Ch11 slide

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

บทที่ 11 เทคโนโลยี
สารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ 2
เทคโนโลยี + สารสนเทศ = เทคโนโลยี
สารสนเทศ (Information Technology)
IT เป็นการประยุกต์เอาความรู้ทางด้าน
วิทยาศาสตร์มาจัดการสารสนเทศที่ต้องการ
อาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น
เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีด้านเครือข่ายโทรคมนาคมและการ
สื่อสาร ตลอดจนความรู้
ในกระบวนการดำาเนินงานสารสนเทศในขั้นตอน

ระบบสารสนเทศ
ระบบที่อาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามา
จัดการข้อมูลในองค์กร
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการอย่างมี
ประสิทธิภาพ
เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ใช้ในองค์กรหลายระดับ
ตั้งแต่สูงสุดจนถึงล่างสุด

ระดับของผู้ใช้ระบบ

ระดับสูง (Top Level
Management)
เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงที่กำาหนดและ
วางแผนกลยุทธ์ขององค์กร
ระบบสารสนเทศจะถูกออกแบบมาให้ง่ายและ
สะดวกต่อการใช้งาน
อาจมีกราฟิกบ้างในการนำาเสนอ
ตอบสนองต่อการตัดสินใจที่รวดเร็วและทัน
ท่วงที

ระดับกลาง (MiddleLevel
Management)
เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานระดับการบริหารและ
จัดการองค์กร
ระบบสารสนเทศที่ใช้มักได้มาจากแหล่ง
ข้อมูลภายใน
มีการจัดอันดับทางเลือกแบบต่างๆไว้ หรือใช้
ค่าสถิติช่วยพยากรณ์

ระดับปฏิบัติการ
(Operational Level
Management)
เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานระดับการผลิตและปฏิบัติ
งานขององค์กร
ข้อมูลหรือสารสนเทศในระดับนี้ จะถูกนำาไปใช้
ประมวลผลในระดับอื่นต่อไป
บุคลากรที่เกี่ยวข้องจะอยู่ในระดับหัวหน้างาน
ผู้ควบคุมงาน
และพนักงานปฏิบัติการประจำาวัน

ประเภทของระบบสารสนเทศ
ระบบประมวลผลรายการประจำาวัน หรือ
TPS
(Transaction Processing Systems)
ระบบที่เกิดขึ้นเป็นประจำาคงที่ เช่น รายการฝากถอน
เงิน รายการคำาสั่งซื้อ
มักเป็นระบบที่พบเห็นในระดับการจัดการขั้นปฏิบัติ
การ

(ต่อ)
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ หรือ DSS
(Decision Support Systems)
นำามาใช้เพื่อช่วยตัดสินใจในระดับของการจัดการ
ขั้นกลาง (MiddleManagement) และขั้นสูง (Top
Management)
ช่วยให้วิเคราะห์และตัดสินใจง่ายขึ้น
ตอบสนองอย่างทันท่วงที มีความยืดหยุ่น

(ต่อ)
ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร หรือ EIS
(ExecutiveInformation Systems)
ระบบช่วยตัดสินใจรูปแบบหนึ่ง ใช้กับผู้บริหารระดับ
สูงโดยเฉพาะ
สำาหรับตรวจสอบ ควบคุม หรือดูแนวโน้มขององค์กร
ในภาพรวม
ข้อมูลมาจากทั้งภายในและภายนอก
สารสนเทศที่ได้จะถูกกรองมาจากระดับปฏิบัติการ
(TPS) และระดับกลาง (DSS)
มาบ้างแล้ว

(ต่อ)
ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems)
อาศัยฐานความรู้มาประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยหรือ
สั่งการ
เก็บรวบรวมความรู้และประสบการณ์ของผู้
เชี่ยวชาญไว้
หากต้องการก็จะดึงเอาฐานความรู้นั้นมาหาข้อสรุป
และช่วยในการตัดสินใจ
ทำาให้ลดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ
ลงได้

(ต่อ)
ระบบสำานักงานอัตโนมัติ หรือ OAS(Office
Automation Systems)
นำามาใช้ในสำานักงานเพื่อเอื้อประโยชน์ให้การ
ทำางานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อาจใช้อุปกรณ์สำานักงานทั่วไป หรือเครือข่ายการ
สื่อสารขั้นสูงช่วย
ปัจจุบันมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ผลิตมาเพื่อใช้
กับระบบนี้กันมากขึ้น

(ต่อ)
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ หรือ MIS
(Management Information Systems)
ได้จากการประมวลผลของระบบ TPS
เกี่ยวข้องกับการนำาไปใช้วางแผน และควบคุม
งานขององค์กรแทบทุกระดับชั้น
สามารถคำานวณและเปรียบเทียบการประมวล
ผล รวมถึงการออกรายงานได้

