SlideShare a Scribd company logo
ฟิ สิ กส์ อะตอม 5
ทวิภาพของคลืนและอนุภาค
่
ปรากฏการณ์ คอมป์ ตัน
สมมติฐานของเดอ บรอยล์
ข้ อความต่ อไปนี้
เป็ นจริง หรือ เท็จ
........1. เมือใช้ แสงความถีสูงขึน (และสูงกว่ า
่
่ ้
ความถี่ขีดเริ่ม) ตกกระทบคาโทด
โฟโตอิเล็กตรอนจะมีพลังงานจลน์ มากขึน
้
........ 2. หากใช้ แสงทีมความเข้ มสูงตกกระทบคาโทด
่ ี
หากเกิดโฟโตอิเล็กทริกจานวนโฟโตอิเล็กตรอน
จะมีมาก
........ 3. หากใช้ แสงทีมความถีสูง พลังงานแสง
่ ี
่
มาก ๆ จะทาให้ จานวนโฟโตอิเล็กตรอนมีมาก
........ 4. หากใช้ แสงทีมความเข้ มสูงตกกระทบ
่ ี
คาโทด โฟโตอิเล็กตรอนจะมีพลังงานจลน์ สูง
........ 5. หากใช้ แสงค่ าหนึ่งแล้ วไม่ ทาให้ เกิดโฟ
โตอิเล็กทริก หากต้ องให้ เกิดโฟโตอิเล็กทริก
จะต้ องเพิมความเข้ มแสง
่
ทฤษฎีคลืนแสง
่
• การทีแสงที่มีความถีจาเพาะค่ าหนึ่งตกกระทบผิวโลหะที่
่
่
สะอาดทาให้ มีอเิ ล็กตรอนกระเด็นออกจากผิวโลหะ
• อิเล็กตรอนทีหลุดออกมาจะถูกดึงดูดให้ วงเข้ าหาขั้วบวก
่
ิ่
• การไหลของอิเล็กตรอนจะทราบได้ จากเครื่องตรวจวัด ซึ่ง
ปรากฏการณ์ นี้ ไม่ สามารถอธิบายได้ ด้วยทฤษฎีคลื่นแสง
•
อธิบายว่ า อิเล็กตรอนทีกระเด็นขึนอยู่กบ
่
้
ั
ความถีของแสงและตั้งสมมติฐานว่ า “
่
แสงเป็ นสายธารของอนุภาค)
ไม่ ใช่ คลืนและเรียกอนุภาคของแสงว่ า โฟตอน (
่
Physics atom part 5
ไอน์ สไตน์ (
ได้ เสนอแนวความคิดว่ า
 แสงมีลกษณะเป็ นกลุ่มก้อนของพลังงานที่เรียก ว่ าควอนตัม
ั
ของพลังงาน หรือโฟตอน (
 โฟตอน 1 ตัว จะมีพลังงานเท่ ากับ
 เมื่อโฟตอนพุ่งชนอิเล็กตรอนจะชนกันแบบหนึ่งต่ อหนึ่ง
และโฟตอนจะถ่ ายทอด พลังงานทั้งหมดแก่อเิ ล็กตรอน
ปรากฏการณ์ คอมป์ตัน

คืออะไร
Physics atom part 5
ปี

พ.ศ. 2466 อาร์ เทอร์ ฮอลลี
คอมพ์ตัน (
) นักฟิ สิ กส์ชาว
ั
อเมริ กน ได้ทาการทดลองฉายรังสี
เอกซ์ความยาวคลื่นเดียวไปยัง
แท่งกราไฟต์ แล้ววัดความยาวคลื่น
ของรังสี เอกซ์ที่กระเจิง
(
) ออกมาที่
มุมต่างๆ กับแนวเดิมดังรู ป
Physics atom part 5
http://www.google.co.th/url?sa=i&source=images&cd=&cad=rja&docid=kA
MzotKmYjwSOM&tbnid=B_8GvThofIpEoM:&ved=0CAgQjRw&url=http%3A%2F%2
Fwww.shokabo.co.jp%2Fsp_e%2Foptical%2Flabo%2Fopt_cont%2Fopt_cont.htm
&ei=nHWuUrXdIYaOrQfDkoGoDA&psig=AFQjCNF31M7R95qfO44hCugcfpjf3qviw&ust=1387251484660124
Physics atom part 5
Physics atom part 5
คอมพ์ ตันพบว่ า

