SlideShare a Scribd company logo
1
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบO-NET วิชา สังคมศึกษา
คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ทรรศนะเกี่ยวกับควำมสุขและทุกข์ของชีวิตในชมพูทวีปมีลักษณะอย่ำงไร
1. กลุ่มต่ำงๆ เชื่อว่ำไม่มีควำมสุขควำมทุกข์ มนุษย์ล้วนคิดไปเอง
2. กลุ่มต่ำงๆ เชื่อว่ำควำมสุขทำงกำยเป็นเป้ำหมำยสูงสุดของชีวิต
3. กลุ่มหนึ่งเชื่อว่ำเกิดขึ้นเอง อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่ำเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย
4. กลุ่มหนึ่งเชื่อว่ำพระเจ้ำบันดำลสุข อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่ำภูตผีสร้ำงทุกข์เข็ญ
2. กำรปฏิบัติตนของหมอชีวกโกมำรภัจจ์สอดคล้องกับคำสอนในข้อใด
1. เอำชนะคนพำลด้วยควำมเพียร
2. ใฝ่เรียนรู้ศิลปวิทยำอยู่ตลอดเวลำ
3. คบบัณฑิต บัณฑิตพำไปหำผล
4. รู้เขำรู้เรำรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
3. บุคคลในข้อใดกล่ำวได้ว่ำเป็นผู้ปฏิบัติตนตำมกุศลวิตก
1. วิภำวำงเฉยเมื่อเพื่อนถูกดำเนินคดีในควำมผิดที่เขำก่อขึ้น
2. วินัยช่วยเหลือเพื่อนที่ถูกดำเนินคดีในควำมผิดที่เพื่อนเขำก่อขึ้น
3. วิไลชี้แนะให้เพื่อนเข้ำใจควำมผิดที่ก่อขึ้นอันเป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี
4. วิชัยขอควำมช่วยเหลือจำกผู้มีอำนำจให้เพื่อนเขำพ้นจำกคดีที่เพื่อนเขำก่อขึ้น
4. บุคคลใดปฏิบัติตนต่อพระสงฆ์ได้ถูกต้องเหมำะสมตำมหลักกำรปฏิสันถำรต่อพระสงฆ์
1. เปิ้ลจัดรถไปรับและส่งท่ำนตำมเวลำที่นิมนต์
2. ปัทนั่งสนทนำตรงหน้ำพระสงฆ์เมื่อท่ำนมำถึงบ้ำน
3. ปุ๋มให้พระสงฆ์นั่งอยู่รูปเดียวเพื่อควำมสงบทำงจิตใจ
4. ปอวำงเก้ำอี้สำหรับพระสงฆ์ไว้ด้ำนหลังเพื่อควำมสะดวกในกำรประกอบพิธีกรรม
5. ข้อใดแสดงควำมสัมพันธ์ของวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำกับหลักธรรมได้อย่ำงถูกต้อง
1. วันมำฆบูชำ-อริยสัจ 4
2. วันอัฏฐมีบูชำ-ไตรลักษณ์
3. วันวิสำขบูชำ-พรหมวิหำร 4
4. วันอำสำฬหบูชำ-อริยมรรคมีองค์แปด
2
6. กำรปฏิบัติตนเพื่อธำรงไว้ซึ่งพุทธวัฒนธรรมในข้อใดเหมำะสมกับสถำนภำพของนักเรียนมำกที่สุด
1. กำรจัดพิธีขึ้นบ้ำนใหม่และตั้งศำลพระภูมิ
2. กำรเข้ำร่วมพิธีกรรมในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ
3. กำรเสนอพุทธศำสนสถำนในท้องถิ่นเป็นโบรำณสถำนและมรดกโลก
4. กำรรวมกลุ่มเพื่อนเพื่อช่วยกันทำนุบำรุงพุทธศำสนสถำนที่เก่ำแก่ทรุดโทรม
7. หลักคำสอนเรื่องตรีเอกำนุภำพของคริสต์ศำสนำ หมำยควำมว่ำอย่ำงไร
1. พระเป็นเจ้ำทรงมี 3 องค์ ได้แก่ พระบิดำ พระบุตร และพระจิต
2. พระเป็นเจ้ำทรงทำ 3 หน้ำที่ ได้แก่ ผู้สร้ำง ผู้รักษำ และผู้ทำลำย
3. พระเป็นเจ้ำทรงมี 3 องค์ ได้แก่ พระยะโฮวำห์ พระเยซูคริสต์ และพระแม่มำรี
4. พระเป็นเจ้ำทรงมีองค์เดียว แต่มี 3 พระบุคคล ได้แก่ พระบิดำ พระบุตร และพระจิต
8. ข้อใดต่อไปนี้กล่ำว ไม่ ถูกต้อง
1. ชำวมุสลิมทุกคนต้องทำละหมำดวันละ 5 ครั้ง
2. ชำวมุสลิมจะต้องบริจำคซะกำตในอัตรำร้อยละ 2.5
3. ชำวมุสลิมจะต้องศรัทธำต่ออัลลอฮ์องค์เดียวเท่ำนั้น
4. ชำวมุสสิลมทุกคนต้องไปประกอบพิธีฮัจญ์ปีละ 1 ครั้ง
9. บุคคลใดต่อไปนี้มี “อิสรภำพ” ตำมหลักของพระพุทธศำสนำ
1. แพรเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยครั้ง เพื่อให้ทันสมัย
2. ป่ำนเก็บเงินซื้อบ้ำนหลังใหญ่ เพื่อให้ทัดเทียมกับเพื่อนๆ
3. ปอใฝ่ฝันอยำกเป็นแพทย์เพื่อช่วยชีวิตคน จึงตั้งใจเรียนหนังสืออย่ำงมำก
4. ฝ้ำยเดินทำงไปท่องเที่ยวต่ำงประเทศบ่อยครั้ง เพื่อต้องกำรให้ผู้อื่นรู้ว่ำตนเองร่ำรวย
10. ข้อใดเป็นพุทธจริยำของพระบรมศำสดำด้ำนญำตัตถจริยำ
1. ทรงอนุญำตให้พระเทวทัตบวชได้
2. เสด็จไปยับยั้งมิให้องคุลิมำรกระทำมำตุฆำต
3. ทรงแสดงธรรมโปรดพระสุภัททะก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพำน
4. ทรงระงับสงครำมแย่งน้ำในแม่น้ำโรหิณีระหว่ำงพระญำติทั้งสองฝ่ำย
11. ข้อใดเป็นสิ่งที่ฆรำวำสพึงกระทำต่อพระภิกษุสงฆ์
1. ชวนพระภิกษุสงฆ์พูดคุยข่ำวในวงกำรบันเทิง
2. ซักถำมหลักธรรมที่มีควำมสงสัยให้เข้ำใจแจ้งชัด
3. ชักชวนให้พระสงฆ์ไปประท้วงขับไล่นักกำรเมือง
4. ขอให้พระภิกษุสงฆ์ตรวจดูว่ำชำติที่แล้วเกิดเป็นอะไร
3
12. กำรสวดมนต์ไหว้พระอย่ำงสม่ำเสมอ มีคุณค่ำและประโยชน์อย่ำงไร
1. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือยำมลำบำก
2. จิตใจมีควำมสงบ เยือกเย็น เป็นสมำธิ
3. มีอิทธิฤทธิ์บำงประกำรเกิดขึ้นกับผู้สวด
4. พระพุทธรูปที่บูชำมีควำมศักดิ์สิทธิ์มำกขึ้น
13. บุคคลใดต่อไปนี้ปฏิบัติตำมหลักธรรมพรหมวิหำร 4
1. ผกำมำศอดทนไม่โต้ตอบเพื่อนที่ชอบกลั่นแกล้งตน
2. บุปผำเห็นสุนัขจรจัดถูกรถเฉี่ยวบำดเจ็บ จึงอุ้มไปหำสัตวแพทย์
3. บุษบำขยันหมั่นเพียรในกำรเรียน เพื่อให้สอบเข้ำมหำวิทยำลัยได้
4. บุษบงเห็นกระเป๋ำสตำงค์ตกอยู่ แม้จะไม่มีใครอยู่แถวนั้น แต่ก็นำไปส่งตำรวจ
14. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับศำสนำสิข
1. ศูนย์กลำงของศำสนำอยู่ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซำอุดีอำระเบีย
2. ชำวสิขที่ทำพิธีล้ำงบำปแล้ว จะรับเอำ ก ทั้ง 5 ประกำร ไว้กับตน
3. ศำสดำองค์แรกคือ คุรุโควินทสิงห์ ศำสดำองค์สุดท้ำย คือ คุรุนำนัก
4. เป็นศำสนำที่เกิดขึ้นเพื่อประนีประนอมระหว่ำงคริสต์ศำสนำและศำสนำอิสลำม
15. ไอยเรศมีอำยุล่วงเข้ำสู่วัยชรำ มีควำมปรำรถนำจะบรรลุโมกษะ จึงสละกำรครองเรือน แล้วออกบวช
ถือเพศพรหมจรรย์ตลอดชีวิต ไอยเรศกำลังปฏิบัติตำมขั้นตอนใดของหลักธรรมอำศรม 4 ในศำสนำ
พรำหมณ์-ฮินดู
1. พรหมจำรี
2. คฤหัสถ์
3. วำนปรัสถ์
4. สันยำสี
16. เพรำะเหตุใดจึงกล่ำวว่ำพระพุทธศำสนำเป็นศำสนำแห่งเหตุผล
1. ถือว่ำทุกสิ่งมีเหตุและผลอยู่ในตนเอง
2. เน้นว่ำทุกสิ่งเกิดและดับตำมเหตุปัจจัย
3. ให้ควำมสำคัญกับกำรถกเถียงหำเหตุผล
4. เน้นว่ำทุกสิ่งดำเนินไปตำมเหตุปัจจัยแห่งกรรมเก่ำ
17. เพรำะเหตุใดแม้ว่ำพระอำนนท์จะออกบวชมำนำนแล้ว แต่ก็ยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์
1. ต้องโต้วำทะกับพวกเดียรถีย์บ่อยครั้ง
2. พระภิกษุรูปอื่นขัดขวำงกำรบำเพ็ญเพียร
3. ต้องเดินทำงไปประกำศพระศำสนำหลำยที่
4. ต้องปรนนิบัติรับใช้พระพุทธเจ้ำอย่ำงใกล้ชิด
4
18. ขณะที่นักเรียนอ่ำนหนังสือเตรียมสอบเข้ำมหำวิทยำลัย แล้วเกิดอำกำรหดหู่ ง่วงนอน แสดงว่ำนักเรียนมี
สิ่งใดขัดขวำงจิตมิให้บรรลุควำมก้ำวหน้ำ
1. วิจิกิจฉำ 2. พยำบำท
3. ถีนมิทธะ 4. อุทธัจจกุกกุจจะ
19. ข้อห้ำมมิให้พระสงฆ์ฉันอำหำรหลังเที่ยงวันไปแล้วจะปรำกฏอยู่ในคัมภีร์ใด
1. อรรถกถำ 2. พระวินัยปิฎก
3. พระสุตตันตปิฎก 4. พระอภิธรรมปิฎก
20. พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ข้อใดของคริสต์ศำสนำที่กระทำเพื่อระลึกถึงชีวิตและคำสอนของพระเยซูคริสต์
1. พิธีศีลกำลัง 2. พิธีศีลแก้บำป
3. พิธีศีลอนุกรม 4. พิธีศีลมหำสนิท
21. ปัจจัยในข้อใดที่เป็นผลทำให้มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
1. เป็นสัตว์เลือดอุ่น
2. มีสันชำติญำณตำมธรรมชำติที่ดี
3. มีควำมสำมำรถทำงสมองที่เป็นเลิศ
4. มีทักษะกำรต่อสู้เหนือกว่ำสัตว์ประเภทอื่น
22. ข้อใดเป็นสถำบันทำงสังคมซึ่งเป็นพื้นฐำนแรกสุดของมนุษย์
1. สถำบันศำสนำ 2. สถำบันเศรษฐกิจ
3. กำรสถำบันครอบครัว 4. สถำบันกำรเมืองกำรปกครอง
23. ข้อใดเกี่ยวข้องกับสถำบันกำรเมืองกำรปกครองโดยตรง
1. ผลิตสินค้ำบริโภค
2. ขัดเกลำสมำชิกของสังคม
3. เผยแพร่ข่ำวสำรสู่สำธำรณะ
4. บริหำรประเทศตำมนโยบำย
24. ข้อใดเป็นลักษณะของสถำนภำพสัมฤทธิ์
1. แก้วได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดกำรแผนก
2. นิดเป็นลูกของนักธุรกิจชื่อดังในประเทศไทย
3. เตยมีผิวขำว ผมเหยียดตรงสีดำ และมีปำนที่แขนข้ำงซ้ำย
4. จอมเกิดวันที่ 10 มกรำคม พ.ศ. 2525 ที่โรงพยำบำลศิริรำช
25. วัฒนธรรมไทยในข้อใดเป็นของภำคใต้
1. งำนบุญบั้งไฟ 2. ประเพณีผีตำโขน
3. ประเพณีกำรรำโนรำ 4. กำรแสดงหมอลำซิ่ง
5
26. กำรรับวัฒนธรรมต่ำงชำติมำใช้ควรคำนึงถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ
1. เลือกวัฒนธรรมที่ตนเองชอบ
2. เลือกวัฒนธรรมที่คนทั่วไปนิยม
3. รับวัฒนธรรมต่ำงชำติมำทั้งหมด
4. เลือกวัฒนธรรมที่มีประโยชน์นำมำปรับใช้
27. วัฒนธรรมสำกลในข้อใดที่มีควำมสำคัญต่อกำรดำเนินชีวิตของเรำมำกที่สุด
1. แฟชั่น 2. อินเทอร์เน็ต
3. กำรใช้ของรำคำแพง 4. กำรรับประทำนอำหำรตะวันตก
28. กำรปฏิบัติในข้อใดคือบทบำทสำคัญของนักเรียนในกำรเป็นสมำชิกที่ดีของครอบครัว
1. เชื่อฟังพ่อแม่ ตั้งใจเรียน
2. สืบสำนประเพณีและวัฒนธรรมไทย
3. ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งทุกครั้ง
4. ติดตำมข่ำวสำรและเข้ำร่วมกิจกรรมทำงกำรเมือง
29. สภำพของชุมชนใดที่แสดงให้เห็นว่ำมีสมำชิกของชุมชนที่ดี
1. สมำชิกชุมชนรักสันโดษ
2. สมำชิกชุมชนมีฐำนะร่ำรวย
3. สมำชิกชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน
4. สมำชิกชุมชนต่ำงคนต่ำงอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
30. ผู้ใดถือได้ว่ำปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชำติและสังคมโลก
1. ตุ๊กชอบลอกข้อสอบในห้องเรียน
2. นิดรับฟังควำมคิดเห็นที่แตกต่ำงของเพื่อน
3. แอ๊ดนิยมใช้ควำมรุนแรงในกำรแก้ไขปัญหำ
4. ทรำยให้กำรยอมรับนับถือคนที่มีฐำนะร่ำรวย
31. สุเมทเสียภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำตำมจำนวนทุกปี กำรกระทำของสุเมท เป็นบทบำทหน้ำที่ของ
พลเมืองดีในด้ำนใด
1. ด้ำนกำรกุศล 2. ด้ำนกำรเมือง
3. ด้ำนเศรษฐกิจ 4. ด้ำนสังคมและวัฒนธรรม
32. แนวควำมคิดเกี่ยวกับปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชำชำติเกิดขึ้นหลังจำกเหตุกำรณ์ใด
สิ้นสุดลง
1. สงครำมเวียดนำม 2. สงครำมโลกครั้งที่ 1
3. สงครำมโลกครั้งที่ 2 4. สงครำมอ่ำวเปอร์เซีย
6
33. ในปัจจุบัน ประเทศไทยเข้ำร่วมเป็นภำคีพันธกรณีกับปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชนทั้งหมด กี่ฉบับ
1. 3 ฉบับ 2. 4 ฉบับ
3. 5 ฉบับ 4. 6 ฉบับ
34. แนวคิดใดขัดแย้งกับหลักสิทธิมนุษยชน
1. ผู้ชำยย่อมเก่งกว่ำผู้หญิง
2. เด็กจำเป็นต้องได้รับกำรศึกษำเหมำะสมตำมวัย
3. คนจนมีสิทธิเข้ำถึงบริกำรสำธำรณสุขที่มีมำตรฐำน
4. ผู้พิกำรต้องได้รับคุณภำพชีวิตที่ดีเท่ำเทียมคนทั่วไป
35. อำนำจใดคืออำนำจสูงสุดในกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย
1. อำนำจทหำร 2. อำนำจอธิปไตย
3. อำนำจเผด็จกำร 4. อำนำจทำงกำรเงิน
36. ข้อใดคือหลักกำรของระบอบเผด็จกำร
1. ผู้นำมำจำกกำรเลือกตั้ง
2. สื่อมวลชนไม่ถูกแทรกแซง
3. ประชำชนมีอิสระทำงกำรเมือง
4. อำนำจเด็ดขำดอยู่ที่ผู้นำเท่ำนั้น
37. ข้อใดคือองค์กรอิสระ ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550
1. กรมกำรค้ำภำยใน 2. ผู้ตรวจกำรแผ่นดิน
3. สำนักนำยกรัฐมนตรี 4. สำนักงำนประกันสังคม
38. ข้อใดเป็นบทบำทหน้ำที่ของพรรคกำรเมือง
1. ควบคุมกำรจัดกำรเลือกตั้ง
2. ตัดสินคดีควำมขัดแย้งภำยในรัฐบำล
3. อนุมัติงบประมำณประจำปีแก่กระทรวง
4. วำงนโยบำยเพื่อแก้ไขปัญหำของประเทศ
39. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เท่ำใดของประเทศไทย
1. ฉบับที่ 16 2. ฉบับที่ 17
3. ฉบับที่ 18 4. ฉบับที่ 19
40. ข้อใดคือควำมสำคัญของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย
1. มีบทบัญญัติหลำยมำตรำ
2. คุ้มครองสิทธิและเสรีภำพของชนชำวไทย
3. เป็นหลักประกันควำมมั่งคั่งของประเทศ
4. ช่วยให้ประชำชนภำยในประเทศเป็นพลเมืองดี
7
41. สภำผู้แทนรำษฎรประกอบด้วยสมำชิกจำนวนกี่คน
1. 200 คน 2. 300 คน
3. 400 คน 4. 500 คน
42. หน่วยงำนใด มีบทบำทหน้ำที่โดยตรงเกี่ยวกับกำรจัดกำรเลือกตั้ง
1. กกต. 2. คตง.
3. ปปส. 4. คตส.
43. กำรทำบัตรประชำชนเป็นกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใด
1. กฎหมำยทรัพย์สิน 2. กฎหมำยเรื่องบุคคล
3. กฎหมำยเรื่องครอบครัว 4. กฎหมำยเรื่องกำรละเมิด
44. ข้อใดถือเป็นอสังหำริมทรัพย์
1. เรือ 2. รถยนต์
3. บ้ำนพร้อมที่ดิน 4. เครื่องปรับอำกำศ
45. ข้อใดเป็นกำรลงโทษทำงอำญำในระดับเบำที่สุด
1. ปรับ 2. จำคุก
3. กักขัง 4. ริบทรัพย์สิน
46. ข้อใดเป็นปัญหำพื้นฐำนทำงเศรษฐกิจของทุกประเทศ
1. คุณภำพของผลผลิต กำรกระจำยสินค้ำและบริกำร ต้นทุนกำรผลิต
2. กำรเลือกผลิตสินค้ำและบริกำร ต้นทุนกำรผลิต กำรขำดแคลนเงินทุน
3. กำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติ กำรขำดแคลนเงินทุน กำรเลือกวิธีกำรผลิต
4. กำรเลือกผลิตสินค้ำและบริกำร กำรเลือกวิธีกำรผลิต กำรกระจำยสินค้ำและบริกำร
47. “สามารถแก้ไขความไม่ยุติธรรมในสังคมได้มาก และลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างประชาชนใน
ชาติ” เป็นข้อดีของระบบเศรษฐกิจในข้อใด
1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม
4. เศรษฐกิจพอเพียง
48. “เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทากิน มีอิสระในการกาหนดราคาผลผลิตทางการเกษตรของตนเอง แต่
เมื่อราคาผลผลิตตกต่า เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ภาครัฐต้องเข้าไปแทรกแซง โดยการประกันราคา
พืชผล” เหตุกำรณ์ดังกล่ำวจะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจแบบใด
1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม 2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม 4. เศรษฐกิจพอเพียง
8
49. ข้อใดเป็นควำมได้เปรียบของระบบเศรษฐกิจแบบผสมที่มีเหนือระบบเศรษฐกิจแบบอื่น
1. บทบำทของรัฐบำลและเอกชนในกำรประกอบกิจกรรมทำงเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนได้ตำมควำม
เหมำะสม
2. รัฐบำลและเอกชนต่ำงมีบทบำทในทำงกำรค้ำและกำรลงทุนได้ทัดเทียมกัน
3. รัฐบำลและเอกชนต่ำงร่วมกันจัดสวัสดิกำรตำมควำมต้องกำรของประชำชนได้มำกขึ้น
4. รัฐบำลและเอกชนสำมำรถใช้กลไกรำคำเป็นเครื่องมือสำคัญในกำรตัดสินใจประกอบธุรกิจ
50. กำรรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงำนที่ให้บริกำรด้ำนกำรขนส่ง จัดอยู่ในระบบตลำดแบบใด
1. ตลำดผูกขำด
2. ตลำดกึ่งผูกขำด
3. ตลำดผู้ขำยน้อยรำย
4. ตลำดแข่งขันสมบูรณ์
51. หำกร้ำนจัดดอกไม้รับพนักงำนที่จบสำขำคหกรรมในระดับปริญญำตรีเข้ำทำงำนและต้องจ้ำงในอัตรำ
เงินเดือน เดือนละ 15,000 บำท ส่งผลให้เกิดปรำกฏกำรณ์ตำมข้อใด
1. อุปสงค์เพิ่ม 2. อุปสงค์ลด
3. อุปทำนเพิ่ม 4. อุปทำนลด
52. ปัจจัยในข้อใดส่งผลให้ผู้ผลิตตัดสินใจเพิ่มปริมำณกำรผลิต
1. ธนำคำรปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้
2. ปรับอัตรำค่ำจ้ำงแรงงำนขั้นต่ำเพิ่มขึ้น
3. รำคำของวัตถุดิบที่ใช้ในกำรผลิตลดต่ำลง
4. รำคำของสินค้ำที่ทดแทนกันได้ลดต่ำลง
53. ณ ระดับรำคำดุลยภำพปรำกฏว่ำชำวไร่อ้อยเดือดร้อน จึงทำให้รัฐบำลจำเป็นต้องเข้ำช่วยหลือโดย
กำหนดรำคำประกัน ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้อง
1. รัฐบำลจะต้องรับซื้ออ้อยส่วนเกินจำกชำวไร่อ้อย
2. ชำวไร่อ้อยจะต้องจัดสรรโควตำขำยให้โรงงำนน้ำตำล
3. โรงงำนน้ำตำลจะซื้ออ้อยได้ในรำคำต่ำกว่ำรำคำดุลยภำพ
4. โรงงำนน้ำตำลจะรวมตัวกันต่อรองรำคำรับซื้ออ้อยในรำคำตลำด
54. กำรนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มำใช้ในภำคอุตสำหกรรม ทำให้ประเทศไทยต้องประสบปัญหำใดในปัจจุบัน
เพรำะเหตุใด
1. ดุลกำรชำระเงินขำดดุล เพรำะต้องใช้เงินตรำต่ำงประเทศมำกขึ้นในกำรนำเข้ำเทคโนโลยี
2. ผลผลิตสินค้ำอุตสำหกรรมมีรำคำสูงขึ้น เพรำะผู้ผลิตมีอำนำจผูกขำดในกำรกำหนดรำคำมำกขึ้น
3. มลพิษทำงอำกำศและทำงน้ำ เพรำะเกิดจำกกำรผลิตและกำรบริโภคสินค้ำอุตสำหกรรมมำกขึ้น
4. ขำดแคลนบุคลำกรทำงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี เพรำะขำดงบประมำณในกำรพัฒนำกำรศึกษำ
9
55. เกษตรทฤษฎีใหม่ขั้นต้นมีจุดมุ่งหมำยสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหำใดให้เกษตรกร
1. กำรสูญเสียที่ดินทำกิน
2. กำรหำช่องทำงขยำยตลำด
3. กำรขำดกำรรวมกลุ่มเพื่อผลิตสินค้ำ
4. กำรเพำะปลูกพืชเศรษฐกิจได้ผลผลิตน้อย
56. หลักกำรสหกรณ์กับปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงมีควำมสอดคล้องกันในเรื่องใด
1. กำรยึดแนวทำงกำรพึ่งตนเอง
2. กำรร่วมมือร่วมใจกันในสังคมระดับท้องถิ่น
3. กำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
4. กำรทำกิจกรรมเศรษฐกิจเฉพำะกับสมำชิกหรือคนในชุมชนเดียวกัน
57. กำรดำเนินงำนของสหกรณ์ข้อใดที่แสดงให้เห็นถึงกำรนำหลักประชำธิปไตยมำใช้
1. ดำเนินงำนโดยอิสระ
2. จดทะเบียนนิติบุคคล
3. เปิดรับสมำชิกด้วยควำมสมัครใจ
4. ไม่ว่ำจะถือหุ้นกี่หุ้นก็ออกเสียงได้เพียง 1 เสียง
58. ข้อใดแสดงว่ำเงินทำหน้ำที่ในกำรวัดมูลค่ำ
1. ส้มมีเงินแค่ 20บำท ซื้อข้ำวสำรได้ไม่ถึง 1 กิโลกรัม
2. อ้อยเขียนเช็คส่วนตัวซื้อนำฬิกำข้อมือ 1 เรือน รำคำเรือนละ 30,000 บำท
3. โอนำธนบัตรไทยชนิดรำคำ 100 บำท ไปแลกธนบัตรรำคำ 50บำท ได้ 2 ใบ
4. น้อยซื้อโทรทัศน์ 1 เครื่อง โดยกำรผ่อนชำระ 6 งวด งวดละ 10,000 บำท
59. เมื่อเปรียบเทียบระหว่ำงธนบัตรใบละ 1,000 บำท กับสร้อยคอทองคำหนัก 1 บำท สินทรัพย์ใดมีสภำพ
คล่องสูงกว่ำ เพรำะเหตุใด
1. ธนบัตร เพรำะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปต้องกำร
2. ธนบัตร เพรำะนำไปแลกกับสิ่งอื่นๆ ได้ทันที
3. สร้อยคอทองทำ เพรำะสำมำรถนำไปขำยต่อได้รวดเร็ว
4. สร้อยคอทองคำ เพรำะมีมูลค่ำสูงกว่ำธนบัตร 1,000 บำท
60. ถ้ำปริมำณเงินหมุนเวียนในประเทศเพิ่มมำกขึ้น ทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจอย่ำงไร
1. กำรลงทุนลดลง
2. อัตรำดอกเบี้ยสูงขึ้น
3. มีกำรจ้ำงงำนเพิ่มมำกขึ้น
4. เอกชนสำมำรถลงทุนได้อย่ำงเสรี
10
61. สภำพกำรณ์ใดบ่งบอกว่ำเกิดภำวะเงินเฟ้อขึ้นในระบบเศรษฐกิจ
1. ประชำชนมีรำยได้ที่แท้จริงเพิ่มขึ้น
2. สินค้ำและบริกำรต่ำงๆ มีรำคำสูงขึ้น
3. อำนำจซื้อของเงินที่มีอยู่ในมือของประชำชนลดลง
4. เงินจำนวนเท่ำเดิมไม่สำมำรถซื้อสินค้ำและบริกำรตำมที่ต้องกำรได้
62. กำรดำเนินกำรในข้อใดช่วยแก้ไขปัญหำเงินเฟ้อได้
1. ลดอัตรำเงินสดสำรองตำมกฎหมำย
2. ธนำคำรกลำงประกำศรับซื้อคืนพันธบัตร
3. เพิ่มอัตรำซื้อลดตั๋วเงินจำกธนำคำรพำณิชย์
4. ผ่อนคลำยกำรกำกับแผนกำรปล่อยสินเชื่อของธนำคำรพำณิชย์
63. ถ้ำคำดว่ำอัตรำเงินเฟ้อจะสูงขึ้นต่อไปอีก ธนำคำรกลำงจะต้องดำเนินมำตรกำรใดเพื่อชะลอเงินเฟ้อ
1. ลดอัตรำค่ำจ้ำง
2. ลดอัตรำดอกเบี้ยนโยบำย
3. ขึ้นอัตรำภำษีดอกเบี้ยเงินฝำกกับธนำคำรพำณิชย์
4. ขึ้นอัตรำรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญำใช้เงินจำกธนำคำรพำณิชย์
64. ถ้ำเกิดสภำวะเงินฝืดจะส่งผลต่อประชำชนอย่ำงไร
1. ประชำชนใช้จ่ำยเงินมำกขึ้น
2. ประชำชนเสียภำษีให้รัฐมำกขึ้น
3. ประชำชนมีอัตรำกำรว่ำงงำนสูง
4. ประชำชนมีเงินหมุนเวียนในมือสูง
65. ในภำวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบำลควรมีมำตรกำรทำงกำรคลังอย่ำงไร
1. เก็บภำษีเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มเงินคงคลัง
2. ใช้จ่ำยให้มำกขึ้น เพื่อกระตุ้นกำรผลิต
3. กู้ยืมน้อยลง เพื่อลดภำระงบประมำณ
4. ชะลอกำรปล่อยสินเชื่อ เพื่อลดหนี้ของประชำชน
66. ข้อใดแสดงว่ำประเทศมีควำมเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจ
1. สัดส่วนของคนยำกจนต่อประชำกรลดลง
2. รำยได้เฉลี่ยต่อหัวของประชำกรสูงขึ้น
3. ประชำกรมีสินค้ำที่ผลิตจำกเทคโนโลยีสมัยใหม่บริโภคมำกขึ้น
4. ประเทศประสบควำมสำเร็จในกำรแก้ปัญหำมลพิษและสิ่งแวดล้อม
11
67. ข้อใดถือว่ำเป็นมำตรกำรของนโยบำยกำรค้ำเสรี
1. เก็บภำษีขำเข้ำในอัตรำต่ำ
2. ให้เงินอุดหนุนผู้ผลิตในประเทศ
3. ไม่เก็บภำษีสินค้ำที่ส่งไปขำยประเทศยำกจน
4. ให้นำเข้ำสินค้ำจำกประเทศต่ำงๆ ได้ทุกชนิด
68. ถ้ำปัจจุบันประเทศไทยยังใช้ระบบศักรำชแบบรัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ.) ปีพุทธศักรำช 2555จะตรงกับ
รัตนโกสินทร์ศกใด
1. ร.ศ. 224 2. ร.ศ. 225
3. ร.ศ. 227 4. ร.ศ. 231
69.หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ในข้อใดที่บ่งบอกพัฒนำกำรอำณำจักรโบรำณในดินแดนประเทศไทยก่อน
สมัยสุโขทัย
1. ตำนำน 2. ศิลำจำรึก
3. พงศำวดำร 4. โบรำณสถำน
70. ข้อใดเป็นจุดเริ่มต้นยุคประวัติศำสตร์
1. กำรรู้จักใช้ไฟ 2. รู้จักตั้งถิ่นฐำน
3. รู้จักกำรเพำะปลูก 4. รู้จักบันทึกข้อควำม
71. ผลกำรศึกษำทำงประวัติศำสตร์ในอดีตอำจเปลี่ยนแปลงไปได้จำกปัจจัยใด
1. กำรตั้งประเด็นคำถำมของผู้ศึกษำ และกำรค้นพบหลักฐำนใหม่
2. กำรสังเครำะห์ผลกำรศึกษำเดิมและกำรนำเสนอผลกำรศึกษำในรูปแบบใหม่
3. กำรบูรณะแหล่งข้อมูลทำงประวัติศำสตร์ และกำรตีควำมในมุมมองใหม่ของผู้ศึกษำ
4. กำรขึ้นทะเบียนโบรำณสถำนเป็นมรดกโลกและกำรศึกษำแนวทำงกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
72. พระรำชพงศำวดำรสมัยอยุธยำฉบับใดที่นักประวัติศำสตร์ยอมรับว่ำมีข้อมูลถูกต้องที่สุด
1. ฉบับบริติชมิวเซียม 2. ฉบับพันจันทนุมำศ (เจิม)
3. ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ 4. ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
73. กำรใช้หลักฐำนที่บันทึกโดยชำวต่ำงชำติในกำรศึกษำประวัติศำสตร์มีข้อจำกัดในเรื่องใด
1. กำรมีจุดมุ่งหมำยที่แตกต่ำงกันของชนชำติต่ำงๆ
2. ควำมรู้ควำมเข้ำใจลักษณะทำงสังคมของผู้บันทึก
3. กำรบันทึกในลักษณะตำนำนหรือนิทำนของชำติตะวันตก
4. ควำมคิดเห็นที่น่ำสนใจจำกผู้บันทึกที่มีภูมิหลังแตกต่ำงกัน
74. ข้อมูลใดเป็นพื้นฐำนสำคัญของแนวคิดถิ่นเดิมของชนชำติไทยอยู่ทำงตอนใต้ของจีน
1. ภำษำ 2. กำยวิภำค
3. กลุ่มเลือด 4. หลักฐำนจีน
12
75. แนวคิดที่ว่ำถิ่นเดิมของชนชำติไทยอยู่บริเวณหมู่เกำะแถบเส้นศูนย์สูตรของภูมิภำคขัดกับหลักกำรทำง
มำนุษยวิทยำในข้อใด
1. กำรตั้งถิ่นฐำนและกำรอพยพ
2. กำรรวมกลุ่มและกำรแบ่งชนชั้น
3. ควำมเป็นมำทำงภำษำพูดและกำรประดิษฐ์ตัวอักษร
4. ควำมอุดมสมบูรณ์ของทรัพยำกรและกำรจัดกำรทรัพยำกร
76.ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องเกี่ยวกับกำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครอง พ.ศ. 2475
1. กำรมีแนวคิดเรื่องสิทธิ เสรีภำพและควำมเสมอภำคของคณะรำษฎร
2. ควำมร่วมมือของรำษฎรส่วนใหญ่ทำให้ไม่เกิดเหตุกำรณ์รุนแรง
3. กำรเรียกร้องประชำธิปไตยและรัฐธรรมนูญของพลเมือง
4. ควำมพร้อมของประชำชนที่มีในกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย
77. พระรำชนิพนธ์ เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของพระมหำธรรมรำชำที่ 1 (ลิไทย) ได้รับอิทธิพลจำกแนวคิดใด
เป็นหลัก
1. ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู
2. พระพุทธศำสนำลัทธิวัชรยำน
3. พระพุทธศำสนำลัทธิลังกำวงศ์
4. พระพุทธศำสนำลัทธิสยำมวงศ์
78. กฎหมำยตรำสำมดวงเกิดจำกกำรตรวจชำระและรวบรวมกฎหมำยขึ้นใหม่ในรัชกำลใด
1. สมเด็จพระบรมไตรโลกนำถ
2. สมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช
3. พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลก
4. พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
79. กำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครองใน พ.ศ. 2475ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงหลำยประกำร ยกเว้น ข้อใด
1. รูปแบบของรัฐ
2. ผู้บริหำรประเทศ
3. ระบอบกำรปกครอง
4. เจ้ำของอำนำจอธิปไตย
80. กิจกรรมในข้อใดเป็นกำรผสำนภูมิปัญญำไทยกับสถำนกำรณ์ปัจจุบัน
1. กำรประกวดนักออกแบบผ้ำไทยร่วมสมัย
2. กำรจัดนิทรรศกำรภูมิปัญญำด้ำนกำรดำรงชีวิตของท้องถิ่น
3. กำรส่งเสริมกำรใช้สมุนไพรในกำรป้องกันและรักษำโรค
4. กำรศึกษำค้นคว้ำด้ำนนำฏศิลป์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์
13
81. ควำมนิยมงำนศิลปะปูนปั้นรูปพระนำรำยณ์ทรงครุฑประดับหน้ำบันโบสถ์วิหำรในสมัยอยุธยำสะท้อน
คติควำมเชื่อในเรื่องใด
1. ควำมเชื่อเรื่องภพ-ภูมิต่ำงๆ
2. พระมหำกษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ
3. ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู มีอิทธิพลเหนือพระพุทธศำสนำ
4. พระรำชอำนำจของพระมหำกษัตริย์เหนือเมืองประเทศรำชทั้งปวง
82. “...ถ้าเราขาดสุโขทัยอยุธยา และกรุงเทพฯ แล้วประเทศไทยก็คงไม่มีความหมาย...” พระรำชดำรัส
ดังกล่ำวส่งเสริมแนวคิดในเรื่องใด
1. ควำมเป็นมำอันยำวนำนของประวัติศำสตร์ไทย
2. กำรมีจิตสำนึกรักชำติจำกกำรศึกษำประวัติศำสตร์
3. ควำมสำคัญของประวัติศำสตร์และวัฒนธรรมกับควำมเป็นชำติ
4. กำรมีพัฒนำกำรอย่ำงต่อเนื่องของรัฐไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
83. ศักรำชแบบใดที่นิยมใช้กันแพร่หลำยมำกที่สุด
1. จุลศักรำช 2. พุทธศักรำช
3. คริสต์ศักรำช 4. ฮิจเรำะห์ศักรำช
84. สมัยประวัติศำสตร์ของโลกตะวันตกเริ่มที่แหล่งอำรยธรรมใด
1. อำรยธรรมกรีก 2. อำรยธรรมโรมัน
3. อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ 4. อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีส
85. เริ่มสมัยอำณำจักรอยุธยำ พ.ศ. 1893 ตรงกับกำรเกิดเหตุกำรณ์ใดในยุโรป
1. กำรสำรวจทำงทะเล 2. กำรฟื้นฟูศิลปวิทยำกำร
3. โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกำ 4. กำรสิ้นสุดจักรวรรดิโรมันตะวันตก
86. ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จำกวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์
1. ได้องค์ควำมรู้ใหม่ที่น่ำเชื่อถือกว่ำเดิม
2. ได้องค์ควำมรู้ใหม่ที่โดดเด่นไม่เหมือนคนอื่น
3. ประเมินควำมรู้ควำมเข้ำใจของผู้ศึกษำประวัติศำสตร์
4. ประเมินคุณค่ำของข้อมูลเดิมว่ำถูกต้องน่ำเชื่อถือหรือไม่
87. เพรำะเหตุใดนักประวัติศำสตร์มักตีควำมข้อมูลจำกหลักฐำนชิ้นเดียวกันแตกต่ำงกัน
1. มีควำมเชื่อต่ำงกัน 2. มีควำมสนใจต่ำงกัน
3. มีจุดประสงค์ที่ต่ำงกัน 4. มีควำมรู้ควำมสำมำรถต่ำงกัน
88. ข้อจำกัดสำคัญในกำรศึกษำประวัติศำสตร์สำกลคืออะไร
1. มีหลักฐำนจำนวนมำก 2. หลักฐำนอยู่ที่ต่ำงประเทศ
3. ขำดเพื่อนร่วมศึกษำด้วยกัน 4. ศึกษำยำกเพรำะมีควำมรู้น้อย
14
89. เพรำะเหตุใดจึงถือว่ำประมวลกฎหมำยของพระเจ้ำฮัมมูรำบีเป็นมรดกทำงอำรยธรรมชิ้นสำคัญของโลก
1. เป็นประมวลกฎหมำยฉบับแรกของโลก
2. มีบทลงโทษที่รุนแรงซึ่งช่วยลดจำนวนผู้เป็นภัยต่อสังคม
3. เป็นเครื่องแสดงว่ำอำนำจรัฐเข้มแข็งพอที่จะบังคับพลเมืองได้แล้ว
4. เป็นแบบอย่ำงของควำมพยำยำมที่จะให้เกิดควำมยุติธรรมในกำรปกครอง
90. สำเหตุสำคัญที่ทำให้อำรยธรรมอียิปต์พัฒนำอย่ำงมีเอกภำพคือข้อใด
1. มีกำรนับถือเทพเจ้ำองค์เดียว
2. ยึดถืออำรยธรรมเดิมตำมบรรพบุรุษ
3. ไม่มีชนชำติอื่นมำปะปนในอำณำจักร
4. มีสภำพภูมิศำสตร์ที่ป้องกันกำรรุกรำนจำกภำยนอก
91. สิ่งก่อสร้ำงของอำรยธรรมโรมันให้ควำมสำคัญต่อเรื่องใด
1. ควำมสวยงำม
2. ประโยชน์ใช้สอย
3. ควำมเชื่อทำงศำสนำ
4. ใช้วัสดุที่ประหยัดค่ำใช้จ่ำย
92. กำรปฏิวัติอุตสำหกรรมในเรื่องใดส่งผลให้เกิดโลกำภิวัตน์ในปัจจุบัน
1. กำรสื่อสำร 2. กำรผลิตสินค้ำ
3. กำรคมนำคม 4. กำรบริโภคสินค้ำ
93. แม้ว่ำควำมขัดแย้งจะก่อให้เกิดกำรสูญเสียมำกมำยแต่มีประโยชน์ในเรื่องใด
1. ช่วยลดประชำกรโลก
2. กระตุ้นให้เกิดกำรพัฒนำวิทยำกำร
3. ทำลำยอำรยธรรมเก่ำๆ ที่ล้ำสมัย
4. เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่ำงรวดเร็ว
94. เหตุกำรณ์ 11กันยำยน เป็นตัวอย่ำงหนึ่งของกำรก่อกำรร้ำยที่มีจุดประสงค์ใด
1. เรียกค่ำคุ้มครองจำกสหรัฐอเมริกำ
2. ต่อต้ำนกำรใช้อำนำจของสหรัฐอเมริกำ
3. ต้องกำรทำสงครำมศำสนำกับสหรัฐอเมริกำ
4. ตอบโต้ที่สหรัฐอเมริกำปรำบปรำมกลุ่มก่อกำรร้ำย
95. ข้อใดคือปัญหำควำมร่วมมือในอำเซียน
1. แข่งขันกันพัฒนำ 2. นับถือศำสนำต่ำงกัน
3. เป็นศัตรูกันมำก่อน 4. มีระบอบกำรปกครองต่ำงกัน
15
96. ข้อใดคือวิธีแก้ไขปัญหำโลกร้อนที่มีประสิทธิภำพที่สุด
1. ร่วมกันปลูกต้นไม้สร้ำงควำมร่มรื่น
2. ใช้ทรัพยำกรต่ำงๆ อย่ำงประหยัดและคุ้มค่ำ
3. ติดตั้งกระจกเพื่อสะท้อนแสงอำทิตย์กลับไป
4. เปิดเครื่องทำควำมเย็นเพื่อคลำยควำมร้อนให้โลก
97. ข้อใด ไม่ใช่ แนวโน้มของสถำนกำรณ์สำคัญของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21
1. เกิดภำวะขำดแคลนแรงงำน
2. กำรก่อกำรร้ำยจะมีมำกขึ้น
3. ค่ำครองชีพของมนุษย์จะสูงขึ้น
4. เกิดภัยธรรมชำติที่รุนแรงบ่อยครั้งขึ้น
98. ข้อใดคือกำรจำแนกประเภทของเครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ตำมหน้ำที่กำรใช้งำนที่ถูกต้อง
1. รวบรวมข้อมูล ให้ข้อมูล
2. ให้ข้อมูลวิเครำะห์ข้อมูล
3. วิเครำะห์ข้อมูล สังเครำะห์ข้อมูล
4. สังเครำะห์ข้อมูลรวบรวมข้อมูล
99. บุคคลในข้อใดน่ำจะเป็นผู้ใช้แผนที่ได้อย่ำงชำนำญที่สุด
1. โป้งมีควำมรู้เรื่องแผนที่เป็นอย่ำงดี
2. กลำงรวบรวมแผนที่เฉพำะเรื่องไว้อย่ำงหลำกหลำย
3. นำงสอบได้คะแนนสูงสุดในเรื่องแผนที่และเครื่องมือทำงภูมิศำสตร์
4. ก้อยใช้แผนที่ในกำรดำเนินชีวิตและกำรศึกษำข้อมูลต่ำงๆ เพื่อประโยชน์ในกำรเรียนรู้อยู่เสมอ
100. ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นิยมใช้รูปถ่ำยทำงอำกำศแนวดิ่งมำจัดทำแผนที่คืออะไร
1. ควำมชัดเจน 2. ควำมสวยงำม
3. มำตรำส่วนคงที่ 4. สีและรูปร่ำงต่ำงๆ
101. กำรสำรวจข้อมูลของภูมิสำรสนเทศศำสตร์ชนิดใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น
1. ภำพจำกดำวเทียม 2. กำรรับรู้จำกระยะไกล
3. ระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ 4. ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก
102. ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องเกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์
1. ข้อมูลเป็นเชิงตัวเลขและกำรเปลี่ยนแปลงทำงสถิติ
2. วิเครำะห์ข้อมูลจำกฐำนข้อมูลเพียงชั้นเดียวหรือหลำยชั้น
3. บุคลำกรเป็นผู้วิเครำะห์ข้อมูลด้วยสำยตำและกำรคำนวณทำงสถิติ
4. ส่วนเครื่อง คือ เครื่องรับระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกและภำพจำกดำวเทียม
16
103. ข้อมูลที่ใช้ในกำรพยำกรณ์อำกำศของพื้นที่หนึ่งๆ มำจำกหลักกำรทำงำนของดำวเทียมในข้อใด
1. ดำวเทียมคงที่
2. ดำวเทียมพลังงำนธรรมชำติ
3. ดำวเทียมพลังงำนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำ
4. ดำวเทียมโคจรรอบโลกในแนวเหนือ-ใต้
104. ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกเกิดจำกกิจกำรด้ำนใด
1. กำรทหำร 2. กำรสำรวจทิศทำง
3. กำรป้องกันภัยพิบัติ 4. กำรช่วยเหลือผู้ประสบภัย
105. ระยะเวลำกลำงวันและกลำงคืนที่เท่ำกันของพื้นที่ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้จะเกิดขึ้นในวันใด
1. วันวสันตวิษุวัต วันศำรทวิษุวัต
2. วันศำรทวิษุวัต วันครีษมำยัน
3. วันเหมำยัน วันวสันตวิษุวัต
4. วันครีษมำยัน วันเหมำยัน
106. ถ้ำนักเรียนต้องกำรชมปรำกฏกำรณ์พระอำทิตย์เที่ยงคืนควรเดินทำงไปยังประเทศใด ณ ช่วงเดือนใด
1. ประเทศอำร์เจตินำ เดือนมิถุนำยน
2. ประเทศแคนำดำ เดือนมิถุนำยน
3. ประเทศชิลี เดือนกรกฎำคม
4. ประเทศจีน เดือนกรกฎำคม
107. กำรเกิดแผ่นดินไหวสอดคล้องกับบริเวณที่เป็นแนวรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกอย่ำงไร
1. จุดศูนย์กลำงมีแรงสั่นไหวมำก
2. กำรเคลื่อนตัวในรูปแบบต่ำงๆ
3. หินหนืดที่พุขึ้นกลำยเป็นเทือกเขำ
4. ควำมสั่นไหวก่อให้เกิดระลอกคลื่น
108. วัฏจักรทำงอุทกวิทยำเกิดขึ้นโดยมีปัจจัยใดเป็นสำคัญ
1. กำรกลั่น 2. ควำมชื้น
3. ควำมร้อน 4. กำรโน้มถ่วง
109. ข้อใดกล่ำวถึงแหล่งที่มำของกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นที่ไหลเวียนในมหำสมุทรของโลกได้
ถูกต้อง
1. เขตศูนย์สูตร เขตขั้วโลก
2. เขตเทือกเขำ เขตศูนย์สูตร
3. เขตขั้วโลก เขตที่รำบลุ่มน้ำขนำดใหญ่
4. เขตที่รำบลุ่มน้ำขนำดใหญ่ เขตเทือกเขำ
17
110. ลักษณะภูมิประเทศในข้อใดเหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำขนส่งสินค้ำทำงทะเลมำกที่สุด
1. ดินดอนสำมเหลี่ยมปำกแม่น้ำ 2. ที่รำบรอบทะเลสำบรูปแอก
3. พื้นที่ชำยฝั่งที่คลื่นลมสงบ 4. ชำยฝั่งของฟีออร์ด
111. หำกนักเรียนต้องกำรศึกษำลักษณะทำงภูมิศำสตร์ที่เหมำะสมต่อกำรทำสวนผลไม้เมืองร้อน นักเรียน
ควรไปยังภำคใด
1. ภำคเหนือ 2. ภำคกลำง
3. ภำคตะวันตก 4. ภำคตะวันออก
112. ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องเกี่ยวกับควำมสัมพันธ์ของลักษณะทำงภูมิศำสตร์กับลักษณะทำงเศรษฐกิจของ
ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ
1. มีควำมแห้งแล้ง ไม่สำมำรถปลูกไม้ผลได้
2. มีอำกำศค่อนข้ำงเย็นทำงตอนเหนือ จึงมีกำรปลูกพืชเศรษฐกิจเมืองหนำว
3. ปริมำณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีค่อนข้ำงมำกแต่ดินส่วนใหญ่ไม่ค่อยอุ้มน้ำ กำรเพำะปลูกพืชจึงแตกต่ำงกัน
ไปในแต่ละพื้นที่
4. อิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ทำให้มีฝนตกชุกในช่วงปลำยปี สำมำรถเพำะปลูกพืชที่ต้องใช้
น้ำมำกได้ผลผลิตดี
113. กำรศึกษำเกี่ยวกับภูเขำไฟที่มีพลังในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรดำเนินกำรในประเทศใดบ้ำง
1. อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ 2. กัมพูชำ อินโดนีเซีย
3. ฟิลิปปินส์ ไทย 4. ไทย กัมพูชำ
114. กำรปะทุระเบิดของภูเขำไฟก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศของอุทกภำคได้อย่ำงไร
1. เถ้ำถ่ำนที่ปกคลุมท้องฟ้ำทำให้แสงแดดและควำมร้อนไม่สำมำรถส่องลงมำถึงผิวน้ำได้
2. หินหนืดที่ไหลลงสู่ทะเลส่งผลให้ลักษณะชำยฝั่งเกิดกำรเปลี่ยนแปลง
3. แรงสั่นสะเทือนทำให้เกิดคลื่นใหญ่ซึ่งมีผลต่อแนวปะกำรัง
4. แก๊สและควันที่พวยพุ่งจำกกำรปะทุระเบิดทำให้สัตว์น้ำสูญพันธุ์
115. กำรป้องกันและแก้ไขพื้นที่จำกอุทกภัยควรหลีกเลี่ยงกำรใช้วิธีกำรใด
1. กำรปลูกหญ้ำแฝกริมตลิ่งเพื่อป้องกันกำรกัดเซำะของน้ำ
2. กำรกำหนดพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำหรือแก้มลิง
3. กำรขุดลอกคูคลองทุกสำย เพื่อให้ระบำยน้ำได้อย่ำงเต็มประสิทธิภำพ
4. กำรช่วยกันสร้ำงพนังกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจำกพื้นที่ของตน
116. สำเหตุสำคัญของกำรกัดเซำะชำยฝั่งในปัจจุบันคืออะไร
1. ภำวะโลกร้อน 2. ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก
3. กำรเกิดพำยุหมุนเขตร้อน 4. ปรำกฏกำรณ์อุณหภูมิผกผัน
18
117. เพรำะเหตุใดเมื่อพำยุสงบแล้วจึงควรรอเวลำอีกอย่ำงน้อย 3 ชั่วโมง ก่อนกำรเดินทำงหรือแก้ไขปัญหำที่
เกิดจำกพำยุ
1. มักมีลมแรงและฝนตกหนักอีกเมื่อศูนย์กลำงพำยุพัดผ่ำน
2. วำงแผนกำรเดินทำงเพื่อควำมปลอดภัยจำกซำกปรักหักพัง
3. ควำมพร้อมของหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องกับกำรช่วยเหลือผู้ประสบภัย
4. ระดับน้ำลดลงและควำมเร็วลมคงที่สำมำรถเดินทำงได้อย่ำงปลอดภัย
118. เหตุกำรณ์ทำงประวัติศำสตร์ที่อำจกล่ำวได้ว่ำเป็นจุดเริ่มต้นของกำรเพิ่มขึ้นของแก๊สเรือนกระจกใน
บรรยำกำศคืออะไร
1. กำรปฏิวัติกำรเกษตร 2. กำรปฏิวัติอุตสำหกรรม
3. กำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ 4. กำรปฏิวัติกำรเมืองกำรปกครอง
119. ข้อใดแสดงถึงภูมิปัญญำไทยในกำรใช้ประโยชน์ทรัพยำกรแร่และพลังงำน
1. กำรสร้ำงเขื่อนขนำดใหญ่เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ำ
2. ควำมเชี่ยวชำญในกำรเจียระไนเพชรพลอยของช่ำงไทย
3. กำรทำเหมืองแร่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่จำกชำติตะวันตก
4. ควำมสำคัญของพลังงำนจำกน้ำมันและแก๊สธรรมชำติต่อภำคเศรษฐกิจของไทย
120. กำรดำเนินงำนด้ำนสิ่งแวดล้อมขององค์กรเอกชนใดถูกต้องเหมำะสมที่สุด
1. กลุ่มรักษ์ไม้จัดตั้งกองกำลังติดอำวุธเฝ้ำระวังกำรบุกรุกพื้นที่ป่ำสงวน
2. สมำคมคนรักสัตว์ป่ำนำสัตว์ป่ำที่ใกล้จะสูญพันธุ์มำผสมพันธุ์ด้วยนวัตกรรมของตนเอง
3. องค์กรพิทักษ์ป่ำแห่งชำติต่อต้ำนกำรดำเนินงำนของหน่วยงำนภำครัฐด้ำนป่ำไม้และสัตว์ป่ำ
4. มูลนิธิสิ่งแวดล้อมของเรำรับบริจำคเงินและอุปกรณ์ต่ำงๆ เพื่อนำไปใช้ในกำรดำเนินงำนด้ำน
สิ่งแวดล้อมอย่ำงมีประสิทธิภำพ
19
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วิชา สังคมศึกษา 2552
ตอนที่ 1 สังคมศึกษำ : จำนวน 100 ข้อ (รวม 100 คะแนน)
ส่วนที่ 1 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน 50 ข้อ (ข้อ 1-50) : ข้อละ 1 คะแนน
1. พระพุทธศำสนำสอนหลักควำมจริงที่เป็นสำกลในเรื่องใด
1. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
2. กำรทำลำยชีวิตเป็นบำป
3. ทุกชีวิตต้องเผชิญปัญหำด้วยควำมไม่ประมำท
4. มนุษย์ใช้ปัญญำหำสำเหตุเพื่อแก้ปัญหำได้
2. ข้อใด ไม่ใช่ ข้อห้ำมในศำสนำอิสลำม
1. ห้ำมฆ่ำตนเองและผู้อื่น
2. ห้ำมกำรคุมกำเนิดและทำแท้ง
3. ห้ำมกำรเสี่ยงโชคและกำรพนัน
4. ห้ำมกรำบบุคคลอื่นยกเว้นบิดำมำรดำ
3. จุดมุ่งหมำยสูงสุดในศำสนำคริสต์คือเรื่องใด
1. กำรล้ำงบำปกำเนิด 2. กำรไปรวมกับพระเจ้ำ
3. กำรสร้ำงศรัทธำต่อพระเจ้ำ 4. กำรรอดพ้นจำกคำพิพำกษำ
4. พิธีกรรมประจำบ้ำน 12ประกำร ของศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู คือพิธีใด
1. พิธีศำรทธ์ 2. พิธีสังสกำร
3. พิธีบูชำเทวดำ 4. พิธีประจำวรรณะ
5. อุดมเป็นผู้มีควำมขยันหมั่นเพียร ประหยัด เลี้ยงชีพตำมกำลังทรัพย์ และคบเพื่อนที่ดี อุดมปฏิบัติตำม
ธรรมข้อใด
1. โลกธรรม 2. โภคอำทิยะ
3. ทิฏฐธัมมิกัตถะ 4. อปริหำนิยธรรม
6. พระมหำชนกเป็นผู้มีควำมเพียรตรงกับพุทธศำสนสุภำษิตข้อใด
1. อิณำทำน ทุกฺข โลเก
2. สนฺตุฏฺ ปรมธน
3. วำยเมเถว ปุริโส ยำว อตฺถสฺส นิปฺปทำ
4. ปฏิรูปกำรี ธุรวำ อุฏฺ ำตำ วินทฺเต ธน
ปีการศึกษา
20
7. คัมภีร์ที่อธิบำยพระไตรปิฎกเรียกว่ำอะไร
1. ฎีกำ 2. อรรถกถำ
3. ปกรณ์พิเศษ 4. สัททำวิเสส
8. ข้ำแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้ำพเจ้ำทั้งหลำยขอน้อมถวำย...(1)... กับทั้งบริวำรเหล่ำนี้แก่พระภิกษุสงฆ์
ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ ...(2)... กับทั้งบริวำรเหล่ำนี้ของข้ำพเจ้ำทั้งหลำยเพื่อประโยชน์และควำมสุข
แก่ข้ำพเจ้ำทั้งหลำยสิ้นกำลนำนเทอญฯ
ข้อควำมข้ำงต้นเป็นคำถวำยสังฆทำนประเภทสำมัญคำที่ต้องเติมในช่องว่ำงที่ (1) และ (2) คือข้อใด
1. อัฐบริขำร 2. ภัตตำหำร
3. มตกภัตตำหำร 4. ภัตตำหำรและน้ำ
9. ข้อใดคือควำมหมำยของ “จิต” ในจิตตำนุปัสสนำสติปัฏฐำน
1. ธรรม 2. อำรมณ์
3. ควำมรู้สึก 4. ควำมนึกคิด
10. ในแนวทำงพระพุทธศำสนำเรำสำมำรถพัฒนำตนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้อย่ำงไร
1. รักษำศีลให้ครบ
2. ยึดไตรสิกขำในกำรดำเนินชีวิต
3. ฝึกสติปัฏฐำนจนถึงขั้นสุดท้ำย
4. มีส่วนร่วมในกิจกรรมทำงศำสนำอย่ำงสม่ำเสมอ
11. กำรคอร์รัปชั่นเกิดจำกกำรขำดคุณธรรมประกำรใดเป็นสำคัญ
1. ควำมสำมัคคี 2. ควำมเมตตำกรุณำ
3. ควำมวิริยอุตสำหะ 4. ควำมซื่อสัตย์สุจริต
12. กำรปฏิรูปกฎหมำยและระบบศำลของไทยเกิดขึ้นอย่ำงจริงจังในรัชสมัยใด
1. รัชกำลที่ 4 2. รัชกำลที่ 5
3. รัชกำลที่ 6 4. รัชกำลที่ 7
13. ตำมหลักกฎหมำยอำญำควำมผิดทำงอำญำจะ ไม่ เกิดขึ้นหำกปรำศจำกสิ่งใด
1. โทษ 2. สิทธิ
3. เจตนำ 4. กฎหมำย
14. พฤติกรรมส่วนใหญ่ของมนุษย์มีที่มำอย่ำงไร
1. เกิดจำกธรรมชำติ 2. เกิดจำกกำรเรียนรู้
3. เกิดจำกพันธุกรรม 4. เกิดจำกสัญชำตญำณ
15. ข้อใดมีควำมหมำยสอดคล้องกับคำว่ำ “บรรทัดฐำน” มำกที่สุด
1. ค่ำนิยม 2. บทบำท
3. ประเพณี 4. สัญลักษณ์
21
16. ข้อใดเป็นปัญหำสำคัญที่เป็นรำกฐำนของปัญหำอื่นๆในสังคมไทย
1. ปัญหำยำเสพติด 2. ปัญหำครอบครัว
3. ปัญหำสิ่งแวดล้อม 4. ปัญหำอำชญำกรรม
17. หลักกำรปกครองแบบเผด็จกำรให้ควำมสำคัญต่อสิ่งใดน้อยที่สุด
1. ควำมมั่นคงของรัฐบำล 2. ควำมจงรักภักดีต่อชำติ
3. ควำมเสมอภำคในสังคม 4. ควำมเป็นเอกภำพของรัฐ
18. พระมหำกษัตริย์ไทยทรงใช้อำนำจนิติบัญญัติโดยผ่ำนทำงสถำบันทำงกำรเมืองใด
1. ศำล 2. รัฐสภำ
3. คณะรัฐมนตรี 4. คณะองคมนตรี
19. กำรกำหนดให้ประชำชนชำวไทยมีสิทธิออกเสียงประชำมติเป็นกำรสนับสนุนแนวคิดในเรื่องใด
1. กำรคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
2. กำรตรวจสอบกำรใช้อำนำจรัฐ
3. กำรมีส่วนร่วมทำงกำรเมืองของประชำชน
4. กำรกระจำยอำนำจให้ประชำชนปกครองตนเอง
20. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยพุทธศักรำช 2550กำหนดให้บุคคลมีสิทธิได้รับกำรศึกษำโดยไม่เสีย
ค่ำใช้จ่ำยเป็นเวลำไม่น้อยกว่ำกี่ปี
1. 6 ปี 2. 9 ปี
3. 12 ปี 4. 15 ปี
21. กำรขำดแคลนปัจจัยกำรผลิตส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจต้องประสบกับเรื่องใด
1. กำรจัดสรรปัจจัยกำรผลิต
2. กำรแข่งขันกันใช้ปัจจัยกำรผลิต
3. ควำมเหลื่อมล้ำในกำรกระจำยรำยได้
4. เงินเฟ้อจำกกำรสูงขึ้นของรำคำปัจจัยกำรผลิต
22. ผู้สูงอำยุถอนเงินฝำกประจำจำกธนำคำรจำนวน 1 ล้ำนบำทเพื่อนำเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบำลอำยุ 5 ปีกำร
นำเงินมำซื้อพันธบัตรดังกล่ำวมีต้นทุนหรือไม่ เพรำะเหตุใด
1. ไม่มีเพรำะไม่มีกำรกู้เงินมำซื้อพันธบัตร
2. ไม่มีเพรำะเป็นเงินที่ถอนจำกบัญชีของตนเอง
3. มีเพรำะทำให้ขำดสภำพคล่องในกำรใช้จ่ำย
4. มีเพรำะไม่ได้รับดอกเบี้ยจำกเงินฝำกธนำคำร
23. อำศัยกฎของอุปทำน อุปทำนของเครื่องปรับอำกำศสัมพันธ์กับปัจจัยใด
1. รำคำเครื่องปรับอำกำศ 2. ภำษีสรรพสำมิต
3. ต้นทุนกำรผลิต 4. จำนวนผู้ผลิต
22
24. หลักกำรของสถำบันกำรเงินใดสอดคล้องกับแนวพระรำชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
1. ธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทย
2. ธนำคำรแห่งประเทศไทย
3. สหกรณ์ออมทรัพย์
4. ธนำคำรออมสิน
25. ข้อใดส่งผลให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น
1. รัฐบำลจัดเก็บภำษีอำกรได้เพิ่มขึ้น
2. ดุลรำยได้-รำยจ่ำยของรัฐบำลเกินดุล
3. รัฐวิสำหกิจส่งผลกำไรให้รัฐบำลมำกขึ้น
4. รัฐบำลเลื่อนกำรไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด
26. ข้อใดกล่ำวถึงกำรหมุนเวียนของสินค้ำและบริกำรระหว่ำงหน่วยเศรษฐกิจต่ำงๆในระบบเศรษฐกิจได้
ถูกต้อง
1. หมุนเวียนจำกเจ้ำของปัจจัยกำรผลิตไปสู่ครัวเรือน
2. หมุนเวียนจำกครัวเรือนไปสู่หน่วยธุรกิจ
3. หมุนเวียนจำกหน่วยธุรกิจไปสู่ครัวเรือน
4. หมุนเวียนจำกครัวเรือนไปสู่เจ้ำของปัจจัยกำรผลิต
27. กรณีใดทำให้รำคำข้ำวสำรในตลำดปรับตัวสูงขึ้น
1. อุปสงค์ต่อข้ำวสำรน้อยกว่ำอุปทำนของข้ำวสำร
2. อุปสงค์ต่อข้ำวสำรมำกกว่ำอุปทำนของข้ำวสำร
3. อุปทำนส่วนเกินของข้ำวสำรมำกกว่ำอุปสงค์ส่วนเกินต่อข้ำวสำร
4. อุปทำนส่วนเกินของข้ำวสำรเพิ่มขึ้นมำกกว่ำอุปสงค์ส่วนเกินต่อข้ำวสำร
28. รำยกำรที่แสดงกำรเคลื่อนไหวของทุนสำรองระหว่ำงประเทศจะปรำกฏอยู่ในข้อใด
1. ดุลกำรค้ำ
2. ดุลบัญชีทุน
3. ดุลกำรชำระเงิน
4. ดุลบัญชีเดินสะพัด
29. กำรที่รัฐบำลกู้เงินจำกต่ำงประเทศมำลงทุนแทนกำรกู้เงินจำกประชำชนก่อให้เกิดผลอย่ำงไร
1. หนี้สำธำรณะเพิ่มขึ้นน้อยกว่ำ
2. อัตรำดอกเบี้ยในประเทศสูงขึ้น
3. สภำพคล่องภำยในประเทศเพิ่มขึ้น
4. งบประมำณแผ่นดินขำดดุลน้อยลง
23
30. ภำวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติฉบับที่ 10
เกิดจำกสำเหตุใด
1. สถำนกำรณ์ควำมไม่สงบใน 3 จังหวัดภำคใต้ทำให้กำรลงทุนชะลอตัว
2. วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกำส่งผลกระทบมำถึงประเทศไทย
3. ควำมไม่มีเสถียรภำพของรัฐบำลทำให้ดำเนินนโยบำยเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่อง
4. กำรไม่ดำเนินนโยบำยตำมแนวเศรษฐกิจพอเพียงต่อจำกแผนพัฒนำฯฉบับที่ 9
31. หำกท่ำนเข้ำชมพิพิธภัณฑ์มนุษย์ยุคก่อนประวัติศำสตร์ท่ำนจะไม่ พบสิ่งใด
1. เครื่องประดับ 2. อำวุธหินกะเทำะ
3. แผ่นศิลำจำรึก 4. หม้อดินเผำสำมขำ
32. วิพำกษ์วิธีทำงประวัติศำสตร์หมำยถึงวิธีกำรใด
1. กำรตีควำม 2. กำรประเมิน
3. กำรวิเครำะห์ 4. กำรสังเครำะห์
33. กำรสร้ำงงำนศิลปกรรมของโรมันมีจุดมุ่งหมำยใดเป็นหลัก
1. เพื่อประโยชน์ใช้สอย
2. เพื่อใช้ในกำรประกอบพิธีกรรม
3. เพื่อแสดงควำมศรัทธำต่อศำสนำ
4. เพื่อแสดงควำมยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ
34. นวัตกรรมใดที่ทำให้เกิดกำรปฏิวัติภูมิปัญญำของชำติตะวันตก
1. ปฏิทิน 2. กระดำษ
3. แท่นพิมพ์ 4. นำฬิกำกลไก
35. อำณำจักรโบรำณในดินแดนสุวรรณภูมิได้รับอิทธิพลจำกอำรยธรรมใดมำกที่สุด
1. อำรยธรรมจีน 2. อำรยธรรมขอม
3. อำรยธรรมอินเดีย 4. อำรยธรรมอิสลำม
36. บุคคลใดได้รับกำรประกำศยกย่องจำกองค์กำรกำรศึกษำวิทยำศำสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชำชำติ
ในสำขำปรำชญ์และกวีประจำปี 2551
1. สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอเจ้ำฟ้ำกรมพระยำนริศรำนุวัดติวงศ์
2. สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ
3. พระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษำธิรำชสนิท
4. หม่อมรำโชทัย หรือหม่อมรำชวงศ์กระต่ำย อิศรำงกูร
37. ที่ตั้งของแคว้นตำมพรลิงค์ตรงกับบริเวณใดในปัจจุบัน
1. ไทรบุรี 2. ปัตตำนี
3. สุรำษฎร์ธำนี 4. นครศรีธรรมรำช
24
38. กำรสถำปนำกรุงศรีอยุธยำเกิดจำกกำรรวมกันของเมืองใด
1. ละโว้-พิษณุโลก 2. สุพรรณภูมิ-ละโว้
3. พิษณุโลก-สุโขทัย 4. สุโขทัย-สุพรรณภูมิ
39. พระมหำกษัตริย์พระองค์ใดทรงริเริ่มธรรมเนียมกำรดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยำร่วมกับขุนนำงและ
ข้ำรำชกำร
1. พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
2. พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
3. พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
4. พระบำทสมเด็จพระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
40. ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงไพร่กับมูลนำยในสังคมไทยโบรำณอยู่ภำยใต้เงื่อนไขใด
1. ระบบกฎหมำย 2. ควำมจงรักภักดี
3. ค่ำนิยมและประเพณี 4. วัฒนธรรมและกฎหมำย
41. ข้อใดไม่ แสดงปัจจัยที่มีต่อลักษณะภูมิอำกำศ
1. จังหวัดภูเก็ตตั้งอยู่ที่ละติจูด 8 องศำเหนือ
2. ภำคตะวันออกเฉียงเหนือมีแม่น้ำโขงไหลผ่ำน
3. เชียงใหม่อยู่สูงจำกระดับทะเลปำนกลำง 303เมตร
4. ภำคใต้ฝั่งตะวันออกได้รับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
42. หำกต้องกำรศึกษำทะเลสำบน้ำเค็มท่ำนควรไปที่ทะเลสำบใด
1. มิชิแกนสหรัฐอเมริกำ
2. ไบคำลสหพันธรัฐรัสเซีย
3. บัลคำชสำธำรณรัฐคำซัคสถำน
4. แคสเปียนสำธำรณรัฐอิสลำมอิหร่ำน
43. หลุมอุกกำบำตบนพื้นโลกเกี่ยวข้องกับกระบวนกำรใด
1. กำรกร่อนของแผ่นดิน 2. กำรปรับระดับแผ่นดิน
3. กำรแปรสัณฐำนเปลือกโลก 4. กำรกระทำจำกภำยนอกโลก
44. แผนที่ภูมิประเทศมำตรำส่วนใดของประเทศไทยที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด
1. 1 : 10,000 2. 1 : 50,000
3. 1 : 100,000 4. 1 : 250,000
45. ข้อใด ไม่ใช่ เครื่องมือวัดลักษณะอำกำศ
1. บำรอมิเตอร์ 2. แพลนิมิเตอร์
3. ไซโครมิเตอร์ 4. เทอร์โมมิเตอร์
25
46. หำกเวลำที่ประเทศกคือ 9.00 น. ประเทศซึ่งอยู่ห่ำงออกไปทำงทิศตะวันออก 15 องศำจะเป็นเวลำใด
1. 7.00 น. 2. 8.00 น.
3. 10.00 น. 4. 11.00 น.
47. โครงกำรพัฒนำป่ำชุมชนในประเทศไทยเป็นกำรดำเนินงำนที่สอดคล้องกับอนุสัญญำฉบับใด
1. อนุสัญญำไซเตส
2. อนุสัญญำเวียนนำ
3. อนุสัญญำว่ำด้วยกำรอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ
4. อนุสัญญำว่ำด้วยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ
48. เกษตรอินทรีย์ไม่ เกี่ยวข้องกับเรื่องใด
1. กำรทำฟำร์มทำงนิเวศวิทยำ
2. กำรใช้หลักกำรกำรเกษตรแบบองค์รวม
3. กำรใช้พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่ดัดแปรพันธุกรรม
4. กำรนำของใช้แล้วไปแปรสภำพเพื่อนำกลับมำใช้ใหม่
49. บุคคลใดมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรทรัพยำกรและสิ่งแวดล้อมที่ให้ผลยั่งยืนยำวนำน
1. นำยโดมตรวจวัดคุณภำพอำกำศเป็นประจำ
2. นำยแดงใช้สำรดีดีทีแทนซีเอฟซีในกำรกำจัดแมลง
3. นำยดำปลูกหญ้ำแฝกเพื่อป้องกันน้ำกัดเซำะตลิ่งพัง
4. นำยดอนใช้หนังสือพิมพ์ที่อ่ำนแล้วห่อขยะเปียกก่อนนำไปทิ้งในถังขยะสีเหลือง
50. ข้อใดไม่ใช่ ข้อมูลทุติยภูมิ
1. แผนที่ 2. ผลงำนวิจัย
3. ภำพจำกดำวเทียม 4. ภำพถ่ำยทำงอำกำศ
ส่วนที่ 2 : แบบระบำยตัวเลือกมำกกว่ำ 1 คำตอบ
แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องมำกกว่ำ 1 คำตอบ โดยอำจมีคำตอบที่ถูกต้องจำนวน 2 คำตอบ หรือ 3 คำตอบ
หรือ 4 คำตอบ ให้ระบำยวงกลมตัวเลือกที่เป็นคำตอบที่ถูกต้องของข้อสอบแต่ละข้อให้ครบถ้วนทุกคำตอบ
จำนวน 50 ข้อ (ข้อ 51-100) : ข้อละ 1 คะแนน
51. ศำสนำมีควำมสำคัญอย่ำงไรต่อสังคม
1. ทำให้เกิดควำมสำมัคคีมีเอกภำพ
2. เป็นบ่อเกิดของกำรสร้ำงสรรค์วัฒนธรรม
3. ตอบสนองควำมต้องกำรด้ำนจิตใจของคนในสังคม
4. เป็นหลักจริยธรรมควบคุมควำมประพฤติของกลุ่มคน
26
52. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู
1. เป็นศำสนำที่ไม่มีศำสดำ
2. ก่อนพุทธกำลเรียกว่ำศำสนำพรำหมณ์
3. ในยุคพระเวทนับถือพระเจ้ำองค์เดียว
4. ยกย่องพระพรหมว่ำยิ่งใหญ่กว่ำเทพเจ้ำองค์อื่น
53. วันพิพำกษำในศำสนำอิสลำมมีชื่อเรียกว่ำอะไร
1. วันสิ้นโลก 2. วันฟื้นคืนชีพ
3. วันแห่งศรัทธำ 4. วันกำหนดชะตำ
54. เรื่องใดปรำกฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลใหม่
1. เรื่องรำวชีวิตของพระเยซู
2. กำรเผยแผ่ศำสนำของโมเสส
3. กำรเทศนำสั่งสอนธรรมของพระเยซู
4. ประวัติศำสตร์ชนชำติยิวในสมัยอับรำฮัม
55. หลักธรรมใดจัดอยู่ใน “ทุกข์” แห่งอริยสัจ 4
1. ขันธ์ 5 2. หลักกรรม
3. โลกธรรม 8 4. ทิฏฐธัมมิกัตถะ
56. หมอชีวกโกมำรภัจ เป็นอุบำสกที่ได้รับกำรยกย่องในด้ำนใด
1. ใฝ่รู้ 2. กตัญญู
3. เสียสละ 4. จรรยำบรรณแพทย์
57. เรื่องกฎแห่งกรรมในพระพุทธศำสนำสอดคล้องกับเรื่องใด
1. ภพ-ภูมิ 2. ไตรสิกขำ
3. ไตรลักษณ์ 4. กฎธรรมชำติ
58. วันเทโวโรหณะคือวันใด
1. วันพระเจ้ำเปิดโลก
2. วันแรม 1 ค่ำเดือน 11
3. วันหลังวันออกพรรษำ 1 วัน
4. วันที่พระพุทธเจ้ำเสด็จลงจำกดำวดึงส์
59. ข้อใดเป็นกุศลพิธี
1. กำรเวียนเทียน
2. กำรถวำยสังฆทำน
3. กำรทำบุญเลี้ยงพระ
4. กำรสวดมนต์ไหว้พระ
27
60. “ศีล” ในควำมหมำยทำงพระพุทธศำสนำสรุปได้จำกมรรค 8 ข้อใด
1. คิดชอบ 2. วำจำชอบ
3. ทำกำรชอบ 4. เลี้ยงชีพชอบ
61. ข้อใดอยู่ในขอบข่ำยควำมหมำยของสิทธิมนุษยชนตำมพระรำชบัญญัติคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน
แห่งชำติ พ.ศ. 2542
1. สิทธิของบุคคล 2. หน้ำที่ของบุคคล
3. เสรีภำพของบุคคล 4. ควำมเสมอภำคของบุคคล
62. ข้อใดเป็นกฎหมำยลำยลักษณ์อักษรที่ออกโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1. เทศบัญญัติ 2. ข้อบัญญัติเมืองพัทยำ
3. พระรำชบัญญัติเทศบำล 4. ข้อบัญญัติกรุงเทพมหำนคร
63. กำรกระทำใดที่กฎหมำยอนุญำตให้นิภำซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม. 5 อำยุ 16 ปี สำมำรถกระทำได้ด้วยตนเอง
1. กำรหมั้น 2. กำรสมรส
3. กำรรับมรดก 4. กำรทำพินัยกรรม
64. เครื่องดนตรีใดเกิดจำกภูมิปัญญำในกำรทำให้เกิดเสียงโดยกำรเป่ำ
1. โทน 2. แคน
3. โหม่ง 4. โหวด
65. ข้อใดเป็นองค์ประกอบของรัฐ
1. ดินแดน 2. ประชำกร
3. ควำมมั่นคง 4. สิทธิของประชำชน
66. ควำมในข้อใดสอดคล้องกับกำรปกครองประเทศโดยใช้หลักนิติธรรม
1. รัฐบำลต้องอยู่ใต้กฎหมำย
2. ประชำชนต้องปฏิบัติตำมกฎหมำย
3. กฎหมำยต้องออกโดยฝ่ำยนิติบัญญัติ
4. ต้องใช้กฎหมำยเป็นหลักในกำรปกครอง
67. ข้อใดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยในปัจจุบัน
1. เทศบำล 2. สุขำภิบำล
3. สภำตำบล 4. กรุงเทพมหำนคร
68. ประเทศใดเป็นสมำชิกของกลุ่มประเทศอำเซียน
1. ญี่ปุ่น
2. บรูไน
3. กัมพูชำ
4. ฟิลิปปินส์
28
69. บุคคลที่มีลักษณะใดต้องห้ำมมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยพุทธศักรำช
2550
1. ตำบอด
2. หูหนวก
3. วิกลจริต
4. จิตฟั่นเฟือน
70. ข้อใดเป็นองค์กรอิสระตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2550
1. ศำลรัฐธรรมนูญ
2. คณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดิน
3. คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
4. คณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ
71. บุคคลใดได้รับค่ำตอบแทนในฐำนะเป็นเจ้ำของปัจจัยกำรผลิต
1. นำยสุกขำยเงำะ 1 กิโลกรัมได้เงิน 25 บำท
2. นำยดำรับจ้ำงหักฝักข้ำวโพดในไร่ได้ค่ำจ้ำงวันละ 100 บำท
3. นำงเพลินมีรำยรับจำกกำรขำยข้ำวแกงในตลำดวันละ 1,200-1,500 บำท
4. นำงเจริญให้เพื่อนบ้ำนยืมเงิน 10,000 บำทได้รับดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ 2 ต่อเดือน
72. ในวิชำเศรษฐศำสตร์กำหนดให้ผู้ผลิตทำอย่ำงไร
1. แสวงหำกำไรสูงสุดจำกกำรผลิตและขำย
2. ผลิตสินค้ำหรือบริกำรอย่ำงมีประสิทธิภำพ
3. เลือกใช้เทคโนโลยีในกำรผลิตที่เหมำะสมกับสภำพแวดล้อม
4. ตั้งรำคำขำยสินค้ำให้ผู้บริโภคในรำคำดุลยภำพเพียงรำคำเดียว
73. ปัจจัยข้อใดกำหนดอุปสงค์ของผู้บริโภคที่มีต่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
1. จำนวนผู้ขำย
2. ต้นทุนกำรผลิต
3. รำยได้ของผู้ซื้อ
4. กำรคำดคะเนรำคำ
74. สำนักงำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำคุ้มครองผู้บริโภคให้มีควำมปลอดภัยจำกกำรบริโภคอำหำร
ด้วยกำรควบคุมเรื่องใด
1. ขนำดของภำชนะที่บรรจุ
2. อัตรำส่วนของวัตถุที่เป็นส่วนผสม
3. กำรผลิตและกำรใช้เครื่องปรุงแต่งรส
4. ฉลำกระบุวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอำยุ
29
75. สหกรณ์ที่ทดลองจัดตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ไม่มี วัตถุประสงค์ช่วยเหลือบุคคลที่ประกอบ
อำชีพใด
1. รับจ้ำง 2. ค้ำขำย
3. รับรำชกำร 4. เกษตรกรรม
76. ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมมีลักษณะเด่นประกำรใด
1. เอกชนและรัฐบำลสำมำรถแข่งขันกันผลิตสินค้ำ
2. เอกชนมีเสรีภำพในกำรเลือกผลิตและบริโภค
3. รัฐบำลไม่เข้ำแทรกแซงตลำดปัจจัยกำรผลิต
4. รัฐบำลไม่มีสิทธิเป็นเจ้ำของทรัพย์สินและทรัพยำกร
77. กำรกำหนดค่ำจ้ำงขั้นต่ำสูงขึ้นจะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงในตลำดแรงงำนอย่ำงไร
1. กำรจ้ำงงำนลดลง 2. ควำมต้องกำรจ้ำงงำนเพิ่มขึ้น
3. มีอุปทำนแรงงำนส่วนเกิน 4. ค่ำจ้ำงดุลยภำพปรับตัวสูงขึ้น
78. ข้อใดเป็นผลของกำรดำเนินนโยบำยกำรค้ำแบบคุ้มกัน
1. กำรผลิตในประเทศขยำยตัว
2. กำรค้ำระหว่ำงประเทศขยำยตัว
3. แรงงำนมีงำนทำมำกขึ้น
4. สินค้ำเข้ำมีรำคำขำยในประเทศสูงขึ้น
79. องค์กรใดไม่ใช่ รูปแบบของกำรรวมกลุ่มทำงเศรษฐกิจขั้นต้น
1. APEC 2. OPEC
3. AFTA 4. NAFTA
80. กำรพัฒนำเศรษฐกิจของไทยดำเนินมำเกือบ 50 ปีแล้วแต่ประเทศไทยยังมีปัญหำในเรื่องใด
1. ควำมเหลื่อมล้ำของกำรกระจำยรำยได้
2. ดุลกำรค้ำขำดดุลมำกและมีแนวโน้มสูงขึ้น
3. ประชำกรชำยและหญิงมีอำยุขัยเฉลี่ยไม่เท่ำกัน
4. ควำมไม่สมดุลในกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม
81. ข้อใดแสดงถึงอำรยธรรมของเมโสโปเตเมีย
1. อักษรลิ่ม 2. ซิกกูแรต
3. กฎหมำยสิบสองโต๊ะ 4. ระบบกำรชลประทำน
82. หลักฐำนประเภทใดสนับสนุนแนวคิดที่ว่ำกลุ่มชนชำติไทยอยู่ในบริเวณตอนใต้ของจีน
1. หลักฐำนทำงด้ำนโบรำณคดี 2. หลักฐำนทำงด้ำนภำษำศำสตร์
2. หลักฐำนทำงด้ำนมำนุษยวิทยำ 3. หลักฐำนทำงด้ำนพันธุศำสตร์
30
83. ลีโอนำร์โดดำวินชีเป็นผู้สร้ำงผลงำนใด
1. ภำพวำดโมนำลิซำ
2. ภำพบนเพดำนวิหำรซิสทีน
3. ประติมำกรรมหินอ่อนเดวิด
4. ภำพวำดพระกระยำหำรมื้อสุดท้ำย
84. เติ้งเสี่ยวผิงใช้นโยบำยด้ำนใดในกำรพัฒนำประเทศสู่ควำมทันสมัย
1. ด้ำนเกษตรกรรม
2. ด้ำนอุตสำหกรรม
3. ด้ำนกำรป้องกันประเทศ
4. ด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
85. ในอดีตฟิลิปปินส์เคยอยู่ใต้กำรปกครองของประเทศใด
1. สเปน 2. ฮอลันดำ
3. โปรตุเกส 4. สหรัฐอเมริกำ
86. กำรปฏิวัติในฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 เชิดชูหลักกำรใด
1. เสรีภำพ 2. สันติภำพ
3. เสมอภำค 4. ภรำดรภำพ
87. ผู้ใดอยู่ในระบบศักดินำของสังคมไทย
1. กษัตริย์ 2. พระสงฆ์
3. วนิพก 4. ทำส
88. เรื่องใดเป็นผลสืบเนื่องจำกกำรทำสนธิสัญญำเบำว์ริง
1. เกิดกำรค้ำแบบเสรี
2. เกิดกำรขยำยตัวของสินค้ำหัตถกรรม
3. เกิดกำรผลิตข้ำวเพื่อกำรค้ำและส่งออก
4. เกิดกำรขยำยตัวของอุตสำหกรรมทอผ้ำ
89. ข้อใดปรำกฏอยู่ในกำรปฏิรูปกำรปกครองของพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
1. รัฐสภำ 2. เสนำบดีสภำ
3. รัฐธรรมนูญ 4. สภำที่ปรึกษำรำชกำรแผ่นดิน
90. พระที่นั่งใดสร้ำงโดยได้รับอิทธิพลของสถำปัตยกรรมตะวันตก
1. จักรพรรดิพิมำน
2. จักรีมหำปรำสำท
3. ดุสิตมหำปรำสำท
4. อนันตสมำคม
31
91. ข้อใดเป็นลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจำกกำรกระทำของแม่น้ำ
1. ที่รำบลอนลำด 2. ทะเลสำบรูปแอก
3. เนินตะกอนรูปพัด 4. ดินดอนสำมเหลี่ยม
92. ในแผนที่อำกำศสมัยใหม่บริเวณที่มีสัญลักษณ์ L ปรำกฏอยู่จะมีลักษณะอำกำศอย่ำงไร
1. เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ
2. เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง
3. เป็นบริเวณที่มีควำมกดอำกำศต่ำ
4. เป็นบริเวณที่มีควำมกดอำกำศสูง
93. ป่ำชำยเลนมีประโยชน์อย่ำงไร
1. เป็นแหล่งอำหำร
2. เป็นแหล่งรำยได้
3. ช่วยรักษำสมดุลของระบบนิเวศชำยฝั่ง
4. ก่อให้เกิดควำมหลำกหลำยของพืชและสัตว์
94. ข้อใดทำให้ระบบนิเวศของโลกขำดสมดุล
1. ภำวะโลกร้อน 2. กำรตัดไม้ทำลำยป่ำ
3. กำรเกิดแก๊สเรือนกระจก 4. กำรใช้ดินซ้ำซำกและบ่อยครั้ง
95. ท่ำนจะแนะนำกรมทรัพยำกรน้ำให้แก้ไขวิกฤตกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรน้ำอย่ำงไร
1. สร้ำงเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ
2. จัดสร้ำงท่อส่งน้ำชลประทำนเพิ่มเติม
3. บำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงแหล่งน้ำสำธำรณะ
4. ฟื้นฟูกำรใช้ประโยชน์และแก้ไขปัญหำเกี่ยวกับแหล่งน้ำ
96. กำรควบคุมป้องกันมลพิษตำมพระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติพ.ศ. 2535
ครอบคลุมมลพิษในด้ำนใด
1. มลพิษทำงน้ำ
2. มลพิษทำงดิน
3. มลพิษทำงเสียง
4. มลพิษทำงอำกำศ
97. กำรเปิดโอกำสให้ประชำชนมีส่วนร่วมในกำรประเมินสิ่งแวดล้อมมีผลดีอย่ำงไร
1. ประชำชนสำมำรถโต้แย้งผลกำรประเมินได้
2. ประชำชนได้รับทรำบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงกำร
3. ประชำชนได้รับทรำบผลกระทบที่เกิดขึ้นจำกโครงกำร
4. ประชำชนได้รับทรำบมำตรกำรแก้ไขหรือลดผลกระทบอันอำจจะเกิดขึ้น
32
98. ใครใช้ประโยชน์จำกสิ่งแวดล้อมในกำรสร้ำงสรรค์วัฒนธรรม
1. ชำวรัสเซียจับปลำสเตอร์เจียนเพื่อนำไข่มำทำคำเวียร์
2. ชำวเบดูอินในคำบสมุทรอำหรับเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน
3. ชำวสแกนดิเนเวียนำไม้สนมำแปรรูปเป็นวัสดุก่อสร้ำง
4. ชำวอินเดียนพื้นเมืองในประเทศเปรูเพำะปลูกธัญพืชแบบยังชีพ
99. รัฐสำมำรถดำเนินงำนด้ำนสิ่งแวดล้อมได้อย่ำงไร
1. จัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อม
2. ออกกฎหมำยสิ่งแวดล้อม
3. ผลิตนักวิจัยด้ำนสิ่งแวดล้อม
4. จัดประชุมสัมมนำระดับชำติด้ำนสิ่งแวดล้อม
100. ในฐำนะพลเมืองไทยคนหนึ่งท่ำนจะปฏิบัติตนเพื่ออนุรักษ์และพัฒนำคุณภำพสิ่งแวดล้อมอย่ำงไร
จึงจะเหมำะสม
1. ฝึกให้มีนิสัยประหยัด
2. ถ่ำยสำรอันตรำยใส่ภำชนะใหม่ที่ปิดมิดชิด
3. ช่วยกันปลูกและดูแลรักษำต้นไม้สำธำรณะ
4. ทิ้งแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วลงในถังขยะสำหรับมูลฝอยทั่วไป
33
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วิชา สังคมศึกษา 2553
ตอนที่ 1 สังคมศึกษำ : จำนวน 100 ข้อ (รวม 100 คะนน)
ส่วนที่ 1 : แบบปรนัย4ตัวเลือกแต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
จำนวน50ข้อ (ข้อ1-50) : ข้อละ 1คะแนน
1. พระเจ้ำทรงมีโองกำรให้โมเสสพำชำวยิวอพยพจำกที่ใดไปสู่ที่ใด
1. โรมัน-อียิปต์ 2. คะนำอัน-โรมัน
3. อียิปต์-คะนำอัน 4. คะนำอัน-อียิปต์
2. ชำวมุสลิมไม่เชื่อในเรื่องใด
1. โลกมีวันสิ้นสุด 2. เทวทูตมีจำนวนมำก
3. ศำสนทูตมีหลำยท่ำน 4. กำรตำยแล้วเกิดใหม่บนโลกมนุษย์
3. ข้อใดไม่ใช่ แนวคิดของศำสนำพุทธ
1. สอนให้อุทิศตนแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
2. สอนให้พิสูจน์คำบอกเล่ำแล้วจึงเชื่อ
3. เชื่อว่ำกรรมเป็นตัวกำหนดสรรพสิ่ง
4. หลักศีลธรรมเกิดจำกกำรศึกษำของผู้รู้
4. กำรรับรู้ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ในขันธ์ 5 คือข้อใด
1. จิต 2. เวทนำ
3. สังขำร 4. วิญญำณ
5. พระโพธิสัตว์ชำติสุดท้ำยของทศชำติคือองค์ใด
1. พระเตมีย์ 2. พระมโหสถ
3. พระมหำชนก 4. พระเวสสันดร
6. ข้อใดแสดงถึง ‘‘สขีภริยำ”
1. สมศักดิ์มีภริยำที่เอำแต่บ่นและดุด่ำว่ำกล่ำวตลอดเวลำ
2. สุธีโชคร้ำย ทำงำนหำเงินได้เท่ำไร ภริยำของเขำเอำไปเล่นกำรพนันหมด
3. สมพลถูกออกจำกงำน แต่ภริยำของเขำให้กำลังใจและช่วยให้เขำหำงำนใหม่ได้
4. สุระโชคดี ภริยำของเขำไม่เคยบ่นว่ำ แต่ให้ควำมเคำรพและรับใช้ดูแลอย่ำงดีตลอด
7. คำว่ำ “รำชำ” ในพุทธศำสนสุภำษิต “รำชำ มุขมนุสฺสำน” หมำยถึงอะไร
1. ผู้เป็นประมุข 2. ผู้มีอำนำจสูงสุด
3. ผู้อยู่เหนือประชำชน 4. ผู้ทำให้เกิดควำมพอใจ
ปีการศึกษา
34
8. พระพุทธเจ้ำทรงสอนอริยสัจ 4 ในวันใด
1. วันมำฆบูชำ 2. วันวิสำขบูชำ
3. วันอำสำฬหบูชำ 4. วันจำตุรงคสันนิบำต
9. กำรฝึกสติปัฏฐำนขั้นพิจำรณำเวทนำคืออย่ำงไร
1. รู้เท่ำทันควำมรู้สึก สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ
2. กำหนดรู้ว่ำอิริยำบถขณะนั้นเป็นอำกำรใด
3. กำหนดรู้ว่ำขันธ์ 5 คืออะไร เกิดดับได้อย่ำงไร
4. พิจำรณำดูจิตของตนว่ำมี รำคะ โทสะ โมหะ หรือไม่
10. ในกำรประชุมสัมมนำเพื่อแก้ปัญหำควำมยำกจน ได้มีกำรกำหนดแนวทำงประชุมโดยให้เริ่มตกลงกัน
ว่ำปัญหำควำมยำกจนคืออย่ำงไร อะไรคือสำเหตุ เป้ำหมำยที่ต้องกำรหลังจำกแก้ไขแล้วจะเป็นอย่ำงไร
และวิธีกำรแก้ไขจะทำอย่ำงไรบ้ำง แนวทำงนี้ตรงกับหลักพระพุทธศำสนำเรื่องใด
1. อริยสัจ 4 2. วิภัชชวำท
3. อิทัปปัจจยตำ 4. โยนิโสมนสิกำร
11. กำรที่นำยดำหลีกเลี่ยงกำรเสียภำษีแสดงว่ำนำยดำขำดควำมตระหนักถึงสิ่งใด
1. สิทธิของพลเมือง 2. หน้ำที่ของพลเมือง
3. เสรีภำพของพลเมือง 4. ควำมเสมอภำคของพลเมือง
12. พฤติกรรมของบุคคลใดมีลักษณะเป็นกำรส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
1. สมพงษ์เคำรพเหตุผลของผู้อื่น
2. สมพลยึดมั่นในเหตุผลที่ถูกต้อง
3. สมพรใช้เหตุผลมำกกว่ำอำรมณ์
4. สมพิศคำนึงถึงเหตุผลก่อนตัดสินใจ
13. กฎหมำยปกครองเป็นกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเป็นสำคัญ
1. กำรใช้อำนำจอธิปไตย
2. กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำร
3. กำรถ่วงดุลอำนำจทำงกำรเมือง
4. กำรคุ้มครองสิทธิของประชำชน
14. ข้อใดเป็นควำมสำมำรถพิเศษของมนุษย์ที่แตกต่ำงจำกสัตว์อื่น
1. กำรใช้สัญลักษณ์
2. กำรใช้สัญชำตญำณ
3. กำรตอบสนองสิ่งเร้ำโดยอัตโนมัติ
4. กำรตอบสนองสิ่งเร้ำตำมพันธุกรรม
35
15. คนไทยในสังคมเมืองและชนบทมีค่ำนิยมที่สอดคล้องกันในเรื่องใด
1. รักควำมเป็นอิสระ
2. ไม่ชอบกำรแข่งขัน
3. ไม่ชอบคนแปลกหน้ำ
4. ชอบควำมสะดวกรวดเร็ว
16. ครูเกลียว เสร็จกิจ (ขวัญจิต ศรีประจันต์) ได้รับยกย่องให้เป็นครูภูมิปัญญำไทย ในฐำนะที่เป็นผู้ฟื้นฟู
เพลงพื้นบ้ำนประเภทใด
1. เพลงเรือ 2. เพลงฉ่อย
3. เพลงอีแซว 4. เพลงรำโทน
17. ข้อใดเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ำประเทศมีลักษณะเป็นสำธำรณรัฐหรือไม่
1. ประชำกรในรัฐ 2. ระบบเศรษฐกิจ
3. ประมุขของประเทศ 4. ระบอบกำรปกครอง
18. กิจกรรมใดมีส่วนสำคัญในกำรปูพื้นฐำนประชำธิปไตยในประเทศไทย
1. กำรจัดตั้งมณฑล 2. กำรจัดระบบภำษี
3. กำรจัดตั้งสุขำภิบำล 4. กำรจัดระบบเทศำภิบำล
19. ส่วนรำชกำรใดมีฐำนะเป็นกระทรวง
1. สำนักงบประมำณ 2. สำนักนำยกรัฐมนตรี
3. สำนักงำนตำรวจแห่งชำติ 4. สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
20. รัฐธรรมนูญฉบับใดได้ชื่อว่ำเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชำมติ
1. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2517
2. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2534
3. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2540
4. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2550
21. ข้อใดคือสำเหตุที่ทำให้เกิดปัญหำพื้นฐำนทำงเศรษฐกิจ
1. ปัจจัยกำรผลิตมีรำคำสูงเกินไป
2. ปัจจัยกำรผลิตบำงชนิดมีรำคำต่ำเกินไป
3. ปัจจัยกำรผลิตมีน้อยกว่ำควำมต้องกำรใช้
4. ปัจจัยกำรผลิตไม่กระจำยไปยังทุกภำคเศรษฐกิจ
22. ปัจจัยกำรผลิตใดเป็นปัจจัยคงที่ของโรงงำนตัดเย็บเสื้อผ้ำ
1. ผ้ำตัดเสื้อ 2. ช่ำงตัดผ้ำ
3. จักรเย็บผ้ำ 4. วัสดุตกแต่งเสื้อ
36
23. ข้อใดไม่ เป็นกำรคุ้มครองผู้บริโภค
1. กำรประกันรำคำอ้อย
2. กำรให้ติดป้ำยแสดงรำคำสินค้ำ
3. กำรขำยสินค้ำภำยใต้โครงกำรธงฟ้ำ
4. กำรควบคุมรำคำขำยปลีกน้ำตำลทรำย
24. ทรัพย์สินในข้อใดมีสภำพคล่องสูงสุด
1. ทองคำแท่งหนัก 5 บำท 2. พันธบัตรรัฐบำลไทยเข้มแข็ง
3. หุ้นสำมัญในตลำดหลักทรัพย์ 4. เงินฝำกประจำธนำคำร 9 เดือน
25. คุณค่ำของสหกรณ์ (cooperativevalues) ตรงกับข้อใดมำกที่สุด
1. ได้รับกำรยอมรับอย่ำงกว้ำงขวำงว่ำเป็นสถำบันที่มีคุณค่ำด้ำนกำรออมและกำรลงทุน
2. ตั้งอยู่บนพื้นฐำนแห่งคุณค่ำของกำรช่วยตนเอง รับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม
3. เชื่อมั่นว่ำสหกรณ์จะส่งเสริมให้สมำชิกมีคุณค่ำทำงจริยธรรมและมีควำมเสมอภำค
4. ปลูกฝังให้สมำชิกเข้ำใจว่ำสหกรณ์เป็นวิธีกำรที่มีคุณค่ำในกำรนำไปสู่กำรกินดีอยู่ดี
26. กำรจัดสรรปัจจัยกำรผลิตในระบบเศรษฐกิจแบบใดก่อให้เกิดกำรใช้ปัจจัยกำรผลิตอย่ำงสิ้นเปลือง
มำกที่สุด
1. ระบบทุนนิยม 2. ระบบเสรีนิยม
3. ระบบสังคมนิยม 4. ระบบรัฐสวัสดิกำร
27. ถ้ำพ่อค้ำขำยข้ำวโพดฝักในรำคำที่สูงกว่ำรำคำดุลยภำพ ปัจจัยใดจะส่งผลให้รำคำชื้อขำยข้ำวโพด
ต้องลดลง
1. อุปสงค์ส่วนเกิน 2. อุปทำนส่วนเกิน
3. กำรขำดแคลนอุปทำน 4. กำรล้นตลำดของอุปสงค์
28. ปัจจุบันประเทศต่ำงๆนิยมใช้มำตรกำรใดในกำรจำกัดกำรค้ำเสรีระหว่ำงประเทศ
