SlideShare a Scribd company logo
คู่มือการจัดทาแผนการจัดการความรู้

โครงการพัฒนาส่ วนราชการ ให้ เป็ นองค์ กรแห่ งการเรี ยนรู้
และการจัดการความรู้ ในส่ วนราชการ

โดย
สานักงาน ก.พ.ร.
และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่ งชาติ
หน้ า 1

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

คานา
คู่มือการจัดทาแผนการจัดการความรู้ ฉบับนี ้ จัดทาขึ ้นเพื่อสร้ างความรู้ความเข้ าใจและ
ให้ แนวทางในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ที่ชดเจนและเป็ นรูปธรรมมากขึ ้น
ั
หลังจากที่ได้ รับความเข้ าใจในหลักการของการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่การปฏิบติ ตามที่ได้
ู
ั
เข้ าร่วมประชุมเชิงปฏิบติการซึงจัดโดยสานักงาน ก.พ.ร. โดยมีวิทยากรจากสถาบันเพิมผลผลิต
่
่
แห่งชาติเมื่อ เดือนกรกฎาคม – กันยายน พ.ศ. 2548
สานักงาน ก.พ.ร. และสถาบันเพิมผลผลิตแห่งชาติ หวังเป็ นอย่างยิ่งว่าคู่มือฉบับนี ้จะเป็ น
่
ประโยชน์ต่อส่วนราชการ และจังหวัด ในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) เพื่อ
นาไปสู่สมฤทธิผลในการดาเนินงานของหน่วยงานให้ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ั

สานักงาน ก.พ.ร.และ สถาบันเพิมผลผลิตแห่งชาติ
่
ธันวาคม 2548
หน้ า 2

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

บทนา
สืบเนื่องจากพระราชพระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริ หารกิจการบ้ านเมืองที่ดี พ.ศ.
2546 มาตรา 11 กาหนดไว้ ว่า ส่วนราชการมีหน้ าที่พฒนาความรู้ ในส่วนราชการ เพื่อให้ มีลกษณะเป็ นองค์กร
ั
ั
แห่งการเรี ยนรู้ อย่างสม่าเสมอ โดยต้ องรับรู้ ข้ อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ ในด้ านต่าง ๆ เพื่อ
นามาประยุกต์ใช้ ในการปฏิบติราชการได้ อย่างถูกต้ อง รวดเร็ ว เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทังต้ องส่งเสริ ม
ั
้
และพัฒ นาความรู้ ความสามารถ สร้ างวิ สัยทัศน์ และปรั บเปลี่ ย นทัศ นคติข องข้ าราชการในสัง กัดให้ เป็ น
บุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการเรี ยนรู้ร่วมกัน
สานักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จัดการประชุมเชิงปฏิบตการเรื่ องการจัดการ
ัิ
ความรู้ : จากทฤษฎีสการปฏิบติ ในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน พ.ศ.2548 เพื่อสร้ างความรู้ ความเข้ าใจใน
ู่
ั
หลักการของการจัดการความรู้ และได้ ขยายผลจากการประชุมเชิงปฏิบตการดังกล่าว จัดทาเป็ น คูมือการจัดทา
ัิ
่
แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan Template) เพื่อให้ ง่ายและสะดวก รวมทังเพื่อเป็ นมาตรฐานเดียวกัน
้
ในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ต่อไป
คูมือการจัดทาแผนการจัดการความรู้ ฉบับนี ้ประกอบด้ วย
่
บทที่ 1 การจัดการความรู้เบื ้องต้ น
บทที่ 2 การกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area)
บทที่ 3 การกาหนดเปาหมาย KM (Desired State)
้
บทที่ 4 การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
บทที่ 5 การกาหนดโครงสร้ างทีมงาน KM
ภาคผนวก ก กาหนดการและเอกสารที่ต้องส่งมอบให้ สานักงาน กพร.
ภาคผนวก ข แบบฟอร์ ม
ภาคผนวก ค ตัวอย่าง
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดทาแผนการจัดการความรู้ตามเนื ้อหาในคูมือฉบับนี ้ สอบถามได้ ที่
่
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ โทรศัพท์ 0-2619-5500 ต่อ 576
เอกสารที่ต้องส่งตามรายละเอียดที่กาหนดในภาคผนวก ก. ให้ สงเป็ นเอกสาร 2 ชุด และ save ข้ อมูลลง
่
แผ่นซีดี 1 แผ่น ส่งไปที่ สานักงาน ก.พ.ร. ภายในวันที่ 31 มกราคม 2549
หน้ า 3

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

สารบัญ
หน้ า
คานา
บทนา
บทที่ 1 : การจัดการความรู้เบื ้องต้ น
บทที่ 2 : การกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area)
บทที่ 3 : การกาหนดเปาหมาย KM (Desired State)
้
บทที่ 4 : การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
บทที่ 5 : การกาหนดโครงสร้ างทีมงาน KM
ภาคผนวก ก กาหนดการและเอกสารที่ต้องส่งมอบให้ สานักงาน กพร.
ภาคผนวก ข แบบฟอร์ ม
ภาคผนวก ค ตัวอย่าง

4
9
12
15
23
25
27
38
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 4

บทที่ 1 : การจัดการความรู้ เบืองต้ น
้
1.1 การจัดการความรู้ในองค์กร หมายถึง การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ใน
ตัวบุคคลหรื อเอกสาร มาพัฒนาให้ เป็ นระบบ เพื่อให้ ทกคนในองค์กรสามารถเข้ าถึงความรู้ และพัฒนาตนเอง
ุ
ให้ เป็ นผู้ร้ ู รวมทังปฏิบติงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้ องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด
้
ั
โดยที่ความรู้มี 2 ประเภท คือ
- ความรู้ ที่ ฝั ง อยู่ใ นคน (Tacit Knowledge) เป็ นความรู้ ที่ ไ ด้ จ ากประสบการณ์ พรสวรรค์หรื อ
สัญชาตญาณของแต่ละบุคคลในการทาความเข้ าใจในสิ่งต่างๆ เป็ นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็ น
คาพูดหรื อลายลักษณ์อกษรได้ โดยง่าย เช่น ทักษะในการทางาน งานฝี มือ หรื อการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั ง จึง
ั
้
เรี ยกว่าเป็ นความรู้แบบนามธรรม
- ความรู้ที่ชดแจ้ ง (Explicit Knowledge) เป็ นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีตางๆ
ั
่
เช่น การบันทึกเป็ นลายลักษณ์อกษร ทฤษฎี คูมือต่างๆ และบางครังเรี ยกว่าเป็ นความรู้แบบรูปธรรม
ั
่
้
1.2 แนวคิดการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Action Plan) ตามคูมือฉบับนี ้ ได้
่
นาแนวคิดเรื่ องกระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Process) และกระบวนการบริ หาร
จัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) มาประยุกต์ใช้ ในการจัดทาแผนการจัดการ
ความรู้ (KM Action Plan)
หน้ า 5

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

1.2.1 กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Process)
เราต้ องมีความรู้ เรื่ องอะไร
เรามีความรู้ เรื่ องนั้นหรื อยัง
ความรู้อยู่ทใคร อยู่ในรู ปแบบอะไร
ี่
จะเอามาเก็บรวมกันได้ อย่ างไร

จะแบ่ งประเภท หัวข้ ออย่ างไร

1. การบ่ งชีความรู้
้
(Knowledge Identification)

2. การสร้ างและแสวงหาความรู้
(Knowledge Creation and Acquisition)
3. การจัดความรู้ ให้ เป็ นระบบ (Knowledge Organization)

จะทาให้ เข้ าใจง่ ายและสมบูรณ์ อย่ างไร

4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้
(Knowledge Codification and Refinement)

เรานาความรู้มาใช้ งานได้ ง่ายหรือไม่

5. การเข้ าถึงความรู้ (Knowledge Access)

มีการแบ่ งปั นความรู้ ให้ กันหรื อไม่

ความรู้ น้ันทาให้ เกิดประโยชน์ กับองค์ กรหรื อไม่
ทาให้ องค์ กรดีขนหรื อไม่
ึ้

6. การแบ่ งปั นแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing)

7. การเรี ยนรู้ (Learning)

กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Process) เป็ นกระบวนการแบบหนึ่งที่จะช่วยให้
องค์กรเข้ าใจถึงขันตอนที่ทาให้ เกิดกระบวนการจัดการความรู้ หรื อพัฒนาการของความรู้ ที่จะเกิดขึ ้นภายใน
้
องค์กร ประกอบด้ วย 7 ขันตอน ดังนี ้
้
1) การบ่งชี ้ความรู้ – เช่นพิจารณาว่า วิสยทัศน์/ พันธกิจ/ เปาหมาย คืออะไร และเพื่อให้ บรรลุ
ั
้
เปาหมาย เราจาเป็ นต้ องรู้อะไร , ขณะนี ้เรามีความรู้อะไรบ้ าง, อยูในรูปแบบใด, อยูที่ใคร
้
่
่
2) การสร้ างและแสวงหาความรู้ – เช่นการสร้ างความรู้ ใหม่, แสวงหาความรู้จากภายนอก, รักษา
ความรู้เก่า, กาจัดความรู้ที่ใช้ ไม่ได้ แล้ ว
3) การจัดความรู้ให้ เป็ นระบบ - เป็ นการวางโครงสร้ างความรู้ เพื่อเตรี ยมพร้ อมสาหรับการเก็บความรู้
อย่างเป็ นระบบในอนาคต
4) การประมวลและกลันกรองความรู้ – เช่นปรับปรุ งรู ปแบบเอกสารให้ เป็ นมาตรฐาน, ใช้ ภาษา
่
เดียวกัน, ปรับปรุงเนื ้อหาให้ สมบูรณ์
5) การเข้ าถึงความรู้ – เป็ นการทาให้ ผ้ ใช้ ความรู้ นนเข้ าถึงความรู้ ที่ต้องการได้ ง่ายและสะดวก เช่น
ู
ั้
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT), Web board ,บอร์ ดประชาสัมพันธ์ เป็ นต้ น
6) การแบ่งปั นแลกเปลี่ยนความรู้ – ทาได้ หลายวิธีการ โดยกรณีเป็ น Explicit Knowledge อาจจัดทา
เป็ น เอกสาร, ฐานความรู้ , เทคโนโลยีสารสนเทศ หรื อกรณีเป็ น Tacit Knowledge อาจจัดทาเป็ น
หน้ า 6

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

ระบบ ทีมข้ ามสายงาน, กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม, ชุมชนแห่งการเรี ยนรู้ , ระบบพี่เลี ้ยง,
การสับเปลี่ยนงาน, การยืมตัว, เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เป็ นต้ น
7) การเรี ยนรู้ – ควรทาให้ การเรี ยนรู้ เป็ นส่วนหนึ่งของงาน เช่นเกิดระบบการเรี ยนรู้ จาก สร้ างองค์
ความรู้>นาความรู้ไปใช้ >เกิดการเรี ยนรู้และประสบการณ์ใหม่ และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง
1.2.2 กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process)
การเรี ยนรู้
(Learning)

การวัดผล
(Measurements)

การยกย่ องชมเชย
และการให้ รางวัล
(Recognition and Reward)
เปาหมาย
้
(Desired State)

กระบวนการ
และเครื่ องมือ
(Process & Tools)

การสื่อสาร
(Communication)

การเตรี ยมการและ
ปรั บเปลี่ยนพฤติกรรม
(Transition and Behavior
Robert Osterhoff

กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) เป็ นกรอบความคิดแบบ
หนึงเพื่อให้ องค์กรที่ต้องการจัดการความรู้ภายในองค์กร ได้ มุ่งเน้ นถึงปั จจัยแวดล้ อมภายในองค์กร ที่จะมี
่
ผลกระทบต่อการจัดการความรู้ ประกอบด้ วย 6 องค์ประกอบ ดังนี ้
1) การเตรี ยมการและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม - เช่น กิจกรรมการมีสวนร่วมและสนับสนุนจากผู้บริหาร (ที่
่
ทุกคนมองเห็น), โครงสร้ างพื ้นฐานขององค์กร, ทีม/ หน่วยงานที่รับผิดชอบ, มีระบบการติดตามและ
ประเมินผล , กาหนดปั จจัยแห่งความสาเร็จชัดเจน
2) การสื่อสาร – เช่น กิจกรรมที่ทาให้ ทกคนเข้ าใจถึงสิ่งที่องค์กรจะทา, ประโยชน์ที่จะเกิดขึ ้นกับทุกคน, แต่
ุ
ละคนจะมีสวนร่วมได้ อย่างไร
่
3) กระบวนการและเครื่ องมือ - ช่วยให้ การค้ นหา เข้ าถึง ถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนความรู้สะดวกรวดเร็ ว
ขึ ้น โดยการเลือกใช้ กระบวนการและเครื่ องมือ ขึ ้นกับชนิดของความรู้, ลักษณะขององค์กร (ขนาด,
สถานที่ตง้ั ฯลฯ), ลักษณะการทางาน, วัฒนธรรมองค์กร, ทรัพยากร
4) การเรี ยนรู้ - เพื่อสร้ างความเข้ าใจและตระหนักถึงความสาคัญและหลักการของการจัดการความรู้
โดยการเรี ยนรู้ต้องพิจารณาถึง เนื ้อหา, กลุมเปาหมาย, วิธีการ, การประเมินผลและปรับปรุง
่ ้
5) การวัดผล - เพื่อให้ ทราบว่าการดาเนินการได้ บรรลุเปาหมายที่ตงไว้ หรื อไม่, มีการนาผลของการวัดมา
้
ั้
ใช้ ในการปรับปรุงแผนและการดาเนินการให้ ดีขึ ้น, มีการนาผลการวัดมาใช้ ในการสื่อสารกับบุคลากรใน
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 7

ทุกระดับให้ เห็นประโยชน์ของการจัดการความรู้ และการวัดผลต้ องพิจารณาด้ วยว่าจะวัดผลที่ขนตอน
ั้
ไหนได้ แก่ วัดระบบ (System), วัดที่ผลลัพธ์ (Out put) หรื อวัดที่ประโยชน์ที่จะได้ รับ (Out come)
6) การยกย่องชมเชยและให้ รางวัล - เป็ นการสร้ างแรงจูงใจให้ เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการมี
ส่วนร่วมของบุคลากรในทุกระดับ โดยข้ อควรพิจารณาได้ แก่ ค้ นหาความต้ องการของบุคลากร,
แรงจูงใจระยะสันและระยะยาว, บูรณาการกับระบบที่มีอยู่, ปรับเปลี่ยนให้ เข้ ากับกิจกรรมที่ทาในแต่ละ
้
ช่วงเวลา
1.3 องค์กรจะต้ องมองภาพรวมของปั จจัยแวดล้ อมภายในองค์กร ที่จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการจัดการ
ความรู้ (KM Process) ขององค์กร โดยการนากระบวนการบริ หารจัดการการเปลี่ยนแปลงมาเชื่อมโยง เพื่อจะ
ผลักดันให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงเสริมสร้ างสภาพแวดล้ อม ที่จะทาให้ กระบวนการจัดการความรู้ มีชีวิตหมุนต่อไป
ได้ อย่างต่อเนื่อง และทาให้ การจัดการความรู้ ขององค์กรมีประสิทธิผลโดยจัดทาเป็ นแผนการจัดการความรู้
(KM Action Plan) และนาไปสูการปฏิบตให้ เกิดขึ ้นจริงๆ
่
ัิ
1.4 ตามแนวคิดนี ้ องค์กรต้ องมีการกาหนด ขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM (Desired
้
State) ที่องค์กรต้ องการเลือกทา เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผนบริ หารราชการแผ่นดิน ตามเนื ้อหา
ในบทที่ 2 และบทที่ 3 ตามลาดับ
1.5 การกาหนดขอบเขต KM และเปาหมาย KM เพื่อต้ องการจัดการความรู้ ที่จาเป็ นต้ องมีในกระบวนงาน
้
(Work Process) เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผนบริ หารราชการแผ่นดิน ที่องค์กรได้ จดทาขึ ้นไว้ ใน
ั
ข้ อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) งบประมาณประจาปี 2548
1.6 องค์กรต้ องมีการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ (KM Assessment Tool : KMAT) หรื อวิธีการ
ประเมินองค์กรตนเองแบบใดก็ได้ ที่นอกเหนือจาก KMAT เพื่อทราบถึงจุดอ่อน-จุดแข็ง / โอกาส-อุปสรรค ที่จะ
เป็ นปั จจัยสาคัญต้ องปรับปรุง-รักษาไว้ / พัฒนาให้ การจัดการความรู้บรรลุผลตามเปาหมาย KM ตามเนื ้อหาใน
้
บทที่ 4
1.7 องค์กรต้ องนาผลลัพธ์ของการประเมินตนเอง จากข้ อ 1.6 เพื่อจะนามากาหนดหาวิธีการสูความสาเร็จ ไว้
่
ในแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) โดยอาจจะเป็ นแผนการจัดการความรู้ระยะสันภายใน
้
ปี งบประมาณ 2549 หรื อเป็ นแผนระยะยาว ทังนี ้ขึ ้นอยู่กบเปาหมาย KM ที่องค์กรเลือกทา รวมถึงความ
้
ั ้
พร้ อมจากผลการประเมินตนเองจากข้ อ 1.6
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 8

1.8 องค์กรต้ องมีการกาหนดโครงสร้ างที มงาน KM เพื่อมาดาเนินการตามแผนการจัดการความรู้ ให้ การ
จัดการความรู้บรรลุผลตามเปาหมาย KM ตามเนื ้อหาในบทที่ 5
้
1.9 เมื่อองค์กรได้ ดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผนปี 2549
แล้ ว ผู้บริหารทุกระดับจะต้ องร่วมผลักดันให้ เกิดการบูรณาการ กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) ให้
ยึดถือปฏิบติอยู่ในกระบวนงาน (Work Process) ของข้ าราชการ รวมถึงบูรณาการกระบวนการบริ หารจัดการ
ั
การเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ให้ เกิดขึ ้น ในการปฏิบติราชการขององค์กรในขอบเขต
ั
KM และเปาหมาย KM ในเรื่ องอื่นๆ ต่อไป ทังนี ้เพื่อให้ ส่วนราชการและจังหวัดมีลกษณะเป็ นองค์กรแห่งการ
้
้
ั
เรี ยนรู้อย่างสม่าเสมอ
หน้ า 9

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

บทที่ 2 : การกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Areas)
2.1 ขอบเขต KM (KM Focus Areas) เป็ นหัวเรื่ องกว้ างๆ ของความรู้ที่จาเป็ นและสอดคล้ องกับประเด็น
ยุทธศาสตร์ ตามแผนบริหารราชการแผ่นดินซึงต้ องการจะนามาใช้ กาหนดเปาหมาย KM (Desired State)
่
้
2.2 ในการกาหนดขอบเขต KM ควรกาหนดกรอบตามองค์ความรู้ที่จาเป็ นต่อกระบวนงาน (Work Process)
ในข้ อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ที่ได้ นาเสนอสานักงาน กพร. ไว้ ในปี 2548 ก่อนเป็ น
ลาดับแรก หรื อ อาจกาหนดขอบเขต KM ตามองค์ความรู้ที่จาเป็ นต้ องมีในองค์กร เพื่อปฏิบตงานให้ บรรลุตาม
ัิ
ประเด็นยุทธศาสตร์ อื่นๆ ขององค์กร
2.3 แนวทางการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Areas) และเปาหมาย KM (Desired State)
้

1

พันธกิจ/วิสัยทัศน์
ประเด็นยุทธศาสตร์

2

3

ความรู้ ท่ สาคัญต่ อองค์ กร
ี

• ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า

กลยุทธ์

(Work process) กระบวนงาน

ปั ญหา

• ความสัมพันธ์ กับผู้มีส่วนได้ เสียต่ างๆ
• ประสบการณ์ ความรู้ท่ีองค์กรสั่งสม
• ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการ
• ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ

(ขอบเขต KM)

KM Focus Areas

(เปาหมาย KM)
้

• ความรู้ท่มีอยู่ในบุคลากร
ี
Desired State of KM•Focus Areas
ฯลฯ

(แผนการจัดการความรู้ )

บริการ

KM Action Plans
( 6-step model)

การเรี ยนรู้
(Learning)

การวัดผล
(Measurements)

การยกย่ องชมเชย
และการให้ รางวัล
(Recognition and Reward)

การสื่อสาร
(Communication)

เปาหมาย
้
(Desired State)

การเตรี ยมการและ
ปรั บเปลี่ยนพฤติกรรม
(Transition and Behavior
Management)

World-Class KM
Environment

กระบวนการ
และเครื่ องมือ
(Process Tools)

องค์กรสามารถใช้ แนวทางการกาหนดขอบเขตและเปาหมาย KM เพื่อจะช่วยรวบรวมขอบเขต KM และนาไป
้
กาหนดเปาหมาย KM และแผนการจัดการความรู้ ดังนี ้
้
- แนวทางที่ 1 เป็ นความรู้ ที่จาเป็ นสนับสนุนพันธกิจ / วิสยทัศน์/ ประเด็นยุทธศาสตร์ ในระดับของ
ั
หน่วยงานตนเอง
- หรื อแนวทางที่ 2 เป็ น ความรู้ที่สาคัญต่อองค์กร
- หรื อแนวทางที่ 3 เป็ น ปั ญหาที่ประสบอยู่ และสามารถนา KM มาช่วยได้
- หรื อ เป็ นแนวทางอื่นนอกเหนือจากแนวทางที่ 1,2,3 ก็ได้ ที่หน่วยงานเห็นว่าเหมาะสม
หน้ า 10

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

2.4 ให้ รวบรวมแนวคิดการกาหนดขอบเขต KM จากข้ อ 2.3 แล้ วกรอกขอบเขต KM ที่สามารถรวบรวมได้
ทังหมดลงในแบบฟอร์ ม 1 โดยทุกขอบเขต KM ที่กาหนดต้ องสนับสนุนกับประเด็นยุทธศาสตร์ ของระดับ
้
หน่วยงานตนเอง และประเด็นยุทธศาสตร์ นนควรจะต้ องได้ ดาเนินการมาระดับหนึงแล้ ว (ถ้ ามี)
ั้
่
แบบฟอร์ ม 1 ขอบเขต KM (KM Focus Areas) ของหน่ วยงาน ………………....................
ประโยชน์ที่จะได้ รับจากขอบเขต KM ที่มีตอ
่
ขอบเขต KM ที่
(KM Focus Areas)

ประชาชนไทย /
ข้ าราชการ ของ
ชาวต่างชาติ/
หน่วยงานตนเอง
ชุมชน
1. ………………………………… 1. ………
1………………
2.1 …………..
2. …………………………………
2.1 …...………
2.2 …………..
3.1 ………..…
3. ………………………………… 3.1…………..
3.2 …………
4. ………………………………… 4.1 …..………

4.1 ……..……

Outsource
รัฐบาล
ของ
หน่วยงาน
1.……………... 1.…………. 1.………….
2.1……..
2.1 .…………
2.1……..
2.2 …….

กระทรวง กรม กอง
ของหน่วยงานอื่น

3.1 .…………

3.1……..

3.1……..

4.1 .…………
4.2 ………….

4.1……..

4.1……..

5.1 …….
5.2 …….
n. ………………………………… n. …………… n. …….……… n. ….………… n. ……...
n. ……...
ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ………………………………………………. ( CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด )
ั
5. ………………………………… 5.1 …..………

5.1 ……..……

5.1 …………… 5.1 …….

เมื่อกรอกแบบฟอร์ มที่ 1 ครบถ้ วนแล้ ว ให้ ทาการคัดเลือกขอบเขต KM ตามแบบฟอร์ ม 2 เพื่อนาไปกาหนด
เปาหมาย KM ต่อไป
้
2.5. แนวทางการตัดสินใจเลือกขอบเขต KM -ให้ องค์กรพิจารณาเกณฑ์การคัดเลือกขอบเขต KM ตามที่ให้ ไว้
เป็ นแนวทาง เพื่อใช้ กรอกลงในแบบฟอร์ ม 2 พร้ อมให้ คะแนนตามเกณฑ์ที่องค์กรต้ องการ คือ
- สอดคล้ องกับทิศทางและประเด็นยุทธศาสตร์ ในระดับของหน่วยงานตนเอง
- ทาให้ เกิดการปรับปรุงที่เห็นได้ ชดเจน (เป็ นรูปธรรม)
ั
- มีโอกาสทาได้ สาเร็จสูง (โดยพิจารณาจากความพร้ อมด้ านคน งบประมาณ เทคโนโลยี วัฒนธรรมองค์กร
ระยะเวลาดาเนินงาน ฯลฯ )
- เป็ นเรื่ องที่ต้องทา คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้ องการ
- ผู้บริหารให้ การสนับสนุน
- เป็ นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน
- อื่นๆ สามารถเพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสมขององค์กร
หน้ า 11

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 2 การตัดสินใจเลือกขอบเขต KM ของหน่ วยงาน …………………………..
เกณฑ์ การกาหนดขอบเขต KM

ขอบเขต KM
ที่ ….

ขอบเขต KM
ที่ ...

….......

ขอบเขต KM
ที่ ...

