บทที่ 2
ทฤษฎีกราฟเบื้องตน
(18 ชั่วโมง)
กราฟเปนแบบจําลองทางคณิตศาสตร ซึ่งใชสําหรับจําลองปญหาบางอยางดวย
แผนภาพที่ประกอบดวยจุด และเสนที่เชื่อมระหวางจุด 2 จุด ตัวอยางเชน แผนภาพที่แสดง
เสนทางของรถไฟฟา BTS แผนภาพที่แสดงถนนที่เชื่อมเมืองตาง ๆ แผนภาพแสดงโครงสราง
ทางเคมีของสารประกอบไฮโดรคารบอน วงจรไฟฟา เปนตน วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับสมบัติตาง ๆ
ของกราฟ เรียกวา ทฤษฎีกราฟ(Graph Theory) ปจจุบันทฤษฎีกราฟมีการประยุกตใชอยาง
กวางขวางในศาสตรแขนงตาง ๆ เชน วิทยาศาสตร สังคมศึกษา เศรษฐศาสตร เปนตน
แตสําหรับในบทเรียนนี้จะกลาวถึงเนื้อหาเพียงบางสวนซึ่งอยูในทฤษฎีกราฟเทานั้นซึ่งจะ
ประกอบดวย หัวขอตาง ๆ ดังนี้ กราฟ ดีกรีของจุดยอด แนวเดิน กราฟออยเลอร และการ
ประยุกตของกราฟ
ผลการเรียนรูที่คาดหวัง
1. เขียนกราฟเมื่อกําหนดจุดยอด(vertex) และเสนเชื่อม (edge) ให และระบุไดวากราฟ
ที่กําหนดใหเปนกราฟออยเลอรหรือไม
2. นําความรูเรื่องกราฟไปใชแกปญหาบางประการได
ผลการเรียนรูที่คาดหวังเปนผลการเรียนรูที่สอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูชวงชั้น
ทางดานความรู ดังนั้นในการจัดการเรียนรู ผูสอนตองคํานึงถึงมาตรฐานการเรียนรูดานทักษะ/
กระบวนการทางคณิตศาสตรดวยการสอดแทรกกิจกรรมหรือโจทยที่จะสงเสริมใหผูเรียนเกิด
ทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตรที่จําเปน อันไดแก ความสามารถในการแกปญหา การให
เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตรและการนําเสนอ การเชื่อมโยงความรู
ตาง ๆ ทางคณิตศาสตรและเชื่อมโยงคณิตศาสตรกับศาสตรอื่น และการคิดริเริ่มสรางสรรค
นอกจากนั้นกิจกรรมการเรียนรู ควรสงเสริมใหผูเรียนตระหนักในคุณคาและมีเจตคติที่ดีตอ
วิชาคณิตศาสตร ตลอดจนฝกใหผูเรียนทํางานอยางเปนระบบ มีระเบียบวินัย รอบคอบ
มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และมีความเชื่อมั่นในตนเอง
75
ในการเรียนการสอนแตละสาระการเรียนรูของวิชาคณิตศาสตรนั้น ผูสอนควรแสดง
หรือยกตัวอยางใหผูเรียนเห็นถึงประโยชนและการนําคณิตศาสตรไปใช เพื่อใหผูเรียน
ตระหนักถึงคุณคาอันเกิดจากการศึกษาวิชาคณิตศาสตร ซึ่งจะนําไปสูเจตคติที่ดีตอวิชา
คณิตศาสตร
ในการจัดกิจกรรมการเรียนรูสําหรับบทเรียนนี้ ผูสอนควรใหผูเรียนไดทดลอง และ
คนควาหาขอสรุปดวยตนเอง
ขอเสนอแนะ
1. เรื่องกราฟเปนเนื้อหาใหมซึ่งผูเรียนไมเคยเรียนมากอน ดังนั้นในการเริ่มตนผูสอน
ควรกลาวถึงประวัติความเปนมาใหผูเรียนทราบ ดังนี้
ทฤษฎีกราฟ เกิดขึ้นจากความพยายามในการตอบปญหาตาง ๆ ปญหาหนึ่งที่รูจัก
กันดีก็คือปญหาสะพานเคอนิกสเบอรก “Konigsberg Bridge Problem” ปญหามีอยูวามีเกาะ 2
เกาะ อยูกลางแมน้ําพรีเกล(Pregel) ในเมืองเคอนิกสเบอรกและมีสะพาน 7 สะพาน เชื่อม
ระหวางเกาะกับแผนดิน ดังรูป
ชาวเมืองตางพากันสงสัยวาจะสามารถเดินขามสะพานทั้ง7สะพานแตละสะพานเพียงครั้งเดียว
โดยไมซ้ํากันและกลับมาที่จุดเริ่มตนใหมไดหรือไม
นักคณิตศาสตรหลายคนไดพยายามแกปญหานี้ โดยทดลองจนไดคําตอบวาเปนไปไมได
แตไมมีใครสามารถแสดงขอพิสูจนได จนกระทั่งปค.ศ.1736 มีนักคณิตศาสตรชาวสวิสเซอรแลนด
ชื่อ เลออนฮารด ออยเลอร(Leonhard Euler) ไดไขปริศนานี้โดยแปลงปญหาดังกลาวเปน
กราฟโดยใหพื้นดินแทนจุดยอด และสะพานแทนดวยเสนเชื่อมดังรูป
76
ออยเลอรไดตอบปญหานี้วา เปนไปไมไดที่จะหาเสนทางดังกลาวได
ผูสอนใหผูเรียนลองหาคําตอบของปญหานี้ โดยใชคําถามนําเพื่อใหผูเรียนสามารถหา
คําตอบได เชน
1) จากรูปกราฟที่ใชแทนปญหาสะพานเคอนิกสเบอรก ผูเรียนสามารถใชดินสอ
เขียนกราฟดังกลาวโดยมีเงื่อนไขวาตองไมลากซ้ําเสนที่ลากแลว และกลับมาที่จุดเริ่มตนดังเดิม
โดยไมยกดินสอ ไดหรือไม
2) คําตอบในขอ 1 สามารถนําผลของคําตอบมาตอบปญหาสะพานเคอนิกสเบอรก
ไดหรือไม
จากนั้นจึงอธิบายแนวทางการตอบปญหาของออยเลอร คือการดูจากกราฟขางตนจะ
พบวาเมื่อเริ่มตนเดินจากจุดยอดใด ๆ จะตองเดินผานทุกเสนเชื่อมเพียงครั้งเดียว แลวกลับมาที่
จุดเริ่มตนนั้นเปนไปไมได เนื่องจากไมวาจะเริ่มตนออกจากจุดยอดใดก็ตามเพื่อใหกลับมายัง
จุดเริ่มตนใหม จะตองมีการเดินเขาจุดยอดนั้นเสมอโดยเสนเชื่อมที่ตางกัน ดังนั้นจํานวนเสน
เชื่อมที่ออกจากจุดยอดแตละจุดในกราฟตองเปนจํานวนคู ซึ่งจากกราฟขางตนจะพบวาไมมีจุด
ยอดใดเลยที่มีเสนเชื่อมออกจากจุดเปนจํานวนคู
เมื่อผูเรียนทราบประวัติความเปนมาของทฤษฎีกราฟแลว ผูสอนจึงเริ่มตนตามลําดับ
หัวขอตางๆ เนื่องจากทฤษฎีกราฟเบื้องตนมีคําศัพทที่ผูเรียนตองรูจักเพิ่มขึ้นมากมายผูสอนจึงควร
ยกตัวอยางใหผูเรียนทราบถึงความหมายของคําศัพทแตละคํา
2. เสนเชื่อมe แทนดวยสัญลักษณ AB หรือBA หมายถึง เสนที่เชื่อมระหวางจุดยอด
A และ จุดยอด B
3. ในการเขียนแผนภาพของกราฟนั้น จะกําหนดตําแหนงของจุดยอด ณ ตําแหนงใด
ก็ได และจะลากเสนเชื่อมของกราฟเปนเสนตรงหรือเสนโคงที่มีความยาวเปนเทาใดก็ได เชน
กําหนด เสนเชื่อม ab ดังรูป (1) เราอาจเขียนเสนเชื่อม ab เปนเสนโคง ดังรูป (2) ได
a
b a b
รูป (1) รูป (2)
77
เสนเชื่อมสองเสนของกราฟ อาจลากตัดกันไดโดยที่จุดตัดของเสนเชื่อมทั้งสองไมถือ
วาเปนจุดยอดของกราฟ เชน กําหนดกราฟ ดังรูป
สามารถเขียนแผนภาพของกราฟไดหลายแบบ เชน
กําหนดกราฟ G เมื่อ V(G) = {a, b, c} E(G) = {ab, ac, bc} สามารถเขียน
แผนภาพของกราฟ G ไดดังรูป (1), (2) หรือ (3)
4. ผูสอนใหขอตกลงเกี่ยวกับดีกรีของจุดยอดที่มีวงวน และดีกรีของจุดยอดที่ไมมีเสนเชื่อม
ดังนี้
1) เสนเชื่อมที่เกิดกับจุดยอด a ดังรูป ใหถือวาเปน 1 เสน
จะไดวาดีกรีของจุดยอด a เทากับ 2 ดังนั้นวงวนแตละวงวนจะมีดีกรี
เทากับ 2
2) จุดยอดที่ไมมีเสนเชื่อม ใหถือวา ดีกรีของจุดยอดเปนศูนย
5. ผูสอนควรยกตัวอยางหลาย ๆ ตัวอยางเพื่อใหผูเรียนหาดีกรีของจุดยอดแตละจุด
ของกราฟที่กําหนดใหได อาจยกตัวอยางโดยกําหนดดีกรีของจุดยอดแตละจุดของกราฟ แลว
ใหผูเรียนเขียนแผนภาพของกราฟ เชน
จงเขียนแผนภาพของกราฟตอไปนี้
1) กราฟ G1 เมื่อ V(G1) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6, v7}
และ deg v1 = 7 deg v2 = 6 deg v3 = 3 deg v4 = 2 deg v5 = 2
deg v6 = 0 deg v7 = 0
a
bc
d
ไมเปนจุดยอดของกราฟ
a
a
b c
รูป (1)
a b c
รูป (2)
a b
c
รูป (3)
78
2) กราฟ G2 เมื่อ V(G2) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6}
และ deg v1 = 5 deg v2 = 4 deg v3 = 3 deg v4 = 3 deg v5 = 4
deg v6 = 3
จะไดตัวอยางแผนภาพของกราฟ G1 และ G2 ดังรูป
6. ผูสอนอาจยกตัวอยางกราฟเพื่อใหผูเรียนหาขอสรุปใหไดวา “ผลรวมของดีกรีของ
จุดยอดทุกจุดในกราฟเทากับสองเทาของจํานวนเสนเชื่อมในกราฟ” ดังนี้
จงพิจารณาผลบวกของดีกรีของจุดยอดทุกจุดในกราฟวามีความสัมพันธกับจํานวนเสน
เชื่อมในกราฟอยางไร เมื่อกําหนดกราฟ G1, G2, G3 และ G4 ดังรูป
จากกราฟขางตนสามารถเขียนตารางแสดงความสัมพันธของผลบวกของดีกรีของ
จุดยอดทุกจุดในกราฟ และจํานวนเสนเชื่อมในกราฟ ไดดังนี้
กราฟ จํานวน
เสนเชื่อม
ผลบวกของดีกรีของจุดยอดทุกจุด
ของกราฟ
จํานวน
จุดยอดคี่
จํานวน
จุดยอดคู
G1 0 0 0 1
G2 1 2 2 0
G3 8 16 2 3
G4 10 20 4 2
G1 :
a
a bG2 : G3 : a G4 :
a
b
c d
e
f
b
c d
e
v1
v2
v3 v4
v5
v6
G2 :v1
v2
v3
v4
v5
v6
v7
G1 :
79
ผูสอนอาจตั้งคําถามดังนี้
1) จากตารางขางตนสามารถบอกไดหรือไมวา ผลบวกของดีกรีของจุดยอดทุกจุด
ของกราฟเทากับสองเทาของจํานวนเสนเชื่อม
2) จากตารางขางตนสามารถบอกไดหรือไมวาจุดยอดคี่ของกราฟตองมีเปนจํานวนคู
ผูสอนใหทฤษฎีบท 1 และทฤษฎีบท 2 พรอมพิสูจน และควรเนนใหผูเรียนเขาใจใน
ทฤษฎีบท 1 และ ทฤษฎีบท 2 เพราะทฤษฎีบททั้งสองสามารถนําไปใชในการตัดสินใจเพื่อแก
ปญหาบางปญหาในชีวิตประจําวันได เชน
ตัวอยางที่ 1 ผลการสํารวจขอมูลการใชโทรศัพทมือถือของพนักงานในบริษัทแหงหนึ่งซึ่งมี
พนักงาน 20 คน ในเดือนที่ผานมาพบวา มีพนักงาน 15 คน แตละคนคุยโทรศัพท
มือถือกับเพื่อนในบริษัท 5 ครั้ง มีพนักงาน 5 คน แตละคนคุยโทรศัพทมือถือกับ
เพื่อนในบริษัท 3 ครั้ง จงหาจํานวนการใชโทรศัพทมือถือของพนักงานบริษัทนี้
วิธีทํา แปลงปญหาเปนกราฟโดยให จุดยอด แทนพนักงาน เสนเชื่อม แทนการคุย
โทรศัพทมือถือของพนักงาน
จะไดวา กราฟมีจุดยอดที่มีดีกรีเทากับ 5 มีจํานวน 15 จุด และจุดยอดที่มีดีกรี
เทากับ 3 มีจํานวน5จุด จํานวนการใชโทรศัพทมือถือของพนักงานในบริษัทก็คือ
จํานวนเสนทั้งหมดของกราฟ
สมมติวากราฟมีเสนเชื่อม n เสน จากทฤษฎีบท 1 ผลรวมของดีกรีของจุดยอด
ทุกจุดในกราฟเทากับสองเทาของจํานวนเสนเชื่อมในกราฟ
ดังนั้น 5(15) + 3(5) = 2n
75 + 15 = 2n
n = 45
ดังนั้นจํานวนการใชโทรศัพทมือถือของพนักงานบริษัทแหงนี้ คือ 45 ครั้ง
ตัวอยางที่ 2 จังหวัดหนึ่งมีอําเภออยู 17 อําเภอ ตองการสรางถนนเชื่อมอําเภอเหลานี้ โดย
ใหแตละอําเภอมีถนนเชื่อมกับอําเภออื่นอีก 3 สายพอดี จงหาวาสามารถสรางถนนตาม
เงื่อนไขดังกลาวไดหรือไม
วิธีทํา แปลงปญหาเปนกราฟ โดยให จุดยอด แทน อําเภอ เสนเชื่อม แทน ถนน
80
กราฟมีจุดยอด 17 จุด และแตละจุดยอดมีดีกรีเทากับ 3
จะไดวา กราฟมีจุดยอดคี่ จํานวน 17 จุด
ขัดแยงกับทฤษฎีบท2 นั่นคือการสรางถนนตามเงื่อนไขดังกลาวไมสามารถแปลงเปน
กราฟได
ดังนั้นการสรางถนนตามเงื่อนไขโจทยจึงเปนไปไมได
หมายเหตุ ในการสอนตัวอยางที่ 1 และ 2 ผูสอนควรใชคําถามนําเพื่อใหผูเรียนสามารถหา
คําตอบไดดวยตนเอง โดยอาจตั้งคําถามดังนี้
1) ปญหาของโจทยสามารถใชความรูเกี่ยวกับกราฟแกปญหาไดหรือไม
2) จากขอ 1 ถาได จะกําหนดใหสิ่งใดแทนจุดยอด สิ่งใดแทนเสนเชื่อม และ
สิ่งใดคือดีกรีของจุดยอด
3) คําตอบของปญหาคือสวนใดในกราฟ
กิจกรรมเสนอแนะ
ดีกรีของจุดยอด
เมื่อผูสอนใหทฤษฎีบท1 และทฤษฎีบท2 พรอมพิสูจนแลวอาจยกตัวอยางเหตุการณ
เพื่อใหผูเรียนเขาใจทฤษฎีบท และสามารถนําทฤษฎีบทไปใชแกปญหาบางปญหาได เชน
ตัวอยางที่ 1 อาจารยวันดีใหผูเรียนสงตัวแทนออกมาหนาชั้นเรียน 2 กลุมๆ ละ 5 คน แลว
ใหผูเรียนภายในกลุมจับมือกัน ดังนี้
กลุมที่ 1 นิตยา นิพนธ นิภา นิมิต และ นิยม แตละคนจับมือกับเพื่อนในกลุม
เปนจํานวน 4, 3, 2, 2 และ 1 ครั้ง ตามลําดับ
กลุมที่ 2 อรจิต อรทัย อรนุช อรพรรณ และ อรพิน แตละคนจับมือกับเพื่อน
ในกลุมเปนจํานวน 4, 3, 2, 1 และ 1 ครั้ง ตามลําดับ
จงพิจารณาวาผูเรียนทั้งสองกลุมสามารถทําตามคําบอกของอาจารยวันดีไดหรือไม
วิธีทํา พิจารณากลุมที่ 1 สมมติวาแปลงปญหาขางตนเปนกราฟได
โดยให จุดยอด แทน ผูเรียน เสนเชื่อม แทน การจับมือของผูเรียนในกลุม
กราฟมีจุดยอด 5 จุด และดีกรีของจุดยอด 4, 3, 2, 2 และ 1
จะไดวากราฟมีจุดยอดคี่เปนจํานวนคู สอดคลองกับทฤษฎีบท 2 นั่นคือ สามารถ
81
แปลงปญหาขางตนเปนกราฟได
ดังนั้น ผูเรียนกลุมที่ 1 สามารถทําตามคําบอกของอาจารยวันดีได
พิจารณากลุมที่ 2 สมมติวาแปลงปญหาขางตนเปนกราฟได
โดยให จุดยอด แทน ผูเรียน เสนเชื่อม แทน การจับมือของผูเรียนในกลุม
กราฟมีจุดยอด 5 จุด และดีกรีของจุดยอดเทากับ 4, 3, 2, 1 และ 1
จะไดวากราฟมีจุดยอดคี่เปนจํานวนคี่ ขัดแยงกับทฤษฎีบท 2 นั่นคือ ไมสามารถ
แปลงปญหาขางตนเปนกราฟได
ดังนั้น ผูเรียนกลุมที่ 2 ไมสามารถทําตามคําบอกของอาจารยวันดีได
จากคําตอบขางตนจงหาจํานวนครั้งของการจับมือกันในกลุมของผูเรียนกลุมที่ 1
วิธีทํา จํานวนครั้งของการจับมือกันในกลุม คือ จํานวนเสนในกราฟ
สมมติวากราฟมีเสนเชื่อม n เสน
จากทฤษฎีบท1 ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดในกราฟ เทากับสองเทาของจํานวน
เสนเชื่อมในกราฟ
ดังนั้น 4 + 3 + 2 + 2 + 1 = 2n
12 = 2n
n = 6
ดังนั้น ผูเรียนกลุมที่ 1 มีการจับมือกันในกลุม 6 ครั้ง
ผูสอนอาจนําตัวอยางขางตนมาจัดเปนกิจกรรมหนาชั้นเรียนแลวใหผูเรียนทดลองให
เห็นจริงดวยตนเอง
ตัวอยางที่ 2 การแขงขันฟุตบอลมีทีมสมัครแขงขัน 10 ทีม ในการจัดแขงขันครั้งนี้จะจัดการ
แขงขันเปนแบบพบกันหมด จงหาจํานวนครั้งที่จัดการแขงขัน
วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟ
โดยให จุดยอดแทน ทีมฟุตบอล เสนเชื่อมแทนการแขงขัน
ทีมฟุตบอล 10 ทีม จัดแขงขันเปนแบบพบกันหมด แสดงวาแตละทีมตองแขงขันกับ