1. ตั้งกำแพงภำษีขำเข้ำ
2. ให้เงินอุดหนุนผู้นำเข้ำ
3. กำหนดโควตำกำรส่งออก
4. กำหนดมำตรฐำนคุณภำพสินค้ำเข้ำ
29. ข้อใดเป็นกำรลงทุนทำงตรงจำกต่ำงประเทศ
1. ชำวฝรั่งเศสซื้อพันธบัตรรัฐบำลไทย
2. ชำวญี่ปุ่นซื้อบริษัทธุรกิจของคนไทย
3. ชำวอเมริกันซื้อรถยนต์ที่ผลิตในไทย
4. ชำวสิงคโปร์ซื้อหุ้นในตลำดหลักทรัพย์ไทย
37
30. กำรพัฒนำเศรษฐกิจของไทยยังไม่ประสบควำมสำเร็จในเรื่องใด
1. กำรแก้ปัญหำเงินเฟ้อ
2. กำรแก้ปัญหำกำรว่ำงงำน
3. กำรสร้ำงศักยภำพให้ชุมชนเข้มแข็ง
4. กำรขยำยตลำดกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
31. กำรเพำะปลูกของมนุษย์ยุคหินใหม่ในระยะเริ่มแรกใช้วิธีกำรแบบใด
1. นำดำ 2. นำหว่ำน
3. ไถพรวน 4. ไร่เลื่อนลอย
32. ควำมน่ำเชื่อถือของหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ประเมินได้จำกข้อใด
1. อำยุของหลักฐำน 2. ปริมำณของหลักฐำนที่พบ
3. ควำมสมบูรณ์ของหลักฐำน 4. ข้อสนเทศที่ปรำกฏในหลักฐำน
33. นักปรำชญ์คนใดที่แสดงทัศนะเกี่ยวกับคุณสมบัติของชนชั้นปกครองว่ำจะต้องมีควำมรู้ ควำมรับผิดชอบ
และศีลธรรม
1. เพลโต 2. โฮเมอร์
3. โสกรำตีส 4. อริสโตเติล
34. ข้อใดเป็นเหตุกำรณ์สำคัญที่ทำให้เกิดกำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์
1. กำรประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์
2. กำรค้นพบกฎแห่งควำมโน้มถ่วง
3. กำรค้นพบว่ำเส้นทำงโคจรของดำวเครำะห์เป็นรูปวงรี
4. กำรค้นพบว่ำดวงอำทิตย์เป็นศูนย์กลำงของระบบสุริยะ
35. ชำวอินคำเปรียบ “หยดเหงื่อแห่งพระอำทิตย์” และ “น้ำตำแห่งพระจันทร์”กับโลหะชนิดใด
1. เงิน และ ดีบุก 2. ทองคำ และ เงิน
3. ดีบุกและ ทองแดง 4. ทองแดง และ ทองคำ
36. พระบรมรำโชบำยสำคัญของสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำชภำยหลังกำรสถำปนำกรุงธนบุรีเน้นเรื่องใด
เป็นอันดับแรก
1. กำรฟื้นฟูพระพุทธศำสนำ
2. กำรสร้ำงกองทัพให้เข้มแข็ง
3. กำรส่งเสริมกำรค้ำกับต่ำงชำติ
4. กำรแก้ไขปัญหำควำมอดอยำก
37. เอกสำรทำงรำชกำรของไทยฉบับใดที่ผลิตโดยเครื่องพิมพ์สมัยใหม่เป็นครั้งแรก
1. รำชกิจจำนุเบกษำ 2. สยำมจดหมำยเหตุ
3. ประกำศห้ำมสูบฝิ่น 4. กฎหมำยตรำสำมดวง
38
38. ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ในกำรเสด็จประพำสยุโรปครั้งแรกของพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำ
เจ้ำอยู่หัว
1. เพื่อให้ชำติยุโรปยอมแก้ไขสนธิสัญญำเบำว์ริง
2. เพื่อกดดันให้ชำติยุโรปคืนดินแดนที่ยึดจำกไทย
3. เพื่อให้ต่ำงชำติยอมรับว่ำไทยมีเกียรติยศเสมอนำนำประเทศ
4. เพื่อแสดงให้เห็นว่ำไทยมีควำมเป็นกลำงในควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศ
39. ในช่วงปลำยรัชสมัยพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ชำวต่ำงชำติใดได้รับแต่งตั้งให้เป็น
ที่ปรึกษำรำชกำรด้ำนกำรต่ำงประเทศ
1. ชำวอังกฤษ 2. ชำวฝรั่งเศส
3. ชำวอเมริกัน 4. ชำวเดนมำร์ก
40. “ตระพัง” เป็นภูมิปัญญำในเรื่องใดของคนยุคสุโขทัย
1. กำรชักน้ำ 2. กำรเก็บน้ำ
3. กำรระบำยน้ำ 4. กำรควบคุมทำงไหลของน้ำ
41. ข้อใดเป็นหินที่แปรมำจำกหินชั้น
1. หินสบู่ 2. หินปูน
3. หินอ่อน 4. หินดินดำน
42. ถ้ำต้องกำรศึกษำทะเลทรำยเขตอบอุ่น ควรไปที่ใด
1. ทะเลทรำยธำร์และทะเลทรำยดำชต์-อี-คำร์วีในทวีปเอเชีย
2. ทะเลทรำยสะฮำรำและทะเลทรำยกำลำฮำรีในทวีปแอฟริกำ
3. ทะเลทรำยกิบสันและทะเลทรำยซิมป์สันในทวีปออสเตรเลีย
4. ทะเลทรำยโมฮำวีและทะเลทรำยเกรตซอลต์เลกในทวีปอเมริกำเหนือ
43. หำกต้องกำรทรำบพิกัดภูมิศำสตร์ของโรงเรียนของท่ำน ควรใช้เครื่องมือใด
1. จีพีเอส 2. อำร์เอส
3. จีไอเอส 4. แผนที่ประเทศไทย
44. ข้อใดไม่ใช่ วิกฤตกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม
1. กำรเกิดแผ่นดินไหว 2. ควำมตื้นเขินของแหล่งน้ำ
3. ควำมจำกัดของจำนวนที่ดิน 4. กำรประกำศเขตป่ำเสื่อมโทรม
45. กำรประชุมครั้งที่ 7 ของกลุ่มประเทศภำยใต้อนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกำรเปลี่ยนแปลงภูมิอำกำศ
ที่ประเทศโมร็อกโกเมื่อ พ.ศ. 2544 ได้เสนอประเด็นกำรแก้ปัญหำใดซึ่งมีผลมำถึงปัจจุบัน
1. ฝนกรด 2. ภำวะโลกร้อน
3. ปรำกฏกำรณ์เอลนีโญ 4. ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ
39
46. กำรที่ประเทศไทยกำหนดให้เลิกใช้สำรซีเอฟชีในกำรผลิตสินค้ำ เป็นกำรปฏิบัติตำมข้อตกลงใด
1. พิธีสำรเกียวโต 2. อนุสัญญำไซเตส
3. อนุสัญญำบำเซิล 4. พิธีสำรมอนทรีออล
47. ผู้ที่บุกรุกหรือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมำย มีควำมผิดตำมกฎหมำยใด
1. พระรำชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. 2518
2. พระรำชบัญญัติอุทยำนแห่งชำติ พ.ศ. 2504
3. พระรำชบัญญัติป่ำสงวนแห่งชำติ พ.ศ. 2507
4. พระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ พ.ศ. 2535
48. ข้อใดไม่ใช่ หลักกำรพื้นฐำนที่จะทำให้กำรมีส่วนร่วมของประชำชนในกำรประเมินผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ
1. กำรให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมำะสม
2. กำรตอบสนองต่อควำมเห็นหรือท่ำทีของประชำชน
3. กำรจำแนกกลุ่มผู้มีส่วนร่วมที่เหมำะสมและเป็นธรรม
4. กำรประเมินผลสำเร็จของกำรมีส่วนร่วมของประชำชน
49. UNEP ดำเนินงำนเกี่ยวกับเรื่องใด
1. กำรป้องกันชั้นโอโซน
2. ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ
3. กำรควบคุมพืชป่ำและสัตว์ป่ำ
4. กำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ
50. กำรขึ้นทะเบียนมรดกโลกต้องได้รับกำรรับรองจำกหน่วยงำนใด
1. UNICEF 2. UNESCO
3. UNCTAD 4. UNESCAP
ส่วนที่ 2 : แบบปรนัย4 ตัวเลือกมีคำตอบที่ถูกต้อง 2คำตอบ
จำนวน50ข้อ (ข้อ51-100)ข้อละ 1 คะแนน
ตอบถูก 1คำตอบ ได้ 0.5คะแนน
ตอบถูก 2คำตอบ ได้ 1 คะแนน
51.ในศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู ผู้สูงอำยุจะปฏิบัติตำมหลักอำศรม 4ขั้นใด
1. สันยำสี 2. คฤหัสถ์
3. วำนปรัสถ์ 4. พรหมจำรี
40
52. กำรที่พระเยซูทรงถูกตรึงไม้กำงเขนจนสิ้นพระชนม์ แสดงถึงสิ่งใด
1. กำรไถ่มนุษย์ออกจำกบำป
2. ควำมเสียสละของพระเจ้ำ
3. มนุษย์ได้รับกำรปลดปล่อยให้มีควำมสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้ำ
4. พระเจ้ำทรงประทำนพระบุตรมำชั่วครำวเพื่อสอนศีลธรรมให้มนุษย์
53.นำยสนไปฆ่ำคนด้วยควำมแค้น ถูกจับ และตัดสินลงโทษให้จำคุกตลอดชีวิต เป็นกำรรับกรรมประเภทใด
1. ครุกรรม 2. อุปัชชเวทนียกรรม
3. อปรำปรเวทนียกรรม 4. ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม
54. ธรรมใดสอนเรื่องควำมเพียร
1. พละ 5 2. อิทธิบำท 4
3. วุฒิธรรม 4 4. อริยวัฑฒิ 5
55. พระธรรมโกศำจำรย์ (พุทธทำสภิกขุ) มีควำมสำคัญอย่ำงไร
1. เป็นผู้ได้ชื่อว่ำ “นักเทศน์ฝีปำกกล้ำ”
2. เป็นผู้ก่อตั้งโครงกำรสวนโมกข์นำนำชำติ
3. เป็นผู้เดินทำงไปเผยแผ่ธรรมยังทวีปยุโรป
4. เป็นผู้ใช้วิธี “คั้นแก่นธรรม” เพื่อสอนธรรม
56. คำว่ำ “พุทธ” มีควำมหมำยอย่ำงไร
1. ผู้รู้ ผู้ตื่น
2. ผู้หลุดพ้น
3. ผู้เบิกบำน
4. ผู้มีปัญญำ
57. ข้อใดไม่ ถูกต้อง
1. พระไตรปิฎกพัฒนำมำจำกพระธรรมวินัย
2. กำรบันทึกพระไตรปิฎกเป็นลำยลักษณ์อักษรครั้งแรกใช้ภำษำมคธ
3. พระไตรปิฎกได้รับกำรเผยแผ่ไปยังประเทศต่ำงๆ พร้อมกับคณะพระธรรมทูต
4. กำรสังคำยนำพระไตรปิฎกครั้งแรกทำในสมัยพุทธกำลโดยพระอำนนท์เป็นหัวหน้ำ
58. กำรทำบุญในงำนมงคล เมื่อพระสงฆ์นั่งประจำอำสนะแล้ว เจ้ำภำพจุดธูปเทียนบูชำพระ จะมีกำร
อำรำธนำใดบ้ำง
1. อำรำธนำศีล
2. อำรำธนำพระสงฆ์
3. อำรำธนำพระธรรม
4. อำรำธนำพระปริตร
41
59. ข้อใดคือประโยชน์ที่บุคคลได้รับจำกกำรบริหำรจิตตำมหลักสติปัฏฐำน
1. ทำให้ระลึกชำติไต้
2. ทำให้เชื่อในบำปบุญคุณโทษ
3. ทำให้ร่ำงกำยแข็งแรงมีสุขภำพดี
4. ทำให้มีศรัทธำในพระพุทธศำสนำเพิ่มขึ้น
60. ผู้ปกครองประเทศควรยึดหลักใด สังคมจึงจะสงบสุขและมีสันติ
1. เบญจศีล 2. อริยวัฑฒิ
3. อปริหำนิยธรรม 4. ทศพิธรำชธรรม
61. ข้อใดไม่ใช่ กฎหมำยสำรบัญญัติ
1. กฎหมำยอำญำ
2. กฎหมำยลักษณะพยำน
3. กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
4. พระธรรมนูญศำลยุติธรรม
62. ทรัพย์ในข้อใดเป็นอสังหำริมทรัพย์
1. บ้ำน 2. รถยนต์
3. สิทธิจำนำ 4. สิทธิจำนอง
63. สภำพบังคับตำมข้อใดเป็นกำรลงโทษทำงอำญำ
1. กำรปรับ 2. กำรยึดทรัพย์
3. กำรริบทรัพย์สิน 4. กำรชดใช้ค่ำเสียหำย
64. ครอบครัวในข้อใดเป็นครอบครัวเดี่ยว
1. โต้งอยู่กับลุงและป้ำ 2. ตุ้มอยู่กับพ่อและแม่
3. แต้วอยู่กับแม่และยำย 4. ต้อยอยู่กับพ่อและพี่ชำย
65. ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกำมีควำมแตกด่ำงกันในเรื่องใด
1. รูปแบบของรัฐ 2. ที่มำของรัฐบำล
3. ระบอบกำรปกครอง 4. เจ้ำของอำนำจอธิปไตย
66. หลักกำรใดสอดคล้องกับกำรปกครองแบบประชำธิปไตย
1. หลักเอกภำพ 2. หลักนิติธรรม
3. หลักเหตุผลแห่งรัฐ 4. หลักกำรกระจำยอำนำจ
67. กิจกรรมใดเป็นอำนำจของฝ่ำยบริหำร
1. กำรประกำศสงครำม 2. กำรตรำพระรำชกำหนด
3. กำรยุบสภำผู้แทนรำษฎร 4. กำรแต่งตั้งตุลำกำรศำลปกครอง
42
68. กำรจัดตั้งเอเปก (APEC) ทำให้ประเทศไทยมีควำมสัมพันธ์ทำงเศรษฐกิจกับประเทศใดมำกขึ้น
1. อินเดีย 2. กัมพูชำ
3. เกำหลีใต้ 4. ออสเตรเลีย
69. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2540 และ 2550 กำหนดเรื่องใดไว้ตรงกัน
1. ที่มำของสมำชิกวุฒิสภำ 2. ขนำดของคณะรัฐมนตรี
3. ผู้ดำรงตำแหน่งประธำนรัฐสภำ 4. จำนวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร
70. ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2550 กลุ่มบุคคลใดมีสิทธิเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติ
1. รัฐมนตรี 10 คน 2. สมำชิกวุฒิสภำ15คน
3. ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 10,000 คน 4. สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร 20 คน
71. กำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรโดยวิธีใดไม่เปิดโอกำสให้ประชำชนแสดงออกถึงควำมต้องกำรของตนเอง
1. กำรใช้ระบบตลำด 2. กำรอำศัยกลไกรำคำ
3. กำรตัดสินใจของรัฐบำล 4. กำรวำงแผนจำกส่วนกลำง
72. กำรผลิตในข้อใดเป็นกำรผลิตขั้นทุติยภูมิ
1. กำรทอผ้ำไหม 2. กำรทำเหมืองแร่
3. กำรขนส่งทำงน้ำ 4. กำรทำผลไม้กระป๋อง
73. ปัจจัยข้อใดมีอิทธิพลต่อกำรตัดสินใจซื้อปลำทับทิมของผู้บริโภค
1. รำคำปลำนิล 2. รำยได้ที่ได้รับ
3. จำนวนผู้ขำยปลำ 4. บริกำรปรุงสุกพร้อมบริโภค
74. มำตรกำรของนโยบำยกำรคลังข้อใดเป็นกำรกระตุ้นภำวะเศรษฐกิจ
1. เพิ่มเงินคงคลัง 2. เพิ่มรำยจ่ำยเงินโอน
3. ลดอัตรำภำษีมูลค่ำเพิ่ม 4. ลดกำรลงทุนแข่งกับเอกชน
75. กำรปฏิบัติตนตำม “ทฤษฎีใหม่” ทำให้เกิดประโยชน์อย่ำงไร
1. พึ่งตนเองได้ 2. มีที่ดินเป็นของตนเอง
3. มีฐำนะเศรษฐกิจมั่งคั่ง 4. เกิดควำมสำมัคคีในชุมชน
76. ข้อใดไม่ใช่ วัตถุประสงค์ของรัฐบำลในกำรเข้ำแทรกแซงกลไกรำคำ
1. เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิต
2. เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค
3. เพื่อให้รำคำดุลยภำพต่ำลง
4. เพื่อให้ตลำดสินค้ำอยู่ในภำวะสมดุล
77.พ่อค้ำไทยส่งน้ำตำลทรำยออกไปขำยต่ำงประเทศมูลค่ำ 500 ล้ำนบำท รำยกำรดังกล่ำวรวมอยู่ในดุลข้อใด
1. ดุลกำรค้ำ 2. ดุลบัญชีรำยได้
3. ดุลบัญชีเดินสะพัด 4. ดุลบัญชีทุนเคลื่อนย้ำยสุทธิ
43
78. กองทุนกำรเงินระหว่ำงประเทศให้ประเทศสมำชิกกู้ยืมเงินเพื่อนำไปแก้ปัญหำใด
1. ดุลกำรชำระเงินขำดดุลมำก
2. เงินคงคลังของรัฐบำลลดลงมำก
3. เงินสำรองระหว่ำงประเทศต่ำมำก
4. หนี้สำธำรณะของรัฐบำลเพิ่มขึ้นมำก
79. ถ้ำรัฐบำลจำเป็นต้องตั้งงบประมำณแบบขำดดุล รัฐบำลก่อหนี้ได้โดยวิธีใด
1. ออกตั๋วเงินคลังขำยเอกชน
2. ออกพันธบัตรขำยประชำชน
3. กู้เงินระยะยำวจำกต่ำงประเทศ
4. กู้เงินระยะสั้นจำกสถำบันกำรเงินในประเทศ
80. ข้อใดเป็นเครื่องชี้ระดับกำรพัฒนำเศรษฐกิจของประเทศ
1. อัตรำเงินเฟ้อ
2. อัตรำผู้ไม่รู้หนังสือ
3. ค่ำเงินของประเทศ
4. ผลิตภัณฑ์มวลรวมที่แท้จริงเฉลี่ย
81. พีระมิดในอำรยธรรมอียิปต์สร้ำงขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด
1. ใช้เป็นศำสนสถำน
2. ใช้เป็นสถำนที่เก็บพระศพฟำโรห์
3. แสดงถึงควำมเชื่อในเรื่องกำรฟื้นคืนชีพ
4. แสดงถึงอำนำจและควำมมั่นคงของอำณำจักร
82. เรื่องใดเป็นหลักฐำนประเภทตำนำน
1. สังคีติยวงศ์ 2. ท้ำวแสนปม
3. มังรำยศำสตร์ 4. ไตรภูมิพระร่วง
83. รูปแบบใดเป็นสถำปัตยกรรมของยุโรปในสมัยกลำง
1. Gothic 2. Baroque
3. Neo-classic 4. Romanesque
84. จักรวรรดิอินเดียได้รับอิทธิพลทำงศิลปะด้ำนใดจำกกรีกและเปอร์เซีย
1. จิตรกรรม 2. นำฏกรรม
3. ประติมำกรรม 4. สถำปัตยกรรม
85. กำรปฏิวัติอุตสำหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงำนใด
1. ไอน้ำ 2. น้ำมัน
3. ถ่ำนหิน 4. แรงงำนคนและสัตว์
44
86. สงครำมใดเกิดขึ้นในยุคสงครำมเย็น
1. สงครำมเกำหลี 2. สงครำมเวียดนำม
3. สงครำมอ่ำวเปอร์เซีย 4. สงครำมระหว่ำงอินเดียและปำกีสถำน
87. หมอบรัดเลย์มีผลงำนเผยแพร่วิทยำกำรตะวันตกในด้ำนใด
1. กำรช่ำง 2. กำรพิมพ์
3. กำรแพทย์ 4. กำรทำแผนที่
88. สินค้ำส่งออกที่สำคัญของไทยภำยหลังกำรลงนำมในสนธิสัญญำเบำว์ริง นอกจำกข้ำวแล้ว
ยังประกอบด้วยสินค้ำชนิดใด
1. ดีบุก 2. ไม้สัก
3. ของป่ำ 4. น้ำตำลทรำย
89. เหตุกำรณ์ใดไม่ ได้เกิดขึ้นในรัชสมัยพระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
1. กำรเริ่มเก็บเงินรัชชูปกำร
2. กำรเข้ำร่วมในสงครำมโลกครั้งที่ 1
3. กำรประกำศใช้พระรำชบัญญัติเกณฑ์ทหำร
4. กำรสร้ำงดุสิตธำนีเป็นเมืองประชำธิปไตยจำลอง
90. ภำยหลังสงครำมโลกครั้งที่ 1 ไทยขอให้มีกำรแก้ไขสนธิสัญญำเบำว์ริงในเรื่องใด
1. เขตแดน 2. ภำษีอำกร
3. คนในบังคับต่ำงชำติ 4. สิทธิสภำพนอกอำณำเขต
91. ในประเทศไทยมีกำรใช้ประโยชน์จำกภูมิประเทศแบบภูเขำไฟอย่ำงไร
1. ทำนำ 2. ปลูกพืชไร่
3. ทำบ่อพลอย 4. นำหินภูเขำไฟมำย่อยเป็นวัสดุก่อสร้ำง
92. เหตุใดดินอินทรีย์จึงไม่ เหมำะสมสำหรับกำรปลูกพืชเศรษฐกิจ
1. ระบำยน้ำเร็ว เก็บน้ำไม่อยู่
2. ขำดสำรอำหำรบำงชนิดรุนแรง
3. มีชั้นหินพื้นในระดับตื้นกว่ำครึ่งเมตร
4. เมื่อแห้งมักเกิดไฟป่ำและยุบตัวในบำงครั้ง
93. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับเส้นเมริเดียน
1. ยำวเท่ำกันทุกเส้น
2. สอบเข้ำหำกันที่ขั้วโลก
3. ยำวที่สุดบริเวณศูนย์สูตร
4. แบ่งโลกออกเป็น 2 ซีกเท่ำๆ กัน
45
94. ใครใช้เครื่องมือหำข้อมูลภูมิคำสตร์ได้อย่ำงเหมำะสม
1. สมศรีใช้ anemometerวัดปริมำณน้ำฝนในหมู่บ้ำน
2. สมศักดิ์ใช้ barometer วัดอุณหภูมิภำยในห้องเรียน
3. สมชำยใช้ stereoscope มองภำพสำมมิติในรูปถ่ำยทำงอำกำศ
4. สมหญิงใช้ planimeter หำพื้นที่ของจังหวัดในแผนที่ 1 : 250,000
95. ข้อใดเป็นเครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ประเภทให้ข้อมูล
1. แผนที่ 2. กล้องวัดระดับ
3. ภำพจำกดำวเทียม 4. เครื่องย่อขยำยแผนที่
96. พลังงำนหมุนเวียนประเภทใดควรมีกำรพัฒนำในชนบทเพื่อแก้ปัญหำกำรขำดแคลนพลังงำน
1. พลังงำนไฟฟ้ำ 2. พลังงำนชีวมวล
3. พลังงำนแสงอำทิตย์ 4. พลังงำนควำมร้อนใต้พิภพ
97. กำรสร้ำงสรรค์วัฒนธรรมในข้อใดเป็นกำรใช้ประโยชน์จำกสิ่งแวดล้อม
1. กำรทำนำปี 2. กำรจุดบั้งไฟ
3. กำรทำนำเกลือ 4. กำรแห่นำงแมว
98. กำรกระทำของใครส่งผลดีต่อกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
1. แต้มเลี้ยงไก่บนบ่อปลำ
2. ตั้มทำไร่หมุนเวียนบนลำดเขำ
3. ต้อมช่วยเพื่อนบ้ำนสร้ำงฝำยชะลอน้ำในลำห้วยใกล้หมู่บ้ำน
4. ตุ้มใช้ทฤษฎีใหม่ในกำรจัดกำรพื้นที่ถือครองทำงกำรเกษตร
99. ข้อใดสอดคล้องกับหลักกำร recycle
1. กำรเพำะพันธุ์สัตว์ป่ำหำยำก
2. กำรเลือกตัดต้นไม้ในป่ำปลูก
3. กำรบำบัดน้ำเสียก่อนนำมำใช้
4. กำรนำแกลบไปเป็นส่วนผสมในเชื้อเพลิงพลังงำนสูง
100. ข้อใดเป็นกำรใช้ทรัพยำกรเพื่อกำรพัฒนำที่ยั่งยืน
1. กำรปลูกป่ำชำยเลน
2. กำรสร้ำงเขื่อนอเนกประสงค์ในพื้นที่แห้งแล้ง
3. กำรนำกล่องนมที่ดื่มแล้วไปแปรรูปเป็นโต๊ะเก้ำอี้
4. กำรร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้ำนในกำรพัฒนำแหล่งพลังงำนอย่ำงกว้ำงขวำง
46
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O- NET วิชาสังคมศึกษาม.4-6
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
1. 3 ทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ในชมพูทวีปเรื่องควำมสุขและทุกข์นั้น แบ่งออกได้เป็น
2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มที่เชื่อว่ำควำมสุขและทุกข์ในชีวิตนั้นเกิดขึ้นเอง โดยไม่มีเหตุ
ปัจจัย เช่น ลัทธิมักขลิโคศำล กับกลุ่มที่เชื่อว่ำ ควำมสุขและทุกข์นั้นมีเหตุปัจจัย เช่น
พระพุทธศำสนำ
2. 1 หมอชีวกโกมำรภัจจ์เป็นเด็กกำพร้ำที่อภัยรำชกุมำรเก็บมำเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมและ
โดนเด็กๆ ในวังล้อเลียนว่ำ เป็นลูกไม่มีพ่อ แต่ไม่ต่อล้อต่อเถียง กลับมุ่งขวนขวำย
เอำชนะบุคคลเหล่ำนั้นด้วยกำรศึกษำเล่ำเรียนวิชำแพทย์จนสำเร็จ และประกอบอำชีพ
อย่ำงมีคุณธรรม ขยันขันแข็ง จนเป็นที่เคำรพของบุคคลทั่วไปได้
3. 1 วิภำวำงเฉยเมื่อเพื่อนถูกดำเนินคดีในควำมผิดที่เขำก่อขึ้น สอดคล้องกับกุศลวิตก
ข้ออวิหิงสำวิตกคือ ควำมนึกคิดที่ปลอดจำกกำรเบียดเบียน ไม่คิดร้ำย ไม่มุ่งทำลำย
และปล่อยให้เป็นไปตำมครรลองคลองธรรม
4. 1 เปิ้ลจัดรถไปรับและส่งท่ำนตำมเวลำที่นิมนต์ เป็นกำรปฏิบัติตนต่อพระสงฆ์ได้
ถูกต้องเหมำะสมตำมหลักกำรปฏิสันถำรต่อพระสงฆ์ โดยเพื่ออำนวยควำมสะดวก
ในกำรเดินทำงแก่พระสงฆ์
5. 3 วันอัฏฐมีบูชำ-ไตรลักษณ์ เป็นหลักธรรมที่สอดคล้องสัมพันธ์กับวันสำคัญทำง
พระพุทธศำสนำที่ถูกต้อง เนื่องจำกวันอัฏฐมีบูชำเป็นวันคล้ำยวันถวำยพระเพลิง
พุทธสรีระของพระพุทธเจ้ำภำยหลังกำรเสด็จดับขันธ์ปรินิพพำน หลักธรรมที่
พุทธศำสนิกชนควรพึงระลึกถึงเป็นเบื้องต้น ได้แก่ ควำมไม่ประมำท ควำมไม่จีรัง
ยั่งยืนของชีวิต ตลอดจนสรรพสิ่งทั้งปวง อันเป็นส่วนหนึ่งของหลักไตรลักษณ์ที่
ประกอบด้วย อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตำ
6. 2 กำรเข้ำร่วมพิธีกรรมในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ เป็นกำรปฏิบัติตนเพื่อธำรงไว้
ซึ่งพุทธวัฒนธรรมที่เหมำะสมกับสถำนภำพของนักเรียนมำกที่สุด เนื่องจำกพิธีกรรม
ต่ำงๆ แม้มิใช่แก่นแท้ของพระพุทธศำสนำ หำกแต่มีบทบำทในกำรช่วยโอบอุ้มและ
น้อมนำควำมศรัทธำของพุทธศำสนิกชนและบุคคลอื่นๆ ให้เข้ำถึงพระธรรมคำสอน
ได้
7. 4 คริสต์ศำสนำเชื่อว่ำมีพระเป็นเจ้ำองค์เดียว แต่มี 3 พระบุคคล ได้แก่ พระบิดำ เป็น
47
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
ผู้สร้ำงโลกมนุษย์และสรรพสิ่ง พระบุตร เป็นพระเยซูคริสต์ และพระจิตเป็นพระเป็น
เจ้ำในฐำนะที่ปรำกฏในจิตวิญญำณของมนุษย์ เพื่อเกื้อหนุนให้มนุษย์มีคุณธรรม
ควำมดี
8. 4 หลักปฏิบัติ 5 ประกำรของศำสนำอิสลำมนั้น กำรประกอบพิธีฮัจญ์เป็นบทบัญญัติ
เพียงข้อเดียวที่มิได้บังคับแก่ชำวมุสลิมทุกคน แต่ผู้ที่มีควำมพร้อมทั้งด้ำนสุขภำพและ
ทุนทรัพย์จะต้องเดินทำงไปประกอบพิธีฮัจญ์อย่ำงน้อย 1 ครั้งในชีวิต ที่นครมักกะฮ์
ประเทศซำอุดีอำระเบีย
9. 4 พระพุทธศำสนำมิได้ปฏิเสธควำมต้องกำรอันเป็นเป้ำหมำยของมนุษย์ปุถุชนทั่วไป
เพียงแต่ชี้แนะว่ำ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นมำกเกินไป ถ้ำเรำต้องกำรอะไรหรืออยำกเป็น
อะไร ก็ให้ใช้ควำมพยำยำมให้เต็มที่และต้องเป็นวิธีที่สุจริต แต่ไม่ควรอยำกได้อยำก
มีเพรำะควำมยึดมั่นถือมั่น ดังนั้น กำรที่ปอใฝ่ฝันอยำกเป็นแพทย์ แล้วตั้งใจเรียนอย่ำง
มำกจึงเป็นควำมพยำยำมที่สุจริต และไม่ได้คิดว่ำต้องเป็นแพทย์เพื่อควำมร่ำรวย แต่
เพื่อช่วยชีวิตคน จึงมิใช่ควำมยึดมั่นถือมั่น ไม่ตกเป็นทำสของเงิน ได้สัมผัสกับ
“อิสรภำพ” ทำงจิตในระดับของปุถุชน
10. 4 ญำตัตถจริยำ คือ พุทธจริยำเพื่อประโยชน์แก่พระประยูรญำติทั้งหลำย โดย
พระพุทธเจ้ำทรงสงเครำะห์ทั้งพระญำติฝ่ำยศำกยวงศ์ของพระรำชบิดำและฝ่ำยโกลิ
ยวงศ์ของพระรำชมำรดำ เช่น เสด็จไปโปรดพระรำชบิดำและพระประยูรญำติที่กรุง
กบิลพัสดุ์หลังตรัสรู้แล้ว เสด็จขึ้นไปโปรดพระรำชมำรดำบนสวรรค์ชั้นดำวดึงส์
ทรงชักนำให้ขัตติยกุมำรจำกศำกยวงศ์ออกบวช ทรงระงับสงครำมแย่งน้ำทำ
กำรเกษตรในแม่น้ำโรหิณีระหว่ำงศำกยวงศ์และโกลิยวงศ์ เป็นต้น
11. 2 หำกฆรำวำสมีควำมสงสัยในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศำสนำ สำมำรถหำ
ควำมรู้เพิ่มเติมได้โดยกำรอ่ำนหนังสือหรือศึกษำจำกอินเทอร์เน็ต รวมทั้งสำมำรถ
ซักถำมพระภิกษุสงฆ์ได้ เพรำะท่ำนเป็นผู้ที่ได้ศึกษำและรอบรู้หลักธรรมมำกกว่ำ
ชำวบ้ำนทั่วไป จึงช่วยคลำยข้อกังขำในพระธรรมแก่ฆรำวำสได้ สำหรับสิ่งอื่นที่
ฆรำวำสพึงกระทำต่อพระสงฆ์ได้ เช่น กำรถวำยอุปถัมภ์ด้วยปัจจัย 4ได้แก่ อำหำร ยำ
รักษำโรค เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อำศัย อันเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐำนในกำรดำรงชีวิต
กำรให้ควำมเคำรพต่อท่ำน เป็นต้น ข้อ 1, 3 และ 4 เป็นสิ่งที่ฆรำวำสไม่ควรกระทำต่อ
พระสงฆ์เป็นอย่ำงยิ่ง เพรำะไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่อย่ำงใด
12. 2 กำรสวดมนต์ไหว้พระอย่ำงสม่ำเสมอ มีคุณค่ำและประโยชน์มำกมำย ได้แก่
1. ช่วยให้จิตใจสงบ เยือกเย็น
2. ช่วยให้เกิดควำมกระปรี้กระเปร่ำ กระฉับกระเฉง
48
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
3. เป็นส่วนหนึ่งของประเพณี พิธีกรรมที่ดีของสังคมไทย
4. กำรสวดมนต์โดยรู้คำแปลและควำมหมำย ทำให้ผู้สวดเกิดปัญญำ
5. เป็นกำรฝึกจิตให้มีสมำธิ เพรำะขณะสวดมนต์จะต้องตั้งใจและสำรวมใจให้
แน่วแน่
13. 2 พรหมวิหำร 4 ประกอบด้วย เมตตำ กรุณำ มุทิตำ และอุเบกขำ บุปผำเห็นสุนัขจรจัด
ถูกรถเฉี่ยวบำดเจ็บ จึงอุ้มไปหำสัตวแพทย์ จัดเป็นควำมกรุณำ ซึ่งหมำยถึง ควำม
ปรำรถนำจะช่วยผู้อื่นให้พ้นจำกควำมทุกข์ยำกลำบำก
ข้อ 1. จัดเป็นหลักธรรมเรื่องขันติ หรือควำมอดทน
ข้อ 3. จัดเป็นหลักธรรมเรื่องวิริยะ หรือควำมขยันหมั่นเพียร ในอิทธิบำท 4
ข้อ 4. จัดเป็นหลักธรรมเรื่องหิริโอตตัปปะ หิริ คือ ควำมละอำยต่อกำรทำบำป
โอตตัปปะ คือ ควำมเกรงกลัวต่อผลของบำป
14. 2 หลังจำกที่ชำวสิขผ่ำนพิธีปำหุลหรือพิธีล้ำงบำปแล้วจะรับเอำกทั้ง5ประกำรไว้กับตน
ได้แก่
1. เกศ คือ กำรไม่ตัดผล 2. กังฆำ คือ กำรมีหวีขนำดเล็กเสียบผม
3. กฉำ คือ กำรใส่กำงเกงขำสั้น 4. กรำ คือ กำรใส่กำไลมือที่ทำจำกเหล็ก
5. กิรปำน คือ กำรพกดำบ
ข้อ 1. ศูนย์กลำงของศำสนำสิขอยู่ที่รัฐปัญจำบ ประเทศอินเดีย
ข้อ 3. ศำสดำองค์แรกของศำสนำสิข คือ คุรุนำนักศำสดำองค์สุดท้ำย คือ คุรุโค
วินทสิงห์
ข้อ 4. เป็นศำสนำที่เกิดขึ้นเพื่อประนีประนอมระหว่ำงศำสนำฮินดูและศำสนำ
อิสลำม เนื่องจำกในช่วงเวลำนั้นชำวฮินดูและชำวมุสลิมในอินเดียมี
ควำมขัดแย้งกันอย่ำงรุนแรง
15. 4 สันยัสตำศรม อยู่ในช่วงอำยุ 76 ปี ขึ้นไปเป็นอำศรมขั้นสุดท้ำยของชีวิตผู้ปรำรถนำ
จะบรรลุโมกษะหรือควำมหลุดพ้นจำกทุกข์ ต้องออกบวชถือเพศพรหมจรรย์ตลอด
ชีวิต เรียกว่ำ “สันยำสี” สันยำสีจะบำเพ็ญสมำธิ พยำยำมแสวงหำโมกษะธรรมเพื่อจะ
ได้ทรำบชัดว่ำตนเป็นใคร พระพรหมเป็นใคร บำเพ็ญเพียรตำมหลักศำสนำเพื่อ
จุดหมำยปลำยทำงของชีวิต คือ โมกษะ
16. 2 พระพุทธศำสนำเป็นศำสนำแห่งเหตุผล เพรำะพระพุทธศำสนำเน้นว่ำทุกสิ่งในโลก
นี้ เกิดขึ้นมำเพรำะมีเหตุปัจจัย และเสื่อมสลำยไปเมื่อหมดเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดเกิด
ขึ้นมำเองหรือเกิดขึ้นมำลอยๆ หรือดับสลำยไปเฉยๆ โดยไม่มีเหตุปัจจัย
17. 4 พระอำนนท์เป็นพุทธอุปัฏฐำกต้องคอยปรนนิบัติรับใช้ พระพุทธเจ้ำอย่ำงใกล้ชิด ทำ
49
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
ให้ท่ำนไม่มีเวลำบำเพ็ญเพียรทำงจิตเพื่อมรรคผลนิพพำน แม้ว่ำท่ำนได้บรรลุเป็น
พระอริยบุคคลระดับพีระโสดำบันตั้งแต่ตอนออกบวชใหม่ๆ แล้ว แต่ท่ำนก็ยังมิได้
เป็นพระอรหันต์ดังเช่นพระสำวกอื่น จนกระทั่งถึงคืนก่อนวันเริ่มสังคำยนำ
พระไตรปิฎกครั้งที่ 1 พระอำนนท์จึงสำมำรถบำเพ็ญเพียรจนบรรลุเป็นพระอรหันต์
ได้สำเร็จ
18. 3 นิวรณ์ 5 คือ สิ่งที่กีดกั้นจิตมิให้บรรลุควำมดี และขัดขวำงจิตมิให้ก้ำวหน้ำในกุศล
ธรรม มี 5 ประกำร ดังนี้
1. กามฉันท์ หมำยถึง ควำมอยำกได้ในกำมคุณทั้ง 5 ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส
สัมผัส
2. พยาบาท หมำยถึง ควำมคิดปองร้ำย คิดอำฆำตมำดร้ำย
3. ถีนมิทธะ หมำยถึง ควำมหดหู่เซื่องซึม ควำมง่วงเหงำหำวนอน
4. อุทธัจจกุกกุจจะ หมำยถึง ควำมฟุ้งซ่ำนและรำคำญ
5. วิจิกิจฉา หมำยถึง ควำมลังเลสงสัย
19. 2 พระไตรปิฎก คือ คัมภีร์ที่บันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้ำ มีอยู่ 3 ปิฎกได้แก่
1. พระวินัยปิฎก ว่ำด้วยสิกขำบท (ศีล) ของภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ รวมถึง
พิธีกรรมต่ำงๆ
2. พระสุตตันตปิฎก ว่ำด้วยเทศนำของพระพุทธเจ้ำและพระสำวกสำคัญที่
แสดงแก่บุคคลต่ำงๆ ตำมวำระโอกำส เป็นรูปคำสนทนำบ้ำง คำบรรยำยบ้ำง
เป็นร้อยแก้วบ้ำง ร้อยกรองบ้ำง กล่ำวถึงบุคคลและเหตุกำรณ์
3. พระอภิธรรมปิฎกว่ำด้วยหลักธรรมต่ำงๆ ที่อธิบำยในแง่วิชำกำรล้วนๆ ไม่
เกี่ยวกับบุคคลและเหตุกำรณ์
20. 4 พิธีศีลมหำสนิทหรือพิธีมิสซำ เป็นพิธีที่สืบเนื่องมำจำกกำรเลี้ยงพระกระยำหำรค่ำ
มื้อสุดท้ำย (The Last Supper) ของพระเยซูคริสต์กับสำวก 12 องค์ วัตถุประสงค์ของ
พิธีนี้ เพื่อระลึกถึงชีวิตและคำสอนของพระองค์ รวมถึงเพื่อให้เลือดเนื้อของชำวคริสต์
และเลือดเนื้อของพระเยซูคริสต์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ชำวคริสต์จะประกอบพิธีนี้
ร่วมกันในโบสถ์ทุกวันอำทิตย์ โดยต้องอดอำหำรก่อน 1 ชั่วโมง แล้วจึงสวดบทสวด
ต่ำงๆ ตำมที่กำหนด เมื่อถึงเวลำรับศีลก็เดินไปคุกเข่ำหรือยืนที่โต๊ะ แล้วรับขนมปัง
ซึ่งแทนพระวรกำยของพระเยซูคริสต์และเหล้ำองุ่นซึ่งแทนพระโลหิตของพระเยซู
คริสต์มำรับประทำน
21. 2 เพรำะมนุษย์มีควำมสำมำรถทำงสมองสูงกว่ำสัตว์อื่นๆ ซึ่งกำรที่มนุษย์มีสมองที่เป็น
50
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
เลิศย่อมทำให้มนุษย์มีกำรคิดค้นและพัฒนำองค์ควำมรู้ ซึ่งจะต้องมีกำรติดต่อสื่อสำร
กันระหว่ำงบุคคลเพื่อถ่ำยทอดหรือแลกเปลี่ยนองค์ควำมรู้ต่ำงๆ กำรอยู่ร่วมกันจึง
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์
22. 3 เพรำะครอบครัวคือสถำบันที่ให้กำเนิดมนุษย์ในสังคม และมีหน้ำที่ในกำรอบรมบ่ม
นิสัยปลูกฝังแบบแผนที่ดีของสังคมรวมถึงถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ต่ำงๆ แก่สมำชิกของ
ครอบครัว จึงถือเป็นสถำบันทำงสังคมที่มีควำมสำคัญที่สุด
23. 4 เพรำะสถำบันกำรเมืองกำรปกครองมีหน้ำที่หลักในกำรสร้ำงควำมมั่นคงและรักษำ
สิทธิประโยชน์ของประเทศชำติ โดยมีกำรวำงนโยบำยต่ำงๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่
ประชำชน และดำเนินกำรตำมนโยบำยที่วำงไว้ให้ประสบผลสำเร็จ
24. 1 เพรำะสถำนภำพสัมฤทธิ์คือสถำนภำพที่ได้มำด้วยควำมรู้ควำมสำมำรถของบุคคลผู้
นั้น ซึ่งกำรที่แก้วได้เลื่อนตำแหน่งก็มำจำกกำรที่แก้วใช้ควำมรู้ ควำมสำมำรถของตน
เพื่อควำมก้ำวหน้ำในอำชีพกำรงำน ส่วนในข้ออื่นๆ เป็นสถำนภำพที่ติดตัวมำแต่
กำเนิด
25. 3 เพรำะกำรรำโนรำเป็นวัฒนธรรมของภำคใต้ที่มำจำกควำมเชื่อในหลักคำสอนทำง
พระพุทธศำสนำ และมีกำรผสมผสำนกับควำมเชื่อจำกศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู ส่วน
ในข้ออื่นเป็นวัฒนธรรมของภำคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งสิ้น
26. 4 เพรำะวัฒนธรรมต่ำงชำตินั้นมีควำมหลำกหลำยซึ่งหำกเรำเลือกวัฒนธรรมที่เป็น
ประโยชน์และสำมำรถนำมำปรับใช้ในสังคมไทยได้ ก็จะช่วยให้กำรดำเนินชีวิตของ
เรำมีควำมสุข
27. 2 เพรำะในปัจจุบันในโลกสำกลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลำงในกำรติดต่อสื่อสำรกัน
อย่ำงแพร่หลำย เนื่องจำกสำมำรถติดต่อสื่อสำรกันได้ทั่วทุกมุมโลกประหยัดเวลำ
และค่ำใช้จ่ำย อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมข่ำวสำรข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกำร
ดำเนินชีวิต
28. 1 เพรำะในฐำนะที่เรำเป็นลูกหน้ำที่หลักของเรำคือกำรเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่
ตั้งใจศึกษำหำควำมรู้ และช่วยแบ่งเบำภำระของพ่อแม่เท่ำที่เรำจะทำได้
29. 3 เพรำะกำรที่สมำชิกในชุมชนทุกคนให้ควำมสำคัญต่อกำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ
ชุมชนย่อมส่งผลให้ชุมชนมีควำมเข้มแข็งและพัฒนำ สมำชิกของชุมชนก็สำมำรถอยู่
ร่วมกันได้อย่ำงมีควำมสุข และมีคุณภำพชีวิตที่ดี
30. 2 เพรำะกำรรับฟังควำมคิดเห็นที่แตกต่ำงถือเป็นกำรเคำรพสิทธิส่วนบุคคลอย่ำงหนึ่ง
และจะนำมำซึ่งกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติ อันเป็นหลักกำรสำคัญประกำรหนึ่งตำมวิถี
51
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
ประชำธิปไตย
31. 3 เพรำะกำรเสียภำษีอำกรถือเป็นหน้ำที่อย่ำงหนึ่งของพลเมืองที่ดี เพรำะภำษีอำกร
เปรียบเสมือนรำยได้หลักของประเทศ ซึ่งรัฐจะสำมำรถนำเงินภำษีที่จัดเก็บได้ไป
พัฒนำประเทศให้มีควำมเจริญก้ำวหน้ำ เพื่อเศรษฐกิจมีกำรขับเคลื่อนอย่ำงเต็มที่
32. 3 เพรำะเหตุกำรณ์สงครำมโลกครั้งที่ 2 มีควำมทำรุณโหดร้ำยอย่ำงมำกนำมำซึ่งควำม
สูญเสียต่อชีวิตมนุษย์และทรัพย์สินต่ำงๆ จำนวนมหำศำล ทำให้หลำยๆ ประเทศทั่ว
โลกเกรงว่ำจะเกิดเหตุกำรณ์ดังกล่ำวขึ้นอีก ดังนั้นจึงได้มีกำรจัดตั้งองค์กำร
สหประชำชำติขึ้นและได้มีกำรผลักดันให้เกิดปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชน
แห่งสหประชำชำติ เพื่อเป็นแนวทำงในกำรคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
33. 4 ประเทศไทยเข้ำร่วมเป็นภำคีพันธกรณีกับปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชน
ทั้งหมด 6 ฉบับ ได้แก่ อนุสัญญำว่ำด้วยสิทธิเด็กกติกำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิ
ทำงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม กติกำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิพลเมืองและ
สิทธิทำงกำรเมือง อนุสัญญำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยกำรขจัดกำรเลือกปฏิบัติทำงเชื้อ
ชำติในทุกรูปแบบ อนุสัญญำว่ำด้วยกำรขจัดกำรเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
และอนุสัญญำว่ำด้วยกำรต่อต้ำน กำรทรมำนและกำรทำรุณกรรมตลอดจนกำร
ปฏิบัติหรือกำรลงโทษที่ลดทอนคุณค่ำของมนุษย์
34. 1 เพรำะหลักสิทธิมนุษยชนนั้นควำมสำคัญกับควำมเท่ำเทียมของมนุษย์ ดังนั้นผู้ชำย
และผู้หญิงย่อมมีศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์เท่ำกัน ไม่มีใครดีกว่ำ เก่งกว่ำ หรืออยู่
เหนือกว่ำ หำกแต่ขึ้นอยู่กับควำมสำมำรถของแต่ละบุคคลซึ่งมีโอกำสในกำรพัฒนำ
ทักษะควำมสำมำรถเท่ำกัน
35. 2 เพรำะกำรปกครองระบอบประชำธิปไตยถือว่ำอำนำจอธิปไตยเป็นอำนำจสูงสุดที่ใช้
ในกำรปกครองประเทศ ซึ่งเป็นอำนำจของประชำชน โดยผู้ที่จะได้อำนำจปกครองนี้
จะต้องได้รับควำมยินยอมจำกประชำชนส่วนใหญ่ของประเทศ
36. 4 เพรำะในระบอบเผด็จกำร ผู้นำมีอำนำจสูงสุดในกำรบริหำรประเทศแต่เพียงผู้เดียว
ประชำชนมีหน้ำที่เชื่อฟังและปฏิบัติตำมอย่ำงเคร่งครัด หำกผู้ใดฝ่ำฝืนก็จะได้รับกำร
ลงโทษอย่ำงรุนแรง
37. 2 เพรำะรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 ได้กำหนดให้ผู้ตรวจกำร
แผ่นดิน เป็นองค์กรอิสระ มีอำนำจหน้ำที่ เช่น ตรวจสอบกำรละเลยกำรปฏิบัติหน้ำที่
หรือกำรปฏิบัติหน้ำที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมำยขององค์กรตำมรัฐธรรมนูญและ
องค์กรในกระบวนกำรยุติธรรม เป็นต้น
52
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
38. 4 เพรำะบทบำทหน้ำที่หลักของพรรคกำรเมือง ได้แก่ วำงนโยบำยเพื่อแก้ไขปัญหำของ
ประเทศ พิจำรณำเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมำะสมลงรับสมัครเลือกตั้งในนำมของ
พรรค ดำเนินกำรหำเสียงเลือกตั้ง นำนโยบำยของพรรคที่แถลงแก่ประชำชนไป
ปฏิบัติอย่ำงจริงจัง ให้กำรศึกษำและอบรมควำมรู้ทำงกำรเมือง และหน้ำที่ในกำร
ควบคุมกำรทำงำนของรัฐบำล
39. 3 รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 ของ
ประเทศไทย และเป็นรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกำสให้ประชำชนได้มีส่วนร่วมออกเสียง
ลงประชำมติ ซึ่งประชำชนส่วนใหญ่ให้กำรยอมรับ และได้มีกำรประกำศใช้อย่ำง
เป็นทำงกำรในเวลำต่อมำ
40. 2 ควำมสำคัญประกำรหนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 คือ กำร
คุ้มครองสิทธิเสรีภำพของชนชำวไทย ซึ่งมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในหลำย
มำตรำ เช่น บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภำพในชีวิตและร่ำงกำย บุคคลย่อมมีเสรีภำพใน
เคหสถำน บุคคลย่อมมีเสรีภำพในกำรสื่อสำรถึงกัน
41. 4 รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 กำหนดให้สภำผู้แทนรำษฎร
