เอกสารประกอบการติวo net57 สพฐ. วิทยาศาสตร์ป.6
การ
เกิดลม
ลม คือ อากาศที่เคลื่อนที่จากบริเวณหนึ่งไปยังอีก
บริเวณหนึ่ง
ในแนวระดับ เนื่องจากเกิดความแตกต่างของ
อุณหภูมิของอากาศใน 2 บริเวณ
โดยบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง อากาศร้อนจะลอยขึ้นข้าง
บนทำาให้อากาศเบาบาง
ความหนาแน่นลดลง ความกดอากาศตำ่า ส่วน
บริเวณที่มีอุณหภูมิตำ่ากว่า
อากาศเย็นจะมีความหนาแน่นมากกว่าและมีความ
ความกด
อากาศสูง (H)
อุณหภูมิตำ่า
ความกด
อากาศตำ่า (L)
อุณหภูมิสูงล
ม
ท้องฟ้า
แจ่มใส
อากาศ
หนาว
ท้องฟ้ามี
เมฆมาก
เกิดพายุ
อากาศ
ร้อนจะ
ลอยตัว
ขึ้น
H หมายถึง บริเวณที่มี
ความกดอากาศสูง
L หมายถึงบริเวณที่มี
1. จากภาพ ข้อใดสรุปได้ถูกต้องที่สุด
1. บริเวณที่ 1 มีอุณหภูมิสูงกว่า
บริเวณที่ 3
2. บริเวณที่ 2 มีอุณหภูมิสูงกว่า
บริเวณที่ 4
3. บริเวณที่ 1 มีความกดอากาศสูง
1. จากภาพ ข้อใดสรุปได้ถูกต้องที่สุด
1. บริเวณที่ 1 มีอุณหภูมิสูงกว่า
บริเวณที่ 3
2. บริเวณที่ 2 มีอุณหภูมิสูงกว่า
บริเวณที่ 4
3. บริเวณที่ 1 มีความกดอากาศสูง
H L
2. แผนผังอธิบายการเกิดลม ข้อใดถูกต้อง
1. ความกดอากาศตำ่า ความกด
อากาศสูง ความกดอากาศตำ่า
2. ความกดอากาศตำ่า ความกด
อากาศสูง ความกดอากาศตำ่า
3. ความกดอากาศสูง ความกด
อากาศตำ่า ความกดอากาศสูง
4. ความกดอากาศสูง ความกด
อากาศตำ่า ความกดอากาศตำ่า
2. แผนผังอธิบายการเกิดลม ข้อใดถูกต้อง
1. ความกดอากาศตำ่า ความกด
อากาศสูง ความกดอากาศตำ่า
2. ความกดอากาศตำ่า ความกด
อากาศสูง ความกดอากาศตำ่า
3. ความกดอากาศสูง ความกด
อากาศตำ่า ความกดอากาศสูง
4. ความกดอากาศสูง ความกด
อากาศตำ่า ความกดอากาศตำ่า
3. บริเวณที่มีความกดอากาศตำ่ามาก ๆ จะ
มีลักษณะอากาศอย่างไร
1. อากาศหนาวจัด ท้องฟ้าโปร่ง
2. อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส
3. จะมีอากาศหนาวเย็น มีลม และฝน
ตามมา
4. จะมีอากาศร้อนอบอ้าว มีลม และ
พายุตามมา
3. บริเวณที่มีความกดอากาศตำ่ามาก ๆ จะ
มีลักษณะอากาศอย่างไร
1. อากาศหนาวจัด ท้องฟ้าโปร่ง
2. อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส
3. จะมีอากาศหนาวเย็น มีลม และฝน
ตามมา
4. จะมีอากาศร้อนอบอ้าว มีลม และ
พายุตามมา
ลมท
ะเล
ในเวลากลางวัน พื้นดินรับความร้อนได้ดี
กว่าพื้นนำ้า
อากาศเหนือพื้นดินซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่าจะ
ลอยสูงขึ้น อากาศ
เหนือพื้นนำ้าซึ่งมีอุณหภูมิตำ่ากว่าจึงเคลื่อน
เข้าไปแทนที่ เกิดเป็นลม
H L
ลมบ
ก
ในเวลากลางคืน พื้นดินคายความ
ร้อนได้ดีกว่าพื้นนำ้า