รังสี เอกซ์ ทกระเจิงออกมาจากแท่ งกราไฟต์
ี่
มีความยาวคลืนเป็ น 2 ประเภท ประเภทหนึ่งมีความยาว
่
คลืนยาวเท่ าเดิม กับอีกประเภทหนึ่งมีความยาวคลืนยาว
่
่
กว่ าเดิม ประเภททีมีความยาวคลืนยาวกว่ าเดิมนั้นขึนอยู่กบ
่
่
้
ั
มุมกระเจิง ถ้ ายิงกระเจิงจากแนวเดิมมาก จะยิงมีความยาว
่
่
คลืนยาวกว่ าเดิมมาก
่
 เมื่อโฟตอนรังสี เอกซ์

กระทบกับอิเล็กตรอนที่อยู่ใน
แท่ งกราไฟต์ ก็จะเป็ นการชนกันระหว่ าง โฟตอน
กับอิเล็กตรอน ซึ่งเปรียบเสมือนการชนกันของ
อนุภาคกับอนุภาค ใช้ หลักอนุรักษ์ พลังงานและ
โมเมนตัมในการชนกันได้ และเนื่องจากโฟตอนรังสี
เอกซ์ มีพลังงานสู งมาก เมื่อกระทบอิเล็กตรอนใน
กราไฟต์ (พลังงานยึดเหนี่ยวของอิเล็กตรอนบางตัว
กับอะตอมมีค่าน้ อย) จึงถือเสมือนว่ า โฟตอนวิงเข้ า
่
ชนอิเล็กตรอนทีวางอยู่อย่ างอิสระ และเนืองจากเป็ น
่
่
การชนทีมีพลังงานสู ง จึงต้ องใช้ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ
่
รู ปแสดงผลทีได้ จากการทดลอง
่
The scattering of photons from
charged particles is called Compton
scattering after Arthur Compton
who was the first to measure
photon-electron scattering in 1922.
When the incoming photon gives
part of its energy to the electron,
then the scattered photon has lower
energy and according to the Planck
relationship has lower frequency
and longer wavelength. The
wavelength change in such
scattering depends only upon the
angle of scattering for a given
target particle.(A. H. Compton, Phys.
Rev. 21, 483; 22, 409 (1923))
Physics atom part 5
คอมพ์ตันคิดว่ ารังสี เอกซ์ ประกอบด้ วยกลุ่มหรือเม็ดของพลังงานและเรียก
เม็ดพลังงานว่ า โฟตอนรังสี เอกซ์ หรือเรียกสั้ นๆ ว่ าโฟตอน มีลกษณะเป็ น
ั
อนุภาคและมีโมเมนตัมหาได้ จากความสั มพันธ์ ดังนี้
จากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์ สไตน์
E =
mc2
และพลังงานของโฟตอน
E =
hf
2
hf =
mc
โฟตอนมีความเร็ว c จึงมีโมเมนตัม

p 

h


ดอบรอยล์ อธิบายว่ าการที่อเิ ล็กตรอนในอะตอม ไม่ มีการแผ่ คลืน
่
แม่ เหล็กไฟฟาก็เนื่องจาก “อิเล็กตรอนที่วงวนรอบนิวเคลียสจะ
้
ิ่
แสดง สมบัติของ คลืนนิ่ง ซึ่งเป็ นไปได้ เมื่อความยาวของเส้ น
่
รอบวงมีค่าเป็ นจานวนเท่ าของความยาว คลืนของ อิเล็กตรอน”
่
สมการนีแสดงว่ า “ อนุภาคทีมมวล m เคลือนทีด้วยความเร็ว
้
่ ี
่ ่
v สามารถแสดงสมบัติ เป็ นคลืนซึ่งมีความยาวเท่ ากับ ได้ ”
่
ตรงนีเ้ รียก สมมุตฐานของเดอบรอยล์ และ  นีเ้ รียก
ิ
ความยาวคลืนของเดอบรอยล์ (De Broglic wavelength)
่
Physics atom part 5
Physics atom part 5
Physics atom part 5
Physics atom part 5
Physics atom part 5
Physics atom part 5
หลักความไม่ แน่ นอนของไฮเซนเบอร์ ก
Werner

