บทที่ 5
                                 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

            การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้เป็นการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ซึ่งมีขั้นตอนและผลของการศึกษาสรุปได้ดังนี้
               1. ความมุ่งหมายของการวิจัย
               2. สรุปผลการวิจัย
               3. อภิปรายผล
               4. ข้อเสนอแนะ

ความมุ่งหมายของการวิจัย

         1. ศึกษาประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
         2. ศึกษาดัชนีประสิทธิผลความสามารถในการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4
         3. เปรียบเทียบความสามารถในการพูดก่อน-หลังการทากิจกรรมพัฒนาทักษะการพูด
โดยใช้เกมของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
         4. ศึกษาพฤติกรรมการเรียนระหว่างการใช้เกมแข่งขันที่ไม่เสริมแรงด้วยของรางวัล
และการใช้เกมแข่งขันที่เสริมแรงด้วยของรางวัล

สรุปผลการวิจัย

           จากผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
              1. ประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
มีค่า 60.00/60.54 ซึ่งไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กาหนด 70/70
              2. ดัชนีประสิทธิผลความสามารถในการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่า 0.3213 หรือคิดเป็นร้อยละ 32.13 แสดงว่าการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทาให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.13
              3. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในพูด ก่อน-หลังการทากิจกรรมการพัฒนาทักษะ การ
พูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่าคะแนนสอบครั้งหลังสูงกว่าครั้งแรกอย่างมีนัยสาคัญ
ทางสถิติที่ระดับ 0.05
             4. ศึกษาพฤติกรรมที่เกิดจากการเสริมแรงด้วยของรางวัลและไม่เสริมแรงด้วยของรางวัลใน
การพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สรุปได้ดังนี้
                 4.1 การเสริมแรงด้วยของรางวัล
                    จากการสังเกตการสังเกตพฤติกรรมการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เกมแข่งขันที่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัลนั้น พบว่าผู้เรียนมีความต้องการที่จะ
54

ทาพฤติกรรมซ้า ร้อยละ 70.73 มีความสนใจในการทากิจกรรม ร้อยละ 73.17 มีความกระตือรือร้นในการ
ทากิจกรรม ร้อยละ 63.41 และมีความสนุกสนานในการทากิจกรรม ร้อยละ 90.24 จากการสังเกต
พฤติกรรมดังกล่าวพบว่าพฤติกรรมที่ผู้เรียนตอบสนองในการทากิจกรรมที่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัล
ทั้งหมด ร้อยละ 74.39
                4.2 การไม่เสริมแรงด้วยของรางวัล
     จากการสังเกตการสังเกตพฤติกรรมการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เกมแข่งขันที่ไม่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัลนั้น พบว่าผู้เรียนมีความต้องการที่
จะทาพฤติกรรมซ้า ร้อยละ 26.83 มีความสนใจในการทากิจกรรม ร้อยละ 17.07 มีความกระตือรือร้นใน
การทากิจกรรม ร้อยละ 14.63 และมีความสนุกสนานในการทากิจกรรม ร้อยละ 34.14 จากการสังเกต
พฤติกรรมดังกล่าวพบว่าพฤติกรรมที่ผู้เรียนตอบสนองในการทากิจกรรมที่ไม่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัล
ทั้งหมด ร้อยละ 23.17

อภิปรายผลการวิจัย

             จากผลการศึกษาการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
มีประเด็นที่นามาอภิปรายผลได้ดังนี้
               1. ประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีคะแนนระหว่างเรียนจากแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 4 แผน คิดเป็นร้อยละ 60.00
คะแนนหลังเรียนคิดเป็นคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 60.54 และประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม
60.00/60.54 ซึ่งไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กาหนด ทั้งนี้เนื่องมาจากนักเรียนขาดความคุ้นเคยกับการพูด
ภาษาอังกฤษ จึงทาให้ผู้เรียนเกิดความวิตกกังวลและความตื่นเต้นขณะทากิจกรรมเกี่ยวกับการพูดซึ่งเป็นสิ่ง
ที่ค่อนข้างยาก ดังตัวอย่างเช่นเกม Find Find Find (Arranging game) ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ
60.16 เป็นเกมที่นักเรียนทาคะแนนเฉลี่ยรวมน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ ซึ่งเกมนี้เป็นเกมแข่งขันที่ให้
นักเรียนแต่ละคู่พูดเรียงคาศัพท์ที่สลับตาแหน่งกันอยู่ จากนั้นนาคาศัพท์ที่ได้มาแต่งเป็นประโยค โดยจะมี
การจับเวลาเมื่อเริ่มเปิดแผ่นป้ายคาศัพท์ ทีมที่ทาเวลาได้ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดจะเป็นผู้ชนะ จากเกม
ดังกล่าวจะพบว่านักเรียนเกิดความวิตกกังวลและขาดความมั่นใจทั้งกลัวว่าจะออกเสียงผิดและเรียงคาศัพท์
ได้ไม่ถูกต้องส่งผลให้เกิดความประหม่าในการพูด นอกจากนั้นการจับเวลายังสร้างความตื่นเต้นและแรง
กดดันให้กับผู้เรียนทาให้ผู้เรียนบางคนเกิดความกลัวและไม่อยากร่วมกิจกรรม ซึ่งสอดคล้องกับพอร์เตอร์
(Porter. 1992 : Web Site) กล่าวว่า การพูดเป็นปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นมากในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่ง
สาเหตุของปัญหาที่พบบ่อยคือ ความประหม่า ความตื่นเต้น ความวิตกกังวล กลัวถูกวิจารณ์ หรือกลัวเสีย
หน้าต่อหน้าเพื่อนนักเรียนในชั้นเรียน และอีกหนึ่งปัญหาที่สาคัญคือ ผู้เรียนขาดความมั่นใจในการพูด จึงทา
ให้เกิดความรู้สึกเบื่อ ไม่มีส่วนร่วมกับหัวข้อในการพูด และทาให้ผู้เรียนขาดแรงจูงใจที่จะพูด ส่งผลให้ผู้
นักเรียนขาดความเชื่อมั่นในความสามารถในการพูดของตนเองและรู้สึกว่าตนเองมีทักษะในการใช้ภาษาไม่
เพียงพอ ผู้เรียนที่มีปัญหาเหล่านี้จาเป็นต้องได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
    ถึงแม้ว่าผลจะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้แต่ผลที่ได้ก็ถือว่าสูงพอสมควร                จึงยืนยันได้ว่า
จากการทดลองนี้ ถึงจะใช้เวลาในการทดลองไม่มากนัก แต่เกมก็ช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นและ
และความพยายามในการพูดและการใช้ภาษาในการสื่อสาร นอกจากนั้นเกมยังสร้างความบันเทิงและสร้าง
55

