12. 12
1.12) ถา a=b และ b=-5 แลว a=-5
1.13) -5a-5b=-5(a+b)
1.14) a+(-3) เปนจํานวนจริง
1.15) [(x+3)+(y ÷5)]+(-1)=(x+3)+[(y÷5)+(-1)]
2. จงแสดงใหเห็นวาตัวดําเนินการตอไปนี้มีคุณสมบัติการสลับที่หรือไม
2.1) 3a b ab⊕ = +
2.2) 2a b a b⊕ = +
2.3)
2
a b
a b
−
⊕ =
3. จงหาเอกลักษณของการดําเนินการตอไปนี้
3.1) 3a b a b⊕ = + −
13. 13
3.2) a b a b ab⊕ = + −
3.3) 2a b ab⊕ = −
4. จงหาอินเวอรสของตัวดําเนินการตอไปนี้
4.1) 3a b a b⊕ = + −
จงหาอินเวอรสการ ⊕ ของ 4
จงหาอินเวอรสการ ⊕ ของ 0
14. 14
4.2) a b a b ab⊕ = + −
จงหาอินเวอรสการ ⊕ ของ -3
จงหาอินเวอรสการ ⊕ ของ 1
4.3) 2a b ab⊕ = −
จงหาอินเวอรสการ ⊕ ของ 0
5. ถา
2 2
( )x x y x y∗ − = + จงหาคาของ 5 3∗
15. 15
6. ให { 1,0,1}A = − พิจารณาขอความตอไปนี้ขอใดถูก
ก. เซต A มีสมบัติปดการบวก
ข. เซต A มีเอกลักษณการบวก
ค. สมาชิกทุกตัวของเซต A มีอินเวอรสการบวก
7. กําหนดให , ,a b c R∈ ที่มี a เปนอินเวอรสการบวกของ b จงหา c ที่ทําให
4 4 2 12a b c+ − =
16. 16
2.4 สมบัติการไมเทากัน ให a,b,c เปนจํานวนจริงใดๆ
1) การเปรียบเทียบจํานวนบวกและจํานวนลบกับศูนย
a เปนจํานวนบวก ก็ตอเมื่อ a > 0
a เปนจํานวนลบ ก็ตอเมื่อ a < 0
2) สมบัติการถายทอด
ถา a < b และ b < c แลว a < c
ถา 3 < b และ b < 5 แลว 3 < 5
3) สมบัติการบวกดวยจํานวนที่เทากัน
ถา a > b แลว a+c > b+c
ถา 2 > -1 แลว 2+3 > -1+3
4) สมบัติการคูณดวยจํานวนที่เทากันที่ไมเทากับศูนย
ถา a < b และ c > 0 แลว ac < bc เชน
2 < 5 และ c = 3 แลว 2(3) < 5(3)
ถา a < b และ c < 0 แลว ac > bc เชน
1 < 5 และ c = -3 แลว 1(-3) > 5(-3)
17. 17
5) สมบัติการตัดออกของการบวก
ถา a+c < b+c แลว a < b
ถา 3+c < 6+c แลว 3 < 6
6) สมบัติการตัดออกของการคูณ
ถา ac < bc และ c > 0 แลว a < b
3(5) < 8(5) และ 5 > 0 แลว 3 < 8
ถา ac < bc และ c < 0 แลว a > b
6(-2) < 4(-2) และ -2 < 0 แลว 6 > 4
แบบฝกหัด
1. เติม ถูก หนาขอที่ถูกตองหรือ ผิด หนาขอที่ไมถูกตองตามสมบัติการไมเทากัน
1.1) ถา a < b แลว
2 2
a b<
1.2) ถา 8 > 4 แลว 8a > 4a เมื่อ a < 0
1.3) ถา 2+a > -3+a แลว 2 > -3
1.4) ถา a > b แลว a-3 > b-3
1.5) ถา a < b แลว
2 2
a b> เมื่อ a และ b เปนจํานวนลบ
1.6) ถา a+c < b+c แลว a < b เมื่อ a และ b เปนจํานวนบวกเทานั้น