Heisenberg (1901-1976 )
คิดค้ นความรู้ พนฐานทฤษฎีควอนตัม
ื้
ในช่ วงอายุประมาณยีสิบปี ต้ นๆ
่
ได้ รับรางวัลโนเบลในปี 1932 สาหรับการ
ค้ นพบหลักความไม่ แน่ นอน
(uncertainty principle)
ไฮเซนเบอร์ ก เป็ นคนแรกที่ชี้ให้ เห็นว่ า กฎเกณฑ์ ของ

กลศาสตร์ ควอนตัม บอกเป็ นนัยว่ า มีขีดจำกัดพืนฐำน
้
สำหรั บควำมแม่ นยำของกำรวัดในกำรทดลอง
การทีอนุภาคแสดงสมบัติ
่

คลืน และต้ องใช้ กลุ่มคลืน
่
่
แทนอนุภาคนั้น ทาให้ ไม่
สามารถบอกตาแหน่ งและ
โมเมนตัม ของอนุภาคได้
แน่ นอน
กลุ่มคลืนทีเ่ กิ ดจากการรวมคลืน 2 คลืน
่
่
่
 กลุ่มคลืนทีเกิดจากการรวมคลืนทีมีความถี่ต่างกันเล็กน้ อย
่ ่
่ ่
• อนุภาคจะอยู่ทใดก็ได้ ภายในกลุ่มคลืน x
ี่
่
• ค่ าของเลขคลืน k ทีประกอบกันเป็ นกลุ่มคลืนมี
่
่
่
ค่ าต่ างๆ กันอยู่ในช่ วง  k
• ขนาดของความยาวคลืนและโมเมนตัมไม่
่
แน่ นอน
ถ้ าขนาดของกลุ่มคลืนแคบ x น้ อย
่

การบอกตาแหน่ ง
ก็ชัดเจนขึน แต่ การบอกความยาวคลืนก็บอกได้ ยาก
้
่
ถ้ ากลุ่มคลืนมีขนาดกว้ าง ก็จะบอกความยาวคลืนได้ ชัด
่
่
ขึน แต่ กบอกตาแหน่ งของอนุภาคได้ ยาก เนื่องจาก x
้
็
มีขนาดกว้ างขึน
้
คลืน ซึ่งมีค่า k ต่ างๆกันอยู่ในช่ วง  k มารวมกัน จะได้
่

 x . k  1
จากความสั มพันธ์ ของ เดอ บรอยล์

p

h



h
p 
k
2
h
p 
k
2

1
p  
x
ผลคูณความไม่ แน่ นอนของตาแหน่ งและโมเมนตัมของอนุภาคจะ

เป็ นไปตามสมการ

x.p  
x

เป็ นความไม่ แน่ นอนเกียวกับตาแหน่ งของอนุภาค
่
p เป็ นความไม่ แน่ นอนเกียวกับโมเมนตัมของอนุภาค
่
ธรรมชำติคลืนของวัตถุ
่

ทำให้ ไม่ สำมำรถทรำบตำแหน่ งและ
โมเมนตัม ของอนุภำคได้ อย่ ำงแน่ นอนพร้ อมๆ กัน
ถ้ าทราบโมเมนตัมแน่ นอน ((p = 0) ก็จะไม่ ทราบว่ าวัตถุอยู่ที่ใด
(x =)
ถ้ าทราบว่ าอนุภาคอยู่ทใดแน่ นอน (x =0) เราก็จะไม่ ทราบค่ าของ
ี่
โมเมนตัม (p = )
ถ้ าทราบค่ าประมาณของโมเมนตัม เราก็จะทราบค่ าประมาณของ
ตาแหน่ ง
ความไม่ แน่ นอนเกียวกับตาแหน่ งของอิเล็กตรอนมี
่

ค่ าประมาณขนาดของอะตอม ดังนั้นหลักความไม่ แน่ นอนมี
ความสาคัญเกียวกับปัญหาในระดับอะตอมและอนุภาค
่
ความไม่ แน่ นอนเกียวกับตาแหน่ งของรถยนต์ มีค่าน้ อยมาก
่

จนไม่
สามารถวัดได้ เนื่องจากเราไม่ มีเครื่องมือใดๆ ที่จะวัดตาแหน่ งได้
ละเอียดขนาดนั้น ดังนั้นสาหรับวัตถุขนาดใหญ่ หลักความไม่ แน่ นอน
จะไม่ มีผลแต่ อย่ างใด
กลศาสตร์ ควอนตัม
 ค.ศ. 1925