บรรยากาศในการเรียนภาษาที่ดีขึ้น ทาให้นักเรียนเกิดความผ่อนคลายส่งผลให้เกิดการจดจากับสิ่งที่เรียนได้
ดีขึ้นด้วย โดยสอดคล้องกับยูเบอร์แมน (Uberman. 1998 : website) กล่าวว่า เกมมีประโยชน์ต่อการ
เรียนรู้ภาษาเป็นอย่างมาก เกมสามารถทาให้ผู้เรียนได้มีโอกาสใช้ภาษานอกเหนือจากการเรียนในบทเรียน
การใช้เกมช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงกิจกรรมการเรียนได้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความบันเทิงแล้วยังช่วยลด
ความเขินอายและเพิ่มโอกาสในการแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกมากยิ่งขึ้น กิจกรรมเกมถือเป็นกิจกรรม
นันทนาการในชั้นเรียนที่สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ภาษาและจดจาสิ่งที่ได้เรียนรู้
ได้เร็วขึ้น ผู้เรียนจะเกิดการเรื่องรู้อย่างแท้จริงและสามารถใช้ภาษาได้สัมพันธ์กับเรื่องที่เรียนมาก่อนได้เป็น
อย่างดี กล่าวสรุปคือ เกมภาษาส่งเสริมความบันเทิงในการเรียน การสอนส่งเสริมความคล่องแคล้วในการใช้
ภาษานั้นเอง
    นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ                    กุลเชษฐ สุทธิดี (2544 : บทคัดย่อ) ได้
ทาการศึกษาเรื่อง การใช้กลวิธีการเรียนแบบร่วมมือที่เน้นการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกมเพื่อพัฒนาทักษะ
การพูดภาษาอังกฤษของนักเรียน โดยการศึกษาค้นคว้าอิสระนี้ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
2 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งคัดเลือกโดยการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่
รูปแบบการสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือที่เน้นการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วย
เกม แบบบันทึกการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ และแบบบันทึกสังเกตพฤติกรรมการเรียนทักษะการ
พูดของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ยและร้อยละ ผลการศึกษาพบว่า การเรียนแบบ
ร่วมมือที่เน้นการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกมช่วยให้นักเรียนมีการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น
และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนทักษะการพูดภาษาอังกฤษตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์มากขึ้น ใน
ด้านความเชื่อมั่นและกล้าแสดงออก มีความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม และมีความร่วมมือในการ
ทางานมากยิ่งขึ้น
                  2. ดัชนีประสิทธิผลความสามารถในการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่า 0.3213 หรือคิดเป็นร้อยละ 32.13 แสดงว่าการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทาให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.13 โดยการทากิจกรรมการพูดที่
หลากหลายเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาที่เป็นอิสระไม่เคร่งเครียดและเกมแข่งขันก็มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น
และท้าทายความสามารถของผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม ดังตัวอย่างเช่น เกม Blind
man’s bluff (Searching game) ซึ่งเกมดังกล่าวจะให้นักเรียนแข่งขันกันเป็นกลุ่ม โดยในแต่ละกลุ่มนั้น
นักเรียนหนึ่งคนจะถูกปิดตาเหมือนกับคนตาบอดแล้วให้เพื่อนในกลุ่มบอกทางให้เพื่อนที่ถูกปิดตาเดินไปยัง
ตาแหน่งที่ต้องการให้ถูกต้อง โดยครูจะเป็นผู้กาหนดจุดต่างๆในชั้นเรียนเช่น พิพิธภัณฑ์อยู่หลังห้อง
ห้างสรรพสินค้า อยู่กลางห้อง เป็นต้น แล้วสมาชิกที่เหลือจะเป็นคนเลือกแผ่นป้ายจาก power point หากได้
สถานที่ใด สมาชิกในกลุ่มจะต้องช่วยกันอธิบายให้คนที่ถูกปิดตาสามารถไปยังสถานที่นั้นๆให้ถูกต้องและเร็ว
ที่สุด กลุ่มไหนทาเวลาได้ดีที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งสอดคล้องกับไรท์ (Wright. 1989 : 1) กล่าวว่า เกม
สามารถช่วยกระตุ้นผู้เรียนให้มีความสนใจในการเรียนภาษามากขึ้น และยังช่วยให้บรรยากาศในการเรียนภาษา
ดีขึ้น ทาให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้แสดงทัศนคติของตนเองให้ผู้อื่นได้ทราบ และที่
สาคัญยังช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกการใช้ภาษาได้อย่างไม่เคร่งเครียด เป็นการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่
สนุกสนานและผ่อนคลาย ข้อดีอีกอย่างของการใช้เกมคือช่วยให้ผู้เรียนลดความวิตกกังวลลงทาให้สามารถพูดได้
อย่างคล่องแคล่วขึ้นและยังมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษา นอกจากนั้นวอนดราเกอร์
(Vondracek. 2009 : Web Site) กล่าวว่า เกมมีส่วนช่วยส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะการพูด
56

ภาษาอังกฤษโดยมีเกมเป็นตัวโน้มน้าวและกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในหัวข้อที่เรียนได้ อีกทั้งยัง
สอดคล้องกับ จันดา (Chanda. 2008 : Web Site) กล่าวว่า เกมเป็นกิจกรรมสนับสนุนการเรียนรู้ภาษาที่
ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนภาษาในทางที่ผ่อนคลายส่งผลให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านภาษาและทักษะด้านความคิด ซึ่ง
ในเกมนี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถพูดหรือแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนและสามารถสร้างโอกาสในการใช้ภาษาได้
อย่างมีความหมาย ดังนั้นเกมจึงเป็นเทคนิคการสอนภาษาที่มีประสิทธิภาพมาก ช่วยเพิ่มความสามารถในการ
พูดของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี เป็นวิธีที่สามารถทาให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเรียนได้ เพราะมีการสร้าง
แรงจูงใจและมีการเสริมแรงทางบวกด้วยของรางวัล
    นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของพอล ไบรโอดี้                     (Paul Briody. 2011 : website) ได้
ทาการศึกษาผลของการใช้เกมในการสอนภาษาสาหรับเด็ก โดยทาการศึกษากับนักเรียน EFL ระดับหก จานวน
50 คน จากโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง โดยการวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งความมุ่งหมายของการวิจัยในครั้ง
นี้คือศึกษาผลรวมของการใช้เกมในการพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้เรียนเช่น การพัฒนา
ทางด้านคาศัพท์ ความวิตกกังวลในการทากิจกรรมที่เกิดจากความกดดันของเพื่อน ซึ่งผลของการวิจัยในครั้งนี้
ปรากฏว่าผู้เรียนมีพัฒนาการทางด้านภาษาอังกฤษที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งทางด้านพัฒนาการทางด้านคาศัพท์
และระดับความวิตกกังวลที่ลดลงในการทากิจกรรมร่วมกับเพื่อน แสดงให้เห็นว่าเกมสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิด
การพัฒนาทักษะทางด้านภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                3. การเปรียบเทียบคะแนนการพูดภาษาอังกฤษเฉลี่ยกลุ่มเดียวกันระหว่างก่อนเรียน (pre-test)
และหลังเรียน (post-test) พบว่าผลรวมของคะแนนสอบครั้งหลังเรียนสูงกว่าผลรวม คะแนนสอบก่อนเรียนซึ่ง
เป็นไปตามสมมุติฐานการวิจัย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลังจากการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการ
พูดโดยใช้เกมแล้วนักเรียนมีทักษะการพูดเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทั้งนี้เนื่องจากการ
จัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมทาให้ผู้เรียนเกิดเจตนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ส่งเสริม
ให้นักเรียนเกิดความกล้าในการใช้ภาษาในสื่อสาร และเกมยังเป็นตัวกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนเกิด
ความพยายามในการพูดและการเรียนรู้ได้อย่างไม่เขินอาย ดังตัวอย่างจากการทากิจกรรมเกม Find the shop
(Search games) ซึ่งนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ย 73.17 ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่ค่อนข้างสูง เกม Find the shop
เป็นเกมทีนักเรียนทุกคนจะมีแผนที่และข้อมูลอยู่คนละชุด ซึ่งแผนที่แต่ละแผ่นจะบอกตาแหน่งของร้านค้าที่
            ่
แตกต่างกัน โดยแต่ละคนจะได้ข้อมูลไม่เหมือนกัน หลังจากนั้นครูก็จะให้นักเรียนทีละคนลุกขึ้นอธิบายลักษณะ
ของแผนที่ที่ตนได้รับว่าร้านค้าในแผนที่ของตนอยู่ตาแหน่งใด แล้วให้นักเรียนที่เหลือเขียนตาแหน่งของร้านที่
เพื่อนอธิบายลงในแผนที่ให้ถูกต้อง ผลจากการเล่นเกมปรากฏว่านักเรียนสามารถพูดซักถามข้อมูลและพูดให้
ข้อมูลได้อย่างคล่องแคล่ว มีความพยายามในการใช้ภาษาสื่อสารและมีความสนุกสนานในการเล่นเกม จากเกม
ดังกล่าวส่งผลทาให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมกระตือรือร้น กล้าที่จะพูดและสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่ง
สอดคล้องกับหยิน หยอง เหมย (Yin Yong Mei. 2000 : website) ได้กล่าวว่า เกมช่วยให้ผู้เรียนสามารถ
เรียนรูและเกิดทักษะในการใช้ภาษาดีขึ้น เนื่องจากเกมเป็นสิ่งที่สร้างความสนุกสนานให้ผู้เรียนทาให้เกิดค้นคว้า
         ้
และการโต้ตอบกันถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการฝึกการใช้ภาษา เป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับบทเรียนและ
เพิ่มแรงจูงใจในการเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เรียนที่อยู่ในวัยเด็ก นอกจากนั้น เกมยังช่วยทาให้ผู้เรียนเกิดความ
กล้าที่จะใช้ภาษาในการสื่อสาร แม้บางครั้งจะเกิดการลังเลบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวกระตุ้นที่ดีอีกอย่างหนึ่งเลย
ถึงแม้ว่าผู้เรียนบางคนอาจเกิดความเขินอายแต่ก็ยังสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงพฤติกรรมเชิงบวกได้และทา
ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้เหมือนกับภาษาแม่ โดยผู้เรียนจะไม่เกิดความรู้สึกกดดันหรือเครียดทา
ให้สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น
57

    นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับกาญจภา มานิตย์ (                  2547 : บทคัดย่อ) ได้ทาการศึกษาการพัฒนา
ทักษะพูดโดยใช้เกม ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาทักษะพูดภาษาอังกฤษของนักเรียน และเพื่อ
พัฒนาความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เกมประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะพูดภาษาอังกฤษโดยใช้เกมส่งผลให้นักเรียนมีการ
พัฒนาระดับความสามารถทักษะทางการพูดอังกฤษที่สูงกว่าก่อนเรียน ในด้านความคล่องแคล่ว สามารถพูดให้
ผู้อื่นเข้าใจ ข้อความที่นามาสื่อสารมีคุณภาพ การออกเสียงถูกต้องชัดเจนอยู่ในระดับดี การใช้เกมในการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนยังส่งผลให้นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีมากทั้ง3 ด้าน
ได้แก่ ความสนใจ ความกระตือรือร้น และความตั้งใจในการประกอบกิจกรรม มีพฤติกรรม 2 ด้านที่อยู่ในระดับ
ดี ได้แก่ ความพยายามที่จะสื่อสารโดยใช้ภาษาพูดและท่าทาง และความพยายามที่จะไม่ใช้ภาษาไทยใน
ห้องเรียน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้เกมประกอบการเรียน
ทาให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษ และในด้านพฤติกรรมของนักเรียนสังเกตพบว่านักเรียนมีความ
กระตือรือร้น มีความพยายามที่จะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ สนุกสนานในการเรียนส่งผลให้นักเรียนมีระดับ
ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษอยู่ในระดับพอใช้
                 4. ศึกษาพฤติกรรมที่เกิดจากการเสริมแรงด้วยของรางวัลและไม่เสริมแรงด้วยของรางวัลใน
การพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สรุปได้ดังนี้
                    4.1 การเสริมแรงด้วยของรางวัล
                       จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนจากการเสริมแรงด้วยของรางวัลในกิจกรรมการ
พัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม พบว่าผู้เรียนตอบสนองในการทากิจกรรมที่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัล
ทั้งหมด ร้อยละ 74.39 โดยผู้เรียนมีความต้องการที่จะทาพฤติกรรมซ้า มีความสนใจในการทากิจกรรม มี
ความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม และมีความสนุกสนานในการทากิจกรรม ดังเช่นเกม Super star
Award ซึ่งเป็นกิจกรรมเกมแข่งขันที่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัล นักเรียนสามารถทาคะแนนได้สูงมากถึง
ร้อยละ 72.35 โดยรูปแบบของกิจกรรมจะเป็นการ Role play แสดงบทบาทสมมติตามสถานการณ์ที่
กาหนด เมื่อแสดงเสร็จให้เพื่อนในชั้นเรียนร่วมกันโหวตหาทีมที่สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้องและแสดงได้ดีสุด
ภาพรวมของกิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ ผู้เรียนมีการแบ่งหน้าที่และบทบาทกันอย่างชัดเจน มีการ
ซ้อมการแสดง และเตรียมภาษาเป็นอย่างดี เนื่องจากการตัดสินเกิดจากการโหวตดังนั้นแต่ละกลุ่มจึงคิดหา
วิธีที่จะออกแบบและนาเสนอการแสดงที่มีความหลากหลายและสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม จาก
กิจกรรมดังกล่าว ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบร่วมมือภายในกลุ่มเล็กๆ และแต่ละกลุ่มก็มีความ
พยายามในการแสดงและความพยายามในการใช้ภาษาเป็นอย่างมาก เนื่องจากครูผู้สอนได้สร้างเงื่อนไขไว้
แต่ต้นว่ากลุ่มที่ใช้ภาษาอังกฤษได้มากและถูกต้องที่สุดจะได้รับรางวัลพิเศษจากครูเช่นเดียวกัน ซึ่งสอดคล้อง
กับ มูแซดซิโอ (Musacchio. 2011 , website) กล่าวว่า การเสริมแรงเป็นเครื่องมือที่ถือว่ามี
ประสิทธิภาพมากสาหรับการสอนผู้เรียนในทุกระดับชั้น ซึ่งมีลักษณะการใช้วิธีการให้ของรางวัลหรือสิ่งตอบ
แทนเพื่อเป็นการขยายพฤติกรรมที่พึงประสงค์หรือการกระทาที่ผู้สอนต้องการจะให้เกิดขึ้นซ้าอีก เช่น การ
ตอบคาถามในชั้นเรียน เมื่อผู้เรียนตอบถูกครูเสริมแรงด้วยของรางวัลก็จะทาให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้น
และแรงจูงใจในการตอบคาถามอีกครั้ง
                    4.2 การไม่เสริมแรงด้วยของรางวัล
      จากการสังเกตการสังเกตพฤติกรรมการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เกมแข่งขันที่ไม่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัลนั้น พบว่าพฤติกรรมที่ผู้เรียน
58