พัฒนาการของเทคโนโลยี
การรวมตัวกันของเทคโนโลยี (Convergence)
ต้นทุนที่ถูกลง (Cost Reduction)
การพัฒนาอุปกรณ์ที่เล็กลง (Miniaturization)
การพกพาและการเคลื่อนที่ (Portability/Mobility)
การประมวลผลที่ดีขึ้น (Processing Power)
การใช้งานที่ง่าย (User Friendliness)
การเปลี่ยนจากอะตอมเป็นบิต (Atoms& Bits)
สื่อผสม (Multimedia)
เวลาและภูมิศาสตร์ (Time& Distance)

การรวมตัวกันของเทคโนโลยี
(Convergence)
เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการรวมตัวกันของ
เทคโนโลยีทางด้าน
คอมพิวเตอร์ การสื่อสาร รวมถึงระบบเทคโนโลยีอื่นๆ
สามารถรับและส่งสัญญาณได้ในปริมาณที่สูง เช่น
ข้อมูลในรูปแบบมัลติมีเดีย
การเผยแพร่ข้อมูลทำาได้ทั่วถึงกันมากขึ้น โดยเฉพาะ
ในยุค Social Network

สารสนเทศ (ต่อ)
ต้นทุนที่ถูกลง (Cost Reduction)
เทคโนโลยีสารสนเทศ ทำาให้ราคาของการใช้และการ
เป็นเจ้าของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศถูกลงเป็น
อย่างมาก
ทั้งอัตราค่าบริการสื่อสารโทรคมนาคม และราคาของ
เครื่องคอมพิวเตอร์
เป็นไปตามกลไกราคาของตลาด เมื่อมีผู้บริโภคมาก
ขึ้น ราคาย่อมมีแนวโน้มที่ถูกลง

การพัฒนาอุปกรณ์ที่เล็กลง
(Miniaturization)
วิวัฒนาการของไมโครชิพทำาให้การใช้งานดีขึ้น
อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศหลายประเภท ได้รับ
การพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงกว่า
แต่เดิมมาก เช่น เครื่องพีซี โน้ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน
แท็บเล็ต หรือนาฬิกาอัจฉริยะ
(Smart Watch) เป็นต้น

การพกพาและการเคลื่อนที่
(Portability/Mobility)
อุปกรณ์มีขนาดเล็กลง พกพาได้สะดวก
เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ง่ายดายทุกที่ทุก
เวลา ด้วยอุปกรณ์พกพา เช่น
โน้ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ
เข้าถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศผ่านเครือ
ข่ายได้ง่ายยิ่งขึ้น

การประมวลผลที่ดีขึ้น (Processing Power)
เทคโนโลยีสารสนเทศมีแนวโน้มของการประมวลผล
งานที่ดีขึ้น
หน่วยประมวลผลกลางมีการประมวลผลเร็วขึ้น
มากกว่าเดิม
การสร้างโปรแกรมเพื่อตอบสนองการทำางานของผู้
ใช้
ที่มีประสิทธิภาพและดีมากขึ้นด้วย

การใช้งานที่ง่าย (User Friendliness)
การพัฒนาโปรแกรมในปัจจุบัน มีการออกแบบส่วน
ประสานงานกับผู้ใช้ (User Interface) ให้ง่าย และ
โต้ตอบการใช้งานได้ดี
มุ่งเน้นให้เป็น User-Friendly
มีการนำารูปแบบของ GUI มาใช้มากขึ้น

การเปลี่ยนจากอะตอมเป็นบิต (Atoms&
Bits)
ปรับเปลี่ยนจากกิจกรรมที่ใช้ “ อะตอม” ไปสู่การใช้
“ บิต” (BIT : Binary Digit)
มากยิ่งขึ้น
เช่น เปลี่ยนจากการส่งเอกสารที่เป็นกระดาษ ไปสู่
การส่งผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นในสำานักงานแบบไร้กระดาษ
(PaperlessOffice)

สื่อผสม (Multimedia) เทคโนโลยีสารสนเทศ
สามารถเผยแพร่สารสนเทศ
ที่เป็นแบบสื่อผสมรูปแบบต่างๆได้ เช่น
ตัวอักษร
ภาพกราฟิก
เสียง
ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ

เวลาและภูมิศาสตร์ (Time& Distance)
มนุษย์สามารถเอาชนะเงื่อนไขด้าน “เวลา” และ
“ภูมิศาสตร์” ได้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น
การประชุมแบบทางไกล (Teleconference)
การใช้สัญญาณดาวเทียมเพื่อการเรียนการสอนทาง
ไกล (TeleEducation)
การสนทนาแบบเห็นหน้าด้วย Video Call ผ่านเครือ
ข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยไร้ข้อจำากัดเรื่องเวลาและสถานที่