อากาศเหนือพื้นนำ้าซึ่งมีอุณหภูมิสูง
กว่าจะลอยตัวสูงขึ้น
อากาศเหนือพื้นดินซึ่งมีอุณหภูมิตำ่า
HL
4. ลมที่พาเรือออกจากฝั่งในเวลากลาง
คืน เกิดจากการเคลื่อนที่
ของโมเลกุลอากาศแบบใด
1. ความกดอากาศบนดินสูงกว่า
ความกดอากาศบนนำ้า
2. ความกดอากาศบนดินตำ่ากว่า
ความกดอากาศบนนำ้า
3. อุณหภูมิอากาศบนดินสูงกว่า
อุณหภูมิอากาศบนนำ้า
4. ความกดอากาศและอุณหภูมิ
4. ลมที่พาเรือออกจากฝั่งในเวลากลางคืน
เกิดจากการเคลื่อนที่
ของโมเลกุลอากาศแบบใด
1. ความกดอากาศบนดินสูงกว่า
ความกดอากาศบนนำ้า
2. ความกดอากาศบนดินตำ่ากว่า
ความกดอากาศบนนำ้า
3. อุณหภูมิอากาศบนดินสูงกว่า
ลมบก
คือลมที่พัดจากฝั่ง
ไปหาทะเล
HL
เฉล
ย
5. จากภาพข้อความใดกล่าวถูกต้อง
1. ความกดอากาศเหนือพื้นนำ้าสูงกว่าเหนือพื้น
ดิน เกิดลมทะเล
2. ความกดอากาศเหนือพื้นดินสูงกว่าเหนือพื้น
นำ้า เกิดลมบก
3. ความกดอากาศเหนือพื้นนำ้าตำ่ากว่าเหนือพื้น
ดิน เกิดลมทะเล
5. จากภาพข้อความใดกล่าวถูกต้อง
1. ความกดอากาศเหนือพื้นนำ้าสูงกว่าเหนือพื้น
ดิน เกิดลมทะเล
2. ความกดอากาศเหนือพื้นดินสูงกว่าเหนือพื้น
นำ้า เกิดลมบก
3. ความกดอากาศเหนือพื้นนำ้าตำ่ากว่าเหนือพื้น
ดิน เกิดลมทะเล
เฉล
ย
H L
เมฆ หมอก และฝน
เกิดขึ้นได้อย่างไร
เมฆ เกิดจากไอนำ้าในอากาศ เมื่อลอยขึ้นที่สู่
ที่สูงและกระทบกับอากาศ
เบื้องบนที่เย็นจัดจะกลายเป็นละอองนำ้าเล็ก ๆ รวมกัน
อยู่เป็นกลุ่มในท้องฟ้า
หมอก เกิดจากไอนำ้าในอากาศที่มีอยู่ใกล้
พื้นดินเกิดการเย็นตัวของอากาศ
และเกิดการควบแน่นเป็นละอองนำ้าเล็ก ๆ ลอยใน
อากาศเหนือพื้นดินหรือพื้นนำ้า
ฝน เกิดจากละอองนำ้าเล็ก ๆ ที่รวมตัวกันเป็น
ก้อนเมฆ เมื่อมีขนาดใหญ่
นำ้าค้าง ลูกเห็บ และหิมะ
เกิดขึ้นได้อย่างไร
นำ้าค้าง เกิดจากไอนำ้าในอากาศควบแน่นเป็น
หยดนำ้า เกาะตามใบไม้ ใบหญ้า มักพบเวลากลางคืน
หรือเช้ามืด ในเขตอากาศหนาว ตอนกลางคืน
อุณหภูมิลดตำ่ามาก นำ้าค้างที่เกิดขึ้นจะกลายเป็น
นำ้าค้างแข็ง เรียกว่า แม่คะนิ้ง หรือเหมยขาบ
ลูกเห็บ เกิดจากหยดนำ้าฝนเมื่อตกลงมาได้
ระยะหนึ่ง และถูกลมพัดกลับขึ้นไปยังอุณหภูมิที่ตำ่า
กว่าจุดเยือกแข็งจะทำาให้กลายเป็นก้อนนำ้าแข็ง แล้ว
ตกลงมาเป็นลูกเห็บ
หิมะ เกิดในบริเวณที่มีอุณหภูมิของอากาศ
ลดตำ่ากว่า 0 องศาเซลเซียส ทำาให้ไอนำ้าในอากาศ
กลายเป็นผลึกนำ้าแข็งแล้วตกลงสู่พื้นโลก
6. ปรากฏการณ์ในข้อใดมีลักษณะ
การเกิดเหมือนกัน
1. –เมฆ ฝน
2. เมฆ – หมอก
3. หิมะ – ลูกเห็บ
4. นำ้าค้าง – ลูกเห็บ
6. ปรากฏการณ์ในข้อใดมีลักษณะ
การเกิดเหมือนกัน
1. –เมฆ ฝน
2. เมฆ – หมอก
3. หิมะ – ลูกเห็บ
4. นำ้าค้าง – ลูกเห็บ