1.สอดคล้ องกับทิศทางและยุทธศาสตร์
2.ปรับปรุงแล้ วเห็นได้ ชดเจน (เป็ นรูปธรรม)
ั
3.มีโอกาสทาได้ สาเร็จสูง
4.ต้ องทา คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้ องการ
5.ผู้ บริหารให้ การสนับสนุน
6.เป็ นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน
7……………………………
8.<อื่นๆ เพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสม>
รวมคะแนน
หมายเหตุ : เกณฑ์การให้ คะแนน คือ มาก = 6, ปานกลาง = 3, น้ อย = 1
<เกณฑ์คะแนนสามารถปรับเปลียนตามความเหมาะสมได้ >
่
ผู้ทบทวน / ผู้อนุมัติ : ………………………………………………. ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด )

2.6 ผู้บริ หารระดับสูงสุดขององค์กร จะต้ องมีส่วนร่วมในการกาหนด ขอบเขต KM (KM Focus Area) และ
เปาหมาย KM (Desired State) เพื่อมันใจว่าสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ขององค์กรอย่างถูกต้ องและ
้
่
เหมาะสม รวมถึงความมุงมันที่จะบูรณาการการจัดการความรู้ให้ เกิดขึ ้นในการปฏิบติราชการขององค์กร ด้ วย
่ ่
ั
การสนับสนุนทรัพยากรที่จาเป็ นในทุกด้ าน
2.7 ให้ กาหนดรายชื่อผู้มีส่วนร่วมกับผู้บริ หารระดับสูงในการตัดสินใจเลือกขอบเขต KM (KM Focus Area)
ตามแบบฟอร์ ม 2 และเปาหมาย KM (Desired State) ตามแบบฟอร์ ม 3 โดยให้ ระบุถึงชื่อ-นามสกุล, ตาแหน่ง
้
งาน และหน่วยงานที่สงกัดอยูตามผังองค์กรปั จจุบน ของผู้มีสวนร่วมทุกท่าน
ั
่
ั
่
หน้ า 12

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

บทที่ 3 : การกาหนดเปาหมาย KM (Desired State)
้
3.1. เปาหมาย KM (Desired State) เป็ นหัวเรื่ องความรู้ที่จาเป็ นและเกี่ยวข้ องกับประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผน
้
บริ หารราชการแผ่นดิน โดยสอดคล้ องกับขอบเขต KM (KM Focus Areas) ที่ได้ เลือกมาจัดทา และต้ อง
สามารถวัดผลได้ เป็ นรูปธรรม

1

พันธกิจ/วิสัยทัศน์
ประเด็นยุทธศาสตร์

3

ความรู้ ท่ สาคัญต่ อองค์ กร
ี

• ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า

กลยุทธ์

(Work process) กระบวนงาน

(ขอบเขต KM)

2

KM Focus Areas

ปั ญหา

• ความสัมพันธ์ กับผู้มีส่วนได้ เสียต่ างๆ
• ประสบการณ์ ความรู้ท่ีองค์ กรสั่งสม
• ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการ
• ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ
บริการ

• ความรู้ท่มีอยู่ในบุคลากร
ี

(เปาหมาย KM) Desired State of KM•Focus Areas
้
ฯลฯ
KM Action Plans

(แผนการจัดการความรู้ ) ( 6-step model)

การเรี ยนรู้
(Learning)

การวัดผล
(Measurements)

การยกย่ องชมเชย
และการให้ รางวัล
(Recognition and Reward)

เปาหมาย
้
(Desired State)

World-Class KM
Environment

กระบวนการ
และเครื่ องมือ
(Process Tools)

การสื่อสาร
(Communication)

การเตรี ยมการและ
ปรั บเปลี่ยนพฤติกรรม
(Transition and Behavior
Management)

3.2. จากขอบเขต KM (KM Focus Areas) ที่กาหนดไว้ ทงหมดใน แบบฟอร์ ม 1 ให้ นาขอบเขต KM เดียวกันที่
ั้
ได้ คะแนนสูงสุด ตามแบบฟอร์ ม 2 มาใช้ กาหนดเปาหมาย KM (Desired State) โดยกรอกตามแบบฟอร์ ม 3
้
โดยพิจารณาดังนี ้
- ระดับสานักงานปลัด/ กรม/ จังหวัด ให้ มีอย่างน้ อย 3 เปาหมาย KM โดยต้ องมาจากขอบเขต KM
้
เดียวกันที่ได้ คะแนนสูงสุด และจากนันให้ เลือกมาเพียง 1 เปาหมาย KM ที่องค์กรต้ องการเลือกทา มาจัดทา
้
้
แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
- ในการส่งเอกสารให้ สานักงาน กพร. ขอให้ แสดงอย่างน้ อย 3 เปาหมาย KM จาก ขอบเขต KM เดียวกันที่
้
ได้ คะแนนสูงสุด และ 1 เปาหมาย KM ที่องค์กรต้ องการเลือกทา เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผน
้
บริหารราชการแผ่นดิน
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 13

แบบฟอร์ ม 3 เปาหมาย KM (Desired State) ของหน่ วยงาน …………………………..
้
ขอบเขต KM (KM Focus Area) คือ ………………………...………...…………………………….…
เปาหมาย KM (Desired State)
้
เปาหมาย KM ที่ ....…….………………………………..…….
้
เปาหมาย KM ที่ ….......….………..………………………….
้
...…………………..…………………………………………….

หน่ วยที่วัดผลได้ เป็ นรู ปธรรม
…………………………………
…………………………………
…………………………………

เปาหมาย KM ที่องค์ กรต้ องการทาคือ เปาหมาย KM ที่ xx
้
้
…………………………………
……….………………………………………………………….
ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : …………………………………… ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด )
ั
เพื่อให้ หวข้ อขอบเขต KM (KM Focus Area) และ เปาหมาย KM (Desired State) ที่เลือกทา สอดคล้ องกับ
ั
้
ประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผนบริหารราชการแผ่นดิน จึงให้ องค์กรทวนสอบความถูกต้ องและเหมาะสมของหัวข้ อ
ที่เลือกทา ด้ วยแบบฟอร์ ม 4 ดังนี ้
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 14

แบบฟอร์ ม 4 Check List ทวนสอบการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM (Desired State)
้
ชื่อหน่วนงาน : ……………………………………………………………………………..…วันที่ :……/………/………
เปาหมาย KM (Desired State) : …………………………………………………………………………………………
้
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรมตามเปาหมาย KM : …………………………………………………………………………
ั
้
ลาดับ
รายการ Check List
ระบุรายละเอียด
1.
1.1
1.2
1.3
1.4
1.5
1.6
2.
2.1
2.2
2.3
2.4
2.5
2.6
3.
3.1
3.2
3.3
3.4
3.5
3.6
4.
4.1
4.2
4.3
4.4
4.5
4.6

กระบวนงาน (Work Process) ที่เกี่ยวข้ อง
กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM
้
ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM
้
้
กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ องกับ
้
ประเด็นยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย
ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และสอด คล้ องกับประเด็น
้
้
ยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย
คิดเป็ นจานวน กระบวนงานและขันตอน เท่าไร
้
อะไรคือตัวชี ้วัดของกระบวนงาน ที่เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ
้
สอดคล้ องกับประเด็นยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย
กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายในองค์ กร
หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายนอกองค์ กร (ผู้ ใช้ บริการ / Outsource)
องค์กรไหน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
องค์กรไหน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
ความรู้ท่จาเป็ น (EK/ TK) ในกระบวนงาน (Work Process)
ี
มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้
ทันสมัยกับกาลเวลา (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
้
มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย (ระบุมา
ั
้
ทังหมดเท่าที่ทาได้ )
้
มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้
ทันสมัยกับกาลเวลา และอยูกบใครบ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
่ั
้
มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย และอยูกบ
ั
้
่ั
ใครบ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
้
จากข้ อ 4.01, 4.02 ความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี
จากข้ อ 4.03, 4.04 ความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 15

บทที่ 4 : การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
4.1 แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) เป็ นแผนงานที่แสดงถึงรายละเอียดการดาเนินงานของกิจกรรม
ต่างๆ เพื่อให้ องค์กรบรรลุผลตามเปาหมาย KM (Desired State) ที่กาหนด
้
4.2 จากการทวนสอบความถูกต้ องและเหมาะสมของขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM
้
(Desired State) ตามแบบฟอร์ ม 4 ให้ องค์กรนาหัวข้ อเปาหมาย KM ที่องค์กรต้ องการทาคือ เปาหมาย KM ที่
้
้
xx จากแบบฟอร์ ม 3 1 เปาหมาย KM (Desired State) มาจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action
้
Plan) ประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยการจัดทาแผนจะขึ ้นอยู่กบความพร้ อมขององค์กรที่ทาให้ เปาหมาย
ั
้
KM บรรลุผลสาเร็จ
4.3 การเริ่ มต้ นจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) องค์กรควรจัดทาการประเมินองค์กรตนเอง
เรื่ องการจัดการความรู้ เพื่อให้ ทราบถึงความพร้ อม (จุดอ่อน-จุดแข็ง/โอกาส-อุปสรรค) ในเรื่ องการจัดการ
ความรู้ และนาผลของการประเมินนี ้ ใช้ เป็ นข้ อมูลส่วนหนึ่งในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action
Plan) ให้ สอดรับกับเปาหมาย KM (Desired State) ที่เลือกไว้
้
โดยองค์กรสามารถเลือกวิธีการประเมินองค์ กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ที่เหมาะสมกับองค์กร ได้
ดังนี ้
4.3.1 ใช้ วิธี การประเมิ นองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ด้ วย KMAT (The Knowledge
Management Assessment Tool : KMAT) ตามแบบฟอร์ ม 5-9
4.3.2 ใช้ วิธีอื่นๆ ในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ เช่น แบบสอบถาม, รายงาน
การวิเคราะห์องค์กร เป็ นต้ น แล้ วสรุปลงในแบบฟอร์ ม 10
(ข้อ 4.3.2 นี ใช้สำหรับบำงองค์ กรที ่อำจมี กำรประเมิ นองค์ กรตนเองเรื ่ องกำรจัดกำรควำมรู้ มำแล้ว หรื อมี
้
วิ ธีกำรประเมิ นองค์กรตนเองเรื ่องกำรจัดกำรควำมรู้เป็ นแบบอื น โดยไม่ใช้ข้อ 4.3.1)
่
4.3.1 KMAT (The Knowledge Management Assessment Tool : KMAT) เป็ นเครื่ องมือชนิดหนึ่งที่ใช้
ในการประเมินองค์กรตนเองในเรื่ องการจัดการความรู้ และให้ ข้อมูลกับองค์กรว่ามีจุดอ่อน-จุดแข็ง /โอกาสอุปสรรค ในการจัดการความรู้เรื่ องใดบ้ าง โดยเครื่ องมือนี ้แบ่งเป็ น 5 หมวด ตามแบบฟอร์ มที่ 5-9 ดังนี ้
หมวด 1. กระบวนการจัดการความรู้ (แบบฟอร์ ม 5), หมวด 2. ภาวะผู้นา (แบบฟอร์ ม 6), หมวด 3.
วัฒนธรรมในเรื่ องการจัดการความรู้ (แบบฟอร์ ม 7), หมวด 4. เทคโนโลยีการจัดการความรู้ (แบบฟอร์ ม 8),
หมวด 5. การวัดผลการจัดการความรู้ (แบบฟอร์ ม 9)
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 16

4.3.2 การประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ โดยวิธีอื่นๆ เช่น แบบสอบถาม, รายงานการวิเคราะห์
องค์กร หรื ออื่นๆ ตามความเหมาะสม
- การประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้นน องค์กรสามารถเลือกวิธีใดๆ ก็ได้ ที่องค์กรมีความ
ั้
เข้ าใจ หรื อถ้ าองค์กรได้ มีการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้มาบ้ างแล้ วก็สามารถใช้ วิธีนนๆได้ (ซึง
ั้
่
ไม่ใช่วิธีการในข้ อ 4.3.1) และเมื่อประเมินแล้ วให้ นาผลสรุปที่ได้ บนทึกลงในแบบฟอร์ ม 10
ั
4.4 การประเมินองค์กรตนเองดังกล่าว ให้ เป็ นการระดมสมองกันภายในองค์กรตนเอง โดยอย่างน้ อยจะต้ อง
เป็ นบุคลากรที่เกี่ยวข้ องโดยตรงกับขอบเขต KMและเปาหมาย KM (KM Focus Area และ Desired State) ที่
้
เลือกไว้
4.5 ผลลัพธ์ ที่ได้ จากการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ตามแบบฟอร์ ม 5-9 หรื อ 10 จะต้ อง
เป็ นข้ อมูลที่เกี่ยวข้ องอย่างชัดเจนกับขอบเขตและเปาหมาย KM ที่เลือกขึ ้นมาจัดทา เพื่อที่จะสามารถจัดทา
้
แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) มาสอดรับกับผลลัพธ์ที่ได้ จากการประเมิน และส่งผลให้ เปาหมาย
้
KM บรรลุผลสาเร็จได้ ตามแผน
4.6
ผู้รับผิดชอบในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ อย่างน้ อยจะต้ องเป็ นบุคลากรที่
เกี่ยวข้ องโดยตรงกับ ขอบเขตและเปาหมาย KM (KM Focus Area และ Desired State) ที่เลือกขึ ้นมาจัดทา
้
4.7 ผู้บริ หารระดับสูงสุดขององค์กร จะต้ องมีส่วนร่วมในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้
เพื่อให้ มนใจว่าสอดคล้ องอย่างถูกต้ องและเหมาะสมกับขอบเขตและเปาหมาย KM ที่เลือกขึ ้นมาจัดทา
ั่
้
4.8
ให้ กาหนดรายชื่อผู้มีส่วนร่วมกับผู้บริ หารระดับสูง ที่ร่วมในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการ
ความรู้ โดยให้ ระบุถึง ชื่อ -นามสกุล, ตาแหน่งงาน และหน่วยงานที่สงกัดอยู่ตามผังองค์กรปั จจุบน ของผู้มี
ั
ั
ส่วนร่วมทุกท่าน
หน้ า 17

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

การประเมินองค์กรตนเองในเรื่ องการจัดการความรู้ ด้ วย KMAT ใช้ แบบฟอร์ มที่ 5-9 ดังนี ้
แบบฟอร์ ม 5 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 1 - กระบวนการจัดการความรู้
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 1 กระบวนการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

1.1.องค์กรมีการวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบ เพื่อหาจุดแข็งจุดอ่อนในเรื่ องการจัดการความรู้ เพื่อ
ปรับปรุ งในเรื่ องความรู้ เช่นองค์กรยังขาดความรู้ ที่จาเป็ นต้ องมี หรื อองค์กรไม่ได้ รวบรวม
ความรู้ ที่มีอยู่ให้ เป็ นระบบ เพื่อให้ ง่ายต่อการนาไปใช้ ไม่ทราบว่าคนไหนเก่งเรื่ องอะไร ฯลฯ และ
มีวธีการที่ชดเจนในการแก้ ไข ปรับปรุ ง
ิ
ั
1.2.องค์กรมีการแสวงหาข้ อมูล/ความรู้ จากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากองค์กรที่มีการ
ให้ บริ การคล้ ายคลึงกัน (ถ้ ามี) อย่างเป็ นระบบและมีจริ ยธรรม
1.3
ทุกคนในองค์กร มี ส่วนร่ วมในการแสวงหาความคิดใหม่ ๆ
ระดับเทีย บเคีย ง
(Benchmarks) และ Best Practices จากองค์กรอื่นๆ ที่มีลกษณะคล้ ายคลึงกัน (บริ การหรื อ
ั
ดาเนินงานที่คล้ ายคลึงกัน ) และจากองค์กรอื่น ๆ ที่มีลกษณะแตกต่างกันโดยสิ ้นเชิง
ั
1.4 องค์กรมีการถ่ายทอด Best Practices อย่างเป็ นระบบ ซึงรวมถึงการเขียน Best
่
Practices ออกมาเป็ นเอกสาร และการจัดทาข้ อสรุ ปบทเรี ยนที่ได้ รับ (Lessons Learned)
1.5 องค์กรเห็นคุณค่า “Tacit Knowledge” หรื อ ความรู้ และทักษะ ที่อยู่ในตัวบุคลากร ซึงเกิด
่
จากประสบการณ์และการเรี ยนรู้ ของแต่ละคน และให้ มีการถ่ายทอดความรู้ และทักษะนัน ๆ ทัว
้
่
ทังองค์กร
้

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
แบบฟอร์ ม 6 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 2 - ภาวะผู้นา
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 2 ภาวะผู้นา

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

2.1 ผู้บริ หารกาหนดให้ การจัดการความรู้ เป็ นกลยุทธ์ที่สาคัญในองค์กร
2.2 ผู้บริ หารตระหนักว่า ความรู้ เป็ นสินทรัพย์ (Knowledge Asset) ที่สามารถนาไปใช้ ให้ เกิด
ประโยชน์กบองค์กรได้ และมีการจัดทากลยุทธ์ที่ชดเจน เพื่อนาสินทรัพย์ความรู้ ที่มีอยู่ไปใช้
ั
ั
ประโยชน์ (เช่น ทางานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากขึ ้น ให้ บริ การได้ รวดเร็ วและตรง
ตามความต้ องการ สร้ างความพึงพอใจให้ ผ้ ใช้ บริ การ เป็ นต้ น)
ู
2.3 องค์กรเน้ นเรื่ องการเรี ยนรู้ ของบุคลากร เพื่อส่งเสริ ม Core Competencies เดิมที่มีอยู่ให้
แข็งแกร่ งขึ ้น และพัฒนา Core Competencies ใหม่ๆ (Core Competencies หมายถึง ความ
เก่งหรื อความสามารถเฉพาะทางขององค์กร)
2.4 การมีส่วนร่ วมในการสร้ างองค์ความรู้ ขององค์กร เป็ นส่วนหนึ่งของเกณฑ์ที่องค์กรใช้
ประกอบในการพิจารณาในการ ประเมินผล และให้ ผลตอบแทนบุคลากร

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 18

แบบฟอร์ ม 7 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 3 - วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 3 วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

3.1 องค์กรส่งเสริ มและให้ การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ ของบุคลากร
3.2 พนักงานในองค์กรทางาน โดยเปิ ดเผยข้ อมูลและมีความไว้ เนื ้อเชื่อใจกันและกัน
3.3 องค์กรตระหนักว่า วัตถุประสงค์หลักของการจัดการความรู้ คือ การสร้ าง หรื อเพิ่มพูน
คุณค่าให้ แก่ผ้ ใช้ บริ การและหน่วยงานที่เกี่ยวข้ อง
ู
3.4 องค์กรส่งเสริ มให้ บุคลากร เกิดการเรี ยนรู้ โดยการให้ อิสระในการคิด และการทางาน
รวมทังกระตุ้นให้ พนักงานสร้ างสรรสิ่งใหม่ ๆ
้
3.5 ทุกคนในองค์กรถือว่าการเรี ยนรู้ เป็ นหน้ าที่และความรับผิดชอบของทุกคน

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
แบบฟอร์ ม 8 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 4 - เทคโนโลยีการจัดการความรู้
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 4 – เทคโนโลยีการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

4.1.เทคโนโลยี ที่ใช้ ช่วยให้ ทุกคนในองค์กรสื่ อ สารและเชื่ อ มโยงกันได้ อ ย่างทั่วถึงทังภายใน
้
องค์กรและกับองค์กรภายนอก
4.2.เทคโนโลยีที่ใช้ ก่อให้ เกิดคลังความรู้ ขององค์กร ( An Institutional Memory ) ที่ทกคนใน
ุ
องค์กรสามารถเข้ าถึงได้
4.3 เทคโนโลยีที่ใช้ ทาให้ บุคลากรในองค์กรเข้ าใจและใกล้ ชิดผู้มาใช้ บริ การมากขึ ้น เช่น ความ
ต้ องการและความคาดหวัง พฤติกรรมและความคิด เป็ นต้ น
4.4 องค์กรพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเน้ นความต้ องการของผู้ใช้
4.5 องค์ ก รกระตื อ รื อ ร้ นที่ จ ะน าเทคโนโลยี ที่ ช่ ว ยให้ พ นัก งานสื่ อ สารเชื่ อ มโยงกัน และ
ประสานงานกันได้ ดีขึ ้น มาใช้ ในองค์กร
4.6 ระบบสารสนเทศขององค์กรชาญฉลาด (Smart) ให้ ข้อมูลได้ ทนทีที่เกิดขึ ้นจริ ง (Real
ั
Time) และข้ อมูลสารสนเทศในระบบมีความเชื่อมโยงกัน

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 19

แบบฟอร์ ม 9 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 5 - การวัดผลการจัดการความรู้
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 5 การวัดผลการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

5.1 องค์กรมีวธีการที่สามารถเชื่อมโยง การจัดการความรู้ กบผลการดาเนินการที่สาคัญของ
ิ
ั
องค์กร เช่น ผลลัพธ์ในด้ านผู้ใช้ บริ การ ด้ านการพัฒนาองค์กร ฯลฯ
5.2 องค์กรมีการกาหนดตัวชี ้วัดของการจัดการความรู้ โดยเฉพาะ
5.3 จากตัวชี ้วัดในข้ อ 5.2 องค์กรสร้ างความสมดุลย์ระหว่างตัวชี ้วัดที่สามารถตีค่าเป็ นตัวเงิน
ได้ ง่าย (เช่น ต้ นทุนที่ลดได้ ฯลฯ) กับตัวชี ้วัดที่ตีค่าเป็ นตัวเงินได้ ยาก ( เช่น ความพึงพอใจของผู้
มาใช้ บริ การ การตอบสนองผู้ใช้ บริ การได้ เร็ วขึ ้น การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ )
5.4 องค์กรมีการจัดสรรทรัพยากรให้ กบกิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนสาคัญที่ทาให้ ฐานความรู้ ของ
ั
องค์กรเพิ่มพูนขึ ้น

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั

ถ้ าใช้ วิธีอ่ ืนๆ ในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ (เป็ นวิธีอื่นๆที่องค์กรมีความเข้ าใจ หรื อได้ มี
การจัดทามาแล้ ว) และเมื่อประเมินแล้ วให้ ระบุรายละเอียดลงในแบบฟอร์ ม 10 ดังนี ้
แบบฟอร์ มที่ 10 รายงานผลการประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ (กรณีใช้วิธีอืนๆ)
่
ชื่อหน่วยงาน…………………………………………………………………………………………………..
วันที่ประเมิน ……………………………………………………………………………………………………หน้ าที่…/…
หัวข้ อที่ประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้
ผลการประเมิน (สิงที่มีอยู/่ ทาอยู)
่
่

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 20

4.9 จากแบบฟอร์ ม 5-9 หรื อ 10 ให้ นาข้ อมูลที่ได้ จากการประเมินองค์กรตนเอง มาใช้ ในการกาหนดกิจกรรม
และรายละเอียดต่างๆ ในแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)ในแบบฟอร์ ม 11 และ 12
4.10 เพื่อให้ การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) มีประสิทธิผลมากขึ ้น ให้ องค์กรประเมิน
ปั จจัยแห่ งความสาเร็จ (Key Success Factor) สาหรับการวางระบบการจัดการความรู้ และการนาระบบไป
ปฏิบติ แล้ วให้ องค์กรระบุ มา 5 ปั จจัยหลัก เพื่อใช้ เป็ นบรรทัดฐานการจัดทาแผนการจัดการความรู้ ( KM
ั
Action Plan) ให้ สามารถนาระบบไปปฏิบตได้ อย่างเป็ นรูปธรรมภายในหน่วยงาน
ัิ
4.11 การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ควรจะพิจารณาการเชื่อมโยงกับข้ อเสนอการ
เปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์ ที่ได้ ปฏิบติตามข้ อเสนอไปแล้ ว หรื อที่อยู่ในช่วง
ั
กาลังปฏิบติ ซึงองค์กรได้ คดเลือกไว้ ในแผนปี งบประมาณ พ.ศ. 2548 เช่น
ั ่
ั
4.11.1 KM Team ต้ องประกอบด้ วยใคร ตาแหน่ง งานใด หน่วยงานใด เพื่ อมาช่วยใน การทาตาม
เปาหมาย KM ที่เลือกไว้ ก็ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้ อเรื่ อง การจัดแบ่งงานและหน้ าที่ เพื่อให้ เป็ นหน่วยงาน
้
หนึงของแผนผังโดยรวมขององค์กร
่
4.11.2 ถ้ าเรื่ องใดต้ องได้ รับความรู้จากการฝึ กอบรม ก็ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้ อ บุคลากร
4.11.3 ถ้ าเรื่ องใดต้ องการใช้ เทคโนโลยี เช่น ด้ าน IT ก็ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้ อเทคโนโลยี
4.12 การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ควรจะกาหนดวันเวลาเพิ่มเติมในเรื่ องต่อไปนี ้ไว้
ด้ วย
4.12.1 วันเวลาที่ผ้ บริ หารระดับสูงสุด, CKO และทีมงาน KM ประชุมทบทวนร่วมกันเป็ นช่วงระยะเวลาตาม
ู
ความเหมาะสมภายในปี งบประมาณ พ.ศ. 2549
4.12.2 วันเวลานัดที่ปรึกษาเข้ าติดตามผลการดาเนินงานตาม KM Action Plan โดย
ส่วนราชการและจังหวัด จะต้ องจัดเตรี ยมเนื ้อหาเพื่อไว้ นาเสนอที่ปรึ กษาถึงความคืบหน้ าของผลงาน
เป็ นระยะตามความเหมาะสมภายใน ปี งบประมาณ พ.ศ. 2549
หน้ า 21

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม สาหรั บใช้ จัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
 จากแบบฟอร์ ม 5-9 หรื อ 10 ให้ นาข้ อมูลที่ได้ จากการประเมินองค์กรตนเอง และการกาหนดปั จจัยแห่ง
ความสาเร็ จ (Key Success Factor) มาใช้ ในการกาหนดกิจกรรมและรายละเอียดต่างๆ ในแผนการ
จัดการความรู้ (KM Action Plan)ในแบบฟอร์ ม 10 และ 11 ตามลาดับ
 แบบฟอร์ ม 11 เป็ นแผนการจัดการความรู้ ในส่วนของการกาหนดกระบวนการจัดการความรู้ (KM
Process) เพื่อให้ การจัดทาการจัดการความรู้ขององค์กรดาเนินไปอย่างมีระบบ
 แบบฟอร์ ม 12 เป็ นแผนการจัดการความรู้ ในส่วนของการกาหนดปั จจัยแวดล้ อมภายในองค์กร ที่จะทา
ให้ การจัดการความรู้ เกิดขึนได้ และมีความยังยืน โดยใช้ กระบวนการบริ หารจัดการการเปลี่ยนแปลง
้
่
(Change Management Process) เพื่อให้ กระบวนการจัดการความรู้ มีชีวิตหมุนต่อไปได้ อย่าง
ต่อเนื่อง
แบบฟอร์ ม 11 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process)
ชื่อหน่วนงาน : …………………………………………………………………………………………………………….
เปาหมาย KM (Desired State) : …………………………………………………………………………………………
้
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ……………………………………………………………………………………………
ั
ลาดับ

กิจกรรม

1
2

การบ่งชี ้ความรู้
การสร้ างและ
แสวงหาความรู้
การจัดความรู้
ให้ เป็ นระบบ
การประมวล
และกลันกรอง
่
ความรู้
การเข้ าถึง
ความรู้
การแบ่งปั น
แลกเปลียน
่
ความรู้
การเรี ยนรู้

3
4

5
6

7

วิธีการสู่
ความสาเร็จ

ระยะเวลา

ตัวชี ้วัด

เปาหมาย
้

เครื่องมือ/
อุปกรณ์

งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ

ผู้ทบทวน/อนุมติ : นายกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 22

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 12 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง
(Change Management Process)
ชื่อหน่วนงาน : ………………………………………………………………………………………………………………
เปาหมาย KM (Desired State) : …………………………………………………………………………………………..
้
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ……………………………………………………………………………………………..
ั
ลาดับ

