SlideShare a Scribd company logo
รู ปแบบการเรียนแบบผสมผสานด้ วยการเรียนรู้ ร่วมกันโดยใช้ กรณีศึกษาเพือพัฒนา
                                                                        ่
            การเรียนรู้ ร่วมกันเป็ นทีมสํ าหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
The Blended Learning Model using Collaborative and Case-based Learning to
           Create the Team Learning of the Graduate Students

                                ผศ.ดร.ณมน จีรังสุ วรรณ1, อ.ดร.ปณิ ตา วรรณพิรุณ2
               1
                 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารเพื่อการศึกษา คณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรม
                               มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
                                             (namon9@hotmail.com)
               2
                   สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารเพื่อการศึกษา คณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรม
                                  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
                                             (panitaw@kmutnb.ac.th)


 ABSTRACT                                                      and the students summarized the ideas. Finally, the
                                                               third procedure: the students took the test and received
                                                               an evaluation from the teacher.
 The objective the research study was to develop the           2. The graduate students learned with the blended
 blended learning model using collaborative and                learning model using the collaborative and case-based
 case-based learning to create the team learning of            learning had a statistically significant difference of the
 the graduate students. The study was divided into             team learning posttest scores over the pretest scores
 two stages: 1) developing the blended learning                at .05 level. The students agreed that learning with the
 model using collaborative and case-based learning             blended learning model was at a high level of
 to create the team learning, 2) determining the               satisfaction.
 results of the blended learning model using
 collaborative and case-based learning to create the           Key words: blended learning model, collaborative
 team learning of the graduate students. The sample            learning, case-based learning, team learning
 group of the study was 21 graduate students of
 King Mongkut's University of Technology North
 Bangkok who had enrolled to the course of the
 Information and Communication Technology for
                                                               บทคัดย่ อ
 Technical Education in the first semester of 2010.            การวิจัย นี้ มี วตถุ ประสงค์เพื่อ พัฒนารู ปแบบการเรี ย นแบบ
                                                                                ั
 The experiment period was 10 weeks. The research
 tools were the blended learning model using                   ผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ
 collaborative and case-based learning and the
 observation form of the team learning behaviors.
                                                               พัฒ นาการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน เป็ นที ม สํ า หรั บ นัก ศึ ก ษาระดับ
 Data were analyzed using the average, the standard            บัณฑิตศึกษา การดําเนิ นการวิจย 2 ระยะ คือ 1) การพัฒนา
                                                                                                      ั
 deviation, and t-Test for dependence.
 The results of the study revealed those:                      รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย
 1. The blended learning model using collaborative
 and case-based learning consisted of 3 procedures
                                                               ใช้กรณี ศึกษา และ 2) การศึกษาผลของการใช้รูปแบบการ
 which were: 1) the preparation before studying, 2)            เรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา
 the blended learning, and 3) the knowledge testing
 and evaluation. The first procedure: the preparation          เพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับ
 before studying consisted of three steps which                บัณ ฑิ ต ศึ ก ษา กลุ่ ม ตัว อย่า งที่ ใ ช้ใ นการวิจัย คื อ นัก ศึ ก ษา
 were: 1.1) the planning and direction of learning,
 1.2) the motivation, and 1.3) the supporting of               ระดับบัณฑิ ตศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
 learning. The second procedure: the blended
 learning using collaborative and case-based                   พระนครเหนือ ที่ลงทะเบียนเรี ยนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
 learning consisted of five steps which were: 2.1) the         และการสื่ อสารเพื่อเทคนิ คศึกษา ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา
 students studied the contents, 2.2) the students
 studied the case studies, 2.3) the students diagnosed         2553 จํา นวน 21 คน ดํา เนิ น การทดลอง 10 สั ป ดาห์
 the problems by exploring the knowledge from
 various sources, 2.4) the students conducted a                เครื่ องมื อ ที่ ใ ช้ ใ นการวิ จั ย คื อ รู ปแบบการเรี ยนแบบ
 brainstorm activity using the web tools to find out           ผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษา แบบ
 the solutions of the problems. And also, the teacher

                                                         115
สังเกตพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ร่วมกันเป็ นทีม สถิติที่ใช้ใน           เพื่อการศึกษา ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
การวิจย คื อ ร้ อยละ ค่าเฉลี่ ยเลขคณิ ต ส่ วนเบี่ ยงเบน
          ั                                                        สื่ อสารทั้ งในทางตรงและทางอ้ อ ม รั ฐ พึ ง สนั บ สนุ น
มาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบแบบที                          โ ค ร ง ส ร้ า ง พื้ น ฐ า น ก า ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้
ผลการวิจย พบว่า
             ั                                                     สถาบัน อุ ด มศึ ก ษาพัฒ นาและใช้ศ ัก ยภาพทางเทคโนโลยี
1. รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู ้ร่วมกัน              สารสนเทศและการสื่ อสารเพื่อรองรั บนโยบายเทคโนโลยี
โดยใช้กรณี ศึ กษาเพื่อ พัฒนาการเรี ยนรู ้ ร่วมกันเป็ นที ม         สารสนเทศและการสื่ อสารของชาติ โดยเฉพาะ e-Education
สํา หรั บ นัก ศึ ก ษาระดับ บัณ ฑิ ต ศึ ก ษา ประกอบด้ว ย 3          ตามแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2551 -
ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นการเตรี ยมการ 1.1) ขั้นการ                                 ํ
                                                                   2565 ได้กาหนดแนวนโยบายโครงสร้างพื้นฐานการเรี ยนรู้วา                  ่
วางแผนและกําหนดทิศทางการเรี ยนรู ้ 1.2) ขั้นการสร้าง               รั ฐ ควรให้ ก ารสนั บ สนุ น สถาบัน อุ ด มศึ ก ษาภาครั ฐ และ
แรงจูงใจในการเรี ยนรู้ 1.3) ขั้นการสนับสนุ นแหล่ง                  ภาคเอกชนในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร
เรี ยนรู ้ 2) ขั้นการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้              เพื่อการเข้าถึงและการลดช่องว่างของดิจิตอล (digital divide)
ร่ วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา 2.1) ขั้นศึกษาเนื้ อหาบทเรี ยน            โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริ การการเรี ยนรู้ทางไกลและการ
2.2) ขั้นศึกษากรณี ศึกษา 2.3) ขั้นวินิจฉัยปั ญหาด้วยการ            เรี ยนรู้ผานสื่ ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆทั้งที่เป็ นการเรี ยนในระบบ
                                                                             ่
สํารวจ 2.4) ขั้นระดมสมองโดยใช้เครื่ องมือบนเว็บเพื่อ               นอกระบบ และตามอัธยาศัย
หาวิธีการแก้ปัญหา 2.5) ขั้นร่ วมกันสรุ ปผล และ 3) ขั้น             รู ปแบบการจัดการเรี ยนการสอนที่ ผสมผสานการเรี ยนบน
ทดสอบความรู ้และประเมินผล                                          เว็บและการเรี ยนในห้องเรี ยนเป็ นรู ปแบบการเรี ยนที่ยดหยุน      ื ่
2. นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่เรี ยนโดยใช้รูปแบบการ                ตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคลของผูเ้ รี ยนทั้งด้าน
เรี ยนแบบผสมผสานด้ ว ยการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน โดยใช้                 รู ปแบบการเรี ยน รู ปแบบการคิ ด ความสนใจและ
กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม มีผล               ความสามารถของผูเ้ รี ยนแต่ละคน (Bonk & Graham, 2004)
คะแนนการประเมิ นการเรี ยนรู้ ร่วมกันเป็ นที มหลังการ               ทําให้ผูเ้ รี ยนสามารถศึ กษาและฝึ กปฏิ บติดวยตนเองได้ทุ ก
                                                                                                                    ั ้
เรี ยนตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานสู งกว่าก่อ น                   เวลาจากทุกสถานที่ตามความต้องการของตนเอง (Bersin,
เรี ยนอย่างมีนยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีความพึง
                 ั                                                 2004) นอกจากนี้การเรี ยนการสอนบนเว็บแบบผสมผสานยัง
                                    ่
พอใจต่อการเรี ยนตามรู ปแบบอยูในระดับมาก                            สามารถพัฒนาผูเ้ รี ยนให้เกิดการเรี ยนรู้อย่างมีความหมายโดย
                                                                   ใช้สิ่ ง แวดล้อ มแบบออนไลน์ แ ละสิ่ ง แวดล้อ มในชั้น เรี ย น
คําสํ าคัญ การเรี ยนแบบผสมผสาน, การเรี ยนรู้ร่วมกัน                การปฏิสัมพันธ์จากการเรี ยนแบบร่ วมมือบนระบบเครื อข่าย
การเรี ยนโดยใช้กรณี ศึกษา, การเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม             สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยน ความร่ วมมือในการ
                                                                   เรี ยน ได้เป็ นอย่างดี (Kaye, 2003)
1) บทนํา                                                           การเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม (team learning) เป็ นขั้นตอนการ
ในยุค เศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ภูมิ ปั ญ ญาที่ เ ทคโนโลยี         เรี ยนรู้ ร่ ว มกัน มี ก ารช่ ว ยเหลื อ เพื่ อ เสริ มและพัฒ นาขี ด
สารสนเทศและการสื่ อสารได้ รั บ การพั ฒ นาให้ มี                    ความสามารถของพนั ก งานในกลุ่ ม ร่ วมกั น เน้ น การ
ประสิ ทธิ ภาพมากยิ่งขึ้ นได้ถูกนํามาใช้เป็ นเครื่ องมื อใน         แลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ พูด คุ ย และให้ข ้อ มู ล ป้ อนกลับ ระหว่า ง
การพัฒ นาและสนับ สนุ น การจัด การศึ ก ษามากขึ้ น ทุ ก              สมาชิ ก ในที ม เทคโนโลยีที่ ส นับ สนุ น การเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน
ขณะ ดังนั้นการจัดการศึกษาจึงต้องปรับเปลี่ยนกระบวน                  (collaborative technologies) ได้แก่ ไปรษณี ยอิเล็กทรอนิกส์,
                                                                                                                        ์
ทัศน์ รู ปแบบ เทคนิ คและวิธีการสอนเพื่อให้สนองตอบ                  ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบกระดานประกาศ (bulletin
ต่ อ การพัฒ นาทรั พ ยากรมนุ ษ ย์แ ละการแข่ ง ขัน ของ               board systems) กลุ่มเสวนา (discussion groups) การเสวนา
ประเทศทั้งด้านความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี การ                     แบบร้อยเรี ยง (threaded discussions) และเครื่ องมือนําเสนอ
ปรั บ ตั ว ต่ อ การกระจายความรู้ ซึ่ งสอดคล้ อ งกั บ               งานผ่านระบบ online เป็ นต้น กิจกรรมการเรี ยนรู้ที่ส่งเสริ ม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ หมวดที่ 9 เทคโนโลยี                  ให้เกิดการเรี ยนรู้ร่วมกันผ่านสื่ ออิเล็กทรอนิ กส์ สามารถทํา