ทีมอื่น ๆ อีก 9 ทีม นั่นคือแตละจุดยอดของกราฟมีดีกรีเทากับ 9
จํานวนครั้งที่จัดการแขงขัน คือ จํานวนเสนเชื่อมในกราฟ
สมมติวากราฟมีเสนเชื่อม n เสน
82
ดังนั้น 9(10) = 2n
90 = 2n
n = 45
ดังนั้น ตองจัดการแขงขันฟุตบอล 45 ครั้ง หรือ 45 คู
กราฟแทนปญหา แสดงดังรูป
ตัวอยางขางตนผูสอนอาจใหผูเรียนหาคําตอบของปญหาโดยการนับจํานวนเสนเชื่อม
ในกราฟจากการเขียนแผนภาพของกราฟกอน แลวจึงนําทฤษฎีบท1มาใชแกปญหา เพื่อให
ผูเรียนมองเห็นคุณคาของวิชาคณิตศาสตร
แนวเดิน
ผูสอนนําเขาสูบทเรียนโดยนําสนทนากับผูเรียนเรื่องเสนทางการเดินทางจากบานมา
โรงเรียน แลวยกตัวอยางเหตุการณในชีวิตประจําวัน เชน
ในอําเภอหนึ่งมีตําบลอยู5ตําบล ไดแกตําบลA, B, C, Dและ E ระหวางตําบลตาง ๆ
จะมีถนนเชื่อมระหวางตําบล ซึ่งแสดงแผนผังดวยกราฟโดยให จุดยอด แทน ตําบล เสนเชื่อม
แทน ถนน ดังรูป
กําหนดเสนทาง ดังนี้
เสนทางที่ 1 ตําบล A ตําบล B ตําบล A ตําบล D ตําบล C
ตําบล D ตําบล C
เสนทางที่ 2 ตําบล A ตําบล D ตําบล B
ทีมที่ 1
ทีมที่ 2
ทีมที่ 3
ทีมที่ 4
ทีมที่ 5ทีมที่ 6
ทีมที่ 7
ทีมที่ 8
ทีมที่ 9
ทีมที่ 10
สาย 1 สาย 1 สาย 2 สาย 5 สาย 5
สาย 5
สาย 2 สาย 3
A
CB
D
E
83
ผูสอนบอกผูเรียนวาเสนทางดังกลาวเราสามารถเขียนใหอยูในรูปลําดับของจุดยอด
และเสนเชื่อมสลับกันได ดังนี้
เสนทางที่ 1 มีลําดับคือ A, AB, B, BA, A, AD, D, DC, C, CD, D, DC, C
เสนทางที่ 2 มีลําดับคือ A, AD, D, DB, B
ผูสอนใหบทนิยามของแนวเดิน ซึ่งนักเรียนควรบอกไดวาเสนทางที่1และ2 เปนแนว
เดินในกราฟ ผูสอนควรชี้ใหผูเรียนเห็นวาแนวเดินคือลําดับของจุดยอดและเสนเชื่อมสลับกัน
และเสนเชื่อมแตละเสนจะเกิดกับจุดยอดที่อยูกอนหนาและจุดยอดที่อยูหลังเสนเชื่อมนั้น ซึ่ง
จุดยอด และเสนเชื่อมในลําดับอาจเกิดขึ้นซ้ํากันได
กราฟเชื่อมโยง
ผูสอนนําเขาสูบทเรียนโดยทบทวนบทนิยามของแนวเดิน แลวยกตัวอยางเหตุการณ เชน
ตัวอยางที่ 1 กําหนดแผนผังของสวนสาธารณะ 2 แหง ดังรูป จงพิจารณาวาสวนสาธารณะ
แหงใดสามารถเดินเที่ยวชมบริเวณสวนสาธารณะไดทุกบริเวณ
ผูสอนควรใหผูเรียนบอกเหตุผลประกอบคําตอบ ดังนี้
สวนสาธารณะแหงที่1 สามารถเดินเที่ยวชมบริเวณสวนสาธารณะไดทุกบริเวณ เพราะ
สามารถเดินจากฝง A ไปเกาะ B ได สามารถเดินจากฝง A ไปเกาะ C ได
สามารถเดินจากฝง A ไปฝง D ได สามารถเดินจากเกาะ B ไปเกาะ C ได
สามารถเดินจากเกาะ B ไปฝง D ได สามารถเดินจากเกาะ C ไปฝง D ได
สวนสาธารณะแหงที่ 2 ไมสามารถเดินเที่ยวชมบริเวณสวนธารณะไดทุกบริเวณเพราะ
สามารถเดินจากฝง A ไปเกาะ B ได ไมสามารถเดินจากฝง A ไปเกาะ C ได
สามารถเดินจากฝง A ไปฝง D ได ไมสามารถเดินจากเกาะ B ไปเกาะ C ได
A
B C
D
แหงที่ 1
A
B C
D
แหงที่ 2
84
สามารถเดินจากเกาะ B ไปฝง D ได ไมสามารถเดินจากเกาะ C ไปฝง D ได
จากนั้นใหบทนิยามของกราฟเชื่อมโยง แลวใชตัวอยางเหตุการณขางตนอธิบาย
บทนิยามของกราฟเชื่อมโยง โดยใหผูเรียนเขียนแผนภาพของกราฟG1 และG2 แทนแผนผังของ
สวนสาธารณะแหงที่1 และแหงที่2 โดยใหจุดยอดแทนเกาะหรือฝง เสนเชื่อมแทนสะพาน
ตามลําดับ จะไดกราฟ ดังรูป
ใหผูเรียนหาคําตอบไดดวยตนเองวากราฟ G1 เปนกราฟเชื่อมโยงโดยอาศัยการใหเหตุ
ผลประกอบคําตอบจากตัวอยางเหตุการณขางตน
ผูเรียนตองบอกไดวากราฟ G1 เปนกราฟเชื่อมโยง
เพราะ มีแนวเดิน A - B มีแนวเดิน A - C
มีแนวเดิน A - D มีแนวเดิน B - C
มีแนวเดิน B - D มีแนวเดิน C - D
กราฟ G2 ไมเปนกราฟเชื่อมโยง
เพราะ ไมมีแนวเดิน A – C
ไมมีแนวเดิน B - C
ไมมีแนวเดิน C – D
ตัวอยางที่2 กําหนดขายงานการเชื่อมโยงระหวางเสาโทรศัพทและสายโทรศัพท ดังรูป
ถาเกิดเหตุการณเสาโทรศัพทตนหนึ่งลมแลว จงหาวาเสาโทรศัพทตนใดเมื่อลมแลว
จะทําใหการเชื่อมโยงของขายงานเสียหายมากที่สุด
A
B
D
C
A
B
D
C
G1 G2
1
2
3
4
5
6
85
วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟ
โดยใหจุดยอด แทน เสาโทรศัพท เสนเชื่อม แทน สายโทรศัพท ดังรูป
จากกราฟ จะพบวา ถาลบจุดยอด 3 ออก เสนที่เกิดกับจุดยอด 3 จะถูกลบออกดวย
ดังนั้น กราฟที่เกิดจากการลบจุดยอด 3 ออกจะไมเปนกราฟเชื่อมโยง ดังรูป
ถาลบจุดยอดแตละจุด เชน 1 หรือ 2 หรือ 4 หรือ 5 หรือ 6 ออกจากกราฟ กราฟที่เกิด
จากการลบจุดยอดดังกลาวยังคงเปนกราฟเชื่อมโยง ดังนั้นเสา3 จึงเปนเสาโทรศัพทที่สําคัญที่
สุดเพราะถาเสา3 ลมจะทําความเสียหายมากกวาเสาโทรศัพทตนอื่น
กราฟออยเลอร
1. ผูสอนแนะนํากราฟออยเลอร โดยอาจใหผูเรียนเลนเกมวาดรูปไดหรือไม ดังนี้
จงหาวารูปใดสามารถใชดินสอวาดรูปโดยไมลากซ้ําเสนเดิม แลวกลับมาที่
จุดเริ่มตนโดยไมยกดินสอได เมื่อกําหนดรูป ดังนี้
จะพบวารูป (1) สามารถวาดรูปไดตามเงื่อนไขดังกลาว
6
1
3
4
52
1 4
6
52
รูป (1) รูป (2) รูป (3)
86
จากนั้นผูสอนสุมผูเรียนออกมา 5 คน วาดรูป (1) บนกระดานดํา แลวชี้ให
ผูเรียนเห็นวา แตละคนจะมีวิธีการวาดรูปเหมือนกันหรือตางกันได
2. ผูสอนอาจยกตัวอยางเพื่อนําเขาสูบทนิยามของวงจร เชน
กําหนดกราฟ G ดังรูป
จงหาวาแนวเดินในขอใดเปนแนวเดินที่มีเสนเชื่อมแตกตางกัน โดยมีจุดเริ่มตน
และจุดสุดทายเปนจุดยอดเดียวกัน
1) v5, e6, v4, e3, v3, e2, v2, e5, v5, e5, v2
2) v2, e2, v3, e3, v4, e4, v2, e5, v5, e6, v4, e4, v2
3) v1, e7, v5, e6, v4, e4, v2, e1, v1, e7, v5, e8, v1
4) v1, e1, v2, e2, v3, e3, v4, e4, v2, e5, v5, e8, v1
5) v1, e1, v2, e2, v3, e3, v4, e4, v2, e5, v5, e8, v1, e9, v4 , e6, v5, e7, v1
ผูเรียนควรบอกไดวา
แนวเดินในขอ 1) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะในแนวเดินมีเสนเชื่อม e5 ซ้ํากัน
โดยมีจุดเริ่มตนและจุดสุดทายเปนจุดยอดที่ตางกัน
แนวเดินในขอ2)และ3) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะในแนวเดินมีเสนเชื่อมe4
และe7 ซ้ํากันตามลําดับ
แนวเดินในขอ 4) และ 5) เปนไปตามเงื่อนไขโจทย
ผูสอนใหบทนิยามวงจร ผูเรียนควรบอกไดวาแนวเดินในขอ 4) และ 5) เปนวงจร
จากนั้นผูสอนอาจถามตอวาวงจรในขอใดของขอ2ที่เปนวงจรที่ผานจุดยอดทุกจุดและเสนเชื่อม
ทุกเสนของกราฟ G ผูเรียนควรบอกไดวาแนวเดินในขอ 5) เปนวงจรตามเงื่อนไขดังกลาว
ผูสอนจึงใหบทนิยามของวงจรออยเลอร แลวผูเรียนควรบอกไดวาแนวเดินในขอ 5) เปน
วงจรออยเลอรในกราฟG เพราะเปนวงจรที่ประกอบดวยจุดยอดทุกจุดและเสนเชื่อมทุกเสน
ของกราฟ
v1 v2
v3
v4v5
e1 e2
e3
e4
e5
e6
e7
e8
e9
87
3. ผูสอนทบทวนการหาวงจรในกราฟ แลวยกตัวอยางเพื่อนําเขาสูบทนิยามของ
กราฟออยเลอร เชน
ตัวอยางที่1 กําหนดกราฟ G1 ถึง G5 ดังรูป จงหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟ
แตละกราฟ
ผูสอนควรใหผูเรียนบอกเหตุผลประกอบคําตอบ ดังนี้
กราฟG1 สามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได วงจรหนึ่งที่
เปนไปได มีลําดับคือ v1, e1, v2, e2, v3, e3, v1
กราฟ G2 ไมสามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได เพราะมี
เสนเชื่อมe1 ซ้ํากัน
กราฟG3 สามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได วงจรหนึ่งที่
เปนไปได มีลําดับคือv1, e1, v2, e2, v1
กราฟ G4 ไมสามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได เพราะ
มีเสนเชื่อมเสนใดเสนหนึ่งในกราฟซ้ํากัน
กราฟG5 สามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได วงจรหนึ่งที่
เปนไปได มีลําดับคือ v1, e1, v5, e2, v2, e3, v3, e4, v5, e5, v4, e6, v1
ผูสอนควรชี้ใหผูเรียนเห็นวาในการหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟ
G1,G3 และG5 อาจหาวงจรดังกลาวไดมากกวาหนึ่งแบบ จากนั้นจึงใหบทนิยามของกราฟออยเลอร
แลวผูเรียนควรบอกไดวากราฟ G3 และ กราฟ G5 เปนกราฟออยเลอร เพราะสามารถหาวงจร
ออยเลอรได แตกราฟ G1 ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะไมสามารถหาวงจรออยเลอรได ผูสอน
ควรชี้ใหผูเรียนเห็นวาการที่กราฟ G1 สามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟ
แตไมครบทุกจุดยอดของกราฟไดนั้นเนื่องมาจากกราฟ G1 ไมเปนกราฟเชื่อมโยง
v2
e1
G1
v1
v3
v4
e2
e3
v1
v2
e1
G2
v1
v2
e1 e2
G3
v1 v2
v3v4
e1
e2
e3
e4 e5
G4
v1 v2
v3v4
v5
e1 e2
e3
e4e5
e6
G5
88
ผูเรียนควรบอกลักษณะเฉพาะของกราฟออยเลอรไดวากราฟGจะเปนกราฟออยเลอร
ก็ตอเมื่อ กราฟ G เปนกราฟเชื่อมโยง และ จุดยอดทุกจุดของกราฟ G เปนจุดยอดคู โดยดูจาก
กราฟ G3 และ G5 ในตัวอยางขางตน หรือชี้ใหผูเรียนเห็นวาการหาวงจรออยเลอรที่ประกอบ
ดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟเชื่อมโยงเปนปญหาเชนเดียวกับการลากเสนไปตามแผนภาพของ
กราฟเชื่อมโยง โดยไมซ้ําเสนเชื่อมเดิม แลวตองกลับมา ณ จุดเริ่มตนดังเดิม โดยไมยกดินสอ
ซึ่งจะเห็นวาเมื่อเริ่มตนออกจากจุดยอดใด ๆ จะตองมีการเดินเขาจุดยอดนั้นเสมอโดยเสนเชื่อม
ที่ตางกัน ดังนั้นจํานวนเสนเชื่อมที่เกิดกับจุดยอดแตละจุดของกราฟตองเปนจํานวนคู นั่นคือ
จุดยอดทุกจุดของกราฟตองเปนจุดยอดคู จากนั้นจึงใหทฤษฎีบท 3
ผูสอนอาจยกตัวอยางการหาวงจรออยเลอรของกราฟโดยใชการพิสูจนทฤษฎีบท 3
โดยยกตัวอยางเหตุการณที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวัน เชน
ตัวอยางที่ 2 กําหนดกราฟแสดงเสนทาง ที่ตํารวจสายตรวจคนหนึ่งตองขับรถตรวจดูความ
เรียบรอยบนถนนทุกสาย โดยให จุดยอด แทน แยกของถนน เสนเชื่อม แทน ถนน
ดังรูป จงหาเสนทางที่ตํารวจคนนี้ขับรถผานถนนทุกสายเพียงครั้งเดียว แลวกลับมา
ณจุดเริ่มตนดังเดิม เมื่อกําหนดใหตํารวจคนนี้เริ่มตนที่จุด A
วิธีทํา การหาเสนทางที่ตํารวจคนนี้ขับรถผานถนนทุกสายเพียงครั้งเดียว แลวกลับมา ณ
จุดเริ่มตนดังเดิม คือการหาวงจรออยเลอรของกราฟ
พิจารณากราฟจากโจทยเปนกราฟเชื่อมโยงและจุดยอดทุกจุดของกราฟเปนจุดยอดคู
จึงเปนกราฟออยเลอร นั่นคือสามารถหาวงจรออยเลอรของกราฟได
ในการหาวงจรออยเลอรเราจะใชวิธีที่ปรากฏในการพิสูจนทฤษฎีบท 3 ดังนี้
โจทยกําหนดใหเริ่มตนที่จุดยอด A สรางวงจรที่มีจุดเริ่มตน และจุดสุดทายที่
จุดยอด A
จะได วงจร C1 : A, e1, B, e6, F, e7, E, e8, A ดังรูป 1 (แสดงวงจร C1 ดวยเสนทึบ)
A
B C
DE
F
e1
e2
e3
e4
e5
e7
e6
e8
89
วงจร C1 ยังผานไมครบทุกเสนเชื่อมของกราฟ เลือกจุดยอดบนวงจร C1 ที่มีเสนเชื่อม
ที่เกิดกับจุดยอดนั้นซึ่งไมอยูบนวงจร C1 ซึ่งมีจุดยอด B และ E สมมติเลือกจุดยอด B
สรางวงจรในกราฟที่เหลือ โดยมีจุดเริ่มตน และจุดสุดทายที่จุดยอด B
จะได วงจร P1 : B, e2, C, e3, D, e4, E, e5, B ดังรูป 2 (แสดงวงจร P1 ดวยเสนสีเทา)
นําวงจร C1 ตอกับวงจร P1 ที่จุดยอด B (การนําวงจร C1 ตอกับวงจร P1 ที่จุดยอด B
ใหเริ่มตนที่จุดยอด A ในวงจร C1 เดินไปตามเสนทึบ เมื่อพบจุดยอด B ใหเดินไป
ตามเสนสีเทา จนพบกับจุดยอด B แลวเดินไปตามเสนทึบในวงจร C1 จนกลับไปที่
จุดยอด A)
จะไดวงจร C2 เปนวงจรที่ยาวขึ้น คือ C2: A, e1, B, e2, C, e3, D, e4, E, e5, B, e6,
F, e7, E, e8, A จะไดวาวงจร C2 ผานเสนเชื่อมทุกเสนของกราฟแลว
วงจรC2 มีลําดับคือA, e1,B, e2, C, e3, D, e4, E, e5, B, e6, F, e7, E, e8, A จึงเปน
วงจรออยเลอรของกราฟ
ดังนั้น เสนทางหนึ่งที่เปนไปไดที่ตํารวจคนนี้จะขับรถโดยผานถนนทุกสายเพียง
ครั้งเดียวแลวกลับมาที่จุดเริ่มตนดังเดิม มีลําดับคือ A, e1,B, e2, C, e3, D, e4, E, e5,
B, e6, F, e7, E, e8, A
จากตัวอยางขางตนเปนปญหาเดียวกับปญหาของคนกวาดถนน พนักงานเก็บคาน้ําประปา
พนักงานเก็บคาไฟ รถเก็บขยะ บุรุษไปรษณีย เปนตน
A
B C
DE
F
e1
e2
e3
e4
e5
e7
e6
e8
รูป 2
A
B C
DE
F
e1
e2
e3
e4
e5
e7
e6
e8
รูป 1
90
ตัวอยางที่ 3 ชางทาสีคนหนึ่งอยูที่ฝง A เขาตองการทาสีสะพานทั้ง 12 สะพาน ดังรูป
ใหเสร็จภายใน 1 วัน แลวกลับมาที่ฝง A ตามเดิม โดยเขาวางแผนจะใชเวลาในการ
เดินทางระหวางสะพานและทาสีสะพานประมาณ 8 ชั่วโมง แตสีที่ใชทาสะพานจะ
แหงเมื่อทาไปแลวประมาณ 3 ชั่วโมง ถาผูเรียนเปนชางทาสีจะมีวิธีการทาสีสะพาน
อยางไรเพื่อใหงานแลวเสร็จภายใน 1 วัน แลวกลับไปที่ฝง A ตามเดิม (กําหนดให
ชวงเวลาทํางาน 1 วันของชางทาสี คือ 08.00 – 17.00 น.)