18. 18
1.7) ถา a < b แลว ac > bc เมื่อ c < 0
1.8) -3 เปนจํานวนบวก ก็ตอเมื่อ -3 > 0
1.9) ถา a > b แลว
1 1
a b
< เมื่อ a และ b เปนจํานวนบวก
1.10) ถา a > b แลว
1 1
a b
< เมื่อ a และ b เปนจํานวนลบ
1.11) ถา a และ b เปนจํานวนจริง ซึ่ง
2 2 2
( )a b a b+ > + แลว 0ab <
1.12) สําหรับจํานวนจริง a ถา 0 1a< < แลว
2
0 a a< <
1.13) ถา a>0 แลว a a≤ เมื่อ a เปนจํานวนจริงใดๆ
1.14) ถา ab=b แลว a=1 เมื่อ a,b เปนจํานวนจริงใดๆ
1.15) ถา a,b,c ปนจํานวนจริงใดๆ ที่ ac=bc แลว เราสรุปไดวา a=b
19. 19
1.16) ถา a,b เปนจํานวนจริงใดๆ ที่ 0a b≤ ≤ แลว เราสรุปไดวา
2 2
a b ab>
2. จงหาคา a และ b จากขอตอไปนี้
2.1) ให -1 < x < 3 และ 2 < y < 5
ก. a < x + y < b
ข. a < x - y < b
ค. a < xy < b
ง.
y
a b
x
< <
20. 20
2.2) ให -1 < x < 3 และ -8 < y < 2
จ. a < x + 2y < b
ฉ. a < x - 2y < b
ช. a < xy < b
ซ.
x
a b
y
< <
21. 21
3. สมการพหุนามตัวแปรเดียว
3.1 การแยกตัวประกอบพหุนามตัวแปรเดียวดีกรีสอง
พหุนามตัวแปรเดียวดีกรีสอง คือพหุนามในรูป 2
ax bx c+ + เมื่อ a,b,c คือคาคงที่ โดย
ที่ 0a ≠ และ x คือตัวแปร การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คือ การเขียนพหุนามดีกรี
สองในรูปผลคูณของพหุนามที่มีดีกรีต่ํากวาตั้งแตสองพหุนามขึ้นไป แยกเปนกรณีการแยกตัว
ประกอบไดดังนี้
กรณีที่ 1 – ใชวิธีการดึงตัวประกอบรวม ( 2
ax bx c+ + และ c=0)
สมการพหุนามจะเหลือเปน
2
( )ax bx x ax b+ = + ดึงตัวรวม x ออกมา เชน
2
3 4 (3 4)x x x x+ = +
2
2 14 2 ( 7)x x x x− + = − − เปนตน
กรณีที่ 2 – ใชวิธีการผลตางกําลังสอง ( 2
ax bx c+ + , b=0 และ c<0)
สมการพหุนามจะเหลือเปน 2
ax c+ และใชสูตร 2 2
( )( )A B A B A B− = − +
ตัวอยางเชน
2 2 2
100 10 ( 10)( 10)x x x x− = − = − +
2 2 2
25 144 (5 ) 12 (5 12)(5 12)x x x x− = − = − +
2 2 2 2
48 75 3(16 25) 3((4 ) 5 ) 3(4 5)(4 5)x x x x x− = − = − = − +
เปนตน
กรณีที่ 3 – ใชวิธีการแจกแจงการแยกตัวประกอบ ( 2
ax bx c+ + a,b,c ≠ 0)
-ถา a=1 พหุนามเขียนในรูป 2
x bx c+ + แยกตัวประกอบไดเปน(x+m)(x+n)
(x)(x) = 2
x
(n)(x)+(m)(x) = bx
(m)(n)= c เชน
2
12 ( 3)( 4)x x x x− − = + −
22. 22
2
3 2 ( 1)( 2)x x x x− + = − −
2