กิจกรรม

1

การเตรี ยมการ
และ
ปรับเปลียน
่
พฤติกรรม
การสือสาร
่
กระบวนการ
และเครื่ องมือ
การเรี ยนรู้
การวัดผล
การยกย่อง
ชมเชยและการ
ให้ รางวัล

2
3
4
5
6

วิธีการสู่
ความสาเร็จ

ระยะเวลา

ตัวชี ้วัด

เปาหมาย
้

เครื่องมือ/
อุปกรณ์

งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ

ผู้ทบทวน/อนุมติ : นายกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั

เมื่อจัดทาแผนการจัดการความรู้ (Km Action Plan) ตามแบบฟอร์ ม 11 -12 เรี ยบร้ อยแล้ ว ให้ องค์กรจัดทา
แบบฟอร์ ม 13 เพื่อสรุปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ ดังนี ้
แบบฟอร์ ม 13 สรุปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้
ชื่อหน่วนงาน………………………………………………………………………………………………………………
เปาหมาย KM (Desired State) :…………………………………………………………………………………………
้
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ……………………………………………………………………………………………
ั

ลาดับ กิจกรรมตามแผนการจัดการความรู้

งบประมาณ
(บาท)

ปี พ.ศ.2549

ปี พ.ศ. ……

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 23

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

บทที่ 5 : การกาหนดโครงสร้ างทีมงาน KM
โครงสร้ างทีมงาน KM

ประธาน
(CKO)

- ให้ การสนับสนุนในด้ านต่ างๆ เช่ น ทรั พยากร
- ให้ คาปรึกษาแนะนาและร่ วมประชุมเพื่อการตัดสินใจแก่ คณะทางาน

ที่ปรึกษา
หัวหน้ า

- จัดทาแผนงานการจัดการความรู้ในองค์ กรเพื่อนาเสนอประธาน
- รายงานผลการดาเนินงานและความคืบหน้ าต่ อประธาน
- ผลักดัน ติดตามความก้ าวหน้ าและประเมินผลเพื่อปรับปรุ งแก้ ไข
- ประสานงานกับคณะที่ปรึกษาและคณะทีมงาน

เลขานุการ
ทีมงาน

- ให้ คาปรึกษาเกี่ยวกับการดาเนินการ
และอุปสรรคต่ างๆที่เกิดขึนกับคณะทางาน
้

- นัดประชุมคณะทางานและทารายงานการประชุม
- รวบรวมรายงานความคืบหน้ าการดาเนินงาน
- ประสานงานกับคณะทีมงานและหัวหน้ า

- ดาเนินการตามแผนงานที่ได้ รับมอบหมาย
- จัดทารายงานความคืบหน้ าของงานในส่ วนที่รับผิดชอบ
- เป็ น “แบบอย่ างที่ดี” ในเรื่ องการจัดการความรู้
- เป็ น Master Trainer ด้ านการจัดการความรู้

1. การประกาศแต่งตังโครงสร้ างทีมงาน KM ขอให้ ระบุถึง ชื่อ-นามสกุล, ตาแหน่งงาน และหน่วยงานที่
้
สังกัดอยูตามผังองค์กรปั จจุบน พร้ อมด้ วยรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบของทุกตาแหน่ง
่
ั
2. ทีมงาน KM ที่ต้องดาเนินการตามเปาหมาย KM ที่เลือกไว้ ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้ อเรื่ อง การจัดแบ่งงาน
้
และหน้ าที่ ใน Blueprint for Changeเพื่อให้ เป็ นหน่วยงานหนึงของแผนผังโดยรวมขององค์กร
่
3. การพิจารณาโครงสร้ างทีมงาน KM เพื่อจะมีบคลากรที่ต้องเกี่ยวข้ องและ/หรื อ มีส่วนที่ต้องสนับสนุนต่อการ
ุ
ดาเนินการตามเปาหมาย KM ที่เลือกไว้ ให้ บรรลุผลสาเร็จตามแผนนัน มีกลุมบุคลากรที่ควรพิจารณาดังนี ้คือ
้
้
่
3.1. ผู้บริหารระดับสูงสุด จะต้ องมีสวนร่วมในการกาหนดโครงสร้ างทีมงาน KM
่
3.2. หน่วยงานเจ้ าของกระบวนงานตามเปาหมาย KM (Work Process Owner) ควรประกอบด้ วย ผู้บริ หาร
้
ระดับสูงของหน่วยงานนัน, ผู้รับผิดชอบกระบวนงานนัน
้
้
3.3. หน่วยข้ ามสายงาน (Cross Functional Unit) ที่ต้องเกี่ยวข้ อง และ/หรื อ มีส่วนที่ต้องสนับสนุนต่อการ
ดาเนินการตามเปาหมาย KM เช่น หน่วยงาน IT, ทรัพยากรบุคคล, สื่อสาร/ประชาสัมพันธ์ , หน่วยพิจารณา
้
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 24

ภาพรวมค่าใช้ จายขององค์กร ฯลฯ ควรประกอบด้ วย ผู้บริ หารระดับสูงของหน่วยงานนัน, ตัวแทนผู้รับผิดชอบ
่
้
หน่วยงาน
3.4. หน่วยงาน /บุคคลอื่นๆ ที่เหมาะสม และผู้บริ หารระดับสูงสุดต้ องการมอบหมาย
4. กรณี ที่การจัดการความรู้ ขององค์กร มีความจาเป็ นและสามารถจะจัดสรรงบประมาณได้ เพื่ อจะนา
เทคโนโลยีด้าน IT มาใช้ ควรจะมีหน่วยงาน IT เข้ าร่วมทีมงาน KM ด้ วย
หน้ า 25

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

ภาคผนวก ก
ภาคผนวก ก : ( กาหนดการ และ เอกสารที่ต้องส่ งมอบให้ สานักงาน กพร. )
กาหนดการส่งมอบงาน การพัฒนาการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ของส่วนราชการ
ปี งบประมาณ พ.ศ. 2549
1. ตามตัวชี ้วัดที่ 13.1 ระยะเวลาของการส่งมอบแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์
+ ต้ องส่งมอบงาน ตามเกณฑ์การให้ คะแนน ของกรอบการประเมินผล มิติที่ 4
2. ตามตัวชี ้วัดที่ 13.2 ระดับคุณภาพของแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ และกรณีที่
ต้ องปรับหรื อแก้ ไขตามข้ อเสนอแนะของที่ปรึกษา
+ ต้ องส่งมอบงาน ภายในวันที่ตามกรอบการประเมินผล มิตที่ 4
ิ
3. ตามตัวชี ้วัดที่ 13.3 ร้ อยละความสาเร็จของการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็น
ยุทธศาสตร์ ประจาปี งบประมาณ พ.ศ.2549
+ ต้ องส่งมอบงาน ตามแผนการจัดการความรู้ของส่วนราชการที่นาเสนอไว้
หมายเหตุ ให้ อ้างอิงตามเอกสารกรอบการประเมินผลการปฏิบตราชการ ประจาปี งบประมาณ 2549
ัิ
กาหนดการส่ งมอบงาน การพัฒนาการจัดการความรู้ เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ของจังหวัด
ปี งบประมาณ พ.ศ. 2549
1. ตามตัวชี ้วัดที่ 11.1 ระยะเวลาของการส่งมอบแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์
+ ต้ องส่งมอบงาน ตามเกณฑ์การให้ คะแนน ของกรอบการประเมินผล มิติที่ 4
2. ตามตัวชี ้วัดที่ 11.2 ระดับคุณภาพของแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ และกรณีที่
ต้ องปรับหรื อแก้ ไขตามข้ อเสนอแนะของที่ปรึกษา
+ ต้ องส่งมอบงาน ภายในวันที่ตามกรอบการประเมินผล มิตที่ 4
ิ
3. ตามตัวชี ้วัดที่ 11.3 ร้ อยละความสาเร็จของการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็น
ยุทธศาสตร์ ประจาปี งบประมาณ พ.ศ.2549
+ ต้ องส่งมอบงาน ตามแผนการจัดการความรู้ของจังหวัดที่นาเสนอไว้
หมายเหตุ ให้ อ้างอิงตามเอกสารกรอบการประเมินผลการปฏิบตราชการ ประจาปี งบประมาณ 2549
ัิ
รายการเอกสารที่ต้องส่ งมอบให้ สานักงาน กพร.
1. ประกาศแต่งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer) พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความ
้
รับผิดชอบ
2. แบบฟอร์ ม 1 ขอบเขต KM (KM Focus Area)
3. แบบฟอร์ ม 2 การตัดสินใจเลือกขอบเขต KM (KM Focus Area)
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 26

4. แบบฟอร์ ม 3 เปาหมาย KM (Desired State)
้
5. แบบฟอร์ ม 4 Check List ทวนสอบการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM
้
(Desired State)
6. แบบฟอร์ ม 5 – 9 แบบประเมินตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ หมวด 1 – หมวด 5
7. แบบฟอร์ ม 10 : รายงานผลการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ (กรณีวิธีอื่นๆ)
8. แบบฟอร์ ม 11-12 : แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
9. แบบฟอร์ ม 13 : สรุปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้
10. รายชื่อผู้มีส่วนร่ วมตัดสินใจเลือกขอบเขต KM เปาหมาย KM และการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการ
้
จัดการความรู้
11.ข้ อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์ ที่องค์กรได้ คดเลือกไว้ ในแผนปี
ั
2548 เฉพาะส่วนที่ได้ นามาจัดการความรู้ เพื่อใช้ ประกอบการพิจารณา (กรณีที่เลือกทา KM จาก Blueprint ปี
2548)
หมายเหตุ เอกสารตามข้ อ 1 ถึง 9 ต้ องมีผ้ บริ หารระดับสูงสุด และ CKO ลงนามรับรองโดยต้ องส่งตรงตาม
ู
กาหนดการส่งมอบงาน และได้ กรอกรายละเอียดของเอกสารทังหมดครบถ้ วน สามารถนาไปปฏิบติได้ จริ ง
้
ั
ก่ อนจัดส่ ง ให้ สานักงาน กพร.
หน้ า 27

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

ภาคผนวก ข - แบบฟอร์ ม

คำรับรอง
กำรปฏิบัติรำชกำร
ประจำปี งบประมำณ พ.ศ. 2549
ด้ ำนกำรพัฒนำกำรจัดกำรควำมรู้ในองค์ กร
ตำมยุทธศำสตร์ ………………………….
จัดทำโดย
กรม/ จังหวัด ……………….
งหวั
วันที่ …. / ….. / ……

สารบัญ
1. บทสรุปผู้บริหาร
- ประกาศแต่งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer)
้
พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบ
2. ขอบเขต KM (KM Focus Area)
3. เปาหมาย KM (Desired State)
้
4. การประเมินตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ และสรุปผลการประเมินตนเอง
5. ปั จจัยแห่งความสาเร็จ (Key Success Factor)
6. แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
7. งบประมาณการดาเนินงานการจัดการความรู้
ภาคผนวก : ข้ อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์
ที่องค์กรได้ คดเลือกไว้ ในแผนปี 2548
ั

หน้ า
…..
…..
….
….
….
….
….
….
….
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 28

1. บทสรุ ปผู้บริหาร
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

1.1 ประกาศแต่ งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer)
้
พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบ
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 29

1.2 ขอบเขต KM (KM Focus Area)
 ขอบเขต KM (KM Focus Area) ที่สนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ทงหมดประกอบด้ วย
ั้
1. …………………………………………………………………………..
2. …………………………………………………………………………..
3…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
 ขอบเขต KM (KM Focus Area) ที่จะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ.
2549 (ได้ คะแนนสูงสุด) คือ ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….

1.3 เปาหมาย KM (Desired State)
้
 เปาหมาย KM (Desired State) ทังหมด ที่สอดรับกับขอบเขต KM ที่จะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จ
้
้
ภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 ประกอบด้ วย
1. …………………………………………………………………………..
2. …………………………………………………………………………..
3…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
 เปาหมาย KM (Desired State) เพียงเปาหมายเดียว ที่ทีมงานจะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จภายใน
้
้
งบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 คือ ……………..………………..
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
หน้ า 30

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

1.4 ปั จจัยแห่ งความสาเร็จ (Key Success Factor)
ปั จจัยแห่งความสาเร็จ (Key Success Factor) เพื่อให้ ดาเนินการจัดการความรู้ตามเปาหมาย KM
้
ที่เลือกทา สามารถนาไปปฏิบตได้ อย่างเป็ นรูปธรรมภายในองค์กร คือ
ัิ
1. …………………………………………………………………………..
2. …………………………………………………………………………..
3…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………

แบบฟอร์ ม 1 ขอบเขต KM (KM Focus Areas) ของหน่ วยงาน ………………....................
ประโยชน์ที่จะได้ รับจากขอบเขต KM ที่มีตอ
่
ขอบเขต KM ที่
(KM Focus Areas)

ประชาชนไทย /
ข้ าราชการ ของ
ชาวต่างชาติ/
หน่วยงานตนเอง
ชุมชน
1. ………………………………… 1……………… 1………………
2.1 …………..
2. …………………………………
2.1 …...………
2.2 …………..
3.1 ………..…
3. ………………………………… 3.1…………..
3.2 …………
4. ………………………………… 4.1 …..………

4.1 ……..……

Outsource
รัฐบาล
ของ
หน่วยงาน
1.……………... 1.…………. 1.………….
2.1……..
2.1 .…………
2.1……..
2.2 …….

กระทรวง กรม กอง
ของหน่วยงานอื่น

3.1 .…………

3.1……..

3.1……..

4.1 .…………
4.2 ………….

4.1……..

4.1……..

5.1 …….
5.2 …….
n. ………………………………… n. …………… n. …….……… n. ….………… n. ……...
n. ……...
ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ………………………………………………. ( CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด )
ั
5. ………………………………… 5.1 …..………

5.1 ……..……

5.1 …………… 5.1 …….
หน้ า 31

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 2 การตัดสินใจเลือกขอบเขต KM ของหน่ วยงาน …………………………..
เกณฑ์ การกาหนดขอบเขต KM

ขอบเขต KM
ที่ ….

ขอบเขต KM
ที่ ...

….......

ขอบเขต KM
ที่ ...

1.สอดคล้ องกับทิศทางและยุทธศาสตร์
2.ปรับปรุงแล้ วเห็นได้ ชดเจน (เป็ นรูปธรรม)
ั
3.มีโอกาสทาได้ สาเร็จสูง
4.ต้ องทา คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้ องการ
5.ผู้ บริหารให้ การสนับสนุน
6.เป็ นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน
7……………………………
8.<อื่นๆ เพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสม>
รวมคะแนน
หมายเหตุ : เกณฑ์การให้ คะแนน คือ มาก = 6, ปานกลาง = 3, น้ อย = 1
<เกณฑ์คะแนนสามารถปรับเปลียนตามความเหมาะสมได้ >
่
ผู้ทบทวน / ผู้อนุมัติ : ………………………………………………. ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด )

แบบฟอร์ ม 3 เปาหมาย KM (Desired State) ของหน่ วยงาน …………………………..
้
ขอบเขต KM (KM Focus Area) คือ ………………………...………...…………………………….…
เปาหมาย KM (Desired State)
้
เปาหมาย KM ที่ ....…….………………………………..…….
้
เปาหมาย KM ที่ ….......….………..………………………….
้
...…………………..…………………………………………….

หน่ วยที่วัดผลได้ เป็ นรู ปธรรม
…………………………………
…………………………………
…………………………………

เปาหมาย KM ที่องค์ กรต้ องการทาคือ เปาหมาย KM ที่ xx
้
้
…………………………………
……….………………………………………………………….
ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : …………………………………… ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด )
ั
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 32

แบบฟอร์ ม 4 Check List ทวนสอบการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM (Desired State)
้
ชื่อหน่วนงาน : ……………………………………………………………………………..…วันที่ :……/………/………
เปาหมาย KM (Desired State) : …………………………………………………………………………………………
้
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรมตามเปาหมาย KM : …………………………………………………………………………
ั
้
ลาดับ
รายการ Check List
ระบุรายละเอียด
1.
1.1
1.2
1.3
1.4
1.5
1.6
2.
2.1
2.2
2.3
2.4
2.5
2.6
3.
3.1
3.2
3.3
3.4
3.5
3.6
4.
4.1
4.2
4.3
4.4
4.5
4.6

กระบวนงาน (Work Process) ที่เกี่ยวข้ อง
กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM
้
ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM
้
้
กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ องกับประเด็น
้
ยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย
ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และสอด คล้ องกับประเด็น
้
้
ยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย
คิดเป็ นจานวน กระบวนงานและขันตอน เท่าไร
้
อะไรคือตัวชี ้วัดของกระบวนงาน ที่เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ อง
้
กับประเด็นยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย
กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายในองค์ กร
หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายนอกองค์ กร (ผู้ ใช้ บริการ / Outsource)
องค์กรไหน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
องค์กรไหน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
ความรู้ท่จาเป็ น (EK/ TK) ในกระบวนงาน (Work Process)
ี
มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้
ทันสมัยกับกาลเวลา (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
้
มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย (ระบุมา
ั
้
ทังหมดเท่าที่ทาได้ )
้
มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้
ทันสมัยกับกาลเวลา และอยูกบใครบ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
่ั
้
มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย และอยูกบใคร
ั
้
่ั
บ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
้
จากข้ อ 4.01, 4.02 ความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี
จากข้ อ 4.03, 4.04 ความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 33

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั
แบบฟอร์ ม 5 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 1 - กระบวนการจัดการความรู้

โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 1 กระบวนการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

1.1.องค์กรมีการวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบ เพื่อหาจุดแข็งจุดอ่อนในเรื่ องการจัดการความรู้ เพื่อ
ปรับปรุ งในเรื่ องความรู้ เช่นองค์กรยังขาดความรู้ ที่จาเป็ นต้ องมี หรื อองค์กรไม่ได้ รวบรวม
ความรู้ ที่มีอยู่ให้ เป็ นระบบ เพื่อให้ ง่ายต่อการนาไปใช้ ไม่ทราบว่าคนไหนเก่งเรื่ องอะไร ฯลฯ และ
มีวธีการที่ชดเจนในการแก้ ไข ปรับปรุ ง
ิ
ั
1.2.องค์กรมีการแสวงหาข้ อมูล/ความรู้ จากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากองค์กรที่มีการ
ให้ บริ การคล้ ายคลึงกัน (ถ้ ามี) อย่างเป็ นระบบและมีจริ ยธรรม
1.3
ทุกคนในองค์กร มี ส่วนร่ วมในการแสวงหาความคิดใหม่ ๆ
ระดับเทีย บเคีย ง
(Benchmarks) และ Best Practices จากองค์กรอื่นๆ ที่มีลกษณะคล้ ายคลึงกัน (บริ การหรื อ
ั
ดาเนินงานที่คล้ ายคลึงกัน ) และจากองค์กรอื่น ๆ ที่มีลกษณะแตกต่างกันโดยสิ ้นเชิง
ั
1.4 องค์กรมีการถ่ายทอด Best Practices อย่างเป็ นระบบ ซึงรวมถึงการเขียน Best
่
Practices ออกมาเป็ นเอกสาร และการจัดทาข้ อสรุ ปบทเรี ยนที่ได้ รับ (Lessons Learned)
1.5 องค์กรเห็นคุณค่า “Tacit Knowledge” หรื อ ความรู้ และทักษะ ที่อยู่ในตัวบุคลากร ซึงเกิด
่
จากประสบการณ์และการเรี ยนรู้ ของแต่ละคน และให้ มีการถ่ายทอดความรู้ และทักษะนัน ๆ ทัว
้
่
ทังองค์กร
้

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั

แบบฟอร์ ม 6 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 2 - ภาวะผู้นา
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 2 ภาวะผู้นา

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

2.1 ผู้บริ หารกาหนดให้ การจัดการความรู้ เป็ นกลยุทธ์ที่สาคัญในองค์กร
2.2 ผู้บริ หารตระหนักว่า ความรู้ เป็ นสินทรัพย์ (Knowledge Asset) ที่สามารถนาไปใช้ ให้ เกิด
ประโยชน์กบองค์กรได้ และมีการจัดทากลยุทธ์ที่ชดเจน เพื่อนาสินทรัพย์ความรู้ ที่มีอยู่ไปใช้
ั
ั
ประโยชน์ (เช่น ทางานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากขึ ้น ให้ บริ การได้ รวดเร็ วและตรง
ตามความต้ องการ สร้ างความพึงพอใจให้ ผ้ ใช้ บริ การ เป็ นต้ น)
ู
2.3 องค์กรเน้ นเรื่ องการเรี ยนรู้ ของบุคลากร เพื่อส่งเสริ ม Core Competencies เดิมที่มีอยู่ให้
แข็งแกร่ งขึ ้น และพัฒนา Core Competencies ใหม่ๆ (Core Competencies หมายถึง ความ
เก่งหรื อความสามารถเฉพาะทางขององค์กร)
2.4 การมีส่วนร่ วมในการสร้ างองค์ความรู้ ขององค์กร เป็ นส่วนหนึ่งของเกณฑ์ที่องค์กรใช้
ประกอบในการพิจารณาในการ ประเมินผล และให้ ผลตอบแทนบุคลากร

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 34

แบบฟอร์ ม 7 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 3 - วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 3 วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

3.1 องค์กรส่งเสริ มและให้ การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ ของบุคลากร
3.2 พนักงานในองค์กรทางาน โดยเปิ ดเผยข้ อมูลและมีความไว้ เนื ้อเชื่อใจกันและกัน
3.3 องค์กรตระหนักว่า วัตถุประสงค์หลักของการจัดการความรู้ คือ การสร้ าง หรื อเพิ่มพูน
คุณค่าให้ แก่ผ้ ใช้ บริ การและหน่วยงานที่เกี่ยวข้ อง
ู
3.4 องค์กรส่งเสริ มให้ บุคลากร เกิดการเรี ยนรู้ โดยการให้ อิสระในการคิด และการทางาน
รวมทังกระตุ้นให้ พนักงานสร้ างสรรสิ่งใหม่ ๆ
้
3.5 ทุกคนในองค์กรถือว่าการเรี ยนรู้ เป็ นหน้ าที่และความรับผิดชอบของทุกคน

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั

แบบฟอร์ ม 8 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 4 - เทคโนโลยีการจัดการความรู้
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 4 – เทคโนโลยีการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

4.1.เทคโนโลยี ที่ใช้ ช่วยให้ ทุกคนในองค์กรสื่ อ สารและเชื่ อ มโยงกันได้ อ ย่างทั่วถึงทังภายใน
้
องค์กรและกับองค์กรภายนอก
4.2.เทคโนโลยีที่ใช้ ก่อให้ เกิดคลังความรู้ ขององค์กร ( An Institutional Memory ) ที่ทกคนใน
ุ
องค์กรสามารถเข้ าถึงได้
4.3 เทคโนโลยีที่ใช้ ทาให้ บุคลากรในองค์กรเข้ าใจและใกล้ ชิดผู้มาใช้ บริ การมากขึ ้น เช่น ความ
ต้ องการและความคาดหวัง พฤติกรรมและความคิด เป็ นต้ น
4.4 องค์กรพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเน้ นความต้ องการของผู้ใช้
4.5 องค์ ก รกระตื อ รื อ ร้ นที่ จ ะน าเทคโนโลยี ที่ ช่ ว ยให้ พ นัก งานสื่ อ สารเชื่ อ มโยงกัน และ
ประสานงานกันได้ ดีขึ ้น มาใช้ ในองค์กร
4.6 ระบบสารสนเทศขององค์กรชาญฉลาด (Smart) ให้ ข้อมูลได้ ทนทีที่เกิดขึ ้นจริ ง (Real
ั
Time) และข้ อมูลสารสนเทศในระบบมีความเชื่อมโยงกัน

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 35

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 9 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 5 - การวัดผลการจัดการความรู้
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 5 การวัดผลการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

5.1 องค์กรมีวธีการที่สามารถเชื่อมโยง การจัดการความรู้ กบผลการดาเนินการที่สาคัญของ
ิ
ั
องค์กร เช่น ผลลัพธ์ในด้ านผู้ใช้ บริ การ ด้ านการพัฒนาองค์กร ฯลฯ
5.2 องค์กรมีการกาหนดตัวชี ้วัดของการจัดการความรู้ โดยเฉพาะ
5.3 จากตัวชี ้วัดในข้ อ 5.2 องค์กรสร้ างความสมดุลย์ระหว่างตัวชี ้วัดที่สามารถตีค่าเป็ นตัวเงิน
ได้ ง่าย (เช่น ต้ นทุนที่ลดได้ ฯลฯ) กับตัวชี ้วัดที่ตีค่าเป็ นตัวเงินได้ ยาก ( เช่น ความพึงพอใจของผู้
มาใช้ บริ การ การตอบสนองผู้ใช้ บริ การได้ เร็ วขึ ้น การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ )
5.4 องค์กรมีการจัดสรรทรัพยากรให้ กบกิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนสาคัญที่ทาให้ ฐานความรู้ ของ
ั
องค์กรเพิ่มพูนขึ ้น

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั

แบบฟอร์ มที่ 10 รายงานผลการประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ (กรณีใช้วิธีอืนๆ)
่
ชื่อหน่วยงาน…………………………………………………………………………………………………..
วันที่ประเมิน ……………………………………………………………………………………………………หน้ าที่…/…
หัวข้ อที่ประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้

ผลการประเมิน (สิงที่มีอยู/่ ทาอยู)
่
่

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 36

แบบฟอร์ ม 11 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process)
ชื่อหน่วนงาน : …………………………………………………………………………………………………………….
เปาหมาย KM (Desired State) : …………………………………………………………………………………………
้
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ……………………………………………………………………………………………
ั
ลาดับ
กิจกรรม
วิธีการสู่
ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย เครื่องมือ/ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ
้
ความสาเร็จ
อุปกรณ์
1
การบ่งชี ้ความรู้
2
การสร้ างและ
แสวงหาความรู้
3
การจัดความรู้ให้
เป็ นระบบ
4
การประมวลและ
กลันกรองความรู้
่
5
การเข้ าถึงความรู้
6
การแบ่งปั น
แลกเปลี่ยน
ความรู้
7
การเรียนรู้
ผู้ทบทวน/อนุมติ : นายกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด)
ั

แบบฟอร์ ม 12 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง
(Change Management Process)
ชื่อหน่วนงาน : ………………………………………………………………………………………………………………
เปาหมาย KM (Desired State) : …………………………………………………………………………………………..
้
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ……………………………………………………………………………………………..
ั
ลาดับ
กิจกรรม
วิธีการสู่
ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย เครื่องมือ/ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ
้
ความสาเร็จ
อุปกรณ์
1
การเตรียมการ
และปรับเปลี่ยน
พฤติกรรม
2
การสื่อสาร
3
กระบวนการและ
เครื่องมือ
4
การเรียนรู้
5
การวัดผล
6
การยกย่องชมเชย
และการให้ รางวัล
ผู้ทบทวน/อนุมติ : นายกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด)
ั
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 37

แบบฟอร์ ม 13 สรุ ปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้
ชื่อหน่วนงาน………………………………………………………………………………………………………………
เปาหมาย KM (Desired State) :…………………………………………………………………………………………
้
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ……………………………………………………………………………………………
ั
งบประมาณ
ลาดับ กิจกรรมตามแผนการจัดการความรู้
ปี พ.ศ.2549
ปี พ.ศ. ……
(บาท)

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 38

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

ภาคผนวก ค – ตัวอย่ าง

หน้ าปกเอกสาร
คำรับรอง
กำรปฏิบัติรำชกำร
ประจำปี งบประมำณ พ.ศ. 2549
ด้ ำนกำรพัฒนำกำรจัดกำรควำมรู้ในองค์ กร
ตำมยุทธศำสตร์ ………………………….