วิธีทํา เนื่องจากตองทาสีสะพานทุกสะพาน และเมื่อทาสีสะพานแลวไมสามารถเดินขาม
สะพานที่ทาสีได ตองกลับไปที่จุดเริ่มตนดังเดิม ปญหานี้สามารถแกปญหาโดย
การแปลงปญหาเปนกราฟ แลวหาวงจรออยเลอร โดยใหจุดยอด แทน เกาะ หรือ ฝง
เสนเชื่อม แทน สะพาน ดังรูป
เนื่องจากจุดยอดทุกจุดของกราฟเปนจุดยอดคู จึงเปนกราฟออยเลอร นั่นคือสามารถ
หาวงจรออยเลอรของกราฟได
จะไดวงจรออยเลอรลําดับหนึ่งที่เปนไปได มีลําดับคือ A, e1, C, e2, A, e3, B, e4,
A, e5, B, e6, D, e7, C, e8, E, e9, D, e10, E, e11, F, e12, A
ดังนั้นชางทาสีควรทาสีโดยใชเสนทาง มีลําดับคือ A, e1, C, e2, A, e3, B, e4, A,
e5, B, e6, D, e7, C, e8, E, e9, D, e10, E, e11, F, e12, A
A
B C
D
E
F
A
B
C
D
E
F
e1
e2
e3e4e5
e6
e7
e8
e9
e10
e11
e12
91
การประยุกตของกราฟ
วิถีที่สั้นที่สุด
ผูสอนอาจยกตัวอยางเพื่อนําเขาสูบทนิยามวิถี เชน
กําหนดกราฟ G ดังรูป
จงหาวาแนวเดินในขอใด เปนแนวเดินในกราฟ G ที่มีจุดยอดทั้งหมดแตกตางกัน
1) v1, e1, v2, e5, v4, e5, v2, e6, v5
2) v1, e2, v3, e3, v4, e4, v1
3) v1, e1, v2, e6, v5, e8, v6
ผูเรียนควรบอกไดวา
แนวเดินในขอ 1) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะแนวเดินมีจุดยอด v2 ซ้ํากัน
แนวเดินในขอ 2) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะแนวเดินมีจุดยอด v1 ซ้ํากัน
แนวเดินในขอ 3) เปนไปตามเงื่อนไขโจทย
ผูสอนใหบทนิยามของวิถี แลวผูเรียนควรบอกไดวา แนวเดินในขอ 3) เปนวิถีใน
กราฟ G
ตนไมแผทั่วที่นอยที่สุด
1. ผูสอนอาจยกตัวอยางเพื่อนําเขาสูบทนิยามของวัฏจักร เชน
กําหนดกราฟ G ดังรูป
จงหาวาวงจรในขอใดเปนวงจรที่ไมมีจุดยอดซ้ํากัน ยกเวนจุดเริ่มตนและจุดสุดทาย
v1
v2
v3
v4
v5 v6
e1
e2
e3e4
e5
e6 e7
e8
v1
v2 v3 v4 v5
e1 e2 e3 e4
e5 e6 e7
92
1) v1, e1, v2, e5, v3, e2, v1, e3, v4, e7, v5, e4, v1
2) v1, e1, v2, e5, v3, e6, v4, e7, v5, e4, v1
ผูเรียนควรบอกไดวา
วงจรในขอ 1) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะ วงจรมีจุดยอด v1 ซึ่งเปน
จุดยอดที่ไมใชจุดเริ่มตนและจุดสุดทายของวงจรซ้ําอยู
วงจรในขอ 2) เปนไปตามเงื่อนไขโจทย
ผูสอนใหบทนิยามของวัฏจักร แลวผูเรียนควรบอกไดวา วงจรในขอ 2) เปน
วัฏจักรในกราฟ G
2. ผูสอนนําเขาสูบทเรียนโดยทบทวนบทนิยามของกราฟเชื่อมโยงแลวผูสอนอาจ
ยกตัวอยางเพื่อแนะนําตนไม ดังนี้
ตัวอยางที่ 1 จงหาวากราฟใดเปนกราฟเชื่อมโยงที่ไมมีวัฏจักร เมื่อกําหนดกราฟ ตอไปนี้
ผูสอนควรใหผูเรียนบอกเหตุผลประกอบคําตอบ ดังนี้
กราฟG1 ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะกราฟ G1 มีวัฏจักร
กราฟG2 ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะกราฟ G2 มีวัฏจักร
กราฟ G3 ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะกราฟ G3 ไมเปนกราฟเชื่อมโยง
กราฟ G4 ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะกราฟG4 ไมเปนกราฟเชื่อมโยงและ
มีวัฏจักร
กราฟ G5 เปนไปตามเงื่อนไขโจทย
จากนั้นจึงใหบทนิยามของตนไม ผูเรียนควรบอกไดวากราฟ G5 เรียกวาตนไม แลว
ใหผูเรียนสรุปขอสังเกตที่วา ตนไมไมมีเสนเชื่อมขนานและไมมีวงวน เนื่องจากตนไมคือ
กราฟเชื่อมโยงที่ไมมีวัฏจักรซึ่งดูไดจากกราฟG1 และG2 ของตัวอยางขางตน
ผูสอนอาจยกตัวอยางดังตารางตอไปนี้ เพื่อใหผูเรียนสรุปขอสังเกตที่วา ตนไมที่มี
จุดยอด n จุด จะมีเสนเชื่อม n – 1 เสน
G1 G2 G3 G4 G5
93
ตนไม จํานวนจุดยอด จํานวนเสนเชื่อม
1 0
2 1
3 2
4 3
5 4
6 5
7 6
8 7
9 8
.
.
.
.
.
.
.
.
.
3. ผูสอนอาจยกตัวอยางเพื่อใหผูเรียนเขาใจบทนิยามของกราฟยอย ดังนี้
ตัวอยางที่ 2 กราฟ H1, H2, H3 และ H4 กราฟใดเปนกราฟยอยของกราฟ G
a b
c d
G :
94
จากกราฟ G ซึ่งมี V(G) = {a, b, c, d} E(G) = {ab, ac, bd, cd, cb}
จะไดวา H1 เปนกราฟยอยของ G
เนื่องจาก V(H1) = {a, b, c, d} E(H1) = {ab, ac, bd, cd}
นั่นคือ จุดยอดทุกจุดของ H1 เปนจุดยอดของ G และเสนเชื่อมทุกเสนของ H1 เปน
เสนเชื่อมของ G
H2 เปนกราฟยอยของ G
เนื่องจาก V(H2) = {a, b, c, d} E(H2) = {ac, cd}
นั่นคือ จุดยอดทุกจุดของ H2 เปนจุดยอดของ G และเสนเชื่อมทุกเสนของ H2 เปน
เสนเชื่อมของ G
H3 เปนกราฟยอยของ G
เนื่องจาก V(H3) = {a, b, d} E(H3) = ∅
นั่นคือ จุดยอดทุกจุดของ H3 เปนจุดยอดของ G
H4 ไมเปนกราฟยอยของ G
เนื่องจาก ad ∈ E(H4) แต ad ∉ E(G)
นั่นคือ เสนเชื่อม ad เปนเสนเชื่อมของ H4 แตไมเปนเสนเชื่อมของ G
4. ผูสอนทบทวนบทนิยามของตนไม และกราฟยอย แลวอาจยกตัวอยาง เพื่อแนะนํา
ตนไมแผทั่ว ดังนี้
ตัวอยางที่ 3 กราฟ H1, H2, H3, H4 และ H5 กราฟใดเปนกราฟยอยของกราฟ G ที่บรรจุ
จุดยอดทุกจุดของกราฟ G ที่เปนตนไม
G :
a
b
cd
f
g
a b
c d
a c
c d
a b
d c d
H1 H2 H3 H4
a
95
ผูสอนควรใหผูเรียนบอกเหตุผลประกอบคําตอบ ดังนี้
กราฟ H1 เปนกราฟยอยของ G ที่บรรจุจุดยอดทุกจุดของ G แตไมเปนตนไม
เพราะมีวัฏจักร
กราฟ H2 เปนกราฟยอยของ G ที่บรรจุจุดยอดทุกจุดของ G แตไมเปนตนไม
เพราะไมเปนกราฟเชื่อมโยง
กราฟ H3 เปนกราฟยอยของ G และเปนตนไม แตไมบรรจุจุดยอดทุกจุดของ G
กราฟ H4 และ H5 เปนกราฟยอยที่บรรจุจุดยอดทุกจุดของ G และเปนตนไม
ผูสอนใหบทนิยามของตนไมแผทั่ว แลวผูเรียนควรบอกไดวากราฟ H4 และ H5
เปนตนไมแผทั่วของกราฟ G แลวผูสอนควรใหขอสังเกตวากราฟแผทั่วของกราฟ G อาจมี
มากกวาหนึ่งแบบได
ผูสอนใหบทนิยามของตนไมแผทั่วที่นอยที่สุด แลวยกตัวอยางเหตุการณเพื่อให
ผูเรียนสามารถนําการหาตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดไปใชแกปญหาการเชื่อมโยง เชน
ตัวอยางที่ 4 ปญหาหาการวางสายโทรศัพท
บริษัทรับเหมาติดตั้งโทรศัพทแหงหนึ่ง ตองการวางสายโทรศัพทเชื่อมระหวางหมูบาน
A, B, C, D, E และ F โดยจะวางสายไปตามถนน ถาคาใชจายในการวางสายโทรศัพท
ขึ้นอยูกับความยาวของสายโทรศัพท บริษัทนี้จะวางสายโทรศัพทอยางไรใหเสียคาใชจาย
a
b
cd
f
g a
cd
f
g
b
a
cd
f b
H1 H2 H3
a
b
cd
f
g a
b
cd
f
g
H4 H5
96
นอยที่สุด เมื่อกําหนดตารางแสดงระยะทาง (กิโลเมตร) ของถนนเชื่อมระหวางหมูบาน
ดังนี้
หมูบาน A B C D E F
A - 30 - - - 40
B 30 - 10 - 50 20
C - 10 - 20 30 -
D - - 20 - 10 20
E - 50 30 10 - 60
F 40 20 - 20 60 -
วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟถวงน้ําหนัก
โดยให จุดยอด แทน หมูบาน เสนเชื่อม แทน ถนน และคาน้ําหนักของเสนเชื่อม
คือระยะของถนนระหวางหมูบาน ดังรูป
เนื่องจากตนไมแผทั่วของกราฟจะประกอบดวยจุดยอดทุกจุดของกราฟ และมีวิถี
ระหวางทุก ๆ คูของจุดยอดในตนไม ดังนั้นคําตอบของปญหานี้ คือการหาตนไม
แผทั่วที่นอยที่สุดของกราฟ
พิจารณาขั้นตอนในแตละขั้นตอนเสนที่เลือกจะใชเสนสีฟา
ขั้นที่ 1 จัดลําดับของเสนเชื่อมโดยเรียงคาน้ําหนักของเสนเชื่อมจากนอยไปมาก
จะได10, 10, 20, 20, 20, 30, 30, 40, 50, 60
ขั้นที่ 2 เลือกเสนเชื่อมที่มีคาน้ําหนักของเสนเชื่อมนอยที่สุด ดังรูป (1)
A
B C
D
E
F
30
10
20
10
60
40 20
20
50
30
A
B C
D
E
F
30
10
20
10
60
40 20
20
50
30
รูป (1)
97
ขั้นที่ 3 เลือกเสนที่มีคาน้ําหนักของเสนเชื่อมนอยที่สุดจากเสนเชื่อมที่เหลือ และ
ไมทําใหเกิดวัฏจักรเมื่อรวมเสนเชื่อมนี้เขาเปนสวนหนึ่งของตนไมแผทั่วที่ตองการ
ดังรูป (2)
ขั้นที่ 4 ดําเนินการตามขั้นที่ 3 ดังรูป (3)
ขั้นที่ 5 ดําเนินการตามขั้นที่ 3 ดังรูป (4)
ขั้นที่ 6 ดําเนินการตามขั้นที่ 3 จะพบวาเสนเชื่อมที่เหลือที่มีคาน้ําหนักนอยที่สุด คือ
เสนเชื่อม BF ซึ่งมีคาน้ําหนักของเสนเชื่อมเทากับ 20 ไมสามารถเลือกไดเพราะทําให
เกิดวัฏจักร
ดังนั้นจะตองเลือกเสนเชื่อมที่มีคาน้ําหนักของเสนเชื่อมเทากับ30 ซึ่งมี2เสนคือ
เสนเชื่อมAB และ CE เสนเชื่อม CE ไมสามารถเลือกไดเพราะทําใหเกิดวัฏจักร
ดังนั้นเลือกเสนเชื่อม AB ดังรูป (5)
A
B C
D
E
F
30
10
20
10
60
40 20
20
50
30
รูป (2)
A
B C
D
E
F
30
10
20
10
60
40 20
20
50
30
รูป (3)
A
B C
D
E
F
30
10
20
10
60
40 20
20
50
30
รูป (4)
98
จะเห็นวาไมสามารถเลือกเสนเชื่อมที่เหลือไดอีกเนื่องจากทําใหเกิดวัฏจักรจึงสิ้นสุดขั้นตอน
ไดตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดที่มีผลรวมของคาน้ําหนักของเสนเชื่อมเทากับ
10+10+20+20+30 = 90 ดังรูป (6)
ดังนั้นบริษัทรับเหมาแหงนี้ตองวางสายโทรศัพทตามถนน ดังรูป (6) ซึ่งมีระยะทาง
90 กิโลเมตร จึงจะเสียคาใชจายนอยที่สุด
ผูสอนควรใหขอสังเกตวาตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดของกราฟในตัวอยางขางตนอาจมี
ไดมากกวา 1 แบบ ดังนี้
หรือ
A
B C
D
E
30
10
20
10
F
20
A
B C
D
E
F
30
10
1020
20
A
B C
D
E
F
30
10
20
10
60
40 20
20
50
30
รูป (5)
A
B C
D
E
F
30
10
20
10
20
รูป (6)
99
ผูสอนควรใหผูเรียนสรุปใหไดวาขั้นตอนการหาตนไมแผทั่วที่นอยที่สุด มีหลักการ
คือการเลือกเสนเชื่อมที่มีคาน้ําหนักนอยที่สุดจากกราฟถวงน้ําหนักที่เปนกราฟเชื่อมโยงติดตอ
กันเพื่อสรางตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดของกราฟ เสนเชื่อมที่เลือกตองไมทําใหเกิดวัฏจักร และ
ขั้นตอนวิธีสิ้นสุดเมื่อเลือกเสนเชื่อมครบ n – 1 เสน เมื่อ n เปนจํานวนจุดยอดของกราฟ
ผูสอนควรยกตัวอยางเกี่ยวกับการแกปญหาโดยใชความรูเกี่ยวกับตนไมหลาย ๆ
ตัวอยาง เชน
ตัวอยางที่ 5 กําหนดแผนผังแสดงถนนที่ยังไมลาดยางของหมูบานหนึ่ง ดังรูป จงหาวา
เจาหนาที่ที่รับผิดชอบในการสรางถนนจะลาดยางชวงถนนใดจึงจะทําใหประชาชน
ในหมูบานสามารถใชถนนเดินทางไปมาระหวางทุกๆ ทางแยกไดเร็วที่สุด เมื่อให
ระยะเวลาในการลาดยางขึ้นอยูกับความยาวของถนน
วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟถวงน้ําหนัก
โดยให จุดยอด แทน แยกของถนน เสนเชื่อม แทน ถนน คาน้ําหนักของเสนเชื่อม
คือ ระยะทางระหวางแยกของถนน ดังรูป
จากโจทย ตองหาตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดของกราฟจากขั้นตอนวิธีในตัวอยางที่ 4
จะไดตนไมแผทั่วที่นอยที่สุด ดังรูป
3
3 3
3
3
1
2 2 2
6 7
4
4
5
100
เจาหนาที่ที่รับผิดชอบในการสรางถนนควรลาดยางชวงถนน
ดังรูปตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดขางตน และตองลาดยางถนนเปนระยะทาง เทากับ
1 + 2 +2 + 2 +3 + 3 + 3 + 3 + 4 = 23 กิโลเมตร
จึงจะทําใหประชาชนในหมูบานไดใชถนนไปมาระหวางทุกๆ ทางแยกไดเร็วที่สุด
ตัวอยางที่ 6 จังหวัดหนึ่งมีอําเภออยู 15 อําเภอ แตละอําเภอมีถนนเชื่อมกับอําเภออื่นๆ6 สาย
จงหาวาสามารถปดซอมถนนไดพรอมกันมากที่สุดกี่สาย โดยที่ประชาชนใน
จังหวัดนี้ยังสามารถขับรถจากอําเภอใด ๆ ไปยังอีกอําเภอหนึ่งไดเสมอ
วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟ
โดยให จุดยอด แทน อําเภอ เสนเชื่อม แทน ถนน
ให n แทนจํานวนเสนเชื่อมในกราฟ
จาก ทฤษฎีบท 1 จะไดวา 15 × 6 = 2 n
90 = 2 n
n = 45
ดังนั้นจังหวัดนี้มีถนนเชื่อมระหวางอําเภอทั้งหมด 45 สาย
การปดถนนพรอมกันมากที่สุด โดยที่ยังมีถนนเชื่อมระหวางอําเภอสองอําเภอใด ๆ
ดังนั้นถนนที่สามารถเปดใหใชได คือ ตนไมแผทั่วของกราฟ
จํานวนถนนที่ตองเปดใชแลวทําใหประชาชนยังสามารถขับรถจากอําเภอใด ๆ ไปยัง
อีกอําเภอหนึ่งได คือ จํานวนเสนเชื่อมของตนไมแผทั่วของกราฟ เทากับ
15 – 1 = 14 เสน
จะไดวา กราฟดังกลาวสามารถลบเสนเชื่อมออกจากกราฟไดมากที่สุด 45 – 14 = 31 เสน
ดังนั้น สามารถปดซอมถนนไดพรอมกันมากที่สุด 31 สาย
3
3
3
3
1
2 2 2
4
101
ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
ขอ 1 - 5 ใหเลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. กราฟในขอใดตอไปนี้ มีผลรวมของดีกรีของทุกจุดยอดเทากับ 12
ก. ข.