นักฟิ สิ กส์ กพบวิชา กลศาสตร์ ควอนตัม (Quantum
็
mechanics) ซึ่งเป็ นวิชาที่ใช้ ศึกษาธรรมชาติในระดับอะตอมได้
อย่ างถูกต้ องสมบูรณ์ อาจจะกล่าวได้ ว่า กลศาสตร์ ควอนตัมเป็ น
หัวใจของการศึกษาฟิ สิ กส์ ยุคปัจจุบัน
ชเรอดิงเงอร์

(Erwin Schrodinger) นักฟิ สิ กส์ ชาวออสเตรีย
วิเคราะห์ ว่า ตามสมมติฐานของเดอบรอยล์น้ัน อิเล็กตรอนซึ่งเป็ น
อนุภาคแต่ สามารถประพฤติตวเสมือนเป็ นคลืนได้ ดังนั้นสมการการ
ั
่
เคลือนที่ของอิเล็กตรอนควรจะคล้ายสมการคลืน ชเรอดิงเงอร์ จึง
่
่
สร้ างสมการคลืนของอิเล็กตรอนขึน โดยแทนอิเล็กตรอนด้ วย กลุ่ม
่
้
คลืน (wave packet) ซึ่งเคลือนทีด้วย ความเร็วกลุ่ม (group
่
่ ่
velocity) ทีเ่ ท่ ากับความเร็วของอนุภาค
ฟังก์ ชันคลืนสาหรับอนุภาค คือ
่

More Related Content

PDF
บทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุ
DOCX
แบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docx
PDF
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
PDF
เคมี
PDF
แรงและแรงรับ
PDF
172 130909011745-
บทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุ
แบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docx
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
เคมี
แรงและแรงรับ
172 130909011745-

What's hot (20)

PDF
ใบงานที่ 2 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
PDF
แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ
PDF
เฉลยแคลคูลัส
PDF
เล่ม 2 สมการเคมี
PDF
ร้อยละ
PPTX
ทฤษฏีอะตอมของโบร์
PDF
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1
PPTX
บทที่ 1 หน่วยวัดและปริมาณทางฟิสิกส์
PDF
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
PDF
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงlight
PDF
เฉลย06กฎการเคลื่อนที่
PPTX
จำนวนเชิงซ้อนไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
PDF
Physics atom part 3
PDF
ประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสีและพลังงานนิวเคลียร์
PDF
บทที่ 2 แสง ม.2
PDF
กล้องจุลทรรศน์
PDF
01แบบฝึกแรงและงาน
ใบงานที่ 2 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ
เฉลยแคลคูลัส
เล่ม 2 สมการเคมี
ร้อยละ
ทฤษฏีอะตอมของโบร์
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1
บทที่ 1 หน่วยวัดและปริมาณทางฟิสิกส์
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงlight
เฉลย06กฎการเคลื่อนที่
จำนวนเชิงซ้อนไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
Physics atom part 3
ประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสีและพลังงานนิวเคลียร์
บทที่ 2 แสง ม.2
กล้องจุลทรรศน์
01แบบฝึกแรงและงาน
Ad

Viewers also liked (20)

PDF
ใบความรู้ 4
PDF
ใบงาน 07
DOCX
สะพานแขวน Vs สะพานขึง
PDF
ใบความรู้.07
DOCX
01แผน เรื่อง งาน
PDF
ใบงานที่ 4
PDF
ใบความรู้ที่ 1
PDF
03. ใบงาน 5 ปรับ
DOC
ใบงาน แผน 07
PDF
ใบงานที่ 1
PDF
ใบงานที่ 3
PDF
คลื่นและเสียง
PDF
ใบงาน 7
PDF
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
DOCX
07แผน เรื่อง การชน
DOCX
13แผน เรื่อง สมดุลกล
DOCX
14แผน เรื่อง สภาพยืดหยุ่น
DOCX
08แผน เรื่อง การหมุน ความเร็วเชิงมุม และความเร่งเชิงมุม
ใบความรู้ 4
ใบงาน 07
สะพานแขวน Vs สะพานขึง
ใบความรู้.07
01แผน เรื่อง งาน
ใบงานที่ 4
ใบความรู้ที่ 1
03. ใบงาน 5 ปรับ
ใบงาน แผน 07
ใบงานที่ 1
ใบงานที่ 3
คลื่นและเสียง
ใบงาน 7
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
07แผน เรื่อง การชน
13แผน เรื่อง สมดุลกล
14แผน เรื่อง สภาพยืดหยุ่น
08แผน เรื่อง การหมุน ความเร็วเชิงมุม และความเร่งเชิงมุม
Ad