ประกอบด้วยสมำชิกจำนวน 500 คน มำจำกกำรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตจำนวน 375 คน
และมำจำกบัญชีรำยชื่อ จำนวน 125 คน
42. 1 คณะกรรมกำรกำรเลือกตั้ง มีหน้ำที่ในกำรควบคุมและดำเนินกำรจัดให้มีกำรเลือกตั้ง
และกำรออกเสียงประชำมติ ตำมที่กฎหมำยกำหนด ให้เป็นไปโดยสุจริต และ
เที่ยงธรรม
43. 2 เพรำะบัตรประจำตัวประชำชน เป็นเอกสำรสำคัญที่ใช้พิสูจน์ตัวบุคคล ภูมิลำเนำ
และสถำนภำพต่ำงๆ ของคนไทย
44. 3 เพรำะเป็นทรัพย์ที่ติดอยู่กับที่ดินอันมีลักษณะเป็นกำรถำวร ไม่สำมำรถเคลื่อนย้ำยได้
จึงถือเป็นอสังหำริมทรัพย์ตำมกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
45. 4 โทษทำงอำญำแบ่งออกเป็น 5 อย่ำง โดยเรียงลำดับจำกโทษระดับเบำที่สุดจนถึงโทษ
ระดับหนักที่สุด ได้แก่ ริบทรัพย์สิน ปรับ กักขัง จำคุกและประหำรชีวิต
46. 4 ปัญหำพื้นฐำนทำงเศรษฐกิจมีสำเหตุมำจำกควำมไม่สมดุลกันระหว่ำงควำมต้องกำร
สินค้ำและบริกำรมำสนองควำมต้องกำรของมนุษย์กับทรัพยำกรที่มีอยู่อย่ำงจำกัด ซึ่ง
เป็นปัญหำพื้นฐำนทำงเศรษฐกิจที่ทุกประเทศต้องประสบ ซึ่งได้แก่ จะผลิตอะไร
จำนวนเท่ำไหร่ จะผลิตอย่ำงไร จะผลิตเพื่อใคร จะกระจำยหรือจัดสินค้ำและบริกำร
ที่ผลิตนี้ไปยังบุคคลต่ำงๆ ในสังคมอย่ำงไร
53
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
47. 2 ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมเป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐบำลเข้ำไปควบคุม
ดำเนินกำรผลิต เน้นกำรจัดสวัสดิกำรให้ประชำชน ทำให้มีกำรจัดสรรทรัพยำกรและ
รำยได้ที่เป็นธรรม มีควำมเท่ำเทียมกัน สำมำรถลดช่องว่ำงทำงเศรษฐกิจของ
ประชำชนได้
48. 3 ระบบเศรษฐกิจแบบผสมเป็นกำรนำเอำลักษณะบำงอย่ำงของระบบเศรษฐกิจแบบ
ทุนนิยมและสังคมนิยมมำผสมผสำนกัน ซึ่งในกรณีนี้ประชำชนสำมำรถเป็นเจ้ำของ
ปัจจัยกำรผลิตสินค้ำและบริกำรนั้น คือ เกษตรกรสำมำรถเป็นเจ้ำของที่ดิน และ
สำมำรถกำหนดรำคำเองได้ โดยเป็นไปตำมกลไกรำคำ แต่ในบำงกรณีรัฐบำลจะเข้ำ
ไปแทรกแซงรำคำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
49. 4 ระบบเศรษฐกิจแบบผสม โดยมำกรัฐจะเป็นผู้บริหำรทรัพยำกรในส่วน
สำธำรณูปโภค เช่น ไฟฟ้ำ ประปำ ส่วนเอกชนจะเป็นผู้บริหำรในส่วนสินค้ำและ
บริกำรทั่วไป ซึ่งระบบเศรษฐกิจแบบผสมจะมีควำมได้เปรียบในด้ำนกำรใช้กลไก
รำคำในกำรตัดสินใจประกอบธุรกิจ หรือส่งเสริมบรรยำกำศกำรค้ำกำรลงทุน ทั้งจำก
ภำยในและภำยนอกประเทศ
50. 1 กำรรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงำนที่ให้บริกำรด้ำนกำรขนส่งภำยในประเทศ
แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีเอกชนเข้ำร่วมกำรแข่งขัน ดังนั้นกำรบริหำรงำนดังกล่ำวจึง
จัดอยู่ในประเภทตลำดผูกขำด
51. 4 อุปทำนลด เนื่องจำกอัตรำเงินเดือนดังกล่ำวถือเป็นต้นทุนกำรผลิตอย่ำงหนึ่งที่ร้ำน
จัดดอกไม้ต้องรับผิดชอบ ส่งผลทำให้เจ้ำของธุรกิจดังกล่ำวไม่มีควำมต้องกำร
แรงงำนในกลุ่มนี้ อำจจะรับสมัครบุคคลที่จบเพียงระดับชั้น ม.6 เข้ำทำงำน เพื่อจะได้
ไม่ต้องจ่ำยค่ำจ้ำงตำมที่รัฐกำหนด
52. 3 กำรที่รำคำวัตถุดิบลดลง ต้นทุนกำรผลิตก็ลดลง ผู้ผลิตได้กำไรมำกขึ้น จึงมีแรงจูงใจ
ให้มีกำรผลิตเพิ่มขึ้น แต่หำกอัตรำดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ค่ำจ้ำงแรงงำนเพิ่มขึ้น ทำ
ให้ต้นทุนในกำรผลิตเพิ่มขึ้น ได้กำไรน้อยลง ไม่เป็นแรงจูงใจในกำรเพิ่มกำรผลิต
และหำกรำคำสินค้ำที่ทดแทนกันได้รำคำต่ำลง ทำให้รำคำสินค้ำนั้นต่ำลงด้วย
ไม่เป็นแรงจูงใจในกำรผลิตสินค้ำ
53. 1 ณ ระดับรำคำดุลยภำพที่กำหนดรำคำอ้อยที่ขำยอยู่ในตลำดส่งผลกระทบต่อ
เกษตรกร รัฐบำลต้องเข้ำไปรับซื้ออ้อยส่วนเกินจำกเกษตรกร เพื่อบรรเทำควำม
เดือดร้อนของเกษตรกร หลังจำกนั้น รัฐอำจนำสินค้ำเก็บไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งและเมื่อถึง
ช่วงเวลำที่ตลำดมีควำมต้องกำรสินค้ำรัฐก็สำมำรถนำสินค้ำเสนอขำยในรำคำที่
เป็นไปตำมกลไกรำคำของตลำดได้
54
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
54. 3 กำรนำเครื่องมือทำงด้ำนเทคโนโลยีมำใช้ เพื่อพัฒนำกำรผลิตในภำคอุตสำหกรรมถือ
เป็นผลดีในกำรเพิ่มปริมำณผลผลิต และควบคุมสินค้ำให้มีคุณภำพตำมมำตรฐำน แต่
ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมตำมมำ
55. 1 เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นกำรจัดกำรกับที่ดินทำกินให้สำมำรถใช้ประโยชน์ในที่ดินของ
ตน ให้เกิดประโยชน์มำกที่สุดเพื่อกำรพึ่งพำตนเองได้ โดยกำรแบ่งที่ดินออกเป็น 4
ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ขุดสระเก็บกักน้ำ ส่วนที่ 2 ปลูกข้ำว ส่วนที่ 3 ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น
ส่วนที่ 4 ให้เป็นพื้นที่สร้ำงที่อยู่อำศัย โรงเรือนเลี้ยงสัตว์
56. 1 สอดคล้องกันในเรื่องกำรยึดแนวทำงกำรพึ่งตนเอง โดยหลักกำรของสหกรณ์ เป็น
องค์กรที่พึ่งตนเอง ดำรงควำมเป็นอิสระ เอื้ออำทรต่อชุมชน ส่วนปรัชญำเศรษฐกิจ
พอเพียง ของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว เน้นวิธีกำรผลิตแบบพึ่งตนเอง ลดกำร
พึ่งพำระบบตลำด ลดกำรพึ่งพำกำรใช้สำรเคมี ลดกำรพึ่งพำเงินกู้ และลดกำรพึ่งพำ
ซื้อสินค้ำจำกสังคมภำยนอก เน้นกำรเป็นผู้ผลิตเพื่อกำรบริโภคในชุมชน
57. 2 สมำชิกสหกรณ์ทุกคนมีควำมเสมอภำคกัน ไม่ว่ำจะถือหุ้นกี่หุ้นก็ออกเสียงได้เพียง 1
เสียง หรือ “one man one vote” หมำยควำมว่ำ กำรออกเสียงในทุกเรื่องของสหกรณ์
สมำชิกมีสิทธิออกเสียงเพียงคนละ 1 เสียงเท่ำนั้น
58. 2 เงินมีหน้ำที่สำคัญ คือ เป็นสื่อกลำงในกำรแลกเปลี่ยนสินค้ำและบริกำร กำรที่อ้อย
เขียนเช็คส่วนตัวซื้อนำฬิกำข้อมือ 1 เรือน เรือนละ 30,000 บำท แสดงว่ำเงินทำหน้ำที่
ในกำรวัดมูลค่ำของสินค้ำ
59. 2 ธนบัตรมีสภำพคล่องสูงกว่ำสร้อยคอทองคำ เพรำะสำมำรถนำไปแลกกับสิ่งอื่นๆ ได้
ทันที เนื่องจำกเงินเป็นธนบัตรและเหรียญกษำปณ์ เป็นสินทรัพย์ที่มีสภำพคล่องมำก
ที่สุด สำมำรถนำไปแลกเปลี่ยนกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ได้ง่ำยและรวดเร็ว โดยไม่
ต้องมีต้นทุนในกำรแลกเปลี่ยน ส่วนสร้อยคอทองคำหนัก 1 บำท แม้จะมีมูลค่ำสูง
กว่ำ ธนบัตร 1,000 บำท แต่ไม่สะดวกที่จะนำไปซื้อสินค้ำต่ำงๆ เหมือนเงินหรือ
ธนบัตร
60. 3 กำรที่ปริมำณเงินหมุนเวียนในประเทศมีเพิ่มมำกขึ้น ส่งผลดีต่อกำรขยำยตัวทำง
เศรษฐกิจ อัตรำดอกเบี้ยลดลง กำรจ้ำงงำนเพิ่มมำกขึ้น ประชำชนมีเงินจับจ่ำยใช้สอย
เพิ่มมำกขึ้น ผลผลิตและรำยได้โดยรวมของประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย
61. 3 ภำวะเงินเฟ้อ เป็นภำวะที่อำนำจซื้อของเงินที่มีอยู่ในมือของประชำชนลดลง
กล่ำวคือ กำรที่มีจำนวนเงินเท่ำเดิมแต่ซื้อสินค้ำได้น้อยลง เนื่องจำกกำรขยำยตัว
ทำงด้ำนเศรษฐกิจ ประกอบกับสินค้ำมีต้นทุนในกำรผลิตสูงขึ้น เป็นสำเหตุของกำร
เกิดภำวะเงินเฟ้อ
55
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
62. 3 เมื่อเกิดปัญหำเงินเฟ้อ ธนำคำรกลำงจะกำหนดมำตรกำรป้องกันและแก้ไข โดยเพิ่ม
อัตรำซื้อลดตั๋วเงินจำกธนำคำรพำณิชย์ ทำให้ธนำคำรพำณิชย์ได้กำไรน้อยลง จึงไม่
อยำกรับซื้อตั๋วเงินจำกลูกค้ำอีกต่อไป ส่งผลให้ปริมำณหมุนเวียนของเงินตรำใน
ระบบลดลงด้วย เพรำะพ่อค้ำต้องถือตั๋วเงินไว้ไม่สำมำรถใช้เป็นเงินสดได้จนกว่ำตั๋ว
เงินจะครบสัญญำจ่ำยเงินจำกผู้ซื้อสินค้ำ เท่ำกับเป็นกำรลดอำนำจซื้อของผู้บริโภค
มำตรกำรนี้จึงช่วยแก้ไขปัญหำได้
63. 4 ธนำคำรกลำงจะใช้มำตรกำรขึ้นอัตรำรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญำใช้เงินจำกธนำคำร
พำณิชย์เพื่อชะลอเงินเฟ้อ จะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงปริมำณเงิน โดยเฉพำะอย่ำง
ยิ่งสินเชื่อของธนำคำรพำณิชย์ กล่ำวคือ ถ้ำธนำคำรกลำงขึ้นอัตรำรับช่วงซื้อลดตั๋ว
สัญญำใช้เงิน ธนำคำรพำณิชย์จะกู้เงินลดลง ดังนั้น เงินสดสำรองจึงลดลง ธนำคำร
พำณิชย์สำมำรถขยำยสินเชื่อได้น้อยลง ปริมำณเงินซึ่งรวมถึงเงินฝำกจึงลดลง เงิน
เฟ้อจะลดลงหรือชะลอลงได้
64. 3 กำรเกิดสภำวะเงินฝืดทำให้เงินออมในระบบมีน้อย เนื่องจำกประชำชนมีเงินน้อย ทำ
ให้สถำบันกำรเงินปล่อยเงินกู้เพื่อธุรกิจน้อย ในขณะที่ธุรกิจชะลอกำรผลิตลง
เนื่องจำกรำคำสินค้ำถูกลงและขำดแคลนเงินทุน ส่งผลกระทบจำกกำรจ้ำงงำนที่
ลดลง ทำให้คนต้องตกงำน เศรษฐกิจหดตัว อำนำจซื้อของคนจึงมีน้อย
65. 2 ในภำวะเศรษฐกิจตกต่ำรัฐบำลจะใช้นโยบำยกำรคลังเพื่อกระตุ้นกำรใช้จ่ำยให้มำก
ขึ้น เพื่อกระตุ้นกำรผลิต เนื่องจำกในช่วงภำวะเศรษฐกิจตกต่ำ กำรผลิต กำรค้ำขำย
และกำรลงทุนทำธุรกิจต่ำงๆ อยู่ในสภำพซบเซำ มีกำรจ้ำงงำนน้อย มีคนว่ำงงำนมำก
ประชำชนมีกำลังซื้อน้อย รัฐบำลควรใช้นโยบำยกำรคลังแบบขยำยตัว เพื่อกระตุ้น
เศรษฐกิจให้ฟื้นตัว โดยลดอัตรำภำษีอำกร (เพิ่มอำนำจซื้อให้ประชำชน) หรือ เพิ่ม
รำยจ่ำยของรัฐบำลให้มำกขึ้น โดยทำงบประมำณขำดดุล (ตั้งงบรำยจ่ำยให้สูงกว่ำ
รำยได้) เน้นพัฒนำด้ำนกำรคมนำคมขนส่ง กำรชลประทำน และกำรสำธำรณูปโภค
เป็นต้น
66. 2 รำยได้เฉลี่ยต่อหัวของประชำกรสูงขึ้นโดยประเทศที่มีควำมเจริญเติบโตทำง
เศรษฐกิจ จะมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจำกสินค้ำและบริกำรขั้นสุดท้ำย (รำยได้
ประชำชำติ) สูงขึ้นทุกปี ส่งผลให้รำยได้เฉลี่ยต่อหัวของประชำกรเพิ่มสูงขึ้นด้วย
จึงเป็นเครื่องชี้วัดควำมเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
67. 1 นโยบำยกำรค้ำเสรี คือ กำรค้ำที่ไม่มีกำรกีดกันทำงกำรค้ำกับประเทศคู่ค้ำ เช่น โดย
ไม่เก็บภำษีคุ้มกัน เพื่อคุ้มครองอุตสำหกรรมในประเทศแต่คงเก็บภำษีศุลกำกรใน
อัตรำต่ำ เพื่อเป็นรำยได้ของรัฐ เพื่อลดอุปสรรคทำงกำรค้ำระหว่ำงประเทศให้เหลือ
56
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
น้อยที่สุด
68. 4 ร.ศ. หรือรัตนโกสินทร์ศก เป็นศักรำชที่พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว มี
พระรำชดำริให้บัญญัติขึ้น โดยเริ่มนับปีที่สถำปนำกรุงรัตนโกสินทร์เป็นรำชธำนี คือ
พ.ศ. 2325 เป็น ร.ศ. 1 กำรเทียบ พ.ศ. ให้เป็น ร.ศ. ให้นำ พ.ศ. ลบด้วย 2324 ดังนั้น
พ.ศ. 2555-2324= 231
69. 2 ศิลำจำรึกเป็นหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ที่สำมำรถบ่งบอกพัฒนำกำรของอำณำจักร
โบรำณ ในดินแดนประเทศไทยก่อนสมัยอยุธยำ เช่น จำรึกปรำสำทเขำน้อย จ.
สระแก้ว เป็นหลักฐำนลำยลักษณ์อักษรที่เก่ำแก่ที่พบในเมืองไทยที่มีกำรระบุศักรำช
ชัดเจน เป็นต้น
70. 4 ยุคประวัติศำสตร์เริ่มขึ้นเมื่อมนุษย์รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมำใช้ เพื่อบันทึก
เรื่องรำวหรือเหตุกำรณ์ต่ำงๆ ลงบนวัสดุหลำกหลำยชนิด เช่น แผ่นหิน แผ่นดิน
เหนียว ไม้ไผ่ กระดำษ เป็นต้น
71. 1 กำรตั้งประเด็นคำถำมของผู้ศึกษำต่อผลกำรศึกษำที่เป็นข้อสรุปหรือสันนิษฐำนไม่
ถูกต้องชัดเจน ตลอดจนกำรค้นพบหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ใหม่ ซึ่งอำจมีข้อมูลที่
ส่งผลให้ข้อสรุปหรือข้อสันนิษฐำนทำงประวัติศำสตร์ในอดีตเปลี่ยนแปลงไปได้
เช่น กำรเปลี่ยนแปลงของแนวคิดควำมเป็นมำของชนชำติไทย เป็นต้น
72. 4 พระรำชพงศำวดำรฉบับหลวงประเสริฐอัษรนิติ์ เป็นพระรำชพงศำวดำรที่ถูกเขียน
ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2223 ในสมัยสมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช ซึ่งนักประวัติศำสตร์ส่วน
ใหญ่ให้กำรยอมรับว่ำ มีควำมถูกต้องน่ำเชื่อถือฉบับหนึ่งในบรรดำพงศำวดำรกรุงศรี
อยุธยำฉบับต่ำงๆ
73. 2 ควำมรู้ควำมเข้ำใจลักษณะทำงสังคมของผู้บันทึก ซึ่งย่อมแตกต่ำงกันไปตำมกำรรับรู้
ของแต่ละบุคคลโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งชำวต่ำงชำติที่ไม่คุ้นเคย ข้อมูลและข้อคิดเห็นที่
บันทึกจึงมีข้อจำกัดอยู่บนพื้นฐำนควำมรู้ ควำมเข้ำใจในลักษณะทำงสังคมของผู้
บันทึกชำวต่ำงชำติคนนั้นๆ
74. 1 ภำษำและวัฒนธรรมอื่นๆ ของกลุ่มชนที่อำศัยอยู่ทำงตอนใต้ของจีน รวมถึงใน
รัฐอัสสัมของอินเดีย ที่ผลกำรศึกษำวิจัยของนักวิชำกำรสำขำต่ำงๆ โดยเฉพำะ
ภำษำศำสตร์ สันนิษฐำนว่ำ เป็นกลุ่มคนไท (Tai) และอำจเป็นถิ่นฐำนเดิมของชน
ชำติไทย (Thai) ในประเทศไทยปัจจุบันจำกกำรอพยพลงใต้และเกิดกำรผสมผสำน
กับชนชำติอื่นๆ
75. 1 กำรตั้งถิ่นฐำนและกำรอพยพซึ่งหลักกำรทำงมำนุษยวิทยำอธิบำยว่ำ มนุษย์ในบริเวณ
ต่ำงๆ ของ
57
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
โลกส่วนใหญ่จะตั้งถิ่นฐำนในบริเวณที่มีทรัพยำกรธรรมชำติอุดมสมบูรณ์เหมำะสม
แก่กำรดำรงชีวิต กำรอพยพจึงเป็นไปตำมสภำพธรรมชำติดังกล่ำว เช่น อพยพจำกที่
สูงลงมำตั้งถิ่นฐำนบริเวณที่รำบซึ่งมีแหล่งน้ำ แนวคิดที่ว่ำถิ่นเดิมของชนชำติไทยอยู่
บริเวณหมู่เกำะแถบศูนย์สูตรของภูมิภำคและอพยพขึ้นทำงเหนือสู่ผืนแผ่นดินใหญ่
จึงไม่สอดคล้องกับหลักกำรข้ำงต้น
76. 1 กำรมีแนวคิดเรื่องสิทธิเสรีภำพ และควำมเสมอภำคของคณะรำษฎรกลุ่มต่ำงๆ ที่
ได้รับกำรศึกษำหรือรับรู้จำกชำติตะวันตกต่ำงๆ ทำให้เกิดกำรร่วมมือกันในกำร
วำงแผนและดำเนินกำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครองโดยที่ประชำชนส่วนใหญ่ไม่ได้มี
ส่วนร่วมหรือเรียกร้องให้ก่อกำร เนื่องด้วยยังขำดควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำร
ปกครองในระบอบใหม่
77. 3 ไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณกรรมที่ได้รับอิทธิพลแนวคิดจำกพระพุทธศำสนำนิกำย
เถรวำท ลัทธิลังกำวงศ์ซึ่งรับมำจำกเมืองนครศรีธรรมรำชมำประดิษฐำนที่เมือง
สุโขทัยตั้งแต่สมัยพ่อขุนรำมคำแหงมหำรำช
78. 3 กฎหมำยตรำสำมดวงเป็นประมวลกฎหมำยตำมแบบแผนประเพณีของไทยที่ได้รับ
อิทธิพลจำกกฎหมำยอินเดีย พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำชโปรด
เกล้ำฯ ให้ชำระใน พ.ศ. 2347 ทรงให้อำลักษณ์ประทับตรำ 3 ดวง คือ ตรำรำชสีห์ คช
สีห์ และบัวแก้ว กฎหมำยตรำสำมดวงใช้เป็นหลักสำคัญในกำรปกครองบ้ำนเมือง
จัดระเบียบสังคมและตัดสินคดีควำมต่ำงๆ จนกระทั่งรัชสมัยพระบำทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว จึงมีกำรร่ำงกฎหมำยตำมแบบชำติตะวันตกขึ้นมำใช้แทน
79. 1 กำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครองในพ.ศ. 2475 ส่งผลให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงระบอบกำร
ปกครองจำกระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำชย์มำเป็นระบอบประชำธิปไตยอันมี
พระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีกำรเปลี่ยนแปลงผู้บริหำรประเทศ และอำนำจ
อธิปไตยเป็นของประชำชน แต่รูปแบบของรัฐของไทยยังคงเป็นรัฐเดียวคือรัฐที่มี
ศูนย์กลำงทำงกำรเมืองและกำรปกครองอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมีเอกภำพไม่ได้
แยกออกจำกกัน และมีกำรใช้อำนำจสูงสุดทั้งภำยในและภำยนอกโดยองค์กร
เดียวกันทั่วดินแดนของรัฐ
80. 1 กำรประกวดนักออกแบบผ้ำไทยร่วมสมัย จัดเป็นกิจกรรมที่ผสมผสำนภูมิปัญญำไทย
ด้ำนผ้ำไทยกับควำมนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน เป็นแนวทำงหนึ่งในกำรสืบสำน
และปรับปรุงให้ภูมิปัญญำซึ่งอำจไม่เหมำะกับสภำพสังคมปัจจุบันให้ดำรงอยู่ได้
81. 2 พระมหำกษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ โดยเฉพำะคติควำมเชื่อเรื่องนำรำยณ์อวตำรปำง
ต่ำงๆ เพื่อปกปักรักษำโลกให้สงบสุขตำมควำมเชื่อในศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู
58
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
เนื่องจำกวัดนั้นได้รับโปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงหรือบูรณปฏิสังขรณ์จำกพระมหำกษัตริย์
หรือสร้ำงถวำยพระมหำกษัตริย์ กระทั่งเป็นแบบแผนทำงศิลปกรรมที่ได้รับควำม
นิยมโดยทั่วไปในสมัยอยุธยำ
82. 3 ควำมสำคัญของประวัติศำสตร์และวัฒนธรรมกับควำมเป็นชำติ เป็นแนวคิดสำคัญใน
พระรำชดำรัสดังกล่ำว เนื่องด้วยหลักฐำนที่แสดงถึงประวัติควำมเป็นมำและ
วัฒนธรรม เป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงควำมเป็นรัฐชำติ ชำวไทยจึงควรตระหนักถึง
คุณค่ำและมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์และวัฒนธรรมอย่ำง
จริงจัง
83. 3 ศักรำชที่นิยมใช้กันมำกที่สุดในปัจจุบัน คือ คริสต์ศักรำชซึ่งเป็นศักรำชของคริสต์
ศำสนำ เริ่มนับในปีที่พระเยซูซึ่งเป็นศำสดำของคริสต์ศำสนำประสูติเป็นศักรำชที่ 1
(ค.ศ. 1)
84. 4 อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีส หรืออำยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นแหล่งอำรย
ธรรมแรกๆ ของโลกตะวันตกและกำรที่ชำวซูเมเรียประดิษฐ์ตัวอักษรได้ก็ทำให้เข้ำ
สู่สมัยประวัติศำสตร์สำกล
85. 2 พ.ศ. 1893 หำกเทียบเป็น ค.ศ. จะตรงกับ ค.ศ. 1350 ซึ่งเป็นช่วงเวลำที่เกิดกำรฟื้นฟู
ศิลปวิทยำกำร
86. 1 วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์จะก่อให้เกิดองค์ควำมรู้ใหม่ที่น่ำเชื่อถือกว่ำเดิมจำก
กำรศึกษำหลักฐำนและกำรวิเครำะห์ สังเครำะห์อย่ำงมีเหตุผล
87. 4 ควำมรู้ควำมสำมำรถต่ำงกัน ทำให้นักประวัติศำสตร์ตีควำมข้อมูลจำกหลักฐำนชิ้น
เดียวกันแตกต่ำงกัน
88. 2 กำรศึกษำประวัติศำสตร์สำกลต้องใช้หลักฐำนประวัติศำสตร์สำกล ซึ่งส่วนใหญ่อยู่
ในต่ำงประเทศ ทำให้มีข้อจำกัดในกำรเข้ำถึงแหล่งข้อมูล
89. 4 หลักของประมวลกฎหมำยฮัมมูรำบีแสดงแนวคิดที่จะให้ควำมยุติธรรมแก่ผู้คนใน
สังคมหลักดังกล่ำว คือ ตำต่อตำ ฟันต่อฟัน ในกำรลงโทษผู้กระทำควำมผิด โดยผู้ใด
ทำควำมผิดอย่ำงไร ก็จะได้รับโทษอย่ำงนั้น ซึ่งแนวคิดที่จะให้ควำมยุติธรรมแก่ผู้คน
ในสังคมนี้ได้เป็นรำกฐำนของเจตนำรมณ์ของกฎหมำยในประเทศต่ำงๆ ในปัจจุบัน
90. 4 จำกทำเลที่ตั้งของอียิปต์ที่มีทะเลทรำยห้อมล้อมทั้งทิศตะวันตก ทิศตะวันออกและทิศ
ใต้ จึงเสมือนมีปรำกำรธรรมชำติในกำรป้องกันกำรรุกรำนจำกข้ำศึกศัตรู ทำให้ชำว
อียิปต์มีควำมรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย ส่งผลให้ชำวอียิปต์สำมำรถสร้ำงอำรยธรรมของ
ตนได้อย่ำงมีเอกภำพ และมีควำมเจริญติดต่อกันมำอย่ำงไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงเป็น
59
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
ระยะเวลำยำวนำน
91. 2 ชำวโรมันสร้ำงสิ่งก่อสร้ำงโดยให้ควำมสำคัญต่อประโยชน์ใช้สอยที่สำมำรถ
ตอบสนองควำมต้องกำรของคนจำนวนมำก
92. 1 กำรพัฒนำด้ำนกำรสื่อสำรในสมัยปฏิวัติอุตสำหกรรมเป็นต้นแบบในกำรพัฒนำกำร
สื่อสำรอย่ำงต่อเนื่อง จนโลกเข้ำสู่สมัยแห่งกำรสื่อสำรไร้พรมแดนหรือโลกำภิวัตน์
93. 2 ควำมขัดแย้งนำไปสู่กำรต่อสู้แข่งขัน ซึ่งผู้ที่แข่งขันกันย่อมต้องพัฒนำวิทยำกำรของ
ตนเองเพื่อเอำชนะคู่แข่ง
94. 2 ควำมไม่พอใจในกำรใช้อำนำจของสหรัฐอเมริกำในกำรเข้ำไปมีอำนำจในดินแดน
ต่ำงๆ ทำให้กลุ่มที่ไม่พอใจใช้วิธีกำรก่อกำรร้ำยตอบโต้สหรัฐอเมริกำ
95. 1 ปัญหำสำคัญของอำเซียน คือ ยังขำดควำมร่วมมือกันอย่ำงแท้จริง เพรำะประเทศ
สมำชิกยังมีกำรแข่งขันทำงกำรค้ำและกำรพัฒนำ
96. 2 ทุกคนควรใช้ทรัพยำกรให้คุ้มค่ำและประหยัดที่สุด เพรำะทุกครั้งที่มีกำรใช้ทรัพยำกร
มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น
97. 1 พลังงำนในโลกมีอยู่อย่ำงจำกัด เมื่อใช้แล้วก็จะหมดไป ดังนั้น จึงอำจจะขำดแคลนได้
ในอนำคต
98. 1 เครื่องมือทำงภูมิศำสตร์สำมำรถแบ่งประเภทออกได้ตำมหน้ำที่หลักของกำรใช้งำน
เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทรวบรวมข้อมูล เช่น เข็มทิศ ระบบกำหนดตำแหน่งบน
พื้นโลก ระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ และประเภทที่ให้ข้อมูลหรือเป็นสื่อควำมรู้ทำง
ภูมิศำสตร์ เช่น แผนที่ ลูกโลกจำลอง ภำพจำกดำวเทียมเป็นต้น
99. 4 ผู้ที่ใช้แผนที่ได้อย่ำงชำนำญควรเป็นผู้ที่มีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับแผนที่และหมั่น
ฝึกฝนอ่ำนแผนที่อย่ำงสม่ำเสมอ เพรำะฉะนั้นก้อยจึงน่ำจะเป็นผู้ที่ใช้แผนที่ได้อย่ำง
ชำนำญที่สุด
100. 3 ในปัจจุบันมีกำรนำรูปถ่ำยทำงอำกำศมำใช้ในกำรจัดทำแผนที่มำกขึ้น เนื่องจำก
เพื่อให้ได้แผนที่ข้อมูลถูกต้อง แม่นยำ และประหยัดเวลำและแรงงำนในกำรสำรวจ
พื้นที่ โดยรูปถ่ำยทำงอำกำศที่จะสำมำรถนำมำใช้ในกำรจัดทำแผนที่ได้นั้น คือ รูป
ถ่ำยทำงอำกำศแนวดิ่ง เพรำะมีมำตรำส่วนค่อนข้ำงคงที่ ต่ำงจำกรูปถ่ำยทำงอำกำศใน
แนวเฉียงที่แสดงภำพรวมของพื้นที่เท่ำนั้น
101. 2 ดำวเทียมเป็นเครื่องมือหลักในกำรสำรวจข้อมูลภูมิสำรสนเทศศำสตร์ชนิดต่ำงๆ
โดยเฉพำะระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์และระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก ส่วน
กำรรับรู้จำกระยะไกลมีเครื่องมือเก็บข้อมูลแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ดำวเทียม และ
60
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
อำกำศยำนต่ำงๆ เช่น เครื่องบิน บัลลูน เป็นต้น
102. 2 วิเครำะห์ข้อมูลจำกฐำนข้อมูลเพียงชั้นเดียวหรือหลำยชั้น ตำมวัตถุประสงค์ของผู้ใช้
เนื่องจำกระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์จัดเก็บข้อมูลของพื้นที่ในด้ำนต่ำงๆ เช่น
ลักษณะภูมิประเทศ ทรัพยำกรธรรมชำติ กำรใช้พื้นที่ เป็นฐำนข้อมูลชั้นต่ำงๆ กำร
วิเครำะห์ข้อมูลจึงอำจวิเครำะห์จำกฐำนข้อมูลเพียงชั้นเดียวหรือหลำยชั้นก็ได้
103. 1 กำรพยำกรณ์อำกำศพื้นที่หนึ่งๆ ด้วยข้อมูลจำกดำวเทียม ดำวเทียมนั้นต้องมีหลักกำร
ทำงำนแบบดำวเทียมคงที่ คือ ดำวเทียมที่โคจรรอบโลกเท่ำกับกำรหมุนของโลกซึ่ง
กำรสำรวจและรวบรวมข้อมูลด้ำนภูมิอำกำศของพื้นที่นั้นๆ
104. 1 กำรทหำรเป็นกิจกำรที่ทำให้เกิดระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกขึ้น โดย
กระทรวงกลำโหมของสหรัฐอเมริกำใช้หำตำแหน่งและพิกัดทำงภูมิศำสตร์ใน
ระหว่ำงกำรสงครำมจึงกล่ำวได้ว่ำ ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก เกิดขึ้นจำก
ควำมขัดแย้งและควำมรุนแรง แต่ทว่ำต่อมำมีประโยชน์ในกำรดำเนินชีวิตและ
สำมำรถสร้ำงสันติภำพได้
105. 1 วันวสันตวิษุวัต วันศำรทวิษุวัต ได้แก่ วันที่ 21 มีนำคม และวันที่ 22 กันยำยนของทุก
ปี ซึ่งระยะเวลำกลำงวันและกลำงคืนของพื้นที่ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้จะ
เท่ำกัน คือ ช่วงละ 12 ชั่วโมง
106. 2 ประเทศแคนำดำ เดือนมิถุนำยน เนื่องจำกเป็นช่วงเลำวันครีษมำยันหรืออุตรำยันที่
ตำแหน่งตั้งฉำกของดวงอำทิตย์เคลื่อนที่มำอยู่ ณ เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ พื้นที่ซีก
โลกเหนือจะได้รับแสงอำทิตย์ยำวนำน โดยเฉพำะพื้นที่เหนือเส้นอำร์กติกเซอร์เคิล
จะเห็นพระอำทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่เรียกว่ำ ปรำกฏกำรณ์พระอำทิตย์เที่ยง
คืน
107. 2 กำรเคลื่อนตัวในรูปแบบต่ำงๆ ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวที่มีควำมรุนแรงแตกต่ำงกัน
โดยแผ่นดินไหวที่รุนแรงเกิดจำกกำรเคลื่อนตัวในรูปแบบชนหรือมุดของแผ่นเปลือก
โลก นอกจำกนี้ ยังก่อให้เกิดลักษณะภูมิประเทศแบบต่ำงๆ เช่น เทือกเขำใน
มหำสมุทรหรือบนภำคพื้นทวีปอีกด้วย
108. 3 ควำมร้อน เนื่องจำกกำรหมุนเวียนเปลี่ยนสถำนะของน้ำจำกแหล่งต่ำงๆ ด้วยมีควำม
ร้อนเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น กำรระเหยของแหล่งน้ำต่ำงๆ บนพื้นผิวโลกขึ้นไปใน
บรรยำกำศโดยควำมร้อน เป็นต้น
109. 1 เขตศูนย์สูตร เขตขั้วโลกเป็นแหล่งที่มำของกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นที่
ไหลเวียนอยู่ในมหำสมุทรทั่วโลกโดยกระแสน้ำอุ่น เช่น กระแสน้ำอุ่นคุโระชิโอะ
ได้รับควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์ในเขตศูนย์สูตร และไหลเวียนขึ้นทำงเหนือ ส่วน
61
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
กระแสน้ำเย็นโอะยำชิโอะ ไหลลงมำจำกทำงขั้วโลกเหนือ เป็นต้น
110. 3 พื้นที่ชำยฝั่งที่คลื่นลมสงบ เป็นบริเวณที่เหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำขนส่งสินค้ำ
มำกที่สุด เนื่องจำกเรือเดินทะเลขนส่งสินค้ำล้วนต้องกำรควำมปลอดภัยในกำร
เดินทำงค้ำขำย อีกทั้งลักษณะภูมิประเทศในข้ออื่นไม่เหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำ
111. 4 ภำคตะวันออก เนื่องจำกเป็นภำคที่มีปริมำณน้ำเฉลี่ยต่อปีค่อนข้ำงสูง พื้นที่ส่วนใหญ่
จึงเป็นสวนผลไม้ที่มีควำมหลำกหลำย เช่น เงำะ ทุเรียน และมังคุด และให้ผลผลิตต่อ
ปีค่อนข้ำงมำก เป็นสินค้ำส่งออกที่สำคัญของประเทศ
112. 3 ปริมำน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีค่อนข้ำงมำกแต่ดินส่วนใหญ่ไม่ค่อยอุ้มน้ำ กำรเพำะปลูกพืชจึง
แตกต่ำงกันไปในแต่ละพื้นที่ ตัวอย่ำงที่สำคัญ เช่น ที่รำบบริเวณแอ่งโครำชเป็นแหล่ง
ปลูกข้ำวที่มักประสบปัญหำจำกภัยแล้งหรือน้ำท่วมทำให้ได้ผลผลิตน้อย ส่วนทำง
ตอนใต้ของภำคบริเวณด้ำนหน้ำทิวเขำพนมดงรัก มีปริมำณน้ำฝนมำก เพำะปลูกไม้
ผลได้ดี
113. 1 กำรศึกษำเกี่ยวกับภูเขำไฟที่ยังมีพลังในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควร
ดำเนินกำรในประเทศที่เป็นแหล่งของภูเขำไฟ ซึ่งได้แก่ ประเทศอินโดนีเซียมีภูเขำ
ไฟที่ยังมีพลังประมำณ 33 ลูก และประเทศฟิลิปปินส์มีภูเขำไฟที่ยังมีพลังประมำณ
25 ลูก
114. 2 กำรปะทุระเบิดของภูเขำไฟก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศได้หลำยด้ำน ที่สำคัญ
ได้แก่ กำรปล่อยเถ้ำถ่ำนปกคลุมบรรยำกำศ กำรสั่นสะเทือนที่แผ่จำกกำรปะทุระเบิด
และกำรไหลของหินหนืดร้อนไปตำมพื้นผิวภูมิประเทศ ตลอดจนลงสู่พื้นที่ชำยฝั่งซึ่ง
ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนของระบบนิเวศชำยฝั่งทะเลได้
115. 4 กำรช่วยกันสร้ำงพนังกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจำกพื้นที่ของตน จะยิ่งทำให้
พื้นที่โดยรอบประสบปัญหำมำกขึ้น จำกปริมำณน้ำที่ควรจะไหลเข้ำท่วมเท่ำเทียมกัน
หรือที่สูบออกจำกพื้นที่ตน วิธีกำรแก้ปัญหำนี้ควรใช้ในพื้นที่สำคัญ เช่น สถำนที่
สำคัญทำงรำชกำร เศรษฐกิจ รวมถึงสถำนพยำบำล เพื่อให้สำมำรถช่วยเหลือพื้นที่
ประสบภัยส่วนอื่นได้
116. 1 สำเหตุสำคัญของกำรกัดเซำะชำยฝั่งในปัจจุบัน คือ ภำวะโลกร้อน ซึ่งทำให้น้ำแข็ง
บริเวณขั้วโลกละลำยอย่ำงรวดเร็วกว่ำในอดีต ส่งผลให้น้ำทะเลมีระดับสูงขึ้น เข้ำกัด
เซำะพื้นที่ชำยฝั่งของประเทศต่ำงๆ รุนแรงมำกขึ้น
117. 1 มักมีลมแรงและฝนตกหนักอีกครั้งเมื่อศูนย์กลำงพำยุพัดผ่ำน เพรำะกำรเกิดลมแรง
และฝนตกหนักในครั้งแรกนั้นเป็นกระแสอำกำศที่รุนแรงโดยรอบศูนย์กลำงของพำยุ
เมื่อสภำพอำกำศสงบลงแสดงว่ำเป็นบริเวณของศูนย์กลำงของพำยุ ซึ่งมีสภำพอำกำศ
62
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ
ค่อนข้ำงปกติจึงคล้ำยกับว่ำพำยุผ่ำนไปแล้ว อย่ำงไรก็ตำมเมื่อพำยุเคลื่อนตัวกระแส
อำกำศที่รุนแรงโดยรอบศูนย์กลำงของพำยุอีกด้ำนจะก่อให้เกิดลมแรงและฝนตก
หนักไม่แตกต่ำงจำกกำรเกิดในครั้งแรก
118. 2 กำรปฏิวัติอุตสำหกรรมนับเป็นจุดเริ่มต้นของกำรเพิ่มแก๊สเรือนกระจกสู่บรรยำกำศ
จำกกำรที่ชำวยุโรปรู้จักใช้พลังงำนเชื้อเพลิงจำกธรรมชำติมำใช้ในกำรผลิตสินค้ำ
ต่ำงๆ ทำให้ทรัพยำกรมำกมำยถูกใช้อย่ำงขำดกำรจัดกำรและวำงแผนที่ดี ที่สำคัญคือ
กำรเผำไหม้เชื้อเพลิงต่ำงๆ ทั้งถ่ำนหิน น้ำมัน แก๊สธรรมชำติ ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิด
แก๊สเรือนกระจกอันนำมำซึ่งกำรเปลี่ยนแปลงและวิกฤตกำรณ์ทำงธรรมชำติของ
โลกในปัจจุบัน
119. 2 ภำคตะวันออกเป็นแหล่งอโลหะ ประเภทรัตนชำติที่สำคัญของประเทศและภูมิภำค
มำตั้งแต่อดีต ควำมรู้และทักษะเชิงช่ำงในกำรเจียระไนและทำเครื่องประดับของช่ำง
ชำวไทยที่สืบทอดกันมำแต่โบรำณ ประกอบกับเทคโนโลยีวิทยำกำรสมัยใหม่ด้ำน
อุตสำหกรรมเครื่องประดับจำกชำติตะวันตกส่งผลให้เครื่องประดับจำกฝีมือช่ำงชำว
ไทยเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
120. 4 มูลนิธิสิ่งแวดล้อมรับบริจำคเงินและอุปกรณ์ต่ำงๆ เพื่อนำไปใช้ในกำรดำเนินงำน
ด้ำนสิ่งแวดล้อมอย่ำงมีประสิทธิภำพ เนื่องจำกกำรรับบริจำคเพื่อนำไปใช้ตำม
วัตถุประสงค์ของผู้บริจำคและมูลนิธิเป็นกำรดำเนินงำนที่ถูกต้องเหมำะสม และเป็น
กำรส่งเสริมกำรมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติของประชำชนทั่วไป
อีกด้วย
63
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วิชา สังคมศึกษา 2552
ส่วนที่ 1 : ข้อ 1-50
1. 4 2. 4 3. 2 4. 2 5. 3
6. 3 7. 2 8. 2 9. 2 10. 2
11. 4 12. 2 13. 4 14. 2 15. 1
16. 2 17. 3 18. 2 19. 3 20. 3
21. 4 22. 3 23. 1 24. 3 25. 4
26. 3 27. 2 28. 3 29. 3 30. 2
31. 3 32. 2 33. 1 34. 3 35. 2
36. 3 37. 4 38. 2 39. 1 40. 1
41. 2 42. 4 43. 3 44. 4 45. 2
46. 3 47. 1 48. 3 49. 3 50. 2
ส่วนที่ 2 : ข้อ 51-100
51. 1, 2, 3, 4 52. 1, 2, 3, 4 53. 1, 2, 4 54. 1, 3 55. 1, 3
56. 1, 2, 3, 4 57. 1, 4 58. 1, 2, 3, 4 59. 1, 4 60. 1, 2, 3, 4
61. 1, 3, 4 62. 1, 2, 4 63. 3, 4 64. 2, 4 65. 1, 2
66. 1, 2, 3 67. 1, 4 68. 2, 3, 4 69. 3, 4 70. 2, 4
71. 1, 2, 3 72. 1, 2, 3 73. 3, 4 74. 1, 2, 4 75. 1, 3
76. 2, 3 77. 1, 3 78. 1, 4 79. 1, 2 80. 1, 4
81. 1, 2, 4 82. 2, 3 83. 1, 3, 4 84. 1, 2, 3, 4 85. 1, 4
86. 1, 3, 4 87. 1, 2, 4 88. 1, 3 89. 2, 4 90. 2, 4
91. 2, 3, 4 92. 2, 3 93. 1, 2, 3, 4 94. 1, 2, 3 95. 2, 3, 4
96. 1, 3, 4 97. 2, 3, 4 98. 3, 4 99. 1, 2, 4 100. 2, 3
ปีการศึกษา
64
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วิชา สังคมศึกษา 2553
ส่วนที่ 1 : ข้อ 1-50
1. 3 2. 4 3. 1 4. 4 5. 4
6. 3 7. 1 8. 3 9. 1 10. 1
11. 2 12. 1 13. 2 14. 1 15. 1
16. 3 17. 3 18. 3 19. 2 20. 3
21. 3 22. 3 23. 1 24. 4 25. 2
26. 1 27. 2 28. 4 29. 2 30. 3
31. 4 32. 4 33. 1 34. 4 35. 2
36. 4 37. 3 38. 3 39. 3 40. 2
41. 4 42. 4 43. 1 44. 4 45. 2
46. 4 47. 4 48. 3 49. 2 50. 2
ส่วนที่ 2 : ข้อ 51-100
51. 1, 3 52. 1, 2 53. 1, 4 54. 1, 2 55. 2, 4
56. 1, 3 57. 3, 4 58. 1, 4 59. 2, 3 60. 3, 4
61. 2, 4 62. 1, 2 63. 1, 3 64. 2, 4 65. 1, 2
66. 2, 4 67. 2, 3 68. 3, 4 69. 2, 3 70. 3, 4
71. 3, 4 72. 1, 4 73. 1, 2 74. 2, 3 75. 1, 4
76. 3, 4 77. 1, 3 78. 1, 4 79. 3, 4 80. 1, 4
81. 2, 3 82. 1, 2 83. 1, 4 84. 3, 4 85. 1, 3
86. 1, 2 87. 2, 3 88. 1, 2 89. 1, 3 90. 2, 3, 4
91. 2, 3 92. 2, 4 93. 1, 2 94. 3, 4 95. 1, 3
96. 2, 3 97. 1, 3 98. 3, 4 99. 3, 4 100. 2, 3
ปีการศึกษา

More Related Content

PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
DOCX
ช้อสอบสังคมศึกษา
PDF
4.แนวข้อสอบ o net สุขศึกษา(ม.6)
PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0 (1)
PDF
3.แนวข้อสอบ o net สังคมศึกษา(ม.6)
PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
PDF
สังคม
PDF
ข้อสอบ O net - สังคมศึกษา
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
ช้อสอบสังคมศึกษา
4.แนวข้อสอบ o net สุขศึกษา(ม.6)
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0 (1)
3.แนวข้อสอบ o net สังคมศึกษา(ม.6)
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
สังคม
ข้อสอบ O net - สังคมศึกษา

What's hot (20)

PDF
ข้อสอบ O-net - สังคมศึกษา
PDF
3. ข อสอบ o net - ส-งคมศ_กษา (ม_ธยมปลาย)_0
PDF
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
PDF
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
PDF
ข้อสอบO-NET
DOC
ข้อลอบสังคม ฟรีเอนทราน ม.ปลาย
PDF
4. ข้อสอบ o net - สุขศึกษาฯ (มัธยมปลาย) 0
PDF
4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)
PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
PDF
3. ข้อสอบ o net สังคม (มัธยมต้น) (1)
PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
PDF
สังคม
PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา
PDF
4. ข้อสอบ o net - สุขศึกษาฯ (มัธยมปลาย) 0
PDF
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สังคมศึกษา
PDF
3. ข้อสอบ o net สังคม (มัธยมต้น)
PDF
M6 pe art-life
PDF
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์
PDF
สังคม
PDF
แนวข้อสอบ Onet สังคม
ข้อสอบ O-net - สังคมศึกษา
3. ข อสอบ o net - ส-งคมศ_กษา (ม_ธยมปลาย)_0
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
ข้อสอบO-NET
ข้อลอบสังคม ฟรีเอนทราน ม.ปลาย
4. ข้อสอบ o net - สุขศึกษาฯ (มัธยมปลาย) 0
4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
3. ข้อสอบ o net สังคม (มัธยมต้น) (1)
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0
สังคม
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา
4. ข้อสอบ o net - สุขศึกษาฯ (มัธยมปลาย) 0
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สังคมศึกษา
3. ข้อสอบ o net สังคม (มัธยมต้น)
M6 pe art-life
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์
สังคม
แนวข้อสอบ Onet สังคม
Ad

Similar to 3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0 (20)

PDF