จัดทำโดย
กรม/ จังหวัด ……………….
วันที่ …. / ….. / ……

สารบัญ
1. บทสรุปผู้บริ หาร
- ประกาศแต่งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer)
้
พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบ
2. ขอบเขต KM (KM Focus Area)
3. เปาหมาย KM (Desired State)
้
4. การประเมินตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ และสรุปผลการประเมินตนเอง
5. ปั จจัยแห่งความสาเร็ จ (Key Success Factor)
6. แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
7. งบประมาณการดาเนินงานการจัดการความรู้
ภาคผนวก : ข้ อเสนอการเปลียนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์
่
ที่องค์กรได้ คดเลือกไว้ ในแผนปี 2548
ั

หน้ า
…..
…..
….
….
….
….
….
….
….
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 39

1. บทสรุ ปผู้บริหาร
จากพระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริ หารกิจการบ้ านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 11 ส่วน
ราชการมีหน้ าที่พฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้ มีลกษณะเป็ นองค์กรแห่งการเรี ยนรู้ อย่างสม่าเสมอ โดยต้ อง
ั
ั
รับรู้ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ในด้ านต่างๆ เพื่อนามาประยุกต์ใช้ ในการปฏิบติราชการได้ อย่าง
ั
ถูกต้ อง รวดเร็ ว และเหมาะสมต่อสถานการณ์ รวมทังต้ องส่งเสริ มและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้ าง
้
วิสยทัศน์ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้ าราชการในสังกัด ให้ เป็ นบุคลากรที่มีประสิทธิ ภาพและมีการเรี ยนรู้
ั
ร่วมกัน...
เพื่อให้ การปฏิบติราชการของส่วนราชการและจังหวัด เป็ นไปตามหลักเกณฑ์และมีวิธีการบริ หารที่ดี จึงได้
ั
นาการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ซึ่งเป็ นระบบการจัดการที่สามารถกาหนดขึ ้น และนาไป
ปฏิบัติได้ อย่างเป็ นรู ปธรรม โดยทางองค์ กรได้ จัดวางระบบการจัดการความรู้ และแผนการดาเนินงาน ไว้ ดัง
รายการต่อไปนี ้

1.1 ประกาศแต่ งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer)
้
พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบ
เพื่อให้ การจัดทาระบบการจัดการความรู้ดาเนินไปอย่างมีประสิทธิผล หน่วยงาน……………จึงได้ ประกาศแต่งตัง้
ทีมงาน KM และ CKO ดังต่อไปนี ้
1. นายกรม นวัตกรรม เป็ น CKO ซึงมีหน้ าที่และความรับผิดชอบดังนี ้
่
1.1 ……………………..
1.2 …………………….
…………………………
2. นาย……………..เป็ น หัวหน้ า KM Team
3. นาง……………..เป็ น KM Team
4. นางสาว…………เป็ น KM Team
5. …………………………………..
6. …………………………………..
……………………………………….
โดย หัวหน้ า KM Team มีหน้ าที่และความรับผิดชอบดังนี ้
…………………………………………………………………
และ KM Team มีหน้ าทีและความรับผิดชอบดังนี ้
่
……………………………………………………
คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

หน้ า 40

1.2 ขอบเขต KM (KM Focus Area)
 ขอบเขต KM (KM Focus Area) ที่สนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ทงหมดประกอบด้ วย
ั้
1. …………………………………………………………………………..
2. …………………………………………………………………………..
3…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
 ขอบเขต KM (KM Focus Area) ที่จะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จภายในงบประมาณประจาปี
พ.ศ. 2549 (ได้ คะแนนสูงสุด) คือ
……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….

1.3 เปาหมาย KM (Desired State)
้
 เปาหมาย KM (Desired State) ทังหมด ที่สอดรับกับขอบเขต KM ที่จะเลือกดาเนินการให้ แล้ ว
้
้
เสร็จภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 ประกอบด้ วย
1. …………………………………………………………………………..
2. …………………………………………………………………………..
3…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
 เปาหมาย KM (Desired State) เพียงเปาหมายเดียว ที่ทีมงานจะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จ
้
้
ภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 คือ ……………..………………..
…………………………………………………………………………………………………….
หน้ า 41

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

1.4 ปั จจัยแห่ งความสาเร็จ (Key Success Factor)
ปั จจัยแห่งความสาเร็จ (Key Success Factor) เพื่อให้ ดาเนินการจัดการความรู้ตามเปาหมาย KM
้
ที่เลือกทา สามารถนาไปปฏิบตได้ อย่างเป็ นรูปธรรมภายในองค์กร คือ
ัิ
1. …………………………………………………………………………..
2. …………………………………………………………………………..
3…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………

แบบฟอร์ ม 1 ขอบเขต KM (KM Focus Areas) ของหน่ วยงาน …กรมนวัตกรรม……....................
ประโยชน์ที่จะได้ รับจากขอบเขต KM ที่มีตอ
่
ขอบเขต KM ที่
(KM Focus Areas)

1. การเฝ้ าระวังสิงแวดล้ อมด้ านน ้า
่

2. …………………………………

ประชาชนไทย /
ข้ าราชการ ของ กระทรวง กรม กอง
ชาวต่างชาติ/
รัฐบาล
หน่วยงานตนเอง ของหน่วยงานอื่น
ชุมชน
1.1..มี ส่ ว นร่ ว มใน
กา รคว บ คุ ม ดู แ ล
รักษา สวล.ด้ านนา
้
ได้ อย่างถูกต้ อง

2.1 …………..
2.2 …………..

3. ………………………………… 3.1…………..

1.1.ข ร ก .ที่
เกี่ ยวข้ องทุกคน มี
ความรู้ ที่ ถู ก ต้ อง
เป็ นมาตรฐานใน
การควบคุม
ดูแล สวล.ด้ านน ้า

1.1 ….……

1.1 ….

Outsourc
e ของ
หน่วยงาน
1.1 ….…

2.1 …...……… 2.1 .…………

2.1……..
2.1……..
2.2 …….

3.1 ………..…
3.2 …………

3.1…….. 3.1……..

3.1 .…………

5.1 …….
5.2 …….
. ………………………………… n. …………… n. …….……… n. ….………… n. ……... n. ……...
ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……นายกรม นวัตกรรม……. ( CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด )
ั
. …………………………………

5.1 …..………

5.1 ……..……

5.1 …………… 5.1 …….
หน้ า 42

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 2 การตัดสินใจเลือกขอบเขต KM ของหน่ วยงาน …กรมนวัตกรรม………………..
เกณฑ์ การกาหนดขอบเขต KM
1.สอดคล้ องกับทิศทางและยุทธศาสตร์
2.ปรับปรุงแล้ วเห็นได้ ชดเจน (เป็ นรูปธรรม)
ั
3.มีโอกาสทาได้ สาเร็จสูง
4.ต้ องทา คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้ องการ
5.ผู้ บริหารให้ การสนับสนุน
6.เป็ นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน
7……………………………
8. <อื่นๆ เพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสม>
รวมคะแนน

ขอบเขต KM
ที่ 1

ขอบเขต KM
ที่ 2

ขอบเขต KM
ที่ 3

6
3
3
3
3
3

6
3
1
1
1
3

3
1
1
1
1
1

21

15

8

หมายเหตุ : เกณฑ์การให้ คะแนน คือ มาก = 6, ปานกลาง = 3, น้ อย = 1
<เกณฑ์คะแนนสามารถปรับเปลียนตามความเหมาะสมได้ >
่
ผู้ทบทวน / ผู้อนุมัติ : ……นายกรม นวัตกรรม……. ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด )

แบบฟอร์ ม 3 เปาหมาย KM (Desired State) ของหน่ วยงาน …กรมนวัตกรรม………………..
้
ขอบเขต KM (KM Focus Area) คือ 1. การเฝาระวังสิ่งแวดล้ อมด้ านน ้า
้
เปาหมาย KM (Desired State)
้
หน่ วยที่วัดผลได้ เป็ นรู ปธรรม
เปาหมาย KM ที่ 1.1 โรงพยาบาลภายใต้ การควบคุมดูแลของกรมฯ สามารถ
้
จัดการความรู้ด้านควบคุมคุณภาพน ้าเสียให้ ได้ ตามกฎหมายหรื อได้ มาตรฐาน
ที่สงกว่า
ู
เปาหมาย KM ที่ 1.2 กรมฯ สามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวด
้
ล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้ ตามกฎหมายหรื อได้
่
มาตรฐานที่สงกว่า
ู

...…………………..…………………………………………….
เปาหมาย KM ที่องค์ กรต้ องการทาคือ เปาหมาย KM ที่ 1.2 กรมฯ
้
้
สามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้
่
การควบคุมดูแลให้ ได้ ตามกฎหมายหรื อได้ มาตรฐานที่สงกว่า
ู

อย่างน้ อย 1 โรงพยาบาล นาระบบ
การจัดการความรู้ด้านควบคุมน ้าเสีย
ใช้ ควบคุมได้ จริ งภายในปี 2549
ข้ าราชการในสังกัด ได้ นาความรู้ไปใช้
ควบคุมได้ จริ ง อย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า
ภายในปี 2549

…………………………………
ข้ าราชการในสังกัด ได้ นาความรู้ไปใช้
ควบคุมได้ จริ ง อย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า
ภายในปี 2549

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : …นำยกรม นวัตกรรม…… ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด )
ั
หน้ า 43

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 4 Check List ทวนสอบการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM (Desired State)
้
ชื่อหน่วนงาน : กรมนวัตกรรม
วันที่ : 5 ธันวาคม 2548
เปาหมาย KM (Desired State) : องค์กรสามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้ ตาม
้
่
กฎหมายหรือได้ มาตรฐานที่สงกว่า
ู
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรมตามเปาหมาย KM : ข้ าราชการในสังกัดได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริงอย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549
ั
้
ลาดับ
รายการ Check List
ระบุรายละเอียด
1.
กระบวนงาน (Work Process) ที่เกี่ยวข้ อง
1.1
กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM
้
การรักษาสิ่งแวดล้ อม
1.2
ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM
้
้
…………………………
กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ องกับประเด็น
้
1.3
…………………………
ยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย
ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และสอด คล้ องกับประเด็นยุทธศาสตร์
้
้
1.4
…………………………..
ปี 2548 ด้ วย
1.5
คิดเป็ นจานวน กระบวนงานและขันตอน เท่าไร
้
………………………….
อะไรคือตัวชี ้วัดของกระบวนงาน ที่เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ องกับ
้
1.6
…………………………….
ประเด็นยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย
2.
กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายในองค์ กร
2.1
หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
………………………………
2.2
ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
………………………………
2.3
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
………………………………
2.4
หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
………………………………
2.5
ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
………………………………
2.6
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
………………………………
กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายนอกองค์ กร (ผู้ ใช้ บริการ / Outsource)
3.
3.1
องค์กรไหน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
………………………………
3.2
ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
………………………………
3.3
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K.
………………………………
3.4
องค์กรไหน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
………………………………
3.5
ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
………………………………
3.6
คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K.
………………………………
4.
ความรู้ท่จาเป็ น (EK/ TK) ในกระบวนงาน (Work Process)
ี
มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้ ทนสมัยกับ
ั
4.1
………………………………
กาลเวลา (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
้
มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทา
ั
้
้
4.2
………………………………
ได้ )

4.3
4.4
4.5
4.6

มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้ ทนสมัยกับ
ั
กาลเวลา และอยูกบใครบ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
่ั
้
มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย และอยูกบใครบ้ าง
ั
้
่ั
(ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ )
้
จากข้ อ 4.1, 4.2 ความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี
จากข้ อ 4.3, 4.4 ความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี

………………………………
………………………………
………………………………
………………………………

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 44

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 5 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 1 - กระบวนการจัดการความรู้
โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด
0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก
1 – มีน้อย
2 - มีระดับปานกลาง
3 - มีในระดับที่ดี
4 – มีในระดับที่ดีมาก

หมวด 1 กระบวนการจัดการความรู้

สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่

1.1.องค์กรมีการวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบ เพื่อ หาจุดแข็งจุดอ่อนในเรื่ องการจัดการความรู้ - องค์ กรมีการวิเคราะห์ SWOT ของ
เพื่อปรับปรุ งในเรื่ องความรู้ เช่นองค์กรยังขาดความรู้ ที่จาเป็ นต้ องมี หรื อองค์กรไม่ได้ รวบรวม องค์ ก ร แต่ ยั ง ไม่ ไ ด้ เชื่ อ มโยงถึ ง การ
ความรู้ ที่มีอยู่ให้ เป็ นระบบ เพื่ อให้ ง่ายต่อการนาไปใช้ ไม่ทราบว่าคนไหนเก่งเรื่ องอะไร ฯลฯ จัดการความรู้
…………………………………………….
และมีวธีการที่ชดเจนในการแก้ ไข ปรับปรุ ง
ิ
ั
1.2.องค์กรมีการแสวงหาข้ อมูล/ความรู้ จากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากองค์กรที่มีการ
ให้ บริ การคล้ ายคลึงกัน (ถ้ ามี) อย่างเป็ นระบบและมีจริ ยธรรม
1.3 ทุกคนในองค์กร มี ส่วนร่ วมในการแสวงหาความคิดใหม่ ๆ
ระดับเทียบเคียง
(Benchmarks) และ Best Practices จากองค์กรอื่นๆ ที่มีลกษณะคล้ ายคลึงกัน (บริ การหรื อ
ั
ดาเนินงานที่คล้ ายคลึงกัน ) และจากองค์กรอื่น ๆ ที่มีลกษณะแตกต่างกันโดยสิ ้นเชิง
ั
1.4 องค์กรมีการถ่ายทอด Best Practices อย่างเป็ นระบบ ซึงรวมถึงการเขียน Best
่
Practices ออกมาเป็ นเอกสาร และการจัดทาข้ อสรุ ปบทเรี ยนที่ได้ รับ (Lessons Learned)

1.5 องค์กรเห็นคุณค่า “Tacit Knowledge” หรื อ ความรู้ และทักษะ ที่อยู่ในตัวบุคลากร ซึง
่
เกิดจากประสบการณ์และการเรี ยนรู้ ของแต่ละคน และให้ มีการถ่ายทอดความรู้ และทักษะนัน
้
ๆ ทัวทังองค์กร
่ ้

-องค์ กรมีการแสวงหาความรู้ /ข้ อมูล จาก
แหล่งต่า งๆเมื่อ จาเป็ นต้ อ งใช้ แต่ไม่เป็ น
ระบบ ต่างคน ต่างทา
-……………………………………..
- องค์กรมีการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ บ้ าง
แต่ไม่เป็ นระบบ และทากันเฉพาะกลุ่มงาน
และยังไม่ครอบคลุมทุกคน
-……………………………………….
- องค์กรมีการจัด ทาวารสารความรู้ เพื่อ
เผยแพร่ ใ นบางเรื่ อ ง แต่ยัง ไม่เ ป็ นระบบ
ใครอยากทาก็ทา
-……………………………………….
- องค์กรเห็นคุณค่าของ Tacit Knowledge
และพยายามกระตุ้น ให้ มี การถ่า ยทอด
ความรู้ แต่ไม่ได้ ทาเป็ นระบบ ส่วนใหญ่
มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เป็ น
กลุมย่อยๆ แต่ไม่มีรูปแบบชัดเจน
่
- ……………………..

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……นำยกรม นวัตกรรม……. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั

การประเมินองค์ กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ด้ วย KMAT ให้ ประเมินให้ ครบทัง 5 แบบฟอร์ ม
้
ได้ แก่ แบบฟอร์ มที่ 5-9 และให้ เติมรายละเอียดให้ ครบทุกช่ อง
หน้ า 45

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

การประเมินองค์ กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ถ้ าไม่ ได้ ประเมินด้ วย KMAT ให้ ระบุหัวข้ อที่
ประเมินและระบุส่ ิงที่มีอยู่หรื อทาอยู่ในแบบฟอร์ มที่ 10 นี ้ และให้ เติมรายละเอียดให้ ครบทุก
ช่ อง
แบบฟอร์ มที่ 10 รายงานผลการประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ (กรณีใช้วิธีอืนๆ)
่
ชื่อหน่วยงาน…………………………………………………………………………………………………..
วันที่ประเมิน ……………………………………………………………………………………………………หน้ าที่…/…
หัวข้ อที่ประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้

ผลการประเมิน (สิงที่มีอยู/่ ทาอยู)
่
่

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 46

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั
แบบฟอร์ ม 11 แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process)

ชื่อหน่วนงาน : กรมนวัตกรรม
เปาหมาย KM (Desired State) : องค์กรสามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้
้
่
ตามกฎหมายหรือได้ มาตรฐานที่สงกว่า
ู
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ข้ าราชการในสังกัดได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริงอย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549
ั
ลาดับ
กิจกรรม
วิธีการสู่
ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย เครื่องมือ/ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ
้
ความสาเร็จ
อุปกรณ์
ทะเบียน
1
การบ่งชี ้ความรู้
รายการ
จานวนรายการ -กระดาษ A4, -10,000
-อธิบดีกรม ……
-ความรู้ ด้านการรักษา -ทาการตรวจสอบ
15 -30
สภาพแวดล้ อมของ
แหล่งน ้า
-ความรู้ ด้านกฎหมาย
ของแหล่งน ้า

2

3

4
5
6

7

การสร้ างและ
แสวงหาความรู้
-ภายใน
-ภายนอก
การจัดความรู้ให้
เป็ นระบบ

การประมวลและ
กลันกรองความรู้
่
การเข้ าถึงความรู้
การแบ่งปั น
แลกเปลี่ยน
ความรู้

การเรียนรู้

ความรู้ที่
ต้ องใช้ ด้าน
การรักษา
สภาพแวด
ล้ อม

ความรู้ด้านการ
รักษา
สภาพแวดล้ อม
อย่างน้ อย 10
รายการ

คอมพิวเตอร์ , บาท
พริ นเตอร์
้
-…………
-…………..

, KM
Team
-………

……

……….
……….

………
………

……….
……….

……….
……….

……….
……….

………
………

……
…..

- รวบรวมความรู้
เป็ นหมวดหมูและ
่
จัดทาฐานข้ อมูล
เป็ น Knowledge
Base
-……………….

1 -15
ม.ค.48
…………..

มี
ฐานข้ อมูล
ความรู้
ด้ านการ
รักษา
สภาพแวด
ล้ อมที่
นาไปใช้ ได้

จานวนความรู้ที่
นาไปใช้ ได้ จริ ง
อย่างน้ อย 1
รายการ

-กระดาษ
A4,
คอมพิวเตอร์
, พริ นเตอร์
้
-…………

-50,000
บาท

…..

-…………..

-อธิบดี
กรม, KM
Team
-………

…………….
…………….
…………….
…………….

……….
……….
……….
……….

………
………
………
………

……….
……….
……….
……….

……….
……….
……….
……….

……….
……….
……….
……….

………
………
………
………

-กระดาษ
A4,
คอมพิวเตอร์
, พริ นเตอร์
้
-ห้ อง
ประชุม.

-30,000
บาท

-อธิบดี
กรม, KM
Team
-………

……
…..
……
…..
…..

ความรู้ในองค์กร
เพื่อหา Gap
ความรู้ที่มีกบ
ั
ความรู้ที่ต้องใช้
-………………

ธ.ค.48

…………….
…………….

-จัดทากิจกรรม
COP, After Action
Review
-…………………

1-15 มี.ค48
…………..

…………….
…………….

……….
……….

จานวนหัวข้ อ
มีกิจกรรม CoP ด้ านการ
CoP หัวข้ อ รักษา
การรักษา สภาพแวดล้ อม
สภาพแวด อย่างน้ อย 5
ล้ อม
หัวข้ อ

-…………..

……… ……….
……….
……….
……… ……
……… ……….
……….
……….
……… …..
ผู้ทบทวน/อนุมติ : นำยกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 47

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 12 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง
(Change Management Process)
ชื่อหน่วนงาน : กรมนวัตกรรม
เปาหมาย KM (Desired State) : องค์กรสามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้
้
่
ตามกฎหมายหรือได้ มาตรฐานที่สงกว่า
ู
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ข้ าราชการในสังกัดได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริงอย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549
ั
ลาดับ
กิจกรรม
วิธีการสู่
ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย เครื่องมือ/ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ
้
ความสาเร็จ
อุปกรณ์
-ส่งเสริ มให้
15 ธ.ค.48
พนักงาน จานวน
-กระดาษ
-30,000
-อธิบดีกรม, …..
1
การเตรียมการ
พนักงานเห็น
เป็ นต้ นไป
ทราบ
พนักงานที
A4,
บาท
KM Team
และปรับเปลี่ยน
ความสาคัญของ
…………..
เปาหมา ทราบ
้
คอมพิวเตอร์
-………….
พฤติกรรม
การจัดการความรู้
-………………

2

การสื่อสาร

3
4

กระบวนการและ
เครื่องมือ
การเรียนรู้

5

การวัดผล

6

การยกย่องชมเชย
และการให้ รางวัล

ย KM
ของ
องค์กร

เปาหมาย
้
KM ของ
องค์กรอย่าง
น้ อย 50%
ขององค์กร

, พริ นเตอร์
้
-…………

-…………..

…………….
…………….
…………….
…………….
…………….
…………….
…………….
…………….

……….
……….
……….
……….
……….
……….
……….
……….

………
………
………
………
………
………
………
………

……….
……….
……….
……….
……….
……….
……….
……….

……….
……….
……….
……….
……….
……….
……….
……….

……….
……….
……….
……….
……….
……….
……….
……….

………
………
………
………
………
………
………
………

-การให้ ของขวัญ/
ของรางวัล
-…………………

15 ธ.ค.48
เป็ นต้ นไป
…………..

พนักงาน
มีความ
เข้ าใจ
การ
จัดการ
ความรู้

จานวน
พนักงานที่
เข้ าใจการ
จัดการ
ความรู้อย่าง
น้ อย 50%
ขององค์กร

-ของขวัญ/
ของรางวัล
-…………

-50,000
บาท

-อธิบดีกรม,
KM Team
-………….

……
…..
……
…..
……
…..
……
…..
…..

-…………..

ผู้ทบทวน/อนุมติ : นำยกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด)
ั
หน้ า 48

คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ
ั

แบบฟอร์ ม 13 สรุ ปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้
ชื่อหน่วนงาน : กรมนวัตกรรม
เปาหมาย KM (Desired State) : องค์กรสามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้
้
่
ตามกฎหมายหรือได้ มาตรฐานที่สงกว่า
ู
หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ข้ าราชการในสังกัดได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริงอย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549
ั

ลาดับ กิจกรรมตามแผนการจัดการความรู้

งบประมาณ
(บาท)

1

………………

xx,xxxx

1.2

……………….

xx,xxxx

…

………………

xx,xxxx

2

2.1

กระบวนการบริหารจัดการการ
เปลี่ยนแปลง (Change Management
Process)
………………

xx,xxxx

2.1

……………….

xx,xxxx

….