ตอบสนองในการทากิจกรรมเพียง ร้อยละ 23.17 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจานวนนักเรียนที่สนใจในกิจกรรมการ
เรียนนั้นมีเพียงร้อยละ 23.17 เท่านั้น ดังจะเห็นได้จากเกม My favorite holiday โดยเป็นกิจกรรมเกมการ
พูดบรรยายวันสาคัญที่ตนเองชื่นชอบแล้วให้เพื่อนในชั้นเรียนทาย เป็นกิจกรรมที่ไม่มีการเสริมแรงด้วยของ
รางวัล แต่จะมีเพียงการเสริมแรงด้วยคาชมจากครูผู้สอนเท่านั้น ผลจากการทากิจกรรมในช่วงแรกผู้เรียน
เกิดการตอบสนองในระดับปานกลาง แต่ในช่วงหลังผู้เรียนเกิดความเฉื่อยชาเริ่มเบื่อหน่ายและไม่สนใจใน
การทากิจกรรม แต่ละคนก็จะสนแต่กับเรื่องตนเองจะพูดเท่านั้น ไม่สนใจเพื่อนที่นาเสนอหน้าชั้นเรียนขาด
ความสนใจในกิจกรรม ส่งผลให้บรรยากาศในการทากิจกรรมในชั้นเรียนดาเนินไปได้ไม่ดีนัก ซึ่งสอดคล้อง
กับลาร์รีฟ (Larrive. 2005 : 190-191) ได้กล่าวถึง การเสริมแรงไว้ว่า ผู้เรียนจะเกิดความพึงพอใจและ
พฤติกรรมที่ตอบสนองในด้านบวกที่มากขึ้นเมื่อได้รับผลตอบแทนที่จับต้องได้มากกว่าคากล่าวเชยชม โดย
แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าผู้เรียนจะมีการตอบสนองทางพฤติกรรมที่ดีเมื่อมีการเสริมแรงด้วยของรางวัลที่
เป็นวัตถุมากกว่าการเสริมแรงด้วยคาพูดหรือสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้

ข้อเสนอแนะ

 1.             ข้อเสนอแนะทั่วไป
  1.              1 ในการเล่นเกมที่มีการแข่งขันแบบต้องจับคู่หรือการแข่งขันเป็นกลุ่ม ครูควรให้
ความสาคัญกับการเลือกเพื่อนร่วมกลุ่มของนักเรียน เมื่อเป็นกิจกรรมเกมการแข่งขันนักเรียนกลุ่มเก่งมักจะ
จับตัวกันเป็นกลุ่ม ส่งผลให้นักเรียนกลุ่มที่เหลือเกิดความประหม่า ขาดความมั่นใจ วิตกกังวลและไม่มี
กาลังใจในการแข่งขัน ครูควรเลือกวิธีแบ่งกลุ่มให้เกิดความยุติธรรมแก่นักเรียนทุกคน
               1.2 ครูควรมีการให้คะแนนที่ยุติธรรม โปร่งใส มีการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน
และมีการทาป้ายแสดงตารางคะแนนแต่ละกลุ่มแต่ละคู่ไว้ให้นักเรียนเห็นได้อย่างทั่วถึง นอกเหนือจะทาให้
เกิดความโปร่งใสในการให้คะแนนแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นและสร้างความกระตือรือร้นให้กับนักเรียนได้เป็น
อย่างดี
 2.             ข้อเสนอแนะในการทาวิจัยครั้งต่อไป
  2.1                ควรศึกษาพฤติกรรมด้านลบที่เกิดจากการใช้เกมแข่งขันในกรณีที่ผู้เรียนเป็นผ่ายแพ้และ
แนวทางในการสร้างแรงจูงใจที่ทาให้เกิดพฤติกรรมซ้าในด้านบวก
               2.2 ควรศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลในการเล่นเกมแข่งขันที่เกิดจากการแข่งขัน
เป็นกลุ่มที่นักเรียนเป็นผู้เลือกเองและกลุ่มที่ครูเป็นผู้เลือกให้

More Related Content

PDF
Abtract การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช...
PDF
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
DOC
บทที่ ๕
PDF
Chapter 3 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
PPT
วิจัยภาษาอังกฤษ
DOC
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
PDF
Chapter 2 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
PDF
การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (SMEDU)
Abtract การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช...
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
บทที่ ๕
Chapter 3 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
วิจัยภาษาอังกฤษ
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
Chapter 2 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (SMEDU)

What's hot (20)

PDF
แผนที่ 1 the student analysis
DOC
วิจัย ม
DOC
B slim
DOCX
การพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
PDF
PDF
PDF
งานวิจัย ภาษาอังกฤษ การเทียบเสียงอักษร ไทย-อังกฤษ
PDF
แผน 1 the curious boy and the fish
PDF
เผยแพร่ผลงาน เล่ม 2 my favorite subjects
PDF
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
DOC
แผน Eng m.3
PDF
แผนที่ 12 summary and posttest
DOC
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
PDF
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
PDF
Chapter 1
PDF
บทที่ 1
PDF
คู่มือครูชุดที่ 3
PDF
บทที่ 2
PPTX
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง เทคโนโ...
DOC
แผนFamous people
แผนที่ 1 the student analysis
วิจัย ม
B slim
การพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
งานวิจัย ภาษาอังกฤษ การเทียบเสียงอักษร ไทย-อังกฤษ
แผน 1 the curious boy and the fish
เผยแพร่ผลงาน เล่ม 2 my favorite subjects
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
แผน Eng m.3
แผนที่ 12 summary and posttest
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
Chapter 1
บทที่ 1
คู่มือครูชุดที่ 3
บทที่ 2
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง เทคโนโ...
แผนFamous people
Ad

Viewers also liked (6)

PDF
Chapter 4 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
PDF
Article intradepartmental journal of efl student teachers in practice
PDF
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนและการอ่าน
PPT
Teaching English by using B-Slim Model
PPTX
Who am i fruit and vegetables
DOCX
วิจัยเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ
Chapter 4 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
Article intradepartmental journal of efl student teachers in practice
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนและการอ่าน
Teaching English by using B-Slim Model
Who am i fruit and vegetables
วิจัยเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ
Ad

Similar to Chapter 5 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เกม Improving Pratomsuksa 4 Students’ (20)