                                                             116
ได้หลายรู ปแบบ เช่น การศึกษาทางไกล การประชุ ม                              เรี ยนอย่างมีนยสําคัญทางสถิติ
                                                                                         ั
ทางไกลผ่า นวี ดิ ท ัศ น์ การเรี ย นการสอนบนเว็บ แฟ้ ม                      4) ขอบเขตการวิจัย
สะสมงานอิเล็กทรอนิ กส์ เครื อข่ายการเรี ยนเสมือน และ                       4.1) ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ชุมชนแห่ งการเรี ยนรู้สําหรับผูเ้ รี ยน (ใจทิพย์ ณ สงขลา,                  ประชากร คื อ นักศึ กษาระดับ บัณฑิ ตศึ กษา มหาวิทยาลัย
2550)                                                                      เทคโนโลยีพ ระจอมเกล้าพระนครเหนื อ ภาคเรี ย นที่ 1 ปี
การเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาในบริ บทการเรี ยนแบบ                    การศึกษา 2553
ผสมผสานเป็ นการนําเสนอปั ญหาที่ เป็ นจริ ง เพื่ อจัดหา                     กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัย
สถานการณ์ ให้กับผูเ้ รี ยนตามเป้ าหมายและวัตถุ ประสงค์                     เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนื อ ที่ลงทะเบียนเรี ยน
ของการเรี ยน โดยให้ ผู้เ รี ยนได้ เ กิ ด การคิ ด วิ เ คราะห์               วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารเพื่อเทคนิ คศึกษา
สังเคราะห์ ประยุกต์แนวคิ ด ทฤษฎี ในการวิเคราะห์ และ                        ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 จํานวน 21 คน
ตัดสิ นใจ สามารถส่ งเสริ มให้ผเู้ รี ยนเกิดการเรี ยนรู้ร่วมกัน             4.2) ตัวแปรในการวิจย    ั
อย่างต่อเนื่องโดยเน้นการปฏิบติในรู ปของวินย 5 ประการ
                                ั              ั                           ตัวแปรอิสระ คือ รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการ
ได้แก่ ลักษณะไฟแรงไฝ่ รู้ คู่ ศ ักยภาพ ลักษณะรั บรู้                       เรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกัน
ภาพลักษณ์ โลกรอบตัวอย่างถูกต้อง การสร้ างวิสัยทัศน์                        เป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
ร่ วมกัน การเรี ยนรู้เป็ นทีม และการคิดเป็ นระบบครบวงจร                    ตัวแปรตาม คือ คะแนนการประเมินการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ น
(Ward,1998)                                                                ทีม และความพึงพอใจ
การพัฒนานักศึกษาบัณฑิตศึกษาให้มีลกษณะการเรี ยนรู้
                                           ั
ร่ วมกันเป็ นที มในบริ บทของการเรี ย นแบบผสมผสาน
                                                                           5) วิธีดําเนินการวิจัย
โดยใช้การเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาในการวิจยครั้ง   ั
                                                                           ระยะที่ 1 การพัฒนารู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย
นี้ สามารถเป็ นแนวทางในการพัฒ นาการเรี ย นแบบ
                                                                           การเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ พัฒ นาการเรี ย นรู้
ผสมผสานโดยใช้การเรี ย นรู้ ร่ วมกันโดยใช้ก รณี ศึ กษา
                                                                           ร่ วมกันเป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
และการพั ฒ นาการเรี ยนรู ้ ร่ วมกั น เป็ นที ม สํ า หรั บ
                                                                           1) พัฒนากรอบแนวคิดของรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสาน
สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาอื่น ๆ ต่อไป
                                                                           ด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา โดยการสังเคราะห์
                                                                           เอกสารและงานวิจยที่เกี่ยวข้องกับรู ปแบบการเรี ยนการสอน
                                                                                                  ั
2) วัตถุประสงค์ การวิจัย                                                   การเรี ยนแบบผสมผสาน การเรี ยนรู้ ร่ วมกั น ผ่ า นสื่ อ
2.1) เพื่อพัฒนารู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการ                           อิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม
เรี ย นรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ พัฒ นาการเรี ย นรู้         2) พัฒนารู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้
ร่ วมกันเป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา                            ร่ วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม
2.2) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรี ยนแบบผสมผสาน                           สํ า หรั บ นั ก ศึ ก ษาระดับ บัณ ฑิ ต ศึ ก ษา ตามขั้น ตอนการ
ด้วยการเรี ยนรู ้ ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการ                     ออกแบบระบบการเรี ยนการสอน (Instructional System
เรี ยนรู ้ร่วมกันเป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา                   Design: ISD) (ณมน จีรังสุ วรรณ, 2549) 5 ขั้นตอน ดังนี้
                                                                           2.1) ขั้นการวิเคราะห์ (Analysis)
3) สมมติฐานการวิจัย                                                             วิเคราะห์เนื้ อหา สร้างแผนภาพมโนทัศน์เป็ นการเริ่ มต้น
นักศึ กษาระดับบัณฑิ ตศึ กษาที่ เรี ยนโดยใช้รู ปแบบการ                      ขอบเขตเนื้ อหา วิเคราะห์คุณลักษณะและรู ปแบบการเรี ยนรู้
เรี ยนแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน โดยใช้                          ของนัก ศึ ก ษาระดับ บัณ ฑิ ต ศึ ก ษา และวิ เ คราะห์ บ ริ บ ทที่
กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม มีผล                       เกี่ยวข้องกับการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกัน
คะแนนการประเมิ นการเรี ยนรู ้ ร่วมกันเป็ นที มหลังการ                      โดยใช้กรณี ศึกษา
เรี ยนตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานสู งกว่าก่ อ น
                                                                     117
2.2) ขั้นการออกแบบ (Design)                                       2.5) ขั้นการประเมินผล (Evaluation)
2.2.1) ออกแบบจุ ดประสงค์ เพื่อกําหนดวัตถุประสงค์                  2.5.1) ประเมินคุณภาพรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย
ในหัวข้อหลัก หัวข้อรอง และวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม                การเรี ยนรู ้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา ด้านการออกแบบระบบ
2.2.2) ออกแบบโครงข่ายเนื้อหา แสดงการเชื่อมโยงและ                  การเรี ยนการสอนแบบผสมผสาน ด้านการเรี ยนรู้ ร่วมกัน
ลํา ดับ ชั้น ตอนเนื้ อ หา และออกแบบโมดู ล ของเนื้ อ หา            ผ่านสื่ ออิ เล็กทรอนิ กส์ และด้านการเรี ยนรู ้ ร่วมกันโดยใช้
สําหรับระบบบริ หารจัดการเรี ยนการสอน (LMS)                        กรณี ศึกษา โดยผูเ้ ชี่ยวชาญ 5 ท่าน
2.2.3) ออกแบบยุท ธศาสตร์ ก ารเรี ย นแบบผสมผสาน                    2.5.2) ประเมิ น คุ ณ ภาพระบบบริ หารจัด การเรี ยนรู้ ต าม
ด้วยการเรี ยนรู ้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา                          รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย
แบ่งออกเป็ น 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นศึกษาเนื้อหาบทเรี ยน            ใช้ก รณี ศึ ก ษา ด้า นเนื้ อ หาและด้า นเทคนิ ค โดยนํา เว็บ
2) ขั้นศึกษากรณี ศึกษา 3) ขั้นวินิจฉัยปั ญหาด้วยการ               ฝึ กอบรมและคู่ มื อ ที่ พ ัฒ นาขึ้ น เสนอให้ ผูเ้ ชี่ ย วชาญด้า น
สํารวจ 4) ขั้นระดมสมองโดยใช้เครื่ องมือบนเว็บเพื่อหา              เนื้อหา 5 ท่าน ประเมินคุณภาพและความเหมาะสมของระบบ
วิธีการแก้ปัญหา และ 5) ขั้นร่ วมกันสรุ ปผล                        บริ หารจัดการเรี ยนรู้ ดานเนื้ อหาและด้านเทคนิ ค ปรั บปรุ ง
                                                                                           ้
2.3) ขั้นการพัฒนา (Development)                                   ตามเว็บฝึ กอบรมและคู่มือ ตามข้อเสนอแนะ
2.3.1) พัฒ นาเครื่ องมื อ ตามรู ปแบบการเรี ยนแบบ
ผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อ              ระยะที่ 2 การศึกษาผลของการใช้รูปแบบการเรี ยนแบบ
พัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม ได้แก่ ระบบบริ หาร               ผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ
จัดการเรี ยนรู้ ตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย                 พัฒ นาการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน เป็ นที ม สํ า หรั บ นัก ศึ ก ษาระดับ
การเรี ยนรู้ ร่ วมกันโดยใช้ก รณี ศึ กษาโดยใช้ MOODLE              บัณฑิตศึกษา
คู่มือการใช้งานสําหรับผูดูแลระบบ และคู่มือการเรี ยน
                           ้                                      การศึกษาผลของการใช้รูปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย
2.3.2) พัฒนาแบบสังเกตพฤติ กรรมการเรี ยนรู้ ร่วมกัน                การเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ พัฒ นาการเรี ย นรู้
เป็ นที มและกําหนดเกณฑ์ในการประเมิ นผลการเรี ยนรู้                ร่ วมกันเป็ นที ม ตามแบบแผนการวิจัยแบบ One Group
ร่ วมกันเป็ นทีม                                                  Pretest-Posttest Design (William and Stephen, 2009)
แบบสังเกตพฤติกรรมการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม
2.4) ขั้นการนําไปทดลองใช้ (Implementation)                                             O1          X          O2
2.4.1) การทดสอบแบบหนึ่ งต่ อ หนึ่ ง (One-to-one
testing) โดยให้นกศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 3
                        ั                                         มีข้ นตอนการดําเนินการดังนี้
                                                                       ั
คน เรี ย นโดยใช้รู ป แบบที่ พ ัฒ นาขึ้ น สั ง เกตและการ           1) ขั้นเตรี ยมการก่อนการทดลอง
สัมภาษณ์ ปั ญหาและข้อเสนอแนะการใช้งาน จากนั้น                     1.1) ปฐมนิ เทศนักศึ กษาเกี่ ยวกับ รู ปแบบการเรี ยนแบบ
นําข้อมูลมาปรับปรุ ง แก้ไขข้อบกพร่ องของรู ปแบบ                   ผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา การวัด
2.4.2) การทดสอบกับกลุ่มเล็ก (Small group testing)                 และประเมินผล และฝึ กปฏิบติการใช้เครื่ องมือตามรู ปแบบ
                                                                                                 ั
โดยให้นกศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 5 คน เรี ยน
            ั                                                     การเรี ยนแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้
เป็ นกลุ่ม โดยใช้รูปแบบที่ปรับปรุ งจากการทดสอบแบบ                 กรณี ศึกษา
หนึ่ งต่ อ หนึ่ ง สั ง เกตและการสั ม ภาษณ์ ปั ญ หาและ             1.2) วัดและประเมิ นผลการเรี ยนรู้ ร่วมกันเป็ นที มก่อนเรี ยน
ข้อเสนอแนะการใช้งาน จากนั้นนําข้อมู ลมาปรั บปรุ ง                 และแจ้งผลการประเมินให้แก่นกศึกษา ั
แก้ไขข้อบกพร่ องของรู ปแบบ                                        2) ขั้นดําเนินการทดลอง
2.4.3) การทดลองนําร่ อง (Field trial) โดยให้นกศึกษาที่
                                                 ั                2.1) นักศึกษาเรี ยนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร
ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 15 คน แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม เรี ยน         ทางเทคนิ คศึกษาตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย
โดยใช้รูปแบบที่ปรับปรุ งจากการทดสอบแบบกลุ่มเล็ก                   การเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา ระยะเวลา 10 สัปดาห์