………………

ปี พ.ศ. ……

กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process)

1.1

ปี พ.ศ.2549

xx,xxxx

ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ………นำยกรม นวัตกรรม ………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด)
ั

More Related Content

PDF
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
PDF
Diabetic ketoacidosis
PPTX
6 ทฤษฎีทางพฤติกรรมศาสตร์
PPTX
Port a cath By Oncology Center Bangkok Phuket Hospital
PDF
Kpi guidelines pd quality 2016-final
PDF
How to write a dissertation proposal .. part 1
PDF
11แบบทดสอบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ตอนที่ 2)
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
Diabetic ketoacidosis
6 ทฤษฎีทางพฤติกรรมศาสตร์
Port a cath By Oncology Center Bangkok Phuket Hospital
Kpi guidelines pd quality 2016-final
How to write a dissertation proposal .. part 1
11แบบทดสอบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ตอนที่ 2)

What's hot (20)

DOC
5.การประเมินบุคคล
PPT
การพันผ้าแบบต่างๆ
PDF
แผนบูรณาการสะเต็ม ร่มพยุงไข่
PPTX
เกลือแร่ เด้อ
PPT
TAEM10: Endocrine Emergency - Nurse
PDF
ความสัมพันธ์ระหว่าง ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และ ความต้านทานไฟฟ้า
PDF
บทที่2
PPT
การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
PDF
เอกสารประกอบการพิจารณาคัดเลือกเข้ารับรางวัล Obec award ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
PDF
มะเร็งเต้านม
PDF
จรวดกระดาษ
PDF
แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3
PDF
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย เล่มที่ 1 โครงสร้างที่ใช้ในก...
PPTX
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
DOC
ตัวอย่างโครงงานชนะเลิศ
PPT
การเขียนจดหมายธุรกิจ
PDF
แรง แรงลัพธ์2560
PDF
อาชีพในฝัน
5.การประเมินบุคคล
การพันผ้าแบบต่างๆ
แผนบูรณาการสะเต็ม ร่มพยุงไข่
เกลือแร่ เด้อ
TAEM10: Endocrine Emergency - Nurse
ความสัมพันธ์ระหว่าง ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และ ความต้านทานไฟฟ้า
บทที่2
การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
เอกสารประกอบการพิจารณาคัดเลือกเข้ารับรางวัล Obec award ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
มะเร็งเต้านม
จรวดกระดาษ
แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย เล่มที่ 1 โครงสร้างที่ใช้ในก...
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
ตัวอย่างโครงงานชนะเลิศ
การเขียนจดหมายธุรกิจ
แรง แรงลัพธ์2560
อาชีพในฝัน
Ad

Similar to KM Handbook (20)

DOC
คู่มือการจัดทำแผนการจัดการความรู้
PDF
คำศัพท์ ต้องรู้
PDF
บทที่ 9 การนำแผนกลยุทธ์ไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ (Implementing strategic plans...
PPT
Introduction to Knowledge Management
PDF
โมเดลและทฤษฎีที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการความรู้ (Km)
PDF
ตัวอย่างงานบริหาร
PPT
องค์กรแห่งการเรียนรู้
PDF
บทที่ 1 การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
PDF
บทที่ 1 การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
PPT
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
PPTX
Km16-17
PDF
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
PPT
Vision 1
PPT
Project planning - Workshop
PPT
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
DOCX
9 170819173701
คู่มือการจัดทำแผนการจัดการความรู้
คำศัพท์ ต้องรู้
บทที่ 9 การนำแผนกลยุทธ์ไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ (Implementing strategic plans...
Introduction to Knowledge Management
โมเดลและทฤษฎีที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการความรู้ (Km)
ตัวอย่างงานบริหาร
องค์กรแห่งการเรียนรู้
บทที่ 1 การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
บทที่ 1 การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
Km16-17
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
Vision 1
Project planning - Workshop
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
9 170819173701
Ad

More from Boonlert Aroonpiboon (20)

PDF
PDF
Scival for Research Performance
PDF
20190726 icde-session-chularat-nstda-4
PDF
20190409 social-media-backup
PDF
20190220 open-library
PDF
20190220 digital-archives
PDF
OER KKU Library
PDF
Museum digital-code
PDF
OER MOOC - Success Story
PDF
LAM Code of conduct
PDF
RLPD - OER MOOC
PDF
New Technology for Information Services
PDF
New Technology for Information Services
PDF
digital law for GLAM
PDF
20180919 digital-collections
PDF
Field-Weighted Citation Impact (FWCI)
PDF
20180828 digital-archives
PDF
Local Wisdom Information : How to
PDF
201403 etda-library-settup
PDF
201403 etda-library
Scival for Research Performance
20190726 icde-session-chularat-nstda-4
20190409 social-media-backup
20190220 open-library
20190220 digital-archives
OER KKU Library
Museum digital-code
OER MOOC - Success Story
LAM Code of conduct
RLPD - OER MOOC
New Technology for Information Services
New Technology for Information Services
digital law for GLAM
20180919 digital-collections
Field-Weighted Citation Impact (FWCI)
20180828 digital-archives
Local Wisdom Information : How to
201403 etda-library-settup
201403 etda-library