7. ข้อใดอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์
ธรรมชาติ ไม่ถูกต้อง
1. ละอองนำ้าก้อนเมฆ รวมตัวเป็นหยด
นำ้าตกลงมา เรียกว่า ฝน
2. ไอนำ้าในอากาศลอยสูงขึ้นกระทบ
ความเย็นกว่า เกิดเหนือพื้นดิน
สูงมาก เรียกว่าเมฆ
3. ไอนำ้าควบแน่นเป็นหยดนำ้าเกาะตาม
ใบไม้ เกิดตอนเช้ามืดที่มีอากาศ
เย็น เรียกว่าลูกเห็บ
4. ไอนำ้าในอากาศลอยสูงขึ้นกระทบ
7. ข้อใดอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์
ธรรมชาติ ไม่ถูกต้อง
1. ละอองนำ้าก้อนเมฆ รวมตัวเป็นหยด
นำ้าตกลงมา เรียกว่า ฝน
2. ไอนำ้าในอากาศลอยสูงขึ้นกระทบ
ความเย็นกว่า เกิดเหนือพื้นดิน
สูงมาก เรียกว่าเมฆ
3. ไอนำ้าควบแน่นเป็นหยดนำ้าเกาะตาม
ใบไม้ เกิดตอนเช้ามืดที่มีอากาศ
เย็น เรียกว่าลูกเห็บ
4. ไอนำ้าในอากาศลอยสูงขึ้นกระทบ
8. เมื่อผ่านไอนำ้าเข้าไปในสายยาง ดัง
ภาพ
การทดลองโดยต่ออุปกรณ์ดังภาพ มี
ความสอดคล้องกับปรากฏการณ์
ทางธรรมชาติในข้อใด
1. การเกิดลมพายุ
2. การเกิดลูกเห็บ
3. การเกิดหิมะ
8. เมื่อผ่านไอนำ้าเข้าไปในสายยาง ดัง
ภาพ
การทดลองโดยต่ออุปกรณ์ดังภาพ มี
ความสอดคล้องกับปรากฏการณ์
ทางธรรมชาติในข้อใด
1. การเกิดลมพายุ
2. การเกิดลูกเห็บ
3. การเกิดหิมะ
ชนิดของ
เมฆ
เมฆแบ่งตามรูปร่าง
1.เมฆก้อน (คิวมูลัส) ปรากฏในวันที่อากาศร้อน
หากด้านล่างเป็นสีดำา แสดงว่า ฝนกำาลังจะตก
2.เมฆแผ่น/เมฆชั้น (สเตรตัส) อยู่ใกล้พื้นโลก แต่
ไม่ก่อให้เกิดฝน
3.เมฆริ้ว (เซอรัส) อยู่ในระดับสูง ปรากฏในวัน
ท้องฟ้าโปร่ง อากาศดี
ชนิด
ของเมฆ
เมฆแบ่งตามระดับความสูง
1.เมฆชั้นสูง เกิดขึ้นที่ระดับความสูงมากกว่า 6
กิโลเมตร  ในการเรียกชื่อ
จะเติมคำาว่า “เซอโร” ซึ่งแปลว่า “ชั้นสูง” ไว้ข้าง
หน้า เช่น เมฆเซอโรคิวมูลัส เมฆเซอรัส เมฆเซอ
โรสตราตัส
2. เมฆชั้นกลาง เกิดขึ้นที่ระดับสูง 2 – 6 กิโลเมตร
ในการเรียกชื่อจะเติมคำาว่า
“อัลโต” ซึ่งแปลว่า “ชั้นกลาง” ไว้ข้างหน้า เช่น
เมฆอัลโตคิวมูลัส
3. เมฆชั้นตำ่า อยู่สูงจากพื้นดินไม่เกิน 2 กิโลเมตร
ได้แก่ เมฆสตราตัส
เมฆคิวมูลัส เมฆสตราโตคิวมูลัส เมฆนิมโบสตรา
ตัส และเมฆคิวมูโลนิมบัส
9. เมฆชนิดใดเกิดเมื่อท้องฟ้า
แจ่มใส อากาศดี
1. เมฆสตราตัส
2. เมฆเซอรัส
3. เมฆคิวมูลัส
4. เมฆคิวมูโลนิมบัส
9. เมฆชนิดใดเกิดเมื่อท้องฟ้า
แจ่มใส อากาศดี
1. เมฆสตราตัส
2. เมฆเซอรัส
3. เมฆคิวมูลัส
4. เมฆคิวมูโลนิมบัส
10. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
1. เมฆทุกชนิดบนท้องฟ้าทำาให้เกิด
ฝนตก
2. เมฆเกิดจากการควบแน่นของ
อากาศ
3. เมฆบนท้องฟ้าประกอบด้วยนำ้า
ทั้งในสถานะของเหลว
และของแข็ง
4. การเปลี่ยนแปลงประจุไฟฟ้าใน