DOC
บทที่ ๔
PPT
ภาษาอังกฤษ
PPT
เนื้อหา
PDF
12. บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
PDF
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยการเขียนบันทึกสนทนาโต้ตอบผ่านทางเฟสบุ๊ค
PDF
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยการเขียนบันทึกสนทนาโต้ตอบผ่านทางเฟสบุ๊ค
PDF
บทที่ 5
PDF
2562 final-project -1
DOCX
วิจัยNew2556
PDF
คู่มือครู เล่มที่ ๑ เรื่อง คำมูล
PDF
คู่มือครู เล่มที่ ๑ เรื่อง คำมูล
PDF
วิจัย การพัฒนาความสามารถในการจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้เกมออนไลน์
PPTX
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานในการสอนไทยให้กับชาวต่างชาติ.pptx
PDF
แผนการจัดการเรียนรู้ย่อยที่ 4
PPT
Wanida 134 cai
PDF
การจัดการเรียนรู้ Stad
PDF
วิจัยชั้นเรียนเบญจพร1
PDF
Nuttarida
PDF
บทที่ 5
PDF
การอ่านจับใจความสำคัญจากวรรณกรรมพื้นบ้าน ด้วยเทคนิค SQ4R.pdf
บทที่ ๔
ภาษาอังกฤษ
เนื้อหา
12. บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยการเขียนบันทึกสนทนาโต้ตอบผ่านทางเฟสบุ๊ค
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยการเขียนบันทึกสนทนาโต้ตอบผ่านทางเฟสบุ๊ค
บทที่ 5
2562 final-project -1
วิจัยNew2556
คู่มือครู เล่มที่ ๑ เรื่อง คำมูล
คู่มือครู เล่มที่ ๑ เรื่อง คำมูล
วิจัย การพัฒนาความสามารถในการจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้เกมออนไลน์
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานในการสอนไทยให้กับชาวต่างชาติ.pptx
แผนการจัดการเรียนรู้ย่อยที่ 4
Wanida 134 cai
การจัดการเรียนรู้ Stad
วิจัยชั้นเรียนเบญจพร1
Nuttarida
บทที่ 5
การอ่านจับใจความสำคัญจากวรรณกรรมพื้นบ้าน ด้วยเทคนิค SQ4R.pdf

More from aphithak (17)

PDF
Ab 7 mongkon buddha image
PPT
Game
PPT
Paper Journal - Tsal - base on group - Mr.Aphithak
PPT
MI - Mr.Aphithak
PPT
Learning strategy cognitive - Mr.Aphithak
PPT
EJ - Mr.Aphithak
PPT
Cooperlative learning - Mr.Aphithak
PPT
Book - Mr.Aphithak
PPT
Authentic material movie - Mr. Aphithak
PPT
PPT - B-slim by Aphithak Chanla
PPT
PPT - PPP by Aphithak Chanla
PPT
PPT - CBI by Aphithak Chanla
PPT
PPT - CLIL by Aphithak Chanla
PPT
PPT - Listening skill by Aphithak Chanla
PPT
PPT - Speaking skill by Aphithak Chanla
PPT
PPT - Reading skill by Aphithak Chanla
PPT
PPT - Writing skill by Aphithak Chanla
Ab 7 mongkon buddha image
Game
Paper Journal - Tsal - base on group - Mr.Aphithak
MI - Mr.Aphithak
Learning strategy cognitive - Mr.Aphithak
EJ - Mr.Aphithak
Cooperlative learning - Mr.Aphithak
Book - Mr.Aphithak
Authentic material movie - Mr. Aphithak
PPT - B-slim by Aphithak Chanla
PPT - PPP by Aphithak Chanla
PPT - CBI by Aphithak Chanla
PPT - CLIL by Aphithak Chanla
PPT - Listening skill by Aphithak Chanla
PPT - Speaking skill by Aphithak Chanla
PPT - Reading skill by Aphithak Chanla
PPT - Writing skill by Aphithak Chanla

Chapter 5 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เกม Improving Pratomsuksa 4 Students’

