9. 9
สําหรับขอมูลทางชีววิทยาหรือทางเคมี เชน การแจกแจงของจํานวนแบคทีเรีย จุลินทรีย
สวนใหญมักมีการแจกแจงที่เบขวาหรือหางยาวทางขวาหรือมีคาสังเกตสวนใหญที่มีคาต่ําและมีคาสังเกต
จํานวนนอยที่มีคาสูง ซึ่งสวนใหญแลวในการวิเคราะหทางสถิติมักมีขอตกลงวาการแจกแจงของ
ขอมูลตองมีลักษณะสมมาตร เชน มีการแจกแจงแบบปกติ เปนตน ดังนั้นมักทําการแปลงขอมูลที่เบ
ใหมีลักษณะสมมาตรขึ้นหรือใหคลายกับการแจกแจงแบบปกติ ในกรณีที่ขอมูลมีลักษณะเบขวา
การแปลงขอมูลโดยใชลอการิทึมแทนคาขอมูลเดิมจะชวยใหขอมูลมีลักษณะสมมาตรขึ้น ถาขอมูลเดิม
มีการแจกแจงแบบเบขวา เมื่อแปลงขอมูลแตละตัวโดยใชคาลอการิทึมแลวทําใหการแจกแจงใหมนี้มีการแจกแจง
ที่ประมาณไดวาเปนแบบปกติจะเรียกขอมูลเดิมวามีการแจกแจงแบบลอกนอรมอล (log-normal)ซึ่งคาที่ดีที่สุด
ที่ใชวัดคากลางของการแจกแจงแบบลอกนอรมอลก็คือคาเฉลี่ยเรขาคณิตนั่นเอง ความจริงขอนี้ให
พิจารณาจากเหตุผลตอไปนี้
ถาให X แทนขอมูลเดิม และให Y แทนขอมูลที่ไดจากการแปลงโดยใชลอการิทึม
กลาวคือ 1 1Y ln(X )= , 2 2Y ln(X )= , …, และ n nY ln(X )= คากลางของขอมูลที่แปลงแลวซึ่ง
มีลักษณะการแจกแจงสมมาตรขึ้นคือ คาเฉลี่ยเลขคณิตของ Y หรือ Y เมื่อไดคา Y แลว สามารถ
ตีความกลับไปยังขอมูลเดิมไดดังนี้
เนื่องจาก Y = ln(X) ดังนั้นความสัมพันธระหวางขอมูลเดิมและขอมูลที่แปลงแลวคือ
Y
X e= ทําใหไดวา
คากลางของขอมูลเดิมจึงควรเปน Y
e =
n
i
i 1
1
Y
n
e =
∑
=
n
i
i 1
1
ln(X )
n
e =
∑
= 1 2 n
1
ln(X X ...X )
n
e = 1 2 n
1
ln(X X ...X ) ne
=
1
n
1 2 n(X X ...X ) = n
1 2 nX X ...X
หรือเทากับคาเฉลี่ยเรขาคณิตของขอมูลเดิมที่มีลักษณะเบขวานั่นเอง นั่นคือ ขอมูลที่มีลักษณะเบขวา
คากลางที่ใชควรเปนคาเฉลี่ยเรขาคณิต
12. ขอนารูเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาเฉลี่ยฮารมอนิก
คาเฉลี่ยฮารมอนิก (H.M.) ของจํานวน n จํานวน ( 1 2 3 nX ,X ,X ,...,X ) นิยามโดย
n
i 1 i
1 1 1
H.M. n X=
= ∑ หรือ n
i 1 i
n
H.M.
1
X=
=
∑
กรณีที่ n = 2 จะไดวา 1 2 1 2
1 2
1 2
X X 2X X
H.M.