ก้อนเมฆทำาให้เกิดฟ้าแลบ
10. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
1. เมฆทุกชนิดบนท้องฟ้าทำาให้เกิด
ฝนตก
2. เมฆเกิดจากการควบแน่นของ
อากาศ
3. เมฆบนท้องฟ้าประกอบด้วยนำ้า
ทั้งในสถานะของเหลว
และของแข็ง
4. การเปลี่ยนแปลงประจุไฟฟ้าใน
ก้อนเมฆทำาให้เกิดฟ้าแลบ
หินมา
จากไหน
โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีส่วนประกอบส่วน
มากเป็นหิน เปลือกโลก
ประกอบไปด้วยดิน หิน และนำ้า มีหินมากมาย
หลายชนิดที่ประกอบกัน
เป็นเปลือกโลก
ส่วนประกอบ
ของโลก
การ
จำาแนกหิน
นักธรณีวิทยาได้แบ่งกลุ่มหินโดยใช้ลักษณะ
การเกิดเป็นเกณฑ์
แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. หินอัคนี คือหินที่เกิดจากการเย็นตัวและตกผลึก
ของหินหลอมเหลวหรือ
หินหนืด ซึ่งมีการเกิดได้ 2 ลักษณะดังนี้
1) เกิดการเย็นตัวของแมกมาใต้เปลือกโลก
อย่างช้า ๆ ทำาให้หินมีเนื้อหยาบ
และแน่นแข็ง มีผลึกแร่ขนาดใหญ่และมีแร่หลาย
ชนิดเป็นส่วนประกอบอยู่ในเนื้อหิน เช่น หินแกรนิต
หินแกบโบร
2. “ ” “ ”หินตะกอน หรือ หินชั้น เกิดจากการ
ทับถมของตะกอนชนิดต่าง ๆ
ภายใต้อุณหภูมิและความดันสูง โดยมีวัตถุช่วยในการ
ยึดเกาะทำาให้รวมตัวกัน
บางครั้งยังพบร่องรอยของซากฟอสซิล หรือ
ซากดึกดำาบรรพ์ ซึ่งมีประโยชน์ใน
การศึกษาสิ่งมีชีวิตในอดีต เช่นหินทราย หินปูน
หินดินดาน หินกรวดมน
3. หินแปร เกิดจากการแปรสภาพของหินอัคนี
หินตะกอน หรือหินแปร เพราะ
ถูกความร้อน ความกดดันภายในโลก ทำาให้รูปร่าง
และเนื้อเดิมของหินแปรสภาพ
11. ขั้นตอนการเกิดหินอัคนี ข้อ
ใดถูกต้อง
1. หินแปร ผุพัง
หินอัคนี
2. แมกมา ผุ
พัง หินอัคนี
3. หินแปร เย็น
ตัว หินอัคนี
11. ขั้นตอนการเกิดหินอัคนี ข้อ
ใดถูกต้อง
1. หินแปร ผุพัง
หินอัคนี
2. แมกมา ผุ
พัง หินอัคนี
3. หินแปร เย็น
ตัว หินอัคนี
12. การตรวจพบซากฟอสซิลใน
หินมีประโยชน์อย่างไร
1. ใช้เป็นแนวทางศึกษาแร่
ธาตุในหิน
2. พัฒนาการทำาปุ๋ยจากซาก
ฟอสซิล
3. ใช้เป็นแนวทางในการ
ศึกษาสิ่งมีชีวิตในอดีต
12. การตรวจพบซากฟอสซิลใน
หินมีประโยชน์อย่างไร
1. ใช้เป็นแนวทางศึกษาแร่
ธาตุในหิน
2. พัฒนาการทำาปุ๋ยจากซาก
ฟอสซิล
3. ใช้เป็นแนวทางในการ
ศึกษาสิ่งมีชีวิตในอดีต
หินชนิด
A
- หินปูน
- หิน
กรวดมน
-
หินทราย
หินชนิด C
- หินอ่อน
- หินไนส์
- หินชนวน
หินชนิด B
- หิน
แกรนิต
- หินบะ
ซอลต์
- หินพัมมิซ
การจำาแนก
ประเภท
ของหิน
13. หินชนิด A , B และ C คือหินอะไร
1. A คือหินตะกอน B คือหินอัคนี และ C คือ
หินแปร
2. A คือหินอัคนี B คือหินตะกอน และ C คือ
หินแปร
3. A คือหินอัคนี B คือหินแปร และ C คือ