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา
PDF
แนวข้อสอบ
PDF
PDF
PDF
Pat5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PDF
Pat5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PDF
Pat5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PDF
Pat5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PDF
PDF
วิชาสังคมศึกษา Onat
PDF
วิชาสังคมศึกษา Onat
PDF
M3social+science2553
PDF
ข้อสอบ 2553
PDF
Social onet
PDF
Social onet
PDF
มนุษย์ สังคม วัฒนธรรม
PDF
Pat 5
PDF
1. ข้อสอบ o net ภาษาไทย (มัธยมต้น)
PDF
โควตา มช สังคมศึกษา
3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา
แนวข้อสอบ
Pat5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
Pat5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
Pat5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
Pat5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
วิชาสังคมศึกษา Onat
วิชาสังคมศึกษา Onat
M3social+science2553
ข้อสอบ 2553
Social onet
Social onet
มนุษย์ สังคม วัฒนธรรม
Pat 5
1. ข้อสอบ o net ภาษาไทย (มัธยมต้น)
โควตา มช สังคมศึกษา
Ad

More from neenpd11 (6)

PDF
04 e
PDF
7. ข้อสอบ o net - ภาษาอังกฤษ (มัธยมปลาย)
PDF
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
PDF
4. ข้อสอบ o net - สุขศึกษาฯ (มัธยมปลาย) 0
PDF
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
PDF
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0
04 e
7. ข้อสอบ o net - ภาษาอังกฤษ (มัธยมปลาย)
5. ข้อสอบ o net - ศิลปะ (มัธยมปลาย) 0
4. ข้อสอบ o net - สุขศึกษาฯ (มัธยมปลาย) 0
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
1. ข้อสอบ o net - ภาษาไทย (มัธยมปลาย) 0

3. ข้อสอบ o net - สังคมศึกษา (มัธยมปลาย) 0

  • 1. 1 ชุดที่ 1 แนวข้อสอบO-NET วิชา สังคมศึกษา คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ทรรศนะเกี่ยวกับควำมสุขและทุกข์ของชีวิตในชมพูทวีปมีลักษณะอย่ำงไร 1. กลุ่มต่ำงๆ เชื่อว่ำไม่มีควำมสุขควำมทุกข์ มนุษย์ล้วนคิดไปเอง 2. กลุ่มต่ำงๆ เชื่อว่ำควำมสุขทำงกำยเป็นเป้ำหมำยสูงสุดของชีวิต 3. กลุ่มหนึ่งเชื่อว่ำเกิดขึ้นเอง อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่ำเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย 4. กลุ่มหนึ่งเชื่อว่ำพระเจ้ำบันดำลสุข อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่ำภูตผีสร้ำงทุกข์เข็ญ 2. กำรปฏิบัติตนของหมอชีวกโกมำรภัจจ์สอดคล้องกับคำสอนในข้อใด 1. เอำชนะคนพำลด้วยควำมเพียร 2. ใฝ่เรียนรู้ศิลปวิทยำอยู่ตลอดเวลำ 3. คบบัณฑิต บัณฑิตพำไปหำผล 4. รู้เขำรู้เรำรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง 3. บุคคลในข้อใดกล่ำวได้ว่ำเป็นผู้ปฏิบัติตนตำมกุศลวิตก 1. วิภำวำงเฉยเมื่อเพื่อนถูกดำเนินคดีในควำมผิดที่เขำก่อขึ้น 2. วินัยช่วยเหลือเพื่อนที่ถูกดำเนินคดีในควำมผิดที่เพื่อนเขำก่อขึ้น 3. วิไลชี้แนะให้เพื่อนเข้ำใจควำมผิดที่ก่อขึ้นอันเป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี 4. วิชัยขอควำมช่วยเหลือจำกผู้มีอำนำจให้เพื่อนเขำพ้นจำกคดีที่เพื่อนเขำก่อขึ้น 4. บุคคลใดปฏิบัติตนต่อพระสงฆ์ได้ถูกต้องเหมำะสมตำมหลักกำรปฏิสันถำรต่อพระสงฆ์ 1. เปิ้ลจัดรถไปรับและส่งท่ำนตำมเวลำที่นิมนต์ 2. ปัทนั่งสนทนำตรงหน้ำพระสงฆ์เมื่อท่ำนมำถึงบ้ำน 3. ปุ๋มให้พระสงฆ์นั่งอยู่รูปเดียวเพื่อควำมสงบทำงจิตใจ 4. ปอวำงเก้ำอี้สำหรับพระสงฆ์ไว้ด้ำนหลังเพื่อควำมสะดวกในกำรประกอบพิธีกรรม 5. ข้อใดแสดงควำมสัมพันธ์ของวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำกับหลักธรรมได้อย่ำงถูกต้อง 1. วันมำฆบูชำ-อริยสัจ 4 2. วันอัฏฐมีบูชำ-ไตรลักษณ์ 3. วันวิสำขบูชำ-พรหมวิหำร 4 4. วันอำสำฬหบูชำ-อริยมรรคมีองค์แปด
  • 2. 2 6. กำรปฏิบัติตนเพื่อธำรงไว้ซึ่งพุทธวัฒนธรรมในข้อใดเหมำะสมกับสถำนภำพของนักเรียนมำกที่สุด 1. กำรจัดพิธีขึ้นบ้ำนใหม่และตั้งศำลพระภูมิ 2. กำรเข้ำร่วมพิธีกรรมในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ 3. กำรเสนอพุทธศำสนสถำนในท้องถิ่นเป็นโบรำณสถำนและมรดกโลก 4. กำรรวมกลุ่มเพื่อนเพื่อช่วยกันทำนุบำรุงพุทธศำสนสถำนที่เก่ำแก่ทรุดโทรม 7. หลักคำสอนเรื่องตรีเอกำนุภำพของคริสต์ศำสนำ หมำยควำมว่ำอย่ำงไร 1. พระเป็นเจ้ำทรงมี 3 องค์ ได้แก่ พระบิดำ พระบุตร และพระจิต 2. พระเป็นเจ้ำทรงทำ 3 หน้ำที่ ได้แก่ ผู้สร้ำง ผู้รักษำ และผู้ทำลำย 3. พระเป็นเจ้ำทรงมี 3 องค์ ได้แก่ พระยะโฮวำห์ พระเยซูคริสต์ และพระแม่มำรี 4. พระเป็นเจ้ำทรงมีองค์เดียว แต่มี 3 พระบุคคล ได้แก่ พระบิดำ พระบุตร และพระจิต 8. ข้อใดต่อไปนี้กล่ำว ไม่ ถูกต้อง 1. ชำวมุสลิมทุกคนต้องทำละหมำดวันละ 5 ครั้ง 2. ชำวมุสลิมจะต้องบริจำคซะกำตในอัตรำร้อยละ 2.5 3. ชำวมุสลิมจะต้องศรัทธำต่ออัลลอฮ์องค์เดียวเท่ำนั้น 4. ชำวมุสสิลมทุกคนต้องไปประกอบพิธีฮัจญ์ปีละ 1 ครั้ง 9. บุคคลใดต่อไปนี้มี “อิสรภำพ” ตำมหลักของพระพุทธศำสนำ 1. แพรเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยครั้ง เพื่อให้ทันสมัย 2. ป่ำนเก็บเงินซื้อบ้ำนหลังใหญ่ เพื่อให้ทัดเทียมกับเพื่อนๆ 3. ปอใฝ่ฝันอยำกเป็นแพทย์เพื่อช่วยชีวิตคน จึงตั้งใจเรียนหนังสืออย่ำงมำก 4. ฝ้ำยเดินทำงไปท่องเที่ยวต่ำงประเทศบ่อยครั้ง เพื่อต้องกำรให้ผู้อื่นรู้ว่ำตนเองร่ำรวย 10. ข้อใดเป็นพุทธจริยำของพระบรมศำสดำด้ำนญำตัตถจริยำ 1. ทรงอนุญำตให้พระเทวทัตบวชได้ 2. เสด็จไปยับยั้งมิให้องคุลิมำรกระทำมำตุฆำต 3. ทรงแสดงธรรมโปรดพระสุภัททะก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพำน 4. ทรงระงับสงครำมแย่งน้ำในแม่น้ำโรหิณีระหว่ำงพระญำติทั้งสองฝ่ำย 11. ข้อใดเป็นสิ่งที่ฆรำวำสพึงกระทำต่อพระภิกษุสงฆ์ 1. ชวนพระภิกษุสงฆ์พูดคุยข่ำวในวงกำรบันเทิง 2. ซักถำมหลักธรรมที่มีควำมสงสัยให้เข้ำใจแจ้งชัด 3. ชักชวนให้พระสงฆ์ไปประท้วงขับไล่นักกำรเมือง 4. ขอให้พระภิกษุสงฆ์ตรวจดูว่ำชำติที่แล้วเกิดเป็นอะไร
  • 3. 3 12. กำรสวดมนต์ไหว้พระอย่ำงสม่ำเสมอ มีคุณค่ำและประโยชน์อย่ำงไร 1. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือยำมลำบำก 2. จิตใจมีควำมสงบ เยือกเย็น เป็นสมำธิ 3. มีอิทธิฤทธิ์บำงประกำรเกิดขึ้นกับผู้สวด 4. พระพุทธรูปที่บูชำมีควำมศักดิ์สิทธิ์มำกขึ้น 13. บุคคลใดต่อไปนี้ปฏิบัติตำมหลักธรรมพรหมวิหำร 4 1. ผกำมำศอดทนไม่โต้ตอบเพื่อนที่ชอบกลั่นแกล้งตน 2. บุปผำเห็นสุนัขจรจัดถูกรถเฉี่ยวบำดเจ็บ จึงอุ้มไปหำสัตวแพทย์ 3. บุษบำขยันหมั่นเพียรในกำรเรียน เพื่อให้สอบเข้ำมหำวิทยำลัยได้ 4. บุษบงเห็นกระเป๋ำสตำงค์ตกอยู่ แม้จะไม่มีใครอยู่แถวนั้น แต่ก็นำไปส่งตำรวจ 14. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับศำสนำสิข 1. ศูนย์กลำงของศำสนำอยู่ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซำอุดีอำระเบีย 2. ชำวสิขที่ทำพิธีล้ำงบำปแล้ว จะรับเอำ ก ทั้ง 5 ประกำร ไว้กับตน 3. ศำสดำองค์แรกคือ คุรุโควินทสิงห์ ศำสดำองค์สุดท้ำย คือ คุรุนำนัก 4. เป็นศำสนำที่เกิดขึ้นเพื่อประนีประนอมระหว่ำงคริสต์ศำสนำและศำสนำอิสลำม 15. ไอยเรศมีอำยุล่วงเข้ำสู่วัยชรำ มีควำมปรำรถนำจะบรรลุโมกษะ จึงสละกำรครองเรือน แล้วออกบวช ถือเพศพรหมจรรย์ตลอดชีวิต ไอยเรศกำลังปฏิบัติตำมขั้นตอนใดของหลักธรรมอำศรม 4 ในศำสนำ พรำหมณ์-ฮินดู 1. พรหมจำรี 2. คฤหัสถ์ 3. วำนปรัสถ์ 4. สันยำสี 16. เพรำะเหตุใดจึงกล่ำวว่ำพระพุทธศำสนำเป็นศำสนำแห่งเหตุผล 1. ถือว่ำทุกสิ่งมีเหตุและผลอยู่ในตนเอง 2. เน้นว่ำทุกสิ่งเกิดและดับตำมเหตุปัจจัย 3. ให้ควำมสำคัญกับกำรถกเถียงหำเหตุผล 4. เน้นว่ำทุกสิ่งดำเนินไปตำมเหตุปัจจัยแห่งกรรมเก่ำ 17. เพรำะเหตุใดแม้ว่ำพระอำนนท์จะออกบวชมำนำนแล้ว แต่ก็ยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ 1. ต้องโต้วำทะกับพวกเดียรถีย์บ่อยครั้ง 2. พระภิกษุรูปอื่นขัดขวำงกำรบำเพ็ญเพียร 3. ต้องเดินทำงไปประกำศพระศำสนำหลำยที่ 4. ต้องปรนนิบัติรับใช้พระพุทธเจ้ำอย่ำงใกล้ชิด
  • 4. 4 18. ขณะที่นักเรียนอ่ำนหนังสือเตรียมสอบเข้ำมหำวิทยำลัย แล้วเกิดอำกำรหดหู่ ง่วงนอน แสดงว่ำนักเรียนมี สิ่งใดขัดขวำงจิตมิให้บรรลุควำมก้ำวหน้ำ 1. วิจิกิจฉำ 2. พยำบำท 3. ถีนมิทธะ 4. อุทธัจจกุกกุจจะ 19. ข้อห้ำมมิให้พระสงฆ์ฉันอำหำรหลังเที่ยงวันไปแล้วจะปรำกฏอยู่ในคัมภีร์ใด 1. อรรถกถำ 2. พระวินัยปิฎก 3. พระสุตตันตปิฎก 4. พระอภิธรรมปิฎก 20. พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ข้อใดของคริสต์ศำสนำที่กระทำเพื่อระลึกถึงชีวิตและคำสอนของพระเยซูคริสต์ 1. พิธีศีลกำลัง 2. พิธีศีลแก้บำป 3. พิธีศีลอนุกรม 4. พิธีศีลมหำสนิท 21. ปัจจัยในข้อใดที่เป็นผลทำให้มนุษย์เป็นสัตว์สังคม 1. เป็นสัตว์เลือดอุ่น 2. มีสันชำติญำณตำมธรรมชำติที่ดี 3. มีควำมสำมำรถทำงสมองที่เป็นเลิศ 4. มีทักษะกำรต่อสู้เหนือกว่ำสัตว์ประเภทอื่น 22. ข้อใดเป็นสถำบันทำงสังคมซึ่งเป็นพื้นฐำนแรกสุดของมนุษย์ 1. สถำบันศำสนำ 2. สถำบันเศรษฐกิจ 3. กำรสถำบันครอบครัว 4. สถำบันกำรเมืองกำรปกครอง 23. ข้อใดเกี่ยวข้องกับสถำบันกำรเมืองกำรปกครองโดยตรง 1. ผลิตสินค้ำบริโภค 2. ขัดเกลำสมำชิกของสังคม 3. เผยแพร่ข่ำวสำรสู่สำธำรณะ 4. บริหำรประเทศตำมนโยบำย 24. ข้อใดเป็นลักษณะของสถำนภำพสัมฤทธิ์ 1. แก้วได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดกำรแผนก 2. นิดเป็นลูกของนักธุรกิจชื่อดังในประเทศไทย 3. เตยมีผิวขำว ผมเหยียดตรงสีดำ และมีปำนที่แขนข้ำงซ้ำย 4. จอมเกิดวันที่ 10 มกรำคม พ.ศ. 2525 ที่โรงพยำบำลศิริรำช 25. วัฒนธรรมไทยในข้อใดเป็นของภำคใต้ 1. งำนบุญบั้งไฟ 2. ประเพณีผีตำโขน 3. ประเพณีกำรรำโนรำ 4. กำรแสดงหมอลำซิ่ง
  • 5. 5 26. กำรรับวัฒนธรรมต่ำงชำติมำใช้ควรคำนึงถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ 1. เลือกวัฒนธรรมที่ตนเองชอบ 2. เลือกวัฒนธรรมที่คนทั่วไปนิยม 3. รับวัฒนธรรมต่ำงชำติมำทั้งหมด 4. เลือกวัฒนธรรมที่มีประโยชน์นำมำปรับใช้ 27. วัฒนธรรมสำกลในข้อใดที่มีควำมสำคัญต่อกำรดำเนินชีวิตของเรำมำกที่สุด 1. แฟชั่น 2. อินเทอร์เน็ต 3. กำรใช้ของรำคำแพง 4. กำรรับประทำนอำหำรตะวันตก 28. กำรปฏิบัติในข้อใดคือบทบำทสำคัญของนักเรียนในกำรเป็นสมำชิกที่ดีของครอบครัว 1. เชื่อฟังพ่อแม่ ตั้งใจเรียน 2. สืบสำนประเพณีและวัฒนธรรมไทย 3. ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งทุกครั้ง 4. ติดตำมข่ำวสำรและเข้ำร่วมกิจกรรมทำงกำรเมือง 29. สภำพของชุมชนใดที่แสดงให้เห็นว่ำมีสมำชิกของชุมชนที่ดี 1. สมำชิกชุมชนรักสันโดษ 2. สมำชิกชุมชนมีฐำนะร่ำรวย 3. สมำชิกชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน 4. สมำชิกชุมชนต่ำงคนต่ำงอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน 30. ผู้ใดถือได้ว่ำปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชำติและสังคมโลก 1. ตุ๊กชอบลอกข้อสอบในห้องเรียน 2. นิดรับฟังควำมคิดเห็นที่แตกต่ำงของเพื่อน 3. แอ๊ดนิยมใช้ควำมรุนแรงในกำรแก้ไขปัญหำ 4. ทรำยให้กำรยอมรับนับถือคนที่มีฐำนะร่ำรวย 31. สุเมทเสียภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำตำมจำนวนทุกปี กำรกระทำของสุเมท เป็นบทบำทหน้ำที่ของ พลเมืองดีในด้ำนใด 1. ด้ำนกำรกุศล 2. ด้ำนกำรเมือง 3. ด้ำนเศรษฐกิจ 4. ด้ำนสังคมและวัฒนธรรม 32. แนวควำมคิดเกี่ยวกับปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชำชำติเกิดขึ้นหลังจำกเหตุกำรณ์ใด สิ้นสุดลง 1. สงครำมเวียดนำม 2. สงครำมโลกครั้งที่ 1 3. สงครำมโลกครั้งที่ 2 4. สงครำมอ่ำวเปอร์เซีย
  • 6. 6 33. ในปัจจุบัน ประเทศไทยเข้ำร่วมเป็นภำคีพันธกรณีกับปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชนทั้งหมด กี่ฉบับ 1. 3 ฉบับ 2. 4 ฉบับ 3. 5 ฉบับ 4. 6 ฉบับ 34. แนวคิดใดขัดแย้งกับหลักสิทธิมนุษยชน 1. ผู้ชำยย่อมเก่งกว่ำผู้หญิง 2. เด็กจำเป็นต้องได้รับกำรศึกษำเหมำะสมตำมวัย 3. คนจนมีสิทธิเข้ำถึงบริกำรสำธำรณสุขที่มีมำตรฐำน 4. ผู้พิกำรต้องได้รับคุณภำพชีวิตที่ดีเท่ำเทียมคนทั่วไป 35. อำนำจใดคืออำนำจสูงสุดในกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย 1. อำนำจทหำร 2. อำนำจอธิปไตย 3. อำนำจเผด็จกำร 4. อำนำจทำงกำรเงิน 36. ข้อใดคือหลักกำรของระบอบเผด็จกำร 1. ผู้นำมำจำกกำรเลือกตั้ง 2. สื่อมวลชนไม่ถูกแทรกแซง 3. ประชำชนมีอิสระทำงกำรเมือง 4. อำนำจเด็ดขำดอยู่ที่ผู้นำเท่ำนั้น 37. ข้อใดคือองค์กรอิสระ ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 1. กรมกำรค้ำภำยใน 2. ผู้ตรวจกำรแผ่นดิน 3. สำนักนำยกรัฐมนตรี 4. สำนักงำนประกันสังคม 38. ข้อใดเป็นบทบำทหน้ำที่ของพรรคกำรเมือง 1. ควบคุมกำรจัดกำรเลือกตั้ง 2. ตัดสินคดีควำมขัดแย้งภำยในรัฐบำล 3. อนุมัติงบประมำณประจำปีแก่กระทรวง 4. วำงนโยบำยเพื่อแก้ไขปัญหำของประเทศ 39. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เท่ำใดของประเทศไทย 1. ฉบับที่ 16 2. ฉบับที่ 17 3. ฉบับที่ 18 4. ฉบับที่ 19 40. ข้อใดคือควำมสำคัญของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย 1. มีบทบัญญัติหลำยมำตรำ 2. คุ้มครองสิทธิและเสรีภำพของชนชำวไทย 3. เป็นหลักประกันควำมมั่งคั่งของประเทศ 4. ช่วยให้ประชำชนภำยในประเทศเป็นพลเมืองดี
  • 7. 7 41. สภำผู้แทนรำษฎรประกอบด้วยสมำชิกจำนวนกี่คน 1. 200 คน 2. 300 คน 3. 400 คน 4. 500 คน 42. หน่วยงำนใด มีบทบำทหน้ำที่โดยตรงเกี่ยวกับกำรจัดกำรเลือกตั้ง 1. กกต. 2. คตง. 3. ปปส. 4. คตส. 43. กำรทำบัตรประชำชนเป็นกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใด 1. กฎหมำยทรัพย์สิน 2. กฎหมำยเรื่องบุคคล 3. กฎหมำยเรื่องครอบครัว 4. กฎหมำยเรื่องกำรละเมิด 44. ข้อใดถือเป็นอสังหำริมทรัพย์ 1. เรือ 2. รถยนต์ 3. บ้ำนพร้อมที่ดิน 4. เครื่องปรับอำกำศ 45. ข้อใดเป็นกำรลงโทษทำงอำญำในระดับเบำที่สุด 1. ปรับ 2. จำคุก 3. กักขัง 4. ริบทรัพย์สิน 46. ข้อใดเป็นปัญหำพื้นฐำนทำงเศรษฐกิจของทุกประเทศ 1. คุณภำพของผลผลิต กำรกระจำยสินค้ำและบริกำร ต้นทุนกำรผลิต 2. กำรเลือกผลิตสินค้ำและบริกำร ต้นทุนกำรผลิต กำรขำดแคลนเงินทุน 3. กำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติ กำรขำดแคลนเงินทุน กำรเลือกวิธีกำรผลิต 4. กำรเลือกผลิตสินค้ำและบริกำร กำรเลือกวิธีกำรผลิต กำรกระจำยสินค้ำและบริกำร 47. “สามารถแก้ไขความไม่ยุติธรรมในสังคมได้มาก และลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างประชาชนใน ชาติ” เป็นข้อดีของระบบเศรษฐกิจในข้อใด 1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม 2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม 3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม 4. เศรษฐกิจพอเพียง 48. “เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทากิน มีอิสระในการกาหนดราคาผลผลิตทางการเกษตรของตนเอง แต่ เมื่อราคาผลผลิตตกต่า เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ภาครัฐต้องเข้าไปแทรกแซง โดยการประกันราคา พืชผล” เหตุกำรณ์ดังกล่ำวจะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจแบบใด 1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม 2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม 3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม 4. เศรษฐกิจพอเพียง
  • 8. 8 49. ข้อใดเป็นควำมได้เปรียบของระบบเศรษฐกิจแบบผสมที่มีเหนือระบบเศรษฐกิจแบบอื่น 1. บทบำทของรัฐบำลและเอกชนในกำรประกอบกิจกรรมทำงเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนได้ตำมควำม เหมำะสม 2. รัฐบำลและเอกชนต่ำงมีบทบำทในทำงกำรค้ำและกำรลงทุนได้ทัดเทียมกัน 3. รัฐบำลและเอกชนต่ำงร่วมกันจัดสวัสดิกำรตำมควำมต้องกำรของประชำชนได้มำกขึ้น 4. รัฐบำลและเอกชนสำมำรถใช้กลไกรำคำเป็นเครื่องมือสำคัญในกำรตัดสินใจประกอบธุรกิจ 50. กำรรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงำนที่ให้บริกำรด้ำนกำรขนส่ง จัดอยู่ในระบบตลำดแบบใด 1. ตลำดผูกขำด 2. ตลำดกึ่งผูกขำด 3. ตลำดผู้ขำยน้อยรำย 4. ตลำดแข่งขันสมบูรณ์ 51. หำกร้ำนจัดดอกไม้รับพนักงำนที่จบสำขำคหกรรมในระดับปริญญำตรีเข้ำทำงำนและต้องจ้ำงในอัตรำ เงินเดือน เดือนละ 15,000 บำท ส่งผลให้เกิดปรำกฏกำรณ์ตำมข้อใด 1. อุปสงค์เพิ่ม 2. อุปสงค์ลด 3. อุปทำนเพิ่ม 4. อุปทำนลด 52. ปัจจัยในข้อใดส่งผลให้ผู้ผลิตตัดสินใจเพิ่มปริมำณกำรผลิต 1. ธนำคำรปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้ 2. ปรับอัตรำค่ำจ้ำงแรงงำนขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 3. รำคำของวัตถุดิบที่ใช้ในกำรผลิตลดต่ำลง 4. รำคำของสินค้ำที่ทดแทนกันได้ลดต่ำลง 53. ณ ระดับรำคำดุลยภำพปรำกฏว่ำชำวไร่อ้อยเดือดร้อน จึงทำให้รัฐบำลจำเป็นต้องเข้ำช่วยหลือโดย กำหนดรำคำประกัน ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้อง 1. รัฐบำลจะต้องรับซื้ออ้อยส่วนเกินจำกชำวไร่อ้อย 2. ชำวไร่อ้อยจะต้องจัดสรรโควตำขำยให้โรงงำนน้ำตำล 3. โรงงำนน้ำตำลจะซื้ออ้อยได้ในรำคำต่ำกว่ำรำคำดุลยภำพ 4. โรงงำนน้ำตำลจะรวมตัวกันต่อรองรำคำรับซื้ออ้อยในรำคำตลำด 54. กำรนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มำใช้ในภำคอุตสำหกรรม ทำให้ประเทศไทยต้องประสบปัญหำใดในปัจจุบัน เพรำะเหตุใด 1. ดุลกำรชำระเงินขำดดุล เพรำะต้องใช้เงินตรำต่ำงประเทศมำกขึ้นในกำรนำเข้ำเทคโนโลยี 2. ผลผลิตสินค้ำอุตสำหกรรมมีรำคำสูงขึ้น เพรำะผู้ผลิตมีอำนำจผูกขำดในกำรกำหนดรำคำมำกขึ้น 3. มลพิษทำงอำกำศและทำงน้ำ เพรำะเกิดจำกกำรผลิตและกำรบริโภคสินค้ำอุตสำหกรรมมำกขึ้น 4. ขำดแคลนบุคลำกรทำงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี เพรำะขำดงบประมำณในกำรพัฒนำกำรศึกษำ
  • 9. 9 55. เกษตรทฤษฎีใหม่ขั้นต้นมีจุดมุ่งหมำยสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหำใดให้เกษตรกร 1. กำรสูญเสียที่ดินทำกิน 2. กำรหำช่องทำงขยำยตลำด 3. กำรขำดกำรรวมกลุ่มเพื่อผลิตสินค้ำ 4. กำรเพำะปลูกพืชเศรษฐกิจได้ผลผลิตน้อย 56. หลักกำรสหกรณ์กับปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงมีควำมสอดคล้องกันในเรื่องใด 1. กำรยึดแนวทำงกำรพึ่งตนเอง 2. กำรร่วมมือร่วมใจกันในสังคมระดับท้องถิ่น 3. กำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรให้เกิดประโยชน์สูงสุด 4. กำรทำกิจกรรมเศรษฐกิจเฉพำะกับสมำชิกหรือคนในชุมชนเดียวกัน 57. กำรดำเนินงำนของสหกรณ์ข้อใดที่แสดงให้เห็นถึงกำรนำหลักประชำธิปไตยมำใช้ 1. ดำเนินงำนโดยอิสระ 2. จดทะเบียนนิติบุคคล 3. เปิดรับสมำชิกด้วยควำมสมัครใจ 4. ไม่ว่ำจะถือหุ้นกี่หุ้นก็ออกเสียงได้เพียง 1 เสียง 58. ข้อใดแสดงว่ำเงินทำหน้ำที่ในกำรวัดมูลค่ำ 1. ส้มมีเงินแค่ 20บำท ซื้อข้ำวสำรได้ไม่ถึง 1 กิโลกรัม 2. อ้อยเขียนเช็คส่วนตัวซื้อนำฬิกำข้อมือ 1 เรือน รำคำเรือนละ 30,000 บำท 3. โอนำธนบัตรไทยชนิดรำคำ 100 บำท ไปแลกธนบัตรรำคำ 50บำท ได้ 2 ใบ 4. น้อยซื้อโทรทัศน์ 1 เครื่อง โดยกำรผ่อนชำระ 6 งวด งวดละ 10,000 บำท 59. เมื่อเปรียบเทียบระหว่ำงธนบัตรใบละ 1,000 บำท กับสร้อยคอทองคำหนัก 1 บำท สินทรัพย์ใดมีสภำพ คล่องสูงกว่ำ เพรำะเหตุใด 1. ธนบัตร เพรำะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปต้องกำร 2. ธนบัตร เพรำะนำไปแลกกับสิ่งอื่นๆ ได้ทันที 3. สร้อยคอทองทำ เพรำะสำมำรถนำไปขำยต่อได้รวดเร็ว 4. สร้อยคอทองคำ เพรำะมีมูลค่ำสูงกว่ำธนบัตร 1,000 บำท 60. ถ้ำปริมำณเงินหมุนเวียนในประเทศเพิ่มมำกขึ้น ทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจอย่ำงไร 1. กำรลงทุนลดลง 2. อัตรำดอกเบี้ยสูงขึ้น 3. มีกำรจ้ำงงำนเพิ่มมำกขึ้น 4. เอกชนสำมำรถลงทุนได้อย่ำงเสรี
  • 10. 10 61. สภำพกำรณ์ใดบ่งบอกว่ำเกิดภำวะเงินเฟ้อขึ้นในระบบเศรษฐกิจ 1. ประชำชนมีรำยได้ที่แท้จริงเพิ่มขึ้น 2. สินค้ำและบริกำรต่ำงๆ มีรำคำสูงขึ้น 3. อำนำจซื้อของเงินที่มีอยู่ในมือของประชำชนลดลง 4. เงินจำนวนเท่ำเดิมไม่สำมำรถซื้อสินค้ำและบริกำรตำมที่ต้องกำรได้ 62. กำรดำเนินกำรในข้อใดช่วยแก้ไขปัญหำเงินเฟ้อได้ 1. ลดอัตรำเงินสดสำรองตำมกฎหมำย 2. ธนำคำรกลำงประกำศรับซื้อคืนพันธบัตร 3. เพิ่มอัตรำซื้อลดตั๋วเงินจำกธนำคำรพำณิชย์ 4. ผ่อนคลำยกำรกำกับแผนกำรปล่อยสินเชื่อของธนำคำรพำณิชย์ 63. ถ้ำคำดว่ำอัตรำเงินเฟ้อจะสูงขึ้นต่อไปอีก ธนำคำรกลำงจะต้องดำเนินมำตรกำรใดเพื่อชะลอเงินเฟ้อ 1. ลดอัตรำค่ำจ้ำง 2. ลดอัตรำดอกเบี้ยนโยบำย 3. ขึ้นอัตรำภำษีดอกเบี้ยเงินฝำกกับธนำคำรพำณิชย์ 4. ขึ้นอัตรำรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญำใช้เงินจำกธนำคำรพำณิชย์ 64. ถ้ำเกิดสภำวะเงินฝืดจะส่งผลต่อประชำชนอย่ำงไร 1. ประชำชนใช้จ่ำยเงินมำกขึ้น 2. ประชำชนเสียภำษีให้รัฐมำกขึ้น 3. ประชำชนมีอัตรำกำรว่ำงงำนสูง 4. ประชำชนมีเงินหมุนเวียนในมือสูง 65. ในภำวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบำลควรมีมำตรกำรทำงกำรคลังอย่ำงไร 1. เก็บภำษีเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มเงินคงคลัง 2. ใช้จ่ำยให้มำกขึ้น เพื่อกระตุ้นกำรผลิต 3. กู้ยืมน้อยลง เพื่อลดภำระงบประมำณ 4. ชะลอกำรปล่อยสินเชื่อ เพื่อลดหนี้ของประชำชน 66. ข้อใดแสดงว่ำประเทศมีควำมเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจ 1. สัดส่วนของคนยำกจนต่อประชำกรลดลง 2. รำยได้เฉลี่ยต่อหัวของประชำกรสูงขึ้น 3. ประชำกรมีสินค้ำที่ผลิตจำกเทคโนโลยีสมัยใหม่บริโภคมำกขึ้น 4. ประเทศประสบควำมสำเร็จในกำรแก้ปัญหำมลพิษและสิ่งแวดล้อม
  • 11. 11 67. ข้อใดถือว่ำเป็นมำตรกำรของนโยบำยกำรค้ำเสรี 1. เก็บภำษีขำเข้ำในอัตรำต่ำ 2. ให้เงินอุดหนุนผู้ผลิตในประเทศ 3. ไม่เก็บภำษีสินค้ำที่ส่งไปขำยประเทศยำกจน 4. ให้นำเข้ำสินค้ำจำกประเทศต่ำงๆ ได้ทุกชนิด 68. ถ้ำปัจจุบันประเทศไทยยังใช้ระบบศักรำชแบบรัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ.) ปีพุทธศักรำช 2555จะตรงกับ รัตนโกสินทร์ศกใด 1. ร.ศ. 224 2. ร.ศ. 225 3. ร.ศ. 227 4. ร.ศ. 231 69.หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ในข้อใดที่บ่งบอกพัฒนำกำรอำณำจักรโบรำณในดินแดนประเทศไทยก่อน สมัยสุโขทัย 1. ตำนำน 2. ศิลำจำรึก 3. พงศำวดำร 4. โบรำณสถำน 70. ข้อใดเป็นจุดเริ่มต้นยุคประวัติศำสตร์ 1. กำรรู้จักใช้ไฟ 2. รู้จักตั้งถิ่นฐำน 3. รู้จักกำรเพำะปลูก 4. รู้จักบันทึกข้อควำม 71. ผลกำรศึกษำทำงประวัติศำสตร์ในอดีตอำจเปลี่ยนแปลงไปได้จำกปัจจัยใด 1. กำรตั้งประเด็นคำถำมของผู้ศึกษำ และกำรค้นพบหลักฐำนใหม่ 2. กำรสังเครำะห์ผลกำรศึกษำเดิมและกำรนำเสนอผลกำรศึกษำในรูปแบบใหม่ 3. กำรบูรณะแหล่งข้อมูลทำงประวัติศำสตร์ และกำรตีควำมในมุมมองใหม่ของผู้ศึกษำ 4. กำรขึ้นทะเบียนโบรำณสถำนเป็นมรดกโลกและกำรศึกษำแนวทำงกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 72. พระรำชพงศำวดำรสมัยอยุธยำฉบับใดที่นักประวัติศำสตร์ยอมรับว่ำมีข้อมูลถูกต้องที่สุด 1. ฉบับบริติชมิวเซียม 2. ฉบับพันจันทนุมำศ (เจิม) 3. ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ 4. ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ 73. กำรใช้หลักฐำนที่บันทึกโดยชำวต่ำงชำติในกำรศึกษำประวัติศำสตร์มีข้อจำกัดในเรื่องใด 1. กำรมีจุดมุ่งหมำยที่แตกต่ำงกันของชนชำติต่ำงๆ 2. ควำมรู้ควำมเข้ำใจลักษณะทำงสังคมของผู้บันทึก 3. กำรบันทึกในลักษณะตำนำนหรือนิทำนของชำติตะวันตก 4. ควำมคิดเห็นที่น่ำสนใจจำกผู้บันทึกที่มีภูมิหลังแตกต่ำงกัน 74. ข้อมูลใดเป็นพื้นฐำนสำคัญของแนวคิดถิ่นเดิมของชนชำติไทยอยู่ทำงตอนใต้ของจีน 1. ภำษำ 2. กำยวิภำค 3. กลุ่มเลือด 4. หลักฐำนจีน
  • 12. 12 75. แนวคิดที่ว่ำถิ่นเดิมของชนชำติไทยอยู่บริเวณหมู่เกำะแถบเส้นศูนย์สูตรของภูมิภำคขัดกับหลักกำรทำง มำนุษยวิทยำในข้อใด 1. กำรตั้งถิ่นฐำนและกำรอพยพ 2. กำรรวมกลุ่มและกำรแบ่งชนชั้น 3. ควำมเป็นมำทำงภำษำพูดและกำรประดิษฐ์ตัวอักษร 4. ควำมอุดมสมบูรณ์ของทรัพยำกรและกำรจัดกำรทรัพยำกร 76.ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องเกี่ยวกับกำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครอง พ.ศ. 2475 1. กำรมีแนวคิดเรื่องสิทธิ เสรีภำพและควำมเสมอภำคของคณะรำษฎร 2. ควำมร่วมมือของรำษฎรส่วนใหญ่ทำให้ไม่เกิดเหตุกำรณ์รุนแรง 3. กำรเรียกร้องประชำธิปไตยและรัฐธรรมนูญของพลเมือง 4. ควำมพร้อมของประชำชนที่มีในกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย 77. พระรำชนิพนธ์ เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของพระมหำธรรมรำชำที่ 1 (ลิไทย) ได้รับอิทธิพลจำกแนวคิดใด เป็นหลัก 1. ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู 2. พระพุทธศำสนำลัทธิวัชรยำน 3. พระพุทธศำสนำลัทธิลังกำวงศ์ 4. พระพุทธศำสนำลัทธิสยำมวงศ์ 78. กฎหมำยตรำสำมดวงเกิดจำกกำรตรวจชำระและรวบรวมกฎหมำยขึ้นใหม่ในรัชกำลใด 1. สมเด็จพระบรมไตรโลกนำถ 2. สมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช 3. พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลก 4. พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว 79. กำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครองใน พ.ศ. 2475ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงหลำยประกำร ยกเว้น ข้อใด 1. รูปแบบของรัฐ 2. ผู้บริหำรประเทศ 3. ระบอบกำรปกครอง 4. เจ้ำของอำนำจอธิปไตย 80. กิจกรรมในข้อใดเป็นกำรผสำนภูมิปัญญำไทยกับสถำนกำรณ์ปัจจุบัน 1. กำรประกวดนักออกแบบผ้ำไทยร่วมสมัย 2. กำรจัดนิทรรศกำรภูมิปัญญำด้ำนกำรดำรงชีวิตของท้องถิ่น 3. กำรส่งเสริมกำรใช้สมุนไพรในกำรป้องกันและรักษำโรค 4. กำรศึกษำค้นคว้ำด้ำนนำฏศิลป์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์
  • 13. 13 81. ควำมนิยมงำนศิลปะปูนปั้นรูปพระนำรำยณ์ทรงครุฑประดับหน้ำบันโบสถ์วิหำรในสมัยอยุธยำสะท้อน คติควำมเชื่อในเรื่องใด 1. ควำมเชื่อเรื่องภพ-ภูมิต่ำงๆ 2. พระมหำกษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ 3. ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู มีอิทธิพลเหนือพระพุทธศำสนำ 4. พระรำชอำนำจของพระมหำกษัตริย์เหนือเมืองประเทศรำชทั้งปวง 82. “...ถ้าเราขาดสุโขทัยอยุธยา และกรุงเทพฯ แล้วประเทศไทยก็คงไม่มีความหมาย...” พระรำชดำรัส ดังกล่ำวส่งเสริมแนวคิดในเรื่องใด 1. ควำมเป็นมำอันยำวนำนของประวัติศำสตร์ไทย 2. กำรมีจิตสำนึกรักชำติจำกกำรศึกษำประวัติศำสตร์ 3. ควำมสำคัญของประวัติศำสตร์และวัฒนธรรมกับควำมเป็นชำติ 4. กำรมีพัฒนำกำรอย่ำงต่อเนื่องของรัฐไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 83. ศักรำชแบบใดที่นิยมใช้กันแพร่หลำยมำกที่สุด 1. จุลศักรำช 2. พุทธศักรำช 3. คริสต์ศักรำช 4. ฮิจเรำะห์ศักรำช 84. สมัยประวัติศำสตร์ของโลกตะวันตกเริ่มที่แหล่งอำรยธรรมใด 1. อำรยธรรมกรีก 2. อำรยธรรมโรมัน 3. อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ 4. อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีส 85. เริ่มสมัยอำณำจักรอยุธยำ พ.ศ. 1893 ตรงกับกำรเกิดเหตุกำรณ์ใดในยุโรป 1. กำรสำรวจทำงทะเล 2. กำรฟื้นฟูศิลปวิทยำกำร 3. โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกำ 4. กำรสิ้นสุดจักรวรรดิโรมันตะวันตก 86. ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จำกวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ 1. ได้องค์ควำมรู้ใหม่ที่น่ำเชื่อถือกว่ำเดิม 2. ได้องค์ควำมรู้ใหม่ที่โดดเด่นไม่เหมือนคนอื่น 3. ประเมินควำมรู้ควำมเข้ำใจของผู้ศึกษำประวัติศำสตร์ 4. ประเมินคุณค่ำของข้อมูลเดิมว่ำถูกต้องน่ำเชื่อถือหรือไม่ 87. เพรำะเหตุใดนักประวัติศำสตร์มักตีควำมข้อมูลจำกหลักฐำนชิ้นเดียวกันแตกต่ำงกัน 1. มีควำมเชื่อต่ำงกัน 2. มีควำมสนใจต่ำงกัน 3. มีจุดประสงค์ที่ต่ำงกัน 4. มีควำมรู้ควำมสำมำรถต่ำงกัน 88. ข้อจำกัดสำคัญในกำรศึกษำประวัติศำสตร์สำกลคืออะไร 1. มีหลักฐำนจำนวนมำก 2. หลักฐำนอยู่ที่ต่ำงประเทศ 3. ขำดเพื่อนร่วมศึกษำด้วยกัน 4. ศึกษำยำกเพรำะมีควำมรู้น้อย
  • 14. 14 89. เพรำะเหตุใดจึงถือว่ำประมวลกฎหมำยของพระเจ้ำฮัมมูรำบีเป็นมรดกทำงอำรยธรรมชิ้นสำคัญของโลก 1. เป็นประมวลกฎหมำยฉบับแรกของโลก 2. มีบทลงโทษที่รุนแรงซึ่งช่วยลดจำนวนผู้เป็นภัยต่อสังคม 3. เป็นเครื่องแสดงว่ำอำนำจรัฐเข้มแข็งพอที่จะบังคับพลเมืองได้แล้ว 4. เป็นแบบอย่ำงของควำมพยำยำมที่จะให้เกิดควำมยุติธรรมในกำรปกครอง 90. สำเหตุสำคัญที่ทำให้อำรยธรรมอียิปต์พัฒนำอย่ำงมีเอกภำพคือข้อใด 1. มีกำรนับถือเทพเจ้ำองค์เดียว 2. ยึดถืออำรยธรรมเดิมตำมบรรพบุรุษ 3. ไม่มีชนชำติอื่นมำปะปนในอำณำจักร 4. มีสภำพภูมิศำสตร์ที่ป้องกันกำรรุกรำนจำกภำยนอก 91. สิ่งก่อสร้ำงของอำรยธรรมโรมันให้ควำมสำคัญต่อเรื่องใด 1. ควำมสวยงำม 2. ประโยชน์ใช้สอย 3. ควำมเชื่อทำงศำสนำ 4. ใช้วัสดุที่ประหยัดค่ำใช้จ่ำย 92. กำรปฏิวัติอุตสำหกรรมในเรื่องใดส่งผลให้เกิดโลกำภิวัตน์ในปัจจุบัน 1. กำรสื่อสำร 2. กำรผลิตสินค้ำ 3. กำรคมนำคม 4. กำรบริโภคสินค้ำ 93. แม้ว่ำควำมขัดแย้งจะก่อให้เกิดกำรสูญเสียมำกมำยแต่มีประโยชน์ในเรื่องใด 1. ช่วยลดประชำกรโลก 2. กระตุ้นให้เกิดกำรพัฒนำวิทยำกำร 3. ทำลำยอำรยธรรมเก่ำๆ ที่ล้ำสมัย 4. เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่ำงรวดเร็ว 94. เหตุกำรณ์ 11กันยำยน เป็นตัวอย่ำงหนึ่งของกำรก่อกำรร้ำยที่มีจุดประสงค์ใด 1. เรียกค่ำคุ้มครองจำกสหรัฐอเมริกำ 2. ต่อต้ำนกำรใช้อำนำจของสหรัฐอเมริกำ 3. ต้องกำรทำสงครำมศำสนำกับสหรัฐอเมริกำ 4. ตอบโต้ที่สหรัฐอเมริกำปรำบปรำมกลุ่มก่อกำรร้ำย 95. ข้อใดคือปัญหำควำมร่วมมือในอำเซียน 1. แข่งขันกันพัฒนำ 2. นับถือศำสนำต่ำงกัน 3. เป็นศัตรูกันมำก่อน 4. มีระบอบกำรปกครองต่ำงกัน
  • 15. 15 96. ข้อใดคือวิธีแก้ไขปัญหำโลกร้อนที่มีประสิทธิภำพที่สุด 1. ร่วมกันปลูกต้นไม้สร้ำงควำมร่มรื่น 2. ใช้ทรัพยำกรต่ำงๆ อย่ำงประหยัดและคุ้มค่ำ 3. ติดตั้งกระจกเพื่อสะท้อนแสงอำทิตย์กลับไป 4. เปิดเครื่องทำควำมเย็นเพื่อคลำยควำมร้อนให้โลก 97. ข้อใด ไม่ใช่ แนวโน้มของสถำนกำรณ์สำคัญของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 1. เกิดภำวะขำดแคลนแรงงำน 2. กำรก่อกำรร้ำยจะมีมำกขึ้น 3. ค่ำครองชีพของมนุษย์จะสูงขึ้น 4. เกิดภัยธรรมชำติที่รุนแรงบ่อยครั้งขึ้น 98. ข้อใดคือกำรจำแนกประเภทของเครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ตำมหน้ำที่กำรใช้งำนที่ถูกต้อง 1. รวบรวมข้อมูล ให้ข้อมูล 2. ให้ข้อมูลวิเครำะห์ข้อมูล 3. วิเครำะห์ข้อมูล สังเครำะห์ข้อมูล 4. สังเครำะห์ข้อมูลรวบรวมข้อมูล 99. บุคคลในข้อใดน่ำจะเป็นผู้ใช้แผนที่ได้อย่ำงชำนำญที่สุด 1. โป้งมีควำมรู้เรื่องแผนที่เป็นอย่ำงดี 2. กลำงรวบรวมแผนที่เฉพำะเรื่องไว้อย่ำงหลำกหลำย 3. นำงสอบได้คะแนนสูงสุดในเรื่องแผนที่และเครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ 4. ก้อยใช้แผนที่ในกำรดำเนินชีวิตและกำรศึกษำข้อมูลต่ำงๆ เพื่อประโยชน์ในกำรเรียนรู้อยู่เสมอ 100. ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นิยมใช้รูปถ่ำยทำงอำกำศแนวดิ่งมำจัดทำแผนที่คืออะไร 1. ควำมชัดเจน 2. ควำมสวยงำม 3. มำตรำส่วนคงที่ 4. สีและรูปร่ำงต่ำงๆ 101. กำรสำรวจข้อมูลของภูมิสำรสนเทศศำสตร์ชนิดใดแตกต่ำงจำกข้ออื่น 1. ภำพจำกดำวเทียม 2. กำรรับรู้จำกระยะไกล 3. ระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ 4. ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก 102. ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องเกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ 1. ข้อมูลเป็นเชิงตัวเลขและกำรเปลี่ยนแปลงทำงสถิติ 2. วิเครำะห์ข้อมูลจำกฐำนข้อมูลเพียงชั้นเดียวหรือหลำยชั้น 3. บุคลำกรเป็นผู้วิเครำะห์ข้อมูลด้วยสำยตำและกำรคำนวณทำงสถิติ 4. ส่วนเครื่อง คือ เครื่องรับระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกและภำพจำกดำวเทียม
  • 16. 16 103. ข้อมูลที่ใช้ในกำรพยำกรณ์อำกำศของพื้นที่หนึ่งๆ มำจำกหลักกำรทำงำนของดำวเทียมในข้อใด 1. ดำวเทียมคงที่ 2. ดำวเทียมพลังงำนธรรมชำติ 3. ดำวเทียมพลังงำนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำ 4. ดำวเทียมโคจรรอบโลกในแนวเหนือ-ใต้ 104. ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกเกิดจำกกิจกำรด้ำนใด 1. กำรทหำร 2. กำรสำรวจทิศทำง 3. กำรป้องกันภัยพิบัติ 4. กำรช่วยเหลือผู้ประสบภัย 105. ระยะเวลำกลำงวันและกลำงคืนที่เท่ำกันของพื้นที่ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้จะเกิดขึ้นในวันใด 1. วันวสันตวิษุวัต วันศำรทวิษุวัต 2. วันศำรทวิษุวัต วันครีษมำยัน 3. วันเหมำยัน วันวสันตวิษุวัต 4. วันครีษมำยัน วันเหมำยัน 106. ถ้ำนักเรียนต้องกำรชมปรำกฏกำรณ์พระอำทิตย์เที่ยงคืนควรเดินทำงไปยังประเทศใด ณ ช่วงเดือนใด 1. ประเทศอำร์เจตินำ เดือนมิถุนำยน 2. ประเทศแคนำดำ เดือนมิถุนำยน 3. ประเทศชิลี เดือนกรกฎำคม 4. ประเทศจีน เดือนกรกฎำคม 107. กำรเกิดแผ่นดินไหวสอดคล้องกับบริเวณที่เป็นแนวรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกอย่ำงไร 1. จุดศูนย์กลำงมีแรงสั่นไหวมำก 2. กำรเคลื่อนตัวในรูปแบบต่ำงๆ 3. หินหนืดที่พุขึ้นกลำยเป็นเทือกเขำ 4. ควำมสั่นไหวก่อให้เกิดระลอกคลื่น 108. วัฏจักรทำงอุทกวิทยำเกิดขึ้นโดยมีปัจจัยใดเป็นสำคัญ 1. กำรกลั่น 2. ควำมชื้น 3. ควำมร้อน 4. กำรโน้มถ่วง 109. ข้อใดกล่ำวถึงแหล่งที่มำของกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นที่ไหลเวียนในมหำสมุทรของโลกได้ ถูกต้อง 1. เขตศูนย์สูตร เขตขั้วโลก 2. เขตเทือกเขำ เขตศูนย์สูตร 3. เขตขั้วโลก เขตที่รำบลุ่มน้ำขนำดใหญ่ 4. เขตที่รำบลุ่มน้ำขนำดใหญ่ เขตเทือกเขำ
  • 17. 17 110. ลักษณะภูมิประเทศในข้อใดเหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำขนส่งสินค้ำทำงทะเลมำกที่สุด 1. ดินดอนสำมเหลี่ยมปำกแม่น้ำ 2. ที่รำบรอบทะเลสำบรูปแอก 3. พื้นที่ชำยฝั่งที่คลื่นลมสงบ 4. ชำยฝั่งของฟีออร์ด 111. หำกนักเรียนต้องกำรศึกษำลักษณะทำงภูมิศำสตร์ที่เหมำะสมต่อกำรทำสวนผลไม้เมืองร้อน นักเรียน ควรไปยังภำคใด 1. ภำคเหนือ 2. ภำคกลำง 3. ภำคตะวันตก 4. ภำคตะวันออก 112. ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องเกี่ยวกับควำมสัมพันธ์ของลักษณะทำงภูมิศำสตร์กับลักษณะทำงเศรษฐกิจของ ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ 1. มีควำมแห้งแล้ง ไม่สำมำรถปลูกไม้ผลได้ 2. มีอำกำศค่อนข้ำงเย็นทำงตอนเหนือ จึงมีกำรปลูกพืชเศรษฐกิจเมืองหนำว 3. ปริมำณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีค่อนข้ำงมำกแต่ดินส่วนใหญ่ไม่ค่อยอุ้มน้ำ กำรเพำะปลูกพืชจึงแตกต่ำงกัน ไปในแต่ละพื้นที่ 4. อิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ทำให้มีฝนตกชุกในช่วงปลำยปี สำมำรถเพำะปลูกพืชที่ต้องใช้ น้ำมำกได้ผลผลิตดี 113. กำรศึกษำเกี่ยวกับภูเขำไฟที่มีพลังในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรดำเนินกำรในประเทศใดบ้ำง 1. อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ 2. กัมพูชำ อินโดนีเซีย 3. ฟิลิปปินส์ ไทย 4. ไทย กัมพูชำ 114. กำรปะทุระเบิดของภูเขำไฟก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศของอุทกภำคได้อย่ำงไร 1. เถ้ำถ่ำนที่ปกคลุมท้องฟ้ำทำให้แสงแดดและควำมร้อนไม่สำมำรถส่องลงมำถึงผิวน้ำได้ 2. หินหนืดที่ไหลลงสู่ทะเลส่งผลให้ลักษณะชำยฝั่งเกิดกำรเปลี่ยนแปลง 3. แรงสั่นสะเทือนทำให้เกิดคลื่นใหญ่ซึ่งมีผลต่อแนวปะกำรัง 4. แก๊สและควันที่พวยพุ่งจำกกำรปะทุระเบิดทำให้สัตว์น้ำสูญพันธุ์ 115. กำรป้องกันและแก้ไขพื้นที่จำกอุทกภัยควรหลีกเลี่ยงกำรใช้วิธีกำรใด 1. กำรปลูกหญ้ำแฝกริมตลิ่งเพื่อป้องกันกำรกัดเซำะของน้ำ 2. กำรกำหนดพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำหรือแก้มลิง 3. กำรขุดลอกคูคลองทุกสำย เพื่อให้ระบำยน้ำได้อย่ำงเต็มประสิทธิภำพ 4. กำรช่วยกันสร้ำงพนังกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจำกพื้นที่ของตน 116. สำเหตุสำคัญของกำรกัดเซำะชำยฝั่งในปัจจุบันคืออะไร 1. ภำวะโลกร้อน 2. ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก 3. กำรเกิดพำยุหมุนเขตร้อน 4. ปรำกฏกำรณ์อุณหภูมิผกผัน
  • 18. 18 117. เพรำะเหตุใดเมื่อพำยุสงบแล้วจึงควรรอเวลำอีกอย่ำงน้อย 3 ชั่วโมง ก่อนกำรเดินทำงหรือแก้ไขปัญหำที่ เกิดจำกพำยุ 1. มักมีลมแรงและฝนตกหนักอีกเมื่อศูนย์กลำงพำยุพัดผ่ำน 2. วำงแผนกำรเดินทำงเพื่อควำมปลอดภัยจำกซำกปรักหักพัง 3. ควำมพร้อมของหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องกับกำรช่วยเหลือผู้ประสบภัย 4. ระดับน้ำลดลงและควำมเร็วลมคงที่สำมำรถเดินทำงได้อย่ำงปลอดภัย 118. เหตุกำรณ์ทำงประวัติศำสตร์ที่อำจกล่ำวได้ว่ำเป็นจุดเริ่มต้นของกำรเพิ่มขึ้นของแก๊สเรือนกระจกใน บรรยำกำศคืออะไร 1. กำรปฏิวัติกำรเกษตร 2. กำรปฏิวัติอุตสำหกรรม 3. กำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ 4. กำรปฏิวัติกำรเมืองกำรปกครอง 119. ข้อใดแสดงถึงภูมิปัญญำไทยในกำรใช้ประโยชน์ทรัพยำกรแร่และพลังงำน 1. กำรสร้ำงเขื่อนขนำดใหญ่เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ำ 2. ควำมเชี่ยวชำญในกำรเจียระไนเพชรพลอยของช่ำงไทย 3. กำรทำเหมืองแร่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่จำกชำติตะวันตก 4. ควำมสำคัญของพลังงำนจำกน้ำมันและแก๊สธรรมชำติต่อภำคเศรษฐกิจของไทย 120. กำรดำเนินงำนด้ำนสิ่งแวดล้อมขององค์กรเอกชนใดถูกต้องเหมำะสมที่สุด 1. กลุ่มรักษ์ไม้จัดตั้งกองกำลังติดอำวุธเฝ้ำระวังกำรบุกรุกพื้นที่ป่ำสงวน 2. สมำคมคนรักสัตว์ป่ำนำสัตว์ป่ำที่ใกล้จะสูญพันธุ์มำผสมพันธุ์ด้วยนวัตกรรมของตนเอง 3. องค์กรพิทักษ์ป่ำแห่งชำติต่อต้ำนกำรดำเนินงำนของหน่วยงำนภำครัฐด้ำนป่ำไม้และสัตว์ป่ำ 4. มูลนิธิสิ่งแวดล้อมของเรำรับบริจำคเงินและอุปกรณ์ต่ำงๆ เพื่อนำไปใช้ในกำรดำเนินงำนด้ำน สิ่งแวดล้อมอย่ำงมีประสิทธิภำพ
  • 19. 19 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วิชา สังคมศึกษา 2552 ตอนที่ 1 สังคมศึกษำ : จำนวน 100 ข้อ (รวม 100 คะแนน) ส่วนที่ 1 : แบบระบำยตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 50 ข้อ (ข้อ 1-50) : ข้อละ 1 คะแนน 1. พระพุทธศำสนำสอนหลักควำมจริงที่เป็นสำกลในเรื่องใด 1. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน 2. กำรทำลำยชีวิตเป็นบำป 3. ทุกชีวิตต้องเผชิญปัญหำด้วยควำมไม่ประมำท 4. มนุษย์ใช้ปัญญำหำสำเหตุเพื่อแก้ปัญหำได้ 2. ข้อใด ไม่ใช่ ข้อห้ำมในศำสนำอิสลำม 1. ห้ำมฆ่ำตนเองและผู้อื่น 2. ห้ำมกำรคุมกำเนิดและทำแท้ง 3. ห้ำมกำรเสี่ยงโชคและกำรพนัน 4. ห้ำมกรำบบุคคลอื่นยกเว้นบิดำมำรดำ 3. จุดมุ่งหมำยสูงสุดในศำสนำคริสต์คือเรื่องใด 1. กำรล้ำงบำปกำเนิด 2. กำรไปรวมกับพระเจ้ำ 3. กำรสร้ำงศรัทธำต่อพระเจ้ำ 4. กำรรอดพ้นจำกคำพิพำกษำ 4. พิธีกรรมประจำบ้ำน 12ประกำร ของศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู คือพิธีใด 1. พิธีศำรทธ์ 2. พิธีสังสกำร 3. พิธีบูชำเทวดำ 4. พิธีประจำวรรณะ 5. อุดมเป็นผู้มีควำมขยันหมั่นเพียร ประหยัด เลี้ยงชีพตำมกำลังทรัพย์ และคบเพื่อนที่ดี อุดมปฏิบัติตำม ธรรมข้อใด 1. โลกธรรม 2. โภคอำทิยะ 3. ทิฏฐธัมมิกัตถะ 4. อปริหำนิยธรรม 6. พระมหำชนกเป็นผู้มีควำมเพียรตรงกับพุทธศำสนสุภำษิตข้อใด 1. อิณำทำน ทุกฺข โลเก 2. สนฺตุฏฺ ปรมธน 3. วำยเมเถว ปุริโส ยำว อตฺถสฺส นิปฺปทำ 4. ปฏิรูปกำรี ธุรวำ อุฏฺ ำตำ วินทฺเต ธน ปีการศึกษา
  • 20. 20 7. คัมภีร์ที่อธิบำยพระไตรปิฎกเรียกว่ำอะไร 1. ฎีกำ 2. อรรถกถำ 3. ปกรณ์พิเศษ 4. สัททำวิเสส 8. ข้ำแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้ำพเจ้ำทั้งหลำยขอน้อมถวำย...(1)... กับทั้งบริวำรเหล่ำนี้แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ ...(2)... กับทั้งบริวำรเหล่ำนี้ของข้ำพเจ้ำทั้งหลำยเพื่อประโยชน์และควำมสุข แก่ข้ำพเจ้ำทั้งหลำยสิ้นกำลนำนเทอญฯ ข้อควำมข้ำงต้นเป็นคำถวำยสังฆทำนประเภทสำมัญคำที่ต้องเติมในช่องว่ำงที่ (1) และ (2) คือข้อใด 1. อัฐบริขำร 2. ภัตตำหำร 3. มตกภัตตำหำร 4. ภัตตำหำรและน้ำ 9. ข้อใดคือควำมหมำยของ “จิต” ในจิตตำนุปัสสนำสติปัฏฐำน 1. ธรรม 2. อำรมณ์ 3. ควำมรู้สึก 4. ควำมนึกคิด 10. ในแนวทำงพระพุทธศำสนำเรำสำมำรถพัฒนำตนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้อย่ำงไร 1. รักษำศีลให้ครบ 2. ยึดไตรสิกขำในกำรดำเนินชีวิต 3. ฝึกสติปัฏฐำนจนถึงขั้นสุดท้ำย 4. มีส่วนร่วมในกิจกรรมทำงศำสนำอย่ำงสม่ำเสมอ 11. กำรคอร์รัปชั่นเกิดจำกกำรขำดคุณธรรมประกำรใดเป็นสำคัญ 1. ควำมสำมัคคี 2. ควำมเมตตำกรุณำ 3. ควำมวิริยอุตสำหะ 4. ควำมซื่อสัตย์สุจริต 12. กำรปฏิรูปกฎหมำยและระบบศำลของไทยเกิดขึ้นอย่ำงจริงจังในรัชสมัยใด 1. รัชกำลที่ 4 2. รัชกำลที่ 5 3. รัชกำลที่ 6 4. รัชกำลที่ 7 13. ตำมหลักกฎหมำยอำญำควำมผิดทำงอำญำจะ ไม่ เกิดขึ้นหำกปรำศจำกสิ่งใด 1. โทษ 2. สิทธิ 3. เจตนำ 4. กฎหมำย 14. พฤติกรรมส่วนใหญ่ของมนุษย์มีที่มำอย่ำงไร 1. เกิดจำกธรรมชำติ 2. เกิดจำกกำรเรียนรู้ 3. เกิดจำกพันธุกรรม 4. เกิดจำกสัญชำตญำณ 15. ข้อใดมีควำมหมำยสอดคล้องกับคำว่ำ “บรรทัดฐำน” มำกที่สุด 1. ค่ำนิยม 2. บทบำท 3. ประเพณี 4. สัญลักษณ์
  • 21. 21 16. ข้อใดเป็นปัญหำสำคัญที่เป็นรำกฐำนของปัญหำอื่นๆในสังคมไทย 1. ปัญหำยำเสพติด 2. ปัญหำครอบครัว 3. ปัญหำสิ่งแวดล้อม 4. ปัญหำอำชญำกรรม 17. หลักกำรปกครองแบบเผด็จกำรให้ควำมสำคัญต่อสิ่งใดน้อยที่สุด 1. ควำมมั่นคงของรัฐบำล 2. ควำมจงรักภักดีต่อชำติ 3. ควำมเสมอภำคในสังคม 4. ควำมเป็นเอกภำพของรัฐ 18. พระมหำกษัตริย์ไทยทรงใช้อำนำจนิติบัญญัติโดยผ่ำนทำงสถำบันทำงกำรเมืองใด 1. ศำล 2. รัฐสภำ 3. คณะรัฐมนตรี 4. คณะองคมนตรี 19. กำรกำหนดให้ประชำชนชำวไทยมีสิทธิออกเสียงประชำมติเป็นกำรสนับสนุนแนวคิดในเรื่องใด 1. กำรคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 2. กำรตรวจสอบกำรใช้อำนำจรัฐ 3. กำรมีส่วนร่วมทำงกำรเมืองของประชำชน 4. กำรกระจำยอำนำจให้ประชำชนปกครองตนเอง 20. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยพุทธศักรำช 2550กำหนดให้บุคคลมีสิทธิได้รับกำรศึกษำโดยไม่เสีย ค่ำใช้จ่ำยเป็นเวลำไม่น้อยกว่ำกี่ปี 1. 6 ปี 2. 9 ปี 3. 12 ปี 4. 15 ปี 21. กำรขำดแคลนปัจจัยกำรผลิตส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจต้องประสบกับเรื่องใด 1. กำรจัดสรรปัจจัยกำรผลิต 2. กำรแข่งขันกันใช้ปัจจัยกำรผลิต 3. ควำมเหลื่อมล้ำในกำรกระจำยรำยได้ 4. เงินเฟ้อจำกกำรสูงขึ้นของรำคำปัจจัยกำรผลิต 22. ผู้สูงอำยุถอนเงินฝำกประจำจำกธนำคำรจำนวน 1 ล้ำนบำทเพื่อนำเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบำลอำยุ 5 ปีกำร นำเงินมำซื้อพันธบัตรดังกล่ำวมีต้นทุนหรือไม่ เพรำะเหตุใด 1. ไม่มีเพรำะไม่มีกำรกู้เงินมำซื้อพันธบัตร 2. ไม่มีเพรำะเป็นเงินที่ถอนจำกบัญชีของตนเอง 3. มีเพรำะทำให้ขำดสภำพคล่องในกำรใช้จ่ำย 4. มีเพรำะไม่ได้รับดอกเบี้ยจำกเงินฝำกธนำคำร 23. อำศัยกฎของอุปทำน อุปทำนของเครื่องปรับอำกำศสัมพันธ์กับปัจจัยใด 1. รำคำเครื่องปรับอำกำศ 2. ภำษีสรรพสำมิต 3. ต้นทุนกำรผลิต 4. จำนวนผู้ผลิต
  • 22. 22 24. หลักกำรของสถำบันกำรเงินใดสอดคล้องกับแนวพระรำชดำริเศรษฐกิจพอเพียง 1. ธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทย 2. ธนำคำรแห่งประเทศไทย 3. สหกรณ์ออมทรัพย์ 4. ธนำคำรออมสิน 25. ข้อใดส่งผลให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น 1. รัฐบำลจัดเก็บภำษีอำกรได้เพิ่มขึ้น 2. ดุลรำยได้-รำยจ่ำยของรัฐบำลเกินดุล 3. รัฐวิสำหกิจส่งผลกำไรให้รัฐบำลมำกขึ้น 4. รัฐบำลเลื่อนกำรไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 26. ข้อใดกล่ำวถึงกำรหมุนเวียนของสินค้ำและบริกำรระหว่ำงหน่วยเศรษฐกิจต่ำงๆในระบบเศรษฐกิจได้ ถูกต้อง 1. หมุนเวียนจำกเจ้ำของปัจจัยกำรผลิตไปสู่ครัวเรือน 2. หมุนเวียนจำกครัวเรือนไปสู่หน่วยธุรกิจ 3. หมุนเวียนจำกหน่วยธุรกิจไปสู่ครัวเรือน 4. หมุนเวียนจำกครัวเรือนไปสู่เจ้ำของปัจจัยกำรผลิต 27. กรณีใดทำให้รำคำข้ำวสำรในตลำดปรับตัวสูงขึ้น 1. อุปสงค์ต่อข้ำวสำรน้อยกว่ำอุปทำนของข้ำวสำร 2. อุปสงค์ต่อข้ำวสำรมำกกว่ำอุปทำนของข้ำวสำร 3. อุปทำนส่วนเกินของข้ำวสำรมำกกว่ำอุปสงค์ส่วนเกินต่อข้ำวสำร 4. อุปทำนส่วนเกินของข้ำวสำรเพิ่มขึ้นมำกกว่ำอุปสงค์ส่วนเกินต่อข้ำวสำร 28. รำยกำรที่แสดงกำรเคลื่อนไหวของทุนสำรองระหว่ำงประเทศจะปรำกฏอยู่ในข้อใด 1. ดุลกำรค้ำ 2. ดุลบัญชีทุน 3. ดุลกำรชำระเงิน 4. ดุลบัญชีเดินสะพัด 29. กำรที่รัฐบำลกู้เงินจำกต่ำงประเทศมำลงทุนแทนกำรกู้เงินจำกประชำชนก่อให้เกิดผลอย่ำงไร 1. หนี้สำธำรณะเพิ่มขึ้นน้อยกว่ำ 2. อัตรำดอกเบี้ยในประเทศสูงขึ้น 3. สภำพคล่องภำยในประเทศเพิ่มขึ้น 4. งบประมำณแผ่นดินขำดดุลน้อยลง
  • 23. 23 30. ภำวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติฉบับที่ 10 เกิดจำกสำเหตุใด 1. สถำนกำรณ์ควำมไม่สงบใน 3 จังหวัดภำคใต้ทำให้กำรลงทุนชะลอตัว 2. วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกำส่งผลกระทบมำถึงประเทศไทย 3. ควำมไม่มีเสถียรภำพของรัฐบำลทำให้ดำเนินนโยบำยเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่อง 4. กำรไม่ดำเนินนโยบำยตำมแนวเศรษฐกิจพอเพียงต่อจำกแผนพัฒนำฯฉบับที่ 9 31. หำกท่ำนเข้ำชมพิพิธภัณฑ์มนุษย์ยุคก่อนประวัติศำสตร์ท่ำนจะไม่ พบสิ่งใด 1. เครื่องประดับ 2. อำวุธหินกะเทำะ 3. แผ่นศิลำจำรึก 4. หม้อดินเผำสำมขำ 32. วิพำกษ์วิธีทำงประวัติศำสตร์หมำยถึงวิธีกำรใด 1. กำรตีควำม 2. กำรประเมิน 3. กำรวิเครำะห์ 4. กำรสังเครำะห์ 33. กำรสร้ำงงำนศิลปกรรมของโรมันมีจุดมุ่งหมำยใดเป็นหลัก 1. เพื่อประโยชน์ใช้สอย 2. เพื่อใช้ในกำรประกอบพิธีกรรม 3. เพื่อแสดงควำมศรัทธำต่อศำสนำ 4. เพื่อแสดงควำมยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ 34. นวัตกรรมใดที่ทำให้เกิดกำรปฏิวัติภูมิปัญญำของชำติตะวันตก 1. ปฏิทิน 2. กระดำษ 3. แท่นพิมพ์ 4. นำฬิกำกลไก 35. อำณำจักรโบรำณในดินแดนสุวรรณภูมิได้รับอิทธิพลจำกอำรยธรรมใดมำกที่สุด 1. อำรยธรรมจีน 2. อำรยธรรมขอม 3. อำรยธรรมอินเดีย 4. อำรยธรรมอิสลำม 36. บุคคลใดได้รับกำรประกำศยกย่องจำกองค์กำรกำรศึกษำวิทยำศำสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชำชำติ ในสำขำปรำชญ์และกวีประจำปี 2551 1. สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอเจ้ำฟ้ำกรมพระยำนริศรำนุวัดติวงศ์ 2. สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ 3. พระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษำธิรำชสนิท 4. หม่อมรำโชทัย หรือหม่อมรำชวงศ์กระต่ำย อิศรำงกูร 37. ที่ตั้งของแคว้นตำมพรลิงค์ตรงกับบริเวณใดในปัจจุบัน 1. ไทรบุรี 2. ปัตตำนี 3. สุรำษฎร์ธำนี 4. นครศรีธรรมรำช
  • 24. 24 38. กำรสถำปนำกรุงศรีอยุธยำเกิดจำกกำรรวมกันของเมืองใด 1. ละโว้-พิษณุโลก 2. สุพรรณภูมิ-ละโว้ 3. พิษณุโลก-สุโขทัย 4. สุโขทัย-สุพรรณภูมิ 39. พระมหำกษัตริย์พระองค์ใดทรงริเริ่มธรรมเนียมกำรดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยำร่วมกับขุนนำงและ ข้ำรำชกำร 1. พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว 2. พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว 3. พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว 4. พระบำทสมเด็จพระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัว 40. ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงไพร่กับมูลนำยในสังคมไทยโบรำณอยู่ภำยใต้เงื่อนไขใด 1. ระบบกฎหมำย 2. ควำมจงรักภักดี 3. ค่ำนิยมและประเพณี 4. วัฒนธรรมและกฎหมำย 41. ข้อใดไม่ แสดงปัจจัยที่มีต่อลักษณะภูมิอำกำศ 1. จังหวัดภูเก็ตตั้งอยู่ที่ละติจูด 8 องศำเหนือ 2. ภำคตะวันออกเฉียงเหนือมีแม่น้ำโขงไหลผ่ำน 3. เชียงใหม่อยู่สูงจำกระดับทะเลปำนกลำง 303เมตร 4. ภำคใต้ฝั่งตะวันออกได้รับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ 42. หำกต้องกำรศึกษำทะเลสำบน้ำเค็มท่ำนควรไปที่ทะเลสำบใด 1. มิชิแกนสหรัฐอเมริกำ 2. ไบคำลสหพันธรัฐรัสเซีย 3. บัลคำชสำธำรณรัฐคำซัคสถำน 4. แคสเปียนสำธำรณรัฐอิสลำมอิหร่ำน 43. หลุมอุกกำบำตบนพื้นโลกเกี่ยวข้องกับกระบวนกำรใด 1. กำรกร่อนของแผ่นดิน 2. กำรปรับระดับแผ่นดิน 3. กำรแปรสัณฐำนเปลือกโลก 4. กำรกระทำจำกภำยนอกโลก 44. แผนที่ภูมิประเทศมำตรำส่วนใดของประเทศไทยที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด 1. 1 : 10,000 2. 1 : 50,000 3. 1 : 100,000 4. 1 : 250,000 45. ข้อใด ไม่ใช่ เครื่องมือวัดลักษณะอำกำศ 1. บำรอมิเตอร์ 2. แพลนิมิเตอร์ 3. ไซโครมิเตอร์ 4. เทอร์โมมิเตอร์
  • 25. 25 46. หำกเวลำที่ประเทศกคือ 9.00 น. ประเทศซึ่งอยู่ห่ำงออกไปทำงทิศตะวันออก 15 องศำจะเป็นเวลำใด 1. 7.00 น. 2. 8.00 น. 3. 10.00 น. 4. 11.00 น. 47. โครงกำรพัฒนำป่ำชุมชนในประเทศไทยเป็นกำรดำเนินงำนที่สอดคล้องกับอนุสัญญำฉบับใด 1. อนุสัญญำไซเตส 2. อนุสัญญำเวียนนำ 3. อนุสัญญำว่ำด้วยกำรอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ 4. อนุสัญญำว่ำด้วยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 48. เกษตรอินทรีย์ไม่ เกี่ยวข้องกับเรื่องใด 1. กำรทำฟำร์มทำงนิเวศวิทยำ 2. กำรใช้หลักกำรกำรเกษตรแบบองค์รวม 3. กำรใช้พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่ดัดแปรพันธุกรรม 4. กำรนำของใช้แล้วไปแปรสภำพเพื่อนำกลับมำใช้ใหม่ 49. บุคคลใดมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรทรัพยำกรและสิ่งแวดล้อมที่ให้ผลยั่งยืนยำวนำน 1. นำยโดมตรวจวัดคุณภำพอำกำศเป็นประจำ 2. นำยแดงใช้สำรดีดีทีแทนซีเอฟซีในกำรกำจัดแมลง 3. นำยดำปลูกหญ้ำแฝกเพื่อป้องกันน้ำกัดเซำะตลิ่งพัง 4. นำยดอนใช้หนังสือพิมพ์ที่อ่ำนแล้วห่อขยะเปียกก่อนนำไปทิ้งในถังขยะสีเหลือง 50. ข้อใดไม่ใช่ ข้อมูลทุติยภูมิ 1. แผนที่ 2. ผลงำนวิจัย 3. ภำพจำกดำวเทียม 4. ภำพถ่ำยทำงอำกำศ ส่วนที่ 2 : แบบระบำยตัวเลือกมำกกว่ำ 1 คำตอบ แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องมำกกว่ำ 1 คำตอบ โดยอำจมีคำตอบที่ถูกต้องจำนวน 2 คำตอบ หรือ 3 คำตอบ หรือ 4 คำตอบ ให้ระบำยวงกลมตัวเลือกที่เป็นคำตอบที่ถูกต้องของข้อสอบแต่ละข้อให้ครบถ้วนทุกคำตอบ จำนวน 50 ข้อ (ข้อ 51-100) : ข้อละ 1 คะแนน 51. ศำสนำมีควำมสำคัญอย่ำงไรต่อสังคม 1. ทำให้เกิดควำมสำมัคคีมีเอกภำพ 2. เป็นบ่อเกิดของกำรสร้ำงสรรค์วัฒนธรรม 3. ตอบสนองควำมต้องกำรด้ำนจิตใจของคนในสังคม 4. เป็นหลักจริยธรรมควบคุมควำมประพฤติของกลุ่มคน
  • 26. 26 52. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู 1. เป็นศำสนำที่ไม่มีศำสดำ 2. ก่อนพุทธกำลเรียกว่ำศำสนำพรำหมณ์ 3. ในยุคพระเวทนับถือพระเจ้ำองค์เดียว 4. ยกย่องพระพรหมว่ำยิ่งใหญ่กว่ำเทพเจ้ำองค์อื่น 53. วันพิพำกษำในศำสนำอิสลำมมีชื่อเรียกว่ำอะไร 1. วันสิ้นโลก 2. วันฟื้นคืนชีพ 3. วันแห่งศรัทธำ 4. วันกำหนดชะตำ 54. เรื่องใดปรำกฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลใหม่ 1. เรื่องรำวชีวิตของพระเยซู 2. กำรเผยแผ่ศำสนำของโมเสส 3. กำรเทศนำสั่งสอนธรรมของพระเยซู 4. ประวัติศำสตร์ชนชำติยิวในสมัยอับรำฮัม 55. หลักธรรมใดจัดอยู่ใน “ทุกข์” แห่งอริยสัจ 4 1. ขันธ์ 5 2. หลักกรรม 3. โลกธรรม 8 4. ทิฏฐธัมมิกัตถะ 56. หมอชีวกโกมำรภัจ เป็นอุบำสกที่ได้รับกำรยกย่องในด้ำนใด 1. ใฝ่รู้ 2. กตัญญู 3. เสียสละ 4. จรรยำบรรณแพทย์ 57. เรื่องกฎแห่งกรรมในพระพุทธศำสนำสอดคล้องกับเรื่องใด 1. ภพ-ภูมิ 2. ไตรสิกขำ 3. ไตรลักษณ์ 4. กฎธรรมชำติ 58. วันเทโวโรหณะคือวันใด 1. วันพระเจ้ำเปิดโลก 2. วันแรม 1 ค่ำเดือน 11 3. วันหลังวันออกพรรษำ 1 วัน 4. วันที่พระพุทธเจ้ำเสด็จลงจำกดำวดึงส์ 59. ข้อใดเป็นกุศลพิธี 1. กำรเวียนเทียน 2. กำรถวำยสังฆทำน 3. กำรทำบุญเลี้ยงพระ 4. กำรสวดมนต์ไหว้พระ
  • 27. 27 60. “ศีล” ในควำมหมำยทำงพระพุทธศำสนำสรุปได้จำกมรรค 8 ข้อใด 1. คิดชอบ 2. วำจำชอบ 3. ทำกำรชอบ 4. เลี้ยงชีพชอบ 61. ข้อใดอยู่ในขอบข่ำยควำมหมำยของสิทธิมนุษยชนตำมพระรำชบัญญัติคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน แห่งชำติ พ.ศ. 2542 1. สิทธิของบุคคล 2. หน้ำที่ของบุคคล 3. เสรีภำพของบุคคล 4. ควำมเสมอภำคของบุคคล 62. ข้อใดเป็นกฎหมำยลำยลักษณ์อักษรที่ออกโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1. เทศบัญญัติ 2. ข้อบัญญัติเมืองพัทยำ 3. พระรำชบัญญัติเทศบำล 4. ข้อบัญญัติกรุงเทพมหำนคร 63. กำรกระทำใดที่กฎหมำยอนุญำตให้นิภำซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม. 5 อำยุ 16 ปี สำมำรถกระทำได้ด้วยตนเอง 1. กำรหมั้น 2. กำรสมรส 3. กำรรับมรดก 4. กำรทำพินัยกรรม 64. เครื่องดนตรีใดเกิดจำกภูมิปัญญำในกำรทำให้เกิดเสียงโดยกำรเป่ำ 1. โทน 2. แคน 3. โหม่ง 4. โหวด 65. ข้อใดเป็นองค์ประกอบของรัฐ 1. ดินแดน 2. ประชำกร 3. ควำมมั่นคง 4. สิทธิของประชำชน 66. ควำมในข้อใดสอดคล้องกับกำรปกครองประเทศโดยใช้หลักนิติธรรม 1. รัฐบำลต้องอยู่ใต้กฎหมำย 2. ประชำชนต้องปฏิบัติตำมกฎหมำย 3. กฎหมำยต้องออกโดยฝ่ำยนิติบัญญัติ 4. ต้องใช้กฎหมำยเป็นหลักในกำรปกครอง 67. ข้อใดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยในปัจจุบัน 1. เทศบำล 2. สุขำภิบำล 3. สภำตำบล 4. กรุงเทพมหำนคร 68. ประเทศใดเป็นสมำชิกของกลุ่มประเทศอำเซียน 1. ญี่ปุ่น 2. บรูไน 3. กัมพูชำ 4. ฟิลิปปินส์
  • 28. 28 69. บุคคลที่มีลักษณะใดต้องห้ำมมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยพุทธศักรำช 2550 1. ตำบอด 2. หูหนวก 3. วิกลจริต 4. จิตฟั่นเฟือน 70. ข้อใดเป็นองค์กรอิสระตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2550 1. ศำลรัฐธรรมนูญ 2. คณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดิน 3. คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ 4. คณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ 71. บุคคลใดได้รับค่ำตอบแทนในฐำนะเป็นเจ้ำของปัจจัยกำรผลิต 1. นำยสุกขำยเงำะ 1 กิโลกรัมได้เงิน 25 บำท 2. นำยดำรับจ้ำงหักฝักข้ำวโพดในไร่ได้ค่ำจ้ำงวันละ 100 บำท 3. นำงเพลินมีรำยรับจำกกำรขำยข้ำวแกงในตลำดวันละ 1,200-1,500 บำท 4. นำงเจริญให้เพื่อนบ้ำนยืมเงิน 10,000 บำทได้รับดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ 2 ต่อเดือน 72. ในวิชำเศรษฐศำสตร์กำหนดให้ผู้ผลิตทำอย่ำงไร 1. แสวงหำกำไรสูงสุดจำกกำรผลิตและขำย 2. ผลิตสินค้ำหรือบริกำรอย่ำงมีประสิทธิภำพ 3. เลือกใช้เทคโนโลยีในกำรผลิตที่เหมำะสมกับสภำพแวดล้อม 4. ตั้งรำคำขำยสินค้ำให้ผู้บริโภคในรำคำดุลยภำพเพียงรำคำเดียว 73. ปัจจัยข้อใดกำหนดอุปสงค์ของผู้บริโภคที่มีต่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1. จำนวนผู้ขำย 2. ต้นทุนกำรผลิต 3. รำยได้ของผู้ซื้อ 4. กำรคำดคะเนรำคำ 74. สำนักงำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำคุ้มครองผู้บริโภคให้มีควำมปลอดภัยจำกกำรบริโภคอำหำร ด้วยกำรควบคุมเรื่องใด 1. ขนำดของภำชนะที่บรรจุ 2. อัตรำส่วนของวัตถุที่เป็นส่วนผสม 3. กำรผลิตและกำรใช้เครื่องปรุงแต่งรส 4. ฉลำกระบุวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอำยุ
  • 29. 29 75. สหกรณ์ที่ทดลองจัดตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ไม่มี วัตถุประสงค์ช่วยเหลือบุคคลที่ประกอบ อำชีพใด 1. รับจ้ำง 2. ค้ำขำย 3. รับรำชกำร 4. เกษตรกรรม 76. ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมมีลักษณะเด่นประกำรใด 1. เอกชนและรัฐบำลสำมำรถแข่งขันกันผลิตสินค้ำ 2. เอกชนมีเสรีภำพในกำรเลือกผลิตและบริโภค 3. รัฐบำลไม่เข้ำแทรกแซงตลำดปัจจัยกำรผลิต 4. รัฐบำลไม่มีสิทธิเป็นเจ้ำของทรัพย์สินและทรัพยำกร 77. กำรกำหนดค่ำจ้ำงขั้นต่ำสูงขึ้นจะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงในตลำดแรงงำนอย่ำงไร 1. กำรจ้ำงงำนลดลง 2. ควำมต้องกำรจ้ำงงำนเพิ่มขึ้น 3. มีอุปทำนแรงงำนส่วนเกิน 4. ค่ำจ้ำงดุลยภำพปรับตัวสูงขึ้น 78. ข้อใดเป็นผลของกำรดำเนินนโยบำยกำรค้ำแบบคุ้มกัน 1. กำรผลิตในประเทศขยำยตัว 2. กำรค้ำระหว่ำงประเทศขยำยตัว 3. แรงงำนมีงำนทำมำกขึ้น 4. สินค้ำเข้ำมีรำคำขำยในประเทศสูงขึ้น 79. องค์กรใดไม่ใช่ รูปแบบของกำรรวมกลุ่มทำงเศรษฐกิจขั้นต้น 1. APEC 2. OPEC 3. AFTA 4. NAFTA 80. กำรพัฒนำเศรษฐกิจของไทยดำเนินมำเกือบ 50 ปีแล้วแต่ประเทศไทยยังมีปัญหำในเรื่องใด 1. ควำมเหลื่อมล้ำของกำรกระจำยรำยได้ 2. ดุลกำรค้ำขำดดุลมำกและมีแนวโน้มสูงขึ้น 3. ประชำกรชำยและหญิงมีอำยุขัยเฉลี่ยไม่เท่ำกัน 4. ควำมไม่สมดุลในกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม 81. ข้อใดแสดงถึงอำรยธรรมของเมโสโปเตเมีย 1. อักษรลิ่ม 2. ซิกกูแรต 3. กฎหมำยสิบสองโต๊ะ 4. ระบบกำรชลประทำน 82. หลักฐำนประเภทใดสนับสนุนแนวคิดที่ว่ำกลุ่มชนชำติไทยอยู่ในบริเวณตอนใต้ของจีน 1. หลักฐำนทำงด้ำนโบรำณคดี 2. หลักฐำนทำงด้ำนภำษำศำสตร์ 2. หลักฐำนทำงด้ำนมำนุษยวิทยำ 3. หลักฐำนทำงด้ำนพันธุศำสตร์
  • 30. 30 83. ลีโอนำร์โดดำวินชีเป็นผู้สร้ำงผลงำนใด 1. ภำพวำดโมนำลิซำ 2. ภำพบนเพดำนวิหำรซิสทีน 3. ประติมำกรรมหินอ่อนเดวิด 4. ภำพวำดพระกระยำหำรมื้อสุดท้ำย 84. เติ้งเสี่ยวผิงใช้นโยบำยด้ำนใดในกำรพัฒนำประเทศสู่ควำมทันสมัย 1. ด้ำนเกษตรกรรม 2. ด้ำนอุตสำหกรรม 3. ด้ำนกำรป้องกันประเทศ 4. ด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี 85. ในอดีตฟิลิปปินส์เคยอยู่ใต้กำรปกครองของประเทศใด 1. สเปน 2. ฮอลันดำ 3. โปรตุเกส 4. สหรัฐอเมริกำ 86. กำรปฏิวัติในฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 เชิดชูหลักกำรใด 1. เสรีภำพ 2. สันติภำพ 3. เสมอภำค 4. ภรำดรภำพ 87. ผู้ใดอยู่ในระบบศักดินำของสังคมไทย 1. กษัตริย์ 2. พระสงฆ์ 3. วนิพก 4. ทำส 88. เรื่องใดเป็นผลสืบเนื่องจำกกำรทำสนธิสัญญำเบำว์ริง 1. เกิดกำรค้ำแบบเสรี 2. เกิดกำรขยำยตัวของสินค้ำหัตถกรรม 3. เกิดกำรผลิตข้ำวเพื่อกำรค้ำและส่งออก 4. เกิดกำรขยำยตัวของอุตสำหกรรมทอผ้ำ 89. ข้อใดปรำกฏอยู่ในกำรปฏิรูปกำรปกครองของพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว 1. รัฐสภำ 2. เสนำบดีสภำ 3. รัฐธรรมนูญ 4. สภำที่ปรึกษำรำชกำรแผ่นดิน 90. พระที่นั่งใดสร้ำงโดยได้รับอิทธิพลของสถำปัตยกรรมตะวันตก 1. จักรพรรดิพิมำน 2. จักรีมหำปรำสำท 3. ดุสิตมหำปรำสำท 4. อนันตสมำคม
  • 31. 31 91. ข้อใดเป็นลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจำกกำรกระทำของแม่น้ำ 1. ที่รำบลอนลำด 2. ทะเลสำบรูปแอก 3. เนินตะกอนรูปพัด 4. ดินดอนสำมเหลี่ยม 92. ในแผนที่อำกำศสมัยใหม่บริเวณที่มีสัญลักษณ์ L ปรำกฏอยู่จะมีลักษณะอำกำศอย่ำงไร 1. เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ 2. เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง 3. เป็นบริเวณที่มีควำมกดอำกำศต่ำ 4. เป็นบริเวณที่มีควำมกดอำกำศสูง 93. ป่ำชำยเลนมีประโยชน์อย่ำงไร 1. เป็นแหล่งอำหำร 2. เป็นแหล่งรำยได้ 3. ช่วยรักษำสมดุลของระบบนิเวศชำยฝั่ง 4. ก่อให้เกิดควำมหลำกหลำยของพืชและสัตว์ 94. ข้อใดทำให้ระบบนิเวศของโลกขำดสมดุล 1. ภำวะโลกร้อน 2. กำรตัดไม้ทำลำยป่ำ 3. กำรเกิดแก๊สเรือนกระจก 4. กำรใช้ดินซ้ำซำกและบ่อยครั้ง 95. ท่ำนจะแนะนำกรมทรัพยำกรน้ำให้แก้ไขวิกฤตกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรน้ำอย่ำงไร 1. สร้ำงเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ 2. จัดสร้ำงท่อส่งน้ำชลประทำนเพิ่มเติม 3. บำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงแหล่งน้ำสำธำรณะ 4. ฟื้นฟูกำรใช้ประโยชน์และแก้ไขปัญหำเกี่ยวกับแหล่งน้ำ 96. กำรควบคุมป้องกันมลพิษตำมพระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติพ.ศ. 2535 ครอบคลุมมลพิษในด้ำนใด 1. มลพิษทำงน้ำ 2. มลพิษทำงดิน 3. มลพิษทำงเสียง 4. มลพิษทำงอำกำศ 97. กำรเปิดโอกำสให้ประชำชนมีส่วนร่วมในกำรประเมินสิ่งแวดล้อมมีผลดีอย่ำงไร 1. ประชำชนสำมำรถโต้แย้งผลกำรประเมินได้ 2. ประชำชนได้รับทรำบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงกำร 3. ประชำชนได้รับทรำบผลกระทบที่เกิดขึ้นจำกโครงกำร 4. ประชำชนได้รับทรำบมำตรกำรแก้ไขหรือลดผลกระทบอันอำจจะเกิดขึ้น
  • 32. 32 98. ใครใช้ประโยชน์จำกสิ่งแวดล้อมในกำรสร้ำงสรรค์วัฒนธรรม 1. ชำวรัสเซียจับปลำสเตอร์เจียนเพื่อนำไข่มำทำคำเวียร์ 2. ชำวเบดูอินในคำบสมุทรอำหรับเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน 3. ชำวสแกนดิเนเวียนำไม้สนมำแปรรูปเป็นวัสดุก่อสร้ำง 4. ชำวอินเดียนพื้นเมืองในประเทศเปรูเพำะปลูกธัญพืชแบบยังชีพ 99. รัฐสำมำรถดำเนินงำนด้ำนสิ่งแวดล้อมได้อย่ำงไร 1. จัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อม 2. ออกกฎหมำยสิ่งแวดล้อม 3. ผลิตนักวิจัยด้ำนสิ่งแวดล้อม 4. จัดประชุมสัมมนำระดับชำติด้ำนสิ่งแวดล้อม 100. ในฐำนะพลเมืองไทยคนหนึ่งท่ำนจะปฏิบัติตนเพื่ออนุรักษ์และพัฒนำคุณภำพสิ่งแวดล้อมอย่ำงไร จึงจะเหมำะสม 1. ฝึกให้มีนิสัยประหยัด 2. ถ่ำยสำรอันตรำยใส่ภำชนะใหม่ที่ปิดมิดชิด 3. ช่วยกันปลูกและดูแลรักษำต้นไม้สำธำรณะ 4. ทิ้งแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วลงในถังขยะสำหรับมูลฝอยทั่วไป
  • 33. 33 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วิชา สังคมศึกษา 2553 ตอนที่ 1 สังคมศึกษำ : จำนวน 100 ข้อ (รวม 100 คะนน) ส่วนที่ 1 : แบบปรนัย4ตัวเลือกแต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน50ข้อ (ข้อ1-50) : ข้อละ 1คะแนน 1. พระเจ้ำทรงมีโองกำรให้โมเสสพำชำวยิวอพยพจำกที่ใดไปสู่ที่ใด 1. โรมัน-อียิปต์ 2. คะนำอัน-โรมัน 3. อียิปต์-คะนำอัน 4. คะนำอัน-อียิปต์ 2. ชำวมุสลิมไม่เชื่อในเรื่องใด 1. โลกมีวันสิ้นสุด 2. เทวทูตมีจำนวนมำก 3. ศำสนทูตมีหลำยท่ำน 4. กำรตำยแล้วเกิดใหม่บนโลกมนุษย์ 3. ข้อใดไม่ใช่ แนวคิดของศำสนำพุทธ 1. สอนให้อุทิศตนแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 2. สอนให้พิสูจน์คำบอกเล่ำแล้วจึงเชื่อ 3. เชื่อว่ำกรรมเป็นตัวกำหนดสรรพสิ่ง 4. หลักศีลธรรมเกิดจำกกำรศึกษำของผู้รู้ 4. กำรรับรู้ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ในขันธ์ 5 คือข้อใด 1. จิต 2. เวทนำ 3. สังขำร 4. วิญญำณ 5. พระโพธิสัตว์ชำติสุดท้ำยของทศชำติคือองค์ใด 1. พระเตมีย์ 2. พระมโหสถ 3. พระมหำชนก 4. พระเวสสันดร 6. ข้อใดแสดงถึง ‘‘สขีภริยำ” 1. สมศักดิ์มีภริยำที่เอำแต่บ่นและดุด่ำว่ำกล่ำวตลอดเวลำ 2. สุธีโชคร้ำย ทำงำนหำเงินได้เท่ำไร ภริยำของเขำเอำไปเล่นกำรพนันหมด 3. สมพลถูกออกจำกงำน แต่ภริยำของเขำให้กำลังใจและช่วยให้เขำหำงำนใหม่ได้ 4. สุระโชคดี ภริยำของเขำไม่เคยบ่นว่ำ แต่ให้ควำมเคำรพและรับใช้ดูแลอย่ำงดีตลอด 7. คำว่ำ “รำชำ” ในพุทธศำสนสุภำษิต “รำชำ มุขมนุสฺสำน” หมำยถึงอะไร 1. ผู้เป็นประมุข 2. ผู้มีอำนำจสูงสุด 3. ผู้อยู่เหนือประชำชน 4. ผู้ทำให้เกิดควำมพอใจ ปีการศึกษา
  • 34. 34 8. พระพุทธเจ้ำทรงสอนอริยสัจ 4 ในวันใด 1. วันมำฆบูชำ 2. วันวิสำขบูชำ 3. วันอำสำฬหบูชำ 4. วันจำตุรงคสันนิบำต 9. กำรฝึกสติปัฏฐำนขั้นพิจำรณำเวทนำคืออย่ำงไร 1. รู้เท่ำทันควำมรู้สึก สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ 2. กำหนดรู้ว่ำอิริยำบถขณะนั้นเป็นอำกำรใด 3. กำหนดรู้ว่ำขันธ์ 5 คืออะไร เกิดดับได้อย่ำงไร 4. พิจำรณำดูจิตของตนว่ำมี รำคะ โทสะ โมหะ หรือไม่ 10. ในกำรประชุมสัมมนำเพื่อแก้ปัญหำควำมยำกจน ได้มีกำรกำหนดแนวทำงประชุมโดยให้เริ่มตกลงกัน ว่ำปัญหำควำมยำกจนคืออย่ำงไร อะไรคือสำเหตุ เป้ำหมำยที่ต้องกำรหลังจำกแก้ไขแล้วจะเป็นอย่ำงไร และวิธีกำรแก้ไขจะทำอย่ำงไรบ้ำง แนวทำงนี้ตรงกับหลักพระพุทธศำสนำเรื่องใด 1. อริยสัจ 4 2. วิภัชชวำท 3. อิทัปปัจจยตำ 4. โยนิโสมนสิกำร 11. กำรที่นำยดำหลีกเลี่ยงกำรเสียภำษีแสดงว่ำนำยดำขำดควำมตระหนักถึงสิ่งใด 1. สิทธิของพลเมือง 2. หน้ำที่ของพลเมือง 3. เสรีภำพของพลเมือง 4. ควำมเสมอภำคของพลเมือง 12. พฤติกรรมของบุคคลใดมีลักษณะเป็นกำรส่งเสริมสิทธิมนุษยชน 1. สมพงษ์เคำรพเหตุผลของผู้อื่น 2. สมพลยึดมั่นในเหตุผลที่ถูกต้อง 3. สมพรใช้เหตุผลมำกกว่ำอำรมณ์ 4. สมพิศคำนึงถึงเหตุผลก่อนตัดสินใจ 13. กฎหมำยปกครองเป็นกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเป็นสำคัญ 1. กำรใช้อำนำจอธิปไตย 2. กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำร 3. กำรถ่วงดุลอำนำจทำงกำรเมือง 4. กำรคุ้มครองสิทธิของประชำชน 14. ข้อใดเป็นควำมสำมำรถพิเศษของมนุษย์ที่แตกต่ำงจำกสัตว์อื่น 1. กำรใช้สัญลักษณ์ 2. กำรใช้สัญชำตญำณ 3. กำรตอบสนองสิ่งเร้ำโดยอัตโนมัติ 4. กำรตอบสนองสิ่งเร้ำตำมพันธุกรรม
