วัคซีนอื่น ๆ ที่อาจให้เสริม หรือทดแทน
2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน 18 เดือน 2½ ปี 4-6 ปี 11-12 ปี
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์3
(DTaP, Tdap) DTaP1 DTaP2 DTaP3 DTaP กระตุ้น 1 DTaP กระตุ้น 2
หรือ Tdap
Tdap ต่อไป
Td ทุก 10 ปี
โปลิโอชนิดฉีด4
(IPV) IPV1 IPV2 IPV3 (IPV4) IPV5
ไข้สมองอักเสบเจอี6
(Live JE) Live JE 1, 2
ฮิบ7
(Hib) Hib1 Hib2 Hib3 (Hib4)
ตับอักเสบเอ8
(HAV) HAV ให้ 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน
อีสุกอีใส9
(VZV) หรือวัคซีนรวม
หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม-อีสุกอีใส (MMRV) VZV1 (หรือ MMRV1) VZV2
(หรือ MMRV2)
ไข้หวัดใหญ่10
(Influenza) Influenza ให้ปีละครั้งช่วงอายุ 6 เดือน -18 ปี (เน้นในอายุ 6-24 เดือน) ในปีแรกฉีด 2 เข็มห่างกัน 4 สัปดาห์
นิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต11
(PCV) PCV1 PCV2 (PCV3) PCV4
โรต้า12
(Rota) Rota1 Rota2 Rota3
(เฉพาะ Pentavalent)
เอชพีวี13
(HPV) HPV 2 เข็ม
ห่างกัน 6-12 เดือน
วัคซีน อายุ
สนับสนุนโดย
แนะนำ�โดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2558
ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทยปกติ
วัคซีนจ�ำเป็นที่ต้องให้กับเด็กทุกคน
แรกเกิด 1 เดือน 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน 18 เดือน 2 ปี 2½ ปี 4-6 ปี 11-12 ปี
บีซีจี1
(BCG) BCG
ตับอักเสบบี2
(HBV) HBV1 (HBV2)
	DTwP-HB1 	DTwP-HB2 DTwP-HB3คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน
ชนิดทั้งเซลล์3
(DTwP) DTwP กระตุ้น 1 	DTwP กระตุ้น 2 Td
และทุก 10 ปี
โปลิโอชนิดกิน4
(OPV)
OPV1
(หรือ IPV1)
OPV2
(หรือ IPV2) OPV3 OPV กระตุ้น 1 OPV กระตุ้น 2
หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม5
(MMR) MMR1 MMR2
ไข้สมองอักเสบเจอี6
(JE)
MBV JE1, JE2 ห่างกัน 4 สัปดาห์
(หรือ Live JE1)
MBV JE3
(หรือ Live JE2)
วัคซีน อายุ
1.	วัคซีนบีซีจี
		1.	ฉีด 0.1 มล. ในชั้นผิวหนังที่ไหล่ซ้าย
		2.	ถ้าไม่มีแผลเป็นเกิดขึ้นและไม่มีหลักฐานว่าเคยได้รับวัคซีนบีซีจีมาก่อนให้ฉีดได้ทันที
		3.	ถ้าเคย-ได้รับวัคซีนบีซีจีมาก่อน ไม่ต้องฉีดซ�้ำแม้ไม่มีแผลเป็น
	 2.	วัคซีนตับอักเสบบี
		1.	เด็กทุกคนต้องได้รับอย่างน้อย 3 ครั้ง ถ้าไม่มีข้อห้าม และเข็มสุดท้ายต้องอายุมากกว่า
			 หรือเท่ากับ 6 เดือน
		2.	ทารกคลอดจากมารดาที่มี HBsAg เป็นลบ ให้ฉีดวัคซีน จ�ำนวน 3 ครั้ง เมื่อแรกเกิด
			 อายุ1-2เดือนและอายุ6เดือนตามล�ำดับกรณีไม่ทราบผลเลือดมารดาควรให้วัคซีน
			 ครั้งที่1ภายใน12ชม.หลังคลอดครั้งที่2และ3ที่อายุ1เดือนและ6เดือนตามล�ำดับ
		3.	ทารกที่คลอดจากมารดาที่มี HBsAg เป็นบวก (โดยเฉพาะถ้า HBeAg เป็นบวก
			 ด้วย) พิจารณาให้ HBIG 0.5 มล. ภายใน 12 ชม. หลังคลอด และให้วัคซีนครั้งที่ 1
			 พร้อม ๆ กัน คนละต�ำแหน่งกับ HBIG
			 •	กรณีทารกได้รับ HBIG ให้ฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 1-2 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่อ
				 อายุ 6 เดือน
			 •	กรณีทารกไม่ได้รับ HBIG ควรให้วัคซีนครั้งที่ 1 ภายใน 12 ชม. หลังคลอด ครั้งที่ 2
				 เมื่ออายุ 1 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน
		4.	ในกรณีที่มาทราบภายหลังว่ามารดามี HBsAg เป็นบวก ควรพิจารณาให้ HBIG
			 ถ้าทารกได้รับวัคซีนมาแล้วไม่เกิน 7 วัน
		5.	ตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข ใช้วัคซีนรวมที่มี
			 คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB) ที่อายุ 2, 4, และ 6 เดือน แต่ถ้า
			 มารดามี HBsAg เป็นบวก และทารกไม่ได้ HBIG ควรให้วัคซีนตับอักเสบบีแบบเดี่ยว
			 เพิ่มตอนอายุ 1 เดือนด้วย (รวมเป็น 5 ครั้ง)
		6.	เด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนตับอักเสบบีมาก่อน เด็กอายุน้อยกว่า 11 ปี สามารถฉีด
			 วัคซีนได้ในเดือนที่ 0, 1, 6 ตามล�ำดับส่วนเด็กอายุ 11-15 ปี อาจใช้วัคซีน
			 HBVax ProTM
(ผลิตโดย MSD) ฉีดเพียง 2 ครั้ง ในเดือนที่ 0 และเดือนที่ 4-6
			 โดย	ใช้วัคซีนขนาด 1.0 มล. เท่าผู้ใหญ่
		7.	เด็กที่คลอดจากมารดาที่มี HBsAg เป็นบวก อาจพิจารณาตรวจ HBsAg และ
			 anti-HBs เมื่ออายุประมาณ 9-18 เดือน