หินชนิด
A
- หินปูน
- หิน
กรวดมน
-
หินทราย
หินชนิด C
- หินอ่อน
- หินไนส์
- หินชนวน
หินชนิด B
- หิน
แกรนิต
- หินบะ
ซอลต์
- หินพัมมิซ
การจำาแนก
ประเภท
ของหิน
13. หินชนิด A , B และ C คือหินอะไร
1. A คือหินตะกอน B คือหินอัคนี และ C คือ
หินแปร
2. A คือหินอัคนี B คือหินตะกอน และ C คือ
หินแปร
3. A คือหินอัคนี B คือหินแปร และ C คือ
14. พิจารณาข้อมูล
เด็กชายวิทยาเก็บหินมาศึกษาพบว่า หินมี
รูพรุนขนาดเล็ก นำ้าหนักเบา
มีสีอ่อน หินที่วิทยาพบควรเป็นหินประเภทเดียวกับ
หินชนิดใด
1. ก 2. ข
ชื่อหิน ลักษณะที่สังเกตได้
ก เนื้อหยาบถึงหยาบมาก เนื้อหิน
แข็ง มีสีอ่อน
ข เนื้อเรียบเนียน วาวแบบแก้ว มี
นำ้าหนักมาก
ค เนื้อแน่น ละเอียด มักมีรูพรุน สี
ดำาเข้ม
ง เนื้อสาก มีรูพรุน มีสีอ่อน
14. พิจารณาข้อมูล
เด็กชายวิทยาเก็บหินมาศึกษาพบว่า หินมี
รูพรุนขนาดเล็ก นำ้าหนักเบา
มีสีอ่อน หินที่วิทยาพบควรเป็นหินประเภทเดียวกับ
หินชนิดใด
1. ก 2. ข
3. ค 4. ง
ชื่อหิน ลักษณะที่สังเกตได้
ก เนื้อหยาบถึงหยาบมาก เนื้อหิน
แข็ง มีสีอ่อน
ข เนื้อเรียบเนียน วาวแบบแก้ว มี
นำ้าหนักมาก
ค เนื้อแน่น ละเอียด มักมีรูพรุน สี
ดำาเข้ม
ง เนื้อสาก มีรูพรุน มีสีอ่อน
กระบวนการผุ
พังของหิน
1. กระบวนการผุพังทางกายภาพ เกิดจากแรง
กระทำาต่าง ๆ ในธรรมชาติ
- การหดตัวและขยายตัวของหินทั้งก้อนไม่เท่า
กัน เมื่อได้รับความร้อน
- แรงดันที่เกิดจากการขยายตัวของนำ้าที่ซึม
ตามรอยแตกของก้อนหิน
เมื่อกลายเป็นนำ้าแข็งในฤดูหนาว
- แรงดันของรากไม้ที่ไชชอนลงไปในหิน
- แรงโน้มถ่วงของโลก
กระบวนการทางกายภาพทำาให้ขนาดของเม็ด
กระบวนการผุ
พังของหิน
2. การเปลี่ยนแปลงทางเคมี เป็นการ
เปลี่ยนแปลงที่ทำาให้สมบัติของหิน
เปลี่ยนแปลง
- การเกิดสนิมในเนื้อหินที่มีแร่เหล็กเป็น
องค์ประกอบ
- การสลายตัวของเนื้อหินเมื่อถูกกรด
15. กระบวนการทางเคมีที่ทำาให้เกิด
การผุพังของหินคือข้อใด
1. เกิดแผ่นดินไหวทำาให้ดิน
ถล่มลงมา
2. เกิดการขุดเจาะหาแร่ธาตุ
บริเวณแนวหิน
3. เกิดการแทรกตัวของนำ้าใน
หินออกมาภายนอก
4. เกิดฝนกรดตกลงมากระทบ
15. กระบวนการทางเคมีที่ทำาให้เกิด
การผุพังของหินคือข้อใด
1. เกิดแผ่นดินไหวทำาให้ดิน
ถล่มลงมา
2. เกิดการขุดเจาะหาแร่ธาตุ
บริเวณแนวหิน
3. เกิดการแทรกตัวของนำ้าใน
หินออกมาภายนอก
4. เกิดฝนกรดตกลงมากระทบ
เมื่อหยดสารละลายต่างชนิดกัน ประมาณ
10 หยด ลงบนเศษหินปูนที่มี
ปริมาณเท่ากันในภาชนะทั้ง 4 ใบผลที่เกิด
ขึ้นจะเป็นดังนี้
ภาชน
ะที่มี
เศษ
หินปูน
ชนิดของ
สารละลาย
ที่หยดลงใน
ภาชนะ
ลักษณะของเนื้อหินปูน
(หลังการทดลอง)