  • 35. 35 15. คนไทยในสังคมเมืองและชนบทมีค่ำนิยมที่สอดคล้องกันในเรื่องใด 1. รักควำมเป็นอิสระ 2. ไม่ชอบกำรแข่งขัน 3. ไม่ชอบคนแปลกหน้ำ 4. ชอบควำมสะดวกรวดเร็ว 16. ครูเกลียว เสร็จกิจ (ขวัญจิต ศรีประจันต์) ได้รับยกย่องให้เป็นครูภูมิปัญญำไทย ในฐำนะที่เป็นผู้ฟื้นฟู เพลงพื้นบ้ำนประเภทใด 1. เพลงเรือ 2. เพลงฉ่อย 3. เพลงอีแซว 4. เพลงรำโทน 17. ข้อใดเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ำประเทศมีลักษณะเป็นสำธำรณรัฐหรือไม่ 1. ประชำกรในรัฐ 2. ระบบเศรษฐกิจ 3. ประมุขของประเทศ 4. ระบอบกำรปกครอง 18. กิจกรรมใดมีส่วนสำคัญในกำรปูพื้นฐำนประชำธิปไตยในประเทศไทย 1. กำรจัดตั้งมณฑล 2. กำรจัดระบบภำษี 3. กำรจัดตั้งสุขำภิบำล 4. กำรจัดระบบเทศำภิบำล 19. ส่วนรำชกำรใดมีฐำนะเป็นกระทรวง 1. สำนักงบประมำณ 2. สำนักนำยกรัฐมนตรี 3. สำนักงำนตำรวจแห่งชำติ 4. สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ 20. รัฐธรรมนูญฉบับใดได้ชื่อว่ำเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชำมติ 1. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2517 2. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2534 3. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2540 4. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2550 21. ข้อใดคือสำเหตุที่ทำให้เกิดปัญหำพื้นฐำนทำงเศรษฐกิจ 1. ปัจจัยกำรผลิตมีรำคำสูงเกินไป 2. ปัจจัยกำรผลิตบำงชนิดมีรำคำต่ำเกินไป 3. ปัจจัยกำรผลิตมีน้อยกว่ำควำมต้องกำรใช้ 4. ปัจจัยกำรผลิตไม่กระจำยไปยังทุกภำคเศรษฐกิจ 22. ปัจจัยกำรผลิตใดเป็นปัจจัยคงที่ของโรงงำนตัดเย็บเสื้อผ้ำ 1. ผ้ำตัดเสื้อ 2. ช่ำงตัดผ้ำ 3. จักรเย็บผ้ำ 4. วัสดุตกแต่งเสื้อ
  • 36. 36 23. ข้อใดไม่ เป็นกำรคุ้มครองผู้บริโภค 1. กำรประกันรำคำอ้อย 2. กำรให้ติดป้ำยแสดงรำคำสินค้ำ 3. กำรขำยสินค้ำภำยใต้โครงกำรธงฟ้ำ 4. กำรควบคุมรำคำขำยปลีกน้ำตำลทรำย 24. ทรัพย์สินในข้อใดมีสภำพคล่องสูงสุด 1. ทองคำแท่งหนัก 5 บำท 2. พันธบัตรรัฐบำลไทยเข้มแข็ง 3. หุ้นสำมัญในตลำดหลักทรัพย์ 4. เงินฝำกประจำธนำคำร 9 เดือน 25. คุณค่ำของสหกรณ์ (cooperativevalues) ตรงกับข้อใดมำกที่สุด 1. ได้รับกำรยอมรับอย่ำงกว้ำงขวำงว่ำเป็นสถำบันที่มีคุณค่ำด้ำนกำรออมและกำรลงทุน 2. ตั้งอยู่บนพื้นฐำนแห่งคุณค่ำของกำรช่วยตนเอง รับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม 3. เชื่อมั่นว่ำสหกรณ์จะส่งเสริมให้สมำชิกมีคุณค่ำทำงจริยธรรมและมีควำมเสมอภำค 4. ปลูกฝังให้สมำชิกเข้ำใจว่ำสหกรณ์เป็นวิธีกำรที่มีคุณค่ำในกำรนำไปสู่กำรกินดีอยู่ดี 26. กำรจัดสรรปัจจัยกำรผลิตในระบบเศรษฐกิจแบบใดก่อให้เกิดกำรใช้ปัจจัยกำรผลิตอย่ำงสิ้นเปลือง มำกที่สุด 1. ระบบทุนนิยม 2. ระบบเสรีนิยม 3. ระบบสังคมนิยม 4. ระบบรัฐสวัสดิกำร 27. ถ้ำพ่อค้ำขำยข้ำวโพดฝักในรำคำที่สูงกว่ำรำคำดุลยภำพ ปัจจัยใดจะส่งผลให้รำคำชื้อขำยข้ำวโพด ต้องลดลง 1. อุปสงค์ส่วนเกิน 2. อุปทำนส่วนเกิน 3. กำรขำดแคลนอุปทำน 4. กำรล้นตลำดของอุปสงค์ 28. ปัจจุบันประเทศต่ำงๆนิยมใช้มำตรกำรใดในกำรจำกัดกำรค้ำเสรีระหว่ำงประเทศ 1. ตั้งกำแพงภำษีขำเข้ำ 2. ให้เงินอุดหนุนผู้นำเข้ำ 3. กำหนดโควตำกำรส่งออก 4. กำหนดมำตรฐำนคุณภำพสินค้ำเข้ำ 29. ข้อใดเป็นกำรลงทุนทำงตรงจำกต่ำงประเทศ 1. ชำวฝรั่งเศสซื้อพันธบัตรรัฐบำลไทย 2. ชำวญี่ปุ่นซื้อบริษัทธุรกิจของคนไทย 3. ชำวอเมริกันซื้อรถยนต์ที่ผลิตในไทย 4. ชำวสิงคโปร์ซื้อหุ้นในตลำดหลักทรัพย์ไทย
  • 37. 37 30. กำรพัฒนำเศรษฐกิจของไทยยังไม่ประสบควำมสำเร็จในเรื่องใด 1. กำรแก้ปัญหำเงินเฟ้อ 2. กำรแก้ปัญหำกำรว่ำงงำน 3. กำรสร้ำงศักยภำพให้ชุมชนเข้มแข็ง 4. กำรขยำยตลำดกำรค้ำระหว่ำงประเทศ 31. กำรเพำะปลูกของมนุษย์ยุคหินใหม่ในระยะเริ่มแรกใช้วิธีกำรแบบใด 1. นำดำ 2. นำหว่ำน 3. ไถพรวน 4. ไร่เลื่อนลอย 32. ควำมน่ำเชื่อถือของหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ประเมินได้จำกข้อใด 1. อำยุของหลักฐำน 2. ปริมำณของหลักฐำนที่พบ 3. ควำมสมบูรณ์ของหลักฐำน 4. ข้อสนเทศที่ปรำกฏในหลักฐำน 33. นักปรำชญ์คนใดที่แสดงทัศนะเกี่ยวกับคุณสมบัติของชนชั้นปกครองว่ำจะต้องมีควำมรู้ ควำมรับผิดชอบ และศีลธรรม 1. เพลโต 2. โฮเมอร์ 3. โสกรำตีส 4. อริสโตเติล 34. ข้อใดเป็นเหตุกำรณ์สำคัญที่ทำให้เกิดกำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ 1. กำรประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ 2. กำรค้นพบกฎแห่งควำมโน้มถ่วง 3. กำรค้นพบว่ำเส้นทำงโคจรของดำวเครำะห์เป็นรูปวงรี 4. กำรค้นพบว่ำดวงอำทิตย์เป็นศูนย์กลำงของระบบสุริยะ 35. ชำวอินคำเปรียบ “หยดเหงื่อแห่งพระอำทิตย์” และ “น้ำตำแห่งพระจันทร์”กับโลหะชนิดใด 1. เงิน และ ดีบุก 2. ทองคำ และ เงิน 3. ดีบุกและ ทองแดง 4. ทองแดง และ ทองคำ 36. พระบรมรำโชบำยสำคัญของสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำชภำยหลังกำรสถำปนำกรุงธนบุรีเน้นเรื่องใด เป็นอันดับแรก 1. กำรฟื้นฟูพระพุทธศำสนำ 2. กำรสร้ำงกองทัพให้เข้มแข็ง 3. กำรส่งเสริมกำรค้ำกับต่ำงชำติ 4. กำรแก้ไขปัญหำควำมอดอยำก 37. เอกสำรทำงรำชกำรของไทยฉบับใดที่ผลิตโดยเครื่องพิมพ์สมัยใหม่เป็นครั้งแรก 1. รำชกิจจำนุเบกษำ 2. สยำมจดหมำยเหตุ 3. ประกำศห้ำมสูบฝิ่น 4. กฎหมำยตรำสำมดวง
  • 38. 38 38. ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ในกำรเสด็จประพำสยุโรปครั้งแรกของพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำ เจ้ำอยู่หัว 1. เพื่อให้ชำติยุโรปยอมแก้ไขสนธิสัญญำเบำว์ริง 2. เพื่อกดดันให้ชำติยุโรปคืนดินแดนที่ยึดจำกไทย 3. เพื่อให้ต่ำงชำติยอมรับว่ำไทยมีเกียรติยศเสมอนำนำประเทศ 4. เพื่อแสดงให้เห็นว่ำไทยมีควำมเป็นกลำงในควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศ 39. ในช่วงปลำยรัชสมัยพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ชำวต่ำงชำติใดได้รับแต่งตั้งให้เป็น ที่ปรึกษำรำชกำรด้ำนกำรต่ำงประเทศ 1. ชำวอังกฤษ 2. ชำวฝรั่งเศส 3. ชำวอเมริกัน 4. ชำวเดนมำร์ก 40. “ตระพัง” เป็นภูมิปัญญำในเรื่องใดของคนยุคสุโขทัย 1. กำรชักน้ำ 2. กำรเก็บน้ำ 3. กำรระบำยน้ำ 4. กำรควบคุมทำงไหลของน้ำ 41. ข้อใดเป็นหินที่แปรมำจำกหินชั้น 1. หินสบู่ 2. หินปูน 3. หินอ่อน 4. หินดินดำน 42. ถ้ำต้องกำรศึกษำทะเลทรำยเขตอบอุ่น ควรไปที่ใด 1. ทะเลทรำยธำร์และทะเลทรำยดำชต์-อี-คำร์วีในทวีปเอเชีย 2. ทะเลทรำยสะฮำรำและทะเลทรำยกำลำฮำรีในทวีปแอฟริกำ 3. ทะเลทรำยกิบสันและทะเลทรำยซิมป์สันในทวีปออสเตรเลีย 4. ทะเลทรำยโมฮำวีและทะเลทรำยเกรตซอลต์เลกในทวีปอเมริกำเหนือ 43. หำกต้องกำรทรำบพิกัดภูมิศำสตร์ของโรงเรียนของท่ำน ควรใช้เครื่องมือใด 1. จีพีเอส 2. อำร์เอส 3. จีไอเอส 4. แผนที่ประเทศไทย 44. ข้อใดไม่ใช่ วิกฤตกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม 1. กำรเกิดแผ่นดินไหว 2. ควำมตื้นเขินของแหล่งน้ำ 3. ควำมจำกัดของจำนวนที่ดิน 4. กำรประกำศเขตป่ำเสื่อมโทรม 45. กำรประชุมครั้งที่ 7 ของกลุ่มประเทศภำยใต้อนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกำรเปลี่ยนแปลงภูมิอำกำศ ที่ประเทศโมร็อกโกเมื่อ พ.ศ. 2544 ได้เสนอประเด็นกำรแก้ปัญหำใดซึ่งมีผลมำถึงปัจจุบัน 1. ฝนกรด 2. ภำวะโลกร้อน 3. ปรำกฏกำรณ์เอลนีโญ 4. ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ
  • 39. 39 46. กำรที่ประเทศไทยกำหนดให้เลิกใช้สำรซีเอฟชีในกำรผลิตสินค้ำ เป็นกำรปฏิบัติตำมข้อตกลงใด 1. พิธีสำรเกียวโต 2. อนุสัญญำไซเตส 3. อนุสัญญำบำเซิล 4. พิธีสำรมอนทรีออล 47. ผู้ที่บุกรุกหรือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมำย มีควำมผิดตำมกฎหมำยใด 1. พระรำชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. 2518 2. พระรำชบัญญัติอุทยำนแห่งชำติ พ.ศ. 2504 3. พระรำชบัญญัติป่ำสงวนแห่งชำติ พ.ศ. 2507 4. พระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ พ.ศ. 2535 48. ข้อใดไม่ใช่ หลักกำรพื้นฐำนที่จะทำให้กำรมีส่วนร่วมของประชำชนในกำรประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ 1. กำรให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมำะสม 2. กำรตอบสนองต่อควำมเห็นหรือท่ำทีของประชำชน 3. กำรจำแนกกลุ่มผู้มีส่วนร่วมที่เหมำะสมและเป็นธรรม 4. กำรประเมินผลสำเร็จของกำรมีส่วนร่วมของประชำชน 49. UNEP ดำเนินงำนเกี่ยวกับเรื่องใด 1. กำรป้องกันชั้นโอโซน 2. ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 3. กำรควบคุมพืชป่ำและสัตว์ป่ำ 4. กำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ 50. กำรขึ้นทะเบียนมรดกโลกต้องได้รับกำรรับรองจำกหน่วยงำนใด 1. UNICEF 2. UNESCO 3. UNCTAD 4. UNESCAP ส่วนที่ 2 : แบบปรนัย4 ตัวเลือกมีคำตอบที่ถูกต้อง 2คำตอบ จำนวน50ข้อ (ข้อ51-100)ข้อละ 1 คะแนน ตอบถูก 1คำตอบ ได้ 0.5คะแนน ตอบถูก 2คำตอบ ได้ 1 คะแนน 51.ในศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู ผู้สูงอำยุจะปฏิบัติตำมหลักอำศรม 4ขั้นใด 1. สันยำสี 2. คฤหัสถ์ 3. วำนปรัสถ์ 4. พรหมจำรี
  • 40. 40 52. กำรที่พระเยซูทรงถูกตรึงไม้กำงเขนจนสิ้นพระชนม์ แสดงถึงสิ่งใด 1. กำรไถ่มนุษย์ออกจำกบำป 2. ควำมเสียสละของพระเจ้ำ 3. มนุษย์ได้รับกำรปลดปล่อยให้มีควำมสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้ำ 4. พระเจ้ำทรงประทำนพระบุตรมำชั่วครำวเพื่อสอนศีลธรรมให้มนุษย์ 53.นำยสนไปฆ่ำคนด้วยควำมแค้น ถูกจับ และตัดสินลงโทษให้จำคุกตลอดชีวิต เป็นกำรรับกรรมประเภทใด 1. ครุกรรม 2. อุปัชชเวทนียกรรม 3. อปรำปรเวทนียกรรม 4. ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม 54. ธรรมใดสอนเรื่องควำมเพียร 1. พละ 5 2. อิทธิบำท 4 3. วุฒิธรรม 4 4. อริยวัฑฒิ 5 55. พระธรรมโกศำจำรย์ (พุทธทำสภิกขุ) มีควำมสำคัญอย่ำงไร 1. เป็นผู้ได้ชื่อว่ำ “นักเทศน์ฝีปำกกล้ำ” 2. เป็นผู้ก่อตั้งโครงกำรสวนโมกข์นำนำชำติ 3. เป็นผู้เดินทำงไปเผยแผ่ธรรมยังทวีปยุโรป 4. เป็นผู้ใช้วิธี “คั้นแก่นธรรม” เพื่อสอนธรรม 56. คำว่ำ “พุทธ” มีควำมหมำยอย่ำงไร 1. ผู้รู้ ผู้ตื่น 2. ผู้หลุดพ้น 3. ผู้เบิกบำน 4. ผู้มีปัญญำ 57. ข้อใดไม่ ถูกต้อง 1. พระไตรปิฎกพัฒนำมำจำกพระธรรมวินัย 2. กำรบันทึกพระไตรปิฎกเป็นลำยลักษณ์อักษรครั้งแรกใช้ภำษำมคธ 3. พระไตรปิฎกได้รับกำรเผยแผ่ไปยังประเทศต่ำงๆ พร้อมกับคณะพระธรรมทูต 4. กำรสังคำยนำพระไตรปิฎกครั้งแรกทำในสมัยพุทธกำลโดยพระอำนนท์เป็นหัวหน้ำ 58. กำรทำบุญในงำนมงคล เมื่อพระสงฆ์นั่งประจำอำสนะแล้ว เจ้ำภำพจุดธูปเทียนบูชำพระ จะมีกำร อำรำธนำใดบ้ำง 1. อำรำธนำศีล 2. อำรำธนำพระสงฆ์ 3. อำรำธนำพระธรรม 4. อำรำธนำพระปริตร
  • 41. 41 59. ข้อใดคือประโยชน์ที่บุคคลได้รับจำกกำรบริหำรจิตตำมหลักสติปัฏฐำน 1. ทำให้ระลึกชำติไต้ 2. ทำให้เชื่อในบำปบุญคุณโทษ 3. ทำให้ร่ำงกำยแข็งแรงมีสุขภำพดี 4. ทำให้มีศรัทธำในพระพุทธศำสนำเพิ่มขึ้น 60. ผู้ปกครองประเทศควรยึดหลักใด สังคมจึงจะสงบสุขและมีสันติ 1. เบญจศีล 2. อริยวัฑฒิ 3. อปริหำนิยธรรม 4. ทศพิธรำชธรรม 61. ข้อใดไม่ใช่ กฎหมำยสำรบัญญัติ 1. กฎหมำยอำญำ 2. กฎหมำยลักษณะพยำน 3. กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ 4. พระธรรมนูญศำลยุติธรรม 62. ทรัพย์ในข้อใดเป็นอสังหำริมทรัพย์ 1. บ้ำน 2. รถยนต์ 3. สิทธิจำนำ 4. สิทธิจำนอง 63. สภำพบังคับตำมข้อใดเป็นกำรลงโทษทำงอำญำ 1. กำรปรับ 2. กำรยึดทรัพย์ 3. กำรริบทรัพย์สิน 4. กำรชดใช้ค่ำเสียหำย 64. ครอบครัวในข้อใดเป็นครอบครัวเดี่ยว 1. โต้งอยู่กับลุงและป้ำ 2. ตุ้มอยู่กับพ่อและแม่ 3. แต้วอยู่กับแม่และยำย 4. ต้อยอยู่กับพ่อและพี่ชำย 65. ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกำมีควำมแตกด่ำงกันในเรื่องใด 1. รูปแบบของรัฐ 2. ที่มำของรัฐบำล 3. ระบอบกำรปกครอง 4. เจ้ำของอำนำจอธิปไตย 66. หลักกำรใดสอดคล้องกับกำรปกครองแบบประชำธิปไตย 1. หลักเอกภำพ 2. หลักนิติธรรม 3. หลักเหตุผลแห่งรัฐ 4. หลักกำรกระจำยอำนำจ 67. กิจกรรมใดเป็นอำนำจของฝ่ำยบริหำร 1. กำรประกำศสงครำม 2. กำรตรำพระรำชกำหนด 3. กำรยุบสภำผู้แทนรำษฎร 4. กำรแต่งตั้งตุลำกำรศำลปกครอง
  • 42. 42 68. กำรจัดตั้งเอเปก (APEC) ทำให้ประเทศไทยมีควำมสัมพันธ์ทำงเศรษฐกิจกับประเทศใดมำกขึ้น 1. อินเดีย 2. กัมพูชำ 3. เกำหลีใต้ 4. ออสเตรเลีย 69. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2540 และ 2550 กำหนดเรื่องใดไว้ตรงกัน 1. ที่มำของสมำชิกวุฒิสภำ 2. ขนำดของคณะรัฐมนตรี 3. ผู้ดำรงตำแหน่งประธำนรัฐสภำ 4. จำนวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร 70. ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2550 กลุ่มบุคคลใดมีสิทธิเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติ 1. รัฐมนตรี 10 คน 2. สมำชิกวุฒิสภำ15คน 3. ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 10,000 คน 4. สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร 20 คน 71. กำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรโดยวิธีใดไม่เปิดโอกำสให้ประชำชนแสดงออกถึงควำมต้องกำรของตนเอง 1. กำรใช้ระบบตลำด 2. กำรอำศัยกลไกรำคำ 3. กำรตัดสินใจของรัฐบำล 4. กำรวำงแผนจำกส่วนกลำง 72. กำรผลิตในข้อใดเป็นกำรผลิตขั้นทุติยภูมิ 1. กำรทอผ้ำไหม 2. กำรทำเหมืองแร่ 3. กำรขนส่งทำงน้ำ 4. กำรทำผลไม้กระป๋อง 73. ปัจจัยข้อใดมีอิทธิพลต่อกำรตัดสินใจซื้อปลำทับทิมของผู้บริโภค 1. รำคำปลำนิล 2. รำยได้ที่ได้รับ 3. จำนวนผู้ขำยปลำ 4. บริกำรปรุงสุกพร้อมบริโภค 74. มำตรกำรของนโยบำยกำรคลังข้อใดเป็นกำรกระตุ้นภำวะเศรษฐกิจ 1. เพิ่มเงินคงคลัง 2. เพิ่มรำยจ่ำยเงินโอน 3. ลดอัตรำภำษีมูลค่ำเพิ่ม 4. ลดกำรลงทุนแข่งกับเอกชน 75. กำรปฏิบัติตนตำม “ทฤษฎีใหม่” ทำให้เกิดประโยชน์อย่ำงไร 1. พึ่งตนเองได้ 2. มีที่ดินเป็นของตนเอง 3. มีฐำนะเศรษฐกิจมั่งคั่ง 4. เกิดควำมสำมัคคีในชุมชน 76. ข้อใดไม่ใช่ วัตถุประสงค์ของรัฐบำลในกำรเข้ำแทรกแซงกลไกรำคำ 1. เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิต 2. เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค 3. เพื่อให้รำคำดุลยภำพต่ำลง 4. เพื่อให้ตลำดสินค้ำอยู่ในภำวะสมดุล 77.พ่อค้ำไทยส่งน้ำตำลทรำยออกไปขำยต่ำงประเทศมูลค่ำ 500 ล้ำนบำท รำยกำรดังกล่ำวรวมอยู่ในดุลข้อใด 1. ดุลกำรค้ำ 2. ดุลบัญชีรำยได้ 3. ดุลบัญชีเดินสะพัด 4. ดุลบัญชีทุนเคลื่อนย้ำยสุทธิ
  • 43. 43 78. กองทุนกำรเงินระหว่ำงประเทศให้ประเทศสมำชิกกู้ยืมเงินเพื่อนำไปแก้ปัญหำใด 1. ดุลกำรชำระเงินขำดดุลมำก 2. เงินคงคลังของรัฐบำลลดลงมำก 3. เงินสำรองระหว่ำงประเทศต่ำมำก 4. หนี้สำธำรณะของรัฐบำลเพิ่มขึ้นมำก 79. ถ้ำรัฐบำลจำเป็นต้องตั้งงบประมำณแบบขำดดุล รัฐบำลก่อหนี้ได้โดยวิธีใด 1. ออกตั๋วเงินคลังขำยเอกชน 2. ออกพันธบัตรขำยประชำชน 3. กู้เงินระยะยำวจำกต่ำงประเทศ 4. กู้เงินระยะสั้นจำกสถำบันกำรเงินในประเทศ 80. ข้อใดเป็นเครื่องชี้ระดับกำรพัฒนำเศรษฐกิจของประเทศ 1. อัตรำเงินเฟ้อ 2. อัตรำผู้ไม่รู้หนังสือ 3. ค่ำเงินของประเทศ 4. ผลิตภัณฑ์มวลรวมที่แท้จริงเฉลี่ย 81. พีระมิดในอำรยธรรมอียิปต์สร้ำงขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด 1. ใช้เป็นศำสนสถำน 2. ใช้เป็นสถำนที่เก็บพระศพฟำโรห์ 3. แสดงถึงควำมเชื่อในเรื่องกำรฟื้นคืนชีพ 4. แสดงถึงอำนำจและควำมมั่นคงของอำณำจักร 82. เรื่องใดเป็นหลักฐำนประเภทตำนำน 1. สังคีติยวงศ์ 2. ท้ำวแสนปม 3. มังรำยศำสตร์ 4. ไตรภูมิพระร่วง 83. รูปแบบใดเป็นสถำปัตยกรรมของยุโรปในสมัยกลำง 1. Gothic 2. Baroque 3. Neo-classic 4. Romanesque 84. จักรวรรดิอินเดียได้รับอิทธิพลทำงศิลปะด้ำนใดจำกกรีกและเปอร์เซีย 1. จิตรกรรม 2. นำฏกรรม 3. ประติมำกรรม 4. สถำปัตยกรรม 85. กำรปฏิวัติอุตสำหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงำนใด 1. ไอน้ำ 2. น้ำมัน 3. ถ่ำนหิน 4. แรงงำนคนและสัตว์
  • 44. 44 86. สงครำมใดเกิดขึ้นในยุคสงครำมเย็น 1. สงครำมเกำหลี 2. สงครำมเวียดนำม 3. สงครำมอ่ำวเปอร์เซีย 4. สงครำมระหว่ำงอินเดียและปำกีสถำน 87. หมอบรัดเลย์มีผลงำนเผยแพร่วิทยำกำรตะวันตกในด้ำนใด 1. กำรช่ำง 2. กำรพิมพ์ 3. กำรแพทย์ 4. กำรทำแผนที่ 88. สินค้ำส่งออกที่สำคัญของไทยภำยหลังกำรลงนำมในสนธิสัญญำเบำว์ริง นอกจำกข้ำวแล้ว ยังประกอบด้วยสินค้ำชนิดใด 1. ดีบุก 2. ไม้สัก 3. ของป่ำ 4. น้ำตำลทรำย 89. เหตุกำรณ์ใดไม่ ได้เกิดขึ้นในรัชสมัยพระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว 1. กำรเริ่มเก็บเงินรัชชูปกำร 2. กำรเข้ำร่วมในสงครำมโลกครั้งที่ 1 3. กำรประกำศใช้พระรำชบัญญัติเกณฑ์ทหำร 4. กำรสร้ำงดุสิตธำนีเป็นเมืองประชำธิปไตยจำลอง 90. ภำยหลังสงครำมโลกครั้งที่ 1 ไทยขอให้มีกำรแก้ไขสนธิสัญญำเบำว์ริงในเรื่องใด 1. เขตแดน 2. ภำษีอำกร 3. คนในบังคับต่ำงชำติ 4. สิทธิสภำพนอกอำณำเขต 91. ในประเทศไทยมีกำรใช้ประโยชน์จำกภูมิประเทศแบบภูเขำไฟอย่ำงไร 1. ทำนำ 2. ปลูกพืชไร่ 3. ทำบ่อพลอย 4. นำหินภูเขำไฟมำย่อยเป็นวัสดุก่อสร้ำง 92. เหตุใดดินอินทรีย์จึงไม่ เหมำะสมสำหรับกำรปลูกพืชเศรษฐกิจ 1. ระบำยน้ำเร็ว เก็บน้ำไม่อยู่ 2. ขำดสำรอำหำรบำงชนิดรุนแรง 3. มีชั้นหินพื้นในระดับตื้นกว่ำครึ่งเมตร 4. เมื่อแห้งมักเกิดไฟป่ำและยุบตัวในบำงครั้ง 93. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับเส้นเมริเดียน 1. ยำวเท่ำกันทุกเส้น 2. สอบเข้ำหำกันที่ขั้วโลก 3. ยำวที่สุดบริเวณศูนย์สูตร 4. แบ่งโลกออกเป็น 2 ซีกเท่ำๆ กัน
  • 45. 45 94. ใครใช้เครื่องมือหำข้อมูลภูมิคำสตร์ได้อย่ำงเหมำะสม 1. สมศรีใช้ anemometerวัดปริมำณน้ำฝนในหมู่บ้ำน 2. สมศักดิ์ใช้ barometer วัดอุณหภูมิภำยในห้องเรียน 3. สมชำยใช้ stereoscope มองภำพสำมมิติในรูปถ่ำยทำงอำกำศ 4. สมหญิงใช้ planimeter หำพื้นที่ของจังหวัดในแผนที่ 1 : 250,000 95. ข้อใดเป็นเครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ประเภทให้ข้อมูล 1. แผนที่ 2. กล้องวัดระดับ 3. ภำพจำกดำวเทียม 4. เครื่องย่อขยำยแผนที่ 96. พลังงำนหมุนเวียนประเภทใดควรมีกำรพัฒนำในชนบทเพื่อแก้ปัญหำกำรขำดแคลนพลังงำน 1. พลังงำนไฟฟ้ำ 2. พลังงำนชีวมวล 3. พลังงำนแสงอำทิตย์ 4. พลังงำนควำมร้อนใต้พิภพ 97. กำรสร้ำงสรรค์วัฒนธรรมในข้อใดเป็นกำรใช้ประโยชน์จำกสิ่งแวดล้อม 1. กำรทำนำปี 2. กำรจุดบั้งไฟ 3. กำรทำนำเกลือ 4. กำรแห่นำงแมว 98. กำรกระทำของใครส่งผลดีต่อกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 1. แต้มเลี้ยงไก่บนบ่อปลำ 2. ตั้มทำไร่หมุนเวียนบนลำดเขำ 3. ต้อมช่วยเพื่อนบ้ำนสร้ำงฝำยชะลอน้ำในลำห้วยใกล้หมู่บ้ำน 4. ตุ้มใช้ทฤษฎีใหม่ในกำรจัดกำรพื้นที่ถือครองทำงกำรเกษตร 99. ข้อใดสอดคล้องกับหลักกำร recycle 1. กำรเพำะพันธุ์สัตว์ป่ำหำยำก 2. กำรเลือกตัดต้นไม้ในป่ำปลูก 3. กำรบำบัดน้ำเสียก่อนนำมำใช้ 4. กำรนำแกลบไปเป็นส่วนผสมในเชื้อเพลิงพลังงำนสูง 100. ข้อใดเป็นกำรใช้ทรัพยำกรเพื่อกำรพัฒนำที่ยั่งยืน 1. กำรปลูกป่ำชำยเลน 2. กำรสร้ำงเขื่อนอเนกประสงค์ในพื้นที่แห้งแล้ง 3. กำรนำกล่องนมที่ดื่มแล้วไปแปรรูปเป็นโต๊ะเก้ำอี้ 4. กำรร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้ำนในกำรพัฒนำแหล่งพลังงำนอย่ำงกว้ำงขวำง
  • 46. 46 เฉลยข้อสอบ ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O- NET วิชาสังคมศึกษาม.4-6 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 1. 3 ทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ในชมพูทวีปเรื่องควำมสุขและทุกข์นั้น แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มที่เชื่อว่ำควำมสุขและทุกข์ในชีวิตนั้นเกิดขึ้นเอง โดยไม่มีเหตุ ปัจจัย เช่น ลัทธิมักขลิโคศำล กับกลุ่มที่เชื่อว่ำ ควำมสุขและทุกข์นั้นมีเหตุปัจจัย เช่น พระพุทธศำสนำ 2. 1 หมอชีวกโกมำรภัจจ์เป็นเด็กกำพร้ำที่อภัยรำชกุมำรเก็บมำเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมและ โดนเด็กๆ ในวังล้อเลียนว่ำ เป็นลูกไม่มีพ่อ แต่ไม่ต่อล้อต่อเถียง กลับมุ่งขวนขวำย เอำชนะบุคคลเหล่ำนั้นด้วยกำรศึกษำเล่ำเรียนวิชำแพทย์จนสำเร็จ และประกอบอำชีพ อย่ำงมีคุณธรรม ขยันขันแข็ง จนเป็นที่เคำรพของบุคคลทั่วไปได้ 3. 1 วิภำวำงเฉยเมื่อเพื่อนถูกดำเนินคดีในควำมผิดที่เขำก่อขึ้น สอดคล้องกับกุศลวิตก ข้ออวิหิงสำวิตกคือ ควำมนึกคิดที่ปลอดจำกกำรเบียดเบียน ไม่คิดร้ำย ไม่มุ่งทำลำย และปล่อยให้เป็นไปตำมครรลองคลองธรรม 4. 1 เปิ้ลจัดรถไปรับและส่งท่ำนตำมเวลำที่นิมนต์ เป็นกำรปฏิบัติตนต่อพระสงฆ์ได้ ถูกต้องเหมำะสมตำมหลักกำรปฏิสันถำรต่อพระสงฆ์ โดยเพื่ออำนวยควำมสะดวก ในกำรเดินทำงแก่พระสงฆ์ 5. 3 วันอัฏฐมีบูชำ-ไตรลักษณ์ เป็นหลักธรรมที่สอดคล้องสัมพันธ์กับวันสำคัญทำง พระพุทธศำสนำที่ถูกต้อง เนื่องจำกวันอัฏฐมีบูชำเป็นวันคล้ำยวันถวำยพระเพลิง พุทธสรีระของพระพุทธเจ้ำภำยหลังกำรเสด็จดับขันธ์ปรินิพพำน หลักธรรมที่ พุทธศำสนิกชนควรพึงระลึกถึงเป็นเบื้องต้น ได้แก่ ควำมไม่ประมำท ควำมไม่จีรัง ยั่งยืนของชีวิต ตลอดจนสรรพสิ่งทั้งปวง อันเป็นส่วนหนึ่งของหลักไตรลักษณ์ที่ ประกอบด้วย อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตำ 6. 2 กำรเข้ำร่วมพิธีกรรมในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ เป็นกำรปฏิบัติตนเพื่อธำรงไว้ ซึ่งพุทธวัฒนธรรมที่เหมำะสมกับสถำนภำพของนักเรียนมำกที่สุด เนื่องจำกพิธีกรรม ต่ำงๆ แม้มิใช่แก่นแท้ของพระพุทธศำสนำ หำกแต่มีบทบำทในกำรช่วยโอบอุ้มและ น้อมนำควำมศรัทธำของพุทธศำสนิกชนและบุคคลอื่นๆ ให้เข้ำถึงพระธรรมคำสอน ได้ 7. 4 คริสต์ศำสนำเชื่อว่ำมีพระเป็นเจ้ำองค์เดียว แต่มี 3 พระบุคคล ได้แก่ พระบิดำ เป็น
  • 47. 47 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ ผู้สร้ำงโลกมนุษย์และสรรพสิ่ง พระบุตร เป็นพระเยซูคริสต์ และพระจิตเป็นพระเป็น เจ้ำในฐำนะที่ปรำกฏในจิตวิญญำณของมนุษย์ เพื่อเกื้อหนุนให้มนุษย์มีคุณธรรม ควำมดี 8. 4 หลักปฏิบัติ 5 ประกำรของศำสนำอิสลำมนั้น กำรประกอบพิธีฮัจญ์เป็นบทบัญญัติ เพียงข้อเดียวที่มิได้บังคับแก่ชำวมุสลิมทุกคน แต่ผู้ที่มีควำมพร้อมทั้งด้ำนสุขภำพและ ทุนทรัพย์จะต้องเดินทำงไปประกอบพิธีฮัจญ์อย่ำงน้อย 1 ครั้งในชีวิต ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซำอุดีอำระเบีย 9. 4 พระพุทธศำสนำมิได้ปฏิเสธควำมต้องกำรอันเป็นเป้ำหมำยของมนุษย์ปุถุชนทั่วไป เพียงแต่ชี้แนะว่ำ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นมำกเกินไป ถ้ำเรำต้องกำรอะไรหรืออยำกเป็น อะไร ก็ให้ใช้ควำมพยำยำมให้เต็มที่และต้องเป็นวิธีที่สุจริต แต่ไม่ควรอยำกได้อยำก มีเพรำะควำมยึดมั่นถือมั่น ดังนั้น กำรที่ปอใฝ่ฝันอยำกเป็นแพทย์ แล้วตั้งใจเรียนอย่ำง มำกจึงเป็นควำมพยำยำมที่สุจริต และไม่ได้คิดว่ำต้องเป็นแพทย์เพื่อควำมร่ำรวย แต่ เพื่อช่วยชีวิตคน จึงมิใช่ควำมยึดมั่นถือมั่น ไม่ตกเป็นทำสของเงิน ได้สัมผัสกับ “อิสรภำพ” ทำงจิตในระดับของปุถุชน 10. 4 ญำตัตถจริยำ คือ พุทธจริยำเพื่อประโยชน์แก่พระประยูรญำติทั้งหลำย โดย พระพุทธเจ้ำทรงสงเครำะห์ทั้งพระญำติฝ่ำยศำกยวงศ์ของพระรำชบิดำและฝ่ำยโกลิ ยวงศ์ของพระรำชมำรดำ เช่น เสด็จไปโปรดพระรำชบิดำและพระประยูรญำติที่กรุง กบิลพัสดุ์หลังตรัสรู้แล้ว เสด็จขึ้นไปโปรดพระรำชมำรดำบนสวรรค์ชั้นดำวดึงส์ ทรงชักนำให้ขัตติยกุมำรจำกศำกยวงศ์ออกบวช ทรงระงับสงครำมแย่งน้ำทำ กำรเกษตรในแม่น้ำโรหิณีระหว่ำงศำกยวงศ์และโกลิยวงศ์ เป็นต้น 11. 2 หำกฆรำวำสมีควำมสงสัยในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศำสนำ สำมำรถหำ ควำมรู้เพิ่มเติมได้โดยกำรอ่ำนหนังสือหรือศึกษำจำกอินเทอร์เน็ต รวมทั้งสำมำรถ ซักถำมพระภิกษุสงฆ์ได้ เพรำะท่ำนเป็นผู้ที่ได้ศึกษำและรอบรู้หลักธรรมมำกกว่ำ ชำวบ้ำนทั่วไป จึงช่วยคลำยข้อกังขำในพระธรรมแก่ฆรำวำสได้ สำหรับสิ่งอื่นที่ ฆรำวำสพึงกระทำต่อพระสงฆ์ได้ เช่น กำรถวำยอุปถัมภ์ด้วยปัจจัย 4ได้แก่ อำหำร ยำ รักษำโรค เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อำศัย อันเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐำนในกำรดำรงชีวิต กำรให้ควำมเคำรพต่อท่ำน เป็นต้น ข้อ 1, 3 และ 4 เป็นสิ่งที่ฆรำวำสไม่ควรกระทำต่อ พระสงฆ์เป็นอย่ำงยิ่ง เพรำะไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่อย่ำงใด 12. 2 กำรสวดมนต์ไหว้พระอย่ำงสม่ำเสมอ มีคุณค่ำและประโยชน์มำกมำย ได้แก่ 1. ช่วยให้จิตใจสงบ เยือกเย็น 2. ช่วยให้เกิดควำมกระปรี้กระเปร่ำ กระฉับกระเฉง
  • 48. 48 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 3. เป็นส่วนหนึ่งของประเพณี พิธีกรรมที่ดีของสังคมไทย 4. กำรสวดมนต์โดยรู้คำแปลและควำมหมำย ทำให้ผู้สวดเกิดปัญญำ 5. เป็นกำรฝึกจิตให้มีสมำธิ เพรำะขณะสวดมนต์จะต้องตั้งใจและสำรวมใจให้ แน่วแน่ 13. 2 พรหมวิหำร 4 ประกอบด้วย เมตตำ กรุณำ มุทิตำ และอุเบกขำ บุปผำเห็นสุนัขจรจัด ถูกรถเฉี่ยวบำดเจ็บ จึงอุ้มไปหำสัตวแพทย์ จัดเป็นควำมกรุณำ ซึ่งหมำยถึง ควำม ปรำรถนำจะช่วยผู้อื่นให้พ้นจำกควำมทุกข์ยำกลำบำก ข้อ 1. จัดเป็นหลักธรรมเรื่องขันติ หรือควำมอดทน ข้อ 3. จัดเป็นหลักธรรมเรื่องวิริยะ หรือควำมขยันหมั่นเพียร ในอิทธิบำท 4 ข้อ 4. จัดเป็นหลักธรรมเรื่องหิริโอตตัปปะ หิริ คือ ควำมละอำยต่อกำรทำบำป โอตตัปปะ คือ ควำมเกรงกลัวต่อผลของบำป 14. 2 หลังจำกที่ชำวสิขผ่ำนพิธีปำหุลหรือพิธีล้ำงบำปแล้วจะรับเอำกทั้ง5ประกำรไว้กับตน ได้แก่ 1. เกศ คือ กำรไม่ตัดผล 2. กังฆำ คือ กำรมีหวีขนำดเล็กเสียบผม 3. กฉำ คือ กำรใส่กำงเกงขำสั้น 4. กรำ คือ กำรใส่กำไลมือที่ทำจำกเหล็ก 5. กิรปำน คือ กำรพกดำบ ข้อ 1. ศูนย์กลำงของศำสนำสิขอยู่ที่รัฐปัญจำบ ประเทศอินเดีย ข้อ 3. ศำสดำองค์แรกของศำสนำสิข คือ คุรุนำนักศำสดำองค์สุดท้ำย คือ คุรุโค วินทสิงห์ ข้อ 4. เป็นศำสนำที่เกิดขึ้นเพื่อประนีประนอมระหว่ำงศำสนำฮินดูและศำสนำ อิสลำม เนื่องจำกในช่วงเวลำนั้นชำวฮินดูและชำวมุสลิมในอินเดียมี ควำมขัดแย้งกันอย่ำงรุนแรง 15. 4 สันยัสตำศรม อยู่ในช่วงอำยุ 76 ปี ขึ้นไปเป็นอำศรมขั้นสุดท้ำยของชีวิตผู้ปรำรถนำ จะบรรลุโมกษะหรือควำมหลุดพ้นจำกทุกข์ ต้องออกบวชถือเพศพรหมจรรย์ตลอด ชีวิต เรียกว่ำ “สันยำสี” สันยำสีจะบำเพ็ญสมำธิ พยำยำมแสวงหำโมกษะธรรมเพื่อจะ ได้ทรำบชัดว่ำตนเป็นใคร พระพรหมเป็นใคร บำเพ็ญเพียรตำมหลักศำสนำเพื่อ จุดหมำยปลำยทำงของชีวิต คือ โมกษะ 16. 2 พระพุทธศำสนำเป็นศำสนำแห่งเหตุผล เพรำะพระพุทธศำสนำเน้นว่ำทุกสิ่งในโลก นี้ เกิดขึ้นมำเพรำะมีเหตุปัจจัย และเสื่อมสลำยไปเมื่อหมดเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดเกิด ขึ้นมำเองหรือเกิดขึ้นมำลอยๆ หรือดับสลำยไปเฉยๆ โดยไม่มีเหตุปัจจัย 17. 4 พระอำนนท์เป็นพุทธอุปัฏฐำกต้องคอยปรนนิบัติรับใช้ พระพุทธเจ้ำอย่ำงใกล้ชิด ทำ
  • 49. 49 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ ให้ท่ำนไม่มีเวลำบำเพ็ญเพียรทำงจิตเพื่อมรรคผลนิพพำน แม้ว่ำท่ำนได้บรรลุเป็น พระอริยบุคคลระดับพีระโสดำบันตั้งแต่ตอนออกบวชใหม่ๆ แล้ว แต่ท่ำนก็ยังมิได้ เป็นพระอรหันต์ดังเช่นพระสำวกอื่น จนกระทั่งถึงคืนก่อนวันเริ่มสังคำยนำ พระไตรปิฎกครั้งที่ 1 พระอำนนท์จึงสำมำรถบำเพ็ญเพียรจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้สำเร็จ 18. 3 นิวรณ์ 5 คือ สิ่งที่กีดกั้นจิตมิให้บรรลุควำมดี และขัดขวำงจิตมิให้ก้ำวหน้ำในกุศล ธรรม มี 5 ประกำร ดังนี้ 1. กามฉันท์ หมำยถึง ควำมอยำกได้ในกำมคุณทั้ง 5 ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส 2. พยาบาท หมำยถึง ควำมคิดปองร้ำย คิดอำฆำตมำดร้ำย 3. ถีนมิทธะ หมำยถึง ควำมหดหู่เซื่องซึม ควำมง่วงเหงำหำวนอน 4. อุทธัจจกุกกุจจะ หมำยถึง ควำมฟุ้งซ่ำนและรำคำญ 5. วิจิกิจฉา หมำยถึง ควำมลังเลสงสัย 19. 2 พระไตรปิฎก คือ คัมภีร์ที่บันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้ำ มีอยู่ 3 ปิฎกได้แก่ 1. พระวินัยปิฎก ว่ำด้วยสิกขำบท (ศีล) ของภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ รวมถึง พิธีกรรมต่ำงๆ 2. พระสุตตันตปิฎก ว่ำด้วยเทศนำของพระพุทธเจ้ำและพระสำวกสำคัญที่ แสดงแก่บุคคลต่ำงๆ ตำมวำระโอกำส เป็นรูปคำสนทนำบ้ำง คำบรรยำยบ้ำง เป็นร้อยแก้วบ้ำง ร้อยกรองบ้ำง กล่ำวถึงบุคคลและเหตุกำรณ์ 3. พระอภิธรรมปิฎกว่ำด้วยหลักธรรมต่ำงๆ ที่อธิบำยในแง่วิชำกำรล้วนๆ ไม่ เกี่ยวกับบุคคลและเหตุกำรณ์ 20. 4 พิธีศีลมหำสนิทหรือพิธีมิสซำ เป็นพิธีที่สืบเนื่องมำจำกกำรเลี้ยงพระกระยำหำรค่ำ มื้อสุดท้ำย (The Last Supper) ของพระเยซูคริสต์กับสำวก 12 องค์ วัตถุประสงค์ของ พิธีนี้ เพื่อระลึกถึงชีวิตและคำสอนของพระองค์ รวมถึงเพื่อให้เลือดเนื้อของชำวคริสต์ และเลือดเนื้อของพระเยซูคริสต์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ชำวคริสต์จะประกอบพิธีนี้ ร่วมกันในโบสถ์ทุกวันอำทิตย์ โดยต้องอดอำหำรก่อน 1 ชั่วโมง แล้วจึงสวดบทสวด ต่ำงๆ ตำมที่กำหนด เมื่อถึงเวลำรับศีลก็เดินไปคุกเข่ำหรือยืนที่โต๊ะ แล้วรับขนมปัง ซึ่งแทนพระวรกำยของพระเยซูคริสต์และเหล้ำองุ่นซึ่งแทนพระโลหิตของพระเยซู คริสต์มำรับประทำน 21. 2 เพรำะมนุษย์มีควำมสำมำรถทำงสมองสูงกว่ำสัตว์อื่นๆ ซึ่งกำรที่มนุษย์มีสมองที่เป็น
  • 50. 50 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ เลิศย่อมทำให้มนุษย์มีกำรคิดค้นและพัฒนำองค์ควำมรู้ ซึ่งจะต้องมีกำรติดต่อสื่อสำร กันระหว่ำงบุคคลเพื่อถ่ำยทอดหรือแลกเปลี่ยนองค์ควำมรู้ต่ำงๆ กำรอยู่ร่วมกันจึง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ 22. 3 เพรำะครอบครัวคือสถำบันที่ให้กำเนิดมนุษย์ในสังคม และมีหน้ำที่ในกำรอบรมบ่ม นิสัยปลูกฝังแบบแผนที่ดีของสังคมรวมถึงถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ต่ำงๆ แก่สมำชิกของ ครอบครัว จึงถือเป็นสถำบันทำงสังคมที่มีควำมสำคัญที่สุด 23. 4 เพรำะสถำบันกำรเมืองกำรปกครองมีหน้ำที่หลักในกำรสร้ำงควำมมั่นคงและรักษำ สิทธิประโยชน์ของประเทศชำติ โดยมีกำรวำงนโยบำยต่ำงๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ ประชำชน และดำเนินกำรตำมนโยบำยที่วำงไว้ให้ประสบผลสำเร็จ 24. 1 เพรำะสถำนภำพสัมฤทธิ์คือสถำนภำพที่ได้มำด้วยควำมรู้ควำมสำมำรถของบุคคลผู้ นั้น ซึ่งกำรที่แก้วได้เลื่อนตำแหน่งก็มำจำกกำรที่แก้วใช้ควำมรู้ ควำมสำมำรถของตน เพื่อควำมก้ำวหน้ำในอำชีพกำรงำน ส่วนในข้ออื่นๆ เป็นสถำนภำพที่ติดตัวมำแต่ กำเนิด 25. 3 เพรำะกำรรำโนรำเป็นวัฒนธรรมของภำคใต้ที่มำจำกควำมเชื่อในหลักคำสอนทำง พระพุทธศำสนำ และมีกำรผสมผสำนกับควำมเชื่อจำกศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู ส่วน ในข้ออื่นเป็นวัฒนธรรมของภำคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งสิ้น 26. 4 เพรำะวัฒนธรรมต่ำงชำตินั้นมีควำมหลำกหลำยซึ่งหำกเรำเลือกวัฒนธรรมที่เป็น ประโยชน์และสำมำรถนำมำปรับใช้ในสังคมไทยได้ ก็จะช่วยให้กำรดำเนินชีวิตของ เรำมีควำมสุข 27. 2 เพรำะในปัจจุบันในโลกสำกลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลำงในกำรติดต่อสื่อสำรกัน อย่ำงแพร่หลำย เนื่องจำกสำมำรถติดต่อสื่อสำรกันได้ทั่วทุกมุมโลกประหยัดเวลำ และค่ำใช้จ่ำย อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมข่ำวสำรข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกำร ดำเนินชีวิต 28. 1 เพรำะในฐำนะที่เรำเป็นลูกหน้ำที่หลักของเรำคือกำรเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ตั้งใจศึกษำหำควำมรู้ และช่วยแบ่งเบำภำระของพ่อแม่เท่ำที่เรำจะทำได้ 29. 3 เพรำะกำรที่สมำชิกในชุมชนทุกคนให้ควำมสำคัญต่อกำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ ชุมชนย่อมส่งผลให้ชุมชนมีควำมเข้มแข็งและพัฒนำ สมำชิกของชุมชนก็สำมำรถอยู่ ร่วมกันได้อย่ำงมีควำมสุข และมีคุณภำพชีวิตที่ดี 30. 2 เพรำะกำรรับฟังควำมคิดเห็นที่แตกต่ำงถือเป็นกำรเคำรพสิทธิส่วนบุคคลอย่ำงหนึ่ง และจะนำมำซึ่งกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติ อันเป็นหลักกำรสำคัญประกำรหนึ่งตำมวิถี
  • 51. 51 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ ประชำธิปไตย 31. 3 เพรำะกำรเสียภำษีอำกรถือเป็นหน้ำที่อย่ำงหนึ่งของพลเมืองที่ดี เพรำะภำษีอำกร เปรียบเสมือนรำยได้หลักของประเทศ ซึ่งรัฐจะสำมำรถนำเงินภำษีที่จัดเก็บได้ไป พัฒนำประเทศให้มีควำมเจริญก้ำวหน้ำ เพื่อเศรษฐกิจมีกำรขับเคลื่อนอย่ำงเต็มที่ 32. 3 เพรำะเหตุกำรณ์สงครำมโลกครั้งที่ 2 มีควำมทำรุณโหดร้ำยอย่ำงมำกนำมำซึ่งควำม สูญเสียต่อชีวิตมนุษย์และทรัพย์สินต่ำงๆ จำนวนมหำศำล ทำให้หลำยๆ ประเทศทั่ว โลกเกรงว่ำจะเกิดเหตุกำรณ์ดังกล่ำวขึ้นอีก ดังนั้นจึงได้มีกำรจัดตั้งองค์กำร สหประชำชำติขึ้นและได้มีกำรผลักดันให้เกิดปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชำชำติ เพื่อเป็นแนวทำงในกำรคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 33. 4 ประเทศไทยเข้ำร่วมเป็นภำคีพันธกรณีกับปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชน ทั้งหมด 6 ฉบับ ได้แก่ อนุสัญญำว่ำด้วยสิทธิเด็กกติกำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิ ทำงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม กติกำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิพลเมืองและ สิทธิทำงกำรเมือง อนุสัญญำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยกำรขจัดกำรเลือกปฏิบัติทำงเชื้อ ชำติในทุกรูปแบบ อนุสัญญำว่ำด้วยกำรขจัดกำรเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และอนุสัญญำว่ำด้วยกำรต่อต้ำน กำรทรมำนและกำรทำรุณกรรมตลอดจนกำร ปฏิบัติหรือกำรลงโทษที่ลดทอนคุณค่ำของมนุษย์ 34. 1 เพรำะหลักสิทธิมนุษยชนนั้นควำมสำคัญกับควำมเท่ำเทียมของมนุษย์ ดังนั้นผู้ชำย และผู้หญิงย่อมมีศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์เท่ำกัน ไม่มีใครดีกว่ำ เก่งกว่ำ หรืออยู่ เหนือกว่ำ หำกแต่ขึ้นอยู่กับควำมสำมำรถของแต่ละบุคคลซึ่งมีโอกำสในกำรพัฒนำ ทักษะควำมสำมำรถเท่ำกัน 35. 2 เพรำะกำรปกครองระบอบประชำธิปไตยถือว่ำอำนำจอธิปไตยเป็นอำนำจสูงสุดที่ใช้ ในกำรปกครองประเทศ ซึ่งเป็นอำนำจของประชำชน โดยผู้ที่จะได้อำนำจปกครองนี้ จะต้องได้รับควำมยินยอมจำกประชำชนส่วนใหญ่ของประเทศ 36. 4 เพรำะในระบอบเผด็จกำร ผู้นำมีอำนำจสูงสุดในกำรบริหำรประเทศแต่เพียงผู้เดียว ประชำชนมีหน้ำที่เชื่อฟังและปฏิบัติตำมอย่ำงเคร่งครัด หำกผู้ใดฝ่ำฝืนก็จะได้รับกำร ลงโทษอย่ำงรุนแรง 37. 2 เพรำะรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 ได้กำหนดให้ผู้ตรวจกำร แผ่นดิน เป็นองค์กรอิสระ มีอำนำจหน้ำที่ เช่น ตรวจสอบกำรละเลยกำรปฏิบัติหน้ำที่ หรือกำรปฏิบัติหน้ำที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมำยขององค์กรตำมรัฐธรรมนูญและ องค์กรในกระบวนกำรยุติธรรม เป็นต้น