  • 1. บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้เป็นการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งมีขั้นตอนและผลของการศึกษาสรุปได้ดังนี้ 1. ความมุ่งหมายของการวิจัย 2. สรุปผลการวิจัย 3. อภิปรายผล 4. ข้อเสนอแนะ ความมุ่งหมายของการวิจัย 1. ศึกษาประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2. ศึกษาดัชนีประสิทธิผลความสามารถในการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 3. เปรียบเทียบความสามารถในการพูดก่อน-หลังการทากิจกรรมพัฒนาทักษะการพูด โดยใช้เกมของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4. ศึกษาพฤติกรรมการเรียนระหว่างการใช้เกมแข่งขันที่ไม่เสริมแรงด้วยของรางวัล และการใช้เกมแข่งขันที่เสริมแรงด้วยของรางวัล สรุปผลการวิจัย จากผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่า 60.00/60.54 ซึ่งไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กาหนด 70/70 2. ดัชนีประสิทธิผลความสามารถในการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่า 0.3213 หรือคิดเป็นร้อยละ 32.13 แสดงว่าการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทาให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.13 3. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในพูด ก่อน-หลังการทากิจกรรมการพัฒนาทักษะ การ พูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่าคะแนนสอบครั้งหลังสูงกว่าครั้งแรกอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถิติที่ระดับ 0.05 4. ศึกษาพฤติกรรมที่เกิดจากการเสริมแรงด้วยของรางวัลและไม่เสริมแรงด้วยของรางวัลใน การพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สรุปได้ดังนี้ 4.1 การเสริมแรงด้วยของรางวัล จากการสังเกตการสังเกตพฤติกรรมการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เกมแข่งขันที่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัลนั้น พบว่าผู้เรียนมีความต้องการที่จะ
  • 2. 54 ทาพฤติกรรมซ้า ร้อยละ 70.73 มีความสนใจในการทากิจกรรม ร้อยละ 73.17 มีความกระตือรือร้นในการ ทากิจกรรม ร้อยละ 63.41 และมีความสนุกสนานในการทากิจกรรม ร้อยละ 90.24 จากการสังเกต พฤติกรรมดังกล่าวพบว่าพฤติกรรมที่ผู้เรียนตอบสนองในการทากิจกรรมที่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัล ทั้งหมด ร้อยละ 74.39 4.2 การไม่เสริมแรงด้วยของรางวัล จากการสังเกตการสังเกตพฤติกรรมการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เกมแข่งขันที่ไม่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัลนั้น พบว่าผู้เรียนมีความต้องการที่ จะทาพฤติกรรมซ้า ร้อยละ 26.83 มีความสนใจในการทากิจกรรม ร้อยละ 17.07 มีความกระตือรือร้นใน การทากิจกรรม ร้อยละ 14.63 และมีความสนุกสนานในการทากิจกรรม ร้อยละ 34.14 จากการสังเกต พฤติกรรมดังกล่าวพบว่าพฤติกรรมที่ผู้เรียนตอบสนองในการทากิจกรรมที่ไม่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัล ทั้งหมด ร้อยละ 23.17 อภิปรายผลการวิจัย จากผลการศึกษาการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประเด็นที่นามาอภิปรายผลได้ดังนี้ 1. ประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีคะแนนระหว่างเรียนจากแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 4 แผน คิดเป็นร้อยละ 60.00 คะแนนหลังเรียนคิดเป็นคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 60.54 และประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม 60.00/60.54 ซึ่งไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กาหนด ทั้งนี้เนื่องมาจากนักเรียนขาดความคุ้นเคยกับการพูด ภาษาอังกฤษ จึงทาให้ผู้เรียนเกิดความวิตกกังวลและความตื่นเต้นขณะทากิจกรรมเกี่ยวกับการพูดซึ่งเป็นสิ่ง ที่ค่อนข้างยาก ดังตัวอย่างเช่นเกม Find Find Find (Arranging game) ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 60.16 เป็นเกมที่นักเรียนทาคะแนนเฉลี่ยรวมน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ ซึ่งเกมนี้เป็นเกมแข่งขันที่ให้ นักเรียนแต่ละคู่พูดเรียงคาศัพท์ที่สลับตาแหน่งกันอยู่ จากนั้นนาคาศัพท์ที่ได้มาแต่งเป็นประโยค โดยจะมี การจับเวลาเมื่อเริ่มเปิดแผ่นป้ายคาศัพท์ ทีมที่ทาเวลาได้ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดจะเป็นผู้ชนะ จากเกม ดังกล่าวจะพบว่านักเรียนเกิดความวิตกกังวลและขาดความมั่นใจทั้งกลัวว่าจะออกเสียงผิดและเรียงคาศัพท์ ได้ไม่ถูกต้องส่งผลให้เกิดความประหม่าในการพูด นอกจากนั้นการจับเวลายังสร้างความตื่นเต้นและแรง กดดันให้กับผู้เรียนทาให้ผู้เรียนบางคนเกิดความกลัวและไม่อยากร่วมกิจกรรม ซึ่งสอดคล้องกับพอร์เตอร์ (Porter. 1992 : Web Site) กล่าวว่า การพูดเป็นปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นมากในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่ง สาเหตุของปัญหาที่พบบ่อยคือ ความประหม่า ความตื่นเต้น ความวิตกกังวล กลัวถูกวิจารณ์ หรือกลัวเสีย หน้าต่อหน้าเพื่อนนักเรียนในชั้นเรียน และอีกหนึ่งปัญหาที่สาคัญคือ ผู้เรียนขาดความมั่นใจในการพูด จึงทา ให้เกิดความรู้สึกเบื่อ ไม่มีส่วนร่วมกับหัวข้อในการพูด และทาให้ผู้เรียนขาดแรงจูงใจที่จะพูด ส่งผลให้ผู้ นักเรียนขาดความเชื่อมั่นในความสามารถในการพูดของตนเองและรู้สึกว่าตนเองมีทักษะในการใช้ภาษาไม่ เพียงพอ ผู้เรียนที่มีปัญหาเหล่านี้จาเป็นต้องได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ ถึงแม้ว่าผลจะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้แต่ผลที่ได้ก็ถือว่าสูงพอสมควร จึงยืนยันได้ว่า จากการทดลองนี้ ถึงจะใช้เวลาในการทดลองไม่มากนัก แต่เกมก็ช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นและ และความพยายามในการพูดและการใช้ภาษาในการสื่อสาร นอกจากนั้นเกมยังสร้างความบันเทิงและสร้าง
  • 3. 55 บรรยากาศในการเรียนภาษาที่ดีขึ้น ทาให้นักเรียนเกิดความผ่อนคลายส่งผลให้เกิดการจดจากับสิ่งที่เรียนได้ ดีขึ้นด้วย โดยสอดคล้องกับยูเบอร์แมน (Uberman. 1998 : website) กล่าวว่า เกมมีประโยชน์ต่อการ เรียนรู้ภาษาเป็นอย่างมาก เกมสามารถทาให้ผู้เรียนได้มีโอกาสใช้ภาษานอกเหนือจากการเรียนในบทเรียน การใช้เกมช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงกิจกรรมการเรียนได้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความบันเทิงแล้วยังช่วยลด ความเขินอายและเพิ่มโอกาสในการแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกมากยิ่งขึ้น กิจกรรมเกมถือเป็นกิจกรรม นันทนาการในชั้นเรียนที่สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ภาษาและจดจาสิ่งที่ได้เรียนรู้ ได้เร็วขึ้น ผู้เรียนจะเกิดการเรื่องรู้อย่างแท้จริงและสามารถใช้ภาษาได้สัมพันธ์กับเรื่องที่เรียนมาก่อนได้เป็น อย่างดี กล่าวสรุปคือ เกมภาษาส่งเสริมความบันเทิงในการเรียน การสอนส่งเสริมความคล่องแคล้วในการใช้ ภาษานั้นเอง นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ กุลเชษฐ สุทธิดี (2544 : บทคัดย่อ) ได้ ทาการศึกษาเรื่อง การใช้กลวิธีการเรียนแบบร่วมมือที่เน้นการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกมเพื่อพัฒนาทักษะ การพูดภาษาอังกฤษของนักเรียน โดยการศึกษาค้นคว้าอิสระนี้ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งคัดเลือกโดยการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ รูปแบบการสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือที่เน้นการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วย เกม แบบบันทึกการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ และแบบบันทึกสังเกตพฤติกรรมการเรียนทักษะการ พูดของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ยและร้อยละ ผลการศึกษาพบว่า การเรียนแบบ ร่วมมือที่เน้นการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกมช่วยให้นักเรียนมีการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนทักษะการพูดภาษาอังกฤษตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์มากขึ้น ใน ด้านความเชื่อมั่นและกล้าแสดงออก มีความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม และมีความร่วมมือในการ ทางานมากยิ่งขึ้น 2. ดัชนีประสิทธิผลความสามารถในการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่า 0.3213 หรือคิดเป็นร้อยละ 32.13 แสดงว่าการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทาให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.13 โดยการทากิจกรรมการพูดที่ หลากหลายเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาที่เป็นอิสระไม่เคร่งเครียดและเกมแข่งขันก็มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น และท้าทายความสามารถของผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม ดังตัวอย่างเช่น เกม Blind man’s bluff (Searching game) ซึ่งเกมดังกล่าวจะให้นักเรียนแข่งขันกันเป็นกลุ่ม โดยในแต่ละกลุ่มนั้น นักเรียนหนึ่งคนจะถูกปิดตาเหมือนกับคนตาบอดแล้วให้เพื่อนในกลุ่มบอกทางให้เพื่อนที่ถูกปิดตาเดินไปยัง ตาแหน่งที่ต้องการให้ถูกต้อง โดยครูจะเป็นผู้กาหนดจุดต่างๆในชั้นเรียนเช่น พิพิธภัณฑ์อยู่หลังห้อง ห้างสรรพสินค้า อยู่กลางห้อง เป็นต้น แล้วสมาชิกที่เหลือจะเป็นคนเลือกแผ่นป้ายจาก power point หากได้ สถานที่ใด สมาชิกในกลุ่มจะต้องช่วยกันอธิบายให้คนที่ถูกปิดตาสามารถไปยังสถานที่นั้นๆให้ถูกต้องและเร็ว ที่สุด กลุ่มไหนทาเวลาได้ดีที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งสอดคล้องกับไรท์ (Wright. 1989 : 1) กล่าวว่า เกม สามารถช่วยกระตุ้นผู้เรียนให้มีความสนใจในการเรียนภาษามากขึ้น และยังช่วยให้บรรยากาศในการเรียนภาษา ดีขึ้น ทาให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้แสดงทัศนคติของตนเองให้ผู้อื่นได้ทราบ และที่ สาคัญยังช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกการใช้ภาษาได้อย่างไม่เคร่งเครียด เป็นการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ สนุกสนานและผ่อนคลาย ข้อดีอีกอย่างของการใช้เกมคือช่วยให้ผู้เรียนลดความวิตกกังวลลงทาให้สามารถพูดได้ อย่างคล่องแคล่วขึ้นและยังมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษา นอกจากนั้นวอนดราเกอร์ (Vondracek. 2009 : Web Site) กล่าวว่า เกมมีส่วนช่วยส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะการพูด
  • 4. 56 ภาษาอังกฤษโดยมีเกมเป็นตัวโน้มน้าวและกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในหัวข้อที่เรียนได้ อีกทั้งยัง สอดคล้องกับ จันดา (Chanda. 2008 : Web Site) กล่าวว่า เกมเป็นกิจกรรมสนับสนุนการเรียนรู้ภาษาที่ ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนภาษาในทางที่ผ่อนคลายส่งผลให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านภาษาและทักษะด้านความคิด ซึ่ง ในเกมนี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถพูดหรือแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนและสามารถสร้างโอกาสในการใช้ภาษาได้ อย่างมีความหมาย ดังนั้นเกมจึงเป็นเทคนิคการสอนภาษาที่มีประสิทธิภาพมาก ช่วยเพิ่มความสามารถในการ พูดของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี เป็นวิธีที่สามารถทาให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเรียนได้ เพราะมีการสร้าง แรงจูงใจและมีการเสริมแรงทางบวกด้วยของรางวัล นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของพอล ไบรโอดี้ (Paul Briody. 2011 : website) ได้ ทาการศึกษาผลของการใช้เกมในการสอนภาษาสาหรับเด็ก โดยทาการศึกษากับนักเรียน EFL ระดับหก จานวน 50 คน จากโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง โดยการวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งความมุ่งหมายของการวิจัยในครั้ง นี้คือศึกษาผลรวมของการใช้เกมในการพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้เรียนเช่น การพัฒนา ทางด้านคาศัพท์ ความวิตกกังวลในการทากิจกรรมที่เกิดจากความกดดันของเพื่อน ซึ่งผลของการวิจัยในครั้งนี้ ปรากฏว่าผู้เรียนมีพัฒนาการทางด้านภาษาอังกฤษที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งทางด้านพัฒนาการทางด้านคาศัพท์ และระดับความวิตกกังวลที่ลดลงในการทากิจกรรมร่วมกับเพื่อน แสดงให้เห็นว่าเกมสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิด การพัฒนาทักษะทางด้านภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. การเปรียบเทียบคะแนนการพูดภาษาอังกฤษเฉลี่ยกลุ่มเดียวกันระหว่างก่อนเรียน (pre-test) และหลังเรียน (post-test) พบว่าผลรวมของคะแนนสอบครั้งหลังเรียนสูงกว่าผลรวม คะแนนสอบก่อนเรียนซึ่ง เป็นไปตามสมมุติฐานการวิจัย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลังจากการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการ พูดโดยใช้เกมแล้วนักเรียนมีทักษะการพูดเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทั้งนี้เนื่องจากการ จัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมทาให้ผู้เรียนเกิดเจตนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ส่งเสริม ให้นักเรียนเกิดความกล้าในการใช้ภาษาในสื่อสาร และเกมยังเป็นตัวกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนเกิด ความพยายามในการพูดและการเรียนรู้ได้อย่างไม่เขินอาย ดังตัวอย่างจากการทากิจกรรมเกม Find the shop (Search games) ซึ่งนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ย 73.17 ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่ค่อนข้างสูง เกม Find the shop เป็นเกมทีนักเรียนทุกคนจะมีแผนที่และข้อมูลอยู่คนละชุด ซึ่งแผนที่แต่ละแผ่นจะบอกตาแหน่งของร้านค้าที่ ่ แตกต่างกัน โดยแต่ละคนจะได้ข้อมูลไม่เหมือนกัน หลังจากนั้นครูก็จะให้นักเรียนทีละคนลุกขึ้นอธิบายลักษณะ ของแผนที่ที่ตนได้รับว่าร้านค้าในแผนที่ของตนอยู่ตาแหน่งใด แล้วให้นักเรียนที่เหลือเขียนตาแหน่งของร้านที่ เพื่อนอธิบายลงในแผนที่ให้ถูกต้อง ผลจากการเล่นเกมปรากฏว่านักเรียนสามารถพูดซักถามข้อมูลและพูดให้ ข้อมูลได้อย่างคล่องแคล่ว มีความพยายามในการใช้ภาษาสื่อสารและมีความสนุกสนานในการเล่นเกม จากเกม ดังกล่าวส่งผลทาให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมกระตือรือร้น กล้าที่จะพูดและสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่ง สอดคล้องกับหยิน หยอง เหมย (Yin Yong Mei. 2000 : website) ได้กล่าวว่า เกมช่วยให้ผู้เรียนสามารถ เรียนรูและเกิดทักษะในการใช้ภาษาดีขึ้น เนื่องจากเกมเป็นสิ่งที่สร้างความสนุกสนานให้ผู้เรียนทาให้เกิดค้นคว้า ้ และการโต้ตอบกันถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการฝึกการใช้ภาษา เป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับบทเรียนและ เพิ่มแรงจูงใจในการเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เรียนที่อยู่ในวัยเด็ก นอกจากนั้น เกมยังช่วยทาให้ผู้เรียนเกิดความ กล้าที่จะใช้ภาษาในการสื่อสาร แม้บางครั้งจะเกิดการลังเลบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวกระตุ้นที่ดีอีกอย่างหนึ่งเลย ถึงแม้ว่าผู้เรียนบางคนอาจเกิดความเขินอายแต่ก็ยังสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงพฤติกรรมเชิงบวกได้และทา ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้เหมือนกับภาษาแม่ โดยผู้เรียนจะไม่เกิดความรู้สึกกดดันหรือเครียดทา ให้สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น