	 3.	วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน
		1.	สามารถใช้ชนิดไร้เซลล์ (DTaP) แทนชนิดทั้งเซลล์ (DTwP) ได้ทุกครั้ง
		2.	หากใช้DTaPควรใช้ชนิดเดียวกันทั้งสามครั้งเมื่ออายุ 2, 4, 6เดือนหากไม่สามารถ
			 หาชนิดเดียวกันได้ ให้ใช้ชนิดใดแทนก็ได้
		3.	ส�ำหรับเข็มกระตุ้นที่ 18 เดือน อาจใช้ DTwP หรือ DTaP ชนิดใดก็ได้
		4.	เมื่ออายุ 4-6 ปี อาจใช้ DTwP, DTaP หรือ Tdap ก็ได้
		5.	เด็กอายุ 11-12 ปี ควรได้รับการฉีด Td หรือ Tdap ไม่ว่าจะเคยได้รับ Tdap เมื่อ
			 อายุ 4-6 ปี มาก่อนหรือไม่ หลังจากนั้นควรฉีดกระตุ้นด้วย Td ทุก 10 ปี
		6.	ผู้ใหญ่ควรได้รับ Tdap 1 ครั้ง ไม่ว่าจะเคยได้ TT หรือ Td มานานเท่าใดก็ตาม จากนั้น
			 ให้ฉีดกระตุ้นด้วย Td ทุก 10 ปี
	 4.	วัคซีนโปลิโอ
		1.	สามารถใช้ชนิดฉีดแทนชนิดกินได้ทุกครั้ง
		2.	หากใช้ชนิดฉีดสลับกับชนิดกิน ควรใช้ชนิดฉีด 2 ครั้งแรก ตามด้วยชนิดกิน 3 ครั้ง
			 รวมเป็น 5 ครั้ง (ก�ำลังพิจารณาอยู่ในแผนงานของกระทรวงสาธารณสุข)
		3.	การให้วัคซีนโปลิโอมากกว่าที่ก�ำหนด ไม่มีข้อเสีย และสามารถรับ OPV เพิ่มในช่วง
			 ที่มีการรณรงค์หยอดวัคซีนเพื่อกวาดล้างโปลิโอได้
		4.	หากใช้ชนิดฉีดอย่างเดียวโดยตลอดอาจให้เพียง 4 ครั้ง โดยงดเมื่ออายุ 18 เดือนได้
	 5.	วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม
		1.	ให้วัคซีนครั้งแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือนขึ้นไป และครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี ควรพิจารณา
			 ให้ฉีดเร็ว (อายุ 9 เดือน) ในพื้นที่ที่ยังมีรายงานผู้ป่วยโรคหัดจ�ำนวนมากในเด็ก
			 อายุต�่ำกว่า 1 ปี และควรฉีดช้า (อายุ 12 เดือน) ในพื้นที่ที่มีรายงานโรคหัดจ�ำนวน
			 น้อย ในเด็กต�่ำกว่า 1 ปี
		2.	การฉีดเข็มที่2อาจให้ได้ตั้งแต่อายุ2½ปีตามแผนปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข
		3.	ในกรณีที่มีการระบาดหรือสัมผัสโรค อาจฉีดเข็มแรกได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนเป็นต้นไป
			 และ	เข็มที่ 2 อาจให้ก่อนอายุ 2½ ปีได้ แต่ต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
			 ในกรณีที่เข็มแรกได้รับก่อนอายุ 9 เดือนให้ฉีดซ�้ำเข็มที่ 2 ที่อายุ 12 เดือน และเข็มที่ 3
			 ที่อายุ 4-6 ปี
		4.	ในกรณีที่ต้องการฉีดวัคซีน หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม และอีสุกอีใสในเวลาเดียวกัน
			 สามารถใช้วัคซีนรวม หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม-อีสุกอีใส (MMRV) แทนการฉีดแบบ
			 แยกเข็มได้ทุกครั้งในเด็กอายุตั้งแต่ 1-12 ปี การใช้วัคซีนรวม MMRV ที่อายุ 4-6 ปี
			 แทนการฉีดวัคซีนแบบแยกเข็ม พบมีอาการข้างเคียงไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี
			 การใช้วัคซีนรวม MMRV ในเด็กอายุ 12-23 เดือน ท�ำให้มีโอกาสเกิดการชักจาก
			 ไข้ได้มากกว่าการฉีดแยกเข็ม ส�ำหรับกรณีที่เคยได้วัคซีน MMR หรือ VZV มาก่อน
			 แนะน�ำให้วัคซีนรวม MMRV ห่างจากวัคซีน MMR ครั้งก่อน อย่างน้อย 1 เดือน และ
			 ห่างจากวัคซีน VZV ครั้งก่อน อย่างน้อย 3 เดือน
	 6.	วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี
		1.	วัคซีนชนิดเชื้อไม่มีชีวิต (inactivated vaccine) ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ mouse-brain
			 derived vaccine (MBV) ซึ่งอยู่ในแผนฯ ของกระทรวงสาธารณสุข และสายพันธุ์ P3
			 เพาะเลี้ยงใน vero cell (JEVACTM
) ทั้งสองชนิด ฉีด 3 ครั้ง เริ่มเมื่ออายุ 9-18 เดือน
			 เข็มต่อมาอีก 4 สัปดาห์ และ 1 ปี ตามล�ำดับ และส�ำหรับ MBV อาจพิจารณาให้
			 ฉีดกระตุ้นอีกหนึ่งครั้ง ห่างจากเข็ม 3 อย่างน้อย 4-5 ปี
		2.	วัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต (live JE) ใช้สายพันธุ์ SA 14-14-2 ให้ฉีด 2 ครั้ง มี 2 ชนิด
			 คือ 	CD.JEVAXTM
เริ่มฉีดที่อายุ 9-12 เดือน และเข็มที่ 2 อีก 3-12 เดือนต่อมา
			 อีกชนิด คือ Chimeric JE (IMOJEVTM
) เริ่มฉีดที่อายุ 9-12 เดือน และเข็มที่ 2
			 อีก 12-24 เดือนต่อมา สามารถใช้วัคซีนชนิด live JE แทนชนิด MBV ได้ ทั้งใน
			 การฉีดชุดแรก และการฉีดกระตุ้น
		3.	ในกรณีที่เคยได้รับ MBV มาก่อน และต้องการฉีดต่อด้วย live JE vaccine ให้
			 พิจารณาฉีดตามตาราง