ค. ง.
2. กําหนดกราฟดังแผนภาพตอไปนี้
ผลรวมของดีกรีของทุกจุดยอดในกราฟเทากับขอใด
ก. 20 ข. 21 ค. 22 ง. 23
3. กราฟในขอใดมีวงจรออยเลอร
ก. ข.
ค. ง.
102
4. กราฟในขอใดเปนกราฟออยเลอร
ก. ข.
ค. ง.
5. กราฟในขอใดเปนตนไมแผทั่วของกราฟตอไปนี้
ก. ข.
ค. ง.
a
b
c
de
a
b
c
de
a
b
c
de
a
b
c
de
a
b
de
103
ขอ 6 - 7 จงแสดงวิธีทํา
6. ลูกสุนัขจะสามารถกลับบาน โดยไมซ้ําเสนทางเดิม ไดทั้งหมดกี่เสนทาง
7. ตาตาจัดงานเลี้ยงสังสรรคที่บาน โดยเชิญเพื่อนมารวมงานอีก 5 คน คือ นภา สดใส
ยิ้มแยม สะอาด และ รักชาติ
นภากลาววา "นภาเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 4 คน
สดใสเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 2 คน
ยิ้มแยมเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 3 คน
สะอาดเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 3 คน
และรักชาติเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 4 คน"
ทานคิดวาคํากลาวของนภาเปนจริง หรือเท็จ อยางไร พรอมใหเหตุผลประกอบ
เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
1. ข
2. ค
3. ค
104
4. ค
5. ง
6. แปลงปญหานี้เปนกราฟโดยกําหนดใหจุดยอด A, B, C, D, E, F, G, H, I, J, K, L, M
แทนสถานที่ เสนเชื่อมแตละเสน แทนทางเดินระหวางสถานที่ จะไดกราฟ ดังรูป
ดังนั้น เสนทางพาลูกสุนัขกลับบานมี 6 เสนทาง ดังนี้
1) A, B, C, D, E, F, G, H, J, L, M
2) A, B, C, D, E, G, H, J, L, M
3) A, B, C, D, F, G, H, J, L, M
4) A, B, D, E, F, G, H, J, L, M
5) A, B, D, E, G, H, J, L, M
6) A, B, D, F, G, H, J, L, M
7. คํากลาวของนภาเปนเท็จ เพราะถาแปลงโจทยปญหาเปนกราฟ
โดยให จุด แทน คน
เสน แทน ความเปนเพื่อนกัน
จะไดวา กราฟนี้จะเปนกราฟที่มีจุด 6 จุด ดังนี้
ตาตา ยิ้มแยม
นภา สะอาด
สดใส รักชาติ
จะพบวา กราฟนี้มีจุดคี่ 3 จุด ซึ่งเปนไปไมได
(หรือผลบวกของดีกรีแตละจุด เทากับ 21 ซึ่งไมเทากับจํานวนคู ซึ่งเปนไปไมได)
A B D E G H J L M
C F I K
105
เฉลยแบบฝกหัด 2.1
1. (1) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6, v7, v8}
E(G) = {v1v2, v2v3, v3v4, v2v6, v3v7, v5v6, v6v7, v7v8}
(2) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6}
E(G) = {v1v2, v1v3, v1v4, v1v5, v1v6, v2v3, v2v6, v3v4, v4v5, v5v6}
(3) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6}
E(G) = {v1v5, v1v6, v2v5, v2v6, v3v5, v3v6, v4v5, v4v6}
(4) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6, v7, v8}
E(G) = {v1v2, v1v4, v2v3, v2v7, v4v8, v4v5, v5v6}
(5) V(G) = {A, B, C, D, E, F}
E(G) = {e1, e2, e3, e4, e5, e6, e7, e8}
(6) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6}
E(G) = {v1v4, v1v5, v1v6, v2v4, v2v5, v2v6, v3v4, v3v5, v3v6}
(7) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6}
E(G) = {e1, e2, e3, e4, e5, e6, e7}
(8) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5}
E(G) = {e1, e2, e3, e4}
2. หมายเหตุ กราฟ G ในขอนี้สามารถเขียนไดหลายรูปแบบ เชน
(1)
(2)
v2
v3
v1
v4
v4
v3
v2
v1
106
(3)
(4)
(5)
(6)
(7)
v6
v5
v4
v3
v2
v1
v4
v3
v2
v1
v3
v4
v2
v1
a
b
c
d
e
f
g
hij
107
(8)
3. (1) ถูก (2) ผิด
(3) ถูก (4) ผิด
(5) ถูก
4. (1) จําลองปญหาดวยกราฟ G ดังนี้
ใหจุดยอด 1, 2, ..., 6 แทนรถคันที่ 1 ถึงคันที่ 6 ตามลําดับ
จะได V(G) = {1, 2, 3, 4, 5, 6}
และ E(G) = {12, 13, 15, 16, 23, 24, 25, 35, 45, 46}
(2) จากกราฟ จะตองเตรียมพื้นที่จอดรถไวอยางนอยที่สุดสําหรับรถ 4 คัน
5. (1) V(G) = {ไทย, ลาว, กัมพูชา, พมา, มาเลเซีย, เวียดนาม}
แผนภาพของกราฟตามเงื่อนไขที่โจทยกําหนดเขียนไดดังนี้
k
m
nr
p
q
5
46
1
2
3
ไทย
ลาว
พมา
มาเลเซีย
กัมพูชา
เวียดนาม
108
(2) จะตองใชสีอยางนอยที่สุด 4 สี
เฉลยแบบฝกหัด 2.2
1. (1) deg a = 3 deg b = 3
deg c = 3 deg d = 3
deg e = 2
(2) deg a = 2 deg b = 3
deg c = 2 deg d = 5
(3) deg a = 2 deg b = 4
deg c = 3 deg d = 3
deg e = 2
(4) deg a = 3 deg b = 2
deg c = 2 deg d = 3
2. (1) ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุด เทากับ 3 + 4 + 1 + 2 + 4 = 14
จํานวนเสนเชื่อมของกราฟ เทากับ 7 เสน
(2) ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดเทากับ 5 + 3 + 4 + 4 + 4 + 4 = 24
จํานวนเสนเชื่อมของกราฟ เทากับ 12 เสน
(3) ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุด เทากับ 5 + 2 + 3 + 2 + 3 + 2 + 5 + 2 = 24
จํานวนเสนเชื่อมของกราฟ เทากับ 12 เสน
3. (1) ใหจุดยอดแทนผูมารวมงาน
และเสนเชื่อมแทนการจับมือทักทายกัน
ดังนั้น กราฟนี้มีจุดยอด 8 จุด และแตละจุดยอดมีดีกรีเทากับ 7
1 2 3 4 5 6 7เจาภาพ
109
(2) ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุด เทากับ 8 × 7 = 56
จํานวนเสนของกราฟเทากับ 28 เสน
ดังนั้น จํานวนครั้งทั้งหมดที่มีการจับมือทักทายกันเทากับ 28 ครั้ง
4. ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดเทากับ 1 + 1 + 4 + 4 + 6 = 16
ดังนั้น จํานวนเสนของกราฟเทากับ 8 เสน
5. ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทั้ง 7 จุด เทากับ 5 + 4 + 2 + 2 + 2 + 1 + 1 = 17
ซึ่งเปนจํานวนคี่ ขัดแยงกับขอสังเกตที่ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดในกราฟ
เปนจํานวนคูเสมอ ดังนั้น ไมมีกราฟที่มีสมบัติดังกลาว
6. สามารถเขียนกราฟไดหลายรูปแบบ
7. จํานวนเสนเชื่อมของกราฟเทากับ 35 เสน
จะได ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุด เทากับ 2(35) = 70
ทุกจุดยอดมีดีกรีอยางนอย 3
ดังนั้น จุดของกราฟที่มากสุดที่เปนไปได เทากับ 23 จุด
8. จํานวนเสนเชื่อมของกราฟเทากับ 31 เสน จะไดผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดเทากับ
2(31) = 62 จุดยอด 3 จุด มีดีกรี 1 และจุดยอด 7 จุด มีดีกรี 4 ดังนั้น ผลรวมของดีกรีของ
จุดยอด 10 จุดนี้คือ 3 + 28 = 31
ดังนั้นจะไดวา จุดยอดอีก 3 จุดที่เหลือมีผลรวมของดีกรีเทากับ 31
แต 31 เกิดจากผลบวกของจํานวน 3 จํานวนในสองรูปแบบ คือ
1. จํานวนคี่ บวก จํานวนคี่ บวก จํานวนคี่
2. จํานวนคี่ บวก จํานวนคู บวก จํานวนคู
v3
v2
v1
v5
v4
110
แบบ 1 จะมีจุดยอดคี่ 3 + 3 = 6 จุด
แบบ 2 จะมีจุดยอดคี่ 3 + 1 = 4 จุด ซึ่งสอดคลองกับทฤษฎีบทที่วา ทุกกราฟ
จะมีจุดยอดคี่เปนจํานวนคู
ดังนั้น มีกราฟที่มี 13 จุด และเสนเชื่อม 31 เสน โดยที่มี 3 จุด มีดีกรี 1 และ 7 จุด
มีดีกรี 4
เฉลยแบบฝกหัด 2.4
1. (1) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนด มีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด U
(2) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนด มีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด A
(3) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนด มีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด H
(4) เปนกราฟออยเลอร มีวงจรออยเลอรที่แทนดวยลําดับของจุดยอด R, T, U, R, V,
S, R, W, S, U, R
(5) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนดมีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด K
(6) เปนกราฟออยเลอร มีวงจรออยเลอรที่แทนดวยลําดับของจุดยอด R, D, M, S,
D, C, B, A, J, K, L, B, K, C, R, L, M, R
(7) เปนกราฟออยเลอร มีวงจรออยเลอรที่แทนดวยลําดับของจุดยอด F, C, G, D,
C, A, D, B, E, D, H, E, I, H, G, F
(8) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนดมีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด B
2. แปลงปญหาเปนกราฟโดยกําหนดให
จุดยอด1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 แทนหองตาง ๆ ตามแผนผัง และ X แทนบริเวณ
ดานนอกจะเขาประตู A หรือออกจากประตู B
A B
1 2
3 4 5
6 7 8
111
เสนเชื่อมแตละเสนแทนทางเดินระหวางหอง หรือทางเดินระหวางหองกับดานนอก
จะได กราฟ G ดังรูป
จะเห็นวา กราฟ G มีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด 3 มี deg 3 = 3 หรือ จุด 4 มี deg 4 = 5
ดังนั้น G ไมมีวงจรออยเลอร
นั่นคือ ไมสามารถนําแขกเขาชมในบานโดยเริ่มตน ณ ประตู A แลวไปสิ้นสุด
ณ ประตู B และผานประตูตาง ๆ แตละประตูเพียงครั้งเดียวได
3. จากปญหาสะพานเคอนิกสเบอรกสามารถแปลงเปนกราฟไดดังนี้
ไมได เพราะกราฟที่แทนปญหาสะพานเคอนิกสเบอรก เปนกราฟที่มีจุดยอดคี่ทุกจุด จึง
ไมสามารถทําตามเงื่อนไขที่โจทยกําหนดได
เฉลยแบบฝกหัด 2.5
1. (1) วิถีที่ 1 คือ a, v1, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 1 + 5 + 2 = 8
วิถีที่ 2 คือ a, v1, v2, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 1 + 5 + 1 + 4 = 11
วิถีที่ 3 คือ a, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 3 + 4 = 7
วิถีที่ 4 คือ a, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 2 + 5 = 7
วิถีที่ 5 คือ a, v3, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 3 + 1 + 2 = 6
X
2
5
876
3
1
4
A
B
C
D
112
ดังนั้น วิถี a, v3, v2, z เปนวิถีที่สั้นที่สุด
(2) วิถีที่ 1 คือ a, v1, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 4 + 4 = 11
วิถีที่ 2 คือ a, v1, v2, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 4 + 1 + 2 = 10
วิถีที่ 3 คือ a, v1, v2, v3, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 4 + 7 + 9 + 2 = 25
วิถีที่ 4 คือ a, v3, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 9 + 2 = 12
วิถีที่ 5 คือ a, v3, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 7 + 4 = 12
วิถีที่ 6 คือ a, v3, v4, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 9 +1+ 4 = 15
วิถีที่ 7 คือ a, v3, v2, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 7 + 1 + 2 = 11
ดังนั้น วิถี a, v1, v2, v4, z เปนวิถีที่สั้นที่สุด
(3) วิถีที่ 1 คือ a, v1, v2, v7, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 3 + 4 = 10
วิถีที่ 2 คือ a, v1, v2, v7, v5, v6, z
มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 3 + 2 + 2 + 2 = 12
วิถีที่ 3 คือ a, v3, v5, v1, v2, v7, z
มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 2 + 2 + 2 + 3 + 4 = 15
วิถีที่ 4 คือ a, v3, v5, v7, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 2 + 2 + 4 = 10
วิถีที่ 5 คือ a, v3, v4, v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 3 + 3 + 2 = 10
วิถีที่ 6 คือ a, v3, v5, v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 2 + 2 + 2 = 8
วิถีที่ 7 คือ a, v3, v4, v6, v5, v7 , z
มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 3 + 3 + 2 + 2 + 4 = 16
วิถีที่ 8 คือ a, v1, v5, v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 2 + 2 = 7
วิถีที่ 9 คือ a, v1, v5, v7, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 2 + 4 = 9
วิถีที่ 10 คือ a, v1, v2 , v7 ,v5, v3 , v4 ,v6, z
มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 3 + 2 + 2 + 3 + 3 + 2 = 18
วิถีที่ 11 คือ a, v1, v5, v3 , v4 ,v6, z
มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 2 + 3 + 3 + 2 = 13
ดังนั้น วิถี a, v1, v5, v6, z เปนวิถีที่สั้นที่สุด
(4) วิถีที่ 1 คือ a, v1, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 3 + 5 = 9
113
วิถีที่ 2 คือ a, v1, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 6 = 9
วิถีที่ 3 คือ a, v1, v3, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 2 + 5 = 10
วิถีที่ 4 คือ a, v1, v2, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 3 + 2 + 6 = 12
วิถีที่ 5 คือ a, v1, v2, v3, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 3 + 2 + 1 + 4 = 11
วิถีที่ 6 คือ a, v1, v3, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 1 + 4 = 8
วิถีที่ 7 คือ a, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 4 = 7
วิถีที่ 8 คือ a, v4, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 1 + 6 = 10
วิถีที่ 9 คือ a, v4, v3, v1, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 1 + 2 + 3 + 5 = 14