KM Handbook

  • 1. คู่มือการจัดทาแผนการจัดการความรู้ โครงการพัฒนาส่ วนราชการ ให้ เป็ นองค์ กรแห่ งการเรี ยนรู้ และการจัดการความรู้ ในส่ วนราชการ โดย สานักงาน ก.พ.ร. และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่ งชาติ
  • 2. หน้ า 1 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั คานา คู่มือการจัดทาแผนการจัดการความรู้ ฉบับนี ้ จัดทาขึ ้นเพื่อสร้ างความรู้ความเข้ าใจและ ให้ แนวทางในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ที่ชดเจนและเป็ นรูปธรรมมากขึ ้น ั หลังจากที่ได้ รับความเข้ าใจในหลักการของการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่การปฏิบติ ตามที่ได้ ู ั เข้ าร่วมประชุมเชิงปฏิบติการซึงจัดโดยสานักงาน ก.พ.ร. โดยมีวิทยากรจากสถาบันเพิมผลผลิต ่ ่ แห่งชาติเมื่อ เดือนกรกฎาคม – กันยายน พ.ศ. 2548 สานักงาน ก.พ.ร. และสถาบันเพิมผลผลิตแห่งชาติ หวังเป็ นอย่างยิ่งว่าคู่มือฉบับนี ้จะเป็ น ่ ประโยชน์ต่อส่วนราชการ และจังหวัด ในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) เพื่อ นาไปสู่สมฤทธิผลในการดาเนินงานของหน่วยงานให้ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ั สานักงาน ก.พ.ร.และ สถาบันเพิมผลผลิตแห่งชาติ ่ ธันวาคม 2548
  • 3. หน้ า 2 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั บทนา สืบเนื่องจากพระราชพระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริ หารกิจการบ้ านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 11 กาหนดไว้ ว่า ส่วนราชการมีหน้ าที่พฒนาความรู้ ในส่วนราชการ เพื่อให้ มีลกษณะเป็ นองค์กร ั ั แห่งการเรี ยนรู้ อย่างสม่าเสมอ โดยต้ องรับรู้ ข้ อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ ในด้ านต่าง ๆ เพื่อ นามาประยุกต์ใช้ ในการปฏิบติราชการได้ อย่างถูกต้ อง รวดเร็ ว เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทังต้ องส่งเสริ ม ั ้ และพัฒ นาความรู้ ความสามารถ สร้ างวิ สัยทัศน์ และปรั บเปลี่ ย นทัศ นคติข องข้ าราชการในสัง กัดให้ เป็ น บุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการเรี ยนรู้ร่วมกัน สานักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จัดการประชุมเชิงปฏิบตการเรื่ องการจัดการ ัิ ความรู้ : จากทฤษฎีสการปฏิบติ ในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน พ.ศ.2548 เพื่อสร้ างความรู้ ความเข้ าใจใน ู่ ั หลักการของการจัดการความรู้ และได้ ขยายผลจากการประชุมเชิงปฏิบตการดังกล่าว จัดทาเป็ น คูมือการจัดทา ัิ ่ แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan Template) เพื่อให้ ง่ายและสะดวก รวมทังเพื่อเป็ นมาตรฐานเดียวกัน ้ ในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ต่อไป คูมือการจัดทาแผนการจัดการความรู้ ฉบับนี ้ประกอบด้ วย ่ บทที่ 1 การจัดการความรู้เบื ้องต้ น บทที่ 2 การกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) บทที่ 3 การกาหนดเปาหมาย KM (Desired State) ้ บทที่ 4 การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) บทที่ 5 การกาหนดโครงสร้ างทีมงาน KM ภาคผนวก ก กาหนดการและเอกสารที่ต้องส่งมอบให้ สานักงาน กพร. ภาคผนวก ข แบบฟอร์ ม ภาคผนวก ค ตัวอย่าง หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดทาแผนการจัดการความรู้ตามเนื ้อหาในคูมือฉบับนี ้ สอบถามได้ ที่ ่ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ โทรศัพท์ 0-2619-5500 ต่อ 576 เอกสารที่ต้องส่งตามรายละเอียดที่กาหนดในภาคผนวก ก. ให้ สงเป็ นเอกสาร 2 ชุด และ save ข้ อมูลลง ่ แผ่นซีดี 1 แผ่น ส่งไปที่ สานักงาน ก.พ.ร. ภายในวันที่ 31 มกราคม 2549
  • 4. หน้ า 3 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั สารบัญ หน้ า คานา บทนา บทที่ 1 : การจัดการความรู้เบื ้องต้ น บทที่ 2 : การกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) บทที่ 3 : การกาหนดเปาหมาย KM (Desired State) ้ บทที่ 4 : การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) บทที่ 5 : การกาหนดโครงสร้ างทีมงาน KM ภาคผนวก ก กาหนดการและเอกสารที่ต้องส่งมอบให้ สานักงาน กพร. ภาคผนวก ข แบบฟอร์ ม ภาคผนวก ค ตัวอย่าง 4 9 12 15 23 25 27 38
  • 5. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 4 บทที่ 1 : การจัดการความรู้ เบืองต้ น ้ 1.1 การจัดการความรู้ในองค์กร หมายถึง การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ใน ตัวบุคคลหรื อเอกสาร มาพัฒนาให้ เป็ นระบบ เพื่อให้ ทกคนในองค์กรสามารถเข้ าถึงความรู้ และพัฒนาตนเอง ุ ให้ เป็ นผู้ร้ ู รวมทังปฏิบติงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้ องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด ้ ั โดยที่ความรู้มี 2 ประเภท คือ - ความรู้ ที่ ฝั ง อยู่ใ นคน (Tacit Knowledge) เป็ นความรู้ ที่ ไ ด้ จ ากประสบการณ์ พรสวรรค์หรื อ สัญชาตญาณของแต่ละบุคคลในการทาความเข้ าใจในสิ่งต่างๆ เป็ นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็ น คาพูดหรื อลายลักษณ์อกษรได้ โดยง่าย เช่น ทักษะในการทางาน งานฝี มือ หรื อการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั ง จึง ั ้ เรี ยกว่าเป็ นความรู้แบบนามธรรม - ความรู้ที่ชดแจ้ ง (Explicit Knowledge) เป็ นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีตางๆ ั ่ เช่น การบันทึกเป็ นลายลักษณ์อกษร ทฤษฎี คูมือต่างๆ และบางครังเรี ยกว่าเป็ นความรู้แบบรูปธรรม ั ่ ้ 1.2 แนวคิดการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Action Plan) ตามคูมือฉบับนี ้ ได้ ่ นาแนวคิดเรื่ องกระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Process) และกระบวนการบริ หาร จัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) มาประยุกต์ใช้ ในการจัดทาแผนการจัดการ ความรู้ (KM Action Plan)
  • 6. หน้ า 5 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั 1.2.1 กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Process) เราต้ องมีความรู้ เรื่ องอะไร เรามีความรู้ เรื่ องนั้นหรื อยัง ความรู้อยู่ทใคร อยู่ในรู ปแบบอะไร ี่ จะเอามาเก็บรวมกันได้ อย่ างไร จะแบ่ งประเภท หัวข้ ออย่ างไร 1. การบ่ งชีความรู้ ้ (Knowledge Identification) 2. การสร้ างและแสวงหาความรู้ (Knowledge Creation and Acquisition) 3. การจัดความรู้ ให้ เป็ นระบบ (Knowledge Organization) จะทาให้ เข้ าใจง่ ายและสมบูรณ์ อย่ างไร 4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ (Knowledge Codification and Refinement) เรานาความรู้มาใช้ งานได้ ง่ายหรือไม่ 5. การเข้ าถึงความรู้ (Knowledge Access) มีการแบ่ งปั นความรู้ ให้ กันหรื อไม่ ความรู้ น้ันทาให้ เกิดประโยชน์ กับองค์ กรหรื อไม่ ทาให้ องค์ กรดีขนหรื อไม่ ึ้ 6. การแบ่ งปั นแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing) 7. การเรี ยนรู้ (Learning) กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Process) เป็ นกระบวนการแบบหนึ่งที่จะช่วยให้ องค์กรเข้ าใจถึงขันตอนที่ทาให้ เกิดกระบวนการจัดการความรู้ หรื อพัฒนาการของความรู้ ที่จะเกิดขึ ้นภายใน ้ องค์กร ประกอบด้ วย 7 ขันตอน ดังนี ้ ้ 1) การบ่งชี ้ความรู้ – เช่นพิจารณาว่า วิสยทัศน์/ พันธกิจ/ เปาหมาย คืออะไร และเพื่อให้ บรรลุ ั ้ เปาหมาย เราจาเป็ นต้ องรู้อะไร , ขณะนี ้เรามีความรู้อะไรบ้ าง, อยูในรูปแบบใด, อยูที่ใคร ้ ่ ่ 2) การสร้ างและแสวงหาความรู้ – เช่นการสร้ างความรู้ ใหม่, แสวงหาความรู้จากภายนอก, รักษา ความรู้เก่า, กาจัดความรู้ที่ใช้ ไม่ได้ แล้ ว 3) การจัดความรู้ให้ เป็ นระบบ - เป็ นการวางโครงสร้ างความรู้ เพื่อเตรี ยมพร้ อมสาหรับการเก็บความรู้ อย่างเป็ นระบบในอนาคต 4) การประมวลและกลันกรองความรู้ – เช่นปรับปรุ งรู ปแบบเอกสารให้ เป็ นมาตรฐาน, ใช้ ภาษา ่ เดียวกัน, ปรับปรุงเนื ้อหาให้ สมบูรณ์ 5) การเข้ าถึงความรู้ – เป็ นการทาให้ ผ้ ใช้ ความรู้ นนเข้ าถึงความรู้ ที่ต้องการได้ ง่ายและสะดวก เช่น ู ั้ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT), Web board ,บอร์ ดประชาสัมพันธ์ เป็ นต้ น 6) การแบ่งปั นแลกเปลี่ยนความรู้ – ทาได้ หลายวิธีการ โดยกรณีเป็ น Explicit Knowledge อาจจัดทา เป็ น เอกสาร, ฐานความรู้ , เทคโนโลยีสารสนเทศ หรื อกรณีเป็ น Tacit Knowledge อาจจัดทาเป็ น
  • 7. หน้ า 6 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั ระบบ ทีมข้ ามสายงาน, กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม, ชุมชนแห่งการเรี ยนรู้ , ระบบพี่เลี ้ยง, การสับเปลี่ยนงาน, การยืมตัว, เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เป็ นต้ น 7) การเรี ยนรู้ – ควรทาให้ การเรี ยนรู้ เป็ นส่วนหนึ่งของงาน เช่นเกิดระบบการเรี ยนรู้ จาก สร้ างองค์ ความรู้>นาความรู้ไปใช้ >เกิดการเรี ยนรู้และประสบการณ์ใหม่ และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง 1.2.2 กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) การเรี ยนรู้ (Learning) การวัดผล (Measurements) การยกย่ องชมเชย และการให้ รางวัล (Recognition and Reward) เปาหมาย ้ (Desired State) กระบวนการ และเครื่ องมือ (Process & Tools) การสื่อสาร (Communication) การเตรี ยมการและ ปรั บเปลี่ยนพฤติกรรม (Transition and Behavior Robert Osterhoff กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) เป็ นกรอบความคิดแบบ หนึงเพื่อให้ องค์กรที่ต้องการจัดการความรู้ภายในองค์กร ได้ มุ่งเน้ นถึงปั จจัยแวดล้ อมภายในองค์กร ที่จะมี ่ ผลกระทบต่อการจัดการความรู้ ประกอบด้ วย 6 องค์ประกอบ ดังนี ้ 1) การเตรี ยมการและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม - เช่น กิจกรรมการมีสวนร่วมและสนับสนุนจากผู้บริหาร (ที่ ่ ทุกคนมองเห็น), โครงสร้ างพื ้นฐานขององค์กร, ทีม/ หน่วยงานที่รับผิดชอบ, มีระบบการติดตามและ ประเมินผล , กาหนดปั จจัยแห่งความสาเร็จชัดเจน 2) การสื่อสาร – เช่น กิจกรรมที่ทาให้ ทกคนเข้ าใจถึงสิ่งที่องค์กรจะทา, ประโยชน์ที่จะเกิดขึ ้นกับทุกคน, แต่ ุ ละคนจะมีสวนร่วมได้ อย่างไร ่ 3) กระบวนการและเครื่ องมือ - ช่วยให้ การค้ นหา เข้ าถึง ถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนความรู้สะดวกรวดเร็ ว ขึ ้น โดยการเลือกใช้ กระบวนการและเครื่ องมือ ขึ ้นกับชนิดของความรู้, ลักษณะขององค์กร (ขนาด, สถานที่ตง้ั ฯลฯ), ลักษณะการทางาน, วัฒนธรรมองค์กร, ทรัพยากร 4) การเรี ยนรู้ - เพื่อสร้ างความเข้ าใจและตระหนักถึงความสาคัญและหลักการของการจัดการความรู้ โดยการเรี ยนรู้ต้องพิจารณาถึง เนื ้อหา, กลุมเปาหมาย, วิธีการ, การประเมินผลและปรับปรุง ่ ้ 5) การวัดผล - เพื่อให้ ทราบว่าการดาเนินการได้ บรรลุเปาหมายที่ตงไว้ หรื อไม่, มีการนาผลของการวัดมา ้ ั้ ใช้ ในการปรับปรุงแผนและการดาเนินการให้ ดีขึ ้น, มีการนาผลการวัดมาใช้ ในการสื่อสารกับบุคลากรใน
  • 8. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 7 ทุกระดับให้ เห็นประโยชน์ของการจัดการความรู้ และการวัดผลต้ องพิจารณาด้ วยว่าจะวัดผลที่ขนตอน ั้ ไหนได้ แก่ วัดระบบ (System), วัดที่ผลลัพธ์ (Out put) หรื อวัดที่ประโยชน์ที่จะได้ รับ (Out come) 6) การยกย่องชมเชยและให้ รางวัล - เป็ นการสร้ างแรงจูงใจให้ เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการมี ส่วนร่วมของบุคลากรในทุกระดับ โดยข้ อควรพิจารณาได้ แก่ ค้ นหาความต้ องการของบุคลากร, แรงจูงใจระยะสันและระยะยาว, บูรณาการกับระบบที่มีอยู่, ปรับเปลี่ยนให้ เข้ ากับกิจกรรมที่ทาในแต่ละ ้ ช่วงเวลา 1.3 องค์กรจะต้ องมองภาพรวมของปั จจัยแวดล้ อมภายในองค์กร ที่จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการจัดการ ความรู้ (KM Process) ขององค์กร โดยการนากระบวนการบริ หารจัดการการเปลี่ยนแปลงมาเชื่อมโยง เพื่อจะ ผลักดันให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงเสริมสร้ างสภาพแวดล้ อม ที่จะทาให้ กระบวนการจัดการความรู้ มีชีวิตหมุนต่อไป ได้ อย่างต่อเนื่อง และทาให้ การจัดการความรู้ ขององค์กรมีประสิทธิผลโดยจัดทาเป็ นแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) และนาไปสูการปฏิบตให้ เกิดขึ ้นจริงๆ ่ ัิ 1.4 ตามแนวคิดนี ้ องค์กรต้ องมีการกาหนด ขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM (Desired ้ State) ที่องค์กรต้ องการเลือกทา เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผนบริ หารราชการแผ่นดิน ตามเนื ้อหา ในบทที่ 2 และบทที่ 3 ตามลาดับ 1.5 การกาหนดขอบเขต KM และเปาหมาย KM เพื่อต้ องการจัดการความรู้ ที่จาเป็ นต้ องมีในกระบวนงาน ้ (Work Process) เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผนบริ หารราชการแผ่นดิน ที่องค์กรได้ จดทาขึ ้นไว้ ใน ั ข้ อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) งบประมาณประจาปี 2548 1.6 องค์กรต้ องมีการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ (KM Assessment Tool : KMAT) หรื อวิธีการ ประเมินองค์กรตนเองแบบใดก็ได้ ที่นอกเหนือจาก KMAT เพื่อทราบถึงจุดอ่อน-จุดแข็ง / โอกาส-อุปสรรค ที่จะ เป็ นปั จจัยสาคัญต้ องปรับปรุง-รักษาไว้ / พัฒนาให้ การจัดการความรู้บรรลุผลตามเปาหมาย KM ตามเนื ้อหาใน ้ บทที่ 4 1.7 องค์กรต้ องนาผลลัพธ์ของการประเมินตนเอง จากข้ อ 1.6 เพื่อจะนามากาหนดหาวิธีการสูความสาเร็จ ไว้ ่ ในแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) โดยอาจจะเป็ นแผนการจัดการความรู้ระยะสันภายใน ้ ปี งบประมาณ 2549 หรื อเป็ นแผนระยะยาว ทังนี ้ขึ ้นอยู่กบเปาหมาย KM ที่องค์กรเลือกทา รวมถึงความ ้ ั ้ พร้ อมจากผลการประเมินตนเองจากข้ อ 1.6
  • 9. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 8 1.8 องค์กรต้ องมีการกาหนดโครงสร้ างที มงาน KM เพื่อมาดาเนินการตามแผนการจัดการความรู้ ให้ การ จัดการความรู้บรรลุผลตามเปาหมาย KM ตามเนื ้อหาในบทที่ 5 ้ 1.9 เมื่อองค์กรได้ ดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผนปี 2549 แล้ ว ผู้บริหารทุกระดับจะต้ องร่วมผลักดันให้ เกิดการบูรณาการ กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) ให้ ยึดถือปฏิบติอยู่ในกระบวนงาน (Work Process) ของข้ าราชการ รวมถึงบูรณาการกระบวนการบริ หารจัดการ ั การเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ให้ เกิดขึ ้น ในการปฏิบติราชการขององค์กรในขอบเขต ั KM และเปาหมาย KM ในเรื่ องอื่นๆ ต่อไป ทังนี ้เพื่อให้ ส่วนราชการและจังหวัดมีลกษณะเป็ นองค์กรแห่งการ ้ ้ ั เรี ยนรู้อย่างสม่าเสมอ
  • 10. หน้ า 9 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั บทที่ 2 : การกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Areas) 2.1 ขอบเขต KM (KM Focus Areas) เป็ นหัวเรื่ องกว้ างๆ ของความรู้ที่จาเป็ นและสอดคล้ องกับประเด็น ยุทธศาสตร์ ตามแผนบริหารราชการแผ่นดินซึงต้ องการจะนามาใช้ กาหนดเปาหมาย KM (Desired State) ่ ้ 2.2 ในการกาหนดขอบเขต KM ควรกาหนดกรอบตามองค์ความรู้ที่จาเป็ นต่อกระบวนงาน (Work Process) ในข้ อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ที่ได้ นาเสนอสานักงาน กพร. ไว้ ในปี 2548 ก่อนเป็ น ลาดับแรก หรื อ อาจกาหนดขอบเขต KM ตามองค์ความรู้ที่จาเป็ นต้ องมีในองค์กร เพื่อปฏิบตงานให้ บรรลุตาม ัิ ประเด็นยุทธศาสตร์ อื่นๆ ขององค์กร 2.3 แนวทางการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Areas) และเปาหมาย KM (Desired State) ้ 1 พันธกิจ/วิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ 2 3 ความรู้ ท่ สาคัญต่ อองค์ กร ี • ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า กลยุทธ์ (Work process) กระบวนงาน ปั ญหา • ความสัมพันธ์ กับผู้มีส่วนได้ เสียต่ างๆ • ประสบการณ์ ความรู้ท่ีองค์กรสั่งสม • ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการ • ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ (ขอบเขต KM) KM Focus Areas (เปาหมาย KM) ้ • ความรู้ท่มีอยู่ในบุคลากร ี Desired State of KM•Focus Areas ฯลฯ (แผนการจัดการความรู้ ) บริการ KM Action Plans ( 6-step model) การเรี ยนรู้ (Learning) การวัดผล (Measurements) การยกย่ องชมเชย และการให้ รางวัล (Recognition and Reward) การสื่อสาร (Communication) เปาหมาย ้ (Desired State) การเตรี ยมการและ ปรั บเปลี่ยนพฤติกรรม (Transition and Behavior Management) World-Class KM Environment กระบวนการ และเครื่ องมือ (Process Tools) องค์กรสามารถใช้ แนวทางการกาหนดขอบเขตและเปาหมาย KM เพื่อจะช่วยรวบรวมขอบเขต KM และนาไป ้ กาหนดเปาหมาย KM และแผนการจัดการความรู้ ดังนี ้ ้ - แนวทางที่ 1 เป็ นความรู้ ที่จาเป็ นสนับสนุนพันธกิจ / วิสยทัศน์/ ประเด็นยุทธศาสตร์ ในระดับของ ั หน่วยงานตนเอง - หรื อแนวทางที่ 2 เป็ น ความรู้ที่สาคัญต่อองค์กร - หรื อแนวทางที่ 3 เป็ น ปั ญหาที่ประสบอยู่ และสามารถนา KM มาช่วยได้ - หรื อ เป็ นแนวทางอื่นนอกเหนือจากแนวทางที่ 1,2,3 ก็ได้ ที่หน่วยงานเห็นว่าเหมาะสม
  • 11. หน้ า 10 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั 2.4 ให้ รวบรวมแนวคิดการกาหนดขอบเขต KM จากข้ อ 2.3 แล้ วกรอกขอบเขต KM ที่สามารถรวบรวมได้ ทังหมดลงในแบบฟอร์ ม 1 โดยทุกขอบเขต KM ที่กาหนดต้ องสนับสนุนกับประเด็นยุทธศาสตร์ ของระดับ ้ หน่วยงานตนเอง และประเด็นยุทธศาสตร์ นนควรจะต้ องได้ ดาเนินการมาระดับหนึงแล้ ว (ถ้ ามี) ั้ ่ แบบฟอร์ ม 1 ขอบเขต KM (KM Focus Areas) ของหน่ วยงาน ……………….................... ประโยชน์ที่จะได้ รับจากขอบเขต KM ที่มีตอ ่ ขอบเขต KM ที่ (KM Focus Areas) ประชาชนไทย / ข้ าราชการ ของ ชาวต่างชาติ/ หน่วยงานตนเอง ชุมชน 1. ………………………………… 1. ……… 1……………… 2.1 ………….. 2. ………………………………… 2.1 …...……… 2.2 ………….. 3.1 ………..… 3. ………………………………… 3.1………….. 3.2 ………… 4. ………………………………… 4.1 …..……… 4.1 ……..…… Outsource รัฐบาล ของ หน่วยงาน 1.……………... 1.…………. 1.…………. 2.1…….. 2.1 .………… 2.1…….. 2.2 ……. กระทรวง กรม กอง ของหน่วยงานอื่น 3.1 .………… 3.1…….. 3.1…….. 4.1 .………… 4.2 …………. 4.1…….. 4.1…….. 5.1 ……. 5.2 ……. n. ………………………………… n. …………… n. …….……… n. ….………… n. ……... n. ……... ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ………………………………………………. ( CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด ) ั 5. ………………………………… 5.1 …..……… 5.1 ……..…… 5.1 …………… 5.1 ……. เมื่อกรอกแบบฟอร์ มที่ 1 ครบถ้ วนแล้ ว ให้ ทาการคัดเลือกขอบเขต KM ตามแบบฟอร์ ม 2 เพื่อนาไปกาหนด เปาหมาย KM ต่อไป ้ 2.5. แนวทางการตัดสินใจเลือกขอบเขต KM -ให้ องค์กรพิจารณาเกณฑ์การคัดเลือกขอบเขต KM ตามที่ให้ ไว้ เป็ นแนวทาง เพื่อใช้ กรอกลงในแบบฟอร์ ม 2 พร้ อมให้ คะแนนตามเกณฑ์ที่องค์กรต้ องการ คือ - สอดคล้ องกับทิศทางและประเด็นยุทธศาสตร์ ในระดับของหน่วยงานตนเอง - ทาให้ เกิดการปรับปรุงที่เห็นได้ ชดเจน (เป็ นรูปธรรม) ั - มีโอกาสทาได้ สาเร็จสูง (โดยพิจารณาจากความพร้ อมด้ านคน งบประมาณ เทคโนโลยี วัฒนธรรมองค์กร ระยะเวลาดาเนินงาน ฯลฯ ) - เป็ นเรื่ องที่ต้องทา คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้ องการ - ผู้บริหารให้ การสนับสนุน - เป็ นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน - อื่นๆ สามารถเพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสมขององค์กร
  • 12. หน้ า 11 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 2 การตัดสินใจเลือกขอบเขต KM ของหน่ วยงาน ………………………….. เกณฑ์ การกาหนดขอบเขต KM ขอบเขต KM ที่ …. ขอบเขต KM ที่ ... …....... ขอบเขต KM ที่ ... 1.สอดคล้ องกับทิศทางและยุทธศาสตร์ 2.ปรับปรุงแล้ วเห็นได้ ชดเจน (เป็ นรูปธรรม) ั 3.มีโอกาสทาได้ สาเร็จสูง 4.ต้ องทา คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้ องการ 5.ผู้ บริหารให้ การสนับสนุน 6.เป็ นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน 7…………………………… 8.<อื่นๆ เพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสม> รวมคะแนน หมายเหตุ : เกณฑ์การให้ คะแนน คือ มาก = 6, ปานกลาง = 3, น้ อย = 1 <เกณฑ์คะแนนสามารถปรับเปลียนตามความเหมาะสมได้ > ่ ผู้ทบทวน / ผู้อนุมัติ : ………………………………………………. ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด ) 2.6 ผู้บริ หารระดับสูงสุดขององค์กร จะต้ องมีส่วนร่วมในการกาหนด ขอบเขต KM (KM Focus Area) และ เปาหมาย KM (Desired State) เพื่อมันใจว่าสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ขององค์กรอย่างถูกต้ องและ ้ ่ เหมาะสม รวมถึงความมุงมันที่จะบูรณาการการจัดการความรู้ให้ เกิดขึ ้นในการปฏิบติราชการขององค์กร ด้ วย ่ ่ ั การสนับสนุนทรัพยากรที่จาเป็ นในทุกด้ าน 2.7 ให้ กาหนดรายชื่อผู้มีส่วนร่วมกับผู้บริ หารระดับสูงในการตัดสินใจเลือกขอบเขต KM (KM Focus Area) ตามแบบฟอร์ ม 2 และเปาหมาย KM (Desired State) ตามแบบฟอร์ ม 3 โดยให้ ระบุถึงชื่อ-นามสกุล, ตาแหน่ง ้ งาน และหน่วยงานที่สงกัดอยูตามผังองค์กรปั จจุบน ของผู้มีสวนร่วมทุกท่าน ั ่ ั ่
  • 13. หน้ า 12 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั บทที่ 3 : การกาหนดเปาหมาย KM (Desired State) ้ 3.1. เปาหมาย KM (Desired State) เป็ นหัวเรื่ องความรู้ที่จาเป็ นและเกี่ยวข้ องกับประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผน ้ บริ หารราชการแผ่นดิน โดยสอดคล้ องกับขอบเขต KM (KM Focus Areas) ที่ได้ เลือกมาจัดทา และต้ อง สามารถวัดผลได้ เป็ นรูปธรรม 1 พันธกิจ/วิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ 3 ความรู้ ท่ สาคัญต่ อองค์ กร ี • ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า กลยุทธ์ (Work process) กระบวนงาน (ขอบเขต KM) 2 KM Focus Areas ปั ญหา • ความสัมพันธ์ กับผู้มีส่วนได้ เสียต่ างๆ • ประสบการณ์ ความรู้ท่ีองค์ กรสั่งสม • ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการ • ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ บริการ • ความรู้ท่มีอยู่ในบุคลากร ี (เปาหมาย KM) Desired State of KM•Focus Areas ้ ฯลฯ KM Action Plans (แผนการจัดการความรู้ ) ( 6-step model) การเรี ยนรู้ (Learning) การวัดผล (Measurements) การยกย่ องชมเชย และการให้ รางวัล (Recognition and Reward) เปาหมาย ้ (Desired State) World-Class KM Environment กระบวนการ และเครื่ องมือ (Process Tools) การสื่อสาร (Communication) การเตรี ยมการและ ปรั บเปลี่ยนพฤติกรรม (Transition and Behavior Management) 3.2. จากขอบเขต KM (KM Focus Areas) ที่กาหนดไว้ ทงหมดใน แบบฟอร์ ม 1 ให้ นาขอบเขต KM เดียวกันที่ ั้ ได้ คะแนนสูงสุด ตามแบบฟอร์ ม 2 มาใช้ กาหนดเปาหมาย KM (Desired State) โดยกรอกตามแบบฟอร์ ม 3 ้ โดยพิจารณาดังนี ้ - ระดับสานักงานปลัด/ กรม/ จังหวัด ให้ มีอย่างน้ อย 3 เปาหมาย KM โดยต้ องมาจากขอบเขต KM ้ เดียวกันที่ได้ คะแนนสูงสุด และจากนันให้ เลือกมาเพียง 1 เปาหมาย KM ที่องค์กรต้ องการเลือกทา มาจัดทา ้ ้ แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) - ในการส่งเอกสารให้ สานักงาน กพร. ขอให้ แสดงอย่างน้ อย 3 เปาหมาย KM จาก ขอบเขต KM เดียวกันที่ ้ ได้ คะแนนสูงสุด และ 1 เปาหมาย KM ที่องค์กรต้ องการเลือกทา เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผน ้ บริหารราชการแผ่นดิน
  • 14. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 13 แบบฟอร์ ม 3 เปาหมาย KM (Desired State) ของหน่ วยงาน ………………………….. ้ ขอบเขต KM (KM Focus Area) คือ ………………………...………...…………………………….… เปาหมาย KM (Desired State) ้ เปาหมาย KM ที่ ....…….………………………………..……. ้ เปาหมาย KM ที่ ….......….………..…………………………. ้ ...…………………..……………………………………………. หน่ วยที่วัดผลได้ เป็ นรู ปธรรม ………………………………… ………………………………… ………………………………… เปาหมาย KM ที่องค์ กรต้ องการทาคือ เปาหมาย KM ที่ xx ้ ้ ………………………………… ……….…………………………………………………………. ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : …………………………………… ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด ) ั เพื่อให้ หวข้ อขอบเขต KM (KM Focus Area) และ เปาหมาย KM (Desired State) ที่เลือกทา สอดคล้ องกับ ั ้ ประเด็นยุทธศาสตร์ ตามแผนบริหารราชการแผ่นดิน จึงให้ องค์กรทวนสอบความถูกต้ องและเหมาะสมของหัวข้ อ ที่เลือกทา ด้ วยแบบฟอร์ ม 4 ดังนี ้
  • 15. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 14 แบบฟอร์ ม 4 Check List ทวนสอบการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM (Desired State) ้ ชื่อหน่วนงาน : ……………………………………………………………………………..…วันที่ :……/………/……… เปาหมาย KM (Desired State) : ………………………………………………………………………………………… ้ หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรมตามเปาหมาย KM : ………………………………………………………………………… ั ้ ลาดับ รายการ Check List ระบุรายละเอียด 1. 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 2. 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 3. 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 4. 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 4.6 กระบวนงาน (Work Process) ที่เกี่ยวข้ อง กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM ้ ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM ้ ้ กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ องกับ ้ ประเด็นยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และสอด คล้ องกับประเด็น ้ ้ ยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย คิดเป็ นจานวน กระบวนงานและขันตอน เท่าไร ้ อะไรคือตัวชี ้วัดของกระบวนงาน ที่เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ ้ สอดคล้ องกับประเด็นยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายในองค์ กร หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายนอกองค์ กร (ผู้ ใช้ บริการ / Outsource) องค์กรไหน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. องค์กรไหน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ความรู้ท่จาเป็ น (EK/ TK) ในกระบวนงาน (Work Process) ี มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้ ทันสมัยกับกาลเวลา (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ้ มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย (ระบุมา ั ้ ทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ้ มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้ ทันสมัยกับกาลเวลา และอยูกบใครบ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ่ั ้ มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย และอยูกบ ั ้ ่ั ใครบ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ้ จากข้ อ 4.01, 4.02 ความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี จากข้ อ 4.03, 4.04 ความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 16. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 15 บทที่ 4 : การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) 4.1 แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) เป็ นแผนงานที่แสดงถึงรายละเอียดการดาเนินงานของกิจกรรม ต่างๆ เพื่อให้ องค์กรบรรลุผลตามเปาหมาย KM (Desired State) ที่กาหนด ้ 4.2 จากการทวนสอบความถูกต้ องและเหมาะสมของขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM ้ (Desired State) ตามแบบฟอร์ ม 4 ให้ องค์กรนาหัวข้ อเปาหมาย KM ที่องค์กรต้ องการทาคือ เปาหมาย KM ที่ ้ ้ xx จากแบบฟอร์ ม 3 1 เปาหมาย KM (Desired State) มาจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action ้ Plan) ประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยการจัดทาแผนจะขึ ้นอยู่กบความพร้ อมขององค์กรที่ทาให้ เปาหมาย ั ้ KM บรรลุผลสาเร็จ 4.3 การเริ่ มต้ นจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) องค์กรควรจัดทาการประเมินองค์กรตนเอง เรื่ องการจัดการความรู้ เพื่อให้ ทราบถึงความพร้ อม (จุดอ่อน-จุดแข็ง/โอกาส-อุปสรรค) ในเรื่ องการจัดการ ความรู้ และนาผลของการประเมินนี ้ ใช้ เป็ นข้ อมูลส่วนหนึ่งในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ให้ สอดรับกับเปาหมาย KM (Desired State) ที่เลือกไว้ ้ โดยองค์กรสามารถเลือกวิธีการประเมินองค์ กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ที่เหมาะสมกับองค์กร ได้ ดังนี ้ 4.3.1 ใช้ วิธี การประเมิ นองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ด้ วย KMAT (The Knowledge Management Assessment Tool : KMAT) ตามแบบฟอร์ ม 5-9 4.3.2 ใช้ วิธีอื่นๆ ในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ เช่น แบบสอบถาม, รายงาน การวิเคราะห์องค์กร เป็ นต้ น แล้ วสรุปลงในแบบฟอร์ ม 10 (ข้อ 4.3.2 นี ใช้สำหรับบำงองค์ กรที ่อำจมี กำรประเมิ นองค์ กรตนเองเรื ่ องกำรจัดกำรควำมรู้ มำแล้ว หรื อมี ้ วิ ธีกำรประเมิ นองค์กรตนเองเรื ่องกำรจัดกำรควำมรู้เป็ นแบบอื น โดยไม่ใช้ข้อ 4.3.1) ่ 4.3.1 KMAT (The Knowledge Management Assessment Tool : KMAT) เป็ นเครื่ องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ ในการประเมินองค์กรตนเองในเรื่ องการจัดการความรู้ และให้ ข้อมูลกับองค์กรว่ามีจุดอ่อน-จุดแข็ง /โอกาสอุปสรรค ในการจัดการความรู้เรื่ องใดบ้ าง โดยเครื่ องมือนี ้แบ่งเป็ น 5 หมวด ตามแบบฟอร์ มที่ 5-9 ดังนี ้ หมวด 1. กระบวนการจัดการความรู้ (แบบฟอร์ ม 5), หมวด 2. ภาวะผู้นา (แบบฟอร์ ม 6), หมวด 3. วัฒนธรรมในเรื่ องการจัดการความรู้ (แบบฟอร์ ม 7), หมวด 4. เทคโนโลยีการจัดการความรู้ (แบบฟอร์ ม 8), หมวด 5. การวัดผลการจัดการความรู้ (แบบฟอร์ ม 9)