1 X X(X X )
2
= =
++
15. 15
เลือกเมนู Descriptive Statistics จากกลองขอความที่ปรากฏขึ้นมาหลังจากที่ไดเลือกเมนู Data
Analysis…จากนั้นคลิกที่ OK
คลิกที่ ลูกศรสีแดงในชอง แรกที่เขียนวา Input Range เพื่อระบุที่อยูของขอมูลที่ตองการวิเคราะห
16. 16
สรางสดมภที่ตองการวิเคราะหขอมูล (ปริมาณไขไก) ตั้งแต B1 ถึง B21 คลิกที่ลูกศรสีแดงอีกที
คลิกเครื่องหมายถูก เลือก Labels in First Row เนื่องจากในการกําหนดที่อยูของขอมูล
ไดรวมปายชื่อหรือชื่อสดมภ (ที่เขียนวา “ปริมาณไขไก”) ในบรรทัดแรกของขอมูลเขาไวดวย ในกรณีที่
ไมไดเลือกชื่อสดมภเขามา ก็ไมตองคลิกที่ ชอง Labels in First Row นี้ จากนั้นคลิกเลือก
Summary Statistics แลวคลิกที่ OK
37. 37
เฉลยแบบฝกหัด 1.1 (ก)
1. (1)
10
i 1
c
=
∑ =
10
i 1
2
=
∑
= 10(2)
= 20
(2)
5
3
i
i 1
(x 2)
=
−∑ = (1 – 2)3
+ (3 – 2)3
+ (4 – 2)3
+ (7 – 2)3
+ (0 – 2)3
= –1 + 1 + 8 + 125 – 8
= 125
(3)
3
i i
i 1
(f x c)
=
+∑ = ((10 × 1) + 2) + ((15 × 3) + 2) + ((5 × 4) + 2)
= 12 + 47 + 22
= 81
(4)
4
i i
i 1
(x 3)(x 3)
=
− +∑ =
4
2
i
i 1
(x 9)
=
−∑
= (12
– 9) + (32
– 9) + (42
– 9) + (72
– 9)
= –8 + 0 + 7 + 40
= 39
หรือ
4
i i
i 1
(x 3)(x 3)
=
− +∑ = (1 – 3)(1 + 3) + (3 – 3)(3 + 3) + (4 – 3)(4 + 3)
+ (7 – 3)(7 + 3)
= –8 + 0 + 7 + 40
= 39
2.
5
i
i 1
(5y 50)
=
−∑ =
5
i
i 1
5 y 50(5)
=
−∑
= 5(10) – 250
= –200
5
2
i
i 1
(y 3)
=
−∑ =
5
2
i i
i 1
(y 6y 9)
=
− +∑
=
5 5
2
i i
i 1 i 1
y 6 y 9(5)
= =
− +∑ ∑
= 30 – 6(10) + 45
= 15
38. 38
3.
4
i i
i 1
(x 1)(4y 3)
=
+ −∑ =
4
i i i i
i 1
(4x y 3x 4y 3)
=
− + −∑
=
4 4 4
i i i i
i 1 i 1 i 1
4 x y 3 x 4 y 3(4)
= = =
− + −∑ ∑ ∑
= 4(4) – 3(5) + 4(–2) – 12
= –19
4. (1) 2 2 2
1 2 102x 2x 2x+ + + =
10
2
i
i 1
2 x
=
∑
(2) 1 1 2 2 k k(x X)f (x X)f (x X)f− + − + + − =
k
i i
i 1
(x X)f
=
−∑
(3) 2 2 2
1 1 2 2 k k
1
{(y Y) f (y Y) f (y Y) f }
n
− + − + + − =
k
2
i i
i 1
1
(y Y) f
n =
−∑
5.