4 4 ( 2)( 2)x x x x+ + = + + เปนตน
-ถา a≠ 1 พหุนามเขียนในรูป 2
ax bx c+ + แยกตัวประกอบไดเปน(kx+m)(px+n)
(kx)(px) = 2
ax
(n)(kx)+(m)(px) = bx
(m)(n)= c เชน
2
2 5 3 (2 1)( 3)x x x x− − = + −
2
6 13 5 (3 1)(2 5)x x x x+ − = − +
2
16 24 9 (4 3)(4 3)x x x x+ + = + + เปนตน
กรณีที่ 4 – ใชวิธีทําใหเปนกําลังสองสมบูรณ( 2
ax bx c+ + a,b,c ≠ 0)
โดยสูตรกําลังสองสมบูรณ คือ
2 2 2
( ) 2A B A AB B+ = + + และ
2 2 2
( ) 2A B A AB B− = − + เชน
2 2
2 2
2
2 2
2 8 [ 2( )(1) (1)] 1 8
2( )(1) (1) ] 1 8
( 1) 9
( 1) 3
( 1 3)( 1 3)
( 4)( 2)
x x x x
x x
x
x
x x
x x
+ − = + + − −
= [ + + − −
= + −
= + −
= + + + −
= + −
หรือ
23. 23
2 2
2
2 2
2
2 2
9 5
2 9 5 2[ ]
2 2
9 81 81 5
2[ 2( )( ) ( ) ]
4 16 16 2
9 9 81 5
2( )( ) ( ) ]
4 4 16 2
9 121
2[( ) ]
4 16
9 11
2[( ) ( ) ]
4 4
x x x x
x x
x x
x
x
− − = − −
= − + − −
= 2[ − + − −
= − −
= − −
9 11 9 11
2( )( )
4 4 4 4
1
2( )( 5)
2
(2 1)( 5)
x x
x x
x x
= − + − −
= + −
= + −
เปนตน
54. 54
3.5 การแกสมการที่อยูในรูปคาสัมบูรณ
คาสัมบูรณของจํานวนจริง a เขียนแทนดวยสัญลักษณ a โดยมีความหมายคือ
a เมื่อ 0a >
a = 0 เมื่อ 0a =
a− เมื่อ 0a <
ตัวอยาง เชน
1. 3 3= เพราะ 3>0 [ ]a a=
2. 3 3− = เพราะ -3<0 [ ]a a= −
3. 0 0= ……………เปนตน
สมบัติของคาสัมบูรณ
ให ,a b R∈
1) 0a ≥ 5)
aa
b b
= เมื่อ 0b ≠
2) a a≥ 6)
2 2
a a=
3) a a= − 7) a b a b+ ≤ +
4) ab a b= 8) a b a b− ≥ −
55. 55
หลักในการแกสมการที่ติดคาสัมบูรณ คือ ตองทําใหคาสัมบูรณนั้นหายไป โดยอาศัยนิยาม
ของคาสัมบูรณ มีหลักดังนี้
[( ) ( )]x a x a x a= → = ∨ = −
ตัวอยาง เชน
1. จงแกสมการ 3 4x + =
วิธีทํา
3 4x + =
3 4
4 3
1
x
x
x
+ =
= −
∴ =
3 4
4 3
7
x
x
x
+ = −
= − −
∴ = −
1x∴ = หรือ -7
2. จงแกสมการ
1
4
2
x
x
+
=
−
วิธีทํา
2x ≠
1
4
2
x
x
+
=
−
1
4
2
x
x
+
= −
−
1 4( 2)
1 4 8
3 9
3
x x
x x
x
x
+ = −
+ = −
=
∴ =
1 4( 2)
1 4 8
5 7
7
5
x x
x x
x
x
+ = − −
+ = − +
=
∴ =
3x = หรือ
7
5
x =
1
4
2
x
x
+
=
−
56. 56
3. จงแกสมการ
2
3 1 1x x− + =
วิธีทํา
4. จงแกสมการ 3 2 1 5x x+ + − =
วิธีทํา
1) พิจารณาคา x ที่เปนคาวิกฤตจากสมการโจทย
2
3 1 1x x− + =
2
3 1 1x x− + = 2
3 1 1x x− + = −
