสมำสในข้อ 3. จึงอ่ำนออกเสียงต่ำงจำกข้ออื่น
56
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
56. 4 จำกตัวเลือกข้อ 1. “สุโขทัย” และ “ปรมำณู” เป็นคำสมำสแบบมีสนธิ ส่วน “ยุทธภูมิ”
เป็นคำสมำสแบบไม่มีสนธิ ข้อ 2. “จิตรกรรม” และ “สวัสดิภำพ” เป็นคำสมำสแบบ
ไม่มีสนธิ ส่วน “ปรมำณู” เป็นคำสมำสแบบมีสนธิ ข้อ 3. “จิตรกรรม” “กรณียกิจ”
และ “สวัสดิภำพ” เป็นคำสมำสแบบไม่มีสนธิ ทั้ง 3 คำ ข้อ 4. “สุโขทัย”
“พฤษภำคม” และ “แสนยำนุภำพ” เป็นคำสมำสแบบมีสนธิทุกคำ
57. 4 จำกตัวเลือกข้อ 1. “เฆี่ยน” เป็นคำไทยแท้“ขจี” เป็นคำยืมจำกภำษำเขมร “กุศล” เป็น
คำยืมจำกภำษำสันสกฤต ข้อ 2. “กีฬำ” และ “ปฏิวัติ” เป็นคำยืมจำกภำษำบำลี
“กรีฑำ” เป็นคำยืมจำกภำษำสันสกฤต ข้อ 3. “เผด็จ” “กระจำย” เป็นคำยืมจำกภำษำ
เขมร “ก๋วยเตี๋ยว” เป็นคำยืมจำกภำษำจีน
58. 2 คำที่ยืมมำจำกภำษำสันสกฤต ใช้ข้อสังเกตที่ทำให้ระบุแหล่งที่มำได้ซึ่งกำรใช้ ฤ ก็
เป็นหนึ่งในของสังเกตนั้น
59. 4 คำที่ยืมมำจำกภำษำเขมรส่วนใหญ่ จะเป็นคำควบกล้ำ แต่เป็นคำควบกล้ำพื้นๆ ไม่
เหมือนคำที่ยืมจำกภำษำสันสกฤต
60 3 ศัพท์บัญญัติ คือ คำที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้แทนคำภำษำอังกฤษที่ยืมเข้ำมำใช้ด้วยเหตุผล
ต่ำงๆ ซึ่งคำที่นำมำบัญญัตินอกจำกเป็นคำในภำษำไทยแล้วยังใช้คำภำษำบำลีและ
สันสกฤตด้วย
61. 1 คำทับศัพท์ คือ คำที่มีลักษณะเฉพำะ โดยนำเข้ำมำใช้ โดยไม่มีกำรเปลี่ยนแปลง
ปรับปรุง หรือแก้ไข
62. 4 ตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ มีคำนำมเป็นคำเดียวกัน คือคำว่ำ “หนังสือ” แต่หนังสือคำเดียวกันนี้
ทำหน้ำที่ในประโยคแตกต่ำงกัน ข้อ 1. “หนังสือ” ทำหน้ำที่เป็นกรรมในประโยค ข้อ
2. “หนังสือ” ทำหน้ำที่เป็นกรรมในประโยค ข้อ 3. “หนังสือ” ทำหน้ำที่เป็นกรรมใน
ประโยค ส่วนข้อ 4. “หนังสือ” ทำหน้ำที่เป็นประธำนในประโยค
63. 4 คำสมุหนำม คือ คำนำมที่บอกควำมเป็นหมู่ เป็นพวกกลุ่มหรือคณะ ได้แก่ ชื่อบุคคล
ชื่อสัตว์ชื่อสิ่งของ และชื่อสถำนที่ จำกคำนิยำมนี้ทำให้พิจำรณำได้ว่ำ คำสมุหนำมใน
ข้อ 1. คือคำว่ำ “คณะ” คำสมุหนำมในข้อ 2. คือคำว่ำ “ฝูง” คำสมุหนำมในข้อ 3. คือ
คำว่ำ “กอง” ส่วนคำว่ำ “ปำก” ในข้อ 4. ไม่ใช่คำสมุหนำม แต่เป็นคำลักษณนำม
64 4 จำกประโยค “เขำปลูกต้นก้ำมปูไว้ทำงทิศตะวันตก เพื่อให้มันบังแดดตอนบ่ำย”
ประโยคนี้มีกำรกล่ำวซ้ำถึงคำที่เป็นกรรมตรงของประโยค ซึ่งประโยคเต็มคือ “เขำ
ปลูกต้นก้ำมปูไว้ทำงทิศตะวันตก เพื่อให้ต้นก้ำมปูบังแดดตอนบ่ำย” มัน” จึงเป็นคำ
สรรพนำมที่ถูกใช้แทนต้นก้ำมปูเมื่อถูกกล่ำวซ้ำอีกครั้งในประโยค
57
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
65. 4 คำบุพบทมักมีควำมหมำยเพื่อบอกตำแหน่ง หน้ำที่ ควำมเกี่ยวข้อง ควำมมุ่งหมำย
ควำมเป็นเจ้ำของของนำมวลีที่มีควำมสัมพันธ์กับคำกริยำ หรือบอกควำมสัมพันธ์
ระหว่ำงนำมวลีกับนำมวลีในประโยคเดียวกัน จำกคำนิยำมข้ำงต้นจะทำให้วิเครำะห์
ได้ว่ำ ข้อ 1. ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ำ “ในมติ” ข้อ 2. ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ำ “เพื่ออนำคต
ของตนเอง” ข้อ 3. ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ำ “แด่พระผู้มีพระภำคเจ้ำ”
66. 1 ประโยคที่ใช้สื่อสำรให้เข้ำใจกันในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยองค์ประกอบหรือ
โครงสร้ำงสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ นำมวลี และกริยำวลี ข้อควำมที่จัดว่ำเป็นประโยค
จะต้องประกอบด้วยสองส่วนดังกล่ำวข้ำงต้น เพื่อสื่อควำมว่ำมีอะไรเกิดขึ้น หรือ
อะไรมีสภำพเป็นอย่ำงไร จำกตัวเลือกในข้อ 2., 3. และ 4 เป็นข้อควำมที่ประกอบ
เพียงนำมวลี ไม่มีกริยำวลีเพื่อบอกสภำพ ส่วนคำตอบในข้อ 1. มีลักษณะเป็น
ประโยค เพรำะประกอบด้วยนำมวลี “พ่อ” และกริยำวลี “เหนื่อย” ประกอบกันสื่อ
ควำมหมำยได้เข้ำใจ
67. 2 จำกตัวเลือกในแต่ละข้อเป็นประโยคซ้อนทั้งหมด แต่มีอยู่หนึ่งประโยคที่มี
โครงสร้ำงภำยในต่ำงไปจำกข้ออื่น โดยตัวเลือกในข้อ 1., 3. และ 4. เป็นประโยค
ซ้อนที่มีอนุประโยคชนิด คุณำนุประโยคซ้อนอยู่ โดยทำหน้ำที่ขยำยคำนำมซึ่งอยู่
ข้ำงหน้ำ ส่วนข้อ 2. เป็นประโยคซ้อนที่มีอนุประโยคชนิด นำมำนุประโยคซ้อนอยู่
โดยทำหน้ำที่เป็นประธำนของกริยำวลี
68. 2 ส่วนประกอบของประโยคสำมัญ ได้แก่ ประธำน และกริยำ เพรำะข้อควำมหนึ่งๆ จะ
เป็นประโยคได้ก็ต่อเมื่อสำมำรถสื่อควำมเบื้องต้นได้เช่น ให้รู้ว่ำใครทำอะไร
69. 3 ประโยคที่กำหนดให้ข้ำงต้น เป็นประโยคซ้อนที่มีควำมซับซ้อน โดยมีประโยคย่อย 2
ประโยค ซ้อนอยู่ในประโยคหลัก
70. 3 เมื่อต้องสนทนำกับบุคคลที่มีสถำนภำพในด้ำนต่ำงๆ สูงกว่ำ ผู้พูดจะต้องศึกษำกำรใช้
ถ้อยคำให้ถูกระดับ
71. 3 ภำษำพูดเป็นภำษำที่ใช้สำหรับกำรสื่อสำรในชีวิตประจำวันในสถำนกำรณ์ที่ไม่เป็น
ทำงกำรกับบุคคลที่มีควำมสนิทสนมคุ้นเคย ไม่มีควำมเคร่งครัดทำงไวยำกรณ์ ไม่มี
กำรใช้รูปประโยคที่ซับซ้อนในกำรสื่อสำร จุดประสงค์เพียงเพื่อให้เข้ำใจควำมหมำย
และปรำกฏกำรใช้รูปประโยคที่ละส่วนประกอบของประโยค เช่น ละประธำน
ละกรรม
58
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
72. 4 พลังของภำษำ คือ อำนำจของภำษำที่ก่อให้เกิดผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ในแต่ละ
สังคม ดังนั้นพลังของภำษำในเชิงสร้ำงสรรค์ จึงก่อให้เกิดพฤติกรรมหรือกำร
เปลี่ยนแปลงในทิศทำงที่ดีงำม ไม่ใช่กำรใช้พลังของภำษำเพื่อสร้ำงผลประโยชน์
ให้แก่ตนเอง โน้มน้ำวให้ผู้อื่นขัดแย้งหรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ำย ขำดควำมสำมัคคีกัน
73. 3 ข้อควรคำนึงในกำรใช้ “ทรง” เป็นกริยำนุเครำะห์ จะไม่ใช้นำหน้ำคำ ซึ่งกำหนดให้
เป็นคำรำชำศัพท์อยู่แล้ว เช่น “โปรด” ไม่ใช้ว่ำ “ทรงโปรด” และจะไม่ใช้นำหน้ำ
คำกริยำสำมัญซึ่งมีคำนำมรำชำศัพท์ต่อท้ำย เช่น “ทรงพระกรุณำ” ไม่ใช้ว่ำ “ทรงมี
พระกรุณำ” กำรใช้คำว่ำ “เสด็จพระรำชดำเนิน” จะต้องเติมคำกริยำสำคัญลงใน
ประโยค เพื่อให้สื่อควำมได้สมบูรณ์ เช่น เสด็จพระรำชดำเนินเยือนต่ำงประเทศ
เสด็จพระรำชดำเนินไปเปิดนิทรรศกำร
74. 1 วิธีกำรพิจำรณำข้อสอบข้อนี้ ให้พิจำรณำจำกที่มำของคำที่นำมำประกอบเป็นคำรำชำ
ศัพท์ ซึ่งคำที่นำมำประกอบเป็นคำรำชำศัพท์ในภำษำไทย ส่วนใหญ่เป็นคำยืมภำษำ
เขมร บำลี สันสกฤต แต่ถึงอย่ำงไรก็ตำมได้ปรำกฏคำรำชำศัพท์ที่ประกอบขึ้นจำกคำ
ไทย คือ พระกรำม พระเต้ำ พระรำกขวัญ และพระยอด คำว่ำพระหัตถ์ พระบรม
รำโชวำท และพระบรมรำชชนนี ประกอบขึ้นจำกคำยืมภำษำบำลี และบัญญัติใช้
สำหรับพระมหำกษัตริย์
75. 3 กลอนสักวำ มีลักษณะฉันทลักษณ์สัมผัสระหว่ำงวรรคระหว่ำงบท เช่นเดียวกับ
กลอนแปด แต่มีลักษณะสำคัญที่แตกต่ำงคือ จะขึ้นต้นบทด้วยคำว่ำ “สักวำ” จำก
ตัวเลือกในข้อ 1. ตัดทิ้งไม่พิจำรณำเพรำะคำสุดท้ำยของวรรครับไม่สัมผัสกับคำ
สุดท้ำยของวรรครอง ข้อ 2. ตัดทิ้งไม่พิจำรณำ เพรำะถึงแม้คำจะส่งสัมผัสกันถูกต้อง
แต่อ่ำนแล้วไม่สื่อควำม ข้อ 4. ตัดทิ้งไม่พิจำรณำ เพรำะไม่มีสัมผัสระหว่ำงบท
76. 2 กำรแต่งบทร้อยกรอง ผู้แต่งจะต้องมีคุณสมบัติหรือมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ เกี่ยวกับ
ฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองแต่ละประเภท เพื่อให้สำมำรถแต่งได้ถูกต้องทั้งจำนวน
คำ วรรค และตำแหน่งสัมผัสที่กำหนดไว้ตำมรูปแบบ มีจินตนำกำร ควำมคิด
สร้ำงสรรค์ในกำรถ่ำยทอดเนื้อหำที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับสำร และมีควำมสำมำรถ
ในกำรสรรถ้อยคำที่มีควำมไพเรำะทั้งด้ำนเสียงและควำมหมำย เพื่อถ่ำยทอดแนวคิด
จำกตัวเลือกที่กำหนดสิ่งที่มีควำมเกี่ยวข้องกับกำรแต่งบทร้อยกรองน้อยที่สุด คือ
บรรยำกำศ
77. 4 กำรแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภำพ หำกผู้แต่งไม่สำมำรถบรรจุคำเอกลงใน
ตำแหน่งที่กำหนดไว้ในฉันทลักษณ์ได้ผู้แต่งสำมำรถบรรจุคำเอกลงไปแทนได้
เนื่องจำกเป็นคำที่มีเสียงสั้นเช่นกัน
59
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
78. 3 บทร้อยกรองข้ำงต้นอยู่ในวรรณคดีเรื่อง กำพย์เห่เรือ พระนิพนธ์ในเจ้ำฟ้ำธรรม
ธิเบศรหรือเจ้ำฟ้ำกุ้ง ซึ่งประพันธ์ด้วยกำพย์ยำนี 11 จำกตัวเลือกถ้ำยึดจำกสัมผัส
บังคับของกำพย์ยำนี 11 จะพบว่ำคำท้ำยของวรรคหน้ำจะส่งสัมผัสมำยังคำที่ 1,2 หรือ
3 ของวรรคหลังในบำทเอก คำท้ำยของวรรคหลังในบำทเอกจะส่งสัมผัสมำยังคำท้ำย
ของวรรคหน้ำในบำทโท
79. 3 กำพย์ยำนี 11 ได้กำหนดสัมผัสระหว่ำงวรรคไว้ดังนี้ คำท้ำยของวรรคหน้ำสัมผัสกับ
ที่ 1,2 หรือ 3 ของวรรคที่ 2 คำท้ำยของวรรคสองส่งสัมผัสยังคำท้ำยของวรรคสำม
80. 3 คำตอบในข้อ 1. เบี้ยหวัด เป็นคำนำม หมำยถึง เงินได้จำกรำชกำร คำตอบในข้อ 2.
ไม่ใช่สำนวนแต่เป็นลักษณะของคำซ้อนในภำษำไทย คำตอบในข้อ 4. ชักหน้ำไม่ถึง
หลัง เป็นคำกล่ำวที่มีควำมหมำยถึงคนที่มีรำยได้ไม่พอกับรำยจ่ำยในแต่ละเดือน ส่วน
คำตอบในข้อ 3. เป็นสำนวนที่กล่ำวถึงคนที่มีเงินน้อยจะใช้จ่ำยต้องระมัดระวัง
ไม่สุรุ่ยสุร่ำย
81. 4 ข้อ 1. เสนอแนวคิดว่ำ กิริยำมรรยำทส่อสกุล ข้อ 2. เสนอแนวคิดว่ำ ให้รักศักดิ์ศรี ข้อ
3. เสนอแนวคิดว่ำ กำรพูดจำอ่อนหวำนจะทำให้มีเพื่อนมำก ต่ำงกับคนที่ชอบพูดจำ
หยำบคำยย่อมไม่มีเพื่อนเข้ำใกล้ข้อ 4. บอกเพียงลักษณะของผลมะเดื่อว่ำมีสีแดงชำด
ไม่มีกำรเสนอแนวคิด
82. 1 ข้อที่กล่ำวถึงส่วนประกอบอำหำร คือ ข้อ 1. กล่ำวถึงขนมซ่ำหลิ่ม ซึ่งมีส่วนผสมของ
กะทิ และพิมเสน ส่วนในข้ออื่น กล่ำวถึงชื่อขนมและควำมรู้สึกของกวีที่มีต่อนำงอัน
เป็นที่รัก
83. 3 กลวิธีในกำรแต่งของเรื่องรำชำธิรำช ตอน สมิงพระรำมอำสำ มีลักษณะกำรดำเนิน
เรื่องด้วยบทสนทนำ และกำรบรรยำยวิธีกำรเลือกม้ำ โดยใช้สำนวนเปรียบเทียบกับ
กำรเลือกสิ่งอื่นเพื่อให้เห็นควำมสำคัญของกำรเลือกม้ำเพิ่มขึ้น ดังนั้น ข้อที่กล่ำวไม่
ถูกต้องเกี่ยวกับกลวิธีกำรแต่งในข้อควำมข้ำงต้น คือ กำรใช้พรรณนำโวหำร
84. 4 ลักษณะเด่นของคำประพันธ์ข้ำงต้น คือ มีกำรเลียนเสียงธรรมชำติว่ำ “โหง่งหง่ำง
เหง่งเก่งก่ำง” ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดจำกกำรตีระฆัง
85. 4 ข้อ 1. อย่ำขุดคนด้วยปำก หมำยควำมว่ำ อย่ำพูดจำทิ่มแทงให้คนอื่นเสียหำย ข้อ 2. ยอ
มิตรเมื่อลับหลังเป็นกำรพูดถึงมิตรในทำงที่ดี แม้ผู้เป็นมิตรจะไม่ได้ยินก็ตำม ข้อ 3.
อย่ำริกล่ำวคำคด หมำยถึง อย่ำเริ่มโกหก ส่วนข้อ 4. อย่ำเบำ หมำยถึง อย่ำหลงเชื่อคน
ง่ำย เรำมักจะคุ้นกับสำนวนว่ำ “อย่ำหูเบำ” ซึ่งไม่เกี่ยวกับกำรพูดแต่เกี่ยวกับกำรฟัง
86. 2 “รูปเงำะ” หมำยควำมว่ำ รูปกำยภำยนอกดูไม่งำมแต่ภำยในนั้นเป็นอย่ำงทองคำ ตรง
กับข้อ 2. หมำยควำมว่ำ ภำยในนั้นดี รสเป็นเลิศ
60
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
87. 3 จำกคำประพันธ์ข้ำงต้นถอดคำประพันธ์ได้ว่ำ แม้จะยำกจนอย่ำงไรก็ให้ทนกัดก้อน
เกลือกิน อย่ำได้ไปเบียดเบียนเพื่อนฝูง ให้เป็นอย่ำงเสือที่เมื่อหิวก็สู้พยำยำมจับเนื้อ
กินเองอย่ำงมีศักดิ์ศรี จำกควำมว่ำ “อดอยำกเยี่ยงอย่ำงเสือ สงวนศักดิ์” คือ สอนให้รู้
รักศักดิ์อย่ำงเสือ
88. 2 บทประพันธ์แต่ละข้อพรรณนำดอกไม้พันธุ์ไม้ข้อที่แสดงให้เห็นควำมเชื่อของ
สังคม คือ ข้อที่กล่ำวถึงต้นงิ้วว่ำเป็นสัญลักษณ์ของกำรเป็นชู้ผิดคู่ผิดเมียผู้อื่น จะถูก
ลงโทษให้ปีนต้นงิ้ว ถูกหนำมงิ้วทิ่มแทงโดยเชื่อว่ำเป็นกำรลงโทษ
89. 2 คำประพันธ์ในข้ำงต้นมีกำรใช้ภำพพจน์อุปมำ 2 แห่ง คือ “ภำยนอกแดงดูฉัน
ชำดบ้ำย” และ “ดุจดั่งคนใจร้ำย นอกนั้นดูงำม”
90. 3 พิจำรณำจำกวรรคในคำประพันธ์ที่กล่ำวว่ำ “ทั้งแฝกคำแขมกกขึ้นรกเรี้ยว” คำที่เป็น
ชื่อพืช ได้แก่ แฝก คำ แขม และ กก ซึ่งเป็นพืชที่มักเกิดในที่ชุ่มชื้น รวมทั้งหมด 4
ชนิด
91. 3 เมื่อพันท้ำยนรสิงห์ทำผิดกฎมณเฑียรบำลที่ว่ำ ถ้ำใครทำโขนเรือพระที่นั่งหักจะต้อง
โทษถึงประหำรชีวิต จึงขอรับโทษซึ่งเป็นกำรแสดงควำมกล้ำหำญเด็ดเดี่ยว ทั้งนี้
เพรำะพันท้ำยนรสิงห์รู้ดีว่ำหำกไม่รับโทษ จะทำให้กฎมณเฑียรบำลไม่ศักดิ์สิทธิ์
และเป็นตัวอย่ำงที่ไม่ดีต่อผู้อื่นในภำยหน้ำ
92. 1 ในโคลงบทนำของโคลงสุภำษิตโสฬสไตรยำงค์กล่ำวไว้ว่ำ ผู้ที่ปฏิบัติตำมคำแนะนำ
ผลของควำมดีนั้นย่อมมีแต่ควำมสุข ควำมเจริญรุ่งเรือง และมีผู้คนกล่ำวคำสรรเสริญ
ซึ่งตรงกับข้อ 1. “หวังสวัสดิ์ขจัดทุกข์สร้ำง สืบสร้องศุภผล” ทั้งนี้พิจำรณำได้จำกคำ
ว่ำ “หวัง” ซึ่งเป็นคำที่แสดงควำมประสงค์
93. 3 ข้อ 1. มีคำว่ำ พระสยมภูวญำณ หมำยถึง พระอิศวร มีคำขยำยว่ำ “เรืองศรี” ข้อ 2. มีคำ
ว่ำ “พระศุลี” ที่หมำยถึง พระอิศวร ข้อ 3. มีคำว่ำ “หัสนัยน์” กับคำว่ำ “เจ้ำตรัย
ตรึงศำ” ที่หมำยถึง พระอิศวร และข้อ 4. มีกล่ำวถึง “พระอิศวร” และ “องค์อมริน
ทรำ” คือ พระอินทร์ กำรหลำกคำ คือ ใช้คำที่มีควำมหมำยเหมือนกัน
94. 1 จำกบทประพันธ์กล่ำวถึงช่ำงทำเครื่องถมที่ดี ซึ่งมีช่ำงสำขำต่ำงๆ รวมอยู่ 3 สำขำ ซึ่ง
ประกอบไปด้วย ช่ำงขึ้นรูปหรือช่ำงเขียนแบบช่ำงแขนงนี้มำจำกช่ำงเงิน ช่ำงทอง ที่
จะทำรูปทรงภำชนะหรือเครื่องประดับต่ำงๆ ให้ได้สัดส่วน ช่ำงแกะสลัก คือผู้บรรจง
สลักเสลำ ลวดลำยให้มีควำมอ่อนช้อยงดงำมตำมแบบนิยม และช่ำงถม ซึ่งเป็นช่ำงที่
ต้องใช้ควำมชำนำญในกำรผสมและลงยำถมบนพื้นที่ซึ่งแกะสลักลวดลำยไว้แล้ว
ช่ำงที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อควำมในบทประพันธ์ คือ ช่ำงปั้น
61
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
95. 3 ข้อ 1. และข้อ 2. กล่ำวถึงควำมสำคัญของศิลปะของชำติ ข้อ 3. ให้ข้อคิดเรื่องกำร
ตระหนักในหน้ำที่ของตน คือ “แม้นไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงครำวพำยุใหญ่จะ
ครวญครำง” กำรไม่รักษำวินัยในตนเอง จะส่งผลเสียต่อหน้ำที่ที่รับผิดชอบ เมื่อเกิด
ปัญหำก็จะส่งผลกระทบกับงำนที่ต้องทำร่วมกับคนอื่น ข้อ 4. กล่ำวเปรียบ
พระรำชสำนักเหมือนเรือที่แล่นในมหำสมุทร
96. 2 ข้อ 1. กวีพรรณนำถึงพันธุ์ไม้ชนิดต่ำงๆ ด้วยกำรเล่นคำว่ำ “ลิง” ได้แก่ ต้นหัวลิง ต้น
ลำงลิง และต้นหูลิง ซึ่งไม่เห็นภำพกำรเคลื่อนไหว ข้อ 2. กวีพรรณนำกำรเดินของยูง
ทอง “ย่องเยื้องย่ำง” คือ ก้ำวอย่ำงช้ำๆ และก็รำแพนหำงอย่ำงงดงำม ข้อ 3. กวี
พรรณนำลักษณะไก่ฟ้ำว่ำมีหัวสีแดง มีเดือย และข้อ 4. กวีพรรณนำนำเลียงผำที่อยู่
บนภูเขำว่ำมีหนวดแบนรำบ
97. 2 ข้อควำมข้ำงต้นกล่ำวว่ำ “เมื่อครั้งสมัยพ่อกู กูดูแลรับใช้พ่อกับแม่ เมื่อกูได้อำหำรมำ
กูก็เอำมำให้พ่อกู” ซึ่งเป็นข้อควำมที่แสดงให้เห็นควำมกตัญญู รู้จักตอบแทนพระคุณ
ของบิดำมำรดำ ด้วยกำรคอยดูแลเอำใจใส่อย่ำงใกล้ชิด
98. 4 จำกบทประพันธ์ข้ำงต้นกล่ำวถึงสัตว์ป่ำ ดังนี้ กวำงเนื้อทรำย หมูป่ำ หมำในซึ่งเป็น
หมำชนิดหนึ่ง ขนสีน้ำตำลแดง หรือน้ำตำลเทำ หำงสีคล้ำยำวเป็นพวง อำศัยอยู่ตำม
ป่ำทึบ ออกหำกินเป็นฝูงเวลำเช้ำมืดและพลบค่ำ ล่ำสัตว์อื่นกิน เช่น เก้ง กวำง หมูป่ำ
สัตว์เล็กๆ สัตว์ป่ำในบทประพันธ์ข้ำงต้นจึงมีทั้งหมด 4 ชนิด
99. 3 ข้อ 1. และข้อ 2. เป็นบทเจรจำของนนทกที่ถำมนำงอัปสรด้วยชื่นชอบรักใคร่อยำกรู้
ว่ำเป็นใคร ชื่ออะไร จึงคำดหวังคำตอบจำกนำง ส่วนข้อ 3. ที่นำงอัปสรกล่ำวว่ำ
“ทำไมมำล่วงไถ่ถำม” ไม่ได้ต้องกำรคำตอบ แต่เป็นกำรต่อว่ำนนทกที่กล้ำเข้ำมำทัก
ถำม ข้อ 4. เป็นแต่เพียงกำรบอกเล่ำไม่ได้ถำม
100. 4 คำประพันธ์ที่กล่ำวถึงเวลำ มีดังนี้ ข้อ 1. มีคำว่ำ “ดับดวงพระสุริย์” ซึ่งหมำยถึง ช่วง
ค่ำมืดที่ดวงอำทิตย์หมดแสง ข้อ 2. มีคำว่ำ “ค่ำพลบ” หมำยถึง เวลำย่ำค่ำ เวลำ
โพล้เพล้ข้อ 3. มีคำว่ำ “ชิงพลบ” มีควำมหมำยเหมือนกับ “ค่ำพลบ” ส่วนข้อ 4. ไม่มี
คำที่กล่ำวถึงเวลำ
62
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย (ม.ต้น) 2552
1. 3 2. 1 3. 1 4. 1 5. 2
6. 3 7. 1 8. 3 9. 2 10. 1
11. 2 12. 2 13. 3 14. 3 15. 1
16. 2 17. 1 18. 4 19. 4 20. 4
21. 3 22. 2 23. 1 24. 3 25. 2
26. 2 27. 3 28. 2 29. 2 30. 3
31. 1 32. ไม่มีข้อถูก 33. 2 34. 4 35. 4
36. 4 37. 2 38. 1 39. 2 40. 2
41. 4 42. 3 43. 1 44. 3 45. 2
46. 5 , 4 , 3
47. 5 , 5 , 1
48. 2 , 1 , 4 , 2 , 3
49. 5 , 4 , 1 , 3 , 2
50. 5 , 2 , 1 , 3 , 4
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย (ม.ต้น) 2553
1. 2 2. 1 3. 4 4. 4 5. 4
6. 3 7. 2 8. 2 9. 2 10. 3
11. 1 12. 3 13. 1
14. 2 , 5 , 6 , 7 15. 2 , 1 , 4 , 3 , 3
ปีการศึกษา
ปีการศึกษา

More Related Content

PDF
แบบทดสอบมัทนะพาธา
PDF
ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและแผน
PDF
แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม 1-3 เรือง แม่เหล็กไฟฟ้า+ป.3+239+dltvscip3+P1 3 u04
PDF
คำที่มีอักษรไม่ออกเสียง ป.3
PDF
ใบความรู้ องค์ประกอบของพยางค์และคำ
PDF
คำควบกล้ำ
PDF
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - ภาษาไทย
PDF
การวิเคราะห์วรรณคดี "รำพึงในป่าช้า"
แบบทดสอบมัทนะพาธา
ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและแผน
แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม 1-3 เรือง แม่เหล็กไฟฟ้า+ป.3+239+dltvscip3+P1 3 u04
คำที่มีอักษรไม่ออกเสียง ป.3
ใบความรู้ องค์ประกอบของพยางค์และคำ
คำควบกล้ำ
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - ภาษาไทย
การวิเคราะห์วรรณคดี "รำพึงในป่าช้า"

What's hot (20)

PDF
แนวข้อสอบเอกประถมศึกษา
PDF
ใบงานคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ
PDF
ราชาศัพท์
PDF
การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์
PDF
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
DOCX
แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1
PDF
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
PDF
เนื้อหาแบบฝึกเสริมทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
PPTX
Testแนวการออกข้อสอบวัดการคิดระดับสังเคราะห์
PDF
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
PDF
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
DOCX
บันได ๔ ขั้นสอนเขียน
PDF
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
PDF
คำทับศัพท์และศัพท์บัญญัติ
PDF
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
PDF
สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)
PDF
คำอุทาน
PDF
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]
PDF
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
PDF
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
แนวข้อสอบเอกประถมศึกษา
ใบงานคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ
ราชาศัพท์
การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
เนื้อหาแบบฝึกเสริมทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
Testแนวการออกข้อสอบวัดการคิดระดับสังเคราะห์
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
บันได ๔ ขั้นสอนเขียน
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
คำทับศัพท์และศัพท์บัญญัติ
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)
คำอุทาน
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
Ad

Viewers also liked (8)

PDF
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
PDF
ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙
PDF
กลุ่มที่ ๒
PDF
ประโยคความรวม กลุ่ม๓
PDF
ประโยคตามเจตนา 7
PDF
งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)
PDF
กลุ่มที่ ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙
กลุ่มที่ ๒
ประโยคความรวม กลุ่ม๓
ประโยคตามเจตนา 7
งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)
กลุ่มที่ ๑
Ad

Similar to 1. ข้อสอบ o net ภาษาไทย (มัธยมต้น) (20)

PDF
1.แนวข้อสอบ o net ภาษาไทย(ม.3)
PDF
โควต้า มช. ภาษาไทย
PDF
01 ภาษาไทย
PDF
โควต้า มช. 51 -ภาษาไทย.