                                                            118
2.2) วัดและประเมิ นผลการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมหลัง                2.2) ขั้นการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย
เรี ยนและแจ้งผลการประเมินให้แก่นกศึกษา ั                            ใช้กรณี ศึกษา ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนย่อย คือ
2.3) สอบถามความพึงพอใจต่อการเรี ยนตามรู ปแบบการ                     2.2.1) ขันศึกษาเนือหาบทเรี ยน
                                                                                 ้      ้
เรี ยนแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน โดยใช้                   2.2.2) ขันศึกษากรณี ศึกษา
                                                                                   ้
กรณี ศึกษา                                                          2.2.3) ขันวินิจฉั ยปั ญหาด้ วยการสํารวจ
                                                                               ้
สถิติท่ีใช้ในการวิจย คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ส่ วน
                         ั                                          2.2.4) ขั้นระดมสมองโดยใช้ เครื่ องมือบนเว็บเพื่อหาวิธีการ
เบี่ ย งเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติ ฐ านด้ว ยการ                       แก้ ปัญหา
ทดสอบแบบที                                                          2.2.5) ขันร่ วมกันสรุ ปผล
                                                                             ้
เครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช้ใ นการวิจัย ประกอบด้ว ย รู ป แบบการ           2.3) ขั้นทดสอบความรู้และประเมินผล
เรี ยนแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู ้ ร่ วมกัน โดยใช้
กรณี ศึกษา แบบสังเกตพฤติกรรมการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ น                ตอนที่ 2 ผลการใช้รูปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการ
ทีม                                                                 เรี ยนรู ้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกัน
                                                                    เป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
6) สรุปผลการวิจัย                                                   1) ผลการเปรี ยบเทียบคะแนนการเรี ยนรู ้ร่วมกันเป็ นทีมของ
ตอนที่ 1 รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้                 นัก ศึ ก ษาระดับ บัณ ฑิ ต ศึ ก ษาก่ อ นเรี ย นและหลัง เรี ย นโดย
ร่ วมกันโดยใช้กรณี ศึ กษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน            รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย
เป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา                             ใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม นําเสนอ
รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกัน                   ดังตารางที่ 1
โดยใช้กรณี ศึ กษาเพื่อ พัฒนาการเรี ยนรู้ ร่วมกันเป็ นที ม
สําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ประกอบด้วย 2 ส่ วน                  ตารางที่ 1: ผลการเปรี ยบเทียบคะแนนการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ น
คือ                                                                 ทีมของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาก่อนเรี ยนและหลังเรี ยน
1) อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง รู ป แ บ บ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย 9           คะแนนการ คะแนนเต็ม X     S.D t-test Sig.
องค์ประกอบย่อย ดังนี้                                                เรียนรู้ ร่วมกัน
1.1) วัตถุประสงค์ของการเรี ยนรู้                                         เป็ นทีม
1.2) กิจกรรมการเรี ยนการสอน                                          ก่อนฝึ กอบรม     30 13.12 3.08 10.04* .00
1.3) ลักษณะการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอน                              หลังฝึ กอบรม     30 25.45 2.11
1.4) วิธีการปฏิสัมพันธ์                                             *p < .05
1.5) บทบาทผูเ้ รี ยน
1.6) บทบาทผูสอน  ้                                                  จากตารางที่ 1 พบว่า นักศึ กษาระดับบัณฑิ ตศึ กษาที่ เรี ย น
1.7) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร                                โดยรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกัน
1.8) ปั จจัยสนับสนุนการเรี ยน                                       โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่อ พัฒ นาการเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน เป็ นที ม มี
1.9) การประเมินผลการเรี ยนรู ้                                      คะแนนการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมหลังเรี ยน ( X =25.45, S.D.
2) ขั้ นตอนการจั ด การเรี ยนการสอนของรู ปแบบ                        = 2.11) สู งกว่าก่อนเรี ยน ( X =13.12, S.D. = 3.08) อย่างมี
ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ                                            นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.1) ขั้นการเตรี ยมการ ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนย่อย คือ                 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรี ยนตาม
2.1.1) ขันการวางแผนและกําหนดทิศทางการเรี ยนรู้
          ้                                                         รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย
2.1.2) ขันการสร้ างแรงจูงใจในการเรี ยนรู้
            ้                                                       ใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมที่พฒนาขึ้น
                                                                                                                               ั
2.1.3) ขันการสนับสนุนแหล่ งเรี ยนรู้
              ้                                                     นําเสนอดังตารางที่ 2
                                                              119
โดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม พบว่า
ตารางที่ 2: ความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรี ยน                   นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่เรี ยนโดยรู ปแบบการเรี ยนแบบ
ตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสาน                                    ผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ
 กิจกรรมการเรียนการสอน            x     S.D ความ                 พัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม มีคะแนนการเรี ยนรู้ร่วมกัน
                                              พึงพอใจ            เป็ นทีมหลังเรี ยนสู งกว่าก่อนเรี ยน อย่างมีนยสําคัญทางสถิติ
                                                                                                                       ั
1) ขั้นการเตรียมการ                                              ที่ระดับ .05 สอดคล้องกับงานวิจยของ Ward (1998) ที่
                                                                                                         ั
1.1) ขั้นการวางแผนและ           4.39 0.66 มาก                    พบว่ า การเรี ยนด้ว ยกรณี ศึ ก ษาทํา ให้ ผู้เ รี ยนเกิ ด ความ
กําหนด                                                           กระตือรื อร้นในการเรี ยนรู้ มีความเชื่อมันในตนเอง และมี
                                                                                                                     ่
ทิศทางการเรี ยนรู้                                               ทัก ษะการเรี ย นรู้ ร่ วมกัน เป็ นที ม เพิ่ ม มากขึ้ น ซึ่ งสอดล้อ ง
1.2) ขั้นการสร้างแรงจูงใจใน 4.39 0.66 มาก                        แนวคิดของ Bonk and Graham (2004) ที่กล่าวว่า กิจกรรม
การเรี ยนรู้                                                     การเรี ยนสอนแบบผสมผสานทําให้ผเู้ รี ยนสามารถเรี ยนรู้ได้
1.3) ขั้นการสนับสนุนแหล่ง 4.45 0.62 มาก                          อย่างอิสระ ส่ งผลให้เกิดการเรี ยนที่กระฉับกระเฉง (Active
เรี ยนรู้                                                        Learning) ทําให้ผเู ้ รี ยนเป็ นผูที่มีความกระฉับกระเฉงในการ
                                                                                                   ้
2) ขั้นการเรียนแบบผสมผสานด้ วยการเรียนรู้ ร่วมกัน                เรี ยนรู้ (Active Learner) และสามารถลดเวลาในการเข้าชั้น
โดยใช้ กรณีศึกษา                                                 เรี ยนได้ นอกจากนี้ การเรี ยนแบบผสมผสานยัง มี ส่ ว น
2.1) ขั้นศึกษาเนื้อหาบทเรี ยน 4.45 0.62 มาก                      สนับสนุนปฏิสัมพันธ์ระหว่างผูเ้ รี ยนกับผูเ้ รี ยนด้วยกัน และ
2.2) ขั้นศึกษากรณี ศึกษา        4.24 0.75 มาก                    ผูเ้ รี ย นกับ ผูส อนโดยการติ ด ต่ อ แบบส่ ว นตัว ช่ ว ยให้ ก าร
                                                                                  ้
2.3) ขั้นวินิจฉัยปั ญหาด้วยการ 4.45 0.62 มาก                     เรี ยนรู้ดีข้ ึน
สํารวจ                                                           7.2) ผลการศึ กษาความพึงพอใจของนักศึ กษาต่อการเรี ย น
2.4) ขั้นระดมสมองโดยใช้         4.24 0.75 มาก                    ตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกัน
เครื่ องมือบนเว็บเพื่อหาวิธีการ                                  โดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม พบว่า
แก้ปัญหา                                                         นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการเรี ยนตามรู ปแบบอยูในระดับ         ่
2.5) ขั้นร่ วมกันสรุ ปผล        4.45 0.62 มาก                    มาก สอดคล้องกับงานวิจยของ (Driscoll, 2002) ที่พบว่า
                                                                                                ั
                                4.33 0.65 มาก                    การมีปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในการเรี ยนแบบผสมผสานช่วยทํา
3) ขั้นทดสอบความรู้ และ
                                                                 ให้ผูเ้ รี ย นมี โอกาสแสดงความคิ ดเห็ นได้อ ย่างเท่าเที ยมกัน
ประเมินผล
                                                                 และตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล การที่ผูเ้ รี ยนมี
                รวม             4.38 0.66 มาก
                                                                 ปฏิ สั ม พัน ธ์ กับ ผูส อนหรื อ กับ กลุ่ ม ผูเ้ รี ย น ช่ ว ยทํา ให้ก าร
                                                                                       ้
                                                                 จัด การเรี ย นการสอนน่ า สนใจมากยิ่ ง ขึ้ น และยัง เป็ นการ
จากตารางที่ 2 พบว่า นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่เรี ยน
                                                                 สนั บ สนุ น การเรี ยนการสอนที่ เ น้ น ผู้เ รี ยนเป็ นสํ า คั ญ
โดยรู ป แบบการเรี ย นแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ย นรู้
                                                                 นอกจากนี้ ผูเ้ รี ยนยังสามารถทบทวนกิ จกรรมการเรี ยนการ
ร่ วมกันโดยใช้กรณี ศึ กษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน
                                                                 สอนเนื้ อหา และฝึ กทําแบบฝึ กหัดได้ทุกสถานที่ ทุกเวลาที่
เป็ นที ม มี ความพึงพอใจต่อการเรี ยนตามรู ปแบบอยูใน  ่
                                                                 ต้อ งการ และเป็ นการใช้เ ทคโนโลยีให้เ กิ ด ประโยชน์ม าก
ระดับมาก ( X =4.38, S.D. = 0.66)
                                                                 ยิงขึ้น
                                                                   ่