	 7.	วัคซีนฮิบ
		1.	ปัจจุบันมีชนิดconjugateกับPRP-T ในเด็กแนะน�ำให้3ครั้งเมื่ออายุ2,4และ6เดือน
		2.	การฉีดเข็มกระตุ้นที่อายุ 12-18 เดือน อาจไม่จ�ำเป็นต้องฉีดในเด็กแข็งแรง ควรฉีด
			 ในผู้ที่มีความเสี่ยง
		3.	ไม่จ�ำเป็นต้องฉีดวัคซีนฮิบในเด็กปกติที่อายุ 2 ปีขึ้นไป
		4.	หากเริ่มฉีดช้า ให้พิจารณาฉีดตามตาราง
	 8.	วัคซีนตับอักเสบเอ
		ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป โดยฉีด 2 เข็มห่างกัน 6-12 เดือน อาจใช้ต่างชนิดได้ในการ
		ฉีดแต่ละครั้ง
	 9.	วัคซีนอีสุกอีใส
		1.	ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป แนะน�ำให้ฉีดเข็มแรกอายุ 12-18 เดือน
		2.	อาจพิจารณาให้ฉีดเข็มที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี อาจฉีดเข็มที่ 2 ก่อนอายุ 4 ปี ได้ในกรณี
			 ที่มีการระบาดโดยต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
		3.	พิจารณาให้ฉีดวัคซีนนี้แก่เด็กทุกคนที่อายุมากกว่า 1 ปีที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใส
		4.	ถ้าอายุมากกว่า 13 ปี ให้ฉีดสองเข็มห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
	10.	วัคซีนไข้หวัดใหญ่
		1.	พิจารณาให้ฉีดในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 18 ปี โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
			 และ	เด็กที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรครุนแรงเช่นเด็กที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง(รวมหอบหืด)
			 โรคหัวใจ โรคอ้วน ที่มี BMI > 35 ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคเรื้อรัง เป็นต้น
		2.	ถ้าอายุน้อยกว่า 9 ปี การฉีดในครั้งแรกต้องฉีดสองเข็มห่างกัน 1 เดือน กรณีที่ปีแรก
			 ได้ฉีดไปเพียงครั้งเดียว ปีถัดมาให้ฉีดสองครั้ง จากนั้นจึงสามารถฉีดปีละครั้งได้
		3. ในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี ให้ขนาด 0.25 หรือ 0.5 มล. (ตามเอกสารก�ำกับยา)
	11.	วัคซีนนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต
		1.	ควรให้ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ชนิดรุกราน(invasivedisease)หรือรุนแรง(severe)
			 ดังตาราง และในเด็กแข็งแรงปกติที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ที่ประสงค์จะป้องกันโรค
		2.	ปัจจุบันมีวัคซีน ชนิด 10 สายพันธุ์ (PCV10) และ 13 สายพันธุ์ (PCV13) ให้ 3 ครั้ง
			 เมื่ออายุ 2, 4 และ 6 เดือน และให้ฉีดกระตุ้นที่อายุ 12-15 เดือน โดยห่างจาก
			 เข็ม	สุดท้ายอย่างน้อย 2 เดือน หากเริ่มฉีดช้าให้ฉีดตามตาราง
		3.	ในเด็กปกติ อาจพิจารณาให้ฉีดแบบ 2+1 (รวมเป็นการฉีด 3 ครั้ง) คือ ฉีดเมื่อ
			 อายุ 2, 4, และ 12-15 เดือน
		4.	เด็กอายุต�่ำกว่า 5 ปี กรณีที่ได้รับวัคซีน PCV7 ครบแล้ว 4 ครั้ง พิจารณาให้
			 ฉีด 	PCV13 อีก 1 ครั้ง ห่างจาก PCV7 เข็มสุดท้ายอย่างน้อย 8 สัปดาห์ เพื่อสร้าง
			 ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ที่เพิ่มเติมขึ้น
	12.	วัคซีนโรต้า
		1.	ชนิด monovalent ให้กิน 2 ครั้ง เมื่ออายุประมาณ 2 และ 4 เดือน
		2.	ชนิด pentavalent ให้กิน 3 ครั้ง เมื่ออายุประมาณ 2, 4 และ 6 เดือน
		3.	วัคซีนทั้งสองชนิด สามารถเริ่มให้ครั้งแรกได้ เมื่ออายุ 6-15 สัปดาห์ และครั้งสุดท้าย
			 อายุไม่เกิน 8 เดือน โดยแต่ละครั้งห่างกันไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์
		4.	ควรใช้วัคซีนชนิดเดียวกันจนครบ หากจ�ำเป็นต้องใช้วัคซีนต่างชนิดกันในแต่ละครั้ง
			 หรือไม่ทราบชนิดของวัคซีนที่ได้รับในครั้งก่อน ต้องให้วัคซีนทั้งหมด 3 ครั้ง
		5.	สามารถให้วัคซีนโรต้าร่วมกับวัคซีนโปลิโอชนิดกินได้
		6.	ห้ามใช้วัคซีนนี้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง severe combined immune deficiency
			 (SCID) และในเด็กที่มีประวัติล�ำไส้กลืนกัน
	13.	วัคซีนเอชพีวี
		1.	มี 2 ชนิด คือ ชนิด 2 สายพันธุ์ (bivalent มีสายพันธุ์ 16, 18) และชนิด 4 สายพันธุ์
			 (quadrivalent มีสายพันธุ์ 6, 11, 16, 18)
		2.	แนะน�ำให้ฉีดในหญิง อายุ 9-26 ปี (เน้นให้ฉีดในช่วงอายุ 11-12 ปี) โดยฉีด 3 เข็ม
			 ในเดือนที่ 0, 1-2 และ 6
		3.	ในวัยรุ่นที่แข็งแรงดี หากฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี ให้ฉีด 2 เข็มได้ ที่ 0, 6-12 เดือน