PDF
ข้อสอบภาษาไทย โควต้า51
PDF
01 ภาษาไทย
PDF
ข้อสอบภาษาไทย โควต้า51
PDF
ข้อสอบภาษาไทย โควต้า51
PDF
01 ภาษาไทย
PDF
ข้อสอบโควต้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 51 วิชา ภาษาไทย
PDF
01 ภาษาไทย โควตา มช
PDF
01 ภาษาไทย
PDF
01 ภาษาไทย
PDF
PDF
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
PDF
Pat 5
PDF
Thai onet[1]
PDF
PDF
ข้อสอบ O-NET ภาษาไทย
PDF
5.thai o-net-m6-49
1.แนวข้อสอบ o net ภาษาไทย(ม.3)
โควต้า มช. ภาษาไทย
01 ภาษาไทย
โควต้า มช. 51 -ภาษาไทย.
ข้อสอบภาษาไทย โควต้า51
01 ภาษาไทย
ข้อสอบภาษาไทย โควต้า51
ข้อสอบภาษาไทย โควต้า51
01 ภาษาไทย
ข้อสอบโควต้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 51 วิชา ภาษาไทย
01 ภาษาไทย โควตา มช
01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทย
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
Pat 5
Thai onet[1]
ข้อสอบ O-NET ภาษาไทย
5.thai o-net-m6-49

1. ข้อสอบ o net ภาษาไทย (มัธยมต้น)

  • 1. 1 ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-Net วิชา ภาษาไทย ม.ต้น คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. กำรใช้ระดับเสียงให้มีควำมแตกต่ำงกันในขณะที่อ่ำน มีประโยชน์ต่อกำรอ่ำนเนื้อหำสำระในข้อใดมำก ที่สุด 1. นิทำน 2. ปำฐกถำ 3. แถลงกำรณ์ 4. พระบรมรำโชวำท 2. ประโยคในข้อใดอ่ำนออกเสียงไม้ยมกแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. เธอเห็นลูกแมวตัวสีดำ ๆ วิ่งมำทำงนี้บ้ำงหรือไม่ 2. เด็กตัวเล็ก ๆ เมื่อตะกี้ เป็นหลำนชำยของฉันเอง 3. ในวันหนึ่ง ๆ ป้ ำแกต้องอำบเหงื่อต่ำงน้ำหำบของไปขำยทุกวัน 4. ทุก ๆ วัน แถวนี้จะเต็มไปด้วยรถนำนำชนิดที่ทำให้กำรจรำจรคับคั่ง 3. ข้อควำมใดแบ่งจังหวะวรรคตอนในกำรอ่ำนได้ถูกต้อง 1. มีคน/จำนวนไม่น้อย/เชื่อว่ำควำมตำยเป็นสิ่งที่จัดกำรได้//จัดกำรในที่นี้หมำยถึง/ 2. เรำเชื่อว่ำ/ทุกอย่ำงจัดกำรได้/เพรำะเรำมีเทคโนโลยี/เรำมีเงิน/เรำมีควำมรู้/เรำจึงมั่นใจว่ำ/เรำสำมำรถ จัดกำร/สิ่งต่ำงๆ ได้ 3. เรำสำมำรถจัดกำรธรรมชำติ/เรำสำมำรถจัดกำรสังคม/และเรำเชื่อว่ำ/เรำสำมำรถจัดกำรร่ำงกำยของเรำ ได้ 4. โฆษณำทุกวันนี้/บอกเรำว่ำทุกอย่ำงจัดกำรได้//เรำจึงเชื่อจริงๆ ว่ำ/ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จัดกำรไม่ได้/ รวมทั้งควำมตำย 4. ข้อใดไม่มีควำมเกี่ยวข้องกับกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ 1. กำรจับใจควำมสำคัญเป็นทักษะเบื้องต้นของกำรรับสำร 2. ใจควำมสำคัญคือควำมคิดสำคัญหรือประเด็นสำคัญของเรื่อง 3. กำรจับใจควำมสำคัญสำมำรถทำได้ทั้งกำรรับสำรด้วยกำรอ่ำนและกำรฟัง 4. กำรจับใจควำมสำคัญด้วยกำรฟังไม่จำเป็นต้องเตรียมควำมพร้อมก่อนกำรฟัง
  • 2. 2 5. “ท้องฟ้ำมีอยู่แบบท้องฟ้ำ ก้อนเมฆลอยอยู่แบบก้อนเมฆ พระอำทิตย์สำดแสงในแบบของพระอำทิตย์ นกร้องแบบที่มันร้อง ดอกไม้สวยงำมเป็นธรรมชำติของดอกไม้ลมพัดเพรำะมันคือลม หอยทำกเดินช้ำ อย่ำงที่หอยทำกเป็น เหมือนธรรมชำติกำลังกระซิบบอกฉันว่ำมันเพียงเป็นของมันอย่ำงนั้น มันไม่ร้องขอ ฉันจะมองเห็นมัน หรือไม่เห็นมัน มันไม่เรียกร้องให้ต้องชื่นชม ต้องแลกเปลี่ยน ต้องขอบคุณ เป็นของ มันอย่ำงนั้น ไม่ได้ต้องกำรอะไร มันเพียงแต่เป็นไป ทุกอย่ำงเป็นธรรมชำติของมัน” ใจควำมสำคัญของ ข้อควำมนี้ตรงกับข้อใด 1. ธรรมชำติไม่เคยสนใจมนุษย์ 2. ธรรมชำติไม่เคยเรียกร้องอะไรจำกมนุษย์ 3. ธรรมชำติไม่ต้องกำรคำชื่นชมจำกมนุษย์ 4. ทุกอย่ำงที่เป็นธรรมชำติ ล้วนมีควำมสวยงำม 6. คำในข้อใดมีควำมหมำยอ้อม 1. น้ำมำปลำกินมด น้ำลดมดกินปลำ 2. อันอ้อยตำลหวำนลิ้นแล้วสิ้นซำก แต่ลมปำกหวำนหูไม่รู้หำย 3. โบรำณว่ำถ้ำเหลือกำลังลำก ให้ออกปำกบอกแขกช่วยแบกหำม 4. ถึงเถำวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน 7. ข้อใดสำคัญที่สุดในกำรเขียนกรอบควำมคิด 1. กำรจับใจควำมสำคัญ 2. กำรลำกเส้นโยงนำควำมคิด 3. กำรกำหนดรูปแบบในกำรนำเสนอ 4. กำรใช้ภำพหรือสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้อง 8. “คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัว ยังคงอยำกได้อะไรที่มำกขึ้น ๆ ไม่ว่ำจะเป็นเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียงหรือ ควำมรัก และก็มักจะไม่ได้ดังใจนึก ควำมทุกข์ก็ยิ่งมำกขึ้นตำมวัยที่มำกขึ้นด้วย” ใจควำมสำคัญของ ข้อควำมนี้ตรงกับข้อใด 1. ควำมอยำกของมนุษย์เพิ่มตำมอำยุ 2. คนเรำเมื่ออำยุมำกขึ้น ควำมต้องกำรจะเพิ่มมำกขึ้น 3. ถ้ำมนุษย์อยำกได้ไม่มีที่สิ้นสุด ก็จะยิ่งมีแต่ควำมทุกข์ 4. ควำมทุกข์ของมนุษย์เกิดจำกควำมต้องกำรในทรัพย์สิน เงินทอง 9. ข้อใดให้ควำมหมำยของคำว่ำ “วิเคราะห์” ได้ถูกต้องที่สุด 1. พิจำรณำควำมหมำยแฝงเร้นของเรื่อง 2. พิจำรณำเจตนำหรือแนวคิดสำคัญของเรื่อง 3. พิจำรณำย่อหน้ำเพื่อจับสำระสำคัญของเรื่อง 4. พิจำรณำแยกแยะองค์ประกอบแต่ละส่วนภำยในเรื่อง
  • 3. 3 10. “ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ บำรุงรักกำยไว้ให้เป็นผล สงวนงำมตำมระบอบไม่ชอบกล จึงจะพ้นภัยพำลกำรนินทำ” ข้อคิดที่ได้รับจำกบทร้อยกรองข้ำงต้นตรงกับข้อใด 1. เป็นผู้หญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว 2. เป็นผู้หญิงต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว 3. เป็นผู้หญิงต้องงดเว้นกำรนินทำว่ำร้ำย 4. เป็นผู้หญิงต้องแต่งกำยให้เหมำะสมกับกำลเทศะ 11. ข้อใดเป็นวิธีกำรอ่ำนตีควำมร้อยกรอง 1. ตีควำมจำกสำระสำคัญของเรื่อง 2. ตีควำมถ้อยคำโดยพิจำรณำจำกบริบท 3. ตีควำมข้อควำมโดยเปรียบเทียบสำนวนโวหำรที่ใช้ 4. ตีควำมโดยทำควำมเข้ำใจเรื่องภำษำภำพพจน์ที่ใช้ในงำนเขียน 12. ข้อใดเรียงลำดับถูกต้อง 1. เล่ำเรื่อง วิเครำะห์เรื่อง กล่ำวถึงบริบท บอกจุดมุ่งหมำย ประเมินค่ำ 2. เล่ำเรื่อง บอกจุดมุ่งหมำย วิเครำะห์เรื่อง กล่ำวถึงบริบท ประเมินค่ำ 3. เล่ำเรื่อง กล่ำวถึงบริบท บอกจุดมุ่งหมำย วิเครำะห์เรื่อง ประเมินค่ำ 4. เล่ำเรื่อง วิเครำะห์เรื่อง กล่ำวถึงบริบท บอกจุดมุ่งหมำย ประเมินค่ำ 13. กำรอ่ำนวินิจสำรมีควำมลึกซึ้งแตกต่ำงจำกกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญในประเด็นใด 1. กำรสรุปเนื้อหำ 2. กำรบอกประเภท 3. กำรประเมินคุณค่ำ 4. กำรบอกองค์ประกอบ 14. ข้อใดปรำกฏคำที่มีควำมหมำยโดยนัย 1. ปฐมพงษ์เดินไปที่ห้องครัวแล้วลื่นล้มเตะแก้วแตก 2. กระโปรงตัวนี้ตัดเย็บสวยเตะตำฉันจริง ๆ เชียว! เธอ 3. โด่งซ้อมเตะฟุตบอลที่สนำมกีฬำของโรงเรียนทุก ๆ เย็น 4. จ้อยเตะสุนัขที่กำลังจะเดินตรงเข้ำมำกัดที่โคนขำของเขำ 15. จุดประสงค์สำคัญที่สุดของกำรคัดลำยมือตรงกับข้อใด 1. ฝึกฝนสมำธิให้แก่ตนเอง 2. ฝึกฝนควำมเพียรพยำยำมให้แก่ตนเอง 3. เพื่อสร้ำงมำตรฐำนเกี่ยวกับรูปแบบตัวอักษรไทย 4. เพื่อสร้ำงควำมภำคภูมิใจให้เกิดขึ้นแก่คนในชำติ
  • 4. 4 16. กำรระบุว่ำข้อควำมหนึ่ง ๆ คัดด้วยอักษรรูปแบบใด ข้อใดคือจุดสังเกตสำคัญ 1. กำรเว้นช่องไฟ 2. โครงสร้ำงของตัวอักษร 3. กำรลงน้ำหนักมือบนตัวอักษร 4. ควำมเสมอต้นเสมอปลำยของตัวอักษร 17. ลำยมือที่ไม่ชัดเจนเป็นผลเสียอย่ำงไร 1. ทำให้งำนเขียนไม่น่ำสนใจ 2. ทำให้วิเครำะห์ผลงำนไม่ได้ 3. ทำให้เกิดอุปสรรคในกำรสื่อสำร 4. ทำให้สื่อสำรไม่ตรงวัตถุประสงค์ 18. รูปประโยคต่อไปนี้ข้อใดถูกต้อง 1. เขำทำอะไรเก้งก้ำงไม่ทันกิน 2. ตำรวจกำลังซักฟอกผู้ต้องหำ 3. พจน์ร้องเพลงเสียงหวำนปำนนกกำรเวก 4. ออมเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่ 19. “ชุ่มคอโดนใจ” เป็นงำนเขียนประเภทใด 1. คำคม 2. คำขวัญ 3. โฆษณำ 4. คำแนะนำ 20. ถ้ำต้องเขียนจดหมำยเรียนเชิญวิทยำกรมำบรรยำยในหัวข้อที่กำหนด ภำษำที่ใช้ในกำรเขียน ควรมี ลักษณะอย่ำงไร 1. ข้อควำมสั้นกะทัดรัด ไม่เยิ่นเย้อ 2. ใช้ภำษำฟุ่มเฟือย แต่อ่ำนเข้ำใจง่ำย 3. ภำษำแบบแผน ใช้ศัพท์วิชำกำรสูงๆ 4. ภำษำกึ่งแบบแผนหรือแบบแผน สร้ำงควำมประทับใจให้ผู้รับเชิญยินดีทำตำมคำขอ 21. ข้อใดเป็นกำรเขียนอวยพร 1. จงเชื่อในควำมดี 2. ขอให้มีควำมสุข 3. ซ่ำโดนใจ 4. จงทำดี
  • 5. 5 22. กำรเขียนเรียงควำมเรื่อง “กล้วยพันธุ์ไม้สำรพัดประโยชน์” โครงเรื่องข้อใดจำเป็นน้อยที่สุด 1. ลักษณะของกล้วย 2. ประเภทของกล้วย 3. ประโยชน์ของกล้วย 4. ควำมเชื่อเกี่ยวกับกล้วย 23. ข้อใดที่ต้องเขียนให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของโครงงำน 1. ข้อเสนอแนะ 2. ที่มำของโครงงำน 3. สรุปและอภิปรำยผล 4. ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ 24. หำกมีข้อมูลเกี่ยวกับอำชีพของคนในท้องถิ่น ควรเลือกจัดทำโครงงำนประเภทใด 1. ทฤษฎี 2. สำรวจ 3. ทดลอง 4. ประดิษฐ์ 25. บุคคลใดมีมำรยำทในกำรเขียนที่ไม่เหมำะสม 1. สุมิตรำใช้ถ้อยคำที่สุภำพ ไพเรำะในกำรเขียนสื่อสำร 2. แก้วตำเขียนสื่อสำรโดยใช้ถ้อยคำสุภำพ เหมำะสมกับระดับของผู้อ่ำน 3. สมปรำรถนำค้นคว้ำข้อมูลอย่ำงรอบด้ำนและหลำกหลำยก่อนลงมือเขียน 4. ลีลำศึกษำงำนเขียนของผู้อื่น แล้วลงมือเขียนโดยคัดลอกข้อควำมนั้นๆ มำ เพื่อแสดงหลักฐำน กำรค้นคว้ำ 26. ข้อควรปฏิบัติในกำรเขียนโต้แย้งตรงกับข้อใด 1. กำรจับใจควำมสำคัญ 2. กำรใช้ภำษำในกำรถ่ำยทอด 3. กำรกำหนดขอบเขตประเด็น 4. แสดงข้อบกพร่องทรรศนะของอีกฝ่ำย 27. บุคคลใดให้ข้อมูลสำหรับกำรเขียนแนะนำตนเองได้เหมำะสมน้อยที่สุด 1. วรำภรณ์บอกชื่อ-นำมสกุล ชื่อเล่น อำยุ ของตนเองให้เพื่อนๆ ฟัง 2. ไมตรีบอกอุปนิสัยส่วนตัวและงำนอดิเรกที่ชอบทำหำกมีเวลำว่ำง 3. นวียำบอกสถำนภำพทำงเศรษฐกิจของครอบครัวที่ประสบผลสำเร็จ จำกธุรกิจส่งออก 4. ปฐมพงษ์บอกอำชีพของบิดำ มำรดำ และสำเหตุที่ต้องย้ำยจำกโรงเรียนเดิม
  • 6. 6 28. อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้ แล้วระบุว่ำเป็นกำรเขียนที่มีวัตถุประสงค์อย่ำงไร “มะรุมจอมพลัง คนเรำรู้จักใช้มะรุมเป็นยำรักษำโรคผิวหนัง โรคทำงเดินหำยใจ โรคระบบทำงเดิน อำหำร และโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ มำนำนหลำยร้อยปีแล้ว อีกทั้งปัจจุบันยังได้รับกำรกล่ำวขวัญถึงว่ำ อำจ เป็นทำงออกหนึ่งในกำรรับมือกับควำมอดอยำกและภำวะทุพโภชนำกำร พืชทนแล้งที่เติบโตเร็วในอัตรำ สูงถึง 3.6 เมตรต่อปี ชนิดนี้มีใบอุดมไปด้วยวิตำมินและเกลือแร่” 1. กำรเขียนโน้มน้ำวให้เชื่อ 2. กำรเขียนเพื่อให้ควำมบันเทิง 3. กำรเขียนเพื่อให้ควำมรู้ 4. กำรเขียนเพื่อชี้แจง 29. ข้อใดมีควำมเกี่ยวข้องกับศิลปะกำรเขียนเรียงควำมน้อยที่สุด 1. กำรเลือกใช้ถ้อยคำเพื่อสร้ำงลีลำกำรเขียนของตนเอง 2. กำรเขียนข้อควำมในแต่ละส่วนให้มีควำมสัมพันธ์สอดคล้องกัน 3. กำรเลือกใช้ถ้อยคำที่มีควำมกระชับ ชัดเจน สื่อควำมตรงไปตรงมำ 4. ควรวำงโครงเรื่องเพื่อให้กำรจัดลำดับควำมคิดในกำรนำเสนอเป็นไปโดยสมบูรณ์ 30. กำรอ่ำนในข้อใดที่ไม่ควรใช้หลักกำรย่อควำม 1. กำรอ่ำนโฆษณำจำกหนังสือพิมพ์ 2. กำรอ่ำนสำรคดีเชิงท่องเที่ยวจำกจุลสำร 3. กำรอ่ำนบทควำมเชิงอนุรักษ์จำกนิตยสำร 4. กำรอ่ำนขั้นตอนกำรประดิษฐ์จำกนิตยสำรรำยปักษ์ 31. บุคคลใดต่อไปนี้ใช้วิธีกำรอ่ำนเพื่อย่อควำมได้ถูกต้อง 1. บุปผำใช้วิธีกำรอ่ำนไปย่อไปเพื่อควำมรวดเร็ว 2. มำลีอ่ำนเฉพำะย่อหน้ำสุดท้ำยเพื่อให้จับใจควำมสำคัญได้ 3. นำรีอ่ำนเนื้อเรื่องให้เข้ำใจโดยตลอดจนจบก่อนลงมือย่อควำม 4. ช่อผกำอ่ำนเฉพำะหัวข้อใหญ่แล้วนำมำเรียบเรียงเป็นใจควำมสำคัญ 32. ข้อใดจัดเป็นจดหมำยกิจธุระ 1. จดหมำยถึงไก่เพื่อนรัก 2. จดหมำยถึงพ่อและแม่ 3. จดหมำยขอควำมช่วยเหลือจำกคุณป้ ำ 4. จดหมำยสอบถำมกำรรับสมัครนักเรียนฝึกงำน
  • 7. 7 33. ระยะของกำรปฏิบัติโครงงำนที่มีควำมเหมำะสมและถูกต้องตรงกับข้อใด 1. ขั้นออกแบบ ขั้นลงมือ และรำยงำนผล ขั้นติดตำมผล 2. ขั้นออกแบบและเขียนเค้ำโครง ขั้นลงมือ ขั้นรำยงำนผล 3. ขั้นออกแบบ ขั้นเขียนเค้ำโครง ขั้นลงมือ ขั้นแก้ปัญหำ ขั้นรำยงำนผล 4. ขั้นออกแบบ ขั้นเขียนเค้ำโครง ขั้นลงมือ และแก้ปัญหำ ขั้นรำยงำนผล 34. ข้อใดไม่ใช่วิธีที่เหมำะสมสำหรับกำรสืบค้นข้อมูล เพื่อนำมำทำรำยงำนและโครงงำนเชิงวิชำกำร 1. อ่ำนหนังสือ 2. กำรสำรวจ 3. กำรสร้ำงแบบสอบถำม 4. กำรตัดต่อจำกข้อมูลของผู้อื่น 35. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะสำคัญของกำรเขียนวิเครำะห์วิจำรณ์ได้ถูกต้องที่สุด 1. เป็นกระบวนกำรเขียนเพื่อแสดงควำมรู้ของผู้เขียน 2. เป็นกระบวนกำรเขียนเพื่อทำให้ผู้อ่ำนเกิดอำรมณ์ควำมรู้สึกคล้อยตำม 3. เป็นกระบวนกำรเรียบเรียงเนื้อหำสำระที่ได้จำกกำรศึกษำในประเด็นหนึ่ง ๆ 4. เป็นกระบวนกำรเขียนเพื่อแสดงควำมคิดเห็น โดยชี้ให้เห็นทั้งข้อดี และข้อด้อย 36. พฤติกรรมกำรแสดงควำมคิดเห็นของบุคคลที่กำหนดให้ต่อไปนี้ ใครแสดงควำมคิดเห็นได้เหมำะสม ที่สุด 1. พรแสดงควำมคิดเห็นในเรื่องส่วนตัวของกุ้ง 2. หน่อยแสดงควำมคิดเห็นต่อควำมเชื่อของน้อย 3. นิดแสดงควำมคิดเห็นโดยยึดเหตุผลของตนเองเป็นใหญ่ 4. แป้ งแสดงควำมคิดเห็นต่อข่ำวอำชญำกรรมที่อ่ำนจำกหนังสือพิมพ์ 37. พำดหัวข่ำวในข้อใดใช้ภำษำเพื่อกำรแสดงควำมคิดเห็น 1. รอนนี่ ชำน พ่อพระ นักอสังหำฯ 2. เชียงรำย…ตกหนัก คร่ำชีวิตหญิงชรำ 76 3. ด้วยคะแนน 2 ต่อ 1 เชต วอลเล่ย์บอลสำวไทย 4. ถึงไทยแล้ว…โรคมือ เท้ำ ปำก สธ.หำทำงป้ องกัน 38. บุคคลใดต่อไปนี้มีลักษณะของผู้ฟังและดูที่ดี 1. มำลีจะตั้งจุดมุ่งหมำยก่อนกำรฟังและดูทุกครั้ง 2. สมพิศไม่ชอบผู้ดำเนินรำยกำรท่ำนนี้จึงไม่รับชมรำยกำร 3. สมปองฟังสมชำยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกล่ำวหำสมศรี แล้วเชื่อทันที 4. สมพงศ์ไม่ได้จดบันทึกกำรฟังบรรยำยของวิทยำกรเพรำะคิดว่ำตนเองมีควำมจำที่ดี
  • 8. 8 39. พิจำรณำพฤติกรรมของบุคคลที่กำหนดให้ อนุมำนว่ำบุคคลใดน่ำจะประสบผลสำเร็จในกำรฟังมำกที่สุด 1. กุ๊กเสียบหูฟังข้ำงหนึ่งเพื่อฟังเพลงจำกคลื่นวิทยุขณะฟังอภิปรำย 2. กรณ์สนทนำกับกันต์เกี่ยวกับประเด็นกำรอภิปรำยที่พึ่งผ่ำนไปขณะฟัง 3. ไก่ฟังกำรอภิปรำยอย่ำงตั้งใจแต่ไม่สำมำรถจับใจควำมสำคัญของเรื่องได้ 4. แก้วบันทึกเสียงของผู้อภิปรำยขณะฟังกำรอภิปรำย แล้วนำไปเปิดฟังอีกครั้งหนึ่งที่บ้ำน เพื่อสรุป สำระสำคัญลงในแบบบันทึกกำรฟัง 40. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะของกำรพูดที่ดีได้ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด 1. พูดแล้วขัดแย้ง 2. พูดโดยใช้อำรมณ์ 3. พูดแล้วผู้ฟังมีควำมสุข 4. พูดแล้วบรรลุวัตถุประสงค์ 41. บุคคลใดต่อไปนี้น่ำจะประสบผลสำเร็จในกำรพูดเพื่อโน้มน้ำวใจมำกที่สุด 1. ปรำนีใช้ถ้อยคำเพื่อแสดงควำมรู้สึกของตนเอง 2. บรรจงใช้ถ้อยคำเพื่อส่งผ่ำนควำมปรำรถนำดีไปยังผู้ฟัง 3. เสำวลักษณ์ใช้ถ้อยคำเพื่อแสดงควำมคิดเห็นของตนเอง 4. รุ่งโรจน์ใช้ถ้อยคำเพื่อทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ำเขำเข้ำใจควำมรู้สึกของผู้ฟัง 42. สถำนกำรณ์ใดแสดงว่ำบุคคลผู้นั้นปรำศจำกแนวทำงกำรฟังเพื่อจับใจควำมสำคัญ 1. นำรีหำข้อมูลเตรียมพร้อมเพื่อฟังกำรสัมมนำประชำคมอำเซียน 2. สมยศจดบันทึกสำระสำคัญที่ได้จำกกำรฟังสัมมนำเรื่องประชำคมอำเซียน 3. ขณะที่ฟังกำรสัมมนำประชำคมอำเซียน มนตรีหันไปสนทนำกับสนธยำเกี่ยวกับประเด็นที่เพิ่งผ่ำนไป 4. ขณะที่ฟังกำรสัมมนำประชำคมอำเซียน อรทัยคิดตั้งคำถำมกับตนเองเกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง 43. บุคคลในข้อใดมีควำมสำมำรถในกำรควบคุมอำรมณ์ของตนในขณะที่พูด 1. โดมไม่เสียดสีผู้อื่น 2. ดอนยิ้มแย้มแจ่มใสทักทำยผู้ฟัง 3. โด่งไม่นำเรื่องของผู้อื่นมำเปิดเผย 4. ดอมไม่โต้ตอบเมื่อมีผู้ทักท้วงในขณะที่พูด 44. ข้อใดเรียงลำดับขั้นตอนของกำรพูดเพื่อโน้มน้ำวใจได้ถูกต้อง 1. ฟัง เชื่อ เห็นคุณค่ำ ทำตำม 2. เชื่อ ฟัง เห็นคุณค่ำ ทำตำม 3. ฟัง เชื่อ ทำตำม เห็นคุณค่ำ 4. เชื่อ ฟัง ทำตำม เห็นคุณค่ำ
  • 9. 9 45. ลักษณะสำคัญของกำรพูดอภิปรำยตรงกับข้อใด 1. กำรพูดแสดงควำมคิดเห็น 2. กำรพูดเพื่อวำงแผนปฏิบัติงำน 3. กำรพูดเพื่อเผยแพร่ควำมคิดเห็น 4. กำรพูดแลกเปลี่ยนควำมรู้ควำมคิด 46. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะของกำรโต้วำทีที่ดีได้ถูกต้อง 1. ให้ควำมรู้ 2. ให้ควำมเพลิดเพลิน 3. ให้ควำมรู้และควำมบันเทิง 4. ให้ควำมสำมำรถในกำรคิดวิเครำะห์ 47. พฤติกรรมในข้อใดควรกระทำเมื่อต้องพูดรำยงำนเชิงวิชำกำร 1. ประมวลใช้ถ้อยคำที่แฝงมุกตลกขบขัน 2. ประณมใช้ถ้อยคำแสดงควำมเป็นกันเองกับผู้ฟัง 3. ประไพใช้ถ้อยคำเพื่อเร้ำอำรมณ์ควำมรู้สึกของผู้ฟัง 4. ประพิศใช้ถ้อยคำที่เป็นทำงกำร กระชับ เข้ำใจง่ำย 48. ประโยคในข้อใดปรำกฏสระลดรูปมำกที่สุด 1. ดำเป็นคนสะอำดและทำงำนเรียบร้อย 2. แดงเป็นคนขยันเขำทำขนมขำยทุกวัน 3. ส้มเป็นคนรวยและมักจะสวมเสื้อผ้ำสวย ๆ 4. เขียวเป็นคนนิ่งเฉยและปล่อยให้เวลำผ่ำนเลย 49. ประโยคใดมีเสียงพยัญชนะควบกล้ำมำกที่สุด 1. อย่ำเล่นสนุกสนำนครื้นเครงบนซำกปรักหักพัง 2. ครอบครัวนี้รวมพลังสู้ผีพรำยในนิทำนปรัมปรำ 3. เหล่ำวัวควำยเดินกินน้ำบริเวณหนองน้ำใกล้ทุ่งนำ 4. นกปรอดสีขำวบินปร๋อบนท้องฟ้ำเวลำยำมเย็น 50. คำในข้อใดมีเสียงวรรณยุกต์ตรงกับคำว่ำ “น้ำแข็ง” ทั้งสองคำ 1. ปลำเค็ม น้ำใจ 2. น้ำปลำ ม้ำน้ำ 3. น้ำสำว ล้ำงขำ 4. ปลำทู ไหมฝัน
  • 10. 10 51. คำประสมในข้อใดประกอบขึ้นจำกคำชนิดเดียวกันทุกคำ 1. น้ำปลำ ไก่ชน น้ำแข็ง 2. ตำขำว มดแดง ดอกฟ้ำ 3. บัตรเติมเงิน แปรงสีฟัน ใบขับขี่ 4. ปำกนกกระจอก รถไฟฟ้ำ เด็กหลอดแก้ว 52. คำซ้อนในข้อใดมีวิธีกำรประกอบรูปคำเหมือนกัน 1. อ้วนพี ดูแล รุ่งริ่ง 2. ยำกง่ำย เสื่อสำด จิตใจ 3. จิตใจ บ้ำนเรือน เสื่อสำด 4. บ้ำนเรือน ถ้วยชำม ถำกถำง 53. รูปประโยคใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. สมพลเป็นคนซุ่มซ่ำมมักเดินชนสิ่งของต่ำงๆ อยู่เป็นประจำ 2. สมภพฟังเรื่องที่สมเกียรติเล่ำแล้วหัวเรำะจนน้ำหูน้ำตำไหล 3. สมชำยมักถูกหัวหน้ำงำนตำหนิติเตียนเสมอเรื่องเวลำเข้ำงำน 4. สมสมรจัดข้ำวของที่กระจัดกระจำยอยู่เต็มพื้นห้องให้เรียบร้อย 54. ข้อใดเป็นคำสมำสสร้ำงทุกคำ 1. สรรพำวุธ สันติภำพ ชีวเคมี 2. เทพเจ้ำ เคมีภัณฑ์ ทุนทรัพย์ 3. ภัตตำคำร โยธวำทิต ทรัพยำกร 4. ทรัพยำกร ประชำชน กำลเวลำ 55. คำสมำสในข้อใดอ่ำนออกเสียงต่ำงจำกข้ออื่น 1. เอกชอบเรียนวิชำกำยวิภำคศำสตร์ 2. ฟ้ำผ่ำเป็นปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติ 3. แพทยสภำเป็นหน่วยงำนทำงรำชกำร 4. พสกนิกรชำวไทยเฝ้ำฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ 56. ข้อใดเป็นคำสมำสที่มีสนธิทุกคำ 1. สุโขทัย ปรมำณู ยุทธภูมิ 2. จิตรกรรม ปรมำณู สวัสดิภำพ 3. จิตรกรรม กรณียกิจ สวัสดิภำพ 4. สุโขทัย พฤษภำคม แสนยำนุภำพ
  • 11. 11 57. คำในข้อใดเป็นคำไทยแท้ทุกคำ 1. เฆี่ยน ขจี กุศล 2. กีฬำ กรีฑำ ปฏิวัติ 3. เผด็จ กระจำย ก๋วยเตี๋ยว 4. มะขำม กระถิน กระโจน 58. คำในข้อใดเป็นคำที่ยืมมำจำกภำษำสันสกฤต 1. อัชฌำสัย 2. พฤกษำ 3. บรรทัด 4. อิจฉำ 59. คำในข้อใดเป็นคำที่ยืมมำจำกภำษำเขมร 1. บูรณะ 2. มรกต 3. เพชร 4. เพลิง 60. กำรประกอบศัพท์บัญญัติจะใช้คำในข้อใดมำประกอบ 1. ภำษำอังกฤษ 2. ภำษำชวำ-มลำยู 3. ภำษำบำลี สันสกฤต 4. ภำษำจีนและอังกฤษ 61. คำทับศัพท์มีลักษณะสำคัญอย่ำงไร 1. ยืมมำใช้โดยไม่มีกำรปรับปรุงแก้ไข 2. ยืมมำปรับเปลี่ยนโครงสร้ำงของคำ 3. ยืมมำปรับเปลี่ยนวิธีกำรออกเสียง 4. ยืมมำปรับเปลี่ยนควำมหมำย 62. คำนำมในข้อใดต่อไปนี้ทำหน้ำที่ต่ำงจำกข้ออื่น 1. หนังสือเล่มนี้มีแต่คนสนใจ 2. เขำขอบอ่ำนหนังสือเล่มนี้มำกที่สุด 3. หนังสือชุดนี้พวกเขำเหล่ำนั้นชอบมำก 4. หนังสือเล่มนี้น่ำสนใจเพรำะเป็นเรื่องที่ดีมำก
  • 12. 12 63. ประโยคในข้อใดไม่ปรำกฏคำสมุหนำมหรือคำนำมที่บอกควำมเป็นหมู่เป็นพวก 1. คณะนักเรียนโรงเรียนบ้ำนรีวิทยำไปทัศนศึกษำ 2. ฝูงโลมำว่ำยมำเกยตื้นบริเวณปำกอ่ำวไทย 3. กองหนังสือวำงอยู่บนโต๊ะในห้องสมุด 4. ชำวนำต้องกำรสวิงหำปลำหลำยปำก 64. “เขำปลูกต้นก้ำมปูไว้ทำงทิศตะวันตก เพื่อให้มันบังแดดตอนบ่ำย” คำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำชนิดใด และทำ หน้ำที่ใดในประโยค 1. เป็นคำสรรพนำม ทำหน้ำที่เชื่อมประโยค 2. เป็นคำสรรพนำม ทำหน้ำที่บอกควำมชี้เฉพำะ 3. เป็นคำลักษณนำม ทำหน้ำที่บอกลักษณะของคำนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ 4. เป็นคำสรรพนำม ทำหน้ำที่แทนกรรมของประโยคเมื่อมีกำรกล่ำวซ้ำ 65. ข้อใดใช้คำบุพบทถูกต้อง 1. เรำทุกคนมั่นใจต่อมติที่ประชุม 2. น้องตั้งใจเรียนเพรำะอนำคตของตนเอง 3. เรำกล่ำวคำสรรเสริญแก่พระผู้มีพระภำคเจ้ำ 4. นิสิตต้องยื่นคำร้องต่อมหำวิทยำลัยเมื่อต้องกำรเปลี่ยนวิชำ 66. ข้อควำมใดเป็นประโยค 1. พ่อเหนื่อย 2. ท่ำนผู้มีเกียรติทั้งหลำย 3. คนไทยรุ่นใหม่ในทศวรรษนี้ 4. พวกเรำนักเรียนโรงเรียนวัดไทรย้อย 67. ประโยคในข้อใดมีโครงสร้ำงภำยในแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. ปรีชำกินอำหำรซึ่งแม่ของเขำเป็นคนปรุง 2. ที่เขำทำมำทั้งหมดไม่มีควำมหมำยกับใครเลย 3. เสื้อที่พีระสวมอยู่ตัดเย็บโดยช่ำงประจำตัวของเขำ 4. ลำดวนซื้อพวงมำลัยซึ่งขำยอยู่ที่สี่แยกมไหสวรรย์ 68. ข้อใดคือส่วนประกอบของประโยคสำมัญ 1. ประธำน คำเชื่อม 2. ประธำน กริยำ 3. ประธำน 4. กริยำ
  • 13. 13 69. “คุณพ่อบอกลูกๆ ว่าทุกคนต้องเข้มแข็งอดทนร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจนยากที่ จะแก้ไขได้” ข้อควำมนี้เป็นประโยคชนิดใด 1. ประโยคซ้อน 2. ประโยครวมที่ซับซ้อน 3. ประโยคซ้อนที่ซับซ้อน 4. ประโยคสำมัญที่ซับซ้อน 70. ข้อใดเป็นคำสรรพนำมบุรุษที่ ๒ ที่ต้องใช้เมื่อสนทนำกับสมเด็จพระรำชำคณะ 1. พระคุณเจ้ำ 2. ท่ำนพระเดช 3. ท่ำนเจ้ำประคุณ 4. พระเดชพระคุณ 71. ข้อใดเป็นลักษณะเด่นเฉพำะของภำษำพูด 1. มีควำมเคร่งครัดในเรื่องไวยำกรณ์ 2. ใช้ประโยคที่ซับซ้อนในกำรสื่อสำร 3. ใช้ประโยคที่ละประธำนในกำรสื่อสำร 4. มักขึ้นต้นประโยคโดยกำรใช้คำนำมธรรม 72. บุคคลใดใช้พลังของภำษำไปในเชิงสร้ำงสรรค์ 1. วิชิตพูดโน้มน้ำวให้อมรชัยทำกำรบ้ำนให้แก่ตนเอง 2. ภำณุพูดโน้มน้ำวใจเพื่อให้ผู้ฟังเกิดควำมรู้สึกแบ่งฝักแบ่งฝ่ำย 3. จันทรพูดโน้มน้ำวให้สมใจเข้ำใจผิดกับกัลยำ เพรำะจันทรไม่ชอบกัลยำ 4. สมภพพูดให้คนในชุมชนร่วมมือกันทำแนวกระสอบทรำยป้ องกันน้ำท่วม 73. ข้อใดประกอบคำรำชำศัพท์เพื่อใช้สื่อสำรได้ถูกต้อง 1. พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวทรงโปรดกำรถ่ำยรูปด้วยพระองค์เอง 2. สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ เสด็จพระรำชดำเนินต่ำงประเทศ 3. สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ เสด็จพระรำชสมภพเมื่อวันที่ 2 เมษำยน 2498 4. สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ ทรงมีพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้ข้ำรำชกำรเข้ำเฝ้ำทูลละอองธุลีพระบำท 74. คำรำชำศัพท์ในข้อใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. พระกรำม 2. พระหัตถ์ 3. พระบรมรำโชวำท 4. พระบรมรำชชนนี
  • 14. 14 75. ข้อใดเรียงลำดับหมำยเลขของคำที่ต้องเติมลงในช่องว่ำงได้ถูกต้อง 1. ร้อง 2. สักวำ 3. แสงดำว 4. หมอง …….ดำวจระเข้ก็เหหก ศีรษะตกหันหำงขึ้นกลำงหำว เป็นคืนแรมแจ่มแจ้งด้วย……. น้ำค้ำงพรำวปรำยโปรยโรยละออง ลมเรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉิวต้องผิวเนื้อ ควำมหนำวเหลือทำนทนกมล……. สกุณำดุเหว่ำก็เร่ำ……. ดูแสงทองจับฟ้ำขอลำเอย 1. 2 4 1 3 2. 2 3 1 4 3. 2 3 4 1 4. 2 4 3 1 76. ข้อใดมีควำมเกี่ยวข้องกับกำรแต่งบทร้อยกรองน้อยที่สุด 1. ฉันทลักษณ์ 2. บรรยำกำศ 3. กำรเลือกสรรคำ 4. แนวคิดและจินตนำกำร 77. ตำแหน่งคำเอกในกำรแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภำพ สำมำรถใช้คำชนิดใดแทนได้ 1. ครุ 2. ลหุ 3. คำเป็น 4. คำตำย 78. คำในตัวเลือกใดเหมำะสมที่จะนำมำเติมในช่องว่ำงทั้ง 2 คำ เรื่อยเรื่อยมำเรียงเรียง นกบิน…….ไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมำพลัด……. เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดำย 1. เอียง, เฉียง 2. พลัน, ครัน 3. เฉียง, คู่ 4. เรียง, บ้ำน
  • 15. 15 79. ข้อใดถูกต้องเมื่อต้องนำวรรคที่กำหนดให้ต่อไปนี้เติมลงในช่องว่ำง (1) และ (2) ตำมลำดับ ก. ควรหลีกหลบให้จงดี ข. พลำดพลั้งอำจเสียที ค. ทำให้จิตคิดหรรษำ ง. ควรคบกับบัณฑิต คนพำลไม่ควรคบ ……….(1) ………. ……….(2) ………. ไม่มีสุขทุกข์ตำมมำ 1. ก. และ ง. 2. ข. และ ค. 3. ก. และ ข. 4. ค. และ ง. 80. คน “………………..” จะใช้จ่ำยต้องระมัดระวัง ควรเติมสำนวนในข้อใดลงในช่องว่ำงจึงจะเหมำะสม ที่สุด 1. เบี้ยหวัดน้อย 2. ยำกจนข้นแค้น 3. เบี้ยน้อยหอยน้อย 4. ชักหน้ำไม่ถึงหลัง 81. ข้อใดไม่มีกำรเสนอแนวคิด 1. ก้ำนบัวบอกลึกตื้น ชลธำร มรรยำทส่อสันดำน ชำติเชื้อ 2. ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ อย่ำเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง 3. อ่อนหวำนมำนมิตรล้น เหลือหลำย หยำบบ่มีเกลอกลำย เกลื่อนใกล้ 4. ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ ภำยนอกแดงดูฉัน ชำติบ้ำย
  • 16. 16 82. ข้อใดกล่ำวถึงส่วนประกอบของอำหำร 1. ซ่ำหริ่มลิ้มหวำนล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย 2. ลำเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หำบุหงำงำม 3. มัศกอดกอดอย่ำงไร น่ำสงสัยใคร่ขอถำม กอดเคล้นจะเห็นควำม ขนมนำมนี้ยังแคลง 4. ขนมจีบเจ้ำจีบห่อ งำมสมส่อประพิมพ์ประพำย นึกน้องนุ่งจีบกรำย ชำยพกจีบกลีบแนบเนียน 83. ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกลวิธีกำรแต่งในข้อควำมต่อไปนี้ “…สมิงพระรามจึงทูลว่าลักษณะช้างดีต่อเมื่อขี่จึงรู้ว่าดี ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลังดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามทาศึกจึงจะรู้ว่าดี ทองนพคุณเล่าขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่างจึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัส ถูกต้องก่อนจึงนับว่ามีโอชาอร่อย…” 1. บทสนทนำ 2. บรรยำยโวหำร 3. พรรณนำโวหำร 4. สำนวนเปรียบเทียบ 84. พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง ระฆังดังวังเวง โหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง ข้อใดเป็นลักษณะเด่นของคำประพันธ์ข้ำงต้น 1. กำรเล่นคำ 2. กำรใช้คำหนักเบำ 3. กำรใช้ควำมเปรียบ 4. กำรเลียนเสียงธรรมชำติ 85. ข้อใดที่ไม่ใช่คำสอนเกี่ยวกับกำรพูด 1. อย่ำขุดคนด้วยปำก 2. ยอมิตรเมื่อลับหลัง 3. อย่ำริกล่ำวคำคด 4. อย่ำเบำ
  • 17. 17 86. “นางเห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน รูปเงาะสวมไว้ให้คนหลง” คำที่ขีดเส้นใต้สอดคล้องกับข้อใดมำกที่สุด 1. ภำยในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน ดุจดังคนใจร้ำย นอกนั้นดูงำม 2. ภำยในย่อมรสำ เอมโอช สำธุชนนั้นแล้ เลิศด้วยดวงใจ 3. คือคนหมู่ไปหำ คบเพื่อน พำลนำ ได้แต่รำยร้ำยฟุ้ง เฟื้องให้เสียพงศ์ 4. คือคนเสพเสน่หำ นักปรำชญ์ ควำมสุขซำบฤๅม้วย ดุจไม้กลิ่นหอม 87. คำประพันธ์ต่อไปนี้มีจุดประสงค์ตำมข้อใด ถึงจนทนสู้กัด เกลือกิน อย่าเที่ยวแล่เถือเนื้อ พวกพ้อง อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์ โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง 1. ให้รู้จักอดทน 2. ให้รู้จักประมำณตน 3. ให้รู้จักรักศักดิ์ศรี 4. ให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง 88. คำประพันธ์ใดแสดงควำมเชื่อของสังคมไทย 1. สำยติ่งแซมสลับต้นตับเต่ำ เป็นเหล่ำเหล่ำแลรำยทั้งซ้ำยขวำ กระจับจอกดอกบัวบำนผกำ ดำษดำขำวดั่งดำวพรำย 2. งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวำกแซมเสี้ยมแซกแตกไสว ใครทำชู้คู่ท่ำนครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่ำขนพอง 3. อยู่กลำงทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น เป็นที่เล่นนำวำคงคำไหล ที่พื้นลำนฐำนบัทม์ถัดบันได คงคำลัยล้อมรอบเป็นขอบคัน 4. แสนวิตกอกเอ๋ยมำอ้ำงว้ำง ในทุ่งกว้ำงเห็นแต่แขมแซมสลอน จนดึกดำวพรำวพร่ำงกลำงอัมพร กระเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยำม
  • 18. 18 89. คำประพันธ์ต่อไปนี้ใช้ภำพพจน์กี่แห่ง ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน ดุจดั่งคนใจร้าย นอกนั้นดูงาม 1. 1 แห่ง 2. 2 แห่ง 3. 3 แห่ง 4. 4 แห่ง 90. “ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว” จำกบทประพันธ์ข้ำงต้นปรำกฏชื่อพืชกี่ชนิด 1. 2 ชนิด 2. 3 ชนิด 3. 4 ชนิด 4. 5 ชนิด 91. คำประพันธ์ในข้อใดเป็นตัวอย่ำงที่น่ำยกย่อง พันท้ายตกประหม่าสิ้น สติคิด โดดจากเรือทูลอุทิศ โทษร้อง พันท้ายนรสิงห์ผิด บทฆ่า เสียเทอญ หัวกับโขนเรือต้อง คู่เส้นทาศาล 1. ควำมเสียสละเพื่อคนรัก 2. ควำมยุติธรรมของทหำร 3. ควำมกล้ำหำญเด็ดเดี่ยว 4. ควำมผิดต้องได้รับกำรให้อภัยเสมอ 92. ข้อใดแสดงควำมประสงค์ของผู้แต่ง 1. หวังสวัสดิ์ขจัดทุกข์สร้ำง สืบสร้องศุภผล 2. ตำมแบบบ่ขำดหวิ้น เสร็จแล้วสมบูรณ์ 3. เป็นมำติกำทำง บัณฑิต แสวงเฮย 4. จบสำมสิบหกเค้ำ คะแนนนับ หมวดแฮ
  • 19. 19 93. ข้อใดไม่มีกำรใช้คำหลำก 1. เมื่อนั้น พระสยมภูวญำณเรืองศรี ได้ฟังนนทกพำที ภูมีนิ่งนึกตรึกไป 2. บัดนั้น นนทกผู้มีใจสำหส รับพรพระศุลีมียศ บังคมลำแล้วบทจรไป 3. เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้ำตรัยตรึงศำ เห็นนนทกนั้นทำฤทธำ ชี้หมู่เทวำวำยปรำณ 4. เมื่อนั้น พระอิศวรบรมนำถำ ได้ฟังองค์อมรินทรำ จึ่งมีบัญชำตอบไป 94. ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผอง อีกช่างถมลายลักษณะจาลอง อีกช่าชองเชิงรัตนประกร คำประพันธ์ที่ยกมำไม่เกี่ยวข้องกับช่ำงใด 1. ช่ำงปั้น 2. ช่ำงถม 3. ช่ำงแกะ 4. ช่ำงเขียน 95. ข้อใดสอดคล้องกับข้อคิดเรื่องกำรตระหนักในหน้ำที่ของตน 1. อนึ่งปั้นเป็นรูปเทวฤทธิ์ ดูประหนึ่งนิรมิตวิเลขำ 2. อันชำติใดไร้ช่ำงชำนำญศิลป์ เหมือนนำรินไร้โฉมบรรโลมสง่ำ 3. แม้นไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงครำวพำยุใหญ่จะครวญครำง 4. ในพระรำชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสำครสมุทรไทย 96. ข้อใดมีจินตภำพของควำมเคลื่อนไหว 1. หัวลิงหมำกลำงลิง ต้นลำงลิงแลหูลิง 2. ยูงทองย่องเยื้องย่ำง รำรำงชำงช่ำงฟำยหำง 3. ไก่ฟ้ำอ้ำสดแสง หัวสุดแดงแทงเดือยแนม 4. เลียงผำอยู่ภูเขำ หนวดพรำยเพรำเขำแปล้ปลำย 97. “เมื่อชั่วพ่อกู กูบาเรอแก่พ่อกู กูบาเรอแก่แม่กู กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู” ข้อควำมในหลักศิลำจำรึกที่ยกมำนี้เป็นตัวอย่ำงที่ดีในข้อใด 1. ควำมรักบิดำมำรดำ 2. ควำมกตัญญูรู้คุณ 3. ควำมซื่อสัตย์ซื่อตรง 4. ควำมรักใคร่กลมเกลียว
  • 20. 20 98. กวางทรายร่ายกินหญ้า สุกรป่าพาพวกจร สุนัขในไล่เห่าหอน ตามเป็นหมู่พรูเพรียกเสียง ในคำประพันธ์ที่ยกมำนี้มีสัตว์ป่ำอยู่กี่ชนิด 1. 1 ชนิด 2. 2 ชนิด 3. 3 ชนิด 4. 4 ชนิด 99. ข้อใดใช้คำถำมเชิงวำทศิลป์ 1. โฉมเอยโฉมเฉลำ เสำวภำคย์แน่งน้อยพิสมัย เจ้ำมำแต่สวรรค์ชั้นใด นำมกรชื่อไรนะเทวี 2. ประสงค์สิ่งอันใดจะใคร่รู้ ทำไมมำอยู่ที่นี่ ข้ำเห็นเป็นน่ำปรำนี มำรศรีจงแจ้งกิจจำ 3. ทำไมมำล่วงไถ่ถำม ลวนลำมบุกรุกเข้ำมำใกล้ ท่ำนนี้ไม่มีควำมเกรงใจ เรำเป็นข้ำใช้เจ้ำโลกำ 4. อันซึ่งจะฝำกไมตรีข้ำ ข้อนั้นอย่ำว่ำหำรู้ไม่ เรำเป็นนำงรำระบำใน จะมีมิตรที่ใจผูกพัน 100. คำประพันธ์ในข้อใดไม่ได้กล่ำวถึงเวลำ 1. หยุดประทับดับดวงพระสุริย์ 2. พอฟ้ำคล้ำค่ำพลบลงหรุบรู่ 3. ยุงออกฉู่ชิงพลบตบไม่ไหว 4. ได้รับรองป้ องกันเพียงควันไฟ
  • 21. 21 ปีการศึกษา ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ต้น 2552 ตอนที่ 1 ส่วนที่ 1 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 5 ข้อ (ข้อละ 1-5) : ข้อละ 2 คะแนน อ่ำนเรื่องที่กำหนดให้ต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำมข้อ 1-5 กำรทอผ้ำเป็นงำนศิลปหัตถกรรมพื้นบ้ำนในทั่วทุกภำคของประเทศไทยมำตั้งแต่สมัยโบรำณ และมัก มีเอกลักษณ์เฉพำะของท้องถิ่นที่ทำให้ดูสวยงำมและแปลกตำแตกต่ำงกันไปในที่นี้จะนำศิลปหัตถกรรมกำร ทอผ้ำบำงชนิดที่ได้รับกำรสนับสนุนส่งเสริมจำกมูลนิธิส่งเสริมศิลปำชีพฯ มำอธิบำยเพื่อเป็นตัวอย่ำง คือ กำร ทอผ้ำไหม และกำรทอผ้ำจก กำรทอผ้ำไหม ผ้ำไหมเป็นงำนหัตถศิลป์ ที่รู้จักกันทั่วโลกด้วยคุณภำพที่มีเอกลักษณ์ในควำมงดงำม และควำมคงทนของเนื้อผ้ำ มีลวดลำยและเคล็ดลับวิธีที่แตกต่ำงกันไปตำมแต่ละภำค ผ้ำไหมมัดหมี่ เป็น ภูมิปัญญำชำวบ้ำนภำคอีสำน ที่สั่งสมและถ่ำยถอดต่อๆ กันมำภำยในครอบครัว ผ้ำไหมมัดหมี่เป็นผ้ำที่ทอขึ้นจำกเส้นใยที่ผ่ำนกำรมัดเพื่อสร้ำงลวดลำยก่อนย้อมสีและทอ เวลำย้อม ส่วนที่ถูกมัดไว้ก็จะไม่ติดสีจึงทำให้เกิดลวดลำย ถ้ำต้องกำรหลำยสีก็ต้องมัดและย้อมทับหลำยครั้ง จนกว่ำจะ ได้สีครบตำมต้องกำร หลังจำกย้อมสีแล้วก็จะแก้เชือกที่มัดออก นำเส้นด้ำยกรอเข้ำกับหลอด เพื่อทอเป็นผืน ผ้ำต่อไป กำรทอผ้ำมัดหมี่มีทั้งที่เรียกว่ำ มัดหมี่ด้ายเส้นยืน มัดหมี่ด้ำยเส้นพุ่ง และมัดหมี่ผสม ประเทศไทยมีกำรทอผ้ำมัดหมี่มำเป็นเวลำนำนแล้ว โดยเฉพำะในภำคอีสำนชำวบ้ำนจะทอผ้ำมัดหมี่ กันในหลำยท้องที่และสอนต่อๆ กันมำในครอบครัว เมื่อสมเด็จพระนำงเจ้ำฯพระบรมรำชินีนำถ เสด็จ พระรำชดำเนินไปทรงเยี่ยมรำษฎรในภำคอีสำน ทอดพระเนตรเห็นหญิงชำวบ้ำนสูงอำยุที่มำรอรับเสด็จนุ่งผ้ำ ไหมมัดหมี่ที่ผลิตจำกชำวบ้ำน และทรงตรวจคุณภำพผ้ำไหมพร้อมทั้งพระรำชทำนคำแนะนำให้ชำวบ้ำน พัฒนำ กำรทอให้มีคุณภำพดีขึ้น หลังจำกนั้นจึงทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้มีกำรฝึกสอนกำรทอผ้ำไหม มัดหมี่ใน ศูนย์ศิลปำชีพ โครงกำรศิลปำชีพ และกลุ่มศิลปำชีพที่ตั้งขึ้นในที่ต่ำงๆ กำรทอผ้ำจก ผ้ำจกเป็นผ้ำทอผืนแคบๆ อำจทอขึ้นจำกฝ้ำยหรือไหม หรือผสมกันทั้ง 2 อย่ำงก็ได้ คำว่ำ “จก” เป็นวิธีกำรทอผ้ำให้เกิดลวดลำยขึ้น โดยกำรใช้ไม้ปลำยแหลม หรือขนเม่นงัดซ้อนด้ำยยืนขึ้น และใช้ ด้ำยสีสอดไปตำมรอยซ้อนนั้น กำรสอดด้ำยสีต่ำงๆไปตำมรอยงัดซ้อนในจังหวะต่ำงๆ กัน ทำให้เกิดลวดลำย คล้ำยผ้ำปัก ดังนั้นกำรทอผ้ำจกจึงเป็นกำรทอและกำรจกลำยไปพร้อมๆ กัน ทำลวดลำยสอดสลับด้วยไหม หรือด้ำยสีต่ำงๆ ผ้ำชนิดนี้นิยมใช้เป็นส่วนประกอบตกแต่งผ้ำผืนใหญ่ โดยเฉพำะผ้ำซิ่น ซึ่งเมื่อประกอบด้วย ผ้ำจกแล้ว ก็เรียกว่ำ ผ้ำซิ่นตีนจก