วิถีที่ 10 คือ a, v4, v3, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 1 + 2 + 5 = 11
ดังนั้น a, v4, z เปนวิถีที่สั้นที่สุด
2. (1) ตนไมแผทั่วนอยที่สุด
ผลรวมคาน้ําหนักของเสนเชื่อมทั้งหมด เทากับ 1 + 2 + 5 + 1 + 4 + 2 = 15
(2) ตนไมแผทั่วนอยที่สุดคือ
หรือ
ผลรวมคาน้ําหนักของเสนเชื่อมทั้งหมด เทากับ 2 + 3 + 3 + 4 = 12
A
B
CE
D
4
3
2
3
B
F
A
C
D E
4
2
1
2
G
5
1
A
B
CE
D
4
3
2
3

More Related Content

PDF
เฉลยคำตอบข้อสอบคณิตนานาชาติ สพฐ รอบแรก ม.ต้น ปี พ.ศ.2560
PDF
Graph
PDF
ข้อสอบโอลิมปิก ม.ต้น ครั้งที่ 7 (ijso) ปี พ.ศ.2553
PDF
บทที่ 1 จำนวนนับและการบวก การลบ การคูณ การหาร
PPTX
จำนวนเชิงซ้อนไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
PDF
ทฤษฎีกราฟ
PDF
บทที่ 4 เส้นขนาน
เฉลยคำตอบข้อสอบคณิตนานาชาติ สพฐ รอบแรก ม.ต้น ปี พ.ศ.2560
Graph
ข้อสอบโอลิมปิก ม.ต้น ครั้งที่ 7 (ijso) ปี พ.ศ.2553
บทที่ 1 จำนวนนับและการบวก การลบ การคูณ การหาร
จำนวนเชิงซ้อนไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
ทฤษฎีกราฟ
บทที่ 4 เส้นขนาน

Viewers also liked (20)

Ad

Similar to Add m5-2-chapter2 (18)

PPT
PDF
Graph theory
PDF
คณิตศาสตร์ 24 2
PDF
แผนการเรียนรู้ดีกรี1
PDF
44 ตรีโกณมิติ ตอนที่1_อัตราส่วนตรีโกณมิติ
PPT
โครงงาน สาขาวิชาคณิตศาสตร์
PDF
แผนการเรียนรู้ดีกรี
PDF
ข้อสอบGsp56
PDF
ตัวอย่างข้อสอบ Las คณิตศาสตร์ม.2
PDF
PPT
ตรีโกณมิต..[1]
PDF
Graph
PDF
Graph
PDF
ตัวอย่างข้อสอบ Las 8คณิตศาสตร์ม.1
Graph theory
คณิตศาสตร์ 24 2
แผนการเรียนรู้ดีกรี1
44 ตรีโกณมิติ ตอนที่1_อัตราส่วนตรีโกณมิติ
โครงงาน สาขาวิชาคณิตศาสตร์
แผนการเรียนรู้ดีกรี
ข้อสอบGsp56
ตัวอย่างข้อสอบ Las คณิตศาสตร์ม.2
ตรีโกณมิต..[1]
Graph
Graph
ตัวอย่างข้อสอบ Las 8คณิตศาสตร์ม.1
Ad

More from กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์ (20)

Add m5-2-chapter2

  • 1. บทที่ 2 ทฤษฎีกราฟเบื้องตน (18 ชั่วโมง) กราฟเปนแบบจําลองทางคณิตศาสตร ซึ่งใชสําหรับจําลองปญหาบางอยางดวย แผนภาพที่ประกอบดวยจุด และเสนที่เชื่อมระหวางจุด 2 จุด ตัวอยางเชน แผนภาพที่แสดง เสนทางของรถไฟฟา BTS แผนภาพที่แสดงถนนที่เชื่อมเมืองตาง ๆ แผนภาพแสดงโครงสราง ทางเคมีของสารประกอบไฮโดรคารบอน วงจรไฟฟา เปนตน วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับสมบัติตาง ๆ ของกราฟ เรียกวา ทฤษฎีกราฟ(Graph Theory) ปจจุบันทฤษฎีกราฟมีการประยุกตใชอยาง กวางขวางในศาสตรแขนงตาง ๆ เชน วิทยาศาสตร สังคมศึกษา เศรษฐศาสตร เปนตน แตสําหรับในบทเรียนนี้จะกลาวถึงเนื้อหาเพียงบางสวนซึ่งอยูในทฤษฎีกราฟเทานั้นซึ่งจะ ประกอบดวย หัวขอตาง ๆ ดังนี้ กราฟ ดีกรีของจุดยอด แนวเดิน กราฟออยเลอร และการ ประยุกตของกราฟ ผลการเรียนรูที่คาดหวัง 1. เขียนกราฟเมื่อกําหนดจุดยอด(vertex) และเสนเชื่อม (edge) ให และระบุไดวากราฟ ที่กําหนดใหเปนกราฟออยเลอรหรือไม 2. นําความรูเรื่องกราฟไปใชแกปญหาบางประการได ผลการเรียนรูที่คาดหวังเปนผลการเรียนรูที่สอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูชวงชั้น ทางดานความรู ดังนั้นในการจัดการเรียนรู ผูสอนตองคํานึงถึงมาตรฐานการเรียนรูดานทักษะ/ กระบวนการทางคณิตศาสตรดวยการสอดแทรกกิจกรรมหรือโจทยที่จะสงเสริมใหผูเรียนเกิด ทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตรที่จําเปน อันไดแก ความสามารถในการแกปญหา การให เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตรและการนําเสนอ การเชื่อมโยงความรู ตาง ๆ ทางคณิตศาสตรและเชื่อมโยงคณิตศาสตรกับศาสตรอื่น และการคิดริเริ่มสรางสรรค นอกจากนั้นกิจกรรมการเรียนรู ควรสงเสริมใหผูเรียนตระหนักในคุณคาและมีเจตคติที่ดีตอ วิชาคณิตศาสตร ตลอดจนฝกใหผูเรียนทํางานอยางเปนระบบ มีระเบียบวินัย รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และมีความเชื่อมั่นในตนเอง
  • 2. 75 ในการเรียนการสอนแตละสาระการเรียนรูของวิชาคณิตศาสตรนั้น ผูสอนควรแสดง หรือยกตัวอยางใหผูเรียนเห็นถึงประโยชนและการนําคณิตศาสตรไปใช เพื่อใหผูเรียน ตระหนักถึงคุณคาอันเกิดจากการศึกษาวิชาคณิตศาสตร ซึ่งจะนําไปสูเจตคติที่ดีตอวิชา คณิตศาสตร ในการจัดกิจกรรมการเรียนรูสําหรับบทเรียนนี้ ผูสอนควรใหผูเรียนไดทดลอง และ คนควาหาขอสรุปดวยตนเอง ขอเสนอแนะ 1. เรื่องกราฟเปนเนื้อหาใหมซึ่งผูเรียนไมเคยเรียนมากอน ดังนั้นในการเริ่มตนผูสอน ควรกลาวถึงประวัติความเปนมาใหผูเรียนทราบ ดังนี้ ทฤษฎีกราฟ เกิดขึ้นจากความพยายามในการตอบปญหาตาง ๆ ปญหาหนึ่งที่รูจัก กันดีก็คือปญหาสะพานเคอนิกสเบอรก “Konigsberg Bridge Problem” ปญหามีอยูวามีเกาะ 2 เกาะ อยูกลางแมน้ําพรีเกล(Pregel) ในเมืองเคอนิกสเบอรกและมีสะพาน 7 สะพาน เชื่อม ระหวางเกาะกับแผนดิน ดังรูป ชาวเมืองตางพากันสงสัยวาจะสามารถเดินขามสะพานทั้ง7สะพานแตละสะพานเพียงครั้งเดียว โดยไมซ้ํากันและกลับมาที่จุดเริ่มตนใหมไดหรือไม นักคณิตศาสตรหลายคนไดพยายามแกปญหานี้ โดยทดลองจนไดคําตอบวาเปนไปไมได แตไมมีใครสามารถแสดงขอพิสูจนได จนกระทั่งปค.ศ.1736 มีนักคณิตศาสตรชาวสวิสเซอรแลนด ชื่อ เลออนฮารด ออยเลอร(Leonhard Euler) ไดไขปริศนานี้โดยแปลงปญหาดังกลาวเปน กราฟโดยใหพื้นดินแทนจุดยอด และสะพานแทนดวยเสนเชื่อมดังรูป
  • 3. 76 ออยเลอรไดตอบปญหานี้วา เปนไปไมไดที่จะหาเสนทางดังกลาวได ผูสอนใหผูเรียนลองหาคําตอบของปญหานี้ โดยใชคําถามนําเพื่อใหผูเรียนสามารถหา คําตอบได เชน 1) จากรูปกราฟที่ใชแทนปญหาสะพานเคอนิกสเบอรก ผูเรียนสามารถใชดินสอ เขียนกราฟดังกลาวโดยมีเงื่อนไขวาตองไมลากซ้ําเสนที่ลากแลว และกลับมาที่จุดเริ่มตนดังเดิม โดยไมยกดินสอ ไดหรือไม 2) คําตอบในขอ 1 สามารถนําผลของคําตอบมาตอบปญหาสะพานเคอนิกสเบอรก ไดหรือไม จากนั้นจึงอธิบายแนวทางการตอบปญหาของออยเลอร คือการดูจากกราฟขางตนจะ พบวาเมื่อเริ่มตนเดินจากจุดยอดใด ๆ จะตองเดินผานทุกเสนเชื่อมเพียงครั้งเดียว แลวกลับมาที่ จุดเริ่มตนนั้นเปนไปไมได เนื่องจากไมวาจะเริ่มตนออกจากจุดยอดใดก็ตามเพื่อใหกลับมายัง จุดเริ่มตนใหม จะตองมีการเดินเขาจุดยอดนั้นเสมอโดยเสนเชื่อมที่ตางกัน ดังนั้นจํานวนเสน เชื่อมที่ออกจากจุดยอดแตละจุดในกราฟตองเปนจํานวนคู ซึ่งจากกราฟขางตนจะพบวาไมมีจุด ยอดใดเลยที่มีเสนเชื่อมออกจากจุดเปนจํานวนคู เมื่อผูเรียนทราบประวัติความเปนมาของทฤษฎีกราฟแลว ผูสอนจึงเริ่มตนตามลําดับ หัวขอตางๆ เนื่องจากทฤษฎีกราฟเบื้องตนมีคําศัพทที่ผูเรียนตองรูจักเพิ่มขึ้นมากมายผูสอนจึงควร ยกตัวอยางใหผูเรียนทราบถึงความหมายของคําศัพทแตละคํา 2. เสนเชื่อมe แทนดวยสัญลักษณ AB หรือBA หมายถึง เสนที่เชื่อมระหวางจุดยอด A และ จุดยอด B 3. ในการเขียนแผนภาพของกราฟนั้น จะกําหนดตําแหนงของจุดยอด ณ ตําแหนงใด ก็ได และจะลากเสนเชื่อมของกราฟเปนเสนตรงหรือเสนโคงที่มีความยาวเปนเทาใดก็ได เชน กําหนด เสนเชื่อม ab ดังรูป (1) เราอาจเขียนเสนเชื่อม ab เปนเสนโคง ดังรูป (2) ได a b a b รูป (1) รูป (2)
  • 4. 77 เสนเชื่อมสองเสนของกราฟ อาจลากตัดกันไดโดยที่จุดตัดของเสนเชื่อมทั้งสองไมถือ วาเปนจุดยอดของกราฟ เชน กําหนดกราฟ ดังรูป สามารถเขียนแผนภาพของกราฟไดหลายแบบ เชน กําหนดกราฟ G เมื่อ V(G) = {a, b, c} E(G) = {ab, ac, bc} สามารถเขียน แผนภาพของกราฟ G ไดดังรูป (1), (2) หรือ (3) 4. ผูสอนใหขอตกลงเกี่ยวกับดีกรีของจุดยอดที่มีวงวน และดีกรีของจุดยอดที่ไมมีเสนเชื่อม ดังนี้ 1) เสนเชื่อมที่เกิดกับจุดยอด a ดังรูป ใหถือวาเปน 1 เสน จะไดวาดีกรีของจุดยอด a เทากับ 2 ดังนั้นวงวนแตละวงวนจะมีดีกรี เทากับ 2 2) จุดยอดที่ไมมีเสนเชื่อม ใหถือวา ดีกรีของจุดยอดเปนศูนย 5. ผูสอนควรยกตัวอยางหลาย ๆ ตัวอยางเพื่อใหผูเรียนหาดีกรีของจุดยอดแตละจุด ของกราฟที่กําหนดใหได อาจยกตัวอยางโดยกําหนดดีกรีของจุดยอดแตละจุดของกราฟ แลว ใหผูเรียนเขียนแผนภาพของกราฟ เชน จงเขียนแผนภาพของกราฟตอไปนี้ 1) กราฟ G1 เมื่อ V(G1) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6, v7} และ deg v1 = 7 deg v2 = 6 deg v3 = 3 deg v4 = 2 deg v5 = 2 deg v6 = 0 deg v7 = 0 a bc d ไมเปนจุดยอดของกราฟ a a b c รูป (1) a b c รูป (2) a b c รูป (3)
  • 5. 78 2) กราฟ G2 เมื่อ V(G2) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6} และ deg v1 = 5 deg v2 = 4 deg v3 = 3 deg v4 = 3 deg v5 = 4 deg v6 = 3 จะไดตัวอยางแผนภาพของกราฟ G1 และ G2 ดังรูป 6. ผูสอนอาจยกตัวอยางกราฟเพื่อใหผูเรียนหาขอสรุปใหไดวา “ผลรวมของดีกรีของ จุดยอดทุกจุดในกราฟเทากับสองเทาของจํานวนเสนเชื่อมในกราฟ” ดังนี้ จงพิจารณาผลบวกของดีกรีของจุดยอดทุกจุดในกราฟวามีความสัมพันธกับจํานวนเสน เชื่อมในกราฟอยางไร เมื่อกําหนดกราฟ G1, G2, G3 และ G4 ดังรูป จากกราฟขางตนสามารถเขียนตารางแสดงความสัมพันธของผลบวกของดีกรีของ จุดยอดทุกจุดในกราฟ และจํานวนเสนเชื่อมในกราฟ ไดดังนี้ กราฟ จํานวน เสนเชื่อม ผลบวกของดีกรีของจุดยอดทุกจุด ของกราฟ จํานวน จุดยอดคี่ จํานวน จุดยอดคู G1 0 0 0 1 G2 1 2 2 0 G3 8 16 2 3 G4 10 20 4 2 G1 : a a bG2 : G3 : a G4 : a b c d e f b c d e v1 v2 v3 v4 v5 v6 G2 :v1 v2 v3 v4 v5 v6 v7 G1 :
  • 6. 79 ผูสอนอาจตั้งคําถามดังนี้ 1) จากตารางขางตนสามารถบอกไดหรือไมวา ผลบวกของดีกรีของจุดยอดทุกจุด ของกราฟเทากับสองเทาของจํานวนเสนเชื่อม 2) จากตารางขางตนสามารถบอกไดหรือไมวาจุดยอดคี่ของกราฟตองมีเปนจํานวนคู ผูสอนใหทฤษฎีบท 1 และทฤษฎีบท 2 พรอมพิสูจน และควรเนนใหผูเรียนเขาใจใน ทฤษฎีบท 1 และ ทฤษฎีบท 2 เพราะทฤษฎีบททั้งสองสามารถนําไปใชในการตัดสินใจเพื่อแก ปญหาบางปญหาในชีวิตประจําวันได เชน ตัวอยางที่ 1 ผลการสํารวจขอมูลการใชโทรศัพทมือถือของพนักงานในบริษัทแหงหนึ่งซึ่งมี พนักงาน 20 คน ในเดือนที่ผานมาพบวา มีพนักงาน 15 คน แตละคนคุยโทรศัพท มือถือกับเพื่อนในบริษัท 5 ครั้ง มีพนักงาน 5 คน แตละคนคุยโทรศัพทมือถือกับ เพื่อนในบริษัท 3 ครั้ง จงหาจํานวนการใชโทรศัพทมือถือของพนักงานบริษัทนี้ วิธีทํา แปลงปญหาเปนกราฟโดยให จุดยอด แทนพนักงาน เสนเชื่อม แทนการคุย โทรศัพทมือถือของพนักงาน จะไดวา กราฟมีจุดยอดที่มีดีกรีเทากับ 5 มีจํานวน 15 จุด และจุดยอดที่มีดีกรี เทากับ 3 มีจํานวน5จุด จํานวนการใชโทรศัพทมือถือของพนักงานในบริษัทก็คือ จํานวนเสนทั้งหมดของกราฟ สมมติวากราฟมีเสนเชื่อม n เสน จากทฤษฎีบท 1 ผลรวมของดีกรีของจุดยอด ทุกจุดในกราฟเทากับสองเทาของจํานวนเสนเชื่อมในกราฟ ดังนั้น 5(15) + 3(5) = 2n 75 + 15 = 2n n = 45 ดังนั้นจํานวนการใชโทรศัพทมือถือของพนักงานบริษัทแหงนี้ คือ 45 ครั้ง ตัวอยางที่ 2 จังหวัดหนึ่งมีอําเภออยู 17 อําเภอ ตองการสรางถนนเชื่อมอําเภอเหลานี้ โดย ใหแตละอําเภอมีถนนเชื่อมกับอําเภออื่นอีก 3 สายพอดี จงหาวาสามารถสรางถนนตาม เงื่อนไขดังกลาวไดหรือไม วิธีทํา แปลงปญหาเปนกราฟ โดยให จุดยอด แทน อําเภอ เสนเชื่อม แทน ถนน
  • 7. 80 กราฟมีจุดยอด 17 จุด และแตละจุดยอดมีดีกรีเทากับ 3 จะไดวา กราฟมีจุดยอดคี่ จํานวน 17 จุด ขัดแยงกับทฤษฎีบท2 นั่นคือการสรางถนนตามเงื่อนไขดังกลาวไมสามารถแปลงเปน กราฟได ดังนั้นการสรางถนนตามเงื่อนไขโจทยจึงเปนไปไมได หมายเหตุ ในการสอนตัวอยางที่ 1 และ 2 ผูสอนควรใชคําถามนําเพื่อใหผูเรียนสามารถหา คําตอบไดดวยตนเอง โดยอาจตั้งคําถามดังนี้ 1) ปญหาของโจทยสามารถใชความรูเกี่ยวกับกราฟแกปญหาไดหรือไม 2) จากขอ 1 ถาได จะกําหนดใหสิ่งใดแทนจุดยอด สิ่งใดแทนเสนเชื่อม และ สิ่งใดคือดีกรีของจุดยอด 3) คําตอบของปญหาคือสวนใดในกราฟ กิจกรรมเสนอแนะ ดีกรีของจุดยอด เมื่อผูสอนใหทฤษฎีบท1 และทฤษฎีบท2 พรอมพิสูจนแลวอาจยกตัวอยางเหตุการณ เพื่อใหผูเรียนเขาใจทฤษฎีบท และสามารถนําทฤษฎีบทไปใชแกปญหาบางปญหาได เชน ตัวอยางที่ 1 อาจารยวันดีใหผูเรียนสงตัวแทนออกมาหนาชั้นเรียน 2 กลุมๆ ละ 5 คน แลว ใหผูเรียนภายในกลุมจับมือกัน ดังนี้ กลุมที่ 1 นิตยา นิพนธ นิภา นิมิต และ นิยม แตละคนจับมือกับเพื่อนในกลุม เปนจํานวน 4, 3, 2, 2 และ 1 ครั้ง ตามลําดับ กลุมที่ 2 อรจิต อรทัย อรนุช อรพรรณ และ อรพิน แตละคนจับมือกับเพื่อน ในกลุมเปนจํานวน 4, 3, 2, 1 และ 1 ครั้ง ตามลําดับ จงพิจารณาวาผูเรียนทั้งสองกลุมสามารถทําตามคําบอกของอาจารยวันดีไดหรือไม วิธีทํา พิจารณากลุมที่ 1 สมมติวาแปลงปญหาขางตนเปนกราฟได โดยให จุดยอด แทน ผูเรียน เสนเชื่อม แทน การจับมือของผูเรียนในกลุม กราฟมีจุดยอด 5 จุด และดีกรีของจุดยอด 4, 3, 2, 2 และ 1 จะไดวากราฟมีจุดยอดคี่เปนจํานวนคู สอดคลองกับทฤษฎีบท 2 นั่นคือ สามารถ