		4.	ประสิทธิภาพของวัคซีนจะสูงหากฉีดในผู้ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน
		5.	การฉีดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 26 ปี อาจพิจารณาให้ได้เป็นกรณี ๆ ไป
		6.	การฉีดในเด็กผู้ชาย พิจารณาให้ฉีดเฉพาะชนิด 4 สายพันธุ์ ในช่วงอายุ 9-26 ปี
			 เน้นให้ในช่วงอายุ 11-12 ปี และในกลุ่มชายรักชายอายุ 9-26 ปี
ค�ำอธิบาย
หมายเหตุ : 	 PCV = Pneumococcal Conjugate Vaccine
					 PS-23 = 23-Valent pneumococcal polysaccharide vaccine
	•	 *เด็กเสี่ยง คือ เด็กที่มีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสอย่างรุนแรงมากกว่าเด็กปกติ ได้แก่ เด็กที่เป็น
		 โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จากสาเหตุต่าง ๆ ภาวะไม่มีม้าม ธาลัสซีเมีย โรคเรื้อรังของอวัยวะต่าง ๆ เช่น โรคปอด
		 โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต เบาหวาน และโรคที่เสี่ยงต่อเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เช่น CSF leak, cochlear implantation
	 • 	ส�ำหรับเด็กที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกลางวันไม่จัดในกลุ่มเสี่ยงแต่อาจพิจารณาให้วัคซีนได้
	 • 	*ในเด็กกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ควรได้รับวัคซีน PCV13 ดังตาราง และเด็กกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
		 ควรให้ฉีดวัคซีน PS-23 ด้วยเสมอ ไม่ว่าจะสามารถฉีด PCV ได้หรือไม่ก็ตาม และหากเป็นเด็กเสี่ยง
		 ประเภทภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะไม่มีม้าม หรือธาลัสซีเมีย ควรฉีด PS-23 ซ�้ำอีก 1 ครั้ง ห่างจากครั้งแรก
		 5 ปี การฉีด PCV ก่อน แล้วตามด้วย PS-23 จะให้ผลการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าการฉีด PS-23 เพียง
		 อย่างเดียว หรือฉีด PS-23 แล้วตามด้วย PCV
อายุที่เริ่มฉีด เดือนที่ของการฉีด PRP-T
2-6 เดือน 0, 2, 4, ฉีดกระตุ้นอายุ 12-18 เดือน
7-11 เดือน 0, 2, ฉีดกระตุ้นอายุ 12-18 เดือน
12-24 เดือน เข็มเดียว
> 24 เดือน เฉพาะผู้ที่เสี่ยง* 0, 2
อายุที่เริ่มฉีด จ�ำนวนครั้งที่ฉีด การฉีดกระตุ้น
2-6 เดือน PCV3 ครั้ง ห่างกัน 6-8 สัปดาห์ PCV 1 ครั้ง อายุ 12-15 เดือน
7-11 เดือน PCV2 ครั้ง ห่างกัน 6-8 สัปดาห์ PCV 1 ครั้ง อายุ 12-15 เดือน
12-23 เดือน PCV2 ครั้ง ห่างกัน 6-8 สัปดาห์ ไม่ต้องฉีด
เด็กปกติ 2-5 ปี PCV10 ให้ 2 ครั้ง PCV13 ให้ 1 ครั้ง ไม่ต้องฉีด
เด็กเสี่ยง*
•อายุ 2- 6 ปี
•> 6-18 ปี
PCV13 ให้ 2 ครั้ง ห่างกัน 8 สัปดาห์
PCV13 ให้ 1 ครั้ง
ฉีดกระตุ้นด้วย PS-23 1 เข็ม
ห่างจาก PCV เข็มสุดท้าย 8 สัปดาห์
ประวัติการฉีดวัคซีน MBV ในอดีต ข้อแนะน�ำในการฉีดวัคซีน live-attenuated JE
1 เข็ม ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3-24 เดือน (แล้วแต่ชนิดของวัคซีน)
2-3 เข็ม ฉีด 1 เข็ม ห่างจากเข็มสุดท้าย 1 ปี
≥ 4 เข็ม ไม่จ�ำเป็นต้องฉีดอีก
	 *ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคฮิบ เช่น ผู้ที่มีภูมิคุ้มก้นบกพร่อง ไม่มีม้าม หรือม้ามท�ำงานผิดปกติ

More Related Content

PDF
Vis hpv
PDF
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน
PPTX
PDF
Vis varicella-zoster
PDF
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
PPT
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน
PDF
แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสำหรับครอบครัว
Vis hpv
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน
Vis varicella-zoster
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน
แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสำหรับครอบครัว

What's hot (12)

PDF
Topic meningoecephalitis
PPTX
Pediatric Vaccine program
PDF
Vis ipv
PPTX
การให้วัคซีน VZV และ dT
DOC
Key word osce
PDF
มารู้จักโรคไข้เลือดออก กันครับ
DOCX
For extern
PDF
Vis meningo-poly
PDF
Exanthematous fever in children
PPTX
ไข้เลือดอ..
Topic meningoecephalitis
Pediatric Vaccine program
Vis ipv
การให้วัคซีน VZV และ dT
Key word osce
มารู้จักโรคไข้เลือดออก กันครับ
For extern
Vis meningo-poly
Exanthematous fever in children
ไข้เลือดอ..