7) อภิปรายผล                                                     8) เอกสารอ้างอิง
7.1) ผลการศึกษาคะแนนการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมของ
                                                                 กระทวงศึกษาธิ การ. (2548). ราชกิจจานุเบกษา เล่ ม 122.
นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนโดย
                                                                    กรุ งเทพมหานคร: กระทวงศึกษาธิการ.
รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู ้ร่วมกัน

                                                           120
ใจทิพย์ ณ สงขลา. (2550). E-Instructional Design วิธี
     วิทยาการออกแบบการเรี ยนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ .
     กรุ งเทพมหานคร: ศูนย์ตาราและเอกสารทางวิชาการ
                             ํ
     คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณมน จีรังสุ วรรณ. (2549). หลักการออกแบบและ
     ประเมิน. กรุ งเทพมหานคร: ศูนย์ผลิตตําราเรี ยน
     สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.
ปฏิรูปการศึกษา, สํานักงาน. (2545). พระราชบัญญัติ
     การศึกษาแห่ งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ ไขเพิ่มเติม
     (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุ งเทพมหานคร:
     พริ กหวานกราฟฟิ ค.
Bersin, J. (2004). The blended learning book: Best
       practices, proven methodologies, and lessons
       learned. San Francisco: Pfeiffer.
Bonk, C. J. & Graham, C. R. (2004). Handbook of
       blended learning: Global Perspectives. San
       Francisco: Pfeiffer Publishing.
Driscoll, M. (2002) Blended Learning: let’s get
    beyond the hype. E-learning, 1 March.[On-
    line] Available:http://elearningmag.com/
    ltimagazine
Kaye, T. (2003). Blended learning: how to
       integrate online & traditional learning.
       London: Kogan Page.
Ward, R. (1998). "Active, collaborative, and case-
    based learning with computer-based case
    scenarios", Computers and Education, 30 (1),
    103-10.
William, W. & Stephen G. J. (2009). Research
    methods in education: an introduction. (9thed.).
    Boston: Pearson.




                                                       121

More Related Content

PDF
Effects of Integrated Learning using Social Media with e-Learning. [NEC2012]
PDF
Collaborative Learning Model through Social Media for Supporting Communicatio...
PDF
Pegagogy-based Hybrid Learning : จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ
PDF
Introduction to innovation 2013 10-27
PDF
ผลของการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์...
PPTX
ระบบการจัดการเรียนรู้ปฏิสัมพันธ์มัลติยูสเซอร์ในสังคมคลาวด์
PDF
Development of Web-based Training on Social Network for Learning and Teaching...
PDF
Team-based Learning
Effects of Integrated Learning using Social Media with e-Learning. [NEC2012]
Collaborative Learning Model through Social Media for Supporting Communicatio...
Pegagogy-based Hybrid Learning : จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ
Introduction to innovation 2013 10-27
ผลของการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์...
ระบบการจัดการเรียนรู้ปฏิสัมพันธ์มัลติยูสเซอร์ในสังคมคลาวด์
Development of Web-based Training on Social Network for Learning and Teaching...
Team-based Learning

What's hot (20)

PDF
Welcome master degree students 2016 08-01 1300
PDF
Effect of Collaborative Web-based Learning by Using WebQuest for developing l...
PDF
การจัดเรียนเรียนรู้โดยใช้ Social Media ตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Construct...
PDF
Media&tech2learn 003 - Part 3
PDF
ผลการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
PDF
Design of Problem-based Learning Activities in Ubiquitous Learning Environmen...
PDF
Collaborative Learning Model through Social Media for Supporting Communicatio...
PDF
Development of Blended Learning Model by Using Cognitive Tools to Develop Cri...
PDF
Media&tech2learn 004 - Part 4
PDF
201 702 utilization management of media and educational innovation mco3 dr-ta...
PDF
แบบรายงานการพัฒนานวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามจุด
PDF
รายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
PDF
การนำผลการประเมินมาปรับปรุงเทคนิคการสอน
PDF
Strategy for designing and developing Interactive e-Learning
PDF
การผลิตสื่อวีดิทัศน์บรรยายเนื้อหา
PPTX
นวัตกรรม
PDF
การพัฒนาผลการเรียนรู้วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษาโดยใช้รูปแบบซ...
PDF
PDF
ภารกิจเลือกรูปแบบการสอน
PDF
ผลของการเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
Welcome master degree students 2016 08-01 1300
Effect of Collaborative Web-based Learning by Using WebQuest for developing l...
การจัดเรียนเรียนรู้โดยใช้ Social Media ตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Construct...
Media&tech2learn 003 - Part 3
ผลการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
Design of Problem-based Learning Activities in Ubiquitous Learning Environmen...
Collaborative Learning Model through Social Media for Supporting Communicatio...
Development of Blended Learning Model by Using Cognitive Tools to Develop Cri...
Media&tech2learn 004 - Part 4
201 702 utilization management of media and educational innovation mco3 dr-ta...
แบบรายงานการพัฒนานวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามจุด
รายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
การนำผลการประเมินมาปรับปรุงเทคนิคการสอน
Strategy for designing and developing Interactive e-Learning
การผลิตสื่อวีดิทัศน์บรรยายเนื้อหา
นวัตกรรม
การพัฒนาผลการเรียนรู้วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษาโดยใช้รูปแบบซ...
ภารกิจเลือกรูปแบบการสอน
ผลของการเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
Ad