ไม่เกิด
การ
เปลี่ยนแปลง
เกิดการผุ
กร่อน
1 A 
2 B 
3 C 
16. นักเรียนคิดว่าสารละลาย B และ C
ที่นำามาหยดลงบนเศษหินปูน
คือข้อใด
1. นำ้ากลั่น นำ้าส้มสายชู
2. นำ้าเชื่อม แอลกอฮอล์
3. นมสด กรดซัลฟิวริก
4. นำ้าส้มสายชู กรดเกลือ
เมื่อหยดสารละลายต่างชนิดกัน ประมาณ
10 หยด ลงบนเศษหินปูนที่มี
ปริมาณเท่ากันในภาชนะทั้ง 4 ใบผลที่เกิด
ขึ้นจะเป็นดังนี้
ภาชน
ะที่มี
เศษ
หินปูน
ชนิดของ
สารละลาย
ที่หยดลงใน
ภาชนะ
ลักษณะของเนื้อหินปูน
(หลังการทดลอง)
ไม่เกิด
การ
เปลี่ยนแปลง
เกิดการผุ
กร่อน
1 A 
2 B 
3 C 
16. นักเรียนคิดว่าสารละลาย B และ C
ที่นำามาหยดลงบนเศษหินปูน
คือข้อใด
1. นำ้ากลั่น นำ้าส้มสายชู
2. นำ้าเชื่อม แอลกอฮอล์
3. นมสด กรดซัลฟิวริก
4. นำ้าส้มสายชู กรดเกลือ
17. พิจารณาภาพต่อไปนี้
จากภาพ ใช้ค้อนตอกตะปูลงไปใน
ก้อนหินจนตะปูจมลงไปในก้อนหินทั้งหมด
ก้อนหินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงสอดคล้อง
กับภาพใด
1. 2.
3. 4.
17. พิจารณาภาพต่อไปนี้
จากภาพ ใช้ค้อนตอกตะปูลงไปใน
ก้อนหินจนตะปูจมลงไปในก้อนหินทั้งหมด
ก้อนหินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงสอดคล้อง
กับภาพใด
1. 2.
3. 4.
18. นักเรียนได้ตัวอย่างหินมา 4 ชนิด จึงได้ทำาการ
ทดสอบโดยหยดสารละลายกรดเกลือ ได้ผลดังนี้
จากตารางบันทึกผลการทดสอบ หินชนิดใดเป็น
หินปูน
1. หินชนิดที่ 1 เพราะเปลี่ยนสีและอุณหภูมิสูง
ขึ้น
2. หินชนิดที่ 2 เพราะอุณหภูมิสูงขึ้นและเกิดฟอง
แก๊ส
3. หินชนิดที่ 3 เพราะหินปูนจะไม่ทำาปฏิกิริยากับ
18. นักเรียนได้ตัวอย่างหินมา 4 ชนิด จึงได้ทำาการ
ทดสอบโดยหยดสารละลายกรดเกลือ ได้ผลดังนี้
จากตารางบันทึกผลการทดสอบ หินชนิดใดเป็น
หินปูน
1. หินชนิดที่ 1 เพราะเปลี่ยนสีและอุณหภูมิสูง
ขึ้น
2. หินชนิดที่ 2 เพราะอุณหภูมิสูงขึ้นและเกิดฟอง
แก๊ส
3. หินชนิดที่ 3 เพราะหินปูนจะไม่ทำาปฏิกิริยากับ
การทดสอบการเทนำ้าปริมาณเท่ากันลงใน
แต่ละกรวยที่มีดินต่างชนิดกัน 4 ชนิด แล้ว
ทิ้งไว้ 5 นาที ได้ผลดังภาพ
19. ตัวแปรที่ต้องการศึกษาคืออะไร
1. ปริมาณนำ้าที่เท
2. ขนาดของกรวยกรอง
3. ดินแต่ละชนิด
4. ปริมาณนำ้าในขวด
การทดสอบการเทนำ้าปริมาณเท่ากันลงใน
แต่ละกรวยที่มีดินต่างชนิดกัน 4 ชนิด แล้ว
ทิ้งไว้ 5 นาที ได้ผลดังภาพ
19. ตัวแปรที่ต้องการศึกษาคืออะไร
1. ปริมาณนำ้าที่เท
2. ขนาดของกรวยกรอง
3. ดินแต่ละชนิด
4. ปริมาณนำ้าในขวด
การทดสอบการเทนำ้าปริมาณเท่ากันลงใน
แต่ละกรวยที่มีดินต่างชนิดกัน 4 ชนิด แล้ว
ทิ้งไว้ 5 นาที ได้ผลดังภาพ
20. จากภาพดินชนิดใดมีสมบัติคล้ายดิน
เหนียว
1. ดิน A 2.