Ad

Similar to [J cms] 429-leaflet pidst (20)

PDF
วัคซีนที่ควรให้ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์
PPT
ติวเด็ก
PDF
บทที่ 7 วัคซีน
PDF
การใช้ยาอย่างปลอดภัยและมีความสมเหตุผล.pdf
PDF
Adult vaccine recommendation 2014
PDF
การให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อในผู้สูงอายุ
PDF
Vis meningo-poly
PDF
24.hbv and hcv guideline 2012 (update)
PDF
แนวทางการดาเน ํ นงานป ิ องก ้ นควบค ั มการระบาดของโรคม ุ ือ เท้า ปาก สําหรบแพ...
PDF
Vis hib
PDF
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)
PDF
01 recent advance 2
PDF
แนวทางการรกัษาไวรัสตับอกัเสบบีในผู้ใหญ่ รศ.นพ.พิศาล ไม้เรียง
PPT
แนะนำโรคต่างๆ หรือ โรคติดต่อ
PPT
แนะนำโรคต่างๆ ศิรินวล สันติรักษ์โยธิน
PPTX
URI.pptx
PDF
วัณโรค (Tuberculosis)
PPT
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
PDF
Vis varicella-zoster
PPT
โรคเอดส์
วัคซีนที่ควรให้ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์
ติวเด็ก
บทที่ 7 วัคซีน
การใช้ยาอย่างปลอดภัยและมีความสมเหตุผล.pdf
Adult vaccine recommendation 2014
การให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อในผู้สูงอายุ
Vis meningo-poly
24.hbv and hcv guideline 2012 (update)
แนวทางการดาเน ํ นงานป ิ องก ้ นควบค ั มการระบาดของโรคม ุ ือ เท้า ปาก สําหรบแพ...
Vis hib
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)
01 recent advance 2
แนวทางการรกัษาไวรัสตับอกัเสบบีในผู้ใหญ่ รศ.นพ.พิศาล ไม้เรียง
แนะนำโรคต่างๆ หรือ โรคติดต่อ
แนะนำโรคต่างๆ ศิรินวล สันติรักษ์โยธิน
URI.pptx
วัณโรค (Tuberculosis)
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
Vis varicella-zoster
โรคเอดส์
Ad

[J cms] 429-leaflet pidst

  • 1. วัคซีนอื่น ๆ ที่อาจให้เสริม หรือทดแทน 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน 18 เดือน 2½ ปี 4-6 ปี 11-12 ปี คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์3 (DTaP, Tdap) DTaP1 DTaP2 DTaP3 DTaP กระตุ้น 1 DTaP กระตุ้น 2 หรือ Tdap Tdap ต่อไป Td ทุก 10 ปี โปลิโอชนิดฉีด4 (IPV) IPV1 IPV2 IPV3 (IPV4) IPV5 ไข้สมองอักเสบเจอี6 (Live JE) Live JE 1, 2 ฮิบ7 (Hib) Hib1 Hib2 Hib3 (Hib4) ตับอักเสบเอ8 (HAV) HAV ให้ 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน อีสุกอีใส9 (VZV) หรือวัคซีนรวม หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม-อีสุกอีใส (MMRV) VZV1 (หรือ MMRV1) VZV2 (หรือ MMRV2) ไข้หวัดใหญ่10 (Influenza) Influenza ให้ปีละครั้งช่วงอายุ 6 เดือน -18 ปี (เน้นในอายุ 6-24 เดือน) ในปีแรกฉีด 2 เข็มห่างกัน 4 สัปดาห์ นิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต11 (PCV) PCV1 PCV2 (PCV3) PCV4 โรต้า12 (Rota) Rota1 Rota2 Rota3 (เฉพาะ Pentavalent) เอชพีวี13 (HPV) HPV 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน วัคซีน อายุ สนับสนุนโดย แนะนำ�โดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2558 ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทยปกติ วัคซีนจ�ำเป็นที่ต้องให้กับเด็กทุกคน แรกเกิด 1 เดือน 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน 18 เดือน 2 ปี 2½ ปี 4-6 ปี 11-12 ปี บีซีจี1 (BCG) BCG ตับอักเสบบี2 (HBV) HBV1 (HBV2) DTwP-HB1 DTwP-HB2 DTwP-HB3คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์3 (DTwP) DTwP กระตุ้น 1 DTwP กระตุ้น 2 Td และทุก 10 ปี โปลิโอชนิดกิน4 (OPV) OPV1 (หรือ IPV1) OPV2 (หรือ IPV2) OPV3 OPV กระตุ้น 1 OPV กระตุ้น 2 หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม5 (MMR) MMR1 MMR2 ไข้สมองอักเสบเจอี6 (JE) MBV JE1, JE2 ห่างกัน 4 สัปดาห์ (หรือ Live JE1) MBV JE3 (หรือ Live JE2) วัคซีน อายุ