Similar to The Blended Learning Model using Collaborative and Case-based Learning to Create the Team Learning of the Graduate Students. [NEC2011] (20)

PDF
The Development of Web-based Training to Develop Job Competencies for Instruc...
PDF
การเรียนแบบผสมผสาน จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ
PDF
การจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน
PDF
Blended Learning Model for Buddhist Education via DMC Satellite Channel. [NEC...
PDF
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
PPT
Nec2012 prachyanun panita
PDF
บทที่ 1 การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
PDF
บทที่ 1 การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
PDF
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
PDF
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
PDF
รายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
PPTX
57 edu 3.0_080657_econs
PDF
2บทคัดย่อวิจัยในชั้นเรียน
DOC
บทที่ 2
PDF
บทที่ 2
PDF
หลักการออกแบบสื่อการสอน
PPT
ภารกิจระดับครูมือใหม่
PDF
สรุปฟัง
PDF
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลักในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบ u-L...
PDF
Infor
The Development of Web-based Training to Develop Job Competencies for Instruc...
การเรียนแบบผสมผสาน จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ
การจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน
Blended Learning Model for Buddhist Education via DMC Satellite Channel. [NEC...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
Nec2012 prachyanun panita
บทที่ 1 การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
บทที่ 1 การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
รายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
57 edu 3.0_080657_econs
2บทคัดย่อวิจัยในชั้นเรียน
บทที่ 2
บทที่ 2
หลักการออกแบบสื่อการสอน
ภารกิจระดับครูมือใหม่
สรุปฟัง
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลักในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบ u-L...
Infor
Ad

More from Panita Wannapiroon Kmutnb (20)

PDF
Emerging Trends and Technologies in Education
PDF
Education 3.0: Interactive e-Learning and Could Learning
PDF
USING WEB CONFERENCING FOR INTERNATIONAL MEETING
PDF
มหาวิทยาลัยธนบุรี
PDF
Interactive e learning_etech
PDF
ชุดที่3 การเรียนรู้และระดับพฤติกรรม
PDF
ชุดที่4 การเรียนการสอนรูปแบบmiap
PDF
เทคนิคการสอนชุดที่2 ส่วนประกอบของเอกสารการสอน
PDF
เทคนิคการสอน ชุดที่1 แนะนำโปรแกรมและกิจกรรม
PDF
Ctu 1 intro_analyze_the_issue
PDF
Interactive e leraning_ctu
PDF
Interactive e leraning_vec5
PDF
Interactive e-Learning & cloud learning @ VEC [13-17/08/13]
PDF
Interactive e leraning_vec2
PDF
Educational innovation for enhancing student in the 21st century to the asean...
PDF
Interactive e leraning
PDF
Development of total quality management information system (tqmis) for model ...
PDF
Development of an edutainment instructional model using learning object for e...
PDF
Development of a collaborative learning with creative problem solving process...
PDF
Development of creative economy thinking with idea marathon system via cloud ...
Emerging Trends and Technologies in Education
Education 3.0: Interactive e-Learning and Could Learning
USING WEB CONFERENCING FOR INTERNATIONAL MEETING
มหาวิทยาลัยธนบุรี
Interactive e learning_etech
ชุดที่3 การเรียนรู้และระดับพฤติกรรม
ชุดที่4 การเรียนการสอนรูปแบบmiap
เทคนิคการสอนชุดที่2 ส่วนประกอบของเอกสารการสอน
เทคนิคการสอน ชุดที่1 แนะนำโปรแกรมและกิจกรรม
Ctu 1 intro_analyze_the_issue
Interactive e leraning_ctu
Interactive e leraning_vec5
Interactive e-Learning & cloud learning @ VEC [13-17/08/13]
Interactive e leraning_vec2
Educational innovation for enhancing student in the 21st century to the asean...
Interactive e leraning
Development of total quality management information system (tqmis) for model ...
Development of an edutainment instructional model using learning object for e...
Development of a collaborative learning with creative problem solving process...
Development of creative economy thinking with idea marathon system via cloud ...

The Blended Learning Model using Collaborative and Case-based Learning to Create the Team Learning of the Graduate Students. [NEC2011]