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการ
พัฒนาประเทศ
ด้านเศรษฐกิจ
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็น
ตัวขับเคลื่อนการดำาเนินงานหลักของ
ธุรกิจให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
ใช้เชื่อมโยงเครือข่ายย่อย
ระหว่างธนาคาร
ใช้ตู้ ATM ให้บริการลูกค้าตามแหล่งชุมชน
ตลาดหลักทรัพย์นำามาช่วยด้านการวิเคราะห์และ
แนะนำาการลงทุน
ส่งรายการซื้อขายหลักทรัพย์แบบ Real Time

พัฒนาประเทศ (ต่อ)
ด้านสังคม
ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่
สร้างสรรค์ และทำาให้สังคม
อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ช่วยเหลือผู้พิการและ
ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
ให้เท่าเทียมกัน เช่น ระบบ DAISY (Digital
AccessibleInformation SYstem)
นำามาช่วยเหลือคนตาบอด เพื่อให้สามารถอ่านหนังสือ
ได้ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ

ด้านการศึกษา
ลดอุปสรรคเรื่องสถานที่
ในการเรียน โดยใช้การเรียน
ผ่านระบบเครือข่าย
นำาอุปกรณ์และเทคโนโลยี
มาใช้ในระบบการศึกษา เช่น
ระบบการทำาและตรวจข้อสอบ
ระบบงานทะเบียนนักศึกษา
รวมถึงการประเมินและวิเคราะห์ผล
การเรียน เป็นต้นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ

ด้านการสื่อสารและ
โทรคมนาคม
ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ได้สะดวก
ลดเวลาและค่าใช้จ่ายการ
เดินทาง
เกิดเครือข่ายสังคมใหม่ๆ
บน
อินเทอร์เน็ต เป็นช่องทาง
เชื่อมต่อ

ด้านสาธารณสุข
นำาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับโครงการ
การแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
แพทย์ต้นทางและปลายทางสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล
ของคนไข้ระหว่างหน่วยงานได้
ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนบุคลกรผู้เชี่ยวชาญ
ทางการแพทย์ในท้องถิ่นทุรกันดาร
ใช้ถ่ายทอดการเรียนการสอนและแลกเปลี่ยนความรู้
ระหว่างผู้เชี่ยวชาญได้

ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
นำาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ที่เรียกว่า GIS
(Geo graphic Info rmatio n System) เข้ามาจัดเก็บ
และประมวลผลข้อมูลทางภูมิศาสตร์
ใช้ข้อมูลด้านตำาแหน่งที่ตั้งบนผิวโลก (Ground
Position) โดยใช้อุปกรณ์ GPS
(Glo balPo sitio ning System) ในการระบุตำาแหน่ง ร่วม
กับข้อมูลด้านต่างๆ เช่น แผนที่ รูปถ่ายทางอากาศ
ภาพถ่ายทางดาวเทียม เพื่อนำามาเป็นข้อมูลพื้นฐานใน
การพัฒนางานที่เกี่ยวข้อง เช่น ผังเมือง งานด้านความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ

GISเพื่อวิเคราะห์และสำารวจสภาพ
พื้นที่ภูมิศาสตร์

นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ
ของประเทศไทย
IT2000 กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ
แห่งชาติฉบับแรก
กำาหนดใช้เบื้องต้นสำาหรับระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2539-
2543)
IT2010 กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ
แห่งชาติในระยะที่ 2
ครอบคลุม 10 ปี (พ.ศ. 2544-2553) แยกเป็นแผน
แม่บท ICT
ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2
ICT2020 กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ

นโยบายเทคโนโลยี
สารสนเทศ IT2000
มีสาระสำาคัญที่เป็นเสาหลักในการ
พัฒนา 3 ประการคือ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศแห่งชาติ
(National Information Infrastructure)
พัฒนาทรัพยากร
มนุษย์ (Human Resource Development)
พัฒนาระบบสารสนเทศและปรับปรุงบทบาทภาครัฐ
เพื่อบริการที่ดีขึ้น รวมทั้งการสร้างรากฐานของ
อุตสาหกรรมสารสนเทศที่
แข็งแกร่ง (IT for Good Governance)

สารสนเทศ IT2010
มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจและ
สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้
(KnowledgeBased Economy/Society :
KBE/KBS)

สารสนเทศ ICT2020
เป็นแนวทางสู่ยุคดิจิตอลและการสื่อสารที่รวดเร็ว
เช่น ให้ประชาชนเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน ICT
ความเร็วสูง (Broadband) มีสาระสำาคัญหลักๆ
ดังนี้
พัฒนาอย่างยั่งยืนใน 3 มิติ คือ มิติสังคม มิติเศรษฐกิจ
และมิติสิ่งแวดล้อม
เปิดโอกาสให้ประชาชนรับประโยชน์จาก ICT ได้
อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อลดความเหลื่อมลำ้า
ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยพัฒนาให้ประเทศก้าว
ทันโลกอย่างรู้เท่าทัน

Ch11 slide

More Related Content

What's hot (15)

Viewers also liked (14)

Similar to Ch11 slide (20)

Ch11 slide