  • 2. 1. วัคซีนบีซีจี 1. ฉีด 0.1 มล. ในชั้นผิวหนังที่ไหล่ซ้าย 2. ถ้าไม่มีแผลเป็นเกิดขึ้นและไม่มีหลักฐานว่าเคยได้รับวัคซีนบีซีจีมาก่อนให้ฉีดได้ทันที 3. ถ้าเคย-ได้รับวัคซีนบีซีจีมาก่อน ไม่ต้องฉีดซ�้ำแม้ไม่มีแผลเป็น 2. วัคซีนตับอักเสบบี 1. เด็กทุกคนต้องได้รับอย่างน้อย 3 ครั้ง ถ้าไม่มีข้อห้าม และเข็มสุดท้ายต้องอายุมากกว่า หรือเท่ากับ 6 เดือน 2. ทารกคลอดจากมารดาที่มี HBsAg เป็นลบ ให้ฉีดวัคซีน จ�ำนวน 3 ครั้ง เมื่อแรกเกิด อายุ1-2เดือนและอายุ6เดือนตามล�ำดับกรณีไม่ทราบผลเลือดมารดาควรให้วัคซีน ครั้งที่1ภายใน12ชม.หลังคลอดครั้งที่2และ3ที่อายุ1เดือนและ6เดือนตามล�ำดับ 3. ทารกที่คลอดจากมารดาที่มี HBsAg เป็นบวก (โดยเฉพาะถ้า HBeAg เป็นบวก ด้วย) พิจารณาให้ HBIG 0.5 มล. ภายใน 12 ชม. หลังคลอด และให้วัคซีนครั้งที่ 1 พร้อม ๆ กัน คนละต�ำแหน่งกับ HBIG • กรณีทารกได้รับ HBIG ให้ฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 1-2 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่อ อายุ 6 เดือน • กรณีทารกไม่ได้รับ HBIG ควรให้วัคซีนครั้งที่ 1 ภายใน 12 ชม. หลังคลอด ครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 1 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน 4. ในกรณีที่มาทราบภายหลังว่ามารดามี HBsAg เป็นบวก ควรพิจารณาให้ HBIG ถ้าทารกได้รับวัคซีนมาแล้วไม่เกิน 7 วัน 5. ตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข ใช้วัคซีนรวมที่มี คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB) ที่อายุ 2, 4, และ 6 เดือน แต่ถ้า มารดามี HBsAg เป็นบวก และทารกไม่ได้ HBIG ควรให้วัคซีนตับอักเสบบีแบบเดี่ยว เพิ่มตอนอายุ 1 เดือนด้วย (รวมเป็น 5 ครั้ง) 6. เด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนตับอักเสบบีมาก่อน เด็กอายุน้อยกว่า 11 ปี สามารถฉีด วัคซีนได้ในเดือนที่ 0, 1, 6 ตามล�ำดับส่วนเด็กอายุ 11-15 ปี อาจใช้วัคซีน HBVax ProTM (ผลิตโดย MSD) ฉีดเพียง 2 ครั้ง ในเดือนที่ 0 และเดือนที่ 4-6 โดย ใช้วัคซีนขนาด 1.0 มล. เท่าผู้ใหญ่ 7. เด็กที่คลอดจากมารดาที่มี HBsAg เป็นบวก อาจพิจารณาตรวจ HBsAg และ anti-HBs เมื่ออายุประมาณ 9-18 เดือน 3. วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน 1. สามารถใช้ชนิดไร้เซลล์ (DTaP) แทนชนิดทั้งเซลล์ (DTwP) ได้ทุกครั้ง 2. หากใช้DTaPควรใช้ชนิดเดียวกันทั้งสามครั้งเมื่ออายุ 2, 4, 6เดือนหากไม่สามารถ หาชนิดเดียวกันได้ ให้ใช้ชนิดใดแทนก็ได้ 3. ส�ำหรับเข็มกระตุ้นที่ 18 เดือน อาจใช้ DTwP หรือ DTaP ชนิดใดก็ได้ 4. เมื่ออายุ 4-6 ปี อาจใช้ DTwP, DTaP หรือ Tdap ก็ได้ 5. เด็กอายุ 11-12 ปี ควรได้รับการฉีด Td หรือ Tdap ไม่ว่าจะเคยได้รับ Tdap เมื่อ อายุ 4-6 ปี มาก่อนหรือไม่ หลังจากนั้นควรฉีดกระตุ้นด้วย Td ทุก 10 ปี 6. ผู้ใหญ่ควรได้รับ Tdap 1 ครั้ง ไม่ว่าจะเคยได้ TT หรือ Td มานานเท่าใดก็ตาม จากนั้น ให้ฉีดกระตุ้นด้วย Td ทุก 10 ปี 4. วัคซีนโปลิโอ 1. สามารถใช้ชนิดฉีดแทนชนิดกินได้ทุกครั้ง 2. หากใช้ชนิดฉีดสลับกับชนิดกิน ควรใช้ชนิดฉีด 2 ครั้งแรก ตามด้วยชนิดกิน 3 ครั้ง รวมเป็น 5 ครั้ง (ก�ำลังพิจารณาอยู่ในแผนงานของกระทรวงสาธารณสุข) 3. การให้วัคซีนโปลิโอมากกว่าที่ก�ำหนด ไม่มีข้อเสีย และสามารถรับ OPV เพิ่มในช่วง ที่มีการรณรงค์หยอดวัคซีนเพื่อกวาดล้างโปลิโอได้ 4. หากใช้ชนิดฉีดอย่างเดียวโดยตลอดอาจให้เพียง 4 ครั้ง โดยงดเมื่ออายุ 18 เดือนได้ 5. วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม 1. ให้วัคซีนครั้งแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือนขึ้นไป และครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี ควรพิจารณา ให้ฉีดเร็ว (อายุ 9 เดือน) ในพื้นที่ที่ยังมีรายงานผู้ป่วยโรคหัดจ�ำนวนมากในเด็ก อายุต�่ำกว่า 1 ปี และควรฉีดช้า (อายุ 12 เดือน) ในพื้นที่ที่มีรายงานโรคหัดจ�ำนวน น้อย ในเด็กต�่ำกว่า 1 ปี 2. การฉีดเข็มที่2อาจให้ได้ตั้งแต่อายุ2½ปีตามแผนปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข 3. ในกรณีที่มีการระบาดหรือสัมผัสโรค อาจฉีดเข็มแรกได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนเป็นต้นไป และ เข็มที่ 2 อาจให้ก่อนอายุ 2½ ปีได้ แต่ต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน ในกรณีที่เข็มแรกได้รับก่อนอายุ 9 เดือนให้ฉีดซ�้ำเข็มที่ 2 ที่อายุ 12 เดือน และเข็มที่ 3 ที่อายุ 4-6 ปี 4. ในกรณีที่ต้องการฉีดวัคซีน หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม และอีสุกอีใสในเวลาเดียวกัน สามารถใช้วัคซีนรวม หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม-อีสุกอีใส (MMRV) แทนการฉีดแบบ แยกเข็มได้ทุกครั้งในเด็กอายุตั้งแต่ 1-12 ปี การใช้วัคซีนรวม MMRV ที่อายุ 4-6 ปี แทนการฉีดวัคซีนแบบแยกเข็ม