  • 1. รู ปแบบการเรียนแบบผสมผสานด้ วยการเรียนรู้ ร่วมกันโดยใช้ กรณีศึกษาเพือพัฒนา ่ การเรียนรู้ ร่วมกันเป็ นทีมสํ าหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา The Blended Learning Model using Collaborative and Case-based Learning to Create the Team Learning of the Graduate Students ผศ.ดร.ณมน จีรังสุ วรรณ1, อ.ดร.ปณิ ตา วรรณพิรุณ2 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารเพื่อการศึกษา คณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (namon9@hotmail.com) 2 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารเพื่อการศึกษา คณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (panitaw@kmutnb.ac.th) ABSTRACT and the students summarized the ideas. Finally, the third procedure: the students took the test and received an evaluation from the teacher. The objective the research study was to develop the 2. The graduate students learned with the blended blended learning model using collaborative and learning model using the collaborative and case-based case-based learning to create the team learning of learning had a statistically significant difference of the the graduate students. The study was divided into team learning posttest scores over the pretest scores two stages: 1) developing the blended learning at .05 level. The students agreed that learning with the model using collaborative and case-based learning blended learning model was at a high level of to create the team learning, 2) determining the satisfaction. results of the blended learning model using collaborative and case-based learning to create the Key words: blended learning model, collaborative team learning of the graduate students. The sample learning, case-based learning, team learning group of the study was 21 graduate students of King Mongkut's University of Technology North Bangkok who had enrolled to the course of the Information and Communication Technology for บทคัดย่ อ Technical Education in the first semester of 2010. การวิจัย นี้ มี วตถุ ประสงค์เพื่อ พัฒนารู ปแบบการเรี ย นแบบ ั The experiment period was 10 weeks. The research tools were the blended learning model using ผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ collaborative and case-based learning and the observation form of the team learning behaviors. พัฒ นาการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน เป็ นที ม สํ า หรั บ นัก ศึ ก ษาระดับ Data were analyzed using the average, the standard บัณฑิตศึกษา การดําเนิ นการวิจย 2 ระยะ คือ 1) การพัฒนา ั deviation, and t-Test for dependence. The results of the study revealed those: รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย 1. The blended learning model using collaborative and case-based learning consisted of 3 procedures ใช้กรณี ศึกษา และ 2) การศึกษาผลของการใช้รูปแบบการ which were: 1) the preparation before studying, 2) เรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา the blended learning, and 3) the knowledge testing and evaluation. The first procedure: the preparation เพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับ before studying consisted of three steps which บัณ ฑิ ต ศึ ก ษา กลุ่ ม ตัว อย่า งที่ ใ ช้ใ นการวิจัย คื อ นัก ศึ ก ษา were: 1.1) the planning and direction of learning, 1.2) the motivation, and 1.3) the supporting of ระดับบัณฑิ ตศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า learning. The second procedure: the blended learning using collaborative and case-based พระนครเหนือ ที่ลงทะเบียนเรี ยนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ learning consisted of five steps which were: 2.1) the และการสื่ อสารเพื่อเทคนิ คศึกษา ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา students studied the contents, 2.2) the students studied the case studies, 2.3) the students diagnosed 2553 จํา นวน 21 คน ดํา เนิ น การทดลอง 10 สั ป ดาห์ the problems by exploring the knowledge from various sources, 2.4) the students conducted a เครื่ องมื อ ที่ ใ ช้ ใ นการวิ จั ย คื อ รู ปแบบการเรี ยนแบบ brainstorm activity using the web tools to find out ผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษา แบบ the solutions of the problems. And also, the teacher 115
  • 2. สังเกตพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ร่วมกันเป็ นทีม สถิติที่ใช้ใน เพื่อการศึกษา ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ การวิจย คื อ ร้ อยละ ค่าเฉลี่ ยเลขคณิ ต ส่ วนเบี่ ยงเบน ั สื่ อสารทั้ งในทางตรงและทางอ้ อ ม รั ฐ พึ ง สนั บ สนุ น มาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบแบบที โ ค ร ง ส ร้ า ง พื้ น ฐ า น ก า ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ ผลการวิจย พบว่า ั สถาบัน อุ ด มศึ ก ษาพัฒ นาและใช้ศ ัก ยภาพทางเทคโนโลยี 1. รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู ้ร่วมกัน สารสนเทศและการสื่ อสารเพื่อรองรั บนโยบายเทคโนโลยี โดยใช้กรณี ศึ กษาเพื่อ พัฒนาการเรี ยนรู ้ ร่วมกันเป็ นที ม สารสนเทศและการสื่ อสารของชาติ โดยเฉพาะ e-Education สํา หรั บ นัก ศึ ก ษาระดับ บัณ ฑิ ต ศึ ก ษา ประกอบด้ว ย 3 ตามแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2551 - ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นการเตรี ยมการ 1.1) ขั้นการ ํ 2565 ได้กาหนดแนวนโยบายโครงสร้างพื้นฐานการเรี ยนรู้วา ่ วางแผนและกําหนดทิศทางการเรี ยนรู ้ 1.2) ขั้นการสร้าง รั ฐ ควรให้ ก ารสนั บ สนุ น สถาบัน อุ ด มศึ ก ษาภาครั ฐ และ แรงจูงใจในการเรี ยนรู้ 1.3) ขั้นการสนับสนุ นแหล่ง ภาคเอกชนในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร เรี ยนรู ้ 2) ขั้นการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ เพื่อการเข้าถึงและการลดช่องว่างของดิจิตอล (digital divide) ร่ วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา 2.1) ขั้นศึกษาเนื้ อหาบทเรี ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริ การการเรี ยนรู้ทางไกลและการ 2.2) ขั้นศึกษากรณี ศึกษา 2.3) ขั้นวินิจฉัยปั ญหาด้วยการ เรี ยนรู้ผานสื่ ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆทั้งที่เป็ นการเรี ยนในระบบ ่ สํารวจ 2.4) ขั้นระดมสมองโดยใช้เครื่ องมือบนเว็บเพื่อ นอกระบบ และตามอัธยาศัย หาวิธีการแก้ปัญหา 2.5) ขั้นร่ วมกันสรุ ปผล และ 3) ขั้น รู ปแบบการจัดการเรี ยนการสอนที่ ผสมผสานการเรี ยนบน ทดสอบความรู ้และประเมินผล เว็บและการเรี ยนในห้องเรี ยนเป็ นรู ปแบบการเรี ยนที่ยดหยุน ื ่ 2. นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่เรี ยนโดยใช้รูปแบบการ ตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคลของผูเ้ รี ยนทั้งด้าน เรี ยนแบบผสมผสานด้ ว ยการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน โดยใช้ รู ปแบบการเรี ยน รู ปแบบการคิ ด ความสนใจและ กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม มีผล ความสามารถของผูเ้ รี ยนแต่ละคน (Bonk & Graham, 2004) คะแนนการประเมิ นการเรี ยนรู้ ร่วมกันเป็ นที มหลังการ ทําให้ผูเ้ รี ยนสามารถศึ กษาและฝึ กปฏิ บติดวยตนเองได้ทุ ก ั ้ เรี ยนตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานสู งกว่าก่อ น เวลาจากทุกสถานที่ตามความต้องการของตนเอง (Bersin, เรี ยนอย่างมีนยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีความพึง ั 2004) นอกจากนี้การเรี ยนการสอนบนเว็บแบบผสมผสานยัง ่ พอใจต่อการเรี ยนตามรู ปแบบอยูในระดับมาก สามารถพัฒนาผูเ้ รี ยนให้เกิดการเรี ยนรู้อย่างมีความหมายโดย ใช้สิ่ ง แวดล้อ มแบบออนไลน์ แ ละสิ่ ง แวดล้อ มในชั้น เรี ย น คําสํ าคัญ การเรี ยนแบบผสมผสาน, การเรี ยนรู้ร่วมกัน การปฏิสัมพันธ์จากการเรี ยนแบบร่ วมมือบนระบบเครื อข่าย การเรี ยนโดยใช้กรณี ศึกษา, การเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยน ความร่ วมมือในการ เรี ยน ได้เป็ นอย่างดี (Kaye, 2003) 1) บทนํา การเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม (team learning) เป็ นขั้นตอนการ ในยุค เศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ภูมิ ปั ญ ญาที่ เ ทคโนโลยี เรี ยนรู้ ร่ ว มกัน มี ก ารช่ ว ยเหลื อ เพื่ อ เสริ มและพัฒ นาขี ด สารสนเทศและการสื่ อสารได้ รั บ การพั ฒ นาให้ มี ความสามารถของพนั ก งานในกลุ่ ม ร่ วมกั น เน้ น การ ประสิ ทธิ ภาพมากยิ่งขึ้ นได้ถูกนํามาใช้เป็ นเครื่ องมื อใน แลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ พูด คุ ย และให้ข ้อ มู ล ป้ อนกลับ ระหว่า ง การพัฒ นาและสนับ สนุ น การจัด การศึ ก ษามากขึ้ น ทุ ก สมาชิ ก ในที ม เทคโนโลยีที่ ส นับ สนุ น การเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน ขณะ ดังนั้นการจัดการศึกษาจึงต้องปรับเปลี่ยนกระบวน (collaborative technologies) ได้แก่ ไปรษณี ยอิเล็กทรอนิกส์, ์ ทัศน์ รู ปแบบ เทคนิ คและวิธีการสอนเพื่อให้สนองตอบ ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบกระดานประกาศ (bulletin ต่ อ การพัฒ นาทรั พ ยากรมนุ ษ ย์แ ละการแข่ ง ขัน ของ board systems) กลุ่มเสวนา (discussion groups) การเสวนา ประเทศทั้งด้านความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี การ แบบร้อยเรี ยง (threaded discussions) และเครื่ องมือนําเสนอ ปรั บ ตั ว ต่ อ การกระจายความรู้ ซึ่ งสอดคล้ อ งกั บ งานผ่านระบบ online เป็ นต้น กิจกรรมการเรี ยนรู้ที่ส่งเสริ ม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ หมวดที่ 9 เทคโนโลยี ให้เกิดการเรี ยนรู้ร่วมกันผ่านสื่ ออิเล็กทรอนิ กส์ สามารถทํา 116