Similar to Physics atom part 5 (20)

PDF
Physics atom part 5
PPT
มิ่ง111
PPT
มิ่ง111
PPT
มิ่ง111
PPT
มิ่ง111
PDF
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
PDF
ฟิสิกส์อะตอม
PDF
โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
PDF
แบบทดสอบเก็บคะแนนก่อนกลางภาค เรื่อง ฟิสิกส์อะตอม
PPT
physics atom.ppt
PDF
Physics atom part 4
PDF
ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค
PPT
Ch13 mp2 atom&nucleus[2]
PDF
ฟิสิกส์อะตอม
PDF
แบบเรียน เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์
PDF
แสงเชิงฟิสิกส์
PDF
ไฟฟ้าสถิต [Compatibility mode]
PDF
แสง และการมองเห็น
Physics atom part 5
มิ่ง111
มิ่ง111
มิ่ง111
มิ่ง111
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอม
โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
แบบทดสอบเก็บคะแนนก่อนกลางภาค เรื่อง ฟิสิกส์อะตอม
physics atom.ppt
Physics atom part 4
ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค
Ch13 mp2 atom&nucleus[2]
ฟิสิกส์อะตอม
แบบเรียน เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์
แสงเชิงฟิสิกส์
ไฟฟ้าสถิต [Compatibility mode]
แสง และการมองเห็น

More from Wijitta DevilTeacher (20)

PPTX
ตารางธาตุใหม่
DOCX
การสอบแก้ตัวกลางภาคชุด A
DOCX
การสอบแก้ตัวกลางภาคชุด C
DOCX
การสอบแก้ตัวกลางภาคชุด B
PDF
Physics atom part 4
PDF
Physics atom part 2
PDF
Physics atom part 1
PDF
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง โมเมนตัมและการชน
PDF
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
DOCX
แนวข้อสอบโมเมนตัมและการชน
PDF
แผนบูรณาการสะเต็ม ร่มพยุงไข่
DOCX
12แผน เรื่อง การแกว่งของวัตถุ
DOCX
11แผน เรื่อง งานของการหมุน
DOCX
10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน
DOCX
09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
DOCX
06แผน เรื่อง การดล
DOCX
05แผน เรื่อง โมเมนตัม
DOCX
04แผน เรื่อง กำลัง
DOCX
03แผน เรื่อง กฏการอนุรักษ์พลังงาน
DOCX
02แผน เรื่อง พลังงาน
ตารางธาตุใหม่
การสอบแก้ตัวกลางภาคชุด A
การสอบแก้ตัวกลางภาคชุด C
การสอบแก้ตัวกลางภาคชุด B
Physics atom part 4
Physics atom part 2
Physics atom part 1
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง โมเมนตัมและการชน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
แนวข้อสอบโมเมนตัมและการชน
แผนบูรณาการสะเต็ม ร่มพยุงไข่
12แผน เรื่อง การแกว่งของวัตถุ
11แผน เรื่อง งานของการหมุน
10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน
09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
06แผน เรื่อง การดล
05แผน เรื่อง โมเมนตัม
04แผน เรื่อง กำลัง
03แผน เรื่อง กฏการอนุรักษ์พลังงาน
02แผน เรื่อง พลังงาน