  • 22. 22 กำรทอผ้ำจกต้องใช้ควำมประณีตมำก ผ้ำหนึ่งผืนกว่ำจะทอเสร็จใช้เวลำหลำยเดือนนักวิชำกำรด้ำนผ้ำ จึงมักจัดให้กำรทอผ้ำจกเป็นสุดยอดของกำรทอผ้ำ ศิลปะกำรทอผ้ำจกสืบทอดมำจำกวัฒนธรรมของชำวไทยเชื้อสำยลำวพวน ซึ่งตั้งบ้ำนเรือนอยู่ที่ตำบล หำดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนำลัย จังหวัดสุโขทัย ดังนั้น จึงถือเป็นต้นแบบของกำรทอผ้ำชนิดนี้ เดิมมักเป็นลำย หน้ำกระดำน หรือลำยแถบคั่นเป็นชั้นๆ ต่อมำได้มีกำรคิดดัดแปลงเป็นลวดลำยและสีสันให้หลำกหลำยมำก ขึ้น และจำกกำรสนับสนุนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปำชีพฯ ในปัจจุบันได้มีกำรทอผ้ำจกเกิดขึ้นหลำยจังหวัดใน ภำคเหนือ เช่น อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอลอง จังหวัดแพร่ 1. เพรำะเหตุใดจึงเรียกผ้ำไหมชนิดหนึ่งว่ำ “ผ้ำไหมมัดหมี่” 1. เพรำะกรรมวิธีกำรต้มเส้นไหมเป็นกรรมวิธีเดียวกันกับกำรต้มเส้นหมี่ 2. เพรำะเส้นไหมที่นำมำทอเล็ก บำง และกลมคล้ำยลักษณะของเส้นหมี่ 3. เพรำะควำมสวยงำมของผ้ำไหมชนิดนี้เกิดจำกเทคนิคกำรมัดย้อมเส้นไหม 4. เพรำะผ้ำไหมชนิดนี้มีต้นกำเนิดจำกหมู่บ้ำนมัดหมี่ ทำงภำคอีสำนของไทย 2. คำว่ำ “ด้ำยเส้นยืน” ในย่อหน้ำที่ 3 หมำยถึงสิ่งใด 1. เส้นไหมแนวตั้งที่ใช้เป็นแกนในกำรทอผ้ำ 2. เส้นไหมแนวนอนที่ใช้ขัดกับเส้นแนวตั้ง 3. เส้นไหมที่มัดย้อมให้เกิดลวดลำยแล้ว 4. เส้นไหมที่ใช้ในกำรพุ่งเพื่อวัดขนำดผ้ำ 3. ข้อควำมข้ำงต้นโดดเด่นในกำรใช้โวหำรประเภทใดในกำรเขียน 1. บรรยำยโวหำร 2. พรรณนำโวหำร 3. สำธกโวหำร 4. อุปมำโวหำร 4. จำกข้อควำมข้ำงต้นข้อใด สรุปได้ไม่ถูกต้อง 1. กำรทอผ้ำเป็นงำนหัตถศิลป์ของภำคเหนือและภำคอีสำนของไทย 2. มูลนิธิศิลปำชีพส่งเสริมและสนับสนุนให้ชำวบ้ำนทอผ้ำเป็นอำชีพเสริม 3. กำรสร้ำงลำยผ้ำด้วยเทคนิคกำรจกต้องอำศัยระยะเวลำในกำรผลิต 4. มูลนิธิศิลปำชีพมักส่งเสริมให้ชำวบ้ำนพัฒนำสินค้ำให้มีคุณภำพดีขึ้น 5. จำกข้อควำมข้ำงต้นงำนทอผ้ำเป็นงำนหัตถศิลป์ที่แสดงให้เห็นคุณลักษณะประกำรใดของคนไทยได้ดี ที่สุด 1. คนไทยเป็นคนรักสวยรักงำมจึงออกแบบเสื้อผ้ำเครื่องแต่งกำยให้สวยงำม 2. คนไทยมีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์จึงคิดวิธีกำรทอผ้ำให้มีลักษณะเฉพำะถิ่น 3. คนไทยมักไม่ปล่อยให้เวลำว่ำงผ่ำนไปอย่ำงไร้ประโยชน์จึงทำให้เกิดงำนหัตถกรรม 4. คนไทยยอมรับวัฒนธรรมที่หลำกหลำยจึงทำให้มีธรรมเนียมประเพณีแตกต่ำงกัน
  • 23. 23 ส่วนที่ 2 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 40 ข้อ (ข้อละ 6-45) : ข้อละ 1.5 คะแนน อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำม ข้อ 6-7 การป้ องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 1. ล้ำงมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกฮอล์เจล เพื่อฆ่ำเชื้อโรค 2. หลีกเลี่ยงกำรคลุกคลี ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดหรือในที่ชุมชนหนำแน่น หำกจำเป็นให้สวมหน้ำกำก อนำมัยเพื่อป้ องกันกำรติดเชื้อ 3. ปิดปำก ปิดจมูก ด้วยกระดำษทิชชู เมื่อ ไอ จำม และต้องล้ำงมือทุกครั้ง 4. หลีกเลี่ยงกำรใช้ของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อน ผ้ำเช็ดหน้ำ ผ้ำเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น 5. ดูแลสุขภำพร่ำงกำยให้แข็งแรงด้วยกำรออกกำลังกำยอย่ำงสม่ำเสมอ กินอำหำรให้ครบ 5 หมู่ และ พักผ่อนให้เพียงพอ 6. ติดตำมคำแนะนำของกระทรวงสำธำรณสุขอย่ำงใกล้ชิด 6. วิธีปฏิบัติในข้อใดที่เป็นพื้นฐำนของกำรป้ องกันโรคโดยทั่วไป 1. ข้อ 1 2. ข้อ 4 3. ข้อ 5 4. ข้อ 6 7. บุคคลในข้อใดที่ปฏิบัติตนตำมแนวทำงกำรป้ องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้อย่ำงถูกต้อง 1. รุจน์พกแอลกอฮอล์และหน้ำกำกอนำมัยติดตัวเสมอเมื่อต้องไปในที่ชุมชนหนำแน่น 2. อำนนท์ใช้ช้อนกลำงตักอำหำรเสมอจนเป็นนิสัย เมื่อต้องรับประทำนอำหำรกับผู้อื่น 3. อภิชญำกินอำหำรให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้มีแรงพอจะทำงำนทั้งคืนโดยไม่ยอมนอน 4. ฤทธิ์เก็บตัวอยู่ที่บ้ำน ไม่ออกไปเรียนแต่คอยติดตำมข่ำวอย่ำงใกล้ชิดเพรำะกลัวจะติดโรค 8. “ถึงแม้ว่ำ สภำวะแวดล้อมในปัจจุบัน จะกดดันหรือก่อให้เกิดควำมเครียดมำกเพียงใดก็ตำม หำกเรำมี รอยยิ้ม หัวใจของเรำก็จะเปิดกว้ำง มีมุมมองใหม่ๆ พร้อมที่จะแก้ไขปัญหำต่ำงๆ ที่เข้ำมำ ยิ้มให้กัน และกัน ยิ้มอย่ำงสดใส ยิ้มอย่ำงจริงใจ ควำมสุขเล็กๆ น้อยๆ ก็จะมำรำยล้อมอยู่รอบตัว ดังนั้น มำทำให้ ใบหน้ำของพวกเรำเลอะไปด้วย รอยยิ้มกันเถอะ” ข้อควำมข้ำงต้น ควรจัดอยู่ในส่วนใดของเรียงควำมเรื่อง “อยำกให้ทุกคนหน้ำเลอะ” 1. คำนำ 2. เนื้อเรื่อง 3. สรุป 4. คำนำหรือสรุป
  • 24. 24 9. ข้อใดเป็นกำรเขียนเชิงอธิบำย 1. ดึกดื่นคืนนี้ ลมหนำวพัดโชยมำ ฉันมองไปที่ขอบฟ้ำเนิ่นนำน 2. ปรุงรสให้แซบหนอ ใส่มะละกอลงไป อ้อ อย่ำลืมใส่กุ้งแห้งป่นของดี 3. ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตำ คอยส่องมองเธอด้วยแววตำแห่งควำมภักดี 4. ไม่ต้องห่วงว่ำฉันเปลี่ยนหัวใจ ฉันจะเป็นอย่ำงนี้ จะรักเธอตลอดไป 10. ข้อใดเขียนอ้ำงอิงแหล่งที่มำของข้อมูลในกำรเขียนรำยงำนได้ถูกต้อง 1. ดวงใจ ไทยอุบุญ. 2549. ทักษะกำรเขียนภำษำไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย. 2. ประภำศรี สีหอำไพ. 2531. กำรเขียนแบบสร้ำงสรรค์. สำนักพิมพ์วัฒนำพำนิช: กรุงเทพฯ. 3. ชำญณรงค์ พรรุ่งโรจน์. ควำมคิดสร้ำงสรรค์. โรงพิมพ์จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย: กรุงเทพฯ, 2546. 4. บันลือ พฤกษะวัน. พัฒนำทักษะกำรเขียนเชิงสร้ำงสรรค์. ไทยวัฒนำพำนิช: กรุงเทพฯ, 2533. 11. แผนผังควำมคิดข้ำงต้น ควรเป็นองค์ประกอบของเรื่องใด 1. ชีวประวัติของบุคคลสำคัญ 2. ชีวิตกวีเอก : สุนทรภู่ 3. บุคคลในประวัติศำสตร์ไทย 4. วรรณคดีชิ้นเอกของสุนทรภู่ 12. บุคคลใดรับสำรด้วยกำรฟังได้อย่ำงสัมฤทธิ์ผล 1. ส้ม เป็นที่รักของเพื่อน แม้ว่ำเพื่อนจะต่อว่ำไม่พอใจเรื่องใด ส้มก็ยิ้มรับทุกอำรมณ์ของเพื่อนได้เสมอ 2. สวย เป็นที่ชื่นชมของเพื่อน เพรำะเพื่อนสั่งอะไรสวยก็ไม่เคยขัดข้อง จะเชื่อฟังและปฏิบัติตำมเสมอ 3. ปลำ ไม่ค่อยมีใครสนใจ เพรำะเวลำใครพูดอะไร เธอก็จะฟังอย่ำงตั้งใจ แต่ไม่เคยปฏิบัติสักครั้ง 4. ปุ่น ไม่ค่อยสนใจคนที่กล่ำวตักเตือน เพรำะรู้สึกว่ำเสียเวลำและคิดเสมอว่ำคนเหล่ำนี้คอยแต่อิจฉำ กำรเข้ำรับรำชกำรใน สมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น ประวัติควำม เป็นมำในวัยเด็ก จุดหักเหในชีวิต ผลงำนสำคัญ นิรำศพระบำท พระอภัยมณี
  • 25. 25 13. ข้อใดไม่ใช่หลักปฏิบัติกำรพูดที่เหมำะสม 1. ผู้พูดควรเลือกเรื่องที่ตนเองมีควำมรู้ ถนัดและสนใจในกำรพูด 2. กำรวิเครำะห์ผู้ฟัง เป็นขั้นตอนสำคัญในกำรพูดที่ไม่ควรละเลย 3. ผู้พูดที่ไม่เตรียมเนื้อหำแล้วพูดได้ถือว่ำเป็นอัจฉริยะทำงกำรพูด 4. กำรแต่งกำยเป็นสิ่งหนึ่งในกำรเสริมบุคลิกภำพให้ผู้พูดโดดเด่น 14. หำกนักเรียนได้รับมอบหมำยให้พูดต้อนรับบุคคลที่มำเยี่ยมชมโรงเรียน ข้อใดไม่ใช่ ประเด็นสำคัญของ เนื้อหำที่จะต้องนำเสนอ 1. ประวัติควำมเป็นมำของโรงเรียน 2. ควำมรู้สึกยินดีต่อกำรเข้ำเยี่ยมชม 3. กำรแก้ไขปัญหำที่เกิดขึ้นภำยในโรงเรียน 4. จุดเด่นของกำรพัฒนำโรงเรียนที่ผ่ำนมำ 15. ข้อใดใช้ภำษำในกำรพูดได้อย่ำงเหมำะสมและแสดงมำรยำทที่ดี 1. ไม่ว่ำใครก็สำมำรถพบเจอควำมผิดหวังได้แต่ท้ำยที่สุดอย่ำท้อแท้แล้วกัน 2. คนอย่ำงเรำ ผิดหวังซะบ้ำงก็ดี ทำอะไรมั่นใจเหลือเกิน จะได้เป็นบทเรียน 3. โตแล้ว ถ้ำผิดหวังแค่นี้ ทนไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว 4. พยำยำมเข้ำละกัน ผิดหวังเป็นเรื่องเล็กๆ ถ้ำฟ้ำมีตำ คงเห็นควำมตั้งใจน้อยๆ บ้ำง 16. คำในข้อใด มีวิธีกำรสร้ำงคำแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. ปวดร้ำว ปวดเมื่อย 2. บอกบท บอกใบ้ 3. เศร้ำโศก เศร้ำหมอง 4. คลำดเคลื่อน คลำดแคล้ว 17. คำประพันธ์ในข้อใด ไม่มีคำซ้อน 1. นำคีมีพิษเพี้ยง สุริโย 2. เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้ำ 3. พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง 4. ชูแต่หำงเองอ้ำ อวดอ้ำงฤทธี 18. คำซ้ำในข้อใด มีจำนวนพยำงค์ที่ออกเสียงซ้ำน้อยที่สุด 1. ร่มชมพูๆ ที่เธอซื้อมำฝำกจำกญี่ปุ่นพังเสียแล้วเมื่อวันก่อน 2. คุณครูเรียกนักเรียนให้ออกมำอ่ำนหนังสือหน้ำชั้นทีละคนๆ 3. แล้วในวันหนึ่งๆ มีคนมำเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นี้ประมำณกี่คน 4. เขำไม่ได้ใส่เสื้อผ้ำสีๆ มำหลำยเดือนแล้วเพรำะกำลังไว้ทุกข์
  • 26. 26 19. ข้อใดไม่เป็นประโยคควำมรวม 1. ผู้ใหญ่ลีมำหำมำลินีเพรำะคิดถึงมำก 2. ผู้ใหญ่ลีมำหำมำลินีหลังจำกสึกแล้ว 3. ผู้ใหญ่ลีมำหำมำลินีเลยไปทำนำสำย 4. ผู้ใหญ่ลีมำหำมำลินีซึ่งกำลังเลี้ยงไก่ 20. ข้อใดใช้คำรำชำศัพท์ “ทูลเกล้ำฯถวำย” ไม่ถูกต้อง 1. สำนักงำนคณะกรรมกำรวิจัยแห่งชำติทูลเกล้ำฯ ถวำย สิทธิบัตรฝนหลวง แด่พระบำทสมเด็จ พระเจ้ำอยู่หัว 2. กทม. ทูลเกล้ำฯ ถวำยหนังสือสมุดภำพแผนที่ “หนึ่งศตวรรษกรุงเทพมหำนคร” แด่ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว 3. สมำพันธ์นักประดิษฐ์โลกทูลเกล้ำฯ ถวำยเหรียญรำงวัล “พระอัจฉริยภำพทำงกำรประดิษฐ์” แด่พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว 4. หอกำรค้ำไทยร่วมกับคณะกรรมกำรร่วม 3 สถำบัน (กกร.) ทูลเกล้ำฯ ถวำยกังหันน้ำชัยพัฒนำ จำนวน 60 เครื่อง แด่ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว 21. กำรนำคำทับศัพท์ภำษำอังกฤษมำใช้ในข้อใด ที่ทำให้ภำษำไทยมีวงศัพท์เพิ่มขึ้น 1. มำเรียนอยู่ในกรุงเทพฯ ยูนิเวอร์ซิตี้ที่ทันสมัย 2. ซัมเมอร์แม่เรียกตัวกลับมำช่วยทำไร่ทำนำอยู่ที่บ้ำนหนองใหญ่ 3. ชำวบ้ำนก็ด้อยกำรศึกษำกินแต่ปลำร้ำที่ไม่พำสเจอร์ไรซ์ 4. ให้มำเป็นฟำร์เมอร์ ดำวว่ำมันไม่ใช่ มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของดำว 22. ข้อใดเป็นคำที่มีที่มำจำกภำษำบำลีทุกคำ 1. ศีรษะ ปัญญำ 2. ขันติ อิจฉำ 3. วงกต พรรษำ 4. พุทธิ ศรัทธำ 23. คำประพันธ์ในข้อใดมุ่งเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่กำรแสดงควำมคิดเห็น 1. อันชำติใดไร้ศำนติสุขสงบ ต้องมัวรบรำญรอนหำผ่อนไม่ 2. แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงำม เมื่อถึงยำมเศร้ำอุรำน่ำสงสำร 3. ใครดูถูกผู้ชำนำญในกำรช่ำง ควำมคิดขวำงเฉไฉไม่เข้ำเรื่อง 4. ควรไทยเรำช่วยบำรุงวิชำช่ำง เครื่องสำอำงแบบไทยสโมสร
  • 27. 27 24. สำนวนในข้อใด เป็นวิธีกำรแสดงควำมคิดเห็นที่เหมำะสมที่สุด 1. ได้ทีขี่แพะไล่ 2. เด็ดบัวไม่ไว้ใย 3. ไม่เออออห่อหมก 4. เห็นดำเห็นแดง 25. คำขวัญรณรงค์ป้ องกันโรคไข้หวัดใหญ่สำยพันธุ์ใหม่ 2009 ข้อใดที่ไม่มีกำรยกเหตุผลสนับสนุน 1. ใช้หน้ำกำกอนำมัย ห่ำงไกลหวัด 2009 2. กินร้อน ช้อนกลำง ล้ำงมือ คือวิธีป้ องกัน 3. ไอ-จำมปิดปำก ถ้ำไม่อยำกแพร่เชื้อหวัด 4. เป็นหวัดให้อยู่บ้ำน อย่ำเป็นตัวกำรแพร่เชื้อ 26. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของควำมคิดสร้ำงสรรค์ 1. คิดนอกกรอบ 2. คิดเล็กคิดน้อย 3. คิดพลิกแพลง 4. คิดหลำกหลำย 27. น้องบอกว่ำลืมไม่ได้ใจมันทุกข์ เพรำะน้องซุกใจเศร้ำเฝ้ำไห้หวน อยำกให้น้องคิดใหม่…ใคร่ชักชวน ขึ้นทำงด่วนเดินจำกซำกอำวรณ์ คำที่ขีดเส้นใต้ในคำประพันธ์ข้ำงต้นใช้คำในข้อใดแทนได้โดยใจควำมสำคัญไม่เปลี่ยน 1. คร่ำครวญ 2. รัญจวน 3. กำสรวล 4. หอมหวน 28. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะคำประพันธ์ประเภทกลอนหัวเดียว 1. ฉันจะไม่ทักหนอไม่ทำย ฉันกลัวว่ำแกจะอำยแก่หน้ำ ฉันร้องทักชมโฉม กันไปด้วยลมวำจำ 2. รำกับใครมันไม่ชื่นใจ เหมือนรำกับหล่อน คนสวยเชิญมำรำฟ้อน โอ้แม่หำงตำงอนเชิญมำรำวง 3. พี่มีคุณควำมดีเป็นที่กำบัง มีธรรมะมำกพลังรักษำ น้องเอ๋ยตัดบัวยังเหลือเยื่อใย น้องอย่ำเพิ่งตัดสำยเสน่หำ 4. เหลืองเอ๊ยใบยอ ซ้อนช่อมะม่วง มีพบก็มีพรำก จำจำกพ่อพุ่มพวง
  • 28. 28 29. เพลงกล่อมเด็กในข้อใดแสดงถึงควำมรักของแม่ที่มีต่อลูกได้ชัดเจนที่สุด 1. นอนเสียเถิด ขวัญเจ้ำจะเกิดในดอกบัว แม่เลี้ยงเจ้ำไว้ เพื่อจะได้เป็นเพื่อนตัว 2. เนื้อเอ๋ยเนื้ออุ่นเอย เนื้อละมุนคือสำลี แม่ไม่ให้ใครต้อง แม่กลัวเจ้ำจะหมองศรี 3. เนื้อเอ๋ยเนื้ออ่อนเอย ไม่หลับไม่นอนอ้อนแม่อยู่อำลัย พี่เลี้ยงนำงนมอยู่ไหน ไม่มำไกวให้เจ้ำนอน 4. นกเขำ เอ๋ย ขันตั้งแต่เช้ำไปจวนเย็น ขันให้ดังแม่จะฟังเล่น เสียงเย็นๆลูกน้อยกลอยใจ 30. ผู้ใดไม่ได้ใช้กระบวนกำรระดมควำมคิดในกำรแสวงหำควำมรู้ 1. สุวิทย์ค้นหำข้อมูลเพื่อกำรทำรำยงำนเรื่อง “ ควำมสุขที่แท้จริง” จำกหนังสือหลำยเล่ม 2. สุชัยสัมภำษณ์เพื่อนร่วมงำนทุกคนเพื่อสรุปควำมเห็นเรื่องกำรตกแต่งห้องทำงำน 3. สุจิตต์สรุปเนื้อหำจำกสำรำนุกรมไทยฉบับเยำวชนส่งครูผู้สอนวิชำภำษำไทย 4. สุวรรณเรียกประชุมเพื่อนๆ เพื่อร่วมกันหำแนวทำงแก้ไขปัญหำขยะในโรงเรียน 31. เพรำะเหตุใดจึงต้องใช้เลขไทยในกำรเขียนภำษำไทย 1. เพรำะเลขไทยถือว่ำเป็นสมบัติของชำติ กำรใช้เลขไทยจึงเป็นกำรช่วยรักษำสมบัติชำติวิธีหนึ่ง 2. เพรำะเลขไทยอ่ำนได้เฉพำะคนไทย กำรใช้เลขไทยจึงจำเป็นในกำรเขียนเอกสำรลับทำงรำชกำร 3. เพรำะเลขไทยถือเป็นภำษำรำชกำรอย่ำงหนึ่ง กำรใช้เลขไทยจึงจำเป็นต่อกำรเขียนอย่ำงเป็นทำงกำร 4. เพรำะเลขไทยอยู่บนแป้ นพิมพ์กำรใช้เลขไทยในกำรพิมพ์จึงสะดวกกว่ำเพรำะไม่ต้องเปลี่ยนชุด ตัวอักษร 32. สำนวนใดกล่ำวถึงกำรใช้ภำษำให้เหมำะสมกับฐำนะบุคคล 1. คนยำกว่ำผี คนมีว่ำศพ 2. ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน 3. เข้ำเมืองตำหลิ่ว ต้องหลิ่วตำตำม 4. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง 33. ข้อใดมี “คำคะนอง” 1. วัยรุ่นต้องทำควำมเข้ำใจผู้ใหญ่บ้ำง 2. อย่ำมำเว่อร์มำกไปหน่อยเลย 3. เขำไม่ชอบยุ่งวุ่นวงวุ่นวำยกับใคร 4. อย่ำทำงำนแบบลวกๆ มำส่งครู
  • 29. 29 34. ข้อควรคำนึงเมื่อต้องใช้ข้อมูลสำรสนเทศจำกอินเทอร์เน็ตในกำรแสวงหำควำมรู้ คือข้อใด 1. ควำมรวดเร็วในกำรสืบค้นข้อมูล 2. ควำมคุ้มค่ำของกำรสืบค้นข้อมูล 3. ควำมมีประโยชน์ของแหล่งข้อมูล 4. ควำมน่ำเชื่อถือของแหล่งข้อมูล 35. ข้อใดใช้ภำษำได้เหมำะสมกับฐำนะบุคคล 1. เชิญร่วมกันตักบำตรพระสงฆ์ 2,500 องค์เนื่องในวันเข้ำพรรษำ 2. หลินปิงแพนด้ำน้อยรับประทำนต้นไผ่ได้เพิ่มขึ้นจำกเมื่อวำนนี้ 3. ลูกชำยช้ำงไทยที่กำเนิดที่ออสเตรเลียจะมีอำยุครบ 1 ปีเดือนหน้ำ 4. ขอบคุณครับ โอกำสหน้ำขอเชิญมำใช้บริกำรของเรำใหม่นะครับ 36. ในคำพำกย์เอรำวัณ หนุมำนสู้กับยักษ์ตนใด 1. สหัสเดชะ 2. แสงอำทิตย์ 3. ไมยรำพ 4. อินทรชิต 37. “พระสมุทรสุดลึกล้น คณนำ สำยดิ่งทิ้งทอดมำ หยั่งได้ เขำสูงอำจวัดวำ กำหนด จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยำกแท้หยั่งถึง โคลงบทนี้เน้นสอนเรื่องใด 1. ควำมลึกของน้ำ 2. ควำมไว้วำงใจ 3. ควำมพำกเพียร 4. ควำมมีอุเบกขำ 38. “พิเศษสำรเสกสร้ำงรังสรรค์สำร ประจงจำรฉันทพำกย์พริ้งพรำยฉำย เฉกเพชรพรรณเพรำะเฉิดเลิศแลลำย ระยับสำยสะอิ้งส่องสร้อยกรองทรวง” กลอนบทนี้ดีเด่นด้ำนใดเป็นพิเศษ 1. สัมผัส 2. ฉันทลักษณ์ 3. โครงสร้ำง 4. สัญลักษณ์