  • 3. ได้หลายรู ปแบบ เช่น การศึกษาทางไกล การประชุ ม เรี ยนอย่างมีนยสําคัญทางสถิติ ั ทางไกลผ่า นวี ดิ ท ัศ น์ การเรี ย นการสอนบนเว็บ แฟ้ ม 4) ขอบเขตการวิจัย สะสมงานอิเล็กทรอนิ กส์ เครื อข่ายการเรี ยนเสมือน และ 4.1) ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ชุมชนแห่ งการเรี ยนรู้สําหรับผูเ้ รี ยน (ใจทิพย์ ณ สงขลา, ประชากร คื อ นักศึ กษาระดับ บัณฑิ ตศึ กษา มหาวิทยาลัย 2550) เทคโนโลยีพ ระจอมเกล้าพระนครเหนื อ ภาคเรี ย นที่ 1 ปี การเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาในบริ บทการเรี ยนแบบ การศึกษา 2553 ผสมผสานเป็ นการนําเสนอปั ญหาที่ เป็ นจริ ง เพื่ อจัดหา กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัย สถานการณ์ ให้กับผูเ้ รี ยนตามเป้ าหมายและวัตถุ ประสงค์ เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนื อ ที่ลงทะเบียนเรี ยน ของการเรี ยน โดยให้ ผู้เ รี ยนได้ เ กิ ด การคิ ด วิ เ คราะห์ วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารเพื่อเทคนิ คศึกษา สังเคราะห์ ประยุกต์แนวคิ ด ทฤษฎี ในการวิเคราะห์ และ ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 จํานวน 21 คน ตัดสิ นใจ สามารถส่ งเสริ มให้ผเู้ รี ยนเกิดการเรี ยนรู้ร่วมกัน 4.2) ตัวแปรในการวิจย ั อย่างต่อเนื่องโดยเน้นการปฏิบติในรู ปของวินย 5 ประการ ั ั ตัวแปรอิสระ คือ รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการ ได้แก่ ลักษณะไฟแรงไฝ่ รู้ คู่ ศ ักยภาพ ลักษณะรั บรู้ เรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกัน ภาพลักษณ์ โลกรอบตัวอย่างถูกต้อง การสร้ างวิสัยทัศน์ เป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ร่ วมกัน การเรี ยนรู้เป็ นทีม และการคิดเป็ นระบบครบวงจร ตัวแปรตาม คือ คะแนนการประเมินการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ น (Ward,1998) ทีม และความพึงพอใจ การพัฒนานักศึกษาบัณฑิตศึกษาให้มีลกษณะการเรี ยนรู้ ั ร่ วมกันเป็ นที มในบริ บทของการเรี ย นแบบผสมผสาน 5) วิธีดําเนินการวิจัย โดยใช้การเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาในการวิจยครั้ง ั ระยะที่ 1 การพัฒนารู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย นี้ สามารถเป็ นแนวทางในการพัฒ นาการเรี ย นแบบ การเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ พัฒ นาการเรี ย นรู้ ผสมผสานโดยใช้การเรี ย นรู้ ร่ วมกันโดยใช้ก รณี ศึ กษา ร่ วมกันเป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา และการพั ฒ นาการเรี ยนรู ้ ร่ วมกั น เป็ นที ม สํ า หรั บ 1) พัฒนากรอบแนวคิดของรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสาน สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาอื่น ๆ ต่อไป ด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา โดยการสังเคราะห์ เอกสารและงานวิจยที่เกี่ยวข้องกับรู ปแบบการเรี ยนการสอน ั 2) วัตถุประสงค์ การวิจัย การเรี ยนแบบผสมผสาน การเรี ยนรู้ ร่ วมกั น ผ่ า นสื่ อ 2.1) เพื่อพัฒนารู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการ อิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม เรี ย นรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ พัฒ นาการเรี ย นรู้ 2) พัฒนารู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ ร่ วมกันเป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ร่ วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม 2.2) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรี ยนแบบผสมผสาน สํ า หรั บ นั ก ศึ ก ษาระดับ บัณ ฑิ ต ศึ ก ษา ตามขั้น ตอนการ ด้วยการเรี ยนรู ้ ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการ ออกแบบระบบการเรี ยนการสอน (Instructional System เรี ยนรู ้ร่วมกันเป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา Design: ISD) (ณมน จีรังสุ วรรณ, 2549) 5 ขั้นตอน ดังนี้ 2.1) ขั้นการวิเคราะห์ (Analysis) 3) สมมติฐานการวิจัย วิเคราะห์เนื้ อหา สร้างแผนภาพมโนทัศน์เป็ นการเริ่ มต้น นักศึ กษาระดับบัณฑิ ตศึ กษาที่ เรี ยนโดยใช้รู ปแบบการ ขอบเขตเนื้ อหา วิเคราะห์คุณลักษณะและรู ปแบบการเรี ยนรู้ เรี ยนแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน โดยใช้ ของนัก ศึ ก ษาระดับ บัณ ฑิ ต ศึ ก ษา และวิ เ คราะห์ บ ริ บ ทที่ กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม มีผล เกี่ยวข้องกับการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกัน คะแนนการประเมิ นการเรี ยนรู ้ ร่วมกันเป็ นที มหลังการ โดยใช้กรณี ศึกษา เรี ยนตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานสู งกว่าก่ อ น 117
  • 4. 2.2) ขั้นการออกแบบ (Design) 2.5) ขั้นการประเมินผล (Evaluation) 2.2.1) ออกแบบจุ ดประสงค์ เพื่อกําหนดวัตถุประสงค์ 2.5.1) ประเมินคุณภาพรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย ในหัวข้อหลัก หัวข้อรอง และวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม การเรี ยนรู ้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา ด้านการออกแบบระบบ 2.2.2) ออกแบบโครงข่ายเนื้อหา แสดงการเชื่อมโยงและ การเรี ยนการสอนแบบผสมผสาน ด้านการเรี ยนรู้ ร่วมกัน ลํา ดับ ชั้น ตอนเนื้ อ หา และออกแบบโมดู ล ของเนื้ อ หา ผ่านสื่ ออิ เล็กทรอนิ กส์ และด้านการเรี ยนรู ้ ร่วมกันโดยใช้ สําหรับระบบบริ หารจัดการเรี ยนการสอน (LMS) กรณี ศึกษา โดยผูเ้ ชี่ยวชาญ 5 ท่าน 2.2.3) ออกแบบยุท ธศาสตร์ ก ารเรี ย นแบบผสมผสาน 2.5.2) ประเมิ น คุ ณ ภาพระบบบริ หารจัด การเรี ยนรู้ ต าม ด้วยการเรี ยนรู ้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย แบ่งออกเป็ น 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นศึกษาเนื้อหาบทเรี ยน ใช้ก รณี ศึ ก ษา ด้า นเนื้ อ หาและด้า นเทคนิ ค โดยนํา เว็บ 2) ขั้นศึกษากรณี ศึกษา 3) ขั้นวินิจฉัยปั ญหาด้วยการ ฝึ กอบรมและคู่ มื อ ที่ พ ัฒ นาขึ้ น เสนอให้ ผูเ้ ชี่ ย วชาญด้า น สํารวจ 4) ขั้นระดมสมองโดยใช้เครื่ องมือบนเว็บเพื่อหา เนื้อหา 5 ท่าน ประเมินคุณภาพและความเหมาะสมของระบบ วิธีการแก้ปัญหา และ 5) ขั้นร่ วมกันสรุ ปผล บริ หารจัดการเรี ยนรู้ ดานเนื้ อหาและด้านเทคนิ ค ปรั บปรุ ง ้ 2.3) ขั้นการพัฒนา (Development) ตามเว็บฝึ กอบรมและคู่มือ ตามข้อเสนอแนะ 2.3.1) พัฒ นาเครื่ องมื อ ตามรู ปแบบการเรี ยนแบบ ผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อ ระยะที่ 2 การศึกษาผลของการใช้รูปแบบการเรี ยนแบบ พัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม ได้แก่ ระบบบริ หาร ผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ จัดการเรี ยนรู้ ตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย พัฒ นาการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน เป็ นที ม สํ า หรั บ นัก ศึ ก ษาระดับ การเรี ยนรู้ ร่ วมกันโดยใช้ก รณี ศึ กษาโดยใช้ MOODLE บัณฑิตศึกษา คู่มือการใช้งานสําหรับผูดูแลระบบ และคู่มือการเรี ยน ้ การศึกษาผลของการใช้รูปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย 2.3.2) พัฒนาแบบสังเกตพฤติ กรรมการเรี ยนรู้ ร่วมกัน การเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ พัฒ นาการเรี ย นรู้ เป็ นที มและกําหนดเกณฑ์ในการประเมิ นผลการเรี ยนรู้ ร่ วมกันเป็ นที ม ตามแบบแผนการวิจัยแบบ One Group ร่ วมกันเป็ นทีม Pretest-Posttest Design (William and Stephen, 2009) แบบสังเกตพฤติกรรมการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม 2.4) ขั้นการนําไปทดลองใช้ (Implementation) O1 X O2 2.4.1) การทดสอบแบบหนึ่ งต่ อ หนึ่ ง (One-to-one testing) โดยให้นกศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 3 ั มีข้ นตอนการดําเนินการดังนี้ ั คน เรี ย นโดยใช้รู ป แบบที่ พ ัฒ นาขึ้ น สั ง เกตและการ 1) ขั้นเตรี ยมการก่อนการทดลอง สัมภาษณ์ ปั ญหาและข้อเสนอแนะการใช้งาน จากนั้น 1.1) ปฐมนิ เทศนักศึ กษาเกี่ ยวกับ รู ปแบบการเรี ยนแบบ นําข้อมูลมาปรับปรุ ง แก้ไขข้อบกพร่ องของรู ปแบบ ผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา การวัด 2.4.2) การทดสอบกับกลุ่มเล็ก (Small group testing) และประเมินผล และฝึ กปฏิบติการใช้เครื่ องมือตามรู ปแบบ ั โดยให้นกศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 5 คน เรี ยน ั การเรี ยนแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ เป็ นกลุ่ม โดยใช้รูปแบบที่ปรับปรุ งจากการทดสอบแบบ กรณี ศึกษา หนึ่ งต่ อ หนึ่ ง สั ง เกตและการสั ม ภาษณ์ ปั ญ หาและ 1.2) วัดและประเมิ นผลการเรี ยนรู้ ร่วมกันเป็ นที มก่อนเรี ยน ข้อเสนอแนะการใช้งาน จากนั้นนําข้อมู ลมาปรั บปรุ ง และแจ้งผลการประเมินให้แก่นกศึกษา ั แก้ไขข้อบกพร่ องของรู ปแบบ 2) ขั้นดําเนินการทดลอง 2.4.3) การทดลองนําร่ อง (Field trial) โดยให้นกศึกษาที่ ั 2.1) นักศึกษาเรี ยนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 15 คน แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม เรี ยน ทางเทคนิ คศึกษาตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วย โดยใช้รูปแบบที่ปรับปรุ งจากการทดสอบแบบกลุ่มเล็ก การเรี ยนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษา ระยะเวลา 10 สัปดาห์ 118