Physics atom part 5

  • 1. ฟิ สิ กส์ อะตอม 5 ทวิภาพของคลืนและอนุภาค ่ ปรากฏการณ์ คอมป์ ตัน สมมติฐานของเดอ บรอยล์
  • 2. ข้ อความต่ อไปนี้ เป็ นจริง หรือ เท็จ
  • 3. ........1. เมือใช้ แสงความถีสูงขึน (และสูงกว่ า ่ ่ ้ ความถี่ขีดเริ่ม) ตกกระทบคาโทด โฟโตอิเล็กตรอนจะมีพลังงานจลน์ มากขึน ้
  • 4. ........ 2. หากใช้ แสงทีมความเข้ มสูงตกกระทบคาโทด ่ ี หากเกิดโฟโตอิเล็กทริกจานวนโฟโตอิเล็กตรอน จะมีมาก
  • 5. ........ 3. หากใช้ แสงทีมความถีสูง พลังงานแสง ่ ี ่ มาก ๆ จะทาให้ จานวนโฟโตอิเล็กตรอนมีมาก
  • 6. ........ 4. หากใช้ แสงทีมความเข้ มสูงตกกระทบ ่ ี คาโทด โฟโตอิเล็กตรอนจะมีพลังงานจลน์ สูง
  • 7. ........ 5. หากใช้ แสงค่ าหนึ่งแล้ วไม่ ทาให้ เกิดโฟ โตอิเล็กทริก หากต้ องให้ เกิดโฟโตอิเล็กทริก จะต้ องเพิมความเข้ มแสง ่
  • 8. ทฤษฎีคลืนแสง ่ • การทีแสงที่มีความถีจาเพาะค่ าหนึ่งตกกระทบผิวโลหะที่ ่ ่ สะอาดทาให้ มีอเิ ล็กตรอนกระเด็นออกจากผิวโลหะ • อิเล็กตรอนทีหลุดออกมาจะถูกดึงดูดให้ วงเข้ าหาขั้วบวก ่ ิ่ • การไหลของอิเล็กตรอนจะทราบได้ จากเครื่องตรวจวัด ซึ่ง ปรากฏการณ์ นี้ ไม่ สามารถอธิบายได้ ด้วยทฤษฎีคลื่นแสง • อธิบายว่ า อิเล็กตรอนทีกระเด็นขึนอยู่กบ ่ ้ ั ความถีของแสงและตั้งสมมติฐานว่ า “ ่ แสงเป็ นสายธารของอนุภาค) ไม่ ใช่ คลืนและเรียกอนุภาคของแสงว่ า โฟตอน ( ่
  • 10. ไอน์ สไตน์ ( ได้ เสนอแนวความคิดว่ า  แสงมีลกษณะเป็ นกลุ่มก้อนของพลังงานที่เรียก ว่ าควอนตัม ั ของพลังงาน หรือโฟตอน (  โฟตอน 1 ตัว จะมีพลังงานเท่ ากับ  เมื่อโฟตอนพุ่งชนอิเล็กตรอนจะชนกันแบบหนึ่งต่ อหนึ่ง และโฟตอนจะถ่ ายทอด พลังงานทั้งหมดแก่อเิ ล็กตรอน
  • 13. ปี พ.ศ. 2466 อาร์ เทอร์ ฮอลลี คอมพ์ตัน ( ) นักฟิ สิ กส์ชาว ั อเมริ กน ได้ทาการทดลองฉายรังสี เอกซ์ความยาวคลื่นเดียวไปยัง แท่งกราไฟต์ แล้ววัดความยาวคลื่น ของรังสี เอกซ์ที่กระเจิง ( ) ออกมาที่ มุมต่างๆ กับแนวเดิมดังรู ป
  • 18. คอมพ์ ตันพบว่ า รังสี เอกซ์ ทกระเจิงออกมาจากแท่ งกราไฟต์ ี่ มีความยาวคลืนเป็ น 2 ประเภท ประเภทหนึ่งมีความยาว ่ คลืนยาวเท่ าเดิม กับอีกประเภทหนึ่งมีความยาวคลืนยาว ่ ่ กว่ าเดิม ประเภททีมีความยาวคลืนยาวกว่ าเดิมนั้นขึนอยู่กบ ่ ่ ้ ั มุมกระเจิง ถ้ ายิงกระเจิงจากแนวเดิมมาก จะยิงมีความยาว ่ ่ คลืนยาวกว่ าเดิมมาก ่