ดิน B
3. ดิน C 4.
ดิน D
การทดสอบการเทนำ้าปริมาณเท่ากันลงใน
แต่ละกรวยที่มีดินต่างชนิดกัน 4 ชนิด แล้ว
ทิ้งไว้ 5 นาที ได้ผลดังภาพ
20. จากภาพดินชนิดใดมีสมบัติคล้ายดิน
เหนียว
1. ดิน A 2.
ดิน B
3. ดิน C 4.
ดิน D

More Related Content

PPTX
พันธุกรรม ประถม
DOCX
DOCX
การนำความร้อน
PDF
ธรณีประวัติ
PPTX
การแยกสาร
PDF
หน่วยย่อยที่ 2 กลุ่มดาว
PDF
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
PDF
ระบบขับถ่าย ม.2
พันธุกรรม ประถม
การนำความร้อน
ธรณีประวัติ
การแยกสาร
หน่วยย่อยที่ 2 กลุ่มดาว
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ระบบขับถ่าย ม.2

What's hot (20)

PPTX
โลกและการเปลี่ยนแปลง
PDF
วัฏจักรน้ำ
PDF
การเกิดลม
PDF
เอกสารประกอบการเรียน ชุดระบบสุริยะ เล่มที่ 1 เรื่องส่วนประกอบของระบบสุริยะ ก...
PDF
8. ชุดที่ 5 การลำเลียง
PDF
ใบพืชNet
PDF
เรื่อง เมฆ
PDF
แผนการจัดประสบการณ์ ฉันรักฤดูหนาว- กิจกรรมเสริมประสบการณ์
PDF
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
PPTX
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
PDF
หยาดน้ำฟ้า1
PDF
การระเหิดของลูกเหม็น
PDF
พันธะไอออนิก57
PDF
แรงลัพธ์
PDF
ความสัมพันธ์ระหว่างโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ : ประถมปลาย
PDF
ทฤษฎีจลน์ของแก๊สกับชีวิตประจำวัน
PDF
นาฏยศัพท์ และภาษาท่า ม 2 ปี 2557 (เผยแพร่)
PDF
ภัยพิบัติ
PPTX
สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ประถม
โลกและการเปลี่ยนแปลง
วัฏจักรน้ำ
การเกิดลม
เอกสารประกอบการเรียน ชุดระบบสุริยะ เล่มที่ 1 เรื่องส่วนประกอบของระบบสุริยะ ก...
8. ชุดที่ 5 การลำเลียง
ใบพืชNet
เรื่อง เมฆ
แผนการจัดประสบการณ์ ฉันรักฤดูหนาว- กิจกรรมเสริมประสบการณ์
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
หยาดน้ำฟ้า1
การระเหิดของลูกเหม็น
พันธะไอออนิก57
แรงลัพธ์
ความสัมพันธ์ระหว่างโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ : ประถมปลาย
ทฤษฎีจลน์ของแก๊สกับชีวิตประจำวัน
นาฏยศัพท์ และภาษาท่า ม 2 ปี 2557 (เผยแพร่)
ภัยพิบัติ
สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ประถม
Ad

Viewers also liked (20)

PDF
วิเคราะห์ข้อสอบ O net วิทยาศาสตร์ ป.6
PDF
ติวมาม่า16th วิทยาศาสตร์ O-NET (ครูติ่ง)
PDF
เรื่องสารรอบตัว ครูเจริญ มีเหมือน
PDF
บทที่ 2 สารรอบตัว
PDF
การแยกสารเนื้อผสม
PDF
สารรอบตัว
PDF
ใบความรู้+การจำแนกสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+ป.6+299+dltvscip6+55t2sci p06 f03-...
PDF
6แบบฝึกกรดเบสเผยแพร่
PPTX
สารรอบตัว
PDF
บทที่ 3 เครื่องสำอางในชีวิตประจำวัน
PPT
สารเคมีในชีวิตประจำวันตอนที่ 1
PDF
สสารและการเปลี่ยนแปลง
PDF
วิชาวิทยาศาสตร์ ประถมศึกษา ปีที่ 6 – วิเคราะห์ข้อสอบ-โลกแห่งการเรียนรู้ – โลก...