2
3 0
( 3) 0
0, 3
x x
x x
x
− =
− =
∴ = −
2
3 2 0
( 2)( 1) 0
2,1
x x
x x
x
− + =
− − =
∴ =
0, 3,2,1x∴ = −
3 2 1 5x x+ + − =
3 0
3
x
x
+ =
∴ = −
2 1 0
1
2
x
x
− =
∴ =
57. 57
2) นําคาวิกฤต 2 คาของ x มาเขียนบนเสนจํานวน จะแบงคา x ไดเปน 3 ชวงดังนี้
3) พิจารณาคา x ในแตละชวง แลวหาคําตอบของสมการ
•
•1
2
3
1
2
3−
ชวง 1 3x→ < −
ชวง 2
1
2
x→ − 3≤ < ชวง 3
1
2
x→ ≥
3 2 1 5
[ ( 3)] [ (2 1)] 5
3 2 1 5
3 7
7
3
x x
x x
x x
x
x
+ + − =
− + + − − =
− − − + =
− =
−
∴ =
3 2 1 5
( 3) [ (2 1)] 5
3 2 1 5
1
1
x x
x x
x x
x
x
+ + − =
+ + − − =
+ − + =
− =
∴ = −
3 2 1 5
( 3) (2 1) 5
3 2 1 5
3 3
1
x x
x x
x x
x
x
+ + − =
+ + − =
+ + − =
=
∴ =
7
( 3) ( )
3
x x
−
< − ∧ =
1
( 3 ) ( 1)
2
x x− ≤ < ∧ = −
1
( ) ( 1)
2
x x≥ ∧ =
1x = −x∈∅ 1x =
1,1x = −
58. 58
5. จงแกสมการ
2
3 1 2 3x x x− + − − =
วิธีทํา
1) จากสมการ……………
2
3 1 2 3x x x− + − − =
3 1 ( 2)( 1) 3
3 1 2 1 3
x x x
x x x
− + − + =
∴ − + − + =
2) พิจารณาคาวิกฤติของ x
3) นําคาวิกฤต 3 คาของ x มาเขียนบนเสนจํานวน จะแบงคา x ไดเปน 4 ชวงดังนี้
4) พิจารณาคา x ในแตละชวง แลวหาคําตอบของสมการ
3 1 2 1 3x x x− + − + =
3 1 0
1
3
x
x
− =
∴ =
2 0
2
x
x
− =
∴ =
1 0
1
x
x
+ =
∴ = −
•
•1
2
3
1
3
1− 2
•
4
59. 59
ชวง 1 1x→ < −
2
2
2
3 1 2 1 3
(3 1) [ ( 2)][ ( 1)] 3
3 1 ( 2)( 1) 3
3 1 2 3
4 4 0
( 4) ( 4) 4(1)( 4)
2(1)
4 16 16
2
4 4 2
2
2 2 2
x x x
x x x
x x x
x x x
x x
x
x
x
x
− + − + =
− − + − − − + =
− + + − + =
− + + − − =
− − =
− − ± − − −
=
± +
=
±
=
∴ = ±
( 1) ( 2 2 2)x x< − ∧ = ±
x∈∅
ชวง 2
1
3
x→ −1≤ <
2
2
2
3 1 2 1 3
(3 1) [ ( 2)][( 1)] 3
3 1 ( 2)( 1) 3
3 1 ( 2) 3
3 1 2 3
2 0
( 2) 0
0, 2
x x x
x x x
x x x
x x x
x x x
x x
x x
x
− + − + =
− − + − − + =
− + − − + =
− + − − − =
− + − + + =
+ =
+ =
∴ = −
1
( 1 ) ( 0, 2)
3
x x− ≤ < ∧ = −
0x =
60. 60
ชวง 3
1
2
3
x→ ≤ <
2
2
2
2
3 1 2 1 3
(3 1) [ ( 2)]( 1) 3
3 1 ( 2)( 1) 3
3 1 ( 2) 3
3 1 2 3
4 2 0
( 4) ( 4) 4(1)(2)
2(1)
4 16 8
2
4 2 2
2
2 2
x x x
x x x
x x x
x x x
x x x
x x
x
x
x
x
− + − + =
− + − − + =
− − − + =
− − − − =
− − + + =