  • 19.  เมื่อโฟตอนรังสี เอกซ์ กระทบกับอิเล็กตรอนที่อยู่ใน แท่ งกราไฟต์ ก็จะเป็ นการชนกันระหว่ าง โฟตอน กับอิเล็กตรอน ซึ่งเปรียบเสมือนการชนกันของ อนุภาคกับอนุภาค ใช้ หลักอนุรักษ์ พลังงานและ โมเมนตัมในการชนกันได้ และเนื่องจากโฟตอนรังสี เอกซ์ มีพลังงานสู งมาก เมื่อกระทบอิเล็กตรอนใน กราไฟต์ (พลังงานยึดเหนี่ยวของอิเล็กตรอนบางตัว กับอะตอมมีค่าน้ อย) จึงถือเสมือนว่ า โฟตอนวิงเข้ า ่ ชนอิเล็กตรอนทีวางอยู่อย่ างอิสระ และเนืองจากเป็ น ่ ่ การชนทีมีพลังงานสู ง จึงต้ องใช้ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ่
  • 21. The scattering of photons from charged particles is called Compton scattering after Arthur Compton who was the first to measure photon-electron scattering in 1922. When the incoming photon gives part of its energy to the electron, then the scattered photon has lower energy and according to the Planck relationship has lower frequency and longer wavelength. The wavelength change in such scattering depends only upon the angle of scattering for a given target particle.(A. H. Compton, Phys. Rev. 21, 483; 22, 409 (1923))
  • 23. คอมพ์ตันคิดว่ ารังสี เอกซ์ ประกอบด้ วยกลุ่มหรือเม็ดของพลังงานและเรียก เม็ดพลังงานว่ า โฟตอนรังสี เอกซ์ หรือเรียกสั้ นๆ ว่ าโฟตอน มีลกษณะเป็ น ั อนุภาคและมีโมเมนตัมหาได้ จากความสั มพันธ์ ดังนี้ จากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์ สไตน์ E = mc2 และพลังงานของโฟตอน E = hf 2 hf = mc โฟตอนมีความเร็ว c จึงมีโมเมนตัม p  h 
  • 24. ดอบรอยล์ อธิบายว่ าการที่อเิ ล็กตรอนในอะตอม ไม่ มีการแผ่ คลืน ่ แม่ เหล็กไฟฟาก็เนื่องจาก “อิเล็กตรอนที่วงวนรอบนิวเคลียสจะ ้ ิ่ แสดง สมบัติของ คลืนนิ่ง ซึ่งเป็ นไปได้ เมื่อความยาวของเส้ น ่ รอบวงมีค่าเป็ นจานวนเท่ าของความยาว คลืนของ อิเล็กตรอน” ่
  • 25. สมการนีแสดงว่ า “ อนุภาคทีมมวล m เคลือนทีด้วยความเร็ว ้ ่ ี ่ ่ v สามารถแสดงสมบัติ เป็ นคลืนซึ่งมีความยาวเท่ ากับ ได้ ” ่ ตรงนีเ้ รียก สมมุตฐานของเดอบรอยล์ และ  นีเ้ รียก ิ ความยาวคลืนของเดอบรอยล์ (De Broglic wavelength) ่
  • 32. หลักความไม่ แน่ นอนของไฮเซนเบอร์ ก Werner Heisenberg (1901-1976 ) คิดค้ นความรู้ พนฐานทฤษฎีควอนตัม ื้ ในช่ วงอายุประมาณยีสิบปี ต้ นๆ ่ ได้ รับรางวัลโนเบลในปี 1932 สาหรับการ ค้ นพบหลักความไม่ แน่ นอน (uncertainty principle)
  • 33. ไฮเซนเบอร์ ก เป็ นคนแรกที่ชี้ให้ เห็นว่ า กฎเกณฑ์ ของ กลศาสตร์ ควอนตัม บอกเป็ นนัยว่ า มีขีดจำกัดพืนฐำน ้ สำหรั บควำมแม่ นยำของกำรวัดในกำรทดลอง
  • 34. การทีอนุภาคแสดงสมบัติ ่ คลืน และต้ องใช้ กลุ่มคลืน ่ ่ แทนอนุภาคนั้น ทาให้ ไม่ สามารถบอกตาแหน่ งและ โมเมนตัม ของอนุภาคได้ แน่ นอน กลุ่มคลืนทีเ่ กิ ดจากการรวมคลืน 2 คลืน ่ ่ ่