  • 5. 57 นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับกาญจภา มานิตย์ ( 2547 : บทคัดย่อ) ได้ทาการศึกษาการพัฒนา ทักษะพูดโดยใช้เกม ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาทักษะพูดภาษาอังกฤษของนักเรียน และเพื่อ พัฒนาความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เกมประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะพูดภาษาอังกฤษโดยใช้เกมส่งผลให้นักเรียนมีการ พัฒนาระดับความสามารถทักษะทางการพูดอังกฤษที่สูงกว่าก่อนเรียน ในด้านความคล่องแคล่ว สามารถพูดให้ ผู้อื่นเข้าใจ ข้อความที่นามาสื่อสารมีคุณภาพ การออกเสียงถูกต้องชัดเจนอยู่ในระดับดี การใช้เกมในการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนยังส่งผลให้นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีมากทั้ง3 ด้าน ได้แก่ ความสนใจ ความกระตือรือร้น และความตั้งใจในการประกอบกิจกรรม มีพฤติกรรม 2 ด้านที่อยู่ในระดับ ดี ได้แก่ ความพยายามที่จะสื่อสารโดยใช้ภาษาพูดและท่าทาง และความพยายามที่จะไม่ใช้ภาษาไทยใน ห้องเรียน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้เกมประกอบการเรียน ทาให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษ และในด้านพฤติกรรมของนักเรียนสังเกตพบว่านักเรียนมีความ กระตือรือร้น มีความพยายามที่จะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ สนุกสนานในการเรียนส่งผลให้นักเรียนมีระดับ ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษอยู่ในระดับพอใช้ 4. ศึกษาพฤติกรรมที่เกิดจากการเสริมแรงด้วยของรางวัลและไม่เสริมแรงด้วยของรางวัลใน การพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สรุปได้ดังนี้ 4.1 การเสริมแรงด้วยของรางวัล จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนจากการเสริมแรงด้วยของรางวัลในกิจกรรมการ พัฒนาทักษะการพูดโดยใช้เกม พบว่าผู้เรียนตอบสนองในการทากิจกรรมที่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัล ทั้งหมด ร้อยละ 74.39 โดยผู้เรียนมีความต้องการที่จะทาพฤติกรรมซ้า มีความสนใจในการทากิจกรรม มี ความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม และมีความสนุกสนานในการทากิจกรรม ดังเช่นเกม Super star Award ซึ่งเป็นกิจกรรมเกมแข่งขันที่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัล นักเรียนสามารถทาคะแนนได้สูงมากถึง ร้อยละ 72.35 โดยรูปแบบของกิจกรรมจะเป็นการ Role play แสดงบทบาทสมมติตามสถานการณ์ที่ กาหนด เมื่อแสดงเสร็จให้เพื่อนในชั้นเรียนร่วมกันโหวตหาทีมที่สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้องและแสดงได้ดีสุด ภาพรวมของกิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ ผู้เรียนมีการแบ่งหน้าที่และบทบาทกันอย่างชัดเจน มีการ ซ้อมการแสดง และเตรียมภาษาเป็นอย่างดี เนื่องจากการตัดสินเกิดจากการโหวตดังนั้นแต่ละกลุ่มจึงคิดหา วิธีที่จะออกแบบและนาเสนอการแสดงที่มีความหลากหลายและสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม จาก กิจกรรมดังกล่าว ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบร่วมมือภายในกลุ่มเล็กๆ และแต่ละกลุ่มก็มีความ พยายามในการแสดงและความพยายามในการใช้ภาษาเป็นอย่างมาก เนื่องจากครูผู้สอนได้สร้างเงื่อนไขไว้ แต่ต้นว่ากลุ่มที่ใช้ภาษาอังกฤษได้มากและถูกต้องที่สุดจะได้รับรางวัลพิเศษจากครูเช่นเดียวกัน ซึ่งสอดคล้อง กับ มูแซดซิโอ (Musacchio. 2011 , website) กล่าวว่า การเสริมแรงเป็นเครื่องมือที่ถือว่ามี ประสิทธิภาพมากสาหรับการสอนผู้เรียนในทุกระดับชั้น ซึ่งมีลักษณะการใช้วิธีการให้ของรางวัลหรือสิ่งตอบ แทนเพื่อเป็นการขยายพฤติกรรมที่พึงประสงค์หรือการกระทาที่ผู้สอนต้องการจะให้เกิดขึ้นซ้าอีก เช่น การ ตอบคาถามในชั้นเรียน เมื่อผู้เรียนตอบถูกครูเสริมแรงด้วยของรางวัลก็จะทาให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้น และแรงจูงใจในการตอบคาถามอีกครั้ง 4.2 การไม่เสริมแรงด้วยของรางวัล จากการสังเกตการสังเกตพฤติกรรมการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เกมแข่งขันที่ไม่มีการเสริมแรงด้วยของรางวัลนั้น พบว่าพฤติกรรมที่ผู้เรียน
  • 6. 58 ตอบสนองในการทากิจกรรมเพียง ร้อยละ 23.17 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจานวนนักเรียนที่สนใจในกิจกรรมการ เรียนนั้นมีเพียงร้อยละ 23.17 เท่านั้น ดังจะเห็นได้จากเกม My favorite holiday โดยเป็นกิจกรรมเกมการ พูดบรรยายวันสาคัญที่ตนเองชื่นชอบแล้วให้เพื่อนในชั้นเรียนทาย เป็นกิจกรรมที่ไม่มีการเสริมแรงด้วยของ รางวัล แต่จะมีเพียงการเสริมแรงด้วยคาชมจากครูผู้สอนเท่านั้น ผลจากการทากิจกรรมในช่วงแรกผู้เรียน เกิดการตอบสนองในระดับปานกลาง แต่ในช่วงหลังผู้เรียนเกิดความเฉื่อยชาเริ่มเบื่อหน่ายและไม่สนใจใน การทากิจกรรม แต่ละคนก็จะสนแต่กับเรื่องตนเองจะพูดเท่านั้น ไม่สนใจเพื่อนที่นาเสนอหน้าชั้นเรียนขาด ความสนใจในกิจกรรม ส่งผลให้บรรยากาศในการทากิจกรรมในชั้นเรียนดาเนินไปได้ไม่ดีนัก ซึ่งสอดคล้อง กับลาร์รีฟ (Larrive. 2005 : 190-191) ได้กล่าวถึง การเสริมแรงไว้ว่า ผู้เรียนจะเกิดความพึงพอใจและ พฤติกรรมที่ตอบสนองในด้านบวกที่มากขึ้นเมื่อได้รับผลตอบแทนที่จับต้องได้มากกว่าคากล่าวเชยชม โดย แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าผู้เรียนจะมีการตอบสนองทางพฤติกรรมที่ดีเมื่อมีการเสริมแรงด้วยของรางวัลที่ เป็นวัตถุมากกว่าการเสริมแรงด้วยคาพูดหรือสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะทั่วไป 1. 1 ในการเล่นเกมที่มีการแข่งขันแบบต้องจับคู่หรือการแข่งขันเป็นกลุ่ม ครูควรให้ ความสาคัญกับการเลือกเพื่อนร่วมกลุ่มของนักเรียน เมื่อเป็นกิจกรรมเกมการแข่งขันนักเรียนกลุ่มเก่งมักจะ จับตัวกันเป็นกลุ่ม ส่งผลให้นักเรียนกลุ่มที่เหลือเกิดความประหม่า ขาดความมั่นใจ วิตกกังวลและไม่มี กาลังใจในการแข่งขัน ครูควรเลือกวิธีแบ่งกลุ่มให้เกิดความยุติธรรมแก่นักเรียนทุกคน 1.2 ครูควรมีการให้คะแนนที่ยุติธรรม โปร่งใส มีการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน และมีการทาป้ายแสดงตารางคะแนนแต่ละกลุ่มแต่ละคู่ไว้ให้นักเรียนเห็นได้อย่างทั่วถึง นอกเหนือจะทาให้ เกิดความโปร่งใสในการให้คะแนนแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นและสร้างความกระตือรือร้นให้กับนักเรียนได้เป็น อย่างดี 2. ข้อเสนอแนะในการทาวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรศึกษาพฤติกรรมด้านลบที่เกิดจากการใช้เกมแข่งขันในกรณีที่ผู้เรียนเป็นผ่ายแพ้และ แนวทางในการสร้างแรงจูงใจที่ทาให้เกิดพฤติกรรมซ้าในด้านบวก 2.2 ควรศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลในการเล่นเกมแข่งขันที่เกิดจากการแข่งขัน เป็นกลุ่มที่นักเรียนเป็นผู้เลือกเองและกลุ่มที่ครูเป็นผู้เลือกให้