PDF
บทเรียนสำเร็จรูป เล่มที่ 1 สสารและสาร
PDF
เนื้อเยื่อพืช
PDF
สถานะของสาร ม.1
PDF
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
PDF
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
PDF
ธาตุและสารประกอบ (elements and compound)
PDF
การแยกสาร (Purification)
วิเคราะห์ข้อสอบ O net วิทยาศาสตร์ ป.6
ติวมาม่า16th วิทยาศาสตร์ O-NET (ครูติ่ง)
เรื่องสารรอบตัว ครูเจริญ มีเหมือน
บทที่ 2 สารรอบตัว
การแยกสารเนื้อผสม
สารรอบตัว
ใบความรู้+การจำแนกสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+ป.6+299+dltvscip6+55t2sci p06 f03-...
6แบบฝึกกรดเบสเผยแพร่
สารรอบตัว
บทที่ 3 เครื่องสำอางในชีวิตประจำวัน
สารเคมีในชีวิตประจำวันตอนที่ 1
สสารและการเปลี่ยนแปลง
วิชาวิทยาศาสตร์ ประถมศึกษา ปีที่ 6 – วิเคราะห์ข้อสอบ-โลกแห่งการเรียนรู้ – โลก...
บทเรียนสำเร็จรูป เล่มที่ 1 สสารและสาร
เนื้อเยื่อพืช
สถานะของสาร ม.1
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
ธาตุและสารประกอบ (elements and compound)
การแยกสาร (Purification)
Ad

Similar to เอกสารประกอบการติวo net57 สพฐ. วิทยาศาสตร์ป.6 (20)

PPTX
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
PPTX
ลม ฟ้า อากาศ
PDF
Sci31101 cloud
PDF
เมฆ (clouds)
PPTX
_cloud__rain.pptx
PPTX
Weather Academy
PDF
ปรากฏการทางลมฟ้าอากาศ
DOCX
PDF
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบกลางภาค2 ม.1 2 55
PDF
บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลก
PDF
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบกลางภาค2 ม.1 2 55
PDF
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
PDF
ชั้นบรรยากาศ
PDF
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
PPT
Atmosphere
PDF
PDF
ใบความรู้+ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f17-4page
PDF
ใบความรู้+ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f17-1page
PDF
นักสืบสายลม
PPT
บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลก
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
ลม ฟ้า อากาศ
Sci31101 cloud
เมฆ (clouds)
_cloud__rain.pptx
Weather Academy
ปรากฏการทางลมฟ้าอากาศ
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบกลางภาค2 ม.1 2 55
บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลก
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบกลางภาค2 ม.1 2 55
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
ชั้นบรรยากาศ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
Atmosphere
ใบความรู้+ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f17-4page
ใบความรู้+ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f17-1page
นักสืบสายลม
บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลก

More from ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องถูกใจ (11)

DOC
ตัวอย่างวัดประเมินคะแนนสอบปลายภาค ม.3เทอม1 sci55คะแนนประกาศ
PDF
คุรุมุทิตาหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานเกษียณอายุราชการครูศริพร นาหอคำ โรงเรียน...
PDF
สรุปค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรม ๑๒ สิงหาบูชาพระคุณแม่ ปี๒๕๕๗
DOCX
ข้อสอบ o net วิทยาศาสตร์ (มัธยมต้น) จาก สำนักพิมพ์ อจท.
DOCX
เอกสารประกอบคำบรรยายติวสอบ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
PPTX
การวิเคราะห์กรอบนโยบายเทคโนโลยี
PDF
Tip for top1 ( รวมTip เสริมคำศัพท์กับคำพ้อง 32 Tip)
PDF
ความหมาย ขอบข่ายและพัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษา..Week 1
PPT
ความหมาย ขอบข่ายและพัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษา..Week 1
ตัวอย่างวัดประเมินคะแนนสอบปลายภาค ม.3เทอม1 sci55คะแนนประกาศ
คุรุมุทิตาหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานเกษียณอายุราชการครูศริพร นาหอคำ โรงเรียน...
สรุปค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรม ๑๒ สิงหาบูชาพระคุณแม่ ปี๒๕๕๗
ข้อสอบ o net วิทยาศาสตร์ (มัธยมต้น) จาก สำนักพิมพ์ อจท.
เอกสารประกอบคำบรรยายติวสอบ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
การวิเคราะห์กรอบนโยบายเทคโนโลยี
Tip for top1 ( รวมTip เสริมคำศัพท์กับคำพ้อง 32 Tip)
ความหมาย ขอบข่ายและพัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษา..Week 1
ความหมาย ขอบข่ายและพัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษา..Week 1

เอกสารประกอบการติวo net57 สพฐ. วิทยาศาสตร์ป.6