  • 36. • อนุภาคจะอยู่ทใดก็ได้ ภายในกลุ่มคลืน x ี่ ่ • ค่ าของเลขคลืน k ทีประกอบกันเป็ นกลุ่มคลืนมี ่ ่ ่ ค่ าต่ างๆ กันอยู่ในช่ วง  k • ขนาดของความยาวคลืนและโมเมนตัมไม่ ่ แน่ นอน
  • 37. ถ้ าขนาดของกลุ่มคลืนแคบ x น้ อย ่ การบอกตาแหน่ ง ก็ชัดเจนขึน แต่ การบอกความยาวคลืนก็บอกได้ ยาก ้ ่ ถ้ ากลุ่มคลืนมีขนาดกว้ าง ก็จะบอกความยาวคลืนได้ ชัด ่ ่ ขึน แต่ กบอกตาแหน่ งของอนุภาคได้ ยาก เนื่องจาก x ้ ็ มีขนาดกว้ างขึน ้
  • 38. คลืน ซึ่งมีค่า k ต่ างๆกันอยู่ในช่ วง  k มารวมกัน จะได้ ่  x . k  1 จากความสั มพันธ์ ของ เดอ บรอยล์ p h  h p  k 2 h p  k 2 1 p   x
  • 39. ผลคูณความไม่ แน่ นอนของตาแหน่ งและโมเมนตัมของอนุภาคจะ เป็ นไปตามสมการ x.p   x เป็ นความไม่ แน่ นอนเกียวกับตาแหน่ งของอนุภาค ่ p เป็ นความไม่ แน่ นอนเกียวกับโมเมนตัมของอนุภาค ่
  • 40. ธรรมชำติคลืนของวัตถุ ่ ทำให้ ไม่ สำมำรถทรำบตำแหน่ งและ โมเมนตัม ของอนุภำคได้ อย่ ำงแน่ นอนพร้ อมๆ กัน ถ้ าทราบโมเมนตัมแน่ นอน ((p = 0) ก็จะไม่ ทราบว่ าวัตถุอยู่ที่ใด (x =) ถ้ าทราบว่ าอนุภาคอยู่ทใดแน่ นอน (x =0) เราก็จะไม่ ทราบค่ าของ ี่ โมเมนตัม (p = ) ถ้ าทราบค่ าประมาณของโมเมนตัม เราก็จะทราบค่ าประมาณของ ตาแหน่ ง
  • 41. ความไม่ แน่ นอนเกียวกับตาแหน่ งของอิเล็กตรอนมี ่ ค่ าประมาณขนาดของอะตอม ดังนั้นหลักความไม่ แน่ นอนมี ความสาคัญเกียวกับปัญหาในระดับอะตอมและอนุภาค ่
  • 42. ความไม่ แน่ นอนเกียวกับตาแหน่ งของรถยนต์ มีค่าน้ อยมาก ่ จนไม่ สามารถวัดได้ เนื่องจากเราไม่ มีเครื่องมือใดๆ ที่จะวัดตาแหน่ งได้ ละเอียดขนาดนั้น ดังนั้นสาหรับวัตถุขนาดใหญ่ หลักความไม่ แน่ นอน จะไม่ มีผลแต่ อย่ างใด
  • 43. กลศาสตร์ ควอนตัม  ค.ศ. 1925 นักฟิ สิ กส์ กพบวิชา กลศาสตร์ ควอนตัม (Quantum ็ mechanics) ซึ่งเป็ นวิชาที่ใช้ ศึกษาธรรมชาติในระดับอะตอมได้ อย่ างถูกต้ องสมบูรณ์ อาจจะกล่าวได้ ว่า กลศาสตร์ ควอนตัมเป็ น หัวใจของการศึกษาฟิ สิ กส์ ยุคปัจจุบัน
  • 44. ชเรอดิงเงอร์ (Erwin Schrodinger) นักฟิ สิ กส์ ชาวออสเตรีย วิเคราะห์ ว่า ตามสมมติฐานของเดอบรอยล์น้ัน อิเล็กตรอนซึ่งเป็ น อนุภาคแต่ สามารถประพฤติตวเสมือนเป็ นคลืนได้ ดังนั้นสมการการ ั ่ เคลือนที่ของอิเล็กตรอนควรจะคล้ายสมการคลืน ชเรอดิงเงอร์ จึง ่ ่ สร้ างสมการคลืนของอิเล็กตรอนขึน โดยแทนอิเล็กตรอนด้ วย กลุ่ม ่ ้ คลืน (wave packet) ซึ่งเคลือนทีด้วย ความเร็วกลุ่ม (group ่ ่ ่ velocity) ทีเ่ ท่ ากับความเร็วของอนุภาค