  • 30. 30 39. “หญ้ำฝำกเกสรดอกหญ้ำ ไปกับลมช่วยผสำนผสม แจ้งข่ำวครำวเคลื่อนเยือนชม ช่วยทอพรมคลุมพื้นให้แผ่นดิน” ประเภทของภำพพจน์ข้ำงต้นคล้ำยคลึงกับข้อใด 1. ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่ 2. เปลวแดดแผดเปลวเต้น ระริกเล่นเน้นทำนอง 3. ฤๅดูดำรำระย้ำระยับสรวง ดุจดวงเพชรพลอยประเสริฐศรี 4. ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร เหมือนเวรใดให้นิรำศเสน่หำ 40. “มยุรฉัตรชุมสำยพรำยศรี พัดโบกพัชนี กบี่ระบำยโบกลม” คำประพันธ์ข้ำงต้นกล่ำวถึงสิ่งใด 1. เครื่องรำชกกุธภัณฑ์ 2. เครื่องสูงประกอบยศ 3. เครื่องรำชอิสริยำภรณ์ 4. เครื่องประดับเรือนต้น 41. คำประพันธ์ในข้อใด อ่ำนแบ่งวรรคได้ถูกต้อง 1. สมรรถชัยไกร / กำบแก้ว แสงแวววับ / จับสำคร 2. เลียงผำ / ง่ำเท้ำโผน เพียงโจน / ไปในวำรี 3. สำยัณห์ / ตะวันยำม ขณะ / ข้ำมฑิฆัมพร 4. เรือน้อย / ลอยน้ำ / ขำคม บัวฉม / ชูล้อม / ห้อมเรือ 42. “จำกกำเนิดตัวเปล่ำเท่ำกันหมด มำสู่ยศศักดิ์ศรีที่แตกต่ำง จำกควำมรวยจนชั่วดีทั่วทำง มำสู่ข้ำงหลุมเศร้ำเน่ำเหมือนกัน มนุษย์เท่ำกันได้เมื่อตำย-เกิด ควำมดีเลิศชั่วช้ำคือตรำมั่น ไม่มีสัตว์โลกอื่นนับหมื่นพัน ครองชีวันวนเศร้ำเท่ำนรชน มนุษย์รู้จักโลกโชคชีวิต รู้จักผิดชอบชั่วดีทั่วถล ประหลำดเหลือเมื่อรู้ว่ำชีวำวน ไยทุกคนไม่รู้ทำแต่กรรมดี” กวีนิพนธ์ข้ำงต้นมีคุณค่ำด้ำนใดเด่นชัดที่สุด 1. คุณค่ำทำงภำษำ 2. คุณค่ำทำงสังคม 3. คุณค่ำทำงคติธรรม 4. คุณค่ำทำงกำรแพทย์
  • 31. 31 จงใช้ข้อควำมต่อไปนี้ตอบคำถำมข้อที่ 43-45 ดอกไม้ในร้ำนดอกไม้อำจเป็นเพื่อนร่วมทำงกันมำตั้งแต่ที่ไร่จนถึงปลำยทำง หรืออำจต่ำงมำจำกต่ำงถิ่น กัน แต่ได้มำร่วมทำงกัน แล้วแยกย้ำยกันไป ดอกไม้ในแจกันเดียวกันอำจเหี่ยวไปพร้อมๆ กัน หรือมีดอกใดที่ เหี่ยวไปก่อน คนจีนมีคำกล่ำวว่ำ พี่น้องร้อยคนก็เหมือนคนเดียว เพรำะบั้นปลำยต่ำงคนต่ำงแก่มำดูแลกันไม่ไหว ซึ่ง ที่สุดแล้วก็ต้องมีคนไปก่อนและมีคนไปหลัง บำงคนจึงมีเพื่อนตำย และหลำยคนก็อำจไม่มี วันหนึ่งขณะผ่ำนหัวลำโพง เห็นยำย 2 คน พำกันเดินด้วยไม้ไผ่ลำหนึ่ง ยำยคนแข็งแรงนำหน้ำ จูงยำยที่ ตำฟำงแล้วให้เดินตำม เท้ำของยำยทั้งสองก้ำวช้ำๆ เหมือนลำนตุ๊กตำที่จวนหมด อยำกให้ยำยทั้งสองถึงที่หมายพร้อมกัน ไม่ใช่ทิ้งคนหนึ่งไว้ให้ต้องตำยเพียงลำพังอย่ำงโดดเดี่ยวเดียวดำย 43. ควำมคิดสำคัญในข้อควำมข้ำงต้นตรงกับข้อใด 1. ควำมตำยมำถึงมนุษย์ทุกคนในเวลำต่ำงกัน 2. ควำมตำยเป็นสิ่งที่มนุษย์สำมำรถกำหนดได้ 3. ควำมตำยกับควำมชรำเป็นทุกข์ของมนุษย์ 4. ควำมตำยเหมือนกับดอกไม้ในแจกันที่ร่วงโรย 44. จุดประสงค์หลักของกำรเขียนข้อควำมข้ำงต้นตรงกับข้อใด 1. แสดงควำมรู้เรื่องดอกไม้ 2. ตีโพยตีพำยกับควำมชรำ 3. ชวนให้เข้ำใจโลกและชีวิต 4. เล่ำประสบกำรณ์ที่ผ่ำนมำ 45. คำว่ำ “ที่หมำย” จำกข้อควำมข้ำงต้นมีควำมหมำยตรงกับข้อใด 1. อีกฝั่งหนึ่งของถนน 2. กำรสิ้นสุดของชีวิต 3. ควำมชรำที่มำเยือน 4. บ้ำนของยำยทั้งสอง
  • 32. 32 ส่วนที่ 3 : แบบระบำยคำตอบให้สัมพันธ์กัน จำนวน 3 ข้อ (ข้อละ 46-48) : ข้อละ 6 คะแนน จงพิจำรณำคำตอบจำกข้อมูลแต่ละกลุ่มตำมที่กำหนดให้ถูกต้องครบทุกกลุ่ม กลุ่มละ 1 คำตอบจึงจะได้ คะแนน 46. สมมุติว่ำมีเพื่อนคนหนึ่งชวนนักเรียนไปเที่ยวต่ำงจังหวัดในช่วงปิดภำคกำรศึกษำเป็นเวลำ 1 สัปดำห์ แต่นักเรียนไม่สำมำรถไปได้เนื่องจำกจะต้องทำงำนพิเศษหำรำยได้เพื่อแบ่งเบำภำระของผู้ปกครอง ในช่วงปิดภำคกำรศึกษำ ในสถำนกำรณ์ที่กำหนดให้ข้ำงต้น ข้อใดเป็นกำร” (1)ใช้ถ้อยคำปฏิเสธ” “(2)ถ้อยคำแสดงเหตุผล” และ “(3) กำรใช้สีหน้ำประกอบกำรพูด” ได้อย่ำงเหมำะสมที่สุด กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 (1) กำรใช้ถ้อยคำปฏิเสธ (2) ถ้อยคำแสดงเหตุผล (3) กำรใช้สีหน้ำประกอบกำรพูด 1. เสียใจ แต่เรำไม่ไปหรอกนะ 2. ขอบคุณ แต่เรำคงไม่มีวำสนำ 3. ขอบคุณ แต่อย่ำให้เรำไปเลย 4. ขอบใจ แต่เวลำของเรำมีค่ำนะ 5. ขอบใจ แต่เรำคงไปไม่ได้จริงๆ 1. เรำมีภำระที่หนักหนำเกินกว่ำ จะบอกให้ใครรู้ได้ 2. เงินสำคัญกับเรำแค่ไหน คนรวยอย่ำงเธอคงไม่เข้ำใจ 3. เรำต้องทำงำนพิเศษ ไม่มีเวลำ ไปเที่ยวเล่นเหลวไหล 4. เห็นพ่อแม่ทำงำนหนักมำก เรำเลยอยำกจะช่วยท่ำน 5. พ่อแม่คงอยำกเห็นเรำอำบเหงื่อ ต่ำงน้ำมำกกว่ำไปเที่ยว 1. 2. 3. 4. 5. 47. ประโยค”เงียบๆหน่อยได้ไหม” เป็น” (1) ประโยคชนิดใด” “(2) ละส่วนใดของประโยค” และ “(3) แสดงเจตนำอะไรในกำรสื่อสำร” กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 (1) ชนิดของประโยค (2) ละส่วนใดของประโยค (3) แสดงเจตนำอะไร ในกำรสื่อสำร 1. ประโยคควำมเดียว 2. ประโยคควำมซ้อน 3. ประโยคควำมรวม 4. ประโยคควำมรวมซับซ้อน 5. ประโยคไม่สมบูรณ์ 1. แจ้งให้ทรำบ 2. ถำมให้ตอบเนื้อควำม 3. ถำมให้เลือก 4. ถำมให้ตอบรับ-ปฏิเสธ 5. บอกให้ทำ 1. ประธำน 2. กรรม 3. กริยำ 4. ประธำนและกรรม 5. ประธำนและกริยำ
  • 33. 33 48. จงเลือก”(1) กำรเขียนวันที่” “(2) คำขึ้นต้นจดหมำย” “(3) คำขึ้นต้นเนื้อควำม” “(4) คำลงท้ำยเนื้อควำม” และ “ (5) คำลงท้ำยของจดหมำย” ต่อไปนี้ เพื่อให้จดหมำยที่กำหนดให้ในหน้ำถัดไปมีรูปแบบที่ถูกต้อง กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 (1) กำรเขียนวันที่ (2) คำขึ้นต้นจดหมำย 1. วันที่ 4 กุมภำพันธ์ 2553 2. 4 กุมภำพันธ์ 2553 3. วันอังคำรที่ 4 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2553 4. วันที่ 4 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2553 5. วันอังคำร แรม 5 ค่ำ ปีฉลู จ. ศ. 1371 1. เรียน 2. สวัสดี 3. กรำบเท้ำ 4. นมัสกำร 5. เจริญพร กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ 4 กลุ่มที่ 5 (3) คำขึ้นต้นเนื้อควำม (4) คำลงท้ำยเนื้อควำม (5) คำลงท้ำยของจดหมำย 1. สวัสดี 2. ตำมที่ 3. อนุสนธิ 4. เนื่องจำก 5. ไม่ต้องใช้คำขึ้นต้น 1. จึงเรียนมำเพื่อทรำบ 2. จึงเรียนมำเพื่อโปรดพิจำรณำ 3. จึงเรียนมำเพื่อขอ 4. จึงนมัสกำรมำเพื่อ 5. ไม่ต้องใช้คำลงท้ำย 1. ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง 2. ด้วยรักและเคำรพ 3. ขอแสดงควำมนับถือ 4. ขอให้เจริญในธรรม 5. สวัสดี
  • 34. 34 128 อำคำรพญำไทพลำซ่ำ ชั้น 36 แขวงทุ่งพญำไท เขตรำชเทวี ที่ สทศ.234/2553 กรุงเทพฯ 10400 …………………….(1)……………………. เรื่อง ขอให้ประชำสัมพันธ์ให้นักเรียนตรวจสอบสนำมสอบ ….(2)…. ผู้อำนวยกำรโรงเรียนมัธยมบ้ำนเอกลักษณ์ไทย …..(3)…..ปีกำรศึกษำ 2552 นี้มีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 สมัครเข้ำร่วมกำรทดสอบ O-Net ช่วงชั้นที่ 3 ประจำปีกำรศึกษำ 2552 เป็นจำนวนมำกนั้น จึงใคร่ขอให้ท่ำนประชำสัมพันธ์ให้นักเรียนที่จะ เข้ำสอบทุกคนตรวจสอบสนำมสอบของตนเองให้เรียบร้อยก่อนวันทำกำรสอบ เพื่อป้ องกันกำรเข้ำสอบผิด สนำมสอบ ซึ่งหำกเกิดข้อบกพร่องดังกล่ำวสถำบันทดสอบทำงกำรศึกษำแห่งชำติ (องค์กำรมหำชน) จะไม่ รับผิดชอบต่อข้อผิดพลำดที่เกิดขึ้น …..(4)…..ประชำสัมพันธ์ให้นักเรียนตรวจสอบสนำมสอบ อย่ำงเคร่งครัด จักเป็นพระคุณยิ่ง …………………….(5)……………………. (ลงนำม) ศำสตรำจำรย์ดร. อุทุมพร จำมรมำน ผู้อำนวยกำรสถำบันทดสอบทำงกำรศึกษำแห่งชำติ (องค์กำรมหำชน) สถำบันทดสอบทำงกำรศึกษำแห่งชำติ (องค์กำรมหำชน) โทรศัพท์ 0-2219-2991-5 ส่วนที่ 4 : แบบระบำยกำรเรียงลำดับข้อควำมให้ถูกต้องสัมพันธ์กัน จำนวน 2 ข้อ (ข้อละ 49-50) : ข้อละ 6 คะแนน 49. จงเรียงลำดับข้อควำมต่อไปนี้ เพื่อให้เป็นย่อหน้ำที่สมบูรณ์ 1. ผงอณูเล็กๆ จำกสำหร่ำยอำจช่วยชะลอและทำให้อำหำรเสียช้ำลง 2. แต่สำหร่ำยนั้นมีโซเดียมน้อยกว่ำเกลือมำก โดยมีเพียงร้อยละ 4 ขณะที่เกลือธรรมดำมีถึงร้อยละ 40 3. โดยไม่ทำให้กลิ่นและรสของอำหำรเปลี่ยนไป ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติเดียวกับเกลือ 4. เพรำะนักวิทยำศำสตร์จำกอังกฤษค้นพบว่ำ 5. อำหำรสำเร็จรูปปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยเกลือ แต่ในอนำคตอำจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้
  • 35. 35 50. จงเลือกคำกลอนต่อไปนี้ไปใส่ในช่องว่ำง เพื่อให้ใจควำมสมบูรณ์ 1. อุ่นเอื้อมิสิ้นใจดินฟ้ำ 2. ฝนอำบมำเอื้อแด่ทุ่งถิ่น 3. เหยียบยกตกตึงจึงกังวำน 4. เช้ำชื่นตื่นตำมำเติมไฟ 5. เบิกยิ้มบำนใจในเหงื่องำน จดตีนเหยียบยกแล้วตกตึง แปรเป็นข้ำวนึ่งจึงหอมหวำน ……………..(1)……………… เริ่มไถแรกหว่ำนสู่ลำนดิน ผุดภำพชีวิตอันชิดเชื้อ …………..(2)…………….. ผักหญ้ำปลำปูพออยู่กิน …………..(3)…………….. ……………..(4)……………… แดดอุ่นอำบลำนและอำบหล้ำ เสียงก้องเข้ำไปในวิญญำณ์ …………..(5)……………..
  • 36. 36 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ต้น 2553 ส่วนที่ 1 : แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 13 ข้อ (ข้อ 1-13) : ข้อละ 3 คะแนน รวม 39 คะแนน หอมไฟไหม้ดินกลิ่นอิฐ เรียงติดลงเตำเผำแต่ง ดินดำคล้ำคลำยกลำยแดง ละก้อนล้วนแกร่งกร่ำงไกร ดินดงลงบ่อหล่อเบ้ำ คลุกเถ้ำคลึงถำดปำดไถ กดแท่นแป้ นทับฉับไว ลงมือลงไม้ไฟรุม น้ำทุ่งน้ำท่ำมำอำบ มำนำบมำนวดดินนุ่ม เมืองล่ำงเมืองบนชนชุม มือนี้ที่กรุมกรำงำน ปั้นดินปำดดินประดัง เป็นวังเป็นวัดพัสถำน ปูทำงเท้ำคนทนทำน บันดำลด้วยมือแรงเรำ 1. บุคคลใดต่อไปนี้นำสำระสำคัญของบทประพันธ์นี้ไปใช้ตรงตำมจุดประสงค์ของผู้ประพันธ์ 1. คมกริช คิดว่ำกำรทำอิฐไม่ยำกอย่ำงที่คิดจึงลงมือทำอิฐเพื่อสร้ำงบ้ำนเอง 2. คงฤทธิ์ ตั้งใจว่ำ ไม่ว่ำจะเกิดอะไรขึ้นก็จะทำงำนที่ยำกลำบำกด้วยตัวเอง 3. คงธนำ เปลี่ยนวัสดุในกำรสร้ำงโรงรถจำกเดิมที่จะใช้ไม้มำใช้อิฐทดแทน 4. คมกฤษ ใช้กวีนิพนธ์นี้เป็นส่วนนำในกำรเขียนควำมเรียงเรื่อง”ขั้นตอนกำรทำอิฐ” 2. คำประพันธ์นี้มีน้ำเสียงอย่ำงไร 1. ชื่นชม 2. ตื่นเต้น 3. ตื้นตัน 4. ประทับใจ 3. ใจควำมสำคัญของบทประพันธ์นี้อยู่ที่บทใด 1. บทที่ 1 2. บทที่ 2 3. บทที่ 3 4. บทที่ 4 ปีการศึกษา
  • 37. 37 4. ข้อใดมีคำซ้อน 1. ดินดงลงบ่อหล่อเบ้ำ 2. คลุกเถ้ำคลึงถำดปำดไถ 3. กดแท่นแป้ นทับฉับไว 4. ลงมือลงไม้ไฟรุม 5. ข้อใดไม่มีโครงสร้ำงเป็นประโยค 1. หอมไฟไหม้ดินกลิ่นอิฐ 2. เรียงติดลงเตำเผำแต่ง 3. ดินดำคล้ำคลำยกลำยแดง 4. ละก้อนล้วนแกร่งกร่ำงไกร 6. ข้อใดมีกำรใช้ภำพพจน์ลักษณะเดียวกับ “มำนำบมำนวดดินนุ่ม” 1. เรือนรำยชำยฝั่งทั้งสองฝำก 2. ป่ำจำกแซมรำกลำพูร่อง 3. เรียงหินเป็นเขื่อนที่ชำยคลอง 4. รับฟองคลื่นฟู่อยู่เย็นเย็น อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้แล้วตอบคำถำมข้อ 7-13 สิ่งที่มีค่ำสูงสุดในชีวิตมนุษย์ก็คือ “ตัวชีวิตเอง” คำกล่ำวนี้เป็นควำมจริงโดยที่ใครไม่อำจปฏิเสธ แต่ทั้งๆ ที่รู้ มนุษย์ก็ปฏิบัติกับชีวิตเหมือนไม่รู้จักรักชีวิต หำกจะเปรียบก็คงเป็นเช่นเสนำอมำตย์ข้ำรำชบริพำรของ พระมหำชนกที่ชอบรับประทำนมะม่วง แต่ขณะเดียวกันกลับโค่นต้นมะม่วงทิ้ง มนุษย์รักชีวิต แต่ปฏิบัติต่อ ชีวิตไม่ถูกต้อง ชีวิตอันเป็นสิ่งสูงค่ำยิ่งกว่ำสมบัติบรรดำมีใดทั้งหมดของตน ก็เลยพลอยมีอันแตกหัก บิ่นร้ำว แหลกสลำยลงไปก่อนวัยอันสมควร น่ำเสียดำยชีวิตที่ถูกเหวี่ยงไปอย่ำงไร้จุดหมำยวันแล้ววันเล่ำ ล่องลอยไปในกระแสกิน กำม เกียรติเหมือน ขอนไม้แห้งหรือกอสวะที่ไร้อนำคต แทนที่เรำจะเป็นฝ่ำยกำหนดชีวิตกลับปล่อยให้ชีวิตถูกกิเลส สังคม กำรงำน วัฒนธรรม ควำมหลงผิดมำเป็นฝ่ำยกำหนดแทนที่จะเป็นนำยของชีวิต กลับกลำยเป็นทำสของชีวิต แทนที่จะเป็นฝ่ำยเลือกใช้ชีวิต กลับถูกชีวิตผลักไสไปตำมยถำกรรม ทำไมไม่อนุญำตให้ตัวเองได้อยู่เงียบๆ คนเดียวสักระยะหนึ่งแล้วลองไตร่ตรองมองตนดูว่ำ หลำยขวบปี ที่ผ่ำนมำเรำได้ใช้ชีวิตไปให้คุ้มค่ำมำกหรือน้อยเพียงไร มีสิ่งใดที่ควรแก่ควำมภูมิใจ และมีสิ่งใดควรแก่ควำม สลดสังเวชกับกำรกระทำของตัวเอง พินิจตนด้วยตนสอนตนด้วยตน ดีกว่ำให้ใครต่อใครมำกมำยมำเสี้ยมสอน ซึ่งแน่นอนว่ำเรำรับฟัง แต่คงไม่มีผลต่อควำมเปลี่ยนแปลงใดๆ เหมือนกับกำรสอนตนด้วยตนเอง
  • 38. 38 มนุษย์เกิดมำในโลกอย่ำงมีควำมหมำย ไม่มีใครเกิดมำไร้ค่ำหรือเกิดมำเพื่อจะถูกลืมยกเว้นแต่คนที่ พยำยำมจะทำให้คนอื่นลืมตนเอง ไม้ทุกต้น หญ้ำทุกชนิด ก็เช่นเดียวกับนอตทุกตัวที่ผลิตขึ้นมำเพื่อให้ เหมำะสมกับภำรกิจใดภำรกิจหนึ่ง ณ เวลำใดเวลำหนึ่งเสมอ มนุษย์ก็เช่นกัน ต่ำงมำสู่โลกนี้เพื่อจะบำเพ็ญ กรณีบำงอย่ำงบำงประกำร ซึ่งล้วนแต่มีควำมสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ำกัน มนุษย์ทุกคนล้วนมีศักยภำพแฝง เร้นที่จะบรรลุภำรกิจของตนได้อย่ำงงดงำมทั้งสิ้น แต่มนุษย์ตระหนักรู้ถึงศักยภำพพิเศษของตนตรงนี้หรือไม่ น้ำเน่ำอำจระเหยกลำยเป็นเมฆฝนหล่อเลี้ยงผืนโลก กรวดทรำยต่ำต้อยอำจถูกหล่อหลอมเป็นศิลป์ สถำปัตย์ที่ทรงคุณค่ำระดับสำกล ข้าวเปลือกในนาอำจกลำยเป็นสุธำรสของพระมหำจักรพรรดิ ลูกกุลีอำจ กลำยเป็นเศรษฐีพันล้ำน ฯลฯ ขอเพียงมนุษย์ไม่ดูถูกตัวเองตระหนักรู้ถึงศักยภำพพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตน แล้ว เพียรเจียระไนชีวิตให้แวววำวพรำวพรำยด้วยกำรศึกษำเรียนรู้ ซึมซับเก็บรับบทเรียนจำกกำรงำนและกำรใช้ ชีวิตอย่ำงสุขุม ก็ย่อมจะมีชีวิตที่คุ้มค่ำ สงบ ร่มเย็น และเป็นสุขไม่ยำกเย็น 7. ใจควำมสำคัญของข้อควำมที่คัดมำให้อ่ำนคือข้อใด 1. มนุษย์ควรจัดสรรเวลำส่วนหนึ่งของชีวิตสำหรับตัวเองเพื่อทำควำมเข้ำใจชีวิต 2. ชีวิตของมนุษย์ทุกคนมีคุณค่ำขึ้นอยู่กับว่ำมนุษย์มองเห็นคุณค่ำนั้นหรือไม่ 3. คนที่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตำมกิเลสคือคนที่ใช้ชีวิตอย่ำงไร้จุดหมำย 4. ไม่มีคำสอนของผู้ใดที่จะดีเท่ำคำสอนที่ตนเองสอนตนเองด้วยตนเอง 8. จำกข้อควำมที่คัดมำให้อ่ำน ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง 1. ไม่มีใครมีควำมรู้ที่จะสอนเรำได้นอกจำกตัวของเรำเอง 2. มนุษย์ทุกคนเกิดมำบนโลกนี้มีหน้ำที่ของตัวเอง 3. คนที่ดูถูกตัวเองแสดงให้เห็นว่ำเป็นคนที่ไม่มีกำรศึกษำ 4. ชีวิตเป็นเหมือนพลอยที่ถ้ำแตกหัก บิ่น ร้ำว ก็ไร้ค่ำ 9. ข้อใดใช้ภำษำไม่เป็นทำงกำรในกำรเขียน 1. ขอเพียงมนุษย์ไม่ดูถูกตัวเอง ตระหนักรู้ถึงศักยภำพพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตน 2. แล้วเพียรเจียระไนชีวิตให้แวววำวพรำวพรำยด้วยกำรศึกษำเรียนรู้ 3. ซึมซับเก็บรับบทเรียนจำกกำรงำนและกำรใช้ชีวิตอย่ำงสุขุม 4. ก็ย่อมจะมีชีวิตที่คุ้มค่ำ สงบ ร่มเย็น และเป็นสุขไม่ยำกเย็น 10. คำว่ำ “ข้ำวเปลือกในนำ” ในย่อหน้ำที่ 5 หมำยควำมถึงสิ่งใด 1. ควำมภำคภูมิใจของมนุษย์ 2. กำรใช้ชีวิตอย่ำงสุขุมของมนุษย์ 3. ควำมสำมำรถพิเศษของมนุษย์ 4. กำรมีชีวิตอย่ำงคุ้มค่ำของมนุษย์
  • 39. 39 11. ข้อควำมข้ำงต้นมีเนื้อหำใกล้เคียงกับสุภำษิตในข้อใดมำกที่สุด 1. รักดีหำมจั่วรักชั่วหำมเสำ 2. ข้ำงนอกสุกใสข้ำงในเป็นโพรง 3. ไม้อ่อนดัดง่ำยไม้แก่ดัดยำก 4. ช้ำๆ ได้พร้ำสองเล่มงำม 12. ข้อใดคือจุดมุ่งหมำยของข้อควำมนี้ 1. เพื่อย้ำให้เห็นควำมสำคัญของมนุษย์ในฐำนะที่เป็นสัตว์สังคม 2. เพื่อเชิญชวนให้ผู้อ่ำนทุกคนหันมำให้ควำมสำคัญกับกำรทำงำน 3. เพื่อแนะนำให้หันกลับมำพิจำรณำและพัฒนำชีวิตของตนเอง 4. เพื่อสั่งสอนให้ไม่ลุ่มหลงอยู่ในกิเลสและควำมยั่วยุทั้งปวง 13. ประโยค “มนุษย์ทุกคนล้วนมีศักยภำพแฝงเร้นเกินที่จะบรรลุภำรกิจของตนเองได้อย่ำงงดงำมทั้งสิ้น” เป็นประโยคชนิดใด 1. ประโยคควำมเดียว 2. ประโยคควำมเดียว 2 ประโยค 3. ประโยคควำมซ้อน 4. ประโยคควำมรวม ส่วนที่ 2 : แบบปรนัยหลำยตัวเลือก (ข้อ 14-15) แต่ละข้อให้เลือกจำนวนคำตอบตำมที่โจทย์กำหนด ข้อ 14 = 4 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบได้2 คะแนน ตอบถูก 3 คำตอบได้3 คะแนน ตอบถูกครบได้4 คะแนน ข้อ 15 = 7 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบได้2 คะแนน ตอบถูก 3 คำตอบได้4 คะแนน ตอบถูก 4 คำตอบได้ 5 คะแนน ตอบถูกครบได้7 คะแนน 14. ให้นักเรียนเลือกข้อควำมต่อไปนี้เติมลงในช่องว่ำงเพื่อที่จะทำให้แผนผังควำมคิดนี้มีควำมถูกต้อง สมบูรณ์ โดยเลือกคำตอบที่ดีที่สุด 4 คำตอบ จำก 8 ข้อควำมที่กำหนดให้ มหัศจรรย์ ประเทศไทย