  • 8. 81 แปลงปญหาขางตนเปนกราฟได ดังนั้น ผูเรียนกลุมที่ 1 สามารถทําตามคําบอกของอาจารยวันดีได พิจารณากลุมที่ 2 สมมติวาแปลงปญหาขางตนเปนกราฟได โดยให จุดยอด แทน ผูเรียน เสนเชื่อม แทน การจับมือของผูเรียนในกลุม กราฟมีจุดยอด 5 จุด และดีกรีของจุดยอดเทากับ 4, 3, 2, 1 และ 1 จะไดวากราฟมีจุดยอดคี่เปนจํานวนคี่ ขัดแยงกับทฤษฎีบท 2 นั่นคือ ไมสามารถ แปลงปญหาขางตนเปนกราฟได ดังนั้น ผูเรียนกลุมที่ 2 ไมสามารถทําตามคําบอกของอาจารยวันดีได จากคําตอบขางตนจงหาจํานวนครั้งของการจับมือกันในกลุมของผูเรียนกลุมที่ 1 วิธีทํา จํานวนครั้งของการจับมือกันในกลุม คือ จํานวนเสนในกราฟ สมมติวากราฟมีเสนเชื่อม n เสน จากทฤษฎีบท1 ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดในกราฟ เทากับสองเทาของจํานวน เสนเชื่อมในกราฟ ดังนั้น 4 + 3 + 2 + 2 + 1 = 2n 12 = 2n n = 6 ดังนั้น ผูเรียนกลุมที่ 1 มีการจับมือกันในกลุม 6 ครั้ง ผูสอนอาจนําตัวอยางขางตนมาจัดเปนกิจกรรมหนาชั้นเรียนแลวใหผูเรียนทดลองให เห็นจริงดวยตนเอง ตัวอยางที่ 2 การแขงขันฟุตบอลมีทีมสมัครแขงขัน 10 ทีม ในการจัดแขงขันครั้งนี้จะจัดการ แขงขันเปนแบบพบกันหมด จงหาจํานวนครั้งที่จัดการแขงขัน วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟ โดยให จุดยอดแทน ทีมฟุตบอล เสนเชื่อมแทนการแขงขัน ทีมฟุตบอล 10 ทีม จัดแขงขันเปนแบบพบกันหมด แสดงวาแตละทีมตองแขงขันกับ ทีมอื่น ๆ อีก 9 ทีม นั่นคือแตละจุดยอดของกราฟมีดีกรีเทากับ 9 จํานวนครั้งที่จัดการแขงขัน คือ จํานวนเสนเชื่อมในกราฟ สมมติวากราฟมีเสนเชื่อม n เสน
  • 9. 82 ดังนั้น 9(10) = 2n 90 = 2n n = 45 ดังนั้น ตองจัดการแขงขันฟุตบอล 45 ครั้ง หรือ 45 คู กราฟแทนปญหา แสดงดังรูป ตัวอยางขางตนผูสอนอาจใหผูเรียนหาคําตอบของปญหาโดยการนับจํานวนเสนเชื่อม ในกราฟจากการเขียนแผนภาพของกราฟกอน แลวจึงนําทฤษฎีบท1มาใชแกปญหา เพื่อให ผูเรียนมองเห็นคุณคาของวิชาคณิตศาสตร แนวเดิน ผูสอนนําเขาสูบทเรียนโดยนําสนทนากับผูเรียนเรื่องเสนทางการเดินทางจากบานมา โรงเรียน แลวยกตัวอยางเหตุการณในชีวิตประจําวัน เชน ในอําเภอหนึ่งมีตําบลอยู5ตําบล ไดแกตําบลA, B, C, Dและ E ระหวางตําบลตาง ๆ จะมีถนนเชื่อมระหวางตําบล ซึ่งแสดงแผนผังดวยกราฟโดยให จุดยอด แทน ตําบล เสนเชื่อม แทน ถนน ดังรูป กําหนดเสนทาง ดังนี้ เสนทางที่ 1 ตําบล A ตําบล B ตําบล A ตําบล D ตําบล C ตําบล D ตําบล C เสนทางที่ 2 ตําบล A ตําบล D ตําบล B ทีมที่ 1 ทีมที่ 2 ทีมที่ 3 ทีมที่ 4 ทีมที่ 5ทีมที่ 6 ทีมที่ 7 ทีมที่ 8 ทีมที่ 9 ทีมที่ 10 สาย 1 สาย 1 สาย 2 สาย 5 สาย 5 สาย 5 สาย 2 สาย 3 A CB D E
  • 10. 83 ผูสอนบอกผูเรียนวาเสนทางดังกลาวเราสามารถเขียนใหอยูในรูปลําดับของจุดยอด และเสนเชื่อมสลับกันได ดังนี้ เสนทางที่ 1 มีลําดับคือ A, AB, B, BA, A, AD, D, DC, C, CD, D, DC, C เสนทางที่ 2 มีลําดับคือ A, AD, D, DB, B ผูสอนใหบทนิยามของแนวเดิน ซึ่งนักเรียนควรบอกไดวาเสนทางที่1และ2 เปนแนว เดินในกราฟ ผูสอนควรชี้ใหผูเรียนเห็นวาแนวเดินคือลําดับของจุดยอดและเสนเชื่อมสลับกัน และเสนเชื่อมแตละเสนจะเกิดกับจุดยอดที่อยูกอนหนาและจุดยอดที่อยูหลังเสนเชื่อมนั้น ซึ่ง จุดยอด และเสนเชื่อมในลําดับอาจเกิดขึ้นซ้ํากันได กราฟเชื่อมโยง ผูสอนนําเขาสูบทเรียนโดยทบทวนบทนิยามของแนวเดิน แลวยกตัวอยางเหตุการณ เชน ตัวอยางที่ 1 กําหนดแผนผังของสวนสาธารณะ 2 แหง ดังรูป จงพิจารณาวาสวนสาธารณะ แหงใดสามารถเดินเที่ยวชมบริเวณสวนสาธารณะไดทุกบริเวณ ผูสอนควรใหผูเรียนบอกเหตุผลประกอบคําตอบ ดังนี้ สวนสาธารณะแหงที่1 สามารถเดินเที่ยวชมบริเวณสวนสาธารณะไดทุกบริเวณ เพราะ สามารถเดินจากฝง A ไปเกาะ B ได สามารถเดินจากฝง A ไปเกาะ C ได สามารถเดินจากฝง A ไปฝง D ได สามารถเดินจากเกาะ B ไปเกาะ C ได สามารถเดินจากเกาะ B ไปฝง D ได สามารถเดินจากเกาะ C ไปฝง D ได สวนสาธารณะแหงที่ 2 ไมสามารถเดินเที่ยวชมบริเวณสวนธารณะไดทุกบริเวณเพราะ สามารถเดินจากฝง A ไปเกาะ B ได ไมสามารถเดินจากฝง A ไปเกาะ C ได สามารถเดินจากฝง A ไปฝง D ได ไมสามารถเดินจากเกาะ B ไปเกาะ C ได A B C D แหงที่ 1 A B C D แหงที่ 2
  • 11. 84 สามารถเดินจากเกาะ B ไปฝง D ได ไมสามารถเดินจากเกาะ C ไปฝง D ได จากนั้นใหบทนิยามของกราฟเชื่อมโยง แลวใชตัวอยางเหตุการณขางตนอธิบาย บทนิยามของกราฟเชื่อมโยง โดยใหผูเรียนเขียนแผนภาพของกราฟG1 และG2 แทนแผนผังของ สวนสาธารณะแหงที่1 และแหงที่2 โดยใหจุดยอดแทนเกาะหรือฝง เสนเชื่อมแทนสะพาน ตามลําดับ จะไดกราฟ ดังรูป ใหผูเรียนหาคําตอบไดดวยตนเองวากราฟ G1 เปนกราฟเชื่อมโยงโดยอาศัยการใหเหตุ ผลประกอบคําตอบจากตัวอยางเหตุการณขางตน ผูเรียนตองบอกไดวากราฟ G1 เปนกราฟเชื่อมโยง เพราะ มีแนวเดิน A - B มีแนวเดิน A - C มีแนวเดิน A - D มีแนวเดิน B - C มีแนวเดิน B - D มีแนวเดิน C - D กราฟ G2 ไมเปนกราฟเชื่อมโยง เพราะ ไมมีแนวเดิน A – C ไมมีแนวเดิน B - C ไมมีแนวเดิน C – D ตัวอยางที่2 กําหนดขายงานการเชื่อมโยงระหวางเสาโทรศัพทและสายโทรศัพท ดังรูป ถาเกิดเหตุการณเสาโทรศัพทตนหนึ่งลมแลว จงหาวาเสาโทรศัพทตนใดเมื่อลมแลว จะทําใหการเชื่อมโยงของขายงานเสียหายมากที่สุด A B D C A B D C G1 G2 1 2 3 4 5 6
  • 12. 85 วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟ โดยใหจุดยอด แทน เสาโทรศัพท เสนเชื่อม แทน สายโทรศัพท ดังรูป จากกราฟ จะพบวา ถาลบจุดยอด 3 ออก เสนที่เกิดกับจุดยอด 3 จะถูกลบออกดวย ดังนั้น กราฟที่เกิดจากการลบจุดยอด 3 ออกจะไมเปนกราฟเชื่อมโยง ดังรูป ถาลบจุดยอดแตละจุด เชน 1 หรือ 2 หรือ 4 หรือ 5 หรือ 6 ออกจากกราฟ กราฟที่เกิด จากการลบจุดยอดดังกลาวยังคงเปนกราฟเชื่อมโยง ดังนั้นเสา3 จึงเปนเสาโทรศัพทที่สําคัญที่ สุดเพราะถาเสา3 ลมจะทําความเสียหายมากกวาเสาโทรศัพทตนอื่น กราฟออยเลอร 1. ผูสอนแนะนํากราฟออยเลอร โดยอาจใหผูเรียนเลนเกมวาดรูปไดหรือไม ดังนี้ จงหาวารูปใดสามารถใชดินสอวาดรูปโดยไมลากซ้ําเสนเดิม แลวกลับมาที่ จุดเริ่มตนโดยไมยกดินสอได เมื่อกําหนดรูป ดังนี้ จะพบวารูป (1) สามารถวาดรูปไดตามเงื่อนไขดังกลาว 6 1 3 4 52 1 4 6 52 รูป (1) รูป (2) รูป (3)
  • 13. 86 จากนั้นผูสอนสุมผูเรียนออกมา 5 คน วาดรูป (1) บนกระดานดํา แลวชี้ให ผูเรียนเห็นวา แตละคนจะมีวิธีการวาดรูปเหมือนกันหรือตางกันได 2. ผูสอนอาจยกตัวอยางเพื่อนําเขาสูบทนิยามของวงจร เชน กําหนดกราฟ G ดังรูป จงหาวาแนวเดินในขอใดเปนแนวเดินที่มีเสนเชื่อมแตกตางกัน โดยมีจุดเริ่มตน และจุดสุดทายเปนจุดยอดเดียวกัน 1) v5, e6, v4, e3, v3, e2, v2, e5, v5, e5, v2 2) v2, e2, v3, e3, v4, e4, v2, e5, v5, e6, v4, e4, v2 3) v1, e7, v5, e6, v4, e4, v2, e1, v1, e7, v5, e8, v1 4) v1, e1, v2, e2, v3, e3, v4, e4, v2, e5, v5, e8, v1 5) v1, e1, v2, e2, v3, e3, v4, e4, v2, e5, v5, e8, v1, e9, v4 , e6, v5, e7, v1 ผูเรียนควรบอกไดวา แนวเดินในขอ 1) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะในแนวเดินมีเสนเชื่อม e5 ซ้ํากัน โดยมีจุดเริ่มตนและจุดสุดทายเปนจุดยอดที่ตางกัน แนวเดินในขอ2)และ3) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะในแนวเดินมีเสนเชื่อมe4 และe7 ซ้ํากันตามลําดับ แนวเดินในขอ 4) และ 5) เปนไปตามเงื่อนไขโจทย ผูสอนใหบทนิยามวงจร ผูเรียนควรบอกไดวาแนวเดินในขอ 4) และ 5) เปนวงจร จากนั้นผูสอนอาจถามตอวาวงจรในขอใดของขอ2ที่เปนวงจรที่ผานจุดยอดทุกจุดและเสนเชื่อม ทุกเสนของกราฟ G ผูเรียนควรบอกไดวาแนวเดินในขอ 5) เปนวงจรตามเงื่อนไขดังกลาว ผูสอนจึงใหบทนิยามของวงจรออยเลอร แลวผูเรียนควรบอกไดวาแนวเดินในขอ 5) เปน วงจรออยเลอรในกราฟG เพราะเปนวงจรที่ประกอบดวยจุดยอดทุกจุดและเสนเชื่อมทุกเสน ของกราฟ v1 v2 v3 v4v5 e1 e2 e3 e4 e5 e6 e7 e8 e9
  • 14. 87 3. ผูสอนทบทวนการหาวงจรในกราฟ แลวยกตัวอยางเพื่อนําเขาสูบทนิยามของ กราฟออยเลอร เชน ตัวอยางที่1 กําหนดกราฟ G1 ถึง G5 ดังรูป จงหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟ แตละกราฟ ผูสอนควรใหผูเรียนบอกเหตุผลประกอบคําตอบ ดังนี้ กราฟG1 สามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได วงจรหนึ่งที่ เปนไปได มีลําดับคือ v1, e1, v2, e2, v3, e3, v1 กราฟ G2 ไมสามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได เพราะมี เสนเชื่อมe1 ซ้ํากัน กราฟG3 สามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได วงจรหนึ่งที่ เปนไปได มีลําดับคือv1, e1, v2, e2, v1 กราฟ G4 ไมสามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได เพราะ มีเสนเชื่อมเสนใดเสนหนึ่งในกราฟซ้ํากัน กราฟG5 สามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟได วงจรหนึ่งที่ เปนไปได มีลําดับคือ v1, e1, v5, e2, v2, e3, v3, e4, v5, e5, v4, e6, v1 ผูสอนควรชี้ใหผูเรียนเห็นวาในการหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟ G1,G3 และG5 อาจหาวงจรดังกลาวไดมากกวาหนึ่งแบบ จากนั้นจึงใหบทนิยามของกราฟออยเลอร แลวผูเรียนควรบอกไดวากราฟ G3 และ กราฟ G5 เปนกราฟออยเลอร เพราะสามารถหาวงจร ออยเลอรได แตกราฟ G1 ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะไมสามารถหาวงจรออยเลอรได ผูสอน ควรชี้ใหผูเรียนเห็นวาการที่กราฟ G1 สามารถหาวงจรที่ประกอบดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟ แตไมครบทุกจุดยอดของกราฟไดนั้นเนื่องมาจากกราฟ G1 ไมเปนกราฟเชื่อมโยง v2 e1 G1 v1 v3 v4 e2 e3 v1 v2 e1 G2 v1 v2 e1 e2 G3 v1 v2 v3v4 e1 e2 e3 e4 e5 G4 v1 v2 v3v4 v5 e1 e2 e3 e4e5 e6 G5
  • 15. 88 ผูเรียนควรบอกลักษณะเฉพาะของกราฟออยเลอรไดวากราฟGจะเปนกราฟออยเลอร ก็ตอเมื่อ กราฟ G เปนกราฟเชื่อมโยง และ จุดยอดทุกจุดของกราฟ G เปนจุดยอดคู โดยดูจาก กราฟ G3 และ G5 ในตัวอยางขางตน หรือชี้ใหผูเรียนเห็นวาการหาวงจรออยเลอรที่ประกอบ ดวยเสนเชื่อมทั้งหมดของกราฟเชื่อมโยงเปนปญหาเชนเดียวกับการลากเสนไปตามแผนภาพของ กราฟเชื่อมโยง โดยไมซ้ําเสนเชื่อมเดิม แลวตองกลับมา ณ จุดเริ่มตนดังเดิม โดยไมยกดินสอ ซึ่งจะเห็นวาเมื่อเริ่มตนออกจากจุดยอดใด ๆ จะตองมีการเดินเขาจุดยอดนั้นเสมอโดยเสนเชื่อม ที่ตางกัน ดังนั้นจํานวนเสนเชื่อมที่เกิดกับจุดยอดแตละจุดของกราฟตองเปนจํานวนคู นั่นคือ จุดยอดทุกจุดของกราฟตองเปนจุดยอดคู จากนั้นจึงใหทฤษฎีบท 3 ผูสอนอาจยกตัวอยางการหาวงจรออยเลอรของกราฟโดยใชการพิสูจนทฤษฎีบท 3 โดยยกตัวอยางเหตุการณที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวัน เชน ตัวอยางที่ 2 กําหนดกราฟแสดงเสนทาง ที่ตํารวจสายตรวจคนหนึ่งตองขับรถตรวจดูความ เรียบรอยบนถนนทุกสาย โดยให จุดยอด แทน แยกของถนน เสนเชื่อม แทน ถนน ดังรูป จงหาเสนทางที่ตํารวจคนนี้ขับรถผานถนนทุกสายเพียงครั้งเดียว แลวกลับมา ณจุดเริ่มตนดังเดิม เมื่อกําหนดใหตํารวจคนนี้เริ่มตนที่จุด A วิธีทํา การหาเสนทางที่ตํารวจคนนี้ขับรถผานถนนทุกสายเพียงครั้งเดียว แลวกลับมา ณ จุดเริ่มตนดังเดิม คือการหาวงจรออยเลอรของกราฟ พิจารณากราฟจากโจทยเปนกราฟเชื่อมโยงและจุดยอดทุกจุดของกราฟเปนจุดยอดคู จึงเปนกราฟออยเลอร นั่นคือสามารถหาวงจรออยเลอรของกราฟได ในการหาวงจรออยเลอรเราจะใชวิธีที่ปรากฏในการพิสูจนทฤษฎีบท 3 ดังนี้ โจทยกําหนดใหเริ่มตนที่จุดยอด A สรางวงจรที่มีจุดเริ่มตน และจุดสุดทายที่ จุดยอด A จะได วงจร C1 : A, e1, B, e6, F, e7, E, e8, A ดังรูป 1 (แสดงวงจร C1 ดวยเสนทึบ) A B C DE F e1 e2 e3 e4 e5 e7 e6 e8
  • 16. 89 วงจร C1 ยังผานไมครบทุกเสนเชื่อมของกราฟ เลือกจุดยอดบนวงจร C1 ที่มีเสนเชื่อม ที่เกิดกับจุดยอดนั้นซึ่งไมอยูบนวงจร C1 ซึ่งมีจุดยอด B และ E สมมติเลือกจุดยอด B สรางวงจรในกราฟที่เหลือ โดยมีจุดเริ่มตน และจุดสุดทายที่จุดยอด B จะได วงจร P1 : B, e2, C, e3, D, e4, E, e5, B ดังรูป 2 (แสดงวงจร P1 ดวยเสนสีเทา) นําวงจร C1 ตอกับวงจร P1 ที่จุดยอด B (การนําวงจร C1 ตอกับวงจร P1 ที่จุดยอด B ใหเริ่มตนที่จุดยอด A ในวงจร C1 เดินไปตามเสนทึบ เมื่อพบจุดยอด B ใหเดินไป ตามเสนสีเทา จนพบกับจุดยอด B แลวเดินไปตามเสนทึบในวงจร C1 จนกลับไปที่ จุดยอด A) จะไดวงจร C2 เปนวงจรที่ยาวขึ้น คือ C2: A, e1, B, e2, C, e3, D, e4, E, e5, B, e6, F, e7, E, e8, A จะไดวาวงจร C2 ผานเสนเชื่อมทุกเสนของกราฟแลว วงจรC2 มีลําดับคือA, e1,B, e2, C, e3, D, e4, E, e5, B, e6, F, e7, E, e8, A จึงเปน วงจรออยเลอรของกราฟ ดังนั้น เสนทางหนึ่งที่เปนไปไดที่ตํารวจคนนี้จะขับรถโดยผานถนนทุกสายเพียง ครั้งเดียวแลวกลับมาที่จุดเริ่มตนดังเดิม มีลําดับคือ A, e1,B, e2, C, e3, D, e4, E, e5, B, e6, F, e7, E, e8, A จากตัวอยางขางตนเปนปญหาเดียวกับปญหาของคนกวาดถนน พนักงานเก็บคาน้ําประปา พนักงานเก็บคาไฟ รถเก็บขยะ บุรุษไปรษณีย เปนตน A B C DE F e1 e2 e3 e4 e5 e7 e6 e8 รูป 2 A B C DE F e1 e2 e3 e4 e5 e7 e6 e8 รูป 1