  • 17. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 16 4.3.2 การประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ โดยวิธีอื่นๆ เช่น แบบสอบถาม, รายงานการวิเคราะห์ องค์กร หรื ออื่นๆ ตามความเหมาะสม - การประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้นน องค์กรสามารถเลือกวิธีใดๆ ก็ได้ ที่องค์กรมีความ ั้ เข้ าใจ หรื อถ้ าองค์กรได้ มีการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้มาบ้ างแล้ วก็สามารถใช้ วิธีนนๆได้ (ซึง ั้ ่ ไม่ใช่วิธีการในข้ อ 4.3.1) และเมื่อประเมินแล้ วให้ นาผลสรุปที่ได้ บนทึกลงในแบบฟอร์ ม 10 ั 4.4 การประเมินองค์กรตนเองดังกล่าว ให้ เป็ นการระดมสมองกันภายในองค์กรตนเอง โดยอย่างน้ อยจะต้ อง เป็ นบุคลากรที่เกี่ยวข้ องโดยตรงกับขอบเขต KMและเปาหมาย KM (KM Focus Area และ Desired State) ที่ ้ เลือกไว้ 4.5 ผลลัพธ์ ที่ได้ จากการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ตามแบบฟอร์ ม 5-9 หรื อ 10 จะต้ อง เป็ นข้ อมูลที่เกี่ยวข้ องอย่างชัดเจนกับขอบเขตและเปาหมาย KM ที่เลือกขึ ้นมาจัดทา เพื่อที่จะสามารถจัดทา ้ แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) มาสอดรับกับผลลัพธ์ที่ได้ จากการประเมิน และส่งผลให้ เปาหมาย ้ KM บรรลุผลสาเร็จได้ ตามแผน 4.6 ผู้รับผิดชอบในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ อย่างน้ อยจะต้ องเป็ นบุคลากรที่ เกี่ยวข้ องโดยตรงกับ ขอบเขตและเปาหมาย KM (KM Focus Area และ Desired State) ที่เลือกขึ ้นมาจัดทา ้ 4.7 ผู้บริ หารระดับสูงสุดขององค์กร จะต้ องมีส่วนร่วมในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ เพื่อให้ มนใจว่าสอดคล้ องอย่างถูกต้ องและเหมาะสมกับขอบเขตและเปาหมาย KM ที่เลือกขึ ้นมาจัดทา ั่ ้ 4.8 ให้ กาหนดรายชื่อผู้มีส่วนร่วมกับผู้บริ หารระดับสูง ที่ร่วมในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการ ความรู้ โดยให้ ระบุถึง ชื่อ -นามสกุล, ตาแหน่งงาน และหน่วยงานที่สงกัดอยู่ตามผังองค์กรปั จจุบน ของผู้มี ั ั ส่วนร่วมทุกท่าน
  • 18. หน้ า 17 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั การประเมินองค์กรตนเองในเรื่ องการจัดการความรู้ ด้ วย KMAT ใช้ แบบฟอร์ มที่ 5-9 ดังนี ้ แบบฟอร์ ม 5 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 1 - กระบวนการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 1 กระบวนการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 1.1.องค์กรมีการวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบ เพื่อหาจุดแข็งจุดอ่อนในเรื่ องการจัดการความรู้ เพื่อ ปรับปรุ งในเรื่ องความรู้ เช่นองค์กรยังขาดความรู้ ที่จาเป็ นต้ องมี หรื อองค์กรไม่ได้ รวบรวม ความรู้ ที่มีอยู่ให้ เป็ นระบบ เพื่อให้ ง่ายต่อการนาไปใช้ ไม่ทราบว่าคนไหนเก่งเรื่ องอะไร ฯลฯ และ มีวธีการที่ชดเจนในการแก้ ไข ปรับปรุ ง ิ ั 1.2.องค์กรมีการแสวงหาข้ อมูล/ความรู้ จากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากองค์กรที่มีการ ให้ บริ การคล้ ายคลึงกัน (ถ้ ามี) อย่างเป็ นระบบและมีจริ ยธรรม 1.3 ทุกคนในองค์กร มี ส่วนร่ วมในการแสวงหาความคิดใหม่ ๆ ระดับเทีย บเคีย ง (Benchmarks) และ Best Practices จากองค์กรอื่นๆ ที่มีลกษณะคล้ ายคลึงกัน (บริ การหรื อ ั ดาเนินงานที่คล้ ายคลึงกัน ) และจากองค์กรอื่น ๆ ที่มีลกษณะแตกต่างกันโดยสิ ้นเชิง ั 1.4 องค์กรมีการถ่ายทอด Best Practices อย่างเป็ นระบบ ซึงรวมถึงการเขียน Best ่ Practices ออกมาเป็ นเอกสาร และการจัดทาข้ อสรุ ปบทเรี ยนที่ได้ รับ (Lessons Learned) 1.5 องค์กรเห็นคุณค่า “Tacit Knowledge” หรื อ ความรู้ และทักษะ ที่อยู่ในตัวบุคลากร ซึงเกิด ่ จากประสบการณ์และการเรี ยนรู้ ของแต่ละคน และให้ มีการถ่ายทอดความรู้ และทักษะนัน ๆ ทัว ้ ่ ทังองค์กร ้ ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั แบบฟอร์ ม 6 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 2 - ภาวะผู้นา โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 2 ภาวะผู้นา สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 2.1 ผู้บริ หารกาหนดให้ การจัดการความรู้ เป็ นกลยุทธ์ที่สาคัญในองค์กร 2.2 ผู้บริ หารตระหนักว่า ความรู้ เป็ นสินทรัพย์ (Knowledge Asset) ที่สามารถนาไปใช้ ให้ เกิด ประโยชน์กบองค์กรได้ และมีการจัดทากลยุทธ์ที่ชดเจน เพื่อนาสินทรัพย์ความรู้ ที่มีอยู่ไปใช้ ั ั ประโยชน์ (เช่น ทางานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากขึ ้น ให้ บริ การได้ รวดเร็ วและตรง ตามความต้ องการ สร้ างความพึงพอใจให้ ผ้ ใช้ บริ การ เป็ นต้ น) ู 2.3 องค์กรเน้ นเรื่ องการเรี ยนรู้ ของบุคลากร เพื่อส่งเสริ ม Core Competencies เดิมที่มีอยู่ให้ แข็งแกร่ งขึ ้น และพัฒนา Core Competencies ใหม่ๆ (Core Competencies หมายถึง ความ เก่งหรื อความสามารถเฉพาะทางขององค์กร) 2.4 การมีส่วนร่ วมในการสร้ างองค์ความรู้ ขององค์กร เป็ นส่วนหนึ่งของเกณฑ์ที่องค์กรใช้ ประกอบในการพิจารณาในการ ประเมินผล และให้ ผลตอบแทนบุคลากร ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 19. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 18 แบบฟอร์ ม 7 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 3 - วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 3 วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 3.1 องค์กรส่งเสริ มและให้ การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ ของบุคลากร 3.2 พนักงานในองค์กรทางาน โดยเปิ ดเผยข้ อมูลและมีความไว้ เนื ้อเชื่อใจกันและกัน 3.3 องค์กรตระหนักว่า วัตถุประสงค์หลักของการจัดการความรู้ คือ การสร้ าง หรื อเพิ่มพูน คุณค่าให้ แก่ผ้ ใช้ บริ การและหน่วยงานที่เกี่ยวข้ อง ู 3.4 องค์กรส่งเสริ มให้ บุคลากร เกิดการเรี ยนรู้ โดยการให้ อิสระในการคิด และการทางาน รวมทังกระตุ้นให้ พนักงานสร้ างสรรสิ่งใหม่ ๆ ้ 3.5 ทุกคนในองค์กรถือว่าการเรี ยนรู้ เป็ นหน้ าที่และความรับผิดชอบของทุกคน ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั แบบฟอร์ ม 8 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 4 - เทคโนโลยีการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 4 – เทคโนโลยีการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 4.1.เทคโนโลยี ที่ใช้ ช่วยให้ ทุกคนในองค์กรสื่ อ สารและเชื่ อ มโยงกันได้ อ ย่างทั่วถึงทังภายใน ้ องค์กรและกับองค์กรภายนอก 4.2.เทคโนโลยีที่ใช้ ก่อให้ เกิดคลังความรู้ ขององค์กร ( An Institutional Memory ) ที่ทกคนใน ุ องค์กรสามารถเข้ าถึงได้ 4.3 เทคโนโลยีที่ใช้ ทาให้ บุคลากรในองค์กรเข้ าใจและใกล้ ชิดผู้มาใช้ บริ การมากขึ ้น เช่น ความ ต้ องการและความคาดหวัง พฤติกรรมและความคิด เป็ นต้ น 4.4 องค์กรพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเน้ นความต้ องการของผู้ใช้ 4.5 องค์ ก รกระตื อ รื อ ร้ นที่ จ ะน าเทคโนโลยี ที่ ช่ ว ยให้ พ นัก งานสื่ อ สารเชื่ อ มโยงกัน และ ประสานงานกันได้ ดีขึ ้น มาใช้ ในองค์กร 4.6 ระบบสารสนเทศขององค์กรชาญฉลาด (Smart) ให้ ข้อมูลได้ ทนทีที่เกิดขึ ้นจริ ง (Real ั Time) และข้ อมูลสารสนเทศในระบบมีความเชื่อมโยงกัน ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 20. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 19 แบบฟอร์ ม 9 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 5 - การวัดผลการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 5 การวัดผลการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 5.1 องค์กรมีวธีการที่สามารถเชื่อมโยง การจัดการความรู้ กบผลการดาเนินการที่สาคัญของ ิ ั องค์กร เช่น ผลลัพธ์ในด้ านผู้ใช้ บริ การ ด้ านการพัฒนาองค์กร ฯลฯ 5.2 องค์กรมีการกาหนดตัวชี ้วัดของการจัดการความรู้ โดยเฉพาะ 5.3 จากตัวชี ้วัดในข้ อ 5.2 องค์กรสร้ างความสมดุลย์ระหว่างตัวชี ้วัดที่สามารถตีค่าเป็ นตัวเงิน ได้ ง่าย (เช่น ต้ นทุนที่ลดได้ ฯลฯ) กับตัวชี ้วัดที่ตีค่าเป็ นตัวเงินได้ ยาก ( เช่น ความพึงพอใจของผู้ มาใช้ บริ การ การตอบสนองผู้ใช้ บริ การได้ เร็ วขึ ้น การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ) 5.4 องค์กรมีการจัดสรรทรัพยากรให้ กบกิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนสาคัญที่ทาให้ ฐานความรู้ ของ ั องค์กรเพิ่มพูนขึ ้น ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั ถ้ าใช้ วิธีอ่ ืนๆ ในการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ (เป็ นวิธีอื่นๆที่องค์กรมีความเข้ าใจ หรื อได้ มี การจัดทามาแล้ ว) และเมื่อประเมินแล้ วให้ ระบุรายละเอียดลงในแบบฟอร์ ม 10 ดังนี ้ แบบฟอร์ มที่ 10 รายงานผลการประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ (กรณีใช้วิธีอืนๆ) ่ ชื่อหน่วยงาน………………………………………………………………………………………………….. วันที่ประเมิน ……………………………………………………………………………………………………หน้ าที่…/… หัวข้ อที่ประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ผลการประเมิน (สิงที่มีอยู/่ ทาอยู) ่ ่ ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 21. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 20 4.9 จากแบบฟอร์ ม 5-9 หรื อ 10 ให้ นาข้ อมูลที่ได้ จากการประเมินองค์กรตนเอง มาใช้ ในการกาหนดกิจกรรม และรายละเอียดต่างๆ ในแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)ในแบบฟอร์ ม 11 และ 12 4.10 เพื่อให้ การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) มีประสิทธิผลมากขึ ้น ให้ องค์กรประเมิน ปั จจัยแห่ งความสาเร็จ (Key Success Factor) สาหรับการวางระบบการจัดการความรู้ และการนาระบบไป ปฏิบติ แล้ วให้ องค์กรระบุ มา 5 ปั จจัยหลัก เพื่อใช้ เป็ นบรรทัดฐานการจัดทาแผนการจัดการความรู้ ( KM ั Action Plan) ให้ สามารถนาระบบไปปฏิบตได้ อย่างเป็ นรูปธรรมภายในหน่วยงาน ัิ 4.11 การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ควรจะพิจารณาการเชื่อมโยงกับข้ อเสนอการ เปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์ ที่ได้ ปฏิบติตามข้ อเสนอไปแล้ ว หรื อที่อยู่ในช่วง ั กาลังปฏิบติ ซึงองค์กรได้ คดเลือกไว้ ในแผนปี งบประมาณ พ.ศ. 2548 เช่น ั ่ ั 4.11.1 KM Team ต้ องประกอบด้ วยใคร ตาแหน่ง งานใด หน่วยงานใด เพื่ อมาช่วยใน การทาตาม เปาหมาย KM ที่เลือกไว้ ก็ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้ อเรื่ อง การจัดแบ่งงานและหน้ าที่ เพื่อให้ เป็ นหน่วยงาน ้ หนึงของแผนผังโดยรวมขององค์กร ่ 4.11.2 ถ้ าเรื่ องใดต้ องได้ รับความรู้จากการฝึ กอบรม ก็ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้ อ บุคลากร 4.11.3 ถ้ าเรื่ องใดต้ องการใช้ เทคโนโลยี เช่น ด้ าน IT ก็ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้ อเทคโนโลยี 4.12 การจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ควรจะกาหนดวันเวลาเพิ่มเติมในเรื่ องต่อไปนี ้ไว้ ด้ วย 4.12.1 วันเวลาที่ผ้ บริ หารระดับสูงสุด, CKO และทีมงาน KM ประชุมทบทวนร่วมกันเป็ นช่วงระยะเวลาตาม ู ความเหมาะสมภายในปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 4.12.2 วันเวลานัดที่ปรึกษาเข้ าติดตามผลการดาเนินงานตาม KM Action Plan โดย ส่วนราชการและจังหวัด จะต้ องจัดเตรี ยมเนื ้อหาเพื่อไว้ นาเสนอที่ปรึ กษาถึงความคืบหน้ าของผลงาน เป็ นระยะตามความเหมาะสมภายใน ปี งบประมาณ พ.ศ. 2549
  • 22. หน้ า 21 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม สาหรั บใช้ จัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)  จากแบบฟอร์ ม 5-9 หรื อ 10 ให้ นาข้ อมูลที่ได้ จากการประเมินองค์กรตนเอง และการกาหนดปั จจัยแห่ง ความสาเร็ จ (Key Success Factor) มาใช้ ในการกาหนดกิจกรรมและรายละเอียดต่างๆ ในแผนการ จัดการความรู้ (KM Action Plan)ในแบบฟอร์ ม 10 และ 11 ตามลาดับ  แบบฟอร์ ม 11 เป็ นแผนการจัดการความรู้ ในส่วนของการกาหนดกระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) เพื่อให้ การจัดทาการจัดการความรู้ขององค์กรดาเนินไปอย่างมีระบบ  แบบฟอร์ ม 12 เป็ นแผนการจัดการความรู้ ในส่วนของการกาหนดปั จจัยแวดล้ อมภายในองค์กร ที่จะทา ให้ การจัดการความรู้ เกิดขึนได้ และมีความยังยืน โดยใช้ กระบวนการบริ หารจัดการการเปลี่ยนแปลง ้ ่ (Change Management Process) เพื่อให้ กระบวนการจัดการความรู้ มีชีวิตหมุนต่อไปได้ อย่าง ต่อเนื่อง แบบฟอร์ ม 11 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) ชื่อหน่วนงาน : ……………………………………………………………………………………………………………. เปาหมาย KM (Desired State) : ………………………………………………………………………………………… ้ หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : …………………………………………………………………………………………… ั ลาดับ กิจกรรม 1 2 การบ่งชี ้ความรู้ การสร้ างและ แสวงหาความรู้ การจัดความรู้ ให้ เป็ นระบบ การประมวล และกลันกรอง ่ ความรู้ การเข้ าถึง ความรู้ การแบ่งปั น แลกเปลียน ่ ความรู้ การเรี ยนรู้ 3 4 5 6 7 วิธีการสู่ ความสาเร็จ ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย ้ เครื่องมือ/ อุปกรณ์ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ ผู้ทบทวน/อนุมติ : นายกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 23. หน้ า 22 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 12 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ชื่อหน่วนงาน : ……………………………………………………………………………………………………………… เปาหมาย KM (Desired State) : ………………………………………………………………………………………….. ้ หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : …………………………………………………………………………………………….. ั ลาดับ กิจกรรม 1 การเตรี ยมการ และ ปรับเปลียน ่ พฤติกรรม การสือสาร ่ กระบวนการ และเครื่ องมือ การเรี ยนรู้ การวัดผล การยกย่อง ชมเชยและการ ให้ รางวัล 2 3 4 5 6 วิธีการสู่ ความสาเร็จ ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย ้ เครื่องมือ/ อุปกรณ์ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ ผู้ทบทวน/อนุมติ : นายกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั เมื่อจัดทาแผนการจัดการความรู้ (Km Action Plan) ตามแบบฟอร์ ม 11 -12 เรี ยบร้ อยแล้ ว ให้ องค์กรจัดทา แบบฟอร์ ม 13 เพื่อสรุปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ ดังนี ้ แบบฟอร์ ม 13 สรุปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ ชื่อหน่วนงาน……………………………………………………………………………………………………………… เปาหมาย KM (Desired State) :………………………………………………………………………………………… ้ หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : …………………………………………………………………………………………… ั ลาดับ กิจกรรมตามแผนการจัดการความรู้ งบประมาณ (บาท) ปี พ.ศ.2549 ปี พ.ศ. …… ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 24. หน้ า 23 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั บทที่ 5 : การกาหนดโครงสร้ างทีมงาน KM โครงสร้ างทีมงาน KM ประธาน (CKO) - ให้ การสนับสนุนในด้ านต่ างๆ เช่ น ทรั พยากร - ให้ คาปรึกษาแนะนาและร่ วมประชุมเพื่อการตัดสินใจแก่ คณะทางาน ที่ปรึกษา หัวหน้ า - จัดทาแผนงานการจัดการความรู้ในองค์ กรเพื่อนาเสนอประธาน - รายงานผลการดาเนินงานและความคืบหน้ าต่ อประธาน - ผลักดัน ติดตามความก้ าวหน้ าและประเมินผลเพื่อปรับปรุ งแก้ ไข - ประสานงานกับคณะที่ปรึกษาและคณะทีมงาน เลขานุการ ทีมงาน - ให้ คาปรึกษาเกี่ยวกับการดาเนินการ และอุปสรรคต่ างๆที่เกิดขึนกับคณะทางาน ้ - นัดประชุมคณะทางานและทารายงานการประชุม - รวบรวมรายงานความคืบหน้ าการดาเนินงาน - ประสานงานกับคณะทีมงานและหัวหน้ า - ดาเนินการตามแผนงานที่ได้ รับมอบหมาย - จัดทารายงานความคืบหน้ าของงานในส่ วนที่รับผิดชอบ - เป็ น “แบบอย่ างที่ดี” ในเรื่ องการจัดการความรู้ - เป็ น Master Trainer ด้ านการจัดการความรู้ 1. การประกาศแต่งตังโครงสร้ างทีมงาน KM ขอให้ ระบุถึง ชื่อ-นามสกุล, ตาแหน่งงาน และหน่วยงานที่ ้ สังกัดอยูตามผังองค์กรปั จจุบน พร้ อมด้ วยรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบของทุกตาแหน่ง ่ ั 2. ทีมงาน KM ที่ต้องดาเนินการตามเปาหมาย KM ที่เลือกไว้ ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้ อเรื่ อง การจัดแบ่งงาน ้ และหน้ าที่ ใน Blueprint for Changeเพื่อให้ เป็ นหน่วยงานหนึงของแผนผังโดยรวมขององค์กร ่ 3. การพิจารณาโครงสร้ างทีมงาน KM เพื่อจะมีบคลากรที่ต้องเกี่ยวข้ องและ/หรื อ มีส่วนที่ต้องสนับสนุนต่อการ ุ ดาเนินการตามเปาหมาย KM ที่เลือกไว้ ให้ บรรลุผลสาเร็จตามแผนนัน มีกลุมบุคลากรที่ควรพิจารณาดังนี ้คือ ้ ้ ่ 3.1. ผู้บริหารระดับสูงสุด จะต้ องมีสวนร่วมในการกาหนดโครงสร้ างทีมงาน KM ่ 3.2. หน่วยงานเจ้ าของกระบวนงานตามเปาหมาย KM (Work Process Owner) ควรประกอบด้ วย ผู้บริ หาร ้ ระดับสูงของหน่วยงานนัน, ผู้รับผิดชอบกระบวนงานนัน ้ ้ 3.3. หน่วยข้ ามสายงาน (Cross Functional Unit) ที่ต้องเกี่ยวข้ อง และ/หรื อ มีส่วนที่ต้องสนับสนุนต่อการ ดาเนินการตามเปาหมาย KM เช่น หน่วยงาน IT, ทรัพยากรบุคคล, สื่อสาร/ประชาสัมพันธ์ , หน่วยพิจารณา ้
  • 25. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 24 ภาพรวมค่าใช้ จายขององค์กร ฯลฯ ควรประกอบด้ วย ผู้บริ หารระดับสูงของหน่วยงานนัน, ตัวแทนผู้รับผิดชอบ ่ ้ หน่วยงาน 3.4. หน่วยงาน /บุคคลอื่นๆ ที่เหมาะสม และผู้บริ หารระดับสูงสุดต้ องการมอบหมาย 4. กรณี ที่การจัดการความรู้ ขององค์กร มีความจาเป็ นและสามารถจะจัดสรรงบประมาณได้ เพื่ อจะนา เทคโนโลยีด้าน IT มาใช้ ควรจะมีหน่วยงาน IT เข้ าร่วมทีมงาน KM ด้ วย
  • 26. หน้ า 25 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั ภาคผนวก ก ภาคผนวก ก : ( กาหนดการ และ เอกสารที่ต้องส่ งมอบให้ สานักงาน กพร. ) กาหนดการส่งมอบงาน การพัฒนาการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ของส่วนราชการ ปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 1. ตามตัวชี ้วัดที่ 13.1 ระยะเวลาของการส่งมอบแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ + ต้ องส่งมอบงาน ตามเกณฑ์การให้ คะแนน ของกรอบการประเมินผล มิติที่ 4 2. ตามตัวชี ้วัดที่ 13.2 ระดับคุณภาพของแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ และกรณีที่ ต้ องปรับหรื อแก้ ไขตามข้ อเสนอแนะของที่ปรึกษา + ต้ องส่งมอบงาน ภายในวันที่ตามกรอบการประเมินผล มิตที่ 4 ิ 3. ตามตัวชี ้วัดที่ 13.3 ร้ อยละความสาเร็จของการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็น ยุทธศาสตร์ ประจาปี งบประมาณ พ.ศ.2549 + ต้ องส่งมอบงาน ตามแผนการจัดการความรู้ของส่วนราชการที่นาเสนอไว้ หมายเหตุ ให้ อ้างอิงตามเอกสารกรอบการประเมินผลการปฏิบตราชการ ประจาปี งบประมาณ 2549 ัิ กาหนดการส่ งมอบงาน การพัฒนาการจัดการความรู้ เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ของจังหวัด ปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 1. ตามตัวชี ้วัดที่ 11.1 ระยะเวลาของการส่งมอบแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ + ต้ องส่งมอบงาน ตามเกณฑ์การให้ คะแนน ของกรอบการประเมินผล มิติที่ 4 2. ตามตัวชี ้วัดที่ 11.2 ระดับคุณภาพของแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ และกรณีที่ ต้ องปรับหรื อแก้ ไขตามข้ อเสนอแนะของที่ปรึกษา + ต้ องส่งมอบงาน ภายในวันที่ตามกรอบการประเมินผล มิตที่ 4 ิ 3. ตามตัวชี ้วัดที่ 11.3 ร้ อยละความสาเร็จของการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็น ยุทธศาสตร์ ประจาปี งบประมาณ พ.ศ.2549 + ต้ องส่งมอบงาน ตามแผนการจัดการความรู้ของจังหวัดที่นาเสนอไว้ หมายเหตุ ให้ อ้างอิงตามเอกสารกรอบการประเมินผลการปฏิบตราชการ ประจาปี งบประมาณ 2549 ัิ รายการเอกสารที่ต้องส่ งมอบให้ สานักงาน กพร. 1. ประกาศแต่งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer) พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความ ้ รับผิดชอบ 2. แบบฟอร์ ม 1 ขอบเขต KM (KM Focus Area) 3. แบบฟอร์ ม 2 การตัดสินใจเลือกขอบเขต KM (KM Focus Area)
  • 27. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 26 4. แบบฟอร์ ม 3 เปาหมาย KM (Desired State) ้ 5. แบบฟอร์ ม 4 Check List ทวนสอบการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM ้ (Desired State) 6. แบบฟอร์ ม 5 – 9 แบบประเมินตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ หมวด 1 – หมวด 5 7. แบบฟอร์ ม 10 : รายงานผลการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ (กรณีวิธีอื่นๆ) 8. แบบฟอร์ ม 11-12 : แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) 9. แบบฟอร์ ม 13 : สรุปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ 10. รายชื่อผู้มีส่วนร่ วมตัดสินใจเลือกขอบเขต KM เปาหมาย KM และการประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการ ้ จัดการความรู้ 11.ข้ อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์ ที่องค์กรได้ คดเลือกไว้ ในแผนปี ั 2548 เฉพาะส่วนที่ได้ นามาจัดการความรู้ เพื่อใช้ ประกอบการพิจารณา (กรณีที่เลือกทา KM จาก Blueprint ปี 2548) หมายเหตุ เอกสารตามข้ อ 1 ถึง 9 ต้ องมีผ้ บริ หารระดับสูงสุด และ CKO ลงนามรับรองโดยต้ องส่งตรงตาม ู กาหนดการส่งมอบงาน และได้ กรอกรายละเอียดของเอกสารทังหมดครบถ้ วน สามารถนาไปปฏิบติได้ จริ ง ้ ั ก่ อนจัดส่ ง ให้ สานักงาน กพร.
  • 28. หน้ า 27 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั ภาคผนวก ข - แบบฟอร์ ม คำรับรอง กำรปฏิบัติรำชกำร ประจำปี งบประมำณ พ.ศ. 2549 ด้ ำนกำรพัฒนำกำรจัดกำรควำมรู้ในองค์ กร ตำมยุทธศำสตร์ …………………………. จัดทำโดย กรม/ จังหวัด ………………. งหวั วันที่ …. / ….. / …… สารบัญ 1. บทสรุปผู้บริหาร - ประกาศแต่งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer) ้ พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบ 2. ขอบเขต KM (KM Focus Area) 3. เปาหมาย KM (Desired State) ้ 4. การประเมินตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ และสรุปผลการประเมินตนเอง 5. ปั จจัยแห่งความสาเร็จ (Key Success Factor) 6. แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) 7. งบประมาณการดาเนินงานการจัดการความรู้ ภาคผนวก : ข้ อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์ ที่องค์กรได้ คดเลือกไว้ ในแผนปี 2548 ั หน้ า ….. ….. …. …. …. …. …. …. ….
  • 29. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 28 1. บทสรุ ปผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… 1.1 ประกาศแต่ งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer) ้ พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบ …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………
  • 30. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 29 1.2 ขอบเขต KM (KM Focus Area)  ขอบเขต KM (KM Focus Area) ที่สนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ทงหมดประกอบด้ วย ั้ 1. ………………………………………………………………………….. 2. ………………………………………………………………………….. 3………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………..  ขอบเขต KM (KM Focus Area) ที่จะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 (ได้ คะแนนสูงสุด) คือ …………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………. 1.3 เปาหมาย KM (Desired State) ้  เปาหมาย KM (Desired State) ทังหมด ที่สอดรับกับขอบเขต KM ที่จะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จ ้ ้ ภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 ประกอบด้ วย 1. ………………………………………………………………………….. 2. ………………………………………………………………………….. 3………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………..  เปาหมาย KM (Desired State) เพียงเปาหมายเดียว ที่ทีมงานจะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จภายใน ้ ้ งบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 คือ ……………..……………….. ……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………….
  • 31. หน้ า 30 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั 1.4 ปั จจัยแห่ งความสาเร็จ (Key Success Factor) ปั จจัยแห่งความสาเร็จ (Key Success Factor) เพื่อให้ ดาเนินการจัดการความรู้ตามเปาหมาย KM ้ ที่เลือกทา สามารถนาไปปฏิบตได้ อย่างเป็ นรูปธรรมภายในองค์กร คือ ัิ 1. ………………………………………………………………………….. 2. ………………………………………………………………………….. 3………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… แบบฟอร์ ม 1 ขอบเขต KM (KM Focus Areas) ของหน่ วยงาน ……………….................... ประโยชน์ที่จะได้ รับจากขอบเขต KM ที่มีตอ ่ ขอบเขต KM ที่ (KM Focus Areas) ประชาชนไทย / ข้ าราชการ ของ ชาวต่างชาติ/ หน่วยงานตนเอง ชุมชน 1. ………………………………… 1……………… 1……………… 2.1 ………….. 2. ………………………………… 2.1 …...……… 2.2 ………….. 3.1 ………..… 3. ………………………………… 3.1………….. 3.2 ………… 4. ………………………………… 4.1 …..……… 4.1 ……..…… Outsource รัฐบาล ของ หน่วยงาน 1.……………... 1.…………. 1.…………. 2.1…….. 2.1 .………… 2.1…….. 2.2 ……. กระทรวง กรม กอง ของหน่วยงานอื่น 3.1 .………… 3.1…….. 3.1…….. 4.1 .………… 4.2 …………. 4.1…….. 4.1…….. 5.1 ……. 5.2 ……. n. ………………………………… n. …………… n. …….……… n. ….………… n. ……... n. ……... ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ………………………………………………. ( CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด ) ั 5. ………………………………… 5.1 …..……… 5.1 ……..…… 5.1 …………… 5.1 …….
  • 32. หน้ า 31 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 2 การตัดสินใจเลือกขอบเขต KM ของหน่ วยงาน ………………………….. เกณฑ์ การกาหนดขอบเขต KM ขอบเขต KM ที่ …. ขอบเขต KM ที่ ... …....... ขอบเขต KM ที่ ... 1.สอดคล้ องกับทิศทางและยุทธศาสตร์ 2.ปรับปรุงแล้ วเห็นได้ ชดเจน (เป็ นรูปธรรม) ั 3.มีโอกาสทาได้ สาเร็จสูง 4.ต้ องทา คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้ องการ 5.ผู้ บริหารให้ การสนับสนุน 6.เป็ นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน 7…………………………… 8.<อื่นๆ เพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสม> รวมคะแนน หมายเหตุ : เกณฑ์การให้ คะแนน คือ มาก = 6, ปานกลาง = 3, น้ อย = 1 <เกณฑ์คะแนนสามารถปรับเปลียนตามความเหมาะสมได้ > ่ ผู้ทบทวน / ผู้อนุมัติ : ………………………………………………. ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด ) แบบฟอร์ ม 3 เปาหมาย KM (Desired State) ของหน่ วยงาน ………………………….. ้ ขอบเขต KM (KM Focus Area) คือ ………………………...………...…………………………….… เปาหมาย KM (Desired State) ้ เปาหมาย KM ที่ ....…….………………………………..……. ้ เปาหมาย KM ที่ ….......….………..…………………………. ้ ...…………………..……………………………………………. หน่ วยที่วัดผลได้ เป็ นรู ปธรรม ………………………………… ………………………………… ………………………………… เปาหมาย KM ที่องค์ กรต้ องการทาคือ เปาหมาย KM ที่ xx ้ ้ ………………………………… ……….…………………………………………………………. ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : …………………………………… ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด ) ั