พบมีอาการข้างเคียงไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี การใช้วัคซีนรวม MMRV ในเด็กอายุ 12-23 เดือน ท�ำให้มีโอกาสเกิดการชักจาก ไข้ได้มากกว่าการฉีดแยกเข็ม ส�ำหรับกรณีที่เคยได้วัคซีน MMR หรือ VZV มาก่อน แนะน�ำให้วัคซีนรวม MMRV ห่างจากวัคซีน MMR ครั้งก่อน อย่างน้อย 1 เดือน และ ห่างจากวัคซีน VZV ครั้งก่อน อย่างน้อย 3 เดือน 6. วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี 1. วัคซีนชนิดเชื้อไม่มีชีวิต (inactivated vaccine) ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ mouse-brain derived vaccine (MBV) ซึ่งอยู่ในแผนฯ ของกระทรวงสาธารณสุข และสายพันธุ์ P3 เพาะเลี้ยงใน vero cell (JEVACTM ) ทั้งสองชนิด ฉีด 3 ครั้ง เริ่มเมื่ออายุ 9-18 เดือน เข็มต่อมาอีก 4 สัปดาห์ และ 1 ปี ตามล�ำดับ และส�ำหรับ MBV อาจพิจารณาให้ ฉีดกระตุ้นอีกหนึ่งครั้ง ห่างจากเข็ม 3 อย่างน้อย 4-5 ปี 2. วัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต (live JE) ใช้สายพันธุ์ SA 14-14-2 ให้ฉีด 2 ครั้ง มี 2 ชนิด คือ CD.JEVAXTM เริ่มฉีดที่อายุ 9-12 เดือน และเข็มที่ 2 อีก 3-12 เดือนต่อมา อีกชนิด คือ Chimeric JE (IMOJEVTM ) เริ่มฉีดที่อายุ 9-12 เดือน และเข็มที่ 2 อีก 12-24 เดือนต่อมา สามารถใช้วัคซีนชนิด live JE แทนชนิด MBV ได้ ทั้งใน การฉีดชุดแรก และการฉีดกระตุ้น 3. ในกรณีที่เคยได้รับ MBV มาก่อน และต้องการฉีดต่อด้วย live JE vaccine ให้ พิจารณาฉีดตามตาราง 7. วัคซีนฮิบ 1. ปัจจุบันมีชนิดconjugateกับPRP-T ในเด็กแนะน�ำให้3ครั้งเมื่ออายุ2,4และ6เดือน 2. การฉีดเข็มกระตุ้นที่อายุ 12-18 เดือน อาจไม่จ�ำเป็นต้องฉีดในเด็กแข็งแรง ควรฉีด ในผู้ที่มีความเสี่ยง 3. ไม่จ�ำเป็นต้องฉีดวัคซีนฮิบในเด็กปกติที่อายุ 2 ปีขึ้นไป 4. หากเริ่มฉีดช้า ให้พิจารณาฉีดตามตาราง 8. วัคซีนตับอักเสบเอ ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป โดยฉีด 2 เข็มห่างกัน 6-12 เดือน อาจใช้ต่างชนิดได้ในการ ฉีดแต่ละครั้ง 9. วัคซีนอีสุกอีใส 1. ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป แนะน�ำให้ฉีดเข็มแรกอายุ 12-18 เดือน 2. อาจพิจารณาให้ฉีดเข็มที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี อาจฉีดเข็มที่ 2 ก่อนอายุ 4 ปี ได้ในกรณี ที่มีการระบาดโดยต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน 3. พิจารณาให้ฉีดวัคซีนนี้แก่เด็กทุกคนที่อายุมากกว่า 1 ปีที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใส 4. ถ้าอายุมากกว่า 13 ปี ให้ฉีดสองเข็มห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน 10. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1. พิจารณาให้ฉีดในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 18 ปี โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี และ เด็กที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรครุนแรงเช่นเด็กที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง(รวมหอบหืด) โรคหัวใจ โรคอ้วน ที่มี BMI > 35 ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคเรื้อรัง เป็นต้น 2. ถ้าอายุน้อยกว่า 9 ปี การฉีดในครั้งแรกต้องฉีดสองเข็มห่างกัน 1 เดือน กรณีที่ปีแรก ได้ฉีดไปเพียงครั้งเดียว ปีถัดมาให้ฉีดสองครั้ง จากนั้นจึงสามารถฉีดปีละครั้งได้ 3. ในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี ให้ขนาด 0.25 หรือ 0.5 มล. (ตามเอกสารก�ำกับยา) 11. วัคซีนนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต 1. ควรให้ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ชนิดรุกราน(invasivedisease)หรือรุนแรง(severe) ดังตาราง และในเด็กแข็งแรงปกติที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ที่ประสงค์จะป้องกันโรค 2. ปัจจุบันมีวัคซีน ชนิด 10 สายพันธุ์ (PCV10) และ 13 สายพันธุ์ (PCV13) ให้ 3 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4 และ 6 เดือน และให้ฉีดกระตุ้นที่อายุ 12-15 เดือน โดยห่างจาก เข็ม สุดท้ายอย่างน้อย 2 เดือน หากเริ่มฉีดช้าให้ฉีดตามตาราง 3. ในเด็กปกติ อาจพิจารณาให้ฉีดแบบ 2+1 (รวมเป็นการฉีด 3 ครั้ง) คือ ฉีดเมื่อ อายุ 2, 4, และ 12-15 เดือน 4. เด็กอายุต�่ำกว่า 5 ปี กรณีที่ได้รับวัคซีน PCV7 ครบแล้ว 4 ครั้ง พิจารณาให้ ฉีด PCV13 อีก 1 ครั้ง ห่างจาก PCV7 เข็มสุดท้ายอย่างน้อย 8 สัปดาห์ เพื่อสร้าง ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ที่เพิ่มเติมขึ้น 12. วัคซีนโรต้า 1. ชนิด monovalent ให้กิน 2 ครั้ง เมื่ออายุประมาณ 2 และ 4 เดือน 2. ชนิด pentavalent ให้กิน 3 ครั้ง เมื่ออายุประมาณ 2, 4 และ 6 เดือน 3. วัคซีนทั้งสองชนิด สามารถเริ่มให้ครั้งแรกได้ เมื่ออายุ 6-15 สัปดาห์ และครั้งสุดท้าย อายุไม่เกิน 8 เดือน โดยแต่ละครั้งห่างกันไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์ 4. ควรใช้วัคซีนชนิดเดียวกันจนครบ หากจ�ำเป็นต้องใช้วัคซีนต่างชนิดกันในแต่ละครั้ง หรือไม่ทราบชนิดของวัคซีนที่ได้รับในครั้งก่อน ต้องให้วัคซีนทั้งหมด 3 ครั้ง 5. สามารถให้วัคซีนโรต้าร่วมกับวัคซีนโปลิโอชนิดกินได้ 6. ห้ามใช้วัคซีนนี้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง severe combined immune deficiency (SCID) และในเด็กที่มีประวัติล�ำไส้กลืนกัน 13. วัคซีนเอชพีวี 1. มี 2 ชนิด คือ ชนิด 2 สายพันธุ์ (bivalent มีสายพันธุ์ 16, 18) และชนิด 4 สายพันธุ์ (quadrivalent มีสายพันธุ์ 6, 11, 16, 18) 2. แนะน�ำให้ฉีดในหญิง อายุ 9-26 ปี (เน้นให้ฉีดในช่วงอายุ 11-12 ปี) โดยฉีด 3 เข็ม ในเดือนที่ 0, 1-2 และ 6 3. ในวัยรุ่นที่แข็งแรงดี หากฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี ให้ฉีด 2 เข็มได้ ที่ 0, 6-12 เดือน 4. ประสิทธิภาพของวัคซีนจะสูงหากฉีดในผู้ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน 5. การฉีดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 26 ปี อาจพิจารณาให้ได้เป็นกรณี ๆ ไป 6. การฉีดในเด็กผู้ชาย พิจารณาให้ฉีดเฉพาะชนิด 4 สายพันธุ์ ในช่วงอายุ 9-26 ปี เน้นให้ในช่วงอายุ 11-12 ปี และในกลุ่มชายรักชายอายุ 9-26 ปี ค�ำอธิบาย หมายเหตุ : PCV = Pneumococcal Conjugate Vaccine PS-23 = 23-Valent pneumococcal polysaccharide vaccine • *เด็กเสี่ยง คือ เด็กที่มีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสอย่างรุนแรงมากกว่าเด็กปกติ ได้แก่ เด็กที่เป็น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จากสาเหตุต่าง ๆ ภาวะไม่มีม้าม ธาลัสซีเมีย โรคเรื้อรังของอวัยวะต่าง ๆ เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต เบาหวาน และโรคที่เสี่ยงต่อเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เช่น CSF leak, cochlear implantation • ส�ำหรับเด็กที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกลางวันไม่จัดในกลุ่มเสี่ยงแต่อาจพิจารณาให้วัคซีนได้ • *ในเด็กกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ควรได้รับวัคซีน PCV13 ดังตาราง และเด็กกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ควรให้ฉีดวัคซีน PS-23 ด้วยเสมอ ไม่ว่าจะสามารถฉีด PCV ได้หรือไม่ก็ตาม และหากเป็นเด็กเสี่ยง ประเภทภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะไม่มีม้าม หรือธาลัสซีเมีย ควรฉีด PS-23 ซ�้ำอีก 1 ครั้ง ห่างจากครั้งแรก 5 ปี การฉีด PCV ก่อน แล้วตามด้วย PS-23 จะให้ผลการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าการฉีด PS-23 เพียง อย่างเดียว หรือฉีด PS-23 แล้วตามด้วย PCV อายุที่เริ่มฉีด เดือนที่ของการฉีด PRP-T 2-6 เดือน 0, 2, 4, ฉีดกระตุ้นอายุ 12-18 เดือน 7-11 เดือน 0, 2, ฉีดกระตุ้นอายุ 12-18 เดือน 12-24 เดือน เข็มเดียว > 24 เดือน เฉพาะผู้ที่เสี่ยง* 0, 2 อายุที่เริ่มฉีด จ�ำนวนครั้งที่ฉีด การฉีดกระตุ้น 2-6 เดือน PCV3 ครั้ง ห่างกัน 6-8 สัปดาห์ PCV 1 ครั้ง อายุ 12-15 เดือน 7-11 เดือน PCV2 ครั้ง ห่างกัน 6-8 สัปดาห์ PCV 1 ครั้ง อายุ 12-15 เดือน 12-23 เดือน PCV2 ครั้ง ห่างกัน 6-8 สัปดาห์ ไม่ต้องฉีด เด็กปกติ 2-5 ปี PCV10 ให้ 2 ครั้ง PCV13 ให้ 1 ครั้ง ไม่ต้องฉีด เด็กเสี่ยง* •อายุ 2- 6 ปี •> 6-18 ปี PCV13 ให้ 2 ครั้ง ห่างกัน 8 สัปดาห์ PCV13 ให้ 1 ครั้ง ฉีดกระตุ้นด้วย PS-23 1 เข็ม ห่างจาก PCV เข็มสุดท้าย 8 สัปดาห์ ประวัติการฉีดวัคซีน MBV ในอดีต ข้อแนะน�ำในการฉีดวัคซีน live-attenuated JE 1 เข็ม ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3-24 เดือน (แล้วแต่ชนิดของวัคซีน) 2-3 เข็ม ฉีด 1 เข็ม ห่างจากเข็มสุดท้าย 1 ปี ≥ 4 เข็ม ไม่จ�ำเป็นต้องฉีดอีก *ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคฮิบ เช่น ผู้ที่มีภูมิคุ้มก้นบกพร่อง ไม่มีม้าม หรือม้ามท�ำงานผิดปกติ