  • 17. 90 ตัวอยางที่ 3 ชางทาสีคนหนึ่งอยูที่ฝง A เขาตองการทาสีสะพานทั้ง 12 สะพาน ดังรูป ใหเสร็จภายใน 1 วัน แลวกลับมาที่ฝง A ตามเดิม โดยเขาวางแผนจะใชเวลาในการ เดินทางระหวางสะพานและทาสีสะพานประมาณ 8 ชั่วโมง แตสีที่ใชทาสะพานจะ แหงเมื่อทาไปแลวประมาณ 3 ชั่วโมง ถาผูเรียนเปนชางทาสีจะมีวิธีการทาสีสะพาน อยางไรเพื่อใหงานแลวเสร็จภายใน 1 วัน แลวกลับไปที่ฝง A ตามเดิม (กําหนดให ชวงเวลาทํางาน 1 วันของชางทาสี คือ 08.00 – 17.00 น.) วิธีทํา เนื่องจากตองทาสีสะพานทุกสะพาน และเมื่อทาสีสะพานแลวไมสามารถเดินขาม สะพานที่ทาสีได ตองกลับไปที่จุดเริ่มตนดังเดิม ปญหานี้สามารถแกปญหาโดย การแปลงปญหาเปนกราฟ แลวหาวงจรออยเลอร โดยใหจุดยอด แทน เกาะ หรือ ฝง เสนเชื่อม แทน สะพาน ดังรูป เนื่องจากจุดยอดทุกจุดของกราฟเปนจุดยอดคู จึงเปนกราฟออยเลอร นั่นคือสามารถ หาวงจรออยเลอรของกราฟได จะไดวงจรออยเลอรลําดับหนึ่งที่เปนไปได มีลําดับคือ A, e1, C, e2, A, e3, B, e4, A, e5, B, e6, D, e7, C, e8, E, e9, D, e10, E, e11, F, e12, A ดังนั้นชางทาสีควรทาสีโดยใชเสนทาง มีลําดับคือ A, e1, C, e2, A, e3, B, e4, A, e5, B, e6, D, e7, C, e8, E, e9, D, e10, E, e11, F, e12, A A B C D E F A B C D E F e1 e2 e3e4e5 e6 e7 e8 e9 e10 e11 e12
  • 18. 91 การประยุกตของกราฟ วิถีที่สั้นที่สุด ผูสอนอาจยกตัวอยางเพื่อนําเขาสูบทนิยามวิถี เชน กําหนดกราฟ G ดังรูป จงหาวาแนวเดินในขอใด เปนแนวเดินในกราฟ G ที่มีจุดยอดทั้งหมดแตกตางกัน 1) v1, e1, v2, e5, v4, e5, v2, e6, v5 2) v1, e2, v3, e3, v4, e4, v1 3) v1, e1, v2, e6, v5, e8, v6 ผูเรียนควรบอกไดวา แนวเดินในขอ 1) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะแนวเดินมีจุดยอด v2 ซ้ํากัน แนวเดินในขอ 2) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะแนวเดินมีจุดยอด v1 ซ้ํากัน แนวเดินในขอ 3) เปนไปตามเงื่อนไขโจทย ผูสอนใหบทนิยามของวิถี แลวผูเรียนควรบอกไดวา แนวเดินในขอ 3) เปนวิถีใน กราฟ G ตนไมแผทั่วที่นอยที่สุด 1. ผูสอนอาจยกตัวอยางเพื่อนําเขาสูบทนิยามของวัฏจักร เชน กําหนดกราฟ G ดังรูป จงหาวาวงจรในขอใดเปนวงจรที่ไมมีจุดยอดซ้ํากัน ยกเวนจุดเริ่มตนและจุดสุดทาย v1 v2 v3 v4 v5 v6 e1 e2 e3e4 e5 e6 e7 e8 v1 v2 v3 v4 v5 e1 e2 e3 e4 e5 e6 e7
  • 19. 92 1) v1, e1, v2, e5, v3, e2, v1, e3, v4, e7, v5, e4, v1 2) v1, e1, v2, e5, v3, e6, v4, e7, v5, e4, v1 ผูเรียนควรบอกไดวา วงจรในขอ 1) ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะ วงจรมีจุดยอด v1 ซึ่งเปน จุดยอดที่ไมใชจุดเริ่มตนและจุดสุดทายของวงจรซ้ําอยู วงจรในขอ 2) เปนไปตามเงื่อนไขโจทย ผูสอนใหบทนิยามของวัฏจักร แลวผูเรียนควรบอกไดวา วงจรในขอ 2) เปน วัฏจักรในกราฟ G 2. ผูสอนนําเขาสูบทเรียนโดยทบทวนบทนิยามของกราฟเชื่อมโยงแลวผูสอนอาจ ยกตัวอยางเพื่อแนะนําตนไม ดังนี้ ตัวอยางที่ 1 จงหาวากราฟใดเปนกราฟเชื่อมโยงที่ไมมีวัฏจักร เมื่อกําหนดกราฟ ตอไปนี้ ผูสอนควรใหผูเรียนบอกเหตุผลประกอบคําตอบ ดังนี้ กราฟG1 ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะกราฟ G1 มีวัฏจักร กราฟG2 ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะกราฟ G2 มีวัฏจักร กราฟ G3 ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะกราฟ G3 ไมเปนกราฟเชื่อมโยง กราฟ G4 ไมเปนไปตามเงื่อนไขโจทย เพราะกราฟG4 ไมเปนกราฟเชื่อมโยงและ มีวัฏจักร กราฟ G5 เปนไปตามเงื่อนไขโจทย จากนั้นจึงใหบทนิยามของตนไม ผูเรียนควรบอกไดวากราฟ G5 เรียกวาตนไม แลว ใหผูเรียนสรุปขอสังเกตที่วา ตนไมไมมีเสนเชื่อมขนานและไมมีวงวน เนื่องจากตนไมคือ กราฟเชื่อมโยงที่ไมมีวัฏจักรซึ่งดูไดจากกราฟG1 และG2 ของตัวอยางขางตน ผูสอนอาจยกตัวอยางดังตารางตอไปนี้ เพื่อใหผูเรียนสรุปขอสังเกตที่วา ตนไมที่มี จุดยอด n จุด จะมีเสนเชื่อม n – 1 เสน G1 G2 G3 G4 G5
  • 20. 93 ตนไม จํานวนจุดยอด จํานวนเสนเชื่อม 1 0 2 1 3 2 4 3 5 4 6 5 7 6 8 7 9 8 . . . . . . . . . 3. ผูสอนอาจยกตัวอยางเพื่อใหผูเรียนเขาใจบทนิยามของกราฟยอย ดังนี้ ตัวอยางที่ 2 กราฟ H1, H2, H3 และ H4 กราฟใดเปนกราฟยอยของกราฟ G a b c d G :
  • 21. 94 จากกราฟ G ซึ่งมี V(G) = {a, b, c, d} E(G) = {ab, ac, bd, cd, cb} จะไดวา H1 เปนกราฟยอยของ G เนื่องจาก V(H1) = {a, b, c, d} E(H1) = {ab, ac, bd, cd} นั่นคือ จุดยอดทุกจุดของ H1 เปนจุดยอดของ G และเสนเชื่อมทุกเสนของ H1 เปน เสนเชื่อมของ G H2 เปนกราฟยอยของ G เนื่องจาก V(H2) = {a, b, c, d} E(H2) = {ac, cd} นั่นคือ จุดยอดทุกจุดของ H2 เปนจุดยอดของ G และเสนเชื่อมทุกเสนของ H2 เปน เสนเชื่อมของ G H3 เปนกราฟยอยของ G เนื่องจาก V(H3) = {a, b, d} E(H3) = ∅ นั่นคือ จุดยอดทุกจุดของ H3 เปนจุดยอดของ G H4 ไมเปนกราฟยอยของ G เนื่องจาก ad ∈ E(H4) แต ad ∉ E(G) นั่นคือ เสนเชื่อม ad เปนเสนเชื่อมของ H4 แตไมเปนเสนเชื่อมของ G 4. ผูสอนทบทวนบทนิยามของตนไม และกราฟยอย แลวอาจยกตัวอยาง เพื่อแนะนํา ตนไมแผทั่ว ดังนี้ ตัวอยางที่ 3 กราฟ H1, H2, H3, H4 และ H5 กราฟใดเปนกราฟยอยของกราฟ G ที่บรรจุ จุดยอดทุกจุดของกราฟ G ที่เปนตนไม G : a b cd f g a b c d a c c d a b d c d H1 H2 H3 H4 a
  • 22. 95 ผูสอนควรใหผูเรียนบอกเหตุผลประกอบคําตอบ ดังนี้ กราฟ H1 เปนกราฟยอยของ G ที่บรรจุจุดยอดทุกจุดของ G แตไมเปนตนไม เพราะมีวัฏจักร กราฟ H2 เปนกราฟยอยของ G ที่บรรจุจุดยอดทุกจุดของ G แตไมเปนตนไม เพราะไมเปนกราฟเชื่อมโยง กราฟ H3 เปนกราฟยอยของ G และเปนตนไม แตไมบรรจุจุดยอดทุกจุดของ G กราฟ H4 และ H5 เปนกราฟยอยที่บรรจุจุดยอดทุกจุดของ G และเปนตนไม ผูสอนใหบทนิยามของตนไมแผทั่ว แลวผูเรียนควรบอกไดวากราฟ H4 และ H5 เปนตนไมแผทั่วของกราฟ G แลวผูสอนควรใหขอสังเกตวากราฟแผทั่วของกราฟ G อาจมี มากกวาหนึ่งแบบได ผูสอนใหบทนิยามของตนไมแผทั่วที่นอยที่สุด แลวยกตัวอยางเหตุการณเพื่อให ผูเรียนสามารถนําการหาตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดไปใชแกปญหาการเชื่อมโยง เชน ตัวอยางที่ 4 ปญหาหาการวางสายโทรศัพท บริษัทรับเหมาติดตั้งโทรศัพทแหงหนึ่ง ตองการวางสายโทรศัพทเชื่อมระหวางหมูบาน A, B, C, D, E และ F โดยจะวางสายไปตามถนน ถาคาใชจายในการวางสายโทรศัพท ขึ้นอยูกับความยาวของสายโทรศัพท บริษัทนี้จะวางสายโทรศัพทอยางไรใหเสียคาใชจาย a b cd f g a cd f g b a cd f b H1 H2 H3 a b cd f g a b cd f g H4 H5
  • 23. 96 นอยที่สุด เมื่อกําหนดตารางแสดงระยะทาง (กิโลเมตร) ของถนนเชื่อมระหวางหมูบาน ดังนี้ หมูบาน A B C D E F A - 30 - - - 40 B 30 - 10 - 50 20 C - 10 - 20 30 - D - - 20 - 10 20 E - 50 30 10 - 60 F 40 20 - 20 60 - วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟถวงน้ําหนัก โดยให จุดยอด แทน หมูบาน เสนเชื่อม แทน ถนน และคาน้ําหนักของเสนเชื่อม คือระยะของถนนระหวางหมูบาน ดังรูป เนื่องจากตนไมแผทั่วของกราฟจะประกอบดวยจุดยอดทุกจุดของกราฟ และมีวิถี ระหวางทุก ๆ คูของจุดยอดในตนไม ดังนั้นคําตอบของปญหานี้ คือการหาตนไม แผทั่วที่นอยที่สุดของกราฟ พิจารณาขั้นตอนในแตละขั้นตอนเสนที่เลือกจะใชเสนสีฟา ขั้นที่ 1 จัดลําดับของเสนเชื่อมโดยเรียงคาน้ําหนักของเสนเชื่อมจากนอยไปมาก จะได10, 10, 20, 20, 20, 30, 30, 40, 50, 60 ขั้นที่ 2 เลือกเสนเชื่อมที่มีคาน้ําหนักของเสนเชื่อมนอยที่สุด ดังรูป (1) A B C D E F 30 10 20 10 60 40 20 20 50 30 A B C D E F 30 10 20 10 60 40 20 20 50 30 รูป (1)
  • 24. 97 ขั้นที่ 3 เลือกเสนที่มีคาน้ําหนักของเสนเชื่อมนอยที่สุดจากเสนเชื่อมที่เหลือ และ ไมทําใหเกิดวัฏจักรเมื่อรวมเสนเชื่อมนี้เขาเปนสวนหนึ่งของตนไมแผทั่วที่ตองการ ดังรูป (2) ขั้นที่ 4 ดําเนินการตามขั้นที่ 3 ดังรูป (3) ขั้นที่ 5 ดําเนินการตามขั้นที่ 3 ดังรูป (4) ขั้นที่ 6 ดําเนินการตามขั้นที่ 3 จะพบวาเสนเชื่อมที่เหลือที่มีคาน้ําหนักนอยที่สุด คือ เสนเชื่อม BF ซึ่งมีคาน้ําหนักของเสนเชื่อมเทากับ 20 ไมสามารถเลือกไดเพราะทําให เกิดวัฏจักร ดังนั้นจะตองเลือกเสนเชื่อมที่มีคาน้ําหนักของเสนเชื่อมเทากับ30 ซึ่งมี2เสนคือ เสนเชื่อมAB และ CE เสนเชื่อม CE ไมสามารถเลือกไดเพราะทําใหเกิดวัฏจักร ดังนั้นเลือกเสนเชื่อม AB ดังรูป (5) A B C D E F 30 10 20 10 60 40 20 20 50 30 รูป (2) A B C D E F 30 10 20 10 60 40 20 20 50 30 รูป (3) A B C D E F 30 10 20 10 60 40 20 20 50 30 รูป (4)
  • 25. 98 จะเห็นวาไมสามารถเลือกเสนเชื่อมที่เหลือไดอีกเนื่องจากทําใหเกิดวัฏจักรจึงสิ้นสุดขั้นตอน ไดตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดที่มีผลรวมของคาน้ําหนักของเสนเชื่อมเทากับ 10+10+20+20+30 = 90 ดังรูป (6) ดังนั้นบริษัทรับเหมาแหงนี้ตองวางสายโทรศัพทตามถนน ดังรูป (6) ซึ่งมีระยะทาง 90 กิโลเมตร จึงจะเสียคาใชจายนอยที่สุด ผูสอนควรใหขอสังเกตวาตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดของกราฟในตัวอยางขางตนอาจมี ไดมากกวา 1 แบบ ดังนี้ หรือ A B C D E 30 10 20 10 F 20 A B C D E F 30 10 1020 20 A B C D E F 30 10 20 10 60 40 20 20 50 30 รูป (5) A B C D E F 30 10 20 10 20 รูป (6)
  • 26. 99 ผูสอนควรใหผูเรียนสรุปใหไดวาขั้นตอนการหาตนไมแผทั่วที่นอยที่สุด มีหลักการ คือการเลือกเสนเชื่อมที่มีคาน้ําหนักนอยที่สุดจากกราฟถวงน้ําหนักที่เปนกราฟเชื่อมโยงติดตอ กันเพื่อสรางตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดของกราฟ เสนเชื่อมที่เลือกตองไมทําใหเกิดวัฏจักร และ ขั้นตอนวิธีสิ้นสุดเมื่อเลือกเสนเชื่อมครบ n – 1 เสน เมื่อ n เปนจํานวนจุดยอดของกราฟ ผูสอนควรยกตัวอยางเกี่ยวกับการแกปญหาโดยใชความรูเกี่ยวกับตนไมหลาย ๆ ตัวอยาง เชน ตัวอยางที่ 5 กําหนดแผนผังแสดงถนนที่ยังไมลาดยางของหมูบานหนึ่ง ดังรูป จงหาวา เจาหนาที่ที่รับผิดชอบในการสรางถนนจะลาดยางชวงถนนใดจึงจะทําใหประชาชน ในหมูบานสามารถใชถนนเดินทางไปมาระหวางทุกๆ ทางแยกไดเร็วที่สุด เมื่อให ระยะเวลาในการลาดยางขึ้นอยูกับความยาวของถนน วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟถวงน้ําหนัก โดยให จุดยอด แทน แยกของถนน เสนเชื่อม แทน ถนน คาน้ําหนักของเสนเชื่อม คือ ระยะทางระหวางแยกของถนน ดังรูป จากโจทย ตองหาตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดของกราฟจากขั้นตอนวิธีในตัวอยางที่ 4 จะไดตนไมแผทั่วที่นอยที่สุด ดังรูป 3 3 3 3 3 1 2 2 2 6 7 4 4 5
  • 27. 100 เจาหนาที่ที่รับผิดชอบในการสรางถนนควรลาดยางชวงถนน ดังรูปตนไมแผทั่วที่นอยที่สุดขางตน และตองลาดยางถนนเปนระยะทาง เทากับ 1 + 2 +2 + 2 +3 + 3 + 3 + 3 + 4 = 23 กิโลเมตร จึงจะทําใหประชาชนในหมูบานไดใชถนนไปมาระหวางทุกๆ ทางแยกไดเร็วที่สุด ตัวอยางที่ 6 จังหวัดหนึ่งมีอําเภออยู 15 อําเภอ แตละอําเภอมีถนนเชื่อมกับอําเภออื่นๆ6 สาย จงหาวาสามารถปดซอมถนนไดพรอมกันมากที่สุดกี่สาย โดยที่ประชาชนใน จังหวัดนี้ยังสามารถขับรถจากอําเภอใด ๆ ไปยังอีกอําเภอหนึ่งไดเสมอ วิธีทํา แปลงปญหาขางตนเปนกราฟ โดยให จุดยอด แทน อําเภอ เสนเชื่อม แทน ถนน ให n แทนจํานวนเสนเชื่อมในกราฟ จาก ทฤษฎีบท 1 จะไดวา 15 × 6 = 2 n 90 = 2 n n = 45 ดังนั้นจังหวัดนี้มีถนนเชื่อมระหวางอําเภอทั้งหมด 45 สาย การปดถนนพรอมกันมากที่สุด โดยที่ยังมีถนนเชื่อมระหวางอําเภอสองอําเภอใด ๆ ดังนั้นถนนที่สามารถเปดใหใชได คือ ตนไมแผทั่วของกราฟ จํานวนถนนที่ตองเปดใชแลวทําใหประชาชนยังสามารถขับรถจากอําเภอใด ๆ ไปยัง อีกอําเภอหนึ่งได คือ จํานวนเสนเชื่อมของตนไมแผทั่วของกราฟ เทากับ 15 – 1 = 14 เสน จะไดวา กราฟดังกลาวสามารถลบเสนเชื่อมออกจากกราฟไดมากที่สุด 45 – 14 = 31 เสน ดังนั้น สามารถปดซอมถนนไดพรอมกันมากที่สุด 31 สาย 3 3 3 3 1 2 2 2 4
  • 28. 101 ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท ขอ 1 - 5 ใหเลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. กราฟในขอใดตอไปนี้ มีผลรวมของดีกรีของทุกจุดยอดเทากับ 12 ก. ข. ค. ง. 2. กําหนดกราฟดังแผนภาพตอไปนี้ ผลรวมของดีกรีของทุกจุดยอดในกราฟเทากับขอใด ก. 20 ข. 21 ค. 22 ง. 23 3. กราฟในขอใดมีวงจรออยเลอร ก. ข. ค. ง.