  • 33. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 32 แบบฟอร์ ม 4 Check List ทวนสอบการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM (Desired State) ้ ชื่อหน่วนงาน : ……………………………………………………………………………..…วันที่ :……/………/……… เปาหมาย KM (Desired State) : ………………………………………………………………………………………… ้ หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรมตามเปาหมาย KM : ………………………………………………………………………… ั ้ ลาดับ รายการ Check List ระบุรายละเอียด 1. 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 2. 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 3. 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 4. 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 4.6 กระบวนงาน (Work Process) ที่เกี่ยวข้ อง กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM ้ ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM ้ ้ กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ องกับประเด็น ้ ยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และสอด คล้ องกับประเด็น ้ ้ ยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย คิดเป็ นจานวน กระบวนงานและขันตอน เท่าไร ้ อะไรคือตัวชี ้วัดของกระบวนงาน ที่เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ อง ้ กับประเด็นยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายในองค์ กร หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายนอกองค์ กร (ผู้ ใช้ บริการ / Outsource) องค์กรไหน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. องค์กรไหน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ความรู้ท่จาเป็ น (EK/ TK) ในกระบวนงาน (Work Process) ี มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้ ทันสมัยกับกาลเวลา (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ้ มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย (ระบุมา ั ้ ทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ้ มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้ ทันสมัยกับกาลเวลา และอยูกบใครบ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ่ั ้ มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย และอยูกบใคร ั ้ ่ั บ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ้ จากข้ อ 4.01, 4.02 ความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี จากข้ อ 4.03, 4.04 ความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 34. หน้ า 33 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 5 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 1 - กระบวนการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 1 กระบวนการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 1.1.องค์กรมีการวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบ เพื่อหาจุดแข็งจุดอ่อนในเรื่ องการจัดการความรู้ เพื่อ ปรับปรุ งในเรื่ องความรู้ เช่นองค์กรยังขาดความรู้ ที่จาเป็ นต้ องมี หรื อองค์กรไม่ได้ รวบรวม ความรู้ ที่มีอยู่ให้ เป็ นระบบ เพื่อให้ ง่ายต่อการนาไปใช้ ไม่ทราบว่าคนไหนเก่งเรื่ องอะไร ฯลฯ และ มีวธีการที่ชดเจนในการแก้ ไข ปรับปรุ ง ิ ั 1.2.องค์กรมีการแสวงหาข้ อมูล/ความรู้ จากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากองค์กรที่มีการ ให้ บริ การคล้ ายคลึงกัน (ถ้ ามี) อย่างเป็ นระบบและมีจริ ยธรรม 1.3 ทุกคนในองค์กร มี ส่วนร่ วมในการแสวงหาความคิดใหม่ ๆ ระดับเทีย บเคีย ง (Benchmarks) และ Best Practices จากองค์กรอื่นๆ ที่มีลกษณะคล้ ายคลึงกัน (บริ การหรื อ ั ดาเนินงานที่คล้ ายคลึงกัน ) และจากองค์กรอื่น ๆ ที่มีลกษณะแตกต่างกันโดยสิ ้นเชิง ั 1.4 องค์กรมีการถ่ายทอด Best Practices อย่างเป็ นระบบ ซึงรวมถึงการเขียน Best ่ Practices ออกมาเป็ นเอกสาร และการจัดทาข้ อสรุ ปบทเรี ยนที่ได้ รับ (Lessons Learned) 1.5 องค์กรเห็นคุณค่า “Tacit Knowledge” หรื อ ความรู้ และทักษะ ที่อยู่ในตัวบุคลากร ซึงเกิด ่ จากประสบการณ์และการเรี ยนรู้ ของแต่ละคน และให้ มีการถ่ายทอดความรู้ และทักษะนัน ๆ ทัว ้ ่ ทังองค์กร ้ ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั แบบฟอร์ ม 6 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 2 - ภาวะผู้นา โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 2 ภาวะผู้นา สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 2.1 ผู้บริ หารกาหนดให้ การจัดการความรู้ เป็ นกลยุทธ์ที่สาคัญในองค์กร 2.2 ผู้บริ หารตระหนักว่า ความรู้ เป็ นสินทรัพย์ (Knowledge Asset) ที่สามารถนาไปใช้ ให้ เกิด ประโยชน์กบองค์กรได้ และมีการจัดทากลยุทธ์ที่ชดเจน เพื่อนาสินทรัพย์ความรู้ ที่มีอยู่ไปใช้ ั ั ประโยชน์ (เช่น ทางานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากขึ ้น ให้ บริ การได้ รวดเร็ วและตรง ตามความต้ องการ สร้ างความพึงพอใจให้ ผ้ ใช้ บริ การ เป็ นต้ น) ู 2.3 องค์กรเน้ นเรื่ องการเรี ยนรู้ ของบุคลากร เพื่อส่งเสริ ม Core Competencies เดิมที่มีอยู่ให้ แข็งแกร่ งขึ ้น และพัฒนา Core Competencies ใหม่ๆ (Core Competencies หมายถึง ความ เก่งหรื อความสามารถเฉพาะทางขององค์กร) 2.4 การมีส่วนร่ วมในการสร้ างองค์ความรู้ ขององค์กร เป็ นส่วนหนึ่งของเกณฑ์ที่องค์กรใช้ ประกอบในการพิจารณาในการ ประเมินผล และให้ ผลตอบแทนบุคลากร ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 35. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 34 แบบฟอร์ ม 7 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 3 - วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 3 วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 3.1 องค์กรส่งเสริ มและให้ การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ ของบุคลากร 3.2 พนักงานในองค์กรทางาน โดยเปิ ดเผยข้ อมูลและมีความไว้ เนื ้อเชื่อใจกันและกัน 3.3 องค์กรตระหนักว่า วัตถุประสงค์หลักของการจัดการความรู้ คือ การสร้ าง หรื อเพิ่มพูน คุณค่าให้ แก่ผ้ ใช้ บริ การและหน่วยงานที่เกี่ยวข้ อง ู 3.4 องค์กรส่งเสริ มให้ บุคลากร เกิดการเรี ยนรู้ โดยการให้ อิสระในการคิด และการทางาน รวมทังกระตุ้นให้ พนักงานสร้ างสรรสิ่งใหม่ ๆ ้ 3.5 ทุกคนในองค์กรถือว่าการเรี ยนรู้ เป็ นหน้ าที่และความรับผิดชอบของทุกคน ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั แบบฟอร์ ม 8 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 4 - เทคโนโลยีการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 4 – เทคโนโลยีการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 4.1.เทคโนโลยี ที่ใช้ ช่วยให้ ทุกคนในองค์กรสื่ อ สารและเชื่ อ มโยงกันได้ อ ย่างทั่วถึงทังภายใน ้ องค์กรและกับองค์กรภายนอก 4.2.เทคโนโลยีที่ใช้ ก่อให้ เกิดคลังความรู้ ขององค์กร ( An Institutional Memory ) ที่ทกคนใน ุ องค์กรสามารถเข้ าถึงได้ 4.3 เทคโนโลยีที่ใช้ ทาให้ บุคลากรในองค์กรเข้ าใจและใกล้ ชิดผู้มาใช้ บริ การมากขึ ้น เช่น ความ ต้ องการและความคาดหวัง พฤติกรรมและความคิด เป็ นต้ น 4.4 องค์กรพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเน้ นความต้ องการของผู้ใช้ 4.5 องค์ ก รกระตื อ รื อ ร้ นที่ จ ะน าเทคโนโลยี ที่ ช่ ว ยให้ พ นัก งานสื่ อ สารเชื่ อ มโยงกัน และ ประสานงานกันได้ ดีขึ ้น มาใช้ ในองค์กร 4.6 ระบบสารสนเทศขององค์กรชาญฉลาด (Smart) ให้ ข้อมูลได้ ทนทีที่เกิดขึ ้นจริ ง (Real ั Time) และข้ อมูลสารสนเทศในระบบมีความเชื่อมโยงกัน ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 36. หน้ า 35 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 9 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 5 - การวัดผลการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 5 การวัดผลการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 5.1 องค์กรมีวธีการที่สามารถเชื่อมโยง การจัดการความรู้ กบผลการดาเนินการที่สาคัญของ ิ ั องค์กร เช่น ผลลัพธ์ในด้ านผู้ใช้ บริ การ ด้ านการพัฒนาองค์กร ฯลฯ 5.2 องค์กรมีการกาหนดตัวชี ้วัดของการจัดการความรู้ โดยเฉพาะ 5.3 จากตัวชี ้วัดในข้ อ 5.2 องค์กรสร้ างความสมดุลย์ระหว่างตัวชี ้วัดที่สามารถตีค่าเป็ นตัวเงิน ได้ ง่าย (เช่น ต้ นทุนที่ลดได้ ฯลฯ) กับตัวชี ้วัดที่ตีค่าเป็ นตัวเงินได้ ยาก ( เช่น ความพึงพอใจของผู้ มาใช้ บริ การ การตอบสนองผู้ใช้ บริ การได้ เร็ วขึ ้น การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ) 5.4 องค์กรมีการจัดสรรทรัพยากรให้ กบกิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนสาคัญที่ทาให้ ฐานความรู้ ของ ั องค์กรเพิ่มพูนขึ ้น ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั แบบฟอร์ มที่ 10 รายงานผลการประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ (กรณีใช้วิธีอืนๆ) ่ ชื่อหน่วยงาน………………………………………………………………………………………………….. วันที่ประเมิน ……………………………………………………………………………………………………หน้ าที่…/… หัวข้ อที่ประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ผลการประเมิน (สิงที่มีอยู/่ ทาอยู) ่ ่ ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 37. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 36 แบบฟอร์ ม 11 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) ชื่อหน่วนงาน : ……………………………………………………………………………………………………………. เปาหมาย KM (Desired State) : ………………………………………………………………………………………… ้ หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : …………………………………………………………………………………………… ั ลาดับ กิจกรรม วิธีการสู่ ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย เครื่องมือ/ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ ้ ความสาเร็จ อุปกรณ์ 1 การบ่งชี ้ความรู้ 2 การสร้ างและ แสวงหาความรู้ 3 การจัดความรู้ให้ เป็ นระบบ 4 การประมวลและ กลันกรองความรู้ ่ 5 การเข้ าถึงความรู้ 6 การแบ่งปั น แลกเปลี่ยน ความรู้ 7 การเรียนรู้ ผู้ทบทวน/อนุมติ : นายกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด) ั แบบฟอร์ ม 12 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ชื่อหน่วนงาน : ……………………………………………………………………………………………………………… เปาหมาย KM (Desired State) : ………………………………………………………………………………………….. ้ หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : …………………………………………………………………………………………….. ั ลาดับ กิจกรรม วิธีการสู่ ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย เครื่องมือ/ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ ้ ความสาเร็จ อุปกรณ์ 1 การเตรียมการ และปรับเปลี่ยน พฤติกรรม 2 การสื่อสาร 3 กระบวนการและ เครื่องมือ 4 การเรียนรู้ 5 การวัดผล 6 การยกย่องชมเชย และการให้ รางวัล ผู้ทบทวน/อนุมติ : นายกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด) ั
  • 38. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 37 แบบฟอร์ ม 13 สรุ ปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ ชื่อหน่วนงาน……………………………………………………………………………………………………………… เปาหมาย KM (Desired State) :………………………………………………………………………………………… ้ หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : …………………………………………………………………………………………… ั งบประมาณ ลาดับ กิจกรรมตามแผนการจัดการความรู้ ปี พ.ศ.2549 ปี พ.ศ. …… (บาท) ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 39. หน้ า 38 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั ภาคผนวก ค – ตัวอย่ าง หน้ าปกเอกสาร คำรับรอง กำรปฏิบัติรำชกำร ประจำปี งบประมำณ พ.ศ. 2549 ด้ ำนกำรพัฒนำกำรจัดกำรควำมรู้ในองค์ กร ตำมยุทธศำสตร์ …………………………. จัดทำโดย กรม/ จังหวัด ………………. วันที่ …. / ….. / …… สารบัญ 1. บทสรุปผู้บริ หาร - ประกาศแต่งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer) ้ พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบ 2. ขอบเขต KM (KM Focus Area) 3. เปาหมาย KM (Desired State) ้ 4. การประเมินตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ และสรุปผลการประเมินตนเอง 5. ปั จจัยแห่งความสาเร็ จ (Key Success Factor) 6. แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) 7. งบประมาณการดาเนินงานการจัดการความรู้ ภาคผนวก : ข้ อเสนอการเปลียนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์ ่ ที่องค์กรได้ คดเลือกไว้ ในแผนปี 2548 ั หน้ า ….. ….. …. …. …. …. …. …. ….
  • 40. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 39 1. บทสรุ ปผู้บริหาร จากพระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริ หารกิจการบ้ านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 11 ส่วน ราชการมีหน้ าที่พฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้ มีลกษณะเป็ นองค์กรแห่งการเรี ยนรู้ อย่างสม่าเสมอ โดยต้ อง ั ั รับรู้ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ในด้ านต่างๆ เพื่อนามาประยุกต์ใช้ ในการปฏิบติราชการได้ อย่าง ั ถูกต้ อง รวดเร็ ว และเหมาะสมต่อสถานการณ์ รวมทังต้ องส่งเสริ มและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้ าง ้ วิสยทัศน์ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้ าราชการในสังกัด ให้ เป็ นบุคลากรที่มีประสิทธิ ภาพและมีการเรี ยนรู้ ั ร่วมกัน... เพื่อให้ การปฏิบติราชการของส่วนราชการและจังหวัด เป็ นไปตามหลักเกณฑ์และมีวิธีการบริ หารที่ดี จึงได้ ั นาการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ซึ่งเป็ นระบบการจัดการที่สามารถกาหนดขึ ้น และนาไป ปฏิบัติได้ อย่างเป็ นรู ปธรรม โดยทางองค์ กรได้ จัดวางระบบการจัดการความรู้ และแผนการดาเนินงาน ไว้ ดัง รายการต่อไปนี ้ 1.1 ประกาศแต่ งตังทีมงาน KM และ CKO (Chief Knowledge Officer) ้ พร้ อมรายละเอียดหน้ าที่และความรับผิดชอบ เพื่อให้ การจัดทาระบบการจัดการความรู้ดาเนินไปอย่างมีประสิทธิผล หน่วยงาน……………จึงได้ ประกาศแต่งตัง้ ทีมงาน KM และ CKO ดังต่อไปนี ้ 1. นายกรม นวัตกรรม เป็ น CKO ซึงมีหน้ าที่และความรับผิดชอบดังนี ้ ่ 1.1 …………………….. 1.2 ……………………. ………………………… 2. นาย……………..เป็ น หัวหน้ า KM Team 3. นาง……………..เป็ น KM Team 4. นางสาว…………เป็ น KM Team 5. ………………………………….. 6. ………………………………….. ………………………………………. โดย หัวหน้ า KM Team มีหน้ าที่และความรับผิดชอบดังนี ้ ………………………………………………………………… และ KM Team มีหน้ าทีและความรับผิดชอบดังนี ้ ่ ……………………………………………………
  • 41. คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั หน้ า 40 1.2 ขอบเขต KM (KM Focus Area)  ขอบเขต KM (KM Focus Area) ที่สนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ทงหมดประกอบด้ วย ั้ 1. ………………………………………………………………………….. 2. ………………………………………………………………………….. 3………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………..  ขอบเขต KM (KM Focus Area) ที่จะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 (ได้ คะแนนสูงสุด) คือ …………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………. 1.3 เปาหมาย KM (Desired State) ้  เปาหมาย KM (Desired State) ทังหมด ที่สอดรับกับขอบเขต KM ที่จะเลือกดาเนินการให้ แล้ ว ้ ้ เสร็จภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 ประกอบด้ วย 1. ………………………………………………………………………….. 2. ………………………………………………………………………….. 3………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………..  เปาหมาย KM (Desired State) เพียงเปาหมายเดียว ที่ทีมงานจะเลือกดาเนินการให้ แล้ วเสร็จ ้ ้ ภายในงบประมาณประจาปี พ.ศ. 2549 คือ ……………..……………….. …………………………………………………………………………………………………….
  • 42. หน้ า 41 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั 1.4 ปั จจัยแห่ งความสาเร็จ (Key Success Factor) ปั จจัยแห่งความสาเร็จ (Key Success Factor) เพื่อให้ ดาเนินการจัดการความรู้ตามเปาหมาย KM ้ ที่เลือกทา สามารถนาไปปฏิบตได้ อย่างเป็ นรูปธรรมภายในองค์กร คือ ัิ 1. ………………………………………………………………………….. 2. ………………………………………………………………………….. 3………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………… แบบฟอร์ ม 1 ขอบเขต KM (KM Focus Areas) ของหน่ วยงาน …กรมนวัตกรรม…….................... ประโยชน์ที่จะได้ รับจากขอบเขต KM ที่มีตอ ่ ขอบเขต KM ที่ (KM Focus Areas) 1. การเฝ้ าระวังสิงแวดล้ อมด้ านน ้า ่ 2. ………………………………… ประชาชนไทย / ข้ าราชการ ของ กระทรวง กรม กอง ชาวต่างชาติ/ รัฐบาล หน่วยงานตนเอง ของหน่วยงานอื่น ชุมชน 1.1..มี ส่ ว นร่ ว มใน กา รคว บ คุ ม ดู แ ล รักษา สวล.ด้ านนา ้ ได้ อย่างถูกต้ อง 2.1 ………….. 2.2 ………….. 3. ………………………………… 3.1………….. 1.1.ข ร ก .ที่ เกี่ ยวข้ องทุกคน มี ความรู้ ที่ ถู ก ต้ อง เป็ นมาตรฐานใน การควบคุม ดูแล สวล.ด้ านน ้า 1.1 ….…… 1.1 …. Outsourc e ของ หน่วยงาน 1.1 ….… 2.1 …...……… 2.1 .………… 2.1…….. 2.1…….. 2.2 ……. 3.1 ………..… 3.2 ………… 3.1…….. 3.1…….. 3.1 .………… 5.1 ……. 5.2 ……. . ………………………………… n. …………… n. …….……… n. ….………… n. ……... n. ……... ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……นายกรม นวัตกรรม……. ( CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด ) ั . ………………………………… 5.1 …..……… 5.1 ……..…… 5.1 …………… 5.1 …….
  • 43. หน้ า 42 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 2 การตัดสินใจเลือกขอบเขต KM ของหน่ วยงาน …กรมนวัตกรรม……………….. เกณฑ์ การกาหนดขอบเขต KM 1.สอดคล้ องกับทิศทางและยุทธศาสตร์ 2.ปรับปรุงแล้ วเห็นได้ ชดเจน (เป็ นรูปธรรม) ั 3.มีโอกาสทาได้ สาเร็จสูง 4.ต้ องทา คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้ องการ 5.ผู้ บริหารให้ การสนับสนุน 6.เป็ นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน 7…………………………… 8. <อื่นๆ เพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสม> รวมคะแนน ขอบเขต KM ที่ 1 ขอบเขต KM ที่ 2 ขอบเขต KM ที่ 3 6 3 3 3 3 3 6 3 1 1 1 3 3 1 1 1 1 1 21 15 8 หมายเหตุ : เกณฑ์การให้ คะแนน คือ มาก = 6, ปานกลาง = 3, น้ อย = 1 <เกณฑ์คะแนนสามารถปรับเปลียนตามความเหมาะสมได้ > ่ ผู้ทบทวน / ผู้อนุมัติ : ……นายกรม นวัตกรรม……. ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด ) แบบฟอร์ ม 3 เปาหมาย KM (Desired State) ของหน่ วยงาน …กรมนวัตกรรม……………….. ้ ขอบเขต KM (KM Focus Area) คือ 1. การเฝาระวังสิ่งแวดล้ อมด้ านน ้า ้ เปาหมาย KM (Desired State) ้ หน่ วยที่วัดผลได้ เป็ นรู ปธรรม เปาหมาย KM ที่ 1.1 โรงพยาบาลภายใต้ การควบคุมดูแลของกรมฯ สามารถ ้ จัดการความรู้ด้านควบคุมคุณภาพน ้าเสียให้ ได้ ตามกฎหมายหรื อได้ มาตรฐาน ที่สงกว่า ู เปาหมาย KM ที่ 1.2 กรมฯ สามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวด ้ ล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้ ตามกฎหมายหรื อได้ ่ มาตรฐานที่สงกว่า ู ...…………………..……………………………………………. เปาหมาย KM ที่องค์ กรต้ องการทาคือ เปาหมาย KM ที่ 1.2 กรมฯ ้ ้ สามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ ่ การควบคุมดูแลให้ ได้ ตามกฎหมายหรื อได้ มาตรฐานที่สงกว่า ู อย่างน้ อย 1 โรงพยาบาล นาระบบ การจัดการความรู้ด้านควบคุมน ้าเสีย ใช้ ควบคุมได้ จริ งภายในปี 2549 ข้ าราชการในสังกัด ได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริ ง อย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549 ………………………………… ข้ าราชการในสังกัด ได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริ ง อย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549 ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : …นำยกรม นวัตกรรม…… ( CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด ) ั
  • 44. หน้ า 43 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 4 Check List ทวนสอบการกาหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเปาหมาย KM (Desired State) ้ ชื่อหน่วนงาน : กรมนวัตกรรม วันที่ : 5 ธันวาคม 2548 เปาหมาย KM (Desired State) : องค์กรสามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้ ตาม ้ ่ กฎหมายหรือได้ มาตรฐานที่สงกว่า ู หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรมตามเปาหมาย KM : ข้ าราชการในสังกัดได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริงอย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549 ั ้ ลาดับ รายการ Check List ระบุรายละเอียด 1. กระบวนงาน (Work Process) ที่เกี่ยวข้ อง 1.1 กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM ้ การรักษาสิ่งแวดล้ อม 1.2 ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM ้ ้ ………………………… กระบวนงานไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ องกับประเด็น ้ 1.3 ………………………… ยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย ขันตอนไหนบ้ าง เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และสอด คล้ องกับประเด็นยุทธศาสตร์ ้ ้ 1.4 ………………………….. ปี 2548 ด้ วย 1.5 คิดเป็ นจานวน กระบวนงานและขันตอน เท่าไร ้ …………………………. อะไรคือตัวชี ้วัดของกระบวนงาน ที่เชื่อมโยงกับเปาหมาย KM และ สอดคล้ องกับ ้ 1.6 ……………………………. ประเด็นยุทธศาสตร์ ปี 2548 ด้ วย 2. กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายในองค์ กร 2.1 หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ……………………………… 2.2 ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ……………………………… 2.3 คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ……………………………… 2.4 หน่วยงานไหนขององค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ……………………………… 2.5 ใครบ้ างในหน่วยงาน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ……………………………… 2.6 คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ……………………………… กลุ่มผู้เกี่ยวข้ องภายนอกองค์ กร (ผู้ ใช้ บริการ / Outsource) 3. 3.1 องค์กรไหน ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ……………………………… 3.2 ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ……………………………… 3.3 คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องแบ่งปั นแลกเปลี่ยน / Sharing K. ……………………………… 3.4 องค์กรไหน ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ……………………………… 3.5 ใครบ้ างในองค์กร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ……………………………… 3.6 คิดเป็ นจานวนคน เท่าไร ที่ต้องเรียนรู้ / Learning K. ……………………………… 4. ความรู้ท่จาเป็ น (EK/ TK) ในกระบวนงาน (Work Process) ี มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้ ทนสมัยกับ ั 4.1 ……………………………… กาลเวลา (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ้ มีความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทา ั ้ ้ 4.2 ……………………………… ได้ ) 4.3 4.4 4.5 4.6 มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่ต้องเข้ ากระบวนการจัดการความรู้ เพื่อปรับให้ ทนสมัยกับ ั กาลเวลา และอยูกบใครบ้ าง (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ่ั ้ มีความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่จดการครังเดียวแล้ วไม่ต้องปรับอีกเลย และอยูกบใครบ้ าง ั ้ ่ั (ระบุมาทังหมดเท่าที่ทาได้ ) ้ จากข้ อ 4.1, 4.2 ความรู้ EK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี จากข้ อ 4.3, 4.4 ความรู้ TK อะไรบ้ าง ที่เรามี และ เรายังไม่มี ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 45. หน้ า 44 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 5 แบบประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 1 - กระบวนการจัดการความรู้ โปรดอ่านข้ อความด้ านล่างและประเมินว่าองค์กรของท่านมีการดาเนินการในเรื่ องการจัดการความรู้ อยู่ในระดับใด 0 – ไม่มีเลย / มีน้อยมาก 1 – มีน้อย 2 - มีระดับปานกลาง 3 - มีในระดับที่ดี 4 – มีในระดับที่ดีมาก หมวด 1 กระบวนการจัดการความรู้ สิ่งที่มีอยู่ / ทาอยู่ 1.1.องค์กรมีการวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบ เพื่อ หาจุดแข็งจุดอ่อนในเรื่ องการจัดการความรู้ - องค์ กรมีการวิเคราะห์ SWOT ของ เพื่อปรับปรุ งในเรื่ องความรู้ เช่นองค์กรยังขาดความรู้ ที่จาเป็ นต้ องมี หรื อองค์กรไม่ได้ รวบรวม องค์ ก ร แต่ ยั ง ไม่ ไ ด้ เชื่ อ มโยงถึ ง การ ความรู้ ที่มีอยู่ให้ เป็ นระบบ เพื่ อให้ ง่ายต่อการนาไปใช้ ไม่ทราบว่าคนไหนเก่งเรื่ องอะไร ฯลฯ จัดการความรู้ ……………………………………………. และมีวธีการที่ชดเจนในการแก้ ไข ปรับปรุ ง ิ ั 1.2.องค์กรมีการแสวงหาข้ อมูล/ความรู้ จากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากองค์กรที่มีการ ให้ บริ การคล้ ายคลึงกัน (ถ้ ามี) อย่างเป็ นระบบและมีจริ ยธรรม 1.3 ทุกคนในองค์กร มี ส่วนร่ วมในการแสวงหาความคิดใหม่ ๆ ระดับเทียบเคียง (Benchmarks) และ Best Practices จากองค์กรอื่นๆ ที่มีลกษณะคล้ ายคลึงกัน (บริ การหรื อ ั ดาเนินงานที่คล้ ายคลึงกัน ) และจากองค์กรอื่น ๆ ที่มีลกษณะแตกต่างกันโดยสิ ้นเชิง ั 1.4 องค์กรมีการถ่ายทอด Best Practices อย่างเป็ นระบบ ซึงรวมถึงการเขียน Best ่ Practices ออกมาเป็ นเอกสาร และการจัดทาข้ อสรุ ปบทเรี ยนที่ได้ รับ (Lessons Learned) 1.5 องค์กรเห็นคุณค่า “Tacit Knowledge” หรื อ ความรู้ และทักษะ ที่อยู่ในตัวบุคลากร ซึง ่ เกิดจากประสบการณ์และการเรี ยนรู้ ของแต่ละคน และให้ มีการถ่ายทอดความรู้ และทักษะนัน ้ ๆ ทัวทังองค์กร ่ ้ -องค์ กรมีการแสวงหาความรู้ /ข้ อมูล จาก แหล่งต่า งๆเมื่อ จาเป็ นต้ อ งใช้ แต่ไม่เป็ น ระบบ ต่างคน ต่างทา -…………………………………….. - องค์กรมีการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ บ้ าง แต่ไม่เป็ นระบบ และทากันเฉพาะกลุ่มงาน และยังไม่ครอบคลุมทุกคน -………………………………………. - องค์กรมีการจัด ทาวารสารความรู้ เพื่อ เผยแพร่ ใ นบางเรื่ อ ง แต่ยัง ไม่เ ป็ นระบบ ใครอยากทาก็ทา -………………………………………. - องค์กรเห็นคุณค่าของ Tacit Knowledge และพยายามกระตุ้น ให้ มี การถ่า ยทอด ความรู้ แต่ไม่ได้ ทาเป็ นระบบ ส่วนใหญ่ มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เป็ น กลุมย่อยๆ แต่ไม่มีรูปแบบชัดเจน ่ - …………………….. ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……นำยกรม นวัตกรรม……. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั การประเมินองค์ กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ด้ วย KMAT ให้ ประเมินให้ ครบทัง 5 แบบฟอร์ ม ้ ได้ แก่ แบบฟอร์ มที่ 5-9 และให้ เติมรายละเอียดให้ ครบทุกช่ อง
  • 46. หน้ า 45 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั การประเมินองค์ กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ถ้ าไม่ ได้ ประเมินด้ วย KMAT ให้ ระบุหัวข้ อที่ ประเมินและระบุส่ ิงที่มีอยู่หรื อทาอยู่ในแบบฟอร์ มที่ 10 นี ้ และให้ เติมรายละเอียดให้ ครบทุก ช่ อง แบบฟอร์ มที่ 10 รายงานผลการประเมินองค์ กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ (กรณีใช้วิธีอืนๆ) ่ ชื่อหน่วยงาน………………………………………………………………………………………………….. วันที่ประเมิน ……………………………………………………………………………………………………หน้ าที่…/… หัวข้ อที่ประเมินองค์กรตนเองเรื่ องการจัดการความรู้ ผลการประเมิน (สิงที่มีอยู/่ ทาอยู) ่ ่ ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ……………………………………………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั
  • 47. หน้ า 46 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 11 แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) ชื่อหน่วนงาน : กรมนวัตกรรม เปาหมาย KM (Desired State) : องค์กรสามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้ ้ ่ ตามกฎหมายหรือได้ มาตรฐานที่สงกว่า ู หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ข้ าราชการในสังกัดได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริงอย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549 ั ลาดับ กิจกรรม วิธีการสู่ ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย เครื่องมือ/ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ ้ ความสาเร็จ อุปกรณ์ ทะเบียน 1 การบ่งชี ้ความรู้ รายการ จานวนรายการ -กระดาษ A4, -10,000 -อธิบดีกรม …… -ความรู้ ด้านการรักษา -ทาการตรวจสอบ 15 -30 สภาพแวดล้ อมของ แหล่งน ้า -ความรู้ ด้านกฎหมาย ของแหล่งน ้า 2 3 4 5 6 7 การสร้ างและ แสวงหาความรู้ -ภายใน -ภายนอก การจัดความรู้ให้ เป็ นระบบ การประมวลและ กลันกรองความรู้ ่ การเข้ าถึงความรู้ การแบ่งปั น แลกเปลี่ยน ความรู้ การเรียนรู้ ความรู้ที่ ต้ องใช้ ด้าน การรักษา สภาพแวด ล้ อม ความรู้ด้านการ รักษา สภาพแวดล้ อม อย่างน้ อย 10 รายการ คอมพิวเตอร์ , บาท พริ นเตอร์ ้ -………… -………….. , KM Team -……… …… ………. ………. ……… ……… ………. ………. ………. ………. ………. ………. ……… ……… …… ….. - รวบรวมความรู้ เป็ นหมวดหมูและ ่ จัดทาฐานข้ อมูล เป็ น Knowledge Base -………………. 1 -15 ม.ค.48 ………….. มี ฐานข้ อมูล ความรู้ ด้ านการ รักษา สภาพแวด ล้ อมที่ นาไปใช้ ได้ จานวนความรู้ที่ นาไปใช้ ได้ จริ ง อย่างน้ อย 1 รายการ -กระดาษ A4, คอมพิวเตอร์ , พริ นเตอร์ ้ -………… -50,000 บาท ….. -………….. -อธิบดี กรม, KM Team -……… ……………. ……………. ……………. ……………. ………. ………. ………. ………. ……… ……… ……… ……… ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ……… ……… ……… ……… -กระดาษ A4, คอมพิวเตอร์ , พริ นเตอร์ ้ -ห้ อง ประชุม. -30,000 บาท -อธิบดี กรม, KM Team -……… …… ….. …… ….. ….. ความรู้ในองค์กร เพื่อหา Gap ความรู้ที่มีกบ ั ความรู้ที่ต้องใช้ -……………… ธ.ค.48 ……………. ……………. -จัดทากิจกรรม COP, After Action Review -………………… 1-15 มี.ค48 ………….. ……………. ……………. ………. ………. จานวนหัวข้ อ มีกิจกรรม CoP ด้ านการ CoP หัวข้ อ รักษา การรักษา สภาพแวดล้ อม สภาพแวด อย่างน้ อย 5 ล้ อม หัวข้ อ -………….. ……… ………. ………. ………. ……… …… ……… ………. ………. ………. ……… ….. ผู้ทบทวน/อนุมติ : นำยกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด) ั
  • 48. หน้ า 47 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 12 – แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) : กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ชื่อหน่วนงาน : กรมนวัตกรรม เปาหมาย KM (Desired State) : องค์กรสามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้ ้ ่ ตามกฎหมายหรือได้ มาตรฐานที่สงกว่า ู หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ข้ าราชการในสังกัดได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริงอย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549 ั ลาดับ กิจกรรม วิธีการสู่ ระยะเวลา ตัวชี ้วัด เปาหมาย เครื่องมือ/ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ สถานะ ้ ความสาเร็จ อุปกรณ์ -ส่งเสริ มให้ 15 ธ.ค.48 พนักงาน จานวน -กระดาษ -30,000 -อธิบดีกรม, ….. 1 การเตรียมการ พนักงานเห็น เป็ นต้ นไป ทราบ พนักงานที A4, บาท KM Team และปรับเปลี่ยน ความสาคัญของ ………….. เปาหมา ทราบ ้ คอมพิวเตอร์ -…………. พฤติกรรม การจัดการความรู้ -……………… 2 การสื่อสาร 3 4 กระบวนการและ เครื่องมือ การเรียนรู้ 5 การวัดผล 6 การยกย่องชมเชย และการให้ รางวัล ย KM ของ องค์กร เปาหมาย ้ KM ของ องค์กรอย่าง น้ อย 50% ขององค์กร , พริ นเตอร์ ้ -………… -………….. ……………. ……………. ……………. ……………. ……………. ……………. ……………. ……………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ……… ……… ……… ……… ……… ……… ……… ……… ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ………. ……… ……… ……… ……… ……… ……… ……… ……… -การให้ ของขวัญ/ ของรางวัล -………………… 15 ธ.ค.48 เป็ นต้ นไป ………….. พนักงาน มีความ เข้ าใจ การ จัดการ ความรู้ จานวน พนักงานที่ เข้ าใจการ จัดการ ความรู้อย่าง น้ อย 50% ขององค์กร -ของขวัญ/ ของรางวัล -………… -50,000 บาท -อธิบดีกรม, KM Team -…………. …… ….. …… ….. …… ….. …… ….. ….. -………….. ผู้ทบทวน/อนุมติ : นำยกรม นวัตกรรม (CKO / ผู้บริหารระดับสูงสุด) ั
  • 49. หน้ า 48 คู่มือการจัดการความรู้ : จากทฤษฎีส่ ูการปฏิบติ ั แบบฟอร์ ม 13 สรุ ปงบประมาณการดาเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ ชื่อหน่วนงาน : กรมนวัตกรรม เปาหมาย KM (Desired State) : องค์กรสามารถจัดการความรู้ด้านการรักษาสภาพแวดล้ อมของแหล่งน ้าที่อยูภายใต้ การควบคุมดูแลให้ ได้ ้ ่ ตามกฎหมายหรือได้ มาตรฐานที่สงกว่า ู หน่วยที่วดผลได้ เป็ นรูปธรรม : ข้ าราชการในสังกัดได้ นาความรู้ไปใช้ ควบคุมได้ จริงอย่างน้ อย 1 แหล่งน ้า ภายในปี 2549 ั ลาดับ กิจกรรมตามแผนการจัดการความรู้ งบประมาณ (บาท) 1 ……………… xx,xxxx 1.2 ………………. xx,xxxx … ……………… xx,xxxx 2 2.1 กระบวนการบริหารจัดการการ เปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ……………… xx,xxxx 2.1 ………………. xx,xxxx …. ……………… ปี พ.ศ. …… กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) 1.1 ปี พ.ศ.2549 xx,xxxx ผู้ทบทวน / ผู้อนุมติ : ………นำยกรม นวัตกรรม ………. (CKO / ผู้บริ หารระดับสูงสุด) ั