N
i i i
i 1
(x 3y 2z 1)
=
− + +∑ = (x1 – 3y1 + 2z1 + 1) + (x2 – 3y2 + 2z2 + 1)
+ ... + (xN – 3yN + 2zN + 1)
= (x1 + x2 + ... + xN) – 3(y1 + y2 + ... + yN)
+ 2(z1+z2 + ... + zN) + (1 + 1 + ... + 1)
=
N N N
i i i
i 1 i 1 i 1
x 3 y 2 z N
= = =
− + +∑ ∑ ∑
ดังนั้น
N
i i i
i 1
(x 3y 2z 1)
=
− + +∑ =
N N N
i i i
i 1 i 1 i 1
x 3 y 2 z N
= = =
− + +∑ ∑ ∑
6. จากขอมูลทําตารางไดดังนี้
ชวงคะแนน จุดกึ่งกลาง จํานวนนักเรียน
60 – 80
90 – 100
70
95
40
10
(1) คาเฉลี่ยเลขคณิต µ = 70(40) 95(10)
40 10
+
+
= 2800 950
50
+
= 75
ดังนั้น คาเฉลี่ยเลขคณิตของคะแนนสอบวิชาสถิติทั้ง 50 คน เทากับ 75 คะแนน
มี 1 อยู N ตัว
40. 40
10. (1) จะแสดงวา
N
i
i 1
x
=
∑ = Nµ
เพราะวา
N
i
i 1
x
=
∑ = x1 + x2 + x3 + ... + xN
= N
N
(x1 + x2 + x3 + ... + xN)
=
N
i
i 1
x
N
N
=
⎛ ⎞
⎜ ⎟
⎜ ⎟
⎜ ⎟
⎜ ⎟
⎝ ⎠
∑
= Nµ
(2) จะแสดงวา
N
i
i 1
(x ) 0
=
−µ =∑
เพราะวา
N
i
i 1
(x )
=
−µ∑ = 1 2 3 N(x ) (x ) (x ) (x )− µ + − µ + − µ + + − µ
= (x1 + x2 + x3 + ... + xN) – ( )µ + µ + µ + + µ
=
N
i
i 1
x N
=
− µ∑
= Nµ – Nµ
= 0
(4) จะแสดงวา xmin < µ < xmax
เนื่องจาก xmin + xmin + ... + xmin < x1 + x2 + x3 + ... + xN
< xmax + xmax + ... + xmax
จะได Nxmin <
N
i
i 1
x
=
∑ < Nxmax
minNx
N
<
N
i
i 1
x
N
=
∑
< maxNx
N
xmin < µ < xmax
มี µ อยู N ตัว
มี xmin อยู N ตัว
มี xmax อยู N ตัว
41. 41
(5) จะแสดงวา Y = aX b+
เนื่องจาก Yi = axi + b
ดังนั้น
n
i
i 1
Y
=
∑ =
n
i
i 1
(ax b)
=
+∑
=
n
i
i 1
a x nb
=
+∑
จะได
n
i
i 1
y
n
=
∑
=
n
i
i 1
a x
nb
n n
=
+
∑
ดังนั้น Y = aX b+
เฉลยแบบฝกหัด 1.1 (ข)
1. เรียงขอมูลจากนอยไปมาก จะได 11 11 15 16 18 22 22 22 28 36
มัธยฐานอยูตําแหนงที่ 10 1
5.5
2
+
=
ดังนั้น มัธยฐานของขอมูลชุดนี้เทากับ 18 22
20
2
+
= บาท
นักเรียนที่ตองจายคาใชจายรายวันเกินกวามัธยฐานมีอยู 5 คน
2. เรียงขอมูลจากนอยไปมาก จะได
44.3 466.4 974.0 1,080.8 1,724.4 2,148.8 5,270.9
มัธยฐานอยูตําแหนงที่ 7 1
2
+
= 4
ดังนั้น มัธยฐานของจํานวนผูมีงานทําจําแนกตามประเภทอุตสาหกรรมในป พ.ศ. 2546
เทากับ 1,080.8 พันคน หรือ 1,080,800 คน
3. x1, x2, x3, ..., xN เปนขอมูลที่เรียงจากนอยไปหามาก หรือมากไปหานอย
(1) เมื่อ N เปนจํานวนคู
ขอมูลที่อยูตรงกลางจะมี 2 จํานวน คือ N
2
x กับ N
1
2
x
+
ดังนั้น มัธยฐาน คือ
N N
1
2 2
x x
2
+
+
(2) เมื่อ N เปนจํานวนคี่
ขอมูลที่อยูตรงกลางจะมี 1 จํานวน คือ N
1
2
x
+
ดังนั้น มัธยฐาน คือ N
1
2
x
+