− + =
− − ± − −
=
± −
=
±
=
∴ = ±
1
( 2) ( 2 2)
3
x x≤ < ∧ = ±
2 2x = −
ชวง 4 2x→ ≥
2
2
2
3 1 2 1 3
(3 1) ( 2)( 1) 3
3 1 2 3
2 6 0
2 2 4(1)( 6)
2(1)
2 4 24
2
2 28
2
2 2 7
2
1 7
x x x
x x x
x x x
x x
x
x
x
x
x
− + − + =
− + − + =
− + − − =
+ − =
− ± − −
=
− ± +
=
− ±
=
− ±
=
∴ = − ±
( 2) ( 1 7)x x≥ ∧ = − ±
x∈∅
61. 61
5) คําตอบของสมการคือ
( ) ( 0) ( 2 2) ( )x x x x∉∅ ∨ = ∨ = − ∨ ∉∅
0,2 2x = −
6. จงแกสมการ 3 1 11 2x x+ = −
วิธีทํา
2 2
2 2
2 2
3 1 11 2
3 1 11 2
(3 1) (11 2 )
(3 1) (11 2 ) 0
[(3 1) (11 2 )][(3 1) (11 2 )] 0
(3 1 11 2 )(3 1 11 2 ) 0
(5 10)( 12) 0
( 2)( 12) 0
2, 12
x x
x x
x x
x x
x x x x
x x x x
x x
x x
x
+ = −
+ = −
+ = −
+ − − =
+ − − + + − =
+ − + + + − =
− + =
− + =
∴ = −
3.6 การแกสมการที่อยูในรูปรากที่สอง
หลักในการแกสมการรูปแบบนี้ คือ
1) ทําใหเครื่องหมายรากที่สองหายไป โดยการยกกําลังสองสมการ แลวแกสมการหาคําตอบ
ของตัวแปร ตามหลักการดังนี้
2
( ) , 0a a a= ≥
ขอสังเกต
2
2 2
( )
a a a R
a a
= , ∈
∴ ≠
74. 74
-ชวง a x b< < หรือ ( , )a b
a b
-ชวง a x b≤ < หรือ [ , )a b
a b
-ชวง a x b< ≤ หรือ ( , ]a b
a b
-ชวง a x b≤ ≤ หรือ [ , ]a b
a b
ตัวอยาง การหาคําตอบของชวงของจํานวนจริง เชน
1. จงหาชวงที่เกิดจาก [2,5) (3,7]∪
วิธีทํา หาคําตอบจากเสนจํานวน
2. จงหาชวงที่เกิดจาก ( ,9) (3,12]−∞ ∩
วิธีทํา หาคําตอบจากเสนจํานวน
•
32 5 7
[2,5)
•
(3,7]
• •
[2,5) (3,7] [2,7]∪ =
92. 92
4) เซตคําตอบของอสมการ คือ
(2 1) 2 ( 2)
2 1 2 2
1 2
3 1
1
3
x x
x x
x x
x
x
− − + < +
− + + < +
< +
>
∴ >
ชวง 2
1
2
x→ − 2 ≤ <
1 1
( 2 ) ( )
2 3
x x− ≤ < ∩ >
1 1
( , )
3 2
x∈
(2 1) 2 ( 2)
2 1 2 2
2 1
1
x x
x x
x x
x
− + < +
− + < +
− <
∴ <
ชวง 3
1
2
x→ ≥
1
( ) ( 1)
2
x x≥ ∩ <
1
[ ,1)
2
x∈
x∈∅ หรือ
1 1
( , )
3 2
x∈ หรือ
1
[ ,1)
2
x∈
1 1 1
( , ) [ ,1)
3 2 2
x∈ ∪
1
( ,1)
3
x∈
93. 93
7. จงแกอสมการ 1
5
x
x
<
−
วิธีทํา
1
5
1 0
5
( 5)
0
5
5
0
5
5
0
5
1
0
5
x
x
x
x
x x
x
x x
x
x
x
<
−
− <
−
− −
<
−
− +
<
−
<
−
∴ <
−
แปลงอสมการ เขียนเงื่อนไข…............ 5 0, 5, 5x x x− < ≠ ≠ −
5, 5, 5
5 5, 5, 5
x x x
x x x
< ≠ ≠ −
∴− < < ≠ ≠ −
( 5,5)x∴ ∈ −