  • 52. 52 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 38. 4 เพรำะบทบำทหน้ำที่หลักของพรรคกำรเมือง ได้แก่ วำงนโยบำยเพื่อแก้ไขปัญหำของ ประเทศ พิจำรณำเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมำะสมลงรับสมัครเลือกตั้งในนำมของ พรรค ดำเนินกำรหำเสียงเลือกตั้ง นำนโยบำยของพรรคที่แถลงแก่ประชำชนไป ปฏิบัติอย่ำงจริงจัง ให้กำรศึกษำและอบรมควำมรู้ทำงกำรเมือง และหน้ำที่ในกำร ควบคุมกำรทำงำนของรัฐบำล 39. 3 รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 ของ ประเทศไทย และเป็นรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกำสให้ประชำชนได้มีส่วนร่วมออกเสียง ลงประชำมติ ซึ่งประชำชนส่วนใหญ่ให้กำรยอมรับ และได้มีกำรประกำศใช้อย่ำง เป็นทำงกำรในเวลำต่อมำ 40. 2 ควำมสำคัญประกำรหนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 คือ กำร คุ้มครองสิทธิเสรีภำพของชนชำวไทย ซึ่งมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในหลำย มำตรำ เช่น บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภำพในชีวิตและร่ำงกำย บุคคลย่อมมีเสรีภำพใน เคหสถำน บุคคลย่อมมีเสรีภำพในกำรสื่อสำรถึงกัน 41. 4 รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 กำหนดให้สภำผู้แทนรำษฎร ประกอบด้วยสมำชิกจำนวน 500 คน มำจำกกำรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตจำนวน 375 คน และมำจำกบัญชีรำยชื่อ จำนวน 125 คน 42. 1 คณะกรรมกำรกำรเลือกตั้ง มีหน้ำที่ในกำรควบคุมและดำเนินกำรจัดให้มีกำรเลือกตั้ง และกำรออกเสียงประชำมติ ตำมที่กฎหมำยกำหนด ให้เป็นไปโดยสุจริต และ เที่ยงธรรม 43. 2 เพรำะบัตรประจำตัวประชำชน เป็นเอกสำรสำคัญที่ใช้พิสูจน์ตัวบุคคล ภูมิลำเนำ และสถำนภำพต่ำงๆ ของคนไทย 44. 3 เพรำะเป็นทรัพย์ที่ติดอยู่กับที่ดินอันมีลักษณะเป็นกำรถำวร ไม่สำมำรถเคลื่อนย้ำยได้ จึงถือเป็นอสังหำริมทรัพย์ตำมกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ 45. 4 โทษทำงอำญำแบ่งออกเป็น 5 อย่ำง โดยเรียงลำดับจำกโทษระดับเบำที่สุดจนถึงโทษ ระดับหนักที่สุด ได้แก่ ริบทรัพย์สิน ปรับ กักขัง จำคุกและประหำรชีวิต 46. 4 ปัญหำพื้นฐำนทำงเศรษฐกิจมีสำเหตุมำจำกควำมไม่สมดุลกันระหว่ำงควำมต้องกำร สินค้ำและบริกำรมำสนองควำมต้องกำรของมนุษย์กับทรัพยำกรที่มีอยู่อย่ำงจำกัด ซึ่ง เป็นปัญหำพื้นฐำนทำงเศรษฐกิจที่ทุกประเทศต้องประสบ ซึ่งได้แก่ จะผลิตอะไร จำนวนเท่ำไหร่ จะผลิตอย่ำงไร จะผลิตเพื่อใคร จะกระจำยหรือจัดสินค้ำและบริกำร ที่ผลิตนี้ไปยังบุคคลต่ำงๆ ในสังคมอย่ำงไร
  • 53. 53 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 47. 2 ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมเป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐบำลเข้ำไปควบคุม ดำเนินกำรผลิต เน้นกำรจัดสวัสดิกำรให้ประชำชน ทำให้มีกำรจัดสรรทรัพยำกรและ รำยได้ที่เป็นธรรม มีควำมเท่ำเทียมกัน สำมำรถลดช่องว่ำงทำงเศรษฐกิจของ ประชำชนได้ 48. 3 ระบบเศรษฐกิจแบบผสมเป็นกำรนำเอำลักษณะบำงอย่ำงของระบบเศรษฐกิจแบบ ทุนนิยมและสังคมนิยมมำผสมผสำนกัน ซึ่งในกรณีนี้ประชำชนสำมำรถเป็นเจ้ำของ ปัจจัยกำรผลิตสินค้ำและบริกำรนั้น คือ เกษตรกรสำมำรถเป็นเจ้ำของที่ดิน และ สำมำรถกำหนดรำคำเองได้ โดยเป็นไปตำมกลไกรำคำ แต่ในบำงกรณีรัฐบำลจะเข้ำ ไปแทรกแซงรำคำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร 49. 4 ระบบเศรษฐกิจแบบผสม โดยมำกรัฐจะเป็นผู้บริหำรทรัพยำกรในส่วน สำธำรณูปโภค เช่น ไฟฟ้ำ ประปำ ส่วนเอกชนจะเป็นผู้บริหำรในส่วนสินค้ำและ บริกำรทั่วไป ซึ่งระบบเศรษฐกิจแบบผสมจะมีควำมได้เปรียบในด้ำนกำรใช้กลไก รำคำในกำรตัดสินใจประกอบธุรกิจ หรือส่งเสริมบรรยำกำศกำรค้ำกำรลงทุน ทั้งจำก ภำยในและภำยนอกประเทศ 50. 1 กำรรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงำนที่ให้บริกำรด้ำนกำรขนส่งภำยในประเทศ แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีเอกชนเข้ำร่วมกำรแข่งขัน ดังนั้นกำรบริหำรงำนดังกล่ำวจึง จัดอยู่ในประเภทตลำดผูกขำด 51. 4 อุปทำนลด เนื่องจำกอัตรำเงินเดือนดังกล่ำวถือเป็นต้นทุนกำรผลิตอย่ำงหนึ่งที่ร้ำน จัดดอกไม้ต้องรับผิดชอบ ส่งผลทำให้เจ้ำของธุรกิจดังกล่ำวไม่มีควำมต้องกำร แรงงำนในกลุ่มนี้ อำจจะรับสมัครบุคคลที่จบเพียงระดับชั้น ม.6 เข้ำทำงำน เพื่อจะได้ ไม่ต้องจ่ำยค่ำจ้ำงตำมที่รัฐกำหนด 52. 3 กำรที่รำคำวัตถุดิบลดลง ต้นทุนกำรผลิตก็ลดลง ผู้ผลิตได้กำไรมำกขึ้น จึงมีแรงจูงใจ ให้มีกำรผลิตเพิ่มขึ้น แต่หำกอัตรำดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ค่ำจ้ำงแรงงำนเพิ่มขึ้น ทำ ให้ต้นทุนในกำรผลิตเพิ่มขึ้น ได้กำไรน้อยลง ไม่เป็นแรงจูงใจในกำรเพิ่มกำรผลิต และหำกรำคำสินค้ำที่ทดแทนกันได้รำคำต่ำลง ทำให้รำคำสินค้ำนั้นต่ำลงด้วย ไม่เป็นแรงจูงใจในกำรผลิตสินค้ำ 53. 1 ณ ระดับรำคำดุลยภำพที่กำหนดรำคำอ้อยที่ขำยอยู่ในตลำดส่งผลกระทบต่อ เกษตรกร รัฐบำลต้องเข้ำไปรับซื้ออ้อยส่วนเกินจำกเกษตรกร เพื่อบรรเทำควำม เดือดร้อนของเกษตรกร หลังจำกนั้น รัฐอำจนำสินค้ำเก็บไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งและเมื่อถึง ช่วงเวลำที่ตลำดมีควำมต้องกำรสินค้ำรัฐก็สำมำรถนำสินค้ำเสนอขำยในรำคำที่ เป็นไปตำมกลไกรำคำของตลำดได้
  • 54. 54 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 54. 3 กำรนำเครื่องมือทำงด้ำนเทคโนโลยีมำใช้ เพื่อพัฒนำกำรผลิตในภำคอุตสำหกรรมถือ เป็นผลดีในกำรเพิ่มปริมำณผลผลิต และควบคุมสินค้ำให้มีคุณภำพตำมมำตรฐำน แต่ ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมตำมมำ 55. 1 เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นกำรจัดกำรกับที่ดินทำกินให้สำมำรถใช้ประโยชน์ในที่ดินของ ตน ให้เกิดประโยชน์มำกที่สุดเพื่อกำรพึ่งพำตนเองได้ โดยกำรแบ่งที่ดินออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ขุดสระเก็บกักน้ำ ส่วนที่ 2 ปลูกข้ำว ส่วนที่ 3 ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น ส่วนที่ 4 ให้เป็นพื้นที่สร้ำงที่อยู่อำศัย โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ 56. 1 สอดคล้องกันในเรื่องกำรยึดแนวทำงกำรพึ่งตนเอง โดยหลักกำรของสหกรณ์ เป็น องค์กรที่พึ่งตนเอง ดำรงควำมเป็นอิสระ เอื้ออำทรต่อชุมชน ส่วนปรัชญำเศรษฐกิจ พอเพียง ของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว เน้นวิธีกำรผลิตแบบพึ่งตนเอง ลดกำร พึ่งพำระบบตลำด ลดกำรพึ่งพำกำรใช้สำรเคมี ลดกำรพึ่งพำเงินกู้ และลดกำรพึ่งพำ ซื้อสินค้ำจำกสังคมภำยนอก เน้นกำรเป็นผู้ผลิตเพื่อกำรบริโภคในชุมชน 57. 2 สมำชิกสหกรณ์ทุกคนมีควำมเสมอภำคกัน ไม่ว่ำจะถือหุ้นกี่หุ้นก็ออกเสียงได้เพียง 1 เสียง หรือ “one man one vote” หมำยควำมว่ำ กำรออกเสียงในทุกเรื่องของสหกรณ์ สมำชิกมีสิทธิออกเสียงเพียงคนละ 1 เสียงเท่ำนั้น 58. 2 เงินมีหน้ำที่สำคัญ คือ เป็นสื่อกลำงในกำรแลกเปลี่ยนสินค้ำและบริกำร กำรที่อ้อย เขียนเช็คส่วนตัวซื้อนำฬิกำข้อมือ 1 เรือน เรือนละ 30,000 บำท แสดงว่ำเงินทำหน้ำที่ ในกำรวัดมูลค่ำของสินค้ำ 59. 2 ธนบัตรมีสภำพคล่องสูงกว่ำสร้อยคอทองคำ เพรำะสำมำรถนำไปแลกกับสิ่งอื่นๆ ได้ ทันที เนื่องจำกเงินเป็นธนบัตรและเหรียญกษำปณ์ เป็นสินทรัพย์ที่มีสภำพคล่องมำก ที่สุด สำมำรถนำไปแลกเปลี่ยนกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ได้ง่ำยและรวดเร็ว โดยไม่ ต้องมีต้นทุนในกำรแลกเปลี่ยน ส่วนสร้อยคอทองคำหนัก 1 บำท แม้จะมีมูลค่ำสูง กว่ำ ธนบัตร 1,000 บำท แต่ไม่สะดวกที่จะนำไปซื้อสินค้ำต่ำงๆ เหมือนเงินหรือ ธนบัตร 60. 3 กำรที่ปริมำณเงินหมุนเวียนในประเทศมีเพิ่มมำกขึ้น ส่งผลดีต่อกำรขยำยตัวทำง เศรษฐกิจ อัตรำดอกเบี้ยลดลง กำรจ้ำงงำนเพิ่มมำกขึ้น ประชำชนมีเงินจับจ่ำยใช้สอย เพิ่มมำกขึ้น ผลผลิตและรำยได้โดยรวมของประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย 61. 3 ภำวะเงินเฟ้อ เป็นภำวะที่อำนำจซื้อของเงินที่มีอยู่ในมือของประชำชนลดลง กล่ำวคือ กำรที่มีจำนวนเงินเท่ำเดิมแต่ซื้อสินค้ำได้น้อยลง เนื่องจำกกำรขยำยตัว ทำงด้ำนเศรษฐกิจ ประกอบกับสินค้ำมีต้นทุนในกำรผลิตสูงขึ้น เป็นสำเหตุของกำร เกิดภำวะเงินเฟ้อ
  • 55. 55 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 62. 3 เมื่อเกิดปัญหำเงินเฟ้อ ธนำคำรกลำงจะกำหนดมำตรกำรป้องกันและแก้ไข โดยเพิ่ม อัตรำซื้อลดตั๋วเงินจำกธนำคำรพำณิชย์ ทำให้ธนำคำรพำณิชย์ได้กำไรน้อยลง จึงไม่ อยำกรับซื้อตั๋วเงินจำกลูกค้ำอีกต่อไป ส่งผลให้ปริมำณหมุนเวียนของเงินตรำใน ระบบลดลงด้วย เพรำะพ่อค้ำต้องถือตั๋วเงินไว้ไม่สำมำรถใช้เป็นเงินสดได้จนกว่ำตั๋ว เงินจะครบสัญญำจ่ำยเงินจำกผู้ซื้อสินค้ำ เท่ำกับเป็นกำรลดอำนำจซื้อของผู้บริโภค มำตรกำรนี้จึงช่วยแก้ไขปัญหำได้ 63. 4 ธนำคำรกลำงจะใช้มำตรกำรขึ้นอัตรำรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญำใช้เงินจำกธนำคำร พำณิชย์เพื่อชะลอเงินเฟ้อ จะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงปริมำณเงิน โดยเฉพำะอย่ำง ยิ่งสินเชื่อของธนำคำรพำณิชย์ กล่ำวคือ ถ้ำธนำคำรกลำงขึ้นอัตรำรับช่วงซื้อลดตั๋ว สัญญำใช้เงิน ธนำคำรพำณิชย์จะกู้เงินลดลง ดังนั้น เงินสดสำรองจึงลดลง ธนำคำร พำณิชย์สำมำรถขยำยสินเชื่อได้น้อยลง ปริมำณเงินซึ่งรวมถึงเงินฝำกจึงลดลง เงิน เฟ้อจะลดลงหรือชะลอลงได้ 64. 3 กำรเกิดสภำวะเงินฝืดทำให้เงินออมในระบบมีน้อย เนื่องจำกประชำชนมีเงินน้อย ทำ ให้สถำบันกำรเงินปล่อยเงินกู้เพื่อธุรกิจน้อย ในขณะที่ธุรกิจชะลอกำรผลิตลง เนื่องจำกรำคำสินค้ำถูกลงและขำดแคลนเงินทุน ส่งผลกระทบจำกกำรจ้ำงงำนที่ ลดลง ทำให้คนต้องตกงำน เศรษฐกิจหดตัว อำนำจซื้อของคนจึงมีน้อย 65. 2 ในภำวะเศรษฐกิจตกต่ำรัฐบำลจะใช้นโยบำยกำรคลังเพื่อกระตุ้นกำรใช้จ่ำยให้มำก ขึ้น เพื่อกระตุ้นกำรผลิต เนื่องจำกในช่วงภำวะเศรษฐกิจตกต่ำ กำรผลิต กำรค้ำขำย และกำรลงทุนทำธุรกิจต่ำงๆ อยู่ในสภำพซบเซำ มีกำรจ้ำงงำนน้อย มีคนว่ำงงำนมำก ประชำชนมีกำลังซื้อน้อย รัฐบำลควรใช้นโยบำยกำรคลังแบบขยำยตัว เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจให้ฟื้นตัว โดยลดอัตรำภำษีอำกร (เพิ่มอำนำจซื้อให้ประชำชน) หรือ เพิ่ม รำยจ่ำยของรัฐบำลให้มำกขึ้น โดยทำงบประมำณขำดดุล (ตั้งงบรำยจ่ำยให้สูงกว่ำ รำยได้) เน้นพัฒนำด้ำนกำรคมนำคมขนส่ง กำรชลประทำน และกำรสำธำรณูปโภค เป็นต้น 66. 2 รำยได้เฉลี่ยต่อหัวของประชำกรสูงขึ้นโดยประเทศที่มีควำมเจริญเติบโตทำง เศรษฐกิจ จะมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจำกสินค้ำและบริกำรขั้นสุดท้ำย (รำยได้ ประชำชำติ) สูงขึ้นทุกปี ส่งผลให้รำยได้เฉลี่ยต่อหัวของประชำกรเพิ่มสูงขึ้นด้วย จึงเป็นเครื่องชี้วัดควำมเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ 67. 1 นโยบำยกำรค้ำเสรี คือ กำรค้ำที่ไม่มีกำรกีดกันทำงกำรค้ำกับประเทศคู่ค้ำ เช่น โดย ไม่เก็บภำษีคุ้มกัน เพื่อคุ้มครองอุตสำหกรรมในประเทศแต่คงเก็บภำษีศุลกำกรใน อัตรำต่ำ เพื่อเป็นรำยได้ของรัฐ เพื่อลดอุปสรรคทำงกำรค้ำระหว่ำงประเทศให้เหลือ
  • 56. 56 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ น้อยที่สุด 68. 4 ร.ศ. หรือรัตนโกสินทร์ศก เป็นศักรำชที่พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว มี พระรำชดำริให้บัญญัติขึ้น โดยเริ่มนับปีที่สถำปนำกรุงรัตนโกสินทร์เป็นรำชธำนี คือ พ.ศ. 2325 เป็น ร.ศ. 1 กำรเทียบ พ.ศ. ให้เป็น ร.ศ. ให้นำ พ.ศ. ลบด้วย 2324 ดังนั้น พ.ศ. 2555-2324= 231 69. 2 ศิลำจำรึกเป็นหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ที่สำมำรถบ่งบอกพัฒนำกำรของอำณำจักร โบรำณ ในดินแดนประเทศไทยก่อนสมัยอยุธยำ เช่น จำรึกปรำสำทเขำน้อย จ. สระแก้ว เป็นหลักฐำนลำยลักษณ์อักษรที่เก่ำแก่ที่พบในเมืองไทยที่มีกำรระบุศักรำช ชัดเจน เป็นต้น 70. 4 ยุคประวัติศำสตร์เริ่มขึ้นเมื่อมนุษย์รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมำใช้ เพื่อบันทึก เรื่องรำวหรือเหตุกำรณ์ต่ำงๆ ลงบนวัสดุหลำกหลำยชนิด เช่น แผ่นหิน แผ่นดิน เหนียว ไม้ไผ่ กระดำษ เป็นต้น 71. 1 กำรตั้งประเด็นคำถำมของผู้ศึกษำต่อผลกำรศึกษำที่เป็นข้อสรุปหรือสันนิษฐำนไม่ ถูกต้องชัดเจน ตลอดจนกำรค้นพบหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ใหม่ ซึ่งอำจมีข้อมูลที่ ส่งผลให้ข้อสรุปหรือข้อสันนิษฐำนทำงประวัติศำสตร์ในอดีตเปลี่ยนแปลงไปได้ เช่น กำรเปลี่ยนแปลงของแนวคิดควำมเป็นมำของชนชำติไทย เป็นต้น 72. 4 พระรำชพงศำวดำรฉบับหลวงประเสริฐอัษรนิติ์ เป็นพระรำชพงศำวดำรที่ถูกเขียน ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2223 ในสมัยสมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช ซึ่งนักประวัติศำสตร์ส่วน ใหญ่ให้กำรยอมรับว่ำ มีควำมถูกต้องน่ำเชื่อถือฉบับหนึ่งในบรรดำพงศำวดำรกรุงศรี อยุธยำฉบับต่ำงๆ 73. 2 ควำมรู้ควำมเข้ำใจลักษณะทำงสังคมของผู้บันทึก ซึ่งย่อมแตกต่ำงกันไปตำมกำรรับรู้ ของแต่ละบุคคลโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งชำวต่ำงชำติที่ไม่คุ้นเคย ข้อมูลและข้อคิดเห็นที่ บันทึกจึงมีข้อจำกัดอยู่บนพื้นฐำนควำมรู้ ควำมเข้ำใจในลักษณะทำงสังคมของผู้ บันทึกชำวต่ำงชำติคนนั้นๆ 74. 1 ภำษำและวัฒนธรรมอื่นๆ ของกลุ่มชนที่อำศัยอยู่ทำงตอนใต้ของจีน รวมถึงใน รัฐอัสสัมของอินเดีย ที่ผลกำรศึกษำวิจัยของนักวิชำกำรสำขำต่ำงๆ โดยเฉพำะ ภำษำศำสตร์ สันนิษฐำนว่ำ เป็นกลุ่มคนไท (Tai) และอำจเป็นถิ่นฐำนเดิมของชน ชำติไทย (Thai) ในประเทศไทยปัจจุบันจำกกำรอพยพลงใต้และเกิดกำรผสมผสำน กับชนชำติอื่นๆ 75. 1 กำรตั้งถิ่นฐำนและกำรอพยพซึ่งหลักกำรทำงมำนุษยวิทยำอธิบำยว่ำ มนุษย์ในบริเวณ ต่ำงๆ ของ
  • 57. 57 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ โลกส่วนใหญ่จะตั้งถิ่นฐำนในบริเวณที่มีทรัพยำกรธรรมชำติอุดมสมบูรณ์เหมำะสม แก่กำรดำรงชีวิต กำรอพยพจึงเป็นไปตำมสภำพธรรมชำติดังกล่ำว เช่น อพยพจำกที่ สูงลงมำตั้งถิ่นฐำนบริเวณที่รำบซึ่งมีแหล่งน้ำ แนวคิดที่ว่ำถิ่นเดิมของชนชำติไทยอยู่ บริเวณหมู่เกำะแถบศูนย์สูตรของภูมิภำคและอพยพขึ้นทำงเหนือสู่ผืนแผ่นดินใหญ่ จึงไม่สอดคล้องกับหลักกำรข้ำงต้น 76. 1 กำรมีแนวคิดเรื่องสิทธิเสรีภำพ และควำมเสมอภำคของคณะรำษฎรกลุ่มต่ำงๆ ที่ ได้รับกำรศึกษำหรือรับรู้จำกชำติตะวันตกต่ำงๆ ทำให้เกิดกำรร่วมมือกันในกำร วำงแผนและดำเนินกำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครองโดยที่ประชำชนส่วนใหญ่ไม่ได้มี ส่วนร่วมหรือเรียกร้องให้ก่อกำร เนื่องด้วยยังขำดควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำร ปกครองในระบอบใหม่ 77. 3 ไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณกรรมที่ได้รับอิทธิพลแนวคิดจำกพระพุทธศำสนำนิกำย เถรวำท ลัทธิลังกำวงศ์ซึ่งรับมำจำกเมืองนครศรีธรรมรำชมำประดิษฐำนที่เมือง สุโขทัยตั้งแต่สมัยพ่อขุนรำมคำแหงมหำรำช 78. 3 กฎหมำยตรำสำมดวงเป็นประมวลกฎหมำยตำมแบบแผนประเพณีของไทยที่ได้รับ อิทธิพลจำกกฎหมำยอินเดีย พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำชโปรด เกล้ำฯ ให้ชำระใน พ.ศ. 2347 ทรงให้อำลักษณ์ประทับตรำ 3 ดวง คือ ตรำรำชสีห์ คช สีห์ และบัวแก้ว กฎหมำยตรำสำมดวงใช้เป็นหลักสำคัญในกำรปกครองบ้ำนเมือง จัดระเบียบสังคมและตัดสินคดีควำมต่ำงๆ จนกระทั่งรัชสมัยพระบำทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว จึงมีกำรร่ำงกฎหมำยตำมแบบชำติตะวันตกขึ้นมำใช้แทน 79. 1 กำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครองในพ.ศ. 2475 ส่งผลให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงระบอบกำร ปกครองจำกระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำชย์มำเป็นระบอบประชำธิปไตยอันมี พระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีกำรเปลี่ยนแปลงผู้บริหำรประเทศ และอำนำจ อธิปไตยเป็นของประชำชน แต่รูปแบบของรัฐของไทยยังคงเป็นรัฐเดียวคือรัฐที่มี ศูนย์กลำงทำงกำรเมืองและกำรปกครองอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมีเอกภำพไม่ได้ แยกออกจำกกัน และมีกำรใช้อำนำจสูงสุดทั้งภำยในและภำยนอกโดยองค์กร เดียวกันทั่วดินแดนของรัฐ 80. 1 กำรประกวดนักออกแบบผ้ำไทยร่วมสมัย จัดเป็นกิจกรรมที่ผสมผสำนภูมิปัญญำไทย ด้ำนผ้ำไทยกับควำมนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน เป็นแนวทำงหนึ่งในกำรสืบสำน และปรับปรุงให้ภูมิปัญญำซึ่งอำจไม่เหมำะกับสภำพสังคมปัจจุบันให้ดำรงอยู่ได้ 81. 2 พระมหำกษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ โดยเฉพำะคติควำมเชื่อเรื่องนำรำยณ์อวตำรปำง ต่ำงๆ เพื่อปกปักรักษำโลกให้สงบสุขตำมควำมเชื่อในศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู
  • 58. 58 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ เนื่องจำกวัดนั้นได้รับโปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงหรือบูรณปฏิสังขรณ์จำกพระมหำกษัตริย์ หรือสร้ำงถวำยพระมหำกษัตริย์ กระทั่งเป็นแบบแผนทำงศิลปกรรมที่ได้รับควำม นิยมโดยทั่วไปในสมัยอยุธยำ 82. 3 ควำมสำคัญของประวัติศำสตร์และวัฒนธรรมกับควำมเป็นชำติ เป็นแนวคิดสำคัญใน พระรำชดำรัสดังกล่ำว เนื่องด้วยหลักฐำนที่แสดงถึงประวัติควำมเป็นมำและ วัฒนธรรม เป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงควำมเป็นรัฐชำติ ชำวไทยจึงควรตระหนักถึง คุณค่ำและมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์และวัฒนธรรมอย่ำง จริงจัง 83. 3 ศักรำชที่นิยมใช้กันมำกที่สุดในปัจจุบัน คือ คริสต์ศักรำชซึ่งเป็นศักรำชของคริสต์ ศำสนำ เริ่มนับในปีที่พระเยซูซึ่งเป็นศำสดำของคริสต์ศำสนำประสูติเป็นศักรำชที่ 1 (ค.ศ. 1) 84. 4 อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีส หรืออำยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นแหล่งอำรย ธรรมแรกๆ ของโลกตะวันตกและกำรที่ชำวซูเมเรียประดิษฐ์ตัวอักษรได้ก็ทำให้เข้ำ สู่สมัยประวัติศำสตร์สำกล 85. 2 พ.ศ. 1893 หำกเทียบเป็น ค.ศ. จะตรงกับ ค.ศ. 1350 ซึ่งเป็นช่วงเวลำที่เกิดกำรฟื้นฟู ศิลปวิทยำกำร 86. 1 วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์จะก่อให้เกิดองค์ควำมรู้ใหม่ที่น่ำเชื่อถือกว่ำเดิมจำก กำรศึกษำหลักฐำนและกำรวิเครำะห์ สังเครำะห์อย่ำงมีเหตุผล 87. 4 ควำมรู้ควำมสำมำรถต่ำงกัน ทำให้นักประวัติศำสตร์ตีควำมข้อมูลจำกหลักฐำนชิ้น เดียวกันแตกต่ำงกัน 88. 2 กำรศึกษำประวัติศำสตร์สำกลต้องใช้หลักฐำนประวัติศำสตร์สำกล ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ ในต่ำงประเทศ ทำให้มีข้อจำกัดในกำรเข้ำถึงแหล่งข้อมูล 89. 4 หลักของประมวลกฎหมำยฮัมมูรำบีแสดงแนวคิดที่จะให้ควำมยุติธรรมแก่ผู้คนใน สังคมหลักดังกล่ำว คือ ตำต่อตำ ฟันต่อฟัน ในกำรลงโทษผู้กระทำควำมผิด โดยผู้ใด ทำควำมผิดอย่ำงไร ก็จะได้รับโทษอย่ำงนั้น ซึ่งแนวคิดที่จะให้ควำมยุติธรรมแก่ผู้คน ในสังคมนี้ได้เป็นรำกฐำนของเจตนำรมณ์ของกฎหมำยในประเทศต่ำงๆ ในปัจจุบัน 90. 4 จำกทำเลที่ตั้งของอียิปต์ที่มีทะเลทรำยห้อมล้อมทั้งทิศตะวันตก ทิศตะวันออกและทิศ ใต้ จึงเสมือนมีปรำกำรธรรมชำติในกำรป้องกันกำรรุกรำนจำกข้ำศึกศัตรู ทำให้ชำว อียิปต์มีควำมรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย ส่งผลให้ชำวอียิปต์สำมำรถสร้ำงอำรยธรรมของ ตนได้อย่ำงมีเอกภำพ และมีควำมเจริญติดต่อกันมำอย่ำงไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงเป็น
  • 59. 59 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ ระยะเวลำยำวนำน 91. 2 ชำวโรมันสร้ำงสิ่งก่อสร้ำงโดยให้ควำมสำคัญต่อประโยชน์ใช้สอยที่สำมำรถ ตอบสนองควำมต้องกำรของคนจำนวนมำก 92. 1 กำรพัฒนำด้ำนกำรสื่อสำรในสมัยปฏิวัติอุตสำหกรรมเป็นต้นแบบในกำรพัฒนำกำร สื่อสำรอย่ำงต่อเนื่อง จนโลกเข้ำสู่สมัยแห่งกำรสื่อสำรไร้พรมแดนหรือโลกำภิวัตน์ 93. 2 ควำมขัดแย้งนำไปสู่กำรต่อสู้แข่งขัน ซึ่งผู้ที่แข่งขันกันย่อมต้องพัฒนำวิทยำกำรของ ตนเองเพื่อเอำชนะคู่แข่ง 94. 2 ควำมไม่พอใจในกำรใช้อำนำจของสหรัฐอเมริกำในกำรเข้ำไปมีอำนำจในดินแดน ต่ำงๆ ทำให้กลุ่มที่ไม่พอใจใช้วิธีกำรก่อกำรร้ำยตอบโต้สหรัฐอเมริกำ 95. 1 ปัญหำสำคัญของอำเซียน คือ ยังขำดควำมร่วมมือกันอย่ำงแท้จริง เพรำะประเทศ สมำชิกยังมีกำรแข่งขันทำงกำรค้ำและกำรพัฒนำ 96. 2 ทุกคนควรใช้ทรัพยำกรให้คุ้มค่ำและประหยัดที่สุด เพรำะทุกครั้งที่มีกำรใช้ทรัพยำกร มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น 97. 1 พลังงำนในโลกมีอยู่อย่ำงจำกัด เมื่อใช้แล้วก็จะหมดไป ดังนั้น จึงอำจจะขำดแคลนได้ ในอนำคต 98. 1 เครื่องมือทำงภูมิศำสตร์สำมำรถแบ่งประเภทออกได้ตำมหน้ำที่หลักของกำรใช้งำน เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทรวบรวมข้อมูล เช่น เข็มทิศ ระบบกำหนดตำแหน่งบน พื้นโลก ระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ และประเภทที่ให้ข้อมูลหรือเป็นสื่อควำมรู้ทำง ภูมิศำสตร์ เช่น แผนที่ ลูกโลกจำลอง ภำพจำกดำวเทียมเป็นต้น 99. 4 ผู้ที่ใช้แผนที่ได้อย่ำงชำนำญควรเป็นผู้ที่มีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับแผนที่และหมั่น ฝึกฝนอ่ำนแผนที่อย่ำงสม่ำเสมอ เพรำะฉะนั้นก้อยจึงน่ำจะเป็นผู้ที่ใช้แผนที่ได้อย่ำง ชำนำญที่สุด 100. 3 ในปัจจุบันมีกำรนำรูปถ่ำยทำงอำกำศมำใช้ในกำรจัดทำแผนที่มำกขึ้น เนื่องจำก เพื่อให้ได้แผนที่ข้อมูลถูกต้อง แม่นยำ และประหยัดเวลำและแรงงำนในกำรสำรวจ พื้นที่ โดยรูปถ่ำยทำงอำกำศที่จะสำมำรถนำมำใช้ในกำรจัดทำแผนที่ได้นั้น คือ รูป ถ่ำยทำงอำกำศแนวดิ่ง เพรำะมีมำตรำส่วนค่อนข้ำงคงที่ ต่ำงจำกรูปถ่ำยทำงอำกำศใน แนวเฉียงที่แสดงภำพรวมของพื้นที่เท่ำนั้น 101. 2 ดำวเทียมเป็นเครื่องมือหลักในกำรสำรวจข้อมูลภูมิสำรสนเทศศำสตร์ชนิดต่ำงๆ โดยเฉพำะระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์และระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก ส่วน กำรรับรู้จำกระยะไกลมีเครื่องมือเก็บข้อมูลแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ดำวเทียม และ
  • 60. 60 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ อำกำศยำนต่ำงๆ เช่น เครื่องบิน บัลลูน เป็นต้น 102. 2 วิเครำะห์ข้อมูลจำกฐำนข้อมูลเพียงชั้นเดียวหรือหลำยชั้น ตำมวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ เนื่องจำกระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์จัดเก็บข้อมูลของพื้นที่ในด้ำนต่ำงๆ เช่น ลักษณะภูมิประเทศ ทรัพยำกรธรรมชำติ กำรใช้พื้นที่ เป็นฐำนข้อมูลชั้นต่ำงๆ กำร วิเครำะห์ข้อมูลจึงอำจวิเครำะห์จำกฐำนข้อมูลเพียงชั้นเดียวหรือหลำยชั้นก็ได้ 103. 1 กำรพยำกรณ์อำกำศพื้นที่หนึ่งๆ ด้วยข้อมูลจำกดำวเทียม ดำวเทียมนั้นต้องมีหลักกำร ทำงำนแบบดำวเทียมคงที่ คือ ดำวเทียมที่โคจรรอบโลกเท่ำกับกำรหมุนของโลกซึ่ง กำรสำรวจและรวบรวมข้อมูลด้ำนภูมิอำกำศของพื้นที่นั้นๆ 104. 1 กำรทหำรเป็นกิจกำรที่ทำให้เกิดระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกขึ้น โดย กระทรวงกลำโหมของสหรัฐอเมริกำใช้หำตำแหน่งและพิกัดทำงภูมิศำสตร์ใน ระหว่ำงกำรสงครำมจึงกล่ำวได้ว่ำ ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก เกิดขึ้นจำก ควำมขัดแย้งและควำมรุนแรง แต่ทว่ำต่อมำมีประโยชน์ในกำรดำเนินชีวิตและ สำมำรถสร้ำงสันติภำพได้ 105. 1 วันวสันตวิษุวัต วันศำรทวิษุวัต ได้แก่ วันที่ 21 มีนำคม และวันที่ 22 กันยำยนของทุก ปี ซึ่งระยะเวลำกลำงวันและกลำงคืนของพื้นที่ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้จะ เท่ำกัน คือ ช่วงละ 12 ชั่วโมง 106. 2 ประเทศแคนำดำ เดือนมิถุนำยน เนื่องจำกเป็นช่วงเลำวันครีษมำยันหรืออุตรำยันที่ ตำแหน่งตั้งฉำกของดวงอำทิตย์เคลื่อนที่มำอยู่ ณ เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ พื้นที่ซีก โลกเหนือจะได้รับแสงอำทิตย์ยำวนำน โดยเฉพำะพื้นที่เหนือเส้นอำร์กติกเซอร์เคิล จะเห็นพระอำทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่เรียกว่ำ ปรำกฏกำรณ์พระอำทิตย์เที่ยง คืน 107. 2 กำรเคลื่อนตัวในรูปแบบต่ำงๆ ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวที่มีควำมรุนแรงแตกต่ำงกัน โดยแผ่นดินไหวที่รุนแรงเกิดจำกกำรเคลื่อนตัวในรูปแบบชนหรือมุดของแผ่นเปลือก โลก นอกจำกนี้ ยังก่อให้เกิดลักษณะภูมิประเทศแบบต่ำงๆ เช่น เทือกเขำใน มหำสมุทรหรือบนภำคพื้นทวีปอีกด้วย 108. 3 ควำมร้อน เนื่องจำกกำรหมุนเวียนเปลี่ยนสถำนะของน้ำจำกแหล่งต่ำงๆ ด้วยมีควำม ร้อนเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น กำรระเหยของแหล่งน้ำต่ำงๆ บนพื้นผิวโลกขึ้นไปใน บรรยำกำศโดยควำมร้อน เป็นต้น 109. 1 เขตศูนย์สูตร เขตขั้วโลกเป็นแหล่งที่มำของกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นที่ ไหลเวียนอยู่ในมหำสมุทรทั่วโลกโดยกระแสน้ำอุ่น เช่น กระแสน้ำอุ่นคุโระชิโอะ ได้รับควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์ในเขตศูนย์สูตร และไหลเวียนขึ้นทำงเหนือ ส่วน
  • 61. 61 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ กระแสน้ำเย็นโอะยำชิโอะ ไหลลงมำจำกทำงขั้วโลกเหนือ เป็นต้น 110. 3 พื้นที่ชำยฝั่งที่คลื่นลมสงบ เป็นบริเวณที่เหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำขนส่งสินค้ำ มำกที่สุด เนื่องจำกเรือเดินทะเลขนส่งสินค้ำล้วนต้องกำรควำมปลอดภัยในกำร เดินทำงค้ำขำย อีกทั้งลักษณะภูมิประเทศในข้ออื่นไม่เหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำ 111. 4 ภำคตะวันออก เนื่องจำกเป็นภำคที่มีปริมำณน้ำเฉลี่ยต่อปีค่อนข้ำงสูง พื้นที่ส่วนใหญ่ จึงเป็นสวนผลไม้ที่มีควำมหลำกหลำย เช่น เงำะ ทุเรียน และมังคุด และให้ผลผลิตต่อ ปีค่อนข้ำงมำก เป็นสินค้ำส่งออกที่สำคัญของประเทศ 112. 3 ปริมำน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีค่อนข้ำงมำกแต่ดินส่วนใหญ่ไม่ค่อยอุ้มน้ำ กำรเพำะปลูกพืชจึง แตกต่ำงกันไปในแต่ละพื้นที่ ตัวอย่ำงที่สำคัญ เช่น ที่รำบบริเวณแอ่งโครำชเป็นแหล่ง ปลูกข้ำวที่มักประสบปัญหำจำกภัยแล้งหรือน้ำท่วมทำให้ได้ผลผลิตน้อย ส่วนทำง ตอนใต้ของภำคบริเวณด้ำนหน้ำทิวเขำพนมดงรัก มีปริมำณน้ำฝนมำก เพำะปลูกไม้ ผลได้ดี 113. 1 กำรศึกษำเกี่ยวกับภูเขำไฟที่ยังมีพลังในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควร ดำเนินกำรในประเทศที่เป็นแหล่งของภูเขำไฟ ซึ่งได้แก่ ประเทศอินโดนีเซียมีภูเขำ ไฟที่ยังมีพลังประมำณ 33 ลูก และประเทศฟิลิปปินส์มีภูเขำไฟที่ยังมีพลังประมำณ 25 ลูก 114. 2 กำรปะทุระเบิดของภูเขำไฟก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศได้หลำยด้ำน ที่สำคัญ ได้แก่ กำรปล่อยเถ้ำถ่ำนปกคลุมบรรยำกำศ กำรสั่นสะเทือนที่แผ่จำกกำรปะทุระเบิด และกำรไหลของหินหนืดร้อนไปตำมพื้นผิวภูมิประเทศ ตลอดจนลงสู่พื้นที่ชำยฝั่งซึ่ง ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนของระบบนิเวศชำยฝั่งทะเลได้ 115. 4 กำรช่วยกันสร้ำงพนังกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจำกพื้นที่ของตน จะยิ่งทำให้ พื้นที่โดยรอบประสบปัญหำมำกขึ้น จำกปริมำณน้ำที่ควรจะไหลเข้ำท่วมเท่ำเทียมกัน หรือที่สูบออกจำกพื้นที่ตน วิธีกำรแก้ปัญหำนี้ควรใช้ในพื้นที่สำคัญ เช่น สถำนที่ สำคัญทำงรำชกำร เศรษฐกิจ รวมถึงสถำนพยำบำล เพื่อให้สำมำรถช่วยเหลือพื้นที่ ประสบภัยส่วนอื่นได้ 116. 1 สำเหตุสำคัญของกำรกัดเซำะชำยฝั่งในปัจจุบัน คือ ภำวะโลกร้อน ซึ่งทำให้น้ำแข็ง บริเวณขั้วโลกละลำยอย่ำงรวดเร็วกว่ำในอดีต ส่งผลให้น้ำทะเลมีระดับสูงขึ้น เข้ำกัด เซำะพื้นที่ชำยฝั่งของประเทศต่ำงๆ รุนแรงมำกขึ้น 117. 1 มักมีลมแรงและฝนตกหนักอีกครั้งเมื่อศูนย์กลำงพำยุพัดผ่ำน เพรำะกำรเกิดลมแรง และฝนตกหนักในครั้งแรกนั้นเป็นกระแสอำกำศที่รุนแรงโดยรอบศูนย์กลำงของพำยุ เมื่อสภำพอำกำศสงบลงแสดงว่ำเป็นบริเวณของศูนย์กลำงของพำยุ ซึ่งมีสภำพอำกำศ
  • 62. 62 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ ค่อนข้ำงปกติจึงคล้ำยกับว่ำพำยุผ่ำนไปแล้ว อย่ำงไรก็ตำมเมื่อพำยุเคลื่อนตัวกระแส อำกำศที่รุนแรงโดยรอบศูนย์กลำงของพำยุอีกด้ำนจะก่อให้เกิดลมแรงและฝนตก หนักไม่แตกต่ำงจำกกำรเกิดในครั้งแรก 118. 2 กำรปฏิวัติอุตสำหกรรมนับเป็นจุดเริ่มต้นของกำรเพิ่มแก๊สเรือนกระจกสู่บรรยำกำศ จำกกำรที่ชำวยุโรปรู้จักใช้พลังงำนเชื้อเพลิงจำกธรรมชำติมำใช้ในกำรผลิตสินค้ำ ต่ำงๆ ทำให้ทรัพยำกรมำกมำยถูกใช้อย่ำงขำดกำรจัดกำรและวำงแผนที่ดี ที่สำคัญคือ กำรเผำไหม้เชื้อเพลิงต่ำงๆ ทั้งถ่ำนหิน น้ำมัน แก๊สธรรมชำติ ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิด แก๊สเรือนกระจกอันนำมำซึ่งกำรเปลี่ยนแปลงและวิกฤตกำรณ์ทำงธรรมชำติของ โลกในปัจจุบัน 119. 2 ภำคตะวันออกเป็นแหล่งอโลหะ ประเภทรัตนชำติที่สำคัญของประเทศและภูมิภำค มำตั้งแต่อดีต ควำมรู้และทักษะเชิงช่ำงในกำรเจียระไนและทำเครื่องประดับของช่ำง ชำวไทยที่สืบทอดกันมำแต่โบรำณ ประกอบกับเทคโนโลยีวิทยำกำรสมัยใหม่ด้ำน อุตสำหกรรมเครื่องประดับจำกชำติตะวันตกส่งผลให้เครื่องประดับจำกฝีมือช่ำงชำว ไทยเป็นที่ยอมรับในระดับโลก 120. 4 มูลนิธิสิ่งแวดล้อมรับบริจำคเงินและอุปกรณ์ต่ำงๆ เพื่อนำไปใช้ในกำรดำเนินงำน ด้ำนสิ่งแวดล้อมอย่ำงมีประสิทธิภำพ เนื่องจำกกำรรับบริจำคเพื่อนำไปใช้ตำม วัตถุประสงค์ของผู้บริจำคและมูลนิธิเป็นกำรดำเนินงำนที่ถูกต้องเหมำะสม และเป็น กำรส่งเสริมกำรมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติของประชำชนทั่วไป อีกด้วย
  • 63. 63 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วิชา สังคมศึกษา 2552 ส่วนที่ 1 : ข้อ 1-50 1. 4 2. 4 3. 2 4. 2 5. 3 6. 3 7. 2 8. 2 9. 2 10. 2 11. 4 12. 2 13. 4 14. 2 15. 1 16. 2 17. 3 18. 2 19. 3 20. 3 21. 4 22. 3 23. 1 24. 3 25. 4 26. 3 27. 2 28. 3 29. 3 30. 2 31. 3 32. 2 33. 1 34. 3 35. 2 36. 3 37. 4 38. 2 39. 1 40. 1 41. 2 42. 4 43. 3 44. 4 45. 2 46. 3 47. 1 48. 3 49. 3 50. 2 ส่วนที่ 2 : ข้อ 51-100 51. 1, 2, 3, 4 52. 1, 2, 3, 4 53. 1, 2, 4 54. 1, 3 55. 1, 3 56. 1, 2, 3, 4 57. 1, 4 58. 1, 2, 3, 4 59. 1, 4 60. 1, 2, 3, 4 61. 1, 3, 4 62. 1, 2, 4 63. 3, 4 64. 2, 4 65. 1, 2 66. 1, 2, 3 67. 1, 4 68. 2, 3, 4 69. 3, 4 70. 2, 4 71. 1, 2, 3 72. 1, 2, 3 73. 3, 4 74. 1, 2, 4 75. 1, 3 76. 2, 3 77. 1, 3 78. 1, 4 79. 1, 2 80. 1, 4 81. 1, 2, 4 82. 2, 3 83. 1, 3, 4 84. 1, 2, 3, 4 85. 1, 4 86. 1, 3, 4 87. 1, 2, 4 88. 1, 3 89. 2, 4 90. 2, 4 91. 2, 3, 4 92. 2, 3 93. 1, 2, 3, 4 94. 1, 2, 3 95. 2, 3, 4 96. 1, 3, 4 97. 2, 3, 4 98. 3, 4 99. 1, 2, 4 100. 2, 3 ปีการศึกษา
  • 64. 64 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วิชา สังคมศึกษา 2553 ส่วนที่ 1 : ข้อ 1-50 1. 3 2. 4 3. 1 4. 4 5. 4 6. 3 7. 1 8. 3 9. 1 10. 1 11. 2 12. 1 13. 2 14. 1 15. 1 16. 3 17. 3 18. 3 19. 2 20. 3 21. 3 22. 3 23. 1 24. 4 25. 2 26. 1 27. 2 28. 4 29. 2 30. 3 31. 4 32. 4 33. 1 34. 4 35. 2 36. 4 37. 3 38. 3 39. 3 40. 2 41. 4 42. 4 43. 1 44. 4 45. 2 46. 4 47. 4 48. 3 49. 2 50. 2 ส่วนที่ 2 : ข้อ 51-100 51. 1, 3 52. 1, 2 53. 1, 4 54. 1, 2 55. 2, 4 56. 1, 3 57. 3, 4 58. 1, 4 59. 2, 3 60. 3, 4 61. 2, 4 62. 1, 2 63. 1, 3 64. 2, 4 65. 1, 2 66. 2, 4 67. 2, 3 68. 3, 4 69. 2, 3 70. 3, 4 71. 3, 4 72. 1, 4 73. 1, 2 74. 2, 3 75. 1, 4 76. 3, 4 77. 1, 3 78. 1, 4 79. 3, 4 80. 1, 4 81. 2, 3 82. 1, 2 83. 1, 4 84. 3, 4 85. 1, 3 86. 1, 2 87. 2, 3 88. 1, 2 89. 1, 3 90. 2, 3, 4 91. 2, 3 92. 2, 4 93. 1, 2 94. 3, 4 95. 1, 3 96. 2, 3 97. 1, 3 98. 3, 4 99. 3, 4 100. 2, 3 ปีการศึกษา