  • 40. 40 1. ควำมคิดของผู้คนที่แตกต่ำง ก็อยู่ร่วมกันได้อย่ำงสันติ 2. โบรำณสถำน โบรำณวัตถุ มรดกล้ำค่ำของแผ่นดิน 3. พระพุทธศำสนำ สอนให้คนตระหนักรู้กฎแห่งกรรม 4. นักเรียนไทย เข้ำร่วมกำรแข่งขันโอลิมปิกวิชำกำร 5. ภูเขำใหญ่ ดอกไม้สวย ทะเลใส ธรรมชำติงดงำม 6. รอยยิ้ม มิตรภำพ น้ำใจไมตรี ใครๆก็เป็นพี่น้องกัน 7. ขวำนทองของไทย แหล่งแร่ทองคำมำกที่สุดในเอเชีย 8. พระมหำกษัตริย์ไทย แหล่งรวมจิตใจของผองชน 15. จงเลือก”(1)กำรเขียนวันที่” “(2)คำขึ้นต้นจดหมำย” “(3) คำขึ้นต้นเนื้อควำม” “(4)คำลงท้ำยเนื้อควำม” และ “(5)คำลงท้ำยของจดหมำย” ต่อไปนี้เพื่อให้จดหมำยต่อไปนี้สมบูรณ์ (1) การเขียนวันที่ (2) คาขึ้นต้นจดหมาย 1. วันที่ 14 กุมภำพันธ์ 2554 2. 14 กุมภำพันธ์ 2554 3. วันจันทร์ที่ 14 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2554 4. วันที่ 14 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2554 5. วันจันทร์ ขึ้น 11 ค่ำ ปีขำล จ.ศ. 1372 1. เรียน 2. สวัสดี 3. กรำบเท้ำ 4. นมัสกำร 5. เจริญพร (3) คาขึ้นต้นเนื้อความ (4) คาลงท้ายเนื้อความ (5) คาลงท้ายของจดหมาย 1. สวัสดี 2. ตำมที่ 3. อนุสนธิ 4. เนื่องจำก 5. ไม่ต้องใช้คำขึ้นต้น 1. จึงเรียนมำเพื่อทรำบ 2. จึงเรียนมำเพื่อโปรดพิจำรณำ 3. จึงเรียนมำเพื่อขอ 4. จึงนมัสกำรมำเพื่อ 5. ไม่ต้องใช้คำลงท้ำย 1. ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง 2. ด้วยรักและเคำรพ 3. ขอแสดงควำมนับถือ 4. ขอให้เจริญในธรรม 5. สวัสดี
  • 41. 41 100/41 หมู่บ้ำนประชำสุข ต. รอบเวียง อ. เมือง จ. เชียงรำย 57000 (1) เรื่อง ขอลำกิจ (2) อำจำรย์ประจำวิชำภำษำไทย (3) ข้ำพเจ้ำ นำยรักดี มีควำมสุข ได้ผ่ำนกำรคัดเลือกเป็นนักกีฬำประจำจังหวัดเพื่อ เข้ำร่วมกำรแข่งขันกีฬำแห่งชำติประจำปี 2554 ทั้งนี้ข้ำพเจ้ำจะต้องเข้ำค่ำยนักกีฬำเพื่อพัฒนำศักยภำพใน ระหว่ำงวันที่ 20 กุมภำพันธ์ 2554 ถึงวันที่ 15 มีนำคม 2554 จึงทำให้ไม่สำมำรถเข้ำเรียนรำยวิชำภำษำไทย ในช่วงเวลำดังกล่ำวได้ (4) ลำกิจในช่วงเวลำข้ำงต้น (5) นำยรักดี มีควำมสุข
  • 42. 42 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย ม.ต้น 2553 ส่วนที่ 1 : แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 13 ข้อ (ข้อ 1-13) : ข้อละ 3 คะแนน รวม 39 คะแนน กรอดอกกรอด้ำย เป็นลำยแดงเหลือง สีหม่นสีเมือง ศรีเวียงเชียงคำ ประดับเกล็ดดำว บนผืนผ้ำดำ สีเลื่อมสีล้ำ เป็นริ้วเป็นลำย เหยียบกี่ยกก้ำว ค่อยสำวเรียงเส้น กระดกยกเต้น ยกเส้นยกสำย เป็นมุกมิ่งแก้ว เป็นเกำะกระจำย เป็นเชิงเป็นชำย ให้ชื่นให้ชม พันผ้ำโพกงำม ห้อยยำมลำยแดง ทอเรี่ยวทอแรง ทอโลกรื่นรมย์ ทอชีพชำวลื้อ ทอสื่อทอสม ทอดินอุดม ชั่วนำตำปี หอมมะลิซ้อน หอมอ่อนชื่นช้อย หยำดน้ำต้นน้อย ตกแผ่นธรณี ชื่นน้ำใจหลำย ชื่นลำยผ้ำสี งำมชื่นทวี พ่องำมแม่งำม หมำยเหตุ เชียงคำในบำทที่ 4 บทที่ 1 หมำยควำมถึงอำเภอเชียงคำในจังหวัดพะเยำ 1. บุคคลใดต่อไปนี้นำสำรสำคัญของบทประพันธ์นี้ไปใช้ได้ตรงตำมจุดประสงค์ของผู้ประพันธ์ 1. รักพงษ์ ใช้บทประพันธ์นี้เป็นส่วนสรุปของกำรเขียนรำยงำนเรื่อง “กระบวนกำรทอผ้ำ” 2. รักชำติ เดินทำงไปท่องเที่ยวที่จังหวัดพะเยำเลยแวะไปซื้อผ้ำทอที่กล่ำวถึงในบทประพันธ์ 3. รักดี ตระหนักถึงคุณค่ำของผ้ำทอของไทยที่ไม่เพียงแต่สวยงำมแต่มีคุณค่ำในมิติวัฒนธรรม 4. รักเกียรติ บริจำคเงินสมทบทุนมูลนิธิส่งเสริมผ้ำทอหัตถกรรมของชำวไทยลื้อ ปีการศึกษา
  • 43. 43 2. คำประพันธ์นี้มีน้ำเสียงอย่ำงไร 1. ชื่นชม 2. ตื่นเต้น 3. ตื้นตัน 4. ประทับใจ 3. ใจควำมสำคัญของกลอนบทนี้อยู่ที่บทใด 1. บทที่ 1 2. บทที่ 2 3. บทที่ 3 4. บทที่ 4 4. ข้อใดไม่มีคำซ้อน 1. กรอดอกกรอด้ำย เป็นลำยแดงเหลือง สีหม่นสีเมือง ศรีเวียงเชียงคำ 2. ประดับเกล็ดดำว บนผืนผ้ำดำ สีเลื่อมสีล้ำ เป็นริ่วเป็นลำย 3. เหยียบกี่ยกก้ำว ค่อยสำวเรียงเส้น กระดกยกเต้น ยกเส้นยกสำย 4. เป็นมุกมิ่งแก้ว เป็นเกำะกระจำย เป็นเชิงเป็นชำย ให้ชื่นให้ชม 5. ข้อใดไม่มีโครงสร้ำงเป็นประโยค 1. หอมมะลิซ้อน หอมอ่อนชื่นช้อย 2. หยำดน้ำต้นน้อย ตกแผ่นธรณี 3. ชื่นน้ำใจหลำย ชื่นลำยผ้ำสี 4. งำมชื่นทวี พ่องำมแม่งำม 6. ข้อใดมีกำรใช้ภำพพจน์ลักษณะเดียวกับวรรค “ทอเรี่ยวทอแรง ทอโลกรื่นรมย์” 1. สนช้อยลอยเรี่ยเจียระไน 2. รำงไรรำวจะเอื้อมเอำดำวรุ่ง 3. รองดวงตะวันในเวิ้งวุ้ง 4. โค้งคุ้งครำมรำยชำยชมพู อ่ำนข้อควำมต่อไปนี้แล้วตอบคำถำมข้อ 7-13 ครั้งพุทธกำลมีหมอใหญ่เลื่องชื่ออยู่คนหนึ่งนำมว่ำ“ชีวกโกมำรภัจจ์”ตำมตำนำนกล่ำวว่ำท่ำนเป็นลูก ของหญิงงำมเมืองหรือนำงนครโสเภณีซึ่งสมัยนั้นถือว่ำเป็นเกียรติยศของบ้ำนเมืองอย่ำงหนึ่งนำมว่ำ“สำลวดี” ค่ำที่มำรดำมีอำชีพที่ต้องรักษำตัวให้เลอโฉมอยู่เป็นนิตย์พอพลำดพลั้งเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมำนำงจึงหลบลี้หนีจำก วงสังคมไปพักใหญ่ ภำยหลังคลอดลูกชำยออกมำก็สั่งให้คนสนิทเอำไปทิ้งกองขยะเพรำะว่ำลูกชำยไม่สำมำรถ สืบเชื้อสำยอันทรงเกียรติของมำรดำได้หำกเลี้ยงไปก็จะเกิดควำมอัปยศแก่ตน
  • 44. 44 ดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้งก็ไม่รู้ เผอิญเช้ำวันนั้นเจ้ำชำยอภัยพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้ำพิมพิสำรทรง ดำเนินผ่ำนมำทำงนั้นพอดี ทอดพระเนตรเห็นอีกำจำนวนมำกบินว่อนอยู่เหนือกองขยะจึงทรงใช้มหำดเล็กไปดู มหำดเล็กกรำบทูลว่ำเป็นเด็ก ทรงถำมกลับไปว่ำ “ตำยหรือเป็น”มหำดเล็กตอบว่ำ”ยังเป็นๆอยู่เลยพระเจ้ำข้ำ” จึงทรงรับเด็กไว้ในพระรำชูปถัมภ์แล้วเรียกชื่อว่ำ “ชีวก” แปลว่ำ “ยังมีชีวิตอยู่” หรือแปลเป็นไทยอีกชื่อหนึ่ง ว่ำ “บุญรอด” จำเนียรกำลผ่ำนไป ชีวกกุมำรเจริญวัย รู้ว่ำตนเป็นลูกกำพร้ำเกิดควำมน้อยใจในวำสนำจึงคิดหำวิชำ ใส่ตัวออกเดินทำงไปศึกษำวิชำแพทยศำสตร์จำกอำจำรย์ผู้มีชื่อเสียงอยู่ในเมืองตักสิลำเสีย7ปี ศึกษำอยู่นำนจน เบื่อหน่ำยมองไม่เห็นว่ำจะจบหลักสูตรเมื่อไรจึงเข้ำไปถำมอำจำรย์ว่ำต้องศึกษำกันอีกนำนไหมกว่ำจะได้ หอมกลิ่นปริญญำ อำจำรย์ไม่ตอบแต่สั่งให้นักศึกษำหนุ่มออกเดินทำงไปในรัศมี 16กิโลเมตร(หนึ่งโยชน์) เพื่อหำต้นไม้ใบหญ้ำที่ไม่ใช่ตัวยำมำให้ดูหน่อย นักศึกษำหนุ่มถือย่ำมจอบเสียมมุ่งหน้ำเข้ำป่ำหำยไปหลำยวันค้นจนทั่วป่ำกินเวลำเกือบสองอำทิตย์ก็ กลับมำหำอำจำรย์ด้วยสองมือเปล่ำอำจำรย์ถำมว่ำ “ไหนละสิ่งที่ไม่ใช่ตัวยำ”นักศึกษำแพทย์หนุ่มรำยงำน อำจำรย์ว่ำ “กระผมพินิจดูแล้วตลอดรัศมี 16กิโลเมตรในป่ำนี้ ไม่มีต้นไม้ใบหญ้ำชนิดไหนที่ใช้เป็นตัวยำไม่ได้ เลยไม้ทุกต้นหญ้ำทุกชนิดมีสรรพคุณเป็นตัวยำได้ทั้งนั้นขอรับ” รอยยิ้มปรำกฎบนใบหน้ำของอำจำรย์พร้อมกับแววตำเปี่ยมไมตรีจิตดูอบอุ่นและภำคภูมิใจอำจำรย์ใหญ่ ตบไหล่ศิษย์รักเบำๆพลำงสรุปข้อค้นพบของเขำให้หนักแน่นขึ้น “ใช่แล้วชีวก!หญ้ำทุกชนิดไม้ทุกต้นถ้ำเธอฉลำดพอก็จะรู้ว่ำล้วนแล้วแต่ใช้เป็นตัวยำได้ทั้งนั้นไม่มีหญ้ำ หรือไม้ต้นใดที่เกิดมำโดยไม่มีคุณค่ำด้ำนหนึ่งด้ำนใดอยู่ในตัวเองเป็นอันว่ำเธอจบกำรศึกษำและได้รับปริญญำ จำกสถำบันของเรำแล้ว” 7. ใจควำมสำคัญของข้อควำมที่คัดมำให้อ่ำนคือข้อใด 1. ชีวกโกมำรภัจจ์เป็นแพทย์หนุ่มสมัยพุทธกำลที่มีชีวิตที่ยำกแค้นในวัยเด็ก 2. ในรัศมีหนึ่งโยชน์โดยรอบของสำนักตักสิลำนั้นไม่มีต้นไม้ใดที่ไม่เป็นยำ 3. จุดประสงค์ของกำรให้ไปหำสมุนไพรเพื่อจะตรวจสอบควำมรู้ในกำรใช้ยำ 4. สรรพสิ่งในโลกมีคุณค่ำอยู่ในตัวเองขึ้นอยู่กับว่ำเรำจะมองเห็นหรือไม่ 8. จำกข้อควำมข้ำงต้นข้อใดสรุปได้ถูกต้อง 1. กำรต้องเป็นลูกกำพร้ำไม่มีพ่อแม่ทำให้ชีวกเลือกเรียนแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้คน 2. พระโอรสของพระเจ้ำพิมพิสำรเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือลูกที่กำพร้ำพ่อแม่ 3. ชีวกไม่สำมำรถหำพืชมำมอบให้อำจำรย์ได้แสดงว่ำชีวกเห็นคุณค่ำของต้นไม้ทุกต้น 4. สำนักตักศิลำสอนวิชำกำรใช้ยำสมุนไพรและริเริ่มกำรให้ปริญญำเป็นแห่งแรก
  • 45. 45 9. ข้อใดใช้ภำษำไม่เป็นทำงกำรในกำรเขียน 1. ดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้งก็ไม่รู้ 2. นักศึกษำหนุ่มถือย่ำม จอบ เสียม มุ่งหน้ำเข้ำป่ำ 3. มหำดเล็กตอบว่ำ “ยังเป็นๆ อยู่เลยพระเจ้ำข้ำ” 4. ชีวกออกเดินทำงไปศึกษำวิชำแพทยศำสตร์ 10. คำว่ำ “ปริญญำ” ในย่อหน้ำที่ 3 มีควำมหมำยถึงสิ่งใด 1. ดอกไม้ชนิดหนึ่งสีขำวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมแรง 2. สมุนไพรชนิดหนึ่งที่พบได้บริเวณสำนักตักศิลำ 3. ควำมรอบรู้และรู้แจ้งในสรรพวิชำที่ร่ำเรียนมำ 4. ควำมดีงำมที่มีอยู่ภำยในของสรรพสิ่งบนโลก 11. ข้อใดคือจุดมุ่งหมำยของข้อควำมที่คัดมำให้อ่ำนข้ำงต้น 1. เพื่อส่งเสริมให้คนเห็นคุณค่ำและควำมสำคัญของกำรศึกษำ 2. เพื่อให้ควำมรู้เกี่ยวกับประวัติบุคคลสำคัญในอดีต 3. เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนมองเห็นคุณค่ำของสิ่งรอบตัว 4. เพื่อแนะนำให้ดำเนินชีวิตตำมรอยชีวกโกมำรภัจจ์ 12. ชีวิตของชีวกโกมำรภัจจ์มีเนื้อหำใกล้เคียงกับสุภำษิตใดมำกที่สุด 1. ต้นร้ำยปลำยดี 2. รู้มำกยำกนำน 3. บุญมำวำสนำส่ง 4. ฝนทั่งให้เป็นเข็ม 13. ประโยค “ครั้งพุทธกำลมีหมอใหญ่เลื่องชื่ออยู่คนหนึ่ง นำมว่ำ “ชีวกโกมำรภัจจ์” เป็นประโยคชนิดใด 1. ประโยคควำมเดียว 2. ประโยคควำมเดียว 2 ประโยค 3. ประโยคควำมรวม 4. ประโยคควำมซ้อน
  • 46. 46 ส่วนที่ 2 : แบบปรนัยหลำยตัวเลือก (ข้อ 14-15) แต่ละข้อให้เลือกจำนวนคำตอบตำมที่โจทย์กำหนด ข้อ 14 = 4 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบได้2 คะแนน ตอบถูก 3 คำตอบได้3 คะแนน ตอบถูกครบได้4 คะแนน ข้อ 15 = 7 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบได้2 คะแนน ตอบถูก 3 คำตอบได้4 คะแนน ตอบถูก 4 คำตอบได้ 5 คะแนน ตอบถูกครบได้7 คะแนน 1. หลงรักสถำบันในทำงที่ผิด นำชีวิตให้เศร้ำหมอง 2. กำรเรียนรู้ทักษะชีวิตผ่ำนกระบวนกำรต่อสู้ในชีวิตจริง 3. ใช้กำลังแก้ปัญหำ คิดว่ำคือทำงออก แต่แท้จริงคือทำงผิด 4. ไม่ใช่ปัญหำ ปล่อยให้เวลำแก้ไข โตขึ้นเมื่อไร ก็คิดได้เอง 5. บทบำทหน้ำที่ของนักเรียนนักศึกษำในสังคมไทยยุคปัจจุบัน 6. พิพำกษำโทษคนอื่นด้วยควำมคิดของตนเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์ 7. ลืมหน้ำที่ควำมรับผิดชอบในกำรเรียน จนมีเวลำไปทำสิ่งที่ผิดพลำด 8. ควำมแปลกใหม่ของรูปแบบกำรแสดงออกทำงควำมคิดที่สร้ำงสรรค์ 15. จงเลือก” (1) กำรเขียนวันที่” “(2) คำขึ้นต้นจดหมำย” “(3) คำขึ้นต้นเนื้อควำม” “(4) คำลงท้ำยเนื้อควำม” และ “(5) คำลงท้ำยของจดหมำย” ต่อไปนี้เพื่อให้จดหมำยต่อไปนี้สมบูรณ์ (1) การเขียนวันที่ (2) คาขึ้นต้นจดหมาย 1. วันที่ 14 กุมภำพันธ์ 2554 2. 14 กุมภำพันธ์ 2554 3. วันจันทร์ที่ 14 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2554 4. วันที่ 14 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2554 5. วันจันทร์ ขึ้น 11 ค่ำ ปีขำล จ.ศ. 1372 1. เรียน 2. สวัสดี 3. กรำบเท้ำ 4. นมัสกำร 5. เจริญพร นักเรียน นักเลง
  • 47. 47 (3) คาขึ้นต้นเนื้อความ (4) คาลงท้ายเนื้อความ (5) คาลงท้ายของจดหมาย 1. สวัสดี 2. ตำมที่ 3. อนุสนธิ 4. เนื่องจำก 5. ไม่ต้องใช้คำขึ้นต้น 1. จึงเรียนมำเพื่อทรำบ 2. จึงเรียนมำเพื่อโปรดพิจำรณำ 3. จึงเรียนมำเพื่อขอ 4. จึงนมัสกำรมำเพื่อ 5. ไม่ต้องใช้คำลงท้ำย 1. ด้วยควำมเคำรพอย่ำงสูง 2. ด้วยรักและเคำรพ 3. ขอแสดงควำมนับถือ 4. ขอให้เจริญในธรรม 5. สวัสดี 44/4 หมู่บ้ำนสุขภำพดีถ้วนหน้ำ แขวง ลำดยำว เขต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 (1) เรื่อง ขอลำป่วย (2) อำจำรย์ประจำชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ห้อง 20 (3) ดิฉัน นำงสำวนิดำ ประจักษ์พงศ์ รู้สึกไม่สบำยตั้งแต่วันที่ 12 กุมภำพันธ์ มำรดำ ของดิฉันจึงพำไปพบแพทย์ผลกำรตรวจเบื้องต้นแพทย์วินิจฉัยว่ำดิฉันเป็นไข้หวัดสำยพันธุ์ใหม่ จึงแนะนำ ให้รักษำตัวภำยในบ้ำน 7 วัน เพื่อเป็นกำรป้ องกันกำรแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น (4) ลำป่วยระหว่ำงวันที่ 14 กุมภำพันธ์ 2554 ถึงวันที่ 20 กุมภำพันธ์ 2554 ตำม คำแนะนำของแพทย์ (5) นำงสำววนิดำ ประจักษ์พงศ์
  • 48. 48 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-Net วิชา ภาษาไทย ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 1. 1 กำรอ่ำนออกเสียงพระบรมรำโชวำท ปำฐกถำและแถลงกำรณ์ ผู้อ่ำนออกเสียง จะต้องมุ่งเน้นไปที่กำรแบ่งวรรคตอนให้ถูกต้อง เพื่อป้ องกันกำรสื่อควำม คลำดเคลื่อน นอกจำกนี้ ยังต้องออกเสียงคำให้ชัดเจน เช่น คำควบกล้ำ อักษรนำ เป็นต้น แต่กำรอ่ำนนิทำนซึ่งมีเนื้อหำในกำรเสริมสร้ำงจินตนำกำรให้แก่ผู้ฟัง กำรใช้ ระดับเสียงให้แตกต่ำงในขณะที่อ่ำน มีควำมหนัก เบำ สูง ต่ำ จะช่วยทำให้ผู้ฟังเกิด อำรมณ์ควำมรู้สึกคล้อยตำมและสำมำรถทำควำมเข้ำใจเนื้อหำสำระของเรื่องได้ง่ำย ขึ้น 2. 3 กำรอ่ำนเครื่องหมำย ๆ ไม้ยมก ที่ใช้วำงหลังคำหรือข้อควำมที่ต้องกำรให้อ่ำนออก เสียงซ้ำ ซึ่งอำจซ้ำคำเดียวหรือมำกกว่ำหนึ่งคำก็ได้แล้วแต่ควำมหมำย กำรอ่ำนไม้ ยมกจึงสำมำรถอ่ำนได้หลำยแบบ เช่น อ่ำนซ้ำคำ ของดีๆ อ่ำนว่ำ ของ-ดี-ดี อ่ำนซ้ำ กลุ่มคำ เช่น วันละคนๆ อ่ำนว่ำ วัน-ละ-คน-วัน-ละ-คน อ่ำนซ้ำประโยค เช่น โอเลี้ยง มำแล้วครับๆ อ่ำนว่ำ โอ-เลี้ยง-มำ-แล้ว-ครับ โอ-เลี้ยง-มำ-แล้ว-ครับ จำกตัวเลือกที่ กำหนด ข้อ 1. อ่ำนว่ำ สี-ดำ-ดำ ข้อ 2. อ่ำนว่ำ ตัว-เล็ก-เล็ก ข้อ 4. อ่ำนว่ำ ทุก-ทุก-วัน ส่วนข้อ 3. อ่ำนว่ำ ใน-วัน-หนึ่ง-วัน-หนึ่ง 3. 4 กำรแบ่งวรรคตอน หรือกำรแบ่งจังหวะเป็นสิ่งที่สำคัญมำกสำหรับกำรอ่ำนออกเสียง เพรำะกำรแบ่งวรรคตอนที่ผิดพลำด อำจทำให้ผู้ฟังเข้ำใจเนื้อหำสำระของสำร คลำดเคลื่อนไป 4. 4 กำรจับใจควำมสำคัญเป็นทักษะเบื้องต้นของกำรรับสำรไม่ว่ำด้วยวิธีกำรอ่ำนหรือฟัง ผู้รับสำรจะต้องค้นหำควำมคิดสำคัญหรือประเด็นของเรื่องให้ได้ซึ่งกำรจับใจควำม สำคัญด้วยกำรฟัง หำกผู้ฟังพอจะทรำบหัวข้อของกำรฟังก็ควรที่จะเตรียมควำม พร้อม โดยหำควำมรู้เบื้องต้น เพื่อให้ง่ำยต่อกำรทำควำมเข้ำใจ รวมถึงเตรียมควำม พร้อมทั้งด้ำนร่ำงกำยและจิตใจ 5. 4 จำกข้อควำมได้กล่ำวถึง ควำมเป็นไปของธรรมชำติ ธรรมชำติทุกสิ่งล้วนเป็นไปตำม แบบฉบับของมัน และด้วยควำมที่เป็นธรรมชำติมันจึงสวยงำม 6. 1 เพรำะเป็นสำนวนที่มีควำมหมำยว่ำ จังหวะหรือโอกำสของฝ่ำยใด ฝ่ำยนั้นก็ ได้เปรียบ เป็นฝ่ำยมีชัย
  • 49. 49 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 7. 1 กำรเขียนกรอบแนวคิดที่ดี ผู้เขียนจะต้องสำมำรถจับใจควำม หรือเก็บรำยละเอียด ของสิ่งที่ได้ฟังและดู เพื่อนำมำถ่ำยทอดเป็นกรอบควำมคิดได้ครบถ้วน ตรงประเด็น 8. 3 สำระสำคัญของข้อควำมที่กำหนด คือ มนุษย์ทุกคนมีควำมอยำก ควำมต้องกำรไม่มี ที่สิ้นสุด เมื่ออยำกได้ก็ย่อมมีแต่ควำมทุกข์ที่ไม่มีสิ้นสุดเช่นกัน 9. 4 ในกำรรับสำร นอกจำกกำรทำควำมเข้ำใจสำรแล้ว ผู้รับสำรจำเป็นต้องวิเครำะห์สำร ที่ได้รับมำนั้น ว่ำมีควำมถูกต้อง น่ำเชื่อถือมำกน้อยเพียงใด มีควำมเป็นเหตุเป็นผล หรือไม่ ส่วนใดเป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ซึ่งสิ่งเหล่ำนี้จะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อผู้รับ สำรสำมำรถวิเครำะห์หรือแยกแยะองค์ประกอบแต่ละส่วนภำยในเรื่องได้อย่ำง ละเอียดถี่ถ้วน 10. 1 พิจำรณำจำกข้อควำมที่ปรำกฏในบทประพันธ์ ในวรรคที่สำมหรือวรรครอง ปรำกฏ คำว่ำ สงวนงำม โดยมีควำมหมำยว่ำ ให้ระวังรักษำตนทั้งกำย วำจำ ใจ ให้มีควำม เหมำะสม งดงำม ซึ่งกำรประพฤติผิดหรือไม่ถูกต้องตำมค่ำนิยม และมักได้รับกำร นินทำว่ำร้ำยมำกที่สุดคือ กำรไม่รักนวลสงวนตัว ซึ่งนักเรียนต้องวิเครำะห์ต่อไปว่ำ ตัวเลือกในข้อใดมีควำมสอดคล้องกับคำข้ำงต้นมำกที่สุด ซึ่งคำตอบในข้อ 2., 3. และ 4. ไม่มีควำมสัมพันธ์กับคำว่ำ สงวนงำม 11. 1 บทร้อยกรอง เป็นบทอ่ำนที่ผู้อ่ำนจะต้องถอดควำมสำระสำคัญออกมำเป็นร้อยแก้ว ก่อน แล้วจึงตีควำม จำกสำระสำคัญของเรื่อง 12. 2 กำรอ่ำนเพื่อประเมินคุณค่ำสำร เริ่มจำกผู้อ่ำนจะต้องอ่ำนเรื่องให้จบตลอดทั้งเรื่อง เพื่อให้เล่ำเรื่องได้บอกจุดมุ่งหมำยของเรื่อง วิเครำะห์ส่วนประกอบภำยในเรื่อง กล่ำวถึงบริบทแวดล้อมเรื่องที่อ่ำน แล้วจึงประเมินค่ำ 13. 3 กำรอ่ำนวินิจสำรมีควำมแตกต่ำงจำกกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญในประเด็นของกำร ประเมินคุณค่ำ เพรำะกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ เป็นเพียงกำรอ่ำนเพื่อให้ทรำบว่ำ เรื่องที่อ่ำนเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ในขณะที่กำรอ่ำนวินิจสำร ผู้อ่ำนจะต้องบอกได้ว่ำ เรื่องที่อ่ำนมีคุณค่ำอย่ำงไร 14. 2 เมื่อพิจำรณำจำกตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ คำที่จะต้องพิจำรณำคือคำว่ำ “เตะ” ซึ่งข้อ 1., 3. และ 4. คำว่ำ “เตะ” เป็นคำกริยำที่มีควำมหมำยปรำกฏตำมรูปคำหรือมีควำมหมำย นัยตรง โดยหมำยถึง “วัดหรือเหวี่ยงไปด้วยเท้ำ” ส่วนคำว่ำ “เตะ” ในข้อ 2. มี ควำมหมำยโดยนัยซึ่งหมำยถึง “สะดุดตำ”