  • 29. 102 4. กราฟในขอใดเปนกราฟออยเลอร ก. ข. ค. ง. 5. กราฟในขอใดเปนตนไมแผทั่วของกราฟตอไปนี้ ก. ข. ค. ง. a b c de a b c de a b c de a b c de a b de
  • 30. 103 ขอ 6 - 7 จงแสดงวิธีทํา 6. ลูกสุนัขจะสามารถกลับบาน โดยไมซ้ําเสนทางเดิม ไดทั้งหมดกี่เสนทาง 7. ตาตาจัดงานเลี้ยงสังสรรคที่บาน โดยเชิญเพื่อนมารวมงานอีก 5 คน คือ นภา สดใส ยิ้มแยม สะอาด และ รักชาติ นภากลาววา "นภาเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 4 คน สดใสเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 2 คน ยิ้มแยมเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 3 คน สะอาดเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 3 คน และรักชาติเปนเพื่อนกับคนในกลุมนี้ 4 คน" ทานคิดวาคํากลาวของนภาเปนจริง หรือเท็จ อยางไร พรอมใหเหตุผลประกอบ เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท 1. ข 2. ค 3. ค
  • 31. 104 4. ค 5. ง 6. แปลงปญหานี้เปนกราฟโดยกําหนดใหจุดยอด A, B, C, D, E, F, G, H, I, J, K, L, M แทนสถานที่ เสนเชื่อมแตละเสน แทนทางเดินระหวางสถานที่ จะไดกราฟ ดังรูป ดังนั้น เสนทางพาลูกสุนัขกลับบานมี 6 เสนทาง ดังนี้ 1) A, B, C, D, E, F, G, H, J, L, M 2) A, B, C, D, E, G, H, J, L, M 3) A, B, C, D, F, G, H, J, L, M 4) A, B, D, E, F, G, H, J, L, M 5) A, B, D, E, G, H, J, L, M 6) A, B, D, F, G, H, J, L, M 7. คํากลาวของนภาเปนเท็จ เพราะถาแปลงโจทยปญหาเปนกราฟ โดยให จุด แทน คน เสน แทน ความเปนเพื่อนกัน จะไดวา กราฟนี้จะเปนกราฟที่มีจุด 6 จุด ดังนี้ ตาตา ยิ้มแยม นภา สะอาด สดใส รักชาติ จะพบวา กราฟนี้มีจุดคี่ 3 จุด ซึ่งเปนไปไมได (หรือผลบวกของดีกรีแตละจุด เทากับ 21 ซึ่งไมเทากับจํานวนคู ซึ่งเปนไปไมได) A B D E G H J L M C F I K
  • 32. 105 เฉลยแบบฝกหัด 2.1 1. (1) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6, v7, v8} E(G) = {v1v2, v2v3, v3v4, v2v6, v3v7, v5v6, v6v7, v7v8} (2) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6} E(G) = {v1v2, v1v3, v1v4, v1v5, v1v6, v2v3, v2v6, v3v4, v4v5, v5v6} (3) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6} E(G) = {v1v5, v1v6, v2v5, v2v6, v3v5, v3v6, v4v5, v4v6} (4) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6, v7, v8} E(G) = {v1v2, v1v4, v2v3, v2v7, v4v8, v4v5, v5v6} (5) V(G) = {A, B, C, D, E, F} E(G) = {e1, e2, e3, e4, e5, e6, e7, e8} (6) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6} E(G) = {v1v4, v1v5, v1v6, v2v4, v2v5, v2v6, v3v4, v3v5, v3v6} (7) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5, v6} E(G) = {e1, e2, e3, e4, e5, e6, e7} (8) V(G) = {v1, v2, v3, v4, v5} E(G) = {e1, e2, e3, e4} 2. หมายเหตุ กราฟ G ในขอนี้สามารถเขียนไดหลายรูปแบบ เชน (1) (2) v2 v3 v1 v4 v4 v3 v2 v1
  • 34. 107 (8) 3. (1) ถูก (2) ผิด (3) ถูก (4) ผิด (5) ถูก 4. (1) จําลองปญหาดวยกราฟ G ดังนี้ ใหจุดยอด 1, 2, ..., 6 แทนรถคันที่ 1 ถึงคันที่ 6 ตามลําดับ จะได V(G) = {1, 2, 3, 4, 5, 6} และ E(G) = {12, 13, 15, 16, 23, 24, 25, 35, 45, 46} (2) จากกราฟ จะตองเตรียมพื้นที่จอดรถไวอยางนอยที่สุดสําหรับรถ 4 คัน 5. (1) V(G) = {ไทย, ลาว, กัมพูชา, พมา, มาเลเซีย, เวียดนาม} แผนภาพของกราฟตามเงื่อนไขที่โจทยกําหนดเขียนไดดังนี้ k m nr p q 5 46 1 2 3 ไทย ลาว พมา มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม
  • 35. 108 (2) จะตองใชสีอยางนอยที่สุด 4 สี เฉลยแบบฝกหัด 2.2 1. (1) deg a = 3 deg b = 3 deg c = 3 deg d = 3 deg e = 2 (2) deg a = 2 deg b = 3 deg c = 2 deg d = 5 (3) deg a = 2 deg b = 4 deg c = 3 deg d = 3 deg e = 2 (4) deg a = 3 deg b = 2 deg c = 2 deg d = 3 2. (1) ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุด เทากับ 3 + 4 + 1 + 2 + 4 = 14 จํานวนเสนเชื่อมของกราฟ เทากับ 7 เสน (2) ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดเทากับ 5 + 3 + 4 + 4 + 4 + 4 = 24 จํานวนเสนเชื่อมของกราฟ เทากับ 12 เสน (3) ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุด เทากับ 5 + 2 + 3 + 2 + 3 + 2 + 5 + 2 = 24 จํานวนเสนเชื่อมของกราฟ เทากับ 12 เสน 3. (1) ใหจุดยอดแทนผูมารวมงาน และเสนเชื่อมแทนการจับมือทักทายกัน ดังนั้น กราฟนี้มีจุดยอด 8 จุด และแตละจุดยอดมีดีกรีเทากับ 7 1 2 3 4 5 6 7เจาภาพ
  • 36. 109 (2) ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุด เทากับ 8 × 7 = 56 จํานวนเสนของกราฟเทากับ 28 เสน ดังนั้น จํานวนครั้งทั้งหมดที่มีการจับมือทักทายกันเทากับ 28 ครั้ง 4. ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดเทากับ 1 + 1 + 4 + 4 + 6 = 16 ดังนั้น จํานวนเสนของกราฟเทากับ 8 เสน 5. ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทั้ง 7 จุด เทากับ 5 + 4 + 2 + 2 + 2 + 1 + 1 = 17 ซึ่งเปนจํานวนคี่ ขัดแยงกับขอสังเกตที่ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดในกราฟ เปนจํานวนคูเสมอ ดังนั้น ไมมีกราฟที่มีสมบัติดังกลาว 6. สามารถเขียนกราฟไดหลายรูปแบบ 7. จํานวนเสนเชื่อมของกราฟเทากับ 35 เสน จะได ผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุด เทากับ 2(35) = 70 ทุกจุดยอดมีดีกรีอยางนอย 3 ดังนั้น จุดของกราฟที่มากสุดที่เปนไปได เทากับ 23 จุด 8. จํานวนเสนเชื่อมของกราฟเทากับ 31 เสน จะไดผลรวมของดีกรีของจุดยอดทุกจุดเทากับ 2(31) = 62 จุดยอด 3 จุด มีดีกรี 1 และจุดยอด 7 จุด มีดีกรี 4 ดังนั้น ผลรวมของดีกรีของ จุดยอด 10 จุดนี้คือ 3 + 28 = 31 ดังนั้นจะไดวา จุดยอดอีก 3 จุดที่เหลือมีผลรวมของดีกรีเทากับ 31 แต 31 เกิดจากผลบวกของจํานวน 3 จํานวนในสองรูปแบบ คือ 1. จํานวนคี่ บวก จํานวนคี่ บวก จํานวนคี่ 2. จํานวนคี่ บวก จํานวนคู บวก จํานวนคู v3 v2 v1 v5 v4
  • 37. 110 แบบ 1 จะมีจุดยอดคี่ 3 + 3 = 6 จุด แบบ 2 จะมีจุดยอดคี่ 3 + 1 = 4 จุด ซึ่งสอดคลองกับทฤษฎีบทที่วา ทุกกราฟ จะมีจุดยอดคี่เปนจํานวนคู ดังนั้น มีกราฟที่มี 13 จุด และเสนเชื่อม 31 เสน โดยที่มี 3 จุด มีดีกรี 1 และ 7 จุด มีดีกรี 4 เฉลยแบบฝกหัด 2.4 1. (1) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนด มีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด U (2) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนด มีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด A (3) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนด มีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด H (4) เปนกราฟออยเลอร มีวงจรออยเลอรที่แทนดวยลําดับของจุดยอด R, T, U, R, V, S, R, W, S, U, R (5) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนดมีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด K (6) เปนกราฟออยเลอร มีวงจรออยเลอรที่แทนดวยลําดับของจุดยอด R, D, M, S, D, C, B, A, J, K, L, B, K, C, R, L, M, R (7) เปนกราฟออยเลอร มีวงจรออยเลอรที่แทนดวยลําดับของจุดยอด F, C, G, D, C, A, D, B, E, D, H, E, I, H, G, F (8) ไมเปนกราฟออยเลอร เพราะกราฟที่กําหนดมีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด B 2. แปลงปญหาเปนกราฟโดยกําหนดให จุดยอด1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 แทนหองตาง ๆ ตามแผนผัง และ X แทนบริเวณ ดานนอกจะเขาประตู A หรือออกจากประตู B A B 1 2 3 4 5 6 7 8
  • 38. 111 เสนเชื่อมแตละเสนแทนทางเดินระหวางหอง หรือทางเดินระหวางหองกับดานนอก จะได กราฟ G ดังรูป จะเห็นวา กราฟ G มีจุดยอดคี่ เชน จุดยอด 3 มี deg 3 = 3 หรือ จุด 4 มี deg 4 = 5 ดังนั้น G ไมมีวงจรออยเลอร นั่นคือ ไมสามารถนําแขกเขาชมในบานโดยเริ่มตน ณ ประตู A แลวไปสิ้นสุด ณ ประตู B และผานประตูตาง ๆ แตละประตูเพียงครั้งเดียวได 3. จากปญหาสะพานเคอนิกสเบอรกสามารถแปลงเปนกราฟไดดังนี้ ไมได เพราะกราฟที่แทนปญหาสะพานเคอนิกสเบอรก เปนกราฟที่มีจุดยอดคี่ทุกจุด จึง ไมสามารถทําตามเงื่อนไขที่โจทยกําหนดได เฉลยแบบฝกหัด 2.5 1. (1) วิถีที่ 1 คือ a, v1, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 1 + 5 + 2 = 8 วิถีที่ 2 คือ a, v1, v2, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 1 + 5 + 1 + 4 = 11 วิถีที่ 3 คือ a, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 3 + 4 = 7 วิถีที่ 4 คือ a, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 2 + 5 = 7 วิถีที่ 5 คือ a, v3, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนักเทากับ 3 + 1 + 2 = 6 X 2 5 876 3 1 4 A B C D
  • 39. 112 ดังนั้น วิถี a, v3, v2, z เปนวิถีที่สั้นที่สุด (2) วิถีที่ 1 คือ a, v1, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 4 + 4 = 11 วิถีที่ 2 คือ a, v1, v2, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 4 + 1 + 2 = 10 วิถีที่ 3 คือ a, v1, v2, v3, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 4 + 7 + 9 + 2 = 25 วิถีที่ 4 คือ a, v3, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 9 + 2 = 12 วิถีที่ 5 คือ a, v3, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 7 + 4 = 12 วิถีที่ 6 คือ a, v3, v4, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 9 +1+ 4 = 15 วิถีที่ 7 คือ a, v3, v2, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 7 + 1 + 2 = 11 ดังนั้น วิถี a, v1, v2, v4, z เปนวิถีที่สั้นที่สุด (3) วิถีที่ 1 คือ a, v1, v2, v7, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 3 + 4 = 10 วิถีที่ 2 คือ a, v1, v2, v7, v5, v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 3 + 2 + 2 + 2 = 12 วิถีที่ 3 คือ a, v3, v5, v1, v2, v7, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 2 + 2 + 2 + 3 + 4 = 15 วิถีที่ 4 คือ a, v3, v5, v7, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 2 + 2 + 4 = 10 วิถีที่ 5 คือ a, v3, v4, v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 3 + 3 + 2 = 10 วิถีที่ 6 คือ a, v3, v5, v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 2 + 2 + 2 = 8 วิถีที่ 7 คือ a, v3, v4, v6, v5, v7 , z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 2 + 3 + 3 + 2 + 2 + 4 = 16 วิถีที่ 8 คือ a, v1, v5, v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 2 + 2 = 7 วิถีที่ 9 คือ a, v1, v5, v7, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 2 + 4 = 9 วิถีที่ 10 คือ a, v1, v2 , v7 ,v5, v3 , v4 ,v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 3 + 2 + 2 + 3 + 3 + 2 = 18 วิถีที่ 11 คือ a, v1, v5, v3 , v4 ,v6, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 2 + 3 + 3 + 2 = 13 ดังนั้น วิถี a, v1, v5, v6, z เปนวิถีที่สั้นที่สุด (4) วิถีที่ 1 คือ a, v1, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 3 + 5 = 9
  • 40. 113 วิถีที่ 2 คือ a, v1, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 6 = 9 วิถีที่ 3 คือ a, v1, v3, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 2 + 5 = 10 วิถีที่ 4 คือ a, v1, v2, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 3 + 2 + 6 = 12 วิถีที่ 5 คือ a, v1, v2, v3, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 3 + 2 + 1 + 4 = 11 วิถีที่ 6 คือ a, v1, v3, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 1 + 2 + 1 + 4 = 8 วิถีที่ 7 คือ a, v4, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 4 = 7 วิถีที่ 8 คือ a, v4, v3, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 1 + 6 = 10 วิถีที่ 9 คือ a, v4, v3, v1, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 1 + 2 + 3 + 5 = 14 วิถีที่ 10 คือ a, v4, v3, v2, z มีผลรวมคาน้ําหนัก เทากับ 3 + 1 + 2 + 5 = 11 ดังนั้น a, v4, z เปนวิถีที่สั้นที่สุด 2. (1) ตนไมแผทั่วนอยที่สุด ผลรวมคาน้ําหนักของเสนเชื่อมทั้งหมด เทากับ 1 + 2 + 5 + 1 + 4 + 2 = 15 (2) ตนไมแผทั่วนอยที่สุดคือ หรือ ผลรวมคาน้ําหนักของเสนเชื่อมทั้งหมด เทากับ 2 + 3 + 3 + 4 = 12 A B CE D 4 3 2 3 B F A C D E 4 2 1 2 G 5 1 A B CE D 4 3 2 3