  • 5. 2.2) วัดและประเมิ นผลการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมหลัง 2.2) ขั้นการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย เรี ยนและแจ้งผลการประเมินให้แก่นกศึกษา ั ใช้กรณี ศึกษา ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนย่อย คือ 2.3) สอบถามความพึงพอใจต่อการเรี ยนตามรู ปแบบการ 2.2.1) ขันศึกษาเนือหาบทเรี ยน ้ ้ เรี ยนแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน โดยใช้ 2.2.2) ขันศึกษากรณี ศึกษา ้ กรณี ศึกษา 2.2.3) ขันวินิจฉั ยปั ญหาด้ วยการสํารวจ ้ สถิติท่ีใช้ในการวิจย คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ส่ วน ั 2.2.4) ขั้นระดมสมองโดยใช้ เครื่ องมือบนเว็บเพื่อหาวิธีการ เบี่ ย งเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติ ฐ านด้ว ยการ แก้ ปัญหา ทดสอบแบบที 2.2.5) ขันร่ วมกันสรุ ปผล ้ เครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช้ใ นการวิจัย ประกอบด้ว ย รู ป แบบการ 2.3) ขั้นทดสอบความรู้และประเมินผล เรี ยนแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู ้ ร่ วมกัน โดยใช้ กรณี ศึกษา แบบสังเกตพฤติกรรมการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ น ตอนที่ 2 ผลการใช้รูปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการ ทีม เรี ยนรู ้ร่วมกันโดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกัน เป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา 6) สรุปผลการวิจัย 1) ผลการเปรี ยบเทียบคะแนนการเรี ยนรู ้ร่วมกันเป็ นทีมของ ตอนที่ 1 รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ นัก ศึ ก ษาระดับ บัณ ฑิ ต ศึ ก ษาก่ อ นเรี ย นและหลัง เรี ย นโดย ร่ วมกันโดยใช้กรณี ศึ กษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย เป็ นทีมสําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม นําเสนอ รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกัน ดังตารางที่ 1 โดยใช้กรณี ศึ กษาเพื่อ พัฒนาการเรี ยนรู้ ร่วมกันเป็ นที ม สําหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ประกอบด้วย 2 ส่ วน ตารางที่ 1: ผลการเปรี ยบเทียบคะแนนการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ น คือ ทีมของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาก่อนเรี ยนและหลังเรี ยน 1) อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง รู ป แ บ บ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย 9 คะแนนการ คะแนนเต็ม X S.D t-test Sig. องค์ประกอบย่อย ดังนี้ เรียนรู้ ร่วมกัน 1.1) วัตถุประสงค์ของการเรี ยนรู้ เป็ นทีม 1.2) กิจกรรมการเรี ยนการสอน ก่อนฝึ กอบรม 30 13.12 3.08 10.04* .00 1.3) ลักษณะการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอน หลังฝึ กอบรม 30 25.45 2.11 1.4) วิธีการปฏิสัมพันธ์ *p < .05 1.5) บทบาทผูเ้ รี ยน 1.6) บทบาทผูสอน ้ จากตารางที่ 1 พบว่า นักศึ กษาระดับบัณฑิ ตศึ กษาที่ เรี ย น 1.7) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร โดยรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกัน 1.8) ปั จจัยสนับสนุนการเรี ยน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่อ พัฒ นาการเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน เป็ นที ม มี 1.9) การประเมินผลการเรี ยนรู ้ คะแนนการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมหลังเรี ยน ( X =25.45, S.D. 2) ขั้ นตอนการจั ด การเรี ยนการสอนของรู ปแบบ = 2.11) สู งกว่าก่อนเรี ยน ( X =13.12, S.D. = 3.08) อย่างมี ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.1) ขั้นการเตรี ยมการ ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนย่อย คือ 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรี ยนตาม 2.1.1) ขันการวางแผนและกําหนดทิศทางการเรี ยนรู้ ้ รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกันโดย 2.1.2) ขันการสร้ างแรงจูงใจในการเรี ยนรู้ ้ ใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมที่พฒนาขึ้น ั 2.1.3) ขันการสนับสนุนแหล่ งเรี ยนรู้ ้ นําเสนอดังตารางที่ 2 119
  • 6. โดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม พบว่า ตารางที่ 2: ความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรี ยน นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่เรี ยนโดยรู ปแบบการเรี ยนแบบ ตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสาน ผสมผสานด้ว ยการเรี ยนรู้ ร่ ว มกัน โดยใช้ก รณี ศึ ก ษาเพื่ อ กิจกรรมการเรียนการสอน x S.D ความ พัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม มีคะแนนการเรี ยนรู้ร่วมกัน พึงพอใจ เป็ นทีมหลังเรี ยนสู งกว่าก่อนเรี ยน อย่างมีนยสําคัญทางสถิติ ั 1) ขั้นการเตรียมการ ที่ระดับ .05 สอดคล้องกับงานวิจยของ Ward (1998) ที่ ั 1.1) ขั้นการวางแผนและ 4.39 0.66 มาก พบว่ า การเรี ยนด้ว ยกรณี ศึ ก ษาทํา ให้ ผู้เ รี ยนเกิ ด ความ กําหนด กระตือรื อร้นในการเรี ยนรู้ มีความเชื่อมันในตนเอง และมี ่ ทิศทางการเรี ยนรู้ ทัก ษะการเรี ย นรู้ ร่ วมกัน เป็ นที ม เพิ่ ม มากขึ้ น ซึ่ งสอดล้อ ง 1.2) ขั้นการสร้างแรงจูงใจใน 4.39 0.66 มาก แนวคิดของ Bonk and Graham (2004) ที่กล่าวว่า กิจกรรม การเรี ยนรู้ การเรี ยนสอนแบบผสมผสานทําให้ผเู้ รี ยนสามารถเรี ยนรู้ได้ 1.3) ขั้นการสนับสนุนแหล่ง 4.45 0.62 มาก อย่างอิสระ ส่ งผลให้เกิดการเรี ยนที่กระฉับกระเฉง (Active เรี ยนรู้ Learning) ทําให้ผเู ้ รี ยนเป็ นผูที่มีความกระฉับกระเฉงในการ ้ 2) ขั้นการเรียนแบบผสมผสานด้ วยการเรียนรู้ ร่วมกัน เรี ยนรู้ (Active Learner) และสามารถลดเวลาในการเข้าชั้น โดยใช้ กรณีศึกษา เรี ยนได้ นอกจากนี้ การเรี ยนแบบผสมผสานยัง มี ส่ ว น 2.1) ขั้นศึกษาเนื้อหาบทเรี ยน 4.45 0.62 มาก สนับสนุนปฏิสัมพันธ์ระหว่างผูเ้ รี ยนกับผูเ้ รี ยนด้วยกัน และ 2.2) ขั้นศึกษากรณี ศึกษา 4.24 0.75 มาก ผูเ้ รี ย นกับ ผูส อนโดยการติ ด ต่ อ แบบส่ ว นตัว ช่ ว ยให้ ก าร ้ 2.3) ขั้นวินิจฉัยปั ญหาด้วยการ 4.45 0.62 มาก เรี ยนรู้ดีข้ ึน สํารวจ 7.2) ผลการศึ กษาความพึงพอใจของนักศึ กษาต่อการเรี ย น 2.4) ขั้นระดมสมองโดยใช้ 4.24 0.75 มาก ตามรู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู้ร่วมกัน เครื่ องมือบนเว็บเพื่อหาวิธีการ โดยใช้กรณี ศึกษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีม พบว่า แก้ปัญหา นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการเรี ยนตามรู ปแบบอยูในระดับ ่ 2.5) ขั้นร่ วมกันสรุ ปผล 4.45 0.62 มาก มาก สอดคล้องกับงานวิจยของ (Driscoll, 2002) ที่พบว่า ั 4.33 0.65 มาก การมีปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในการเรี ยนแบบผสมผสานช่วยทํา 3) ขั้นทดสอบความรู้ และ ให้ผูเ้ รี ย นมี โอกาสแสดงความคิ ดเห็ นได้อ ย่างเท่าเที ยมกัน ประเมินผล และตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล การที่ผูเ้ รี ยนมี รวม 4.38 0.66 มาก ปฏิ สั ม พัน ธ์ กับ ผูส อนหรื อ กับ กลุ่ ม ผูเ้ รี ย น ช่ ว ยทํา ให้ก าร ้ จัด การเรี ย นการสอนน่ า สนใจมากยิ่ ง ขึ้ น และยัง เป็ นการ จากตารางที่ 2 พบว่า นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่เรี ยน สนั บ สนุ น การเรี ยนการสอนที่ เ น้ น ผู้เ รี ยนเป็ นสํ า คั ญ โดยรู ป แบบการเรี ย นแบบผสมผสานด้ว ยการเรี ย นรู้ นอกจากนี้ ผูเ้ รี ยนยังสามารถทบทวนกิ จกรรมการเรี ยนการ ร่ วมกันโดยใช้กรณี ศึ กษาเพื่อพัฒนาการเรี ยนรู้ ร่ วมกัน สอนเนื้ อหา และฝึ กทําแบบฝึ กหัดได้ทุกสถานที่ ทุกเวลาที่ เป็ นที ม มี ความพึงพอใจต่อการเรี ยนตามรู ปแบบอยูใน ่ ต้อ งการ และเป็ นการใช้เ ทคโนโลยีให้เ กิ ด ประโยชน์ม าก ระดับมาก ( X =4.38, S.D. = 0.66) ยิงขึ้น ่ 7) อภิปรายผล 8) เอกสารอ้างอิง 7.1) ผลการศึกษาคะแนนการเรี ยนรู้ร่วมกันเป็ นทีมของ กระทวงศึกษาธิ การ. (2548). ราชกิจจานุเบกษา เล่ ม 122. นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนโดย กรุ งเทพมหานคร: กระทวงศึกษาธิการ. รู ปแบบการเรี ยนแบบผสมผสานด้วยการเรี ยนรู ้ร่วมกัน 120
  • 7. ใจทิพย์ ณ สงขลา. (2550). E-Instructional Design วิธี วิทยาการออกแบบการเรี ยนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ . กรุ งเทพมหานคร: ศูนย์ตาราและเอกสารทางวิชาการ ํ คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ณมน จีรังสุ วรรณ. (2549). หลักการออกแบบและ ประเมิน. กรุ งเทพมหานคร: ศูนย์ผลิตตําราเรี ยน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. ปฏิรูปการศึกษา, สํานักงาน. (2545). พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่ งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุ งเทพมหานคร: พริ กหวานกราฟฟิ ค. Bersin, J. (2004). The blended learning book: Best practices, proven methodologies, and lessons learned. San Francisco: Pfeiffer. Bonk, C. J. & Graham, C. R. (2004). Handbook of blended learning: Global Perspectives. San Francisco: Pfeiffer Publishing. Driscoll, M. (2002) Blended Learning: let’s get beyond the hype. E-learning, 1 March.[On- line] Available:http://elearningmag.com/ ltimagazine Kaye, T. (2003). Blended learning: how to integrate online & traditional learning. London: Kogan Page. Ward, R. (1998). "Active, collaborative, and case- based learning with computer-based case scenarios", Computers and Education, 30 (1), 103-10. William, W. & Stephen G. J. (2009). Research methods in education: an introduction. (9thed.). Boston: Pearson. 121