  • 50. 50 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 15. 3 ผู้ที่ฝึกฝนคัดลำยมืออย่ำงเป็นประจำ สม่ำเสมอจะได้รับประโยชน์ทั้งทำงตรงและ ทำงอ้อม เช่น เป็นผู้ที่มีลำยมือถูกต้อง เรียบร้อย สวยงำม ฝึกสมำธิ และควำมเพียร พยำยำม นอกจำกนี้ยังก่อให้เกิดควำมภำคภูมิใจในตนเอง ภำคภูมิใจในมรดกของ ชำติ แต่จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของกำรกำหนดให้เยำวชนไทยต้องฝึกฝนกำรคัด ลำยมือก็เพื่อสร้ำงควำมเป็นมำตรฐำน รักษำแบบแผนอักษรไทยไว้ไม่ให้ เปลี่ยนแปลง จนกระทั่งสูญเสียควำมเป็นเอกลักษณ์ไปในที่สุด 16. 2 กำรจะระบุว่ำข้อควำมหนึ่งๆ คัดด้วยอักษรรูปแบบใด คือ กำรสังเกตโครงสร้ำงของ ตัวอักษรว่ำมีลักษณะอย่ำงไร เช่น กำรเขียนส่วนหัว กำรโค้ง กำรหยัก แนวเส้น เป็นต้น ส่วนกำรเว้นช่องไฟ กำรลงน้ำหนักมือ และควำมเสมอต้นเสมอปลำยของ ตัวอักษรที่คัด เป็นเกณฑ์ที่ใช้สำหรับวัดคุณภำพของลำยมือ เพื่อกำรตัดสินประกวด คัดลำยมือ หรือใช้เป็นแนวทำงเพื่อฝึกฝนคัดลำยมือ 17. 4 กำรเขียนสื่อสำรครั้งหนึ่งๆ เมื่อเขียนพยัญชนะ ตัวเลข หรือเครื่องหมำยต่ำงๆ ด้วย ลำยมือที่ไม่ชัดเจน จะทำให้ผู้รับสำร อำจรับสำรผิดพลำดไปจำกควำมเป็นจริง เนื่องจำกไม่สำมำรถอ่ำนลำยมือได้ 18. 2 จำกตัวเลือกข้อ 4. ประโยคที่ถูกต้องคือ ออมเป็นคนสงบเสงี่ยมเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่ ข้อ 3. ประโยคที่ถูกต้องคือ พจน์ร้องเพลงเสียงปำนนกกำรเวก ข้อ 1. ประโยคที่ถูกต้อง คือ เขำทำอะไรงุ่มง่ำมไม่ทันกิน 19. 3 ชุ่มคอโดนใจ เป็นงำนเขียนประเภทโฆษณำ เพรำะเนื้อหำสำระมีควำมมุ่งหมำยให้ ผู้ฟังเกิดควำมสนใจ 20 4 กำรเขียนจดหมำยกิจธุระ เพื่อขอควำมอนุเครำะห์วิทยำกร ผู้เขียนควรใช้ภำษำกึ่ง แบบแผน หรือภำษำแบบแผน เพื่อให้ผู้รับเกิดควำมประทับใจ ยินดีให้ควำม อนุเครำะห์ 21. 2 กำรเขียนอวยพร คือ กำรเขียนที่มีจุดมุ่งหมำยเพื่อให้ผู้รับเกิดควำมรู้สึกประทับใจ ดังนั้นถ้อยคำที่ใช้จึงมีลักษณะของกำรกล่ำวให้ผู้รับคำอวยพร พบแต่สิ่งที่ดีๆ 22. 4 โครงเรื่อง หมำยถึง เค้ำโครงของงำนเขียนทำให้งำนเขียนมีกำรจัดลำดับเนื้อหำ เหมำะสม เนื้อควำมสัมพันธ์กัน มีเอกภำพ สัมพันธภำพ และสำรัตถภำพ จำก ตัวเลือกที่กำหนดให้ คำตอบในข้อ 1., 2. และ 3. มีควำมสัมพันธ์กัน และเชื่อมโยง สัมพันธ์กับชื่อเรื่อง ส่วนประเด็น “ควำมเชื่อเกี่ยวกับกล้วย” มีควำมสอดคล้องกับชื่อ เรื่องน้อยที่สุด และไม่มีควำมสัมพันธ์ใกล้เคียงกับประเด็นทั้ง 3 ประเด็นดังกล่ำว
  • 51. 51 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 23. 3 กำรเขียนโครงงำนในของกำรสรุป และอภิปรำยผล ผู้เขียนจะต้องเขียนให้มีควำม สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่วำงไว้ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติโครงงำน เพื่อแสดงให้เห็น ว่ำผู้เขียน ได้ศึกษำโครงงำนเป็นไปตำมจุดประสงค์ที่วำงไว้ 24. 2 โครงงำนมีหลำยประเภท ขึ้นอยู่กับว่ำผู้จัดทำจะเลือกจัดทำประเภทใด โดยพิจำรณำ จำกข้อมูลที่มีอยู่เป็นสำคัญ 25. 4 จำกตัวเลือกข้อ 1., 2. และ 3. เป็นมำรยำทที่ควรปฏิบัติในกำรสร้ำงงำนเขียนด้วย ตนเอง ส่วนข้อ 4. กำรคัดลอกงำนเขียนของผู้อื่นมำเป็นผลงำนของตนเองเป็นสิ่งที่ ไม่ควรปฏิบัติ เพรำะนอกจำกจะเป็นกำรไม่ให้เกียรติเจ้ำของผลงำนนั้นแล้ว ยังผิด กฎหมำยในข้อหำละเมิดลิขสิทธิ์ทำงปัญญำ ส่งผลให้ผู้เขียนได้รับควำมเดือดร้อน เสียหำย และงำนเขียนชิ้นนั้นๆ ไม่ได้รับกำรเชื่อถือ 26. 1 สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกำรเขียนโต้แย้ง คือผู้ฟังจะต้องจับใจควำมสำคัญของเรื่องให้ ได้เพื่อกำหนดขอบเขตประเด็นที่จะโต้แย้ง 27 3 ข้อมูลส่วนตัวที่จะเลือกมำเขียนแนะนำตนเอง ควรเป็นข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นรู้จักเรำ เช่น ชื่อ-นำมสกุล ชื่อเล่น อำยุ ภูมิลำเนำ อำชีพของบิดำ มำรดำ อุปนิสัยส่วนตัว งำน อดิเรก แต่ข้อมูลที่ค่อนข้ำงไปในทำงยกตนข่มท่ำนไม่เหมำะสมที่จะนำมำบรรยำย ให้ผู้อื่นฟัง และในกำรแนะนำตนเองกับเพื่อนร่วมชั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูล ดังกล่ำว 28 3 ข้อควำมข้ำงต้นปรำกฏลักษณะสำคัญ คือ ใช้ถ้อยคำเรียบเรียงเพื่อให้ควำมรู้เกี่ยวกับ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งในที่นี้ คือ มะรุม 29. 3 กำรสร้ำงสรรค์งำนเขียนประเภทเรียงควำม หลังจำกกำหนดจุดมุ่งหมำยในกำรเขียน ได้แล้ว ผู้เขียนจะต้องรวบรวม คัดเลือก จัดหมวดหมู่ข้อมูลเป็นส่วนๆ วำงโครงเรื่อง เพื่อจัดลำดับควำมคิด เรียบเรียงส่วนต่ำงๆ ให้มีควำมสัมพันธ์สอดคล้องกัน โดยใช้ สำนวนภำษำที่มีควำมไพเรำะ เหมำะสม และมีลีลำเป็นของตนเอง 30. 4 กำรอ่ำนโฆษณำสำมำรถใช้หลักกำรย่อควำมได้โดยพิจำรณำว่ำ เป็นโฆษณำ เกี่ยวกับสินค้ำอะไร สรรพคุณ สถำนที่วำงจำหน่ำย กำรอ่ำนสำรคดีเชิงท่องเที่ยว สำมำรถใช้หลักกำรย่อควำมได้โดยพิจำรณำว่ำ สถำนที่นั้นตั้งอยู่ที่ใด เดินทำงไป อย่ำงไร ที่พัก อำหำร กำรอ่ำนบทควำมเชิงอนุรักษ์สำมำรถใช้หลักกำรย่อควำมได้ โดยพิจำรณำว่ำ สถำนที่ที่ได้รับกำรอนุรักษ์คือที่ใด ทำไมต้องอนุรักษ์ แล้วอนุรักษ์ อย่ำงไร ส่วนกำรอ่ำนขั้นตอนกำรประดิษฐ์ ผู้อ่ำนไม่สำมำรถใช้หลักกำรย่อควำมได้ เพรำะผู้อ่ำนจะต้องปฏิบัติตำมขั้นตอนทุกๆข้อ เพื่อให้ประกอบชิ้นงำนได้สำเร็จ
  • 52. 52 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 31. 3 กำรย่อควำม คือ กำรจับสำระสำคัญของเรื่องที่อ่ำนว่ำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ใคร ทำอะไร กับใคร ที่ไหน อย่ำงไร เมื่อไร และทำไม โดยใช้สำนวนภำษำของผู้ย่อเอง ซึ่งวิธีกำรอ่ำนที่เหมำะสมสำหรับกำรย่อควำม คือ ผู้ย่อจะต้องอ่ำนเนื้อหำสำระให้จบ ตลอดทั้งเรื่อง ก่อนลงมือย่อควำม 32. 4 จดหมำยส่วนตัว คือ จดหมำยที่เขียนติดต่อกันอย่ำงไม่เป็นทำงกำร ระหว่ำงคนที่ สนิทสนม เพื่อส่งข่ำวครำว ไต่ถำมทุกข์สุข ดังนั้นจดหมำยถึงไก่เพื่อนรัก จดหมำยถึง พ่อแม่ และจดหมำยขอควำมช่วยเหลือจำกคุณป้ ำจึงจัดเป็นจดหมำยส่วนตัว ส่วน จดหมำยกิจธุระ คือ จดหมำยระหว่ำงบุคคลที่ติดต่อสื่อสำรกันด้วยกิจธุระ เช่น กำร ติดต่อสอบถำม แต่ถ้ำบริษัทติดต่อกับบริษัทเรียกว่ำ จดหมำยธุรกิจ จดหมำยสอบถำม กำรรับสมัครนักเรียนฝึกงำนจึงจัดเป็นจดหมำยกิจธุระ 33. 2 ขั้นตอนกำรปฏิบัติโครงงำนมีทั้งสิ้น 3 ระยะ ได้แก่ ขั้นออกแบบและเขียนเค้ำโครง สมำชิกภำยในกลุ่มจะต้องช่วยกันออกแบบโครงงำน แล้วเขียนเค้ำโครงของ โครงงำนเพื่อนำเสนอ ขอควำมเห็นจำกอำจำรย์ที่ปรึกษำโครงงำน ระยะที่ 2 ขั้นลง มือปฏิบัติ เมื่อเค้ำโครงที่นำเสนอได้รับควำมเห็นชอบ ผู้รับผิดชอบนำไปปฏิบัติตำม ขั้นตอนที่วำงไว้ตำมระยะเวลำที่กำหนด และระยะที่ 3 คือ รำยงำนผลกำรปฏิบัติ โครงงำน 34. 4 กำรทำรำยงำนและโครงงำน หำกจะใช้ข้อมูลปฐมภูมิสำมำรถทำได้หลำยวิธี เช่น กำร จัดทีมสำรวจสอบถำมข้อมูล หรือหำกจะใช้ข้อมูลทุติยภูมิหรือข้อมูลที่มีผู้ศึกษำไว้ แล้วจะสังเครำะห์ข้อมูลด้วยวิธีกำรอ่ำน เมื่อได้ข้อมูลที่มีประสิทธิภำพ ผู้ทำรำยงำน จะต้องรวบรวมเรียบเรียงข้อมูลเหล่ำนั้นด้วยสำนวนภำษำของตนเอง ไม่นำข้อมูล ของผู้อื่นมำตัดต่อเป็นรำยงำนของตนเอง 35. 4 กำรเขียนวิเครำะห์ วิจำรณ์ คือกำรเขียนแสดงควำมคิดเห็นของผู้เขียนที่มีต่อสิ่งใดสิ่ง หนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยแจกแจงให้เห็นส่วนประกอบแต่ละส่วนว่ำมีข้อดี ข้อด้อยอย่ำงไร เป็นกระบวนกำรเขียนเพื่อแสดงควำมคิดเห็นโดยกำรวิเครำะห์ แยกแยะข้อมูล ทำให้มองเห็นแต่ละส่วนประกอบว่ำมีควำมสัมพันธ์กันอย่ำงไร นำไปสู่กำรตัดสินประเมินค่ำ 36. 4 กำรแสดงควำมคิดเห็นเป็นพฤติกรรมประกำรหนึ่งของมนุษย์ที่จะทำให้เกิดกำรมอง หลำยๆ แง่มุม ซึ่งเรำสำมำรถแสดงควำมคิดเห็นได้ทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน แต่บำง เรื่องก็ไม่ควรแสดงควำมคิดเห็น หรือวิพำกษ์วิจำรณ์ เพรำะอำจทำให้เกิดควำมขัดแย้ง ได้เช่น เรื่องส่วนตัวของผู้อื่น เรื่องเกี่ยวกับควำมเชื่อ ศำสนำ ค่ำนิยม และที่สำคัญใน กำรแสดงควำมคิดเห็นไม่ควรยึดถือแต่เฉพำะควำมคิดของตน
  • 53. 53 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 37. 1 พำดหัวข่ำว คือ กำรนำประเด็นสำคัญของข่ำวมำเขียน เพื่อบอกให้ผู้อ่ำนทรำบว่ำ วันนี้มีเหตุกำรณ์อะไรเกิดขึ้นบ้ำง พำดหัวข่ำว จึงมีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องควำม สนใจของผู้อ่ำน กำรพำดหัวข่ำวแสดงควำมคิดเห็น คือ กำรที่ผู้เขียนใช้ถ้อยคำเพื่อ แสดงอำรมณ์ ควำมรู้สึกที่มีต่อเนื้อข่ำว หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับข่ำว คำตอบในข้อ 2., 3. และ 4. เป็นประโยคที่ผู้เขียนมุ่งแสดงข้อเท็จจริง ประโยคในข้อ 1. ปรำกฏกำรใช้ ถ้อยคำในเชิงแสดงควำมคิดเห็นคือคำว่ำ “พ่อพระ” ซึ่งคำนี้มักจะกล่ำวชมเชยแก่ บุคคลที่มีจิตใจดีหรือใจบุญมำกเป็นพิเศษ 38. 1 กำรฟังและดูสื่อในชีวิตประจำวันให้เกิดประสิทธิภำพสูงสุด ปัจจัยหนึ่งขึ้นอยู่กับ ผู้ฟังและดู ซึ่งกำรฟังและดูที่ดี ผู้ฟังและดูควรตั้งจุดมุ่งหมำยทุกครั้ง เพรำะเมื่อมี จุดมุ่งหมำยย่อมสำมำรถจับใจควำมสำคัญได้กำรมีอคติต่อผู้ส่งสำร กำรเชื่อโดย ปรำศจำกกำรใช้วิจำรณญำณไตร่ตรอง และกำรฟังโดยไม่มีกำรจดบันทึกสำระสำคัญ ของสิ่งที่ได้ฟังได้ดูเหล่ำนี้ล้วนไม่ใช่ลักษณะของผู้ฟังและดูที่ดี 39 4 กำรฟังและดูสื่อเพื่อให้เกิดประสิทธิภำพสูงสุด ผู้ฟังและดูควรมีสมำธิ ใจจดจ่ออยู่กับ เรื่องที่ฟัง เพื่อให้สำมำรถจับใจควำมสำคัญได้ไม่สนทนำกับผู้อื่น เพรำะอำจทำให้ พลำดสำระสำคัญในส่วนต่อๆไป เมื่อฟังเรื่องที่มีควำมยำว และผู้ฟังขำดพื้น ฐำนควำมรู้ ควรมีอุปกรณ์ช่วยจำ แล้วนำกลับมำทบทวนภำยหลังจะทำให้กำรฟังครั้ง นั้นๆ เกิดประสิทธิภำพ 40. 4 กำรพูด คือ กำรถ่ำยทอดควำมรู้ ควำมคิดหรือควำมต้องกำรของผู้พูดสื่อควำมหมำย ไปยังผู้ฟังเพื่อให้เกิดกำรรับรู้และอำกำรตอบสนอง โดยใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง รวมทั้ง อำกัปกิริยำต่ำงๆ ประกอบกัน ดังนั้นลักษณะของกำรพูดที่ดีคือ พูดแล้วบรรลุ วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แต่กำรพูดที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น ได้แก่ กำรพูดโดยใช้อำรมณ์ พูด แล้วก่อให้เกิดควำมขัดแย้ง ซึ่งกำรพูดที่พูดแล้วผู้ฟังมีควำมสุข แต่ถ้ำไม่บรรลุ วัตถุประสงค์ ก็ยังถือเป็นกำรพูดที่ดีหรือสมบูรณ์ไม่ได้ 41. 4 กำรพูดโน้มน้ำวใจ เป็นกำรพูดที่ผู้พูดมีวัตถุประสงค์เฉพำะต้องกำรให้ผู้ฟังเชื่อ ศรัทธำ และสนองตอบเจตนำ เช่น นักกำรเมืองพูดหำเสียง เพื่อให้ผู้ฟังเชื่อถือ ในนโยบำยหรือตัวตน และนำไปสู่กำรลงคะแนนเสียงให้ เป็นต้น ดังนั้นลักษณะกำร พูดโน้มน้ำวใจที่มีแนวโน้มว่ำจะประสบผลสำเร็จมำกที่สุดจำกตัวเลือกที่กำหนด คือ ผู้พูดต้องใช้ถ้อยคำเพื่อกระตุ้นอำรมณ์ควำมรู้สึกของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ำผู้พูดเป็น อันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้ฟังหรือรับรู้และเข้ำใจควำมรู้สึก หำกผู้พูดโน้มน้ำวใจ สำมำรถทำให้ผู้ฟังยอมรับในตัวผู้พูด หรือรับผู้พูดเข้ำมำในควำมรู้สึกของตน ย่อมทำ ให้ผู้ฟังเกิดควำมคล้อยตำมได้โดยง่ำย
  • 54. 54 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 42. 3 แนวทำงสำหรับกำรฟังเพื่อจับใจควำมสำคัญ ผู้ฟังต้องเตรียมควำมพร้อมก่อนเข้ำฟัง ด้วยกำรหำข้อมูลเบื้องต้นเพื่อจะได้เข้ำใจเนื้อหำสำระของเรื่องได้ง่ำยขึ้น พยำยำมตั้ง คำถำมในขณะที่ฟัง เพื่อขยำยควำมคิดของตนเอง บันทึกสำระสำคัญที่ได้จำกกำรฟัง ไม่ควรหันไปสนทนำกับเพื่อนเพรำะอำจทำให้พลำดสำระสำคัญของเรื่องได้ 43. 4 กำรควบคุมอำรมณ์ขณะที่พูด นับเป็นมำรยำทที่ผู้พูดควรปฏิบัติ เพรำะในบำง สถำนกำรณ์อำจมีผู้ทักท้วง หรือแสดงควำมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้พูดนำเสนอ กำรไม่ ตอบโต้ด้วยอำรมณ์ จะช่วยทำให้สถำนกำรณ์คลี่คลำยไปในทิศทำงที่ดีได้ 44. 1 กำรพูดโน้มน้ำวใจ เป็นกำรพูดที่ผู้พูดมีจุดมุ่งหมำยเฉพำะ ดังนั้นกำรพูดของผู้พูด จะต้องเริ่มจำกกำรทำให้ผู้ฟัง ฟังแล้วเชื่อ เห็นคุณค่ำของสิ่งที่เชื่อ ซึ่งจะนำไปสู่กำร ปฏิบัติตำม 45. 4 กำรอภิปรำย คือกำรพูดเพื่อแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นระหว่ำงกัน โดยมีเป้ ำหมำยเพื่อ หำทำงออก หรือวิธีกำรแก้ไขปัญหำในประเด็นหนึ่งๆ ร่วมกัน 46. 3 กำรโต้วำทีที่ดี จะต้องทำให้ผู้ฟังได้รับทั้งควำมรู้ และควำมบันเทิงในขณะเดียวกัน 47. 4 กำรพูดรำยงำนเชิงวิชำกำรเป็นกำรพูดเพื่อแสดงข้อมูลควำมรู้ที่ผ่ำนกำรวิเครำะห์ตำม หลักวิชำ ภำษำที่ใช้จึงควรเป็นภำษำในระดับทำงกำร สั้น กระชับ ชัดเจน ถูกหลัก ไวยำกรณ์และเข้ำใจง่ำย 48. 3 สระลดรูป คือ สระที่เมื่อนำมำประสมกับพยัญชนะเป็นคำแล้วจะไม่ปรำกฏรูปสระ ให้เห็นหรือลดรูปบำงส่วนไป เช่น สระโอะ เมื่อนำมำใช้ประสมเป็นคำและมี ตัวสะกดจะไม่ปรำกฏรูปสระโอะ ข้อ 1. คำที่ประสมด้วยสระลดรูปได้แก่ คำว่ำ คน ข้อ 2. คำที่ประสมด้วยสระลดรูปได้แก่ คำว่ำ คน ข้อ 3. คำที่ประสมด้วยสระลดรูป ได้แก่ คำว่ำ ส้ม คน รวย สวม สวย ข้อ 4. คำที่ประสมด้วยสระลดรูปได้แก่ คำว่ำ คน เฉย เลย 49. 2 ข้อสอบลักษณะนี้ถ้ำหำกโจทย์ให้หำเสียงพยัญชนะควบ ต้องหำทั้งคำควบแท้และคำ ควบไม่แท้แต่ถ้ำโจทย์ให้หำพยัญชนะควบกล้ำ ต้องหำเฉพำะคำควบแท้จำกคำนิยำม นี้ ข้อ 1. ได้แก่คำว่ำ ครื้น เครง ข้อ 2. ได้แก่คำว่ำ ครอบ ครัว พรำย ข้อ 3. ได้แก่คำว่ำ ควำย ใกล้และข้อ 4. ได้แก่คำว่ำ ปร๋อ
  • 55. 55 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 50. 3 จำกตัวเลือกข้อ 1. ปลำเค็ม มีเสียงสำมัญ, สำมัญ น้ำใจ มีเสียงตรี, สำมัญ ข้อ 2. น้ำปลำ มีเสียงตรี, สำมัญ ม้ำน้ำ มีเสียงตรี, ตรี ข้อ 4. ปลำทู มีเสียงสำมัญ, สำมัญ ไหมฝัน มีเสียงจัตวำ, จัตวำ จำกโจทย์คำว่ำ “น้ำแข็ง” มีเสียงวรรณยุกต์เป็นเสียงตรี กับเสียงจัตวำ ข้อ 3. คำว่ำ “น้ำสำว” มีเสียงตรีและเสียงจัตวำ คำว่ำ “ล้ำงขำ” มีเสียงตรี และเสียงจัตวำ 51. 4 จำกตัวเลือกข้อ 1. “น้ำปลำ” นำม+นำม “ไก่ชน” นำม+กริยำ “น้ำแข็ง” นำม+วิเศษณ์ ข้อ 2. “ตำขำว” นำม+วิเศษณ์ “มดแดง” นำม+วิเศษณ์ “ดอกฟ้ำ” นำม+นำม ข้อ 3. “บัตรเติมเงิน” นำม+กริยำ+นำม “แปรงสีฟัน” นำม+กริยำ+นำม “ใบขับขี่” นำม+ กริยำ+กริยำ ส่วนข้อ 4. “ปำกนกกระจอก” นำม+นำม+นำม “รถไฟฟ้ำ” นำม+นำม+ นำม “เด็กหลอดแก้ว” นำม+นำม+นำม 52. 3 จำกตัวเลือกข้อ 1. อ้วนพี นำคำที่มีควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อนกัน ดูแล นำคำที่มี ควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อนกัน รุ่งริ่ง เป็นคำซ้อนเพื่อเสียง ข้อ 2. ยำกง่ำย นำคำที่มี ควำมหมำยตรงข้ำมกันมำซ้อนกัน เสื่อสำด นำคำที่มีควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อน กัน จิตใจ นำคำที่มีควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อนกัน ข้อ 4. บ้ำนเรือน นำคำที่มี ควำมหมำยเหมือนกันมำซ้อนกัน ถ้วยชำม นำคำที่มีควำมหมำยคล้ำยกันมำซ้อนกัน ถำกถำง เป็นคำซ้อนเพื่อเสียง 53. 1 จำกตัวเลือกข้อ 2. “น้ำหูน้ำตำ” เป็นคำซ้อน 4 คำ โดยมีคำที่ 1 และ 3 ซ้ำกัน ข้อ 3. “ตำหนิติเตียน” เป็นคำซ้อน 4 คำ แยกเป็น 2 คู่ โดยมีเสียงคล้องจองระหว่ำงพยำงค์ที่ 2 กับ 3 ข้อ 4. “กระจัดกระจำย” เป็นคำซ้อน 4 คำ ซึ่งเกิดจำกกำรนำคำยืมจำกภำษำ เขมรมำซ้อนกัน ส่วนข้อ 1. ไม่ปรำกฏคำที่สร้ำงด้วยวิธีกำรซ้อนคำ คำว่ำ “ซุ่มซ่ำม” เป็นคำที่สร้ำงโดยทำให้มีเสียงบำงเสียงเหมือนกัน เข้ำกัน หรือคู่กัน 54. 3 จำกตัวเลือกข้อ 1. “สรรพำวุธ” เป็นคำสมำสสร้ำง “สันติภำพ” เป็นคำสมำสสร้ำง “ชีวเคมี” เป็นคำสมำสเทียม ข้อ 2. “เทพเจ้ำ” “เคมีภัณฑ์” “ทุนทรัพย์” เป็นคำสมำส เทียมทั้ง 3 คำ ข้อ 4. “ทรัพยำกร” เป็นคำสมำสสร้ำง “ประชำชน” เป็นคำสมำสซ้อน “กำลเวลำ” เป็นคำสมำสซ้อน ส่วนข้อ 3. “ภัตตำคำร” “โยธวำทิต” “ทรัพยำกร” เป็น คำสมำสสร้ำงทั้ง 3 คำ 55. 3 คำสมำสในข้อ 1. อ่ำนว่ำ กำย-วิ-พำก-สำด ข้อ 2. อ่ำนว่ำ ปรำ-กด-กำน ข้อ 3. อ่ำนว่ำ แพด-สะ-พำ หรือ แพด-ทะ-ยะ-สะ-พำ ส่วนข้อ 4. อ่ำนว่ำ พะ-สก-นิ-กอน ซึ่ง คำสมำสในข้อ 1., 2. และ 4. เป็นคำสมำสที่ไม่ต้องอ่ำนออกเสียงพยำงค์เชื่อมระหว่ำง คำ คำสมำสในข้อ 3. จึงอ่ำนออกเสียงต่ำงจำกข้ออื่น
  • 56. 56 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 56. 4 จำกตัวเลือกข้อ 1. “สุโขทัย” และ “ปรมำณู” เป็นคำสมำสแบบมีสนธิ ส่วน “ยุทธภูมิ” เป็นคำสมำสแบบไม่มีสนธิ ข้อ 2. “จิตรกรรม” และ “สวัสดิภำพ” เป็นคำสมำสแบบ ไม่มีสนธิ ส่วน “ปรมำณู” เป็นคำสมำสแบบมีสนธิ ข้อ 3. “จิตรกรรม” “กรณียกิจ” และ “สวัสดิภำพ” เป็นคำสมำสแบบไม่มีสนธิ ทั้ง 3 คำ ข้อ 4. “สุโขทัย” “พฤษภำคม” และ “แสนยำนุภำพ” เป็นคำสมำสแบบมีสนธิทุกคำ 57. 4 จำกตัวเลือกข้อ 1. “เฆี่ยน” เป็นคำไทยแท้“ขจี” เป็นคำยืมจำกภำษำเขมร “กุศล” เป็น คำยืมจำกภำษำสันสกฤต ข้อ 2. “กีฬำ” และ “ปฏิวัติ” เป็นคำยืมจำกภำษำบำลี “กรีฑำ” เป็นคำยืมจำกภำษำสันสกฤต ข้อ 3. “เผด็จ” “กระจำย” เป็นคำยืมจำกภำษำ เขมร “ก๋วยเตี๋ยว” เป็นคำยืมจำกภำษำจีน 58. 2 คำที่ยืมมำจำกภำษำสันสกฤต ใช้ข้อสังเกตที่ทำให้ระบุแหล่งที่มำได้ซึ่งกำรใช้ ฤ ก็ เป็นหนึ่งในของสังเกตนั้น 59. 4 คำที่ยืมมำจำกภำษำเขมรส่วนใหญ่ จะเป็นคำควบกล้ำ แต่เป็นคำควบกล้ำพื้นๆ ไม่ เหมือนคำที่ยืมจำกภำษำสันสกฤต 60 3 ศัพท์บัญญัติ คือ คำที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้แทนคำภำษำอังกฤษที่ยืมเข้ำมำใช้ด้วยเหตุผล ต่ำงๆ ซึ่งคำที่นำมำบัญญัตินอกจำกเป็นคำในภำษำไทยแล้วยังใช้คำภำษำบำลีและ สันสกฤตด้วย 61. 1 คำทับศัพท์ คือ คำที่มีลักษณะเฉพำะ โดยนำเข้ำมำใช้ โดยไม่มีกำรเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือแก้ไข 62. 4 ตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ มีคำนำมเป็นคำเดียวกัน คือคำว่ำ “หนังสือ” แต่หนังสือคำเดียวกันนี้ ทำหน้ำที่ในประโยคแตกต่ำงกัน ข้อ 1. “หนังสือ” ทำหน้ำที่เป็นกรรมในประโยค ข้อ 2. “หนังสือ” ทำหน้ำที่เป็นกรรมในประโยค ข้อ 3. “หนังสือ” ทำหน้ำที่เป็นกรรมใน ประโยค ส่วนข้อ 4. “หนังสือ” ทำหน้ำที่เป็นประธำนในประโยค 63. 4 คำสมุหนำม คือ คำนำมที่บอกควำมเป็นหมู่ เป็นพวกกลุ่มหรือคณะ ได้แก่ ชื่อบุคคล ชื่อสัตว์ชื่อสิ่งของ และชื่อสถำนที่ จำกคำนิยำมนี้ทำให้พิจำรณำได้ว่ำ คำสมุหนำมใน ข้อ 1. คือคำว่ำ “คณะ” คำสมุหนำมในข้อ 2. คือคำว่ำ “ฝูง” คำสมุหนำมในข้อ 3. คือ คำว่ำ “กอง” ส่วนคำว่ำ “ปำก” ในข้อ 4. ไม่ใช่คำสมุหนำม แต่เป็นคำลักษณนำม 64 4 จำกประโยค “เขำปลูกต้นก้ำมปูไว้ทำงทิศตะวันตก เพื่อให้มันบังแดดตอนบ่ำย” ประโยคนี้มีกำรกล่ำวซ้ำถึงคำที่เป็นกรรมตรงของประโยค ซึ่งประโยคเต็มคือ “เขำ ปลูกต้นก้ำมปูไว้ทำงทิศตะวันตก เพื่อให้ต้นก้ำมปูบังแดดตอนบ่ำย” มัน” จึงเป็นคำ สรรพนำมที่ถูกใช้แทนต้นก้ำมปูเมื่อถูกกล่ำวซ้ำอีกครั้งในประโยค
  • 57. 57 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 65. 4 คำบุพบทมักมีควำมหมำยเพื่อบอกตำแหน่ง หน้ำที่ ควำมเกี่ยวข้อง ควำมมุ่งหมำย ควำมเป็นเจ้ำของของนำมวลีที่มีควำมสัมพันธ์กับคำกริยำ หรือบอกควำมสัมพันธ์ ระหว่ำงนำมวลีกับนำมวลีในประโยคเดียวกัน จำกคำนิยำมข้ำงต้นจะทำให้วิเครำะห์ ได้ว่ำ ข้อ 1. ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ำ “ในมติ” ข้อ 2. ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ำ “เพื่ออนำคต ของตนเอง” ข้อ 3. ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ำ “แด่พระผู้มีพระภำคเจ้ำ” 66. 1 ประโยคที่ใช้สื่อสำรให้เข้ำใจกันในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยองค์ประกอบหรือ โครงสร้ำงสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ นำมวลี และกริยำวลี ข้อควำมที่จัดว่ำเป็นประโยค จะต้องประกอบด้วยสองส่วนดังกล่ำวข้ำงต้น เพื่อสื่อควำมว่ำมีอะไรเกิดขึ้น หรือ อะไรมีสภำพเป็นอย่ำงไร จำกตัวเลือกในข้อ 2., 3. และ 4 เป็นข้อควำมที่ประกอบ เพียงนำมวลี ไม่มีกริยำวลีเพื่อบอกสภำพ ส่วนคำตอบในข้อ 1. มีลักษณะเป็น ประโยค เพรำะประกอบด้วยนำมวลี “พ่อ” และกริยำวลี “เหนื่อย” ประกอบกันสื่อ ควำมหมำยได้เข้ำใจ 67. 2 จำกตัวเลือกในแต่ละข้อเป็นประโยคซ้อนทั้งหมด แต่มีอยู่หนึ่งประโยคที่มี โครงสร้ำงภำยในต่ำงไปจำกข้ออื่น โดยตัวเลือกในข้อ 1., 3. และ 4. เป็นประโยค ซ้อนที่มีอนุประโยคชนิด คุณำนุประโยคซ้อนอยู่ โดยทำหน้ำที่ขยำยคำนำมซึ่งอยู่ ข้ำงหน้ำ ส่วนข้อ 2. เป็นประโยคซ้อนที่มีอนุประโยคชนิด นำมำนุประโยคซ้อนอยู่ โดยทำหน้ำที่เป็นประธำนของกริยำวลี 68. 2 ส่วนประกอบของประโยคสำมัญ ได้แก่ ประธำน และกริยำ เพรำะข้อควำมหนึ่งๆ จะ เป็นประโยคได้ก็ต่อเมื่อสำมำรถสื่อควำมเบื้องต้นได้เช่น ให้รู้ว่ำใครทำอะไร 69. 3 ประโยคที่กำหนดให้ข้ำงต้น เป็นประโยคซ้อนที่มีควำมซับซ้อน โดยมีประโยคย่อย 2 ประโยค ซ้อนอยู่ในประโยคหลัก 70. 3 เมื่อต้องสนทนำกับบุคคลที่มีสถำนภำพในด้ำนต่ำงๆ สูงกว่ำ ผู้พูดจะต้องศึกษำกำรใช้ ถ้อยคำให้ถูกระดับ 71. 3 ภำษำพูดเป็นภำษำที่ใช้สำหรับกำรสื่อสำรในชีวิตประจำวันในสถำนกำรณ์ที่ไม่เป็น ทำงกำรกับบุคคลที่มีควำมสนิทสนมคุ้นเคย ไม่มีควำมเคร่งครัดทำงไวยำกรณ์ ไม่มี กำรใช้รูปประโยคที่ซับซ้อนในกำรสื่อสำร จุดประสงค์เพียงเพื่อให้เข้ำใจควำมหมำย และปรำกฏกำรใช้รูปประโยคที่ละส่วนประกอบของประโยค เช่น ละประธำน ละกรรม
  • 58. 58 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 72. 4 พลังของภำษำ คือ อำนำจของภำษำที่ก่อให้เกิดผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ในแต่ละ สังคม ดังนั้นพลังของภำษำในเชิงสร้ำงสรรค์ จึงก่อให้เกิดพฤติกรรมหรือกำร เปลี่ยนแปลงในทิศทำงที่ดีงำม ไม่ใช่กำรใช้พลังของภำษำเพื่อสร้ำงผลประโยชน์ ให้แก่ตนเอง โน้มน้ำวให้ผู้อื่นขัดแย้งหรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ำย ขำดควำมสำมัคคีกัน 73. 3 ข้อควรคำนึงในกำรใช้ “ทรง” เป็นกริยำนุเครำะห์ จะไม่ใช้นำหน้ำคำ ซึ่งกำหนดให้ เป็นคำรำชำศัพท์อยู่แล้ว เช่น “โปรด” ไม่ใช้ว่ำ “ทรงโปรด” และจะไม่ใช้นำหน้ำ คำกริยำสำมัญซึ่งมีคำนำมรำชำศัพท์ต่อท้ำย เช่น “ทรงพระกรุณำ” ไม่ใช้ว่ำ “ทรงมี พระกรุณำ” กำรใช้คำว่ำ “เสด็จพระรำชดำเนิน” จะต้องเติมคำกริยำสำคัญลงใน ประโยค เพื่อให้สื่อควำมได้สมบูรณ์ เช่น เสด็จพระรำชดำเนินเยือนต่ำงประเทศ เสด็จพระรำชดำเนินไปเปิดนิทรรศกำร 74. 1 วิธีกำรพิจำรณำข้อสอบข้อนี้ ให้พิจำรณำจำกที่มำของคำที่นำมำประกอบเป็นคำรำชำ ศัพท์ ซึ่งคำที่นำมำประกอบเป็นคำรำชำศัพท์ในภำษำไทย ส่วนใหญ่เป็นคำยืมภำษำ เขมร บำลี สันสกฤต แต่ถึงอย่ำงไรก็ตำมได้ปรำกฏคำรำชำศัพท์ที่ประกอบขึ้นจำกคำ ไทย คือ พระกรำม พระเต้ำ พระรำกขวัญ และพระยอด คำว่ำพระหัตถ์ พระบรม รำโชวำท และพระบรมรำชชนนี ประกอบขึ้นจำกคำยืมภำษำบำลี และบัญญัติใช้ สำหรับพระมหำกษัตริย์ 75. 3 กลอนสักวำ มีลักษณะฉันทลักษณ์สัมผัสระหว่ำงวรรคระหว่ำงบท เช่นเดียวกับ กลอนแปด แต่มีลักษณะสำคัญที่แตกต่ำงคือ จะขึ้นต้นบทด้วยคำว่ำ “สักวำ” จำก ตัวเลือกในข้อ 1. ตัดทิ้งไม่พิจำรณำเพรำะคำสุดท้ำยของวรรครับไม่สัมผัสกับคำ สุดท้ำยของวรรครอง ข้อ 2. ตัดทิ้งไม่พิจำรณำ เพรำะถึงแม้คำจะส่งสัมผัสกันถูกต้อง แต่อ่ำนแล้วไม่สื่อควำม ข้อ 4. ตัดทิ้งไม่พิจำรณำ เพรำะไม่มีสัมผัสระหว่ำงบท 76. 2 กำรแต่งบทร้อยกรอง ผู้แต่งจะต้องมีคุณสมบัติหรือมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ เกี่ยวกับ ฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองแต่ละประเภท เพื่อให้สำมำรถแต่งได้ถูกต้องทั้งจำนวน คำ วรรค และตำแหน่งสัมผัสที่กำหนดไว้ตำมรูปแบบ มีจินตนำกำร ควำมคิด สร้ำงสรรค์ในกำรถ่ำยทอดเนื้อหำที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับสำร และมีควำมสำมำรถ ในกำรสรรถ้อยคำที่มีควำมไพเรำะทั้งด้ำนเสียงและควำมหมำย เพื่อถ่ำยทอดแนวคิด จำกตัวเลือกที่กำหนดสิ่งที่มีควำมเกี่ยวข้องกับกำรแต่งบทร้อยกรองน้อยที่สุด คือ บรรยำกำศ 77. 4 กำรแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภำพ หำกผู้แต่งไม่สำมำรถบรรจุคำเอกลงใน ตำแหน่งที่กำหนดไว้ในฉันทลักษณ์ได้ผู้แต่งสำมำรถบรรจุคำเอกลงไปแทนได้ เนื่องจำกเป็นคำที่มีเสียงสั้นเช่นกัน
  • 59. 59 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 78. 3 บทร้อยกรองข้ำงต้นอยู่ในวรรณคดีเรื่อง กำพย์เห่เรือ พระนิพนธ์ในเจ้ำฟ้ำธรรม ธิเบศรหรือเจ้ำฟ้ำกุ้ง ซึ่งประพันธ์ด้วยกำพย์ยำนี 11 จำกตัวเลือกถ้ำยึดจำกสัมผัส บังคับของกำพย์ยำนี 11 จะพบว่ำคำท้ำยของวรรคหน้ำจะส่งสัมผัสมำยังคำที่ 1,2 หรือ 3 ของวรรคหลังในบำทเอก คำท้ำยของวรรคหลังในบำทเอกจะส่งสัมผัสมำยังคำท้ำย ของวรรคหน้ำในบำทโท 79. 3 กำพย์ยำนี 11 ได้กำหนดสัมผัสระหว่ำงวรรคไว้ดังนี้ คำท้ำยของวรรคหน้ำสัมผัสกับ ที่ 1,2 หรือ 3 ของวรรคที่ 2 คำท้ำยของวรรคสองส่งสัมผัสยังคำท้ำยของวรรคสำม 80. 3 คำตอบในข้อ 1. เบี้ยหวัด เป็นคำนำม หมำยถึง เงินได้จำกรำชกำร คำตอบในข้อ 2. ไม่ใช่สำนวนแต่เป็นลักษณะของคำซ้อนในภำษำไทย คำตอบในข้อ 4. ชักหน้ำไม่ถึง หลัง เป็นคำกล่ำวที่มีควำมหมำยถึงคนที่มีรำยได้ไม่พอกับรำยจ่ำยในแต่ละเดือน ส่วน คำตอบในข้อ 3. เป็นสำนวนที่กล่ำวถึงคนที่มีเงินน้อยจะใช้จ่ำยต้องระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่ำย 81. 4 ข้อ 1. เสนอแนวคิดว่ำ กิริยำมรรยำทส่อสกุล ข้อ 2. เสนอแนวคิดว่ำ ให้รักศักดิ์ศรี ข้อ 3. เสนอแนวคิดว่ำ กำรพูดจำอ่อนหวำนจะทำให้มีเพื่อนมำก ต่ำงกับคนที่ชอบพูดจำ หยำบคำยย่อมไม่มีเพื่อนเข้ำใกล้ข้อ 4. บอกเพียงลักษณะของผลมะเดื่อว่ำมีสีแดงชำด ไม่มีกำรเสนอแนวคิด 82. 1 ข้อที่กล่ำวถึงส่วนประกอบอำหำร คือ ข้อ 1. กล่ำวถึงขนมซ่ำหลิ่ม ซึ่งมีส่วนผสมของ กะทิ และพิมเสน ส่วนในข้ออื่น กล่ำวถึงชื่อขนมและควำมรู้สึกของกวีที่มีต่อนำงอัน เป็นที่รัก 83. 3 กลวิธีในกำรแต่งของเรื่องรำชำธิรำช ตอน สมิงพระรำมอำสำ มีลักษณะกำรดำเนิน เรื่องด้วยบทสนทนำ และกำรบรรยำยวิธีกำรเลือกม้ำ โดยใช้สำนวนเปรียบเทียบกับ กำรเลือกสิ่งอื่นเพื่อให้เห็นควำมสำคัญของกำรเลือกม้ำเพิ่มขึ้น ดังนั้น ข้อที่กล่ำวไม่ ถูกต้องเกี่ยวกับกลวิธีกำรแต่งในข้อควำมข้ำงต้น คือ กำรใช้พรรณนำโวหำร 84. 4 ลักษณะเด่นของคำประพันธ์ข้ำงต้น คือ มีกำรเลียนเสียงธรรมชำติว่ำ “โหง่งหง่ำง เหง่งเก่งก่ำง” ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดจำกกำรตีระฆัง 85. 4 ข้อ 1. อย่ำขุดคนด้วยปำก หมำยควำมว่ำ อย่ำพูดจำทิ่มแทงให้คนอื่นเสียหำย ข้อ 2. ยอ มิตรเมื่อลับหลังเป็นกำรพูดถึงมิตรในทำงที่ดี แม้ผู้เป็นมิตรจะไม่ได้ยินก็ตำม ข้อ 3. อย่ำริกล่ำวคำคด หมำยถึง อย่ำเริ่มโกหก ส่วนข้อ 4. อย่ำเบำ หมำยถึง อย่ำหลงเชื่อคน ง่ำย เรำมักจะคุ้นกับสำนวนว่ำ “อย่ำหูเบำ” ซึ่งไม่เกี่ยวกับกำรพูดแต่เกี่ยวกับกำรฟัง 86. 2 “รูปเงำะ” หมำยควำมว่ำ รูปกำยภำยนอกดูไม่งำมแต่ภำยในนั้นเป็นอย่ำงทองคำ ตรง กับข้อ 2. หมำยควำมว่ำ ภำยในนั้นดี รสเป็นเลิศ
  • 60. 60 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 87. 3 จำกคำประพันธ์ข้ำงต้นถอดคำประพันธ์ได้ว่ำ แม้จะยำกจนอย่ำงไรก็ให้ทนกัดก้อน เกลือกิน อย่ำได้ไปเบียดเบียนเพื่อนฝูง ให้เป็นอย่ำงเสือที่เมื่อหิวก็สู้พยำยำมจับเนื้อ กินเองอย่ำงมีศักดิ์ศรี จำกควำมว่ำ “อดอยำกเยี่ยงอย่ำงเสือ สงวนศักดิ์” คือ สอนให้รู้ รักศักดิ์อย่ำงเสือ 88. 2 บทประพันธ์แต่ละข้อพรรณนำดอกไม้พันธุ์ไม้ข้อที่แสดงให้เห็นควำมเชื่อของ สังคม คือ ข้อที่กล่ำวถึงต้นงิ้วว่ำเป็นสัญลักษณ์ของกำรเป็นชู้ผิดคู่ผิดเมียผู้อื่น จะถูก ลงโทษให้ปีนต้นงิ้ว ถูกหนำมงิ้วทิ่มแทงโดยเชื่อว่ำเป็นกำรลงโทษ 89. 2 คำประพันธ์ในข้ำงต้นมีกำรใช้ภำพพจน์อุปมำ 2 แห่ง คือ “ภำยนอกแดงดูฉัน ชำดบ้ำย” และ “ดุจดั่งคนใจร้ำย นอกนั้นดูงำม” 90. 3 พิจำรณำจำกวรรคในคำประพันธ์ที่กล่ำวว่ำ “ทั้งแฝกคำแขมกกขึ้นรกเรี้ยว” คำที่เป็น ชื่อพืช ได้แก่ แฝก คำ แขม และ กก ซึ่งเป็นพืชที่มักเกิดในที่ชุ่มชื้น รวมทั้งหมด 4 ชนิด 91. 3 เมื่อพันท้ำยนรสิงห์ทำผิดกฎมณเฑียรบำลที่ว่ำ ถ้ำใครทำโขนเรือพระที่นั่งหักจะต้อง โทษถึงประหำรชีวิต จึงขอรับโทษซึ่งเป็นกำรแสดงควำมกล้ำหำญเด็ดเดี่ยว ทั้งนี้ เพรำะพันท้ำยนรสิงห์รู้ดีว่ำหำกไม่รับโทษ จะทำให้กฎมณเฑียรบำลไม่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นตัวอย่ำงที่ไม่ดีต่อผู้อื่นในภำยหน้ำ 92. 1 ในโคลงบทนำของโคลงสุภำษิตโสฬสไตรยำงค์กล่ำวไว้ว่ำ ผู้ที่ปฏิบัติตำมคำแนะนำ ผลของควำมดีนั้นย่อมมีแต่ควำมสุข ควำมเจริญรุ่งเรือง และมีผู้คนกล่ำวคำสรรเสริญ ซึ่งตรงกับข้อ 1. “หวังสวัสดิ์ขจัดทุกข์สร้ำง สืบสร้องศุภผล” ทั้งนี้พิจำรณำได้จำกคำ ว่ำ “หวัง” ซึ่งเป็นคำที่แสดงควำมประสงค์ 93. 3 ข้อ 1. มีคำว่ำ พระสยมภูวญำณ หมำยถึง พระอิศวร มีคำขยำยว่ำ “เรืองศรี” ข้อ 2. มีคำ ว่ำ “พระศุลี” ที่หมำยถึง พระอิศวร ข้อ 3. มีคำว่ำ “หัสนัยน์” กับคำว่ำ “เจ้ำตรัย ตรึงศำ” ที่หมำยถึง พระอิศวร และข้อ 4. มีกล่ำวถึง “พระอิศวร” และ “องค์อมริน ทรำ” คือ พระอินทร์ กำรหลำกคำ คือ ใช้คำที่มีควำมหมำยเหมือนกัน 94. 1 จำกบทประพันธ์กล่ำวถึงช่ำงทำเครื่องถมที่ดี ซึ่งมีช่ำงสำขำต่ำงๆ รวมอยู่ 3 สำขำ ซึ่ง ประกอบไปด้วย ช่ำงขึ้นรูปหรือช่ำงเขียนแบบช่ำงแขนงนี้มำจำกช่ำงเงิน ช่ำงทอง ที่ จะทำรูปทรงภำชนะหรือเครื่องประดับต่ำงๆ ให้ได้สัดส่วน ช่ำงแกะสลัก คือผู้บรรจง สลักเสลำ ลวดลำยให้มีควำมอ่อนช้อยงดงำมตำมแบบนิยม และช่ำงถม ซึ่งเป็นช่ำงที่ ต้องใช้ควำมชำนำญในกำรผสมและลงยำถมบนพื้นที่ซึ่งแกะสลักลวดลำยไว้แล้ว ช่ำงที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อควำมในบทประพันธ์ คือ ช่ำงปั้น
  • 61. 61 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 95. 3 ข้อ 1. และข้อ 2. กล่ำวถึงควำมสำคัญของศิลปะของชำติ ข้อ 3. ให้ข้อคิดเรื่องกำร ตระหนักในหน้ำที่ของตน คือ “แม้นไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงครำวพำยุใหญ่จะ ครวญครำง” กำรไม่รักษำวินัยในตนเอง จะส่งผลเสียต่อหน้ำที่ที่รับผิดชอบ เมื่อเกิด ปัญหำก็จะส่งผลกระทบกับงำนที่ต้องทำร่วมกับคนอื่น ข้อ 4. กล่ำวเปรียบ พระรำชสำนักเหมือนเรือที่แล่นในมหำสมุทร 96. 2 ข้อ 1. กวีพรรณนำถึงพันธุ์ไม้ชนิดต่ำงๆ ด้วยกำรเล่นคำว่ำ “ลิง” ได้แก่ ต้นหัวลิง ต้น ลำงลิง และต้นหูลิง ซึ่งไม่เห็นภำพกำรเคลื่อนไหว ข้อ 2. กวีพรรณนำกำรเดินของยูง ทอง “ย่องเยื้องย่ำง” คือ ก้ำวอย่ำงช้ำๆ และก็รำแพนหำงอย่ำงงดงำม ข้อ 3. กวี พรรณนำลักษณะไก่ฟ้ำว่ำมีหัวสีแดง มีเดือย และข้อ 4. กวีพรรณนำนำเลียงผำที่อยู่ บนภูเขำว่ำมีหนวดแบนรำบ 97. 2 ข้อควำมข้ำงต้นกล่ำวว่ำ “เมื่อครั้งสมัยพ่อกู กูดูแลรับใช้พ่อกับแม่ เมื่อกูได้อำหำรมำ กูก็เอำมำให้พ่อกู” ซึ่งเป็นข้อควำมที่แสดงให้เห็นควำมกตัญญู รู้จักตอบแทนพระคุณ ของบิดำมำรดำ ด้วยกำรคอยดูแลเอำใจใส่อย่ำงใกล้ชิด 98. 4 จำกบทประพันธ์ข้ำงต้นกล่ำวถึงสัตว์ป่ำ ดังนี้ กวำงเนื้อทรำย หมูป่ำ หมำในซึ่งเป็น หมำชนิดหนึ่ง ขนสีน้ำตำลแดง หรือน้ำตำลเทำ หำงสีคล้ำยำวเป็นพวง อำศัยอยู่ตำม ป่ำทึบ ออกหำกินเป็นฝูงเวลำเช้ำมืดและพลบค่ำ ล่ำสัตว์อื่นกิน เช่น เก้ง กวำง หมูป่ำ สัตว์เล็กๆ สัตว์ป่ำในบทประพันธ์ข้ำงต้นจึงมีทั้งหมด 4 ชนิด 99. 3 ข้อ 1. และข้อ 2. เป็นบทเจรจำของนนทกที่ถำมนำงอัปสรด้วยชื่นชอบรักใคร่อยำกรู้ ว่ำเป็นใคร ชื่ออะไร จึงคำดหวังคำตอบจำกนำง ส่วนข้อ 3. ที่นำงอัปสรกล่ำวว่ำ “ทำไมมำล่วงไถ่ถำม” ไม่ได้ต้องกำรคำตอบ แต่เป็นกำรต่อว่ำนนทกที่กล้ำเข้ำมำทัก ถำม ข้อ 4. เป็นแต่เพียงกำรบอกเล่ำไม่ได้ถำม 100. 4 คำประพันธ์ที่กล่ำวถึงเวลำ มีดังนี้ ข้อ 1. มีคำว่ำ “ดับดวงพระสุริย์” ซึ่งหมำยถึง ช่วง ค่ำมืดที่ดวงอำทิตย์หมดแสง ข้อ 2. มีคำว่ำ “ค่ำพลบ” หมำยถึง เวลำย่ำค่ำ เวลำ โพล้เพล้ข้อ 3. มีคำว่ำ “ชิงพลบ” มีควำมหมำยเหมือนกับ “ค่ำพลบ” ส่วนข้อ 4. ไม่มี คำที่กล่ำวถึงเวลำ
  • 62. 62 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย (ม.ต้น) 2552 1. 3 2. 1 3. 1 4. 1 5. 2 6. 3 7. 1 8. 3 9. 2 10. 1 11. 2 12. 2 13. 3 14. 3 15. 1 16. 2 17. 1 18. 4 19. 4 20. 4 21. 3 22. 2 23. 1 24. 3 25. 2 26. 2 27. 3 28. 2 29. 2 30. 3 31. 1 32. ไม่มีข้อถูก 33. 2 34. 4 35. 4 36. 4 37. 2 38. 1 39. 2 40. 2 41. 4 42. 3 43. 1 44. 3 45. 2 46. 5 , 4 , 3 47. 5 , 5 , 1 48. 2 , 1 , 4 , 2 , 3 49. 5 , 4 , 1 , 3 , 2 50. 5 , 2 , 1 , 3 , 4 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O-NET วิชา ภาษาไทย (ม.ต้น) 2553 1. 2 2. 1 3. 4 4. 4 5. 4 6. 3 7. 2 8. 2 9. 2 10. 3 11. 1 12. 3 13. 1 14. 2 , 5 , 6 , 7 15. 2 , 1 , 4 , 3 , 3 ปีการศึกษา ปีการศึกษา